- S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - S H A K E R - แด่คุณ ผู้ทำให้ใจสั่นไหว. l ตอนที่ 14 (จบ) (๑๒/๐๗/๒๕๕๘) l  (อ่าน 112488 ครั้ง)

ออฟไลน์ kojibara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
***************************************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

***************************************************************************************

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2015 15:19:37 โดย kojibara »

ออฟไลน์ kojibara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
๐๑ – ป่วนปั่น



“กร กร แกฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย”

“ว่าไงนะส้ม โทษทีๆ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ”

“โหหห ไม่ฟังกันจริงๆด้วย ปล่อยให้พูดคนเดียวอยู่ได้มัวแต่เหม่ออะไรอยู่เนี่ย”

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะ แล้วสรุปเมื่อกี้ส้มพูดว่าไรนะ”

“เมื่อกี้เราบอกว่า เย็นนี้ไอ้ถั่วมันเรียกรวมปี2นะ เห็นว่าจะเตรียมงานสำหรับรับน้องน่ะ อย่าลืมนะ”

ผมพยักหน้าให้เพื่อนสนิทสบายใจว่าไม่ลืมเรื่องที่ประธานชั้นปีประกาศไว้ตั้งแต่ช่วงเช้าในไลน์กลุ่มของชั้นปี  คิดไปคิดมานี่ก็2ปีแล้วสินะกับชีวิตของวัยมหาลัย ทำไมผมยังรู้สึกว่าเหมือนผ่านกิจกรรมรับน้องมาไม่นานนี้เอง ผมสอบติดคณะวิทยาศาสตร์ในมหาลัยวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ  ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัดบ้านเกิดผมอยู่ติดทะเลภาคตะวันออกผมจึงต้องมาเช่าหอพักภายในมหาวิทยาลัยอยู่ เพื่อนสนิทในกลุ่มมีอยู่ด้วยกัน4คน แต่คนที่อยู่ตรงหน้าผมคือ ส้ม ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มที่หลังๆชักจะไม่ค่อยเป็นผู้หญิงสักเท่าไหร่นัก ทั้งคำพูดคำจา หรือท่าทางบางอย่างที่จะห้าวเกินหน้าตาไปซะแล้ว



“แล้วไอ้ติณกับไอ้เก้ามันได้บอกไหมว่าจะมาตอนไหน”

“มันไลน์มาบอกว่าจะมาแลปคาบบ่ายน่ะ  ท่าทางจะแฮงค์ เมื่อคืนมันกลับกันเกือบเช้า”

ส้มบ่นทันทีหลังจากฟังเหตุผลที่เพื่อนที่เหลืออีกสองคนไม่ยอมมาเข้าเรียนคาบเช้า ผมชินซะแล้วล่ะเพราะทั้งไอ้ติณกับไอ้เก้ามันเป็นพวกมนุษยสัมพันธ์ดีเกินไปน่ะสิ รู้จักกับรุ่นพี่รุ่นน้องหรือเพื่อนต่างคณะเต็มไปหมด อีเว้นท์ช่วงกลางคืนของพวกมันมันเลยมีมาก ไหนจะงานวันเกิดของรุ่นน้องต่างภาค รุ่นพี่ต่างคณะอกหัก หมาเพื่อนออกลูก ไม่ว่าจะโอกาสไหนไอ้สองคนนี้ก็สามารถไปร่วมงานได้หมดจริงๆแล้วถ้าสงสัยว่าทำไมผมกับส้มถึงไม่ได้ไปร่วมงานพวกนั้นบ้าง ไม่มีอะไรมากหรอกฮะ ผมอยู่หอในกลับเกินเที่ยงคืนไม่ได้ ส่วนส้มอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ไม่มีโอกาสได้แวบออกไปไหนช่วงดึกบ่อยนักหรอกฮะ



โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยในช่วงเที่ยงแบบนี้เรียกว่าคนหนาแน่นจริงๆ ที่นั่งว่างถือว่าเป็นแรร์ไอเท็มกันเลย ผมกับส้มตกลงกันว่าจะกินข้าวที่โรงอาหารกลางเพราะยังมีเวลาเหลืออีกพอสมควรกว่าจะเข้าเรียนแลปอิเล็กทรอนิกส์ที่ตึกวิศวกรรมในช่วงบ่าย
“ส้มไปซื้อข้าวก่อนเลย เดี๋ยวเราเฝ้าโต๊ะให้เอง”
ผมอาสาเฝ้าโต๊ะให้ก่อนเพราะยังไม่คิดไม่ออกเลยว่าจะกินอะไรดี สายตามองไปทางร้านอาหารท่าทางคงจะไม่พ้นข้าวราดแกงเหมือนเดิม

“กร กร ทายสิเราไปเจอใครมา” ส้มยิ่มกริ่มพร้อมทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผมหลังจากถามคำถามที่น่าสงสัยจบ

“หือ เราจะไปรู้ได้ไงว่าส้มไปเจอใครมา ถามประหลาด” ผมบ่นใส่เพื่อนสนิท จะไปรู้ได้ไงล่ะว่าส้มไปเจอใครมา แต่ท่าทางอยากบอกซะขนาดนั้นผมคงไม่ต้องรอคำตอบนานนักหรอก

“หึหึ ไม่อยากรู้หน่อยหรอว่าเราไปเจอใครมา ใครกันน๊า หนุ่มวิศวะเครื่องกลตัวสูง คนเชียงใหม่  คนที่ใครบางคนแถวนี้แอบมองเขามาเป็นปีแล้วอ่ะ”

ตาของผมเบิกกว้างทันทีที่ส้มพูดจบ อย่าบอกนะว่าไปเจอสิชลมา!! ผมรีบกวาดตามองหาเป้าหมายของผมทันที ตั้งแต่เปิดเทอมมายังไม่ได้เจอให้ได้จ้องมองจริงๆจังๆสักครั้งเลย ได้แต่เดินเฉียดกันเป็นบางครั้งเท่านั้นเอง คนในโรงอาหารก็จะเยอะไปไหนเนี่ย ผมเริ่มพาลไปทั่วแล้วนะ

“ท่าทางนี่ไม่ค่อยสนใจเขาเลยน๊า ฮ่าๆๆ เขาอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวไก่น่ะ รีบไปสิน่าจะยังทัน”
ส้มหัวเราะให้กับท่าทางของผม แต่ผมไม่สนหรอกนะ เพราะตอนนี้ขาผมรีบตรงไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่แล้วน่ะสิและก็ไม่ผิดหวังจริงๆด้วย เขายังอยู่ตรงนั้นยืนปรุงก๋วยเตี๋ยวอยู่ สุดท้ายผมเลยต้องเปลี่ยนเมนูอาหารกลางวันจากข้าวราดแกงเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่กะทันหัน ขณะที่ต่อแถวตาของผมก็แอบชำเลืองมองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาปรุงก๋วยเตี๋ยว


สิชลเป็นหนุ่มวิศวะเครื่องกลที่ถ้าใครได้เห็นก็ต้องบอกว่าดูดี เขาอยู่ปี2เท่าผมนี่ล่ะ แต่ความสูงมีมากกว่าผมพอสมควรเลย เจอกันครั้งแรกในงานรับน้องของมหาวิทยาลัยเพราะผมเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นรุ่นพี่จึงจะเดินไปถามทางแต่กลายเป็นว่าเขาเองก็มารับน้องและก็กำลังหาทางไปซุ้มลงทะเบียนอยู่พอดี เขาชวนผมเดินไปพร้อมกันและนั่นก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ได้คุยกัน ผมจำได้แม่นเลยว่าตอนนั้นตัวเองใจเต้นกับคนคนนี้มากแค่ไหน ไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบ ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิต แต่ความรู้สึกในตอนนั้นมันยิ่งกว่าคำว่าถูกชะตาแน่นอน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่คืออาการที่เรียกว่าอะไร เพียงแต่ไม่อยากจะยอมรับให้ต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ แค่ได้แอบมองเวลาที่เจอกัน แค่นี้เท่านั้นที่ผมทำได้



“เป็นไง เจอสิชลไหม?” ส้มถามผมทันทีที่เดินถือชามก๋วยเตี๋ยวกลับมาที่โต๊ะ

“เจอ แต่เจอแปบเดียวเอง” ท่าทางหมาหงอยของผมคงจะเรียกเสียงหัวเราะให้ส้มได้น่าดู
 
“เอาน่า เจอกันวันละนิดก็ยังดี แต่ถ้าอยากเจอทุกวันเราก็เคยบอกกรไปแล้วนี่นาว่าต้องทำยังไง”

ผมส่ายหน้าให้กับคำเย้าแหย่ของเพื่อนสนิท เหอะ! ใครจะไปกล้าทำตามคำแนะนำของส้มกันล่ะ จริงๆแล้วเรื่องที่ผมคอยแอบมองสิชลเนี่ยเรียกได้ว่าเป็นเพราะผมคงจะทำตัวมีพิรุธมากไปจนทำให้เพื่อนในกลุ่มจับได้ ตอนแรกทุกคนก็ตกใจเพราะท่าทางของผมไม่น่าจะใช่พวกที่ชอบผู้ชายผมกลัวเพื่อนจะรังเกียจด้วยซ้ำแต่พวกไอ้ติณกับไอ้เก้าไม่รังเกียจแถมยังบอกว่าดีแล้ว จะได้ไม่มีใครมาแย่งบรรดาสาวๆของพวกมัน ส่วนส้มก็ดูท่าทางจะไม่แปลกใจกับผมซะเท่าไหร่ แถมส้มยังยุให้ผมไปบอกชอบสิชลด้วย ผมปฏิเสธไปแทบไม่ทัน ไม่เอาด้วยหรอก ให้ผมรู้จักสิชลฝ่ายเดียวก็ได้เพราะแค่ได้แอบมองน่ะก็มีความสุขแล้ว ผมรู้ตัวเองหรอกนะครับว่าที่ผมมักน้อยขอแค่ได้แอบมองเขาอยู่แบบนี้เพราะอะไร เพราะความหวังสักนิดผมยังมองมันไม่เห็นเลย สิชลเป็นเดือนคณะวิศวะ ครอบครัวทำธุรกิจที่พักที่เชียงใหม่ เป็นขวัญใจของคนทั้งมหาลัยเพราะเขายิ้มเก่ง ใจดี สิชลมักจะมีข่าวกับสาวๆอยู่เสมอแต่ยังไม่มีใครเป็นตัวจริงที่พูดได้เต็มปากว่าเป็นแฟน ได้ฟังแบบนี้แล้วผมยังต้องมีความหวังอีกเหรอครับ




“กร แกโทรหาไอ้สองคนนั้นดิ อาจารย์จะเข้าแลปแล้วนะทำไมพวกมันยังไม่มากันอีก”

ส้มเร่งให้ผมโทรหาเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ป่านนี้แล้วพวกมันยังไม่โผล่หัวมาเลย  เมาทีไรลำบากกูตลอดเลยถ้ามาถึงจะบ่นให้ดู ขณะที่มือกำลังจะกดโทรออกประตู้ห้องเรียนก็ถูกผลักเข้ามาโดยเจ้าของเบอร์ที่ผมกำลังจะต่อสายไปหาพอดี ท่าทางเหนื่อยหอบพร้อมกับเสื้อนักศึกษาที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวรีบมากขนาดไหน

“ทำไมเพิ่งมาเนี่ย?” ส้มแหวใส่ทันทีที่ไอ้ติณกับเก้ามาถึง

“กูวนหาที่จอดรถอยู่ ใครจะไปรู้ว่าวันนี้ที่จอดรถตึกนี้มันจะเต็มล่ะวะ กูรีบเต็มที่เลยเนี่ยอย่าบ่นดิว๊า” ติณรีบบอกเหตุผลหรือที่ผมเรียกว่าข้ออ้างกับส้มทันทีก่อนที่จะโดนบ่นไปมากกว่านี้

“ไม่ใช่เพราะพวกมึงเพิ่งแซะตัวเองจากที่นอนมาได้หรอกหรอวะ” ผมเหน็บพวกมันไป

“โธ่ ทำไมมองพวกผมในแง่ร้ายแบบนั้นละครับคุณกรวิทย์” เก้าตอบโต้ข้อกล่าวหาของผม

“ใช่ คุณกรวิทย์ไม่ควรจะมาว่าพวกผมแบบนี้นะครับ เพราะวันนี้พวกผมมีข่าวดีมาให้คุณ มันอาจจะทำให้คุณต้องขอบคุณพวกผมสองคนเลยก็ได้” ติณหันไปยักคิ้วกับไอ้เก้า พวกมันทำหน้าแบบผู้ชนะแต่ในสายตาผมแบบนี้มันกวน_นชัดชัด

“ข่าวดีอะไรวะ”
ผมเอ่ยถามออกไป แต่ยังไม่ทันที่พวกมันสองคนจะได้บอกอาจารย์ก็เข้ามาเสียก่อน  ผมทำท่าทางขัดใจไปนิดหน่อยแต่ส้มท่าทางจะอยากรู้จริงๆเลยบอกให้ไอ้ติณกับเก้าเขียนบอกในกระดาษก็ได้ แต่พวกมันเล่นตัวครับ ไม่ยอมบอก ช่างเหอะ รอหมดคาบก็ได้ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้นหรอก


ทันทีที่อาจารย์เริ่มพูดเรื่องทฤษฎี สูตรคำนวณต่างๆ เพื่อนๆในห้องก็เริ่มตาปรือๆกันแล้วล่ะครับรวมทั้งผมด้วย  ฮ้าววววว ง่วงชะมัดเลย ช่วงที่อาจารย์อธิบายเนื้อหามันออกจะน่าเบื่อไปหน่อย แต่พอตอนที่ได้ลงมือปฏิบัตินี่เป็นอะไรที่ผมชอบจริงๆ และเพราะรู้สึกสนุกเวลาจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เพื่อนๆทยอยออกจากห้องแลปกันทันที่ที่อาจารย์สรุปเนื้อหาของวันนี้เสร็จ

“ติณ เก้า บอกมาเดี๋ยวนี้เลยข่าวนี้เรื่องอะไรที่พวกแกบอกไว้” ส้มถามขึ้นมาทันที่ที่อาจารย์เดินออกนอกห้องไปแล้ว

“ส้ม มึงจะอยากรู้อะไรขนาดนั้นวะ ขนาดเจ้าตัวเขายังเฉยๆเลย” ไอ้ติณมันพูดแบบลอยหน้าลอยตามากครับ ผมล่ะอยากถีบมันจริงๆ

“เออๆ กูอยากรู้มากเลย อยากรู้จนใจจะขาดแล้วเนี่ย พอใจยัง?”

“ฮ่าๆๆๆๆ เห็นแก่ที่คุณกรวิทย์อยากรู้นะครับเนี่ยผมจะบอกก็ได้ ข่าวดีที่ว่าก็คือ คือ...”
คงเพราะส้มทนหมั่นไส้ท่าทางของติณไม่ไหวเลยเอาชีทเตรียมจะฟาดแต่ดีที่เจ้าตัวห้ามไว้ทัน

“เฮ้ยๆๆ อย่าใจร้อนดิวะ บอกแล้วเนี่ย บอกแล้ว คือเมื่อคืนกูกับไอ้เก้าไปกินเลี้ยงงานวันเกิดรุ่นพี่คนหนึ่งแล้วทีนี้แล้วไปเจอไอ้สิชล พวกกูก็ทักมันไปเลยรู้ว่ามางานเดียวกัน เจ้าของวันเกิดเป็นรุ่นพี่โรงเรียนมันเอง”

“แค่มึงเจอสิชลนี่คือข่าวดีของกูหรอ วันนี้กูก็เจอเหอะ!”

“ใช่ที่ไหนล่ะไอ้กร ฟังก่อนสิ ข่าวดีของมึงไม่ได้อยู่ตรงนั้น เรื่องมันคือพอตกดึกก็มีสาวเข้ามาหาสิชลเว้ยย พวกกูก็ยุให้มันหิ้วกลับไปเลยเพราะผู้หญิงแม่งก็ให้ท่าอยู่แถมเด็ดมากด้วย แต่อยู่ดีๆพี่อ๊อฟเจ้าของวันเกิดท่าทางแกคงเมาแล้วแหละแกดันพูดขึ้นมาเสียงดังว่า พวกมึงยุไปก็เท่านั้นแหละ ไอ้ชลมันสนใจผู้หญิงที่ไหน!  เท่านั้นล่ะมึงเอ้ยย ทุกคนเงียบกริบหันหน้าไปหาไอ้สิชลกันหมดเลย แล้วมึงรู้ไหมว่ามันพูดว่ายังไง”

ไอ้ติณหยุดเล่าเรื่องแล้วหันมามองหน้าผม บอกตามตรงในใจตอนนี้มันรู้สึกเหมือนถูกเป่าให้พองลมเตรียมจะลอยยังไงก็ไม่รู้ ที่คิดไว้คงไม่จริงอ่ะ ไม่มีทางแน่ๆ

“ไอ้สิชลมันบอกว่า ..ตามที่ได้ยินนั่นแหละครับ  มึงเชื่อไหม ทุกคนแถวนั้นเงียบกันหมด ช็อกตาตั้งอ่ะมึง กูกับไอ้เก้าก็ด้วย คือถ้ามันมาเฉลยว่าล้อเล่นกูก็พร้อมจะเชื่ออ่ะ แต่มันกลับไม่อธิบายอะไรต่อ เรื่องเมื่อคืนคนได้ยินก็ตั้งเยอะพวกกูมั่นใจว่าป่านนี้ข่าวคงกระจายไปทั่วแล้วด้วย”


“เฮ้ยยยยยยย มึงไม่ได้ฟังมาผิดแน่ใช่ไหม” ส้มตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ แต่ตอนนี้ผมน่ะสติหลุดไปแล้ว

“กูไม่ได้ฟังมาผิดแน่ๆ พวกกูเลยรีบเอาข่าวดีอันนี้มาบอกไอ้กรเลย” ไอ้เก้าช่วยยืนยันว่าสิ่งที่ติณเพิ่งพูดไปเป็นเรื่องจริง

วันนี้ไม่ใช่เอพริลฟูลเดย์ใช่ไหม? ถ้าผมดีใจไปแล้วจะมีคนมาเฉลยทีหลังว่าเป็นเรื่องโกหกหรือเปล่า แต่ท่าทางของติณกับเก้ามันแสดงออกว่าเรื่องที่เล่าไม่ได้โกหก  ส้มกำลังเขย่าแขนเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับผมแต่สติผมไม่รับรู้แล้ว ผมบอกแล้วใช่ไหมที่ผ่านมาผมไม่เคยคาดหวังเพราะรู้ว่าไม่มีหวัง  แต่ทำไมตอนนี้ผมเหมือนตัวเองเป็นลูกโป่งที่กำลังให้รับแก๊สที่ชื่อว่า"ความหวัง”เป่ามาจนเต็มหัวใจ



TBC.

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะคะ เพราะเป็นผลงานชิ้นแรกจึงพร้อมรับฟังทุกความเห็น น้อมรับทุกคำติชม
ฝาก สิชล – กรวิทย์ ไว้กับทุกคนด้วยนะคะ













ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
น้องกรเริ่มมีหวังแล้วสินะ

ออฟไลน์ บ๊ายบายโพ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ตามมมไป :katai5: น่าสนุกๆ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
กรวิทย์สู้ๆ จีบสิชลให้ติดนะค้าาาาา

ออฟไลน์ kojibara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
02 – ป๊าดีดาดีดั๊บ


นาฟิกาที่ตั้งบนโต๊ะข้างที่นอนบอกเวลาเกือบสิบโมงเช้าแล้วแต่กรวิทย์ยังคงไม่ได้ลุกไปไหน  เขานอนเล่นโทรศัพท์มือถือบนที่นอนเข้าโปรแกรมยอดฮิตที่มีสัญลักษณ์เป็นตัวเอฟพื้นหลังสีฟ้า  ไล่ตามกดไลค์รูปภาพหรือข้อความของเพื่อนๆคนอื่นจากนั้นก็เข้าไปส่องความเคลื่อนไหวที่หน้าของสิชล


เฮ้ออออ  ตั้งแต่ข่าวเรื่องสิชลไม่ได้สนใจผู้หญิงหลุดออกไปกรวิทย์รู้สึกได้ว่าคอมเม้นท์ใต้รูปภาพมักจะเป็นหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่กันเสียเป็นส่วนมาก  ตอนแรกเหมือนตัวเองน่าจะพอมีความหวังอันน้อยนิดอยู่บ้างแต่คู่แข่งที่เพิ่มขึ้นมาในช่วงนี้มันมากมายเหลือเกิน แถมแต่ละคนยังหน้าตาจัดได้ว่าดูดีกันอีกด้วย วันก่อนส้มก็มาบอกเขาว่าเห็นสิชลเดินกับเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่ห้องสมุด ได้ยินแค่นั้นก็ทำเอาบั่นทอนความหวังที่มีไปซะแล้ววว



Rrrr Rrrr


นึกถึงก็โทรมาพอดีเลย 
“ว่าไงส้ม มีอะไรหรือเปล่า”

“กร ตอนนี้แกอยู่ไหน รีบมาที่ห้องสมุดเดี๋ยวนี้เลย”
ไม่มีการพูดพร่ำทำเพลง  เพื่อนสนิทตัวแสบก็ออกคำสั่งให้เขาไปห้องสมุดทันที่

“มีเรียนบ่ายครึ่งไม่ใช่หรอ ทำไมให้รีบไปจังวะ”
น้ำเสียงร้อนรนของเพื่อนสนิทเวลานี้มันชวนน่าสงสัย  ส้มมีเรียนช่วงเช้าของวันจันทร์แบบนี้ก็ไม่แปลกเพราะเราลงวิชาเลือกคนละตัวกัน ทุกทีผมก็มักจะไปเจอส้มในคลาสเรียนตอนบ่ายอยู่แล้ว

“ก็ถ้าแกไม่รีบมาตอนนี้ แกก็จะไม่ได้เจอสิชลน่ะสิ จะมาไหม!”

“เฮ้ย จริงหรอเนี่ย โอเคๆ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวรีบไปหาเลย แกอยู่ชั้นไหน?”

“ชั้นสามย่ะ รีบมาเลยนะ”

ทันทีที่วางสายกรรีบทำเวลาในการอาบน้ำแปรงฟันแบบทำลายสถิติตัวเองที่เคยทำมาเลย  ดีนะที่เขารีดชุดนักศึกษาไว้พร้อมหมดแล้วเขาหยิบชีทเรียนแล้วรีบวิ่งออกจากห้องแบบสี่คูณร้อยกันเลยทีเดียว 


ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงอย่างที่ได้บอกกับส้มไว้ตอนนี้กรมาถึงห้องสมุดแล้ว  เดินเข้าไปในลิฟต์โดยที่มือกดหมายเลขสาม  สภาพของกรตอนนี้เหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จแต่ยังไม่ได้เช็ดตัวให้แห้งเลย  แผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะการวิ่ง  คิดๆดูแล้วกรยังตกใจกับตัวเองเลยว่าทำไมชื่อของสิชลมันถึงมีอิทธิพลกับความรู้สึกเขามากขนาดนี้ อาการหนักเกินไปแล้วนะเรา


ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก สายตาก็มองหาเพื่อนสาวคนสนิททันทีและไม่ต้องเสียเวลากวาดสายตาไปมาก ผู้หญิงผมยาวลอนปลายในชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอเลยหัวเข่าขึ้นไปเล็กน้อย ใบหน้าเรียวกำลังส่งยิ้มกว้างและโบกมือให้เขาอยู่ตรงที่นั่งมุมห้อง  กรรีบสาวเท้าไปทันทีพร้อมมองหาสิชลไปด้วย


“ไม่ต้องคอยื่นคอยาวขนาดนั้น สิชลมันนั่งอยู่โซนด้านในอ่ะ ฉันเฝ้าให้อย่างดีไม่มีพลาดสายตา”
ส้มส่งสายตาล้อเลียนมาให้  ผมไม่ได้ทำท่าทางขนาดนั้นซะหน่อย

“แกก็พูดเกินไปส้ม เราไม่ได้ทำท่าทางอะไรแบบนั้นซะหน่อย”

“เหรออออออออออออ”

“เอออออ ก็แค่กลัวว่ามาไม่ทันเท่านั้นเอง”
คำตอบของผมเรียกเสียงหัวเราะพร้อมกับฝ่ามือที่ยื่นมาผลักหัวจากส้มทันที

“ไอ้กร ที่ฉันโทรเรียกแกมาวันนี้เนี่ย ไม่ใช่ให้แกมานั่งมองเขาเหมือนทุกครั้งนะเว้ย แกจะมาอ้างเหมือนแต่ก่อนที่แกไม่กล้าเข้าหาไอ้สิชลเพราะคิดว่ามันไม่ได้ชอบผู้ชายไม่ได้แล้วนะ  เห็นไหมคนอื่นเขาเดินหน้าทำคะแนนกันไปขนาดไหนแล้ว  แต่แกยังอยู่ที่เดิมอยู่เลย”




“ที่เป็นอยู่แบบนี้มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรซะหน่อย..”
ผมเถียงออกไปด้วยเสียงอ่อยๆ  แต่ส้มกลับตีหน้ายักษ์มาใส่ผมแทน ผมว่าผมโอเคกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้แล้วนะ หลังจากเหตุการณ์ที่เก้ากับติณมาบอกข่าวของสิชลนี่ก็ผ่านมาได้หนึ่งอาทิตย์พอดี  พวกเพื่อนๆทุกคนต่างบอกให้ผมลองเดินหน้าเข้าหาสิชลแบบจริงจังดูบ้าง  เวลาส้มไปเจอสิชลที่ไหนก็จะรีบโทรมาบอก หรือเวลาที่เก้ากับติณไปเห็นสิชลเดินกับใครพวกมันก็จะรีบมาบอกผมทันทีเสมอ  เพื่อนทุกคนดูกระตือรือร้นกับเรื่องของผม  คงมีแต่ผมนี่แหละที่ไม่พร้อมซะที


“กร แกมั่นใจนะว่าที่คอยแอบมองเขาแบบนี้แกพอใจแล้ว แกมั่นใจนะว่าถ้าสิชลมันจะมีใครสักคนที่เรียกเต็มปากว่าแฟนแล้วแกจะไม่เสียใจ ถ้าแกยังยืนยันว่าแกพอใจแล้ว ฉันก็จะไม่ยุ่งเรื่องนี้อีกแล้ว เดี๋ยวฉันจะบอกพวกไอ้ติณกับไอ้เก้าด้วยว่าไม่ต้องมารายงานสถานการณ์ของสิชลให้แกรับรู้อีกแล้ว แกจะได้ไม่ต้องมาลำบากใจที่พวกฉันคอยบังคับให้แกเดินหน้าเข้าหาสิชลแบบนี้”ส้มถามด้วยสีหน้าจริงจัง  ผมรู้ว่าเพื่อนพร้อมที่จะช่วยผมในเรื่องนี้เสมอตั้งแต่ช่วงแรกแล้ว


“เฮ้ยยยย อย่าซีเรียสขนาดนั้นดิวะ  ก็คนมันไม่มั่นใจนี่นา”

“ไม่มั่นใจเรื่อง?”

“แกดูแต่ละคนที่เข้าหาสิชลตอนนี้ดิ  แม้ว่าจะมีแต่ผู้ชายแต่ก็เป็นผู้ชายประเภทน่ารัก น่าถนุถนอม อยู่ใกล้ก็คงสบายใจ  แต่พอมามองตัวเองแล้ว  บอกเลยไม่มีอะไรจะไปสู้ว่ะ”

“กร ฉันเคยบอกแกหลายรอบแล้วนะเรื่องนี้ เราทุกคนมีดีหมดเพียงแต่มีดีกันคนละแบบ หน้าตาแกก็ไม่ได้แย่อะไรเลยนะ แต่มันก็ไม่ได้น่ารักซะจนทุกคนต้องมามอง ฉันบอกกับแกตรงๆเลยว่าทุกวันนี้พวกฉันพยายามให้แกลองเข้าหาสิชลมันดูบ้าง อยากให้แกลองพยายามดู  ถ้าคำตอบที่แกได้มามันไม่ใช่แกก็แค่กลับมาเป็นเหมือนตอนนี้ไม่ใช่หรอวะ พวกไอ้ติณกับไอ้เก้าเห็นมันแบบนั้นมันยังเคยมาพูดกับฉันเลยว่าถ้าแกลองเดินหน้าดูสักครั้งมันจะช่วยเต็มที่  พวกฉันพยายามเพื่อแกขนาดนี้ แล้วแกล่ะวะ จะไม่พยายามเพื่อตัวเองหน่อยหรอ?”


ผมนิ่งไปทันที่ที่ส้มพูดจบ  คำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังดีจากเพื่อนฟังแล้วมันเหมือนมีแรงฮึดที่จะลองลงสนามสู้กับเขาดูสักตั้ง  เอาวะ เป็นไงเป็นกัน  ถ้าลองดูแล้วมันไม่ใช่เราก็แค่กลับมามองเขาแบบนี้เหมือนเดิมเท่านั้นเอง


“โอเคส้ม  เราจะลองสู้ดูสักครั้ง”

“ให้มันได้อย่างนี้สิ!!  ดีมากๆ ถ้าอย่างนั้นฉันว่าเริ่มแรกเราต้องสร้างสถานการณ์ให้กับตัวเองก่อน  สิชลนั่งอยู่ตรงโซนด้านในกับพวกเพื่อนๆ  แกก็ลองทำทีเป็นเดินไปหาหนังสือแถวนั้น  จากนั้นรอหาจังหวะดีๆสร้างสถานการณ์ให้ได้คุยกัน”

“เฮ้ยยย วันนี้ต้องได้คุยกันเลยหรอ เร็วไปป่าววะ”

“มันไม่เร็วไปหรอกนะ  ถ้าเทียบกับที่แกแอบมองมันมาเป็นปีแล้วเนี่ย”


ส้มพูดพร้อมกับผลักผมให้เดินไปโซนด้านในที่มีสิชลและเพื่อนนั่งอยู่บริเวณนั้น  เอาล่ะสิ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วเนี่ยรู้สึกอยากให้ทางเดินมันไกลกว่านี้อีกสักหน่อย ผมยังไม่พร้อมเลย ฮือออออออออ


รู้ตัวอีกทีสิชลก็อยู่ในสายตาผมระยะใกล้แล้ว จะทำยังไงต่อไปดีล่ะทีนี้ ไม่เคยต้องทำแบบนี้มาก่อนด้วย รู้สึกอยากได้วิญญาณไอ้ติณหรือไอ้เก้ามาเข้าสิงตัวเองซะตอนนี้เลยจะได้เนียนๆแบบพวกมันได้บ้าง เพื่อนสิชลนั่งอยู่ด้วยแบบนั้นใครจะกล้าเข้าไปวะเนี่ย  โอ๊ะ! แต่ดูเหมือนจะสิชลจะได้ยินความคิดเราเลยว่ะ  เพราะตอนนี้สิชลลุกเดินออกมาหาหนังสือ  จะรออะไรล่ะครับ  ตีเนียนไปหาหนังสือแถวนั้นด้วยสิ


กรวิทย์ทำทีเป็นว่าหาหนังสือแต่สายตาของเขาเอาแต่แอบมองไปที่สิชลที่ยืนอยู่ถัดไปด้านหน้าโดยอาศัยช่องว่างของชั้นวางหนังสือ   แต่สงสัยว่าสกิลแอบมองของเขาน่าจะยังไม่แนบเนียนพอจนทำให้สิชลหันมามอง  ตายห่าละเว้ยย  อย่าบอกนะว่าเขาจับได้แล้วเนี่ย เอาไงดีวะ แกล้งทำเป็นหาหนังสือต่อไปละกัน


กรทำทีเป็นหยิบหนังสือที่อยู่ตรงหน้าออกมาดู อื้อหือออ หนังสืออะไรวะเนี่ยภาษาอังกฤษทั้งเล่ม เปิดดูด้านในเนื้อหาน่าจะเกี่ยวกับพากงานศิลป์ทั้งหลาย เอิ่มมมมม โคตรจะไม่ถนัดเลย กรเก็บหนังสือคืนที่เดิมพร้อมกับแอบชำเลืองสายตามองไปด้านหน้า


อ้าวววว ...


หายไปไหนแล้วเนี่ย  เผลอแปบเดียวเองนะ

กรมองหาสิชลทั่วบริเวณนั้นแต่ไม่เจอ  สงสัยกลับไปนั่งที่โต๊ะแล้วแน่เลย เฮ้อออออ  น่าเสียดายชะมัดอุตส่าห์มีโอกาสแล้วเชียวแต่ไม่เป็นไรรอโอกาสหน้าก็ได้ พอคิดแบบนั้นกรเลยกะว่าจะกลับไปหาส้มที่โต๊ะเลยดีกว่าเพราะคิดว่าวันนี้คงได้แค่นี้แหละ  แต่ทันทีที่หันหลังกลับไป

.
.
.
ฉิ บ ห า ย แ ล้ ว ! ! !
.
.
.


ภาพตรงหน้าคือสิชลที่กำลังยืนเลือกหนังสืออยู่ เท่ากับว่าตอนนี้สิชลอยู่ตรงหน้าผมนี่เอง  อาการผมตอนนี้คือกำลังช็อคไปแล้วครับ ตาเบิกโต ปากอ้ากว้าง สติหลุดหายไปแล้ว สิชลอยู่ใกล้แค่นี้เอง


สิชล


สิชล


สิชล


แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดต่อว่าจะทำอย่างไรดี  ผู้ชายตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อยส่งมาให้

“หาหนังสือยังไม่เจอหรอ?”

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
สิชลคุยกับกูด้วย !!!!!!!! พ่อจ๋า แม่จ๋า  วันนี้มันต้องเป็นวันมหามงคลของไอ้กรแน่ๆเลย ใจเต้นรัวยิ่งกว่าจังหวะสามช่าอีก เอาไงดีวะเนี่ย  มัวแต่ดีใจเมื่อกี้สิชลถามว่าไรวะ


“เอ่อออ นายถามว่าอะไรนะ”

“หึหึ! เราถามว่าหาหนังสือยังไม่เจอหรอ?”

“ห๊ะ??”

“เราเห็นนายหาหนังสืออยู่ตรงนี้นานแล้ว  เลยคิดว่าน่าจะหาหนังสือยังไม่เจอแน่เลย”

“อ่อออ ใช่ๆๆ พอดีหาไม่เจอน่ะ สงสัยจะไม่ได้อยู่แถวนี้ แหะๆๆ” เอาแล้วไงล่ะ หวังว่าสิชลจะไม่สงสัยนะ



“นี่จำเราไม่ได้จริงๆหรอ?”
“เราเจอกันวันรับน้องไงที่เดินไปซุ้มลงทะเบียนด้วยกันน่ะ จำได้หรือเปล่า? เราจำหน้านายได้นะแต่จำชื่อไม่ได้ กะว่าจะรอให้นายทักก่อน  แต่นายดันจำไม่ได้ หน้าแตกเลย ฮ่าๆๆ” 


สิชลกำลังหัวเราะให้กับตัวเองเพราะคิดว่าผมจำเขาไม่ได้  แต่ผมนี่สิเหมือนได้ยินเสียงพลุจุดอยู่ในหัวเลยตอนนี้  สิชลจำผมได้ด้วย  มันยิ่งกว่าความฝันซะอีก  ไม่ใช่ผมคนเดียวที่จำเขาได้ โอ๊ยยยยยย ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้เลย ให้ตายสิ ><

“อ่ออ เราจำนายได้นะ  แต่เราต่างหากที่กลัวหน้าแตกเลยไม่ได้ทักนาย  เราชื่อกร กรวิทย์ อยู่วิทยาปีสอง”
ผมฉีกยิ้มที่คิดว่าดูดีที่สุดในชีวิตออกไปให้คนตรงหน้า


“เราสิชลนะ  จะชื่อเล่นหรือชื่อจริงก็สิชล เหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ เราอยู่วิศวะเครื่องกล”
เขาแนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง ผมหัวเราะตามเขาไปด้วยทั้งที่ในใจมันตื้นตันจนอยากจะร้องไห้ออกมาแล้ว  พอดีกลับที่เพื่อนในกลุ่มเดินมาตามสิชลเขาเลยต้องขอตัวก่อน  แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะทำให้หัวใจผมสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง


...
..
.

“กร เจอครั้งหน้าทักกันด้วยนะ !”





TBC.














ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
แบบนี้กรต้องหาสถานการณ์เข้าใกล้สิชลให้เยอะๆแล้วล่ะ :D  :-[

ออฟไลน์ qxchanim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
สิชลลลคะะะะ หนูอ่อยกรหรือป่าวคะะะะะะ  เชียร์น้องกรเต็มที่ค่ะ มาต่อเร็วๆน้า  :katai4:

ออฟไลน์ kojibara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
03 –  อาจเพราะเธอ



เสียงดนตรีในท่วงทำนองที่สนุกสนาน แสงไฟหลากหลายสีกระตุ้นอารมณ์ให้เคลิ้มไปกับจังหวะดนตรี ผู้คนโดยรอบพูดคุยกันโหวกเหวกเสียงดังแต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ  ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเรื่องราวที่กำลังถ่ายทอดออกมามันช่างน่าขบขันหรือน้ำอำพันที่บรรจุอยู่ในแก้วเป็นตัวขับเคลื่อนให้ทุกคนรู้สึกสนุกกว่าปกติ


บรรยากาศร้านเหล้าไม่เคยเงียบเหงาเลยจริงๆ


กรวิทย์คิดแบบนี้ทุกครั้งที่ได้มา  ร้านนี้เขาไม่ได้มาเป็นครั้งแรกแต่ก็ไม่ได้มาบ่อยเสียจนสนิทสนมกับทุกคนไปหมดเหมือนเพื่อนสนิทของเขาทั้งสองคนอย่างติณและอาร์ท 


ตั้งแต่เรื่องราวที่กรเจอกับสิชลครั้งก่อนถูกบอกเล่าออกไปสู่เพื่อนๆในกลุ่ม  ทุกคนต่างลงความเห็นว่าการลงสนามแข่งครั้งนี้มีเปอร์เซ็นความหวังมากขึ้นเพราะสิชลจำกรได้ตลอด  เพียงแต่ทั้งคู่ยังไม่ได้ทำความรู้จักให้สนิมสนมกันเท่าที่ควร  และนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้กรต้องมานั่งที่ร้านเหล้าหลังมหาวิทยาลัยในคืนวันศุกร์แบบนี้


“ไอ้ติณ แกแน่ใจนะว่าสิชลมันจะมาที่นี่อ่ะ สามทุ่มกว่าแล้วนะเว้ยยังไม่เห็นเลย”

หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มเริ่มบ่นออกมาหลังจากที่พวกเขามาที่นี่กันตั้งแต่สองทุ่มเพราะติณกับอาร์ทบอกว่า พวกมันมักจะเจอสิชลกับเพื่อนๆที่ร้านนี้เสมอ



ติณโยกหัวไปตามจังหวะดนตรีของดีเจประจำร้านที่กำลังสร้างความสนุกให้กับทุกคน  และคงเพราะเสียงดนตรีทำหน้าที่ได้ดีจนทำให้ไอ้อาร์ทลุกไปโชว์สเต็ปการเต้นอันน้อยนิดของมันกับสาวๆโต๊ะด้านหน้าซะแล้ว  ที่โต๊ะตอนนี้จึงเหลือเพียงส้มที่ยังคงสอดส่ายสายตามองหาสิชลไม่เลิก  ส่วนกรที่ปกติเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วแต่ตั้งแต่มาถึงผมยังไม่ได้ยินเสียงมันเลย


“กร กูพามึงมาร้านเหล้านะเว้ย เพลงก็ออกจะตื๊ดขนาดนี้มึงไม่สนุกหรือไง นั่งนิ่งเลย”

ติณเอ่ยแซวเพื่อนสนิทตัวเองที่ดูก็รู้แล้วว่าตื่นเต้นขนาดไหน ถ้าจะบอกว่าเขาบังคับมันให้มาด้วยก็ดูจะใจร้ายเกินไปแต่เรียกว่าเขากำลังพยายามสร้างสถานการณ์ให้มันกล้าทำตามหัวใจตัวเองดีกว่า 


เชื่อไหมครับ ว่าตั้งแต่ที่กรมันเล่าถึงเหตุการณ์ในห้องสมุดให้พวกผมฟัง ผมกับอาร์ทยังคิดเหมือนกันเลยว่า บางทีนี่อาจจะเป็นสัญญาณดีๆอะไรบางอย่างก็ได้  ไอ้การที่เพื่อนผมมันดันเป็นคนที่ไอ้สิชลจำเหตุการณ์ตอนเจอกันได้แม่นแถมยังชวนคุยก่อนด้วย  เป็นแบบนี้แล้วพวกผมก็ขอแอบคิดเข้าข้างเพื่อนตัวเองหน่อยละกันนะครับ ว่ามันพอจะมีหวัง



แต่ก็นั่นแหละ  กรมันก็ยังคงเส้นคงวาในเรื่องความไม่มั่นใจในตัวเอง  และพวกผมก็คิดกันแล้วว่าถ้าจะปล่อยได้สองคนนั้นได้เจอกันเองแล้วรอให้กรเข้าไปคุยเองก็คงยาก   พวกผมจึงตัดสินใจสร้างโอกาสให้เพื่อนตัวเองซะเลยโดยมีส้มเป็นตัวตั้งตัวตี  และการมาร้านเหล้าของพวกผมในวันนี้ก็เป็นหนึ่งในแผนการสร้างโอกาสของพวกผมเอง 



“กูไปห้องน้ำนะ เดี๋ยวมา”

ผมเอ่ยบอกส้มกับติณก่อนเดินไปทางด้านหลังของร้าน  เขาไม่ได้มาเข้าห้องน้ำเหมือนที่บอกกับเพื่อนไว้หรอกเพียงแต่ออกมาหาที่สงบหลังร้านสักหน่อย  กรวิทย์ยอมรับได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่าเขาตื่นเต้นเหมือนที่ติณแซวเขานั่นแหละ  แค่คิดก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว


ถ้าได้เจอกันสิชลจะคิดว่าเราตั้งใจมาเจอหรือเปล่า  แล้วถ้าเจอกันจะหาเรื่องไปคุยยังไงดี  แค่คิดก็ยากแล้วเขาอยากจะร้องไห้แล้วนะ  ทั้งๆที่ปฏิเสธเพื่อนๆไปแล้วว่าไม่เอาแบบนี้  ไม่อยากทำทุกอย่างแบบจงใจไปเสียหมด ไม่รู้สิ เขาก็แค่ไม่กล้าพอที่จะเข้าหาสิชลก่อนแบบนี้


กรมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกว่าเขาลุกออกจากโต๊ะมานานแล้ว  ควรรีบกลับเข้าไปก่อนที่ส้มจะออกมาตามหา  ตอนนี้บนเวทีเปลี่ยนจากดีเจเปิดแผ่นมาเป็นวงดนตรีสดแล้ว  จำนวนคนที่เข้ามาที่นี่ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดดูได้ทางเดินที่แคบลงไปถนัดตา  และสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันทำให้เขาต้องประมวลผลใหม่เลยทีเดียว


เขามั่นใจว่าตั้งแต่มาถึงปริมาณแอลกอฮอล์ที่เขาดื่มเข้าไปมันไม่ได้มากพอจนกระทบกับการมองเห็นแน่นอน  ดังนั้นภาพของสิชลและเพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันกับที่เขาเพิ่งลุกออกมามันดูไม่น่าจะเป็นไปได้  จนกระทั่งส้มหันมาเห็นเขาและกวักมือให้รีบมานั่งที่โต๊ะ 

ที่ว่างเดียวที่เหลืออยู่มันคงเป็นของเขาแน่นอน  และอาการใจเต้นมันจะไม่รุนแรงเท่านี้เลยหากคนนั่งด้านซ้ายมือของเขาไม่ใช่สิชลเหมือนดังตอนนี้



“ไปนานจัง เราเกือบลุกไปตามแล้ว” 

กรส่งยิ้มให้เพื่อนสนิทที่เป็นห่วง  ก่อนเผื่อแผ่ไปถึงคนที่นั่งด้านข้างเขาด้วย สิชลกำลังมองเขาอยู่


“หวัดดี เจอกันอีกแล้ว”

ประโยคทักทายแสนธรรมดาแต่คนที่มีชนักติดหลังแบบเขากลับรู้สึกร้อนรนแปลกๆ หวังว่าสิชลจะไม่รู้นะว่าที่เจอกันวันนี้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ


“พอดีว่าเรากับเพื่อนมาถึงแล้วโต๊ะมันเต็มน่ะ ติณเลยชวนให้มานั่งด้วยกัน ไม่อึดอัดใช่ไหม?”


“ไม่หรอก ตามสบายเลย”   

กรส่งยิ้มเพื่อยืนยันว่าเขาไม่รู้สึกอึดอัดจริงๆ  แต่คนด้านข้างมีอาการขำเล็กน้อยทันทีที่ได้ฟังคำตอบของเขา ทำไมล่ะ?


“บอกว่าไม่อึดอัดแต่นั่งหลังตรงเชียว เกร็งอะไรหรือเปล่า เราว่ากรต่างหากนะที่ควรทำตัวตามสบาย”
ท่าทางยิ้มล้อเลียนจากสิชลมันยิ่งทำให้เขาทำตัวไปถูกไปมากกว่าเดิมเสียอีก  กรไปรู้ว่าเขาจะวางสายตาไปจับจ้องที่ตรงไหนดี



“อะแฮ่มๆ เพื่อนนั่งเต็มโต๊ะนะครับ กรุณาอย่าคุยกันแค่สองคน”

เสียงเอ่ยแซวจากผู้ชายตรงหน้าเรียกร้อยยิ้มจากทุกคนบนโต๊ะได้เป็นอย่างดี  เขาจำได้ว่าคนนี้เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของสิชลเพราะมักจะเป็นอยู่ด้วยกันบ่อยๆที่มหาวิทยาลัย แต่เขาไม่รู้จักชื่อ


“ก็ถ้ากูคุยกันแค่สองคน แล้วมึงจะเสือกทำไมเนี่ยไปป์!”

ดูท่าทางว่าคำตอบของสิชลคงไปสร้างความหมั่นไส้ให้เพื่อนสนิทแน่นอน  ไปป์ปาเม็ดถั่วลิสงใส่สิชล  และบางเม็ดมันกระเด็นมาใส่เขาด้วยทำให้ไปป์ได้คำด่าจากสิชลไปอีกรอบท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนคนอื่นๆ 



กรรู้ตัวดีเสมอว่าเขามีภูมิคุ้มกันต่ำกับสิ่งมีชีวิตที่ชื่อสิชลเสมอ  และวันนี้ดูท่าทางจะอาการหนักกว่าวันอื่นๆเสียด้วย  แม้ว่าตอนนี้บรรยากาศบนโต๊ะจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ  เพื่อนของเขาเข้ากันได้ดีกับเพื่อนของสิชลอย่างรวดเร็ว แต่คงมีแต่เขานี่แหละที่ยังนั่งเกร็ง  แม้ว่าจะหัวเราะไปกับมุกตลกลามกที่ถูกหยิบยกขึ้นมาแต่สายตาเขามักจะไปหยุดที่คนด้านข้างเสมอ


“กรไม่ค่อยดื่มเลยนะ น้ำแข็งละลายหมดแล้ว”  เขาสะดุ้งให้กับคำถามจากคนข้างตัว


“อ่ออ พอดีเราคออ่อนน่ะ ถ้าดื่มเยอะแล้วเดี๋ยวจะลำบากเพื่อนเสียเปล่า”


“อยู่แค่หอในเองไม่ใช่หรอ”


“รู้ด้วยหรอว่าเราอยู่หอใน”


“หึหึ รู้สิ ติณเคยพูดถึงกรอยู่ เราจำได้”

กรรู้สึกขอบคุณเสียงดนตรีที่ดังอยู่ในเวลานี้ชะมัด  เขากลัวเหลือเกินว่าคนข้างกายจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองในเวลานี้ มันเต้นแรงจนเขายังตกใจ  ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกัน  กรรู้สึกเหมือนตัวเขาเองมีตัวตนอยู่ในสายตาของสิชล  เอาอีกแล้วนะ ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเลย


“ติณเคยบอกว่ากรคุยไม่เก่ง แต่เราไม่คิดว่าจะเงียบขนาดนี้นะเนี่ย”


“เอ๋??”


“เจอกันทีไรมีแต่เราชวนคุยฝ่ายเดียวเลย รำคาญบอกกันได้นะ”


“ไม่ใช่นะ เราไม่เคยรำคาญเลย เราพูดจริงๆนะ”

กรวิทย์รีบปฏิเสธข้อกล่าวหาจากสิชล เขาไม่เคยรู้สึกรำคาญสิชลเลยสักนิด ใครจะไปรู้สึกแบบนั้นกันเล่า  ท่าทางลำล่ำละลักปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตายของกรวิทย์เรียกเสียงหัวเราะจากสิชลได้มากทีเดียว


“โอเคๆ เราเชื่อแล้วว่ากรไม่ได้รำคาญเรา แล้วนี่จะเที่ยงคืนแล้วนะกลับหอยังไงเนี่ย”

นั่นสิ เขาลืมไปเลยว่าต้องกลับไปถึงหอพักก่อนเที่ยงคืนนี่นา  คงเพราะหอในเปิด-ปิดเป็นเวลาแบบนี้ละมั้งนักศึกษาส่วนใหญ่จึงเลิกที่จะพักที่หอพักด้านนอกกันแทน  กรตกลงกับส้มไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะกลับด้วยกัน


“ส้ม ส้ม แกจะกลับยัง จะเที่ยงคืนแล้วอ่ะ?”


“เฮ้ยยยยย จริงด้วย โอเคๆ เดี๋ยวเรารีบโทรหาพี่อ๊อฟให้มารับก่อนนะ ตายแล้ว กรจะกลับทันหอปิดไหมเนี่ย”

สมกดโทรศัพท์คาดว่าปลายสายคงเป็นพี่ชายที่ส้มจะให้มารับแน่นอน  เวลาบนหน้าปัดบอกเวลา 23.40 น. แล้ว อีกยี่สิบนาทีหอในจะปิดแล้ว  กรไม่มั่นใจว่าพี่ชายส้มจะมาทัน เขาอาจจะขอตัวกลับก่อนคิดว่าไม่น่าจะเป็นไรนะ


“เอาแบบนี้ไหมส้ม เราว่าพี่อ๊อฟมาไม่ทันแน่เลยเดี๋ยวเรากลับเองดีกว่า ออกไปเรียกวินหน้าร้านก็คงจะมีละมั้ง?”


“เฮ้ยย ได้ไงล่ะ ดึกแล้วมันอันตราย เอางี้เดี๋ยวให้ไอ้ติณไปส่งดีกว่า มันเอามอ’ไซต์มา”

เขาล่ะอยากจะบอกส้มเหลือเกินว่าถ้าให้ติณไปส่งจะน่ากลัวมากกว่าอีก สภาพติณตอนนี้ยังทำเอาส้มส่ายหัวเลยท่าทางจะหมดไปหลายแก้วเลยถึงได้คอพับคออ่อนแบบนั้น  บอกแล้วว่ากลับเองยังจะปลอดภัยกว่า เขาว่าจะบอกลาส้มแล้วกลับเองดีกว่าเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาเสียก่อน


“เดี๋ยวเราไปส่งให้ไหม ขับรถติณไปส่งแปบเดียวเอง”


“อร๊ายยยย ดีเลยสิชล ขอบใจมากน๊า คนอะไรเนี่ยนอกจากหล่อแล้วยังมีน้ำใจอีกต่างหาก”   ส้มรีบไปหยิบกุญแจรถของติณมายื่นให้สิชล


“ไปกันเลยไหมกร”


“เอ่ออ โอเค ไปกันเลย”

กรเอ่ยลาเพื่อนๆและไม่ลืมกำชับให้ส้มโทรหาทันทีที่ถึงบ้านแล้ว เขาเดินตามสิชลออกมาที่หน้าร้าน  ร่างสูงนั่งรออยู่บนมอเตอร์ไซต์ของติณแล้ว  เขาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์อย่างกล้าๆกลัวๆ เว้นช่องว่างระหว่างคนขับไว้เสียเยอะเลย


“เขยิบมาใกล้ๆสิ เดี๋ยวตกนะ”


“ไม่ตกหรอก เรานั่งได้”

สิชลส่ายหัวให้กับคนหัวดื้อที่ซ้อนท้ายเขาอยู่  มือหนาเอื้อมไปดึงแขนของคนด้านหลังก่อนออกแรงกระตุกให้เขยิบเข้ามาใกล้กันมากขึ้น มีอย่างที่ไหนนั่งห่างกันซะอย่างกับรังเกียจเขาแหน่ะ  สิชลอมยิ้มให้กับท่าทางเงอะงะของกรวิทย์


“ใส่หมวกด้วย” กรวิทย์รับหมวกกันน็อคมาสวมก่อนเอ่ยขอบคุณไปเบาๆ


“เกาะแน่นๆ เดี๋ยวจะพาซิ่งไปแล้วนะ” 

กรวิทย์อมยิ้มกับคำพูดของคนขับ  เขาเพิ่งได้เคยเห็นสิชลขับมอเตอร์ไซต์เป็นครั้งแรกแถมเขายังได้รับสิทธิ์พิเศษเป็นคนซ้อนท้ายด้วย ต้องขอบคุณติณที่เมาได้ถูกเวลามาก ฮ่าๆๆ 


สิชลเพิ่มความเร็วขึ้นมากกว่าเดิมเนื่องด้วยเขากลัวว่าจะไม่ทันไปส่งคนตัวเล็กด้านหลังก่อนหอปิด  มือของคนซ้อนกำที่ชายเสื้อด้านล่างของเขาแน่น  หึหึ  คงไม่กล้ามาเกาะเอวเขาแน่เลย  ท่าทางตอนนี้ของกรวิทย์ดูก็รู้แล้วว่ากลัวความเร็วในตอนนี้ขนาดไหน  สิชลเอื้อมไปดึงฝ่ามือที่เกาะอยู่ชายเสื้อให้เลื่อนมาเกาะที่เอวของเขาแทน


“เกาะไว้ เดี๋ยวตก”


กรวิทย์คิดว่ามันคงไม่ทันแล้วล่ะ เขาคงตกไปแล้ว ตกหลุมรักสิชลไปอีกครั้ง ตกลงไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว  เขาอยากจะยืดระยะทางไปหอพักให้ไกลกว่านี้จังเลย  แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะสิชลเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าหอพักตรงบันไดทางขึ้นแล้ว 


กรวิทย์ถอดหมวกกันน็อคก่อนจะยื่นคืนให้กับคนขับ

“ขอบคุณมากนะสิชล”


“แค่นี้เอง ไม่เป็นไร”


“เอ่ออ ขับรถกลับดีๆนะ”

กลั้นใจพูดออกไปแล้ว  เขาพยายามแทบตายกับประโยคง่ายๆแบบนี้ ในที่สุดก็กล้าพูดออกไป


“หึหึ เป็นห่วงหรอ?”


“ห๊ะ !”


“ฮ่าๆๆๆ  รู้ตัวไหมเนี่ยว่าชอบทำตัวแปลกๆ ไม่ค่อยพูดกับเราเลย พอเราเข้าใกล้ก็ทำเหมือนกลัว แถมชอบนิ่งใส่ กับคนอื่นเป็นแบบนี้ป่าวเนี่ย”


“มันเหมือนกันที่ไหนเล่า!”   เฮ้ยยยยย  ผมว่าผมคิดในใจแล้วนะ ทำไมถึงได้มีเสียงดังแบบนั้นล่ะ 


“อ๋ออออ เป็นแค่กับเราสินะ”

ตอนนี้ลุงยามเดินมาเตรียมจะปิดประตูหอพักแล้ว  สิชลสตาร์ทรถเตรียมตัวกลับออกไป  แต่ก่อนจะไปเขามองผมด้วยสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์มากในความรู้สึกของผมพร้อมกับเอ่ยประโยคบอกเล่าที่ความหมายเหมือนประโยคคำสั่งชะมัดเลย




“เป็นแค่กับเราคนเดียวพอนะ ไอ้อาการแปลกๆพวกนั้นอ่ะ”




TBC.



 






 


ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
อร๊ายยยยยยยยย น้องกรกับสิชลน่ารักอ่ะ ชอบค่ะชอบ รอตอนต่อไปนะคะ :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ qxchanim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
สิชลคะะะะ ถ้าจะพูดกับหนูกรขนาดนี้ขอเป็นเเฟนเลยเถอะค่ะ  หนูกรน่ารักมากๆ เป็นกำลังใจให้คนเเต่งมาต่อตอนต่อไปนะคะ เราชอบมากกกกก :hao7:

ออฟไลน์ kojibara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
04 – สิ่งที่เราไม่เคยเข้าใจ




เสียงลูกบาสกระทบกับพื้นไปตามจังหวะการเล่นของผู้เล่นแต่ละฝ่าย  รองเท้ามีเสียงเอี๊ยดอ๊าดไปตามจังหวะการวิ่ง  แม้จะเป็นเพียงแค่การฝึกซ้อมแต่นักกีฬาแต่ละคนต่างก็เต็มที่ดูได้จากสีหน้าและท่าทาง

กรวิทย์มองเพื่อนสนิทตัวสูงของตัวเองอย่างติณที่กำลังพยายามเลี้ยงลูกบาสหลบหลีกจากนักกีฬาฝั่งตรงข้าม  ท่าทางเอาจริงเอาจังแบบนี้เขาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักหรอก 

ติณเป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่ม.ปลายแล้ว เขาย้ายโรงเรียนตอนม.สี่มาเข้าโรงเรียนประจำจังหวัด  ในตอนนั้นกรวิทย์เป็นเด็กพูดน้อยกับคนที่ไม่รู้จักแต่จะพูดมากกับเพื่อนสนิท และเพราะติณเข้ามาทักและทำความรู้จักกับเขาก่อนจึงทำให้เขามีติณเป็นเพื่อนคนแรก  และเรื่องบังเอิญก็ยังเกิดขึ้นอีกเมื่อเขาและติณสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในคณะเดียวกัน 

ในตอนกิจกรรมรับน้องตอนปีหนึ่ง  เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเป็นลมกรวิทย์ที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดจึงรีบพยุงเพื่อนและพาไปห้องพยาบาล  พอเพื่อนคนนั้นฟื้นขึ้นมาเธอจึงขอบคุณเขาเป็นการใหญ่และปัจจุบันเธอก็เป็นเพื่อนผู้หญิงที่เขาสนิทที่สุดในตอนนี้ ส้มนั่นเอง

ส่วนอาร์ทนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับติณกับส้มที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีจนทำให้มันตัดสินใจมาอยู่กลุ่มเดียวกัน ไม่รู้สองคนนั้นไปหว่านล้อมพ่อหนุ่มเมืองกรุงมาได้ยังไง  อาร์ทมันเป็นหนุ่มที่มีหน้าตาที่สาวๆเห็นต้องชอบ  ตาคม ตัวสูง ผิวแทน พูดน้อย  แต่มันมีดีที่หน้าตาจริงๆแค่นั้นล่ะครับ พวกเดียวกับไอ้ติณเลย ฮ่าๆๆๆ



“กร ส่งน้ำให้กูหน่อยดิ” ชายหนุ่มร่างสูงดีกรีนักกีฬาบาสเก็ตบอลของคณะวิทยาศาสตร์ออกคำสั่งกับเพื่อนตัวเองที่วันนี้มานั่งรอเขาที่ขอบสนาม  หน้าของไอ้กรตอนนี้ดูก็รู้แล้วครัวว่ามันเบื่อแต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ    วันนี้ติณโดนเรียกตัวด่วนให้มาซ้อมกีฬาแบบกะทันหัน  แต่เขาดันรับปากเพื่อนไปว่าวันนี้จะพามันไปกินขนมที่ร้านเปิดใหม่หลังมหาวิทยาลัยเนื่องจากไอ้กรมันช่วยลอกการบ้านให้แล้วส่งอาจารย์ได้ทันท่วงทีในวันที่ผมดันแฮงค์มาเรียนไม่ไหว

“อีกนานไหมวะติณ กูไม่ไปกินวันนี้แล้วก็ได้นะ”

เอาแล้วครับ  เพื่อนตัวเล็กมันออกอาการงอแงแล้วครับ ไม่รู้มีใครเคยบอกมันหรือยังว่ามันเป็นคนเก็บอาการไม่เก่งจริงๆ ดีใจ เสียใจ หรือไม่พอใจอะไรทุกอย่างจะออกทางสีหน้าหมดเลยแม้ว่ามันจะไม่พูดออกมา


“อีกแปบเดียวเอง รอก่อน เขาจองสนามถึง6โมงเย็น”

กรวิทย์มองดูหน้าปัดนาฬิกาที่ข้อมือเหลืออีก 20นาทีจะ6โมงเย็น  เขาพยักหน้าตอบรับติณเพื่อให้รู้ว่าเขาจะรอก็ได้  ติณลงสนามไปอีกครั้ง  ตอนนี้เขาทำได้แค่มองไปรอบๆเรื่อยเปื่อย  โรงยิมแห่งนี้นอกจากจะมีนักกีฬาที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่สนามแล้ว  บนที่นั่งบริเวณรอบยังมีผู้ชมบางส่วนที่คาดว่าน่าจะเป็นแฟนๆของนักกีฬามานั่งดูการซ้อมอยู่ด้วย 

น่าเบื่อชะมัดเลย !  

วันนี้กรมีเรียนตั้งแต่เช้าและเลิกเรียนตอนสี่โมงเย็น  ถ้าไม่ติดว่ามีนัดกับไอ้ติณป่านนี้คงได้นอนตีพุงสบายใจอยู่ห้องแล้ว  ส้มกับอาร์ทก็ขอบายไม่ยอมมาด้วยกันบอกว่าเรียนจนอิ่มกินอะไรไม่ลง 




“มานั่งทำอะไรตรงนี้”  เสียงทักจากด้านหลังทำให้กรที่กำลังเหม่อสะดุ้งตกใจ กรหันไปมองหน้าคนขี้แกล้งก่อนจะตกใจอีกรอบที่เป็นสิชลกำลังยืนยิ้มสว่างไสวอยู่ตรงหน้า


แสบตาจัง


ทำไมผู้ชายตรงหน้าช่างเจิดจ้าได้ขนาดนี้เนี่ย สิชลอยู่ในชุดนักบาสเตรียมพร้อมลงสนาม กล้ามแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้ออกมาบ่งบอกได้ดีว่าคนตรงหน้าออกกำลังกายหนักขนาดไหน


“อ่ออ.. เรามารอติณน่ะ  แล้วสิชลมาซ้อมหรอ?”

“อืมม เพื่อนเราจองสนามต่อจากวิดยาน่ะ”

“อ่าฮะ แล้วช่วงนี้ซ้อมหนักหรือเปล่า”

“อาทิตย์ละสามวันเลย โค้ชเขาไม่อยากเสียแชมป์น่ะ”

นั่นสินะ  ช่วงนี้กีฬาภายในมหาวิทยาลัยก็ใกล้จะเริ่มแล้ว เดินไปทางไหนก็มักจะเห็นน้องๆเริ่มทำคัทเอาท์หรืออุปกรณ์เชียร์กันบ้างแล้ว  แถมเรื่องกีฬาก็เป็นอีกอย่างที่แต่ละคณะยอมกันไม่ได้  ซึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ถือได้ว่าเป็นเจ้าเหรียญทองทางด้านกีฬาเสียด้วยและหนึ่งในนั้นก็เป็นบาสเก็ตบอล



“อ้าวว  มารอซ้อมหรอวะสิชล?”

ติณเอ่ยทักสิชล  เขาเลิกซ้อมพอดีแล้วหันมาเจอเพื่อนสนิทตัวเองกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับขวัญใจมันอยู่ เหอะๆ ไม่เก็บอาการบ้างเลยไอ้กร

“ใช่ เห็นกรนั่งอยู่คนเดียวเลยแวะมาคุยด้วย”  ผมพยักหน้าให้กับสิชลก่อนใช้งานเพื่อนสนิทตัวเองที่กำลังนั่งทำหน้าเคลิ้มอยู่

“กร เอาน้ำกับผ้าเย็นให้กูหน่อย” 

ไอ้เพื่อนตัวดีทำหน้ายู่ใส่ที่ผมออกคำสั่งใช้มัน  กรยื่นน้ำกับผ้าให้ผมพร้อมกับบ่นผม “ไม่มีมือหยิบเองหรือไง”

“มี แต่อยากใช้เพื่อน มีอะไรไหม”

“กวนตีน!” ไอ้ตัวเล็กด่าผมแบบไม่มีเสียง แต่ก็ชัดเจนแบบที่ใครอ่านปากก็รู้น่ะครับ ฮ่าๆๆๆ



“อิจฉาติณว่ะ ซ้อมเสร็จก็มีคนดูแล”

สิชลที่ยืนเงียบอยู่เอ่ยปากบอกว่าอิจฉาผมแต่หน้าตามันเนี่ยไม่บ่งบอกว่าจะอิจฉาผมเลยสักนิด หึหึ! ดูก็รู้แล้วครับว่ามันตั้งใจจะหยอดไอ้ตัวเล็กและดูท่าว่าจะได้ผลซะด้วย  กรยืนนิ่งเม้มปากเน้น ไม่พูดไม่จาเลย


“อิจฉากูทำไมครับสิชล กับกูเนี่ยเขาไม่เต็มใจดูแลสักหน่อย แต่ถ้ากับมึงอ่ะไม่แน่นะ” เอาสิครับ ผมขอแกล้งเพื่อนสนิทตัวเองสักหน่อย

“ไอ้ติณ!!!!”  กรตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดัง ใครใช้ให้มันพูดแบบนั้นกันเล่าเดี๋ยวสิชลก็จับได้หรอก กรจ้องเพื่อนสนิทจนตาแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว  เขาอยากจะสั่งให้ไอ้ติณมันหุบปากเสียเดี๋ยวนี้  แต่ท่าทางมันไม่สำนึกซะด้วยเพราะยังมาหัวเราะเขาอยู่เลย 

“ไอ้ติณมันก็พูดไปเรื่อย สิชลอย่าไปถือสามันเลยนะ” กรวิทย์เอ่ยออกไปหวังว่าสิชลจะไม่สงสัยในสิ่งที่ติณพูด

“อ้าว..  พูดเล่นหรอ อุตส่าห์ดีใจไปแล้วนะเนี่ย!”

อีกแล้วววว กรวิทย์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหยุดหายใจอีกแล้ว สิชลพูดมันออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยแต่คนฟังอย่างเขานี่คิดไปไกลแล้วนะ  เสียงเพื่อนในทีมตะโกนเรียกให้สิชลลงไปเตรียมตัวซ้อมในสนาม สิชลจึงเอ่ยขอตัวไปก่อน  คงมีแต่เพียงกรวิทย์นี่แหละที่ยังยืนนิ่งมองตามจนลับสายตาไป

“ยืนนิ่งเลยนะครับ ไหนบ่นว่าหิวหรือว่าอิ่มอกอิ่มใจแล้ว”

ป๊าบบบ !!  กรฟาดมือไปกลางหลังของติณเต็มแรง  ปากเสียจริงๆไอ้เพื่อนคนนี้

“พูดมาก รีบไปเลยกูหิวแล้ว” กรหันไปดุเพื่อนสนิทก่อนเดินนำออกไป  แต่ทำไมเขาถึงแอบรู้สึกว่าตัวเบาแปลกๆ เท้าไม่สัมผัสพื้นเลยหรือว่านี่จะเป็นอาการของคนตัวลอย ><



.
.
.


“สรุปกรจะไม่กลับพร้อมเราใช่ไหม?”

“ใช่ เราจะแวะไปยืมหนังสือก่อน อาทิตย์หน้ามีควิซน่ะ”

ผมเอ่ยตอบส้มพร้อมกับเก็บชีทเรียนและอุปกรณ์ต่างๆลงกระเป๋า ส้มชวนผมกลับบ้านเหมือนทุกทีเพียงแต่วันนี้ที่ต้องปฏิเสธไปเพราะวิชาเลือกของผมจะมีสอบอาทิตย์หน้า  ได้ข่าวมาว่าอาจารย์ออกข้อสอบโหดมากงานนี้เลยต้องมีศึกษาความรู้เพิ่มเติมเสียหน่อย  ส่วนติณกับอาร์ทก็ขอกลับห้องไปนอนเอาแรงทันทีที่เลิกคลาส เห็นว่าคืนนี้จะไปก่งก๊งกันอีกแล้ว

“โอเค งั้นเรากลับก่อนน๊า”

“อืมม ถึงบ้านอย่าลืมไลน์มาด้วยนะ”

ส้มพยักหน้าให้กับคำสั่งของผมก่อนที่จะเดินแยกกันตรงหน้าหอสมุด  เวลาช่วงบ่ายของวันพุธหอสมุดช่างเงียบเหงาดีจริงๆ คนน้อยมาก  ผมเดินเอากระเป๋าไปจองโต๊ะเดี่ยวติดริมหน้าต่างก่อนจะเดินออกมาหาหนังสือที่ต้องการ


“สิชล ถ้าเราสรุปแบบนี้จะเข้าใจไหมอ่ะ ลองช่วยดูให้เราหน่อยสิ”

สายตาที่กำลังกวาดตาตามสันปกหนังสือตรงหน้าของกรวิทย์หยุดชะงักทันที่ที่ได้ยินเสียงเอ่ยชื่อสิชล  ในมหาวิทยาลัยจะมีคนชื่อสิชลสักกี่คนกันเชียว  กรมองตามเสียงจนไปเห็นด้านหลังของนักศึกษาชายสองคนที่นั่งตัวติดกัน  แม้จะเห็นเพียงด้านหลังแต่เขาก็จำได้ไม่ผิดแน่ๆ

“อืมมม เท่าที่อ่านดูก็เข้าใจง่ายดี เราว่าแบบนี้โอเคแล้วบูม”

ชัดเลย! น้ำเสียงแบบนี้เป็นของสิชล พัฒนวงษ์วิลัย คนเดียวกับที่ทำให้เขามักจะใจเต้นแรงอยู่เสมอแน่นอน  แต่ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆเป็นใครกันนะ  เพื่อนหรอ? แต่ทำไมต้องทำเสียงอ่อนเสียงหวานเวลาพูดด้วยล่ะ  แล้วเพื่อนแบบไหนกันถึงได้มองตาเยิ้ม ยิ้มหวานให้กันแบบนั้น


รู้สึกแย่


กรวิทย์รู้สึกแบบนั้นจริงๆ รู้สึกแย่กับตัวเองที่มีสิทธิ์อะไรไปไม่พอใจสิชลเขา ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย  แล้วก็รู้สึกแย่กับคนตรงหน้าที่ชอบมาทำให้เขารู้สึกดีอยู่ตลอดเพียงแต่ไม่ใช่เขาคนเดียวสินะที่สิชลมักจะใจดีด้วย

แค่ต้องนึกว่าสิชลใจดีกับใครไปทั่วกรวิทย์ก็รู้สึกว่าตัวเองเล็กลงอีกแล้ว  คนที่นั่งข้างๆสิชลตอนนี้แม้จะคุ้นหน้าแต่เขาก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร  แต่ขนาดแค่เห็นเพียงด้านข้างก็รู้สึกได้แล้วว่าน่ารัก ผู้ชายคนนั้นน่าจะสูงไม่มากนักเผลอๆน่าจะตัวเล็กกว่าเขาอีก  ผิวขาว  แถมช่างพูดช่างจา  เฮ้ออ.. เห็นแบบนี้ก็อดจะเอามาเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้

“อร๊ายยยย นั่นมันพี่สิชลกับพี่บูมใช่ไหมอ่ะ” เสียงกรีดร้องเบาๆทางด้านหลังเรียกความสนใจจากกรวิทย์ได้ทันทีที่น้องผู้หญิงสองคนทำท่าเหมือนจะรู้จักผู้ชายคนนั้น

“พี่สิชลชอบอยู่กับพี่บูมอยู่บ่อยๆเลยอ่ะแก”

“นั่นดิ แบบนี้เขาจะมีซิมติงกันป่าววะ?”

“ถ้ามีซัมติงกันจริงๆ โคตรจะเหมาะสมเลยเนอะ แค่คิดก็ฟินแล้ว ><”

กรวิทย์ยืนมองภาพตรงหน้าประโยคของน้องผู้หญิงสองคนนั้นลอยเข้ามา เหมาะสมกันจริงๆนั่นแหละ  สิชลกับผู้ชายที่ชื่อบูมกำลังหัวเราะกันอยู่สีหน้าดูมีความสุข  นั่นสินะ เขาเหมาะสมกันดีอยู่แล้ว ระดับสิชลถ้าจะมีใครสักคนก็ต้องน่ารักแบบนั้นก็ถูกแล้ว 

กล้ามากเลยนะกรวิทย์

กล้ามาก.. ที่คิดเข้าข้างตัวเองไปแบบนั้น เจ็บไหมล่ะ พอเห็นแบบนี้เจ็บไหม เจ็บแล้วต้องจำด้วย จำไว้เลยว่าอย่าไปคิดเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้อีก

หมดแรงจะอยู่หาหนังสือต่อแล้ว  กรเดินมาหยิบกระเป๋าก่อนเดินออกจากหอสมุดไป  เขาขอกลับห้องไปอยู่เงียบๆคิดอะไรคนเดียวก่อน เรื่องนี้จะเอายังไงต่อไปดีเขาก็ยังคิดไม่ออกหรอก ในหัวตอนนี้มันตื้อไปหมดเลย

.
.
.



Rr Rr  Rr.. .
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่โทรศัพท์มือถือข้างกายส่งเสียงเรียกเข้า กรวิทย์มองเบอร์แปลกที่เขาไม่ได้เมมชื่อไว้  ใครกัน  เบอร์ไม่คุ้นเลย โทรศัพท์หยุดส่งเสียงไปแล้วก่อนที่จะดังขึ้นมาอีกครั้ง  กรวิทย์จึงตัดสินใจรับสาย

“ฮัลโหลครับ”

“…”

“ฮัลโหล  ใครครับ?”

“กร ผมเองนะ สิชล”

“………”

สิชลหรอ????? เฮ้ยยย โทรมาได้ยังไง  กรเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง สิชลมีเบอร์เขาได้ยังไง  โทรมาทำไม  มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า โอ๊ยยยย คำถามเยอะแยะไปหมดเลยแต่เขากลับไม่กล้าถามออกไปสักอย่าง

“เอ่ออ สิชลหรอ โทรมามีอะไรหรือเปล่า?”

“เราจะโทรมาถามว่าวันนี้กรได้มาหอสมุดหรือเปล่า?”

“ห๋า? สิชลรู้ได้ยังไงอ่ะ”

“พอดีเราเห็นชีทเรียนที่มีชื่อกรตกอยู่น่ะสิ ไม่รู้จะตามตัวยังไงด้วยเราเลยโทรไปขอเบอร์กับติณ เห็นติณบอกว่าชีทนี้ต้องใช้อ่านด้วยใช่ไหม พรุ่งนี้มีสอบวิชาโมเดิร์นฟิสิกส์อ่ะ เราเลยรีบเอามาคืนกลัวกรไม่มีอ่านสอบ”

เดี๋ยวก่อนนะ  เขาว่าต้องมีการเข้าใจผิดแน่พรุ่งนี้จะมีสอบวิชาโมเดิร์นฟิสิกส์ได้ยังไงในเมื่อมันสอบเสร็จวันนี้แล้ว  ไอ้ติณมันจำผิดหรือเปล่าวะเนี่ย

“เราขอบคุณมากเลยนะ แต่เราว่าติณมันคงเข้าใจผิดน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเอาชีทกับสิชลก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก”

“ไม่ทันแล้ว ตอนนี้เรารออยู่ใต้หอแล้ว”

“เฮ้ยยย จริงดิ! โอเคๆเดี๋ยวเรารีบลงไป”

ฉิบหายแล้วไงล่ะ สิชลรออยู่ข้างล่างแล้วแต่สภาพของผมตอนนี้มันดูไม่ได้เอาเสียเลย ผมชี้ฟูไม่เป็นทรง หน้ามัน  เสื้อนักศึกษายับไปหมดคงเป็นเพราะมาถึงแล้วล้มตัวนอนทันทีไม่มีแรงจะทำอย่างอื่นเลย  ผมรีบวิ่งไปล้างหน้าอย่างรวดเร็ว หวีผมแบบขอไปที ก่อนรีบลงลิฟต์ไปชั้นล่างเพราะไม่อยากให้สิชลต้องมารอนาน  ลิฟต์ในตอนนี้มันช่างเร็วไม่ทันใจผมเอาเสียเลย ผมกวาดสายตาไปทั่วบริเวณด้านล่างหอพักที่มีนักศึกษาอยู่ประปราย  เจอแล้วสิชลนั่งรออยู่ตรงมุมเสากับ.. คนคนนั้น 

ในความเป็นจริง  ต่อให้ผมลงมาหาเขาในสภาพไหนมันก็คงไม่มีผลอยู่ดีนั่นแหละเพราะยังไงมันก็คงยังไม่น่ารักเท่าคนที่นั่งข้างๆเขาในตอนนี้ 

เป็นไงล่ะกรวิทย์ เห็นเต็มตาแบบนี้แล้วมันเจ็บดีไหม เขาควงกันมาให้เห็นแบบนี้คงจะคิดอะไรได้บ้างแล้วสินะ  อาการหน่วงมันเป็นแบบนี้เองสินะ หัวใจเหมือนจะเต้นช้าลง สิชลหันมาเห็นผมพอดีจึงโบกมือให้เห็น  ผมยิ้มรับก่อนเดินเข้าไปหา

“หน้าตาไม่ค่อยดีเลยนะกร” สิชลเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลนิดๆ

“พอดีเราเพิ่งตื่นน่ะ ไม่ได้เป็นอะไรหรอก” ผมยิ้มให้สิชลเห็นว่าไม่เป็นไรก่อนจะเผื่อแผ่ไปถึงคนข้างๆเขาด้วย

“อ่ะ นี่ชีทเรียนที่กรทำตกไว้” สิชลยื่นชีทเรียนของวิชาโมเดิร์นฟิสิกส์ที่มีชื่อของผมเขียนอยู่บนหัวมุมกระดาษมาให้

“ขอบคุณมากๆเลยนะ หล่นตอนไหนเราไม่รู้เลย”

“เราเดินออกมาเห็นมันหล่นอยู่แล้วน่ะยังคิดอยู่เลยว่าชื่อคุ้นๆเลยตัดสินใจโทรหาติณดู ว่าแต่กรไปหอสมุดวันนี้ไม่เห็นเราหรอ เราอยู่แถวๆนั้นเลยนะ”

“เอ่ออ.. เราไม่เห็นหรอก พอดีเราไปแค่แปบเดียวน่ะ”

สิชลพยักหน้ารับรู้ให้กับคนตรงหน้า  วันนี้กรวิทย์ดูแปลกไปสิชลรู้สึกได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ้าตัวเพิ่งตื่นอย่างที่บอกหรือเปล่าแต่ท่าทางดูไม่สดใจเหมือนเคย  แม้จะไม่ค่อยพูดเหมือนเดิมแต่แววตาวันนี้ไม่มีประกายความสดใสเหมือนทุกที  แถมยังหลบตาไปค่อยกล้าสู้หน้าเขาด้วย

“เอ่ออ สิชล พ่อเราไลน์มาบอกว่ามาถึงแล้วน่ะ”   บูมเอ่ยแทรกขึ้นมา

“โอเค งั้นเดี๋ยวเราเดินไปส่ง”

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราเดินไปเองก็ได้แค่มานั่งรอเป็นเพื่อนก็เกรงใจสิชลจะแย่แล้ว” คนตัวเล็กข้างกายสิชลเอ่ยปฏิเสธออกมาแต่ดูท่าทางจะไม่เป็นผล

“ได้ยังไงล่ะ มันมืดแล้วอันตรายนะ เดี๋ยวเราเดินไปส่งนี่แหละ”

ผมยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก  มันเจ็บกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ภาพที่สิชลเป็นห่วงคนข้างกายในตอนนี้ดูยังไงมันก็คงไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา  มือของผมกำชีทเรียนแน่นจนกลัวว่ามันจะขาด  หมดแล้วล่ะ ไม่มีแล้วความหวังลมลมแล้งแล้งที่เคยคิดไว้  บางทีชีวิตจริงมันไม่เหมือนนิยายที่วางขายบนแผงหนังสือ พระเอกหล่อ รวย เฟอร์เฟค จะหันมามองคนที่หน้าตาธรรมดาๆ ไม่ได้มีดีอะไรมากมายแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก

กรวิทย์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมจนคนทั้งสองเดินลับสายตาไปเขาถึงได้เดินหันหลังกลับขึ้นบนห้อง  สายตาตอนนี้พร่ามัวไปด้วยม่านน้ำในตา  ตกใจไม่น้อยที่มีน้ำตา ไม่คิดว่าจะรู้สึกมากมายขนาดนี้  มันคงถึงเวลาแล้วสินะ กลับไปจุดเริ่มต้นได้แล้ว จุดที่ยังไม่ได้รู้จักกัน จุดที่ความรู้สึกคาดหวังมันยังไม่ได้ท่วมท้นแบบนี้





TBC.

รู้สึกขอบคุณกับทุกคนที่ได้เข้ามาอ่าน ขอบคุณกับคอมเม้นของทุกคน
จุดที่ต้องปรับปรุงของเรื่องนี้ยังมีอีกมาก ยังไงก็จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆนะคะ
*กอดผู้อ่านทุกท่าน*



ออฟไลน์ mintra

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai1: :mew5: อินกะตอนนี้มากก
ประสบการณ์ตรงง

ออฟไลน์ qxchanim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
 :sad4: เจ็บค่ะ เจ็บเเทนหนูกร สิชลคิดอะไรกับหนูกรมั้ยหรือที่ทำมาคือเป็นคนดี
ตอนหน้าถ้าสิชลยังจะเฟรนลี่เจนเทิลเเมนกับทุกๆคนอยู่ อิป้าจะย้ายทีมค่ะ
ไม่ทีมสิชลเเล้วค่ะ อิป้าจะโกรธธธ :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ kyungploy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ถ้าเหนื่อยแล้วก็พอเนอะกร ดูสิ ขนาดจะไปยังไม่ลาเลยอะ ไม่ไหวเลยยยยยยย  :ling3:
ทีมติณได้ไหมนี่ 5555555555555555
ลองถอยออกมาก็ดีเนอะ ไม่ต้องคาดหวังอะไรเยอะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สนุกดีค่ะ รออ่านอีก

ออฟไลน์ kojibara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
05 – วันที่ฉันป่วย



มีคนเคยบอกไว้ว่าสมองเป็นอวัยวะที่ซับซ้อนและเข้าใจยากที่สุด   เราไม่สามารถจะเร่งให้สมองเข้าใจเรื่องบางอย่างได้ตามต้องการ  หรือไม่สามารถสั่งให้ลืมเลือนบางเหตุการณ์ได้ตามที่หวัง  ตอนนี้กรวิทย์เชื่อแล้วแหละว่าสมองเป็นสิ่งที่ดื้อรั้นเสียจริงๆ  เพราะเพียงแค่ไม่อยากจะนึกถึงใครบางคน เขายังทำไม่ได้เลย..

เสียงบรรยายของอาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์กำลังอธิบายถึงเนื้อหาที่จะสอบกันในช่วงสิ้นเดือนนี้  สมการที่อาจารย์กำลังสรุปฉายบนโปรเจ็คเตอร์เพื่อให้นักเรียนว่า500 คนได้มองเห็นอย่างทั่วถึงภายในห้องเรียนรวมแห่งนี้  หากกวาดสายตามองไปก็จะพบนักศึกษาหลากหลายภาควิชาอยู่ในห้องนี้  หากเป็นเมื่อก่อนวิชานี้เคยเป็นวิชาโปรดของกรวิทย์เลยเพราะเขาจะได้เรียนพร้อมกับสิชลแม้ว่าจะนั่งห่างกันไกลเหลือเกิน  แต่ทุกครั้งแค่เพียงได้นั่งมองจากด้านหลังเขาก็รู้สึกดีแล้ว  เพียงแต่วันนี้ความรู้สึกที่มีมันไม่เหมือนแต่ก่อน

กรวิทย์กำลังตั้งหน้าตั้งตาจดเนื้อหาตามที่อาจารย์กำลังสอนและเน้นเนื้อหาส่วนที่สำคัญเอาไว้เพื่อสะดวกตอนเวลาอ่านสอบ  เขากำลังพยายามจดจ่อกับเนื้อหาของวิชาเรียนเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจกับสายตาสงสัยจากเพื่อนสนิททั้งสาม

“เฮ้ยย กร ทำไมวันนี้มึงตั้งใจเรียนจังเลยวะ แปลกๆนะมึง”
อาร์ททนเก็บความสงสัยกับท่าทีของเพื่อนสนิทไม่ได้ ทุกทีเพื่อนเขาไม่ได้เคร่งเครียดตอนเรียนขนาดนี้ แม้ว่ากรวิทย์จะเป็นคนที่ตั้งใจเรียนแต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่พูดไม่จา สายตาเอาแต่มองตรงไปที่ผู้สอนอย่างเดียวแบบวันนี้


“นั่นสิ เราก็ว่าแปลกนะ วันนี้กลุ่มสิชลนั่งอยู่ใกล้พวกเรามากเลยนะกรไม่ตื่นเต้นหน่อยหรอ ทุกทีนั่งไกลกว่านี้กรยังสนใจ คอยมองตลอด  แต่วันนี้ไม่มองเลยอ่ะ”

 หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มพูดสนับสนุนความคิดของอาร์ท  ส้มสังเกตมาหลายวันแล้ว ช่วงนี้กรไม่เอ่ยถึงสิชลเลยแม้ว่าจะเจอสิชลโดยบังเอิญ  หรือเวลาเดินสวนกันตอนเปลี่ยนคาบเรียนกรก็ไม่ยอมทัก ไม่ยอมมองหน้า  ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่สงสัยแต่เพราะกรไม่ยอมพูดอะไรต่างหากเล่าเธอจึงไม่รู้ว่าจะทำยังไง  แถมอาการหงอยและชอบเหม่อบ่อยๆอีก กรไม่เคยเป็นแบบนี้นะ จากที่เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งพูดน้อยไปใหญ่เลย

“เราไม่ได้เป็นอะไรหรอก พอดีบทนี้เราไม่ค่อยเข้าใจน่ะเลยอยากจะตั้งใจเป็นพิเศษ”

กรวิทย์เอ่ยปดออกไป  เขายังไม่ได้บอกเพื่อนๆถึงเรื่องที่เจอสิชลวันก่อน  แต่ท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขาคงทำให้เพื่อนๆสงสัยแน่นอน
เขาเห็นแต่แรกแล้วว่ากลุ่มสิชลนั่งเยื้องพวกเขาไปไม่ไกลเท่าไหร่  แถมคนน่ารักคนนั้นก็นั่งอยู่ข้างสิชลด้วยสิ เหอะ! ชัดเจนขนาดนั้นก็เปิดตัวไปเลยสิ

“กร ถ้ามึงยังเห็นพวกกูเป็นเพื่อนอยู่ มึงมีอะไรไม่สบายใจก็บอกพวกกูดิวะ ทุกทีมึงไม่เป็นแบบนี้ กูไม่สบายใจนะเว้ย”

ติณทนดูเพื่อนตัวเองที่ทำตัวเหมือนเลื่อนลอยต่อไปไม่ไหว  ถึงปากจะบอกว่าไม่มีอะไรแต่ท่าทางมันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด  ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองต้องไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องไอ้สิชลแน่นอน  เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร มันไปเจออะไรมาถึงได้เป็นแบบนี้

กรวิทย์ละความสนใจจากอาจารย์ที่กำลังอธิบายอยู่หน้าห้องหันมามองเพื่อนสนิททั้งสามคนที่มองดูเขาอย่างห่วงใย 

เฮ้อออออ .. .

รู้สึกไม่ดีเลยที่เพื่อนๆต้องมาไม่สบายใจไปกับเขาด้วย  กรจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เจอสิชลเมื่อวันก่อนให้เพื่อนๆฟัง  และทันทีที่เล่าจบเพื่อนๆแต่ละคนก็มีหน้าตาเคร่งเครียดไม่ต่างกันเลย

“เพราะแบบนั้นแหละ กูเลยว่าจะลองถอยออกมาจากสิชลสักหน่อย คือเรื่องนี้สิชลมันไม่ผิดเลย เขาก็เป็นแบบนั้นมาตลอด แต่กูคงผิดเองที่คิดเข้าข้างตัวเองมากไปว่าพอจะมีสิทธิ์ แต่สุดท้ายเมื่อมันไม่ใช่กูเลยเสียใจ แต่ใช่ว่ากูจะเกลียดสิชลนะ กูก็ยังรู้สึกดีกับเขาเหมือนเดิมนั่นแหละ”

กรยอมรับได้อย่างเต็มปากว่าความรู้สึกที่มีให้สิชลไม่ได้น้อยลงไปเลย  หากแต่ถ้าเขายังคงได้ใกล้ชิดเหมือนแต่ก่อนมันคงจะไม่เป็นผลดีกับความรู้สึกที่คิดหวังของเขาตอนนี้ 

กรวิทย์ในตอนนี้ไม่ได้เป็นคนที่ชอบสิชลด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์อีกต่อไป  เขาทนไม่ได้อีกแล้วถ้าจะต้องมอบหัวใจให้ไปโดยที่ไม่ได้อะไรตอบกลับมาเลย  ดังนั้น การเว้นระยะห่างต่อกันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด  เพราะตัวเขาเองก็อยากกลับไปเป็นคนเดิมคนที่แม้จะได้มองอยู่ในมุมไกลๆแต่ก็พอใจและมีความสุข

“สรุปคือกรพยายามจะไม่สนใจสิชลแล้วหรอ?”

“แค่ช่วงนี้น่ะส้ม คงเพราะได้ใกล้เกินไปเราเลยหวังเยอะ ถ้าได้กลับไปแอบมองเหมือนแต่ก่อนเราว่าน่าจะดีกว่านี้”

ส้มทำได้เพียงพยักหน้าให้กับคำตอบของกรวิทย์  ตอนนี้เธอไม่รู้แล้วว่าควรจะให้เพื่อนสนิทตัวเล็กทำอย่างไรต่อไปดี  ใจหนึ่งก็อยากจะให้เพื่อนลองหาคำตอบให้แน่นอนก่อนว่าสิชลมีแฟนแล้วจริงๆน่ะหรอแต่พอเห็นท่าทางของเพื่อนตัวเองแล้วก็ได้แต่สงสาร  คงไม่อยากจะเจอจริงๆนั่นแหละ  แต่ถ้าเกิดว่าสิชลยังไม่มีแฟน เพื่อนสนิทของเธอเข้าใจผิดไปเองแบบนี้มันก็เท่ากับเสียโอกาสไปชัดๆเลย 

“แต่กูไม่เห็นด้วยว่ะ” ติณเอ่ยแทรกขึ้นมา โดยอาร์ทเป็นลูกคู่พยักหน้าเห็นด้วยก่อนที่ติณจะพูดต่อ “มึงบอกว่ามึงเก่งเรื่องคิดไปเอง เรื่องแฟนไอ้สิชลมึงก็อาจจะคิดไปเองด้วยก็ได้นะ ถ้าไอ้สิชลมันมีแฟนข่าวมันต้องดังกว่านี้สิวะ แต่นี่เงียบจะตายไม่เห็นมีใครพูดถึงเลย พวกกูไปกินเหล้าก็เจอพวกมันออกจะบ่อยแต่ไม่เห็นแฟนไอ้สิชลอย่างที่มึงว่าเลย”

“นั่นสิกร ส้มว่ารอคำตอบที่แน่ชัดก่อนไหม แล้วถ้ากรจะถอดใจเราจะไม่ห้ามเลย”

กรวิทย์หันไปมองเพื่อนสนิทเหมือนกำลังขอความมั่นใจ แบบนั้นมันจะดีหรอ ไม่เอาหรอก เขาไม่อยากจะรู้สึกเศร้าแบบตอนนี้  เขาส่ายหัวเป็นการปฏิเสธข้อเสนอของเพื่อนๆก่อนจะหลบสายตาทำเป็นมองชีทและตั้งใจเรียนตามสิ่งที่อาจารย์สอน

“กร ในเมื่อมึงบอกว่าจะถอยอยู่แล้ว ถ้ามึงจะฟังความจริงสักหน่อยมันจะเป็นไรวะ” อาร์ทเอ่ยออกมา “เดี๋ยวพวกกูไปสืบมาให้ถ้าเขาเป็นแฟนกันจริงแบบที่มึงคิด มึงจะถอยกูก็โอเค แต่ถ้าเขาไม่ได้เป็นแฟนกัน แล้วมึงยังอยากจะถอยอีก กูก็จะไม่ห้ามเลย”

นั่นสินะ  ในเมื่อตัวกรเองก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะลองถอยออกมา ไม่ตามสิชลเหมือนแต่ก่อนแล้ว ต่อให้ความจริงเป็นยังไงมันคงไม่มีผลต่อตัวเขามากนัก เพราะความหวังมันก็เป็นศูนย์เหมือนกันหมดทุกทาง

“เอาแบบนั้นก็ได้”

เพื่อนสนิททั้งสามคนพึงพอใจกับคำตอบที่ได้รับ พวกเขาอยากจะรู้คำตอบที่แน่ชัด ไม่ใช่มาจากการคาดเดาไปเองของกรวิทย์ เพราะจากที่ผ่านมาก็ค่อนข้างมีความเป็นไปได้ว่ากรวิทย์ก็อยู่ในความสนใจของสิชลอยู่เหมือนกัน





✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋




หลังจากเมื่อวานที่ตอบตกลงเพื่อนสนิทไปว่าจะรอฟังคำตอบที่แน่ชัดจากสิชลเสียก่อนว่าผู้ชายตัวเล็กที่อยู่ด้วยกันในช่วงนี้เป็นคนพิเศษของสิชลหรือเปล่า กรก็ทำได้แค่รอจริงๆ แต่จะว่าไปแล้ววันนี้เขาก็ยังไม่เจอสิชลเลย ขนาดว่าตอนพักเที่ยงส้มมาลากเขาไปกินข้าวที่โรงอาหารมหาวิทยาลัยแล้วก็ยังไม่เจออยู่ดี

“สรุปว่าคืนนี้เดี๋ยวกูกับไอ้อาร์ทจะไปเอาคำตอบมาให้มึงนะกร” ติณเอ่ยโพล่งออกมาทันทีหลังจากที่วางสายเสร็จ เขาคาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนต่างคณะมาชวนออกไปเที่ยวแน่นอน “พอดีคืนนี้วันเกิดไอ้แชมป์ เพื่อนในกลุ่มสิชลมันน่ะ เดี๋ยวพวกกูจะถามมาให้ละเอียดยิบเลย”

“พวกมึงจะบ้าหรอ ไปถามเขาแบบนั้นได้ไง เดี๋ยวก็ได้โดนสงสัยกันหมด” ผมเอ่ยด่าออกไป

“แหมมม ถ้าเขาจะสงสัยก็คงไม่ใช่พวกกูหรอกครับ มึงน่ะตัวดี! ท่าทางมีพิรุธสัด แล้วที่สำคัญพวกกูก็ไม่โง่ถามเขาออกไปตรงๆหรอก”

ผมเบะปากใส่เพื่อนสนิททั้งสองหมั่นไส้กับท่าทางอวดเก่งแบบนั้นเหลือเกิน แต่ท่าทางว่าพวกมันคงจะหมั่นไส้ผมมากกว่าเพราะต่างพร้อมใจกันตบหัวผมกลับมาทันที

“โอ๊ยยยย เจ็บนะเว้ย ยิ่งปวดหัวอยู่ด้วย” ผมแกล้งร้องโอดโอยออกไป การแสดงของผมนี่ประหนึ่งว่าไปเรียนการแสดงกับครูเงาะมาเลยทีเดียว

“ติณกับอาร์ท หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ กรยิ่งไม่สบายอยู่ยังจะเล่นแรงๆอีก” ส้มตวาดเพื่อนตัวดีของผมทันทีที่ผมแกล้งร้องบอกว่าเจ็บ ฮ่าๆๆ หน้ามันสองคนจ๋อยสนิทเลยครับ เล่นกับใครไม่เล่น หึหึ!

“ไอ้กรมันแกล้งสำออยไปอย่างนั้นแหละ มึงดูไม่ออกหรอส้ม”
ติณไม่ยอมโดนด่าอยู่ฝ่ายเดียวหรอก ดูก็รู้แล้วครับว่ามันแกล้งเจ็บ รู้แบบนี้เมื่อกี้ไม่ออมแรงเสียดีกว่ามันจะได้เจ็บจริงไปเลย

“กูไม่ได้แกล้งสักหน่อย” ผมหันไปบอกไอ้ติณกับอาร์ทที่ทำหน้าไม่เชื่อผมสุดฤทธิ์ “ส้มดูสิ หัวแตกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ปวดหัวยิ่งกว่าเดิมเลย” ผมหันไปออดอ้อนกับส้มแทนครับ คะแนนสงสารคงจะพุ่งน่าดู ฮ่าๆๆ

“พอได้แล้วทั้งคู่เลย โตแล้วนะยังแกล้งกันเป็นเด็กไปได้” ท่าทางของส้มดูเหมือนจะเหนื่อยหน่ายกับพวกผมเสียเหลือเกิน “เดี๋ยววันนี้เราจะกลับเร็วหน่อยมีธุระกับที่บ้านน่ะ จะแยกย้ายกันเลยไหม” ส้มหันมาถามความเห็นคนอื่น

“งั้นเดี๋ยวกูกับไอ้อาร์ทกับหอเลยแล้วกัน กรมึงจะกลับพร้อมกูเลยป่าวเดี๋ยวแวะส่ง”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวเดินไปเองก็ได้ กะว่าจะไปซื้อสมุดรานงานที่สหกรณ์ก่อนน่ะ พวกมึงกลับก่อนเลย”

“โอเค ถ้างั้นเรากลับก่อนแล้วกันนะ เจอกันพรุ่งนี้”
ส้มเอ่ยลาออกมาพร้อมกับกวาดสิ่งของทุกอย่างลงกระเป๋าอย่างรีบร้อน  ผมโบกมือลาส้มก่อนหันไปลาไอ้ติณกับอาร์ทแล้วเดินแยกออกมา 

ช่วงนี้ใกล้จะสอบกลางภาคแล้วทั้งรายงานกลุ่ม รายงานเดี่ยว และการบ้านต่างประเดประดังเข้ามา อาจารย์แต่ละวิชาสั่งงานเหมือนกับว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเพราะมันช่างเยอะเสียเหลือเกิน ขนาดว่าเขาเพิ่งซื้อสมุดรายงานไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เองแต่วันนี้ก็ต้องมาซื้ออีกครั้ง สงสัยต้องซื้อไปตุนไว้หลายๆเล่มแล้วล่ะขี้เกียจเดินมาซื้อบ่อยๆ

กรวิทย์เดินผ่านทางเดินรอบสนามฟุตบอล ภายในสนามเต็มไปด้วยนักกีฬาฟุตบอลที่ต่างกำลังขะมักเขม้นตั้งใจซ้อมอยู่ในสนาม เสียงโหวกเหวกโวยวายเรียกความสนใจจากผู้คนรอบสนามรวมถึงตัวเขาเองได้เป็นอย่างดี

“เฮ้ยยยยยย ระวัง!”

กรวิทย์หันตามเสียงเรียกก่อนจะเห็นลูกฟุตบอลกำลังพุ่งตรงมาที่เขา กรวิทย์เบี่ยงตัวหลบได้ทันอย่างเฉียดฉิวโดยลูกบอลพุ่งผ่านหน้าเขาไปตกลงที่อีกฝั่งหนึ่งของถนน  เกือบไปแล้วไหมล่ะ ถ้าเมื่อกี้หลบไม่ทันคงได้นอนสลบอยู่ตรงนี้แน่ๆ

“คุณเป็นอะไรไหม ขอโทษด้วยนะครับ” เสียงของผู้ชายตรงหน้าเรียกให้สติของเขากลับมาหลังจากที่ยืนอึ้งอยู่

“เอ่ออ ไม่เป็นไรครับ เมื่อกี้ไม่โดน” กรเอ่ยออกไปให้คนตรงหน้าสบายใจ

“ต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ” ชายหนุ่มร่างกายสมส่วนตรงหน้ายังคงกล่าวขอโทษอยู่ กรวิทย์ส่งยิ้มคืนไปเพื่อยืนยันว่าเขาไม่เป็นอะไรจริงๆ แต่ท่าทางคนตรงหน้าเหมือนยังสงสัยอยู่ “เอ่อ นี่ใช่กรหรือเปล่า”

“เฮ้ย รู้จักเราด้วยหรอ?”
ผมตกใจนะเนี่ยทำไมรู้จักชื่อเราด้วย มั่นใจว่าไม่รู้จักมาก่อนแน่นอน

“พอดีเรารู้จักกับติณ อาร์ทน่ะ เหมือนจะเห็นเดินกับสองคนนั้นบ่อยๆ สรุปใช่กรใช่ป่ะ?”

“อ่ออ ใช่ๆ แล้วนายชื่อไรอ่ะ”

“เราชื่อกล้า อยู่เกษตรน่ะ เจอกันทักได้เลยนะ” กรวิทย์ยิ้มให้เพื่อนใหม่อย่างงงๆ “เดี๋ยวเราไปก่อนนะกรเพื่อนเรียกแล้ว” กล้ารีบวิ่งไปเก็บลูกบอลก่อนจะหันมาโบกมือลา เอ่ออ สรุปตอนนี้ผมมีคนรู้จักเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วสินะ




กรวิทย์เดินมาถึงสหกรณ์แล้ว เขาตรงไปที่ชั้นที่เต็มไปด้วยสมุดรายงานก่อนจะเลือกเล่มที่ถูกใจมา2เล่มและเดินดูของรอบๆอีกสักพัก  รู้ตัวอีกทีเข็มนาฬิกาบนหน้าปัดบอกเวลา18.30แล้ว กรจึงรีบนำสมุดรายงานไปชำระเงิน แต่ทันทีที่เดินออกมาด้านนอก สายฝนกำลังโปรยปรายโดยรอบ  ท้องฟ้าเปลี่ยนสีขมุกขมัวชวนให้อารมณ์หม่นหมองได้ง่ายอย่างไม่ต้องสงสัย

กรยืนหลบฝนอยู่ที่หน้าร้านสหกรณ์เพราะเมื่อเช้าลืมหยิบร่มติดมือมาด้วย และเขาเองก็ไม่อยากเสี่ยงวิ่งฝ่าสายฝนกลับไปถึงหอเนื่องจากเมื่อเช้าเขาเองมีอาการปวดหัวและครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ก่อนแล้ว มั่นใจว่าหากวิ่งตากฝนกลับไปเขาต้องได้เป็นไข้หวัดแน่ๆ

ผมกวาดสายตามองไปโดยรอบเผื่อจะมีคนรู้จักที่จะพออาศัยพากลับไปหอได้ สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับสิชลที่กำลังยืนอยู่ใต้ตึกคณะวิศวกรรมกับเพื่อนๆโดยที่เขาก็หันมาสบตากับผมพอดี ผมรีบหลบสายตาและหันไปทางอื่นทันที


“กร ติดฝนกลับหอไม่ได้หรอ?” กรวิทย์สะดุ้งก่อนจะหันมาหาเสียงเรียกที่ดังขึ้นข้างตัว สิชลที่กำลังถือร่มสีดำไว้ในมือเอ่ยถามออกมา

“คือเราลืมเอาร่มมา กะว่าเดี๋ยวฝนซาอีกสักหน่อยก็จะกลับแล้วล่ะ”

“งั้นเดี๋ยวเราไปส่งดีกว่า ดูท่าว่าอีกนานกว่าฝนจะหยุดตก”

“เฮ้ยย ไม่เป็นไร สิชลไม่ต้องลำบากหรอก”

“ไม่ลำบากอะไรหรอกเราไม่มีเรียนแล้ว เอาแบบนี้ไหม พอดีวันนี้เราไม่ได้เอารถมาซะด้วย เดี๋ยวเราไปยืมรถเพื่อนไปส่งกรดีกว่าจะได้เร็วๆ” 

กรวิทย์รีบห้ามสิชลที่กำลังทำท่าเหมือนจะไปหาเพื่อนตัวเองเพื่อขอยืมรถ “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้สิชล เราเกรงใจ เราแค่ขอยืมร่มก็พอแล้ว”

“อ่ออ พอดีร่มนี่เราก็ยืมเพื่อนมาด้วยน่ะสิ แหะๆ งั้นเดี๋ยวเราเดินไปส่งดีกว่า ป่ะ!”
กรวิทย์ตาโตไปกับอาการพูดเองเออเองของคนข้างๆ เขายังไม่ได้ตกลงด้วยเลยนะว่าจะให้สิชลเดินไปส่ง ทำแบบนี้แล้วเขาจะถอยห่างได้อย่างไร


สิชลเดินถือร่มไปตามทางเดินโดยมีคนตัวเล็กข้างกายที่ไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาเลย ทันทีที่ผมเสนอว่าจะมาส่ง กรดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาแถมยังเอาแต่มองทางไม่สนใจกันเหมือนเคย คนข้างตัวแปลกไปผมรู้สึกได้ สายตาที่เคยมองแต่ผมแต่วันนี้กลับไม่ยอมสบตากันเลย

“ยืนห่างขนาดนั้นเดี๋ยวก็เปียกหรอก” ผมโอบไหล่กรให้เข้ามาชิดกันมากขึ้น คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผมสัมผัสแต่ก็ยอมขยับเข้ามาแต่โดยดี ผมเอียงร่มไปทางฝั่งของกรเพราะแขนเสื้อเขาเริ่มเปียกมากขึ้นแล้ว

“สิชลไม่ต้องเอียงร่มมาฝั่งเราขนาดนี้สิ เปียกหมดแล้วเห็นไหม” คนตัวเล็กดันร่มที่อยู่ในมือผมให้ถอยมาอยู่ตรงกลาง

“ไม่ต้องห่วงเราหรอกตัวโตขนาดนี้ไม่เป็นไรง่ายๆ กรนั่นแหละ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะ”
กรวิทย์เหลือบตามองใบหน้าของคนข้างตัว ตอนนี้หัวไหล่ของทั้งสองคนแนบชิดกันและมันก็ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจกรวิทย์ทำงานหนักเป็นพิเศษอีกแล้ว ฝั่งด้านขวาของสิชลเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน เสื้อนักศึกษาแนบไปกับตัว

กรวิทย์รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเหตุการณ์วันก่อนที่ทำให้เขารู้สึกแย่ เหตุการณ์ในตอนนี้ก็คงมาถมที่ว่างที่หายไปได้ซะมิดแถมยังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกด้วย

ระยะทางกลับหอมันช่างรวดเร็วเกินไปในความรู้สึก แม้จะไม่มีบทสนทนาใดแต่กรวิทย์ก็ไม่รู้สึกอึดอัด ไหล่ที่แนบชิดกันส่งผ่านกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากตัวของสิชล กลิ่นหอมเย็นของน้ำหอมช่างเข้ากับบุคลิกของคนข้างตัวเสียจริง  ตึกสูงเบื้องหน้าบ่งบอกถึงช่วงเวลาอันหอมหวานนี้กำลังจะหมดลง

ใต้หอพักชายในเวลานี้คลาคล่ำไปด้วยนักศึกษามากหน้าหลายตาที่กำลังรอให้สายฝนเบาบางลง สายตาหลายคู่กำลังมองมาทางนี้เขารู้สึกได้ ผู้ชายสองคนเดินแนบชิดใต้ร่มคันเดียวกันมันคงจะเป็นภาพแปลกตาไปเสียหน่อย

“ขอบคุณสิชลมากเลยนะ เกรงใจมากเลย ทีหลังให้ยืมร่มมาก็ได้”

“บอกแล้วไงว่าไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อย ออกจะเต็มใจด้วยซ้ำไป”

“ห๊ะ?.. .” กรวิทย์คิดว่าเขาคงจะหูฝาดไปแน่ๆ สิชลไม่มีทางพูดแบบนั้นแน่ๆ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถามย้ำเพื่อความแน่ใจเสียงโทรศัพท์ของคนตรงหน้าก็ดังขึ้นมาก่อน


Rr Rr  Rr


เสียงเรียกเข้าดังขึ้น สิชลหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะกดรับสาย “ว่าไงบูม อ่อ.. .เรากำลังจะเดินกลับไปพอดี บอกพวกมันรอก่อน” พวกเพื่อนๆโทรมาตามเขาเพราะวันนี้เป็นวันเกิดแชมป์เลยนัดกันไว้ว่าจะไปเลี้ยงฉลองให้เจ้าของวันเกิด แต่คงเพราะว่าเขาหายมานานพวกนั้นเลยโทรมาตาม

สิชลเอ่ยชื่อคนที่โทรมา กรจำได้ทันทีว่าต้องเป็นคนที่เขาเคยเจอเมื่อวันก่อน นั่นไงล่ะ ตัวจริงเขาโทรมาตามแล้วสินะ
“แฟนโทรมาตามแล้วใช่ไหม? ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะสิชล” กรตัดสินใจที่จะเอ่ยสิ่งที่ค้างคาใจออกไป

“เฮ้ยย แฟนที่ไหนกัน เดี๋ยวก่อนๆ เข้าใจเราผิดแล้ว” สิชลตกใจไม่น้อย อยู่ดีๆเขาก็มีแฟนซะอย่างนั้น คนตรงหน้าเขาต้องกำลังเข้าใจผิดแน่ๆเลย

“ก็เราเห็นเขาอยู่กับสิชลบ่อยๆ แถมเมื่อกี้ก็โทรมาตามกันด้วย แฟนกันชัดๆ ฮ่าๆ” ตลกกลบเกลื่อนชัดๆเลย กรวิทย์พยายามทำให้เรื่องที่ตัวเองเพิ่งเอ่ยออกไปเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แซวเล่นไปแบบนั้นแต่ทั้งๆที่ในใจมันหัวเราะไม่ออกเลยสักนิด

สิชลจ้องมองคนตัวเล็กที่กำลังพยายามหัวเราะทั้งที่นัยน์ตาคลอไปด้วยม่านน้ำสีใส เขาทนเห็นคนตรงหน้าเป็นแบบนี้ไม่ได้  สิชลรวบร่างของกรวิทย์มากอดไว้แน่น “ที่วันนี้กรหลบหน้า ไม่ยอมสบตากันก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”

กรวิทย์ดื้นขัดขืนแต่บอกเลยว่ามันไม่ได้สะเทือนเขาหรอก ความรู้สึกเปียกชุ่มบริเวณหน้าอกและแรงสะอื้นมันทำให้เขารู้ว่ากรกำลังร้องไห้และเสียใจมากจริงๆ “กรหมายถึงบูมใช่ไหมที่บอกว่าเป็นแฟนเรา” คนในอ้อมแขนผงกหัวรับเป็นคำตอบ “เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว บูมเป็นเพื่อนเราจริงๆ แต่ที่เห็นช่วงนี้อยู่ด้วยกันบ่อยเพราะบูมให้ช่วยติวหนังสือให้น่ะ ยืนยันอีกครั้งว่าเพื่อนกันจริงๆ”

กรผละออกมาจากอ้อมแขนของสิชล สรุปว่าที่ผ่านมาเขาคิดไปเอง เข้าใจผิดและก็ดราม่าไปเองคนเดียวใช่ไหมเนี่ย รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น แถมยังมายืนร้องไห้ต่อหน้าสิชลแบบนี้อีกเขาจะคิดยังไงเนี่ย

“เอ่ออ.. สงสัยเพราะจะไม่สบายเราเลยอารมณ์แปรปรวนน่ะ สิชลอย่าถือสาเราเลยนะ”

“หึหึ! ไม่ทันแล้วมั้ง มาร้องไห้เพราะเรามีแฟนแบบนี้ คิดไรกับเราป่าว?”

“เฮ้ยยยยย คือเรา.. เอ่อ..” สัญญาณเตือนของกรวิทย์บอกได้ว่าตอนนี้กำลังเข้าสู่สถานการณ์ขับขัน เขาควรต้องตอบออกไปว่าอย่างไรดี มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ

“คิดกับเราหน่อยก็ได้นะกร” สิชลเอ่ยออกมา ใบหน้าคนตัวเล็กที่ดูจะตกใจกับคำพูดเชิญชวนของผมไม่น้อย ฮ่าๆ ท่าทางเหวอๆแบบนี้ก็น่ารักดี จริงๆผมพอจะรู้มาได้สักระยะแล้วว่าคนตัวเล็กตรงหน้านี้คิดไม่ซื่อกับผมเพราะติณเคยเผลอหลุดพูดออกมาตอนเมาว่ามีเพื่อนสนิทเขาที่ชอบผม ในตอนแรกผมคิดว่าน่าจะเป็นส้มแต่พอสังเกตก็พบว่าเป็นคนตรงหน้านี้ล่ะครับ ผมมั่นใจ สายตาของเขาที่คอยมองอยู่ตลอดเวลา ผมรู้ตัวอยู่เสมอ


ฮัดเช้ยยย .. .

เสียงจามมาจากกรวิทย์ ดูก็รู้แล้วว่าคงจะโดนอาการหวัดเล่นงานแล้วแน่ๆ สิชลยื่นมือทาบที่หน้าผาก อืมมม ตัวเริ่มรุมๆแล้ว คงได้เวลาที่คนตรงหน้าควรไปพักผ่อนได้แล้ว

“กรรีบไปพักเถอะ อาการไม่ค่อยดีแล้วนะ”

“เอ่อ.. . ถ้างั้นสิชลกลับดีๆนะ วันนี้เราขอบคุณมาก”

“ด้วยความยินดี เราไปก่อนนะ”

กรวิทย์ยืนโบกมือลาสิชลก่อนที่จะเดินขึ้นหอพักไป กดลิฟต์ไปยังชั้นบนสุด เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิชลจะพูดแบบนั้นออกมา สิชลอยากให้เราคิดอะไรด้วยจริงๆหรอ


ฮัดเช้ยยย .. .

ท่าทางเขาจะโดนไข้หวัดเล่นงานอย่างที่สิชลบอกซะแล้ว ตากฝนทีไรเป็นแบบนี้ทุกที แต่ถ้าตากฝนแล้วเป็นแบบวันนี้มันก็โคตรจะคุ้มเลย ยืนอยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน อยู่ในอ้อมกอดแบบนั้น ถ้าสำหรับสิชลเขายอมเป็นไข้ได้เสมอนะ




ไ ข้ ที่ ช ล . .  .






TBC.

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :mew1:

น้องกรไม่กินแห้วแฮะ แถมมีลุ้นใจตรงกัน

(ว่าแต่ตัวประกอนชื่ออะไรนะ ที่สนามบอล จะจีบกรหราาาาาคะ?  :hao7:)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kyungploy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สิชล ถ้าชบก็บอกว่าชอบสิ ไม่ใช่บอกว่า คิดอะไรกับเราหน่อยก็ได้  :ling3: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
มันน่ารักมากกกกกกกกกกกกก โอ๊ย...คิดได้แล้วนะกร คิดได้แล้วนะ เขาเปิดทางขนาดนี้แล้ว

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ชอบค่ะ เนื้อเรื่องสบาย ๆ น่ารักดี   :o8:
อ่านตอนต้น เหมือนกรจะแอบชอบสิชลข้างเดียว
แต่ไป ๆ มา ๆ เหมือนสิชล ก็ท่าทางจะสนใจกรมากเหมือนกันเลยนะเนี่ย ><
ถ้าสิชลจะเพอร์เฟคขนาดนั้น คนหน้าตาธรรมดา ๆ อย่างกรจะไม่มั่นใจก็ไม่แปลก
ต้องยกความดีให้เพื่อน ๆ ที่เอาใจช่วย และพูดให้กำลังใจได้ดีมาก ๆ
เป็นกำลังใจให้น้องกรจ้า ^^

ออฟไลน์ qxchanim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
อิป้ากลับมาทีมสิชลอีกครั้งนึง55555555   สิชลหนูอย่ากั๊กหนูกรนะคะลูก
ถ้าหนูไม่ชอบน้องกรหรือหนูแค่ถูกใจน้องกรเฉยๆ อย่านะลูก  :hao5:
คนชื่อกล้าจะเข้ามามีส่วนช่วยให้ความรู้สึกตาสิชลต่อน้องกรกระจ่างขึ้นมั้ยน้า
ถึงคุณคนเเต่งค่ะ เราชอบนิยายเรื่องนี้มากกกกนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ mox2224

  • :นักเขียนสมัครเล่น:
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สิชลน่ารักดี
แต่แอบขัดใจเบาๆที่กรร้องไห้ที่คิดว่าสิชลมีแฟน
ก็ตัวเองไม่สานสัมพันธ์กับเขาเอง จะร้องทำไม คหสตนะ
เชื่อว่าสิชลก็สนใจนางอยู่ไม่น้อย

ออฟไลน์ qhanb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
โอย อ่านแล้วใจสั่นตามกรT - T
เขินนนนเหลือเกิน บทน้องกรจะเศร้าก็อิ๊นนอิน
คงไม่มีหักมุมพี่ชลเป็นคนเลวเนอะ55555555
แอบชอบกล้า555 เชียร์ๆๆเอาไว้ขัดพี่ชลเยอะๆ

ออฟไลน์ kojibara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
06 – รึเปล่า

 



มหาวิทยาลัยในช่วงสายของวันเสาร์แบบนี้ผู้คนช่างบางตา  นักศึกษาส่วนน้อยที่มีเรียนในวันนี้ต่างแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาที่เกือบจะเรียบร้อย แน่นอนล่ะว่าวันหยุดแบบนี้เราก็ควรนอนตื่นสาย เวลานี้เราควรยังนอนอยู่บนที่นอนด้วยซ้ำ

กรวิทย์มองบรรยากาศที่เงียบเหงาของมหาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก ตัวเขาเองถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์จากหญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มช่วงเช้าโดยมีความต้องการให้เขาไปยืมหนังสือสำหรับงานกลุ่มที่จะต้องส่งอาจารย์ภายในอาทิตย์หน้า แต่เนื่องจากหนังสือเล่มนั้นมีเพียงไม่กี่เล่มเขาจึงได้รับมอบหมายให้รีบมายืมให้ได้ก่อนที่คนอื่นจะมาจับจองไป

ถ้าถามว่าข้อดีของคนที่พักหอพักภายในมหาวิทยาลัยผมเองก็จะตอบได้ทันทีเลยว่า สามารถตื่นสายได้เพราะเดินทางแปบเดียว แต่ถ้าพูดถึงข้อเสีย การที่ต้องโดนใช้ไหว้วานให้มามหาลัยในวันที่ควรจะได้นอนตื่นสายด้วยเหตุผลว่าอยู่ใกล้ที่สุด ผมคนหนึ่งล่ะที่หงุดหงิดจริงๆเลย

หากกว่าบรรยากาศภายรอบมหาวิทยาลัยเงียบเหงาแล้ว  ภายในห้องสมุดชั้นสามตอนนี้ผมว่ามันดูเงียบเหงาจนเข้าขั้นวังเวงเลยทีเดียว  อาจเป็นเพราะมันเช้าเกินไปสำหรับบางคนที่จะมาอยู่ที่นี่  กรวิทย์กวาดสายตามองหารหัสหนังสือตามที่ส้มบอกไว้ เขาควรจะรีบยืมแล้วรีบกลับไปนอนเสียที เมื่อคืนก็นอนดึกด้วย

กว่าจะหาหนังสือที่ต้องการเจอก็ใช้เวลาพอสมควร กรวิทย์มองดูเวลาแล้วถอนหายใจใกล้จะสิบเอ็ดโมงแล้ว อากาศข้างนอกของเดือนพฤษภาคมไม่ต่างอะไรกับเดือนเมษายนเลย แสงอาทิตย์ยังทำหน้าที่ได้อย่างดีไม่ขาดตกบกพร่องเลย เขาเดินลัดเลาะไปตามทางเชื่อมของแต่ละตึกเพื่ออาศัยร่มเงาในการหลีกเลี่ยงความร้อน

“เฮ้! กรใช่ป่าวเนี่ย?”

เสียงทักดังมาจากชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีดโดยสวมเสื้อช็อปสีเขียวเข้มที่บ่งบอกได้ดีว่าคนตรงหน้าต้องเป็นนักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์แน่นอน รอยยิ้มกว้างที่ส่งมาช่างคุ้นตาเหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน

“เฮ้ย จำกันไม่ได้แล้วหรอ เรากล้าไงที่เจอกันที่สนามฟุตบอลอ่ะ”

“อ่ออ จำได้แล้ว แล้วมีเรียนวันนี้ด้วยหรอ?”

“อาจารย์นัดสอนเพิ่มน่ะ แต่ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว แล้วกรล่ะไปไหนมา”

“พอดีเราไปยืมหนังสือที่ห้องสมุด นี่ก็กำลังจะกลับหอแล้ว”

“พอดีเลย เราว่ากำลังจะไปกินข้าวที่ใต้หอชาย ไปพร้อมกับกรเลยดีกว่า” 
กล้ารีบเดินไปบอกลากลุ่มเพื่อนเขาก่อนเดินกลับหอมาพร้อมผม ระหว่างทางกล้ามักจะเป็นคนหาบทสนทนาตลกๆมาคุยเพื่อลดความเงียบและดูท่าว่ามันจะได้ผลดีทีเดียวเพราะผมหัวเราะไปกับเรื่องเล่าของเขาตลอดเลย กลายเป็นว่าตอนนี้ผมคงได้เพื่อนต่างภาคขึ้นมาอีกคนแน่ๆ

“กรกินข้าวมายัง?” กล้าเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่เรามาถึงใต้หอพักกันแล้ว

“ยังเลย เมื่อเช้าตื่นแล้วก็ไปหอสมุดเลย”

“งั้นกินพร้อมกันเลยดิกร เรานั่งกินคนเดียวมันยังไงๆอยู่นา”

ผมหัวเราะให้กับท่าทางของผู้ชายตัวโตที่ดูเหมือนไม่ชินกับการนั่งกินข้าวคนเดียวก่อนจะตอบตกลงนั่งกินข้าวตามคำชวนของคนตรงหน้า  ผมเลือกซื้ออาหารร้านประจำที่คุณป้าคนขายจำหน้ากันได้เป็นอย่างดี

“กะเพราไก่ไม่เผ็ดครับ”

เมนูเดิมที่ผมมักจะสั่งบ่อยในช่วงนี้ ผมเป็นคนที่เมื่อเวลาชอบอะไรผมก็จะจมอยู่กับมันได้จนกว่าจะเบื่อเลยทีเดียว เช่นหากช่วงนี้ชอบกินกะเพราไก่ ผมก็จะสั่งเมนูไปอีกเป็นเดือนเลยจนกว่าจะเบื่อ หรือหากช่วงไหนมีเพลงโปรดที่ถูกใจเป็นพิเศษเพลงนั้นก็จะถูกเล่นวนซ้ำในโทรศัพท์อยู่เพลงเดียวไปพักหนึ่ง

“หืม กินเหมือนเด็กเลยนะ”

กล้าเอ่ยทักทีที่เห็นสีสันของผัดกะเพราะในจานของผม ผมแกล้งเหลือบตามองเขาอย่างเคืองๆก่อนจะมองอาหารตรงหน้าเขา ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสีสันดูท่าทางจัดจ้านน่าดู

“เราแซวเล่นนะ อย่างอนดิ”

“ใครเขางอนกันเล่า”

“ฮ่าๆๆ กรกินเผ็ดไม่ได้หรอ”

“เรากินได้แค่นิดหน่อยเอง ไม่ถูกกับพริกจริงๆ” 

ผมยิ้มตอบให้กับคนช่างสงสัย ผู้ชายคนนี้ช่างซักช่างถามมีเรื่องมากมายให้เขาหยิบเป็นประเด็นมาพูด ขนาดว่าเพิ่งจะเคยได้คุยกันจริงๆจังๆครั้งแรกแต่คนตรงหน้าก็ทำเหมือนสนิทกับเขามาเป็นปี ช่างเป็นผู้ชายที่เฟลนด์ลี่เสียเหลือเกิน

“จ้องขนาดนี้เราเขินนะกร”

“ฮ่าๆ โทษทีที่เสียมารยาท แค่กำลังนึกสงสัยเฉยๆ”

“สงสัยเรื่อง?”

“กำลังคิดว่าทำไมกล้าถึงได้เป็นคนอัธยาศัยดีขนาดนี้ น่าอิจฉาจัง เราเองที่เพื่อนน้อยก็เพราะไม่ค่อยกล้าคุยกับคนอื่นเท่าไหร่”

“หึหึ เราไม่ได้อัธยาศัยดีแบบนี้กับทุกคนซะหน่อย”

“เอ๋?”

กล้าไม่ยอมอธิบายเพิ่มเติมกับคำพูดชวนกำกวมของเขา และท่าทางรีบกินที่เหมือนกับหิวเสียมากมายของเขาก็ทำให้ผมไม่ได้ถามต่อ ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็จัดการอาหารมื้อนี้เรียบร้อย ผมเอ่ยลากับกล้าก่อนจะกลับขึ้นมาบนห้อง

แดดช่วงเวลานี้ไม่ใช่เล่นๆเลยดูได้จากปริมาณเหงื่อที่เปียกชุ่มเต็มแผ่นหลัง กรวิทย์จึงตัดสินใจอาบน้ำอีกครั้งเพราะรู้สึกเหนียวตัว ความสดชื่นของน้ำน่าจะช่วยให้รู้สึกสบายตัวและเขาก็อยากจะนอนต่ออีกสักหน่อยด้วย



.
.
.
.




ความสดชื่นหลังจากอาบน้ำทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก  กรวิทย์หยิบเสื้อยืดและกางเกงบอลมาใส่เตรียมตัวที่จะนอนพักต่ออีกสักหน่อย  แต่เสียงคล้ายข้อความแจ้งเตือนในโทรศัพท์ดังขึ้น โปรแกรมรูปตัวเอฟสีน้ำเงินกำลังแสดงจำนวนข้อความคอมเม้นท์ที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับข้อความจากโปรแกรมไลน์ที่กำลังกระหน่ำมาไม่หยุด

กรวิทย์ตัดสินใจกดเข้าไปอ่านที่ข้อความเจ้าปัญหา เมื่อกดเข้าไปมันคือหน้าไทม์ไลน์ของเขาที่มีอีกคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อครู่มาโพสข้อความไว้ หืมมม.. . นี่เขาเป็นเพื่อนกับกล้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย


Akrawint Sahabordin: ขอบคุณที่นั่งกินข้าวเป็นเพื่อนนะ มื้อนี้อร่อยเป็นพิเศษ ;P


เฮ้ยยยยยย ทำไมถึงได้โพสต์ชวนเข้าใจผิดแบบนี้ แกล้งกันชัดๆเลย!  กรวิทย์ไล่อ่านคอมเม้นต์ต่างๆที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นมีทั้งจากเพื่อนของเขาเอง และบางส่วนที่เขาไม่รู้จักคาดว่าน่าจะเพื่อนของกล้า

“เฮ้ยยยย ยังไงเนี่ย”

“ไอ้กล้า คนนี้หรอวะที่มึงเบี้ยวนัดพวกกู หนีไปกินข้าวก่อนเนี่ย”

“วันนี้นั่งกินเป็นเพื่อน แล้วเมื่อไหร่จะนั่งกินเป็นแฟนวะ ๕๕๕๕๕๕๕”

“ฮิ้ววววววววววววว”


เอิ่มมมม เขาว่ามันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะเนี่ย กรวิทย์ส่ายหัวกับคำแซวต่างๆ บางคนก็คิดมาได้นะ เด็กเกษตรนี่เกรียนแบบนี้ทุกคนไหมเนี่ย  และเพราะข้อความจากไลน์กลุ่มที่ยังดังไม่หยุดเขาจึงตัดสินใจกดเข้าไปดู อย่างที่คิดไว้เลย  พวกเพื่อนๆต่างอย่างรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงพิมพ์บอกไปแค่ว่า “ไม่มีอะไรหรอก กล้าแค่แกล้งกูเล่นเฉยๆ” แต่ดูทุกคนจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่โดยเฉพาะติณ

กรวิทย์ตัดสินใจออกจากโซเชียลต่างๆเพราะตอนนี้หนังตามักเรียกร้องที่จะปิดพักบ้างแล้ว  เขาวางโทรศัพท์ไว้ใกล้หมอนก่อนจะหลับตาเพื่อพักผ่อน 

ลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าตอนนี้กรวิทย์เข้าสู่ห้องนิทราไปอย่างเรียบร้อยและไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว






✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋





เปลือกตาที่นิ่งสนิทค่อยๆขยับก่อนที่จะเปิดขึ้นเต็มตา  กรวิทย์กวาดสายตาไปรอบห้องที่ค่อนข้างมืด เขาคงนอนไปนอนพอสมควรเพราะท้องฟ้าข้างนอกมืดแล้ว ท่าทางคืนนี้กว่าจะหลับคงอีกนานแน่เลย

มือควานหาโทรศัพท์ที่วางไว้ใกล้ตัว  บนหน้าจอแสดงว่า 18.07 น. แล้ว คงเพราะนอนมากเกินไปเขาถึงได้รู้สึกขี้เกียจขนาดนี้ เตียงนอนต้องดูดพลังเขาไปแน่ๆเลย 

หน้าจอแอพพลิเคชันไลน์แสดงจำนวนข้อความที่ยังไม่ได้อ่านเกินร้อยข้อความ เขาเดาว่าคงไม่พ้นเพื่อนสนิทแน่นอน และพอกดเข้าไปดูก็เป็นจริงดังที่คิด ว่าเจ็ดสิบข้อความเป็นของไลน์กลุ่มที่พูดคุยกันมากมายในเรื่องที่หาสาระไม่ค่อยได้ และไลน์ที่เหลือก็เป็นข้อความโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ข่าวต่างๆ แต่ทันทีที่เลื่อนไปเจอข้อความที่แสดงว่ายังไม่อ่านหนึ่งข้อความจากบางคน  มือที่กำลังจะเลื่อนผ่านไปชะงักงัน

หลังจากที่สิชลเคยโทรมาหาเขาครั้งก่อนนั้น กรวิทย์ก็เมมชื่อพร้อมเบอร์ของสิชลไว้ทันที และเพราะโทรศัพท์เขาถูกตั้งค่าให้เชื่อมต่อไลน์โดยอัตโนมัติดังนั้นเขาจึงมีไลน์ของสิชลมาตั้งแต่ครั้งนั้น เพียงแต่ยังไม่เคยกล้าที่จะทักไปเสียที และวันนี้ข้อความจากสิชลเพียงหนึ่งข้อความก็ทำให้เขารู้สึกใจเต้นเพราะไม่เคยคิดว่าสิชลจะไลน์มาหา

“กินข้าวอร่อยไหม?”

ข้อความเดียว ไม่มีที่มาที่ไป ไม่รู้ว่าสิชลต้องการจะสื่ออะไร ตอนนี้เขาเริ่มงงแล้วว่าตัวเองควรตอบกลับไปอย่างไรดี แต่เพราะไม่รู้จริงๆว่าสิชลกำลังพูดถึงเรื่องอะไร และหวังว่าจะไม่ส่งผิดคนหรอกนะ

“คือยังไงเหรอ???”

กดส่งไปแล้วหลังจากพิมพ์แล้วลบอยู่หลายครั้ง ส่งไปแบบนี้มันจะโอเคใช่ไหม ตอนนี้ก็ได้แต่คอยมองว่าข้อความที่ส่งไปอีกฝ่ายได้อ่านหรือยัง และสักพักมันก็ขึ้นว่า อ่านแล้ว

“ไปกินข้าวกับแฟนมาไม่ใช่หรอ? อร่อยไหมล่ะ”

นี่อย่าบอกนะว่าสิชลไปเห็นข้อความที่กล้าโพสต์ไว้หน้าไทม์ไลน์เขาแล้วเข้าใจผิดแบบนี้  เฮ้ยยยยยย ไปกันใหญ่แล้ว อย่าบอกนะว่าที่สิชลทักเขามาก็เพราะเรื่องนี้ 

เพราะว่าที่ผ่านมาไม่อยากคิดไปเองเลยพยายามมองข้ามบางการกระทำที่สิชลทำเหมือนหยอกเราเล่น  แต่ครั้งนี้มันก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าสิชลเองก็พอจะรู้สึกอะไรกับเราอยู่บ้างใช่ไหม

“ใช่ที่ไหนล่ะ นั่นน่ะเพื่อน”  เขาตัดสินใจพิมพ์ตอบออกไป

“เห็นหวานกันหน้าเฟสแบบนั้นเราก็นึกว่าแฟนกรซะอีก”


หลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์เหมือนจะทำให้เรามีความหวัง ส้มก็มักจะบอกให้ลองทำอะไรแบบเต็มที่ดูสักครั้ง แถมติณกับอาร์ทก็ยังมาบ่นด้วยว่าตัวเขาชอบสิชลแบบไหนกันถึงไม่ยอมทำอะไรเลยแบบนี้ มัวแต่กลัวอยู่ได้ และเพราะกรวิทย์ฟังคำถากถางจากเพื่อนมามากพอแล้ว เขาเองก็อยากจะลองกล้าทำเพื่อตัวเองดูสักครั้ง

“เรายังไม่มีแฟนเสียหน่อย มีแต่คนที่แอบชอบ.. .”

สาบานว่าหากเป็นแต่ก่อนผมคงไม่กล้าส่งอะไรแบบนี้ตอบกลับไปแน่ๆ แต่เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยลองพยายามกับเรื่องนี้จริงจังเลย หากจะต้องเสียใจจริงๆก็ขอเป็นเพราะสิชลไม่ได้คิดตรงกัน ไม่ใช่เสียใจเพราะตัวเองยังไม่ได้ลองพยายามอย่างเต็มที่

สิชลยังไม่ได้อ่านข้อความที่ส่งไป ผมจึงตัดสินใจส่งไปอีกข้อความ และครั้งนี้มันคงจะเป็นครั้งที่ผมชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองมากที่สุด


“ไม่รู้จริงๆเหรอว่าเราแอบชอบสิชลอยู่”


ส่งไปแล้ว มือกดส่งไปแล้วรีบเขวี้ยงโทรศัพท์ให้ห่างตัวมากที่สุด ไม่กล้าดู ไม่กล้าอ่านซ้ำ ในที่สุดก็ได้ทำได้แล้ว กล้าบอกความรู้สึกที่เก็บไว้ออกไป

อัตราการเต้นของหัวใจตอนนี้รัวยิ่งกว่าจังหวะดนตรีเพลงร็อคเสียอีก ตื่นเต้นจนมือสั่น เหงื่อผุดออกมามากมายทั้งที่ภายในห้องก็ไม่ได้อุณหภูมิสูงขนาดนั้น กรวิทย์เอื้อมไปคว้าโทรศัพท์ที่ถูกโยนไปที่ปลายเตียงกลับขึ้นมาดู

ข้อความที่ส่งออกไปปรากฏคำว่า อ่านแล้ว

สิชลได้อ่านข้อความเหล่านั้นแล้ว แต่วี่แววของการตอบกลับยังไม่มี สิชลคงจะตกใจแน่นอนกับการสารภาพของผม แต่ช่วยอย่าเงียบไปเฉยๆแบบนี้สิ




เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วแต่ข้อความของอีกฝ่ายก็ยังไม่มีมา หรือบางทีนี่อาจจะเป็นคำตอบอีกแบบหนึ่งก็ได้ เขาไม่อยากมองในแง่ร้าย  แต่ถ้ายังจะพอมีหวังอยู่บ้าง เขาเองก็อยากได้คำตอบจากอีกฝ่ายว่าเราพอจะมีโอกาสคิดตรงกันได้รึเปล่า .. .



TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2015 12:51:12 โดย kojibara »

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
สิชลลลลล อย่าเงียบบบบสิ เค้าลุ้นนะ  :z2:
เงิบดิ กะมาแซวแบบน้อยใจๆ เจอเค้าสารภาพรักเข้าให้ หุหุ

ออฟไลน์ lightseeker

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
สิชล อ่านแล้วไม่ตอบคืออะไร มาตอบบบ  :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด