“ เจ้าคิดว่าทหารมารจะเชื่อพวกเราจริงๆ เหรอ ”
ฟาร์คัสถามสีหน้าเหม็นเบื่อ ตอนนี้กำลังใส่ชุดแบบเดียวกับชาร์เลสไม่ผิดเพี้ยนเพราะยืมมาใส่ ขนาดตัวที่ต่างกันไม่มากทำให้ฟาร์คัสใส่ได้พอดี
“ เชื่อสิ พวกเขาเคยว่าจ้างข้าด้วยนะ ” ชาร์เลยยิ้มประกอบคำพูดยื่นหมวกให้ “ รับไป ถ้าไม่มีหมวกนักสืบก็ไม่ใช่นักสืบหรอกนะ ”
ฟาร์คัสยอมรับมาสวม
ในใจยังนึกสงสัยอยู่ดี
ชาร์เลสเป็นใครกันแน่ ?
แต่ในเมื่อเขาไม่ยอมตอบตรงๆ ข้าก็จะไม่ซักไซร้
ความลับหากเจ้าตัวไม่อยากบอกก็คงจะเค้นได้ยาก
ถึงแม้จะรู้สึกขาดทุนกับการโดนสืบก็เถอะ
บัดซบสิ้นดี
ฟาร์คัสกับชาร์เลสหลังจากฝากท้องกับร้านอาหารขึ้นชื่อของเมืองมารเสร็จก็กลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้านของชาร์เลสก่อน ส่วนตอนนี้ก็กำลังเดินทอดน่องกันไปยังปราสาทของเมืองมาร
ในฐานะของนักสืบส่วนตัวของราชินีมาร
ชาร์เลสบอกว่ารู้จักคาเลนเพราะเคยโดนจ้างให้หาของอยู่ครั้งนึง
แต่ครั้งล่าสุดที่เจอกันคงจะนานพอตัว
ฐานะการกินอยู่ที่แร้นแค้นน่าจะเป็นคำตอบสำหรับเรื่องนี้
“ สวัสดีนายท่าน ข้ามาพบองค์ราชินี ” ชาร์เลสถอดหมวกค้อมตัวให้กับทหารเฝ้าประตู
ซึ่งทหารมารคนอื่นๆ ก็ลนลานรับการคำนับ
เห็นได้ชัดถึงความเคารพและเลื่อมใสในตัวชาร์เลส
ฟาร์คัสเดินตัวลีบพยายามไม่ปริปากพูดอะไร
กลัวว่าจะถูกจับได้
เรื่องแปลกก็คือทหารมารไม่สามารถจับอะไรผิดปกติจากตัวฟาร์คัสได้เลย
ฟาร์คัสเหลือบมองร่างสูงที่เดินข้างหน้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
ดูท่าความลับที่ซุกซ่อนไว้ของชาร์เลสอาจจะมากกว่าของข้ากับของคาร์บิลัสรวมกันอีกมั้ง ?
ชาร์เลสเดินตรงไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นหินอ่อนดังก้องห้องโถงที่ว่างเปล่า
ทางพรมแดงยาวมีทหารมารยืนเรียงรายคอยอารักขาผู้เป็นนายจากอาคันตุกะหรือใครต้องการที่จะมาร้องเรียนพูดคุยกับนายเหนือหัวของตน
ชาร์เลสหยุดยืนตรงหน้าบัลลังก์ยกสูงของคาเลน
“ นายของพวกเจ้าล่ะ ? นางนัดข้ามาที่นี่ ”
จากนักสืบกลายเป็นนักต้มตุ๋น ปั้นเรื่องราวสดๆ ร้อนๆ ด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด
เงินนี่มันซื้อคนได้จริงๆ
ฟาร์คัสอดเหน็บในใจไม่ได้
นึกภาวนาไม่ให้มีใครจ้างชาร์เลสมาประทุษร้ายตัวเอง
ผู้ที่น่าจะเป็นคนสนิทของคาเลนแสดงสีหน้างุนงงแต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของชาร์เลสก็พยักหน้ารับ ยอมเดินเข้าไปในประตูหลั
งบัลลังก์
ฟาร์คัสขยับตัวเข้าไปใกล้ชาร์เลสแอบกระซิบกระซาบ
“ ถ้าโดนจับได้ เจ้าจะทำยังไง ”
ชาร์เลสพูดยิ้มๆ
“ ก็หนีสิ จะอยู่ให้โดนจับรึไง หรือถ้าเจ้าคิดว่าหนีไม่ทันก็สามารถใช้จูบแลกกับค่าการพาเจ้าหนีได้นะ ”
สีหน้าของฟาร์คัสมึนตึงทันที
นัยน์ตาสีดำเย็นเยียบ
ฉายชัดถึงความไม่พอใจ
“ ข้าไม่ใช่เพื่อนเล่นของเจ้า อย่าได้เล่นหัวข้า ชาร์เลส ”
ชาร์เลสจึงหัวเราะแห้งๆ ตอบ
“ น่า ข้าก็แค่พูดเล่นเอง จริงจังไปได้ ”
ฟาร์คัสไม่เสียเวลาปริปากตอบอีก
เพราะคนสนิทของคาเลนได้เดินกลับมาแล้ว
“ ท่านคาเลนมีความประสงค์ให้วกท่านมาพรุ่งนี้ ตอนนี้ท่านกำลังพักผ่อนกับสวามีอยู่ ”
ชาร์เลสหัวเราะฮ่าๆ
“ งั้นเหรอ เดี๋ยวข้ามาพรุ่งนี้แล้วกัน ”
แต่แผ่นหลังกลับรู้สึกเย็นเฉียบ
สัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุจากปีศาจอีกาใกล้ๆ
“ ใจเย็นสิ อีกา ข้ามีเวลาให้เจ้าไปแหกอกคาเลนแน่ๆ แต่ช่วยเวลาที่เหมาะสมก่อนได้ไหม ”
ฟาร์คัสไม่ตอบ จ้องจนแทบจะทะลุผนัง
คาเลน...
เป็นครั้งแรกที่โกรธมากถึงขนาดนี้
ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกอาการนี้ว่าอะไร
เพียงแค่นึกถึงคาร์บิลัสที่ร่วมเตียงกับคาเลน ก็ทำให้ข้ารู้สึกอย่าฆ่าทั้งสองฝ่ายแล้ว
ทั้งฝ่ายที่บังอาจทำให้คาร์บิลัสควบคุมตัวเองไม่ได้
ทั้งคาร์บิลัสที่อ่อนแอไม่เหลือเค้าราชาปีศาจ
ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม
มันทำให้ข้าหงุดหงิดมาก
มือเผลอกำแน่น
ข้าจะไม่พลาดท่าเป็นครั้งที่สองอีก
แค่ครั้งเดียวก็ทำให้ข้ารู้สึกอดสูเกินพอแล้ว
“ ลาล่ะทุกท่าน ”
ชาร์เลสค้อมหัวรอบทิศด้วยท่าทีน้อมนอบ ยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
ในจังหวะที่ทุกคนค้อมตัวให้ความเคารพ ชาร์เลสก็ฉวยโอกาสดึงแขนฟาร์คัสกระโจนเข้าไปยังประตูหลังบัลลังก์ทันที ไม่มีใครรู้สึกถึงการมีตัวตนของอาคันตุกะอีกต่อไป
ถูกทำให้ลืมถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
ฟาร์คัสเบิกตากว้างแต่ก็ไม่ขืนตัว
ชาร์เลสสะเดาะประตูอย่างรวดเร็ว กระแทกเบาๆ ให้เปิดออกแล้วผลักฟาร์คัสเข้าไปก่อน และตามด้วยตัวเอง
กริ๊ก
ประตูถูกปิดสนิทแนบแน่นพร้อมลงกลอน
“ เจ้าไม่ใช่นักสืบ เจ้ามันหัวขโมยชัดๆ ชาร์เลส ”
ชาร์เลสไหวไหล่ตอบยิ้มอารมณ์ดี
“ นักสืบมากความสามารถมีสเน่ห์จะตาย ”
“ จะมีไม่มีก็ช่าง นำทางข้าไปหาคาร์บิลัสเดี๋ยวนี้ ”
คำสั่งชัดเจนพร้อมแววตาเร่งเร้า
หัวขโมยชี้ไปยังประตูห้องใกล้ๆ ลวดลายการแกะสลักดูประณีตจนแม้แต่เด็กยังรู้ว่าต้องเป็นห้องของผู้ที่มีฐานะสูงส่งเป็นแน่หาใช่สามัญชนธรรมดา
ฟาร์คัสกระแทกตัวเปิดประตูทันที
สำรวจรอบห้อง ฝีเท้าลงหนักด้วยความโมโห ก่อนจะหยุดฝีเท้าอยู่หน้าเตียงยักษ์
บนขมับของฟาร์คัสมีเส้นเลือดปูดโปน
คาเลนกำลังนอนอยู่ข้างคาร์บิลัสที่กำลังเปลือยอก
“ คาเลน !! ”
ฟาร์คัสตะคอก ดาบในมือถูกเรียกมาไม่รู้ตัวจี้เข้าที่ลำคอขาวของราชินีของดินแดน
“ คาร์บิลัสเจ้าเสียงดังจัง ” คาเลนบ่นง่วงๆ
เมื่อวานยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
ทั้งๆ ที่ไม่มีสติควบคุมร่างกาย
แต่เหมือนสัญชาตญาณบางอย่างทำงาน
เอาแต่ขัดขืนข้าตลอด
สิ่งที่พอทำได้คือการนอนข้างๆ
“ ฟาร์คัส.. ”
เสียงครางดังแผ่วเรียกความสนใจของฟาร์คัส
สีหน้าเจ็บปวดทั้งโกรธแค้น
ทำให้ฟาร์คัสตัดสินใจไม่ถูก
ระหว่างการลงมือแก้แค้นกับการไปช่วยคาร์บิลัสก่อน
“ ให้ข้าคุมคาเลนก่อนก็ได้ ”
ชาร์เลสยิ้มแย่งดาบในมือฟาร์คัสไปจี้คอคาเลนเอง
ฟาร์คัสสบตากับชาร์เลส
ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ไม่มีความลังเลอะไรอีก
ฟาร์คัสกอดคาร์บิลัสแน่น
“ ตื่นได้แล้ว แพะโง่ ”
พร้อมคำเรียกที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับคาร์บิลัส
“ ชาร์เลส !! ”
เสียงกัดฟันเรียกร่างนักสืบไม่ได้ทำให้ฟาร์คัสหันไปสนใจ
ความเจ็บปวดที่ปรากฏบนสีหน้าของคาร์บิลัสสำคัญกว่าอย่างเห็นได้ชัด
จากคำเรียกปกติไม่อาจปลุกคาร์บิลัสได้ ฟาร์คัสจึงเปลี่ยนเป็นเขย่าตัวแรงๆ แทน จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถปลุกขึ้นมาได้ ราวกับว่าราชาปีศาจนั้นหลงใหลการนอนจนไม่อยากตื่นขึ้นมาพบใคร
“ มีวิธีที่ข้าพอจะปลุกคาร์บิลัสไหม ? ”
ฟาร์คัสหันไปปรึกษาชาร์เลส
“ มีสิ ” ชาร์เลสพูดยิ้มๆ “ จูบไงล่ะ ”
ฟาร์คัสชั่งใจไม่ถึงอึดใจ
ก็ตัดสินใจทำตามคำแนะนำ
กดริมฝีปากบนริมฝีปากหนา
หลับตาพยายามรู้สึกถึงตัวตนของอีกฝ่าย
ในชั่วขณะหนึ่ง
เหมือนได้ถูกดึงเข้าไปในโลกของคาร์บิลัส
“ ดักลาส !! ”
คาร์บิลัสยังคงตะโกนก้องอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย การลงดาบที่แรงขึ้นทุกทีมาพร้อมกับความเหนื่อยล้า
ดักลาสแสยะยิ้มโผล่ผลุบเข้าไปใกล้ร่างอีกาก่อนจะกระทืบซ้ำจนดังกร็อบ
เส้นเลือดคาร์บิลัสปูดโปน
โมโหที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้
ความมุทะลุประทุรุนแรงก่อให้เกิดความพลาดพลั้ง
คาร์บิลัสเสียจังหวะการฟัน
จนดักลาสสบอากาศใช้ดาบบั่นคอ
คาร์บิลัสขบกรามพยายามตั้งดาบขึ้นรับ
แต่ก็ไม่อาจทันเวลา
เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้กินเวลาเกินกว่าเสี้ยววินาที !
เคร๊ง !!
ดาบของดักลาสกระเด็นออกไปพร้อมกับหัวที่ขาดตกกระทบกับพื้น
ร่างที่ยังคงเหลือค่อยๆ ทรุดลงสิ้นท่า
และแน่นิ่งไป
คาร์บิลัสมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา
เกิดอะไรขึ้น ?
คาร์บิลัสครางในลำคอ
และเผลอหันไปสบมองกับร่างอีกาที่แหลกละเอียดบนพื้น
ฟาร์คัส..
คาร์บิลัสเผลอน้ำตาไหลด้วยความหงุดหงิดและเศร้าโศก
ผลุ่บ
“ เป็นอะไร คาร์บิลัส ”
ฟาร์คัสนั่งลงสวมกอดคาร์บิลัสแน่น
“ อย่าร้องไห้สิ เจ้าเคยบอกข้าไม่ใช่งั้นเหรอ ”
เมื่อรู้ว่าใครเป็นคนกอด คาร์บิลัสก็เผลอกอดตอบแรงด้วยพละเกินร่างกาย
“ เบาๆ สิ ”
ปีศาจอีกาบ่นแต่ไม่ได้คลายอ้อมกอด
“ ฟาร์คัส ”
คาร์บิลัสกล่าวเลื่อนลอย
ก่อนที่ใบหน้าจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ขอบคุณที่ช่วยข้าอีกครั้งนะ
-------------------
เผลอแปปเดียว เดือนสุดท้ายของปีซะแล้ว