ตอนที่ 19
“ ยี้ เป็นหวัดอย่ามาใกล้พี่นะ วุ้น ” พี่จ๋าสะบัดมือไล่วุ้นขำๆ
วุ้นกลอกตาใส่พี่จ๋าเซ็งๆ
ไปดูแลคนป่วยแล้วก็ติดจนได้
อย่าคิดว่ามันมีอะไรมากมายนะครับ
ที่ผมติดหวัดพี่หนึ่งมันไม่มีอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ
ก็แค่ถูกอ้อนให้จูบลาเท่านั้นนั่นแหละ
ไม่มีอะไรเกินเลยจริงๆ
แต่ที่เกินมาก็คงเป็นไอ้หวัดเนี่ยแหละ
ปกติผมไม่ค่อยป่วยนะ
ตอนนี้คงได้แต่ทำใจอย่างเดียว
“ เอ้ะ ทำหน้าเซ็งใส่พี่อีก เดี้ยะๆ ฟ้องแฟนแกแน่ ” พี่จ๋ากลั้นขำกับสีหน้าของวุ้น ในมือวุ้นถือทิชชู่ที่เช็ดจมูกเป็นพักๆ แล้วมันก็ไปทำขนม “ เฮ้ย วุ้นนี่แกล้างมือป่ะเนี่ย ก่อนทำขนมเนี่ยยยย ”
“ เออ.. ลืมล้างอ่ะ ” วุ้นแกล้งทำหน้าเหวอ จะบ้าเหรอ ถึงจะเป็นหวัดผมก็ไม่ซกมกขนาดนั้นนะครับพี่จ๋า
“ ฉันจะให้เฮียหักเงินเดือนแก วุ้น ” พี่จ๋าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
อันนี้ผมปล่อยไปไม่ได้ครับ “ โถ่ พี่จ๋าผมพูดเล่นน่า อย่าฟ้องพี่เต้สิ ”
“ จ้า จ้า ”
“ สองคนนั้นจะยืนคุยกันอีกนานไหมฮะ จ้างมาทำงานนะครับ ไม่ใช่มายืนเมาท์นั่งเล่นลายน์แอบกินขนมจิบกาแฟจีบลูกค้างีบหลับเวลางาน ” พี่เต้ที่หันมาเห็นพอดีด่ากราดอย่างเมามัน
พี่จ๋าหันขวับทันที “ แหม พูดไม่ได้ตัวเองเลยจ้า ”
พี่เต้แค่นเสียงหัวเราะหึๆ “ ก็เป็นเจ้าของร้าน ใครจะทำไมล่ะ ”
ตามนั้น ผมไม่ใช่เจ้าของร้านก็ต้องสลายตัวแหละครับ ไปนั่งเล่นแทนการคุยกับพี่จ๋าที่ยืนว่างๆ พอดี ผมว่าเป็นคนทำขนมนี่ก็ดีนะ นอกจากอบขนม ทำความสะอาด อะไรพวกนั้น วันทั้งวันผมก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย
แต่ถ้าเอาเข้าจริงๆ ล่ะก็
.. ผมคิดถึงบรรยากาศที่ตลาดมากกว่า
ความคึกคักวุ่นวายอันเป็นสเน่ห์ของตลาด การนั่งขายอยู่ในตลาดวุ่นวายแบบนั้นถึงจะเสียงดังไปหน่อยแต่ผมก็รู้สึกอบอุ่นอยากบอกไม่ถูก ไม่รู้สิ จะเรียกมันว่าอะไรดี ? ความวุ่นวายที่ทำให้รู้สึกสนุกไปกับมันล่ะมั้ง
มันไม่เหมือนกับที่นี้..
ถึงที่นี้ผมจะได้ทำสิ่งที่ผมทำได้ดีเหมือนกัน แต่ความรู้สึกมันต่างกันโดยสิ้นเชิง ถึงร้านมันจะบรรยากาศอบอุ่น พี่ๆ ในร้านใจดีกับผมมาก แต่มันก็ต่างกันอยู่ดี
ตอนที่ยังขายขนมอยู่ที่ตลาด ผมชอบแววตาของคนที่มาซื้อขนมผม
มันเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
ถึงใบหน้าจะเรียบเฉยขนาดไหน
แต่ดวงตานั้นซื่อตรงกับความรู้สึกเสมอ
ผมไม่รู้หรอกนะว่า เขาจะซื้อไปกินเองหรือเปล่า
มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะให้ขนมที่ผมฝึกทำไปฟรีๆ
ทั้งๆ ที่ผมขายตอนนั้นเลยก็ยังได้เพื่อดูว่าคนที่นี้ชอบกันรึเปล่า
ผมเลือกที่จะให้ไปเพิ่อแลกกับแววตาที่ผมชอบมอง
ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะทำให้ผมมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตด้วยล่ะมั้ง
สิ่งที่ต่างกัน..
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มากินก็มีหลายเหตุผล
ชอบบรรยากาศ ชอบกาแฟ หรือถ้ามองในแง่ดีอาจจะชอบขนมของผม
ไม่รู้สิ แต่ผมว่าแววตามันต่างกัน..
ขนมที่ผมทำรสชาติของมันอาจจะหาได้ดาษดื่นหรือร้านบางร้านที่อาจจะอร่อยกว่า
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มากิน จะถ่ายรูปก่อนกินแล้วก็กิน
ไม่ได้แสดงสีหน้าแววตาอะไร
แต่ก็เพียงเท่านั้น
ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
มันทำให้ผมเสียใจนิดหน่อย ที่ขนมของผมมีไว้เพียงถ่ายรูปงั้นเหรอ..
เอาเถอะ
ตอนนี้ผมยังทำงานอยู่ที่นี้ก็ทำมันต่อไปนั่นแหละ
ก็ยังคงมีลูกค้าบางส่วนที่ยิ้มทั้งหน้าทั้งแววตา
อย่างพี่หนึ่งอยู่ทั้งคนล่ะนะ
วุ้นนั่งเหม่อได้ไม่นานก็ถูกเรียกอีกครั้ง
“ พี่ใช่พี่วุ้นหรือเปล่าคะ ? ”
“ ฮะ ? ใช่ๆ ” วุ้นขานรับงงๆ ดึงความคิดของตัวเองที่ลอยไปไกลให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง ใครกัน ? ผมว่าผมไม่รู้จักคนคนนี้นะ แต่ก็รู้สึกหน้าคุ้นๆ อยากบอกไม่ถูก
“ ดีเลยค่ะ ” เพลงยิ้มหันไปกระซิบกับเพื่อน “ ฮุๆ พี่คนนี้แหละแกที่ฉันเห็นผู้ชายหล่อๆ มาจีบวันนั้นอะ ” เพลงเป็นรุ่นน้องที่เมฆพูดถึง ซึ่งเพลงก็มากับเพื่อนอีกสองคน
“ พี่เขาหน้านิ่งมากก แต่น่ารักดีอะ ” ปลากระซิบตอบเพลง
“ อยากเห็นมั้งจังง เสียดายวันนั้นไม่น่าไปดูหนังพอดีเลย ” แจนทำหน้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง
วุ้นยิ้มน้อยๆ ตามที่พี่เต้เคี่ยวเข็ญไว้ว่าเวลาเจอลูกค้าให้ยิ้ม ไม่ว่าจะรู้สึกอะไรก็ให้ยิ้มไส่ไว้ก่อน ด่าก็ยิ้ม ชมก็ยิ้ม ซึ่งกว่าวุ้นจะยิ้มรุ่นน้องของเมฆก็ทำการเมาท์กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ วันนี้พวกเรามาขอสัมภาษณ์พี่วุ้นค่ะ “ เพลงหยิบสมุดโน้ตพร้อมปากกาลายกระต่ายคู่ใจขึ้นมาถือเตรียมพร้อมที่จะจดทุกคำพูดที่วุ้นตอบออกมา
“ ฮะ ?? สัมภาษณ์ ” วุ้นส่งสีหน้าที่แสดงให้รู้ถึงความงงมากมาก
“ ค่ะ สัมภาษณ์ ” ปลารับคำ ซึ่งคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ตอบพยายามกลั้นยิ้มกับสีหน้าของวุ้น
แล้วเขาไม่แจ้งกันก่อนหน่อยเหรอ วุ้นคิดเซ็งๆ
“ ที่เราไม่แจ้งก่อนเพื่อที่จะได้คำตอบที่ไม่มีการเตรียมสคริป์ก่อนค่ะ ” แจนพูดขึ้นมาเหมือนกับรู้ในสิ่งที่วุ้นกำลังคิดอยู่
“ อืม.. ”
“ งั้นขอสัมภาษณ์เลยนะคะ ”
"แล้วสัมภาษณ์ผมก่อนเหรอ ” เพราะตามปกติเขาจะสัมภาษณ์เจ้าของร้านก่อนไม่ใช่เหรอ
เพลงหันไปยิ้มให้กับปลาและแจนที่ยิ้มรู้ๆ กัน “ ค่ะ สัมภาษณ์พี่วุ้นก่อน ส่วนคนอื่นๆ ค่อยสัมภาษณ์ก็ได้ค่ะ ”
แปลก.. ทั้งๆ ที่ตอนนี้พี่เต้ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรมากมายแต่กลับมาสัมภาษณ์ผมก่อน
“ ตามนั้นก็ได้ครับ ”
“ งั้นคำถามแรกนะคะ ” แจนยิงคำถาม “ พี่วุ้นทำขนมมานานรึยังคะ ? ”
“ ก็หลายปี.. ตั้งแต่ช่วงที่เรียนอยู่ ” เพราะช่วงนั้นโดนเป็นลูกมือช่วยทำขนม ผมเลยพลอยติดใจการทำขนมไปด้วย
----------------------
วุ้นมาครึ่งอันค่ะตอนนี้

คิดถึงคนอ่านนน