พิมพ์หน้านี้ - - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: kojibara ที่ 26-04-2015 00:02:36

หัวข้อ: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 26-04-2015 00:02:36
***************************************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

***************************************************************************************

หัวข้อ: Re: s h a k e r - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l 01-ป่วนปั่น (๒๕/๐๔/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 26-04-2015 00:12:47
๐๑ – ป่วนปั่น



“กร กร แกฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย”

“ว่าไงนะส้ม โทษทีๆ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ”

“โหหห ไม่ฟังกันจริงๆด้วย ปล่อยให้พูดคนเดียวอยู่ได้มัวแต่เหม่ออะไรอยู่เนี่ย”

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะ แล้วสรุปเมื่อกี้ส้มพูดว่าไรนะ”

“เมื่อกี้เราบอกว่า เย็นนี้ไอ้ถั่วมันเรียกรวมปี2นะ เห็นว่าจะเตรียมงานสำหรับรับน้องน่ะ อย่าลืมนะ”

ผมพยักหน้าให้เพื่อนสนิทสบายใจว่าไม่ลืมเรื่องที่ประธานชั้นปีประกาศไว้ตั้งแต่ช่วงเช้าในไลน์กลุ่มของชั้นปี  คิดไปคิดมานี่ก็2ปีแล้วสินะกับชีวิตของวัยมหาลัย ทำไมผมยังรู้สึกว่าเหมือนผ่านกิจกรรมรับน้องมาไม่นานนี้เอง ผมสอบติดคณะวิทยาศาสตร์ในมหาลัยวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ  ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัดบ้านเกิดผมอยู่ติดทะเลภาคตะวันออกผมจึงต้องมาเช่าหอพักภายในมหาวิทยาลัยอยู่ เพื่อนสนิทในกลุ่มมีอยู่ด้วยกัน4คน แต่คนที่อยู่ตรงหน้าผมคือ ส้ม ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มที่หลังๆชักจะไม่ค่อยเป็นผู้หญิงสักเท่าไหร่นัก ทั้งคำพูดคำจา หรือท่าทางบางอย่างที่จะห้าวเกินหน้าตาไปซะแล้ว



“แล้วไอ้ติณกับไอ้เก้ามันได้บอกไหมว่าจะมาตอนไหน”

“มันไลน์มาบอกว่าจะมาแลปคาบบ่ายน่ะ  ท่าทางจะแฮงค์ เมื่อคืนมันกลับกันเกือบเช้า”

ส้มบ่นทันทีหลังจากฟังเหตุผลที่เพื่อนที่เหลืออีกสองคนไม่ยอมมาเข้าเรียนคาบเช้า ผมชินซะแล้วล่ะเพราะทั้งไอ้ติณกับไอ้เก้ามันเป็นพวกมนุษยสัมพันธ์ดีเกินไปน่ะสิ รู้จักกับรุ่นพี่รุ่นน้องหรือเพื่อนต่างคณะเต็มไปหมด อีเว้นท์ช่วงกลางคืนของพวกมันมันเลยมีมาก ไหนจะงานวันเกิดของรุ่นน้องต่างภาค รุ่นพี่ต่างคณะอกหัก หมาเพื่อนออกลูก ไม่ว่าจะโอกาสไหนไอ้สองคนนี้ก็สามารถไปร่วมงานได้หมดจริงๆแล้วถ้าสงสัยว่าทำไมผมกับส้มถึงไม่ได้ไปร่วมงานพวกนั้นบ้าง ไม่มีอะไรมากหรอกฮะ ผมอยู่หอในกลับเกินเที่ยงคืนไม่ได้ ส่วนส้มอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ไม่มีโอกาสได้แวบออกไปไหนช่วงดึกบ่อยนักหรอกฮะ



โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยในช่วงเที่ยงแบบนี้เรียกว่าคนหนาแน่นจริงๆ ที่นั่งว่างถือว่าเป็นแรร์ไอเท็มกันเลย ผมกับส้มตกลงกันว่าจะกินข้าวที่โรงอาหารกลางเพราะยังมีเวลาเหลืออีกพอสมควรกว่าจะเข้าเรียนแลปอิเล็กทรอนิกส์ที่ตึกวิศวกรรมในช่วงบ่าย
“ส้มไปซื้อข้าวก่อนเลย เดี๋ยวเราเฝ้าโต๊ะให้เอง”
ผมอาสาเฝ้าโต๊ะให้ก่อนเพราะยังไม่คิดไม่ออกเลยว่าจะกินอะไรดี สายตามองไปทางร้านอาหารท่าทางคงจะไม่พ้นข้าวราดแกงเหมือนเดิม

“กร กร ทายสิเราไปเจอใครมา” ส้มยิ่มกริ่มพร้อมทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผมหลังจากถามคำถามที่น่าสงสัยจบ

“หือ เราจะไปรู้ได้ไงว่าส้มไปเจอใครมา ถามประหลาด” ผมบ่นใส่เพื่อนสนิท จะไปรู้ได้ไงล่ะว่าส้มไปเจอใครมา แต่ท่าทางอยากบอกซะขนาดนั้นผมคงไม่ต้องรอคำตอบนานนักหรอก

“หึหึ ไม่อยากรู้หน่อยหรอว่าเราไปเจอใครมา ใครกันน๊า หนุ่มวิศวะเครื่องกลตัวสูง คนเชียงใหม่  คนที่ใครบางคนแถวนี้แอบมองเขามาเป็นปีแล้วอ่ะ”

ตาของผมเบิกกว้างทันทีที่ส้มพูดจบ อย่าบอกนะว่าไปเจอสิชลมา!! ผมรีบกวาดตามองหาเป้าหมายของผมทันที ตั้งแต่เปิดเทอมมายังไม่ได้เจอให้ได้จ้องมองจริงๆจังๆสักครั้งเลย ได้แต่เดินเฉียดกันเป็นบางครั้งเท่านั้นเอง คนในโรงอาหารก็จะเยอะไปไหนเนี่ย ผมเริ่มพาลไปทั่วแล้วนะ

“ท่าทางนี่ไม่ค่อยสนใจเขาเลยน๊า ฮ่าๆๆ เขาอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวไก่น่ะ รีบไปสิน่าจะยังทัน”
ส้มหัวเราะให้กับท่าทางของผม แต่ผมไม่สนหรอกนะ เพราะตอนนี้ขาผมรีบตรงไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่แล้วน่ะสิและก็ไม่ผิดหวังจริงๆด้วย เขายังอยู่ตรงนั้นยืนปรุงก๋วยเตี๋ยวอยู่ สุดท้ายผมเลยต้องเปลี่ยนเมนูอาหารกลางวันจากข้าวราดแกงเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่กะทันหัน ขณะที่ต่อแถวตาของผมก็แอบชำเลืองมองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาปรุงก๋วยเตี๋ยว


สิชลเป็นหนุ่มวิศวะเครื่องกลที่ถ้าใครได้เห็นก็ต้องบอกว่าดูดี เขาอยู่ปี2เท่าผมนี่ล่ะ แต่ความสูงมีมากกว่าผมพอสมควรเลย เจอกันครั้งแรกในงานรับน้องของมหาวิทยาลัยเพราะผมเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นรุ่นพี่จึงจะเดินไปถามทางแต่กลายเป็นว่าเขาเองก็มารับน้องและก็กำลังหาทางไปซุ้มลงทะเบียนอยู่พอดี เขาชวนผมเดินไปพร้อมกันและนั่นก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ได้คุยกัน ผมจำได้แม่นเลยว่าตอนนั้นตัวเองใจเต้นกับคนคนนี้มากแค่ไหน ไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบ ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิต แต่ความรู้สึกในตอนนั้นมันยิ่งกว่าคำว่าถูกชะตาแน่นอน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่คืออาการที่เรียกว่าอะไร เพียงแต่ไม่อยากจะยอมรับให้ต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ แค่ได้แอบมองเวลาที่เจอกัน แค่นี้เท่านั้นที่ผมทำได้



“เป็นไง เจอสิชลไหม?” ส้มถามผมทันทีที่เดินถือชามก๋วยเตี๋ยวกลับมาที่โต๊ะ

“เจอ แต่เจอแปบเดียวเอง” ท่าทางหมาหงอยของผมคงจะเรียกเสียงหัวเราะให้ส้มได้น่าดู
 
“เอาน่า เจอกันวันละนิดก็ยังดี แต่ถ้าอยากเจอทุกวันเราก็เคยบอกกรไปแล้วนี่นาว่าต้องทำยังไง”

ผมส่ายหน้าให้กับคำเย้าแหย่ของเพื่อนสนิท เหอะ! ใครจะไปกล้าทำตามคำแนะนำของส้มกันล่ะ จริงๆแล้วเรื่องที่ผมคอยแอบมองสิชลเนี่ยเรียกได้ว่าเป็นเพราะผมคงจะทำตัวมีพิรุธมากไปจนทำให้เพื่อนในกลุ่มจับได้ ตอนแรกทุกคนก็ตกใจเพราะท่าทางของผมไม่น่าจะใช่พวกที่ชอบผู้ชายผมกลัวเพื่อนจะรังเกียจด้วยซ้ำแต่พวกไอ้ติณกับไอ้เก้าไม่รังเกียจแถมยังบอกว่าดีแล้ว จะได้ไม่มีใครมาแย่งบรรดาสาวๆของพวกมัน ส่วนส้มก็ดูท่าทางจะไม่แปลกใจกับผมซะเท่าไหร่ แถมส้มยังยุให้ผมไปบอกชอบสิชลด้วย ผมปฏิเสธไปแทบไม่ทัน ไม่เอาด้วยหรอก ให้ผมรู้จักสิชลฝ่ายเดียวก็ได้เพราะแค่ได้แอบมองน่ะก็มีความสุขแล้ว ผมรู้ตัวเองหรอกนะครับว่าที่ผมมักน้อยขอแค่ได้แอบมองเขาอยู่แบบนี้เพราะอะไร เพราะความหวังสักนิดผมยังมองมันไม่เห็นเลย สิชลเป็นเดือนคณะวิศวะ ครอบครัวทำธุรกิจที่พักที่เชียงใหม่ เป็นขวัญใจของคนทั้งมหาลัยเพราะเขายิ้มเก่ง ใจดี สิชลมักจะมีข่าวกับสาวๆอยู่เสมอแต่ยังไม่มีใครเป็นตัวจริงที่พูดได้เต็มปากว่าเป็นแฟน ได้ฟังแบบนี้แล้วผมยังต้องมีความหวังอีกเหรอครับ




“กร แกโทรหาไอ้สองคนนั้นดิ อาจารย์จะเข้าแลปแล้วนะทำไมพวกมันยังไม่มากันอีก”

ส้มเร่งให้ผมโทรหาเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ป่านนี้แล้วพวกมันยังไม่โผล่หัวมาเลย  เมาทีไรลำบากกูตลอดเลยถ้ามาถึงจะบ่นให้ดู ขณะที่มือกำลังจะกดโทรออกประตู้ห้องเรียนก็ถูกผลักเข้ามาโดยเจ้าของเบอร์ที่ผมกำลังจะต่อสายไปหาพอดี ท่าทางเหนื่อยหอบพร้อมกับเสื้อนักศึกษาที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวรีบมากขนาดไหน

“ทำไมเพิ่งมาเนี่ย?” ส้มแหวใส่ทันทีที่ไอ้ติณกับเก้ามาถึง

“กูวนหาที่จอดรถอยู่ ใครจะไปรู้ว่าวันนี้ที่จอดรถตึกนี้มันจะเต็มล่ะวะ กูรีบเต็มที่เลยเนี่ยอย่าบ่นดิว๊า” ติณรีบบอกเหตุผลหรือที่ผมเรียกว่าข้ออ้างกับส้มทันทีก่อนที่จะโดนบ่นไปมากกว่านี้

“ไม่ใช่เพราะพวกมึงเพิ่งแซะตัวเองจากที่นอนมาได้หรอกหรอวะ” ผมเหน็บพวกมันไป

“โธ่ ทำไมมองพวกผมในแง่ร้ายแบบนั้นละครับคุณกรวิทย์” เก้าตอบโต้ข้อกล่าวหาของผม

“ใช่ คุณกรวิทย์ไม่ควรจะมาว่าพวกผมแบบนี้นะครับ เพราะวันนี้พวกผมมีข่าวดีมาให้คุณ มันอาจจะทำให้คุณต้องขอบคุณพวกผมสองคนเลยก็ได้” ติณหันไปยักคิ้วกับไอ้เก้า พวกมันทำหน้าแบบผู้ชนะแต่ในสายตาผมแบบนี้มันกวน_นชัดชัด

“ข่าวดีอะไรวะ”
ผมเอ่ยถามออกไป แต่ยังไม่ทันที่พวกมันสองคนจะได้บอกอาจารย์ก็เข้ามาเสียก่อน  ผมทำท่าทางขัดใจไปนิดหน่อยแต่ส้มท่าทางจะอยากรู้จริงๆเลยบอกให้ไอ้ติณกับเก้าเขียนบอกในกระดาษก็ได้ แต่พวกมันเล่นตัวครับ ไม่ยอมบอก ช่างเหอะ รอหมดคาบก็ได้ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้นหรอก


ทันทีที่อาจารย์เริ่มพูดเรื่องทฤษฎี สูตรคำนวณต่างๆ เพื่อนๆในห้องก็เริ่มตาปรือๆกันแล้วล่ะครับรวมทั้งผมด้วย  ฮ้าววววว ง่วงชะมัดเลย ช่วงที่อาจารย์อธิบายเนื้อหามันออกจะน่าเบื่อไปหน่อย แต่พอตอนที่ได้ลงมือปฏิบัตินี่เป็นอะไรที่ผมชอบจริงๆ และเพราะรู้สึกสนุกเวลาจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เพื่อนๆทยอยออกจากห้องแลปกันทันที่ที่อาจารย์สรุปเนื้อหาของวันนี้เสร็จ

“ติณ เก้า บอกมาเดี๋ยวนี้เลยข่าวนี้เรื่องอะไรที่พวกแกบอกไว้” ส้มถามขึ้นมาทันที่ที่อาจารย์เดินออกนอกห้องไปแล้ว

“ส้ม มึงจะอยากรู้อะไรขนาดนั้นวะ ขนาดเจ้าตัวเขายังเฉยๆเลย” ไอ้ติณมันพูดแบบลอยหน้าลอยตามากครับ ผมล่ะอยากถีบมันจริงๆ

“เออๆ กูอยากรู้มากเลย อยากรู้จนใจจะขาดแล้วเนี่ย พอใจยัง?”

“ฮ่าๆๆๆๆ เห็นแก่ที่คุณกรวิทย์อยากรู้นะครับเนี่ยผมจะบอกก็ได้ ข่าวดีที่ว่าก็คือ คือ...”
คงเพราะส้มทนหมั่นไส้ท่าทางของติณไม่ไหวเลยเอาชีทเตรียมจะฟาดแต่ดีที่เจ้าตัวห้ามไว้ทัน

“เฮ้ยๆๆ อย่าใจร้อนดิวะ บอกแล้วเนี่ย บอกแล้ว คือเมื่อคืนกูกับไอ้เก้าไปกินเลี้ยงงานวันเกิดรุ่นพี่คนหนึ่งแล้วทีนี้แล้วไปเจอไอ้สิชล พวกกูก็ทักมันไปเลยรู้ว่ามางานเดียวกัน เจ้าของวันเกิดเป็นรุ่นพี่โรงเรียนมันเอง”

“แค่มึงเจอสิชลนี่คือข่าวดีของกูหรอ วันนี้กูก็เจอเหอะ!”

“ใช่ที่ไหนล่ะไอ้กร ฟังก่อนสิ ข่าวดีของมึงไม่ได้อยู่ตรงนั้น เรื่องมันคือพอตกดึกก็มีสาวเข้ามาหาสิชลเว้ยย พวกกูก็ยุให้มันหิ้วกลับไปเลยเพราะผู้หญิงแม่งก็ให้ท่าอยู่แถมเด็ดมากด้วย แต่อยู่ดีๆพี่อ๊อฟเจ้าของวันเกิดท่าทางแกคงเมาแล้วแหละแกดันพูดขึ้นมาเสียงดังว่า พวกมึงยุไปก็เท่านั้นแหละ ไอ้ชลมันสนใจผู้หญิงที่ไหน!  เท่านั้นล่ะมึงเอ้ยย ทุกคนเงียบกริบหันหน้าไปหาไอ้สิชลกันหมดเลย แล้วมึงรู้ไหมว่ามันพูดว่ายังไง”

ไอ้ติณหยุดเล่าเรื่องแล้วหันมามองหน้าผม บอกตามตรงในใจตอนนี้มันรู้สึกเหมือนถูกเป่าให้พองลมเตรียมจะลอยยังไงก็ไม่รู้ ที่คิดไว้คงไม่จริงอ่ะ ไม่มีทางแน่ๆ

“ไอ้สิชลมันบอกว่า ..ตามที่ได้ยินนั่นแหละครับ  มึงเชื่อไหม ทุกคนแถวนั้นเงียบกันหมด ช็อกตาตั้งอ่ะมึง กูกับไอ้เก้าก็ด้วย คือถ้ามันมาเฉลยว่าล้อเล่นกูก็พร้อมจะเชื่ออ่ะ แต่มันกลับไม่อธิบายอะไรต่อ เรื่องเมื่อคืนคนได้ยินก็ตั้งเยอะพวกกูมั่นใจว่าป่านนี้ข่าวคงกระจายไปทั่วแล้วด้วย”


“เฮ้ยยยยยยย มึงไม่ได้ฟังมาผิดแน่ใช่ไหม” ส้มตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ แต่ตอนนี้ผมน่ะสติหลุดไปแล้ว

“กูไม่ได้ฟังมาผิดแน่ๆ พวกกูเลยรีบเอาข่าวดีอันนี้มาบอกไอ้กรเลย” ไอ้เก้าช่วยยืนยันว่าสิ่งที่ติณเพิ่งพูดไปเป็นเรื่องจริง

วันนี้ไม่ใช่เอพริลฟูลเดย์ใช่ไหม? ถ้าผมดีใจไปแล้วจะมีคนมาเฉลยทีหลังว่าเป็นเรื่องโกหกหรือเปล่า แต่ท่าทางของติณกับเก้ามันแสดงออกว่าเรื่องที่เล่าไม่ได้โกหก  ส้มกำลังเขย่าแขนเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับผมแต่สติผมไม่รับรู้แล้ว ผมบอกแล้วใช่ไหมที่ผ่านมาผมไม่เคยคาดหวังเพราะรู้ว่าไม่มีหวัง  แต่ทำไมตอนนี้ผมเหมือนตัวเองเป็นลูกโป่งที่กำลังให้รับแก๊สที่ชื่อว่า"ความหวัง”เป่ามาจนเต็มหัวใจ



TBC.

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะคะ เพราะเป็นผลงานชิ้นแรกจึงพร้อมรับฟังทุกความเห็น น้อมรับทุกคำติชม
ฝาก สิชล – กรวิทย์ ไว้กับทุกคนด้วยนะคะ












หัวข้อ: Re: s h a k e r - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l 01-ป่วนปั่น (๒๕/๐๔/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 26-04-2015 03:03:57
น้องกรเริ่มมีหวังแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: s h a k e r - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l 01-ป่วนปั่น (๒๕/๐๔/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: บ๊ายบายโพ ที่ 26-04-2015 03:12:51
ตามมมไป :katai5: น่าสนุกๆ
หัวข้อ: Re: s h a k e r - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l 01-ป่วนปั่น (๒๕/๐๔/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-04-2015 04:37:19
กรวิทย์สู้ๆ จีบสิชลให้ติดนะค้าาาาา
หัวข้อ: s h a k e r - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l 02-ป๊าดีดาดีดั๊บ (๒๖/๐๔/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 26-04-2015 19:37:39
02 – ป๊าดีดาดีดั๊บ


นาฟิกาที่ตั้งบนโต๊ะข้างที่นอนบอกเวลาเกือบสิบโมงเช้าแล้วแต่กรวิทย์ยังคงไม่ได้ลุกไปไหน  เขานอนเล่นโทรศัพท์มือถือบนที่นอนเข้าโปรแกรมยอดฮิตที่มีสัญลักษณ์เป็นตัวเอฟพื้นหลังสีฟ้า  ไล่ตามกดไลค์รูปภาพหรือข้อความของเพื่อนๆคนอื่นจากนั้นก็เข้าไปส่องความเคลื่อนไหวที่หน้าของสิชล


เฮ้ออออ  ตั้งแต่ข่าวเรื่องสิชลไม่ได้สนใจผู้หญิงหลุดออกไปกรวิทย์รู้สึกได้ว่าคอมเม้นท์ใต้รูปภาพมักจะเป็นหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่กันเสียเป็นส่วนมาก  ตอนแรกเหมือนตัวเองน่าจะพอมีความหวังอันน้อยนิดอยู่บ้างแต่คู่แข่งที่เพิ่มขึ้นมาในช่วงนี้มันมากมายเหลือเกิน แถมแต่ละคนยังหน้าตาจัดได้ว่าดูดีกันอีกด้วย วันก่อนส้มก็มาบอกเขาว่าเห็นสิชลเดินกับเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่ห้องสมุด ได้ยินแค่นั้นก็ทำเอาบั่นทอนความหวังที่มีไปซะแล้ววว



Rrrr Rrrr


นึกถึงก็โทรมาพอดีเลย 
“ว่าไงส้ม มีอะไรหรือเปล่า”

“กร ตอนนี้แกอยู่ไหน รีบมาที่ห้องสมุดเดี๋ยวนี้เลย”
ไม่มีการพูดพร่ำทำเพลง  เพื่อนสนิทตัวแสบก็ออกคำสั่งให้เขาไปห้องสมุดทันที่

“มีเรียนบ่ายครึ่งไม่ใช่หรอ ทำไมให้รีบไปจังวะ”
น้ำเสียงร้อนรนของเพื่อนสนิทเวลานี้มันชวนน่าสงสัย  ส้มมีเรียนช่วงเช้าของวันจันทร์แบบนี้ก็ไม่แปลกเพราะเราลงวิชาเลือกคนละตัวกัน ทุกทีผมก็มักจะไปเจอส้มในคลาสเรียนตอนบ่ายอยู่แล้ว

“ก็ถ้าแกไม่รีบมาตอนนี้ แกก็จะไม่ได้เจอสิชลน่ะสิ จะมาไหม!”

“เฮ้ย จริงหรอเนี่ย โอเคๆ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวรีบไปหาเลย แกอยู่ชั้นไหน?”

“ชั้นสามย่ะ รีบมาเลยนะ”

ทันทีที่วางสายกรรีบทำเวลาในการอาบน้ำแปรงฟันแบบทำลายสถิติตัวเองที่เคยทำมาเลย  ดีนะที่เขารีดชุดนักศึกษาไว้พร้อมหมดแล้วเขาหยิบชีทเรียนแล้วรีบวิ่งออกจากห้องแบบสี่คูณร้อยกันเลยทีเดียว 


ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงอย่างที่ได้บอกกับส้มไว้ตอนนี้กรมาถึงห้องสมุดแล้ว  เดินเข้าไปในลิฟต์โดยที่มือกดหมายเลขสาม  สภาพของกรตอนนี้เหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จแต่ยังไม่ได้เช็ดตัวให้แห้งเลย  แผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะการวิ่ง  คิดๆดูแล้วกรยังตกใจกับตัวเองเลยว่าทำไมชื่อของสิชลมันถึงมีอิทธิพลกับความรู้สึกเขามากขนาดนี้ อาการหนักเกินไปแล้วนะเรา


ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก สายตาก็มองหาเพื่อนสาวคนสนิททันทีและไม่ต้องเสียเวลากวาดสายตาไปมาก ผู้หญิงผมยาวลอนปลายในชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอเลยหัวเข่าขึ้นไปเล็กน้อย ใบหน้าเรียวกำลังส่งยิ้มกว้างและโบกมือให้เขาอยู่ตรงที่นั่งมุมห้อง  กรรีบสาวเท้าไปทันทีพร้อมมองหาสิชลไปด้วย


“ไม่ต้องคอยื่นคอยาวขนาดนั้น สิชลมันนั่งอยู่โซนด้านในอ่ะ ฉันเฝ้าให้อย่างดีไม่มีพลาดสายตา”
ส้มส่งสายตาล้อเลียนมาให้  ผมไม่ได้ทำท่าทางขนาดนั้นซะหน่อย

“แกก็พูดเกินไปส้ม เราไม่ได้ทำท่าทางอะไรแบบนั้นซะหน่อย”

“เหรออออออออออออ”

“เอออออ ก็แค่กลัวว่ามาไม่ทันเท่านั้นเอง”
คำตอบของผมเรียกเสียงหัวเราะพร้อมกับฝ่ามือที่ยื่นมาผลักหัวจากส้มทันที

“ไอ้กร ที่ฉันโทรเรียกแกมาวันนี้เนี่ย ไม่ใช่ให้แกมานั่งมองเขาเหมือนทุกครั้งนะเว้ย แกจะมาอ้างเหมือนแต่ก่อนที่แกไม่กล้าเข้าหาไอ้สิชลเพราะคิดว่ามันไม่ได้ชอบผู้ชายไม่ได้แล้วนะ  เห็นไหมคนอื่นเขาเดินหน้าทำคะแนนกันไปขนาดไหนแล้ว  แต่แกยังอยู่ที่เดิมอยู่เลย”




“ที่เป็นอยู่แบบนี้มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรซะหน่อย..”
ผมเถียงออกไปด้วยเสียงอ่อยๆ  แต่ส้มกลับตีหน้ายักษ์มาใส่ผมแทน ผมว่าผมโอเคกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้แล้วนะ หลังจากเหตุการณ์ที่เก้ากับติณมาบอกข่าวของสิชลนี่ก็ผ่านมาได้หนึ่งอาทิตย์พอดี  พวกเพื่อนๆทุกคนต่างบอกให้ผมลองเดินหน้าเข้าหาสิชลแบบจริงจังดูบ้าง  เวลาส้มไปเจอสิชลที่ไหนก็จะรีบโทรมาบอก หรือเวลาที่เก้ากับติณไปเห็นสิชลเดินกับใครพวกมันก็จะรีบมาบอกผมทันทีเสมอ  เพื่อนทุกคนดูกระตือรือร้นกับเรื่องของผม  คงมีแต่ผมนี่แหละที่ไม่พร้อมซะที


“กร แกมั่นใจนะว่าที่คอยแอบมองเขาแบบนี้แกพอใจแล้ว แกมั่นใจนะว่าถ้าสิชลมันจะมีใครสักคนที่เรียกเต็มปากว่าแฟนแล้วแกจะไม่เสียใจ ถ้าแกยังยืนยันว่าแกพอใจแล้ว ฉันก็จะไม่ยุ่งเรื่องนี้อีกแล้ว เดี๋ยวฉันจะบอกพวกไอ้ติณกับไอ้เก้าด้วยว่าไม่ต้องมารายงานสถานการณ์ของสิชลให้แกรับรู้อีกแล้ว แกจะได้ไม่ต้องมาลำบากใจที่พวกฉันคอยบังคับให้แกเดินหน้าเข้าหาสิชลแบบนี้”ส้มถามด้วยสีหน้าจริงจัง  ผมรู้ว่าเพื่อนพร้อมที่จะช่วยผมในเรื่องนี้เสมอตั้งแต่ช่วงแรกแล้ว


“เฮ้ยยยย อย่าซีเรียสขนาดนั้นดิวะ  ก็คนมันไม่มั่นใจนี่นา”

“ไม่มั่นใจเรื่อง?”

“แกดูแต่ละคนที่เข้าหาสิชลตอนนี้ดิ  แม้ว่าจะมีแต่ผู้ชายแต่ก็เป็นผู้ชายประเภทน่ารัก น่าถนุถนอม อยู่ใกล้ก็คงสบายใจ  แต่พอมามองตัวเองแล้ว  บอกเลยไม่มีอะไรจะไปสู้ว่ะ”

“กร ฉันเคยบอกแกหลายรอบแล้วนะเรื่องนี้ เราทุกคนมีดีหมดเพียงแต่มีดีกันคนละแบบ หน้าตาแกก็ไม่ได้แย่อะไรเลยนะ แต่มันก็ไม่ได้น่ารักซะจนทุกคนต้องมามอง ฉันบอกกับแกตรงๆเลยว่าทุกวันนี้พวกฉันพยายามให้แกลองเข้าหาสิชลมันดูบ้าง อยากให้แกลองพยายามดู  ถ้าคำตอบที่แกได้มามันไม่ใช่แกก็แค่กลับมาเป็นเหมือนตอนนี้ไม่ใช่หรอวะ พวกไอ้ติณกับไอ้เก้าเห็นมันแบบนั้นมันยังเคยมาพูดกับฉันเลยว่าถ้าแกลองเดินหน้าดูสักครั้งมันจะช่วยเต็มที่  พวกฉันพยายามเพื่อแกขนาดนี้ แล้วแกล่ะวะ จะไม่พยายามเพื่อตัวเองหน่อยหรอ?”


ผมนิ่งไปทันที่ที่ส้มพูดจบ  คำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังดีจากเพื่อนฟังแล้วมันเหมือนมีแรงฮึดที่จะลองลงสนามสู้กับเขาดูสักตั้ง  เอาวะ เป็นไงเป็นกัน  ถ้าลองดูแล้วมันไม่ใช่เราก็แค่กลับมามองเขาแบบนี้เหมือนเดิมเท่านั้นเอง


“โอเคส้ม  เราจะลองสู้ดูสักครั้ง”

“ให้มันได้อย่างนี้สิ!!  ดีมากๆ ถ้าอย่างนั้นฉันว่าเริ่มแรกเราต้องสร้างสถานการณ์ให้กับตัวเองก่อน  สิชลนั่งอยู่ตรงโซนด้านในกับพวกเพื่อนๆ  แกก็ลองทำทีเป็นเดินไปหาหนังสือแถวนั้น  จากนั้นรอหาจังหวะดีๆสร้างสถานการณ์ให้ได้คุยกัน”

“เฮ้ยยย วันนี้ต้องได้คุยกันเลยหรอ เร็วไปป่าววะ”

“มันไม่เร็วไปหรอกนะ  ถ้าเทียบกับที่แกแอบมองมันมาเป็นปีแล้วเนี่ย”


ส้มพูดพร้อมกับผลักผมให้เดินไปโซนด้านในที่มีสิชลและเพื่อนนั่งอยู่บริเวณนั้น  เอาล่ะสิ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วเนี่ยรู้สึกอยากให้ทางเดินมันไกลกว่านี้อีกสักหน่อย ผมยังไม่พร้อมเลย ฮือออออออออ


รู้ตัวอีกทีสิชลก็อยู่ในสายตาผมระยะใกล้แล้ว จะทำยังไงต่อไปดีล่ะทีนี้ ไม่เคยต้องทำแบบนี้มาก่อนด้วย รู้สึกอยากได้วิญญาณไอ้ติณหรือไอ้เก้ามาเข้าสิงตัวเองซะตอนนี้เลยจะได้เนียนๆแบบพวกมันได้บ้าง เพื่อนสิชลนั่งอยู่ด้วยแบบนั้นใครจะกล้าเข้าไปวะเนี่ย  โอ๊ะ! แต่ดูเหมือนจะสิชลจะได้ยินความคิดเราเลยว่ะ  เพราะตอนนี้สิชลลุกเดินออกมาหาหนังสือ  จะรออะไรล่ะครับ  ตีเนียนไปหาหนังสือแถวนั้นด้วยสิ


กรวิทย์ทำทีเป็นว่าหาหนังสือแต่สายตาของเขาเอาแต่แอบมองไปที่สิชลที่ยืนอยู่ถัดไปด้านหน้าโดยอาศัยช่องว่างของชั้นวางหนังสือ   แต่สงสัยว่าสกิลแอบมองของเขาน่าจะยังไม่แนบเนียนพอจนทำให้สิชลหันมามอง  ตายห่าละเว้ยย  อย่าบอกนะว่าเขาจับได้แล้วเนี่ย เอาไงดีวะ แกล้งทำเป็นหาหนังสือต่อไปละกัน


กรทำทีเป็นหยิบหนังสือที่อยู่ตรงหน้าออกมาดู อื้อหือออ หนังสืออะไรวะเนี่ยภาษาอังกฤษทั้งเล่ม เปิดดูด้านในเนื้อหาน่าจะเกี่ยวกับพากงานศิลป์ทั้งหลาย เอิ่มมมมม โคตรจะไม่ถนัดเลย กรเก็บหนังสือคืนที่เดิมพร้อมกับแอบชำเลืองสายตามองไปด้านหน้า


อ้าวววว ...


หายไปไหนแล้วเนี่ย  เผลอแปบเดียวเองนะ

กรมองหาสิชลทั่วบริเวณนั้นแต่ไม่เจอ  สงสัยกลับไปนั่งที่โต๊ะแล้วแน่เลย เฮ้อออออ  น่าเสียดายชะมัดอุตส่าห์มีโอกาสแล้วเชียวแต่ไม่เป็นไรรอโอกาสหน้าก็ได้ พอคิดแบบนั้นกรเลยกะว่าจะกลับไปหาส้มที่โต๊ะเลยดีกว่าเพราะคิดว่าวันนี้คงได้แค่นี้แหละ  แต่ทันทีที่หันหลังกลับไป

.
.
.
ฉิ บ ห า ย แ ล้ ว ! ! !
.
.
.


ภาพตรงหน้าคือสิชลที่กำลังยืนเลือกหนังสืออยู่ เท่ากับว่าตอนนี้สิชลอยู่ตรงหน้าผมนี่เอง  อาการผมตอนนี้คือกำลังช็อคไปแล้วครับ ตาเบิกโต ปากอ้ากว้าง สติหลุดหายไปแล้ว สิชลอยู่ใกล้แค่นี้เอง


สิชล


สิชล


สิชล


แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดต่อว่าจะทำอย่างไรดี  ผู้ชายตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อยส่งมาให้

“หาหนังสือยังไม่เจอหรอ?”

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
สิชลคุยกับกูด้วย !!!!!!!! พ่อจ๋า แม่จ๋า  วันนี้มันต้องเป็นวันมหามงคลของไอ้กรแน่ๆเลย ใจเต้นรัวยิ่งกว่าจังหวะสามช่าอีก เอาไงดีวะเนี่ย  มัวแต่ดีใจเมื่อกี้สิชลถามว่าไรวะ


“เอ่อออ นายถามว่าอะไรนะ”

“หึหึ! เราถามว่าหาหนังสือยังไม่เจอหรอ?”

“ห๊ะ??”

“เราเห็นนายหาหนังสืออยู่ตรงนี้นานแล้ว  เลยคิดว่าน่าจะหาหนังสือยังไม่เจอแน่เลย”

“อ่อออ ใช่ๆๆ พอดีหาไม่เจอน่ะ สงสัยจะไม่ได้อยู่แถวนี้ แหะๆๆ” เอาแล้วไงล่ะ หวังว่าสิชลจะไม่สงสัยนะ



“นี่จำเราไม่ได้จริงๆหรอ?”
“เราเจอกันวันรับน้องไงที่เดินไปซุ้มลงทะเบียนด้วยกันน่ะ จำได้หรือเปล่า? เราจำหน้านายได้นะแต่จำชื่อไม่ได้ กะว่าจะรอให้นายทักก่อน  แต่นายดันจำไม่ได้ หน้าแตกเลย ฮ่าๆๆ” 


สิชลกำลังหัวเราะให้กับตัวเองเพราะคิดว่าผมจำเขาไม่ได้  แต่ผมนี่สิเหมือนได้ยินเสียงพลุจุดอยู่ในหัวเลยตอนนี้  สิชลจำผมได้ด้วย  มันยิ่งกว่าความฝันซะอีก  ไม่ใช่ผมคนเดียวที่จำเขาได้ โอ๊ยยยยยย ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้เลย ให้ตายสิ ><

“อ่ออ เราจำนายได้นะ  แต่เราต่างหากที่กลัวหน้าแตกเลยไม่ได้ทักนาย  เราชื่อกร กรวิทย์ อยู่วิทยาปีสอง”
ผมฉีกยิ้มที่คิดว่าดูดีที่สุดในชีวิตออกไปให้คนตรงหน้า


“เราสิชลนะ  จะชื่อเล่นหรือชื่อจริงก็สิชล เหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ เราอยู่วิศวะเครื่องกล”
เขาแนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง ผมหัวเราะตามเขาไปด้วยทั้งที่ในใจมันตื้นตันจนอยากจะร้องไห้ออกมาแล้ว  พอดีกลับที่เพื่อนในกลุ่มเดินมาตามสิชลเขาเลยต้องขอตัวก่อน  แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะทำให้หัวใจผมสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง


...
..
.

“กร เจอครั้งหน้าทักกันด้วยนะ !”





TBC.













หัวข้อ: Re: s h a k e r - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l 02-ป๊าดีดาดีดั๊บ (๒๖/๐๔/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-04-2015 20:05:38
แบบนี้กรต้องหาสถานการณ์เข้าใกล้สิชลให้เยอะๆแล้วล่ะ :D  :-[
หัวข้อ: Re: s h a k e r - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l 02-ป๊าดีดาดีดั๊บ (๒๖/๐๔/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: qxchanim ที่ 26-04-2015 20:52:22
สิชลลลคะะะะ หนูอ่อยกรหรือป่าวคะะะะะะ  เชียร์น้องกรเต็มที่ค่ะ มาต่อเร็วๆน้า  :katai4:
หัวข้อ: Re: s h a k e r - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l 02-ป๊าดีดาดีดั๊บ (๒๖/๐๔/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 02-05-2015 01:26:04
03 –  อาจเพราะเธอ



เสียงดนตรีในท่วงทำนองที่สนุกสนาน แสงไฟหลากหลายสีกระตุ้นอารมณ์ให้เคลิ้มไปกับจังหวะดนตรี ผู้คนโดยรอบพูดคุยกันโหวกเหวกเสียงดังแต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ  ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเรื่องราวที่กำลังถ่ายทอดออกมามันช่างน่าขบขันหรือน้ำอำพันที่บรรจุอยู่ในแก้วเป็นตัวขับเคลื่อนให้ทุกคนรู้สึกสนุกกว่าปกติ


บรรยากาศร้านเหล้าไม่เคยเงียบเหงาเลยจริงๆ


กรวิทย์คิดแบบนี้ทุกครั้งที่ได้มา  ร้านนี้เขาไม่ได้มาเป็นครั้งแรกแต่ก็ไม่ได้มาบ่อยเสียจนสนิทสนมกับทุกคนไปหมดเหมือนเพื่อนสนิทของเขาทั้งสองคนอย่างติณและอาร์ท 


ตั้งแต่เรื่องราวที่กรเจอกับสิชลครั้งก่อนถูกบอกเล่าออกไปสู่เพื่อนๆในกลุ่ม  ทุกคนต่างลงความเห็นว่าการลงสนามแข่งครั้งนี้มีเปอร์เซ็นความหวังมากขึ้นเพราะสิชลจำกรได้ตลอด  เพียงแต่ทั้งคู่ยังไม่ได้ทำความรู้จักให้สนิมสนมกันเท่าที่ควร  และนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้กรต้องมานั่งที่ร้านเหล้าหลังมหาวิทยาลัยในคืนวันศุกร์แบบนี้


“ไอ้ติณ แกแน่ใจนะว่าสิชลมันจะมาที่นี่อ่ะ สามทุ่มกว่าแล้วนะเว้ยยังไม่เห็นเลย”

หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มเริ่มบ่นออกมาหลังจากที่พวกเขามาที่นี่กันตั้งแต่สองทุ่มเพราะติณกับอาร์ทบอกว่า พวกมันมักจะเจอสิชลกับเพื่อนๆที่ร้านนี้เสมอ



ติณโยกหัวไปตามจังหวะดนตรีของดีเจประจำร้านที่กำลังสร้างความสนุกให้กับทุกคน  และคงเพราะเสียงดนตรีทำหน้าที่ได้ดีจนทำให้ไอ้อาร์ทลุกไปโชว์สเต็ปการเต้นอันน้อยนิดของมันกับสาวๆโต๊ะด้านหน้าซะแล้ว  ที่โต๊ะตอนนี้จึงเหลือเพียงส้มที่ยังคงสอดส่ายสายตามองหาสิชลไม่เลิก  ส่วนกรที่ปกติเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วแต่ตั้งแต่มาถึงผมยังไม่ได้ยินเสียงมันเลย


“กร กูพามึงมาร้านเหล้านะเว้ย เพลงก็ออกจะตื๊ดขนาดนี้มึงไม่สนุกหรือไง นั่งนิ่งเลย”

ติณเอ่ยแซวเพื่อนสนิทตัวเองที่ดูก็รู้แล้วว่าตื่นเต้นขนาดไหน ถ้าจะบอกว่าเขาบังคับมันให้มาด้วยก็ดูจะใจร้ายเกินไปแต่เรียกว่าเขากำลังพยายามสร้างสถานการณ์ให้มันกล้าทำตามหัวใจตัวเองดีกว่า 


เชื่อไหมครับ ว่าตั้งแต่ที่กรมันเล่าถึงเหตุการณ์ในห้องสมุดให้พวกผมฟัง ผมกับอาร์ทยังคิดเหมือนกันเลยว่า บางทีนี่อาจจะเป็นสัญญาณดีๆอะไรบางอย่างก็ได้  ไอ้การที่เพื่อนผมมันดันเป็นคนที่ไอ้สิชลจำเหตุการณ์ตอนเจอกันได้แม่นแถมยังชวนคุยก่อนด้วย  เป็นแบบนี้แล้วพวกผมก็ขอแอบคิดเข้าข้างเพื่อนตัวเองหน่อยละกันนะครับ ว่ามันพอจะมีหวัง



แต่ก็นั่นแหละ  กรมันก็ยังคงเส้นคงวาในเรื่องความไม่มั่นใจในตัวเอง  และพวกผมก็คิดกันแล้วว่าถ้าจะปล่อยได้สองคนนั้นได้เจอกันเองแล้วรอให้กรเข้าไปคุยเองก็คงยาก   พวกผมจึงตัดสินใจสร้างโอกาสให้เพื่อนตัวเองซะเลยโดยมีส้มเป็นตัวตั้งตัวตี  และการมาร้านเหล้าของพวกผมในวันนี้ก็เป็นหนึ่งในแผนการสร้างโอกาสของพวกผมเอง 



“กูไปห้องน้ำนะ เดี๋ยวมา”

ผมเอ่ยบอกส้มกับติณก่อนเดินไปทางด้านหลังของร้าน  เขาไม่ได้มาเข้าห้องน้ำเหมือนที่บอกกับเพื่อนไว้หรอกเพียงแต่ออกมาหาที่สงบหลังร้านสักหน่อย  กรวิทย์ยอมรับได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่าเขาตื่นเต้นเหมือนที่ติณแซวเขานั่นแหละ  แค่คิดก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว


ถ้าได้เจอกันสิชลจะคิดว่าเราตั้งใจมาเจอหรือเปล่า  แล้วถ้าเจอกันจะหาเรื่องไปคุยยังไงดี  แค่คิดก็ยากแล้วเขาอยากจะร้องไห้แล้วนะ  ทั้งๆที่ปฏิเสธเพื่อนๆไปแล้วว่าไม่เอาแบบนี้  ไม่อยากทำทุกอย่างแบบจงใจไปเสียหมด ไม่รู้สิ เขาก็แค่ไม่กล้าพอที่จะเข้าหาสิชลก่อนแบบนี้


กรมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกว่าเขาลุกออกจากโต๊ะมานานแล้ว  ควรรีบกลับเข้าไปก่อนที่ส้มจะออกมาตามหา  ตอนนี้บนเวทีเปลี่ยนจากดีเจเปิดแผ่นมาเป็นวงดนตรีสดแล้ว  จำนวนคนที่เข้ามาที่นี่ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดดูได้ทางเดินที่แคบลงไปถนัดตา  และสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันทำให้เขาต้องประมวลผลใหม่เลยทีเดียว


เขามั่นใจว่าตั้งแต่มาถึงปริมาณแอลกอฮอล์ที่เขาดื่มเข้าไปมันไม่ได้มากพอจนกระทบกับการมองเห็นแน่นอน  ดังนั้นภาพของสิชลและเพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันกับที่เขาเพิ่งลุกออกมามันดูไม่น่าจะเป็นไปได้  จนกระทั่งส้มหันมาเห็นเขาและกวักมือให้รีบมานั่งที่โต๊ะ 

ที่ว่างเดียวที่เหลืออยู่มันคงเป็นของเขาแน่นอน  และอาการใจเต้นมันจะไม่รุนแรงเท่านี้เลยหากคนนั่งด้านซ้ายมือของเขาไม่ใช่สิชลเหมือนดังตอนนี้



“ไปนานจัง เราเกือบลุกไปตามแล้ว” 

กรส่งยิ้มให้เพื่อนสนิทที่เป็นห่วง  ก่อนเผื่อแผ่ไปถึงคนที่นั่งด้านข้างเขาด้วย สิชลกำลังมองเขาอยู่


“หวัดดี เจอกันอีกแล้ว”

ประโยคทักทายแสนธรรมดาแต่คนที่มีชนักติดหลังแบบเขากลับรู้สึกร้อนรนแปลกๆ หวังว่าสิชลจะไม่รู้นะว่าที่เจอกันวันนี้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ


“พอดีว่าเรากับเพื่อนมาถึงแล้วโต๊ะมันเต็มน่ะ ติณเลยชวนให้มานั่งด้วยกัน ไม่อึดอัดใช่ไหม?”


“ไม่หรอก ตามสบายเลย”   

กรส่งยิ้มเพื่อยืนยันว่าเขาไม่รู้สึกอึดอัดจริงๆ  แต่คนด้านข้างมีอาการขำเล็กน้อยทันทีที่ได้ฟังคำตอบของเขา ทำไมล่ะ?


“บอกว่าไม่อึดอัดแต่นั่งหลังตรงเชียว เกร็งอะไรหรือเปล่า เราว่ากรต่างหากนะที่ควรทำตัวตามสบาย”
ท่าทางยิ้มล้อเลียนจากสิชลมันยิ่งทำให้เขาทำตัวไปถูกไปมากกว่าเดิมเสียอีก  กรไปรู้ว่าเขาจะวางสายตาไปจับจ้องที่ตรงไหนดี



“อะแฮ่มๆ เพื่อนนั่งเต็มโต๊ะนะครับ กรุณาอย่าคุยกันแค่สองคน”

เสียงเอ่ยแซวจากผู้ชายตรงหน้าเรียกร้อยยิ้มจากทุกคนบนโต๊ะได้เป็นอย่างดี  เขาจำได้ว่าคนนี้เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของสิชลเพราะมักจะเป็นอยู่ด้วยกันบ่อยๆที่มหาวิทยาลัย แต่เขาไม่รู้จักชื่อ


“ก็ถ้ากูคุยกันแค่สองคน แล้วมึงจะเสือกทำไมเนี่ยไปป์!”

ดูท่าทางว่าคำตอบของสิชลคงไปสร้างความหมั่นไส้ให้เพื่อนสนิทแน่นอน  ไปป์ปาเม็ดถั่วลิสงใส่สิชล  และบางเม็ดมันกระเด็นมาใส่เขาด้วยทำให้ไปป์ได้คำด่าจากสิชลไปอีกรอบท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนคนอื่นๆ 



กรรู้ตัวดีเสมอว่าเขามีภูมิคุ้มกันต่ำกับสิ่งมีชีวิตที่ชื่อสิชลเสมอ  และวันนี้ดูท่าทางจะอาการหนักกว่าวันอื่นๆเสียด้วย  แม้ว่าตอนนี้บรรยากาศบนโต๊ะจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ  เพื่อนของเขาเข้ากันได้ดีกับเพื่อนของสิชลอย่างรวดเร็ว แต่คงมีแต่เขานี่แหละที่ยังนั่งเกร็ง  แม้ว่าจะหัวเราะไปกับมุกตลกลามกที่ถูกหยิบยกขึ้นมาแต่สายตาเขามักจะไปหยุดที่คนด้านข้างเสมอ


“กรไม่ค่อยดื่มเลยนะ น้ำแข็งละลายหมดแล้ว”  เขาสะดุ้งให้กับคำถามจากคนข้างตัว


“อ่ออ พอดีเราคออ่อนน่ะ ถ้าดื่มเยอะแล้วเดี๋ยวจะลำบากเพื่อนเสียเปล่า”


“อยู่แค่หอในเองไม่ใช่หรอ”


“รู้ด้วยหรอว่าเราอยู่หอใน”


“หึหึ รู้สิ ติณเคยพูดถึงกรอยู่ เราจำได้”

กรรู้สึกขอบคุณเสียงดนตรีที่ดังอยู่ในเวลานี้ชะมัด  เขากลัวเหลือเกินว่าคนข้างกายจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองในเวลานี้ มันเต้นแรงจนเขายังตกใจ  ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกัน  กรรู้สึกเหมือนตัวเขาเองมีตัวตนอยู่ในสายตาของสิชล  เอาอีกแล้วนะ ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเลย


“ติณเคยบอกว่ากรคุยไม่เก่ง แต่เราไม่คิดว่าจะเงียบขนาดนี้นะเนี่ย”


“เอ๋??”


“เจอกันทีไรมีแต่เราชวนคุยฝ่ายเดียวเลย รำคาญบอกกันได้นะ”


“ไม่ใช่นะ เราไม่เคยรำคาญเลย เราพูดจริงๆนะ”

กรวิทย์รีบปฏิเสธข้อกล่าวหาจากสิชล เขาไม่เคยรู้สึกรำคาญสิชลเลยสักนิด ใครจะไปรู้สึกแบบนั้นกันเล่า  ท่าทางลำล่ำละลักปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตายของกรวิทย์เรียกเสียงหัวเราะจากสิชลได้มากทีเดียว


“โอเคๆ เราเชื่อแล้วว่ากรไม่ได้รำคาญเรา แล้วนี่จะเที่ยงคืนแล้วนะกลับหอยังไงเนี่ย”

นั่นสิ เขาลืมไปเลยว่าต้องกลับไปถึงหอพักก่อนเที่ยงคืนนี่นา  คงเพราะหอในเปิด-ปิดเป็นเวลาแบบนี้ละมั้งนักศึกษาส่วนใหญ่จึงเลิกที่จะพักที่หอพักด้านนอกกันแทน  กรตกลงกับส้มไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะกลับด้วยกัน


“ส้ม ส้ม แกจะกลับยัง จะเที่ยงคืนแล้วอ่ะ?”


“เฮ้ยยยยย จริงด้วย โอเคๆ เดี๋ยวเรารีบโทรหาพี่อ๊อฟให้มารับก่อนนะ ตายแล้ว กรจะกลับทันหอปิดไหมเนี่ย”

สมกดโทรศัพท์คาดว่าปลายสายคงเป็นพี่ชายที่ส้มจะให้มารับแน่นอน  เวลาบนหน้าปัดบอกเวลา 23.40 น. แล้ว อีกยี่สิบนาทีหอในจะปิดแล้ว  กรไม่มั่นใจว่าพี่ชายส้มจะมาทัน เขาอาจจะขอตัวกลับก่อนคิดว่าไม่น่าจะเป็นไรนะ


“เอาแบบนี้ไหมส้ม เราว่าพี่อ๊อฟมาไม่ทันแน่เลยเดี๋ยวเรากลับเองดีกว่า ออกไปเรียกวินหน้าร้านก็คงจะมีละมั้ง?”


“เฮ้ยย ได้ไงล่ะ ดึกแล้วมันอันตราย เอางี้เดี๋ยวให้ไอ้ติณไปส่งดีกว่า มันเอามอ’ไซต์มา”

เขาล่ะอยากจะบอกส้มเหลือเกินว่าถ้าให้ติณไปส่งจะน่ากลัวมากกว่าอีก สภาพติณตอนนี้ยังทำเอาส้มส่ายหัวเลยท่าทางจะหมดไปหลายแก้วเลยถึงได้คอพับคออ่อนแบบนั้น  บอกแล้วว่ากลับเองยังจะปลอดภัยกว่า เขาว่าจะบอกลาส้มแล้วกลับเองดีกว่าเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาเสียก่อน


“เดี๋ยวเราไปส่งให้ไหม ขับรถติณไปส่งแปบเดียวเอง”


“อร๊ายยยย ดีเลยสิชล ขอบใจมากน๊า คนอะไรเนี่ยนอกจากหล่อแล้วยังมีน้ำใจอีกต่างหาก”   ส้มรีบไปหยิบกุญแจรถของติณมายื่นให้สิชล


“ไปกันเลยไหมกร”


“เอ่ออ โอเค ไปกันเลย”

กรเอ่ยลาเพื่อนๆและไม่ลืมกำชับให้ส้มโทรหาทันทีที่ถึงบ้านแล้ว เขาเดินตามสิชลออกมาที่หน้าร้าน  ร่างสูงนั่งรออยู่บนมอเตอร์ไซต์ของติณแล้ว  เขาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์อย่างกล้าๆกลัวๆ เว้นช่องว่างระหว่างคนขับไว้เสียเยอะเลย


“เขยิบมาใกล้ๆสิ เดี๋ยวตกนะ”


“ไม่ตกหรอก เรานั่งได้”

สิชลส่ายหัวให้กับคนหัวดื้อที่ซ้อนท้ายเขาอยู่  มือหนาเอื้อมไปดึงแขนของคนด้านหลังก่อนออกแรงกระตุกให้เขยิบเข้ามาใกล้กันมากขึ้น มีอย่างที่ไหนนั่งห่างกันซะอย่างกับรังเกียจเขาแหน่ะ  สิชลอมยิ้มให้กับท่าทางเงอะงะของกรวิทย์


“ใส่หมวกด้วย” กรวิทย์รับหมวกกันน็อคมาสวมก่อนเอ่ยขอบคุณไปเบาๆ


“เกาะแน่นๆ เดี๋ยวจะพาซิ่งไปแล้วนะ” 

กรวิทย์อมยิ้มกับคำพูดของคนขับ  เขาเพิ่งได้เคยเห็นสิชลขับมอเตอร์ไซต์เป็นครั้งแรกแถมเขายังได้รับสิทธิ์พิเศษเป็นคนซ้อนท้ายด้วย ต้องขอบคุณติณที่เมาได้ถูกเวลามาก ฮ่าๆๆ 


สิชลเพิ่มความเร็วขึ้นมากกว่าเดิมเนื่องด้วยเขากลัวว่าจะไม่ทันไปส่งคนตัวเล็กด้านหลังก่อนหอปิด  มือของคนซ้อนกำที่ชายเสื้อด้านล่างของเขาแน่น  หึหึ  คงไม่กล้ามาเกาะเอวเขาแน่เลย  ท่าทางตอนนี้ของกรวิทย์ดูก็รู้แล้วว่ากลัวความเร็วในตอนนี้ขนาดไหน  สิชลเอื้อมไปดึงฝ่ามือที่เกาะอยู่ชายเสื้อให้เลื่อนมาเกาะที่เอวของเขาแทน


“เกาะไว้ เดี๋ยวตก”


กรวิทย์คิดว่ามันคงไม่ทันแล้วล่ะ เขาคงตกไปแล้ว ตกหลุมรักสิชลไปอีกครั้ง ตกลงไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว  เขาอยากจะยืดระยะทางไปหอพักให้ไกลกว่านี้จังเลย  แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะสิชลเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าหอพักตรงบันไดทางขึ้นแล้ว 


กรวิทย์ถอดหมวกกันน็อคก่อนจะยื่นคืนให้กับคนขับ

“ขอบคุณมากนะสิชล”


“แค่นี้เอง ไม่เป็นไร”


“เอ่ออ ขับรถกลับดีๆนะ”

กลั้นใจพูดออกไปแล้ว  เขาพยายามแทบตายกับประโยคง่ายๆแบบนี้ ในที่สุดก็กล้าพูดออกไป


“หึหึ เป็นห่วงหรอ?”


“ห๊ะ !”


“ฮ่าๆๆๆ  รู้ตัวไหมเนี่ยว่าชอบทำตัวแปลกๆ ไม่ค่อยพูดกับเราเลย พอเราเข้าใกล้ก็ทำเหมือนกลัว แถมชอบนิ่งใส่ กับคนอื่นเป็นแบบนี้ป่าวเนี่ย”


“มันเหมือนกันที่ไหนเล่า!”   เฮ้ยยยยย  ผมว่าผมคิดในใจแล้วนะ ทำไมถึงได้มีเสียงดังแบบนั้นล่ะ 


“อ๋ออออ เป็นแค่กับเราสินะ”

ตอนนี้ลุงยามเดินมาเตรียมจะปิดประตูหอพักแล้ว  สิชลสตาร์ทรถเตรียมตัวกลับออกไป  แต่ก่อนจะไปเขามองผมด้วยสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์มากในความรู้สึกของผมพร้อมกับเอ่ยประโยคบอกเล่าที่ความหมายเหมือนประโยคคำสั่งชะมัดเลย




“เป็นแค่กับเราคนเดียวพอนะ ไอ้อาการแปลกๆพวกนั้นอ่ะ”




TBC.



 






 

หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l 03-อาจเพราะเธอ (๒/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 02-05-2015 05:58:02
อร๊ายยยยยยยยย น้องกรกับสิชลน่ารักอ่ะ ชอบค่ะชอบ รอตอนต่อไปนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l 03-อาจเพราะเธอ (๒/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: qxchanim ที่ 02-05-2015 08:51:12
สิชลคะะะะ ถ้าจะพูดกับหนูกรขนาดนี้ขอเป็นเเฟนเลยเถอะค่ะ  หนูกรน่ารักมากๆ เป็นกำลังใจให้คนเเต่งมาต่อตอนต่อไปนะคะ เราชอบมากกกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l 03-อาจเพราะเธอ (๒/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 04-05-2015 20:33:14
04 – สิ่งที่เราไม่เคยเข้าใจ




เสียงลูกบาสกระทบกับพื้นไปตามจังหวะการเล่นของผู้เล่นแต่ละฝ่าย  รองเท้ามีเสียงเอี๊ยดอ๊าดไปตามจังหวะการวิ่ง  แม้จะเป็นเพียงแค่การฝึกซ้อมแต่นักกีฬาแต่ละคนต่างก็เต็มที่ดูได้จากสีหน้าและท่าทาง

กรวิทย์มองเพื่อนสนิทตัวสูงของตัวเองอย่างติณที่กำลังพยายามเลี้ยงลูกบาสหลบหลีกจากนักกีฬาฝั่งตรงข้าม  ท่าทางเอาจริงเอาจังแบบนี้เขาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักหรอก 

ติณเป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่ม.ปลายแล้ว เขาย้ายโรงเรียนตอนม.สี่มาเข้าโรงเรียนประจำจังหวัด  ในตอนนั้นกรวิทย์เป็นเด็กพูดน้อยกับคนที่ไม่รู้จักแต่จะพูดมากกับเพื่อนสนิท และเพราะติณเข้ามาทักและทำความรู้จักกับเขาก่อนจึงทำให้เขามีติณเป็นเพื่อนคนแรก  และเรื่องบังเอิญก็ยังเกิดขึ้นอีกเมื่อเขาและติณสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในคณะเดียวกัน 

ในตอนกิจกรรมรับน้องตอนปีหนึ่ง  เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเป็นลมกรวิทย์ที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดจึงรีบพยุงเพื่อนและพาไปห้องพยาบาล  พอเพื่อนคนนั้นฟื้นขึ้นมาเธอจึงขอบคุณเขาเป็นการใหญ่และปัจจุบันเธอก็เป็นเพื่อนผู้หญิงที่เขาสนิทที่สุดในตอนนี้ ส้มนั่นเอง

ส่วนอาร์ทนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับติณกับส้มที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีจนทำให้มันตัดสินใจมาอยู่กลุ่มเดียวกัน ไม่รู้สองคนนั้นไปหว่านล้อมพ่อหนุ่มเมืองกรุงมาได้ยังไง  อาร์ทมันเป็นหนุ่มที่มีหน้าตาที่สาวๆเห็นต้องชอบ  ตาคม ตัวสูง ผิวแทน พูดน้อย  แต่มันมีดีที่หน้าตาจริงๆแค่นั้นล่ะครับ พวกเดียวกับไอ้ติณเลย ฮ่าๆๆๆ



“กร ส่งน้ำให้กูหน่อยดิ” ชายหนุ่มร่างสูงดีกรีนักกีฬาบาสเก็ตบอลของคณะวิทยาศาสตร์ออกคำสั่งกับเพื่อนตัวเองที่วันนี้มานั่งรอเขาที่ขอบสนาม  หน้าของไอ้กรตอนนี้ดูก็รู้แล้วครัวว่ามันเบื่อแต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ    วันนี้ติณโดนเรียกตัวด่วนให้มาซ้อมกีฬาแบบกะทันหัน  แต่เขาดันรับปากเพื่อนไปว่าวันนี้จะพามันไปกินขนมที่ร้านเปิดใหม่หลังมหาวิทยาลัยเนื่องจากไอ้กรมันช่วยลอกการบ้านให้แล้วส่งอาจารย์ได้ทันท่วงทีในวันที่ผมดันแฮงค์มาเรียนไม่ไหว

“อีกนานไหมวะติณ กูไม่ไปกินวันนี้แล้วก็ได้นะ”

เอาแล้วครับ  เพื่อนตัวเล็กมันออกอาการงอแงแล้วครับ ไม่รู้มีใครเคยบอกมันหรือยังว่ามันเป็นคนเก็บอาการไม่เก่งจริงๆ ดีใจ เสียใจ หรือไม่พอใจอะไรทุกอย่างจะออกทางสีหน้าหมดเลยแม้ว่ามันจะไม่พูดออกมา


“อีกแปบเดียวเอง รอก่อน เขาจองสนามถึง6โมงเย็น”

กรวิทย์มองดูหน้าปัดนาฬิกาที่ข้อมือเหลืออีก 20นาทีจะ6โมงเย็น  เขาพยักหน้าตอบรับติณเพื่อให้รู้ว่าเขาจะรอก็ได้  ติณลงสนามไปอีกครั้ง  ตอนนี้เขาทำได้แค่มองไปรอบๆเรื่อยเปื่อย  โรงยิมแห่งนี้นอกจากจะมีนักกีฬาที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่สนามแล้ว  บนที่นั่งบริเวณรอบยังมีผู้ชมบางส่วนที่คาดว่าน่าจะเป็นแฟนๆของนักกีฬามานั่งดูการซ้อมอยู่ด้วย 

น่าเบื่อชะมัดเลย !  

วันนี้กรมีเรียนตั้งแต่เช้าและเลิกเรียนตอนสี่โมงเย็น  ถ้าไม่ติดว่ามีนัดกับไอ้ติณป่านนี้คงได้นอนตีพุงสบายใจอยู่ห้องแล้ว  ส้มกับอาร์ทก็ขอบายไม่ยอมมาด้วยกันบอกว่าเรียนจนอิ่มกินอะไรไม่ลง 




“มานั่งทำอะไรตรงนี้”  เสียงทักจากด้านหลังทำให้กรที่กำลังเหม่อสะดุ้งตกใจ กรหันไปมองหน้าคนขี้แกล้งก่อนจะตกใจอีกรอบที่เป็นสิชลกำลังยืนยิ้มสว่างไสวอยู่ตรงหน้า


แสบตาจัง


ทำไมผู้ชายตรงหน้าช่างเจิดจ้าได้ขนาดนี้เนี่ย สิชลอยู่ในชุดนักบาสเตรียมพร้อมลงสนาม กล้ามแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้ออกมาบ่งบอกได้ดีว่าคนตรงหน้าออกกำลังกายหนักขนาดไหน


“อ่ออ.. เรามารอติณน่ะ  แล้วสิชลมาซ้อมหรอ?”

“อืมม เพื่อนเราจองสนามต่อจากวิดยาน่ะ”

“อ่าฮะ แล้วช่วงนี้ซ้อมหนักหรือเปล่า”

“อาทิตย์ละสามวันเลย โค้ชเขาไม่อยากเสียแชมป์น่ะ”

นั่นสินะ  ช่วงนี้กีฬาภายในมหาวิทยาลัยก็ใกล้จะเริ่มแล้ว เดินไปทางไหนก็มักจะเห็นน้องๆเริ่มทำคัทเอาท์หรืออุปกรณ์เชียร์กันบ้างแล้ว  แถมเรื่องกีฬาก็เป็นอีกอย่างที่แต่ละคณะยอมกันไม่ได้  ซึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ถือได้ว่าเป็นเจ้าเหรียญทองทางด้านกีฬาเสียด้วยและหนึ่งในนั้นก็เป็นบาสเก็ตบอล



“อ้าวว  มารอซ้อมหรอวะสิชล?”

ติณเอ่ยทักสิชล  เขาเลิกซ้อมพอดีแล้วหันมาเจอเพื่อนสนิทตัวเองกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับขวัญใจมันอยู่ เหอะๆ ไม่เก็บอาการบ้างเลยไอ้กร

“ใช่ เห็นกรนั่งอยู่คนเดียวเลยแวะมาคุยด้วย”  ผมพยักหน้าให้กับสิชลก่อนใช้งานเพื่อนสนิทตัวเองที่กำลังนั่งทำหน้าเคลิ้มอยู่

“กร เอาน้ำกับผ้าเย็นให้กูหน่อย” 

ไอ้เพื่อนตัวดีทำหน้ายู่ใส่ที่ผมออกคำสั่งใช้มัน  กรยื่นน้ำกับผ้าให้ผมพร้อมกับบ่นผม “ไม่มีมือหยิบเองหรือไง”

“มี แต่อยากใช้เพื่อน มีอะไรไหม”

“กวนตีน!” ไอ้ตัวเล็กด่าผมแบบไม่มีเสียง แต่ก็ชัดเจนแบบที่ใครอ่านปากก็รู้น่ะครับ ฮ่าๆๆๆ



“อิจฉาติณว่ะ ซ้อมเสร็จก็มีคนดูแล”

สิชลที่ยืนเงียบอยู่เอ่ยปากบอกว่าอิจฉาผมแต่หน้าตามันเนี่ยไม่บ่งบอกว่าจะอิจฉาผมเลยสักนิด หึหึ! ดูก็รู้แล้วครับว่ามันตั้งใจจะหยอดไอ้ตัวเล็กและดูท่าว่าจะได้ผลซะด้วย  กรยืนนิ่งเม้มปากเน้น ไม่พูดไม่จาเลย


“อิจฉากูทำไมครับสิชล กับกูเนี่ยเขาไม่เต็มใจดูแลสักหน่อย แต่ถ้ากับมึงอ่ะไม่แน่นะ” เอาสิครับ ผมขอแกล้งเพื่อนสนิทตัวเองสักหน่อย

“ไอ้ติณ!!!!”  กรตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดัง ใครใช้ให้มันพูดแบบนั้นกันเล่าเดี๋ยวสิชลก็จับได้หรอก กรจ้องเพื่อนสนิทจนตาแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว  เขาอยากจะสั่งให้ไอ้ติณมันหุบปากเสียเดี๋ยวนี้  แต่ท่าทางมันไม่สำนึกซะด้วยเพราะยังมาหัวเราะเขาอยู่เลย 

“ไอ้ติณมันก็พูดไปเรื่อย สิชลอย่าไปถือสามันเลยนะ” กรวิทย์เอ่ยออกไปหวังว่าสิชลจะไม่สงสัยในสิ่งที่ติณพูด

“อ้าว..  พูดเล่นหรอ อุตส่าห์ดีใจไปแล้วนะเนี่ย!”

อีกแล้วววว กรวิทย์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหยุดหายใจอีกแล้ว สิชลพูดมันออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยแต่คนฟังอย่างเขานี่คิดไปไกลแล้วนะ  เสียงเพื่อนในทีมตะโกนเรียกให้สิชลลงไปเตรียมตัวซ้อมในสนาม สิชลจึงเอ่ยขอตัวไปก่อน  คงมีแต่เพียงกรวิทย์นี่แหละที่ยังยืนนิ่งมองตามจนลับสายตาไป

“ยืนนิ่งเลยนะครับ ไหนบ่นว่าหิวหรือว่าอิ่มอกอิ่มใจแล้ว”

ป๊าบบบ !!  กรฟาดมือไปกลางหลังของติณเต็มแรง  ปากเสียจริงๆไอ้เพื่อนคนนี้

“พูดมาก รีบไปเลยกูหิวแล้ว” กรหันไปดุเพื่อนสนิทก่อนเดินนำออกไป  แต่ทำไมเขาถึงแอบรู้สึกว่าตัวเบาแปลกๆ เท้าไม่สัมผัสพื้นเลยหรือว่านี่จะเป็นอาการของคนตัวลอย ><



.
.
.


“สรุปกรจะไม่กลับพร้อมเราใช่ไหม?”

“ใช่ เราจะแวะไปยืมหนังสือก่อน อาทิตย์หน้ามีควิซน่ะ”

ผมเอ่ยตอบส้มพร้อมกับเก็บชีทเรียนและอุปกรณ์ต่างๆลงกระเป๋า ส้มชวนผมกลับบ้านเหมือนทุกทีเพียงแต่วันนี้ที่ต้องปฏิเสธไปเพราะวิชาเลือกของผมจะมีสอบอาทิตย์หน้า  ได้ข่าวมาว่าอาจารย์ออกข้อสอบโหดมากงานนี้เลยต้องมีศึกษาความรู้เพิ่มเติมเสียหน่อย  ส่วนติณกับอาร์ทก็ขอกลับห้องไปนอนเอาแรงทันทีที่เลิกคลาส เห็นว่าคืนนี้จะไปก่งก๊งกันอีกแล้ว

“โอเค งั้นเรากลับก่อนน๊า”

“อืมม ถึงบ้านอย่าลืมไลน์มาด้วยนะ”

ส้มพยักหน้าให้กับคำสั่งของผมก่อนที่จะเดินแยกกันตรงหน้าหอสมุด  เวลาช่วงบ่ายของวันพุธหอสมุดช่างเงียบเหงาดีจริงๆ คนน้อยมาก  ผมเดินเอากระเป๋าไปจองโต๊ะเดี่ยวติดริมหน้าต่างก่อนจะเดินออกมาหาหนังสือที่ต้องการ


“สิชล ถ้าเราสรุปแบบนี้จะเข้าใจไหมอ่ะ ลองช่วยดูให้เราหน่อยสิ”

สายตาที่กำลังกวาดตาตามสันปกหนังสือตรงหน้าของกรวิทย์หยุดชะงักทันที่ที่ได้ยินเสียงเอ่ยชื่อสิชล  ในมหาวิทยาลัยจะมีคนชื่อสิชลสักกี่คนกันเชียว  กรมองตามเสียงจนไปเห็นด้านหลังของนักศึกษาชายสองคนที่นั่งตัวติดกัน  แม้จะเห็นเพียงด้านหลังแต่เขาก็จำได้ไม่ผิดแน่ๆ

“อืมมม เท่าที่อ่านดูก็เข้าใจง่ายดี เราว่าแบบนี้โอเคแล้วบูม”

ชัดเลย! น้ำเสียงแบบนี้เป็นของสิชล พัฒนวงษ์วิลัย คนเดียวกับที่ทำให้เขามักจะใจเต้นแรงอยู่เสมอแน่นอน  แต่ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆเป็นใครกันนะ  เพื่อนหรอ? แต่ทำไมต้องทำเสียงอ่อนเสียงหวานเวลาพูดด้วยล่ะ  แล้วเพื่อนแบบไหนกันถึงได้มองตาเยิ้ม ยิ้มหวานให้กันแบบนั้น


รู้สึกแย่


กรวิทย์รู้สึกแบบนั้นจริงๆ รู้สึกแย่กับตัวเองที่มีสิทธิ์อะไรไปไม่พอใจสิชลเขา ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย  แล้วก็รู้สึกแย่กับคนตรงหน้าที่ชอบมาทำให้เขารู้สึกดีอยู่ตลอดเพียงแต่ไม่ใช่เขาคนเดียวสินะที่สิชลมักจะใจดีด้วย

แค่ต้องนึกว่าสิชลใจดีกับใครไปทั่วกรวิทย์ก็รู้สึกว่าตัวเองเล็กลงอีกแล้ว  คนที่นั่งข้างๆสิชลตอนนี้แม้จะคุ้นหน้าแต่เขาก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร  แต่ขนาดแค่เห็นเพียงด้านข้างก็รู้สึกได้แล้วว่าน่ารัก ผู้ชายคนนั้นน่าจะสูงไม่มากนักเผลอๆน่าจะตัวเล็กกว่าเขาอีก  ผิวขาว  แถมช่างพูดช่างจา  เฮ้ออ.. เห็นแบบนี้ก็อดจะเอามาเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้

“อร๊ายยยย นั่นมันพี่สิชลกับพี่บูมใช่ไหมอ่ะ” เสียงกรีดร้องเบาๆทางด้านหลังเรียกความสนใจจากกรวิทย์ได้ทันทีที่น้องผู้หญิงสองคนทำท่าเหมือนจะรู้จักผู้ชายคนนั้น

“พี่สิชลชอบอยู่กับพี่บูมอยู่บ่อยๆเลยอ่ะแก”

“นั่นดิ แบบนี้เขาจะมีซิมติงกันป่าววะ?”

“ถ้ามีซัมติงกันจริงๆ โคตรจะเหมาะสมเลยเนอะ แค่คิดก็ฟินแล้ว ><”

กรวิทย์ยืนมองภาพตรงหน้าประโยคของน้องผู้หญิงสองคนนั้นลอยเข้ามา เหมาะสมกันจริงๆนั่นแหละ  สิชลกับผู้ชายที่ชื่อบูมกำลังหัวเราะกันอยู่สีหน้าดูมีความสุข  นั่นสินะ เขาเหมาะสมกันดีอยู่แล้ว ระดับสิชลถ้าจะมีใครสักคนก็ต้องน่ารักแบบนั้นก็ถูกแล้ว 

กล้ามากเลยนะกรวิทย์

กล้ามาก.. ที่คิดเข้าข้างตัวเองไปแบบนั้น เจ็บไหมล่ะ พอเห็นแบบนี้เจ็บไหม เจ็บแล้วต้องจำด้วย จำไว้เลยว่าอย่าไปคิดเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้อีก

หมดแรงจะอยู่หาหนังสือต่อแล้ว  กรเดินมาหยิบกระเป๋าก่อนเดินออกจากหอสมุดไป  เขาขอกลับห้องไปอยู่เงียบๆคิดอะไรคนเดียวก่อน เรื่องนี้จะเอายังไงต่อไปดีเขาก็ยังคิดไม่ออกหรอก ในหัวตอนนี้มันตื้อไปหมดเลย

.
.
.



Rr Rr  Rr.. .
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่โทรศัพท์มือถือข้างกายส่งเสียงเรียกเข้า กรวิทย์มองเบอร์แปลกที่เขาไม่ได้เมมชื่อไว้  ใครกัน  เบอร์ไม่คุ้นเลย โทรศัพท์หยุดส่งเสียงไปแล้วก่อนที่จะดังขึ้นมาอีกครั้ง  กรวิทย์จึงตัดสินใจรับสาย

“ฮัลโหลครับ”

“…”

“ฮัลโหล  ใครครับ?”

“กร ผมเองนะ สิชล”

“………”

สิชลหรอ????? เฮ้ยยย โทรมาได้ยังไง  กรเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง สิชลมีเบอร์เขาได้ยังไง  โทรมาทำไม  มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า โอ๊ยยยย คำถามเยอะแยะไปหมดเลยแต่เขากลับไม่กล้าถามออกไปสักอย่าง

“เอ่ออ สิชลหรอ โทรมามีอะไรหรือเปล่า?”

“เราจะโทรมาถามว่าวันนี้กรได้มาหอสมุดหรือเปล่า?”

“ห๋า? สิชลรู้ได้ยังไงอ่ะ”

“พอดีเราเห็นชีทเรียนที่มีชื่อกรตกอยู่น่ะสิ ไม่รู้จะตามตัวยังไงด้วยเราเลยโทรไปขอเบอร์กับติณ เห็นติณบอกว่าชีทนี้ต้องใช้อ่านด้วยใช่ไหม พรุ่งนี้มีสอบวิชาโมเดิร์นฟิสิกส์อ่ะ เราเลยรีบเอามาคืนกลัวกรไม่มีอ่านสอบ”

เดี๋ยวก่อนนะ  เขาว่าต้องมีการเข้าใจผิดแน่พรุ่งนี้จะมีสอบวิชาโมเดิร์นฟิสิกส์ได้ยังไงในเมื่อมันสอบเสร็จวันนี้แล้ว  ไอ้ติณมันจำผิดหรือเปล่าวะเนี่ย

“เราขอบคุณมากเลยนะ แต่เราว่าติณมันคงเข้าใจผิดน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเอาชีทกับสิชลก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก”

“ไม่ทันแล้ว ตอนนี้เรารออยู่ใต้หอแล้ว”

“เฮ้ยยย จริงดิ! โอเคๆเดี๋ยวเรารีบลงไป”

ฉิบหายแล้วไงล่ะ สิชลรออยู่ข้างล่างแล้วแต่สภาพของผมตอนนี้มันดูไม่ได้เอาเสียเลย ผมชี้ฟูไม่เป็นทรง หน้ามัน  เสื้อนักศึกษายับไปหมดคงเป็นเพราะมาถึงแล้วล้มตัวนอนทันทีไม่มีแรงจะทำอย่างอื่นเลย  ผมรีบวิ่งไปล้างหน้าอย่างรวดเร็ว หวีผมแบบขอไปที ก่อนรีบลงลิฟต์ไปชั้นล่างเพราะไม่อยากให้สิชลต้องมารอนาน  ลิฟต์ในตอนนี้มันช่างเร็วไม่ทันใจผมเอาเสียเลย ผมกวาดสายตาไปทั่วบริเวณด้านล่างหอพักที่มีนักศึกษาอยู่ประปราย  เจอแล้วสิชลนั่งรออยู่ตรงมุมเสากับ.. คนคนนั้น 

ในความเป็นจริง  ต่อให้ผมลงมาหาเขาในสภาพไหนมันก็คงไม่มีผลอยู่ดีนั่นแหละเพราะยังไงมันก็คงยังไม่น่ารักเท่าคนที่นั่งข้างๆเขาในตอนนี้ 

เป็นไงล่ะกรวิทย์ เห็นเต็มตาแบบนี้แล้วมันเจ็บดีไหม เขาควงกันมาให้เห็นแบบนี้คงจะคิดอะไรได้บ้างแล้วสินะ  อาการหน่วงมันเป็นแบบนี้เองสินะ หัวใจเหมือนจะเต้นช้าลง สิชลหันมาเห็นผมพอดีจึงโบกมือให้เห็น  ผมยิ้มรับก่อนเดินเข้าไปหา

“หน้าตาไม่ค่อยดีเลยนะกร” สิชลเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลนิดๆ

“พอดีเราเพิ่งตื่นน่ะ ไม่ได้เป็นอะไรหรอก” ผมยิ้มให้สิชลเห็นว่าไม่เป็นไรก่อนจะเผื่อแผ่ไปถึงคนข้างๆเขาด้วย

“อ่ะ นี่ชีทเรียนที่กรทำตกไว้” สิชลยื่นชีทเรียนของวิชาโมเดิร์นฟิสิกส์ที่มีชื่อของผมเขียนอยู่บนหัวมุมกระดาษมาให้

“ขอบคุณมากๆเลยนะ หล่นตอนไหนเราไม่รู้เลย”

“เราเดินออกมาเห็นมันหล่นอยู่แล้วน่ะยังคิดอยู่เลยว่าชื่อคุ้นๆเลยตัดสินใจโทรหาติณดู ว่าแต่กรไปหอสมุดวันนี้ไม่เห็นเราหรอ เราอยู่แถวๆนั้นเลยนะ”

“เอ่ออ.. เราไม่เห็นหรอก พอดีเราไปแค่แปบเดียวน่ะ”

สิชลพยักหน้ารับรู้ให้กับคนตรงหน้า  วันนี้กรวิทย์ดูแปลกไปสิชลรู้สึกได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ้าตัวเพิ่งตื่นอย่างที่บอกหรือเปล่าแต่ท่าทางดูไม่สดใจเหมือนเคย  แม้จะไม่ค่อยพูดเหมือนเดิมแต่แววตาวันนี้ไม่มีประกายความสดใสเหมือนทุกที  แถมยังหลบตาไปค่อยกล้าสู้หน้าเขาด้วย

“เอ่ออ สิชล พ่อเราไลน์มาบอกว่ามาถึงแล้วน่ะ”   บูมเอ่ยแทรกขึ้นมา

“โอเค งั้นเดี๋ยวเราเดินไปส่ง”

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราเดินไปเองก็ได้แค่มานั่งรอเป็นเพื่อนก็เกรงใจสิชลจะแย่แล้ว” คนตัวเล็กข้างกายสิชลเอ่ยปฏิเสธออกมาแต่ดูท่าทางจะไม่เป็นผล

“ได้ยังไงล่ะ มันมืดแล้วอันตรายนะ เดี๋ยวเราเดินไปส่งนี่แหละ”

ผมยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก  มันเจ็บกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ภาพที่สิชลเป็นห่วงคนข้างกายในตอนนี้ดูยังไงมันก็คงไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา  มือของผมกำชีทเรียนแน่นจนกลัวว่ามันจะขาด  หมดแล้วล่ะ ไม่มีแล้วความหวังลมลมแล้งแล้งที่เคยคิดไว้  บางทีชีวิตจริงมันไม่เหมือนนิยายที่วางขายบนแผงหนังสือ พระเอกหล่อ รวย เฟอร์เฟค จะหันมามองคนที่หน้าตาธรรมดาๆ ไม่ได้มีดีอะไรมากมายแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก

กรวิทย์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมจนคนทั้งสองเดินลับสายตาไปเขาถึงได้เดินหันหลังกลับขึ้นบนห้อง  สายตาตอนนี้พร่ามัวไปด้วยม่านน้ำในตา  ตกใจไม่น้อยที่มีน้ำตา ไม่คิดว่าจะรู้สึกมากมายขนาดนี้  มันคงถึงเวลาแล้วสินะ กลับไปจุดเริ่มต้นได้แล้ว จุดที่ยังไม่ได้รู้จักกัน จุดที่ความรู้สึกคาดหวังมันยังไม่ได้ท่วมท้นแบบนี้





TBC.

รู้สึกขอบคุณกับทุกคนที่ได้เข้ามาอ่าน ขอบคุณกับคอมเม้นของทุกคน
จุดที่ต้องปรับปรุงของเรื่องนี้ยังมีอีกมาก ยังไงก็จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆนะคะ
*กอดผู้อ่านทุกท่าน*


หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 04 (๐๔/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: mintra ที่ 04-05-2015 20:54:17
 :katai1: :mew5: อินกะตอนนี้มากก
ประสบการณ์ตรงง
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 04 (๐๔/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: qxchanim ที่ 04-05-2015 21:06:55
 :sad4: เจ็บค่ะ เจ็บเเทนหนูกร สิชลคิดอะไรกับหนูกรมั้ยหรือที่ทำมาคือเป็นคนดี
ตอนหน้าถ้าสิชลยังจะเฟรนลี่เจนเทิลเเมนกับทุกๆคนอยู่ อิป้าจะย้ายทีมค่ะ
ไม่ทีมสิชลเเล้วค่ะ อิป้าจะโกรธธธ :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 04 (๐๔/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 04-05-2015 21:34:25
ถ้าเหนื่อยแล้วก็พอเนอะกร ดูสิ ขนาดจะไปยังไม่ลาเลยอะ ไม่ไหวเลยยยยยยย  :ling3:
ทีมติณได้ไหมนี่ 5555555555555555
ลองถอยออกมาก็ดีเนอะ ไม่ต้องคาดหวังอะไรเยอะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 04 (๐๔/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-05-2015 22:24:16
สนุกดีค่ะ รออ่านอีก
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 04 (๐๔/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 10-05-2015 21:00:34
05 – วันที่ฉันป่วย



มีคนเคยบอกไว้ว่าสมองเป็นอวัยวะที่ซับซ้อนและเข้าใจยากที่สุด   เราไม่สามารถจะเร่งให้สมองเข้าใจเรื่องบางอย่างได้ตามต้องการ  หรือไม่สามารถสั่งให้ลืมเลือนบางเหตุการณ์ได้ตามที่หวัง  ตอนนี้กรวิทย์เชื่อแล้วแหละว่าสมองเป็นสิ่งที่ดื้อรั้นเสียจริงๆ  เพราะเพียงแค่ไม่อยากจะนึกถึงใครบางคน เขายังทำไม่ได้เลย..

เสียงบรรยายของอาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์กำลังอธิบายถึงเนื้อหาที่จะสอบกันในช่วงสิ้นเดือนนี้  สมการที่อาจารย์กำลังสรุปฉายบนโปรเจ็คเตอร์เพื่อให้นักเรียนว่า500 คนได้มองเห็นอย่างทั่วถึงภายในห้องเรียนรวมแห่งนี้  หากกวาดสายตามองไปก็จะพบนักศึกษาหลากหลายภาควิชาอยู่ในห้องนี้  หากเป็นเมื่อก่อนวิชานี้เคยเป็นวิชาโปรดของกรวิทย์เลยเพราะเขาจะได้เรียนพร้อมกับสิชลแม้ว่าจะนั่งห่างกันไกลเหลือเกิน  แต่ทุกครั้งแค่เพียงได้นั่งมองจากด้านหลังเขาก็รู้สึกดีแล้ว  เพียงแต่วันนี้ความรู้สึกที่มีมันไม่เหมือนแต่ก่อน

กรวิทย์กำลังตั้งหน้าตั้งตาจดเนื้อหาตามที่อาจารย์กำลังสอนและเน้นเนื้อหาส่วนที่สำคัญเอาไว้เพื่อสะดวกตอนเวลาอ่านสอบ  เขากำลังพยายามจดจ่อกับเนื้อหาของวิชาเรียนเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจกับสายตาสงสัยจากเพื่อนสนิททั้งสาม

“เฮ้ยย กร ทำไมวันนี้มึงตั้งใจเรียนจังเลยวะ แปลกๆนะมึง”
อาร์ททนเก็บความสงสัยกับท่าทีของเพื่อนสนิทไม่ได้ ทุกทีเพื่อนเขาไม่ได้เคร่งเครียดตอนเรียนขนาดนี้ แม้ว่ากรวิทย์จะเป็นคนที่ตั้งใจเรียนแต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่พูดไม่จา สายตาเอาแต่มองตรงไปที่ผู้สอนอย่างเดียวแบบวันนี้


“นั่นสิ เราก็ว่าแปลกนะ วันนี้กลุ่มสิชลนั่งอยู่ใกล้พวกเรามากเลยนะกรไม่ตื่นเต้นหน่อยหรอ ทุกทีนั่งไกลกว่านี้กรยังสนใจ คอยมองตลอด  แต่วันนี้ไม่มองเลยอ่ะ”

 หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มพูดสนับสนุนความคิดของอาร์ท  ส้มสังเกตมาหลายวันแล้ว ช่วงนี้กรไม่เอ่ยถึงสิชลเลยแม้ว่าจะเจอสิชลโดยบังเอิญ  หรือเวลาเดินสวนกันตอนเปลี่ยนคาบเรียนกรก็ไม่ยอมทัก ไม่ยอมมองหน้า  ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่สงสัยแต่เพราะกรไม่ยอมพูดอะไรต่างหากเล่าเธอจึงไม่รู้ว่าจะทำยังไง  แถมอาการหงอยและชอบเหม่อบ่อยๆอีก กรไม่เคยเป็นแบบนี้นะ จากที่เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งพูดน้อยไปใหญ่เลย

“เราไม่ได้เป็นอะไรหรอก พอดีบทนี้เราไม่ค่อยเข้าใจน่ะเลยอยากจะตั้งใจเป็นพิเศษ”

กรวิทย์เอ่ยปดออกไป  เขายังไม่ได้บอกเพื่อนๆถึงเรื่องที่เจอสิชลวันก่อน  แต่ท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขาคงทำให้เพื่อนๆสงสัยแน่นอน
เขาเห็นแต่แรกแล้วว่ากลุ่มสิชลนั่งเยื้องพวกเขาไปไม่ไกลเท่าไหร่  แถมคนน่ารักคนนั้นก็นั่งอยู่ข้างสิชลด้วยสิ เหอะ! ชัดเจนขนาดนั้นก็เปิดตัวไปเลยสิ

“กร ถ้ามึงยังเห็นพวกกูเป็นเพื่อนอยู่ มึงมีอะไรไม่สบายใจก็บอกพวกกูดิวะ ทุกทีมึงไม่เป็นแบบนี้ กูไม่สบายใจนะเว้ย”

ติณทนดูเพื่อนตัวเองที่ทำตัวเหมือนเลื่อนลอยต่อไปไม่ไหว  ถึงปากจะบอกว่าไม่มีอะไรแต่ท่าทางมันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด  ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองต้องไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องไอ้สิชลแน่นอน  เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร มันไปเจออะไรมาถึงได้เป็นแบบนี้

กรวิทย์ละความสนใจจากอาจารย์ที่กำลังอธิบายอยู่หน้าห้องหันมามองเพื่อนสนิททั้งสามคนที่มองดูเขาอย่างห่วงใย 

เฮ้อออออ .. .

รู้สึกไม่ดีเลยที่เพื่อนๆต้องมาไม่สบายใจไปกับเขาด้วย  กรจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เจอสิชลเมื่อวันก่อนให้เพื่อนๆฟัง  และทันทีที่เล่าจบเพื่อนๆแต่ละคนก็มีหน้าตาเคร่งเครียดไม่ต่างกันเลย

“เพราะแบบนั้นแหละ กูเลยว่าจะลองถอยออกมาจากสิชลสักหน่อย คือเรื่องนี้สิชลมันไม่ผิดเลย เขาก็เป็นแบบนั้นมาตลอด แต่กูคงผิดเองที่คิดเข้าข้างตัวเองมากไปว่าพอจะมีสิทธิ์ แต่สุดท้ายเมื่อมันไม่ใช่กูเลยเสียใจ แต่ใช่ว่ากูจะเกลียดสิชลนะ กูก็ยังรู้สึกดีกับเขาเหมือนเดิมนั่นแหละ”

กรยอมรับได้อย่างเต็มปากว่าความรู้สึกที่มีให้สิชลไม่ได้น้อยลงไปเลย  หากแต่ถ้าเขายังคงได้ใกล้ชิดเหมือนแต่ก่อนมันคงจะไม่เป็นผลดีกับความรู้สึกที่คิดหวังของเขาตอนนี้ 

กรวิทย์ในตอนนี้ไม่ได้เป็นคนที่ชอบสิชลด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์อีกต่อไป  เขาทนไม่ได้อีกแล้วถ้าจะต้องมอบหัวใจให้ไปโดยที่ไม่ได้อะไรตอบกลับมาเลย  ดังนั้น การเว้นระยะห่างต่อกันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด  เพราะตัวเขาเองก็อยากกลับไปเป็นคนเดิมคนที่แม้จะได้มองอยู่ในมุมไกลๆแต่ก็พอใจและมีความสุข

“สรุปคือกรพยายามจะไม่สนใจสิชลแล้วหรอ?”

“แค่ช่วงนี้น่ะส้ม คงเพราะได้ใกล้เกินไปเราเลยหวังเยอะ ถ้าได้กลับไปแอบมองเหมือนแต่ก่อนเราว่าน่าจะดีกว่านี้”

ส้มทำได้เพียงพยักหน้าให้กับคำตอบของกรวิทย์  ตอนนี้เธอไม่รู้แล้วว่าควรจะให้เพื่อนสนิทตัวเล็กทำอย่างไรต่อไปดี  ใจหนึ่งก็อยากจะให้เพื่อนลองหาคำตอบให้แน่นอนก่อนว่าสิชลมีแฟนแล้วจริงๆน่ะหรอแต่พอเห็นท่าทางของเพื่อนตัวเองแล้วก็ได้แต่สงสาร  คงไม่อยากจะเจอจริงๆนั่นแหละ  แต่ถ้าเกิดว่าสิชลยังไม่มีแฟน เพื่อนสนิทของเธอเข้าใจผิดไปเองแบบนี้มันก็เท่ากับเสียโอกาสไปชัดๆเลย 

“แต่กูไม่เห็นด้วยว่ะ” ติณเอ่ยแทรกขึ้นมา โดยอาร์ทเป็นลูกคู่พยักหน้าเห็นด้วยก่อนที่ติณจะพูดต่อ “มึงบอกว่ามึงเก่งเรื่องคิดไปเอง เรื่องแฟนไอ้สิชลมึงก็อาจจะคิดไปเองด้วยก็ได้นะ ถ้าไอ้สิชลมันมีแฟนข่าวมันต้องดังกว่านี้สิวะ แต่นี่เงียบจะตายไม่เห็นมีใครพูดถึงเลย พวกกูไปกินเหล้าก็เจอพวกมันออกจะบ่อยแต่ไม่เห็นแฟนไอ้สิชลอย่างที่มึงว่าเลย”

“นั่นสิกร ส้มว่ารอคำตอบที่แน่ชัดก่อนไหม แล้วถ้ากรจะถอดใจเราจะไม่ห้ามเลย”

กรวิทย์หันไปมองเพื่อนสนิทเหมือนกำลังขอความมั่นใจ แบบนั้นมันจะดีหรอ ไม่เอาหรอก เขาไม่อยากจะรู้สึกเศร้าแบบตอนนี้  เขาส่ายหัวเป็นการปฏิเสธข้อเสนอของเพื่อนๆก่อนจะหลบสายตาทำเป็นมองชีทและตั้งใจเรียนตามสิ่งที่อาจารย์สอน

“กร ในเมื่อมึงบอกว่าจะถอยอยู่แล้ว ถ้ามึงจะฟังความจริงสักหน่อยมันจะเป็นไรวะ” อาร์ทเอ่ยออกมา “เดี๋ยวพวกกูไปสืบมาให้ถ้าเขาเป็นแฟนกันจริงแบบที่มึงคิด มึงจะถอยกูก็โอเค แต่ถ้าเขาไม่ได้เป็นแฟนกัน แล้วมึงยังอยากจะถอยอีก กูก็จะไม่ห้ามเลย”

นั่นสินะ  ในเมื่อตัวกรเองก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะลองถอยออกมา ไม่ตามสิชลเหมือนแต่ก่อนแล้ว ต่อให้ความจริงเป็นยังไงมันคงไม่มีผลต่อตัวเขามากนัก เพราะความหวังมันก็เป็นศูนย์เหมือนกันหมดทุกทาง

“เอาแบบนั้นก็ได้”

เพื่อนสนิททั้งสามคนพึงพอใจกับคำตอบที่ได้รับ พวกเขาอยากจะรู้คำตอบที่แน่ชัด ไม่ใช่มาจากการคาดเดาไปเองของกรวิทย์ เพราะจากที่ผ่านมาก็ค่อนข้างมีความเป็นไปได้ว่ากรวิทย์ก็อยู่ในความสนใจของสิชลอยู่เหมือนกัน





✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋




หลังจากเมื่อวานที่ตอบตกลงเพื่อนสนิทไปว่าจะรอฟังคำตอบที่แน่ชัดจากสิชลเสียก่อนว่าผู้ชายตัวเล็กที่อยู่ด้วยกันในช่วงนี้เป็นคนพิเศษของสิชลหรือเปล่า กรก็ทำได้แค่รอจริงๆ แต่จะว่าไปแล้ววันนี้เขาก็ยังไม่เจอสิชลเลย ขนาดว่าตอนพักเที่ยงส้มมาลากเขาไปกินข้าวที่โรงอาหารมหาวิทยาลัยแล้วก็ยังไม่เจออยู่ดี

“สรุปว่าคืนนี้เดี๋ยวกูกับไอ้อาร์ทจะไปเอาคำตอบมาให้มึงนะกร” ติณเอ่ยโพล่งออกมาทันทีหลังจากที่วางสายเสร็จ เขาคาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนต่างคณะมาชวนออกไปเที่ยวแน่นอน “พอดีคืนนี้วันเกิดไอ้แชมป์ เพื่อนในกลุ่มสิชลมันน่ะ เดี๋ยวพวกกูจะถามมาให้ละเอียดยิบเลย”

“พวกมึงจะบ้าหรอ ไปถามเขาแบบนั้นได้ไง เดี๋ยวก็ได้โดนสงสัยกันหมด” ผมเอ่ยด่าออกไป

“แหมมม ถ้าเขาจะสงสัยก็คงไม่ใช่พวกกูหรอกครับ มึงน่ะตัวดี! ท่าทางมีพิรุธสัด แล้วที่สำคัญพวกกูก็ไม่โง่ถามเขาออกไปตรงๆหรอก”

ผมเบะปากใส่เพื่อนสนิททั้งสองหมั่นไส้กับท่าทางอวดเก่งแบบนั้นเหลือเกิน แต่ท่าทางว่าพวกมันคงจะหมั่นไส้ผมมากกว่าเพราะต่างพร้อมใจกันตบหัวผมกลับมาทันที

“โอ๊ยยยย เจ็บนะเว้ย ยิ่งปวดหัวอยู่ด้วย” ผมแกล้งร้องโอดโอยออกไป การแสดงของผมนี่ประหนึ่งว่าไปเรียนการแสดงกับครูเงาะมาเลยทีเดียว

“ติณกับอาร์ท หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ กรยิ่งไม่สบายอยู่ยังจะเล่นแรงๆอีก” ส้มตวาดเพื่อนตัวดีของผมทันทีที่ผมแกล้งร้องบอกว่าเจ็บ ฮ่าๆๆ หน้ามันสองคนจ๋อยสนิทเลยครับ เล่นกับใครไม่เล่น หึหึ!

“ไอ้กรมันแกล้งสำออยไปอย่างนั้นแหละ มึงดูไม่ออกหรอส้ม”
ติณไม่ยอมโดนด่าอยู่ฝ่ายเดียวหรอก ดูก็รู้แล้วครับว่ามันแกล้งเจ็บ รู้แบบนี้เมื่อกี้ไม่ออมแรงเสียดีกว่ามันจะได้เจ็บจริงไปเลย

“กูไม่ได้แกล้งสักหน่อย” ผมหันไปบอกไอ้ติณกับอาร์ทที่ทำหน้าไม่เชื่อผมสุดฤทธิ์ “ส้มดูสิ หัวแตกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ปวดหัวยิ่งกว่าเดิมเลย” ผมหันไปออดอ้อนกับส้มแทนครับ คะแนนสงสารคงจะพุ่งน่าดู ฮ่าๆๆ

“พอได้แล้วทั้งคู่เลย โตแล้วนะยังแกล้งกันเป็นเด็กไปได้” ท่าทางของส้มดูเหมือนจะเหนื่อยหน่ายกับพวกผมเสียเหลือเกิน “เดี๋ยววันนี้เราจะกลับเร็วหน่อยมีธุระกับที่บ้านน่ะ จะแยกย้ายกันเลยไหม” ส้มหันมาถามความเห็นคนอื่น

“งั้นเดี๋ยวกูกับไอ้อาร์ทกับหอเลยแล้วกัน กรมึงจะกลับพร้อมกูเลยป่าวเดี๋ยวแวะส่ง”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวเดินไปเองก็ได้ กะว่าจะไปซื้อสมุดรานงานที่สหกรณ์ก่อนน่ะ พวกมึงกลับก่อนเลย”

“โอเค ถ้างั้นเรากลับก่อนแล้วกันนะ เจอกันพรุ่งนี้”
ส้มเอ่ยลาออกมาพร้อมกับกวาดสิ่งของทุกอย่างลงกระเป๋าอย่างรีบร้อน  ผมโบกมือลาส้มก่อนหันไปลาไอ้ติณกับอาร์ทแล้วเดินแยกออกมา 

ช่วงนี้ใกล้จะสอบกลางภาคแล้วทั้งรายงานกลุ่ม รายงานเดี่ยว และการบ้านต่างประเดประดังเข้ามา อาจารย์แต่ละวิชาสั่งงานเหมือนกับว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเพราะมันช่างเยอะเสียเหลือเกิน ขนาดว่าเขาเพิ่งซื้อสมุดรายงานไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เองแต่วันนี้ก็ต้องมาซื้ออีกครั้ง สงสัยต้องซื้อไปตุนไว้หลายๆเล่มแล้วล่ะขี้เกียจเดินมาซื้อบ่อยๆ

กรวิทย์เดินผ่านทางเดินรอบสนามฟุตบอล ภายในสนามเต็มไปด้วยนักกีฬาฟุตบอลที่ต่างกำลังขะมักเขม้นตั้งใจซ้อมอยู่ในสนาม เสียงโหวกเหวกโวยวายเรียกความสนใจจากผู้คนรอบสนามรวมถึงตัวเขาเองได้เป็นอย่างดี

“เฮ้ยยยยยย ระวัง!”

กรวิทย์หันตามเสียงเรียกก่อนจะเห็นลูกฟุตบอลกำลังพุ่งตรงมาที่เขา กรวิทย์เบี่ยงตัวหลบได้ทันอย่างเฉียดฉิวโดยลูกบอลพุ่งผ่านหน้าเขาไปตกลงที่อีกฝั่งหนึ่งของถนน  เกือบไปแล้วไหมล่ะ ถ้าเมื่อกี้หลบไม่ทันคงได้นอนสลบอยู่ตรงนี้แน่ๆ

“คุณเป็นอะไรไหม ขอโทษด้วยนะครับ” เสียงของผู้ชายตรงหน้าเรียกให้สติของเขากลับมาหลังจากที่ยืนอึ้งอยู่

“เอ่ออ ไม่เป็นไรครับ เมื่อกี้ไม่โดน” กรเอ่ยออกไปให้คนตรงหน้าสบายใจ

“ต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ” ชายหนุ่มร่างกายสมส่วนตรงหน้ายังคงกล่าวขอโทษอยู่ กรวิทย์ส่งยิ้มคืนไปเพื่อยืนยันว่าเขาไม่เป็นอะไรจริงๆ แต่ท่าทางคนตรงหน้าเหมือนยังสงสัยอยู่ “เอ่อ นี่ใช่กรหรือเปล่า”

“เฮ้ย รู้จักเราด้วยหรอ?”
ผมตกใจนะเนี่ยทำไมรู้จักชื่อเราด้วย มั่นใจว่าไม่รู้จักมาก่อนแน่นอน

“พอดีเรารู้จักกับติณ อาร์ทน่ะ เหมือนจะเห็นเดินกับสองคนนั้นบ่อยๆ สรุปใช่กรใช่ป่ะ?”

“อ่ออ ใช่ๆ แล้วนายชื่อไรอ่ะ”

“เราชื่อกล้า อยู่เกษตรน่ะ เจอกันทักได้เลยนะ” กรวิทย์ยิ้มให้เพื่อนใหม่อย่างงงๆ “เดี๋ยวเราไปก่อนนะกรเพื่อนเรียกแล้ว” กล้ารีบวิ่งไปเก็บลูกบอลก่อนจะหันมาโบกมือลา เอ่ออ สรุปตอนนี้ผมมีคนรู้จักเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วสินะ




กรวิทย์เดินมาถึงสหกรณ์แล้ว เขาตรงไปที่ชั้นที่เต็มไปด้วยสมุดรายงานก่อนจะเลือกเล่มที่ถูกใจมา2เล่มและเดินดูของรอบๆอีกสักพัก  รู้ตัวอีกทีเข็มนาฬิกาบนหน้าปัดบอกเวลา18.30แล้ว กรจึงรีบนำสมุดรายงานไปชำระเงิน แต่ทันทีที่เดินออกมาด้านนอก สายฝนกำลังโปรยปรายโดยรอบ  ท้องฟ้าเปลี่ยนสีขมุกขมัวชวนให้อารมณ์หม่นหมองได้ง่ายอย่างไม่ต้องสงสัย

กรยืนหลบฝนอยู่ที่หน้าร้านสหกรณ์เพราะเมื่อเช้าลืมหยิบร่มติดมือมาด้วย และเขาเองก็ไม่อยากเสี่ยงวิ่งฝ่าสายฝนกลับไปถึงหอเนื่องจากเมื่อเช้าเขาเองมีอาการปวดหัวและครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ก่อนแล้ว มั่นใจว่าหากวิ่งตากฝนกลับไปเขาต้องได้เป็นไข้หวัดแน่ๆ

ผมกวาดสายตามองไปโดยรอบเผื่อจะมีคนรู้จักที่จะพออาศัยพากลับไปหอได้ สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับสิชลที่กำลังยืนอยู่ใต้ตึกคณะวิศวกรรมกับเพื่อนๆโดยที่เขาก็หันมาสบตากับผมพอดี ผมรีบหลบสายตาและหันไปทางอื่นทันที


“กร ติดฝนกลับหอไม่ได้หรอ?” กรวิทย์สะดุ้งก่อนจะหันมาหาเสียงเรียกที่ดังขึ้นข้างตัว สิชลที่กำลังถือร่มสีดำไว้ในมือเอ่ยถามออกมา

“คือเราลืมเอาร่มมา กะว่าเดี๋ยวฝนซาอีกสักหน่อยก็จะกลับแล้วล่ะ”

“งั้นเดี๋ยวเราไปส่งดีกว่า ดูท่าว่าอีกนานกว่าฝนจะหยุดตก”

“เฮ้ยย ไม่เป็นไร สิชลไม่ต้องลำบากหรอก”

“ไม่ลำบากอะไรหรอกเราไม่มีเรียนแล้ว เอาแบบนี้ไหม พอดีวันนี้เราไม่ได้เอารถมาซะด้วย เดี๋ยวเราไปยืมรถเพื่อนไปส่งกรดีกว่าจะได้เร็วๆ” 

กรวิทย์รีบห้ามสิชลที่กำลังทำท่าเหมือนจะไปหาเพื่อนตัวเองเพื่อขอยืมรถ “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้สิชล เราเกรงใจ เราแค่ขอยืมร่มก็พอแล้ว”

“อ่ออ พอดีร่มนี่เราก็ยืมเพื่อนมาด้วยน่ะสิ แหะๆ งั้นเดี๋ยวเราเดินไปส่งดีกว่า ป่ะ!”
กรวิทย์ตาโตไปกับอาการพูดเองเออเองของคนข้างๆ เขายังไม่ได้ตกลงด้วยเลยนะว่าจะให้สิชลเดินไปส่ง ทำแบบนี้แล้วเขาจะถอยห่างได้อย่างไร


สิชลเดินถือร่มไปตามทางเดินโดยมีคนตัวเล็กข้างกายที่ไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาเลย ทันทีที่ผมเสนอว่าจะมาส่ง กรดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาแถมยังเอาแต่มองทางไม่สนใจกันเหมือนเคย คนข้างตัวแปลกไปผมรู้สึกได้ สายตาที่เคยมองแต่ผมแต่วันนี้กลับไม่ยอมสบตากันเลย

“ยืนห่างขนาดนั้นเดี๋ยวก็เปียกหรอก” ผมโอบไหล่กรให้เข้ามาชิดกันมากขึ้น คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผมสัมผัสแต่ก็ยอมขยับเข้ามาแต่โดยดี ผมเอียงร่มไปทางฝั่งของกรเพราะแขนเสื้อเขาเริ่มเปียกมากขึ้นแล้ว

“สิชลไม่ต้องเอียงร่มมาฝั่งเราขนาดนี้สิ เปียกหมดแล้วเห็นไหม” คนตัวเล็กดันร่มที่อยู่ในมือผมให้ถอยมาอยู่ตรงกลาง

“ไม่ต้องห่วงเราหรอกตัวโตขนาดนี้ไม่เป็นไรง่ายๆ กรนั่นแหละ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะ”
กรวิทย์เหลือบตามองใบหน้าของคนข้างตัว ตอนนี้หัวไหล่ของทั้งสองคนแนบชิดกันและมันก็ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจกรวิทย์ทำงานหนักเป็นพิเศษอีกแล้ว ฝั่งด้านขวาของสิชลเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน เสื้อนักศึกษาแนบไปกับตัว

กรวิทย์รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเหตุการณ์วันก่อนที่ทำให้เขารู้สึกแย่ เหตุการณ์ในตอนนี้ก็คงมาถมที่ว่างที่หายไปได้ซะมิดแถมยังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกด้วย

ระยะทางกลับหอมันช่างรวดเร็วเกินไปในความรู้สึก แม้จะไม่มีบทสนทนาใดแต่กรวิทย์ก็ไม่รู้สึกอึดอัด ไหล่ที่แนบชิดกันส่งผ่านกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากตัวของสิชล กลิ่นหอมเย็นของน้ำหอมช่างเข้ากับบุคลิกของคนข้างตัวเสียจริง  ตึกสูงเบื้องหน้าบ่งบอกถึงช่วงเวลาอันหอมหวานนี้กำลังจะหมดลง

ใต้หอพักชายในเวลานี้คลาคล่ำไปด้วยนักศึกษามากหน้าหลายตาที่กำลังรอให้สายฝนเบาบางลง สายตาหลายคู่กำลังมองมาทางนี้เขารู้สึกได้ ผู้ชายสองคนเดินแนบชิดใต้ร่มคันเดียวกันมันคงจะเป็นภาพแปลกตาไปเสียหน่อย

“ขอบคุณสิชลมากเลยนะ เกรงใจมากเลย ทีหลังให้ยืมร่มมาก็ได้”

“บอกแล้วไงว่าไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อย ออกจะเต็มใจด้วยซ้ำไป”

“ห๊ะ?.. .” กรวิทย์คิดว่าเขาคงจะหูฝาดไปแน่ๆ สิชลไม่มีทางพูดแบบนั้นแน่ๆ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถามย้ำเพื่อความแน่ใจเสียงโทรศัพท์ของคนตรงหน้าก็ดังขึ้นมาก่อน


Rr Rr  Rr


เสียงเรียกเข้าดังขึ้น สิชลหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะกดรับสาย “ว่าไงบูม อ่อ.. .เรากำลังจะเดินกลับไปพอดี บอกพวกมันรอก่อน” พวกเพื่อนๆโทรมาตามเขาเพราะวันนี้เป็นวันเกิดแชมป์เลยนัดกันไว้ว่าจะไปเลี้ยงฉลองให้เจ้าของวันเกิด แต่คงเพราะว่าเขาหายมานานพวกนั้นเลยโทรมาตาม

สิชลเอ่ยชื่อคนที่โทรมา กรจำได้ทันทีว่าต้องเป็นคนที่เขาเคยเจอเมื่อวันก่อน นั่นไงล่ะ ตัวจริงเขาโทรมาตามแล้วสินะ
“แฟนโทรมาตามแล้วใช่ไหม? ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะสิชล” กรตัดสินใจที่จะเอ่ยสิ่งที่ค้างคาใจออกไป

“เฮ้ยย แฟนที่ไหนกัน เดี๋ยวก่อนๆ เข้าใจเราผิดแล้ว” สิชลตกใจไม่น้อย อยู่ดีๆเขาก็มีแฟนซะอย่างนั้น คนตรงหน้าเขาต้องกำลังเข้าใจผิดแน่ๆเลย

“ก็เราเห็นเขาอยู่กับสิชลบ่อยๆ แถมเมื่อกี้ก็โทรมาตามกันด้วย แฟนกันชัดๆ ฮ่าๆ” ตลกกลบเกลื่อนชัดๆเลย กรวิทย์พยายามทำให้เรื่องที่ตัวเองเพิ่งเอ่ยออกไปเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แซวเล่นไปแบบนั้นแต่ทั้งๆที่ในใจมันหัวเราะไม่ออกเลยสักนิด

สิชลจ้องมองคนตัวเล็กที่กำลังพยายามหัวเราะทั้งที่นัยน์ตาคลอไปด้วยม่านน้ำสีใส เขาทนเห็นคนตรงหน้าเป็นแบบนี้ไม่ได้  สิชลรวบร่างของกรวิทย์มากอดไว้แน่น “ที่วันนี้กรหลบหน้า ไม่ยอมสบตากันก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”

กรวิทย์ดื้นขัดขืนแต่บอกเลยว่ามันไม่ได้สะเทือนเขาหรอก ความรู้สึกเปียกชุ่มบริเวณหน้าอกและแรงสะอื้นมันทำให้เขารู้ว่ากรกำลังร้องไห้และเสียใจมากจริงๆ “กรหมายถึงบูมใช่ไหมที่บอกว่าเป็นแฟนเรา” คนในอ้อมแขนผงกหัวรับเป็นคำตอบ “เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว บูมเป็นเพื่อนเราจริงๆ แต่ที่เห็นช่วงนี้อยู่ด้วยกันบ่อยเพราะบูมให้ช่วยติวหนังสือให้น่ะ ยืนยันอีกครั้งว่าเพื่อนกันจริงๆ”

กรผละออกมาจากอ้อมแขนของสิชล สรุปว่าที่ผ่านมาเขาคิดไปเอง เข้าใจผิดและก็ดราม่าไปเองคนเดียวใช่ไหมเนี่ย รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น แถมยังมายืนร้องไห้ต่อหน้าสิชลแบบนี้อีกเขาจะคิดยังไงเนี่ย

“เอ่ออ.. สงสัยเพราะจะไม่สบายเราเลยอารมณ์แปรปรวนน่ะ สิชลอย่าถือสาเราเลยนะ”

“หึหึ! ไม่ทันแล้วมั้ง มาร้องไห้เพราะเรามีแฟนแบบนี้ คิดไรกับเราป่าว?”

“เฮ้ยยยยย คือเรา.. เอ่อ..” สัญญาณเตือนของกรวิทย์บอกได้ว่าตอนนี้กำลังเข้าสู่สถานการณ์ขับขัน เขาควรต้องตอบออกไปว่าอย่างไรดี มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ

“คิดกับเราหน่อยก็ได้นะกร” สิชลเอ่ยออกมา ใบหน้าคนตัวเล็กที่ดูจะตกใจกับคำพูดเชิญชวนของผมไม่น้อย ฮ่าๆ ท่าทางเหวอๆแบบนี้ก็น่ารักดี จริงๆผมพอจะรู้มาได้สักระยะแล้วว่าคนตัวเล็กตรงหน้านี้คิดไม่ซื่อกับผมเพราะติณเคยเผลอหลุดพูดออกมาตอนเมาว่ามีเพื่อนสนิทเขาที่ชอบผม ในตอนแรกผมคิดว่าน่าจะเป็นส้มแต่พอสังเกตก็พบว่าเป็นคนตรงหน้านี้ล่ะครับ ผมมั่นใจ สายตาของเขาที่คอยมองอยู่ตลอดเวลา ผมรู้ตัวอยู่เสมอ


ฮัดเช้ยยย .. .

เสียงจามมาจากกรวิทย์ ดูก็รู้แล้วว่าคงจะโดนอาการหวัดเล่นงานแล้วแน่ๆ สิชลยื่นมือทาบที่หน้าผาก อืมมม ตัวเริ่มรุมๆแล้ว คงได้เวลาที่คนตรงหน้าควรไปพักผ่อนได้แล้ว

“กรรีบไปพักเถอะ อาการไม่ค่อยดีแล้วนะ”

“เอ่อ.. . ถ้างั้นสิชลกลับดีๆนะ วันนี้เราขอบคุณมาก”

“ด้วยความยินดี เราไปก่อนนะ”

กรวิทย์ยืนโบกมือลาสิชลก่อนที่จะเดินขึ้นหอพักไป กดลิฟต์ไปยังชั้นบนสุด เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิชลจะพูดแบบนั้นออกมา สิชลอยากให้เราคิดอะไรด้วยจริงๆหรอ


ฮัดเช้ยยย .. .

ท่าทางเขาจะโดนไข้หวัดเล่นงานอย่างที่สิชลบอกซะแล้ว ตากฝนทีไรเป็นแบบนี้ทุกที แต่ถ้าตากฝนแล้วเป็นแบบวันนี้มันก็โคตรจะคุ้มเลย ยืนอยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน อยู่ในอ้อมกอดแบบนั้น ถ้าสำหรับสิชลเขายอมเป็นไข้ได้เสมอนะ




ไ ข้ ที่ ช ล . .  .






TBC.
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 05 (๑๐/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 10-05-2015 22:09:35
สนุกดีอ่ะ  :katai2-1: :katai2-1:

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 05 (๑๐/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 10-05-2015 23:08:28
 :mew1:

น้องกรไม่กินแห้วแฮะ แถมมีลุ้นใจตรงกัน

(ว่าแต่ตัวประกอนชื่ออะไรนะ ที่สนามบอล จะจีบกรหราาาาาคะ?  :hao7:)
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 05 (๑๐/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-05-2015 03:45:43
ใจตรงกัน
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 05 (๑๐/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 11-05-2015 06:55:39
สิชล ถ้าชบก็บอกว่าชอบสิ ไม่ใช่บอกว่า คิดอะไรกับเราหน่อยก็ได้  :ling3: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 05 (๑๐/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 11-05-2015 10:23:26
มันน่ารักมากกกกกกกกกกกกก โอ๊ย...คิดได้แล้วนะกร คิดได้แล้วนะ เขาเปิดทางขนาดนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 05 (๑๐/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 11-05-2015 16:17:56
ชอบค่ะ เนื้อเรื่องสบาย ๆ น่ารักดี   :o8:
อ่านตอนต้น เหมือนกรจะแอบชอบสิชลข้างเดียว
แต่ไป ๆ มา ๆ เหมือนสิชล ก็ท่าทางจะสนใจกรมากเหมือนกันเลยนะเนี่ย ><
ถ้าสิชลจะเพอร์เฟคขนาดนั้น คนหน้าตาธรรมดา ๆ อย่างกรจะไม่มั่นใจก็ไม่แปลก
ต้องยกความดีให้เพื่อน ๆ ที่เอาใจช่วย และพูดให้กำลังใจได้ดีมาก ๆ
เป็นกำลังใจให้น้องกรจ้า ^^
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 05 (๑๐/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: qxchanim ที่ 11-05-2015 19:26:46
อิป้ากลับมาทีมสิชลอีกครั้งนึง55555555   สิชลหนูอย่ากั๊กหนูกรนะคะลูก
ถ้าหนูไม่ชอบน้องกรหรือหนูแค่ถูกใจน้องกรเฉยๆ อย่านะลูก  :hao5:
คนชื่อกล้าจะเข้ามามีส่วนช่วยให้ความรู้สึกตาสิชลต่อน้องกรกระจ่างขึ้นมั้ยน้า
ถึงคุณคนเเต่งค่ะ เราชอบนิยายเรื่องนี้มากกกกนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 05 (๑๐/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: mox2224 ที่ 11-05-2015 21:38:49
สิชลน่ารักดี
แต่แอบขัดใจเบาๆที่กรร้องไห้ที่คิดว่าสิชลมีแฟน
ก็ตัวเองไม่สานสัมพันธ์กับเขาเอง จะร้องทำไม คหสตนะ
เชื่อว่าสิชลก็สนใจนางอยู่ไม่น้อย
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 05 (๑๐/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: qhanb ที่ 12-05-2015 00:12:39
โอย อ่านแล้วใจสั่นตามกรT - T
เขินนนนเหลือเกิน บทน้องกรจะเศร้าก็อิ๊นนอิน
คงไม่มีหักมุมพี่ชลเป็นคนเลวเนอะ55555555
แอบชอบกล้า555 เชียร์ๆๆเอาไว้ขัดพี่ชลเยอะๆ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 05 (๑๐/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 17-05-2015 20:12:37
06 – รึเปล่า

 



มหาวิทยาลัยในช่วงสายของวันเสาร์แบบนี้ผู้คนช่างบางตา  นักศึกษาส่วนน้อยที่มีเรียนในวันนี้ต่างแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาที่เกือบจะเรียบร้อย แน่นอนล่ะว่าวันหยุดแบบนี้เราก็ควรนอนตื่นสาย เวลานี้เราควรยังนอนอยู่บนที่นอนด้วยซ้ำ

กรวิทย์มองบรรยากาศที่เงียบเหงาของมหาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก ตัวเขาเองถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์จากหญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มช่วงเช้าโดยมีความต้องการให้เขาไปยืมหนังสือสำหรับงานกลุ่มที่จะต้องส่งอาจารย์ภายในอาทิตย์หน้า แต่เนื่องจากหนังสือเล่มนั้นมีเพียงไม่กี่เล่มเขาจึงได้รับมอบหมายให้รีบมายืมให้ได้ก่อนที่คนอื่นจะมาจับจองไป

ถ้าถามว่าข้อดีของคนที่พักหอพักภายในมหาวิทยาลัยผมเองก็จะตอบได้ทันทีเลยว่า สามารถตื่นสายได้เพราะเดินทางแปบเดียว แต่ถ้าพูดถึงข้อเสีย การที่ต้องโดนใช้ไหว้วานให้มามหาลัยในวันที่ควรจะได้นอนตื่นสายด้วยเหตุผลว่าอยู่ใกล้ที่สุด ผมคนหนึ่งล่ะที่หงุดหงิดจริงๆเลย

หากกว่าบรรยากาศภายรอบมหาวิทยาลัยเงียบเหงาแล้ว  ภายในห้องสมุดชั้นสามตอนนี้ผมว่ามันดูเงียบเหงาจนเข้าขั้นวังเวงเลยทีเดียว  อาจเป็นเพราะมันเช้าเกินไปสำหรับบางคนที่จะมาอยู่ที่นี่  กรวิทย์กวาดสายตามองหารหัสหนังสือตามที่ส้มบอกไว้ เขาควรจะรีบยืมแล้วรีบกลับไปนอนเสียที เมื่อคืนก็นอนดึกด้วย

กว่าจะหาหนังสือที่ต้องการเจอก็ใช้เวลาพอสมควร กรวิทย์มองดูเวลาแล้วถอนหายใจใกล้จะสิบเอ็ดโมงแล้ว อากาศข้างนอกของเดือนพฤษภาคมไม่ต่างอะไรกับเดือนเมษายนเลย แสงอาทิตย์ยังทำหน้าที่ได้อย่างดีไม่ขาดตกบกพร่องเลย เขาเดินลัดเลาะไปตามทางเชื่อมของแต่ละตึกเพื่ออาศัยร่มเงาในการหลีกเลี่ยงความร้อน

“เฮ้! กรใช่ป่าวเนี่ย?”

เสียงทักดังมาจากชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีดโดยสวมเสื้อช็อปสีเขียวเข้มที่บ่งบอกได้ดีว่าคนตรงหน้าต้องเป็นนักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์แน่นอน รอยยิ้มกว้างที่ส่งมาช่างคุ้นตาเหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน

“เฮ้ย จำกันไม่ได้แล้วหรอ เรากล้าไงที่เจอกันที่สนามฟุตบอลอ่ะ”

“อ่ออ จำได้แล้ว แล้วมีเรียนวันนี้ด้วยหรอ?”

“อาจารย์นัดสอนเพิ่มน่ะ แต่ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว แล้วกรล่ะไปไหนมา”

“พอดีเราไปยืมหนังสือที่ห้องสมุด นี่ก็กำลังจะกลับหอแล้ว”

“พอดีเลย เราว่ากำลังจะไปกินข้าวที่ใต้หอชาย ไปพร้อมกับกรเลยดีกว่า” 
กล้ารีบเดินไปบอกลากลุ่มเพื่อนเขาก่อนเดินกลับหอมาพร้อมผม ระหว่างทางกล้ามักจะเป็นคนหาบทสนทนาตลกๆมาคุยเพื่อลดความเงียบและดูท่าว่ามันจะได้ผลดีทีเดียวเพราะผมหัวเราะไปกับเรื่องเล่าของเขาตลอดเลย กลายเป็นว่าตอนนี้ผมคงได้เพื่อนต่างภาคขึ้นมาอีกคนแน่ๆ

“กรกินข้าวมายัง?” กล้าเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่เรามาถึงใต้หอพักกันแล้ว

“ยังเลย เมื่อเช้าตื่นแล้วก็ไปหอสมุดเลย”

“งั้นกินพร้อมกันเลยดิกร เรานั่งกินคนเดียวมันยังไงๆอยู่นา”

ผมหัวเราะให้กับท่าทางของผู้ชายตัวโตที่ดูเหมือนไม่ชินกับการนั่งกินข้าวคนเดียวก่อนจะตอบตกลงนั่งกินข้าวตามคำชวนของคนตรงหน้า  ผมเลือกซื้ออาหารร้านประจำที่คุณป้าคนขายจำหน้ากันได้เป็นอย่างดี

“กะเพราไก่ไม่เผ็ดครับ”

เมนูเดิมที่ผมมักจะสั่งบ่อยในช่วงนี้ ผมเป็นคนที่เมื่อเวลาชอบอะไรผมก็จะจมอยู่กับมันได้จนกว่าจะเบื่อเลยทีเดียว เช่นหากช่วงนี้ชอบกินกะเพราไก่ ผมก็จะสั่งเมนูไปอีกเป็นเดือนเลยจนกว่าจะเบื่อ หรือหากช่วงไหนมีเพลงโปรดที่ถูกใจเป็นพิเศษเพลงนั้นก็จะถูกเล่นวนซ้ำในโทรศัพท์อยู่เพลงเดียวไปพักหนึ่ง

“หืม กินเหมือนเด็กเลยนะ”

กล้าเอ่ยทักทีที่เห็นสีสันของผัดกะเพราะในจานของผม ผมแกล้งเหลือบตามองเขาอย่างเคืองๆก่อนจะมองอาหารตรงหน้าเขา ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสีสันดูท่าทางจัดจ้านน่าดู

“เราแซวเล่นนะ อย่างอนดิ”

“ใครเขางอนกันเล่า”

“ฮ่าๆๆ กรกินเผ็ดไม่ได้หรอ”

“เรากินได้แค่นิดหน่อยเอง ไม่ถูกกับพริกจริงๆ” 

ผมยิ้มตอบให้กับคนช่างสงสัย ผู้ชายคนนี้ช่างซักช่างถามมีเรื่องมากมายให้เขาหยิบเป็นประเด็นมาพูด ขนาดว่าเพิ่งจะเคยได้คุยกันจริงๆจังๆครั้งแรกแต่คนตรงหน้าก็ทำเหมือนสนิทกับเขามาเป็นปี ช่างเป็นผู้ชายที่เฟลนด์ลี่เสียเหลือเกิน

“จ้องขนาดนี้เราเขินนะกร”

“ฮ่าๆ โทษทีที่เสียมารยาท แค่กำลังนึกสงสัยเฉยๆ”

“สงสัยเรื่อง?”

“กำลังคิดว่าทำไมกล้าถึงได้เป็นคนอัธยาศัยดีขนาดนี้ น่าอิจฉาจัง เราเองที่เพื่อนน้อยก็เพราะไม่ค่อยกล้าคุยกับคนอื่นเท่าไหร่”

“หึหึ เราไม่ได้อัธยาศัยดีแบบนี้กับทุกคนซะหน่อย”

“เอ๋?”

กล้าไม่ยอมอธิบายเพิ่มเติมกับคำพูดชวนกำกวมของเขา และท่าทางรีบกินที่เหมือนกับหิวเสียมากมายของเขาก็ทำให้ผมไม่ได้ถามต่อ ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็จัดการอาหารมื้อนี้เรียบร้อย ผมเอ่ยลากับกล้าก่อนจะกลับขึ้นมาบนห้อง

แดดช่วงเวลานี้ไม่ใช่เล่นๆเลยดูได้จากปริมาณเหงื่อที่เปียกชุ่มเต็มแผ่นหลัง กรวิทย์จึงตัดสินใจอาบน้ำอีกครั้งเพราะรู้สึกเหนียวตัว ความสดชื่นของน้ำน่าจะช่วยให้รู้สึกสบายตัวและเขาก็อยากจะนอนต่ออีกสักหน่อยด้วย



.
.
.
.




ความสดชื่นหลังจากอาบน้ำทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก  กรวิทย์หยิบเสื้อยืดและกางเกงบอลมาใส่เตรียมตัวที่จะนอนพักต่ออีกสักหน่อย  แต่เสียงคล้ายข้อความแจ้งเตือนในโทรศัพท์ดังขึ้น โปรแกรมรูปตัวเอฟสีน้ำเงินกำลังแสดงจำนวนข้อความคอมเม้นท์ที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับข้อความจากโปรแกรมไลน์ที่กำลังกระหน่ำมาไม่หยุด

กรวิทย์ตัดสินใจกดเข้าไปอ่านที่ข้อความเจ้าปัญหา เมื่อกดเข้าไปมันคือหน้าไทม์ไลน์ของเขาที่มีอีกคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อครู่มาโพสข้อความไว้ หืมมม.. . นี่เขาเป็นเพื่อนกับกล้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย


Akrawint Sahabordin: ขอบคุณที่นั่งกินข้าวเป็นเพื่อนนะ มื้อนี้อร่อยเป็นพิเศษ ;P


เฮ้ยยยยยย ทำไมถึงได้โพสต์ชวนเข้าใจผิดแบบนี้ แกล้งกันชัดๆเลย!  กรวิทย์ไล่อ่านคอมเม้นต์ต่างๆที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นมีทั้งจากเพื่อนของเขาเอง และบางส่วนที่เขาไม่รู้จักคาดว่าน่าจะเพื่อนของกล้า

“เฮ้ยยยย ยังไงเนี่ย”

“ไอ้กล้า คนนี้หรอวะที่มึงเบี้ยวนัดพวกกู หนีไปกินข้าวก่อนเนี่ย”

“วันนี้นั่งกินเป็นเพื่อน แล้วเมื่อไหร่จะนั่งกินเป็นแฟนวะ ๕๕๕๕๕๕๕”

“ฮิ้ววววววววววววว”


เอิ่มมมม เขาว่ามันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะเนี่ย กรวิทย์ส่ายหัวกับคำแซวต่างๆ บางคนก็คิดมาได้นะ เด็กเกษตรนี่เกรียนแบบนี้ทุกคนไหมเนี่ย  และเพราะข้อความจากไลน์กลุ่มที่ยังดังไม่หยุดเขาจึงตัดสินใจกดเข้าไปดู อย่างที่คิดไว้เลย  พวกเพื่อนๆต่างอย่างรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงพิมพ์บอกไปแค่ว่า “ไม่มีอะไรหรอก กล้าแค่แกล้งกูเล่นเฉยๆ” แต่ดูทุกคนจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่โดยเฉพาะติณ

กรวิทย์ตัดสินใจออกจากโซเชียลต่างๆเพราะตอนนี้หนังตามักเรียกร้องที่จะปิดพักบ้างแล้ว  เขาวางโทรศัพท์ไว้ใกล้หมอนก่อนจะหลับตาเพื่อพักผ่อน 

ลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าตอนนี้กรวิทย์เข้าสู่ห้องนิทราไปอย่างเรียบร้อยและไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว






✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋





เปลือกตาที่นิ่งสนิทค่อยๆขยับก่อนที่จะเปิดขึ้นเต็มตา  กรวิทย์กวาดสายตาไปรอบห้องที่ค่อนข้างมืด เขาคงนอนไปนอนพอสมควรเพราะท้องฟ้าข้างนอกมืดแล้ว ท่าทางคืนนี้กว่าจะหลับคงอีกนานแน่เลย

มือควานหาโทรศัพท์ที่วางไว้ใกล้ตัว  บนหน้าจอแสดงว่า 18.07 น. แล้ว คงเพราะนอนมากเกินไปเขาถึงได้รู้สึกขี้เกียจขนาดนี้ เตียงนอนต้องดูดพลังเขาไปแน่ๆเลย 

หน้าจอแอพพลิเคชันไลน์แสดงจำนวนข้อความที่ยังไม่ได้อ่านเกินร้อยข้อความ เขาเดาว่าคงไม่พ้นเพื่อนสนิทแน่นอน และพอกดเข้าไปดูก็เป็นจริงดังที่คิด ว่าเจ็ดสิบข้อความเป็นของไลน์กลุ่มที่พูดคุยกันมากมายในเรื่องที่หาสาระไม่ค่อยได้ และไลน์ที่เหลือก็เป็นข้อความโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ข่าวต่างๆ แต่ทันทีที่เลื่อนไปเจอข้อความที่แสดงว่ายังไม่อ่านหนึ่งข้อความจากบางคน  มือที่กำลังจะเลื่อนผ่านไปชะงักงัน

หลังจากที่สิชลเคยโทรมาหาเขาครั้งก่อนนั้น กรวิทย์ก็เมมชื่อพร้อมเบอร์ของสิชลไว้ทันที และเพราะโทรศัพท์เขาถูกตั้งค่าให้เชื่อมต่อไลน์โดยอัตโนมัติดังนั้นเขาจึงมีไลน์ของสิชลมาตั้งแต่ครั้งนั้น เพียงแต่ยังไม่เคยกล้าที่จะทักไปเสียที และวันนี้ข้อความจากสิชลเพียงหนึ่งข้อความก็ทำให้เขารู้สึกใจเต้นเพราะไม่เคยคิดว่าสิชลจะไลน์มาหา

“กินข้าวอร่อยไหม?”

ข้อความเดียว ไม่มีที่มาที่ไป ไม่รู้ว่าสิชลต้องการจะสื่ออะไร ตอนนี้เขาเริ่มงงแล้วว่าตัวเองควรตอบกลับไปอย่างไรดี แต่เพราะไม่รู้จริงๆว่าสิชลกำลังพูดถึงเรื่องอะไร และหวังว่าจะไม่ส่งผิดคนหรอกนะ

“คือยังไงเหรอ???”

กดส่งไปแล้วหลังจากพิมพ์แล้วลบอยู่หลายครั้ง ส่งไปแบบนี้มันจะโอเคใช่ไหม ตอนนี้ก็ได้แต่คอยมองว่าข้อความที่ส่งไปอีกฝ่ายได้อ่านหรือยัง และสักพักมันก็ขึ้นว่า อ่านแล้ว

“ไปกินข้าวกับแฟนมาไม่ใช่หรอ? อร่อยไหมล่ะ”

นี่อย่าบอกนะว่าสิชลไปเห็นข้อความที่กล้าโพสต์ไว้หน้าไทม์ไลน์เขาแล้วเข้าใจผิดแบบนี้  เฮ้ยยยยยย ไปกันใหญ่แล้ว อย่าบอกนะว่าที่สิชลทักเขามาก็เพราะเรื่องนี้ 

เพราะว่าที่ผ่านมาไม่อยากคิดไปเองเลยพยายามมองข้ามบางการกระทำที่สิชลทำเหมือนหยอกเราเล่น  แต่ครั้งนี้มันก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าสิชลเองก็พอจะรู้สึกอะไรกับเราอยู่บ้างใช่ไหม

“ใช่ที่ไหนล่ะ นั่นน่ะเพื่อน”  เขาตัดสินใจพิมพ์ตอบออกไป

“เห็นหวานกันหน้าเฟสแบบนั้นเราก็นึกว่าแฟนกรซะอีก”


หลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์เหมือนจะทำให้เรามีความหวัง ส้มก็มักจะบอกให้ลองทำอะไรแบบเต็มที่ดูสักครั้ง แถมติณกับอาร์ทก็ยังมาบ่นด้วยว่าตัวเขาชอบสิชลแบบไหนกันถึงไม่ยอมทำอะไรเลยแบบนี้ มัวแต่กลัวอยู่ได้ และเพราะกรวิทย์ฟังคำถากถางจากเพื่อนมามากพอแล้ว เขาเองก็อยากจะลองกล้าทำเพื่อตัวเองดูสักครั้ง

“เรายังไม่มีแฟนเสียหน่อย มีแต่คนที่แอบชอบ.. .”

สาบานว่าหากเป็นแต่ก่อนผมคงไม่กล้าส่งอะไรแบบนี้ตอบกลับไปแน่ๆ แต่เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยลองพยายามกับเรื่องนี้จริงจังเลย หากจะต้องเสียใจจริงๆก็ขอเป็นเพราะสิชลไม่ได้คิดตรงกัน ไม่ใช่เสียใจเพราะตัวเองยังไม่ได้ลองพยายามอย่างเต็มที่

สิชลยังไม่ได้อ่านข้อความที่ส่งไป ผมจึงตัดสินใจส่งไปอีกข้อความ และครั้งนี้มันคงจะเป็นครั้งที่ผมชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองมากที่สุด


“ไม่รู้จริงๆเหรอว่าเราแอบชอบสิชลอยู่”


ส่งไปแล้ว มือกดส่งไปแล้วรีบเขวี้ยงโทรศัพท์ให้ห่างตัวมากที่สุด ไม่กล้าดู ไม่กล้าอ่านซ้ำ ในที่สุดก็ได้ทำได้แล้ว กล้าบอกความรู้สึกที่เก็บไว้ออกไป

อัตราการเต้นของหัวใจตอนนี้รัวยิ่งกว่าจังหวะดนตรีเพลงร็อคเสียอีก ตื่นเต้นจนมือสั่น เหงื่อผุดออกมามากมายทั้งที่ภายในห้องก็ไม่ได้อุณหภูมิสูงขนาดนั้น กรวิทย์เอื้อมไปคว้าโทรศัพท์ที่ถูกโยนไปที่ปลายเตียงกลับขึ้นมาดู

ข้อความที่ส่งออกไปปรากฏคำว่า อ่านแล้ว

สิชลได้อ่านข้อความเหล่านั้นแล้ว แต่วี่แววของการตอบกลับยังไม่มี สิชลคงจะตกใจแน่นอนกับการสารภาพของผม แต่ช่วยอย่าเงียบไปเฉยๆแบบนี้สิ




เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วแต่ข้อความของอีกฝ่ายก็ยังไม่มีมา หรือบางทีนี่อาจจะเป็นคำตอบอีกแบบหนึ่งก็ได้ เขาไม่อยากมองในแง่ร้าย  แต่ถ้ายังจะพอมีหวังอยู่บ้าง เขาเองก็อยากได้คำตอบจากอีกฝ่ายว่าเราพอจะมีโอกาสคิดตรงกันได้รึเปล่า .. .



TBC.
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 17-05-2015 20:31:34
 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 17-05-2015 20:46:04
สิชลลลลล อย่าเงียบบบบสิ เค้าลุ้นนะ  :z2:
เงิบดิ กะมาแซวแบบน้อยใจๆ เจอเค้าสารภาพรักเข้าให้ หุหุ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 17-05-2015 21:02:28
สิชล อ่านแล้วไม่ตอบคืออะไร มาตอบบบ  :z3:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 17-05-2015 21:03:09
สิชลทำไมเงียบหายไปงั้นล่ะ รู้มั้ยกรใจไม่ดีเลยยย

อยากอ่านอีกจัง ><
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-05-2015 21:10:04
เห้ยไรวะ

สิชลถ้าคุณไม่ติดธุระด่วนจริงๆจงตอบไลน์เด๋ยวนี้นะ  :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2:

ถ้าน้องคิดไปเองว่าคุณรังเกียจ งี้ยุให้ไปคบกับเด็กวิดวะซะเลยนิ ชิชิ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-05-2015 21:12:30
สงสัยจะมาหาถึงหน้าห้อง
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 17-05-2015 21:22:28
สิชลลลลลลลลลลตอบเดี๋ยวนี้!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: pim14 ที่ 17-05-2015 21:31:20
กรี๊สสสส น้องกรมีพัฒนาการแล้ววววว กล้าสารภาพรักก่อนซะด้วยอ่ะ สิชลรีบจัดหนักด่วนค่ะ ขอเดาว่ากะลังบึ่งรถมาหากรแน่ๆเลย อิอิ รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ ขอด่วนๆได้มั้ยคะ ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 17-05-2015 22:19:24
สิชลมาตอบกรได้แล้วว อย่าให้กรใจเสียดิ  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 17-05-2015 22:25:25
มันค้างน่ะเออ
สิชลว่าไง ทำไมตอบ วิ่งมาหากรเลยน่ะ
ไม่งั้นจะยุให้กรไปชอบกล้าน่ะเออ
เอาไงๆๆๆๆ
ฮ่าๆๆๆๆ
แกล้งกันชัดๆๆๆตอนใหม่จงมาเร็วๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Meimei ที่ 17-05-2015 23:46:54
สิชลแอบชอบกรเหมือนกันใช่มั้ย
สารภาพเลย จะได้ใจตรงกัน
 :hao5:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: mynamejnkf ที่ 18-05-2015 02:30:10
ว้ากกกกกก ค้างสุดๆ ทำไมมันค้างคา กรี๊ดดดดด สิชลแกต้องรับรักลูกสาวฉันนะยะ

มาบวกเป็ดบวกเม้นท์ ให้กำลังใจคนแต่งด้วย

ขออีกเยอะๆนะคะ ชอบอ่ะ มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้ง

เขินจิกเบาะขาดและ :hao7:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 18-05-2015 12:07:25
ตอบกลับมาซะทีสิชล
เราอ่านแล้วก็ลุ้นตามไปด้วยนะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: qxchanim ที่ 18-05-2015 17:08:43
อ่านเเล้วไม่ตอบมันน่าหงุดหงิดมากนะสิชลลลลล  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: mox2224 ที่ 18-05-2015 21:10:48
ขอโทษน้า คือเรางง ตอนที่5 บอกว่าเราชื่อกล้าอยู่เกษตร
แล้วตอนนี้มาอยู่วิศวะได้ไง
แล้วก็ในเฟสบุ้คที่เพื่อนแซวทำไมกลายเป็นชื่อแชมป์ งงๆ
หรือเราเข้าใจไรผิด
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 06 (๑๗/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 24-05-2015 22:47:52
07 – แค่เรา




แสงจากหน้าจอโทรศัพท์เพิ่งจะดับลงไป  ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่สิชลปล่อยให้เครื่องมือสื่อสารตรงหน้าไร้การเคลื่อนไหว  อาจจะนับตั้งแต่เขาได้รับข้อความจากกรวิทย์ก็เป็นได้


เพราะไม่คิดว่าผู้ชายร่างเล็กขี้อาย เพื่อนสนิทของติณจะกล้าสารภาพความรู้สึกกับเขาแบบนี้  คนที่มักจะคอยแอบมองเขาเสมอและหลบตาทุกทีที่เขาหันมอง เขารู้ตัวมาตลอดว่าเพื่อนตัวเล็กของติณคนนี้รู้สึกพิเศษกับเขา เขาไม่ได้รังเกียจเพียงแต่ที่ผ่านมาเราไม่เคยคุยกันมันเลยยากที่จะให้ประทับใจในตัวกรวิทย์


กรวิทย์ไม่ใช่สเป็ค  เขาเคยบอกติณไปแบบนั้นในตอนที่ติณเหมือนจะเกริ่นๆเรื่องนี้กับเขา  ประกอบกับที่ผ่านมาเราสองคนไม่เคยได้ทำความรู้จักกันแบบจริงจังเลยดังนั้นถ้าเขาจะไม่ได้รู้สึกเป็นพิเศษกับกรวิทย์ก็คงไม่แปลก


 แต่ช่วงเวลาไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาบางเหตุการณ์มันทำให้เราได้ใกล้ชิดกัน  และบางครั้งความจริงใจที่คนตัวเล็กมีอยู่เปี่ยมก็ทำให้เขาได้เห็น  รวมทั้งอาการขัดเขินที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา  หลายครั้งที่เขาเองก็มองว่าเพื่อนติณคนนี้ก็น่ารักดี


นิ้วมือเรียวยาวสัมผัสปุ่มบนโทรศัพท์อีกครั้งก่อนที่แสงไฟจะสว่างโชว์ข้อความในไลน์ที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องคิดหนักอยู่แบบนี้


“ไม่รู้จริงๆเหรอว่าเราแอบชอบสิชลอยู่”


เพราะรู้น่ะสิว่ากรวิทย์สนใจตัวเองอยู่ เขาจึงไม่พอใจที่เห็นข้อความจากใครก็ไม่รู้มาแสดงความสนิทสนมแบบนั้น มันต้องเป็นแค่เขาคนเดียวไม่ใช่หรอที่กรวิทย์ควรจะสนใจและใส่ใจน่ะ

ข้อความถูกส่งมาตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้วแต่ยังไม่มีการตอบกลับใดๆจากเขาทั้งสิ้น  เพราะไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้มันจึงทำให้เขาหนักใจ  ความรู้สึกดีที่ได้เห็นคนตัวเล็กเขินอาย  เวลาที่ได้ยินน้ำเสียงหงอยๆหรือเห็นแววตาตัดพ้อที่ส่งมาเขาก็รู้สึกเป็นห่วง แถมไอ้อาการไม่พอใจที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเพราะความสนใจที่กรวิทย์มีให้เขาคนเดียวถูกแบ่งไปให้คนอื่นนี่อีกล่ะ 
ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันคือความรู้สึกแบบไหนกัน


เพราะเป็นห่วงความรู้สึกเจ้าของข้อความเป็นที่สุดเขาจึงไม่อยากให้การตัดสินใจของตัวเองในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่แน่นอน  เขาอยากมั่นใจและแน่ใจว่าตัวเองรู้สึกแบบเดียวกันไหม เขาไม่อยากเป็นต้นเหตุให้คนตัวเล็กต้องมีน้ำตาหากวันหนึ่งรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่ความรัก


สิชลเลื่อนรายชื่อที่อยู่ในโทรศัพท์ก่อนจะตัดสินใจกดโทรออก  เสียงรอสายดังเพียงไม่กี่ครั้งก็ได้ยินเสียงปลายสายตอบกลับมา


“ฮัลโหล”

“ฮัลโหลเจ๊  ทำไรอยู่?”

“ฉันก็นอนดูโทรทัศน์ไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ แกมีอะไรหรือเปล่า”


เพราะปลายสายเงียบไป “วาริน” จึงละความสนใจจากละครในโทรทัศน์มาให้ความสนใจกับน้องชายที่ร้อยวันพันปีไม่ค่อยจะโทรมาหาเธอเพื่อถามไถ่เรื่องทั่วไปอย่างเช่นวันนี้  สิชลเป็นน้องชายที่อายุห่างกัน4ปี และเพราะนิสัยที่ออกจะไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงทั่วไปสักเท่าไหร่เธอจึงมักจะเป็นที่ปรึกษาให้กับน้องชายตัวนี้คนนี้อยู่บ่อยๆ  เธอกับน้องชายคุยกันได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องส่วนตัว เรื่องเพื่อน เรื่องการแต่งตัว หรือแม้กระทั่งเรื่องความรักเองก็ตาม


“เจ๊ ตอนนี้ผมกำลังสับสนอ่ะ”

“แกสับสนเรื่องอะไร ไหนลองเล่ามาสิ เจ๊ฟังอยู่”


สิชลไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี  เขากับพี่สาวสนิทกันมากแทบทุกเรื่องของเขาที่เป็นเรื่องสำคัญเขาก็มักจะเล่าให้เจ๊ฟังอยู่เสมอ  และแม้ว่าตอนนี้เขาจะแยกออกมาอยู่คอนโดแต่ถ้ามีเรื่องที่อยากให้รู้ เขาก็มักจะโทรไปเล่าให้ฟังเสมอ และหากครั้งนี้เรื่องราวที่เขากังวลจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมายเขาก็คงจะเล่าได้แบบไม่ลำบากใจเท่าไหร่  แต่เพราะมันเป็นเรื่องของหัวใจนี่แหละ ไม่ว่าจะตอนไหนเขาก็ลำบากใจทุกทีที่เอามาปรึกษา


ครอบครัวของสิชลรู้มาตั้งแต่ช่วงม.ปลายแล้วว่าเขาไม่ได้สนใจในเพศตรงข้าม ทุกคนในครอบครัวตกใจในครั้งแรกที่ได้รู้แต่ก็เพราะเจ๊รินนี่แหละนี่ช่วยพูดให้พ่อกับแม่ค่อยๆเข้าใจในเรื่องพวกนี้ได้  และเพื่อเป็นการขอบคุณพวกเขาผมเลยอยากจะใช้ชีวิตที่เหลือจากนี้ไปทำให้เขาภูมิใจกับผมให้มากที่สุด ผมจึงพยายามตั้งใจเรียนเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดี  และหากมีกิจกรรมที่หลายๆคนหยิบยื่นมาให้ผมก็ตั้งใจทำอย่างเต็มความสามารถ


เรื่องความรักเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผมเสมอ เพราะอยากจะมั่นใจว่าไม่ใช่แค่เรื่องฉาบฉวยผมจึงอยากมั่นใจกับเรื่องนี้จริงๆ ที่ผ่านมาผมมีคนที่เรียกได้ว่าเป็นคนรักเพียงคนเดียว และเพราะมันเป็นรักแรกทุกความรู้สึกมันจึงยังตรึงอยู่ในใจ แม้จะไม่ชัดเจนมากเท่าเมื่อก่อนแต่มันเหมือนหมอกจางจางที่ยังมองเห็นลอยอยู่ในห้วงอากาศ 


“ผมกำลังรู้สึกว่าใครบางคนเริ่มเข้ามามีอิทธิพลกับความรู้สึกของผม  เขาเป็นเพื่อนของเพื่อนผมอีกที ผมรู้ว่าเขารู้สึกดีดีกับผม เขาค่อนข้างขี้อายเพราะไม่เคยจะเข้าหาผมก่อนเลย เขามักจะแอบมองผมแต่พอผมหันไปเห็นก็ชอบหลบสายตาไปเสียทุกที เขาไม่ใช่สไตล์แบบที่ผมสนใจเท่าไหร่ เขาตัวเล็กก็จริงแต่ผิวคล้ำ หน้าตาไม่โดดเด่นอะไรมาก แต่พอได้ทำความรู้จักได้คุยกันมากขึ้น เขากลับเป็นคนที่ทำให้ผมยิ้มได้อยู่ตลอดเวลา แต่พอเขาสารภาพความในใจออกมาผมกลับไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี ผมโคตรเครียดเลยว่ะเจ๊”


“แกรู้ไหมว่าน้ำเสียงที่แกพูดถึงเขาคนนั้น แกมีความสุขขนาดไหน ฉันฟังฉันยังรู้เลยว่าแกยิ้มไปด้วยขณะพูด” วารินเอ่ยแซวน้องชายเพื่อหวังผ่อนคลายจากบรรยากาศตึงเครียด แต่เพราะปลายสายไม่มีการตอบกลับเธอจึงพูดต่อ “แกมีคำตอบให้ตัวเองแล้วแน่ๆฉันมั่นใจ เพียงแต่แกอยากให้ฉันช่วยยืนยันความคิดแกต่างหาก”

“เจ๊เหมือนมาอยู่ในความคิดผมเลยอ่ะ สุดยอดเลย”

“แน่นอนสิยะ! ฉันรู้ทันความคิดแกหมดทุกอย่างนั่นแหละ แต่เดี๋ยวก่อน ฉันขอถามอะไรแกซักอย่างนะ”

“ว่ามาสิครับ”

“เขาคนนั้นของแกไม่ได้มาเป็นตัวแทนของใครใช่ไหม?”

สิชลเงียบไปนานหลังจากที่พี่สาวถามสิ่งที่สงสัยออกมา และมันก็เป็นคำถามที่เขาเคยถามตัวเองมาแล้ว

“เขาคนนั้นไม่ได้เป็นตัวแทนใครแน่นอนครับ”

“โอเค ได้ยินแบบนี้ฉันก็โล่งใจ” เสียงถอนหายใจของวารินลอดผ่านโทรศัพท์เข้ามาจนเรียกเสียงหัวเราะจากน้องชาย “มันไม่ผิดหรอกนะที่แกจะลองทำความรู้จักกับใครสักคน แถมแกยังรู้สึกดีกับเขาขนาดนี้แล้วด้วย แกลองให้โอกาสตัวเองแล้วก็ให้โอกาสเขาคนนั้นได้ลองเรียนรู้กันบ้างสิ เจ๊เชื่อว่าแกดูคนไม่ผิดหรอกนะ”


สิชลโล่งใจกับคำแนะนำของพี่สาวที่บอกให้เขาลองให้โอกาสกันและกันดู จริงๆแล้วตัวเขาเองก็มีคำตอบไว้ในใจแล้วอย่างที่เจ๊รินบอกนั่นแหละ เขาเองก็อยากจะลองทำความรู้จักกับกรวิทย์ให้มากขึ้นกว่านี้เช่นกัน

“ขอบคุณมากเจ๊ สบายใจขึ้นเยอะเลยเดี๋ยววันหลังจะมาใช้บริการไหมนะ”

“เห็นฉันเป็นโถส้วมหรือไงเนี่ย พอสบายใจก็จะไปแล้ว ชิส์! วันหลังพามาให้ฉันรู้จักบ้างนะ”

“เอาวันนี้ให้รอดก่อนไหม ผมเงียบหายมานานขนาดนี้เขาจะคิดยังไงแล้วเนี่ย”

“ฉิบหายแล้วไงล่ะ แกรีบวางสายไปเลยไอ้ชล เคลียร์กันให้เรียบร้อยด้วยล่ะ”

“งั้นแค่นี้นะเจ๊ บาย”


สิชลกดวางสายจากพี่สาวก่อนจะเลื่อนหาเบอร์ของกรวิทย์เพื่อกดโทรออก  สัญญาณจากปลายสายที่บอกว่าว่างแต่ไม่มีคนรับ เขารู้สึกร้อนใจ กลัวคนตัวเล็กจะคิดมากที่เขาไปยอมตอบข้อความในไลน์ไป


เขาทนนั่งร้อนใจแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว สิชลคว้ากุญแจรถก่อนจะรีบออกจากห้องไปโดยมีจุดหมายปลายทางครั้งนี้คือหอพักชาย  ด้วยเวลาที่เริ่มดึกแล้วรถราบนท้องถนนจึงไม่ติดขัดเหมือนช่วงเวลาเร่งด่วน  ไม่เกินสิบนาทีรถคู่ใจก็พาตัวเขามาหยุดที่หน้าหอพักชาย
แต่เพราะกรวิทย์ไม่ยอมรับสายเขาก็ไม่รู้จะหาวิธีคุยกันได้อย่างไรดีเพราะถ้าไม่ใช่นักศึกษาที่พักที่นี่เขาก็ไม่อนุญาตให้ขึ้นไปได้

.
.
.
.


ก๊อก ก๊อก ก๊อก



กรวิทย์ยืนมองลุงยามที่กำลังยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้อง  เขารู้สึกไม่สบายใจเลยตัดสินใจไปอาบน้ำอีกครั้งพร้อมกับล้างหน้าล้างตาให้มันสดชื่นขึ้นหลังจากที่ความรู้สึกในตอนนี้มันเหี่ยวเฉาเกินบรรยาย

“เอ่ออ ลุงครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาตัดสินใจถามลุงยามที่ยังคงยืนอยู่หน้าห้องเขาไม่ไปไหน

“หนูเป็นเจ้าของห้องนี้ใช่ไหม”

“ใช่ครับ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าครับ”

“มีสิ พอดีเพื่อนเราบอกให้ลุงขึ้นมาตามน่ะเห็นว่ามีเรื่องด่วนมากแต่โทรหาเราแล้วไม่ยอมรับสาย เขากลัวเราเป็นอะไรหรือเปล่า”

“อ่อ โทษทีครับพอดีผมไปอาบน้ำมา ว่าแต่เพื่อนผมให้ลุงมาตามหรอครับ”

“ใช่ๆ เขารออยู่ข้างล่างน่ะ ผู้ชายตัวสูงๆ”

“ขอบคุณคุณลุงมากนะครับ เดี๋ยวผมรีบลงไป”


กรวิทย์ยิ้มขอบคุณคุณลงไปอีกครั้งก่อนจะรีบเก็บอุปกรณ์อาบน้ำแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลงไปข้างล่าง  ใครกันมาหาเขาเวลานี้ ติณหรอ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่านะ

บริเวณใต้หอพักชายในเวลานี้ผู้คนบางตา กรวิทย์กวาดตามองไปรอบๆเพื่อหาเพื่อนสนิทของตนเองแต่ไม่เจอ และไม่ทันที่เขาจะเดินกลับไปถามลุงยามเพื่อความแน่ใจ ผู้ชายคนหนึ่งกลับมุ่งตรงมาหาเขาทันทีที่สบตากัน


สิชล


ไม่คาดคิดว่าคนที่จะให้ลุงยามไปตามถึงที่ห้องคือผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อบอกให้รู้ถึงความรีบของคนตรงหน้า

“เราโทรไปหาแต่กรไม่ยอมรับสาย”

สิชลเอ่ยทักออกมาก่อนเพื่อทำลายความเงียบที่กำลังปกคลุมพวกเขาทั้งคู่ไว้ตอนนี้  คนตัวเล็กยืนก้มหน้า หลีกเลี่ยงการสบตากับเขาเต็มรูปแบบ มือประสานกันแน่นเหมือนกำลังกลัวอะไรบ้างอย่าง

“เราขอโทษ”

กรวิทย์เอ่ยคำพูดเดียวที่อยู่ในหัวของเขาตอนนี้ออกมา เขารู้สึกผิดที่ทำให้สิชลต้องมาลำบากใจ เขาไม่กล้าสู้หน้า และถ้าสิชลไม่อยากจะเห็นหน้ากันอีกเขาเองก็พร้อมที่จะพาตัวเองออกมา

“ขอโทษกันเรื่องอะไร ไหนบอกมาสิ”

“………”

เพราะไม่มีคำตอบรับจากคนตรงหน้า แถมหยดน้ำใสที่ไหลเปื้อนใบหน้าลงมาของคนตัวเล็กมันทำเอาเขาใจคอไม่ดีเสียด้วย

“กร เงยหน้าคุยกันดีๆหน่อยสิ สบตาผู้พูดคือมารยาทของผู้ฟังที่ดีนะ” ผมเอ่ยเย้าคนตัวเล็ก ใบหน้าเล็กที่เปราะน้ำตาแม้จะรีบเช็ดแบบรีบๆแต่ดวงตาก็ยังเอ่อไปด้วยหยาดน้ำที่พร้อมจะหล่นลงมาได้ทุกเมื่อ

“ร้องไห้ทำไม บอกเราได้ไหม”

“เราเสียใจ ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจนะ” เสียงสั่นเครือของกรวิทย์มันทำให้สิชลต้องดึงคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมแขน

“เราบอกตอนไหนว่าลำบากใจ หื้ม” ปากเอ่ยถาม แต่มือก็ยังทำหน้าที่ลูบแผ่นหลังส่งผ่านความห่วงใย ความเปียกชื้นของน้ำตาเปื้อนเสื้อของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

“เราคิดว่าสิชลคงลำบากใจที่จะปฏิเสธเราโดยตรง สิชลเลยเลือกที่จะไม่ตอบอะไรกลับมา แต่แค่นั้นเราก็รู้ความหมายได้แล้ว”

“ถ้าแบบนั้นเราก็คงต้องโทษด้วยที่ไม่ยอมตอบอะไรกลับไปเลย ใจเสียเลยล่ะสิ” คนในอ้อมกอดพยักหน้าก่อนจะผละออกมามองหน้าผม “เราจริงจังกับความรู้สึกของตัวเองเสมอนะ เราไม่อยากจะตกลงกับใครไปโดยที่เรายังไม่รู้ใจตัวเอง แต่ตอนนี้คิดว่าเรารู้สึกดีกับคนแถวนี้แบบเกินเพื่อนทั่วไปแล้วล่ะ เลยอยากจะลองขยับความสัมพันธ์ของพวกเราให้มันมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ แต่ไม่รู้ว่าคนแถวนี้จะเห็นดีด้วยหรือเปล่านะ”


กรวิทย์มั่นใจว่าเขาตีความประโยคก่อนของสิชลไม่ผิดแน่ๆ  ที่มันเหมือนคำตอบรับแบบกลายๆหลังจากที่เขาสารภาพความในใจออกไป สิชลกำลังยิ้มให้เขาอยู่ไม่ผิดแน่ๆ นี่มันยิ่งกว่าฝันที่เคยคิดไว้เสียอีก อะไรกันเนี่ย กำลังจะถอดใจอยู่แล้วเชียว


“ตอนแรกจะโทรมาคุยกับกรแต่ไม่ยอมรับสายกันซะนี่ เราใจร้อนเลยรีบขับรถมาหาเพราะอยากให้เข้าใจตรงกัน แล้วก็แอบกลัวว่าคนแถวนี้จะร้องไห้ตาบวมไปซะก่อน”

“ใครเขาจะมาร้องไห้กัน แมนๆทั้งนั้นอ่ะ”

“ฮ่าๆ โอเค๊ แมนก็แมน” สิชลอมยิ้มไปกับคนตรงหน้าที่ยังยืนยันว่าแมนเสียเหลือเกิน

กรวิทย์ไม่สามารถควบคุมรอยยิ้มของตนเองได้เลย เขายืนมองหน้าคนตัวสูงชัดชัดอีกครั้งเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้ไป

“เราขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”

“เอาสิ กรอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ”

“ทำไมสิชลถึงตอบตกลงล่ะ ทำไมเป็นเรา?”


สิชลยืนยิ้มมองหน้าเจ้าของคำถามที่เขาเองก็เฝ้าเพียรถามตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นคนตรงหน้าที่ทำให้หัวใจเขากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง

“ไม่รู้สิ”

“อ้าว.. .”

“ฮ่าๆ เราไม่รู้จริงๆว่าทำไมต้องเป็นกร รู้ตัวอีกทีก็คอยมองหา รู้สึกดีที่กรสนใจและมองแต่เราไปซะแล้ว แถมยังไม่พอใจเอามากๆที่กรไปสนใจคนอื่น เราเลยอยากจะให้โอกาสตัวเองให้ลองทำความรู้จักกับกรให้มากขึ้น”


ริ้วสีแดงบนแก้มคงจะบอกถึงความเขินที่มีของคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี สิชลมองท่าทางแบบนั้นอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยต่อไป
“ความสัมพันธ์ของพวกเราในตอนนี้อาจจะยังไม่ถึงขั้นเป็นคนรักเพราะเรายังไม่รู้จักกันดีพอ ดังนั้นนับจากนี้ไปเราจึงควรให้โอกาสกันและกันทำความรู้จักให้มากขึ้น บางทีพอถึงเวลานั้นกรอาจจะไม่ได้รู้สึกดีกับผมแบบนี้แล้วก็ได้”

“ไม่มีทางหรอก” กรวิทย์รีบยกมือขึ้นมาป้องปากทันทีหลังจากที่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป

“พอถึงเวลานั้น เราเองก็หวังให้กรยังรู้สึกแบบนี้อยู่เช่นกัน”


สิชลขยันทำให้เขาเขินเหลือเกิน แค่คำพูดที่เอ่ยออกมามันก็ทำให้เขาดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว ไหนจะสายตาพราวระยับที่ขยันจ้องมานั่นอีกล่ะ ต้องให้เขาแข้งขาอ่อนล้มลงกันไปตรงนี้เลยใช่ไหมเนี่ย


“ดึกแล้ว กรรีบขึ้นไปนอนเถอะพรุ่งนี้มีเรียนเช้าด้วย”

“สิชลก็เหมือนกันนะ รีบกลับไปอาบน้ำนอนได้แล้ว”

“โอเคครับ จัดให้ตามคำสั่ง” กรวิทย์มองรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่ส่งมา ทำไมเขาถึงมองดูว่ามันเจ้าเล่ห์เหลือเกิน

“งั้นเราไปแล้วนะ บ๊าย บาย”


สิชลมองดูคนตัวเล็กเดินขึ้นหอไปก่อนที่เขาเองก็คงต้องได้เวลากลับไปพักผ่อนบ้างหลังจากที่วุ่นวายใจมาตลอดช่วงเย็น บนรถยนต์ที่สตาร์ทเครื่องไว้แต่ยังไม่เคลื่อนที่ไปไหน เขาตัดสินใจส่งข้อความออกไปให้คนที่อยู่ด้านบนก่อนที่จะเคลื่อนรถออกไป



“จากนี้ไป ช่วยสนใจแค่เรานะ :) ฝันดีครับ”





TBC.

ต้องขอโทษที่วันนี้มาซะดึกเลย
ไม่แน่ใจว่าจะมีคนรออ่านบ้างไหม
แต่ทุกคอมเม้นต์ ทุกกำลังใจได้อ่านหมดเลยนะคะ
ขอบคุณมาก ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 07 (๒๔/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 24-05-2015 22:49:35
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 07 (๒๔/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 24-05-2015 22:59:11
.......

คบกันซะเซ่

เด็กอ่อนต่อโลกทั้งหลาย ชิชะ

(ว่าแต่สิชลเคยมีใครในใจสินะ พี่สาวถึงถามว่าตัวแทนของใคร เรื่องนี้จะเป็นมาม่าไหมน้อออออออ?)
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 07 (๒๔/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-05-2015 20:53:01
กำลังจะเชียร์คนนั้นอยู่แล้วเชียว
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 07 (๒๔/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 27-05-2015 21:44:41
กว่าจะให้คำตอบได้น่ะสิชล กรต้องอาบนำดับร้อนเลย ฮ่าๆๆๆๆ
มีส่วข้อความให้มองแค่ตัวเองด้วย แต่ว่ากรตอนนี้เสน่ห์แรงแล้วน่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 07 (๒๔/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 27-05-2015 22:55:23
ขอให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ราบรื่นด้วยเถอะ
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 07 (๒๔/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: qxchanim ที่ 01-06-2015 17:51:27
เพิ่งมีเวลาเข้าเล้า  หนูกรของป้าสมหวังเเล้ววว  กรี๊ดดดด   :mc4: :mc4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 07 (๒๔/๐๕/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 01-06-2015 21:13:33
08 - Minute of Love




เสียงเพลงคุ้นหูในวิทยุกำลังขับกล่อมคนฟังให้เพลิดเพลินไปกับมัน แต่ในเวลานี้มันคงใช้ไม่ได้กับกรวิทย์แน่นอน ชายหนุ่มนั่งเกร็งมาตั้งแต่ขึ้นมานั่งบนรถยนต์คันนี้แล้วและในตอนนี้เขาก็รู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวกเอาเสียเลย

นับตั้งแต่เมื่อวานที่เขากับสิชลตกลงว่าจะลองขยับความสัมพันธ์ เขาเองก็ยังไม่มีโอกาสได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆฟังเลยเพราะตั้งใจว่าจะนัดคุยกันตอนเย็นเพื่อบอกข่าวดีแบบนี้  แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจเพราะคนขับข้างตัวเขานี่แหละที่มาดักรอรับอยู่หน้าคณะ  ไม่รู้ว่าไปเช็คตารางเรียนเขามาจากไหนถึงได้รู้ว่าวันนี้เขามีเรียนวิชาภาคตัวเดียว 

สิชลเดินเข้ามาหาเขาทันทีที่เจอกันพร้อมบอกว่ามารับไปหาอะไรกินข้างนอก  เขายังจำสีหน้าของเพื่อนสนิทและเพื่อนคนอื่นที่อยู่บริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี  ท่าทางของเพื่อนสนิทที่บอกว่าเดี๋ยวกลับมามีเคลียร์แน่นอน กรวิทย์ทำได้เพียงส่งยิ้มแห้งๆกลับไปก่อนรีบก้าวตามสิชลมาที่รถก่อนที่จะเป็นเป้าสายตาไปมากกว่านี้

“ทำไมนั่งเกร็งขนาดนั้นล่ะ หื้มม”
สิชลเอ่ยถามคนข้างกายที่ตั้งแต่ขึ้นมาบนรถยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาเลย  ไม่รู้ว่าไม่พอใจที่เขาไปรอรับแบบนั้นหรือเปล่า

“แค่ยังไม่ชินน่ะ ไม่มีอะไรหรอก  แล้วนี่เราจะไปไหนกันหรอ?”

เส้นทางที่รถเคลื่อนที่ผ่านตาเขาไม่ค่อยคุ้นตาสักเท่าไหร่ แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ต้องบอกว่าเขาไม่ค่อยรู้จักเส้นทางมากสักเท่าไหร่ เพราะปกติเขาเดินทางแอยู่แค่มหาวิทยาลัยกับหอพักก็แค่นั้น ไม่ค่อยได้ออกไปเปิดหูเปิดตาสักเท่าไหร่

“จะพาไปกินร้านประจำเราเอง อาหารอร่อย ราคาสบายกระเป๋า”

การจราจรในช่วงเวลาพักเที่ยงทำให้การเดินทางของเราค่อนข้างยาวนานสักหน่อย สิชลบอกว่าร้านอาหารที่จะพาไปนั้นปกติเดินทางไปเกิน20นาทีเพียงแต่วันนี้มันอาจจะนานกว่าปกติไปสักหน่อย

หลังจากที่ฝ่าฝันการจราจรติดขัดบนท้องถนนมาได้ตอนนี้กรวิทย์ก็มานั่งอยู่ในร้านอาหารที่ขาดไม่ใหญ่มากนั้น บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้มีทั้งไม้ดอกและไม้ผล ส่วนบริเวณด้านในก็ตกแต่งโดยโทนสีขาวเสียส่วนใหญ่ให้ห้ามรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านประมาณนั้นเลย 

สิชลบอกว่าอาหารที่นี่อร่อยทุกอย่าง เขาเลยเลือกสั่งเป็นอาหารสิ้นคิดที่มักจะสั่งเมื่อเวลาที่นึกอะไรไม่ออกอย่างข้าวผัดกุ้ง หลายคนอาจมองว่าเป็นอาหารธรรมดาแต่เขารู้สึกว่าการจะทำให้มันอร่อยน่ะยาก กรวิทย์เลือกสั่งไปแค่อย่างเดียวที่เหลือเป็นหน้าที่ของคนตรงหน้าที่จัดแจงสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่วบ่งบอกว่าเป็นร้านประจำจริงๆ

“สิชลมีเรียนตอนบ่ายต่อหรือเปล่า”
กรวิทย์เอ่ยถามคนตัวโตในระหว่างที่กำลังนั่งรออาหารมาเสิร์ฟ

“จริงๆวันนี้อาจารย์ยกเลิกคลาสน่ะ ไม่มีเรียนหรอก”

“อ้าว แล้วมามหาลัยทำไมล่ะ อย่าบอกนะว่าแค่มารับเราไปกินข้าว”

“อื้มมม แล้วก็อยากเจอด้วย”

สายตาวิบวับที่ส่งมาจากคนตรงหน้ามันทำให้เขาเขินแบบไม่ต้องสงสัย สิชลในตอนนี้เหมือนไม่ใช่สิชลที่เขาเคยแอบมองมาก่อนเลย  สายตาเจ้าเล่ห์ คำพูดที่คอยจะทำให้คนฟังต้องระเบิดตัวเองแบบนี้ไปเอามาจากไหนเนี่ย หรือเพราะที่ผ่านมามันเป็นภาพลวงตาใช่ไหมเนี่ย

“ร้อนหรอ? แก้มแดงเชียว จะให้ร้านเขาปรับแอร์ให้ไหม”

สิชลเอ่ยเย้าคนตัวเล็กไป ท่าทางขัดเขินของกรวิทย์ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลยจริงๆ เรื่องที่เขาอยากเจอมันเป็นความจริงเขาไม่ได้พูดโกหก เขาตั้งใจไว้แล้วว่าสำหรับความสัมพันธ์ในครั้งนี้เขาอยากจะซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองให้มากที่สุด


ใช้เวลาไม่นานตอนนี้อาหารก็มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะจนไม่เหมือนว่ามากินกันสองคน สิชลตักอาหารให้คนตรงหน้าก่อนชวนคุยเรื่องราวทั่วๆไปเพื่อลดความอึดอัดที่เกิดขึ้น  อาจเพราะบรรยากาศรอบตัวที่ดูผ่อนคลายจึงทำให้กรวิทย์กล้าที่จะพูดคุยมากขึ้น หัวเราะให้กับมุขตลกที่เขาเล่า บางครั้งก็เป็นฝ่ายที่จะถามเรื่องที่สงสัยกับเขาก่อนด้วย สิชลกำลังรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่เวลาคนตัวเล็กอยู่กับเขาแล้วยิ้มบ่อยแบบนี้


นั่งมองแบบนี้แล้วมันชื่นใจ



“กินของหวานอีกไหมกร เค้กที่นี่อร่อยนะ ลองดูไหม?”

สิชลเอ่ยถามหลังจากที่พวกเขาจัดการอาหารบนโต๊ะเกือบหมดแล้ว และดูท่าทางว่ากรวิทย์น่าจะชอบของหวานอยู่ไม่น้อยดูได้จากตอนที่เดินเข้ามาในร้านก็จ้องมองตู้เค้กไม่วางตาเลย


“กินๆ กินของคาวเสร็จต้องมีของหวานปิดท้าย เค้กเนี่ยให้กินเท่าไหร่เราก็ไหว ฮ่าๆ”

รอยยิ้มของคนตัวเล็กยามเมื่อเอ่ยถึงของหวานบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวชอบมันมากจริงๆ ตาเป็นประกายวิบวับยามเมื่อได้เห็นของถูกใจ เขาให้กรวิทย์เดินไปสั่งเค้กทั้งของเจ้าตัวและก็เลือกมาเผื่อเขาด้วยชิ้นหนึ่ง  และท่าทางของคนที่กำลังคิดหนักอยู่หน้าตู้เค้กมันดูน่ารักจนเขาต้องยกโทรศัพท์มาบันทึกภาพเก็บไว้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว

“เราเลือกทิรามิสุมาให้สิชลอ่า ถูกใจหรือเปล่า หรือให้เราไปเปลี่ยน?”

“ถูกใจๆ เรากินได้หมด”

“อย่ากินไปงั้นๆสิ ถ้าไม่ถูกใจก็อย่าฝืน เดินไปเลือกเอาอันที่อยากกินมาสิ”

“หึหึ ถูกใจครับ ไม่ได้ฝืนอะไรเลย หน้างอทำไมเนี่ย”

“เราก็แค่อยากให้สิชลกินอันที่อยากกินจริงๆนี่นา ไม่ใช่ว่าเราเลือกอันไหนมาก็กินได้หมด”

ไม่รู้ว่ากรวิทย์รู้ตัวหรือเปล่าว่าเผลอแสดงอาการไม่พอใจออกมา ทุกทีคนตัวเล็กขี้เกรงใจจะตายไปอยากได้อะไรก็ไม่ค่อยพูด ไม่พอใจอะไรก็ไม่ยอมบอก แต่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังแสดงอาการงอแงที่ผมไม่ยอมใส่ใจกับเรื่องของกิน ฮ่าๆๆ


เวลาที่มีคนมาห่วงใยเราในเรื่องเล็กน้อย มันรู้สึกดีจริงๆ


“ผมอยากกินทิรามิสุจริงๆครับ คุณกรวิทย์เลิกหน้างอได้แล้วนะ”

“เราไม่ได้หน้างอสักหน่อย”

“โอเคครับ ไม่หน้างอเนอะ ฮ่าๆ”

กรวิทย์ยู่หน้าใส่สิชลที่ใช้คำพูดล้อเลียนก่อนจะหันมาสนใจเค้กบราวนี่ตรงหน้า ช็อกโกแลตคือสิ่งที่เขาโปรดปรานมาก เขาสามารถไม่กินข้าวแต่กินเค้กช็อกโกแลตแทนได้ทั้งวัน ดังนั้นตอนนี้อะไรก็ไม่น่าสนใจเท่าบราวนี่ตรงหน้าแล้วล่ะ

หลังจากจัดการกับอาหารหมดแล้ว สิชลก็พากรวิทย์กลับมาส่งที่หอพักเนื่องจากเพื่อนๆที่ชมรมโทรมาตามตัวให้กลับไปช่วยงาน แม้ใจเขาอยากจะใช้เวลาอยู่กับคนตรงหน้าให้นานกว่านี้สักหน่อยก็ตาม สิชลมองกรวิทย์เดินขึ้นหอพักไปก่อนเขาจึงกลับไปยังชมรมเพื่อช่วยงานเพื่อน





✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋




เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือกำลังทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขัน กรวิทย์ควานหาเครื่องมือสื่อสารพร้อมกดปิดเพื่อให้หยุดเสียงที่กำลังรบกวนเวลานอนของเขาแบบนี้ หน้าจอโทรศัพท์แสดงเวลา07.10น. วันนี้เป็นอีกวันที่กรวิทย์มีเรียนเช้า เมื่อวานหลังจากที่กลับมาจากทานข้าวกับสิชลเขาก็ทำการบ้านรวมทั้งรายงานที่ต้องเตรียมส่งในสัปดาห์นี้ และอาจเป็นเพราะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเขาก็กินยาและเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สามทุ่ม 

นิ้วมือกดรหัสผ่านก่อนที่หน้าจอจะแสดงสายที่ไม่ได้รับจากสิชลและเพื่อนสนิทเขา  เวลาที่โทรมาไล่เลี่ยกันคือประมาณสี่ทุ่ม แอปพลิเคชั่นไลน์ก็แสดงจำนวนข้อความที่ยังไม่เปิดอ่านและแน่นอนว่ามาจากเพื่อนๆของเขาเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งสิชลที่ไลน์มาถามว่าทำไมถึงรับสาย 

ข้อความในไลน์กลุ่มที่คุยกันล้วนเป็นเรื่องราวที่เพื่อนๆพูดถึงเขาว่าให้อธิบายเรื่องทั้งหมดมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่สิชลมารับหรือเรื่องที่ไปกินข้าวด้วยกันมา เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมเพื่อนๆรู้ล่ะว่าเขาไปกินข้าวกับสิชล กรวิทย์มั่นใจว่ายังไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลย


ตึ้ง ตึ้ง


เสียงเตือนข้อความดังขึ้น กรวิทย์กดเข้าไปดูก่อนจะลิ้งค์ไปหน้าเฟสบุ๊คของเขาเอง  ภาพจากอินสตาแกรมของสิชลถูกแชร์โดยแท๊กชื่อเขาไปด้วย ภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังทำหน้าปลื้มปริ่มกับเค้กตรงหน้า แม้จะเป็นภาพก้มหน้าแต่ใครๆก็ดูออกว่าเป็นเขาพร้อมแคปชั่นใต้ภาพ


“น้อยใจ ชอบเค้กมากกว่าชอบเราหรอ?”


กรวิทย์อยากจะทึ้งหัวตัวเองตอนนี้มาก ทำไมเป็นแบบนี้เนี่ย แบบนี้เขาก็รู้กันหมดสิ เขาไม่ได้เตรียมใจว่าจะมีคนรู้ความสัมพันธ์ในครั้งนี้มากมายขนาดนี้นะ จำนวนไลค์ที่ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมากกว่าเจ็ดร้อยไลค์รวมทั้งคอมเม้นต์มากมายเหล่านี้อีก หลายคนถามว่าเขาเป็นใคร และเป็นอะไรกับสิชล จำนวนคนที่เพิ่มเพื่อนก็มีเข้ามามากจนเขาตกใจ รวมทั้งข้อความจากคนรู้จักบางคนที่ถามถึงความสัมพันธ์ของเขากับสิชล

เขาอยากจะบ้าตายจริงๆ แล้วจะไปเรียนอย่างสงบสุขได้อย่างไรเนี่ย และยังไม่ทันขาดคำข้อความจากเฟสบุ๊คก็เด้งขึ้นมาอีกครั้งแต่คราวนี้มาจากกล้า

Akrawint Sahabordin: กรกับสิชลเป็นอะไรกันเปล่า

Korrawit Pitakpol: 5555555

Akrawint Sahabordin: เราแค่อยากแน่ใจว่ายังพอมีหวังไหม?


กรวิทย์ได้แต่นั่งอ่านข้อความล่าสุดที่กล้าส่งมาแล้วนิ่งงัน เขาไม่รู้จะตอบคำถามไปว่าอะไรดี เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายอยากจะรู้จักเขามากกว่าเพื่อน ตกใจจริงๆ และเพราะการให้ความหวังใครบางคนโดยที่เราไม่รู้ว่ามันจะเป็นจริงได้ไหมมันเป็นเรื่องที่แย่มากสำหรับเขา กรวิทย์ตัดสินใจตอบข้อความไป

Korrawit Pitakpol: กล้าเป็นเพื่อนที่ดีของเรานะ

แม้ว่าจะรอการตอบกลับอยู่นานแต่ก็ไม่มีอะไรนอกจากเครื่องหมายที่แสดงให้รู้ว่าอีกฝ่ายอ่านแล้ว เขารู้สึกกังวลความรู้สึกของกล้าอยู่ไม่น้อย เพื่อนต่างภาคคนแรกของเขา

และก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้กรวิทย์รีบหยิบผ้าขนหนูและไปอาบน้ำโดยใช้เวลาเพียงไม่นานเพราะในอีกไม่ช้าวิชาเรียนคาบแรกก็จะเริ่มขึ้นแล้ว แต่งตัวด้วยความเร็วสูงพร้อมกับหยิบชีทเรียนแล้วรีบมุ่งตรงไปยังห้องเรียนทันทีโดยที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องในช่วงเช้าเลย 

กรวิทย์ใช้เวลาเดินทางไม่นานเขาก็มาหยุดที่ห้องเรียนรวมแล้ว วิชานี้ไม่ใช่วิชาภาคจึงไม่แปลกที่นักศึกษาภายในห้องนี้จะไม่คุ้นหน้ากัน แต่อะไรคือการที่เขาเดินเข้าห้องไปแล้วทุกคนพร้อมใจกันหันมามองแล้วหันกลับไปซุบซิบกันแบบนั้น  ส้มยืนโบกมือให้เขาอยู่ท้ายห้อง กรวิทย์รีบสาวเท้าเข้าไปหาทันที

“มาแล้วนะเพื่อนตัวดี เดี๋ยวนี้หัดมีความลับหรอ?”

ยังไม่ทันที่ผมจะได้นั่งส้มก็เปิดปากถามผมทันทีโดยมีติณกับอาร์ทเป็นผู้ร่วมสอบสวนในครั้งนี้ด้วย  และแม้ว่าอาจารย์จะเริ่มการสอนแล้วแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับความอยากรู้ของเพื่อนๆผมได้ ตลอดทั้งคาบนั้นผมเลยต้องเล่าเรื่องราวความคืบหน้าที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับสิชลให้เพื่อนๆฟังโดยที่ไม่มีโอกาสจะได้ฟังอาจารย์เลยแม้แต่น้อย  และโชคดีที่นั่งท้ายห้องอาจารย์เลยไม่ค่อยสนใจพวกเราเท่าที่ควร

ส้มมีสีหน้าตกใจเมื่อฟังเรื่องราวที่ผมเล่าจนจบ  แตกต่างกับติณและอาร์ทที่ดูเหมือนไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไหร่โดยสองคนนั้นให้เหตุผลว่าก็แอบคิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องราวมันต้องมีวันนี้แต่ไม่คิดว่าจะเร็วเกินกว่าที่คาดไว้

“สรุปตอนนี้แกกับสิชลก็คบกันแล้วงั้นสิ”

ส้มเอ่ยถามออกมาหลังจากที่ตั้งสติจากเรื่องทั้งหมดได้แล้ว ผมพยักหน้ายืนยันให้กับคำถามของเพื่อนสนิท รู้สึกจักจี้ทุกครั้งที่มีคนถามถึงความสัมพันธ์อาจเพราะว่ายังไม่ค่อยชินเท่าไหร่นัก

“โอ๊ยยย ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันที่ฉันคิดไว้มันจะมาเร็วขนาดนี้”

“เราเองก็ยังไม่เชื่อเลยส้ม ความรู้สึกในวันนั้นเรายังจำไม่ได้เท่าไหร่เลย รู้แค่ว่าหลังจากที่สิชลตอบรับ ทุกอย่างในหัวเราก็ว่างเปล่าไปหมดเลย”

“กูบอกแล้วว่าไอ้สิชลเองมันก็น่าจะสนใจมึงอยู่บ้าง” ติณเสริมขึ้นมา

กรวิทย์รู้สึกโล่งใจที่บอกเรื่องราวทุกอย่างกับเพื่อนๆ ไม่รู้สิสำหรับเขาแล้วการที่เพื่อนๆคอยอยู่เคียงข้างมาตลอดในทุกช่วงเวลามันถือว่าเป็นความโชคดีของเขา และยามที่เขามีความสุขเขาเองก็อยากจะให้เพื่อนได้รับรู้กับเขาไปด้วย

“งานนี้ต้องมีฉลองนะ ช่วงบ่ายไม่มีเรียนแล้วพวกเราไปหาไรกินกันไหม?”

หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มเสนอขึ้นมาและได้รับการเห็นด้วยจากทุกคนในกลุ่มว่าหลังจากที่เรียนเสร็จแล้ว ช่วงบ่ายพวกเราว่างจะไปหาร้านบุฟเฟ่ต์กินกันตามคำเรียกร้องของติณกับอาร์ท 



.
.
.
.



ตอนนี้พวกผมอยู่กันที่ร้านปิ้งย่างไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ โชคดีที่ส้มเลือกร้านที่มีเครื่องปรับอากาศพวกผมเลยต้องไม่ทนร้อนกันจนเหงื่อชุ่ม

“นานแล้วนะที่พวกเราไม่ได้มากินอะไรแบบครบทีมแบบนี้”  ผมเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่นั่งนึกอยู่นานว่าครั้งล่าสุดที่พวกเราอยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาตั้งแต่เมื่อไหร่

“นั่นดิ นานแล้วเหมือนกันนะ” อาร์ททำท่านึกอยู่นานก่อนที่จะเอ่ยเห็นด้วยกับผม

ในระหว่างนี้พวกเพื่อนๆต่างเดินไปหยิบของกินมาเต็มโต๊ะและลงมือปิ้งย่างจนเต็มตะแกรง กลิ่นหอมของอาหารกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะให้ทำงานเต็มที่ และเขาที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาด้วยมันเลยทำให้เขารู้สึกว่าอาหารมื้อนี้มันอร่อยเป็นพิเศษ


Rr  Rr  Rr .. .. .


เพลงสากลเพลงโปรดที่เขาตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ส่งเสียงขึ้นมา  เพื่อนๆในกลุ่มหันมามองแล้วพอเห็นหน้าจอเป็นชื่อของสิชลก็ทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจแต่หน้าตานี่ตั้งใจล้อเลียนเขาจริงๆ

“ฮัลโหล” ผมเอ่ยทักปลายสาย

“อยู่ไหนนี่ ทำไมเสียงดังจัง ช่วงบ่ายไม่มีเรียนแล้วไม่ใช่หรอ?”

“เฮ้ย! รู้ตารางเรียนเราได้ไงเนี่ย พอดีเรามากินข้าวเที่ยงกับส้ม ติณ แล้วก็อาร์ทน่ะ”

“โห ถ้าไม่ติดเรียนแลปช่วงบ่ายเราจะออกไปหาเลยนะเนี่ย”

“วันหลังก็ได้ แล้วนี่สิชลกินข้าวเที่ยงยัง”

“ได้กินแค่แซนวิชน่ะ จะมีควิซแลปเลยต้องรีบทำเวลาซะหน่อย”

“กินแค่นั้นจะอิ่มหรอ?”

“หึหึ ถ้าเป็นห่วงเรา วันหลังก็มาพาเราไปกินข้าวสิ”

“แล้วทุกทีไม่ได้ไปกินเองหรือไงล่ะ?”

“ก็อยากให้กรพาไปกินน่ะ ไม่ได้หรอ?”

“ไม่อยากจะพูดด้วยแล้ว ไปอ่านหนังสือต่อเลยไป”

“ฮ่าๆๆ โอเคๆ เดี๋ยวถ้าเรียนเสร็จเราโทรไปนะ กินให้อร่อยล่ะ”

ผมกดวางสายจากสิชลก่อนจะเริ่มลงมือทานต่อ แต่สายตาของเพื่อนๆที่มองมาเหมือนกำลังหมั่นไส้อยู่เลย ติณแกล้งพูดล้อเลียนผมโดยมีอาร์ทกับส้มหัวเราะให้กับท่าทางนั้น

“ดูท่าทางไอ้สิชลจะเป็นเอามากเหมือนกันนะเนี่ย”

อาร์ทเอ่ยออกมา แต่พอเห็นหน้าตาที่ไม่เข้าใจกับประโยคเมื่อครู่อาร์ทเลยอธิบายเพิ่มต่อ “ก็มันโทรเช็คมึงสามเวลาหลังอาหารแบบนี้ ไหนจะรูปมึงในigมันอีก นี่มันแสดงความเป็นเจ้าของชัดๆ”

ผมคิดตามที่อาร์ทบอก ตั้งแต่เราเริ่มตกลงว่าจะลองศึกษากันให้มากขึ้นผมเองก็รู้สึกได้ว่าสิชลใส่ใจกับทุกๆเรื่องของผมเสมอ บางทีผมก็แอบคิดว่าใครกันแน่ที่เป็นคนแอบรัก ผมเองไม่ใช่หรอ แต่ผมกลับไม่ค่อยกล้าแสดงออกสักเท่าไหร่เพราะบางครั้งกลัวทำให้เขาอึดอัดใจ แต่เรื่องการแสดงออกกลับเป็นสิชลเสียอีกที่พยายามเปิดเผยเรื่องราวระหว่างเราให้คนอื่นรับรู้  แค่นึกถึงว่าสิชลใส่ใจ ห่วงใย แค่นั้นก็ทำให้ผมยิ้มได้ทั้งวันแล้ว






TBC.


ขอบคุณที่ยังคอยกันนะคะ 
ครั้งนี้มาช้าไปหน่อยเพราะกำลังซุ่มแต่งนิยายอีกเรื่องอยู่
ยังติชมหรือแนะนำกันได้ตลอดเลยนะคะ

รักคนอ่านทุกคน


หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 08 (๐๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 01-06-2015 21:43:59
 :katai2-1:

ปรบมือให้สิชลและกร

ดูๆใจกันต่อไปนะคะ อย่ารีบร้อนก้าวกระโดดเลย แค่นี้กรก็น่ารักจะตายอยู่ละ  :mew1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 08 (๐๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 01-06-2015 21:48:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 08 (๐๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 01-06-2015 23:03:41
น่ารักจังสองคนนี้
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 08 (๐๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 01-06-2015 23:35:46
เข้ามาเพราะชื่อเรื่องเลย ดูมีเสน่ห์ดี ฮ่า
ตัวละครน่ารักดี อ่านสบายๆ แต่แบบ อ่านไปแล้วก็เขินไปอ่ะ ฮือ 555
อารมณ์เหมือนฟังพวกเพลง bossa nova ประมาณนั้นเลย นิ่มๆ เรื่อยๆ แต่น่าสนใจ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 08 (๐๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 01-06-2015 23:59:19
 :z13:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 08 (๐๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-06-2015 00:40:18
คืบหน้ามาหน่อย
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 08 (๐๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 02-06-2015 03:49:33
น่ารักกกกกกก >___<
เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะคะ เราชอบนิยายเรื่องนี้มาก
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 08 (๐๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: mynamejnkf ที่ 02-06-2015 08:53:25
โอ้ย อยากจะบ้า อ่านเรื่องนี้แล้วนั่งกรี๊ด สิชลนี่ก็นะ รุกแรงนะเลยนะลูก หนูกรน่ารักขนาดนี้ สิชลไปไหนไม่รอดแน่  :hao7: :hao7:

คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 08 (๐๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: qxchanim ที่ 03-06-2015 22:55:51
หนูกรหนูสิชลน่ารักมากเลยค่ะ  ป้าเบสหวานขึ้นตา5555  :katai2-1:
เป็นกำลังใจให้คนเเต่งค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 08 (๐๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 07-06-2015 20:20:42
09 – คิดถึง





ใครบางคนเคยบอกไว้ว่าการได้เรียนในสิ่งที่ชอบมันจะทำให้เรามีความสุข กรวิทย์เชื่อคำพูดนี้มาตลอด ในช่วงมัธยมปลายวิชาฟิสิกส์คือวิชาที่เขาชอบมากที่สุด รู้สึกสนุกตลอดเวลาที่ได้ทำโจทย์ปัญหาต่างๆ แถมคะแนนวิชานี้เขาก็ยังอยู่ในอันดับต้นๆด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกหากเขาจะเชื่อตัวเองอย่างสนิทใจว่าเหมาะที่จะเข้าภาควิชาฟิสิกส์เป็นแน่แท้

การเข้ามาเรียนภาควิชาฟิสิกส์ในช่วงปีแรกนั้นจะเป็นการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานทั่วไป ซึ่งก็ถือไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนักสำหรับเด็กที่เรียนสายวิทย์มาตลอดเช่นเขา  แต่พอเริ่มก้าวขึ้นปีที่สองเนื้อหาวิชาเรียนจะเป็นในเรื่องของฟิสิกส์ที่เริ่มเจาะลึกมากขึ้น และตอนนี้นี่เองที่เขาเริ่มไม่สนุกกับมันเอาซะเลย

ตอนนี้กรวิทย์หยิบชีทเรียนมาแยกไว้แต่ละวิชาก่อนจะเริ่มจัดการทำความเข้าใจอ่านเอาเนื้อหาที่กองอยู่ตรงหน้าเข้าไปในหัวให้ได้มากที่สุด  แม้ว่าการสอบที่จะมาถึงนี้ยังเหลือเวลาอีกเดือนกว่าๆแต่กรวิทย์ก็ไม่อยากจะนิ่งนอนใจเพราะเนื้อหามันยากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย 

เช้าวันเสาร์ที่หลายคนยังไม่ลุกจากที่นอนแต่กรวิทย์เลือกที่จะตื่นเช้าอาบน้ำแล้วลงไปหาข้าวเช้าทาน  เขาตั้งใจแล้วว่าวันนี้จะเริ่มทบทวนบทเรียนอย่างจริงจัง ห้ามผัดวันประกันพรุ่งแบบที่ผ่านมาแล้ว เขาไม่อยากจะให้คะแนนมันออกมาแย่  เขาเริ่มหยิบเนื้อหาวิชาที่พอจะเข้าใจอยู่บ้างมาเริ่มก่อนเพื่อสร้างกำลังใจที่ดี


เมื่อได้ตั้งใจทำอะไรบางสิ่งเขามักจะลืมเวลาอยู่เสมอ เพราะรู้สึกล้าจากการอ่านหนังสือกรวิทย์จึงลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายโดยเลือกที่จะลงไปหาซื้อขนมที่ใต้หอเพื่อเป็นเสบียงไว้เวลาหิว  ร้านสะดวกซื้อใต้หอพักชายในเวลานี้เต็มไปด้วยผู้คนอาจเพราะเป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว  เขาเลือกซื้อขนมขบเคี้ยว นม และไม่ลืมที่จะหยิบของโปรดอย่างช็อกโกแลตแท่งติดมือไปด้วย เมื่อชำระเงินเสร็จก็กลับขึ้นทันที



Rr Rr  Rr … .



ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องไปเสียงเรียกเข้าที่เขาตั้งไว้สำหรับคนพิเศษก็ดังขึ้นและคิดว่ามันน่าจะดังมาก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาแล้วด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าลงไปซื้อของแค่แปบเดียวเขาเลยไม่ได้หยิบโทรศัพท์ไปด้วย

“ฮัลโหล”  กรวิทย์รีบเอ่ยทักทายปลายสายออกไป

“รับช้าอ่ะ ทำไรอยู่?”

น้ำเสียงของสิชลเหมือนจะไม่สบอารมณ์นิดหน่อยที่เขารับสายช้า กรวิทย์มักจะเจอน้ำเสียงแบบนี้อยู่บ่อยๆเวลาที่คนตัวโตส่งข้อความมาหาแล้วเขาตอบกลับไปไม่ทันใจ หรือเวลาที่เขาลืมเปิดเสียงโทรศัพท์ทำให้ไม่ได้รับสายจากสิชลเขาก็จะเจอน้ำเสียงแบบนี้เช่นกัน

“ขอโทษ พอดีเราลงไปซื้อขนมข้างล่างแปบเดียวเลยไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วย”

“ตอนนี้เราอยู่มหาลัย กรอยู่หอหรือเปล่า?”

“อยู่ๆ วันนี้ไม่ได้ออกไปไหน แล้วทำไมมามหาลัยได้ล่ะ”

“งานกลุ่มน่ะสิ ตอนแรกนัดพรุ่งนี้แต่มีเพื่อนไม่ว่างเลยต้องเลื่อนมาวันนี้เลย กรกินข้าวยัง?”

“ยังไม่กินข้าวข้าวอ่ะแต่ซื้อขนมมาตุนเพียบเลย แล้วสิชลล่ะ กินข้าวเที่ยงยัง?”

“ยังเลย หิวก็หิว ไม่รู้จะมีใครแถวนี้ใจดีซื้อข้าวมาให้เราบ้างไหมนะ?”

น้ำเสียงติดจะอ้อนของปลายสายช่างไม่เข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเป็นพ่อหนุ่มสุดเท่ห์เอาเสียเลย กรวิทย์ได้แต่อมยิ้มกับตัวเองคนเดียว

“หึหึ อยากกินอะไรล่ะครับ เดี๋ยวคนใจดีจะได้ซื้อไปให้”

“เราเอาข้าวผัดกุ้งแล้วก็โค้กหนึ่งแก้ว ขอบคุณคนใจดีมากเลย ทำดีแบบนี้เดี๋ยวมีรางวัลให้”

“ฮ่าๆๆ เลิกเล่นได้แล้ว สิชลอยู่ตรงไหนใต้ตึกวิศวะหรอ”

“ใช่แล้ว ใกล้ถึงแล้วโทรมาบอกก็ได้นะกร”

“แล้วเพื่อนคนอื่นล่ะฝากซื้ออะไรเพิ่มไหม เดี๋ยวเราจะได้ซื้อไปทีเดียวเลย”

“ไม่ต้องซื้อมาฝากพวกมันหรอก หนัก! กรซื้อมาฝากเราคนเดียวพอ”

น้ำเสียงโห่ร้อง โวยวายไม่พอใจดังลอดมาจากปลายสาย เสียงโหวกเหวกจากผู้คนจำนวนมากที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของสิชลดังเข้ามาไม่ขาดสาย กรวิทย์ได้แต่หัวเราะให้กับคำแซวเหล่านั้น


“โหหหห ไอ้แล้งน้ำใจ”

“มึงเลิกอ้อนแฟนแล้วมาช่วยพวกกูทำงานได้แล้ว”

“มึงโทรหาใคร คนที่กูเห็นมึงเดินควงเมื่อวานหรือเปล่า”



“เฮ้ยๆๆ มึงพูดอะไรเนี่ยเดี๋ยวกรเข้าใจผิด” คนตัวโตกำลังเป็นเดือดเป็นร้อนกับคำแซวของเพื่อนที่พูดแกล้งเพื่อให้กรวิทย์เข้าใจผิด สิชลหันไปว่าเพื่อนๆที่พูดอะไรไม่รู้เรื่อง “พวกมันล้อเล่นนะกร เมื่อวานเราไปกินข้าวกับกรเสร็จก็กลับบ้านเลยนะ”

“ฮ่าๆ เชื่อครับเชื่อ ว่าแต่ไม่มีใครฝากซื้อของเพิ่มหรอ”

“เดี๋ยวกรถือมาหนัก ถ้าพวกมันหิวก็ให้ไปซื้อมาเอง กรซื้อมาแค่ของเราแหละ”

“โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”

“ครับ รีบมานะ”

กรวิทย์วางสายก่อนจะอดอมยิ้มให้กับมุมของสิชลที่เขามักจะได้เจอบ่อยๆตั้งแต่คบกัน สิชลเป็นคนที่ขี้อ้อนและหวงของมาก และติณก็มักจะบอกว่าเขาเองเป็นของที่สิชลหวงมากที่สุด ได้ยินแบบนั้นเขาก็อดที่จะรู้สึกดีไม่ได้

ผมหยิบกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือก่อนออกมาจากห้องพัก ผมเลือกเข้าร้านสะดวกซื้อใต้หอพักเพื่อซื้อข้าวผัดกุ้งของสิชลรวมทั้งขนมขบเคี้ยวหลากหลายยี่ห้อ น้ำอัดลมอีกหลายกระป๋อง ผมจัดการคิดเงินข้าวของต่างๆก่อนจะหิ้วถุงเต็มสองมือไปที่ใต้ตึกวิศวกรรม




.
.
.
.





ใต้ตึกวิศวกรรมศาสตร์ในวันเสาร์แบบนี้แม้ผู้คนจะไม่หนาแน่นเหมือนวันที่มีเรียน แต่จำนวนนักศึกษาที่มารวมตัวกันอยู่ใต้ตึกมีไม่น้อย อาจเป็นเพราะช่วงนี้อาจารย์แต่ละท่านคิดว่านักศึกษาว่างเกินไปหรือยังไงเลยพร้อมใจกันสั่งงานกันมากมายขนาดนี้  สิชลนั่งมองเพื่อนๆแต่ละคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาคุยงานเพื่อสรุปเนื้อหาที่พวกเขาควรจะทำกันในวันนี้ 

งานกลุ่มที่สิชลกับเพื่อนๆต้องมารวมตัวกันในวันนี้เป็นของวิชาสังคมซึ่งเป็นวิชาเลือก เป็นวิชาที่สามารถช่วยดึงเกรดอันร่อแร่ของนักศึกษาให้ดีขึ้นมาได้ ดังนั้นเพื่อนๆของเขาจึงตั้งใจทำงานทำงานชิ้นนี้กันเป็นพิเศษและนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ผมต้องตื่นมามหาลัยในวันที่ควรตื่นสายแบบนี้

“ชะเง้อคอมองจนจะเป็นยีราฟอยู่แล้ว มึงช่วยสนใจงานหน่อยค่ะสิชล”
เสียงบ่นจากผู้หญิงตรงหน้าที่เขาไม่ค่อยอยากจะมองว่ามันเป็นผู้หญิงสักเท่าไหร่ดังขั้นเรียกความสนใจให้เพื่อนในกลุ่มมองตาม  ผึ้งเป็นหัวหน้ากลุ่มในงานครั้งนี้เนื่องจากมันมีภาวะผู้นำสูงจึงได้รับเลือกจากเพื่อนๆทุกคนให้เป็นหัวหน้า นอกจากนั้นมันยังเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ผมสนิทที่สุดด้วย

“กูไม่มีความเห็นเห็นอะไรอยู่แล้วไง พวกมึงสรุปงานว่าไงกูก็โอเคหมดแหละ”

“หรอออ” ผึ้งเบะปากกับประโยคของสิชล น้ำเสียงลากยาวเหมือนไม่เชื่อ “กูยังสงสัยไม่หาย กรมาชอบมึงได้ไงวะข้อดีกูยังมองหาไม่เจอเลย”

“แล้วทำไมกูต้องทำดีกับมึงล่ะผึ้ง กูทำดีแค่กับแฟนกูคนเดียวพอ”

“ว๊ายยยย เรียกแฟนเต็มปากเต็มคำ เขาตกลงกับมึงแล้วหรอ? คิดเอาเองป่าวมึง ฮ่าๆๆ”

ดูคำพูดคำจามันสิครับ เชื่อผมหรือยังว่ามันไม่ใช่ผู้หญิงหรอกมันเป็นผู้ชายที่มาในคราบผู้หญิงต่างหาก ปากดีไม่มีใครเกินแถมเพื่อนๆคนอื่นยังผสมโรงหัวเราะไปกับผึ้งด้วย อดหงุดหงิดไม่ได้ครับ

ผมเลิกสนใจเพื่อนๆก่อนหันไปมองตรงบริเวณหน้าคณะอีกครั้งเพื่อมองหาว่าตัวเล็กของผมมาหรือยัง  พลันสายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายในเสื้อยืดสีขาวล้วนสวมกางเกงขาสามส่วน ใบหน้าแดงอาจด้วยแดดช่วงเที่ยงที่ร้อนเกินปกติ ปอยผมลู่ไปตามใบหน้าและลำคอเพราะเหงื่อที่ออกมาไม่ขาดสาย  ข้อมือเล็กทั้งสองข้างเต็มไปด้วยถุงร้านสะดวกซื้อใบใหญ่หลายใบเต็มไปหมด

สิชลรีบวิ่งไปหากรวิทย์เพื่อช่วยหิ้วของที่คนตัวเล็กถือมา เห็นแบบนี้แล้วอดที่จะสงสารไม่ได้รู้แบบนี้เขาเดินไปรับที่ใต้หอเสียทีแรกดีกว่า

“หิ้วอะไรมาเยอะแยะ ดูสิมือแดงหมดแล้ว”

สิชลพูดพลางดึงถุงใบใหญ่ทั้งหมดมาถือด้วยตัวเองพร้อมใช้หลังมือเช็ดเหงื่อที่ไหลตามกรอบหน้าของคนตัวเล็ก ริ้วแดงที่เกิดขึ้นบนแก้มของกรวิทย์ทำให้สิชลต้องยิ้มตามทันที เขามักจะรู้สึกดีที่ทำให้คนตรงหน้าเขินได้

“เราซื้อมาให้สิชลกับเพื่อนๆ ไม่รู้มาว่าชอบอะไรกันบ้างเลยซื้อมาเยอะแยะเลย”

กรวิทย์หันมาตอบเขาก่อนจะส่งยิ้มให้กับเพื่อนๆคนอื่นที่รีบเข้ามาช่วยถือของพร้อมกับมองไม่วางตา อาจเพราะพวกมันไม่เคยเห็นเวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน รวมทั้งผมเองไม่เคยพาคนอื่นมาให้เพื่อนได้รู้จักแบบนี้

“โหหห กรซื้อมาเยอะเลย คิดราคามาเลยนะเดี๋ยวพวกเราช่วยออก” ผึ้งเอ่ยออกมาหลังจากเห็นขนมและเครื่องดื่มที่คนตัวเล็กซื้อมาฝากอย่างมากมาย

“ไม่เป็นไรๆ เราซื้อมาเผื่อทุกคนอยู่แล้ว กินกันเลยไม่ต้องเกรงใจเลยนะ”

“อะไรเนี่ย ทำไมสิชลมันได้แฟนดีขนาดนี้วะ” ผึ้งเอ่ยแซวเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนคนอื่น โดยมีกรวิทย์ยืนตกใจกับสถานะที่เจ้าตัวได้ยินก่อนจะหันมามองหน้าผม

“ทำไม อิจฉาล่ะสิที่กูได้แฟนดี”

จบคำพูดของสิชล ผึ้งทำท่าโก่งคอเหมือนจะอาเจียน เพื่อนๆคนอื่นผิวปากแซวพร้อมเสียงโห่ กรวิทย์ทำได้เพียงยืนนิ่งกับการเป็นเป้านิ่งให้คนอื่นพูดถึงโดยที่ทำได้เพียงกลั้นรอยยิ้มพร้อมปกปิดความเขินอายที่เกิดขึ้น

ระยะเวลาเดือนกว่าๆที่ได้คุยกันมากกว่าเดิม สิชลที่เขาได้รู้จักไม่ใช่คนเดียวกับสิชลที่เขาเคยได้แต่แอบมอง ท่าทางหรือคำพูดที่อยู่กับเพื่อนๆแสดงถึงความเป็นคนสนุกสนาน แต่พอเวลาที่ได้อยู่กันสองคนสิชลมักจะเต็มไปด้วยความใส่ใจ ห่วงใยความรู้สึกเสมอ รวมทั้งมักแสดงออกมากกว่าใช้คำพูดที่บ่งบอกสถานะที่พวกเราต่างก็รู้ว่ามันเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ความรู้สึกที่มีให้กันเพิ่มขึ้นจนพวกเรารู้สึกได้ และวันนี้ที่สิชลเอ่ยพูดสถานะความสัมพันธ์ที่มันชัดเจนของพวกเราออกไป เขารู้สึกดีใจจริงๆ

“หมั่นไส้ว่ะ ชิส์ แล้วนี่กรกินอะไรมาหรือยัง กินกับพวกเราเลยสิ?” ผึ้งหันไปบ่นให้สิชล ก่อนจะเอ่ยมาถามผม

“เราไม่ค่อยหิวข้าวน่ะ แต่ว่าซื้อขนมไว้รอแล้ว นี่ก็ว่าจะซื้อของมาให้แล้วเราก็จะกลับหอแล้ว”

 “เฮ้ยยยย ได้ไงอ่ะ ทำไมกลับเร็ว วันนี้ไม่ได้ทำไรไม่ใช่หรอ นั่งรออยู่ด้วยกันสิ”  สิชลหันมามองด้วยใบหน้าที่เริ่มแสดงอาการเหมือนจะไม่พอใจ คิ้วเริ่มขมวดเข้ากันทันทีที่ได้ฟังผมปฏิเสธที่จะอยู่ต่อ

“พอดีเราอ่านหนังสือค้างไว้น่ะ แล้วถ้าเราอยู่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากอยู่ดี เกะกะเปล่าๆ” กรวิทย์หันไปยิ้มให้กับคนเอ่ยชวน แต่ดูว่าคำตอบของเขาคงยังไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับคนตัวโต

“ไม่จริงซะหน่อย” สิชลเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์ ก่อนจะหลบตาแล้วเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาอีกว่า “แค่อยู่ด้วยกันก็ช่วยได้เยอะแล้ว”

กรวิทย์ยืนนิ่งกับประโยคที่คนตรงหน้าเอ่ยออกมา แม้จะเป็นประโยคธรรมดาที่ไม่มีประธานและกรรมเพื่อความถูกต้องของข้อความ แต่มันกลับเป็นประโยคที่เขารู้สึกว่ามันสมบูรณ์ในความรู้สึกมากเป็นพิเศษ กอบกับสายตาหงอยเหงาที่เจ้าตัวแสดงออกมาเพียงเท่านี้เขาก็ไปไหนไม่รอดแล้ว


“โอ๊ยยยย กูไม่อยากเชื่อว่าสิชลมันจะมีมุมนี้”

“สิชลลลล นี่มึงจริงๆใช่ไหมเนี่ย”

“โหหห อยู่กับแฟนแม่งโคตรหงอเลย”

“จะหวานกันไปไหน คนโสดอิจฉา”



ประโยคถากถางมากมาย รวมทั้งคำแซวจากเพื่อนๆสิชลที่เหมือนจะทนไม่ได้กับท่าทางของคนตัวโตในตอนนี้ กรวิทย์ไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มได้เลย “โอเค เรายอมแล้ว เรานั่งรออยู่แถวนี้แหละ”

กรวิทย์ขอนั่งรออยู่ที่โต๊ะนั่งมุมเสาห่างจากตำแหน่งที่สิชลและเพื่อนๆคุยกันโดยเลือกที่จะปฏิเสธคำชวนของทุกคนที่ให้ไปนั่งรวมกลุ่มด้วยกันโดยเขาให้เหตุผลว่าไม่อยากรบกวนการทำงาน เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเกมส์ระหว่างนั่งรอโดยมีคนตัวโตเดินมาหาอยู่บ่อยๆ และบางครั้งก็มานั่งเขียนงานอยู่ข้างๆเขา

“เบื่อหรือเปล่า?”

ผมหันไปยิ้มให้กับเจ้าของคำถามก่อนส่ายศีรษะเพื่อบอกว่าไม่ได้เบื่อ สิชลถามย้ำกับผมไม่ต่ำกว่าเจ็ดรอบแล้ว แม้ว่าเราจะไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก สิชลก็นั่งทำงานของเขาส่วนผมก่งเงียบๆเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถือของตนเองจนแบตหมดสิชลก็ให้ยืมเครื่องของเขาให้เอามาเล่นแทน แม้ว่าการใช้เวลาอยู่ด้วยกันของพวกเราจะไม่มีกิจกรรมอะไรมากนักแต่ถ้าเขาบอกว่าแค่ผมนั่งอยู่ข้างกันก็เพียงพอแล้ว ผมดีใจและอยากบอกเหมือนกันว่า ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่รู้สึกดีเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน






TBC.

ขอบคุณที่ติดตามกันมานะคะ
คอมเม้นต์ทุกข้อความเราอ่านหมดเลย
รักคนอ่านทุกคนเสมอ

หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 09 (๐๗/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-06-2015 20:50:30
หวานโชว์สื่อ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 09 (๐๗/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 07-06-2015 21:08:29
น่ารักอ่ะคู่นี้ สิชลรุกตลอด กรหน้าแดงไม่รู้จะแดงไปไหนแล้ว ค่อยๆๆรักกันไปน่ะ
แต่ว่ารู้สึกกรจะมีคนมาแอบชอบด้วยนิ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 09 (๐๗/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 07-06-2015 21:14:52
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 09 (๐๗/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 07-06-2015 21:55:51
โออ สิชลมุ้งมิ้งอะไรขนาดนี้ มดตอมตัวแล้วววววว
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 09 (๐๗/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 08-06-2015 00:50:08
หวานเฟ้อออออ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 09 (๐๗/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 08-06-2015 01:07:52
สิชลอาการหนักกว่ากรที่แอบชอบก่อนอีกนะ
55555555555555555
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 09 (๐๗/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: mynamejnkf ที่ 08-06-2015 01:19:32
ถ้าไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่ากรแอบชอบสิชลก่อน แหม่ะ ติดเป็นลูกเจี๊ยบเลยนะสิชลลลล :hao7:

เอาอีกๆๆๆ :hao6: :hao6: :hao6:

สู้ๆค่ะ คนแต่ง
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 09 (๐๗/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-06-2015 09:57:40
สิชลดูชอบกรมากจริงๆ กรี๊ด น่ารัก
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 09 (๐๗/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 14-06-2015 21:27:36
10 – อยู่ที่เธอทุกอย่าง





“วันนี้เราคงไม่ได้ไปกินข้าวด้วยนะ มีแก้งานนิดหน่อย สิชลกลับไปก่อนได้เลยน๊า”

“แก้งานนานเลยหรอ เรารอได้นะ”

“เราไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่น่ะสิ ไม่อยากให้สิชลรอนาน”


คิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังคิดหนัก ท่าทางครุ่นคิดของผู้ชายตัวโตตรงหน้าเรียกรอยยิ้มจากกรวิทย์ได้เสมอ ตอนนี้พวกเราสองคนกำลังยืนอยู่หน้าคณะของกรวิทย์


ตอนแรกสิชลนัดไว้ว่าหากเขาเลิกเรียนเสร็จแล้วจะมารับพาไปทานข้าวเย็นกัน แต่เนื่องจากว่ารายงานที่กรวิทย์ส่งไปครั้งที่แล้วมีข้อผิดพลาดอาจารย์เลยสั่งให้เอากลับไปแก้และส่งไม่เกินเที่ยงวันพรุ่งนี้ เขาเองก็ตกใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้แต่เพราะยังไงก็ต้องแก้ไขให้เรียบร้อยเขาเลยต้องโทรไปยกเลิกนัดกับสิชลแต่ดูเหมือนคนตัวโตจะไม่ยอมเข้าใจถึงได้มาหาเข้าถึงหน้าคณะในเวลานี้


“ไปกินข้าวแล้วค่อยกลับมาแก้รายงายไม่ได้หรอ นี่ก็เย็นแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่หรอ?” คนตัวโตยังพยายามโน้มน้าวให้เขายอมไปกินข้าวด้วยกันให้ได้


“เราว่าจะกินมาม่าแล้วก็จะรีบไปห้องสมุดเลยน่ะ ไม่อยากเสียเวลา ครั้งนี้เราขอโทษด้วย เดี๋ยวขอแก้ตัวเป็นครั้งหน้านะ” ผมเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้ไปกินข้าวด้วยในวันนี้เพราะจริงๆแล้วสิชลเรียนเสร็จตั้งแต่บ่ายสามโมงแล้วแต่ก็รอเขาเพื่อที่จะไปหาอะไรกินพร้อมกันช่วงเย็น


“กินอะไรที่มีประโยชน์หน่อยสิกร เดี๋ยวเราไปซื้อข้าวกล่องมาให้ดีกว่านะ แปบเดียวเอง นั่งกินแถวนี้แหละ” 


สิชลตัดสินใจเดินไปซื้ออาหารสำเร็จรูปที่ร้านสะดวกซื้อหน้ามหาวิทยาลัย เขาเลือกหยิบข้าวไข่เจียวกุ้งของโปรดของกรวิทย์ก่อนจะเลือกหยิบอีกเมนูที่ดูน่ากินมาอีกกล่องสำหรับเขาเอง แม้จะรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่ไม่ได้ไปหาอะไรกินข้างนอกด้วยกันแต่เขาก็เข้าใจคนตัวเล็กว่าไม่อยากจะผิดคำพูด แต่เป็นเหตุสุดวิสัย


และถ้าถามว่าทำไมเขาถึงต้องให้ความสำคัญกับการไปกินข้าวเย็นครั้งนี้ของพวกเรามากนัก เป็นเพราะผมแอบนัดเพื่อนสนิทในกลุ่มสมัยเรียนม.ปลายเอาไว้ ผมแค่อยากให้กรวิทย์ให้รู้จักกับเพื่อนๆของผม แต่เพราะรายงานมีปัญหานัดครั้งนี้เลยโดนยกเลิกไปเสียได้ เมื่อครู่เพิ่งวางสายจากเพื่อนๆว่าไปตามนัดไม่ได้แล้ว ขอโทษกันยกใหญ่ และบอกพวกมันไปว่าจะนัดเจอกันใหม่



กรวิทย์มองดูสิชลที่เดินถือถุงร้านสะดวกซื้อมามากมาย เขารับมาช่วยถือก่อนจะมองหาข้าวไข่เจียวกุ้งของโปรด และนอกเหนือจากอาหารที่เขาฝากซื้อแล้ว ขนมและนมต่างๆที่สิชลซื้อมาเพิ่มล้วนแต่เป็นของโปรดเขาทั้งสิ้นเลย


“ซื้อมาเยอะแยะเลย ขอบคุณมากเลยนะ” กรวิทย์ก้มมองบรรดาอาหารในถุงก่อนเงยหน้ามายิ้มหวานขอบคุณสิชล


“หึหึ เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหมล่ะ?”


ท่าทางกรุ้มกริ่มของคนตัวโตเรียกความสงสัยให้กรวิทย์เป็นอย่างดี “ลองบอกมาก่อนสิ ถ้าทำได้ก็จะทำให้”


“ฮ่าๆ อย่าทำหน้าระแวงเราแบบนั้นดิ”


“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็ดูสิชลทำหน้าสิ เจ้าเล่ห์ซะไม่มี”


สิชลหัวเราะให้กับคนพูดของคนตัวเล็กก่อนที่จะเฉลยสิ่งที่เขาอยากจะขอ “เราแค่จะขอให้กรไปงานเลี้ยงรุ่นกับเราในวันเสาร์นี้ ได้ไหม?”


กรวิทย์ไม่ตอบตกลงในทันที ท่าทางของคนตัวเล็กเหมือนกำลังครุ่นคิดบางเรื่องอย่างหนัก ริมฝีปากขบกัดกัดอย่างคนที่กำลังชั่งใจในบางสิ่ง


“มันจะดีหรอ?” กรวิทย์เอ่ยออกมาอย่างไม่แน่ใจ


“ทำไมถึงคิดว่ามันจะไม่ดีล่ะ เราอยากให้กรได้เจอเพื่อนเราและก็แนะนำให้รู้จักกันไปด้วยเลย”


กรวิทย์รู้สึกดีใจที่สิชะลอยากแนะนำเขาให้เพื่อนๆได้รู้จัก แต่อีกใจหนึ่งเขาเองก็รู้สึกไม่มั่นใจอย่างไงก็ไม่รู้ ความรู้สึกที่มักจะมีอยู่เสมอ

เขาดีพอสำหรับสิชลหรือยัง?

เขาคู่ควรกับสิชลไหม?


ไม่รู้สิ คำถามเหล่านี้มักจะวนเวียนอยู่ในหัวเขาเสมอเวลาที่คนอื่นมองพวกเรา เขารู้ว่ามันไม่ถูกที่มัวแต่ไปสนใจสายตาของคนอื่นแต่เขาก็อดกังวลไม่ได้


“งานเลี้ยงรุ่นสิชลน่าจะอยากสนุกกับเพื่อนมากกว่านะ เอาเราไปด้วยอาจจะไม่สนุกเท่าไหร่น๊า”


“เราอยากให้กรไปด้วยนี่นา แต่ถ้ากรไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไรนะ” น้ำเสียงผิดหวังจากคนตัวโตมันทำให้กรวิทย์รู้สึกผิดขึ้นมาทันที


“เฮ้ยยย สิชลอย่าเพิ่งงอนเราดิ โอเค เราตกลงไปแล้ว” 


สิ้นเสียงตกลงของคนตัวเล็ก สิชลก็เผยยิ้มกว้างที่ทำให้คนมองต้องยิ้มตามออกมา ท่าทางน้ำเสียงหงอยเหงาเมื่อครู่คงเป็นการแสดงที่ทำให้เขาต้องตอบตกลงใช่ไหมเนี่ย กรวิทย์ล่ะเอ็นดูกับเล่ห์เหลี่ยมของผู้ชายคนนี้จริงๆ


“เป็นอันว่าตกลงแล้วนะ เดี๋ยวรายละเอียดเราบอกกรอีกทีนะ แต่ว่าตอนนี้รีบกินข้าวกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวกรแก้รายงานเสร็จช้า” สิชลอารมณ์ดีขึ้นทันทีที่กรวิทย์ตกลงที่จะไปงานเลี้ยงรุ่นของเขาในวันเสาร์นี้


สิชลช่วยเก็บของทำความสะอาดบนโต๊ะทันทีที่กรวิทย์กินข้าวเสร็จแล้ว เขาบอกให้คนตัวเล็กรีบเข้าไปในหอสมุดก่อนเลยเดี๋ยวตรงนี้เขาจัดการเองก่อนที่จะรีบตามเข้าไปด้วย


“สิชลกลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวจะเบื่อซะเปล่าๆ”


“อยู่กับกรก็ไม่เบื่อนะ” กรวิทย์มองค้อนผู้ชายตรงหน้าที่ชอบทำให้เขาเขินอยู่บ่อยๆ สิชลยิ้มเอ็นดูก่อนเอื้อมมือไปหยิกแก้มคนที่ยืนหน้าแดง “เดี๋ยวเราทำการบ้านระหว่างที่รอกรนั่นแหละ กรไม่ต้องห่วงหรอก”


สิชลเอ่ยให้กรวิทย์สบายใจ คนตัวเล็กมักชอบบ่นว่าเขาตามติดมากไปจนกลัวว่าจะเสียการเรียน แต่ผมก็เคยได้อธิบายไปแล้วว่าผมไม่ทิ้งการเรียนหรอก ผมแค่อยากใช้เวลากับแฟนตัวเองนานๆนี่ผิดหรอครับ?


.
.
.
.
.



บรรยากาศภายนอกตอนนี้แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงจากหลอดไฟทำหน้าที่ของมันในการส่องสว่าง และเวลาแบบนี้ห้องสมุดก็ดูเงียบเหงากว่าปกติ อาจเพราะอีกไม่นานก็จะถึงเวลาปิดทำการแล้ว


สิชลนั่งมองกรวิทย์ที่กำลังขะมักเขม้นอ่านเท็กซ์บุ๊คเล่มหนาก่อนจะพับมุมเล็กๆไว้หน้าที่ต้องการแล้วก็ลุกขึ้นไปหยิบเล่มใหม่มา
อีก เขาเห็นคนตัวเล็กลุกขึ้นไปหยิบมาหลายรอบแล้ว เห็นท่าทางตั้งใจแบบนี้เขาเลยขอแชะภาพเก็บความประทับใจเอาไว้ซะหน่อย


“สิชล เดี๋ยวเราไปถ่ายเอกสารก่อนนะ รอแปบ”


เขาพยักหน้าให้คนตัวเล็กก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเช็คความเคลื่อนไหวระหว่างนั่งรอ เพื่อนๆไลน์มาถามเรื่องการบ้านซึ่งเขาจัดการเรียบร้อยแล้ว เขาถึงถ่ายรูปส่งให้เพื่อนดูและเมื่อเห็นรูปล่าสุดที่เขาถ่ายไว้ สิชลจึงเลือกที่จะอัพภาพนั้นลงอินสตาแกรม


ภาพของกรวิทย์ที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือเล่มหนาถูกอัพขึ้นโซเชียลมีเดียของสิชลโดยมีแคปชั่นใต้ภาพว่า


“ตั้งใจทำงานแบบนี้ อาจารย์อย่าใจร้ายแกล้งตัวเล็กเลยนะครับ”


และเมื่อภาพถูกอัพโหลดไม่นานหลากหลายคอมเม้นต์ก็เข้ามาแซวเขาและกรวิทย์ แต่ดูท่าทางว่าเพื่อนๆเขาจะสนุกสนานกับการแซวมากเป็นพิเศษอาจเพราะผมเลือกที่จะเป็นฝ่ายเปิดเผยความสัมพันธ์ครั้งนี้อย่างเต็มที่


“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียว คุยกับกิ๊กหรอ?” เสียงแซวจากคนที่เพิ่งกลับมาจากถ่ายเอกสาร สิชลเงยหน้าขึ้นมาสบตาก่อนจะยิ้มมุมปากให้คนตัวเล็กสงสัยเล่น เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่องว่ากำลังตกเป็นเป้าหมายในการถูกแซวอยู่ในตอนนี้


“จะไปมีกิ๊กได้ที่ไหนล่ะ หลงแฟนตัวเองขนาดนี้แล้ว”


หยอดได้ต้องหยอดครับ สิชลรู้ว่าเวลาที่เขาพูดประโยคหวานๆเมื่อไหร่คนตรงหน้าจะมีปฏิกิริยาเร็วมาก แก้มทั้งสองข้างจะมีสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด มือไม้พันกันจนไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน เห็นกรวิทย์เขินแล้วเขามีความสุขครับ


“บ้า นั่งรอจนเพี้ยนไปแล้วหรือไง” กรวิทย์บ่นทีเล่นทีจริงกลบเกลื่อนความเขิน


“ฮ่าๆ เขินอ่ะดิ๊”


“ชิส์ เก็บของเลยเราจะกลับหอแล้ว”


“โอเคครับ รับทราบ”


สิชลทำท่าตะเบ๊ะแสดงท่าทีว่าน้อมรับคำสั่งของอีกฝ่ายเรียกเสียงหัวเราะจากกรวิทย์ได้เป็นอย่างดี คนตัวเล็กมักบอกกับเขาเสมอว่ายิ่งได้รู้จักยิ่งไม่เหมือนกับสิชลที่คนทั่วไปเห็น ท่าทีที่นิ่งขรึม พูดน้อยมักจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติกับคนที่ไม่สนิท แต่ถ้ากับคนที่สนิทเขามักจะเป็นคนที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับคนรอบตัวอยู่เสมอ


รถยนต์เคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่หน้าบันไดบริเวณทางขึ้นหอพักชาย กรวิทย์ปลดสายเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหยิบเอกสารต่างๆมาถือไว้และเอ่ยลากับคนขับที่มาส่ง


“ถึงห้องแล้วไลน์มาบอกด้วยนะสิชล”


“โอเคครับ รีบขึ้นห้องเหอะ ดูสิ ตาจะปิดแล้ว” สิชลเอ่ยบอกคนตัวเล็กที่ท่าทางเหมือนพร้อมจะนอนแล้ว ตาปรือมาตลอดระหว่างที่นั่งอยู่ในรถแถมพอเจอแอร์เย็นๆเข้าไปอีกอาการหาวเลยมีมาเป็นระยะ


กรวิทย์พยักหน้ารับก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินขึ้นหอพักไป ทันทีที่เข้าไปในห้องเขาจัดการเตรียมอุปกรณืเพื่อไปอาบน้ำทันที วันนี้รู้สึกได้ว่าใช้ร่างกายคุ้มเหลือเกิน มีเรียนตั้งแต่เช้ายันค่ำแถมยังต้องนั่งแก้รายงานจนดึกอีก ตอนนี้ร่างกายต้องการที่นอนแล้ว




✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋




กรวิทย์ในชุดนอนลายทางสีน้ำเงินเข้มกำลังนั่งเป่าผมอยู่หน้าพัดลมตัวใหญ่ เขากะว่าถ้าผมแห้งก็คงจะนอนเลย และเพราะสิชลเองก็ยังไม่ส่งข้อความมาบอกว่าถึงห้องเขาเลยอยากนั่งรอข้อความเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายถึงห้องอย่างปลอดภัย


นิ้วเรียวยาวกดเข้าแอปพลิเคชั่นต่างๆเพื่อเช็คดูความเคลื่อนไหวเพราะวันนี้เขาแทบจะไม่ได้เล่นโทรศัพท์เลย และทันทีที่ได้เข้าไปในเฟสบุ๊ค ตัวเลขที่แสดงข้อความการแจ้งเตือนมีอยู่ถึงสี่สิบว่าข้อความ กรวิทย์ตกใจมากและรีบกดเข้าไปก่อนที่จะพบว่ามันเป็นคอมเม้นต์ที่แสดงความคิดเห็นต่อภาพภาพเดียว


คนตัวเล็กนั่งนิ่งกับภาพที่หน้าไทม์ไลน์สิชลที่เป็นภาพของเขากำลังก้มหน้าตั้งใจอ่านหนังสือ พร้อมด้วยแคปชั่นที่น่าเอ็นดูเมื่อได้อ่าน แม้ว่าสิชลจะโพสต์โดยไม่ได้แท็กชื่อเขาไว้ แต่ในคอมเม้นต์มีเพื่อนในภาควิชาหลายคนมาแท็กชื่อเขาไว้ เขาถึงได้รับการแจ้งเตือนมากมายแบบนี้


หลายข้อความที่บ่งบอกถึงความสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเรา เขาเองก็ได้แต่อมยิ้มกับพฤติกรรมของคนขี้อวด และเหมือนจะรู้ว่ามีคนกำลังบ่นถึง โทรศัพท์ในมือที่กำลังถืออยู่เปลี่ยนหน้าเป็นชื่อของคนที่กำลังนึกถึงโทรเข้ามา


Rr  Rr  Rr .. .


“ฮัลโหล”


“ฮัลโหล เราถึงห้องแล้วนะกร” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยมาตามสาย


“โอเค รีบอาบน้ำพักผ่อนด้วยนะสิชล”


“อื้มม แล้วนี่ยังไม่นอนหรอ เห็นท่าทางง่วงซะขนาดนั้น?”


“ก็ว่าจะนอนแล้วล่ะนะ ถ้าไม่มาเจอคนแอบถ่ายรูปเราซะก่อน”


“ฮ่าๆๆ เจอแล้วหรอ” เสียงหัวเราะดังมาจากคนตัวโต


“ชอบแอบถ่าย ชิส์”


“ก็ขอดีๆไม่เคยให้ถ่ายเลยนี่นา ต้องแอบถ่ายนี่แหละ” สิชลบ่นคนตัวเล็ก เขาคุยกันอีกนิดหน่อยก่อนอีกฝ่ายจะขอตัวไปนอนก่อนเนื่องจากทนง่วงไม่ไหวแล้ว


พรุ่งนี้สิชลมีเรียนบ่ายดังนั้นเขาเลยไม่รีบร้อนที่จะนอนสักเท่าไหร่ คืนนี้มีบอลคู่โปรดด้วยคงได้นอนเช้าแน่ๆ เขากดดูความเคลื่อนไหวพร้อมตอบคอมเม้นต์จากเพื่อนๆอีกนิดหน่อยก่อนตัดสินใจที่จะไปอาบน้ำ แต่ยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนู เสียงเตือนข้อความเข้าจากโปรแกรมสนทนายอดนิยมอย่างไลน์ก็ดังขึ้น


สิชลกดเข้าไปดูข้อความซึ่งผู้ที่ส่งมาคือแชมป์เพื่อนสนิทของเขาเอง แชมป์เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ประถม รวมทั้งในระดับมหาวิทยาลัยเขากับมันก็ยังได้อยู่คณะเดียวกัน


“วันเสาร์นี้มึงไปงานเลี้ยงรุ่นป่าววะ?”


“ไปดิ ทำไมวะ?”


ประโยคข้อความขึ้นว่า “อ่านแล้ว” แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีการตอบกลับมาจนเขาเกือบที่จะกดโทรออกเพื่อถามว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่ข้อความจากอีกฝ่ายก็แสดงขึ้นมาก่อน


“จุนก็จะมานะ”


แม้แชมป์จะส่งข้อความสั้นๆกลับมาแต่สิชลก็ยังอ่านข้อความนั้นวนซ้ำไปซ้ำมา เขานิ่งไปหลังจากที่อ่านข้อความ ความสั่นไหวในหัวใจยังมีอยู่ มันยังไม่จากไปไหน เขารู้สึกได้เพราะแค่ได้อ่านชื่อของคนคนนั้นเขายังหวั่นไหวได้ถึงขนาดนี้





TBC.

รักผู้อ่านทุกท่านเสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 10 (๑๔/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-06-2015 21:41:50
งึมมมม

ถ้าสิชลไม่มั่นคง ทำร้ายจิตใจกรทางอ้อมนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 10 (๑๔/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 14-06-2015 22:38:18
จุนนี่ใคร อ่าววว อ่าววววว  :z2:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 10 (๑๔/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: pachth ที่ 15-06-2015 20:43:40
อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 10 (๑๔/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-06-2015 22:59:00
ช่วงแรกก็อ่านไปอมยิ้มไป
มาหุบก็ตอนชื่อ จ่ย อ่ะ
อยากรู้แล้ว ยังไงๆๆๆๆ อ่า
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 10 (๑๔/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 21-06-2015 19:31:37
11 – Unknown


การจราจรบนท้องถนนในวันเสาร์คลาคล่ำไปด้วยรถยนต์ที่ต่างก็มีจุดมุ่งหมายการเดินทางต่างกันออกไป อาจเพราะช่วงเวลาเกือบสองทุ่มแบบนี้จำทำให้ปริมาณรถหนาแน่นเป็นพิเศษ


เสียงเพลงจากวิทยุกำลังเล่นเพลงที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ กรวิทย์ร้องคลอไปตามเสียงเพลงเพื่อช่วยลดตื่นเต้นที่กำลังเกิดขึ้น  ยิ่งเดินทางใกล้ถึงงานเท่าไหร่เขาก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้อยู่ดี


กรวิทย์ได้รับคำเชิญจากสิชลให้มางานเลี้ยงรุ่นโรงเรียนด้วยกัน งานในครั้งนี้ได้รับโจทย์ให้เป็นธีมอะโลฮ่า สิชลจึงลากเขาไปหาซื้อเสื้อผ้าเพื่อจะใส่มาในงานวันนี้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แถมพวกเรายังแต่งตัวคล้ายกันด้วย


สิชลสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีส้มสดเป็นพื้นหลังโดยมีรูปเรือสีขาวหลายลำปะปนเต็มไปหมดพร้อมกับกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบ ส่วนผมก็โดนบังคับให้สวมเสื้อเชิ้ตแบบเดียวกันแต่เป็นสีฟ้าและมีรูปสมอเรือสีขาวแทน กางเกงและรองเท้าผมก็เหมือนกับสิชลทุกอย่าง และทั้งหมดนั่นก็เป็นความคิดของสิชลเขาคนเดียวเลย


เสียงเครื่องมือสื่อสารของคนข้างกายดังอยู่ตลอด สิชลรับสายและเอ่ยบอกปลายสายว่าใกล้ถึงแล้ว ท่าทางพวกเราจะไปถึงทีหลังคนอื่นแน่เลยเพื่อนๆของสิชลถึงได้โทรมาถามไถ่ว่าถึงไหนกันแล้ว


“ใกล้ถึงแล้วกร เห็นไฟข้างหน้านั่นไหม นั่นแหละโรงเรียนเรา”


คนขับหันมาเอ่ยกับเขาเพื่อบอกให้เห็นถึงโรงเรียนในสมัยมัธยมของเจ้าตัว  พร้อมกับบ่นว่าโดนเพื่อนๆโทรมาเร่งเหลือเกิน และเมื่อรถยนต์เลี้ยวเข้ามาภายในบริเวณโรงเรียนเขาก็ต้องตาโตไปกับความกว้างขวางของสถานศึกษาแห่งนี้


พื้นที่บริเวณสนามฟุตบอลที่กว้างใหญ่แต่บัดนี้เต็มไปด้วยโต๊ะจีนจำนวนมากที่มีผู้ร่วมงานจับจองกันไปจนเกือบหมดแล้ว กรวิทย์มองไปรอบๆอย่างแปลกตาเพราะเขาเพิ่งได้มาเป็นครั้งแรก


สิชลดับเครื่องรถพร้อมกับหยิบบัตรเข้างานและโทรศัพท์มือถือติดมือมาด้วย คนตัวโตสำรวจตัวเองสักพักก่อนหันมาเผื่อแผ่ช่วยจัดเสื้อของเขาให้เข้าที่เข้าทางก่อนหยิบโทรศัพท์มาเปิดเข้าโปรแกรมถ่ายภาพ


“ยิ้มหน่อยกร”


สิชลเอ่ยบอกให้คนข้างกายมองกล้องแล้วยิ้ม เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้แต่งตัวเหมือนกันเขาเลยต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึกไว้หน่อย คนตัวเล็กยื่นหน้ามาดูภาพที่เพิ่งถูกบันทึกไปก่อนบ่นว่าไม่หล่อเท่าเขา


“หล่อแล้ว” สิชลเอ่ยแซวกรวิทย์และได้รับกำปั้นเล็กชกเบาๆที่หัวไหล่เป็นของรางวัล


“ป่ะ เข้างานกันเถอะ” สิชลจับมือกรวิทย์ให้มาเดินข้างกัน คนตัวเล็กหันมามองโดยไม่พูดอะไรก่อนจะหันกลับไป


ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ถึงบริเวณงาน เสียงเพลงสนุกสนานก็ยิ่งดังขึ้นมาทุกขณะพร้อมเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยที่ดังไม่แพ้กันจนบางครั้งเกือบคล้ายเป็นการตะโกนมากกว่า บรรยากาศที่เพื่อนเก่ากลับมาเจอกันแบบนี้มันรู้สึกดีจริงๆ ว่าแล้วกรวิทย์ก็รู้สึกคิดถึงเพื่อนเก่าของตัวเองเช่นกัน


เดินมาถึงหน้างานสิชลยื่นบัตรเข้างานให้กับน้องๆที่ดูเหมือนว่าน่าจะยังเป็นศิษย์ปัจจุบันกันอยู่ พวกเราถามตำแหน่งโต๊ะกับน้องๆก่อนเดินเข้าไปในงาน  โต๊ะของพวกเราอยู่บริเวณกึ่งกลางของสนามพอดีถือว่าได้ตำแหน่งที่ดีทีเดียว สิชลหันมองหาเพื่อนๆตัวเองก่อนหันไปตามเสียงเรียกที่ค่อนข้างดังจากโต๊ะที่เต็มไปด้วยผู้ชายทั้งกลุ่ม


“สิชล ทางนี้เว้ยย”


สิชลหันไปบอกมือตอบรับเพื่อนที่ส่งสัญญาณก่อนจะพาผมเดินไปที่โต๊ะพร้อมเสียงทักทายและถามสารทุกข์สุขดิบที่ดังขึ้นไม่ขาดสายทั้งจากเพื่อนร่วมโต๊ะ และผู้คนจากโต๊ะอื่นที่เขากับสิชลเดินผ่าน


“กว่าจะเสด็จมาได้นะมึง”


“กูนึกว่ามึงจะมาตอนงานเลิกซะอีก ช้าสัด”


เสียงทักทายจากเพื่อนร่วมโต๊ะแสดงถึงความสนิทสนมกับคนตัวโตเป็นอย่างดี หลากหลายคำทักทายและการพูดคุยแบบเป็นกันเองล้วนทำให้บรรยากาศรอบตัวกรวิทย์เต็มไปด้วยความสรวลเสเฮฮา


สิชลละจากกลุ่มเพื่อนหันมามองหาเขาก่อนที่จะดึงมือให้มายืนข้างกัน หลายคนบริเวณนั้นหันมามองตามก่อนจะส่งสายสายตาที่เป็นเหมือนคำถามว่าเขาเป็นใคร


“นี่กร แฟนกูเอง”


สิชลโพล่งประโยคบอกเล่าถึงความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้ออกไปโดยไม่มีคำถามจากใครเลย เจ้าตัวพูดแนะนำเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาดินฟ้าอากาศทั่วไปผิดกับตัวเขาที่ใจเต้นแรงกับเมื่อครู่ไม่น้อย และแอบกังวลกับปฏิกิริยาจากคนรอบข้างเสียด้วย


เพื่อนๆของสิชลเงียบไปครู่เดียวหลังจากที่สิชลแนะนำออกไปก่อนจะได้รับเสียงโห่แซวตอบกลับมา เขาเองก็เริ่มมีอาการประหม่าที่ทุกคนดูไม่ตื่นตกใจแถมออกจะสนใจเขาเป็นพิเศษด้วยซ้ำ พร้อมทักทายเขาอย่างเป็นกันเองอีกด้วย


“นั่งเลยครับ ไม่ต้องเกร็งนะ พวกเราสบายๆ วันนี้มาสนุกกันนะครับ”


ชายหนุ่มหน้าตี๋ที่ยืนอยู่ข้างเขาเชิญชวนในนั่งร่วมโต๊ะพร้อมยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง แถมหน้าตาที่ดูเรียบร้อยพร้อมกับสวมแว่นตากรอบหนาบนเครื่องหน้าช่วยทำให้ดูเป็นบุคคลที่ไม่น่าจะมาอยู่ในกลุ่มของสิชลที่ดูออกจะมุทะลุ ใจร้อนเสียได้


“เพิ่งจะได้เห็นกันชัดๆนะเนี่ย ทุกทีเห็นแต่รูปหันข้างไม่ก็รูปก้มหน้า”


เสียงเอ่ยมาจากผู้ชายฝั่งตรงข้ามสิชลที่เหมือนจะพูดถึงเขา กรวิทย์หันไปสบตาก่อนจะยกยิ้มให้บางๆ เพื่อนคนอื่นๆต่างก็พยักหน้าแล้วก็พยายามชวนเขาคุยเพื่อไม่ให้เขารู้สึกเกร็งหรือแปลกแยก


“ขอถ่ายรูปดีๆไม่เคยยอมเลย กูต้องแอบถ่ายตลอด”  สิชลเอ่ยตอบเพื่อนๆ ก่อนหันมามองเขาด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม ริ้วแดงบนพวงแก้มปรากฏให้เห็นชัดแม้จะอยู่ในที่แสงไฟสลัวก็ตาม


“กรรู้เปล่า ไอ้สิชลมันไม่เคยเปิดตัวแบบนี้มาก่อนเลยนะ” เพื่อนอีกคนบนโต๊ะที่กรวิทย์จำได้ว่าชื่อกานต์เอ่ยบอก ก่อนจะสมทบด้วยคำยืนยันจากคนอื่นๆอีก


“ใช่ๆ เอะอะอัพรูปตลอด พวกเราถึงได้ชอบเข้าไปแซวมัน แล้วพวกเราก็อยากเจอกรมากด้วย อยากรู้ว่าคนแบบไหนทำให้ไอ้สิชลมันเป็นขนาดนี้”


“แล้วเมื่อก่อนสิชลเป็นแบบไหนหรอ?”


กรวิทย์เอ่ยคำถามคำคาใจออกไปเพราะอยากรู้ว่าคนตัวโตเมื่อก่อนในวัยมัธยมเวลาที่มีความรักเขาขี้อ้อนเหมือนกันไหม แถมอาการขี้หวงในตอนนี้เท่าในตอนสมัยเรียนหรือเปล่า


“ฮ่าๆๆ มันก็เป็นพวกปากแข็งน่ะสิ แถมไม่ชอบเปิดเผยเรื่องแบบนี้ด้วย” เพื่อนหน้าตี๋ที่เพื่อนให้ฉายาว่ามหาเอ่ยตอบข้อข้องใจของเขา


“พวกมึงก็เว่อร์ไป กูก็เหมือนเดิมแหละ กรอย่าไปฟังอะไรพวกมันมาก” สิชลเอ่ยขัดขึ้นมาก่อนเพื่อนๆจะส่งสีหน้าหมั่นไส้แบบไม่ปิดบังมาให้


“แล้วที่ใส่เสื้อคู่กันมาแบบนี้ ขอถามหน่อยดิว่าความคิดใครอ่ะ?”


กรวิทย์ไม่ได้ตอบคำถามนั้นโดยตรง เขาเพียงหันไม่มองคนข้างกายก่อนจะยิ้มให้แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้ได้คำตอบแล้ว เพื่อนแต่ละคนทำท่าเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าสิชลที่อยู่กับเขาจะเป็นคนเดียวกับเพื่อนม.ปลายของพวกเขา


“กูว่ามึงเป็นหนักมากอ่ะ”


“มึงมีความคิดอยากใส่เสื้อคู่แบบนี้ด้วยหรอวะ ไม่อยากจะเชื่อเลย”


หลากหลายความเห็นที่เอ่ยออกมาไม่ได้ทำให้คนข้างตัวเขาสะทกสะท้านหรือเขินอายแม้แต่น้อย แถมยังนั่งยิ้มภูมิใจส่งกลับไปอีกต่างหาก


“แล้วนี่ ไอ้สิชลมันจีบกรยังไงอ่ะ พวกเราอยากรู้”


คำถามมาจากชายร้างท้วมเจ้าเนื้อผิวขาวที่หุ่นดูออกจะเป็นอาเสี่ยไปสักหน่อย กรวิทย์อมยิ้มไปกับคำถามสักเล็กน้อยก่อนเฉลยออกไป


“เราต่างหากที่เป็นฝ่ายเข้าหาสิชลก่อน”


“เฮ้ย จริงดิ ไม่น่าเชื่อ ฮ่าๆ” กรวิทย์ได้รับเสียงแซวถึงความใจกล้าที่ดูขัดกับภาพลักษณ์ของตัวเอง และหลังจากนั้นสิชลก็เบี่ยงเบนความสนใจด้วยการยกเรื่องในสมัยเรียนมาเป็นประเด็นแทนเรื่องของพวกเรา เขาต้องขอบคุณสิชลที่ช่วยให้ลดอาการเกร็งลงไปได้ไม่น้อยเลย


แม้ว่าจะไม่ลำบากใจกับการต้องมานั่งตอบคำถามสักเท่าไหร่ แต่กรวิทย์ก็อดประหม่าไม่ได้อยู่ดีที่ทุกคนล้วนดูสนใจกับความสัมพันธ์ของพวกเราเสียเหลือเกิน เขาก็แค่เขินที่ต้องมานั่งบอกเล่าเรื่องพวกนี้ให้คนอื่นฟังน่ะ


บรรยากาศภายในงานเริ่มสนุกสนานมากขึ้นเมื่อเวลายิ่งมากขึ้น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนโต๊ะพร่องไปอย่างเร็วและเหมือนเป็นตัวช่วยให้การสนทนาในโต๊ะสนุกสนานและเสียงดังเพิ่มมากขึ้น เรื่องราวมากมายรวมทั้งวีรกรรมในสมัยเรียนของแต่ละคนถูกหยิบมาพูดถึงสร้างความครื้นเครงเป็นอย่างมาก


แก้วน้ำอัดลมที่ผสมเครื่องดื่มสีอำพันเล็กน้อยก็ยกจิบขึ้นอีกครั้ง ไม่บ่อยนักที่กรวิทย์จะดื่มหากไม่จะเป็นจริงๆและนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาไม่อยากปฏิเสธเพื่อนๆของสิชลและดูเหมือนเป็นสิชลที่คอยช่วยห้ามเพื่อนไม่ให้ชงเครื่องดื่มของเขาเข้มเกินไปนัก


สิชลยกเครื่องดื่มในมือนับครั้งไม่ถ้วนเพราะมีผู้คนเข้ามาทักทายและยกแก้วชนอย่างไม่ขาดสาย เขาแอบกังวลว่าสิชลอาจจะขับรถกลับไม่ไหวแต่คนตัวโตกลับหันมาบอกให้เขาไม่ต้องห่วง สิชลรู้ลิมิตตัวเองว่ายังไหวอยู่และสามารถพาเขากลับหอได้โดยสวัสดิภาพแน่นอน


บรรยากาศความสนุกสานยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ขนาดเขาเองที่เพิ่งมาได้รู้จักเพื่อนสิชลแต่ทุกคนกลับชวนเขาเข้าร่วมวงสนทนาอยู่ตลอดและบรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นกันเองช่วยให้เขารู้สึกผ่อนคลอายอย่างบอกไม่ถูก


“พี่สิชลอยู่นี่เอง จุนตามหาทั่วงานเลย”


เสียงใสจากผู้ชายที่เพิ่งมาถึงเอ่ยทักสิชลพร้อมรอยยิ้มและดวงตาที่แสดงออกถึงความยินดีที่ได้พบกันในครั้งนี้เสียมากมาย เสียงพูดคุยเงียบลงในทันที รวมทั้งคนข้างกายเขาที่ชะงักในทันทีที่เจอกับเจ้าของประโยคนั้น


กรวิทย์ไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงหันมามองเขา ก่อนหันไปมองเด็กผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่และหันกลับมามองสิชลอีกครั้ง เขาไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนั้นคือใครแต่ทำไมสัญชาตญาณมันกำลังส่งเสียงเตือนถึงความไม่ปลอดภัย ความกลัวเกิดขึ้นแบบไม่มีสาเหตุ


“เอ่อ.. จุนกลับมาไทยแล้วหรอ?” สิชลเอ่ยออกมาเหมือนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ ความเงียบยังปกคลุมบริเวณโต๊ะของพวกเราและอาจจะย่ำแย่ไปกว่านี้หากปาล์มไม่ช่วยกู้สถานการณ์ไว้ได้


“อ้าว น้องจุน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย หิ้วสาวออสซี่มาฝากพี่บ้างป่าวเนี่ย? ฮ่าๆ”  เสียงหัวเราะเฝื่อนๆจากเพื่อนรวมโต๊ะส่งมาช่วยให้สถานการณ์ที่กำลังรู้สึกอึดอัดอยู่นี้เบาบางลง


“จุนกลับมาได้สามวันแล้วครับ แล้วก็โชคดีชะมัดเลยที่เจอพี่ชลที่งานนี้ด้วย”


เสียงใสยังคงพูดตอบด้วยน้ำเสียงสดใส กรวิทย์หันไปมองคนข้างกายสิชลกำลังจ้องมองดวงหน้าของคนตรงข้ามไม่วางตา ผู้ชายตรงหน้าสวมชุดเสื้อเชื้ตแขนสั้นสีขาวกับกางเกงลำลองสบายๆความยาวถึงหัวเข่าสีสันสดใส ใบหน้ารูปไข่เกลี้ยงเกลา รูปร่างผอมบางแบบที่ใส่เสื้อผ้าอะไรก็ดูดี และความสูงน่าจะประมาณไหล่ของสิชล ทรงผมที่ถูกเซ็ตเป็นอย่างดีก็ช่วยเพิ่มความน่ามองได้อีกเท่าตัว


“ผอมลงหรือเปล่า?” สิชลเอ่ยถามออกไป


“น้ำหนักลงไปตั้ง4กิโลแน่ะครับ ปิดเทอมคราวนี้เลยกะว่าจะมาให้พี่ชลขุนให้อ้วนไปเลย”


กรวิทย์ก้มมองมือของตัวเองที่กุมประสานกันอยู่บนหน้าตัก อาการปวดร้าวแล่นขึ้นมาในอกอย่างไม่มีสาเหตุ ต่อให้ไม่มีใครบอกว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นใครแต่ความรู้สึกของเขามันบอกได้ว่า เขาต้องมีความสนิทสนมและมีความสำคัญกับสิชลไม่น้อยเลยทีเดียว ไหนจะอาการของเพื่อนๆคนอื่นที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี่อีกล่ะ


เขาเป็นคนเคยรักของสิชลใช่ไหม?


กรวิทย์ได้แต่ถามคำถามนี้กับตนเองในใจ เขาไม่กล้าเอ่ยออกไปหรือแม้แค่จะเงยหน้าขึ้นไปมองก็ยังไม่กล้าเลย ไม่อยากเห็นสายตาอาวรณ์ของทั้งคู่ที่แสดงออกมา


หมับ.. .


ฝ่ามือใหญ่จากคนข้างกายเอื้อมมากุมมือของเขาที่กระสานกันไว้ก่อนเพิ่มแรงบีบเบาให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง  สิชลกำลังมองเขาอยู่โดยส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้เหมือนเป็นการปลอบใจ


“พี่ไม่แน่ใจว่าจะทำตามคำขอของจุนได้ไหม เพราะตอนนี้พี่มีคนที่ต้องดูแลอยู่แล้ว”


สิชลเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เหมือนถูกรดน้ำเติมเต็มกลับมาอีกครั้ง เขาลูบหลังมือของคนตัวโตพร้อมหันไปยิ้มให้แทนการขอบคุณ


ขอบคุณที่ห่วงใยความรู้สึก


ผู้ชายที่สิชลเรียกชื่อจุนหยุดมองภาพตรงหน้านิ่ง สายตามองเราสองคนโดยไม่แสดงอาการใดๆออกมา และทันทีที่สบตากันกรวิทย์รู้สึกถึงความไม่พอใจที่อีกคนสื่อออกมาภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


“แล้วถ้าแค่ไปกินข้าวกันบ้างตามประสาพี่น้องนี่พอจะได้ไหมครับ?” ใบหน้าเปื้อนยิ้มเอ่ยถามคำถามกับสิชลแต่หันหน้ามาทางเขาเหมือนเป็นการขออนุญาต


“ถ้ามันมีเวลาว่างจากแฟนก็คงพอจะไปได้ล่ะน่ะ แต่ช่วงนี้อาจจะยากหน่อยเพราะหายใจเข้าออกก็เป็นแฟนมันตลอด” ชายหนุ่มที่นั่งถัดไปจากสิชลเป็นคนเอ่ยคำตอบออกมาแทน ด้วยเสียงเรียบนิ่งและใบหน้าติดจะเรียบเฉยทำให้ประโยคนั้นคงสร้างความไม่พอใจแก่จุนแน่นอน


“ช่วงนี้พี่อาจจะยุ่งซะหน่อย ใกล้สอบแล้ว อาจจะไม่ค่อยว่างสักเท่าไหร่” สิชลยืนยันคำตอบไปอีกรอบ


“ถ้าแค่การไปกินข้าวมันสร้างความลำบากใจขนาดนั้น จุนไม่รบกวนดีกว่า ขอตัวนะครับ”


เด็กหนุ่มก้าวเดินออกไปทันทีหลังจากที่เอ่ยจบ สิชลถอนหายใจออกมาก่อนหันมามองเขาด้วยสายตาเหมือนขอโทษ และไม่นานบรรยากาศบนโต๊ะก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งโดยเพื่อนๆคนอื่น แต่ก็ไม่วายจะพูดถึงบางคนที่เพิ่งเดินจากไป


“เมื่อกี้กูคิดว่าจะมีศึกชิงนายซะแล้ว เสียววาบเลย” ผู้ชายหุ่นอาเสี่ยเอ่ยออกมาอย่างโล่งอก


“ทีตอนนี้ล่ะอยากจะกลับมาหาเพื่อนกู ทีตอนจะไปล่ะเป็นคนบอกเลิกเอง กูล่ะโมโห”


หลากหลายประโยคที่ผ่านเข้ามาเป็นการยืนยันได้ดีว่าเด็กผู้ชายคนนั้นเคยเป็นคนรักของสิชลมาก่อน เขาเพิ่งเคยเห็นแฟนเก่าสิชลครั้งแรก น่ารักจนทำให้เขาอดเปรียบเทียบไม่ได้


“กรเบื่อไหม อยากกลับหรือเปล่า?” น้ำเสียงห่วงใยถูกส่งมาจากคนข้างกาย กรวิทย์หันไปยิ้มให้คนตัวโตเบาใจก่อนส่ายหัวเพื่อบอกว่าว่าเขาโอเค


“ไปเข้าห้องน้ำกันไหม?” สิชลเอ่ยชวนขึ้นมา เขาจึงลุกตามสิชลออกไปและไม่ลืมบอกเพื่อนๆว่าเดี๋ยวกลับมา


สิชลจูงมือเขามายังบริเวณโต๊ะม้านั่งที่มีผู้คนอยู่ประปราย อาจเพราะแถวนี้ค่อนข้างห่างไกลจากเวทีและแสงไฟพอสมควร เขานั่งลงตามแรงดึงของสิชลก่อนมองไปรอบๆโดยไม่ได่เอ่ยอะไร


“จุนเป็นแฟนเก่า” ประโยคบอกเล่าธรรมดาที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา กรวิทย์ไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้พูดกำลังรู้สึกอย่างใด แต่สีหน้าลำบากใจที่คนตัวโตแสดงออกมาตั้งแต่เจอกับเด็กหนุ่มคนนั้นมันทำให้เขาอดกลัวถึงความสัมพันธ์ของเราไม่ได้


“เราเลิกกันตอนผมอยู่ม.6 ตอนนั้นน้องอยู่ม.5 ได้ทุนไปเรียนที่ออสเตรเลีย น้องตัดสินใจบอกเลิกโดยให้เหตุผลว่าเขาไม่ได้หมดรักแต่เพื่อเราจะได้ไม่มีพันธะต่อกัน เขาไม่อยากเอาเปรียบ พวกเราสามารถคบใครได้เลยหากเจอคนที่ถูกใจ แต่ถ้าเขากลับมาแล้วเราต่างไม่มีใคร เราจะกลับมาคุยกันใหม่”


น้ำเสียงที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตแสดงความเจ็บปวดอยู่ในน้ำเสียง กรวิทย์หันมองคนข้างตัวที่เอ่ยประโยคเหล่าด้วยใบหน้าเรียบนั่ง เขาเอื้อมมือไปกุมฝ่ามืออีกฝ่าย ที่ทำได้คงมีเท่านี้


“เราไม่เคยคิดจะเปิดใจให้ใครเพราะตั้งใจว่าจะรอ” ฝ่ามือเล็กที่กอบกุมมือใหญ่ไว้เผลอบีบแน่นโดยไม่รู้ตัว ลมหายใจขาดห้วงของคนตัวเล็กทำให้สิชลรู้ว่ากรวิทย์กำลังกลัว “แต่พอมาเจอกร เราถึงได้รู้ว่าคิดผิด เราพร้อมที่จะทุ่มเทความรู้สึกที่มีให้โดยไม่ลังเล เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ขอโทษสำหรับวันนี้ด้วยนะที่ทำให้กรรู้สึกไม่ดี เราไม่อยากเห็นกรไม่สบายใจ”


สิชลเอ่ยความในใจออกมาเพื่อแสดงถึงความจริงใจที่เขามีต่อคนตัวเล็ก กรวิทย์เป็นคนคิดมากและยิ่งเจอเหตุการณ์เมื่อครู่เขารู้ดีว่าคนข้างกายหวั่นไหวแค่ไหนภายใต้ท่าทีที่แสดงออกไม่เป็นไร เขาไม่อยากให้ความระแวงหรือความไม่เชื่อใจมาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเราในครั้งนี้


“ขอบคุณนะสิชล” กรวิทย์ขอบคุณกับความห่วงใยที่คนตัวโตมอบให้และขอบคุณที่ใส่ใจความรู้สึกของเขาเสมอ เขาเองก็จะตอบแทนด้วยความเชื่อใจที่มีตราบเท่าที่คนข้างกายยังต้องการ





TBC.

ขอบคุณที่ติดตามกัน
รักคนอ่านเสมอ

หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 11 (๒๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 21-06-2015 19:50:21
 :กอด1:

สิชลมั่นคงมาก ให้คะแนน 10/10 เลยค่ะ :D
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 11 (๒๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 27-06-2015 12:21:22
สิชลดีมากกกก ต้องชัดเจน กรจะได้มั่นใจ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 11 (๒๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: heroves ที่ 27-06-2015 15:02:44
 :3123: :3123: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 11 (๒๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 27-06-2015 20:49:39
กรน่ารักกกก สิชลอย่าหวั่นไหวนะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 11 (๒๑/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 28-06-2015 18:45:32
12 – เข้าใจและยอมรับ



ช่วงนี้ชีวิตของนักศึกษามหาวิทยาลัยกำลังเข้าใกล้ช่วงสอบกลางภาคกันแล้ว  ห้องสมุดในช่วงนี้มักจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างมาจับจองพื้นที่ในการอ่านหนังสือและติวอยู่มากมาย  ทั้งแบบเป็นกลุ่มใหญ่  หรือมาคนเดียวแบบเขา


กรวิทย์เงยหน้ามาจากหนังสือเล่มหนาที่เขานั่งจดจ่อมันมาตั้งแต่เช้า  วันนี้เป็นวันเสาร์และเขาเลือกที่จะออกจากห้องพักแต่เช้าเพื่อมาจับจองที่นั่งริมหน้าต่างสำหรับอ่านหนังสือทั้งวัน  ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนกันไหมแต่ถ้าให้นั่งอ่านอยู่ที่ห้องเขาคงไปพ้นไปจบที่เตียงนอนแน่ๆ


เนื้อหาวิชาที่เขากำลังตั้งใจกับมันเป็นวิชาที่เขาไม่ถนัดดังนั้นจึงต้องใช้สมาธิอย่างเต็มที่ในการอ่านและฝึกทำโจทย์  เพื่อนๆคนอื่นบอกให้เขาอ่านให้จบแล้วมาติวให้ทีหลัง แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นความหวังให้เพื่อนได้มากขนาดไหน


เวลาในตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้วเขาควรจะออกไปหาอะไรกินเสียหน่อย กรวิทย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอไม่แสดงสายที่ไม่ได้รับหรือข้อความใดๆเลย


กรวิทย์จำได้ว่าวันนี้สิชลมีเรียนวิชาภาคในช่วงเช้า เวลานี้น่าจะเลิกเรียนแล้ว เขาจะลองโทรไปหาดูว่าจะไปกินข้าวด้วยกันไหม


ตื้ดดดดดดดดดด. . .


ตื้ดดดดดดดดดด. . .


สิชลไม่รับสาย หรือว่าจะยังไม่เลิกเรียน เขาจะลองโทรไปอีกครั้งแล้วกัน


ตื้ดดดดดดดดดด. . .


“ฮัลโหล” และครั้งนี้ไม่ต้องรอสายนาน อีกฝ่ายก็รับโทรศัพท์ดด้วยความรวดเร็ว


“สิชลเรียนอยู่หรือเปล่า?”


เขาเอ่ยถามออกไปเพราะปลายสายไม่มีเสียงโหวกเหวกเหมือนทุกครั้งที่เขาโทรไปเวลาอีกฝ่ายอยู่กับเพื่อนๆ บางทีสิชลอาจจะยังอยู่ในห้องเรียน


“เอ่อ.. พอดีเราเลิกเรียนได้สักพักแล้ว มาส่งไอ้แชมป์ที่บ้านน่ะ มันมีธุระด่วน”


“อ่อ.. เรานึกว่าสิชลยังอยู่ในมหาลัยเราจะชวนมากินข้าวด้วยกัน แต่ไม่เป็นไรหรอก สิชลไปทำธุระเถอะ”


“เราไม่รู้ ขอโทษนะกร”


“อย่าคิดมากดิ ไม่เป็นไรซะหน่อย งั้นเดี๋ยวเราไปกินข้าวก่อนละกัน เดี๋ยวคืนนี้ค่อยคุยกันเนอะ”


กรวิทย์บอกปลายสายไม่ให้คิดมาก เขาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้วแค่ไปทำธุระแค่นี้เขาเข้าใจ พวกเราไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลาหรอก


เขาตัดสินใจวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะแล้วเลือกหยิบแต่ของมีค่าติดตัวไป ท่าทางวันนี้คงอีกยาวไกลงั้นขอกินข้าวแบบจัดหนักเลยดีกว่า ในเมื่อหาข้อตกลงให้ตัวเองได้แล้วกรวิทย์จึงตัดสินใจไปยังโรงอาหารกลาง


ผู้คนบางตาเป็นอย่างมากสำหรับโรงอาหารกลางในวันเสาร์แบบนี้ และผู้คนที่นั่งกันประปรายส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาวิศวกรรมเป็นส่วนใหญ่สังเกตได้จากเสื้อช็อปที่สวมใส่กันอยู่


กรวิทย์เดินไปสั่งเมนูและยกถาดอาหารมาที่โต๊ะว่างบริเวณริมทางเดินใกล้ร้านเครื่องดื่ม เขาวางถาดอาหารเพื่อจองที่ก่อนลุกไปสั่งเครื่องดื่มเป็นลาเต้ แม้ว่าปกติเขาเป็นมนุษย์ผู้ไม่ดื่มกาแฟแต่ในช่วงเทศกาลสอบแบบนี้กาแฟก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเขาเช่นกัน


กาแฟลาเต้แบบหวานน้อยถูกวางลงบนโต๊ะและกรวิทย์ก็เริ่มจัดการอาการตรงหน้า กินข้าวคนเดียวไม่ค่อยชินเท่าไหร่แต่ใช่ว่าไม่เคยกินคนเดียว เขาสอดส่ายสายตามองไปรอบๆพร้อมกับค่อยๆละเลียดอาหารตรงหน้าอย่างไม่รีบร้อน ถือเสียว่าเป็นการพักสมองไปในตัวก่อนจะกลับไปลุยศึกหนักอีกครั้ง


เสียงหัวเราะและบทสนทนาที่ดังมาทางขึ้นของโรงอาหารทำให้กรวิทย์อดที่จะเหลือบสายตาไปมองไม่ได้ กลุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ประมาณสิบกว่าคนเดินขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะสนุกสนาน เขาอดหัวเราะตามไม่ได้กับภาพที่เพื่อนในกลุ่มนั้นกำลังรุมแกล้งคนหนึ่งอยู่แต่เมื่อสายตาหันไปเจอกับใครบางคน รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆหายไป


แชมป์นี่นา เขาจำได้


แชมป์ที่เป็นเพื่อนสนิทกับสิชลยังอยู่นี่ แล้วที่สิชลเพิ่งจะบอกว่าไปส่งนี่คืออะไร


มีคนชื่อแชมป์อีกคนหรอ?


หรือเขากำลังถูกโกหก?


แม้ว่าในใจจะคิดไปไกลมากมายเพียงใดแต่เขาก็ควรฟังคำอธิบายจากเจ้าตัวดีที่สุด เพราะเขาเชื่อใจว่าอีกฝ่ายไม่โกหกกันแน่นอน และทันทีที่แชมป์หันมาสบตากับเขา เจ้าตัวทำสีหน้าแปลกใจก่อนเดินเข้ามาหาเขา


“ทำไมมากินข้าวคนเดียวล่ะกร สิชลไปไหน?”


กรวิทย์ยิ้มเจื่อนกับคำทักทายจากเพื่อนสนิทสิชลก่อนเอ่ยตอบออกไป “เห็นว่าไปทำธุระน่ะ แล้วแชมป์มากินข้าวเหมือนกันหรอ?”


“ใช่ เห็นมันรีบออกไปหลังเรียนเสร็จเราก็นึกว่ามันไปหากรนะเนี่ย”


ผมทำได้เพียงยืนฟังแล้วยิ้มเหมือนไม่มีอะไรกลับไป แชมป์ชวนคุยและบ่นเรื่องสอบอีกเล็กน้อยก่อนขอตัวไปนั่งที่โต๊ะกับเพื่อนๆ และแม้ว่าอาหารจะยังเหลือเต็มจานแต่ผมกลับไม่รู้สึกหิวอีกแล้ว


กว่าผมจะกลับเข้ามาที่ห้องสมุดอีกครั้งเวลาก็ผ่านไปจนเกือบถึงบ่ายสองโมงแล้ว หลังจากที่กินอะไรไม่ลงแล้วผมก็ตัดสินใจเดินไปเรื่อยเปื่อยก่อนแวะนั่งพักที่สวนของมหาวิทยาลัย ความคิดที่ไหลเข้ามาในหัวล้วนแล้วแต่กัดกร่อนจิตใจให้ห่อเหี่ยวลงอย่างเห็นได้ชัด


กรวิทย์ตัดสินใจหยุดคิดเรื่องสิชลแล้วตั้งใจที่จะอ่านหนังสือตรงหน้า เวลานี้เขาควรเรียงลำดับความสำคัญในชีวิตให้ถูกต้อง เรื่องสอบควรมาที่หนึ่ง


เนื้อหาในย่อหน้านี้เขาอ่านมาไม่ต่ำกว่าสามรอบแล้วแต่ยังไม่เข้าใจเสียที กรวิทย์ตัดสินใจหยุดอ่านเพื่อสงบจิตใจและผ่อนคลายให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เขาหยิบโทรศัพท์กดเข้าแอปพลิเคชั่นโซเซียลมีเดียต่างๆ


หน้าฟีดข่าวมีภาพของติณกับอาร์ทที่กำลังทำท่าเหมือนกินกระดาษเนื้อหาเข้าไปพร้อมแคปชั่นชวนฮา หรือจะเป็นเพื่อนอีกหลายคนที่ตั้งสเตตัสบ่นถึงเนื้อหาวิชาที่ต้องอ่านว่ามันมากมายเกินไป


มือเรียวเลื่อนขึ้นลงบนหน้าจอสักพักก่อนต้องหยุดชะงักกับภาพที่สิชลถูกใครสักคนแท็กบนหน้าไทม์ไลน์  ในภาพเป็นถ้วยโจ๊กชามใหญ่และแผงยาที่คาดว่าน่าจะเป็นยาแก้ปวดหนึ่งแผง โดยมีข้อความระบุว่า


Joon Keitkul: ขอบคุณที่รีบมาดูแลคนป่วยนะ คุณพยาบาลส่วนตัว


ร่างกายไม่เคลื่อนไหว หัวใจก็เช่นกัน กรวิทย์สัมผัสได้ถึงความผิดหวังที่ถาโถมเข้ามา เขากดเข้าไปยังหน้าของคนที่แท็กภาพดังกล่าวและข้อมูลที่เห็นก็เป็นอย่างที่คิดไว้


หน้าไทมไลน์เป็นภาพของชายหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มที่เขาจำได้ดี คนที่เคยเป็นคนรักของสิชลมาก่อน คนที่เขารู้สึกสู้ไม่ได้อยู่ตลอดเวลา


ไหนบอกให้เชื่อใจ


ไหนบอกว่าไม่มีอะไรแล้ว


แล้วที่โกหกกันแบบนี้คืออะไร?


ดวงตาของกรวิทย์พร่าเบลอไปด้วยหยาดน้ำที่พร้อมจะร่วงหล่นลงมา และทันทีที่หลับตาใบหน้าก็เปรอะไปด้วยหยดน้ำแห่งความเสียใจ


ความรู้สึกวูบโหวงปรากฏภายในอก เหมือนบางอย่างกำลังจะหลุดหายไป


แม้ไม่มีเสียงสะอื้นแต่น้ำตากลับไปหยุดไหล กรวิทย์เช็ดน้ำตาบนใบหน้าออกไปก่อนพยายามสูดลมหายใจเพื่อเรียกความเข้มแข็งกลับมา เขาตัดสินใจกวาดของทุกอย่างบนโต๊ะลงกระเป๋าและกลับหอพักทันที

.
.
.
.
.


กรวิทย์นอนนิ่งไม่ไหวติงตั้งแต่กลับมาจากหอสมุด หยาดน้ำตายังคงไหลมาไม่ขาดสาย ทันทีที่กลับมาถึงห้องเขาทรุดลงทันทีเหมือนความเข้มแข็งกำลังพังทลาย ความไม่เข้าใจและคำถามมากมายวนเวียนเพื่อรอคอยคำตอบ


ความรู้สึกโมโหคุกรุ่นภายในจิตใจ เขากำลังรู้สึกถูกทรยศ ความเสียใจและความผิดหวังเกิดขึ้นจนสามารถถมความไว้ใจที่มีจนมองแถบไม่เห็น


หยดน้ำที่ไหลจากตาในตอนนี้เป็นความรู้สึกของคนที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเสียใจ


กรวิทย์ร้องไห้จนเหนื่อย และตอนนี้ทำได้เพียงนอนนิ่งบนเตียง เหม่อมองอย่างไม่มีจุดหมาย


เวลาความสุขของเขาหมดลงแล้วหรอ?


ตัวจริงเขามาทวงคืนแล้วใช่ไหม?


ถ้ารู้ว่าเราสู้ไม่ได้จะมาบอกให้เชื่อใจกันทำไม?


น้ำตาเอ่อล้นอีกครั้งที่คิดว่าเราไม่ใช่คนที่สิชลเลือก แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าความสำคัญมันต่างกัน  เขาเลิกกันไม่ใช่เพราะหมดรักแต่เพราะเขายังรักกันต่างหาก ไม่แปลกที่คนคนนั้นจะกลับมาทวงคืน และเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์หรือความสำคัญมากพอที่จะรั้งไว้ได้เลย



Rr  Rr  Rr  Rr  Rr.. .


กรวิทย์ร้องไห้จนเพลียหลับไปและตื่นขั้นมาเพราะเครื่องมือสื่อสารข้างกายที่กำลังแผดเสียงไม่หยุด


สิชล


หน้าจอแสดงรายชื่อคนโทรเข้า เพียงแค่เห็นชื่อน้ำตาที่เหมือนเหือดแห้งไปก็เอ่อล้นออกมา เสียงเรียกเข้าดับไปก่อนที่จะส่งเสียงอีกครั้งเหมือนอีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ในการโทรมา


เขาไม่สามารถคุยกับสิชลได้เหมือนปกติ ขนาดเห็นแค่ชื่อเขายังจะเป็นจะตายขนาดนี้แล้วถ้าได้ยินเสียงเขาไม่ขาดใจเลยหรอ


ใจร้ายเกินไปไหม?


หลังจากที่เสียงเรียกเข้าเงียบไปอีกครั้ง หน้าจอก็แสดงจำนวนสายที่ไม่ได้รับถึง 14 สาย ก่อนที่จะมีข้อความจากแอปพลิเคชั่นไลน์เข้ามาแทนที่


“ทำไมไม่รับโทรศัพท์?”


“หลับแล้วหรอ? ยังไม่ได้บอกฝันดีก่อนนอนเลยนะ”


กรวิทย์อ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาเหมือนไม่มีอะไร ทำตัวปกติเหมือนทุกวัน ไหล่เล็กสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้น สิชลทำได้ยังไงกันท่าทีเหมือนไม่มีอะไรแบบนี้


“อ่านแล้วทำไมไม่ตอบ ตัวเล็ก?”


ทันทีที่ข้อความล่าสุดส่งมา เครื่องมือสื่อสารในมือก็ส่งเสียงเรียกเข้าเพลงโปรดที่เขาตั้งไว้สำหรับคนคนเดียว และเพราะเขายังไม่สามารถควบคุมให้ตัวเองหยุดร้องไห้ได้เลยหลีกเลี่ยงที่จะรับสาย และไม่พร้อมที่จะตอบกลับข้อความเหล่านั้น


“กร มีอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่รับสาย”


ข้อความถูกส่งมาอีกครั้ง แล้วตามด้วยสติ๊กเกอร์รูปต่างๆที่ทำหน้าเหมือนเสียใจส่งตามมาด้วย


“กร มีอะไรหรือเปล่า เราไม่สบายใจแล้วนะ”


กรวิทย์ตัดสินใจกดปิดแอปพลิชั่น และกดปิดเครื่องมือสื่อสารไปเลย หากจะบอกว่าเขาหนีปัญหาก็คงใช่ เขาขอเวลาหน่อย ขอเวลา  ทำใจก่อนได้ไหม แล้วจะเดินจากไปเองโดยไม่ให้ใครลำบากใจ



TBC.


ตอนนี้มาสั้นไปหน่อยนะคะ ต้องขอโทษด้วย
ขอบคุณคนอ่านที่ยังติดตามนะคะ
รักคนอ่านทุกคนจริงๆ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 12 (๒๘/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 28-06-2015 18:55:16
ไม่มีอะไรจะพูดกับสิชล  :katai1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 12 (๒๘/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 28-06-2015 19:05:01
สิชลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 12 (๒๘/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 28-06-2015 19:19:00
สงสารกรอ่ะ :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 12 (๒๘/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-06-2015 19:38:43
อ้าวเห้ย

ตอนที่แล้วเพิ่งชมสิชลไปเอง.....อะไรของฮิมวะ


 :seng2ped: (เซ็งสิชล)
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 12 (๒๘/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 28-06-2015 19:51:41
สิชลทำไมทำอย่างงี้ล่ะ  :katai1:

กร ~~~  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 12 (๒๘/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 28-06-2015 20:20:02
ถ้าไม่มีอะไรจริงๆแล้วทำไมต้องโกหกด้วย สิชลลลลลลลลลลลลลลลลลลล  :angry2:
แต่สงสารกรจัง จะคิดมากก็ไม่แปลก จุนกับสิชลเลิกกันเพราะยังรักกันอยู่ ไม่ได้เลิกเพราะไม่ได้รักกันแล้วซะหน่อย ฮืออ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 12 (๒๘/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 28-06-2015 20:58:26
สงสารกรงื้ออออออออ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 12 (๒๘/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-06-2015 20:59:32
ทำไมไม่พูดกันตรงๆ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 12 (๒๘/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-06-2015 15:13:10
อยากกรี๊ดใส่หน้าสิชลสักที โกหกเขาทำไมถ้าบอกให้เชื่อใจกัน
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 12 (๒๘/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 30-06-2015 18:59:31
ทำไมสิชลทำแบบนี้ ทำไมต้องโกหกด้วย
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 12 (๒๘/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-06-2015 20:58:31
สิชลรายงานตัวด่วน ทำไมเป็นแบบนี้อ่า
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 12 (๒๘/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 01-07-2015 14:19:32
สนุกกกกก กรแอบชอบ แต่ไม่กล้า
สิชลชอบในจุดๆนี้ของกร แล้วก็เห่อแฟน แต่ดันใจอ่อนกับจุนที่เป็นแฟนเก่า เหออออออ
ความลับแตก แชมป์ก็น่าจะไปถามนะว่าวันนั้นรีบไปไหน ให้กรกินข้าวคนเดียว สิชลจะได้รู้ว่าที่โกหกกรรู้แล้ว
สงสารกร ใครนะที่จะมาจีบตอนนั้น กลับมาจีบอีกสักรอบหน่อยสิ

ต่อๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 12 (๒๘/๐๖/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 05-07-2015 16:09:27
13 – ผู้ชายที่โชคดี





ร่างบางในชุดเสื้อผ้าตัวเดิมนอนนิ่งไม่ไหวติงบนที่นอน ดวงตาเหม่อลอยจ้องมองเพดานอย่างไร้จุดหมาย กรวิทย์เผลอสะดุ้งตื่นเมื่อครู่ เขาไม่รู้ว่าขณะนี้เวลาเท่าใด แต่เดาจากแสงอาทิตย์ร่ำไรๆที่ยังอยู่รอบตัวเวลานี้คงยังไม่น่าจะยังไม่สายมากนัก


มือเรียวเอื้อมหยิบเครื่องมือสื่อสารมาเปิดเครื่องหลังจากที่ปล่อยให้มันนอนนิ่งเงียบมาตลอดทั้งคืน  เขาตัดสินใจที่จะไปอาบน้ำชำระคราบเหงื่อไคลและเพิ่มความสดชื่นในกับตัวเอง เผื่อบางทีอาจช่วยให้สมองปลอดโปร่งกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้


ห้องน้ำรวมในเวลาเช้ามืดของวันอาทิตย์แบบนี้ไร้ผู้คนใช้งาน อาจเป็นเพราะวันแห่งการพักผ่อน นักศึกษาส่วนใหญ่ต่างเลือกที่จะตื่นสายเพื่อให้ร่างกายได้ชาร์จแบตอย่างเต็มที่


กรวิทย์อาบน้ำโดยไม่รีบร้อน เขาใช้เวลาในการทำความสะอาดร่างกายนานกว่าที่เคยเหมือนต้องการใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้มาก และเมื่อสุดท้ายรู้สึกว่ามือเริ่มซีดเพราะแช่น้ำนานเกินไปเขาก็ตัดสินใจล้างตัวและซับตัวให้แห้งก่อนแต่งตัวกลับห้อง


เส้นผมเปียกชื้นถูกเป่าตัวพัดลมตัวเก่ง เขาเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาตอนนี้เพิ่งจะหกโมงเช้า นั่นแสดงว่าเขาหลับไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น และข้อความเข้ามากมายจากแอปพลิเคชั่นไลน์จากสิชลรวมทั้งเพื่อนสนิทเขาด้วย รวมทั้งข้อความแจ้งเตือนว่ามีสายโทรเข้ามาตอนที่เขาปิดเครื่องจากสิชลกว่า 30 สายและมีของเพื่อนสนิทเขาด้วย โดยเฉพาะติณที่โทรมามากมายจนเขาเองก็ตกใจว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า


“เปิดเครื่องแล้วโทรหากูด้วย”


ข้อความที่ถูกส่งมาตั้งแต่เมื่อคืนจากติณน่าจะหลังจากที่มันติดต่อเขาไม่ได้  เขาไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วงแต่รู้ดีว่าการหนีปัญหาที่เขากำลังทำอยู่มันทำให้คนรอบข้างเป็นกังวล


กรวิทย์ตัดสินใจโทรออกหาเพื่อนสนิทอย่างติณเป็นคนแรก เขาไม่แน่ใจว่ามันจะตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์หรือเปล่าแต่อย่างน้อยโทรไปให้มันเห็นว่าเขาเปิดเครื่องแล้วก็ยังดี


ตื๊ดดดดดดดดดดดด


ตื๊ดดดดดดดดดดดด



สัญญาณเสียงรอสายดังไม่นาน เสียงตอบกลับจากปลายสายก็ดังตอบกลับมารวดเร็วกว่าที่เขาคิดไว้


“เปิดเครื่องได้ซะทีนะกร”


“มึงก็รับสายเร็วนะ ปกติเวลายังไม่ตื่นนิ”


“กูยังไม่นอนต่างหากล่ะ เป็นห่วงเพื่อนกลัวคิดสั้นอยู่เนี่ย”


“………………..”


กรวิทย์นิ่งไปหลังจากที่ติณตอบมาแบบนั้น เพื่อนเขาคงจะพอรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วแน่และแน่นอนว่าเขารู้สึกไม่ดีที่ทำให้เพื่อนต้องเป็นกังวลอย่างในตอนนี้


“สิชลทันโทรมาถามหามึงกับกูเมื่อคืน มันเลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แต่กูก็อยากจะฟังจากมึงด้วย”


น้ำเสียงของเพื่อนสนิทที่ส่งผ่านมาบอกถึงความเป็นห่วงเป็นใย ติณยังไม่ได้นอนทั้งคืนเลย  เขาได้ยินแบบนี้น้ำตาก็เอ่อมารวมกัน ความรู้สึกตื้นตันมันไหลมามากมาย น้ำเสียงที่เอยออกมายังสั่นพร่าจนตัวเองยังรู้สึกได้


“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”


“มึงเป็นเพื่อนกูนะกร เป็นห่วงน่ะถูกแล้ว ทีนี้จะเล่าให้ฟังได้ยัง”


กรวิทย์ตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เขาเจอเมื่อวานเริ่มตั้งแต่สิชลโกหกว่าไปธุระกับเพื่อน รวมทั้งเรื่องรูปภาพในเฟสบุ๊คที่ถูกจุนแท็กให้แบบนั้นอีก เล่าไปน้ำเสียงก็เริ่มสั่นจนแทบไม่เป็นคำพูด แค่นึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นเขายังรู้สึกได้ถึงความเสียใจแล้ว


ทันทีที่เล่าจบ เสียงถอนหายใจจากปลายสายก็ดังขึ้น เพื่อนสนิทบ่นอะไรออกมาที่เขาฟังไม่รู้เรื่องก่อนไล่ให้เขาไปคุยกับสิชลให้รู้เรื่องซะ


“ผิดกันทั้งคู่นั่นแหละ คนหนึ่งโกหก อีกคนไม่ฟังเหตุผลอะไรเลย”


ติณบ่นถึงความงี่เง่าของพวกเราทั้งคู่ก่อนบอกให้รีบกลับไปทำความเข้าใจกันซะ เพราะไม่อย่างนั้นคนที่เดือดร้อนคงไม่พ้นติณเป็นแน่ ติณบอกว่าเมื่อคืนสิชลโทรมาถามหาเขาไม่หยุด หาว่าติณปิดบังอีกต่างหาก


กรวิทย์ฟังติณบ่นถึงความวุ่นวายที่เจอเมื่อคืน รวมทั้งยังทิ้งทายให้รีบเคลียร์กันซะก่อนที่เพื่อนสนิทเขาจะขอตัวไปนอนก่อน 


“ขอบคุณมากนะติณ”


อีกฝ่ายวางสายไปแล้วแต่กรวิทย์ยังคงจดจ้องหน้าจอที่ดับไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าที่ต้องเคลียร์กับสิชลมันควรเริ่มจากตรงไหนก่อน


เขาต้องไปหาก่อนหรอ แต่สิชลเป็นคนผิดนะ?


แล้วตอนนี้สิชลก็ไม่โทรมาหาเขาแล้วด้วย..



ในขณะที่เขากำลังคิดไม่ตกอยู่ว่าควรจะทำยังไงดี เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น กรวิทย์รู้สึกแปลกใจว่าในเวลานี้ทำไมมีคนมาเคาะห้อง แถมเพื่อนสนิทภายในหอในเขาก็ไม่ได้มีถึงขนาดที่จะมาหากันได้ด้วย


กรวิทย์ขานรับก่อนรีบลุกออกไปเปิดประตู  ลุงยามใต้หอพักที่เขาจำหน้าได้เป็นอย่างดียืมยิ้มอยู่หน้าห้อง


“ไอ้หนุ่มเอ็งชื่อกรใช่ไหม?”


ประโยคคำถามจากอีกฝ่ายถูกส่งมาทันทีที่เห็นหน้ากัน กรวิทย์พยักหน้าตอบรับคำถามไปแบบงงๆ


“มีอะไรหรือเปล่าครับลุง?”


“มีญาติมารอพบอยู่ข้างล่างน่ะ เห็นเขาบอกมีธุระด่วน”


“อ่อ ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวผมรีบลงไป”


กรวิทย์ไหว้ขอบคุณคุณลุงที่อุตส่าห์เป็นธุระขึ้นมาบอกให้เขาทราบ และเหตุการณ์ทำนองนี้เขารู้สึกคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก กรวิทย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คอีกครั้งว่ามีใครโทรมาไหมแต่ก็ว่างเปล่า เขาจึงตัดสินใจลงไปใต้หอพักทันที


เขามั่นใจว่าคนที่กำลังรอพบเขาอยู่ด้านล่างคงไม่ใช่ญาติเขาแบบที่ลุงยามขึ้นมาบอกแน่นอน เพราะคราวก่อนเขาเคยถูกหลอกให้ตกใจมาแล้ว ครั้งนี้เขาเลยรู้ทันว่าคนที่รอพบเขาอยู่จะเป็นใคร


เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าเรื่องราวของพวกเราจะไปในทิศทางใด


ลิฟต์เลื่อนมาหยุดที่ชั้นหนึ่ง กรวิทย์ก้าวออกมาก่อนเดินออกไปหาคนที่ทำให้เขาคิดมากทั้งคืน ร่างกายสูงใหญ่ดูสะดุดตาแม้จะอยู่ในชุดเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงขาสั้นถึงหัวเข่า


เขาก้าวเดินไปหาสิชลที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่สบตากันสิชลรีบลุกขึ้นแล้วเดินตรงมาหากันด้วยสีหน้ากระวนกระวายที่ปิดไม่มิด


“กร เราขอโทษ แต่ช่วยฟังกันให้หมดหน่อยได้ไหม?”


สิชลรีบเอ่ยออกมาหลังจากที่เขาต้องการจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้คนตรงหน้าฟัง เมื่อคืนเขาไม่สามารถข่มตานอนได้เลยเพราะไม่สบายใจที่ทำให้กรวิทย์ต้องเสียใจ แล้วยิ่งคนตัวเล็กปิดเครื่องมันยิ่งทำให้เขาใจไม่ดีเข้าไปใหญ่


เขาทนเห็นคนตัวเล็กเสียใจไม่ได้.. .


“เราไปนั่งคุยกันดีๆเถอะ”


น้ำเสียงนิ่งสงบจากคนตัวเล็กทำให้สิชลดูหงอยลงไปถนัดตา กรวิทย์ไม่แสดงอาการใดๆออกมานอกจากความเฉยชา คนตัวเล็กเดินนำไปที่โต๊ะมุมในสุดติดเสาพร้อมกับนั่งลงเผชิญหน้ากับเขา


“เราผิดเองที่โกหกกร เราขอโทษ” สิชลเอ่ยคำที่เขาอยากบอกคนตรงหน้ามากที่สุดออกไป และเมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาจากคนตรงหน้า เขาจึงอธิบายเรื่องราวทั้งหมด


“เมื่อวานเพื่อนของจุนโทรมาหาเราว่าติดต่อจุนไม่ได้เลยให้เราช่วยไปดูที่ห้องให้หน่อย เขาบอกว่าไม่มีใครว่างเลย เราก็ปฏิเสธไม่ได้”


“สิชลเลยเลือกที่จะโกหกเราแทนสินะ” กรวิทย์เอ่ยตัดพ้อออกมา


“เราขอโทษ” สิชลเอื้อมมือมากุมมือของคนตรงหน้าไว้ “เราไม่อยากให้กรไม่สบายใจเลยต้องโกหก เราไปที่ห้องจุนแล้วจุนบอกไม่สบาย เราเลยไปซื้อข้าวกับยาให้เพียงเท่านั้น แล้วเราก็ขอตัวกลับเลย”


สิชลจ้องตากรวิทย์ตลอดในขณะที่เอ่ยคำอธิบายออกมา เหมือนต้องการสื่อให้คนตรงหน้ามั่นใจว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องจริง


“เรื่องภาพที่จุนอัพลงในเฟสบุ๊คเราก็โทรไปต่อว่าและขอให้เขาลบแท็กออกแล้ว เรารู้ว่ากรคงมาสบายใจแน่ๆ แล้วยิ่งแชมป์โทรมาบอกว่าเจอกรด้วย มันเลยยิ่งทำให้เรารู้ว่ากรต้องเข้าใจผิดแน่ๆ เราขอโทษที่โกหก ขอโทษจริงๆ แต่ขอให้เชื่อกันนะว่าเรื่องจุนมันจบไปแล้วจริงๆ”


สิชลเอ่ยออกไปจากทั้งหมดในใจที่เขาเพียรพยายามจะบอกกรวิทย์มาทั้งคืน น้ำตาหยดใสไหลลงมาจากดวงตาคู่สวยของคนร่างเล็ก สิชลยิ่งลนลานไปกันใหญ่เมื่อเห็นน้ำตาคนตรงหน้า เขารีบลุกไปหากรวิทย์ก่อนปลอบกอดให้หยุดร้องไห้แต่ดูเหมือนว่ายิ่งปลอบ น้ำตากลับยิ่งเปียกชุ่มไหล่เขาเรื่อยๆ


ท่าทางสะอื้นแบบคนจะขาดใจทำให้สิชลต้องกอดคนในอ้อมกอดให้แน่นมากยิ่งขึ้นพร้อมเอ่ยคำขอโทษไม่หยุด และโชคดีที่เวลานี้ใต้หอพักไม่มีนักศึกษาเท่าไหร่ ไม่งั้นคงเป็นที่สนใจของคนอื่นแน่ๆ


“เรา .. เราเชื่อสิชลนะ แต่ช่วยอย่าโกหก ก.. กันอีกได้ไหม?”


สิชลเห็นคนตัวเล็กพยายามจะพูดแต่เพราะเสียงสะอื้นทำให้คำพูดขาดห้วงไปบ้าง คนในอ้อมกอดเขาเหมือนพร้อมจะแตกตลอดเวลา เปราะบางเหลือเกิน


“เราเสียใจมากจริงๆนะ อึก.. ที่รู้ว่าสิชลโกหก เ. เราเสียใจมาก”


“รู้แล้วครับ ไม่ร้องแล้วนะตาบวมหมดแล้ว ไม่มีการโกหกอีกแล้ว ไม่ทำให้ร้องไห้อีกแล้ว”


กรวิทย์หยุดร้องไห้แล้วแต่ยังมีอาการสะอื้นอยู่ เจ้าตัวผละออกจากอ้อมกอดผมโดยก้มหน้ามองฝ่ามือที่สอดประสานกันไม่ยอมเงยหน้ามามองกัน


ผมเชยคางคนตัวเล็กให้มองหน้ากัน ดวงตาบวมเป่งหลังจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ริมฝีปากขบกัดแน่นเหมือนคนกำลังใช้ความคิด และท่าทางที่ไม่ยอมสบตากันมันยิ่งทำให้คนตรงหน้าดูน่าเอ็นดูสำหรับผมที่สุด


“จากนี้จะไม่โกหกแล้ว มีอะไรก็จะบอก ถ้าอะไรทำให้กรไม่สบายใจก็จะไม่ทำ” ผมเอ่ยให้คนน่ารักตรงหน้าฟังและขอให้เชื่อใจได้เลยว่าจะไม่ทำให้ต้องเสียใจอีก


“มีอะไรต้องบอกกันนะ เราไม่ใช่คนงี่เง่าอยู่แล้ว ถ้ามีเหตุผลเราก็รับฟังเสมอ ไม่โกหกแล้วนะ”


น้ำเสียงออดอ้อนของคนร่างเล็กทำให้ผมต้องตกลงอย่างไม่มีข้อแม้ เรื่องแค่นี้ผมทำได้อยู่แล้ว และบทเรียนครั้งนี้มันทำให้เขาจำได้ขึ้นใจเลย


หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันแล้วต่างฝ่ายต่างเงียบเหมือนกำลังเคลียร์ตัวเอง ความรู้สึกของสิชลและกรวิทย์ในตอนนี้เหมือนยกของหนักออกไปพ้นตัว รู้สึกโล่งสบายอย่างบอกไม่ถูก พวกเขาเปิดใจคุยกันมากขึ้นและพยายามปรับตัวเพื่อให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้ยาวนานมากที่สุด


ใต้หอพักชายในตอนนี้เริ่มมีผู้คนมากขึ้น ร้านอาหารทยอยเปิดให้บริการและดูเหมือนว่ากรวิทย์เองก็น่าจะยังไม่ได้กินอะไรเขาเลยอาสาไปซื้อข้าวมาให้ สิชลสั่งอาหารตามสั่งมา3อย่างพร้อมกับข้าวเปล่า พวกเขานั่งกินข้าวด้วยกันเพื่อเป็นการเริ่มต้นที่ดีหลังจากที่เสียน้ำตาไปเยอะ


เสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับความสุขที่กำลังโอบล้อมรอบกายพวกเขาเอาไว้ สิชลจ้องหน้าของกรวิทย์ที่กำลังยิ้มกับบทสนทนาก่อนหน้า เขารู้สึกแย่ที่ทำให้รอยยิ้มของคนตรงหน้าหายไป แต่จากนี้เขาจะรักษามันไว้เป็นอย่างดี


“กลับได้แล้วมั้งสิชล ดูสิ ตาปรือแล้ว รีบกลับไปนอนเถอะ”


กรวิทย์เอ่ยบอกคนตัวโตที่ยังฝืนนั่งอยู่คุยกับเขาทั้งๆที่ตัวเองยังไม่ได้นอนเลย ดูได้จากรอยคล้ำใต้ตาที่เห็นได้ชัด แถมยังมีอาการหาวเป็นระยะด้วย


“ไล่กันอีกแล้ว”


“ไม่ได้ไล่ แต่เราเป็นห่วงสิชลต่างหาก เดี๋ยวขับรถอันตรายนะ”


“ฮ่าๆ โอเคๆครับ หยอกเล่นนิดหน่อยอย่าโมโหสิ” สิชลเอ่ยแซวร่างเล็กที่ทำหน้าบึ้ง “แต่ว่าก่อนกลับขอถ่ายรูปคู่กันหน่อยดีกว่า”


สิชลหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดโหมดถ่ายภาพทันที ร่างสูงเอียงหัวมาซบกรวิทย์ ร่างเล็กตกใจนิดหน่อยกับการใกล้ชิดแบบกะทันหันจึงหันไปมองคนข้างกาย ร่างสูงยิ้มหวานให้กรวิทย์ก่อนได้รับรอยยิ้มจากคนตัวเล็กกลับมาเช่นกัน สิชลรีบกดบันทึกภาพดังกล่าวไว้ก่อนถ่ายเพิ่มอีกหลายรูป


เขาอัพโหลดภาพลงในโซเชียลทั้งเฟสบุ๊คและอินสตาแกรมของตัวเอง ภาพที่เขาทั้งคู่ไม่ได้มองกล้องแต่กำลังมองกันและกันพร้อมรอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขที่มีในตอนนี้ โดยไม่ลืมที่จะแท็กหาคนสำคัญข้างกายด้วย


เสียงเตือนว่ามีข้อความในเฟสบุ๊คดังขึ้น กรวิทย์มองหน้าสิชลที่กำลังก้มหน้าก้มตาอัพโหลดภาพอยู่ก่อนที่จะเงยหน้าบอกให้เขาลองดูสิ กรวิทย์กดเข้าไปดูตามข้อความที่แจ้งเตือนว่ามีบุคคลแท็กภาพที่มีเขาด้วย ใบหน้าของสองคนในภาพที่กำลังยิ้มให้กันเหมือนมีความสุขกันเสียเหลือเกิน แน่นอนว่าสองคนนั้นคือเขากับสิชล พร้อมกับแคปชั่นใต้ภาพที่ทำให้เขาไม่สามารถหุบยิ้มลงได้


“ขอบคุณที่ทำให้เราเป็นผู้ชายที่โชคดีนะครับ”




TBC.

ขอบคุณที่ยังติดตามกัน
รักคนอ่านเสมอ และรักคนที่คอมเม้นต์กันมามากๆน๊าา







หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 13 (๕/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-07-2015 16:17:43
เข้าใจกันแล้ว อย่าปล่อยให้ยาวเดี่ยวจะม่าม่าเอา อิอิ
รู้สึกนั่งดูหนุ่มๆๆเขามุ้งมิ้งเลยอ่ะ น่าร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 13 (๕/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-07-2015 16:20:07
 :man1:


สิชลกลับมาเป็นขวัญใจแม่ยกตามเดิมละค่ะ ฮาาาา

อย่าได้โกหกอีกนะ ไม่งั้นจะยุให้กรเฉือนชลน้อยให้เป็ดกิน :D
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 13 (๕/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 05-07-2015 16:28:00
เข้าใจกันแล้ววว เย้ๆ หวานกันเชียวน้าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 13 (๕/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 05-07-2015 17:15:19
 :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 13 (๕/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 05-07-2015 17:27:29
เข้าใจกันแล้ว เย้ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 13 (๕/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 05-07-2015 18:58:36
แล้วไป กว่าจะคืนดี เพื่อนๆกังวลกันหมดเลย
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 13 (๕/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 05-07-2015 21:30:26
อย่าโกหกอีกนะสิชล อย่าให้ความไว้ใจต้องถูกทำลายเป็นครั้งที่ 2
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 13 (๕/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-07-2015 22:25:58
คราวหน้ามีเรื่องอะไรต้องคุยกันนะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 13 (๕/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-07-2015 23:20:19
เกือบไปแล้วนะสิชล ถึงไม่ตั้งใจแต่ก็ไม่ควรทำอีก
จะเก็บมาระแวงกันทีหลัง
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 13 (๕/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 06-07-2015 20:32:13
โอเค เคลียร์กันได้ไวดี
แต่สิชล อย่าโกหกอีกนะ คนรักน่ะมันต้องเชื่อใจกันได้ ถ้าแค่เริ่มต้นก็โกหกซะแล้ว ก็จบนะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 13 (๕/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 12-07-2015 15:18:50
14 – อบเชย





เสียงออดสัญญาณดังขึ้น นักศึกษาที่ยังเหลืออยู่ภายในห้องสอบส่วนมากเงยหน้าขึ้นมาจากข้อสอบ หันมองหน้ากันเองพร้อมท่าทางที่ดูเหมือนหมดหวังกับคะแนนสอบที่ยังไม่ออกของวิชาภาคตัวนี้


อาจารย์ทยอยเดินเก็บข้อสอบในขณะที่เพื่อนๆในห้องก็เก็บของและลุกออกจากห้องสอบที่นั่งมา3ชั่วโมงเต็ม  เสียงบ่นดังเซ็งแซ่บริเวณหน้าห้องพูดถึงความยากและความโหดของวิชานี้


“อาจารย์แม่งประยุกต์ซะกูไปไม่เป็นเลย”  เสียงบ่นจากติณดังขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวนั่งทำข้อสอบจนหมดเวลา ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องแปลกสำหรับเพื่อนสนิทของเขาคนนี้


“นั่นดิ สูตรที่กูท่องมาไม่มีความหมายเลย ไม่รู้จะใช้ยังไง” ท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากของอาร์ทช่วยยืนยันคำพูดของตัวเองได้จริงๆว่ากระดาษข้อสอบที่เพิ่งถูกเก็บไปไม่น่าจะใช่คำตอบที่ถูกต้องมากนัก


“นี่ก็ทำได้ล่ะสิ เห็นเขียนซะเยอะเลย”


ส้มหันมาแซวผมที่ยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไร ส่งไปเพียงรอยยิ้มที่ไม่ได้อธิบายขยายความจากคำบอกของส้ม หากถามว่ามั่นใจกับคำตอบที่เขียนไปเสียมากมายไหม ผมก็ไม่มั่นใจมากนัก แต่อย่างน้อยก็มั่นใจว่าน่าจะเกินกึ่งหนึ่งของคะแนนเต็ม และผมก็ไม่อยากพูดให้เพื่อนหมั่นไส้อีกต่างหาก แค่นี้ก็สงสารแล้ว


แม้จะหมดเวลาสอบแล้วแต่เพื่อนบางคนก็ยังคงอยู่แถวนั้น ผลัดเวียนกับถามหาคำตอบของข้อสอบที่ตนสงสัยว่าทำถูกหรือไม่ และดูเหมือนว่ายิ่งติณได้ยินคำพูดของคนอื่นว่าตอบอะไรกันบ้าง ใบหน้าของเพื่อนสนิทก็ชักจะเปลี่ยนสีจนซีด ยิ่งมองก็ยิ่งอดขำไม่ได้


“กร   .. กร”


กรวิทย์หันซ้ายหันขวาตามเสียงเรียกชื่อตัวเองที่ได้ยิน ก่อนจะพบว่ามาจากคนตัวโตที่กำลังยื่นหน้ามาทักทายเขาจากชั้นบน สิชลโบกมือทักทายแล้วหันไปพูดอะไรบางอย่างกับกลุ่มเพื่อนก่อนรีบวิ่งลงมา


ชายเสื้อนักศึกษาหลุดออกมาจากกางเกงสแล็คสีดำ ภาพตรงหน้าไม่ค่อยคุ้นตาสำหรับเขานักเพราะบ่อยครั้งที่เจอกันคนตัวโตมักจะอยู่ในชุดช็อปเสียมากกว่า


“ไม่รู้ว่าสอบตึกเดียวกัน”


ท่าทางแปลกใจของคนตรงหน้าที่เห็นผมมีสอบที่ตึกเดียวกัน เพราะช่วงนี้เราคุยโทรศัพท์กันไม่นานนักส่วนมากจะส่งข้อความหากันเสียมากกว่า และวิชาสอบของพวกเราก็ยากกันทั้งนั้น เวลาในช่วงนี้พวกเราเลยทุ่มให้การติวสอบกันมากกว่าแต่สิชลก็ยังหาเวลามากินข้าวเย็นกับเขาได้อยู่บ่อยๆ


“นั่นสิ สิชลสอบเสร็จแล้วหรอ?”


“เรารอสอบน่ะ แต่เพื่อนๆเรียกให้มาช่วยติวให้อีกครั้งก่อนเข้าสอบ”


“อ่ออ งั้นเดี๋ยวช่วงเย็นเราค่อยเจอกันก็ได้ สิชลไปหาเพื่อนก่อนเถอะ”


“กรสอบเสร็จแล้วหรอ?”


“ใช่ นี่ก็ว่าจะกลับไปนอน เมื่อคืนนอนนิดเดียวเอง”


“โอเคครับ เดี๋ยวช่วงเย็นเราไปหาแล้วกันนะ”


“ทำข้อสอบให้ได้นะ”


“หื้มมม ได้ยินแบบนี้ท่าทางเราจะได้เต็ม ฮ่าๆๆ”


สิชลยืนดูกรวิทย์เดินกลับไปจนลับสายตาก่อนจะกลับไปหากลุ่มเพื่อนๆและไม่วายโดนแซวเรื่องกรวิทย์อีกตามเคย เขาไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้แต่ก็ไม่ชินซะทีเดียวถ้ามีคนมาแซวหรือล้อเขาเรื่องคนตัวเล็ก





.
.
.
.
.



กรวิทย์งัวเงียลุกขึ้นมาเพราะเสียงจากเครื่องมือสื่อสารที่กำลังส่งเสียงร้องไม่หยุด  รายชื่อที่โชว์บนหน้าจอก็มีอยู่คนเดียวที่เขากำลังคุยด้วยอบู่ตอนนี้


“ครับ?”


“ยังไม่ตื่นใช่ไหมกร หกโมงกว่าแล้วนะ หิวยัง?”


“หิวแล้ว เดี๋ยวขอไปล้างหน้าแปบนึง”


“โอเค เรารออยู่ช้างล่างนะ”


กรวิทย์กดตัดสายก่อนลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำรวมเพื่อล้างหน้าล้างตา ทันทีที่โดนความเย็นจากน้ำสัมผัสกับใบหน้าความรู้สึกสดชื่นก็เข้ามาแทนที่ เสียงท้องร้องที่ดังขึ้นบ่งบอกถึงความหิวในตอนนี้ได้ดีทีเดียว


เขาเดินลงมาใต้หอพัก สายตาสอดส่องหาคนตัวโตก่อนจะเห็นว่ากำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่ประจำที่เจ้าตัวมักจะมารอเขา กรวิทย์เดินเข้าไปใกล้สิชลอย่างช้าๆหวังจะแกล้งร่างสูงให้ตกใจและสิชลเหมือนรู้ทันเพราะรีบหันมาหาก่อนทำให้กรวิทย์เซ็งไม่น้อย


“เดี๋ยวนี้ขี้แกล้งนะเรา”


สิชลเอ่ยเย้าคนตัวเล็กที่พักหลังมักจะเริ่มกล้าหยอก กล้าเล่นกับเขามากขึ้น กรวิทย์ในสายตาเขาตอนนี้ดูเป็นผู้ชายขี้เล่นที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ อยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด ไม่ต้องคอยสร้างภาพ


“เหม่ออะไรเนี่ย?” กรวิทย์บ่นสิชลที่กำลังเหม่อ


“เปล่าครับ แค่คิดอะไรไปเรื่อยน่ะ”


“คิดอะไร คิดถึงคนอื่นหรอ เดี๋ยวเหอะๆๆ”


กรวิทย์ทำท่าดูแบบไม่จริงจังใส่คนตัวโตที่บอกว่ากำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เขาแค่จะแกล้งเท่านั้นแหละเพราะเห็นว่าเพิ่งสอบเสร็จอาจจะเครียดอยู่ก็ได้


“คิดถึงเรื่องของเราต่างหาก คิดว่าทำไมถึงรู้สึกดีได้ขนาดนี้”


“…”


ริมฝีปากของคนตัวเล็กที่กำลังเอ่ยเจื้อยแจ้วแกล้งเขาหุบเม้มเข้าหากันทันทีเหมือนคนที่กำลังไปไม่เป็น ริ้วสีแดงบริเวณแก้มบอกได้ถึงอารมณ์ของอีกฝ่ายที่กำลังเขินและไม่รู้จะทำอย่างไร  ฮ่าๆ เห็นแบบนี้แล้วยิ่งน่าแกล้ง


กรวิทย์น่ะขี้อายจะตายไป..


แค่เขาพูดหยอดหรือแสดงความเป็นเจ้าของนิดหน่อย อาการของคนตรงหน้าก็จะกลับมาเป็นคนไม่พูดไม่จาเหมือนในตอนนี้ทันที


“เงียบเลย เขินหรอ?”


“มั่วแล้ว ใครเขินกัน วู้วว หิวข้าวแล้วเนี่ย ไปกันยัง?”


ท่าทางของคนที่บอกว่าไม่ได้เขินแต่กลับเปลี่ยนเรื่องและลุกพรวดพราดออกไปสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาได้อีกที สิชลรีบเดินตามกรวิทย์ไปก่อนที่จะตกลงกันว่าจะกินอะไรกันดี


หลังจากตกลงกันได้ว่าจะกินก๋วยเตี๋ยว สิชลและกรวิทย์ก็เลือกร้านประจำที่ทั้งคู่ชอบมากินบ่อยๆจนพ่อค้าจำหน้าได้และมักแซวพวกเขาอยู่เสมอ


เมนูที่ทั้งคู่สั่งก็ยังเป็นแบบเดิมที่มักจะชอบกิน และระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟสิชลก็บ่นถึงข้อสอบที่เจ้าตัวเพิ่งจะสอบผ่านมาว่ายากเหลือเกิน


“คะแนนไม่ดีแน่วิชานี้ เฮ้อออ”


“เอาน่า เราเต็มที่แล้ว ได้แค่ไหนก็ต้องยอมรับ”


แม้จะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วแต่สิชลก็ยังอดบ่นไม่ได้ รู้แบบนี้น่าจะตั้งใจให้มากกว่านี้ เขาไม่อยากคะแนนตกและวิชานี้สามหน่วยกิตซะด้วย


“ก๋วยเตี๋ยวมาแล้วครับ”


เจ้าของร้านนำก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะพร้อมบอกว่าทานให้อร่อย  ทั้งคู่ขอบคุณพ่อค้าก่อนลงมือทานกันไปแบบเงียบๆ


“อ่ะ ให้ของโปรดเราเลยจะได้อารมณ์ดีขึ้น”


กรวิทย์คีบลูกชิ้นสองลูกในชามของคนเองใส่ในชามของคนตรงหน้า เห็นท่าทางหงอยๆเพราะทำข้อสอบไม่ได้แบบนั้นแล้วรู้สึกไม่ดีด้วยเลย เขาคงทำได้แค่ให้ของโปรดกับคนตัวโต กินของอร่อยๆเยอะๆจะได้มีรอยยิ้ม


“โหยย จะทำให้หลงไปไหนเนี่ย”


สิชลไม่สามารถหุบยิ้มได้เลยกับวิธีน่ารักๆของร่างเล็กที่อยากให้เขาอารมณ์ดีกว่านี้ เขาเองก็ขอแค่บ่นเฉยๆแต่ก็ไม่ได้อารมณ์เสียมากมายอะไรขนาดนั้น แต่การที่คนตัวเล็กห่วงใยและใส่ใจกันแบบนี้เขาเองก็ยิ้มแก้มปริเลยสิ


บทสนทนาระหว่างมื้อเย็นก็เป็นเรื่องราวของเพื่อน เรื่องรอบตัว หรือพูดง่ายๆว่าไม่มีสาระสำคัญอะไรมากหรอก และเมื่อทั้งคู่จัดการอาหารเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจเดินย้อนไปทางหน้าม.เพื่อเป็นการย่อยอาหารไปในตัว


ความมืดรอบตัวในไม่ได้ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูน่ากลัว รถยนต์ยังคงวิ่งขวักไขว่บนท้องถนน นักศึกษาประปรายเดินสวนทางผ่านพวกเขาไปและสภาพอากาศที่เย็นลงช่วยทำให้บรรยากาศที่เป็นอยู่มันผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ


“สอบเสร็จแล้วก็มีเรียนต่อเลยแบบนี้ไม่ได้เนอะ เหมือนไม่ได้พัก”


สิชลเอ่ยชวนคุย เพราะหลังจากสอบกลางภาคเสร็จพวกเขาก็มีเรียนต่อในวันรุ่งขึ้นเลย มันเป็นเรื่องยากลำบากมากจริงๆเพราะเหมือนร่างกายหมดพลังไปกับการสอบและยังไม่ได้ชาร์จแบตเลย


“ปกติก็เห็นว่าไม่ค่อยเรียนอยู่แล้วนิ ชอบส่งข้อความมากวนเราเวลาเรียนตลอด ไม่ต้องมาบ่นเลย”


“ฮ่าๆ รู้ทันอีก แฟนใครเนี่ย”


“...”


“เขินหรอ? เงียบเลย ฮ่าๆ แฟนใครทำไมน่ารักจัง”


สิชลยังไม่หยุดแกล้งคนตัวเล็กที่เริ่มเขินหน้าแดง และเมื่อทนไม่ไหวกรวิทย์ก็จัดการลงไม้ลงมือไปเบาๆเพื่อให้คนตัวโตหยุดแกล้งเขาได้แล้ว


“ขอบคุณจริงๆนะที่คอยอยู่ข้างกัน”


สิชลเอ่ยมาตามความรู้สึกที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้ ความสุขที่มีมันทำให้เขารู้สึกขอบคุณคนข้างกายที่ยังรัก ยังห่วงใยกันแบบนี้ กรวิทย์ชะงักงันไปกับคำพูดของสิชลที่อยู่ดีๆก็เอ่ยออกมา เขาหันไปมองสีหน้าของคนพูดแต่รอยยิ้มและท่าทางขอบคุณที่ส่งผ่านมาทางสายตาเป็นเหมือนเครื่องยืนยันว่าคนตัวโตรู้สึกแบบนั้นจริงๆ


มือใหญ่กอบกุมฝ่ามือเล็กเอาไว้ อาจเพราะช่วงเวลานี้มันคงไม่น่าเกลียดมากนักหากพวกเขาจะแสดงออกให้เห็นถึงความรู้สึกดีที่มีแก่กัน


“การพูดคำว่ารักตลอดไป สำหรับเราเหมือนเป็นเรื่องโกหก เราไม่มีทางรู้หรอกว่าหนทางข้างหน้าต้องเจออะไร อุปสรรคหรือคำเยินยอที่พวกเราต้องเจอ และไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเราจะยังคงเคียงข้างกันไหม แต่ตอนนี้ เวลานี้ เรากล้าพูดคำว่ารัก พูดได้โดยไม่ลังเล เราซื่อตรงกับความรู้สึกเสมอนะ”


ฝ่ามือที่กุมกันถูกกระชับให้แน่นขึ้นจากคนข้างตัวเป็นดังการรับรู้ข้อความที่เขาเอ่ยบอกออกไป


“ขอบคุณเหมือนกันนะ เราขอบคุณที่สิชลให้โอกาส ขอบคุณที่ห่วงใยและใส่ใจเรามาตลอด เราเองแม้จะแสดงออกไม่ค่อยเก่งและขอให้เชื่อเถอะว่าความรู้สึกที่มีให้กันมันจริงใจสุดๆ จริงๆนะ”


ปลายเสียงท้ายประโยคสั่นไหวเล็กน้อยแต่ก็เพียงพอให้สิชลรับรู้ได้ เขามองคนข้างกายที่จับมือไว้แน่นแต่ก้มหน้ามองพื้นอยู่นาน และนั่นก็เพียงพอแล้วว่าคนตัวเล็กกำลังร้องไห้


“เฮ้ยย ไม่ร้องดิ ร้องทำไม”


สิชลลนลานเพราะเขามักจะรับมือไม่ได้กับการที่ต้องมาเห็นน้ำตาของคนคนนี้


“อึก เ. เราก็ไม่รู้ อยู่ดีดีน้ำตามันก็ไหลเอง สิชลนั่นแหละ มาพูดซึ้งทำไมกันเล่า”


แม้จะเถียงเขาว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ต้องมีน้ำตา แต่มืออีกข้างก็ยังปาดน้ำตาที่ยังเอ่อมาอยู่ตลอด สิชลตัดสินใจรวบตัวกรวิทย์เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด แล้วโยกตัวปลอบเบาๆเพื่อให้หยุดร้องได้แล้ว


“ไม่ร้องเนอะ เดี๋ยวคืนนี้ปวดหัวนะ”


กรวิทย์ผงกหัวรับแม้ยังอยู่ในอ้อมกอดของสิชล คนตัวเล็กใช้ชายเสื้อของสิชลมาเช็ดน้ำตาเรียกเสียงหัวเราะกับอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี


“เช็ดน้ำตาอย่างเดียวใช่ไหม แอบสั่งน้ำมูกด้วยไหมเนี่ย?”


“ฮ่าๆๆ”


กรวิทย์หลุดหัวเราะกับท่าทางของสิชลที่ดูจะกลัวเขาใช้ชายเสื้อตัวเองแทนผ้าเช็ดหน้า และอาจเพราะความในใจจากสิชลก่อนหน้านี้ที่ทำให้เขารู้สึกตื้นตัน มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้สุดท้ายจึงกลั่นมาเป็นน้ำตา


ตอนนี้สิชลและกรวิทย์ต่างยืนจับมือพร้อมส่งยิ้มให้กัน แม้รอบตัวจะเต็มไปด้วยเสียงรถยนต์ที่ดังผ่านไป แสงไฟมืดสลัวที่ติดๆดับๆ หรือกลิ่นควันจากร้านไก่ย่างที่อยู่ถัดไป แต่ในสายตาของคนทั้งคู่เวลานี้กลับเต็มไปด้วยใบหน้าของอีกฝ่ายในสายตากันและกันพร้อมแรงบีบที่มือแน่นขึ้นเป็นดั่งพยานรับรู้ความรู้สึกของทั้งคู่


พวกเขาไม่เคยเชื่อในคำว่าตลอดไป แต่พวกเขาเลือกที่จะเชื่อในความรู้สึกที่ได้รับกลับมาจากอีกคนมากกว่า


เขาเชื่อว่าแววตาไม่โกหก


และการที่ดวงตาของเราทั้งคู่มีภาพของกันและกันในเวลานี้ พวกเขาก็รู้สึกดีที่สุดแล้ว




The end.



เพราะเป็นตอนสุดท้ายเราเลยอยากจะทอล์คสักครั้ง
สิ่งแรกที่อยากบอกอยู่เสมอคือ ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆนะคะ ขอบคุณคนอ่านทุกคน และคนที่คอมเม้นต์ให้กันในแต่ละตอนเรายิ่งขอบคุณเป็นพิเศษ
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเราที่ลองแต่งนิยาย เรายังไม่รู้ว่าถนัดแบบไหนสุดท้ายเลยมาลงที่แบบเบาเบาแบบนี้ แต่งเองก็รู้ได้เลยว่ายังมีจุดที่ต้องพัฒนาอีกเยอะแต่ก็ต้องขอบคุณผู้อ่านที่ยังคงตามอ่านตลอด และไม่รู้ว่ามีใครทราบไหมว่าชื่อตอนทั้งหมดในเรื่องนี้เป็นชื่อเพลงทั้งหมดของวง Armchair ค่ะ เป็นเพลงที่เราชอบทั้งนั้นเลย อยากให้ลองไปฟังกันดู
หลังจากที่ลองแต่งเรื่องนี้ดูแล้วเราก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยถนัดแบบหวานแหววเท่าไหร่ และเหมือนจะค้นพบแนวที่อยากแต่งแล้ว  ดังนั้นหากมีผลงานเรื่องหน้าหวังว่าทุกคนจะยังสนับสนุนกันอยู่นะคะ

ขอบคุณอีกครั้งจากใจจริง

BlueCherries   qxchanim     ammchun     mantra       kyungploy     B52     double9JH     pigarea       PURE LOVE     mox2224   vedeegunempross     Blue     ReiSei     lightseeker     ma-prang     ammchun     pim14        kun     Meimei        mynamejnkf     cheyp   เด็กหญิง       205arr   drasil     Ceylon     Pawaree     poterdow     JustWait     pachth        heroves     Serioz       goosongta     YounIn   panitanun     My_yunho     maemix


:3123: :3123: :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-07-2015 15:46:14
อนาคตยังอีกยาวไกล อยู่กับปัจจุบันทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 12-07-2015 15:50:01
 :L2:

ให้ดอกไม้จากใจค่ะ ขอบคุณคุณ kojibara เหมือนกันที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่าน ถึงออกตัวว่าไม่ถนัดแนวหวานเท่าไหร่ แต่ตอนสุดท้ายนี่มดไต่จอคอมแล้วนะคะ ><

ชอบกรมาก :)

ปูลิง อยากจะรบกวนถามนิดว่า แนวการเขียนที่ค้นพบว่าชอบนั้น ไม่ทราบว่าเป็นแนวไหนเหรอคะ?  :mew2:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 12-07-2015 20:39:59
:L2:

ให้ดอกไม้จากใจค่ะ ขอบคุณคุณ kojibara เหมือนกันที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่าน ถึงออกตัวว่าไม่ถนัดแนวหวานเท่าไหร่ แต่ตอนสุดท้ายนี่มดไต่จอคอมแล้วนะคะ ><

ชอบกรมาก :)



ปูลิง อยากจะรบกวนถามนิดว่า แนวการเขียนที่ค้นพบว่าชอบนั้น ไม่ทราบว่าเป็นแนวไหนเหรอคะ?  :mew2:


แนวที่อยากเขียน ยังขอไม่บอก อิอิ >< แต่อยากให้รอติดตามกันนะคะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 12-07-2015 21:07:39
น่าลุ้นจริงๆ

รับทราบค้า :D  o13
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 12-07-2015 21:20:17
จบเร็วจัง เพิ่งจะเริ่มคบกันแท้ๆ  ยังอยากอ่านต่ออยู่เลย
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 12-07-2015 21:26:30
ไม่อยากให้จบอ่ะ อยากอ่านต่ออออออออออออออออออออออออ
ฮืออออออ

รอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: pim14 ที่ 12-07-2015 21:42:17
ละมุนจัง แอบคิดว่าจะมีมาม่าโผล่มาซะอีก ว้า จบเร็วอ่ะ เพิ่มตอนพิเศษมาอีกก็ได้นะคะ น่ารักดี อยากเห็นกรหึงบ้าง สิชลหึงบ้าง สลับกัน อยากดูตอนง้องอนกันอีก อยากรอตอนฟินแลนด์ด้วยค่ะ 555 สงเคราะห์ให้หน่อยจะดีมากเลยนะคะคนแต่ง
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 12-07-2015 21:46:36
จบแล้วหรอ หวังตอนพิเศษต่อ อิอิ
สิชลกรน่ารักมากกก จับมือเดินกันต่อไป
แอบหรอแนวถนัดน่ะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 12-07-2015 21:48:15
แถมตอนพิเศษด้วยนะ พลีสสส
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 12-07-2015 22:02:37
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ
สำหรับเรื่องที่ว่าจบเร็วก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่อย่างที่บอกคือค้นพบว่าไม่ถนัดแนวนี้เท่าไหร่
เขียนไปแล้วมันไม่ลื่นไหลค่ะ เดี๋ยวจะพยายามหาตอนพิเศษมาไถ่โทษให้นะคะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 12-07-2015 22:05:11
ห้ะ!! จบแล้ว!? จริงดิ
กำลังสนุกๆเลย กรน่ารัก สิชนก็อ้อแฟนน่ารัก
ชอบๆ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะ แต่งอีกๆ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 12-07-2015 22:55:37
จบแล้วหรอเนี่ยยย รอตอนพิเศษ :mew1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 13-07-2015 00:26:03
เขียนเก่งค่ะ  แต่ช่วงแรกๆมีติดนิดนึงตรงที่บทบรรยายเดี๋ยวเป็นคนนั้นคนนี้ อ่านแล้วจะงงๆว่าตอนนี้ใครเป็น "ผม"อยู่ อาจต้องแยกเป็นพาร์ทๆให้หน่อย หรือเป็นคนใดคนหนึ่งไปเลย นอกนั้นสนุกมากค่ะ ชอบบบบ รออ่านเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: jamesnaka ที่ 13-07-2015 00:32:02
ขอเป็นกำลังให้ผู้แต่งได้สร้างสรรค์ผลงานที่ดีๆต่อไปจ้า

 :pig4: ขอบคุณค่ะ

รอต่อพิเศษด้วยอีกคนจ้า
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: myhumps001 ที่ 13-07-2015 05:58:59
เป็นนิยายที่สนุกมากๆ อีกเรื่องเลยนะครับ ทั้งการเขียนก็สนุก รีบผลิตผลงานแบบนี้มาให้ได้อ่านกันอีกนะครับ :L1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 13-07-2015 17:45:58
 :pig4: สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 13-07-2015 21:33:57
 o13
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 14-07-2015 01:33:15
เป็นเรื่องราวที่อ่านไปแล้วยิ้มได้ น่ารักดีนะ ^_^
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 12-09-2015 02:38:23
เพิ่งได้มาอ่านเรื่่องนี้ อบอุ่นมากเลย
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-09-2015 04:22:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 12-09-2015 19:34:07
 :mew1: :mew1: :mew1:

คือหลงเข้ามาอ่านเรื่องนี้ได้ยังไม่รู้

แต่คือมันสนุกมาก อื่นรวดเดียวจบเลย โอ้ยยยย น่ารักจนอยากอ่านต่แเลยอ่ะ  ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 14-09-2015 15:40:00
อ่านแล้วเขินน  :o8:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 14-09-2015 20:30:10
:กอด1:เป็นเรื่องที่หวานๆ อ่านแล้วเพลินมากค่ะ  แต่แอบอยากเห็นแบบหื่นๆ NC ของคู่นี้ในตอนพิเศษบ้างได้ป่าวคะ  ^ ^
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: paew_08 ที่ 15-09-2015 04:17:28
สนุกมาก ไม่อยากให้จบเลยยยยย  :mew3:  :ling1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 15-09-2015 11:35:49
กำลังอินเลย จบซะแล้วววววววววว :mew1:
ขอบคุณมากนะ :L2:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: choinudee ที่ 15-09-2015 19:31:02
หวาน น่ารัก ฟรุ้งฟริ้งกิ่งกองแก้วมาก555

กรก็น่ารัก สิชลก็รักคนน่ารักอย่างกร

โอ้ยยยยย อยากมีแฟนแบบนี้บ้าง

น่ารักมากกกก ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: p9hmiew ที่ 18-09-2015 00:49:39
น่าร้ากกกกกก ใสใส
จิกหมอนไปด้วยอ่านไปด้วย555
 :mew3:
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 18-09-2015 11:21:19
น่ารักใสๆ ชอบนะครับ อ่านแล้วสบายใจ ไม่มีมาม่าเท่าไร โผล่มาแป๊บเดียวเอง
ขอบคุณผู้แต่งนะครับ เรื่องนี้อ่านแล้วอมยิ้มอะ น่ารัก
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 18-09-2015 14:37:29
   :pig4:ขอบคุณค่ะ

รอต่อพิเศษด้วยอีกคนนะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: LonelyBoiZ ที่ 19-09-2015 09:07:40
สนุกมากครับบ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 19-09-2015 12:09:19
สนุกมากเลยค่ะ น่ารักมากๆด้วยอ่านไปยิ้มไปตลอดเลย
แอบไม่อยากให้จบด้วย :laugh:
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆน่ารักๆนะคะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 20-09-2015 12:51:22
นิยายฟีลกู้ดสุดอะไรสุด ต่างคนต่างโชคดีที่ได้กันเป็นแฟน
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: P★RiTŸ ที่ 20-09-2015 19:39:20
เราเจอนิยายเรื่องนี้ช้าไปไม่งั้นจะมาเม้นให้ทุกตอนเลย
เนื้อเรื่องน่ารัก ดำเนินเรื่องเรื่อยๆ อ่านเพลินมากอ่ะ
เรื่องนี้เข้าลิสท์รายชื่อนิยายที่เราปลื้มไปแล้วเรียบร้อย
นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นเรื่องแรก จะเอาชื่อคนเขียน
ไปเสิร์ชในอากู่ หาเรื่องอื่นมาอ่านแล้วนะเนี้ย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ feel good มากๆ
จะรอติดตามนิยายเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: CNBLUE ที่ 20-09-2015 20:17:56
 :o8:น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 20-09-2015 22:34:48
สนุกมากเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 21-09-2015 02:52:46
 :hao7:  สนุกมากน่ารักมากอ่านไปยิ้มไป
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 21-09-2015 13:43:50
น่ารักดีค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 21-09-2015 21:08:44
 :mew1: :3123:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: whitelavenders ที่ 25-09-2015 01:02:39
บทบรรยายออกจะสับสนไปนิดนึงเนาะ อยู่ดีๆก็ผมไรงี้ แต่...น่ารักมากกกกกก เหมือนที่คอมเมนท์หนึ่งว่าไว้เลยค่ะ เหมือนฟังเพลงแนว bossa ไม่มีผิด เรียบง่าย เรื่อยๆแต่รู้สึกดี แต่พ่อกล้าของเรามีบทแค่นั้นเองหรอะ 555555 โถ่จ่างมาไม่คุ้มเลยอะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 25-09-2015 02:08:27
 :hao3: กลับมาอ่านอีกรอบ อยากให้ตอนพิเศษนะคะ
อยากถามว่านอกจากเรื่องนี้ยังมีเรื่องอื่นให้ติดตามอีกไหมคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: fernfabled ที่ 25-09-2015 03:57:05
ขอบคุนสำหรับนิยายนะคะ
เรื่องน่ารักจัง สิชลเอาใจใส่มากกกก
น่ารักทั้งคู่เลยยย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 25-09-2015 14:21:52
ขอบคุณมากกกเลย
อ่านเพลินมากเรื่องนี้
เเบบอ่านจบยังรู้สึกดี
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 26-09-2015 13:43:09
 :-[
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: PookPick ที่ 26-09-2015 23:10:28
เป็นเรื่องที่ละมุนมากๆเลยค่ะ น่ารัก อ่านไปยิ้มไป ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ รอติดตามผลงานต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 27-09-2015 01:53:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-09-2015 03:04:47
เรื่องนี้น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 10-10-2015 21:32:56
ชอบบบบบบ
 :o8:
อ่านแล้วให้ความรู้สึกอุ่นๆๆ

จะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 18-10-2015 01:37:59
น่ารักมากเลยค่า เราอ่านเพลินเลย
พอจบดูอีกทีจะตีสอง5555
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: painture ที่ 18-10-2015 23:26:59
เป็นนิยาฟิลกู้ดที่เฟบไว้อีกเรื่องเลยนะคะ

ขอบคุณคุณคนเขียนที่แต่งนิยายน่ารักๆมาให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ
เราว่ามันออกมาค่อนข้างดีเลยนะคะ ไม่ใช่แนวหรอ 55555
ติดตามและส่งกำลังใจไปให้ค่ะ
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: BoJuNg ที่ 21-10-2015 20:36:59
ขอบคุณมากค่าาา

รัก :L2:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 22-10-2015 23:34:15
ไม่รู้ว่าพลาดเรื่องน่ารักๆแบบนี้ไปได้ไง
แต่มันดีมากเลยอ่ะ
อ่านแล้วยิ้มตลอด
ู้รู้สึกดีกับความรักของสองคนนี้
มันเรียบง่าย แล้วก็เรื่อยๆ แต่เราสัมผัสได้ว่ามันจะยาวนาน
ฮือออ ปรบมือออออออ ^_____^
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 27-10-2015 01:31:56
น่ารัก หลงตัวละครเรื่องนี้มากๆค่ะ >///<
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 27-10-2015 14:19:51
น่ารักมากมายมหาศาลเลยค่ะ อ่านแล้วชุ่มชื่นหัวใจ 55555
มีความสุขสุดๆไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-11-2015 18:50:24
เป็นเรื่องราวที่อ่านแล้วทำให้ยิ้มได้อย่างมีความสุขค่ะ ^^
ขอบคุณคนแต่งมากค่ะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: aonan5042 ที่ 04-11-2015 11:54:11
โอ้ยยยยยย ตอนส่งไลน์สารภาพว่าชอบนี่อินมากกก คือตัวเราเองก็เคยทำแบบนั้น แล้วคว่ำโทรศัพท์ไว้เลย ไม่กล้าเปิดดู มือสั่น ใจเต้นแรงสุดๆ แต่ที่ไม่เหมือยกันคือ พี่เค้าไม่ได้อ่านแล้วเงียบ แต่ตอบกลับมาว่า "คือตอนนี้พี่ไม่ได้คิดกับเราแบบนั้นอ่ะ พี่เห็นเราเป็นน้อง" ยิ้มทั้งน้ำตาเลยอ่ะ  :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: poppee ที่ 07-11-2015 13:28:10
ชอบเรื่องนี้จัง
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่น
ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆมาให้อ่านนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: mundookunn ที่ 28-11-2015 01:38:18
น่ารักมากเลยค่าาา เดี๋ยวมาตามต่อนะคะ ตอนนี้ถึงตอนนายเอกเราป่วย อิอิ
เขินแทนกร ดูสิชลทำเข้า 55555
อีกอย่างนึง เราอ่านๆไปเพิ้งเห็น ใช้ชื่อตอนเป็นชื่อเพลงของอาร์มแชร์ใช่มะ พอถึงตอนเราก็เผลอร้องเพลงออกมา 555555
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-11-2015 11:46:17
น่ารักมาก //ขอบคุณมากๆ ครับ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: mundookunn ที่ 28-11-2015 18:00:04
เหยยย เราอ่านจบแล้ว ทายถูกด้วย 5555555
น่ารักดีค่า เขินสิชล ไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้ นายเอกเรานี่ใช้ชีวิตแบบชาวหอในมากจริงๆ นอนทั้งวัน 55
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 28-11-2015 21:17:10
อ่านแล้วอมยิ้ม ลุ้นไปกับตัวเล็กตลอดเลยค่ะ
ดีนะที่กรลองฮึดสู้ตามเพื่อนยุ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 10-12-2015 06:06:19
น่ารักมากเรื่องนี้  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 05-01-2016 23:15:59
น่ารักกกก >///< ค่อยๆเรียนรู้กันไปนะคะทั้งสองคนน
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 06-01-2016 21:51:47
ละมุนเหลือเกินนนนน อ่านไปยิ้มแก้มแทบแตก
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 09-01-2016 22:28:16
ตอนแรกคิดว่าจะมีดราม่ายืดยื้อเรื่องมือที่สาม แต่เคลียแบบนี้เราว่าก็โอเคแล้ว
สิชลจะได้รู้ว่าการเป็นแฟนกันก็ควรไม่โกหก ถึงจะมีความเชื่อใจกันก็เถอะ แต่ลึกๆทุกคนย่อมมีความระแวงซ่อนอยู่
ยิ่งกรเป็นพวกไม่มั่นใจในตัวเองแบบนี้แล้ว อาจจะคิดไปไกลก็ได้
พอมาถึงตอนนี้เข้าใจกันก็ดีแล้ว ต้องเรียนรู้กันไปอีกเยอะ ค่อยๆปรับตัวกันไปเนอะ
รู้สึกว่าจะพลาดเรื่องนี้ไปอย่างแรง ฮือออ พลาดได้ไงเนี่ย  :z3:
ขอบคุณที่สร้างเรื่องน่ารักๆอบอุ่นๆแบบนี้นะคะ อ่านแล้วยิ้มได้ทุกตอน ชอบมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Ningg.Destiny ที่ 11-01-2016 00:48:35
ละมุนมากกกกกก
อ่านไปยิ้มไป ชอบสิชลตรงที่ชัดเจนกับความรู้สึกตัวเอง
กรก็น่ารักน่าชัง ยิ่งโดนเรียกตัวเล็กๆ งื้ออ *จับฟัด*
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: mynamejnkf ที่ 11-01-2016 01:17:57
ตามมาตั้งแต่ตอนแรกๆ คิดว่าจะมีสัก30ตอน เห็นอัพเลยกลั้นใจทำไม่อ่าน พอเห็นคำว่าจบตอน 14 ..

กรี๊ดดดดดด ขอตอนพิเศษค่ะ ใส่ไข่ ใส่ลูกชิ้น!!


ขอบคุณคนเขียนที่แต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ เราชอบมากๆ อ่านทวนหลายรอบเลยนะเนี่ย

ถ้ามีนิยายมาเพิ่มเราติดตามแน่นอนค่ะ สัญญา :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: moonstar ที่ 11-01-2016 05:11:42
อ่านไปยิ้มไป :impress2:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 11-01-2016 22:57:58
สนุกมากก และก้ละมุนมากจริงๆค่ะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 14-01-2016 18:39:46
น่ารัก อบอุ่น
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: IsseYa ที่ 14-01-2016 23:19:48
อ่านไปเขินไป น่ารักมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 27-06-2016 19:09:16
 o13
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 02-07-2016 14:37:52
 :o8:

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 17-07-2016 12:34:26
ขอบคุณนะคะนิยายน่ารักมากเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-03-2017 22:24:09
ขอบคุณค่ะ นิยายน่ารักมาก โดยเฉพาะน้องกร คนพูดน้อยแต่น่ารักๆๆๆ ของพวกเรา
สิชลก็ดีงามค่ะ พอรักแล้วนี่ดูแลดีมาก ดูแบบเป็นคสามรักที่เรียบง่ายแต่เรียล
ส่งมอบสิ่งดีๆ ความรู้สึกดีๆ ให้กันตลอดเวลา น่ารักมากค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 05-03-2017 13:40:17
 o13  o13
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 06-03-2017 10:17:28
ทำไมอ่านจบละสงสารจุน คือ อารมณืจุนนะเข้าใจนะ แบบ เออ ไหน ๆ ก็ห่างละ ถ้า อยากมีคนอื่น ก็มี แต่วันหนึ่งกลับมา อ้าวเฮ้ย เขามีคนใหม่ แล้วเราละ มันก็ให้อารมณ์แบบ จุนบอกเลิกเอง แต่อีกใจก็ไม่คิดว่าเขาจะมีใคร บอกไม่ถูกหน่วงแปลก ๆ แต่เราก็ไม่ชอบสิชลแต่แรกละ ไม่อยากให้เป็นพระเอก ชอบกล้า แต่ไม่เป็นไร กรรักสิชล

ขอบคุณคะ น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 05-04-2017 00:12:10
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 05-04-2017 15:45:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 05-04-2017 21:56:48
 :-[
 :L2:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 06-04-2017 10:42:10
น่ารักมากเลยยยยยย
เรื่องนี้ทำให้ยิ้มคนเดียว หัวเราะคนเดียวหยั่งกับคนบ้า บ้าบอ :laugh: :laugh:
บทหยอดของสิชล ทำให้เราเขินชะมัด 555
กรมีเพื่อนที่ดีมากเลย ทุกคนช่วยกัน แต่ไม่ก้าวก่ายความรู้สึกของกร :)

อบอุ่นหัวใจ ^^

ขอบคุณเรื่องราวน่ารักๆนะคะ
 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-04-2017 21:29:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 02-11-2017 15:01:47
โง้ยยยย น่ารักมาก ชอบ ตอนแรกส่อมาเหมือนจะดราม่า กรน่าสงสารมาก แล้วก็โดนหลอก นี่ฟีลกู๊ดชัดๆ งุ้ยยย ตอนแรกเดาๆว่าชลน่าจะชอบกรอยู่แล้วรึเปล่า อ่าวพลิก เพิ่งมาชอบ แต่ก็สมเหตุสมผลดี เหมือนชีวิตจริง ตอนดราม่านี่ก็กลัว แต่ไม่มีอะไรเลย เมื้อคนสองคนตัดสินใจมาคุยกัน ต้องขอบคุณเพื่อนของกร สายชงจริงๆ ชงจนเพื่อนได้แฟนเลย แถมยังช่วยให้เคลียร์กันอีก :katai3:  :katai2-1:

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: เล็กต้มยำพิเศษไม่ไส่ผัก ที่ 02-11-2017 21:36:12
 :hao5:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 02-11-2017 21:59:13
ช่วงแรกๆน่ารัก หลังๆหน่วง ฮืออ แต่ชอบค่ะะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: wwll ที่ 04-11-2017 00:49:23
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
คือมันเรื่อยๆ แต่ก็หยุดไม่ได้เลย 

สารภาพเลยค่ะว่าไม่ค่อยถูกโฉลกกับนายเอกแนวขี้แงๆ
แต่แพ้ให้กรจริงๆ คือเหมือนจะเข้าใจสิชล ที่ว่าไม่ใช่สเป็กก็จริง
แต่ก็แพ้ให้กับความจริงใจ ความน่ารักแบบเป็นธรรมชาติของกรจริงๆ

สิชลก็แบบคนหลงแฟนของจริง
ชอบที่ออกตัวเลยว่าจะจริงจังกับรักครั้งนี้
แล้วก็จริงจังอย่างที่ว่าไว้จริงๆ
ส่วนเรื่องที่โกหก ก็ผิดจริงๆนั้นแหละ แต่ก็เข้าใจเพราะกรคิดมาก
ถึงจะเชื่อว่าอธิบายเหตุผลไปคงเข้าใจแต่ก็ไม่อยากให้คิดมากนั้นแหละนะ

เอาเป็นว่าตอนนี้ก็หวานกันสุดๆ
คนอ่านเองก็หัวใจสั่นไหวไปด้วยเลยค่ะ อยากจะมีโมเม้นแบบนี้บ้าง555
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่จะอยู่ในความทรงจำนะคะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: PhantomAlone ที่ 04-11-2017 02:24:23
เรื่อยๆหวานๆได้น่ารักมากเลยค่ะ
อยากให้มีตอนต่อไปเรื่อยๆไม่อยากให้จบเลย 55
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

เราตามมาจากรีวิวในทวิต เพิ่งเห็นว่าเรื่องนี้นานแล้ว
เสียดายมากเลยค่ะที่เพิ่งมาได้อ่านเอาตอนนี้ แต่ก็ยังดีที่ได้อ่าน
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: MacaroonCookie ที่ 05-11-2017 11:04:37
น่ารักมากค่ะ อ่านแล้วรู้สึกละมุนมากก สำหรับการเขียนครั้งแรกเอาไป10ดาวเลยย รอติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Yellow sky ที่ 10-11-2017 19:58:20
สนุกมากๆเลยรอติดตามต่อไปครับผมมม ชอบบๆๆๆ อิอิ รักไรท์น้าาาาาา :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 14-11-2017 22:16:43
เป็นเรื่องแรก แต่แต่งได้ดีนะคะ เราชอบ ฟินมากค่ะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 20-11-2017 12:14:53
 :heaven ชอบแนวนี้มากกกก สนุกค่ะ o13
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 20-11-2017 12:20:15
 o22
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 30-11-2017 21:44:20
 o13 o13 หวานๆ น่ารักๆ มันดี
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 01-12-2017 16:12:45
เพิ่งได้อ่าน อ่านรวดเดียวจบเลย น่ารัก~ รออ่านเรื่องต่อไปน้า~~
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 17-12-2017 03:08:36
โอ้ยยหวานมากกกก เอ็นดูมาก แง น่ารักมากค่า
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 24-12-2017 13:40:07
น่ารักมากๆเลย  :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 26-12-2017 23:36:59
น่ารักมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 21-01-2018 10:56:02
น่ารัก ละมุนมากกกก
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 12-02-2018 00:58:09
อยากให่มีต่ออ่ะ ยังปั่นหัวพระเอกไม่หนำใจเลย  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 13-02-2018 22:21:59
สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 09:34:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 04-08-2018 21:44:33
มาอ่านอีกครั้ง
มันดีมากจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: kutelittlepoly ที่ 16-11-2019 09:36:35
กลับมาอ่านรอบที่ 2 ค่ะ ตอนแรกก็จำชื่อเรื่องไม่ได้ มันติดอยู่ในหัวมาหลายวัน ก็เลยไปนั่งหาจากนิยาย หมวดจบแล้ว หาอยู่ 2 วัน ในที่สุดก็เจอ ก็ยังชอบเรื่องนี้เหมือนเดิมถึงกรจะงอแงบ้างไปหน่อย แต่ก็ไม่งี่เง่าดี
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 14-01-2020 08:08:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Yumitun ที่ 14-01-2020 22:51:59
เพื่อนตอนที่ 1 ชื่อ ติณ กับ เก้า ตอน2 ชื่อ ติณ กับ อาร์ทค่ะ ฝากนักเขียนแก้ด้วยนะคะ

ปล. สิชลไม่ธรรมดานะเนี่ย ไม่รู้ใครจะจีบใครกันแน่ 555
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 16-01-2020 09:09:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 17-02-2020 21:08:02
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 31-01-2021 15:35:12
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 28-02-2021 20:05:57
 :-[
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 01-03-2021 19:28:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 19-09-2022 04:34:33
 :3123:
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 05-10-2022 16:14:11
น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 06-10-2022 12:27:01
 :pig4: