***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8  (อ่าน 97919 ครั้ง)

ออฟไลน์ Pawaree

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-2
    • FANPAGE
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
«ตอบ #150 เมื่อ01-02-2016 17:58:46 »

สงสารกานต์

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
«ตอบ #151 เมื่อ08-03-2016 14:56:52 »

มาต่อเถอะนะคนเขียน

ออฟไลน์ Pawaree

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-2
    • FANPAGE
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
«ตอบ #152 เมื่อ11-03-2016 03:29:25 »

รออยู่นะ

ออฟไลน์ sasithron

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: ***พลาดรัก*** แจ้งข่าว
«ตอบ #153 เมื่อ25-03-2016 21:54:50 »

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านและแอดมินครับ

ผมใคร่ขอแจ้งว่าจะพักการอัพนิยายเรื่องนี้สักระยะ(อันที่จริงพักมานานแล้ว) เนื่องจากติดภาระกิจสำคัญ

และจะกลับมาอัพใหม่อีกครั้งประมาณกลางเดือนเมษายนปีนี้

ขอบคุณสำหรับการติดตามและโอกาสครับ

ศศิธร

25.3.16

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ***พลาดรัก*** แจ้งข่าว
«ตอบ #154 เมื่อ25-03-2016 21:56:51 »

รอนะคะ

ออฟไลน์ Pawaree

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-2
    • FANPAGE
Re: ***พลาดรัก*** แจ้งข่าว
«ตอบ #155 เมื่อ11-04-2016 22:19:30 »

รอนะ

ออฟไลน์ sasithron

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
«ตอบ #156 เมื่อ28-04-2016 01:44:58 »

ตอนที่ 17

   ผมนั่งมองเฝือกที่แขนกานต์ระหว่างที่เจ้าตัวนั่งอ่านหนังสืออยู่ ผมรู้ว่าผมเองเป็นสาเหตุที่ทำให้กานต์เจ็บ แต่เมื่อวันนั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไรดลใจทำให้ผมไปปากเสียใส่กานต์ กานต์ก็เลยกลับมาเป็นเวอร์ชั่นดั้งเดิม


   
กานต์ขอให้ผมเลิกยุ่งกับเขา แต่ผมไม่ยอม เหตุผลคงจะเป็นเพราะว่าแขนกานต์ที่ยังใส่เฝือกอยู่

 
   
   ผมไม่รู้ว่าทำไมไม่ยอมเลิกกับกานต์ทั้งๆที่ได้โอกาสแล้ว แม้ว่าผมจะอ้างเรื่องแขนของกานต์ทุกครั้งที่มีคำถามนี้เกิดขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ จนหัวผมจะผุดคำถามเดิมๆขึ้นมาซ้ำๆเวลาสมองว่างๆ ตลอดเวลาที่ผ่านผมไม่รู้ว่ากานต์คิดอะไรอยู่ หลายๆอย่างที่เกิดขึ้นกานต์ก็เลยเป็นฝ่ายเจ็บปวดเอง ผมคิดว่าอย่างนั้น ผมไม่คิดว่ากานต์จะรักผมแล้วจะปล่อยผมไปตามที่เคยตกลงกันไว้ จากที่ผมสังเกตเหมือนกานต์ยอมแพ้ผม แต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร ยังไงก็ตามผมจะยังไม่ยอมเลิกกับกานต์ง่ายๆ เพราะผมทำผิดกับกานต์หลายเรื่องเกินไป ผมอยากขอเวลาชดใช้ให้กานต์บ้าง


   ผมยังจำวันที่กานต์หลงป่าได้ดี ดวงตาที่ก่ำเหมือนว่าเพิ่งจะผ่านการร้องไห้มา ผมกลับไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ว่าจะในฐานะแฟนหรือในฐานะอื่นๆ ผมโมโหที่กานต์เอาแต่ใจที่กานต์บังคับผมให้พาเขาไปซื้อของในวันที่ผมมีทำรายงาน แต่เป็นผมต่างหากที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง มีแต่ความไม่พอใจกานต์ แต่ไม่เคยคิดอยากจะรู้เลยว่ากานต์คิดอะไรหรือรู้สึกอะไร กว่าจะมาคิดได้ก็ตอนที่กานต์ขอเลิกแล้ว


   
วันนี้ผมชวนเขาออกมาข้างนอก กานต์ก็ยอมแต่โดยดีแต่ไม่ได้พูดอะไรกับผมเลย มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก



   “ต้องใส่เฝือกอย่างนี้นานเท่าไหร่นะกานต์” ผมถามพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบเฝือก



   “สามเดือน เราไม่แน่ใจ” เขาไม่ได้แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองผมเลย



   “แล้วหมอจะนัดอีกทีเมื่อไหร่” ผมถามต่อ



   “วันเสาร์นี้” กานต์ตอบ


   “งั้นเดี๋ยวเฟยจะเป็นคนพาไปหาหมอเอง” กานต์ปิดหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม สาตาที่มองมานั้นเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ผมเตรียมตัวคิดหาคำพูดมาแย้งเพราะคิดว่าเขากำลังจะบอกปัดไม่ให้ผมพาไป แต่แล้วกานต์ก็กลับไปเปิดหนังสืออ่านเหมือนเดิม



                                                                                *****
   “พี่ เฟยไปก่อนนะ เฟยมีธุระ” ผมก้มมองดูนาฬิกา ซึ่งมันกำลังบอกว่าจวนจะถึงเวลาที่ผมนัดจะพากานต์ไปหาหมอแล้ว



   วันนี้ผมมาช่วยดูน้องๆรุ่นใหม่ที่จะมาเดินถือคฑานำขบวนกีฬามหาวิทยาลัยปีนี้ ตามคำขอของรุ่นพี่ ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่สามารถปฏิเสธได้ และผมกำลังจะสายซึ่งสำหรับกานต์ในตอนนี้แค่เล็กน้อยอาจจะส่งผลแย่กว่าเดิมก็ได้



   “เฟย กูขออีก 10 นาที” พี่เตรุ่นพี่ผู้ถือคฑารุ่นก่อนผม 2 ปี หันมาบอกกับผม ผมได้แต่ส่ายหัวก่อนจะวิ่งไปดูน้องๆอีกที



   “กานต์ เฟยกำลังรีบไป” ผมพูดรัวกรอกโทรศัพท์ระหว่างที่วิ่งไปเอารถ และเป็นเวลาอีก 10 นาที ก็จะถึงเวลาที่ผมนัดกานต์ไว้



   “อือ” มีแค่นั้นที่กานต์ตอบกลับมา

 

   กว่าผมจะมาถึงหน้าหอกานต์ก็เลยเวลานัดไปแล้ว 20 นาที  และกานต์ก็ไม่อยู่รอผมแล้ว ผมโทรหากานต์หลายสายแต่เขาก็ไม่รับ ผมคิดว่ากานต์คงจะกำลังพบกับหมออยู่ ถ้าผมรู้ว่ากานต์ไปหาหมอที่โรงพยาบาลไหนผมก็คงจะตามไป และผมพลาดอีกครั้งที่ไม่เคยถามกานต์

 

   ผมนั่งรอกานต์ที่หน้าหอนานจนผมเลิกนับเวลาไปแล้ว ในที่สุดกานต์ก็กลับมาพร้อมกับใส่เฝือกเหมือนเดิม ผมรีบวิ่งเข้าไปหา ยิ้มอย่างจริงใจที่สุดไปให้ แต่ก็ได้แค่สีหน้านิ่งๆของกานต์ที่มองกลับมา ผมรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นไปอีก ผมคว้าถุงยาจากมือกานต์มาถือไว้เองแล้วก็เดินตามกานต์เข้าหอไป


   
       “วันนี้เฟยขอค้างห้องกานต์นะ” ผมขอ ซึ่งไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ากานต์จะยอมให้ผมค้างคืนนี้หรือไม่ เพราะว่าหลังจากทะเลาะกันวันนั้นผมก็เพิ่งจะได้กลับขึ้นมาบนหอก็วันนี้



   “ถ้าเฟยจะค้าง ก็ตามใจเฟยเถอะ” ฟังดูไม่เหมือนว่ากานต์เต็มใจให้ผมค้างเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ไล่ผมตรงๆ

 

   ผมนอนกลิ้งไปมาบนเตียง เล่นเกมส์จากโทรศัพท์ ดูโทรทัศน์ แล้วก็กลับไปกลิ้งมากลิ้งไปเหมือนเดิม แต่กานต์สนใจแต่โน้ตบุ๊กจนตกเย็น



   “ไปกินข้าวกันเถอะกานต์” ผมลุกขึ้นไปจับไหล่กานต์ เขาก็เลิกเล่นโน้ตบุ๊กแล้วก็ลงไปกินข้าวด้วยกัน



   ผมยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดที่กานต์เงียบแบบนี้ ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยแต่ครั้งนี้คงต้องยอมเพราะคนเจ็บยังไม่หายงอน

 
   
   หลังจากกินข้าวอิ่ม กานต์ก็กลับขึ้นมานั่งสนใจแต่หน้าจอโน้ตบุ๊กเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเขาดูอะไรอยู่ ผมอยากจะถามเหมือนกันแต่รู้ว่าคงจะเป็นการขัดใจกานต์เสียเปล่าๆ


   
ผมเข้าไปอาบน้ำก่อน เสร็จแล้วก็โทรไปบอกแม่ว่าคืนนี้จะนอนค้างที่ห้องกานต์ และพอผมเดินกลับมาจากระเบียงกานต์ก็กำลังมองผมอยู่



   “เราว่าเฟยกลับบ้านจะดีกว่า” ผมยังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรกานต์ก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน



   “ทำไม” ผมย้อน



   “เราเปลี่ยนใจแล้ว เราไม่อยากให้เฟยนอนค้างแล้ว” กานต์หันหน้ามาทางผมก็จริงแต่ หลบตามองพื้นไม่มองหน้าผม



   ผมเกาหัวตัวเองแล้วก็เดินไปนั่งลงบนเตียงข้างๆกานต์ คงต้องพูดกันให้รู้เรื่องไปเลย คงปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้



   “เฟยว่าเรามาคุยกันดีดี ดีกว่า” ผมพยายามก้มตามกานต์เพื่อจะได้สบตาเขา



   “เราไม่อยากคบกับเฟยแล้ว” ผมรู้สึกตกใจ ไม่ใช่เพราะคำพูดของกานต์ แต่เป็นเพราะน้ำตาของกานต์ที่คลออยู่ที่เบ้าตา

 

   “แต่” พูดได้แค่นี้เพราะผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไร



   “เราผิดเองแหละที่เป็นคนเริ่มเรื่อง แต่ตอนนี้เราอยากจะพอแล้ว” ไม่ได้มีท่าทีประชดประชันอะไรจากกานต์เลย มีแต่ความเหนื่อยอ่อน และดูยอมแพ้เหมือนคำที่เขาสื่อออกมา



   “เฟยไม่เข้าใจ” ผมเอื้อมไปจับมือกานต์มาถือไว้ ผมอยากให้กานต์บอกผมว่าทำไมถึงยอมแพ้


   
“ก็แค่เลิกยุ่งกับเรา กลับบ้านไปเถอะเฟย” กานต์พยายามแกะมือผมออกจากมือของตัวเอง น้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ ผมดึงกานต์เข้ามากอดไว้

 

   “เฟยขอโทษ” กานต์นิ่งฟังผมไม่ได้พยายามขัดขืนตอนผมกระชับกอดให้แน่นขึ้น เขายังคงเพียงแค่เอาหน้าซุกกับอกผมไว้



   “ขอโทษเรื่องอะไร” กานต์พูดเสียงอู้อี้



   “ขอโทษทุกเรื่องเลย ทุกเรื่องที่เฟยเคยทำไม่ดีกับกานต์” ผมค่อยๆลูบหัวกานต์เบาๆ



   กานต์ดันตัวเองขึ้นมาจากอกผม ผมเอื้อมมือไปปาดน้ำตาที่ซึมออกมาจากหางตาของกานต์ แต่เขาก็เบือนหน้าหนี



   “กานต์เป็นแฟนกับเฟยนะ” กานต์หันหน้ามามองผม น้ำตาไหลลงมาที่ข้างแก้มสีหน้าเจ็บปวด กานต์ส่ายหัวปฏิเสธ ผมดึงกานต์มากอดไว้อีกครั้ง



   “ขอเฟยแก้ตัวได้ไหม” ผมกดจมูกลงบนหัวกานต์ แต่กานต์ยังส่ายหัวเหมือนเดิม



   “เราไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว” กานต์เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม ความยับเยินที่ผมจ้องมองอยู่นี้ ผมต้องทำอย่างไรมันถึงจะหายไป ผมทำร้ายกานต์ไปมากแค่ไหน จะมีวิธีไหนที่จะปลอบประโลมให้เขากลับมายิ้มได้บ้าง ผมกดจูบลงบนริมฝีปากของกานต์ กานต์พยายามหลบผมแต่เมื่อผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ผมก็ได้สัมผัสกับริมฝีปากนุ่มๆอีกครั้ง



   “เฟยจะไม่ทำอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว เฟยสัญญา” ผมกดจูบลงบนหน้าผากกานต์



                                                                                *****
   

   
        “เลิกยุ่งกับเด็กคนนั้นซะ”  ผมทำหน้าสงสัยเพราะไม่รู้ว่าป๊าหมายถึงใคร



   “ป๊าเห็นคลิปวิดีโอกับข้อความที่เด็กคนนั้นส่งมาหาเฟยหมดแล้ว” กานต์นั่นเองที่ป๊าพูดถึง ผมไม่ได้ตอบอะไรใดๆออกไป  แม้ว่าที่ป๊าพูดจะไม่ใช่คำสั่ง แต่ผมรู้ดีว่าไม่ควรขัดใจ ผมอุตส่าห์พยายามทำให้กานต์กลับมาไว้ใจผมได้ในที่สุด และวันนี้เขาก็เพิ่งกลับไปหลังจากกินข้าวเย็นที่บ้านผม  ผมจะทำยังไงดี



   “แต่” ผมเริ่มคิดหาข้ออ้างต่างๆมาสู่กับป๊า แต่ก็โดนป๊าดักคอไว้ก่อน



   “อย่าทำให้แม่เสียใจ” ป๊าพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป



                                                                               *****

   ผมยังคงไปรับ – ส่ง กานต์เหมือนเดิม แม้ว่าจะยังคงคิดซ้ำไปซ้ำมากับคำพูดของป๊าในวันนั้น แต่กานต์ก็ไม่ได้มีท่าทีบึ้งตึงใส่ผมแล้ว ก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีที่จะบอกเลิกยุ่งกับกานต์เลย


   “เป็นอะไรหรือเปล่าเฟย” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ



   “แต่เราเห็นทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่มาจะเป็นอาทิตย์แล้วนะ” กานต์พูดต่อ เอื้อมมือมาบีบมือผมเบาๆ



   “ไม่มีอะไรหรอก” พูดจบผมก็ออกรถมุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัย



   หลังเลิกเรียนผมก็ลงมาที่ใต้ตึกอย่างปกติเหมือนเคย แต่พอลงมาถึงก็เห็นว่ากานต์กำลังนั่งคุยกับไอ้แก็ปอยู่ ผมไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปและนั่งลงข้างๆกานต์



   “มึงมาทำอะไร” ผมถามมันอย่างหาเรื่อง



   “เฟย” กานต์ทำเสียงดุ แต่ไอ้แก็ปแค่ยักคิ้วให้ผม



   “กลับกันเถอะกานต์” ผมพูดชวนกานต์แต่สายตายังคงมองไปที่มัน สงสัยว่ามันมาทำอะไรที่นี่ ไม่เข้าใจว่ากานต์ไปเป็นเพื่อนกับไอ้แก็ปได้ยังไง



   “งั้นเรากลับก่อนนะ” กานต์บอกลาไอ้แก็ป ซึ่งผมร็สึกไม่อยากให้กานต์ทำแบบนั้นเลย



   “โมโหอะไรเนี่ย” ผมหันไปหากานต์แต่ไม่ตอบอะไร เพราะรู้สึกโมโหไอ้แก็ป แค่เห็นมันก็อยากจะส่งหมัดตรงเข้าที่หน้ามันแล้ว



   “ทำไมต้องไปเป็นเพื่อนกับมัน” กานต์ทำหน้าเหวอตอนที่ผมถาม ก่อนจะยิ้มพร้อมกับส่ายหัว



   “เฟย” เสียงเหมือนเหนื่อยใจกับผมแต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไร


   
        ไอ้แก็ปยังคงมาหากานต์ที่คณะเรื่อยๆ ผมไม่เข้าใจว่ามันจะมาทำไมบ่อยๆ พอลองถามกานต์ดู กานต์ก็บอกว่ามันมารอป๊อบ แต่ทำไมมันถึงไม่ไปรอที่ใต้คณะที่ป๊อบเรียน บางวันผมต้องนั่งรอกานต์กับมันคุยกันให้เสร็จถึงจะกลับบ้านได้ และผมก็จะรู้สึกอยากจะต่อยหน้ามันทุกครั้งเพราะมันมักจะยิ้มเย้ยมาให้ทุกครั้งที่มีโอกาส วันนี้ก็เหมือนกันไอ้แก็ปยังคงมานั่งทำหน้าไม่สนโลกที่ใต้ตึก แต่วันนี้กานต์ยังไม่ลงมา


        “มึงจะมาทำไมบ่อยๆวะ” ผมนั่งลงฝั่งตรงข้ามมัน



        “ทำไม” ทั้งน้ำเสียงและหน้าตา กวนตีนอย่างที่สุด



         “กูก็แค่อยากจะมาคุยกับไอ้กานต์ ไม่ได้หรือไง” มันถาม



         “กูว่ามึงไปรอป๊อบที่อื่นเถอะ กานต์เขาไม่ได้อยากคุยกับมึงหรอก” ผมว่า



         “มึงกลัวว่ากูจะจีบไอ้กานต์” ผมมองหน้ามัน



         “หรือมึงกลัวว่าไอ้กานต์จะชอบกู” ไอ้แก็ปยิ้มเย้ยใส่ผม



        “ไม่แปลกหรอกถ้าไอ้กานต์มันจะชอบกู ก็กูเป็นคนที่พามันลงมาจากตึกเมื่อวันนั้น มึงจำได้ไหม” ผมนิ่งไปหลังจากที่มันพูด 



        “กูยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมไอ้กานต์ไม่ปล่อยคลิปออกไป” มันยิ้มเยาะผมอีกครั้ง



        “มึงรู้” ผมถามมัน



        “ใช่” ผมกระโจนเข้าใส่มัน แต่มีคนมาดึงผมไว้ก่อนที่หมัดผมจะถึงมัน



        “เฟย” กานต์ลากผมออกจากใต้ตึกไปยังรถของผมที่จอดอยู่ ผมยังคงอารมณ์เสียอยู่จึงสะบัดมือของกานต์ที่จับแขนผมอยู่ออก


        “เฟยใจเย็นๆ” คนพูดมีสีหน้าเหมือนกลัวผม ผมไม่รู้ว่าไอ้แก็ปมันมีความสัมพันธ์กับกานต์มากน้อยเท่าไหร่กันแน่ ผมรู้สึกไม่ไว้ใจทั้งมันและกานต์



        “กลับกันเถอะเนอะ” สิ้นคำชวนของกานต์ผมก็เดินไปเปิดประตูและขึ้นรถทันทีโดยไม่พูดอะไรอีกเลย แม้ว่าจะลงจากรถตอนถึงหอแล้วก็ตาม



                                                                                *****

         “วันอาทิตย์นี้ไปกินข้าวกันไหม” กานต์ชวนผมระหว่างที่นั่งอยู่ในโรงอาหารตอนพักเที่ยง



         “เฟยไม่ว่าง” กานต์หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมายิ้มให้ผมเหมือนเดิม



         “มาช่วยซ้อมเหรอ” ผมไม่ตอบอะไร แล้วกานต์ก็เงียบไป ไม่พูดอะไรเลยตอลอดทาง



         ทำไมไอ้แก็ปมันถึงรู้เรื่องคลิปนั้น ไม่ใช่ว่ากานต์กับมันร่วมมือกันเหรอ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้ก็ยังเป็นแผนของกานต์ใช่ไหม



                                                                                *****

        “อีกสองอาทิตย์ เราก็จะเอาเฝือกออกแล้วนะ” กานต์เล่าให้ผมฟังระหว่างทางกลับบ้าน ผมเพียงแค่พยักหน้ารับรู้เพราะในหัวยังคงคิดแต่เรื่องกานต์กับไอ้แก็ป



        “เฟยถามจริงๆนะกานต์” ผมใช้จังหวะที่รถติดอยู่นี้ถามสิ่งที่ค้างคาในใจ



        “ไอ้แก็ปกับกานต์เป็นอะไรกัน” กานต์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบคำถามผม



        “แก็ปเป็นเพื่อนจากโรงเรียนเก่า อยู่คนละห้อง แต่แก็ปเคยช่วยเราไว้ครั้งหนึ่ง ก็เลยสนิทกัน” กานต์เล่า



        “สนิทกันขนาดที่ว่าให้มันมาช่วยถ่ายคลิปเมื่อวันนั้นหรือเปล่า” กานต์อึ้งไป



        “ใช่ แก็ปเป็นคนช่วยเราเรื่องนั้นด้วย” กานต์หลบตาลงไม่กล้าสบตากับผม



        “แต่แค่ช่วยขับรถเฟยมาที่หอเราแค่นั้น ที่เหลือเราเป็นคนจัดการเอง ทั้งเรื่องถ่ายคลิปแล้วก็แผนทั้งหมด” กานต์มองผมด้วยตาที่เอ่อคลอด้วยน้ำตา



        “แล้วตอนนี้ยังเป็นแผนของกานต์อยู่ไหม” ผมถาม ผมรู้สึกเสียใจเหมือนกันตอนนี้ที่สงสัยกานต์ ทั้งๆที่ผมควรจะเชื่อใจเขา



        “เปล่า” คำพูดแผ่วเบาจนผมแทบจะไม่ได้ยิน



        แล้วกานต์ก็กลับไปห่อเหี่ยวเหมือนเดิม พยายามยิ้มให้ผมบ่อยๆแต่พอผมทำเพียงแค่หน้านิ่งๆใส่รอยยิ้มนั้นก็เจื่อนลง ผมอยากจะต่อยตัวเองเหลือเกินที่อยู่ดีดีก็มาเย็นชาใส่กานต์แบบนี้ แต่ผมเชื่อกานต์ไม่สนิทใจจริงๆว่ากานต์ไม่ได้วางแผนอะไรอีกแล้ว

 

        “เฟย” กานต์เอ่ยชื่อผมในเย็นของสุดสัปดาห์ ตอนที่รถผมมาจอดอยู่ที่ใต้หอเขา



        “คืนนี้จะค้างหอกานต์ไหม” กานต์ยิ้ม



       “ไม่” แล้วรอยยิ้มก็เจื่อนลง ผมสงสารกานต์เหมือนกัน แต่ช่วงนี้คงมาค้างหอกานต์ไม่ได้เดี๋ยวป๊าจะว่าเอา ผมกลัวว่าป๊าจะจัดการอย่างที่ป๊าว่า



       “ขับกลับดีดีนะ” แล้วกานต์ก็ลงจากรถไป ผมยังจอดอยู่ที่เดิม มองกานต์เดินเข้าหอไป



        ผมซบหน้าลงกับพวงมาลัย เอาหัวกระแทกสองสามทีเผื่ออะไรจะดีขึ้น แต่ก็ไม่ ในหัวผมมีแต่เรื่องที่ไม่อยากทำให้กานต์เสียใจ กลัวป๊า แถมยังเรื่องที่ไม่สามารถเชื่อกานต์ได้สนิทใจ ผมวนเข้าไปจอดใต้หอกานต์ กอ่นจะโทรให้กานต์ลงมาเปิดประตูให้ เขาดูตกใจนิดหน่อยที่ผมเปลี่ยนใจที่จะมาค้างหอเขาคืนนี้



       “มีอะไรบอกกานต์ได้ไหม” กานต์พูดกับผมที่นอนแผ่ลงบนเตียง



       “เฟยไม่รู้จะเริ่มยังไง” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่



       “กานต์เข้าใจนะ ถ้าเฟยจะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทัน” ผมหลับตาไม่อยากหันไปมอง ไม่อยากเห็นว่ากานต์กำลังเจ็บปวดแค่ไหน



       “เฟยไม่ได้อยากเลิกกับกานต์ แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงเลิกคิดไม่ได้ว่ากานต์ยังมีแผนอะไรอยู่อีก” ผมพูดทั้งๆที่หลับตา



       “เฟยเลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไง มันรู้สึกบอกไม่ถูก” ผมพยายามอธิบายความรู้สึกให้กานต์ฟังแต่ไม่รู้จะหาคำอะไรมาใช้ มันอื้อไปหมด



       “ยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากไอ้แก็ป” ผมว่า



       “เฟยกลัวว่ามันจะมาเอาคืน กลัวว่ามันจะมาจีบกานต์ กลัวว่ากานต์กับมันมีแผนอะไรอีก” ผมลุกขึ้นนั่งหันหน้าไปกานต์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง



       “เราขอโทษ” ผมไม่รู้ว่ากานต์ขอโทษเรื่องอะไร เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเองต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายพูดขอโทษ



       “มานั่งข้างเฟยได้ไหม” กานต์ลุกมานั่งข้างๆผมตามคำขอ



       “เฟยขอเวลาหน่อยนะ” ผมกอดกานต์



                                                                                 *****

       “วันอาทิตย์หมอนัดไปเอาเฝือกออก เฟยอยากไปด้วยกันไหม” กานต์ถามผมในขณะที่เขายื่นขวดน้ำมาให้ระหว่างช่วงพักของการซ้อมควงคทา



       “งั้นวันเสาร์เฟยไปค้างกานต์แล้ววันอาทิตย์เฟยจะพาไปหาหมอ” กานต์ยิ้ม



        ผมยังไม่สามารถเชื่อกานต์ได้สนิทใจ แต่ผมอยากจะทำทุกอย่างให้กานต์สบายใจ ทุกอย่างที่ผมทำได้  กานต์ก็ไม่ได้มีท่าทีเร่งผมแต่อย่างใด ไม่เศร้าแต่ก็ไม่ได้สดใส ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกผิด








ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Pawaree

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-2
    • FANPAGE
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
«ตอบ #157 เมื่อ28-04-2016 02:07:27 »

รอตอนต่อไปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
«ตอบ #158 เมื่อ28-04-2016 02:09:25 »

ตั้งแต่อ่านมา ยังไม่เคนรู้สึกถึงคำว่า รัก ระหว่างกันเลย เห็นได้ชัดเจนคือความระแวง ความสับสนในความสัมพันธ์ คือตกลงว่า มันรักกันจริงใช่ไหม หรือเป็นการวางแผนเพื่อหวังแก้แค้นอะไรบางอย่างของใครสักคน (นี้คือสิ่งที่เรารู้สึก)

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
«ตอบ #159 เมื่อ28-04-2016 08:04:41 »


เป็นความสัมพันธ์ที่มีแต่ความอึดอัด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
« ตอบ #159 เมื่อ: 28-04-2016 08:04:41 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
«ตอบ #160 เมื่อ28-04-2016 09:22:11 »

พลาดกันไปมาจริงๆเลย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
«ตอบ #161 เมื่อ28-04-2016 22:08:52 »

 :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
«ตอบ #162 เมื่อ29-04-2016 11:14:59 »

อ่านแล้วอึดอัดตามอ่าาาา

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
«ตอบ #163 เมื่อ29-04-2016 13:44:47 »

2 นี่ยังไง พลัดกันเข้าใจผิดพลัดกันงอน พลัดกันโกธร

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 17 28-04-16
«ตอบ #164 เมื่อ05-05-2016 21:00:57 »

กลับมาอ่านอีกรอบ ยังคงอึมครึมอยู่

ออฟไลน์ sasithron

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
«ตอบ #165 เมื่อ03-06-2016 03:12:49 »

ตอนที่ 18

“ทำไมกานต์ต้องทำกับเฟยอย่างนี้” ผมไม่ได้ตอบคำถามแม่ ได้แต่นิ่งเงียบ ป๊าคงเป็นคนบอกแม่เอง



“ไหนป๊าบอกว่าจะไม่บอกแม่” ผมหันไปหาป๊าที่นิ่งเงียบไม่ต่างจากผมเวลาที่แม่ตั้งคำถาม



“ไม่ต้องเลยเฟย” แม่ดุ



“แม่คิดว่ากานต์เป็นเด็กดี คิดไม่ออกเลยว่าทำไมกานต์ถึงทำแบบนี้” แม่มองหน้าผมเหมือนรอให้ผมพูดอะไรบ้าง



“แม่จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรลูกของแม่หรอกนะ” แม่มองผมตาเขม็ง ผมควรจะเล่าให้ทุกๆคนฟังว่าอย่างไรดี เหมือนว่าเรื่องราวจะไปกันใหญ่แล้ว



“แม่ เฟยขอเวลาอีกหน่อย เฟยสัญญาว่าจัดการเรื่องทั้งหมดเอง” แม่จ้องผมครู่หนึ่งก่อนจะลุกเดินจากไป และก็ตามด้วยป๊าที่ส่ายหัวน้อยก่อนลุกไป



ผมขอเวลากับแม่ แต่ผมไม่รู้ว่าผมจะขอไปทำไม ผมไม่กล้าทิ้งกานต์ตอนนี้แน่ๆ ยิ่งเห็นดวงตาที่คลอด้วยน้ำใสๆยิ่งแล้วใหญ่



“กานต์เป็นคนไม่ดีแน่เหรอเฟย” ไหมที่ยังนั่งอยู่ถามขึ้น ผมส่ายหัว แต่ก็ต้องยอมรับว่าการแบล็คเมล์ผมนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง



“ความจริงเฟยไม่ต้องทำอะไรเลยรู้เปล่า เดี๋ยวกานต์ก็จะยอมแพ้ไปเอง” ถูกของไหม กานต์ยอมแพ้ไปแล้ว แล้วคนที่ขอโอกาสกานต์อีครั้งก็คือตัวผมเอง



“แล้วกานต์จะไม่เสียใจเหรอไหม” ผมถาม



“มันมีด้วยเหรอเฟยคนที่เลิกกันแล้วจะไม่เสียใจ เว้นแต่ว่าไม่ได้รักกัน” พูดจบไหมก็ลุกไป ผมไม่รู้ว่าผมจะเสียใจไหมถ้าเลิกกับกานต์ ผมรู้แค่ว่าผมไม่อยากเห็นแววตาหมองๆนั้นอีก ผมสงสารกานต์

                                                                                *****


“เฟย” กานต์เอือมมือมาจับมือผม ระหว่างที่เราทั้งคู่นั่งอยู่ที่ใต้ตึกคณะ



“มีอะไรหรือเปล่า เล่าให้เราฟังได้นะ” กานต์ยิ้มแต่ไม่เต็มยิ้มนัก ผมบีบมือกานต์เบาๆ



“ไม่มีอะไรหรอกกานต์” ผมโกหก แม้ว่ากานต์ดูเหมือนจะไม่เชื่อที่ผมพูดแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรผมอีก ช่วงหลังไอ้แก็ปไม่ได้มาที่คณะแล้ว กานต์คงไปบอกมัน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นบ้าง แม้ว่าผมจะคอยบอกตัวเองว่าไม่ให้คิดมาก ผมต้องยอมรับว่าการเห็นไอ้แก็ปมาป้วนเปี้ยนอยู่กับกานต์มันทำให้ผมเชื่อกานต์ไม่ได้สนิทใจ



หลังจากคืนนั้นผมกับกานต์มักจะเงียบๆเวลาอยู่ด้วยกัน จะพูดกันเมื่อเวลาชวนกันกลับบ้าน กินข้าว แค่นั้น  ไม่ใช่ว่าผมอยากจะให้ทุกอย่างแย่ลงเลยทำเป็นไม่พูดไม่จา แต่เพราะว่าไม่รู้จะพูดอะไรดีกับต้องใช้ความคิดเยอะ เลยไม่ค่อยจะได้พูดอะไร แต่สำหรับกานต์ผมไม่แน่ใจ เหมือนเขากำลังเตรียมรับมือกับบางสิ่งบางอย่าง เขาอาจจะกำลังคิดว่าผมจะบอกเลิกเขาในวินาทีใดวินาทีหนึ่งที่ผมเอ่ยปากพูด เพราะว่าเวลาผมเริ่มพูดอะไรสักอย่าง กานต์จะมีสีหน้าตื่นๆเล็กน้อย ผมไม่ได้มีความสุขเลยกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้แย่จนผมรู้สึกอยากหนีไปจากกานต์



“เฟย วันอาทิตย์หมอนัดเราไปเอาเฝือกออกแล้วนะ” กานต์บอกผมแล้วก็กลับไปสนใจหนังสือเหมือนเดิม คงอยากทำให้เหมือนว่าเป็นเรื่องเล่าทั่วๆไปหรือเปล่า



“ครบสามเดือนแล้วเหรอ” ผมประหลาดใจนิดหน่อยไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้



“อยากไปด้วยกันไหม” กานต์ไม่สบตาผมเลยตอนที่ถาม



“เฟยอาจจะไม่ว่าง” แววตากานต์นิ่งไปกับคำตอบผมเสี้ยววินาที ก่อนจะส่งยิ้มกลับมาให้ผม



“มะ ไม่เป็นไรเฟย” กานต์กระพริบตาถี่ๆ ก้มหน้าลงไม่สบตาผม



“ผิดหวังเหรอ” ผมถามออกไปตรงๆ



“เปล่า ระ เราแค่ถามดู” เขาส่งยิ้มแหยๆมาให้



“เดี๋ยววันเสาร์นี้เฟยไปค้างหอกานต์ แล้ววันอาทิตย์เฟยจะพาไปหาหมอ ดีไหม” ผมบอก



“ไม่เป็นไรเฟย ถ้าเฟยมีธุระ” กานต์ว่า



“เฟยไปได้ ไม่มีปัญหา” ผมย้ำเพื่อให้กานต์มั่นใจ



“หมอนัดกี่โมงนะ” ผมถามต่อ



“สิบ หมอนัดสิบโมง” กานต์ตอบผมสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อสักครู่



“แล้วต้องตื่นกี่โมง” ผมยิ้ม กานต์ยิ้มตอบ ก่อนจะหันไปสนใจหนังสือตามเดิม


                                                                                *****

แม้ว่าต่อหน้ากานต์ผมจะพยายามทำให้กานต์สบายใจ แต่พอกลับมาที่บ้าน พอเห็นหน้าทุกคนโดยเฉพาะแม่ ก็ทำให้ผมต้องคิดเรื่องบอกเลิกกานต์อีกครั้ง


หากผมบอกเลิกกานต์ตอนนี้ เขาจะเป็นอย่างไร มันจะง่ายขึ้นไหมหากผมจะบอกเลิกกานต์ในวันที่เขาเอาเฝือกออก



“แม่ครับวันเสาร์เฟยไปค้างหอเพื่อนนะ” ผมไม่กล้าบอกตรงๆว่าไปค้างหอกานต์ เพราะกลัวแม่จะโกรธ



“กานต์ใช่ไหม” แม่ผมจับได้ ผมก็ได้แต่พยักหน้ายอมรับแต่โดยดี



“ต่อให้แม่ห้ามไม่ให้ไป เฟยก็จะไปอยู่ดี แม่รู้” แม่ว่า



“แต่แม่ เฟยสัญญากับกานต์ไว้แล้วว่าจะพาไปหาหมอ” ผมอธิบายหวังว่าแม่จะเข้าใจ



“แล้วจะมาขอแม่ทำไม” เหมือนว่าแม่ผมจะไม่เข้าใจ

                                                                               *****

“คิ้วขมวดอีกแล้วเฟย มีอะไรหรือเปล่า” กานต์ถามผมขณะรถติดไฟแดงระหว่างทางไปมหาวิทยาลัย



ตอนนี้ผมอยากจะเล่าทุกอย่างให้กานต์ฟังและขอเลิกกับกานต์ แต่ตอนนี้กานต์กลับมาสดใสเหใอนเดิมแล้วก็ไม่อยากไปทำร้ายให้หม่นหมองอีก



“บางทีคืนวันเสาร์นี้เฟยอาจจะไปค้างหอกานต์ไม่ได้นะ” กานต์มองหน้าผมแต่ไม่มีแววตาผิดหวังแต่อย่างใด แถมยังทำหน้าเบื่อๆใส่ผมอีก



“เรื่องนี้เหรอที่ทำให้เฟยทำหน้าเหมือนอมทุกข์” กานต์ถาม



“ใช่” ผมตอบ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด



“ไม่เป็นไรเฟยเรื่องแค่นี้เอง” หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส



“อาจจะรวมไปถึงวันอาทิตย์ด้วยนะ” กานต์ถอนหายใจหลังผมพูดจบ



“ทำไมถึงคิดว่าเราจะไปหาหมอคนเดียวไม่ได้” กานต์ไม่พูดเปล่า เอามือมาบีบแก้มผมด้วย



“กลัวกานต์โกรธ” ผมเอามือจับมือกานต์อีกที



“ไม่โกรธหรอก” กานต์เอามือออกจากแก้มผมแล้ว แต่ผมยังไม่ปล่อยมือที่กุมมือของกานต์



“แต่” ผมกำลังจะพูดต่อแต่ถูกกานต์ห้ามไว้ด้วยริมฝีปากของเขา กานต์ถอนจูบออกจังหวะเดียวกับที่ไฟเขียวพอดี ผมไม่เข้าว่าทำไมไฟเขียวจะนานกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้หรือไง



“เราไม่โกรธจริงๆ” กานต์หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง ผมมองเห็นแค่ใบหูที่แดงๆของเขา ผมเลียริมฝีปากลิ้มรสจูบที่ยังหลงเหลืออยู่

                                                                                *****

ผมนั่งอยู่ใต้คณะกับกานต์และเพื่อนๆเหมือนเดิม แต่จูบของกานต์ยังคงติดอยู่ในความคิด เหมือนว่าอยากจะทำอีกครั้ง ผมลอบมองปากของกานต์ตลอดเวลาพร้อมกับเอามือลูบปากตัวเองไปด้วย กานต์คงจะรู้ตัวเพราะเงยหน้าจากหนังสือมามองผมแต่พอเห็นว่าผมเอามือลูบปากอยู่ก็รีบก้มหน้าหนีทำเป็นอ่านหนังสือ ผมยิ้มให้กับหูของกานต์ที่แดงขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่ต้องไปช่วยพี่มายด์ซ้อมแล้วเหรอ” กานต์ถามระหว่างเดินไปขึ้นรถผม



“พรุ่งนี้เฟยว่าจะแวะเข้าไปดูอยู่” ผมตอบ



“แต่ความจริงก็ไม่ค่อยมีอะไรแล้ว เฟยไม่ต้องไปช่วยก็ยังได้” ผมเสริม



“กานต์” ผมสอดคว้ามือกานต์มากุมไว้



“ว่า” กานต์หันมาหาผม



“คืนนี้เฟยไปค้างหอกานต์นะ” กานต์หรี่ตามองผมเหมือนจับผิด



“ไม่ เราไม่ให้ค้าง” กานต์บอกผมตอนที่เราทั้งคู่เขามานั่งในรถแล้ว



“เรารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง” ผมรู้ว่ากานต์หมายถึงอะไร



ผมแกล้งถอนหายใจก่อนจะสตาร์ทรถ ผมตีหน้าขรึมไม่พูดไม่จาตลอดทาง ผมเห็นจากหางตาว่ากานต์หันมามองผมบ่อยๆ หลายครั้งที่ผมหันไปก็เห็นกานต์มองผมอยู่ แต่ผมก็ยังไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น

“เฟยไม่อยากได้แค่ ขับกลับดีดีนะ จากกานต์แล้ว” ผมพูดก่อนที่กานต์จะเอ่ยปากบอกลาผมอย่างทุกที



“ยังไง” กานต์ถาม ทำหน้าตาไม่สบอารมณ์ใส่ผม



“จูบไง เฟยอยากได้จูบลา” ผมยิ้ม



“ไม่” เสียงกานต์เหมือนโมโห แต่หน้าแดงมาก



“งั้นเฟยค้างหอกานต์นะ” ผมพูดต่อ



“เฟย” กานต์ขมวดคิ้ว ทำหน้าเคร่งขรึม แต่ผมไม่กลัว



“ทีเมื่อเช้า กานต์ยังจูบเฟยได้เลย” ผมปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วขยับเข้าไปใกล้ๆกานต์



“แค่หอมแก้มได้ไหม” กานต์เขยิบถอยหลัง



“ไม่” ผมตอบ



“งั้นถอยกลับไปนั่งดีๆ” กานต์ดุ

ผมกลับไปนั่งดีดีอย่างที่กานต์พูด กานต์เองจึงเป็นฝ่ายค่อยๆขยับเข้ามาหาผม หน้าของกานต์เลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้นที่ละนิดๆ ผมจ้องเข้าไปในดวงตาแม้ว่าจะทำเหมือนว่ามั่นใจแต่ผมก็พอจะเห็นแววของความประหม่า และมันทำให้ผมรู้สึกได้ใจมาก ในที่สุดริมฝีปากของกานต์ก็แตะโดนริมฝีปากของผม แต่เพียงแค่เอาปากประกบไว้เฉยๆ ในจังหวะที่กานต์กำลังจะถอยหลังกลับผมเอามือรั้งตัวกานต์ไว้และเป็นฝ่ายรุกไล่กานต์เอง ผมดูดดื่มความหวานจากปากของกานต์แต่มันเหมือนยังไม่พอ ผมจึงสอดลิ้นเข้าไปหาความหวานเพิ่มเติม แต่ยังไม่ทันจะได้ลิ้มรสกานต์ก็ผลักหัวผมออกจนหน้าหงายไปโดนพนักพิง

“กานต์” ผมทำสีหน้าตำหนิ



“ไม่ต้องเลย” กานต์ดุ

ผมขยับเข้าหากานต์โดยไม่สนใจที่กานต์ทำหน้าดุใส่ผม แล้วผมก็ได้รับการบีดแก้มมาเป็นรางวัล เจ็บจนน้ำตาคลอ

“อาน เอยอ๋อโอ้ด” ผมจับมือกานต์ข้างที่บีดแก้มผมอยู่



“หื่นนักใช่ไหม” กานต์บีดแก้มผมอีกครั้งก่อนจะปล่อยมือ



“ขับกลับดีดีนะ” กานต์พูดจบก็ลงจากรถไป



“จะต้องเอาคืนให้ได้” ผมพูดกับตัวเองพร้อมยิ้มไปด้วย

                                                                              *****

“ตื่นยัง” ผมโทรหากานต์ตอนสิบโมงเช้าวันเสาร์



“ยัง” เสียงตอบกลับมาเต็มไปด้วยความงัวเงีย แถมยังหาวอย่างจริงใจผ่านโทรศัพท์มาให้ผมได้ยิน 


   
   “เฟยยืนรออยู่ข้างล่างแล้ว ลงมารับเฟยหน่อย” ผมบอก หลังจากนั้นไม่นานกานต์เดินงัวเงียลงมาเปิดประตูให้ผมแล้วก็ก็เดินงัวเงียกลับไปห้องโดยไม่สนใจจะพูดกับผมเลย



   “ทำไมมาหาเราแต่เช้าเลย มีอะไรหรือเปล่า” กานต์พูดกับผม แต่เหมือนพูดกับหมอนมากกว่า



   “อ้าว ก็คืนนี้จะมาค้างหอกานต์แล้วพรุ่งนี้จะพาไปหาหมอไง จำไม่ได้เหรอ” ผมมองกานต์ที่นอนหลับตาอยู่



   “อ๋อ” กานต์พูดเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ แต่ยังคงนอนหลับตา ผมเห็นอย่างนั้น ก็ล้มตัวลงนอนข้างๆกานต์



   “เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อนนะ” อะไรกันพอผมล้มตัวลงนอนข้าง เขาก็รีบลุกขึ้นแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป

   หลังจากกานต์แต่งตัวเสร็จเขากับผมก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหารข้างๆหอกานต์ พอกินกันอิ่มแล้วก็กลับขึ้นห้องทันที กานต์ทิ้งให้ผมนอนดูโทรทัศน์อยู่คนเดียวเพราะกานต์มัวแต่เตรียมเสื้อเพื่อเอาลงไปซักที่ด้านล่างหอ ผมรีบลุกไปช่วยตอนเห็นกานต์ลากตะกร้าผ้าไปทางหน้าประตู

   “ทำไมไม่เรียกเฟย” ผมดุ



   “เรายกเองได้น่า” ไม่ได้สนใจที่ผมพูดเลย



   “เหรอ” ผมดึงตะกร้ามาถือไว้เองคนเดียว

   
   กานต์จัดแจงเอาเสื้อผ้าทั้งหมดเทใส่ถังซัก ใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วกดตั้งเวลาเป็นลำดับสุดท้าย เขายืนดูเครื่องซักผ้าที่เริ่มทำงานสักพัก ก่อนจะหันมาหาผม


   “อยากไปไหนไหม” กานต์ถามผม



   “ไม่ได้อยากไปไหนอ่ะ” ผมส่ายหัว แต่กานต์ยังคงมองหน้าผมอยู่เหมือนไม่เชื่อในคำตอยของผม



   “เรากลัวเฟยเบื่อ เอาไว้ผ้าซักเสร็จไปเดินเล่นกัน” กานต์ว่า



   “ไม่เอาอ่ะ นอนดูหนังที่ห้องดีกว่า” ผมตอบแล้วก็เดินนำกานต์ขึ้นห้องเพื่อตัดบทสนทนา


   แล้วผมก็ได้นอนดูหนังตามที่ผมพูดเอาไว้ แต่หนังที่ผมดูกานต์เป็นคนเลือก ซึ่งอันที่จริงเป็นซีรีส์เกาหลีที่เขาดูค้างอยู่ต่างหาก ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรแต่มันจะดีกว่านี่ถ้ากานต์ยอมให้ผมนอนหนุนตัก ไม่ใช่ผลักหัวผมอย่างแรงตอนที่ผมล้มตัวลงนอน ตอนนี้ผมก็เลยได้แต่นอนเซ็งๆบนเตียงส่วนกานต์นั่งอยู่ปลายเตียง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับซีรีส์ที่เปิดจากโน้ตบุ๊ก


   วันทั้งวันไม่มีอะไรเลย ผมช่วยกานต์ตากผ้าที่ระเบียง ลองแกล้งเข้าไปใกล้ก็โดนผลักออกมาเหมือนเดิม ตกเย็นก็ออกไปหาอะไรกินอีกครั้ง

   “เราอาบน้ำก่อนนะ” กานต์บอกผมตอนที่เราทั้งคู่เข้ามาถึงห้อง เขายืนเก้ๆกังๆถอดเสื้ออยากลำบากเพราะติดแขนข้างที่ใส่เฝือก



   “ไม่เป็นไร เราถอดเองได้” กานต์พูดพอเห็นผมเดินเข้าหา ก่อนจะถอยกรูดเข้าห้องน้ำไป ผมไม่เข้าใจว่าจะเขินอะไรผมนักหนา ไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้เลยจริงๆ วันนี้ผมต้องคลุกวงในให้ได้ผมสัญญากับตัวเอง เอาคืนที่บิดแก้มผมเมื่อวันนั้น

   
   
   “เช็ดหัวให้เฟยหน่อย” ผมปีนเตียงขึ้นไปหากานต์พร้อมกับยื่นผ้าขนหนูให้



   “ใส่เสื้อก่อนเร็ว” ตากานต์มองตัวผมที่มีหยดน้ำเกาะอยู่



   “เดี๋ยวเสื้อเปียก” ผมตอบพร้อมกับเขยิบเข้าไปใกล้ๆอีก



   “รีบเช็ดหัวให้เฟยเร็ว” ผมเร่งกานต์  เขาจึงต้องเริ่มเช็ดหัวให้ผมอย่างเสียไม่ได้ ผมสังเกตว่ากานต์หลบตาผมตลอดเวลา



   “ไม่อยากให้เฟยเข้าใกล้เหรอ” ผมถาม



   “เกียจเฟยแล้วเหรอ” ผมถามต่อ



   “เปล่า” กานต์ตอบ


   
“งั้นเฟยจูบได้ไหม” ผมรุกถาม แต่กานต์ส่ายหัวปฏิเสธไปมา



“ทำไมล่ะ” ผมขยับเข้าหากานต์ที่ถอยหนีไปจนหลังติดกำแพงตรงหัวเตียง

 
   
“เฟยพูดเหมือนกำลังจะหลอกฟันเด็กเลยนะ” กานต์ยิ้มแหยๆ




“ไม่ไว้ใจเฟยเหรอ” ผมยกแขนข้างซ้ายที่ใส่เฝือกของกานต์คล้องคอผมไว้ เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้กานต์มากขึ้น



“เฟยสัญญาจะไม่ทำให้กานต์เสียใจ” ผมแตะปากลงบนริมฝีปากของกานต์ ผมรู้สึกว่าจูบเท่าไหร่ก็ไม่พอ ยิ่งได้สัมผัสก็อยากจะสัมผัสมากขึ้น



“ฟะ เฟย” เสียงสั่นๆของกานต์ กระตุ้นผมให้ตื่นตัวเต็มที่ ผมเร้าจูบให้ร้อนแรงยิ่งกว่าเดิมกานต์เองก็ตอบสนองได้ดี มืออีกข้างบีบต้นแขนผมไว้แน่น ใจผมเต้นรัวจนตกต้องผละออกจากริมฝีปากของกานต์ กานต์เองก็หายใจแรงไม่แพ้กัน เราทั้งคู่มองตากันครู่หนึ่งก่อนผมจะจู่โจมใส่กานต์อีกครั้ง

                                                                                *****

เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าดังปลุกผม ผมค่อยขยับตัวเพราะไม่อยากให้กานต์ที่นอนกอดผมอยู่ตื่นเสียก่อน

“ครับแม่” ผมพูด



“กลับบ้านเลยได้ไหมเฟย ไปธุระเป็นเพื่อนแม่หน่อย” แม่ผมพูดเสียงสดใส ซึ่งดูสดใสมากกว่าปกติที่แม่เป็น



“แต่วันนี้ผม” ผมเริ่มจะอธิบาย แต่ถูกแม่ขัดไว้ก่อน



“นะเฟย” แม่ว่า



“ครับ” ผมรับปากอย่างเสียไม่ได้ หลังจากรับปากแม่ว่าจะไปธุระเป็นเพื่อนแม่แน่นอน ผมก็กดวางสาย

ผมหันไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง ร่างกายที่ตอบสนองผมอย่างดีเมื่อคืนนี้ถูกคลุมด้วยผ้าห่มตั้งแต่หัวไหล่ลงไป เหมือนจะกำลังเรียกให้ผมล้มตัวลงไปนอนข้างๆ  แต่ผมทำได้แต่ยืนมองเพราะกลัวว่าถ้าลงนอนตามที่ใจอยากก็จะไม่ได้ลุกจากเตียงง่าๆแน่ เมื่อคืนผมตักตวงความสุขจากกานต์มามาก มากจนผมรู้สึกผิดที่จะปล่อยให้กานต์ไปหาหมอคนเดียว แต่ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธแม่ได้

“มีอะไรหรือเปล่าเฟย” กานต์ตื่นขึ้นมาพอดีระหว่างที่ผมยืนคิดนู่นนั่นอยู่นี้



“เฟยต้องไปธุระกับแม่วันนี้ คงไปกับกานต์ไม่ได้แล้ว” ผมพูด



“บอกแล้วไง ว่าไม่เป็นอะไร” กานต์ว่า



“ทำไมถึงไม่เลิกเป็นกังวลซักที” กานต์พูดต่อ



“แต่” แม้ว่าสีหน้ากานต์จะสดใสแต่ผมก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้



“ไม่เป็นไรจริงๆ” กานต์ทำเสียงดุ



“ครับๆ งั้นไว้เฟยโทรหานะ” ผมโน้มตัวจูบกานต์เนิ่นนาน



“ไปได้แล้ว” กานต์ผลักผมออก แต่ผมจูบอีกครั้งก่อนจะไปอาบน้ำ

                                                                                *****

“สีแขนเราไม่เท่ากันจริงๆนะเฟย” กานต์พูดเรื่องนี้มาตั้งแต่บนรถระหว่างทางที่ผมไปรับกานต์ตอนเช้าวันจันทร์ จนตอนนี้พักกลางวันก็ยังพูดอยู่



“เดี๋ยวก็กลับมาเหมือนเดิม” ผมส่ายหัว ให้กับคนตรงหน้าที่ก้มมองแขนตัวเองไปมา



   “กานต์อาจารย์เรียกที่ห้องอ่ะ” ไอ้อัพพูดตอนนี้มาถึงโต๊ะที่ผมกับกานต์นั่งอยู่



   “เหรอ” กานต์หน้าเหวอเล็กน้อย



   “ขอบใจมากนะอัพ” กานต์หันไปพูดกับอัพ



   “มีอะไรหรือเปล่ากานต์” ผมถาม



“อาจจะโดนแก้งานอีก” กานต์ทำหน้ามุ่ย



“ไว้เจอกันตอนเย็นเลยแล้วกันนะ” แล้วกานต์ก็ลุกขึ้นวิ่งออกไป ผมสังเกตว่าไอ้อัพมองตามกานต์ไปจนกานต์ขึ้นตึกไป แล้วมันก็หันมาหาผมทำหน้าเหมือนมีอะไรอยากจะพูดกับผม



“มีอะไรมึง” ผมถาม



“ที่มึงคบกับกานต์ เพราะมึงโดนแบล็คเมล์เหรอว่ะ” ผมนิ่งไปกับคำถามของไอ้อัพ



“อะไรของมึง” ผมถามมันกลับโดยไม่ตอบว่าใช่หรือไม่



“ก็กูเข้าไปห้องอาจารย์ แล้วก็ได้ยินพ่อแม่มึงคุยกับอาจารย์เรื่องนี้อยู่” ไอ้อัพเล่า



“เขาเลยให้กูมาตามกานต์นี่แหละ” จบคำพูดไอ้อัพผมก็รีบลุกวิ่งตามกานต์ไป






ขอบคุณครับ



ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
«ตอบ #166 เมื่อ03-06-2016 06:27:59 »

เรื่องยิ่งขยายใหญ่ขึ้น
มีแต่ความเป็นไปที่จะเลิกกัน
แต่เฟย มีท่าว่าจะชอบกานต์ซะแล้ว
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
«ตอบ #167 เมื่อ03-06-2016 11:29:02 »

เอาใจช่วยกานต์อันเป็นที่รักน้าาาา
สู้ๆ ขอให้เรื่องร้ายๆผ่านไปไวๆ

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
«ตอบ #168 เมื่อ03-06-2016 14:49:49 »


อยากอ่านต่อแล้วววววววววววว!
กานต์จะโดนไล่ออกมั้ย?
ความจริงจะโทษพ่อแม่ก็ไม่ได้อ่านะ ท่านทำถูกแล้วที่ปกป้องลูก
แต่พออ่านในมุมมองของคนสองคนแล้วมันก็ช่างขัดใจเหลือเกิน
โถ่ คุณพ่อคุณแม่คะ ยุ่งไรด้วยเนี่ย555
ทำแบบนี้นี่เท่ากับทำลายอนาคตน้องกานต์เลยนะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
«ตอบ #169 เมื่อ03-06-2016 17:21:16 »

สุดท้ายเฟยก็ไม่ได้ทำให้กานต์รู้สึกดีขึ้น
ยิ่งบานปลายหนักขึ้นไปอีก พ่อแม่เฟยใจร้ายไปนะ
ทำไมไม่ลองมาพูดกับกานต์ก่อนล่ะ อยู่ๆก็มาตัดอานาคตกันเลย
นึกภาพไม่ออกว่ากานต์จะเสียใจแค่ไหน แล้วถ้าพ่อแม่เฟยรู้ว่า
เฟยเคยทำอะไรกับกานต์ไว้บ้าง จะกล้ามาขอโทษกานต์มั้ยนะ

อย่าให้ค้างนานนะคนแต่ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
« ตอบ #169 เมื่อ: 03-06-2016 17:21:16 »





ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
«ตอบ #170 เมื่อ03-06-2016 18:27:55 »

 จริงๆเป็นผู้ใหญ่ น่าจะกระทำอะไรให้สุขุมรอบคอบกว่านี้นะคะ ถ้าซักเรื่องราวละเอียดก็น่าจะเข้าใจมากขึ้นนะ ว่าเรื่องคลิประหว่างเด็กสองคนมันถูกลบไปแล้ว แถมลูกคุณอยู่มหาลัยแล้วนะ มีท่าทีอ่อนโอนแบบนั้นก็ควรเอามาคุยก่อนป๊ะ? จะบอกไม่ให้มายุ่งกับลูกหรือขู่จะเเจ้งตำรวจก็ว่าไป เพราะกานต์ไม่ได้ไปตามเล้าหรือขู่ๆๆๆ แบล็คเมลๆๆๆ นี่นา ถึงกับต้องตัดอนาคตกันเลย น่าโมโหนะคะ ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ หรือจะเพราะเราอ่านในมุมของเด็กๆเค้าล่ะมั้งถึงไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพ่อแม่ แต่แค่คุยกับลูกยังไม่คุยคุยไม่รู้เรื่องเลย ไม่คิดอะ...(@#$%^&*)  บ่นยาว 555 แบล็คเมล์แล้วไง ขู่แล้วไง อัดคลิปแล้วไง สุดท้ายคนที่เสียเปรียบ ช้ำทั้งตัว ช้ำทั้งใจก็เฟยชัดๆ แม่งงงง #คนอ่านอินมาก อย่าได้ใส่ใจ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
«ตอบ #171 เมื่อ03-06-2016 21:34:12 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cho_co_late

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
«ตอบ #172 เมื่อ03-06-2016 21:46:39 »

ให้ตายเถอะ หลงเข้ามาอ่านแล้วไม่คิดเลยว่าจะติดหนักขนาดนี้
อ่านมาเรื่อยๆแล้วชอบความหน่วงของเรื่องมากๆ
จนถึงตอนสุดท้ายที่เริ่มพีคขึ้นเรื่อยๆนี้ละค่ะ
พ่อแม่เฟยก็นะ เฮ้ออออ  :เฮ้อ:
เฟยเริ่มชอบแล้วอ่ะ อีกอย่างที่จริงเหมือนเฟยก็จะจำเรื่องที่ตัวเองทิ้งกานต์ไว้บนตึกได้นะ
จะมีหรอ จำเหตุการณ์ได้ว่าตัวเองทิ้งคนไว้บนตึกได้แต่จำไม่ได้ว่าทิ้งใคร ไม่น่าจะมีหรอก
ยังไงก็ตาม เฟยก็ต้องแก้เรื่องนี้ให้ได้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
«ตอบ #173 เมื่อ03-06-2016 22:47:37 »

จะโดนอะไรต่อ!!!!!!

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
«ตอบ #174 เมื่อ04-06-2016 01:55:05 »

เย้ๆกลับมาแล้ว กานต์จะเป็นยังไงบ้างอะ คงจะได้เลิกกับเฟยรึป่าว
รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
«ตอบ #175 เมื่อ23-06-2016 11:47:27 »

จะเป็นยังไงต่อ

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 18 03-06-16
«ตอบ #176 เมื่อ23-06-2016 15:33:30 »

ถึงขนาดตัดอนาคตกันเลยเหรอ มากเกินไปไหม ความเป็นผู้ใหญ่อยู่ที่ไหน อย่างน้อยก็น่าจะมีการสอบถามกันก่อน แต่สำหรับเราเฟยเองก็นิสัยใช้ไม่ได้เช่นกัน

ออฟไลน์ sasithron

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
«ตอบ #177 เมื่อ04-07-2016 03:30:21 »

ตอนที่ 19

   ผมยืนเท้าตายอยู่หน้าห้องอาจารย์ที่ปรึกษาชั้นปีไม่สามารถเปิดประตูก้าวเข้าไปหรือว่าหันหลังแล้ววิ่งหนีไปได้ มีการตะลุมบอนกันในความคิด อยากจะเปิดประตูเข้าไปเพราะมันอาจจะช่วยกานต์ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเปิดเข้าไปแล้วจะพูดอะไรดี
   



“โธ่โว้ย” ผมสบถให้ตัวเอง ไม่รู้ว่าผมกลายเป็นคนขี้ขลาดแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่



จนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออกโดยกานต์ เขามองหน้าผมครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนีไป ผมทันมองเห็นสีหน้าเรียบเฉยของเขา ไม่รู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วกานต์ก็เดินจากผมไปโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดอะไรเลย แต่พอผมจะตะโกนเรียกกานต์ประตูก็ถูกเปิดอีกครั้งแล้วป๊ากับแม่ผมก็เดินออกมา



   “เฟย” แม่ทักผม



   “ป๊า แม่ มาทำอะไรกันครับ” ผมรู้ว่าทั้งคู่มาทำอะไรกันแต่อดที่จะถามไม่ได้



   “มาทำในสิ่งที่เฟยไม่ยอมทำ” ป๊าพูดเสียงเข้ม ผมถอนหายใจ



   “งั้นเฟยไปเข้าเรียนก่อนนะครับ” ผมหมดคำพูดเพียงเท่านี้พูดจบก็หันหลังเดินหนีจากคนทั้งคู่ ผมต้องเก็บความรู้สึกผิดหวังไว้ก่อน สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือคุยกับกานต์ ผมวิ่งไปที่ห้องเรียนที่กานต์จะเรียนในตอนนี้แต่พอไปถึงหน้าห้องอาจารย์ก็เข้าสอนแล้ว ผมยืนอยู่หน้าห้องสักพักส่งข้อความหากานต์เพื่อให้เขาออกมาหาผม แต่เหมือนจะเปล่าประโยชน์เพราะกานต์ไม่ตอบข้อความผมเลย ผมจึงตัดใจกลับไปที่ห้องเรียนของผม ไว้ค่อยคุยกับกานต์ตอนเย็น



   แต่คาบบ่ายผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมไม่มีสมาธิที่จะฟังอาจารย์สอนเลยเพราะมัวแต่ส่งข้อความหากานต์ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับมาเหมือนเดิม ผมรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมอยากจะออกจากห้องไปตอนนี้เลย และเมื่ออาจารย์บอกเลิกชั้นเรียนผมเป็นคนแรกที่พุ่งออกจากห้องเรียนมุ่งหน้าไปที่ห้องเรียนของกานต์อีกครั้ง แต่ผมมาช้าไปชั้นเรียนของกานต์เลิกเรียนกันแล้วเพราะทุกคนออกมาจากห้องเรียนกันหมดแล้ว

   “เช่” คนถูกเรียกหันมาด้วยสีหน้ารำคาญอย่างเป็นที่สุดเพราะผมตะโกนเรียกเสียงดัง



   “ทะเลาะกันอีกแล้วใช่ไหม” ผมพยักหน้าให้กับการหยั่งรู้ของเช่



   “ลงจากตึกไปแล้วมั้ง พอเลิกเรียนปุ๊บก็รีบเก็บของออกไปเลย” เช่บอกผมพลางยักไหล่



   “ขอบใจ” ผมพูดพร้อมกับออกวิ่งอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะวิ่งตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอกานต์ที่ตรงไหนเลย ผมได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยพรุ่งนี้ก็ต้องเจอกานต์อีกหรือถ้ากานต์จะไม่มาเรียนผมก็รู้จักหอเขา

                                                                            *****

   บรรยากาศบนโต๊ะกินข้าวช่วงเย็นค่อนข้างอึดอัด เหมือนทั้งป๊าและแม่ต้องการจะพูดบางอย่างกับผม แต่ผมไม่อยากฟัง ผมรู้สึกผิดหวังที่ทั้งคู่ไม่ไว้ใจผม

   “ผมอิ่มแล้วครับ” ผมรวบช้อนส้อม ยกจานจะไปเก็บที่อ่างล้างจานในครัว



   “นั่งลงก่อน ป๊ามีอะไรจะพูดด้วย” ป๊าเองก็รวบช้อนกับส้อมเช่นเดียวกัน อีกสองคนที่เหลือก็พลอยต้องเลิกกินไปด้วย เหมือนเตรียมตัวกับอะไรบางอย่างที่จะตามมา แต่สำหรับผมตอนนี้ ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น



   “มีอะไรจะพูดก่อนไหมเฟย” ผมมองหน้าป๊ากำลังจะพูดสิ่งที่คิดอยู่ แต่ก็เปลี่ยนใจ ผมอยากขึ้นห้อง ผมไม่พร้อมคุยตอนนี้ อาการต่อต้านครอบครัวตอนสมัยมัธยมกลับมาอีกแล้ว



   “อยากกลับไปยุ่งกับเด็กคนนั้นอีก” ป๊าพูดออกมา ทุกคำชัดเจน



   “แค่นี้ใช่ไหมครับ” ผมลุกขึ้นตรงขึ้นห้อง ทิ้งตัวลงบนเตียง อยากจะออกไปหากานต์ตอนนี้เลย แต่รู้ดีว่าถ้าทำอย่างนั้นจะต้องทะเลาะกับป๊าแน่นอน และนั่นคือสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น ผมจำได้ดีว่าป๊าโมโหแค่ไหนตอนช่วงม.5ที่ผมเกเรจนผลการเรียนออกมาแย่ และผมก็จำได้ว่าแม่เสียใจแค่ไหน แต่ตอนนั้นมันมีแค่ผมไม่เหมือนกับตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้กานต์จะเป็นอย่างไรบ้าง

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องนอนผมดังขึ้น ผมได้แต่มอง



   “ไหมเข้าไปนะ” เสียงไหมลอดผ่านประตูเข้ามา



   “อือ” ผมบอก



   “กานต์ ทำแบบนั้นจริงๆเหรอ” ไหมพูดหลังจากนั่งลงบนเตียงของผม



   “ใช่” ผมตอบทั้งๆที่นอนอยู่ แอบหวังให้ไหมอยู่ข้างผม



   “ไหมว่ากานต์ทำผิด” ผมลุกขึ้นมานั่งมองหน้าไหม ผมเตรียมจะบอกให้ไหมออกจากห้องผมซะแต่ถูกไหมพูดตัดหน้าเสียก่อน



   “แต่ไหมไม่คิดว่า กานต์มีเจตนาจะทำร้ายเฟยจริงๆหรอก” ไหมจ้องหน้าผม เขาคงกำลังอ่านใจผมอยู่



   “แล้วไหมว่าเฟยควรทำยังไง” ผมถาม



   “ไปขอโทษป๊าแม่ก่อน แล้วก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ทั้งคู่ฟัง” ไหมยักไหล่



   “แต่เฟยไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” ผมเถียง



   “แต่ป๊ากับแม่เห็นว่ากานต์ทำผิดนะ” ไหมทำสีหน้าเหมือนรำคาญผมนิดหนึ่ง



   “ถ้าไม่เล่าให้เขาฟัง เขาก็จะเข้าใจผิดๆ” ไหมว่า



   “หรือไหมเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า” ผมไม่เข้าใจที่ไหมพูดเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าไหมพูดถึงอะไร



   “เอาไว้ก่อนแล้วกัน” ผมพยักหน้าให้ไหม



   “ป๊ากับแม่หวังดีกับพวกเราเสมอแหละเฟย แม้ว่าบางทีเขาอาจจะดูเหมือนไม่ไว้ใจเรา มันก็เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าความจริงมันคืออะไร” ไหมจ้องหน้าผม



   “ถูกไหม” ไหมพูดกระตุ้นให้ผมตอบ



   “อือ” ผมตอบ



   “พร้อมเมื่อไหร่ก็จัดการซะ แต่อย่าให้นานนักหละ มันไม่ดี” ไหมลุกขึ้นเตรียมตัวออกจากห้อง



   “หมายถึงเรื่องกานต์ด้วยนะ” ไหมเดินออกจากห้องไป ทิ้งผมให้นั่งขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้น

                                                                            *****

   ความจริงผมอยากไปดักรอกานต์ที่ใต้หอเขา แต่คิดว่าถ้ากานต์เจอผมอยู่ใต้หอก็คงจะหนีขึ้นหอไปแล้วก็จะไม่ได้คุยกัน ผมจึงเลือกไปรอเจอกานต์ที่มหาลัยเพราะอย่างน้อยๆหากกานต์วิ่งหนีผมก็จะวิ่งตามได้

   ผมถอยรถเข้าตามปกติแต่สายตาไปสะดุดเข้ากับกานต์ที่ยืนคุยอยู่กับไอ้แก็ปอยู่ ผมไม่รอช้ารีบจอดรถแล้วเดินปรี่ตรงเข้าไปหาทั้งคู่

   “มึงมาทำอะไร” ผมหันไปถามมันอย่างหาเรื่อง



   “ทำไม” ไอ้แก็ปตอบกลับมา น้ำเสียงและหน้าตากวนอารมณ์ผมเป็นที่สุด


   “กูว่ามึงกลับไปดีกว่า” ผมก้าวเข้าหามัน



   “มึงเป็นยามหรือไงมาไล่กู” ไอ้แก็ปก็ก้าวเข้าหาผมเช่นเดียวกัน แต่กานต์เข้ามาแทรกระหว่างผมกับมัน ผมมองกานต์ที่เอามือทาบกับอกไอ้แก็ปไว้กันไม่ให้เดินเข้าหาผม



   “กลับไปก่อนเถอะแก็ป ขอบใจที่มาส่ง” กานต์ดันอกมันเบาเพื่อให้ถอยไป



   “ไว้เจอกัน” พอมันพูดกับกานต์เสร็จก็หันมายักคิ้วใส่ผม



   “ขับกลับดีดีนะ” ไอ้แก็ปพยักหน้าน้อยๆให้กานต์ก่อนจะเดินกลับรถ ส่วนผมยืนจ้องหลังของกานต์อยู่ คำที่กานต์พูดกับผมทุกครั้งที่เขาลงจากรถ เขาเอามาใช้กับมัน ผมนึกว่าเขาพูดกับผมคนเดียวเสียอีก



   “เดี๋ยว” ผมกระชากแขนกานต์ที่กำลังจะเดินหนีผมไป



   “ทำไมต้องให้มันมาส่ง” ผมถามเสียงแข็ง



   “แล้วทำไมถึงจะให้แก็ปมาส่งไม่ได้” เสียงกานต์ก็แข็งไม่แพ้กัน ผมไม่ได้ตอบอะไรไป ผมแค่ไม่ชอบหน้าไอ้แก็ป ไม่ชอบที่กานต์ไปยุ่งกับมัน ไม่ชอบที่กานต์ไม่พูดกับผม ไม่ชอบที่มัยมาส่งกานต์ ผมแค่ไม่ชอบทุกอย่างที่เป็นไอ้แก็ป



   “ปล่อยเรา” กานต์ตีมือผมที่จับแขนเขาอยู่



   “เราถูกทำทัณฑ์บนยังไม่พอใช่ไหม หรือต้องให้เราโดนไล่ออกก่อน เลิกยุ่งกับเราได้แล้ว” ผมปล่อยมือกานต์ลง ไม่คิดว่าเขาจะโดนทำทัณฑ์บน



   “พอใจแล้วหรือยัง” กานต์ยิ้มให้ผม แต่เป็นยิ้มฝืนๆเหมือนประชดกัน



   “ผิดแผนเลยใช่ไหม” ผมโมโหจากไอ้แก็ปจนลืมไปแล้วว่าอยากจะคุยกับกานต์



   “ไอ้แก็ปมันว่ายังไงบ้างหละ หรือมีอีกคลิปเอาไว้ขู่มันเหมือนกัน” ผมรู้สึกอยากจะจับกานต์มาเขย่าๆ เพราะเขาไม่ได้มีท่าทีเสียใจเลย ผมไม่ชอบที่เขาทำสีหน้าเรียบเฉย



   “หมดเรื่องจะพูดแล้วใช่ไหม” พูดจบกานต์ก็รีบเดินตรงไปยังตึกเรียน พอกานต์เดินหนีไปผมก็เพิ่งสำนึกได้ว่าตัวผมปากเสียขนาดไหน



   “โธ่โว้ย” ผมสบถให้ตัวเองอีกครั้ง อยากจะชกตัวเองจริงๆ


   ผมเดินเข้าตึกหลังจากอัดบุหรี่ไปสองมวน อารมณ์กรุ่นๆผมลดลงมาเล็กน้อยแต่อารมณ์เกลียดตัวเองยังคงเดิม แต่พอเดินเข้าตึกมาก็เริ่มรู้สึกถึงบางอย่างแปลกๆ ทุกคนหยุดพูดคุยแล้วหันมาทางผมเมื่อผมก้าวเข้ามาที่ใต้ตึก ผมเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ผมเดินไปนั่งโต๊ะประจำที่พวกเพื่อนของผมนั่งกันอยู่ พวกมันทำหน้าตาเลิกลัก จนผมรู้สึกรำคาญ

   “มีอะไร” ผมถาม



   “มึงโดนไอ้กานต์แบล็คเมล์จริงๆเหรอวะ” ไอ้ปลายเป็นคนถาม



   “มึงเอามาจากไหน” ผมตั้งใจหันไปหาไอ้อัพเพราะมันเป็นคนที่รู้เรื่อง



   “กูเปล่านะ” ไอ้อัพปฏิเสธ



   “กูได้ยินคนอื่นเขาพูดกัน” ไอ้ปลายบอก

                                                                           *****

   เรื่องเล่าจากปากต่อปากมักไปไวเสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนตอนที่ข่าวเรื่องผมกับกานต์คบกันแพร่ออกไป หลากหลายคนที่เข้ามาถามบ้าง แสดงความเห็นใจบ้าง ผมเพียงแค่รับฟัง ตอบคำถามบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะแค่พยักหน้าแล้วนิ่งฟังอย่างเดียว มันไม่ได้มีความหมายใดๆกับผมเลย ผมไม่ได้รู้สึกเป็นผู้เสียหายที่ต้องการคนเห็นใจหรือสงสาร ผมต้องพยายามสงบอารมณ์ไม่ให้โมโหใส่คนที่เข้ามาไถ่ถาม

   ส่วนกานต์นั้นเหมือนว่าจะรับกับเสียงซุบซิบได้ดี เขามักจะมองข้ามหัวของผู้คนในบริเวณที่เขาเดินผ่านไป ไม่สนใจคำพูดใดๆที่ดังรอบๆตัวเขา ไม่มีความหวั่นไหวหรือเสียงใจในแววตา มีแต่ความเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกใดๆ เขาคงไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาคงไม่รู้สึกอะไรเลยและผมก็ทนไม่ได้ที่เขาไม่รู้สึกอะไร

   “ไง วันนี้ไอ้แก็ปไม่มารับเหรอ” ผมทักกานต์ที่ยืนหลบฝนอยู่ที่ชายคาของตึก เขาไม่ตอบอะไรกลับมาเหมือนเดิม มีแค่สายตาเย็นชาที่ถูกส่งมาให้ผมก่อนจะวิ่งตากฝนออกไป

   ผมตลกตัวเองที่ไม่สามารถพูดดีกับกานต์ได้ทั้งๆที่รู้ว่ายิ่งทำแบบนี้มันยิ่งเป็นการผลักไสให้กานต์ไปไกลจากผมมากขึ้น แถมยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน ผมอยากบอกเขาว่าผมไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ผมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆเลย แต่อีกใจหนึ่งผมก็รู้สึกดีที่เป็นแบบนี้ แม้ว่าที่ผ่านมากานต์จะคอยวุ่นวายอยู่กับผม ไม่ว่าผมจะทำอะไรกับเขา เขาก็ไม่เคยหนีผมไป ผมเคยคิดว่ากานต์คงจะชอบผมจริงๆ แต่พอมาเห็นว่ากานต์ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรก็รู้สึกโหวงๆในท้อง กับจุกบริเวณอกไปพร้อมๆกัน

   เวลาผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์อยู่ดีๆก็มีงานนิทรรศการเกี่ยวกับจรรยาบรรณของบุคลากรในสาขานิเทศถูกจัดขึ้น ตอนแรกผมเข้าใจว่างานถูกจดขึ้นเพราะช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมของสื่อที่ไม่เหมาะสม แต่เปล่าเลย ผมรู้สึกว่าทุกๆกิจกรรมกำลังโจมตีกานต์

   จากที่เคยมองผ่านเสียงซุบซิบนินทา ตอนนี้ระดับสายตาของกานต์กลับลดต่ำลง ไม่กินข้าวกลางวันที่โรงอาหารของคณะ ไม่นั่งใต้ตึกคณะ แล้วกานต์ก็ค่อยๆหายไป

   “เป็นยังไงบ้างมึงชอบไหม คิดว่าพวกกูทำได้ดีหรือเปล่า” ผมที่บังเอิญเห็นกานต์ตอนกำลังเดินเข้าตึกพอดีเลยแอบเดินตามอยู่ห่างๆ แต่ก็ต้องมาหยุดกะทันหันเพราะกานต์โดนพี่เม้งดักไว้ พี่เม้งกำลังยัดโปสเตอร์ใบหนึ่งใส่มือกานต์



   “ทำไมมึงไม่ชอบเหรอ” กานต์ก้มหน้าเหมือนอ่านโปสเตอร์ แต่ผมไม่คิดว่าเขากำลังสนใจโปสเตอร์ที่เขาถืออยู่



   “อ้าวเฟย มึงชอบหรือเปล่า” พี่เม้งหันหน้ามาหาผม



   “ก็ดีครับ” พี่เม้งยิ้มให้ผม



   “แต่แฟนมึง เอ่ย อดีตแฟนมึงเขาเหมือนจะไม่ชอบวะ” ผมไม่ได้รู้สึกร่วมกับพี่เม้งเลย



   “เขาไม่รู้สึกอะไรหรอกพี่ อย่าไปยุ่งเลย” ผมโอบไหล่อีกฝ่ายให้เดินไปอีกทาง

   นิทรรศการถูกจัดยาวนานเกือบสองอาทิตย์ เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าเรียนที่คณะนี้ที่ผมไม่ได้รู้สึกสนุกหรืออยากมีส่วนร่วมด้วยเลย หลายส่วนของงานที่พูดถึงการแบล็คเมล์

   กานต์ก้มหน้าก้มตาตลอดเวลาที่ผมเห็นเขา แทบจะเรียกได้ว่ามองพื้นอยู่ตลอดเวลา ไม่มีแล้วความเฉยชาที่เคยมี และไม่นานผมก็ไม่เจอกานต์อีก แต่ผมคิดว่าเขาแค่หลบเลี่ยงเก่งแค่นั้น ไม่ได้คิดว่าเขาจะลาออก ผมไปถามอาจารย์ที่ปรึกษาเรื่องการลงโทษกานต์แล้ว และได้คำตอบว่ากานต์โดนทัณฑ์บนพร้อมกับถูกสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งกับผม เพื่อแลกกับการที่ได้เรียนต่อและไม่ถูกดำเนินคดี

   “เช่ได้คุยกับกานต์บ้างหรือเปล่า” ผมถามด้วยเสียงเบาๆ ระหว่างที่นั่งอยู่กับเช่สองคน



   “ไม่ได้คุย” เช่ส่ายหัว



   “แล้วจะถามถึงมันทำไม” เช่ย้อนถาม



   “เปล่า ก็แค่ไม่ค่อยเห็น” ผมตอบตามตรง



   “ก็ไม่แปลกเจออย่างนี้ถ้ากล้าเดินลอยหน้าลอยตาอยู่ ก็จะหน้าทนเกินไปแล้ว” ผมพยักหน้ารับรู้


   
   “ก็ทำตัวเองนี่นะ” ปลายที่เดินมาพูดขึ้น มันคงได้ยินที่ผมกับเช่พูดกัน



   “มึงแน่ใจเหรอ” นัทที่เดินตามหลังไอ้ปลายมาพูดขึ้น



   “อะไรวะนัท” ปลายหันไปหานัทที่ดูเหมือนโมโหอะไรสักอย่าง อันที่จริงมันแวะมาหาผมพร้อมกับไอ้พล็อตและดูอารมณ์เสียตั้งแต่มาถึงแล้ว



   “ก็ถามว่ามึงแน่ใจแล้วเหรอ ว่ากานต์มันผิด” นัทถามเสียงเข้ม ในขณะที่คนอื่นต่างนั่งลงรอบโต๊ะ พล็อตเดินไปจับแขนนัทเหมือนจะปรามไม่ให้นัทโมโห แต่เหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่สนใจ



   “ก็มันหลอกไอ้เฟยให้ไปมีอะไรกับมันแล้วก็อัดคลิปไว้ แถมยังเอามาขู่ไอ้เฟยให้เป็นแฟนกับมันอีก” ปลายเถียง



   “เหรอ” นัทมองหน้าทุกคนแล้วมาหยุดที่ผม



   “มึงคิดว่ากานต์ผิดจริงๆเหรอ” นัทเหมือนจะถามผมมากกว่า



   “แล้วถ้าไอ้กานต์ไม่ได้ทำจริงแล้วแม่กับพ่อไอ้เฟยจะมาเอาเรื่องทำไม” ปลายยังคงเป็นผู้ตอบคำถามอยู่



   “ใจเย็นๆนัท” พล็อตดึงแขนนัทเบาๆ



   “พวกมึงนี่ตลกดีว่ะ” นัทยิ้มเย้ย



   “โดยเฉพาะมึงเลยเฟย ทำเหี้ยๆกับเขาไว้ พอเขามาเอาคืนก็ทำเป็นดิ้น” นัทหันมาหาเรื่องผมแทน



   “กลับนัท” ตอนนี้พล็อตเริ่มออกแรงดึงแขน แต่นัทก็พยายามรั้งไว้



   “อะไรของมึงเนี่ยนัท” ปลายถาม



   “และที่เหี้ยที่สุดคือมึงแกล้งทำเป็นลืมเรื่องที่มึงทำ พวกมึงด้วย” แล้วนัทก็เดินออกไปโดยมีพล๊อตวิ่งตามไปติดๆ คนที่เหลือต่างมองหน้ากันไปมา ต่างคนต่างสงสัยว่าที่นัทพูดหมายความว่าอะไรแล้วทำไมเขาต้องโมโหขนาดนั้น แต่สำหรับผมนัทพูดถูกทั้งหมดผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว

                                                                              *****

   “แม่ไปคุยกับพ่อให้หนูหน่อย” ผมที่เบื่อๆเลยขึ้นมาที่ดาดฟ้าของตึกเรียน ต้องสะดุดเข้ากับเสียงกานต์ที่กำลังพูดอยู่ระหว่างที่ผมกำลังเปิดประตู



   “หนูรู้สึกว่าหนูไม่ได้ชอบเรียนนิเทศแล้ว” ผมไม่รู้มาก่อนเลว่าเขาไม่ชอบเรียนนิเทศ



   “แม่ หนูสัญญาว่าจะหาพิเศษทำด้วย” ผมฟังจากรูปประโยคแม่กานต์คงไม่ยอม



   “โธ่ แม่หนูไม่ได้อ้าง” ผมที่แอบฟังอยู่หวังในใจว่าอย่าให้แม่กานต์ใจอ่อน กานต์จะต้องอยู่ต่อ



   “อ้าว แม่ แม่” เสียงกานต์เรียกแม่ซ้ำ คงโดนตัดสายไปแล้ว ผมยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะเปิดประตูออกไป

   กานต์สะดุ้งตกใจเพราะผมตั้งใจผลักประตูให้โดนกำแพงจนเกิดเสียงดัง เขาหันมามองทางผม ก่อนจะรีบเร่งเก็บของและเดินตรงเข้ามา  ผมคว้ามือกานต์ไว้ก่อนระหว่างที่เขากำลังเดินผ่านผม

   “มีอะไรจะพูดกับเฟยไหม” ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่พูดกับกานต์ดีดี



   “เลิก ยุ่ง กับ เรา ซะ” กานต์พูดเน้นทุกคำให้ชัดเจน แต่ไม่มองหน้าผมเลย



   “ทำไมกลัวไอ้แก็ปมันว่าหรือไง” ผมยังไม่เลิกพาลเรื่องไอ้แก็ป



   “ปล่อย” กานต์ดิ้นแถมยังตีเข้าที่มือผม

   ผมปล่อยให้กานต์ดิ้นไปเรื่อยแม้ว่าจะเจ็บตรงที่โดนกานต์ตีด้วย แต่ผมก็ไม่อยากปล่อย กลัวว่าถ้าปล่อยไปครั้งนี้แล้วกานต์จะไม่กลับมาหาผมอีกเลย

   “อยากได้อะไรจากเราอีก” ในที่สุดกานต์ก็ยอมพูดกับผม



   “เฟย” ผมพยามยามเค้นสมองหาคำตอบ ตำตอบที่จะทำให้กานต์ไม่หนีจากผมไป



   “เฟยอยากให้กานต์อยู่ต่อ” กานต์ยิ้มเยาะผม



   “อยู่ทำอะไรหล่ะ  ไม่เห็นเหรอว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้” กานต์ว่า



   “เราไม่ต่างอะไรจากโดนคว่ำบาตร เพื่อนไม่อยากคบ อาจารย์ก็ไม่อยากรับงาน” กานต์พูดต่อ



   “สมใจเฟยแล้วสิ ใช่ไหม” กานต์คงกำลังเขาใจผิดคิดว่าผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับนิทรรศการ



   “ไม่ใช่นะกานต์” กานต์ยิ้มเยาะเย้ยผมอีกครั้ง



   “เฟยรู้อะไรไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอเฟยที่นี่จนวันนี้เฟยไม่ได้เปลี่ยนไปเลย” ผมตั้งใจฟังกานต์ แววตาเจ็บปวดจ้องมองผม



   “ตลอดเวลาเฟยแกล้งทำเป็นลืมเรา ลืมว่าเคยทำอะไรกับเราไว้ ทำเป็นว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น” กานต์ว่า



   “เฟยคิดว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นเองใช่ไหม” ผมส่ายหน้า



   “ที่เรากลับมาแล้วทำทั้งหมดก็เพื่ออยากจะเห็นว่าเฟยสำนึกสักนิดว่าเคยทำอะไรกับเราไว้ แต่ก็เปล่าเลย” น้ำตาเออปริ่มที่ขอบตาของกานต์



   “เราพลาดเองเฟย” กานต์สูดหายใจเข้าก่อนจะพูดต่อ



   “เราพลาดเองที่กลับมา พลาดเองที่คิดว่าจะเปลี่ยนเฟยได้” กานต์เสียงเริ่มสั่นเล็กน้อย



   “เราเข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่กานต์ถึงต้องทำแบบนั้นแม้จะเสียใจแต่ไม่มากเท่า” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ฟังกานต์เงียบๆ



   “ไม่มากเท่าที่เห็นว่าเฟยไม่ได้คิดจะทำอะไรเลย” แค่ยืนฟังก็รู้สึกเกียจตัวเองมากแล้ว ผมจึงปล่อยมือที่จับแขนกานต์ไว้ ผมคงต้องปล่อยกานต์ไปจริงๆ

                                                                            *****






ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
«ตอบ #178 เมื่อ04-07-2016 04:12:02 »

จุกอกแล้วความรู้สึกรังเกียจเฟยและทุกคนตีตื้นขึ้นมาทันทีที่อ่านจบสงสารและเห็นใจกานต์มาก *** ตอนต่อไปมาต่อเร็วเถอะคะ อารมณ์ร่วมยังคงทำงานอยู่เต็มที่ จะได้ร่วมลงแรง  :z6: เฟยและเพื่อนทัน

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 19 04-07-16
«ตอบ #179 เมื่อ04-07-2016 09:31:17 »

เฟยนี่น่ารังเกียจจริงๆ คือนิสัยไม่แมน ปกป้องใครไม่ได้ คนแบบนี้อย่าไปยุ่งด้วยดีที่สุด ขี้ขลาดเกิ๊น :m16:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด