ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
ตอนที่ 83
“นั่นไง ฉันบอกแล้วว่าเดี๋ยวพวกมันต้องยกพวกออกไป...ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของพวกนายแล้ว”
เดชวางหูโทรศัพท์ลง จากนั้นก็เอนตัวไปกับพนักพิงอย่างสบายอารมณ์ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนเสียจนหนุ่มใหญ่ฉีกยิ้มกว้าง ฆ่าวัฒน์ได้ แถมยังล่อให้คนของฉัตรออกไปจากบาร์ ทำให้ฝั่งพันธมิตรไปจัดการที่นั่นได้อย่างสะดวกโยธิน ไม่มีอะไรจะน่าดีใจไปกว่านี้แล้ว
ตรู๊ด….
ดวงตาเรียวเลื่อนลงมองมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะนึกแปลกใจ เพราะเขาคิดว่าคนที่ส่งข้อความมานั้นควรจะติดต่อเขาตั้งแต่ตอนที่ระเบิดทำงานแล้ว แต่นี่กลับช้าไปเสียชั่วโมงกว่า ซึ่งถือว่านานจนผิดวิสัย
“ขอโทษครับ พอดีเสียเวลานิดหน่อย ดูท่าเราจะใช้ระเบิดเยอะไป ตึกเลยพังเป็นซากเลย” เสียงทุ้มเอ่ยรายงานขึ้นสลับกับเสียงคอนกรีตกระทบกัน “ดูเหมือนว่าฉัตรจะมากับคุณวัฒน์ด้วยนะครับ”
ได้ยินอีกฝ่ายรายงาน เดชถึงกับเลิกคิ้วสูง จากนั้นก็เพียงแค่เงียบเพื่อรอฟังต่อ และแน่นอนว่านั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขายิ้มออก
“แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ หมอนั่นก็โดนจัดการไปพร้อมกับคุณวัฒน์แล้วล่ะ”
“อย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงของหนุ่มใหญ่ฟังดูคลางแคลงใจขึ้น “แล้วเจอศพมันหรือเปล่า”
“…ตอนนี้ยังครับ แต่ถ้าเจอเมื่อไหร่ผมจะส่งรูปไปให้ดูก็แล้วกัน”
“ก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็จัดการตามแผนก็แล้วกัน” หนุ่มใหญ่สั่งการลูกน้องด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะวางสายไป จากนั้นก็กลับมาสนใจงานที่ต้องสะสางตรงหน้าต่อ พลางนึกกระหยิ่มยิ้มย่องใจต่อความสำเร็จของตน...ในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่สิทธิ์คนเดียวแล้ว และในวันพรุ่งนี้ก็จะมีคนคาบข่าวดีเรื่องการตายของสิทธิ์ ไม่มีอะไรจะน่าดีใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นดังหวังเท่าใดนัก
เสียงเรียกเข้าของมือถือที่ดังขึ้นในยามแปดโมงเช้านั้นปลุกให้คนที่เพิ่งจะนอนได้สามชั่วโมงลุกขึ้นจากเตียง ดวงตาเรียวที่ยังลืมไม่ค่อยจะขึ้นนักเลื่อนมองเบอร์ในสาย และนั่นทำให้ความง่วงนั้นโดนความตื่นตระหนกพัดปลิวไปเสียสิ้น เพราะเบอร์ที่โทรมานั้นเป็นเบอร์ของสิทธิ์
เป็นไปไม่ได้!
แม้จะไม่อยากเชื่อเพียงใด แต่เบอร์ที่ปรากฎอยู่บนจอนั้นก็เป็นเบอร์ของสิทธิ์ไม่ผิดแน่
เดชเลิกคิดให้ปวดหัว ก่อนจะกดรับสาย และนั่นยิ่งทำให้ความหวาดกลัวในใจนั้นฟุ้งขึ้นมา
“อาเดช...”
ทำไมยังรอดได้ล่ะ!
เดชแทบจะหลุดปากออกมาตอนที่ได้ยินเสียงสิทธิ์ในสาย แต่ไม่ว่าจะเพราะเกิดความผิดพลาดขึ้นหรืออย่างไร ตอนนี้เขาก็ได้แต่ตามน้ำไปก่อนเพียงเท่านั้น
“คุณสิทธิ์...เป็นอะไรหรือครับ โทรมาแต่เช้าเลย” เดชเอ่ยเสียงต่ำให้เหมือนคนที่ยังไม่ตื่นดี
ปลายสายที่เงียบไปพักใหญ่นั้นทำให้คนฟังใจคอไม่ดีนัก และมันก็เป็นอย่างที่เขาคาดไว้เสียด้วย
“อาวัฒน์…เขา…” น้ำเสียงทุ้มดังแผ่วเบาและสั่นเครือ “เขาเสียแล้ว…”
“วะ...ว่าไงนะครับ...คุณพูดอะไรของคุณเนี่ย” เดชเอ่ยติดอารมณ์เสีย ทำทีว่าไม่รู้เรื่อง “อย่ามาล้อเล่นแบบนี้สิครับ มันไม่ตลกเลยนะ”
“อาวัฒน์ตายแล้วจริงๆครับ”
คราวนี้เดชเงียบนิ่งไปนาน ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงต่ำ
“เป็นไปไม่ได้...คุณพูดเล่นใช่ไหม...อย่างไอ้วัฒน์เนี่ยนะจะตาย...”
“ผมไม่เอาเรื่องแบบนี้มาพูดเล่นหรอกนะครับ...” สิทธิ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะตามด้วยเสียงสะอื้นราวกับกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป “ผมเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน...จนไปเห็นกับตาตัวเอง...ฮึก”
เดชเว้นช่วงอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ใครเป็นคนทำ...”
“ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ผมให้คนอื่นไปสืบกันอยู่...” หลังจากพยายามห้ามเสียงสะอื้นได้ สิทธิ์ก็ตอบขึ้นมาราวกับหมดเรี่ยวแรง “...ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมพวกเราต้องไปที่ตึกนั่นกันตั้งมากขนาดนั้น”
“นั่นสินะ...” ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างจากอีกฝ่าย “แล้วนี่คุณจะทำยังไงต่อไปละครับ...ลองว่าถ้ากลุ่มอื่นรู้เรื่องที่วัฒน์ตาย มีหวังพวกมันต้องหาเรื่องมาโจมตีเราแน่”
“ผมอยากจะให้อาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ผม” น้ำเสียงที่ฟังดูเหี้ยมขึ้นทำเอาเดชรู้สึกกดดันขึ้นมา “ผมจะไปหาว่าใครเป็นคนฆ่าพวกอาวัฒน์”
เดชเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากตอบรับไป เขารู้ดีว่าอย่างน้อยพวกปาล์มเองก็น่าจะรู้เรื่องที่ตนจับเนกับศาสตร์ไป และก็คิดว่าปาล์มเองก็คงจะบอกเรื่องที่เดชน่าจะเป็นคนฆ่าวัฒน์เองด้วย แต่ก็นั่นล่ะ แค่เพียงลมปาก เจ้านายงี่เง่านั่นไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว
แม้จะยังง่วง แต่หนุ่มใหญ่ก็ลุกขึ้นมาจากเตียง แม้แผนฆ่าสิทธิ์จะผิดพลาด แต่ไม่มีเสี้ยนหนามอย่างวัฒน์ เขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว
ตี๊ด...
เดชสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงมือถือของตนดังขึ้นในระหว่างที่กำลังสั่งลูกน้องไปจัดการงานของตนในตอนเย็น เขาเลิกคิ้วมองเบอร์ในสาย เพราะไม่คิดว่าสิทธิ์จะโทรมาอีก ก่อนจะกดรับโดยพยายามทำให้เสียงเรียบนิ่งที่สุด
“ครับ มีอะไรหรือครับคุณสิทธิ์”
“พรุ่งนี้เย็นๆอาว่างหรือเปล่าครับ พอดีผมมีเรื่องจะคุยกันตรงๆนิดหน่อยน่ะ เกี่ยวกับเรื่องงานศพอาวัฒน์น่ะครับ…คนอื่นผมบอกไปหมดแล้ว ก็เหลือแต่อา…ผมอยากให้อาที่เป็นเพื่อนสนิทกับอาวัฒน์มาช่วยด้วย…ถ้าอาสะดวก”
คนฟังเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มพราย
“ได้สิครับ” เดชรับคำแทบจะทันที “ถ้ายังไงพรุ่งนี้ผมจะเคลียร์งานไปหานะครับ”
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโอกาสมันจะวิ่งเข้ามาหากันแบบนี้
ที่ผ่านมามีวัฒน์คอยตั้งแง่กับตนตลอด สิทธิ์เลยพยายามที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขากับวัฒน์ไม่ต้องเจอหน้ากัน และนั่นทำให้โอกาสเข้าใกล้สิทธิ์น้อยลง ส่งผลให้การลอบสังหารที่ยากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งยากขึ้นไปอีก ทั้งวัฒน์ยังคอยระวังสิทธิ์ตลอด เรียกว่าไม่มีโอกาสเลยก็ว่าได้
ดังนั้น การที่อีกฝ่ายเป็นคนเรียกตนไปเอง เท่ากับสิทธิ์หาเรื่องตายชัดๆ
ก็ดี เรื่องมันจะได้จบเร็วขึ้นโดยไม่ต้องเหนื่อยนัก
หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อย เดชก็ไปหาสิทธิ์ตามนัด แน่นอนว่าแม้เขาจะขับรถมาคนเดียว แต่ก็ได้สั่งให้ลูกน้องตามมาด้วย เพราะตั้งใจเอาไว้ว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะดับลมหายใจของอีกฝ่ายในวันนี้ให้จงได้ อีกทั้งยังสั่งให้คนไปคอยสะกดรอยตามการเคลื่อนไหวของพวกลูกน้องคนอื่นๆของสิทธิ์ และก็ทำให้รู้ว่าในวันนี้ นอกจากแมวแล้ว ไม่มีใครอยู่ที่บ้านสิทธิ์เลยเพราะต้องไปเตรียมจัดงานศพให้กับพวกวัฒน์
หนุ่มใหญ่ยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจปนรังเกียจของแมวที่มาเปิดประตูให้ตน นั่นทำให้เดชรู้ทันทีว่าสิทธิ์ไม่ได้บอกใครในบ้านเรื่องการมาของตน และนั่นก็ทำให้งานในวันนี้สะดวกขึ้นไปอีก
“คุณสิทธิ์เรียกฉันมาน่ะ” เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งไม่ยอมเปิดประตูรั้วให้สักที เดชเลยเปิดกระจกรถแล้วยื่นหน้าออกมาบอกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าและน้ำเสียงอย่างเป็นมิตร แม้คนมองจะไม่รู้สึกเช่นนั้นเลยก็ตาม “ถ้าไม่เชื่อ จะไปถามคุณสิทธิ์ก่อนก็ได้นะ”
เด็กสาวบึ้งหน้าให้ ก่อนจะเดินแกมวิ่งหายเข้าไปในบ้าน สักพักจึงออกมาด้วยอาการที่หงุดหงิดยิ่งกว่า แต่นั่นทำให้คนรอยิ้มกว้าง
เดชค่อยๆขับรถผ่านประตูรั้วเข้ามา ไม่วายมียักคิ้วหลิ่วตาให้แมวเหมือนจงใจยั่วโมโหอีกฝ่ายทิ้งท้ายก่อนจะเหยียบคันเร่งเข้าไปด้านใน เขาแทบจะอดใจไม่ไหว อยากเจอหน้าเจ้านายที่กำลังจะกลายเป็นอดีตเร็วๆเสียเหลือเกิน
“อาเดช...”
สิทธิ์ลุกขึ้นจากโซฟายาวในห้องนั่งเล่นเมื่อหนุ่มใหญ่เดินเข้ามาด้านใน สีหน้าของชายหนุ่มดูไม่แย่เท่าที่คิดเท่าใดนัก อย่างน้อยเดชก็คาดว่าอีกฝ่ายน่าจะโทรมและดูเศร้าโศกมากกว่านี้
แต่เป็นแบบนี้ก็คงจะดีเสียกว่าที่จะต้องเห็นอีกฝ่ายออกอาการเสียใจจะเป็นจะตาย ด้วยใบหน้าที่ละม้ายคล้ายมาโนช นั่นรังแต่จะทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียนเสียเปล่าๆ
“ครับ คุณสิทธิ์” เดชเอ่ยทัก แล้วออกอาการสลดและเจ็บปวดเสียเต็มประดา ก่อนจะค่อยๆทรุดลงนั่งยังโซฟาฝั่งตรงข้าม “...ไม่เป็นอะไรนะครับ”
สิทธิ์ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่จ้องมองคู่สนทนาด้วยสีหน้านิ่งและพยักหน้าให้เพียงเท่านั้น
“ผมผิดเองล่ะที่ไปทำเรื่องโง่ๆพรรค์นั้น” หลังจากเงียบอยู่พักใหญ่ เจ้านายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเบาและสั่นเครือ “ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องเสียอาวัฒน์ไปแบบนี้...”
เดชพยายามที่จะไม่แสดงสีหน้าสังเวชปนรำคาญออกมา ดวงตาเรียวจ้องมองคนที่ก้มหน้านิ่ง ก่อนจะพยายามยิ้มออกมา
“เขาเป็นคนเก่ง...ผมเองก็เสียใจเหมือนกันที่เขาด่วนจากไป...” หนุ่มใหญ่เอ่ยอย่างเสียอกเสียดาย ก่อนจะถอนหายใจออกมา “...ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ เขาก็คงไม่ตาย”
แกรก
ยังไม่ทันจะได้เอะใจกับคำพูดของเดช เสียงโลหะเล็กๆที่ดังขึ้นมาทำให้สิทธิ์เงยหน้าขึ้น และก็ต้องผงะถอยหลังเมื่อเห็นปืนที่จ่อหัวตน
“อ๊ะๆ ผมไม่แนะนำให้ขยับตัวนะครับ” เดชเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่การกระทำนั้นตรงข้าม “เดี๋ยวผมตกใจแล้วเกิดมือไม้สั่นก่อนจะพูดธุระเสร็จ มันคงจะไม่ดีเท่าไหร่”
ดวงตาที่เบิกโพลงจนถึงเมื่อครู่กลับมาเป็นปกติ ท่าทีของสิทธิ์กลับมาใจเย็นเร็วเสียจนคนมองนึกแปลกใจแทน
“ดูคุณไม่ค่อยประหลาดใจเท่าไหร่เลยนะครับ หรือคิดว่าผมล้อเล่นล่ะ” เดชถามเสียงเยาะ แม้คู่สนทนาจะยังคงนิ่งเหมือนเดิมก็ตาม “บอกให้รู้ไว้ตรงนี้เลยนะครับ ว่าผมคิดจะฆ่าคุณมานานแล้ว มาสบโอกาสเอาก็ตอนนี้นี่ล่ะ”
สิทธิ์เม้มปากแน่น ท่าทางดูลังเลเสียมากกว่าตกใจจนพูดไม่ออก แต่ท้ายที่สุดก็เอ่ยปากออกมา
“อาเป็นคนฆ่าอาวัฒน์สินะครับ”
“ครับ” เดชตอบกลับง่ายๆอย่างไม่กลัวเกรง แต่อีกฝ่ายเองก็ไม่ได้ออกท่าทีคั่งแค้นอะไรนัก จนชวนประหลาดใจ
“...ผมไม่คิดเลยว่าอาจะกล้าทำถึงขนาดนี้”
“ผมก็ไม่ได้อยากทำนักหรอกครับ” เดชสวนทันควัน “แต่ถ้าไม่เพราะคุณ ผมก็คงไม่ต้องฆ่าวัฒน์หรอก และก็ไม่ต้องมาหงุดหงิดใส่กันด้วยเรื่องไร้สาระของคุณด้วย”
“อากำลังจะบอกว่าที่อาทำลงไปทั้งหมด รวมถึงเรื่องที่จะทำนี่...มันเป็นเพราะผมไม่ใช่หัวหน้าในแบบที่อาหวังน่ะหรือครับ”
คำถามนั่นสร้างความประหลาดใจให้หนุ่มใหญ่ไม่น้อย แต่ก็ทำให้เขาประทับใจร่วมด้วย
“รู้ดีแบบนี้ก็ไม่ต้องเสียเวลาพูดให้มากความแล้วสินะ” เดชเอ่ยเสียงเรียบ รอยยิ้มบนใบหน้าเหือดหายไปจนสิ้น “ผมเคยหวังเอาไว้นะว่าคุณจะได้สักเสี้ยวของคุณมาโนชก็ยังดี แต่ดูเหมือนลูกไม้มันจะหล่นไกลต้นเสียเหลือเกิน...ไกลจนไม่น่าเชื่อว่าคุณจะเป็นลูกของเขา...หรือของคุณวรรณ”
“ก็นั่นสินะครับ พ่อกับแม่เขาออกจะโหดกันขนาดนั้น...”
เดชมองอีกฝ่ายก่อนจะนึกหัวเราะตัวเอง อย่างน้อยเขาก็คิดว่าการที่สิทธิ์ยังคงมีท่าทีที่สงบทั้งที่โดนปืนจ่อหัว ทำให้เขามองเห็นภาพมาโนชซ้อนทับชายหนุ่มเลยทีเดียว
“วางใจเถอะครับ ผมจะทำให้มันจบเร็วที่สุด” เดชเอ่ยพลางลุกขึ้นจากโซฟาอย่างช้าๆและระแวดระวัง แม้อีกฝ่ายจะยังคงยืนนิ่งไม่มีท่าทีขัดขืนหรือเล่นตุกติกอะไรแม้แต่น้อย แต่ฝีมือของสิทธิ์ก็ไม่ทำให้เขาวางใจได้จนหมดนัก
“ถ้าอย่างนั้นผมขอถามอะไรเป็นอย่างสุดท้ายได้ไหมครับ”
คิ้วหน้าเลิกสูงขึ้น ก่อนจะพยักหน้าให้
“ถ้าผมเป็นหัวหน้าในแบบที่อาหวังสักนิด อาจะเต็มใจทำงานให้กับผมไหม”
“นั่นเป็นการขอร้องชีวิตหรือไง”
สิทธิ์ส่ายหน้าให้ “ผมหมายถึงถ้าผมเป็นอย่างที่อาอยากให้เป็น…ตั้งแต่แรกน่ะครับ”
ที่จริงอีกฝ่ายอาจจะหาเรื่องถ่วงเวลาตนเอาไว้ก็เป็นได้ แต่กระนั้นเดชก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ต่อให้เขาพลาด เขาก็ยังมีลูกน้องกับพรรคพวกเป็นกองหนุนรออยู่รอบๆบ้านนี้อีก
และที่สำคัญ ในเมื่ออีกฝ่ายถามจี้จุดที่เขาทนเก็บมานาน หนุ่มใหญ่ก็ไม่มีเหตุผลต้องเก็บมันไว้อีกต่อไป ก็ให้มันลงหลุมไปพร้อมกับชีวิตของสิทธิ์เลยนั่นล่ะ
“ถ้าคุณเป็นแบบนั้นตั้งแต่แรก ผมก็คงยอมทำงานถวายหัวให้เหมือนกับที่ทำงานกับพ่อของคุณเลยล่ะ…แล้วดูตัวคุณสิ เกิดมาผิดที่ผิดทางจนถ้าบอกว่าเป็นเด็กเก็บมาผมก็ยังเชื่อเลยนะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเล็ดรอดออกจากไรฟันคล้ายกับคั่งแค้นเสียเต็มประดา ก่อนจะแค่นยิ้มออกมา “ไงครับ เป็นคำตอบอย่างที่หวังหรือเปล่า”
“เกินพอเลยล่ะครับ”
ใบหน้านิ่งของชายหนุ่มที่เรียบเฉยจนถึงเมื่อครู่เผยยิ้มบางออกมา นั่นทำให้คนมองรู้สึกแปลกใจและหวั่นกลัวขึ้นมา และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เดชถึงได้เห็นภาพของมาโนชซ้อนทับสิทธิ์อีกครั้ง
เสียดาย...เสียดายเหลือเกินที่อีกฝ่ายไม่เป็นอย่างที่หวังตั้งแต่แรก...
แต่ถึงยังไงตอนนี้มันก็สายไปแล้ว
ปัง!