คืนครั้งที่8 ถ้าพี่ยังไม่ลองจะไปรู้ได้ไง? ☻✿
“กูจำไม่ได้!! โอ๊ยย ไม่เอาโว้ย พรุ่งนี้เถอะมึง” ผมสะดุ้งกับเสียงโวกเวกโวยวายที่มาจากหน้าห้องภาษาไทยครับ ด้วยความที่วันนี้รถตู้ของผมมาโรงเรียนเช้าเกินไปผมเลยเดินเล่นอยู่แถวนั้นนั่นล่ะครับ ผมหันไปก็เห็นพี่เนยโดนเพื่อนฉุดให้เข้าห้องภาษาไทยครับ
“กูจำไม่ได้จริงๆ พรุ่งนี้นะสัญญาเลย” พี่เนยงอแงเหวี่ยงแขนเพื่อนไปมาครับ บอกตรงๆว่าถ้าไม่ใช่พี่เนยไม่น่ารักน่ามองแบบนี้แน่นอนเลยครับเนี่ย
“มึงพูดแบบนี้มาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว” เงียบเลยครับ พี่เนยส่งเสียงอื้ออึงในลำคออย่างไม่ยอม ผมส่ายหัวไปมาเพราะไม่รู้ว่าจะหยุดดูทำไมครับ ขากำลังจะก้าวเดินต่อเพื่อไปรอที่เข้าแถวแต่พี่เนยดันหันมามองผมพอดีครับ ผมหันหน้าหันหลังเพื่อให้แน่ใจว่าพี่เนยมองผม
ซ้ายโล่ง ขวาก็โล่ง ด้านหลังก็ตึก มองผมเหรอ? แล้วจะเดินเข้ามาหาผมทำไมอ่ะ?
“น้องน้ำอุ่นนน ช่วยพี่นิดนึงได้เปล่า” ผมชี้ที่ตัวเองพี่เนยก็พยักหน้าขึ้นลงด้วยรอยยิ้มหลังจากที่หน้าหงิกใส่เพื่อนมาสดๆร้อนๆครับ ผมเอียงคออย่าสงสัยอยู่เล็กน้อยแต่เลือกที่จะเงียบ ไม่ได้พูดอะไรออกไปสักคำครับ
“ช่วยอะไร…ครับ?” ผมโดนดึงไปหาเพื่อนพี่เนยที่หน้าห้องภาษาไทยครับ งงอยู่นิดหน่อยแต่หนังสือไทยโดนเลื่อนมาตรงหน้าผม ผมยื่นมือออกไปรับมันมาแบบงงๆครับ
“ช่วยขยับปากตามที่พวกพี่ท่องได้ไหม เวลาพี่ไม่ได้พี่จะเหลือบมองน้ำอุ่น” ผมขมวดคิ้วพันกันยุ่งเลยครับ ท่องเป็นกลุ่มทำไมถึงไม่ตามน้ำไปก็ไม่รู้ หรือผมจะคิดอะไรตื้นๆเกินไปวะเนี่ย
“เดี๋ยวไปตามจารย์มาฟังด้านนอกแล้วให้น้องนั่งตรงนั้นจารย์จะได้ไม่เห็น” ซุบซิบออะไรกันก็ไม่รู้ครับแต่เหมือนจะวางแผนและจัดสถานที่ให้ผมเรียบร้อยเลยทีเดียว ผมกวาดสายตามองกาพย์ที่ผมไม่คุ้นเพราะมันของพี่ม.6นี่ครับ ยกมือเกาหัวแบบงงๆเงยหน้าขึ้นอีกทีก็เห็นแต่พี่เนยครับ
“เอามาเริ่ม” ผมเอาหนังสือเคาะหัวตัวเองเบาๆแล้วกรอกตาไปมา
พี่เนยกับเพื่อนพี่เขาอีกสามคนยืนอยู่ข้างบ่อปลาเล็กๆหน้าตึกโดยหันหน้าเข้าหาผมครับ ไม่อยากจะบอกว่ามุมมันดีมากครับเพราะอาจารย์เขานั่งพิงของบ่อนั่นและหันหลังให้ผม ผมนั่มองรอเวลาที่พี่เนยกับเพื่อนจะเริ่มท่องสักพักเสียงสี่สาวก็ท่องขึ้นมาพร้อมๆกันครับ
ไม่ใช่แค่พี่เนยหรอกที่ท่องไม่ได้ ผมว่าทั้งกลุ่มนั่นล่ะครับจะพากันล่มหมดเลย ผมพยายามจะขยับปากบอกพี่เนยให้ชัดๆแต่ด้วยเหล็กดัดฟันหรืออะไรก็ไม่รู้ทำให้พี่เนยกับเพื่อนไม่ค่อยจะรู้เรื่องกับผมเลยครับ เพราะแบบนั้นเลยมีช่วงที่เงียบไปเลยบ้างผมเลยอาศัยภาษามือช่วยด้วยครับ
“เลียงผาง่าเท้าโผน เพียงโจนไปในวารี นาวาหน้าอินทรีย์…” นั่นไง เงียบอีกแล้วครับ ผมก้มลงมองหนังสือเพื่อดูวรรคต่อไป มีปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม ผมยกมือทั้งสองข้างออกห่างจากตัวนิดหน่อยแล้วทำท่าบินครับ พร้อมส่งเสียงคำว่าปีกออกไปหลายครั้ง
“ฮ่าๆๆ โอ๊ย มีปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม ดนตรีมี่อึงอล…” พี่เนยหลุดขำท่าทางของผมครับ อาจารย์ทำท่าจะหันมามองแต่เพื่อนพี่เนยตีแขนพี่เนยเรียกความสนใจไปครับ พี่เนยร้องโอดโอยออกมาเบาๆแต่ก็กลั้นขำไว้แล้วก็ท่องต่อครับ
“ขอบคุณน้าา พี่ตลกมากเลยอ่ะ แล้วนี่น้ำอุ่นไปไหนต่อ” ผมยื่นหนังสือคืนให้พี่เนยแล้วส่ายหน้าไปมาครับ ผมไม่รู้ว่าจะไปไหนแล้วครับ เพลงมาร์ชยังไม่ขึ้นเลยเวลาเข้าแถวก็อีกสักพัก เบื่อจนไม่รู้จะเบื่อยังไงแล้วครับ
“งั้นไปซื้อขนมเป็นเพื่อนพี่หน่อย”
“เอ้าแล้วพวกกูอ่ะ” นั่นล่ะครับที่ผมจะถาม แล้วนั่นไม่ใช่เพื่อนพี่หรือไงครับ? ผมขมวดคิ้วจนยุ่งแต่พี่เนยดันตัวผมให้เดินออกไปครับ ผมไม่ได้พูดอะไรเพราะยังปรับสมองให้เข้ากับสถานการณ์ไม่ทันครับ
“ไปกับพี่แป๊บนึงเอง นะนะ” ผมพยักหน้าเออออไปพี่เนยก็ยิ้มออกมาครับ ซึ่งผมก็ชะงักไปเหมือนกัน พี่เนยน่ารักมาก น่ารักโคตรๆเลยครับ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้น่ารักขนาดนี้ก็ไม่รู้ พูดไปก็อิจฉาพี่ทิตย์นะครับ ผมบอกแล้วว่าถ้าเป็นผมนะจะไม่ปล่อยให้พี่เนยไปไหนแน่นอน
“เหม็นขี้หน้าอาทิตย์ว่ะ” พี่เนยบ่นพึมพำขึ้นมาเบาๆผมเลยมองตามสายตาพี่เนยไปครับ ตอนนี้ผมกับพี่เนยเดินมาที่โรงอาหารนอกเพื่อจะไปซื้อขนมที่มินิมาร์ทเล็กครับ พอมองตามสายตาพี่เนยไปก็เห็นพี่ทิตย์นั่งอยู่กับเพื่อนที่โต๊ะไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้ครับ
พี่ทิตย์เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะผมเลยสบตากับพี่ทิตย์เต็มๆ ผมตกใจนิดหน่อยแต่ก็ทำแค่หลบสายตาไปมองอย่างอื่น เพราะพี่เนยแลบลิ้นเล่นหูเล่นตาใส่พี่ทิตย์ผมเลยหันกลับไปมองพี่ทิตย์อีกครั้งครับ พี่ทิตย์เลิกคิ้วใส่พี่เนยแล้วคุยอะไรกับเพื่อนก็ไม่รู้ครับ เพราะเดินผ่านมาแล้วผมเลยไม่ได้สนใจอีก
ผมรอพี่เนยสักพักก็เห็นว่าพี่เขาซื้อแค่หมากฝรั่งเฉยๆครับ เดินมาตั้งไกลซื้อแค่นี้เนี่ยนะ ผมได้แต่บ่นในใจโดยที่ไม่กล้าพูดออกไปครับ ผมยืนรอพี่เนยจ่ายเงินอยู่พักนึงก็พากันเดินออกมาที่เดิม แต่คราวนี้พี่ทิตย์ไม่อยู่แล้วครับคงเพราะมันใกล้จะเข้าแถวเต็มที่แล้วครับ
“อาทิตย์อ่ะ…”
“มันบอกเลิกพี่ก่อนนะเว้ย จริงๆมันเหมือนพยายามออกห่างจากพี่ พี่ไลน์ไปถามมันว่าตกลงเลิกกันแล้วเหรอ รู้ไหมมันตอบว่าอะไร ตอบอืม อืมพ่อมันดิ..” ผมเงียบฟังพี่เนยบ่นครับ พี่เนยพึมพำบ่นไปแกะหมากฝรั่งไปครับ พี่ทิตย์เป็นคนบอกเลิกพี่ทิตย์หรือเปล่าผมม่รู้หรอก แต่ความสัมพันธ์ดูตัดขาดกันง่ายเกินไปแล้วครับ แถมยังคุยเล่นกันด้แบบปกติอีกต่างหาก จิตใจทำด้วยอะไรกันเนี่ย
“ตอนคบกับมันแม่งไม่เคยจะใส่ใจพี่หรอก มันเด็กด้วยมั้ง ต้องให้มันคบเด็กบ้างจะได้รู้”
“เนอะ” ยังจะหันมาเนอะใส่ผมอีกครับ ผมก็ทำได้แค่ยิ้มแห้งๆส่งไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ก็มันไม่มีอะไรจะพูดจริงๆนี่ครับ อยู่ดีๆโดนคนรู้จักแต่ไม่สนิทมาเดินด้วยกันเนี่ยนอกจากพี่ทิตย์แล้วก็พี่เนยนี่ล่ะครับที่ผมเคยเดินด้วยในโรงเรียน จะให้ผมพูดโต้ตอบมันก็ไม่ใช่ที่ของผมอีกล่ะครับ
“ตอนที่มันไปชอบน้องคนนึง มันโทรมาหาพี่กลัวนู้นกลัวนี่อะไรก็ไม่รู้ อาจจะเพราะมันไม่เคยจีบใครแล้วเขาไม่เล่นด้วยเลยมั้ง” ผมพยักหน้าขึ้นลงเบาๆอย่างเห็นด้วย แต่ก็อดขำไม่ได้ครับ คนอย่างพี่ทิตย์เนี่ยนะจะจีบใครแล้วต้องกลัวนู้นกลัวนี่ จริงๆไม่เห็นจะต้องกลัวเลยครับ ยังไงกระต่ายก็ชอบพี่ทิตย์อยู่แล้วล่ะ
“พอมันเล่าเรื่อยๆก็พอเข้าใจ น้องแม่งโคตรซื่อบื้อเลยว่ะ คนแบบอาทิตย์มันหาที่ไหนไม่ได้แล้วนะเว้ย” แล้วทำไมต้องมาพูดแล้วมองหน้าผมเหมือนกำลังด่าผมด้วยวะเนี่ย เดี๋ยวนะ น้องโคตรซื่อบื้อที่ว่าไม่น่าจะใช่กระต่ายเลยสักนิดครับ เอ๊ะ หรือว่ากระต่ายในมุมมองพี่ๆเขาวะ
“พี่ทิตย์ไม่ได้จีบกระต่ายอยู่เหรอครับ” ถามไปจนได้ครับ อยากจะตบปากตัวเองจริงๆ ทำไมถึงได้ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านขนาดนี้ก็ไม่รู้ครับ พี่เนยถอนหายใจออกมาพร้อมเงียบไปพักนึงเต็มๆเลยครับ รู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรผิดไปเลยครับ แล้วผมไปทำอะไรผิดวะเนี่ย
“ถ้ามันจีบเด็กคนนั้นพี่จะเอามันคืน” โห พี่เนยดูจะไม่ชอบกระต่ายเอามากๆเลยครับ พอพูดชื่อกระต่ายขึ้นมาสีหน้าของพี่เนยก็เปลี่ยนไปเลยครับ งั้นก็หมายความว่าพี่ทิตย์ไม่ได้จีบกระต่ายจรืงๆน่ะเหรอครับ แล้วพี่ทิตย์จะมายุ่งวุ่นวายกับผมทำไมถ้าไม่ได้มาตีสนิทให้เข้าหากระต่ายง่ายขึ้น
“ผมว่าพี่กับพี่ทิตย์เหมาะกันมากเลยนะครับ” ผมพูดออกมาเสียงแผ่วเพราะไม่กล้าจะออกความเห็นเท่าไหร่หรอกครับ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะครับ สองคนนี้มันมีหลายๆอย่างที่เข้ากันแล้วก็คล้ายกันมากเลยล่ะครับ
“มีคนเหมาะกับมันมากกว่าพี่นะ โคตรจะเข้ากันได้อ่ะ” คนๆนั้นจะต้องแปลกแบบพี่ทิตย์แน่นอนครับ แล้วก็ต้องเป็นคนเข้าใจยาก อาจจะหน้าตาดีด้วยล่ะมั้ง ผมนึกไม่ออกว่าเป็นใครเพราะผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ทิตย์กำลังจีบใครอยู่ครับ และที่จริงจังมากคือผมไม่จำเป็นต้องรู้เลยครับ
“ครับ” ผมตอบรับไปแค่นั้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะตึกโครงการพิเศษกับตึกของม.ต้นเป็นตึกเดียวกันที่เข้าแถวผมกับพี่เนยเลยอยู่ใกล้ๆกันนั่นล่ะครับ ส่วนตึกที่อยู่ห่างไกลแบบพี่ทิตย์ก็นู่นนลานโดมครับ
“ไม่ถามพี่หน่อยเหรอว่ามันจีบใครอยู่” ผมยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆทันทีครับ พี่เนยยิ้มออกมานิดหน่อยแล้วเลิกคิ้วใส่ผม เอ่อ… ผมจำเป็นต้องถามด้วยเหรอครับ
“แล้วพี่ทิตย์จีบใครอยู่ครับ”
“ไม่บอก” อืม… ครับพี่เนย ผมเหวอไปเล็กน้อยแต่พี่เนยหัวเราะลั่นแบบไม่เกรงใจใครเลยครับ ให้ถามผมก็ถามแล้วก็มากวนกันแบบนี้เนี่ยนะครับ ผมถอนหายใจออกมาแผ่วเบาแล้วมองหาแถวตัวเองที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างดีเพราะเพลงมาร์ชโรงงเรียนเพิ่งจะขึ้นเองครับ
ผมหันไปหันมาสักพักหันกลับมามองพี่เนยก็เห็นว่าพี่เนยเดินไปอยู่กับเพื่อนแล้วครับ ผมเลยเดินกลับไปที่แถวห้องตัวเองแบบงงๆ เดินไปอยู่ด้านหน้าแถวเหมือนเคยเพราะส่วนสูงอันมาดแมนของตัวเอง กระต่ายยืนนิ่งอยู่ข้างผม ผมเหลือบมองกระต่ายอยู่นิดหน่อยพาลนึกถึงเรื่องที่พี่เนยบอก
พี่ทิตย์ไม่ได้จีบกระต่ายนี่เนอะ แต่พี่ทิตย์ก็ไม่ได้มีใคร ไม่สิครับ พี่ทิตย์ยังจีบใครสักคนอยู่ถึงอย่างงั้นกระต่ายก็ยังจะยุ่งกับพี่ทิตย์อยู่ นับถือในความพยายามครับ
“มองอะไร” กระต่ายหันมาตวัดตามองผมอย่างสงสัยครับ ผมส่ายหน้าแล้วยกมือขึ้นโบกไปมาให้รู้ว่าไม่มีอะไร กระต่ายถอนหายใจออกมาแผ่วเบาแล้วหันไปคุยกับเพื่อนแทนครับผมเลยได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
………………………………………………………………………………………………
ผมก้มลงมองนาฬิกาก็เห็นชัดครับว่าตอนนี้มันคาบพักของม.ต้น แต่วันนี้ผมขี้เกียจลงไปกินข้าวเลยนั่งทำการบ้านมันอยู่อย่างนี้ล่ะครับ และผมจะขอย้ำอีกครั้งว่านี่มันคาบพักของม.ต้น
ซึ่งพี่ม.ปลายทุกคนก็ควรที่จะไปเรียนคาบที่สี่ใช่ไหมครับ?
แต่นี่มันอะไรวะ ไอ้คนตรงหน้าผมเนี่ยอะไร!!
“ยิ้มหน่อยย” ยิ้มบ้าอะไรวะ คนทำคณิตจะให้ยิ้มใส่โจทย์หรือไงครับ ผมขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับเม้มปากมองหน้าพี่ทิตย์ที่นั่งหันหน้าเข้าหาผมอยู่ครับ พี่ทิตย์นั่งเก้าอี้เพื่อนข้างหน้าที่ไปกินข้าวอยู่แล้วหันมาเท้าคางที่โต๊ะผมครับ ผมที่ชอบก้มหน้าก้มตาทำการบ้านก็ต้องเงยหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้เพราะถ้าก้มไปมันก็แทบจะหายใจรดกันเลยครับ
“ไม่มีเรียนหรือไงพี่ทิตย์” ผมปัดมือพี่ทิตย์ที่แกล้งบังหนังสือผมออก เรียกได้ว่ามากวนผมเต็มรูปแบบมากครับผมรู้สึกว่ามันตลกดีแต่สีหน้าที่ผมแสดงออกไปก็คงจะหงุดหงิดอยู่พอสมควรครับ ไม่สิ ผมอาจจะกำลังขมวดและอมยิ้มด้วยก็ได้ เพราะมันน่ารำคาญแต่มันก็ขำเว้ยครับ
“เรียนคอมไง เรียนกับเจ้บ๊อบ” ผมพยักหน้าขึ้นลงครับ เจ๊บ๊อบที่ว่าคือครูสอนคอมคนหนึ่งเขาไม่ค่อยจะสอนหรอกครับ วันๆให้เปิดเว็บจดเนื้อหาแล้วก็ปล่อยไปครับ ยิ่งคาบที่ก่อนกินข้าวแบบพี่ทิตย์ยิ่งสบายเลยน่ะสิครับ
“ออกไปไกลๆหน่อย” ผมบ่นขึ้นมาเพราะผมทำการบ้านไม่ถนัดครับ พี่ทิตย์เท้าคางบนโต๊ะผมผมก็แทบจะหดตัวหนีไปทำใต้โต๊ะอยู่แล้วครับยังจะมาจ้องหน้าผมอีกเนี่ย ไม่มีใครมีอารมณ์คิดเลขตอนที่กำลังโดนชาวบ้านจ้องอยู่หรอกนะครับ ยิ่งสายตาแบบพี่ทิตย์เนี่ยยิ่งน่าขนลุกเลยครับ
“พายอาร์กำลังสองบวกพายอาร์แอล” ผมขมวดคิ้วแน่นแล้วยกมือขึ้นดันหน้าพี่ทิตย์ออกไปครับ
“บอกทำไม ออกไปอีกพี่ทิตย์ ผมทำไม่ได้” ผมเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้วครับ พี่ทิตย์ก็ยอมฟังผมโดยการเลิกเท้าคางถมยังเขยิบเก้าอี้ออกอีกนิดหน่อยด้วยครับ ผมถอนหายใจออกมานิดหน่อยเพราะได้พื้นที่ของผมคืนมาแล้วคิดเลขต่อไปครับ พี่ทิตย์ก็นั่งเงียบมองผม
“ทำไมอุ่นชอบหงุดหงิดใส่พี่ ยิ้มให้พี่บ้างไม่ได้เหรอ” ผมเคาะปากกากับสมุดแล้วช้อนตาขึ้นมองพี่ทิตย์ที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับครับ แต่ก็จริงที่ผมชอบหงุดหงิดแล้วลงกับพี่ทิตย์ครับ ไม่พอนะ ช่วงนี้ผมหงุดหงิดใส่ชาวบ้านเขาไปทั่วด้วยล่ะครับ ทั้งที่ปกติผมไม่ค่อยจะพูดกับใครเลยซะด้วยซ้ำครับ
“ทำไมผมต้องยิ้มด้วยล่ะ” ผมเลิกคิ้วแล้วเท้าคางกับโต๊ะมองพี่ทิตย์ด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายครับ
“ก็มันน…” ก็มัน…? ก็มันอะไรวะ ผมขมวดคิ้วรอให้พี่ทิตย์พูดต่อแต่พี่ทิตย์ก็อ้ำๆอึ้งๆอยู่นั่นล่ะครับ ผมได้แต่ขยี้หัวด้วยความหงุดหงิด
“พี่ทิตย์คะ กระต่ายคิดตรงนี้ไม่ได้อ่ะ มันทำยังไงเหรอคะ” ยังไม่ทันได้คำตอบพี่ทิตย์ก็ต้องหันไปมองกระต่ายที่วางสมุดไว้ที่โต๊ะด้านหน้า พี่ทิตย์ขานรับแผ่วเบาแล้วช่วยอธิบายให้กระต่ายฟังครับ ผมแอบเบ้ปากออกมาอย่างนึกหมั่นไส้ พี่ทิตย์จีบใครก็ไม่รู้อยู่แต่ก็ให้ความหวังกระต่ายอยู่ได้
แถมกระต่ายเรียกพี่ทิตย์ว่าพี่ทิตย์ พี่ทิตย์ก็ไม่เห็นจะว่าอะไรเลย ไหนพี่รหัสผมบอกว่าให้เรียกเฉพาะคนสำคัญไม่ก็แฟนไม่ใช่เหรอครับ พี่ทิตย์เองก็บอกด้วย เหอะๆ
“พี่ชื่ออาทิตย์นะครับ” นั่นไงครับ พูดยังไม่ทันขาดคำเลยเถอะ กระต่ายนิ่งไปนิดหน่อยก่อนจะยิ้มออกมาแผ่วเบา
“ตรงนี้กระต่ายคิดเลขผิดไง ย้ายมาลบเนอะ”
“หวา พลาดอะไรตรงนี้ก็ไม่รู้” พี่ทิตย์ยิ้มออกมานิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรครับ ผมเบ้ปากลากเส้นหาปีทากอรัสต่อไปด้วยอารมณ์ทีเริ่มก่อตัวเพิ่มขึ้น แล้วแม่งทำไมได้จุดทศนิยมก็ไม่รู้ครับ ผมไม่สนใจยกมันไปคิดต่อเพื่อหาพื้นที่แม้ว่าเลขมันจะดูแปลกๆก็ตามครับ
“เข้าใจหรือเปล่าเนี่ย” เออ สวีทกันเข้าไป ผมล่ะสงสารคนที่โดนพี่ทิตย์จีบจริงๆครับ
“อือ.. เข้าใจมั้งคะ พี่อาทิตย์อธิบายตรงนี้ให้อีกหน่อยสิ เอ่อ…” กระต่ายเงียบไปพักนึงแล้วมองเก้าอี้ พี่ทิตย์ก็ดูจะเข้าใจความหมายดีครับ เลยเขยิบเข้าไปนั่งเก้าอี้ด้านในแล้วให้กระต่ายนั่งอยู่ตรงหน้าผม สมุดทุกเลื่อนไปตรงกลางก่อนที่ทั้งคู่จะก้มหน้าก้มตาสอนกัน
ผมเม้มปากแน่นมองสองคนที่อยู่ตรงหน้าผมแบบติดๆ มือก็ตวัดดินสอคูณเลขมั่วๆไปเพราะขี้เกียจจะคิดแล้วครับ หรือว่าผมหิวข้าวเลยเป็นบ้าแบบนี้ ต้องใช่แน่ๆครับ ผมมองนาฬิกาก็เห็นว่าเหลือเวลาพักอีกครึ่งชั่วโมงครับ ถ้าลงไปตอนนี้ยังไงก็กินข้าวทันอยู่แล้วล่ะครับผมเลยปิดสมุดเก็บจนเรียบร้อยแล้วยันตัวลุกขึ้น
“อุ่นไปไหน” ผมหยุดเดินแล้วหันไปมองพี่ทิตย์พร้อมถอนหายใจออกมาแผ่วเบาเพราะกระต่ายก็เงยหน้าขึ้นมองผม
“กินข้าว หิว” ผมพูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกมานอกห้องครับ
“เฮ้ยๆๆ พี่ไปด้วย”
ผมลอบยิ้มออกมาอย่างพอใจ
หืม? ลอบยิ้ม?
ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้ ผมยิ้มเหรอครับ ผมจะยิ้มทำบ้าอะไรวะเนี่ย! อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีคนมาแตะไหล่ผมคิดว่าเป็นพี่ทิตย์ครับ จริงๆก็ไม่อยากจะบอกหรอกครับว่าแทบจะจำกลิ่นได้แล้ว ผมลูบหน้าตัวเองแล้วพยายามรับสีหน้าให้ปกติที่สุดแล้วก้มลงหยิบรองเท้าครับ
“เป็นอะไรหรือเปล่า อุ่นไม่สบายเหรอ” ผมส่ายหน้าไปมาครับ
“กินโรงอาหารในหรือนอก” ผมถามขึ้นแต่ผมก็เดินเข้าโรงอาหารในครับ พี่ทิตย์ก็เดินตามผมมาแบบงงๆ ผมก็ถามไปอย่างงั้นแหละครับ จริงๆผมกะจะกินโรงอาหารในอยู่แล้ว
เพราะมันเลยเวลาพักมาก็เยอะแล้วทำให้แถวซื้อข้าวมันมีอยู่ไม่กี่คนผมเลยได้มานั่งกินอยู่ตรงข้ามพี่ทิตย์นี่ล่ะครับ
“พี่เนยมันเผาอะไรพี่หรือเปล่า” ผมกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด ไม่รู้ว่าสิ่งที่พี่เนยเล่ามันคือการเผาพี่ทิตย์หรือเปล่า แต่ก็น่าสงสารพี่เนยออกครับ ถ้าพี่ทิตย์ไม่ใส่จพี่เนยจริงๆน่ะนะ
“เปล่า ไม่มีอะไร” ผมพูดปัดไปเพราะขึ้นเกียจจะต่อความยาวสาวความยืดกับพี่ทิตย์ครับ พี่ทิตย์จ้องผมเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อแต่ก็ละสายตาไปครับ
“ก็บอกว่าพี่ทิตย์ไม่ได้จีบกระต่าย” พี่ทิตย์ที่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอยู่ดีๆก็สำลักมันออกมาครับ
“อะไรนะ แค่กๆๆ” พี่ทิตย์หน้าแดงเถือกจากการไอครับ ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความสงสาร ไม่รู้ว่าจะตกใจทำไมครับ ตกใจที่พี่เนยบอกผมหรือไงครับ ผมขมวดคิ้วแน่นไปกินข้าวไปครับ
“พี่ทิตย์ไม่ได้จีบกระต่าย”
“แล้วอุ่นคิดว่าไง” พี่ทิตย์เลิกคิ้วถามผม ผมเม้มปากเล็กน้อยแล้วตอบกลับพี่ทิตย์ไป
“ไม่รู้อ่ะ” พี่ทิตย์ส่งเสียงอือออแผ่วเบาก่อนที่จะเงียบไปผมก็เงียบบ้างครับ
“วันนี้อุ่นเลิกคาบไหน” ผมทบทวนตารางสอนในใจเบาๆก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าพี่ทิตย์คงจะคืนของให้ผม
“ลงจากห้องสี่โมงแหละ” พี่ทิตย์พยักหน้ารับแล้วก็ม่ได้พูดอะไรต่ออีก โต๊ะเงียบลงไปอีกครั้งท เงียบอีกแล้วครับ ทั้งทีปกติผมก็เป็นคนเงียบๆแต่ตอนนี้ผมไม่อยากให้มันเงียบเลยครับ
……………………………………………………………………………………………………………………………….
สี่โมงแล้วแต่ผมยังนั่งงงๆอยู่บนห้องครับ ผมขยี้ตาแรงๆคลายความง่วงครับ เก็บสมุดเก็บการบ้านทุกอย่างลงกระเป๋าก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินออกจากห้องครับ ด้วยความที่ผมง่วงชิบหายเลยเดินงงๆ ก่อนจะต้องกระพริบตาถี่ๆมองภาพตรงหน้า พี่ทิตย์ยืนพิงกำแพงอยู่ข้างหน้าผมครับ
“ไปเร็วกลับบ้าน” ผมอือออเบาๆแล้วก้มลงหยิบรองเท้าครับ
“อันนี้ของวันนี้” ผมขยี้ตาอยู่พักนึงก็รับของที่พี่ทิตย์ยื่นมาให้ครับ
มันคือขนมเปลอตตี้สีชมพูครับ ไม่รู้ว่าพี่ทิตย์ไปสรรหามาจากไหนเพราะผมว่าผมไม่ได้เห็นมันมานานเหมือนกันนะครับ ผมยิ้มขำให้กับสติ๊กเกอร์รูปไก่ที่ผมมองยังไงก็เป็ดใส่หมวกครับ ผมใช้เล็บแกะมันออกมาแล้วยกแขนพี่ทิตย์แปะมันลงไปครับ พี่ทิตย์ระบายยิ้มออกมาผมก็เลยยิ้มตาม
“ไปหามาจากไหนอ่ะ” ผมถามขึ้น ตอนนี้เราเดินมาตามคอปเปอร์เวย์จนจะถึงหน้าโรงเรียนอยู่แล้วครับ แต่ผมเห็นว่ารถผมยังไม่มาเลยดึงให้พี่ทิตย์นั่งลง
“เซเว่นก็มี” ผมพยักหน้ารับไปครับ
“เหลืออีกแค่สิบบาทแล้วนะอุ่น อีกสองวันนะ พี่มีอะไรจะบอก” ผมเลิกคิ้วเอาไอ้เปลอตตี้ตีไหล่พี่ทิตย์เบาๆก่อนจะเบ้ปากออกมาด้วยความเบื่อครับ มันต้องเปื้อนแน่ๆตอนกิน การจัดฟันเนี่ยอุปสรรคการกินระดับนึงเลยเหอะ
“กินนะ” ผมชูมันตรงหน้าพี่ทิตย์ พี่ทิตย์ก็พยักหน้ารับครับ ผมเอาเล็บเจาะลงไปแล้วลากให้ไปตามทรงของมันก่อนที่จะดึงกระดาษออกแล้วเอามันมาถือไว้ กัดไปคำนึงก็อืออร่อยดีครับ ไม่ได้กินนาน แม้ว่ามันต้องติดเหล็กผมก็ขี้เกียจจะสนใจแล้วครับ
“เครียดอะไรเปล่าพี่ทิตย์” พี่ทิตย์มองหน้าผมแล้วก็ขมวดคิ้วครับ ผมที่กำลังอ้าปากเล็มช็อคโกแล็ตก็ต้องอ้าปากถามไถ่พี่ทิตย์แทน
“พี่แม่งป๊อดว่ะ”
“ยังไงอ่ะ” ผมถามกลับแต่ปากก็ยังคงแทะเปลอตตี้อยู่ครับ พี่ทิตย์ถอนหายใจออกมาแผ่วเบาผมก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆครับ จากที่พี่เนยเล่าเดาว่าคงเรื่องของคนที่พี่ทิตย์กำลังจีบอยู่แน่ๆ แต่อย่าปรึกษาปัญหาความรักกับผมเลยครับ แฟนยังไม่เคยมีสักคน เรียกได้ว่าไม่มีใครเอาล่ะครับ
“เขาอยู่ใกล้พี่มากเลยเว้ย…” ผมพยักหน้างึกงักรับรู้แล้วปล่อยให้พี่ทิตย์พูดต่อครับ พี่ทิตย์หันไปมองทางสนามแล้วพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่เบาลง
“แต่พี่กลัวว่าเขาจะไม่ได้คิดอะไรกับพี่เลย”
“แบบนี้แค่ได้ใกล้มันก็ดีพอแล้วหรือเปล่าอุ่น” ผมนึกภาพตาม พี่ทิตย์หันกลับมามองผมเหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบอะไร ผมเอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัย ก้มมองเปลอตตี้ที่โดนกัดจนเป็นรอยฟันครับ
“ผมก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าพี่ยังไม่ลองพี่จะไปรู้ได้ไง… ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับพี่” โอ้โห รู้สึกหล่อขึ้นมาอีกหนึ่งเลเวลครับ
“สู้ๆ” ดูความเป็นคนดีของผมสิครับ ผมตบไหล่พี่ทิตย์เบาๆพี่ทิตย์ก็แกะมือผมออกแล้วหัวเราะออกมาเหมือนกับหัวเราะกับตัวเองครับ
“ถึงเขาไม่คิดก็ขอให้ได้บอกล่ะวะ” ผมยักไหล่ไม่ใส่ใจกับคำพูดพี่ทิตย์ครับ ดูท่าว่าพี่ทิตย์จะชอบคนๆนั้นมากจริงๆไม่งั้นคงไม่กังวลขนาดนี้ ขอให้เขาคิดอะไรกับพี่ทิตย์บ้างสักนิดก็แล้วกันครับ
________________________________________________
กระดึ้บๆเข้ามา ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะค้าาา ไม่ว่าจะคนที่อ่านมาตั้งแต่แรกหรือว่าคนที่เพิ่งเข้ามาอ่านรวดเดียว ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ ดีใจที่บางคนบอกว่ามันดูเหมือนจริง เพราะเราสูบบรรยากาศทุกอย่างในโรงเรียนมาปล่อยจริงๆค่ะ อยากให้ติดตามกันไปจนจบเลยนะคะ
ใครที่ไม่มีล็อคอินของเล้าเราฝากแท็ค #น้องครับยืมตังหน่อย ไว้ด้วยนะคะ
เหลือแค่สิบบาทแล้ว ฮู้ว
