เร่งกันจริงเร่งกันจังคีย์ไม่ทันแระ
แต่ก็แอบดีใจมากๆ ที่เพื่อนๆ ชอบกันนะ งั้นเอากระจึ๋งแรกไปอ่านก่อนสดๆ ร้อนๆ เลย ส่วนกระจึ๋งหลังจะตามไปนะ
~~เออกูผิด 2...ตอนที่ 22~~“ หมอครับ ผมไม่นอนนี่ไม่ได้เหรอครับ ” หลังจากถูกพยาบาลพาไปปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้อายต่อสายตาสาวๆ แล้วผมก็กลับมาอ้อนวอนหมอเพื่อขอกลับไปพักที่บ้าน
“ ผู้ป่วยที่ดีต้องเชื่อฟังหมอนะครับ ร่างกายคุณอยู่ในภาวะที่ต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด หากคุณแค่มาตรวจแล้วขอยากลับไปกิน แล้วเกิดดึกๆ มาคุณมีไข้ขึ้นสูงจนช๊อคผมว่าเมื่อถึงตอนนั้นถ้าคุณคิดจะมานอนโรงพยาบาลก็คงจะสายไปแล้วล่ะครับ ” คุณหมอหันมาถอดผ้า.....ปิดปากออกจากหน้า
“ แต่ว่าผม ” โอ้หมอหน้าตาดีแหะโรงพยาบาลนี้
“ คุณมีไข้ขึ้นสูงนะครับ แต่คุณก็ยังคุยและโต้ตอบกับหมอได้อย่างรู้เรื่องก็ถือว่าคุณกำลังใจดีมากทีเดียว ถ้าเป็นคนอื่นคงหมดสภาพไปแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่าผมว่าคุณนะทำใจให้สบายเถอะครับ แล้วเดี๋ยวเราไปตรวจร่างกายกันอย่างละเอียดอีกทีดีไหมครับ ”
“ แต่ผมอยากกลับบ้าน ผมไม่อยากนอนโรงพยาบาล ” (แต่อีกใจเริ่มลังเล)
“ พยาบาล ”
“ คะคุณหมอ ”
“ ไปเชิญเจ้าของไข้มาพบผมหน่อย ” นี่หมอฟังที่ผมพูดบ้างไหมเนี้ย
“ ค่ะ ”
“ คุณ ” หมอหนุ่มหันหน้ามาถามผม
“ โจ๊กครับ ผมชื่อโจ๊ก ” ยิ่งพูดเสียงผมยิ่งหายเข้าป่าเข้าดงไปไหนก็ไม่รู้
“ ครับคุณโจ๊ก ตอนนี้ยังมีอาการอยากจะอ้วกอยู่อีกหรือเปล่าครับ ”
“ นิดหน่อยครับ ถ้าได้กินของเปรี้ยวๆ ก็คงจะหาย ”
“ 555+ นี่ถ้าคุณเป็นผู้หญิงหมอคงสันนิฐานล่วงหน้าว่าคนไข้น่าจะมีข่าวดี แต่นี่คุณเป็นผู้ชายคงไม่ใช่เพราะจะมีบุตรแน่ๆ อีกอย่างไอ้อาการที่คนไข้ว่าแค่กินของเปรี้ยวคงจะดีขึ้นนั้นมันก็แค่การช่วยลดอาการพะอืดพะอมชั่วประเดี๋ยวประด๋าวแค่นั้นเองครับ เพราะถ้าการกินของเปรี้ยวแล้วอาการมันหายได้จริงๆ มีหวังหมอคงหมดหน้าที่รักษาเพราะคนไข้สู้เดินไปตลาดหาแม่ค้าขายของเปรี้ยวของดองไม่ดีกว่าเหรอ ^^ ” ไอ้หมอโรคจิต ไอ้หมอปากหมา
ผมรู้สึกอยากจะลุกมาเตะหมอซะให้หายแค้น เห็นคนป่วยเป็นอะไรประชดได้ประชดดีให้กูหายก่อนเถอะมึงเดี๋ยวมีนัดล้างตา
“ ดูทำหน้าเข้าสิ อยากเตะหมอเหรอไงครับ ” ไอ้หมอบ้าเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรมันลอยหน้าลอยตาถามคำถามกวนประสาทผมเห็นๆ
ผมสังเกตอาการและหน้าตาไอ้หมอปากหมาและดูจากการพูดการจาที่เหล่าพยาบาลสาวๆ เม้ากันแล้วก็พอจะทราบได้ว่า ไอ้หมอปากหมานี้ถูกย้ายมาจากโรงพยาบาลอื่น ไม่ใช่เพราะเค้ารักษาไม่ดีหรอกนะครับ แต่เพราะเค้าฝีมือดีจนโรงพยาบลต่างๆ ก็แย่งชิงตัวกันต่างหาก เรียกได้ว่าเป็นหมอหนุ่มฝีมือดีอนาคตไกลที่รูปก็หล่อ พ่อก็รวย แฟนจะสวยหรือเปล่าอันนี้ผมไม่รู้ แต่ที่รู้คือว่ามันเป็นผู้ชายที่มาดดีและปากดีมากๆ เรียกว่าพยาบาลหลงเสน่ห์กันหลายคนเลยทีเดียว
“ หมอค่ะ ญาติผู้ป่วยมาแล้วค่ะ ”
“ นอนรอหมออยู่นี่ก่อนนะครับ อย่าลุกไปเดินเล่นที่ไหนล่ะเดี๋ยวหลง 555+ ” ดูมันไอ้หมอโรคจิต
“ พยาบาล ”
“ ค่ะ ”
“ เตรียม...ไว้ให้ผมด้วย ” กราบขอประทานอภัยอย่างแรงผมไม่เข้าใจไอ้ศัพท์แสงของวงการนี้เค้าหรอกครับว่ามันคืออะไร แล้วไอ้ที่หมอบอกให้พยาบาลเตรียมนั่นเค้าเรียกว่าอะไรผมก็ไม่ทราบครับ ฟังครั้งเดียวแล้วลืมเลยมันจำยากชะมัดผมว่าคนเรียนหมอนี่เก่งมากเลยครับนับถือๆ
“ ค่ะ ”
“ เสร็จแล้ววัด.....แล้วให้...ก่อนจะ...โอเคนะ ” แต่ตูไม่โอเคโวยยยยยยยยย
“ ค่ะคุณหมอ ”
แล้วไอ้หมอปากหมาก็หันมายิ้มให้ผมก่อนจะเดินตัวปลิวออกไปทิ้งให้ผมต้องอยู่เผชิญโลกตามลำพังกับเครื่องมือบ้าบออะไรก็ไม่รู้ที่คุณพยาบาลสาวกำลังจะใส่มาที่ตัวผม
“ พยาบาลครับ ” ผมหันไปจ้องหน้าพยาบาลสลับกับไอ้เครื่องมือที่อยู่บนรถเข็นเล็กๆ ที่พยาบาลกำลังลากมาอยู่ข้างๆ เตียงผม
“ ไม่ต้องกลัวนะคะ ไม่เจ็บค่ะๆ ^0^ ”
“ (ใช่สิมึงอ่ะไม่เจ็บ เพราะไอ้คนที่จะเจ็บอ่ะเป็นกรู อ๊าคคคคคคกูกลัวเข็ม) ” แค่คิดในใจ
ค้างไหม
ผมก็ค้างขอไปเขียนต่อก่อนเดี๋ยวจะเอากลับมาให้ค้างใหม่