------ ตอนที่ 31 -------------
การกลับมาของราชาปีศาจถูกป่าวประกาศโดยไร้คำพูด พลังเวทย์มหาศาลของราชาปีศาจทำให้ชาวปีศาจรู้สึกได้ถึงการกลับมา ขุนนางที่เฝ้ารอราชาปีศาจกลับมารีบเร่งพากันมายังห้องโถง
“ ท่านคาร์บิลัส ! ” เสียงตะโกนโวกเหวกโวยวายดังขึ้นท่ามกลางความปิติยินดีที่เจ้าดินแดนกลับมาสักที
แต่เจ้าดินแดนที่ว่าไม่ได้มีสีหน้ายินดีอะไรถามออกมาเบื่อๆ “ อะไร ”
ฟาร์คัสหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคาร์บิลัส คาร์บิลัสหันมองฟาร์คัสขวับเปลี่ยนสีหน้าเป็นสีหน้าหงอยๆ แทน
คาร์บิลัสรู้ดีถึงชะตากรรมของตัวเองหลังจากกลับมาดินแดนปีศาจ
เพราะไอ้พวกขุนนางพวกนี้จะจับเขาขังไว้ในห้องทำงาน บังคับขู่เข็ญให้อ่านให้อนุมัติเยอะแยะไปหมด จนเริ่มเบื่อตำแหน่งราชาปีศาจของตำเองที่ได้มา
“ เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าแล้วกัน ” ฟาร์คัสปรับสีหน้ากลับมานิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์
คาร์บิลัสถึงยิ้มออกทำท่าจะกระโจนเข้าไปกอดไม่สนใจสายตาใครหน้าไหน
“ ข้าขอเวลาสักครู่ขอรับ ท่านคาร์บิลัส ” ชาคอสก้าวออกมาจากวงขุนนางที่มายืนออกันเต็มไปหมด เหตุผลเดิมที่พวกนี้มายืนออกันก็เช่นเดียวกับครั้งที่แล้วคืออยากได้อะไรสักอย่างจากคาร์บิลัส เช่น ตำแหน่ง ความเอ็นดู แต่น่าเสียดายที่คงไม่มีอะไรแบบนั้นให้กับขุนนางพวกนี้
ในฐานะคนสนิทของราชาปีศาจ ชาคอสรู้ดีว่าทุกอย่างที่ท่านคาร์บิลัสมีถูกมอบให้กับอีกาข้างๆ ไปแล้ว แต่นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของท่านคาร์บิลัส ข้าไม่มีความจำเป็นต้องให้ความใส่ใจมากนัก
“ มีอะไร ชาคอส ” เมื่อคนถามเป็นชาคอสสีหน้าของคาร์บิลัสเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยไม่ถึงกับเบื่อหน่ายอย่างตอนแรก
“ ท่านช่วยปลดเจ้ามังกรของท่านออกด้วย ”
คาร์บิลัสทำท่าคิดสักพักเพราะลืมไปแล้วว่าตัวเองทำอะไรไว้ “ อ้อ ได้ๆ ” ก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะ
ฮืมมมมม
เสียงกู่คำรามดังสนั่นจนตึกทั้งตึกสะเทือน เหมือนกับเป็นคำกล่าวลาอยู่กลายๆ ก่อนจะหายไป
ชาคอสถอนหายใจโล่งอก เมื่อมังกรของท่านคาร์บิลัสหายๆ ไปสักที ขนาดเขาที่ว่าเป็นคนสนิทยังถูกจับจ้องจนทำอะไรลำบาก
สิ่งที่ชาวปีศาจหวาดกลัวในตอนนี้คงจะเป็นดวงตาจับผิดขนาดยักษ์ของเจ้ามังกรสีดำเนื้อตัวขาดวิ่นเป็นช่วงๆ เห็นโครงกระดูก
ชัดเจนในส่วนที่ไม่มีเนื้อ เกาะอยู่บนปราสาทตัวใหญ่ขนาดที่ว่าแทบจะคลุมท้องฟ้า กลิ่นอายวิญญาณรุนแรง ถึงแม้จะมองเห็นมันเกาะอยู่แต่ไม่สามารถจับต้องมันได้ สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ คือมันสามารถฆ่าคนที่คนทำอะไรผิดแปลกไปจากปกติที่ควรทำ อย่างการคิดจะก่อกบฏในช่วงที่นายของมันไม่อยู่...
“ มังกร ? ” ฟาร์คัสทวนงงๆ
คาร์บิลัสยิ้มยืดอดเชิงอวด “ เป็นมังกรที่ข้าช่วยไว้น่ะ มันก็เลยสาบานว่าจะอยู่เป็นข้ารับใช้ของข้าจนกว่าข้าจะตาย แต่ตอนนี้มันตายแล้วล่ะ เหลือแต่ร่างวิญญาณที่ซื่อสัตย์ไว้ ถ้าเจ้าอยากเจอมันข้าเรียกมันออกมาได้นะ ”
ฟาร์คัสขมวดคิ้วกับสายตานับร้อยคู่ที่จ้องมาทางตัวเองอย่างกดดัน วอนขอ รวมถึงสายตาของชาคอสที่ดูจะรุนแรงกว่าคนอื่นๆ สักหน่อย ในสายตาที่มองมาสื่ออย่างรุนแรงว่า อย่าแม้แต่จะเรียกมันออกมา !
“ ไม่ดีกว่า ข้าง่วงแล้ว ” ฟาร์คัสยอมรับคำขอจากพวกขุนนาง และได้รับคำขอบคุณเป็นสายตาชื่นชมยินดีทันที ความขุ่นข้องหมองใจของขุนนางส่วนใหญ่หายไปจนหมด
เพราะไอ้มังกรที่ว่ามันน่ากลัวจริงๆ เกิดเรียกออกมาอีกรอบคงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ
“ งั้นก็ไปนอนกันเถอะ แต่เจ้าต้องนอนห้องข้านะ ฟาร์คัส ~ ” คาร์บิลัสแทบจะร้องออกมาเป็นเพลง ดึงแขนฟาร์คัสเตรียมจะลากไปห้องตัวเอง
ฟาร์คัสขืนตัวเริ่มรู้สึกหงุดหงิดในความร่าเริงที่มากเกินไปของคาร์บิลัสแปลกๆ “ แล้วเอลล์กับลุกซ์ล่ะ เจ้าส่งสองคนนั้นไปไหน ”
“ ก็กลับบ้านลุกซ์สิ เจ้ามังกรโง่นั่น ไม่ได้กลับบ้านเป็นนานแล้ว เกิดที่บ้านรู้ว่ามันกลับมาแล้วไม่ยอมกลับบ้าน มีหวังปราสาทของข้าต้องถูกเผาแน่ๆ ”
“ แง้ ! ฆ่าบี้ลัสด่าดัฟฟ์โง่ง้า ” ดัฟฟ์ร้องไห้งอแงดิ้นออกจากแขนคาร์บิลัส กระโดดลงมาเหยียบพื้นวิ่งไปหาบุคคลที่น่าจะปลอบได้ดีที่สุดอย่างฟาร์คัส
ฟาร์คัสกลอกตา “ เจ้าโง่ คารบิลัสไม่ได้ด่าเจ้า ”
ดัฟฟ์ชะงักขา น้ำตาไหลพราก แม้แต่แม่ก็ยังด่าว่าข้าโง่... ฮึก ! ดัฟฟ์เริ่มไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครดี ได้แต่กอดนาซัสที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นแต่อย่างใดแน่น
ฟาร์คัสกับคาร์บิลัสสบตากัน
เจ้าปลอบดัฟฟ์สิ เจ้าทำให้ดัฟฟ์ร้องไห้ !
สายตากร้าวของฟาร์คัสบอกเช่นนั้น
แต่ข้าไม่ถนัดเลี้ยงเด็กนี่นา ฟาร์คัส
คาร์บิลัสมองกลับด้วยสายตาหวานชื่น
ระหว่างที่พ่อและแม่กำลังสื่อสารกันทางสายตา ก็มีร่างที่ดัฟฟ์พอจะพึ่งได้ผ่านมาพอดี
กระต่ายตัวอวบอ้วนใส่ชุดทำงานเคี้ยวแครอทดังแจ๊บๆ เดินกระโดดโหยงเหยงมา หูตั้งขึ้นเชิงแปลกใจที่เห็นมังกรดำร้องไห้จึงเดินมาหามือที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยลูบหัวดัฟฟ์เบาๆ เชิงปลอบ “ อย่าร้องสิ ”
ดัฟฟ์กลั้นเสียงสะอึกสะอื้นซุกหัวลงกับหน้าท้องของคอร์ส
เป็นอันว่าปัญหาคลี่คลายไปแล้วเรื่องนึง
คาร์บิลัสคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ในหัวเกิดความคิดดีๆ “ คอร์ส ข้าฝากเจ้าเอาดัฟฟ์ไปเลี้ยง เพราะข้ากับฟาร์คัสจะพักผ่อน ข้าเหนื่อยมาก ข้าไม่ต้องการที่จะทำงานตอนนี้ ” ประโยคหลังพูดเสียงเย็นจ้องชาคอสตรงๆ
ในใจชาคอสสบถคำด่าราชาปีศาจอย่างดุร้าย กองเอกสารที่ทำค้างไว้มันจะล้นห้องทำงานของข้าแล้ว แต่สิ่งที่ตอบออกไปได้มีเพียงคำตอบเดียว “ ขอรับ ” ช่วยไม่ได้ข้าเป็นเพียงคนสนิท ไม่ได้เป็นราชาดินแดนหรือชายาของราชาปีศาจ จะทำอะไรได้นอกจากรับคำสั่ง
“ ได้ขอรับ ท่านคาร์บิลัส ” คอร์สตอบรับด้วยการผงกหัว “ เจ้ามังกร กินแครอทไหม ? ” พร้อมหยิบแครอทออกมาจากเสื้อยื่นให้กับมังกรดำ
ดัฟฟ์แทบจะร้องไห้โฮด้วยความซาบซึ้ง รับมากินทันที
ซึ่งหลังจากนี้คนที่ดัฟฟ์ติดแจคงจะเป็นเจ้ากระต่ายอ้วนแทน..
ถึงจะพูดว่าง่วง แต่มันก็เป็นคำแก้ตัวส่งๆ เท่านั้น ความจริงฟาร์คัสรู้สึกแค่เพลียนิดหน่อยจากการใช้พลังเวทย์สู้กับเจ้าอสูรนั่น ฟาร์คัสอยากจะเถียงกับคาร์บิลัสเรื่องนอนคาร์บิลัส แต่ขุนนางที่อยู่กันเต็มห้องก็ทำให้ฟาร์คัสรู้สึกกระดากอายไม่น้อย เลยต้องยอมๆ ไป “ ไปห้องเจ้าสักที ”
คาร์บิลัสยิ้มรับ “ ได้สิ ” เดินนำไปอย่างกระตือรือร้นโดยมีฟาร์คัสเดินด้วยสีหน้าหงุดหงิด
ทิ้งให้เหล่าขุนนางยืนเก้อกันอีกครั้ง...
ดูท่าพวกมันคงต้องตั้งใจทำงานมีผลงานดีๆ แทนการประจบแล้วมั้ง
คิดเหมือนกันก่อนจะพากันแยกย้ายกลับไปทำงานดังเดิม
ทันทีที่เข้ามาในห้องได้คาร์บิลัสก็โผกอดฟาร์คัสแน่นทันที ซึ่งฟาร์คัสยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกปล่อยให้คาร์บิลัสกอดหน้าที่ยังคงเย็นชาแดงก่ำถึงลำคอเมื่อถูกซุกไซร้ตรงลำคอ
ตอนปกติฟาร์คัสมักจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนจึงไม่ได้รู้สึกเขินอายสักเท่าไหร่
แต่รอบนี้คาร์บิลัสเป็นคนเริ่ม
“ ปล่อยข้า! ” ฟาร์คัสพยายามขืนตัวออกแต่ดูจะยากเย็นเมื่อแขนของคาร์บิลัสแทบจะกลายเป็นปลาหมึกเกาะตัวไว้แน่น
“ รางวัลของข้าไง.. เจ้าลืมแล้วเหรอ ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสกระซิบข้างหูน้ำเสียงแหบพร่า
ฟาร์คัสนึกหงุดหงิดที่ตัวเองให้คำสัญญาบ้าๆ ไว้
เหมือนหลุมฝังตัวเองยังไงยังงั้น
“ แค่จูบพอ.. ตอนนี้ข้าไม่พร้อมที่จะทำอะไรทั้งนั้น ”
คาร์บิลัสไม่ตอบยอมผละออกมาอย่างว่าง่ายยืนจ้องฟาร์คัสนิ่งๆ
ฟาร์คัสคิ้วกระตุก ทั้งๆ ที่ข้ายอมให้ถึงขนาดนี้ “ เป็นอะไรของเจ้า ไม่พอใจรึไง ”
“ เจ้าเริ่มสิ ในเมื่อเจ้าเป็นคนเสนอมันให้ข้า ” พูดพร้อมยิ้มมุมปาก สายตาพราวระยับ
ทำไมข้าเหมือนเห็นเขากับหางปีศาจของไอ้หมางี่เง่านี่งอกออกมากัน..
ฟาร์คัสคิดในใจอย่างหงุดหงิด ยอมเดินเข้าไปใกล้โน้มคอเสื้อของคาร์บิลัสลงมาแนบริมฝีปากบนอีกฝ่าย แต่พอจะผละออกกลับถูกคาร์บิลัสรั้งเอวไว้พร้อมกดหัวไม่ให้หนีไปไหน
ไอ้ปีศาจเวร
ฟาร์คัสสบถในใจเมื่อถูกรุกล้ำเข้ามาในริมฝีปาก ฟาร์คัสเข่าอ่อนไม่รู้ตัว หน้าแดงก่ำ
เมื่อทำจนพอใจคาร์บิลัสก็ผละออกมา ยิ้มอย่างพอใจ เมื่อทำอีกาจองหองหมดท่า
ซึ่งถ้ากลับมาปกติเมื่อไหร่
ข้าไม่รอดแน่ๆ
คาร์บิลัสลอบกลืนน้ำลายเอือก ยิ้มตอบสายตาที่จ้องมาอย่างกินเลือกกินเนื้อ “ เจ้าจะนอนนี่ ? งั้นเดี๋ยวข้าไปส่งที่เตียงแล้วกัน ”
“ เออ ! ” กระแทกเสียงตอบ
คาร์บิลัสประคองฟาร์คัสไปนอนที่เตียง
เอาเถอะพอมาคิดๆ ดูแล้ว รางวัลที่ข้าได้รอบนี้ก็ไม่เลว..
ครั้งหน้าข้าจะเป็นคนเสนอรางวัลให้เจ้าบ้างแล้วกัน
ฟาร์คัส
“ เฮ้ย ! นั่นข้าตาฝาดหรือเปล่า ! ”
เสียงตะโกนดังลั่นมาจากปากน้องชายแท้ๆ ของลุกซ์ ร่างสูงมีลูกมังกรไฟเกาะอยู่บนหัว ผมถูกตัดสั้นไถจนเกือบเกรียนเพราะเจ้าตัวไม่ชอบอากาศร้อน ซึ่งตอนนี้ก็วิ่งถลาเข้าไปโถมกอดพี่ชายของตัวเอง
“ อะไรนะ ! ลุกซ์ เจ้าจิ้งจกที่หายตัวไปเป็นชาติงั้นเหรอ ”
“ พูดเป็นเล่น ข้านึกว่ามันตายไปแล้วซะอีก ”
เสียงตะโกนบอกกันดังลั่น
เพราะลุกซ์หายตัวไปนานมากจนทุกคนคิดว่าตายไปแล้วไม่ก็เที่ยวเล่นจนหายหัวไปไม่ยอมกลับบ้าน ตอนนี้กลางหมู่บ้านที่ลุกซ์ยืนอยู่เลยออไปทั้งมังกรไฟในร่างมังกรสลับกับร่างมนุษย์ล้อมกรอบแน่น
ลุกซ์เป็นลูกชายคนโตของหัวหน้าหมู่บ้านจึงเป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของคน เนื่องด้วยหลายๆ อย่าง พวกนิสัยใจดีมีน้ำใจชอบแซวนู่นนี่นั่นไปทั่วเป็นที่เอ็นดูไม่น้อย
ลุกซ์หัวเราะเสียงดังลั่นตบหลังน้องชายตัวเองดังปั่กๆ “ ไม่เบานี่หว่า ข้าไม่อยู่แปปเดียวเจ้ามีทั้งลูกทั้งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านไปแล้ว ”
นัยน์ตาสีเพลิงเช่นเดียวกับลุกซ์ทอประกายความไม่สบอารมณ์
“ เพราะพี่นั่นแหละ ไม่ยอมกลับมาสักที ท่านพ่อเลยจับข้าเป็นแทนเนี่ย ”
ลุกซ์ยิ้มกว้าง “ ดีสิ เพราะพี่ไม่ได้อยากเป็น ฮ่าๆ ”
น้องชายเซ็งได้ไม่นานก็หัวเราะตาม ความยินดีที่พี่ชายของตัวเองกลับมานั่นมีมากกว่าความไม่สบอารมณ์
เสียงจอแจเสียงดังถามไถ่ถึงเหตุผลที่หายไปสุขภาพความเป็นอยู่ แต่ยังไม่ได้ลามถึงบุคคลข้างๆ ที่ยืนอมยิ้ม สายตาอยากรู้อยากเห็นจดจ้องแต่ไม่กล้าเอ่ยถึง เพราะบางอย่างที่ดูสูงค่าจนเกินเอื้อม ลุกซ์ไล่ตอบทีละคำถามอย่างใจเย็นพูดติดตลกในบางคำตอบ เหลือบมองเอลล์ส่งยิ้มให้เป็นพักๆ
มาเป็นครอบครัวเดียวกันนะเอลล์..
ลุกซ์บอกกับเอลล์เช่นนั้นก่อนที่จะถึงบ้านเกิดตัวเอง
ก่อนที่กลายเป็นความเงียบงัน เมื่อร่างชราสองร่างก้าวเข้ามา เค้าโครงหน้าที่เหมือนกับลุกซ์เกือบสามในสี่ส่วนมาพร้อมรอยยิ้ม “ ยินดีต้อนรับกลับมา ลุกซ์ ”
ลุกซ์ยิ้มกว้าง “ ครับ ท่านพ่อ ”
ผู้เป็นฝ่ายถามยิ้มตอบและถามคำถามในใจทุกคนในบริเวณนี้ออกมา “ แล้วนี่ล่ะ ? ใครกัน ”
เอลล์สะดุ้งพยายามยิ้มให้อย่างประหม่า
ลุกซ์ที่รู้ตัวดีว่าต้องโดนถามแน่ๆ และมั่นใจว่าตัวเองจะตอบได้ฉะฉาน แต่พอตอบออกไปจริงๆ .. “ อะ เอลล์ น่ะ เขาเป็นเอ่อ... ” พูดไปหูแดงไป เพราะลุกซ์ไม่เคยมีแฟนมาก่อนสักครั้งตอนที่อยู่หมู่บ้าน เรียกได้ว่าเอลล์คือแฟนคนแรกเลยทีเดียว
“ พอเถอะ ข้าว่าข้ารู้แล้วล่ะ ” แม่ลุกซ์หัวเราะหุๆ นึกเอ็นดูในตัวเอลล์ที่ดูเรียบร้อยดี “ ว่าแต่ เอลล์ เนี่ยใช่ที่เป็นราชาภูตหรือเปล่าจ๊ะ ลุกซ์ ” ซึ่งคำถามนี้ก็ลองถามเล่นๆ ดูเท่านั้น เพราะมองจากพลังอำนาจบางอย่างในตัวก็ชวนให้ขบคิดไม่น้อย
ลุกซ์พยักหน้าหงึกหงัก
ส่วนมังกรไฟที่เหลือก็สะดุ้งโหยงกับแถบ
เพราะรู้ดีว่าราชาภูตนั่นเก็บตัวอยู่แต่ในปราสาทเย็นชากับดินแดนอื่นมากๆ
อย่างที่รู้
หมู่บ้านมังกรไฟอยู่นอกเมือง ไอ้ข่าวนี้ก็ตั้งแต่รุ่นเมเออร์ด้วยซ้ำ เป็นหมู่บ้านที่รับรู้ข่าวสารช้าที่สุด
“ ฮะ นี่พี่หายไปแปปเดียว พี่เอาราชาภูตกลับด้วยเลยเหรอ ! ” เป็นน้องชายของลุกซ์ที่ได้สติคนแรกตะโกนดังลั่น
“ แล้วทหารภูตจะตามมาแดนปีศาจไหมเนี่ย แต่ท่านคาร์บิลัสแข็งแกร่งมากคงไล่กลับไปได้ ”
“ ขโมยอะไรไม่ขโมย ขโมยราชาภูตกลับมาเนี่ยนะ ลูกข้านี่มีสมองเหมือนมีก้อนหินในหัวเลย ”
“ แย่แล้วๆ ลุกซ์ขโมยราชาภูตมา ! ”
เอลล์หลุดหัวเราะออกมาจริงจัง เสียงหัวเราะดังผะแผ่ว
เสียงอึกทึกถึงค่อยๆ สงบลง
“ ข้ามากับลุกซ์เอง ” เอลล์ยิ้มน้อยๆ “ ข้าไม่ได้ถูกลักพาตัวมา ข้าเป็นคนรักของลุกซ์ ” เป็นเอลล์แทนที่เป็นคนพูดออกมา ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งกษัตริย์มานานเลยพอกดความประหม่าของตัวเองให้จมหายไป
เสียงฮิ้วดังลั่นหลังจากจบประโยคของเอลล์
ถ้อยคำล้อเลียนลุกซ์เหมือนคำต้อนรับกลายๆ
เอลล์ถูกต้อนรับให้มาอยู่ด้วยทันทีในฐานะที่เป็นคนรักของลุกซ์ ได้อยู่ในบ้านหลังย่อมท้ายหมู่บ้านที่ถูกสร้างไว้นานแล้วเป็นของขวัญที่น้องชายลุกซ์สร้างไว้รอพี่ชายของตัวเองกลับมาอยู่ มีสวนดอกไม้เล็กๆ ขึ้นเป็นสีสันสดใส
ถือว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเอลล์
ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเหมือนตอนเป็นกษัตริย์
กระทำทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ
พร้อมกับมังกรไฟของตัวเอง
“ เฮ้ เจ้าโซแวน ! ไหนขนมข้า เจ้าบอกจะซื้อมาให้ข้าไม่ใช่เหรอ ” วารันพูดขณะเคี้ยวหมากฝรั่งดังหงับๆ เป่าลมเข้าไปจนเป็นลูกโป่ง
“ เจ้ากินมันไปหมดแล้ว มันจะเหลือได้ไง ” โซแวนส่งสีหน้าเหม็นเบื่อให้วารัน
วารันขมวดคิ้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้โซแวนเป่าลมจนกระทั่งหมากฝรั่งแตกใส่หน้าโซแวนดังโผละ
โซแวนคิ้วกระตุกพยายามอย่างยิ่งไม่ให้เท้ากระตุกตาม
“ เจ้าได้ข้าแล้วเปลี่ยนไปนี่ ! ฮือๆ ” วารันทรุดตัวลงนั่งกอดเข่า น้ำเสียงสะอึกสะอื้นแต่หารู้ไม่ว่าน้ำตาไม่ได้ออกแม้แต่หยดเดียว
โซแวนรู้จักวารันดีแต่ก็ไม่วายพยายามง้อ “ ข้าไม่ได้ได้เจ้าแล้วเปลี่ยนไปสักหน่อย อีกอย่างข้าไปได้เจ้าตอนไหน วารัน แค่ข้าจูบเจ้ายังไม่ยอมเลย ”
เมื่อแผนไร้สาระของตัวเองไม่สำเร็จวารันจึงเลิกนั่งกอดเข่าไปนอนเล่นบนโซฟาแทน “ ช่วยไม่ได้ เจ้าไม่ยอมทำตามที่ข้าต้องการนี่นา ”
“ ใครมันจะไปทำได้วะ ” โซแวนสบถ เพราะไอ้สิ่งที่วารันต้องการนั้นทำโครตยาก อย่างการซื้อโดนัทชื่อดังของมนุษย์ที่มีแถวต่อยาวเหยียดให้กันทุกวัน ไปขอลายเซ็นคนแต่งหนังสือที่ตายไปเป็นชาติจนเขาต้องลำบากไปหาร่างที่วิญญาณนั้นไปเกิดลักลอบเอาความทรงจำช่วงแต่งหนังสือมาใส่แล้วให้เซนต์ซึ่งถ้าหากทำจริงๆ คงไม่วายถูกจับยัดเข้าต้นไม้บ้านี่เป็นคนที่สองแน่ ยังไม่เพียงเท่านี้ยังมีอีกหลายอย่างที่ฟังแล้วปวดประสาท จนโซแวนหมดอารมณ์ไปเลยทีเดียว
“ เห็นไหม ! เจ้าไม่ตามใจข้า เจ้าเปลี่ยนไปแล้ว ” วารันพูดด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด พอเห็นสีหน้าถมึงทึงของโซแวนก็หลุดหัวเราะ “ ฮ่าๆ หน้าเจ้านี่มันขำชะมัด อยู่กับเจ้าข้าไม่เคยเบื่อสักที ”
โซแวนถอนหายใจเหนื่อยๆ มาหยุดยืนข้างวารัน
วารันทิ้งหมากฝรั่งลงถังขยะใกล้ๆ อมยิ้มถาม “ มีอะไร ? ” เงยหน้ามองร่างที่ทั้งสูงทั้งหนามายืนบังจนมิด
“ ขอรางวัลให้ขี้ข้าอย่างข้าบ้าง ” โซแวนพูดเสียงเรียบสีหน้าจริงจัง
“ ทำไมข้าต้องให้ล่ะ ” วารันถามกวนๆ เหยียบเท้าโซแวนเบาๆ เชิงยียวน
“ ถ้าไม่ให้ข้าก็จะชิงมันเอง ” โซแวนล็อกคอวารันไว้อย่างดุดัน เหมือนกับสิงห์ที่กำลังจะตะครุบกวางให้เป็นเหยื่อของตัวเอง
“ เฮ้ยๆ ” วารันเริ่มไปไม่ถูกแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน
ใครจะไปรู้ว่าในหัวของวารันคิดอะไร ?
โซแวนให้นิยามเช่นนั้น
วารันขยับหน้ารับจูบโซแวน
ลึกๆ แล้ววารันก็ต้องการเหมือนกัน
// ข้ามารับข่าวสาร //
เสียงขัดจังหวะดังขึ้นทำเอาทั้งวารันและโซแวนขมวดคิ้ว
โซแวนเลียริมฝีปากนัยน์ตาเต็มไปด้วยความราคะ
เช่นเดียวกับวารัน
โครตจะเซ็ง วารันคิดในใจ แต่หน้าที่ก็ต้องเป็นหน้าที่ถ้าเกิดท่านผู้นั้นเกิดจับได้ว่าเขาอู้มีหวังอาจจะถูกทำโทษให้ไปทำอะไรที่น่าเบื่อกว่านี้แน่ๆ
เอาเหอะ ได้คนรับใช้มาคนนึง ข้าก็พอใจแล้วล่ะ
กระต่ายตัวอ้วนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขะมักเขม้นตั้งแต่ปลอบให้หายร้องไห้ยันกล่อมนอน โชคดีที่ที่บ้านของคอร์สมีน้องเยอะมาก เลยมีพื้นฐานการเลี้ยงเด็กมาบ้าง คอร์สยิ้มเมื่อดัฟฟ์กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม
“ ดัฟฟ์รักคอร์สที่สุด ! ” ดัฟฟ์พูดออกมาอย่างร่าเริง
“ อืม ข้าก็รักเจ้าเหมือนกัน ดัฟฟ์ ” คอร์สพูดด้วยความเอ็นดู
“ แต่น้อยกว่านาซัสน้า ดัฟฟ์รักนาซัส ! ”
“ อืม นาซัสก็นาซัส ” ดวงตาสีทับทิมจดจ้องร่างภูตเด็กด้วยความเอ็นดูเช่นเดียวกัน แต่กลับรู้สึกมีบางอย่างที่สะกิดใจมาโดยตลอด ซึ่งเขาก็นึกไม่ออก..
“ นาซัสชอบนอนมาก แก๊ซ ! ตั้งแต่อยู่กับดัฟฟ์ ไม่เคยตื่นเลย ” ดัฟฟ์หัวเราะแหะๆ
คอร์สเบิกตากว้างถลาเข้าไปจับชีพจรของนาซัสอย่างตื่นตระหนกก่อนจะถอนหายใจฟู่
ชีพจรปกติ..
ยังมีชีวิตอยู่
แต่ไร้ซึ่งกลิ่นอายของชีวิต …
คอร์สสะดุ้งโหยงหูตั้งไม่รู้ตัว ปากบ่นพึมพำ “ แย่แล้วๆๆ ”
เพราะนั่นหมายความว่า
วิญญาณของนาซัสไม่ได้อยู่กับร่าง !
------------------------------------------
มาอัพหลังจากหายไปอาทิตย์
ตอนนี้หลายคู่มาก มีคู่ที่ถูกหลงลืมไปนานด้วย 5555555
ขอบคุณทุกคอมเมนต์จ้า
# โพลแอบจับคนซุ่มได้ 5555555