Ch.12 ไร้ทางหนี & แบล็กเมล์ Part 2/2
[น้ำฝน]
Up 100%
________________________________________
พี่หมอหยุดแรงโหมลง ขยับมาค้ำร่างเหนือหน้าผมขึ้นไป จ้องตา ยกยิ้มอย่างพอใจ
“รักมันมากใช่ไหม”
“พอเถอะ” ผมไม่ได้ตอบ แต่ร้องหาอิสระให้ตัวเอง
“พอแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
ผมผวาเฮือก ครางออกมาเสียงดังเมื่อพี่หมอกดเข้ามาลึกขึ้น
“ไผ่มันจะรู้สึกยังไงนะ ถ้าเห็นแฟนตัวเองมานอนครางใต้ร่างของคนที่มันเกลียดแบบนี้”
“พอแล้ว..”
พี่หมอขยับแรงขึ้นอีก
“มันต้องคลั่งแน่ ๆ”
"อ๊า..."
ผมครางเสียงหลง เมื่อพี่หมอกระตุ้นเข้าที่จุดอ่อนไหว ขาผมสั่นริก ร่างกายเหมือนถูกเหวี่ยงออกไปนอกจักรวาล แต่เพียงไม่นานพี่หมอก็ดึงผมกลับมาที่เดิม หัวเราะพอใจในลำคอ โหมแรงลงมาอีกครั้งและอีกครั้ง
ผมนอนสิ้นไร้เรี่ยวแรงกระดิกกระเดี้ยไม่ได้อีกระลอกโดยมีร่างสูงยืนจัดระเบียบชุดอยู่ไม่ห่าง พี่หมอหยิบเสื้อผ้าผมโยนมาให้ ผมพยุงร่างสั่น ๆ ลุกนั่ง สวมใส่เสื้อผ้า พอเรียบร้อยพี่หมอก็เปิดประตูก้าวออกจากห้องไป ผมกำผ้าห่มแน่น ทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง
เมื่อไหร่ เรื่องแบบนี้จะสิ้นสุดลงสักที
ผมสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อรู้สึกถึงแรงยุบข้างเตียง ผมลืมตามองด้วยความตระหนก หัวใจเต้นแรงหวาดระแวงว่าคนคนนั้นจะเป็นพี่หมออีก ก่อนเบาใจลงเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“ไผ่…”
“โทษที ทำให้ตื่น หลับต่อเถอะ”
ผมกวาดมองไปรอบ ๆ
“เพิ่งกลับมาเหรอ”
“อื้อ”
ผมเม้มปากนิด ๆ
“พี่ฟ้าล่ะ”
ไม่รู้ผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าพี่หมอกลับไปแล้วรึยังด้วย
“อยู่ข้างล่างกับแม่บ้าน”
กำลังจะขยับปากถามถึงพี่หมอ แต่ถ้ามันไม่พูดถึงแบบนี้ ก็น่าจะแปลว่าพี่หมอกลับไปแล้ว
มันจัดท่านอนของตัวเองดี ๆ ผมขยับเข้าไปชิด จับมือมันไว้ มันหันมามอง พลิกตัวตะแคงข้างขยับเข้ามากอดผมไว้
“ยังกลัวอยู่เหรอ”
มันถามเสียงเบา ผมไม่ตอบ มุดหน้ากับอกมัน มันลูบหัวผมเบา ๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ กูอยู่นี่แล้ว”
ถึงมันไม่พูด แต่แค่มีมันอยู่เคียงข้างแบบนี้ ผมก็รู้สึกปลอดภัยแล้วจริง ๆ ผมปิดเปลือกตาลง ปล่อยให้สติค่อย ๆ จางหายไปอีกรอบ
รุ่งขึ้นผมต้องหยุดเรียนต่ออีกวันเพราะยังทรง ๆ ทรุด ๆ อยู่ ผมกำชับให้ไผ่รีบกลับมาเร็ว ๆ เพราะผมกลัวจริง ๆ ว่าตอนเย็นพี่หมอจะแอบมาหาอีก วันนี้ผมทำได้แค่นั่ง ๆ นอน ๆ หลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่เหมือนเดิม แต่อาการก็ดีขึ้นเป็นลำดับแล้ว
ถ้าไม่โดนซ้ำอีก ผมว่าพรุ่งนี้ผมไปโรงเรียนได้แน่ ๆ
พอเลิกเรียนไผ่มันก็รีบบึ่งมาอยู่เป็นเพื่อนผมทันที ผมลุ้นตั้งแต่เย็นจนถึงเวลาเข้านอน ยังดีที่พี่หมอไม่โผล่ และเบาใจที่มีไผ่อยู่ด้วยตลอด
รุ่งขึ้นผมก็ไปโรงเรียนกับไผ่ มันยอมทิ้งลูกชายมันไว้ที่บ้านเพื่อนั่งแท็กซี่ไปโรงเรียนกับผม พวกเพื่อน ๆ ดีใจใหญ่ คนอื่นที่รู้ข่าวก็พากันมารุมล้อมสอบถาม ผมเอาใบรับรองแพทย์ที่พี่ฟ้าขอไว้ไปให้ฝ่ายปกครองด้วย
กลัวอยู่เหมือนกันว่าพี่หมอจะโดดมาหาพี่ฟ้าตอนที่ผมไม่อยู่ แต่ผมทำได้มากสุดแค่กำชับให้แม่บ้านอยู่เป็นเพื่อนพี่ฟ้าเท่านั้น
………
……
…
.
“อย่า!!!”
ผมทะลึ่งพรวดผวาลุกขึ้นนั่ง สองมือกำผ้าห่มแน่น ดวงตาเบิกกว้าง หอบหายใจแรงจนหน้าอกไหวกระเพื่อม ผมรีบกวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่
ความฝัน…
เพราะไม่มีพี่หมออยู่ที่นี่ รอบด้านมีเพียงความมืดเท่านั้น ผมค่อย ๆ ยกเข่าขึ้นมาตั้งศอก เสยผมไปด้านหลัง มันเปียกชื้นไปหมด
ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว ที่ผมต้องจมอยู่กับความหวาดระแวง หวาดผวากลัวว่าพี่หมอจะโผล่มาทำร้ายอีก แต่ถึงตัวจะไม่มา พี่หมอก็ยังตามเข้ามาทำร้ายผมถึงในฝัน ไผ่กลับไปนอนบ้านหลายวันแล้ว หลังจากอาการผมดีขึ้น
ผมไม่รู้ว่าพี่หมอยอมแพ้ไปแล้ว หรือว่าไม่ว่างจะมากันแน่ แต่ผมภาวนาให้พี่หมอรู้สึกผิด และไม่คิดจะหวนกลับคืนมาอีก
………
……
…
.
สองอาทิตย์ผ่านไป แผลที่ข้อมือผมก็หายสนิท เหลือรอยแผลเป็นไว้นิดหน่อย ตอนนี้ทาครีมอยู่ ส่วนอื่น ๆ ในร่างกายก็หายดีแล้วเหมือนกัน ความหวาดกลัวที่มีต่อพี่หมอก็ลดน้อยถอยลงไปด้วยเพราะรายนั้นไม่โผล่มาให้เห็นอีกเลย ไม่โผล่มาหาพี่ฟ้าด้วย
ทุกอย่างคงจบลงแล้ว
………
……
…
.
“เจอกันวันจันทร์”
ผมโบกมือลาเพื่อน ๆ ที่ต่างแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมของตัวเอง วันนี้วันศุกร์ครับ วันแรดแห่งชาติ ปกติถ้าไม่แยกย้ายกันไปทำสิ่งที่อยากทำก็จะนัดสังสรรค์กัน แต่อย่างหลังนี่จะนาน ๆ ทีทำที วันนี้วันแว้นของไผ่มันด้วย จริง ๆ จะรอแว้นวันเสาร์อาทิตย์ก็ได้ แต่มันเก็บกดมาแล้วตั้งแต่วันจันทร์ วันศุกร์มันเลยขอตะลอนหน่อย
ผมกระชับกระเป๋าถือแน่น เดินตรงไปยังริมถนนเพื่อเรียกแท็กซี่กลับบ้าน เห็นแท็กซี่สีเหลืองสภาพใหม่ขึ้นป้ายว่าว่างตัวแดงหรา ผมรีบขยับไปชิดขอบถนน ยกมือกำลังจะโบก แต่มีรถสีดำคันหนึ่งวิ่งปราดเข้ามาจอดตัดหน้า ผมลดมือลง มองรถคันนั้นงง ๆ
เสียมารยาทจัง ไม่เห็นรึไงว่าคนกำลังจะโบกแท็กซี่ ผมก้มมองนิด ๆ แต่ไม่เห็นคนขับครับ เพราะฟิล์มค่อนข้างมืด
รึจะมาถามทาง?
แล้วกระจกสีมืดนั้นก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวต่ำลงเรื่อย ๆ จนเผยให้เห็นใบหน้าของคนขับได้ชัด ๆ ผมเบิกตากว้าง เผลอตัวก้าวถอยไปด้านหลัง
พี่หมอ…
“ขึ้นมาสิ จะไปส่ง”
ผมส่ายหัวพรืด ขยับวิ่งไปโบกแท็กซี่ที่ขับเข้ามาจอดเทียบรอคนพอดี ผมรีบเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่ง รัวปากบอกปลายทาง หัวใจเต้นแรง ความกลัวเคลือบไปทั่วจนมือเท้าเย็นไปหมด
ผมหันไปมองด้านหลัง รถคันนั้นยังจอดอยู่ที่เดิม ผมหันกลับมานั่งนิ่ง ๆ อีกครั้ง ตามองตรง เหงื่อกาฬซึมไปทั่วทั้งหน้าผาก พี่แท็กซี่หมุนเปลี่ยนคลื่นวิทยุจากเพลงลูกทุ่งมาเป็นเพลงวัยรุ่น คงหวังเอาใจผู้โดยสาร ผมพยายามผ่อนลมหายใจให้เบาที่สุด พิงหลังกับพนัก เพลงที่พี่แท็กซี่เปิด ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายได้ไม่น้อย
ผมสะดุ้งโหยงเพราะเสียงเมสเสจจากมือถือ ผมรีบล้วงหยิบมาเปิดดู เป็นข้อความครับ จากเบอร์ไม่รู้จัก ผมกดเข้าไปอ่าน
‘ลงจากรถคันนั้น แล้วมาขึ้นรถคันนี้ เดี๋ยวนี้’
ไม่ต้องเดาเลยว่าใครส่งมา เป็นคำสั่งที่เอาแต่ใจสุด ๆ ผมไม่สนใจ กดลบข้อความนั้น นั่งนิ่ง ๆ เหมือนเดิม มองตรงไปด้านหน้า รถยังติดไฟแดงอยู่ หันมองไปด้านหลัง ยังเห็นรถคันนั้นจอดอยู่ที่เดิม ผมหันกลับมามองไฟแดงอีกรอบ
อีกไม่นานก็กลับถึงบ้านแล้ว
ได้ยินเสียงข้อความดังขึ้นอีก ผมชั่งใจว่าจะอ่านหรือไม่อ่านดี แต่ก็จำต้องเปิดอ่าน คราวนี้เป็นข้อความภาพ ใช้เวลาโหลดไม่นาน ภาพก็ปรากฏ
หัวใจผมหล่นไปอยู่แทบเท้า เพราะภาพนั้นเป็นภาพของผมเอง ในสภาพเปลือยเปล่า และถูกบางสิ่งสอดใส่เข้ามา ผมรีบกดลบทันที แล้วข้อความใหม่ก็ส่งเข้ามาอีก
‘ให้เวลาสิบนาที ถ้าไม่ลงจากรถคันนั้น ฉันจะส่งภาพนี้ไปให้ไผ่ หรือไม่ก็พี่สาวนาย หรือไม่ก็อาจเป็นอินเตอร์เน็ต’
ไฟเขียวพอดี ผมรีบบอกให้พี่แท็กซี่จอด พี่แกทำหน้างง แต่พอเห็นสีหน้าร้อนรนของผม ก็รีบตบไฟเลี้ยว ชิดซ้ายเข้าข้างทางให้ ผมรีบล้วงหยิบเงินมาจ่าย วิ่งข้ามทางม้าลายผ่านสี่แยกไฟแดงตรงกลับไปที่หน้าโรงเรียน ใช้เวลาไม่เกินสิบนาทีผมก็มายืนหอบจนตัวโยนอยู่ข้าง ๆ รถสีดำคันเดิม กระจกยังเปิดค้างไว้ พี่หมอหันมายิ้มเยาะใส่ โน้มตัวมาเปิดประตูให้ ผมจำต้องก้าวขึ้นไปนั่ง
“ลบภาพนั้นทิ้งไป”
ผมหันไปบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง พี่หมอหันมามอง ไม่พูดอะไร กดเลื่อนกระจกฝั่งผมขึ้น เข้าเกียร์ ขับเคลื่อนตัวรถออกไปจากจุดนั้น
พี่หมอไม่ได้ขับรถไปส่งผมที่บ้านอย่างที่บอก แต่ขับไปบ้านพี่หมอเอง หรือบ้านไผ่นั่นแหละ
“พี่หมอ!”
ผมหันไปมองหน้าตื่น ถึงจะรู้ว่าไผ่มันไปร่อน แต่ถ้าบังเอิญมันกลับมาเร็วแล้วเจอผมล่ะ จะทำยังไง
พี่หมอไม่พูดอะไร เปิดประตูก้าวลงจากรถไป ผมนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ถ้านั่งอยู่ตรงนี้ต่อไปเรื่อย ๆ คงหายใจไม่ออกตายแน่ ๆ ผมตัดสินใจก้าวลงจากรถ มองซ้ายมองขวา กอดกระเป๋านักเรียนแน่น ก้าวเข้าบ้าน หิ้วรองเท้าติดตัวไปด้วย เพื่อไม่ให้ไผ่เห็น เดินขึ้นชั้นสอง ปกติผมต้องเดินเลยเพื่อไปห้องของไผ่ แต่วันนี้ผมต้องหยุดเร็วกว่าปกติ ผมเคาะประตูเบา ๆ คนภายในก็เปิดให้ พี่หมอยกยิ้มนิด ๆ กับสภาพของผม
“ลบภาพนั้นเดี๋ยวนี้”
ผมบอกทั้งที่ในอ้อมแขนยังกอดกระเป๋านักเรียนแน่น ในมือหิ้วรองเท้านักเรียนไว้
“ลบเองสิ”
พี่หมอพยักหน้าไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่กลางเตียง ผมรีบวางรองเท้ากับกระเป๋าไว้ที่พื้นแถว ๆ หน้าประตู ก้าวตรงไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากด เปิดเช็กภาพดูแล้วแทบจะเป็นลม เพราะในนั้นมีภาพผมอยู่อีกหลายใบ ซึ่งถ้าจำไม่ผิด คงเป็นภาพวันสุดท้ายที่พี่หมอมาทำร้ายผม
ผมไม่รู้ว่าพี่หมอแอบถ่ายไว้ตอนไหน แต่ทุกภาพเห็นหน้าผมได้ชัดเจนเลย ผมรีบกดเลือกภาพของผมทั้งหมด กำลังจะกด Delete แต่อยู่ ๆ มือถือก็หลุดหายไป ผมหันไปมองคนทำ พี่หมอยิ้มเย็นอยู่ข้าง ๆ มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ชุดนี้ไม่ค่อยเร้าใจเท่าไหร่แฮะ” พูดจบก็หย่อนมือถือใส่กระเป๋ากางเกง กระชากเสื้อนักเรียนผมแรงจนกระดุมขาด สาบเสื้อแยกกว้าง ผมยืนตะลึง
พอได้สติ ผมรีบก้าวถอยไปด้านหลัง แต่เพราะผมยืนชิดขอบเตียงไปแล้ว ขยับแค่ก้าวเดียวผมก็เสียหลักล้มลงไปนอนหงายอยู่บนเตียงผมรีบกระเถิบถอยไปด้านหลัง พี่หมอยกยิ้ม เอียงคอคลายเนกไทออกอย่างใจเย็น ผมรีบโดดลงจากเตียง วิ่งพรวดพุ่งตรงหวังออกนอกประตู
แต่วงแขนแกร่งก็เกี่ยวตัวผมเอาไว้ได้ ผมดิ้นสุดแรงเกิด พี่หมอจับผมพลิกหันหลัง ดันจนอกแอ่น มัดสองข้อมือผมไว้ด้วยเนกไท ผลักผมลงไปนอนบนเตียงอีกรอบ ผมมองคนตรงหน้าด้วยสายตาหวาดกลัว
“พี่หมอ อย่าทำแบบนี้เลยนะ ผมขอร้อง”
ผมร้องขอเสียงเครือ หวังให้อีกคนเห็นใจ พี่หมอยืนมองนิ่ง ๆ คลี่ปลดกระดุมเสื้อออกจากกันช้า ๆ ผมตาคลอ ส่ายหน้าไปมาแรง
“ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรผมเลย” ผมพยายามกระเถิบถอยหนี พี่หมอไม่พูดอะไรอยู่เหมือนเดิม คลี่ปลดเข็มขัด รูปซิปกางเกง
“พี่หมอ” น้ำตาผมร่วงเผาะ “อย่านะ…”
พี่หมอยกยิ้ม ล้วงหยิบซองสี่เหลี่ยมสีเงินมาฉีกด้วยปาก ผมไม่อยู่มอง ตัดสินใจเสี่ยงหนีอีกรอบ โดดลงจากเตียง วิ่งอ้อมหวังพุ่งตรงออกนอกประตู
แต่ความหวังผมก็หมดลงเมื่อวงแขนแกร่งเกี่ยวเอวผมไว้อีกรอบ ดันผมลงไปนอนบนเตียง กระชากปราการด่านสุดท้ายผมทิ้งไป ผมพยายามดิ้นรนขัดขืน ก่อนใจหายวูบเมื่อพี่หมอจับสองขาผมพาดท่อนแขนไว้
“พี่หมอ!!”
ผมแหกปากลั่น และเมื่อนั้นเอง ความเจ็บปวดที่ผมคิดว่าจะไม่ได้เจออีกแล้วก็หวนกลับคืนมาอีกครั้ง
ไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีความปราณี ยิ่งหนี ยิ่งดิ้นรน ก็ยิ่งเจ็บ สิ่งที่ผมทำได้มีแค่ผ่อนคลาย ปล่อยร่างกายไปตามกระแสรุนแรงที่โหมลงมาไม่หยุดเท่านั้น
ผมหอบหายใจไร้จังหวะ สองมือผมถูกคลายเนกไทออกแล้ว และตอนนี้ ผมกำลังใช้มันขยุ้มที่นอนไว้รับแรงอารมณ์ที่ยังโหมลงมาไม่หยุด หน้าผมแนบสนิทไปกับที่นอน ปากครางอย่างทรมาน คราบน้ำตาเลอะไปหมด แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ได้ทำให้คนด้านหลังหยุดการกระทำเลวร้ายลงแม้แต่น้อย และดูเหมือนยิ่งผมแสดงความทรมานออกมามากเท่าไหร่ เขาจะยิ่งสุขสมมากขึ้นเท่านั้น
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น มันตกอยู่ข้างเตียง พี่หมอก้มหยิบมายื่นให้ คนที่โทรมาเป็นพี่ฟ้า ผมร้องขอให้พี่หมอหยุด แต่พี่หมอไม่หยุด ผมไม่ได้รับสาย ปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น จนมันเงียบไป แล้วสายใหม่ก็ดังขึ้นมาอีก
“พี่หมอ หยุด”
ผมร้องขอ พี่หมอยุ้มผมด้านหลังผมไว้ ก้มงับหูเบา ๆ
“ก็รับไปสิ พี่นายเป็นห่วงอยู่นะ”
ผมปล่อยให้เสียงมันดังอยู่อย่างนั้น จนได้ยินเสียงรถของไผ่ดังเข้ามาภายในบ้าน เสียงรอสายของผมเป็นเอกลักษณ์ขนาดนี้ ถ้าไผ่ได้ยินต้องสงสัยแน่ ๆ ผมรีบคว้ามากดรับทันที
“พี่ฟ้า”
ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด แต่คนด้านหลังไม่ให้ความร่วมมือเลย
“อยู่ไหน ทำไมยังกลับบ้านอีก”
“โทษที มาบ้านเพื่อนน่ะ คงกลับดึกหน่อย”
“โทรบอกกันหน่อยก็ไม่ได้ คนยิ่งเป็นห่วง ๆ อยู่” พี่ฟ้าต่อว่างอน ๆ
“อ๊ะ!” พี่หมอกระแทกแรงขึ้นจนผมเผลอครางออกมาเสียงดัง
“เป็นอะไร” พี่ฟ้าถามเสียงตื่น
“ปะ เปล่า ไม่มีอะไร แค่ทำของตก แค่นี้ก่อนนะ”
ผมรีบตัดบท กดตัดสาย กำหมัดแน่นหวังต่อยคนด้านหลัง แต่ดูเหมือนพี่หมอจะเดาทางออกรับหมัดผมไว้ได้ จับผมพลิกหันไปเผชิญหน้าทั้งที่ยังสอดผสาน ผมร้องเสียงหลง
“ตื่นเต้นดีใช่ไหม”
พี่หมอก้มถาม ผมมองตาขวาง พี่หมอยกยิ้ม เคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง ถึงผมไม่อยากจะคราง แต่ร่างกายที่ถูกกระตุ้นก็ทำเอาผมไม่อาจกักเก็บเสียงเอาไว้ได้ ได้ยินเสียงไผ่วิ่งตุบ ๆ ขึ้นบันไดมา ผมเบิกตากว้าง กัดฟันแน่นไม่ยอมเปล่งเสียงอะไรออกมาอีก แต่พี่หมอยังแกล้งผมไม่หยุด กระแทกร่างเข้ามาแรงขึ้นจนผมเผลอหลุดปากครางออกมา
“พอ…”
ผมพยายามห้ามปราม แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ พี่หมอรุนแรงจนผมรู้สึกเจ็บ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียวซ่านจนต้องหลุดครางออกมาระลอกแล้วระลอกเล่า ยิ่งรู้ว่าเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเครียดเข้าไปใหญ่ ผมตะครุบปากไว้ด้วยสองมือ หวังอุดไม่ให้เสียงมันเล็ดลอด แต่มันเอาไม่อยู่จริง ๆ ครับ
ผมตัดสินใจตวัดวงแขนโอบรอบลำคอพี่หมอไว้ อ้าปากงับบ่ากว้างหวังหยุดทั้งเสียงและความรู้สึกซาบซ่านที่มีมากจนเกินปกติลง พี่หมอเร่งจังหวะเร็วขึ้นกระทั่งมุ่งตรงไปถึงปลายทาง
ผมบอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร นรกที่แสนสุขหรือสวรรค์ที่ทุกข์ทรมาน ร่างผมสั่นเทาในอ้อมแขนแกร่งของคนที่กำลังหอบหนักจนตัวโยน เหงื่อชื้นไหลอาบไปทั่วทั้งร่าง
ในที่สุด พี่หมอก็รังแกผมได้สำเร็จ
ผมนอนหมดแรง ดวงตาหรี่ปรือจะหลับมิหลับแหล่ พี่หมอลุกหายเข้าห้องน้ำไปแล้ว ผมเองก็อยากลุก แต่ไม่มีแรง ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้นมาอีก ผมผวารีบคว้ามากดรับก่อนไผ่จะได้ยินเสียง
“เฮ้ยฝน กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”
มันบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ไม่รอให้ผมตอบรับ มันก็เริ่มต้นเล่าเรื่องที่มันไปผจญมาให้ผมฟังทันที ผมรับฟังไปมือก็ก้มเก็บเสื้อผ้าที่วางเกลื่อนมาสวม
“เป็นไรมึง เสียงดูเหนื่อย ๆ”
“ไม่มีไร กูง่วง แค่นี้ก่อนนะไผ่”
“อืม เดี๋ยวเจอกันที่โรงเรียนวันจันทร์ กูก็จะอาบเหมือนกัน โคตรเหนียวตัว”
ผมกดตัดสาย รีบแต่งตัวดี ๆ กระดุมเสื้อผมขาดหมดแล้ว เดาไม่ออกเลยว่าถ้าไผ่หรือพี่ฟ้าเห็นจะเป็นยังไง
พี่หมอเดินออกมาจากห้องน้ำพอดีในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันเอว ผมไม่สนใจ เดินรวบสาบเสื้อนักเรียนไปหยิบกระเป๋ามาแนบอกปกปิดอีกชั้น หิ้วรองเท้าไว้ในมือ
กำลังจะเปิดประตูก้าวออกจากห้อง แต่นึกอะไรได้ ผมหยุดกึกอยู่กับที่ หันไปหาเจ้าของห้อง
“ลบภาพพวกนั้นออก”
“ได้สิ”
พี่หมอหยิบมือถือมากดลบ แต่เหมือนจะลบไปแค่ภาพเดียว
“ลบทั้งหมด”
พี่หมอเลิกคิ้ว ยิ้มเหมือนพอใจอะไรสักอย่าง
“อันนี้ไม่อยู่ในข้อตกลง ในนี้มีภาพทั้งหมดยี่สิบภาพ ถ้านายทำตามที่ฉันสั่ง ฉันจะลบให้ หนึ่งภาพต่อหนึ่งคำสั่ง”
ผมมองอย่างแค้นเคือง
“สารเลว”
พี่หมอยิ้มรับ
“กลับเองนะ ออกไปก็ระวังหน่อยละกัน เดี๋ยวไผ่จับได้ว่านอกใจมานอนกับฉันที่นี่”
ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ ยืนทำใจอยู่หน้าประตูสักครู่ ก่อนค่อย ๆ เปิดประตูก้าวออกจากห้อง หวังว่าไผ่จะอาบน้ำอยู่อย่างที่มันบอกจริง ๆ ผมรีบก้าวเร็วลงบันได วิ่งออกจากบ้านไปสวมรองเท้า วิ่งตรงออกนอกประตูรั้วไปที่ถนน โบกแท็กซี่ แทรกตัวขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็ว
ผมนั่งกุมหัวอย่างหวาดหวั่น ตอนนี้ผมทรมาน
ทรมานแทบบ้า
เมื่อไหร่ผมจะหลุดพ้นจากขุมนรกขุมนี้สักที
_________________________________
1 รีไพล 1 กำลังใจนะ
_________________________________
ตอนนี้ยากมาก ใช้เวลาปลุกปล้ำกับมันอยู่หลายวัน... แต่เพราะฉันรักคุณนะ ถึงได้พยายามขนาดนี้ (มองคนอ่านตาปริบ ๆ) บอกฉันสักนิดสิ รักกันบ้างไหม...
คนอ่าน : " = =; เชิญรับยาที่ช่อง 3"
คนเขียน :