10 – อยู่ที่เธอทุกอย่าง“วันนี้เราคงไม่ได้ไปกินข้าวด้วยนะ มีแก้งานนิดหน่อย สิชลกลับไปก่อนได้เลยน๊า”
“แก้งานนานเลยหรอ เรารอได้นะ”
“เราไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่น่ะสิ ไม่อยากให้สิชลรอนาน”
คิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังคิดหนัก ท่าทางครุ่นคิดของผู้ชายตัวโตตรงหน้าเรียกรอยยิ้มจากกรวิทย์ได้เสมอ ตอนนี้พวกเราสองคนกำลังยืนอยู่หน้าคณะของกรวิทย์
ตอนแรกสิชลนัดไว้ว่าหากเขาเลิกเรียนเสร็จแล้วจะมารับพาไปทานข้าวเย็นกัน แต่เนื่องจากว่ารายงานที่กรวิทย์ส่งไปครั้งที่แล้วมีข้อผิดพลาดอาจารย์เลยสั่งให้เอากลับไปแก้และส่งไม่เกินเที่ยงวันพรุ่งนี้ เขาเองก็ตกใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้แต่เพราะยังไงก็ต้องแก้ไขให้เรียบร้อยเขาเลยต้องโทรไปยกเลิกนัดกับสิชลแต่ดูเหมือนคนตัวโตจะไม่ยอมเข้าใจถึงได้มาหาเข้าถึงหน้าคณะในเวลานี้
“ไปกินข้าวแล้วค่อยกลับมาแก้รายงายไม่ได้หรอ นี่ก็เย็นแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่หรอ?” คนตัวโตยังพยายามโน้มน้าวให้เขายอมไปกินข้าวด้วยกันให้ได้
“เราว่าจะกินมาม่าแล้วก็จะรีบไปห้องสมุดเลยน่ะ ไม่อยากเสียเวลา ครั้งนี้เราขอโทษด้วย เดี๋ยวขอแก้ตัวเป็นครั้งหน้านะ” ผมเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้ไปกินข้าวด้วยในวันนี้เพราะจริงๆแล้วสิชลเรียนเสร็จตั้งแต่บ่ายสามโมงแล้วแต่ก็รอเขาเพื่อที่จะไปหาอะไรกินพร้อมกันช่วงเย็น
“กินอะไรที่มีประโยชน์หน่อยสิกร เดี๋ยวเราไปซื้อข้าวกล่องมาให้ดีกว่านะ แปบเดียวเอง นั่งกินแถวนี้แหละ”
สิชลตัดสินใจเดินไปซื้ออาหารสำเร็จรูปที่ร้านสะดวกซื้อหน้ามหาวิทยาลัย เขาเลือกหยิบข้าวไข่เจียวกุ้งของโปรดของกรวิทย์ก่อนจะเลือกหยิบอีกเมนูที่ดูน่ากินมาอีกกล่องสำหรับเขาเอง แม้จะรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่ไม่ได้ไปหาอะไรกินข้างนอกด้วยกันแต่เขาก็เข้าใจคนตัวเล็กว่าไม่อยากจะผิดคำพูด แต่เป็นเหตุสุดวิสัย
และถ้าถามว่าทำไมเขาถึงต้องให้ความสำคัญกับการไปกินข้าวเย็นครั้งนี้ของพวกเรามากนัก เป็นเพราะผมแอบนัดเพื่อนสนิทในกลุ่มสมัยเรียนม.ปลายเอาไว้ ผมแค่อยากให้กรวิทย์ให้รู้จักกับเพื่อนๆของผม แต่เพราะรายงานมีปัญหานัดครั้งนี้เลยโดนยกเลิกไปเสียได้ เมื่อครู่เพิ่งวางสายจากเพื่อนๆว่าไปตามนัดไม่ได้แล้ว ขอโทษกันยกใหญ่ และบอกพวกมันไปว่าจะนัดเจอกันใหม่
กรวิทย์มองดูสิชลที่เดินถือถุงร้านสะดวกซื้อมามากมาย เขารับมาช่วยถือก่อนจะมองหาข้าวไข่เจียวกุ้งของโปรด และนอกเหนือจากอาหารที่เขาฝากซื้อแล้ว ขนมและนมต่างๆที่สิชลซื้อมาเพิ่มล้วนแต่เป็นของโปรดเขาทั้งสิ้นเลย
“ซื้อมาเยอะแยะเลย ขอบคุณมากเลยนะ” กรวิทย์ก้มมองบรรดาอาหารในถุงก่อนเงยหน้ามายิ้มหวานขอบคุณสิชล
“หึหึ เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหมล่ะ?”
ท่าทางกรุ้มกริ่มของคนตัวโตเรียกความสงสัยให้กรวิทย์เป็นอย่างดี “ลองบอกมาก่อนสิ ถ้าทำได้ก็จะทำให้”
“ฮ่าๆ อย่าทำหน้าระแวงเราแบบนั้นดิ”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็ดูสิชลทำหน้าสิ เจ้าเล่ห์ซะไม่มี”
สิชลหัวเราะให้กับคนพูดของคนตัวเล็กก่อนที่จะเฉลยสิ่งที่เขาอยากจะขอ “เราแค่จะขอให้กรไปงานเลี้ยงรุ่นกับเราในวันเสาร์นี้ ได้ไหม?”
กรวิทย์ไม่ตอบตกลงในทันที ท่าทางของคนตัวเล็กเหมือนกำลังครุ่นคิดบางเรื่องอย่างหนัก ริมฝีปากขบกัดกัดอย่างคนที่กำลังชั่งใจในบางสิ่ง
“มันจะดีหรอ?” กรวิทย์เอ่ยออกมาอย่างไม่แน่ใจ
“ทำไมถึงคิดว่ามันจะไม่ดีล่ะ เราอยากให้กรได้เจอเพื่อนเราและก็แนะนำให้รู้จักกันไปด้วยเลย”
กรวิทย์รู้สึกดีใจที่สิชะลอยากแนะนำเขาให้เพื่อนๆได้รู้จัก แต่อีกใจหนึ่งเขาเองก็รู้สึกไม่มั่นใจอย่างไงก็ไม่รู้ ความรู้สึกที่มักจะมีอยู่เสมอ
เขาดีพอสำหรับสิชลหรือยัง?
เขาคู่ควรกับสิชลไหม?ไม่รู้สิ คำถามเหล่านี้มักจะวนเวียนอยู่ในหัวเขาเสมอเวลาที่คนอื่นมองพวกเรา เขารู้ว่ามันไม่ถูกที่มัวแต่ไปสนใจสายตาของคนอื่นแต่เขาก็อดกังวลไม่ได้
“งานเลี้ยงรุ่นสิชลน่าจะอยากสนุกกับเพื่อนมากกว่านะ เอาเราไปด้วยอาจจะไม่สนุกเท่าไหร่น๊า”
“เราอยากให้กรไปด้วยนี่นา แต่ถ้ากรไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไรนะ” น้ำเสียงผิดหวังจากคนตัวโตมันทำให้กรวิทย์รู้สึกผิดขึ้นมาทันที
“เฮ้ยยย สิชลอย่าเพิ่งงอนเราดิ โอเค เราตกลงไปแล้ว”
สิ้นเสียงตกลงของคนตัวเล็ก สิชลก็เผยยิ้มกว้างที่ทำให้คนมองต้องยิ้มตามออกมา ท่าทางน้ำเสียงหงอยเหงาเมื่อครู่คงเป็นการแสดงที่ทำให้เขาต้องตอบตกลงใช่ไหมเนี่ย กรวิทย์ล่ะเอ็นดูกับเล่ห์เหลี่ยมของผู้ชายคนนี้จริงๆ
“เป็นอันว่าตกลงแล้วนะ เดี๋ยวรายละเอียดเราบอกกรอีกทีนะ แต่ว่าตอนนี้รีบกินข้าวกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวกรแก้รายงานเสร็จช้า” สิชลอารมณ์ดีขึ้นทันทีที่กรวิทย์ตกลงที่จะไปงานเลี้ยงรุ่นของเขาในวันเสาร์นี้
สิชลช่วยเก็บของทำความสะอาดบนโต๊ะทันทีที่กรวิทย์กินข้าวเสร็จแล้ว เขาบอกให้คนตัวเล็กรีบเข้าไปในหอสมุดก่อนเลยเดี๋ยวตรงนี้เขาจัดการเองก่อนที่จะรีบตามเข้าไปด้วย
“สิชลกลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวจะเบื่อซะเปล่าๆ”
“อยู่กับกรก็ไม่เบื่อนะ” กรวิทย์มองค้อนผู้ชายตรงหน้าที่ชอบทำให้เขาเขินอยู่บ่อยๆ สิชลยิ้มเอ็นดูก่อนเอื้อมมือไปหยิกแก้มคนที่ยืนหน้าแดง “เดี๋ยวเราทำการบ้านระหว่างที่รอกรนั่นแหละ กรไม่ต้องห่วงหรอก”
สิชลเอ่ยให้กรวิทย์สบายใจ คนตัวเล็กมักชอบบ่นว่าเขาตามติดมากไปจนกลัวว่าจะเสียการเรียน แต่ผมก็เคยได้อธิบายไปแล้วว่าผมไม่ทิ้งการเรียนหรอก ผมแค่อยากใช้เวลากับแฟนตัวเองนานๆนี่ผิดหรอครับ?
.
.
.
.
.
บรรยากาศภายนอกตอนนี้แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงจากหลอดไฟทำหน้าที่ของมันในการส่องสว่าง และเวลาแบบนี้ห้องสมุดก็ดูเงียบเหงากว่าปกติ อาจเพราะอีกไม่นานก็จะถึงเวลาปิดทำการแล้ว
สิชลนั่งมองกรวิทย์ที่กำลังขะมักเขม้นอ่านเท็กซ์บุ๊คเล่มหนาก่อนจะพับมุมเล็กๆไว้หน้าที่ต้องการแล้วก็ลุกขึ้นไปหยิบเล่มใหม่มา
อีก เขาเห็นคนตัวเล็กลุกขึ้นไปหยิบมาหลายรอบแล้ว เห็นท่าทางตั้งใจแบบนี้เขาเลยขอแชะภาพเก็บความประทับใจเอาไว้ซะหน่อย
“สิชล เดี๋ยวเราไปถ่ายเอกสารก่อนนะ รอแปบ”
เขาพยักหน้าให้คนตัวเล็กก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเช็คความเคลื่อนไหวระหว่างนั่งรอ เพื่อนๆไลน์มาถามเรื่องการบ้านซึ่งเขาจัดการเรียบร้อยแล้ว เขาถึงถ่ายรูปส่งให้เพื่อนดูและเมื่อเห็นรูปล่าสุดที่เขาถ่ายไว้ สิชลจึงเลือกที่จะอัพภาพนั้นลงอินสตาแกรม
ภาพของกรวิทย์ที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือเล่มหนาถูกอัพขึ้นโซเชียลมีเดียของสิชลโดยมีแคปชั่นใต้ภาพว่า
“ตั้งใจทำงานแบบนี้ อาจารย์อย่าใจร้ายแกล้งตัวเล็กเลยนะครับ”และเมื่อภาพถูกอัพโหลดไม่นานหลากหลายคอมเม้นต์ก็เข้ามาแซวเขาและกรวิทย์ แต่ดูท่าทางว่าเพื่อนๆเขาจะสนุกสนานกับการแซวมากเป็นพิเศษอาจเพราะผมเลือกที่จะเป็นฝ่ายเปิดเผยความสัมพันธ์ครั้งนี้อย่างเต็มที่
“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียว คุยกับกิ๊กหรอ?” เสียงแซวจากคนที่เพิ่งกลับมาจากถ่ายเอกสาร สิชลเงยหน้าขึ้นมาสบตาก่อนจะยิ้มมุมปากให้คนตัวเล็กสงสัยเล่น เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่องว่ากำลังตกเป็นเป้าหมายในการถูกแซวอยู่ในตอนนี้
“จะไปมีกิ๊กได้ที่ไหนล่ะ หลงแฟนตัวเองขนาดนี้แล้ว”
หยอดได้ต้องหยอดครับ สิชลรู้ว่าเวลาที่เขาพูดประโยคหวานๆเมื่อไหร่คนตรงหน้าจะมีปฏิกิริยาเร็วมาก แก้มทั้งสองข้างจะมีสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด มือไม้พันกันจนไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน เห็นกรวิทย์เขินแล้วเขามีความสุขครับ
“บ้า นั่งรอจนเพี้ยนไปแล้วหรือไง” กรวิทย์บ่นทีเล่นทีจริงกลบเกลื่อนความเขิน
“ฮ่าๆ เขินอ่ะดิ๊”
“ชิส์ เก็บของเลยเราจะกลับหอแล้ว”
“โอเคครับ รับทราบ”
สิชลทำท่าตะเบ๊ะแสดงท่าทีว่าน้อมรับคำสั่งของอีกฝ่ายเรียกเสียงหัวเราะจากกรวิทย์ได้เป็นอย่างดี คนตัวเล็กมักบอกกับเขาเสมอว่ายิ่งได้รู้จักยิ่งไม่เหมือนกับสิชลที่คนทั่วไปเห็น ท่าทีที่นิ่งขรึม พูดน้อยมักจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติกับคนที่ไม่สนิท แต่ถ้ากับคนที่สนิทเขามักจะเป็นคนที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับคนรอบตัวอยู่เสมอ
รถยนต์เคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่หน้าบันไดบริเวณทางขึ้นหอพักชาย กรวิทย์ปลดสายเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหยิบเอกสารต่างๆมาถือไว้และเอ่ยลากับคนขับที่มาส่ง
“ถึงห้องแล้วไลน์มาบอกด้วยนะสิชล”
“โอเคครับ รีบขึ้นห้องเหอะ ดูสิ ตาจะปิดแล้ว” สิชลเอ่ยบอกคนตัวเล็กที่ท่าทางเหมือนพร้อมจะนอนแล้ว ตาปรือมาตลอดระหว่างที่นั่งอยู่ในรถแถมพอเจอแอร์เย็นๆเข้าไปอีกอาการหาวเลยมีมาเป็นระยะ
กรวิทย์พยักหน้ารับก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินขึ้นหอพักไป ทันทีที่เข้าไปในห้องเขาจัดการเตรียมอุปกรณืเพื่อไปอาบน้ำทันที วันนี้รู้สึกได้ว่าใช้ร่างกายคุ้มเหลือเกิน มีเรียนตั้งแต่เช้ายันค่ำแถมยังต้องนั่งแก้รายงานจนดึกอีก ตอนนี้ร่างกายต้องการที่นอนแล้ว
✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋
กรวิทย์ในชุดนอนลายทางสีน้ำเงินเข้มกำลังนั่งเป่าผมอยู่หน้าพัดลมตัวใหญ่ เขากะว่าถ้าผมแห้งก็คงจะนอนเลย และเพราะสิชลเองก็ยังไม่ส่งข้อความมาบอกว่าถึงห้องเขาเลยอยากนั่งรอข้อความเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายถึงห้องอย่างปลอดภัย
นิ้วเรียวยาวกดเข้าแอปพลิเคชั่นต่างๆเพื่อเช็คดูความเคลื่อนไหวเพราะวันนี้เขาแทบจะไม่ได้เล่นโทรศัพท์เลย และทันทีที่ได้เข้าไปในเฟสบุ๊ค ตัวเลขที่แสดงข้อความการแจ้งเตือนมีอยู่ถึงสี่สิบว่าข้อความ กรวิทย์ตกใจมากและรีบกดเข้าไปก่อนที่จะพบว่ามันเป็นคอมเม้นต์ที่แสดงความคิดเห็นต่อภาพภาพเดียว
คนตัวเล็กนั่งนิ่งกับภาพที่หน้าไทม์ไลน์สิชลที่เป็นภาพของเขากำลังก้มหน้าตั้งใจอ่านหนังสือ พร้อมด้วยแคปชั่นที่น่าเอ็นดูเมื่อได้อ่าน แม้ว่าสิชลจะโพสต์โดยไม่ได้แท็กชื่อเขาไว้ แต่ในคอมเม้นต์มีเพื่อนในภาควิชาหลายคนมาแท็กชื่อเขาไว้ เขาถึงได้รับการแจ้งเตือนมากมายแบบนี้
หลายข้อความที่บ่งบอกถึงความสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเรา เขาเองก็ได้แต่อมยิ้มกับพฤติกรรมของคนขี้อวด และเหมือนจะรู้ว่ามีคนกำลังบ่นถึง โทรศัพท์ในมือที่กำลังถืออยู่เปลี่ยนหน้าเป็นชื่อของคนที่กำลังนึกถึงโทรเข้ามา
Rr Rr Rr .. .
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล เราถึงห้องแล้วนะกร” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยมาตามสาย
“โอเค รีบอาบน้ำพักผ่อนด้วยนะสิชล”
“อื้มม แล้วนี่ยังไม่นอนหรอ เห็นท่าทางง่วงซะขนาดนั้น?”
“ก็ว่าจะนอนแล้วล่ะนะ ถ้าไม่มาเจอคนแอบถ่ายรูปเราซะก่อน”
“ฮ่าๆๆ เจอแล้วหรอ” เสียงหัวเราะดังมาจากคนตัวโต
“ชอบแอบถ่าย ชิส์”
“ก็ขอดีๆไม่เคยให้ถ่ายเลยนี่นา ต้องแอบถ่ายนี่แหละ” สิชลบ่นคนตัวเล็ก เขาคุยกันอีกนิดหน่อยก่อนอีกฝ่ายจะขอตัวไปนอนก่อนเนื่องจากทนง่วงไม่ไหวแล้ว
พรุ่งนี้สิชลมีเรียนบ่ายดังนั้นเขาเลยไม่รีบร้อนที่จะนอนสักเท่าไหร่ คืนนี้มีบอลคู่โปรดด้วยคงได้นอนเช้าแน่ๆ เขากดดูความเคลื่อนไหวพร้อมตอบคอมเม้นต์จากเพื่อนๆอีกนิดหน่อยก่อนตัดสินใจที่จะไปอาบน้ำ แต่ยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนู เสียงเตือนข้อความเข้าจากโปรแกรมสนทนายอดนิยมอย่างไลน์ก็ดังขึ้น
สิชลกดเข้าไปดูข้อความซึ่งผู้ที่ส่งมาคือแชมป์เพื่อนสนิทของเขาเอง แชมป์เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ประถม รวมทั้งในระดับมหาวิทยาลัยเขากับมันก็ยังได้อยู่คณะเดียวกัน
“วันเสาร์นี้มึงไปงานเลี้ยงรุ่นป่าววะ?”
“ไปดิ ทำไมวะ?”
ประโยคข้อความขึ้นว่า “อ่านแล้ว” แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีการตอบกลับมาจนเขาเกือบที่จะกดโทรออกเพื่อถามว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่ข้อความจากอีกฝ่ายก็แสดงขึ้นมาก่อน
“จุนก็จะมานะ”แม้แชมป์จะส่งข้อความสั้นๆกลับมาแต่สิชลก็ยังอ่านข้อความนั้นวนซ้ำไปซ้ำมา เขานิ่งไปหลังจากที่อ่านข้อความ ความสั่นไหวในหัวใจยังมีอยู่ มันยังไม่จากไปไหน เขารู้สึกได้เพราะแค่ได้อ่านชื่อของคนคนนั้นเขายังหวั่นไหวได้ถึงขนาดนี้
TBC.รักผู้อ่านทุกท่านเสมอนะคะ