Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ควรจะมีภาคต่อไหม ?

มีก็ดี :D
34 (82.9%)
ไม่มี จบแค่นี้ก็ฟินแล้ว ~
3 (7.3%)
มีก็ได้ไม่มีก็เฉยๆ
4 (9.8%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 41

ผู้เขียน หัวข้อ: Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]  (อ่าน 70738 ครั้ง)

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
แปะ

ตอนนี้อยุ่เกาะ ยังไม่มีเวลาอ่านเลย เดะพรุ่งนี้เมนท์นะคะ จุฟๆ

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไม่รู้จะเม้นไรดี  งั้นตามเม้นบนไป  ไปถล่มดินแดนนกบอกลางกันเถอะ!!

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดัฟฟ หล่อมากลูกกกกกกก !!!!
พระเอกชัดๆ ฮ่าๆ มีการบอกให้คาบิรัสหลบด้วย ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
รวดเดียวจบ สนุกมาก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
แร้วจะเปงไงต่อไปน้อออ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 31 25 ต.ค 58
«ตอบ #275 เมื่อ25-10-2015 23:36:21 »

------ ตอนที่ 31 -------------
   
การกลับมาของราชาปีศาจถูกป่าวประกาศโดยไร้คำพูด พลังเวทย์มหาศาลของราชาปีศาจทำให้ชาวปีศาจรู้สึกได้ถึงการกลับมา ขุนนางที่เฝ้ารอราชาปีศาจกลับมารีบเร่งพากันมายังห้องโถง
   
“ ท่านคาร์บิลัส ! ” เสียงตะโกนโวกเหวกโวยวายดังขึ้นท่ามกลางความปิติยินดีที่เจ้าดินแดนกลับมาสักที
   
แต่เจ้าดินแดนที่ว่าไม่ได้มีสีหน้ายินดีอะไรถามออกมาเบื่อๆ “ อะไร ”
   
ฟาร์คัสหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคาร์บิลัส คาร์บิลัสหันมองฟาร์คัสขวับเปลี่ยนสีหน้าเป็นสีหน้าหงอยๆ แทน
   
คาร์บิลัสรู้ดีถึงชะตากรรมของตัวเองหลังจากกลับมาดินแดนปีศาจ
   
เพราะไอ้พวกขุนนางพวกนี้จะจับเขาขังไว้ในห้องทำงาน บังคับขู่เข็ญให้อ่านให้อนุมัติเยอะแยะไปหมด จนเริ่มเบื่อตำแหน่งราชาปีศาจของตำเองที่ได้มา
   
“ เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าแล้วกัน ” ฟาร์คัสปรับสีหน้ากลับมานิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์
   
คาร์บิลัสถึงยิ้มออกทำท่าจะกระโจนเข้าไปกอดไม่สนใจสายตาใครหน้าไหน
   
“ ข้าขอเวลาสักครู่ขอรับ ท่านคาร์บิลัส ” ชาคอสก้าวออกมาจากวงขุนนางที่มายืนออกันเต็มไปหมด เหตุผลเดิมที่พวกนี้มายืนออกันก็เช่นเดียวกับครั้งที่แล้วคืออยากได้อะไรสักอย่างจากคาร์บิลัส เช่น ตำแหน่ง ความเอ็นดู แต่น่าเสียดายที่คงไม่มีอะไรแบบนั้นให้กับขุนนางพวกนี้
   
ในฐานะคนสนิทของราชาปีศาจ ชาคอสรู้ดีว่าทุกอย่างที่ท่านคาร์บิลัสมีถูกมอบให้กับอีกาข้างๆ ไปแล้ว แต่นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของท่านคาร์บิลัส ข้าไม่มีความจำเป็นต้องให้ความใส่ใจมากนัก
   
“ มีอะไร ชาคอส ” เมื่อคนถามเป็นชาคอสสีหน้าของคาร์บิลัสเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยไม่ถึงกับเบื่อหน่ายอย่างตอนแรก
   
“ ท่านช่วยปลดเจ้ามังกรของท่านออกด้วย ”
   
คาร์บิลัสทำท่าคิดสักพักเพราะลืมไปแล้วว่าตัวเองทำอะไรไว้ “ อ้อ ได้ๆ ” ก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะ
   
ฮืมมมมม
   
เสียงกู่คำรามดังสนั่นจนตึกทั้งตึกสะเทือน เหมือนกับเป็นคำกล่าวลาอยู่กลายๆ ก่อนจะหายไป
   
ชาคอสถอนหายใจโล่งอก เมื่อมังกรของท่านคาร์บิลัสหายๆ ไปสักที ขนาดเขาที่ว่าเป็นคนสนิทยังถูกจับจ้องจนทำอะไรลำบาก

สิ่งที่ชาวปีศาจหวาดกลัวในตอนนี้คงจะเป็นดวงตาจับผิดขนาดยักษ์ของเจ้ามังกรสีดำเนื้อตัวขาดวิ่นเป็นช่วงๆ เห็นโครงกระดูก
ชัดเจนในส่วนที่ไม่มีเนื้อ เกาะอยู่บนปราสาทตัวใหญ่ขนาดที่ว่าแทบจะคลุมท้องฟ้า กลิ่นอายวิญญาณรุนแรง ถึงแม้จะมองเห็นมันเกาะอยู่แต่ไม่สามารถจับต้องมันได้ สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ คือมันสามารถฆ่าคนที่คนทำอะไรผิดแปลกไปจากปกติที่ควรทำ อย่างการคิดจะก่อกบฏในช่วงที่นายของมันไม่อยู่...

“ มังกร ? ” ฟาร์คัสทวนงงๆ

คาร์บิลัสยิ้มยืดอดเชิงอวด “ เป็นมังกรที่ข้าช่วยไว้น่ะ มันก็เลยสาบานว่าจะอยู่เป็นข้ารับใช้ของข้าจนกว่าข้าจะตาย แต่ตอนนี้มันตายแล้วล่ะ เหลือแต่ร่างวิญญาณที่ซื่อสัตย์ไว้ ถ้าเจ้าอยากเจอมันข้าเรียกมันออกมาได้นะ ”

ฟาร์คัสขมวดคิ้วกับสายตานับร้อยคู่ที่จ้องมาทางตัวเองอย่างกดดัน วอนขอ รวมถึงสายตาของชาคอสที่ดูจะรุนแรงกว่าคนอื่นๆ สักหน่อย ในสายตาที่มองมาสื่ออย่างรุนแรงว่า อย่าแม้แต่จะเรียกมันออกมา !

“ ไม่ดีกว่า ข้าง่วงแล้ว ” ฟาร์คัสยอมรับคำขอจากพวกขุนนาง และได้รับคำขอบคุณเป็นสายตาชื่นชมยินดีทันที ความขุ่นข้องหมองใจของขุนนางส่วนใหญ่หายไปจนหมด

เพราะไอ้มังกรที่ว่ามันน่ากลัวจริงๆ เกิดเรียกออกมาอีกรอบคงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ

“ งั้นก็ไปนอนกันเถอะ แต่เจ้าต้องนอนห้องข้านะ ฟาร์คัส ~ ” คาร์บิลัสแทบจะร้องออกมาเป็นเพลง ดึงแขนฟาร์คัสเตรียมจะลากไปห้องตัวเอง

ฟาร์คัสขืนตัวเริ่มรู้สึกหงุดหงิดในความร่าเริงที่มากเกินไปของคาร์บิลัสแปลกๆ “ แล้วเอลล์กับลุกซ์ล่ะ เจ้าส่งสองคนนั้นไปไหน ”

“ ก็กลับบ้านลุกซ์สิ เจ้ามังกรโง่นั่น ไม่ได้กลับบ้านเป็นนานแล้ว เกิดที่บ้านรู้ว่ามันกลับมาแล้วไม่ยอมกลับบ้าน มีหวังปราสาทของข้าต้องถูกเผาแน่ๆ ”

“ แง้ ! ฆ่าบี้ลัสด่าดัฟฟ์โง่ง้า ” ดัฟฟ์ร้องไห้งอแงดิ้นออกจากแขนคาร์บิลัส กระโดดลงมาเหยียบพื้นวิ่งไปหาบุคคลที่น่าจะปลอบได้ดีที่สุดอย่างฟาร์คัส

ฟาร์คัสกลอกตา “ เจ้าโง่ คารบิลัสไม่ได้ด่าเจ้า ”

ดัฟฟ์ชะงักขา น้ำตาไหลพราก  แม้แต่แม่ก็ยังด่าว่าข้าโง่... ฮึก ! ดัฟฟ์เริ่มไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครดี ได้แต่กอดนาซัสที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นแต่อย่างใดแน่น

ฟาร์คัสกับคาร์บิลัสสบตากัน

เจ้าปลอบดัฟฟ์สิ เจ้าทำให้ดัฟฟ์ร้องไห้  !

สายตากร้าวของฟาร์คัสบอกเช่นนั้น

แต่ข้าไม่ถนัดเลี้ยงเด็กนี่นา ฟาร์คัส 

คาร์บิลัสมองกลับด้วยสายตาหวานชื่น 

ระหว่างที่พ่อและแม่กำลังสื่อสารกันทางสายตา ก็มีร่างที่ดัฟฟ์พอจะพึ่งได้ผ่านมาพอดี

กระต่ายตัวอวบอ้วนใส่ชุดทำงานเคี้ยวแครอทดังแจ๊บๆ เดินกระโดดโหยงเหยงมา หูตั้งขึ้นเชิงแปลกใจที่เห็นมังกรดำร้องไห้จึงเดินมาหามือที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยลูบหัวดัฟฟ์เบาๆ เชิงปลอบ “ อย่าร้องสิ ”

ดัฟฟ์กลั้นเสียงสะอึกสะอื้นซุกหัวลงกับหน้าท้องของคอร์ส

เป็นอันว่าปัญหาคลี่คลายไปแล้วเรื่องนึง
   
คาร์บิลัสคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ในหัวเกิดความคิดดีๆ “ คอร์ส ข้าฝากเจ้าเอาดัฟฟ์ไปเลี้ยง เพราะข้ากับฟาร์คัสจะพักผ่อน ข้าเหนื่อยมาก ข้าไม่ต้องการที่จะทำงานตอนนี้ ” ประโยคหลังพูดเสียงเย็นจ้องชาคอสตรงๆ
   
ในใจชาคอสสบถคำด่าราชาปีศาจอย่างดุร้าย กองเอกสารที่ทำค้างไว้มันจะล้นห้องทำงานของข้าแล้ว แต่สิ่งที่ตอบออกไปได้มีเพียงคำตอบเดียว “ ขอรับ ” ช่วยไม่ได้ข้าเป็นเพียงคนสนิท ไม่ได้เป็นราชาดินแดนหรือชายาของราชาปีศาจ จะทำอะไรได้นอกจากรับคำสั่ง
   
“ ได้ขอรับ ท่านคาร์บิลัส ” คอร์สตอบรับด้วยการผงกหัว “ เจ้ามังกร กินแครอทไหม ? ” พร้อมหยิบแครอทออกมาจากเสื้อยื่นให้กับมังกรดำ
   
ดัฟฟ์แทบจะร้องไห้โฮด้วยความซาบซึ้ง รับมากินทันที
   
ซึ่งหลังจากนี้คนที่ดัฟฟ์ติดแจคงจะเป็นเจ้ากระต่ายอ้วนแทน..
ถึงจะพูดว่าง่วง แต่มันก็เป็นคำแก้ตัวส่งๆ เท่านั้น ความจริงฟาร์คัสรู้สึกแค่เพลียนิดหน่อยจากการใช้พลังเวทย์สู้กับเจ้าอสูรนั่น ฟาร์คัสอยากจะเถียงกับคาร์บิลัสเรื่องนอนคาร์บิลัส แต่ขุนนางที่อยู่กันเต็มห้องก็ทำให้ฟาร์คัสรู้สึกกระดากอายไม่น้อย เลยต้องยอมๆ ไป “ ไปห้องเจ้าสักที ”
   
คาร์บิลัสยิ้มรับ “ ได้สิ ” เดินนำไปอย่างกระตือรือร้นโดยมีฟาร์คัสเดินด้วยสีหน้าหงุดหงิด
   
ทิ้งให้เหล่าขุนนางยืนเก้อกันอีกครั้ง...
   
ดูท่าพวกมันคงต้องตั้งใจทำงานมีผลงานดีๆ แทนการประจบแล้วมั้ง
   
คิดเหมือนกันก่อนจะพากันแยกย้ายกลับไปทำงานดังเดิม
   
ทันทีที่เข้ามาในห้องได้คาร์บิลัสก็โผกอดฟาร์คัสแน่นทันที ซึ่งฟาร์คัสยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกปล่อยให้คาร์บิลัสกอดหน้าที่ยังคงเย็นชาแดงก่ำถึงลำคอเมื่อถูกซุกไซร้ตรงลำคอ
   
ตอนปกติฟาร์คัสมักจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนจึงไม่ได้รู้สึกเขินอายสักเท่าไหร่
   
แต่รอบนี้คาร์บิลัสเป็นคนเริ่ม
   
“ ปล่อยข้า! ” ฟาร์คัสพยายามขืนตัวออกแต่ดูจะยากเย็นเมื่อแขนของคาร์บิลัสแทบจะกลายเป็นปลาหมึกเกาะตัวไว้แน่น
   
“ รางวัลของข้าไง.. เจ้าลืมแล้วเหรอ ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสกระซิบข้างหูน้ำเสียงแหบพร่า
   
ฟาร์คัสนึกหงุดหงิดที่ตัวเองให้คำสัญญาบ้าๆ ไว้
   
เหมือนหลุมฝังตัวเองยังไงยังงั้น
   
“ แค่จูบพอ.. ตอนนี้ข้าไม่พร้อมที่จะทำอะไรทั้งนั้น ”
   
คาร์บิลัสไม่ตอบยอมผละออกมาอย่างว่าง่ายยืนจ้องฟาร์คัสนิ่งๆ
   
ฟาร์คัสคิ้วกระตุก ทั้งๆ ที่ข้ายอมให้ถึงขนาดนี้  “ เป็นอะไรของเจ้า ไม่พอใจรึไง ”
   
“ เจ้าเริ่มสิ ในเมื่อเจ้าเป็นคนเสนอมันให้ข้า ” พูดพร้อมยิ้มมุมปาก สายตาพราวระยับ
   
ทำไมข้าเหมือนเห็นเขากับหางปีศาจของไอ้หมางี่เง่านี่งอกออกมากัน..
   
ฟาร์คัสคิดในใจอย่างหงุดหงิด ยอมเดินเข้าไปใกล้โน้มคอเสื้อของคาร์บิลัสลงมาแนบริมฝีปากบนอีกฝ่าย แต่พอจะผละออกกลับถูกคาร์บิลัสรั้งเอวไว้พร้อมกดหัวไม่ให้หนีไปไหน
   
ไอ้ปีศาจเวร
   
ฟาร์คัสสบถในใจเมื่อถูกรุกล้ำเข้ามาในริมฝีปาก ฟาร์คัสเข่าอ่อนไม่รู้ตัว หน้าแดงก่ำ
   
เมื่อทำจนพอใจคาร์บิลัสก็ผละออกมา ยิ้มอย่างพอใจ เมื่อทำอีกาจองหองหมดท่า
   
ซึ่งถ้ากลับมาปกติเมื่อไหร่
   
ข้าไม่รอดแน่ๆ
   
คาร์บิลัสลอบกลืนน้ำลายเอือก ยิ้มตอบสายตาที่จ้องมาอย่างกินเลือกกินเนื้อ “ เจ้าจะนอนนี่ ? งั้นเดี๋ยวข้าไปส่งที่เตียงแล้วกัน ”
   
“ เออ ! ” กระแทกเสียงตอบ
   
คาร์บิลัสประคองฟาร์คัสไปนอนที่เตียง
   
เอาเถอะพอมาคิดๆ ดูแล้ว รางวัลที่ข้าได้รอบนี้ก็ไม่เลว..
   
ครั้งหน้าข้าจะเป็นคนเสนอรางวัลให้เจ้าบ้างแล้วกัน
   
ฟาร์คัส
   
   

“ เฮ้ย ! นั่นข้าตาฝาดหรือเปล่า ! ”
   
เสียงตะโกนดังลั่นมาจากปากน้องชายแท้ๆ ของลุกซ์ ร่างสูงมีลูกมังกรไฟเกาะอยู่บนหัว ผมถูกตัดสั้นไถจนเกือบเกรียนเพราะเจ้าตัวไม่ชอบอากาศร้อน ซึ่งตอนนี้ก็วิ่งถลาเข้าไปโถมกอดพี่ชายของตัวเอง
   
“ อะไรนะ ! ลุกซ์ เจ้าจิ้งจกที่หายตัวไปเป็นชาติงั้นเหรอ ”
   
“ พูดเป็นเล่น ข้านึกว่ามันตายไปแล้วซะอีก ”
   
เสียงตะโกนบอกกันดังลั่น
   
เพราะลุกซ์หายตัวไปนานมากจนทุกคนคิดว่าตายไปแล้วไม่ก็เที่ยวเล่นจนหายหัวไปไม่ยอมกลับบ้าน ตอนนี้กลางหมู่บ้านที่ลุกซ์ยืนอยู่เลยออไปทั้งมังกรไฟในร่างมังกรสลับกับร่างมนุษย์ล้อมกรอบแน่น
   
ลุกซ์เป็นลูกชายคนโตของหัวหน้าหมู่บ้านจึงเป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของคน เนื่องด้วยหลายๆ อย่าง พวกนิสัยใจดีมีน้ำใจชอบแซวนู่นนี่นั่นไปทั่วเป็นที่เอ็นดูไม่น้อย
   
ลุกซ์หัวเราะเสียงดังลั่นตบหลังน้องชายตัวเองดังปั่กๆ “ ไม่เบานี่หว่า ข้าไม่อยู่แปปเดียวเจ้ามีทั้งลูกทั้งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านไปแล้ว ”
   
นัยน์ตาสีเพลิงเช่นเดียวกับลุกซ์ทอประกายความไม่สบอารมณ์
   
“ เพราะพี่นั่นแหละ ไม่ยอมกลับมาสักที ท่านพ่อเลยจับข้าเป็นแทนเนี่ย ”
   
ลุกซ์ยิ้มกว้าง “ ดีสิ เพราะพี่ไม่ได้อยากเป็น ฮ่าๆ ”
   
น้องชายเซ็งได้ไม่นานก็หัวเราะตาม ความยินดีที่พี่ชายของตัวเองกลับมานั่นมีมากกว่าความไม่สบอารมณ์
   
เสียงจอแจเสียงดังถามไถ่ถึงเหตุผลที่หายไปสุขภาพความเป็นอยู่ แต่ยังไม่ได้ลามถึงบุคคลข้างๆ ที่ยืนอมยิ้ม สายตาอยากรู้อยากเห็นจดจ้องแต่ไม่กล้าเอ่ยถึง เพราะบางอย่างที่ดูสูงค่าจนเกินเอื้อม ลุกซ์ไล่ตอบทีละคำถามอย่างใจเย็นพูดติดตลกในบางคำตอบ เหลือบมองเอลล์ส่งยิ้มให้เป็นพักๆ
   
มาเป็นครอบครัวเดียวกันนะเอลล์..
   
ลุกซ์บอกกับเอลล์เช่นนั้นก่อนที่จะถึงบ้านเกิดตัวเอง
   
ก่อนที่กลายเป็นความเงียบงัน เมื่อร่างชราสองร่างก้าวเข้ามา เค้าโครงหน้าที่เหมือนกับลุกซ์เกือบสามในสี่ส่วนมาพร้อมรอยยิ้ม    “ ยินดีต้อนรับกลับมา ลุกซ์ ”
   
ลุกซ์ยิ้มกว้าง “ ครับ ท่านพ่อ ”
   
ผู้เป็นฝ่ายถามยิ้มตอบและถามคำถามในใจทุกคนในบริเวณนี้ออกมา “ แล้วนี่ล่ะ ? ใครกัน ”
   
เอลล์สะดุ้งพยายามยิ้มให้อย่างประหม่า
   
ลุกซ์ที่รู้ตัวดีว่าต้องโดนถามแน่ๆ และมั่นใจว่าตัวเองจะตอบได้ฉะฉาน แต่พอตอบออกไปจริงๆ .. “ อะ เอลล์ น่ะ เขาเป็นเอ่อ... ” พูดไปหูแดงไป เพราะลุกซ์ไม่เคยมีแฟนมาก่อนสักครั้งตอนที่อยู่หมู่บ้าน เรียกได้ว่าเอลล์คือแฟนคนแรกเลยทีเดียว
   
“ พอเถอะ ข้าว่าข้ารู้แล้วล่ะ ” แม่ลุกซ์หัวเราะหุๆ นึกเอ็นดูในตัวเอลล์ที่ดูเรียบร้อยดี “ ว่าแต่  เอลล์ เนี่ยใช่ที่เป็นราชาภูตหรือเปล่าจ๊ะ ลุกซ์ ”  ซึ่งคำถามนี้ก็ลองถามเล่นๆ ดูเท่านั้น เพราะมองจากพลังอำนาจบางอย่างในตัวก็ชวนให้ขบคิดไม่น้อย
   
ลุกซ์พยักหน้าหงึกหงัก
   
ส่วนมังกรไฟที่เหลือก็สะดุ้งโหยงกับแถบ
   
เพราะรู้ดีว่าราชาภูตนั่นเก็บตัวอยู่แต่ในปราสาทเย็นชากับดินแดนอื่นมากๆ
   
อย่างที่รู้
   
หมู่บ้านมังกรไฟอยู่นอกเมือง ไอ้ข่าวนี้ก็ตั้งแต่รุ่นเมเออร์ด้วยซ้ำ เป็นหมู่บ้านที่รับรู้ข่าวสารช้าที่สุด
   
“ ฮะ นี่พี่หายไปแปปเดียว พี่เอาราชาภูตกลับด้วยเลยเหรอ !  ” เป็นน้องชายของลุกซ์ที่ได้สติคนแรกตะโกนดังลั่น

“ แล้วทหารภูตจะตามมาแดนปีศาจไหมเนี่ย แต่ท่านคาร์บิลัสแข็งแกร่งมากคงไล่กลับไปได้ ”

“ ขโมยอะไรไม่ขโมย ขโมยราชาภูตกลับมาเนี่ยนะ ลูกข้านี่มีสมองเหมือนมีก้อนหินในหัวเลย ”

“ แย่แล้วๆ ลุกซ์ขโมยราชาภูตมา ! ”

เอลล์หลุดหัวเราะออกมาจริงจัง เสียงหัวเราะดังผะแผ่ว

เสียงอึกทึกถึงค่อยๆ สงบลง

“ ข้ามากับลุกซ์เอง ” เอลล์ยิ้มน้อยๆ “ ข้าไม่ได้ถูกลักพาตัวมา ข้าเป็นคนรักของลุกซ์ ” เป็นเอลล์แทนที่เป็นคนพูดออกมา ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งกษัตริย์มานานเลยพอกดความประหม่าของตัวเองให้จมหายไป

เสียงฮิ้วดังลั่นหลังจากจบประโยคของเอลล์

ถ้อยคำล้อเลียนลุกซ์เหมือนคำต้อนรับกลายๆ

เอลล์ถูกต้อนรับให้มาอยู่ด้วยทันทีในฐานะที่เป็นคนรักของลุกซ์ ได้อยู่ในบ้านหลังย่อมท้ายหมู่บ้านที่ถูกสร้างไว้นานแล้วเป็นของขวัญที่น้องชายลุกซ์สร้างไว้รอพี่ชายของตัวเองกลับมาอยู่ มีสวนดอกไม้เล็กๆ ขึ้นเป็นสีสันสดใส

ถือว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเอลล์

ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเหมือนตอนเป็นกษัตริย์

กระทำทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ

พร้อมกับมังกรไฟของตัวเอง


“ เฮ้ เจ้าโซแวน ! ไหนขนมข้า เจ้าบอกจะซื้อมาให้ข้าไม่ใช่เหรอ ” วารันพูดขณะเคี้ยวหมากฝรั่งดังหงับๆ เป่าลมเข้าไปจนเป็นลูกโป่ง

“ เจ้ากินมันไปหมดแล้ว มันจะเหลือได้ไง ” โซแวนส่งสีหน้าเหม็นเบื่อให้วารัน

วารันขมวดคิ้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้โซแวนเป่าลมจนกระทั่งหมากฝรั่งแตกใส่หน้าโซแวนดังโผละ

โซแวนคิ้วกระตุกพยายามอย่างยิ่งไม่ให้เท้ากระตุกตาม

“ เจ้าได้ข้าแล้วเปลี่ยนไปนี่ ! ฮือๆ ” วารันทรุดตัวลงนั่งกอดเข่า น้ำเสียงสะอึกสะอื้นแต่หารู้ไม่ว่าน้ำตาไม่ได้ออกแม้แต่หยดเดียว

โซแวนรู้จักวารันดีแต่ก็ไม่วายพยายามง้อ “ ข้าไม่ได้ได้เจ้าแล้วเปลี่ยนไปสักหน่อย อีกอย่างข้าไปได้เจ้าตอนไหน วารัน แค่ข้าจูบเจ้ายังไม่ยอมเลย ”

เมื่อแผนไร้สาระของตัวเองไม่สำเร็จวารันจึงเลิกนั่งกอดเข่าไปนอนเล่นบนโซฟาแทน “ ช่วยไม่ได้ เจ้าไม่ยอมทำตามที่ข้าต้องการนี่นา ”

“ ใครมันจะไปทำได้วะ ” โซแวนสบถ เพราะไอ้สิ่งที่วารันต้องการนั้นทำโครตยาก อย่างการซื้อโดนัทชื่อดังของมนุษย์ที่มีแถวต่อยาวเหยียดให้กันทุกวัน ไปขอลายเซ็นคนแต่งหนังสือที่ตายไปเป็นชาติจนเขาต้องลำบากไปหาร่างที่วิญญาณนั้นไปเกิดลักลอบเอาความทรงจำช่วงแต่งหนังสือมาใส่แล้วให้เซนต์ซึ่งถ้าหากทำจริงๆ คงไม่วายถูกจับยัดเข้าต้นไม้บ้านี่เป็นคนที่สองแน่ ยังไม่เพียงเท่านี้ยังมีอีกหลายอย่างที่ฟังแล้วปวดประสาท จนโซแวนหมดอารมณ์ไปเลยทีเดียว

“ เห็นไหม ! เจ้าไม่ตามใจข้า เจ้าเปลี่ยนไปแล้ว ” วารันพูดด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด พอเห็นสีหน้าถมึงทึงของโซแวนก็หลุดหัวเราะ “ ฮ่าๆ หน้าเจ้านี่มันขำชะมัด อยู่กับเจ้าข้าไม่เคยเบื่อสักที ”

โซแวนถอนหายใจเหนื่อยๆ มาหยุดยืนข้างวารัน

วารันทิ้งหมากฝรั่งลงถังขยะใกล้ๆ อมยิ้มถาม “ มีอะไร ? ” เงยหน้ามองร่างที่ทั้งสูงทั้งหนามายืนบังจนมิด

“ ขอรางวัลให้ขี้ข้าอย่างข้าบ้าง ” โซแวนพูดเสียงเรียบสีหน้าจริงจัง

“ ทำไมข้าต้องให้ล่ะ ” วารันถามกวนๆ เหยียบเท้าโซแวนเบาๆ เชิงยียวน

“ ถ้าไม่ให้ข้าก็จะชิงมันเอง ” โซแวนล็อกคอวารันไว้อย่างดุดัน เหมือนกับสิงห์ที่กำลังจะตะครุบกวางให้เป็นเหยื่อของตัวเอง

“ เฮ้ยๆ ” วารันเริ่มไปไม่ถูกแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน 

ใครจะไปรู้ว่าในหัวของวารันคิดอะไร ?

โซแวนให้นิยามเช่นนั้น

วารันขยับหน้ารับจูบโซแวน

ลึกๆ แล้ววารันก็ต้องการเหมือนกัน

// ข้ามารับข่าวสาร //

เสียงขัดจังหวะดังขึ้นทำเอาทั้งวารันและโซแวนขมวดคิ้ว

โซแวนเลียริมฝีปากนัยน์ตาเต็มไปด้วยความราคะ

เช่นเดียวกับวารัน

โครตจะเซ็ง วารันคิดในใจ แต่หน้าที่ก็ต้องเป็นหน้าที่ถ้าเกิดท่านผู้นั้นเกิดจับได้ว่าเขาอู้มีหวังอาจจะถูกทำโทษให้ไปทำอะไรที่น่าเบื่อกว่านี้แน่ๆ

เอาเหอะ ได้คนรับใช้มาคนนึง ข้าก็พอใจแล้วล่ะ


กระต่ายตัวอ้วนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขะมักเขม้นตั้งแต่ปลอบให้หายร้องไห้ยันกล่อมนอน โชคดีที่ที่บ้านของคอร์สมีน้องเยอะมาก เลยมีพื้นฐานการเลี้ยงเด็กมาบ้าง คอร์สยิ้มเมื่อดัฟฟ์กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม

“ ดัฟฟ์รักคอร์สที่สุด ! ” ดัฟฟ์พูดออกมาอย่างร่าเริง

“ อืม ข้าก็รักเจ้าเหมือนกัน ดัฟฟ์ ” คอร์สพูดด้วยความเอ็นดู

“ แต่น้อยกว่านาซัสน้า ดัฟฟ์รักนาซัส ! ”

“ อืม นาซัสก็นาซัส ” ดวงตาสีทับทิมจดจ้องร่างภูตเด็กด้วยความเอ็นดูเช่นเดียวกัน แต่กลับรู้สึกมีบางอย่างที่สะกิดใจมาโดยตลอด ซึ่งเขาก็นึกไม่ออก..

“ นาซัสชอบนอนมาก แก๊ซ ! ตั้งแต่อยู่กับดัฟฟ์ ไม่เคยตื่นเลย ” ดัฟฟ์หัวเราะแหะๆ
คอร์สเบิกตากว้างถลาเข้าไปจับชีพจรของนาซัสอย่างตื่นตระหนกก่อนจะถอนหายใจฟู่

ชีพจรปกติ..

ยังมีชีวิตอยู่

แต่ไร้ซึ่งกลิ่นอายของชีวิต …

คอร์สสะดุ้งโหยงหูตั้งไม่รู้ตัว ปากบ่นพึมพำ “ แย่แล้วๆๆ ”

เพราะนั่นหมายความว่า

วิญญาณของนาซัสไม่ได้อยู่กับร่าง !


------------------------------------------

มาอัพหลังจากหายไปอาทิตย์  :katai5:

ตอนนี้หลายคู่มาก มีคู่ที่ถูกหลงลืมไปนานด้วย 5555555

 :กอด1: ขอบคุณทุกคอมเมนต์จ้า

# โพลแอบจับคนซุ่มได้ 5555555 :hao7:
   

 


    
   
   
   
 
   

   


   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 31 25 ต.ค 58
«ตอบ #276 เมื่อ25-10-2015 23:45:33 »

 :really2:


งง แล้ววิญญาณโดนพาไปไหน

แต่ร่างยังมีชีวิตอยู่

แปลกชะมัด

ปอลอ ฟาร์คัสโหดร้ายกะดัฟฟ์มากกกกกกกกเลยค่า แงๆ  :mew2:

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 31 25 ต.ค 58
«ตอบ #277 เมื่อ26-10-2015 09:14:26 »

แล้วหายไปเที่ยวที่ไหนกันล่ะเนี่ยยย 5555

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 31 25 ต.ค 58
«ตอบ #278 เมื่อ26-10-2015 12:03:35 »

อาจจะตกระหว่างทาง  = =

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 31 25 ต.ค 58
«ตอบ #279 เมื่อ26-10-2015 18:04:25 »

ดัฟฟฟฟ ไว้ป้าจะซื้อแครอทไปฝากนะ หุหุ
ปล.ตกลงที่กะเตงน้องไปมานี้คิดว่าน้องชอบนอนม๊ากกก มากเฉยๆ หรอลูก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 31 25 ต.ค 58
« ตอบ #279 เมื่อ: 26-10-2015 18:04:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 31 25 ต.ค 58
«ตอบ #280 เมื่อ27-10-2015 00:03:29 »

ไหงงั้นละนี่ นาซัสอยู่ไหน

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 31 25 ต.ค 58
«ตอบ #281 เมื่อ27-10-2015 00:27:20 »

เห้ยยยยย   นาซัสสส วิญญาณหายไปไหนลูก

ปล.สงสัยมานานแล้ว ทำไมฟาคัส ทำตัวให้หงุดหงิดตลอดเวลาอ่ะ แบบไม่ลำคานตัวเองหลอ เหอะๆ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 31 25 ต.ค 58
«ตอบ #282 เมื่อ02-11-2015 23:03:38 »

--------- ตอนที่ 32 ------------
   
กระต่ายตัวอ้วนรีบกระโดดโหยงเหยงไปห้องของราชาปีศาจทันที ด้วยฐานะที่เป็นคนสนิทอีกคนของราชาปีศาจ จึงสามารถผ่านทหารยามเฝ้ารักษาการได้อย่างง่ายดาย
   
เอาล่ะ
   
ข้าจะเคาะล่ะนะ
   
คอร์สเรียกขวัญกำลังใจตัวฟู่ๆ อุ้งมือสีขาวกำแน่นเตรียมจะลงแรงเคาะ
   
“ คาร์บิลัส  ไปทำงาน “
   
” แต่ข้าง่วงแล้วอ่า “
   
“ ... งั้นก็นอนไป ”
   
โครม !!
   
“ ข้าบอกว่าแค่จูบ ไอ้แพะบ้า ”
   
“ ข้ารู้นะ ว่าเจ้าไม่พอ ~ ”
   
คอร์สสะดุ้งหูตั้งไม่รู้ตัว
   
ข้าว่าค่อยพรุ่งนี้แล้วกัน
   
ดูเหมือนว่าท่านคาร์บิลัสคงจะไม่ว่างมาคุยอะไรกับข้าเท่าไหร่
   
ถึงจะเป็นห่วงนาซัส
   
แต่ข้าก็หวงชีวิตกระต่ายของข้านะ

   
ร่างของคาร์บิลัสนอนเลื้อยอยู่บนเตียง ผ้าห่มถูกห่มไว้ลวกๆ ปิดบังร่างกายสมส่วนที่สวมเสื้อผ้าอยู่ไม่กี่ชิ้น ข้างตัวเป็นปีศาจอีกาที่นอนพิงหัวเตียงจ้องกระต่ายกระดิกหูไปมานิ่ง มือที่ถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าห่มกระชับแน่น
   
แก้มของฟาร์คัสขึ้นสีฝาดแต่เจ้าตัวไม่พูดอะไร คงสีหน้าเย็นชา
   
ในใจสบถคำด่าหวังจะระบายความอาย
   
“ เจ้ากำลังจะบอกข้าว่า เจ้าเด็กภูตนี่ไม่มีวิญญาณ ” คาร์บิลัสเกยคางบนหมอนนิ่ม เปลี่ยนจากการจับมือเป็นการลูบมือแทน สัมผัสเบาเพื่อยั่วเย้า
   
“ ขอรับ ข้าไม่ได้กลิ่นอายวิญญาณเลย แต่ฃีพจรก็ยังคงปกตินะขอรับ ”
   
คาร์บิลัสหลุดยิ้มเมื่อมือที่โดนลูบชักหนี “ แปลว่า เจ้าเด็กภูตนั่น วิญญาณคงไม่ได้อยู่กับตัวสินะ ”
   
“ ขอรับ ท่านคาร์บิลัส ปกติถ้าหากไม่วิญญาณสถิตอยู่ที่ร่างชีพจรจะอ่อนมาก แต่นาซัสกลับเต้นปกติเหมือนคนปกติเลย ”
   
นัยน์ตาสีเทาฉายแววครุ่นคิดสักพัก ความรู้ที่สั่งสมมาต่างพากันถาโถมเข้ามาให้ข้อมูลในเวลาไม่ถึงอึดใจ หลังจากวิเคราะห์ออกมาคาร์บิลัสก็ได้คำตอบ
   
ร่างที่ไร้วิญญาณ
   
แต่ร่างยังปกติ
   
มีเพียงสิ่งเดียวที่อธิบายเหตุการณ์นี้ได้ในหัวคาร์บิลัส
   
“ เจ้าเคยได้ยินเรื่องการถูกตรองจำของจิ้งจอกหรือเปล่า ” คาร์บิลัสแค่นยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงเรื่องนี้
   
สีหน้ายุ่งยากถูกเผยออกมาเมื่อได้ฟัง
   
“ ไม่เคยขอรับ ”
   
คาร์บิลัสเหลือบมองฟาร์คัสที่ส่งสายตาคาดคั้นคำตอบมาก็ยอมเล่าแต่โดยดี ทั้งๆ ที่ตอนปกติถ้าไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เกี่ยวข้องกับคาร์บิลัส คาร์บิลัสไม่มีทางใจดีด้วยอย่างแน่นอน   
   
อย่างการเล่าตำนานก็ไม่ใช่วิสัยปกติของคาร์บิลัสเช่นกัน
   
เอาเถอะ ตำนานนี้คงจะเป็นพวกเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่รู้
   
ตำนานจิ้งจอกขาวผู้ถูกตรองจำในขุมนรก
   
ความผิดของมันคือการเกิดมาดีเกินไป
   
เนื้อตัวขาวบริสุทธิ์ ทำให้มีผู้คนมาแย่งชิง
   
จิตใจที่บริสุทธิ์ ทำให้เทวดาละอายใจต่อการทำหน้าที่จนทิ้งหน้าที่ไปตามๆ กัน
   
นัยน์ตาสีทอง ที่ทำให้ผู้คนหลงใหลจนไม่สามารถทำอะไรต่อได้
   
จิ้งจอกขาวพยายามใช้ชีวิตปกติของมัน
   
เหมือนกับจิ้งจอกตัวอื่น
   
แต่ผลร้ายที่ตามมาเรื่อยๆ
   
ทำให้พระเจ้าตัดสินใจขังมันไว้ในขุมนรกอันแข็งแกร่ง

   
ไม่สามารถมีเผ่าพันธุ์ไหนสามารถทำลายได้
   
นอกจากพระองค์เอาเท่านั้น
   
โลกที่ไร้จิ้งจอกขาวจึงกลับมาปกติสุขอีกครั้ง
   
ทิ้งจิ้งจอกขาวคร่ำครวญอย่างไม่เข้าใจ
   
ทุกค่ำวันและคืน
   
ขนสีขาวกลายเป็นสีดำทมิฬ
   
จิตใจที่บริสุทธิ์บิดเบี้ยว
   
พร้อมจะฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้า
   
พระเจ้าตกใจกับผลที่ตามมา จึงรีบปล่อยจิ้งจอกขาวกลับไปดังเดิม
   
หวังลึกๆ ว่าจะกลับมาเหมือนเดิม
   
เพราะสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดสามารถรังสสรค์ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น การปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงเป็นหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตที่เขามอบชีวิตให้
   
แต่น่าเสียดาย คงไม่มีวันใด
   
ที่ขนสีดำจะกลับมาเป็นขนสีขาวอีกครั้ง
   
จิ้งจอกขาวกลับมาพบกับข่าวคราวที่ทุกคนที่ตนรู้จักตายไปแล้ว
   
คำพูดสั้นๆ เอ่ยออกมา
   
“ ข้าเกลียดเจ้า ”
   
ก่อนเนื้อเรื่องทั้งหมดจะถูกตัดจบ
   
เป็นเพียงตำนานค้างๆ คาๆ หาข้อเท็จจริงไม่ได้
   
ที่คาร์บิลัสอ้างมาใช้ประกอบคำพูด เป็นเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้นที่ตรงประเด็น
   
“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการตรองจำ ? แล้วจิ้งจอกนั่นพูดแค่เกลียดเจ้าเนี่ยนะ ”
   
คาร์บิลัสหัวเราะแห้งๆ “ ก็ท่านแม่ข้าเล่าไว้แค่นี้นี่นา จบแค่อะไรเกลียดๆ เนี่ยแหละ ”
   
คอร์สกระดิกหูไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ
   
“ สรุปคือวิญญาณของนาซัสถูกตรองจำไว้สินะ ”
   
“ ใช่ ฟาร์คัสของข้าเก่งที่สุด ! ” คาร์บิลัสพุ่งตัวเข้าไปโผกอดเอว ซุกหน้ากับเอวอ้อนๆ
   
ช่วงนี้เขารู้สึกว่าฟาร์คัสใจดีขึ้น
   
ถึงจะดูปากร้ายเหมือนเดิม
   
แต่ก็อ่อนโยนขึ้นอยู่ดี
   
ดูสิปกติชอบถีบข้าตอนนี้ก็ปล่อยให้ข้ากอดได้แล้ว
   
ถ้าไม่นับเมื่อวานที่ข้าพยายามทำอะไรต่อนะ
   
“ แล้วจะทำยังไงดีล่ะขอรับ นาซัสจะตายไหม ” คอร์สถามด้วยสีหน้ากังวล
   
“ ไม่ตายหรอก อยู่มาขนาดนี้ได้ก็ต้องอยู่ต่อไปได้นั่นแหละ ” น้ำเสียงไม่รู้สึกรู้สาอะไรทำให้ฟาร์คัสรู้สึกตะหงิดใจไม่ได้
   
แม่ของนาซัสฝากมาดูแลไม่ใช่เหรอ ?
   
เจ้าก็ควรทำหน้าที่พ่อที่ดีสิ
   
“ เจ้าต้องทำอะไรสิ มันเป็นหน้าที่ของผู้ปกครอง ”
   
“ แค่งานของข้าก็ล้นหัวแล้ว ข้ากระดิกตัวไปไหนไม่ได้หรอก ” คาร์บิลัสหน้าบูด สิ่งที่บอกฟาร์คัสเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เขาหมดวันลาพักร้อนแล้ว
   
เหลือแต่ต้องกลับมาทำงาน ทำงาน ทำงาน
   
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คาร์บิลัสเกลียดที่สุด
   
น่าเบื่อ
   
คอร์สลังเลอยู่สักพัก ชั่งใจถึงสิ่งที่ตัวเองคิด “ ในช่วงที่ท่านนำวิญญาณนาซัส กลับมา ข้าจะช่วยดูงานให้ท่านแทนก็ได้ขอรับ ”
   
ซึ่งงานนี่จะทำให้คอร์สนอนไม่เต็มอิ่มไปเกือบเดือนแน่ๆ
   
วันทั้งวันจมปลักกับเอกสารร้องเรียน ร้องขอ นู่นนี่นั่น รอการอนุมัติจากราชา
   
จะได้เขาเป็นคนประนีประนอมให้เลื่อนออกไปก่อน
   
หรือไม่ก็อนุมัติแทนในบางเรื่องที่ไม่สำคัญ
   
โชคดีที่คอร์สได้รับการไว้วางใจค่อนข้างมากจากคาร์บิลัส
   
เพราะคอร์สเป็นกระต่ายที่ถูกราชาปีศาจองค์เก่ามาชุบเลี้ยงเพื่อรับใช้
   
“ ไป ฟาร์คัส หนีเที่ยวกันเถอะ ฮ่าๆ ” คาร์บิลัสลุกพรวดร่าเริงทันที เสื้อชุดต่างๆ ปรากฏขึ้นมาเต็มยศ คาร์บิลัสแทบจะกระโดดโลดเต้นกระดี้กระด้า
   
ครั้งนี้จะได้ไปเที่ยวแบบไร้ก้างขวางคอกันจริงๆ จังๆ สักที
   
มังกรโง่ฝากไว้กับคอร์ส
   
ฟาร์คัสกลอกตาแต่ก็ยอมร่ายเวทเปลี่ยนชุดตัวเองจากชุดนอนเป็นชุดปกติของตัวเอง
   
“ เบื่อแบบนี้หรือเปล่า แค่เปลี่ยนเป็นแบบชาวปีศาจให้ได้นะ ” คาร์บิลัสอาสายิ้มตาหยี เพราะไอ้ชุดที่เขาเสกให้คงไม่ใช่ชุดรุ่มร่ามแน่นอน
   
น้อยชิ้นสิดี
   
“ ข้าพอใจกับแบบนี้ ” ตัดบทเย็นชา “ เจ้าจะไปไหน ไม่ดูอาการของนาซัสรึไง คอร์สอุตส่าห์ทำงานแทนเจ้าเพื่อให้เจ้าช่วยนาซัสนะ ไม่ใช่ให้เจ้าไปเที่ยวอีกรอบ ”
   
หูล่องหนบนหัวของคาร์บิลัสพลันลู่ลงอย่างน่าสงสาร
   
“ ข้าก็ตั้งใจจะไปอยู่แล้ว.. ”
   
น้ำเสียงเสียใจอย่างสุดซึ้ง
   
ฟาร์คัสถึงยอมผ่อนเสียงดุๆ ลง “ งั้นก็ไปสิ ” แตะมือเข้าที่หัวเบาๆ
   
คาร์บิลัสถึงได้ยิ้มอีกรอบ “  เจ้าอยู่ห้องเดิมหรือเปล่า คอร์ส ”
   
คอร์สสะดุ้งเมื่อบทสนทนาถูกโยนมาถึงตนเอง
   
ระหว่างที่กำลังตั้งใจแทะแครอท ไม่ก้าวก่ายความสัมพันธ์หวานเชื่อมของนายตน
   
“ ขะ ขอรับ อยู่ที่เดิมขอรับ ”
   
“ งั้นก็ดี ! ” คาร์บิลัสดีดนิ้วดังเป้าะตราเวทเคลื่อนย้ายปรากฏในอากาศ คว้าตัวฟาร์คัสมากอดแน่นไม่สนใจสีหน้าเหม็นเบื่อ ก่อนจะหายตัวไป
   
ทิ้งกระต่ายตัวอ้วนเคี้ยวแครอทดังแจ๊บๆ
   
“ อืม... ”
   
คอร์สมองทอดไปไกล
   
นี่ข้าต้องทำงานแทนราชาปีศาจจริงๆ เหรอ

   
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังแว่วในห้อง มังกรดำในร่างมนุษย์หลับสนิทไปเรียบร้อยแล้วอีกทั้งยังน้ำลายยืดผ้าห่มห่มอยู่เพียงข้อเท้าเท่านั้นเนื่องจากการนอนดื้นเกินพิกัด
   
ฟาร์คัสอดมองเฉยๆ ไม่ได้เดินไปกระชับผ้าห่มให้
   
ส่วนคาร์บิลัสกำลังเพ่งสมาธิกับร่างของนาซัส
   
วิญญาณที่ถูกตรองจำ..
   
ตรองจำที่ไหนล่ะ
   
คาร์บิลัสแตะมือบนหน้าผากนาซัส หลับตาสดับฟังเสียงภายในหัวของตัวเอง พยายามคว้าทุกความเป็นไปได้ที่โผล่เข้ามาในหัว ไม่ทิ้งไปแม้แต่อย่างเดียว
   
มาจากดินแดนภูตก็จริงแต่ไม่มีกลิ่นอายภูตในไอวิญญาณจางๆ แม้แต่น้อย
   
แปลว่านี่อาจจะเป็นเพียงร่างรองรับวิญญาณเท่านั้น
   
วิญญาณเจ้าของร่างเดิมตอนนี้อาจจะหายไปแล้วตลอดกาล
   
การตรองจำโดยที่มีร่างรองรับเป็นเหมือนคำสาป
   
ผู้ถูกตรองจำเป็นอมตะ หากจะกลับมาเป็นสามัญก็สามารถทำได้
   
แต่ต้องสังเวยวิญญาณเจ้าของร่างรองรับเมื่อถึงเวลา
   
ยกร่างให้กับผู้ที่เหมาะสม
   
การเลือกร่างที่อาศัยนั้นไม่คงที่
   
มักจะสุ่มไปเรื่อยๆ
   
คล้ายการจับหมากพลู
   
แต่ไม่ว่าร่างไหนหากร่างที่ถูกตรองจำกับมาอาศัย
   
โดนไม่มีข้อแม้
   
ความสูญสิ้นตัวตนจะเข้าคุมคามทันที   
   
ซึ่งดินแดนที่มีชื่อเสียงเรื่องการตรองจำ
   
มีเพียงดินแดนเดียวเท่านั้น
   
“ เราจะไปเที่ยวเผ่ามารกัน ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสลืมตาขึ้นมา นัยน์ตาสีเทาฉายแววความยุ่งยากใจ ในใจรู้สึกท้อแท้ ไม่อยากไปสักเท่าไหร่
   
ถ้าจะไปเที่ยวเผ่ามารสู้ไปเที่ยวกับคนแคระทั้งวันยังดีกว่าอีก
   
“ ทำไมต้องไปเผ่ามาร ”
   
“ ข้าว่าจะไปสอบถามข้อมูลสักหน่อย ดินแดนนี้ค่อนข้างมีชื่อด้านนี้ ดีไม่ดีอาจจะถูกตรองจำที่นี่ด้วยก็ได้ ”
   
โชคดีที่เวทตรองจำแบบมีร่างมารองรับใช้ยากมาก เปลืองพลังเวท
   
ไม่ค่อยใช้กันแพร่หลาย
   
มีเพียงเผ่ามารใช้ในการทำสิ่งต่างๆ เท่านั้น
   
สามารถตีวงการสืบหาได้อย่างง่ายดาย
   
ไปไม่มีทางเสียเที่ยวอย่างแน่นอน
   
อาจจะได้เบาะแส เงื่อนงำ หรืออะไรบางอย่างที่มีประโยชน์
   
“ อ้อ.. ” ฟาร์คัสตอบ มองผมสีเหลืองอ่อนด้วยความสงสาร
   
ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เล่นอย่างเต็มที่
   
วิญญาณของเจ้าเด็กนี่ก็หายไปซะแล้ว
   
“ ไปกันเถอะ ข้าไม่อยากเสียเวลา ” ฟาร์คัสลากขามาหยุดยืนข้างๆ คาร์บิลัส “ จะเสกมังกรวิญญาณนั่นไหม ถ้าจะเสก ก็เสกเลยแล้วกันเดี๋ยวเจ้าจะลืมเสก กลับมาตำแหน่งราชาถูกแย่ง ”
   
“ ตำแหน่งข้าไม่ได้เปลี่ยนง่ายขนาดนั้นซะหน่อย ” คาร์บิลัสบ่นอุบ “ มังกรผู้ให้คำสัญญาต่อข้าเอ๋ย จงออกมาทำหน้าที่ของเจ้า เฝ้าระวังภัย จับจ้องผู้กระทำผิดทุกฝีก้าว ”
   
ฮื่ออออออออออ
   
เสียงคำรามตอบรับดังลั่น
   
พร้อมกับการสั่นของตึก
   
“ มาอีกแล้ววว ฮืออ ”
   
“ มังกรบ้าเอ้ย ทำไมน่ากลัวขนาดนี้ ”
   
“ อย่า ! ข้าขอโทษ ข้าจะไม่ด่าเจ้าแล้ว มังกรกระดูก”
   
เสียงทั้งสบถทั้งขอโทษขอโพยดังจอแจไปทั่วปราสาทของคาร์บิลัส
   
คาร์บิลัสยืดอก “ เนี่ยแหละ สิ่งที่ข้าทำได้และคนอื่นก็กลัวข้ามากด้วย ”
   
ข้าสงสารพวกลูกน้องของเจ้าชะมัด
   
ฟาร์คัสทำเพียงคิดในใจ
   
“ อืม ”
   
ส่วนคาร์บิลัสตอนนี้ไม่ได้สนใจอะไรแล้ว นอกจากการร่ายเวทไปดินแดนของมาร ในหัวก็วิตกถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
   
มารคล้ายกับปีศาจ
   
เพียงแต่ว่ามารนั้นจะเน้นไปในทางสายการชักจูงจิตใจให้หลงผิด ความสามารถนี่ค่อนข้างน่ากลัว แต่โชคดีที่เผ่ามารนั้นมีจำนวนอยู่ไม่มากเท่าไหร่
   
แต่ก็ถือว่าอันตรายอยู่ดี
   
คาร์บิลัสเคยมาเที่ยวอยู่ครั้งนึง ตอนวันเกิดของใครสักคนในดินแดนมารที่คาร์บิลัสจำไม่ได้หรือไม่อยากจำชื่อ
   
และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้คาร์บิลัสกังวลตอนนี้
   
เจ้านั่นจะจำข้าได้ไหม ?
   
ระหว่างที่คิดจนปวดหัวก็มาถึงดินแดนมารไม่รู้ตัว แล้วยังถูกดึงจากแนวชายแดนไปในเขตปราสาททันที ราวกับรอคอยคาร์บิลัสมานานแสนนาน
   
“ คาร์บิลัส !! ในที่สุดเจ้าก็กลับมารับรักข้า ! ” เสียงสูงแหลมปรี๊ดดังลั่น วิ่งเข้ามาโถมกอดใส่คาร์บิลัสแน่น 
   
คาร์บิลัสอ้าปากค้าง
   
ไม่นะไม่
   
อย่ามายุ่งกับข้า
   
ฟาร์คัสยิ้มเย็นเยียบ รู้สึกหงุดหงิดบอกไม่ถูก
   
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
   
ภาพหญิงสาวที่หน้าตาสวยที่สุดที่เขาเคยพบกำลังกอดราชาปีศาจแน่น ร้องไห้โฮๆ ปากพร่ำบ่นเกี่ยวกับความรักที่รอคอยมานานและกลับมาอีกครั้ง
   
แล้วยังไม่ยอมโวยวายอีก..
   
แววตาของฟาร์คัสแทบจะเฉือนเนื้อคาร์บิลัสเป็นชิ้นๆ
   
เหงื่อเย็นผุดเต็มหลังคาร์บิลัส
   
คาร์บิลัสไม่กล้าหันไปมองฟาร์คัส
   
เพียงแค่จิตสังหารยังทำให้ข้ากลัวขนาดนี้ ถ้าหันไปจ้องตรงๆ ข้าได้คลายเข่าไปขอขมาฟาร์คัสแน่ ฮือๆ ข้ารักเจ้านะฟาร์คัส รักที่สุดเลย
   
“ ปล่อยข้า ! ข้ามีคนในหัวใจแล้ว ” คาร์บิลัสสลัดตัวไม่กี่ครั้งก็หลุดออกมาได้
   
แต่น้ำตานองหน้าของหญิงสาวก็ทำเอาคาร์บิลัสทำอะไรไม่ถูก
   
สีหน้าเหี้ยมเกรียมของทหารมารจ้องมา
   
ทำเอาคาร์บิลัสไม่รู้จะหันไปพึ่งทางไหนดี
   
ที่สันติที่สุด
   
ข้าไม่ได้กลัวใครหรอกนะ
   
เพียงแค่กลัวว่ามันจะเกิดสงครามแย่งข้าเฉยๆ

----------------------

 :katai5: หายไปนาน


ฟาร์คัสนี่อารมณ์เหมือนคนปากไม่ตรงกับใจค่ะ ปากอย่างใจอย่าง ที่ดูหงิดหงิดเหมือนจะใช้เป็นการกลบเกลื่อนมากกว่า 

:mew3:
   
   
   
   
   

   
   
   
   
   
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 32 2 พ.ย 58
«ตอบ #283 เมื่อ02-11-2015 23:59:50 »

ฟาร์คัสหึง!!


ขอแบบหึงโหดระดับสิบเลยนะคะ~


แต่สงสารจิ้งจอกมาก พระเจ้าตัดสินใจแย่มากๆที่เอาไปขัง

อยากรู้จะเป็นยังไงต่อแล้ว~

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 32 2 พ.ย 58
«ตอบ #284 เมื่อ03-11-2015 03:01:50 »

งานเข้า

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 32 2 พ.ย 58
«ตอบ #285 เมื่อ03-11-2015 08:00:23 »

ฟาคัสหึงแรงด้วย หุหุ

ออฟไลน์ yamanaiame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 32 2 พ.ย 58
«ตอบ #286 เมื่อ03-11-2015 09:07:25 »

เหอะๆ งานเข้าชะแล้ว ฆ่าบี้ลัส

ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 32 2 พ.ย 58
«ตอบ #287 เมื่อ06-11-2015 10:36:21 »

เหยยยยยย เค้าอยากเห็นคนปากไม่ตรงกับใจหึงโหดๆอ่ะค่ะ :z1:

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 32 2 พ.ย 58
«ตอบ #288 เมื่อ06-11-2015 17:35:35 »

จิ้งจอกหย่อออ  หรือจะเป็นไอตัวนั้นอะ  ชื่อไรนะ ที่งอแงบ่อยๆอะ   :ling2:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 33 10 พ.ย 58
«ตอบ #289 เมื่อ10-11-2015 23:22:48 »

--- ตอนที่ 33 -----
   
หงุดหงิด...
   
ยิ่งเห็นหน้าที่กอดหมับแขนคาร์บิลัสอีกรอบ
   
เผลอกำหมัดแน่นไม่รู้ตัว
   
ฟาร์คัสขบกราม มองคาร์บิลัสตาขวาง นึกอยากเรียกอีกาออกมารุมจิกจนตัวพรุน
   
“ ฟะ ฟาร์คัส เจ้าใจเย็นๆ ” คาร์บิลัสยิ้มประนีประนอม อีกาสุดรักสุดสวาทของตัวเอง
   
ที่หึงข้า ข้าก็ดีใจอยู่หรอกแต่อย่าถึงขนาดฆ่าข้าชดเชยความผิดเลย ฮือๆ
   
“ คาร์บิลัส นี่เจ้าลืมคำขอของข้าแล้วงั้นเหรอ ” พูดเสียงเครือน้ำตานองหน้า ผมสีแดงอ่อนเกือบชมพูคลอเคลียแขนคาร์บิลัส เสิ้อผ้าลูกไม้พุ่มที่หรูหราสมกับฐานะราชินีของดินแดนมารยับยู่ยี่เมื่อถูกคาร์บิลัสสลัดออกหลายๆ ครั้ง
   
โอ๊ย
   
หันไปทางไหน ก็ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงจริงๆเลยให้ตาย
   
คาร์บิลัสยิ้มแห้ง
   
ฝั่งหนึ่งก็ฟาร์คัสที่รัก ฝั่งหนึ่งก็พันธมิตรสำคัญของดินแดนตั้งแต่สมัยอดีตกาล
   
ข้าจะทำยังไงดีเนี่ย
   
เกิดเป็นคาร์บิลัสช่างลำบากจริงๆ
   
“ คำขออะไรกัน คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสถามเสียงเย็น นัยน์ตาสีดำดูเข้มขึ้นจากอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
   
“ มันเป็นความลับระหว่างข้ากับคาร์บิลัส ! เจ้าไม่เกี่ยว ” เจ้าของดินแดนแว้ดใส่ฟาร์คัสทั้งๆ ที่น้ำตายังนองหน้า
   
“ ข้าไม่ได้ถามเจ้า ” ตอบเสียงเรียบ
   
แต่คาร์บิลัสจับความฉุนเฉียวในน้ำเสียงได้
   
ไม่ว่ายังไง ฟาร์คัส ! ก็สำคัญกว่าข้าที่สุด
   
เสียใจด้วยนะ คาเลน
   
คาร์บิลัสสลัดแขนราชินีของดินแดนมารออกอีกรอบโผเข้ากอดฟาร์คัสแน่น ฝังหัวฟาร์คัสให้ซุกกับอกตัวเอง “ ข้ามีคนรักแล้ว คาเลน อีกอย่างข้าไม่ได้รับปากซะหน่อยว่าจะรับปากสัญญาวันเกิดของเจ้าซะหน่อย เจ้ามั่วแล้ว ”
   
คนที่ถูกสลัดถูกย้ำอีกครั้งด้วยคำพูดโหดร้าย ราวกับเป็นธนูล่องหนปักเข้าตามตัวทีละดอก คาเลนน้ำไหลพรากรับผ้าเช็ดหน้าที่คนรับใช้คนสนิทยื่นให้มาซับน้ำตาและผลุดลุกขึ้นด้วยตัวเอง
   
“ ข้าผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ คาร์บิลัส ”
   
ยังคงสะอึกสะอื้น
   
ตั้งหน้าตั้งตารอคาร์บิลัสมานาน หลังจากที่วันเกิดได้ขอให้อีกฝ่ายแต่งงานกับตน แต่คาร์บิลัสตะโกนลั่นว่าไม่แล้วก็หนีกลับดินแดนไปเลย คาเลนเลยตีความไปว่าขอเวลาคิด จนรู้ตัวอีกทีจากเป็นเพียงทายาทของดินแดนจนกลายเป็นราชินีก็ยังคงเฝ้ารอคำตอบจากคาร์บิลัสอยู่ดี
   
แต่ใช่ว่าระหว่างที่รอจะไม่สนใจชายอื่น
   
เปลี่ยนคนคบไปเรื่อยๆ หากใครไม่ถูกใจก็ถูกไล่ออกจากวังถูกสั่งห้ามให้หลับมาทำงานเกี่ยวกับวังอีก
   
ทำให้คาเลนไม่เจ็บปวดเท่าที่ควร
   
แต่ก็ยังคงหน่วงในอกอยู่ดีกับระยะเวลาที่รอคอย
   
“ ปล่อยข้า แพะโง่ ” ฟาร์คัสสบถพยายามดึงตัวเองออก
   
คาร์บิลัสยิ่งกอดแน่นไม่ยอมปล่อย “ ข้าขอโทษนะ คาเลน ที่ไม่ได้รักษาสัญญา หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ ”
   
แต่ดูเหมือนทหารมารผู้รักดินแดนยิ่งชีพจะไม่ยินยอม
   
อาวุธที่ดีที่สุดถูกตีวงล้อมกรอบคาร์บิลัส
   
แม้ว่าจะเป็นถึงอาคันตุกะสำคัญของเจ้าของดินแดน
   
แต่การกระทำอะไรใดๆ ที่ทำให้คาเลนเสียใจ ไม่ได้อยู่ในวิสัยของเหล่าทหารจะรับได้
   
พวกเขามีเพียงไม่มากจึงรักกันยิ่งชีพ ยิ่งองค์ราชินีเทิดทูนราวกับเป็นพระเจ้าคอยบรรดาลรังสรรค์สิ่งต่างๆ ความสามารถในการชักจูงที่เก่งกล้ากว่ารุ่นไหนๆ เป็นที่โด่งดัง เพียงแต่ว่าไม่ค่อยได้ใช้
   
ไม่มีใครรู้ถึงเหตุผล
   
นอกจากเจ้าตัว
   
“ แต่มันก็ไม่เสมอไปหรอกนะ ” คาเลนแสยะยิ้มขับให้สีหน้าที่เหมาะจงดูงดงามกว่าเดิม นิ้วเรียวกรีดยาวไปมา บนอากาศเกิดเป็นร่องรอยคล้ายกับการเอาสีมาขีด
   
“ เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ ” คาร์บิลัสยึดตัวฟาร์คัสไว้แน่น
   
มันคือการป้องกันตัวเองอย่างหนึ่งของคาร์บิลัส เพราะถ้าหากฟาร์คัสหลุดออกมาได้มีหวังข้าต้องตายแน่ๆ กว่าจะทำให้อารมณ์หึงสงบลง เลือดในกายข้าคงจะไม่เหลือสักหยด
   
นัยน์ตาสีเทากลอกไปมาสลับระหว่างทหารผู้ภักดีสลับกับเจ้าของดินแดนที่กำลังทำอะไรสักอย่าง
   
คาร์บิลัสไม่ค่อยสันทัดเกี่ยวกับเวทของมารเท่าไหร่ รู้จักและพอใช้เป็นแค่ผิวเผิน อย่างที่รู้เผ่ามารมีคนอยู่จำนวนน้อยย่อมหวงความรู้เป็นธรรมดา ถ่ายทอดกับชาวมารเท่านั้น ส่วนเผ่าอื่นอย่าหวัง
   
ทำไมมันทำให้ข้ารู้สึกเสียวสันหลังชอบกล
   
หนังตาขวาคาร์บิลัสกระตุกถี่
   
“ ข้าบอกว่าให้ปล่อย ! ” ฟาร์คัสตะคอกผลักตัวคาร์บิลัสออกได้สำเร็จ สีหน้ายังไม่เปลี่ยนแปลง การโดนกอดไม่ได้ทำให้ฟาร์คัสอารมณ์เย็นลงแต่อย่างใด
   
คำพูดแดกดัน
   
สายตาที่ส่อถึงความไม่เป็นมิตร
   
ฟาร์คัสจ้องเจ้าของดินแดนที่กำลังส่งยิ้มหวานมาเขม็ง
   
คล้ายกับการประกาศสงครามไร้คำพูด
   
แกร้ง
   
เสียงทหารมารขยับอาวุธพร้อมเพียงกันชี้ไปที่ฟาร์คัส แววตาเย็นชาไร้อารมณ์
   
“ ไหนๆ เจ้าก็กลับมาหาข้าแล้ว ครั้งนี้ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าหลุดมือไปอีกครั้ง ” คาเลนพูดเสียงเบาแต่ทั้งฟาร์คัสและคาร์บิลัสต่างได้ยินกันอย่างชัดเจน  “ ในเมื่อเจ้าไม่ยอมตกลงกับข้าดีๆ ก็... ” ปรายตามองคาร์บิลัสด้วยกามอารมณ์
   
ฟาร์คัสขยับตัวไปขวางหน้าคาร์บิลัสจ้องตอบเขม็ง
   
“ ชิงตัวมาแล้วกัน ” พูดเสียงเรียบ
   
สิ่งที่แรกที่มีปฏิกิริยากับคำพูดของคาเลนคือภาพวาดบิดเบี้ยวในอากาศ เปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นสีแดงก่อนจะกลายเป็นกลุ่มหมอกสีสดพุ่งเข้าไปหาคาร์บิลัส
   
“ เดี๋ยวๆๆ  นี่มันอะไรเนี่ย ” คาร์บิลัสสะดุ้งรีบใช้เวทลมปัดเป่าออกตามสัญชาตญาณ
   
คาเลนหัวเราะคิกคักกับท่าทีตกอกตกใจของคาร์บิลัส “ ตกใจอะไรกัน ก็แค่เวทเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ”
   
ฟาร์คัสยืนนิ่ง
   
ถูกทหารมารล้อมกรอบ
   
ถ้าหากลงมือความสัมพันธ์ระหว่างแดนปีศาจกับแดนมารอาจจะขาดสะบั้น
   
ฟาร์คัสจึงไม่กล้าลงมืออะไร ยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้ถูกดูถูกเล่นๆ
   
คาร์บิลัสยังไม่ลงมือ ข้าก็จะไม่ทำอะไร
   
ฟาร์คัสมองตามคาร์บิลัสที่กำลังกระโดดโหยงเหยงหนีหมอก เหมือนสุนัขทิ่วิ่งหนีเวลาจะโดนจับไปอาบน้ำยังไงยังงั้น ด้วยความอนาถใจ
   
เหลือเค้าความเป็นราชาปีศาจไว้บ้างเถอะ..
   
“ ถ้าข้าโดนหมอกนี่ มันจะเป็นยังไง คาเลน ! ” คาร์บิลัสตะโกนถามขณะที่วิ่งตาเหลือก หมอกบ้าๆ นี่ทั้งพัดทั้งเอาเวทถล่มคืนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหายไป
   
“ เรื่องอะไรข้าจะบอกล่ะ ” คาเลนแลบลิ้นด้วยท่าทีน่ารัก
   
ฟาร์คัสกำหมัดแน่น
   
“ อย่ามายุ่งกับเขา ”
   
คาร์บิลัสไม่ใช่ของเจ้า !
   
“ ทำไมล่ะ เจ้าไม่ใช่แม่ของข้าสักหน่อย ที่จะมาสั่งข้าได้ อีกา... ” คาเลนแดกดันด้วยน้ำเสียงร่าเริง แต่ในท่อนคำที่เรียกอีกานั้นเย็นเยียบ
   
ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงข่าวคราวกับอีกาตรงหน้า
   
ปีศาจอีกาที่ราชาปีศาจนำติดตัวกลับมาด้วยพร้อมกับสถานะใหม่ ที่ไม่ได้ถูกเอ่ยปากออกมาแต่ชาวปีศาจก็รู้กันดีว่าหมายความว่าอย่างไร
   
แต่ข้าเป็นคนเจอคาร์บิลัสก่อน และคาร์บิลัสก็ให้สัญญากับข้าด้วยนะ
   
ถึงข้าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดมากมายที่โดนพูดใส่ว่ามีคนรักแล้ว
   
ซึ่งข้าที่มีฐานะถึงราชินีมารย่อมรู้สึกอยู่เฉยไม่ได้ ความอยากเอาชนะขึ้นครอบงำพร้อมกับความรู้สึกอุ่นฟุ้งในใจพร้อมปรากฏภาพที่คาร์บิลัสเคยทำไว้กับตน
   
ที่คาเลนชอบคาร์บิลัสมากถึงขนาดที่รอมาหลายๆ ปีก็มีที่มาอยู่..
   
ย้อนไปในสมัยตอนงานวันเกิดของคาเลน
   
ตอนนั้นทั้งสองเป็นเพียงเด็กเท่านั้น คาร์บิลัสเป็นเพียงทายาทที่อยู่รั้งท้ายของตระกูล ส่วนคาเลนเป็นทายาทที่มีตำแหน่งอยู่แล้ว
   
ตอนนั้นคาเลนหลงทางอยู่ไปเจอกับคาร์บิลัสที่กำลังเพลิดเพลินกับการไล่ชิมอาหารทุกอย่างในงาน
   
“ เจ้ากินขนาดนั้นเดี๋ยวก็อ้วนหรอก ”
   
คาเลนแหย่หวังจะผูกมิตร
   
“ อย่ามายุ่ง ! ”
   
คาร์บิลัสอารมณ์ไม่ดีเผลอกระชากเสียงใส่ แต่คาร์บิลัสในวัยเด็กนั่นน่ารักเกินกว่าจะทำให้น่ากลัว ไม่ว่าจะแสดงท่าทางยังไงก็ทำให้น่ารัก
   
คาเลนจึงชอบคาร์บิลัสตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
   
ไม่แน่ใจเพราะอะไรถึงได้ชอบขนาดที่ว่าขอให้คาร์บิลัสมาแต่งงานด้วย
   
แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
   
คาเลนเฝ้าหวังมาตลอด ว่ามันเป็นเพียงคำพูดตัดบทสนทนาเท่านั้น
   
แต่สิ่งที่มาทำลายความหวังคือการมีตัวตนของอีกาบ้าๆ ตรงหน้า
   
ข้าชอบเขามาก่อนเจ้าด้วยซ้ำ !
   
ฟาร์คัสแค่นเสียงหึ ไม่หวาดหวั่นกับทหารมารยืนล้อมกรอบ “ ใช่ ข้าไม่ใช่แม่เจ้า แต่เขาเป็นของข้า ข้าย่อมจะสั่งให้คนนอกอย่างเจ้าเลิกยุ่งได้อยู่แล้ว ”
   
น้ำเสียงยียวนฉุดให้อารมณ์เจ้าของดินแดนโมโห กลุ่มหมอกสีแดงเปลี่ยนเป็นสีเพลิงเข้าจู่โจมคาร์บิลัสอย่างรวดเร็ว “ ใช่ ตอนนี้อาจจะเป็นของเจ้า แต่หลังจากนี้เขาจะเป็นของข้า ” แผดเสียงออกมาดังลั่นห้องโถง แสงสว่างในห้องริบหรี่ สิ่งที่พอมีแสงมีเพียงกลุ่มหมอกสีเพลิงที่แตกสะเก็ดออกมาเป็นสะเก็ดไฟจริงๆ
   
สัญชาตญาณของคาร์บิลัสยังคงใช้ได้ดี
   
กระโดดโลดเต้นหนีได้อย่างสบายๆ
   
เพราะฐานะที่เป็นถึงราชาปีศาจ ความสามารถย่อมไม่ใช่ที่หาได้ทั่วไป
   
ในใจของคาร์บิลัสลิงโลด ที่ฟาร์คัสบอกว่าตัวเองเป็นของฟาร์คัส ยิ่งคิดคาร์บิลัสก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ออร่าความร่าเริงผุดขึ้นประปรายรอบตัวทั้งๆ ที่กลุ่มหมอกตอนนี้ได้กลายเป็นลูกไฟยักษ์ลุกไล่อย่างไม่ลดละ
   
ฟาร์คัสมองตามคาร์บิลัสพูดอะไรไม่ออก
   
ทำไมข้าต้องชอบไอ้แพะปัญญาอ่อนนี้ด้วยวะ
   
คาร์บิลัสรู้สึกถึงสายตาของฟาร์คัสจ้องมา ก็โบกไม้โบกมือให้ถ้าหากไม่ได้วิ่งหนีลูกไฟอยู่คงไม่วายส่งจูบให้ฟาร์คัสด้วย
   
ปัญญาอ่อน..
   
ฟาร์คัสคิดแบบนั้นแต่กลับเผลออมยิ้มและกลายเป็นหน้าเหวอ
   
เมื่อไอ้แพะปัญญาอ่อนมันสะดุดขาตัวเองหน้าคว่ำ แล้วลูกไฟก็กระโจนเข้าไปตระครุบทั้งตัว ไม่มีกลิ่นเหม็นไหม้เล็ดลอดออกมา ประกายไฟแตกสะเก็ดออกมาวาบใหญ่สะท้อนความกังวลของฟาร์คัส
   
ฟาร์คัสทำท่าจะกระโดดเข้าไปหาคาร์บิลัส แต่ก็ถูกกักตัวเอาไว้ ขยับไปไหนไม่ได้ทำได้เพียงถลึงตาใส่คนที่เสกลูกไฟ
   
คาเลนไม่ยี่หระกับท่าทางของฟาร์คัส
   
เฝ้ารอกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยใจที่จดจ่อ
   
พลังเวทย์ที่ข้าเก็บงำมานาน
   
ได้ใช้สักที
   
พูดพลางยิ้มงดงาม
   
ทำเอาทหารภูตตกอกตกใจมองกันตาค้าง ฟาร์คัสรีบใช้โอกาสนี้กระโจนเข้าไปหาคาร์บิลัสที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ลูกไฟยักษ์ได้หายไปแล้วเหลือเพียงความร้อนอุ่นๆ ตามร่างกายของคาร์บิลัส
   
“ คาร์บิลัส ? คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสเขย่าตัวราชาปีศาจที่ตัวอ่อนปวกเปียก
   
“ อืมม ” เสียงครางในลำคอดังแผ่วออกมาจากลำคอ พร้อมลืมตาขึ้นมาจ้องฟาร์คัสเขม็งด้วยสายตาเย็นชา
   
ฟาร์คัสสะดุ้งกับสายตาของคาร์บิลัส
   
“ คาร์บิลัส ? ”
   
ครางชื่อออกมา
   
“ ใช่ นั่นชื่อของข้า แล้วเจ้าเป็นใครถึงกล้ามาเรียกข้า ” น้ำเสียงดุสีหน้าไม่มีเค้าความขี้เล่นใดๆ คาร์บิลัสมองมือที่จับแขนตัวเองด้วยสายตาตำหนิ “ ปล่อย ข้าจะกลับไปหาคนรักของข้า ”
   
ฟาร์คัสเผลอปล่อยมือไม่รู้ตัว
   
ทำอะไรไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
   
ล้อข้าเล่นรึเปล่า ? เจ้าแพะโง่เนี่ยนะ จะกล้าพูดแบบนี้กับข้า
   
ล้อเล่นใช่ไหม...
   
เนื้อตัวสั่นเทาไม่รู้ตัวเมื่อคาร์บิลัสเดินออกไป
   
คอแห้งผาก
   
เมื่อหยุดยืนข้างคาเลน แขนหนาที่เคยกอดเขาไว้เต็มแรงเมื่อกี้กอดคาเลนหมับ
   
คาเลนมองมาทางฟาร์คัสแสดงถึงความเหนือกว่าของตัวเองด้วยการเอาหัวซุกเข้ากับตัวคาร์บิลัส
   
และการกระทำนั้นนั่นเอง
   
ที่ทำให้ฟาร์คัสได้สติ
   
ว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อไป
   
“ เจ้าทำอะไร คาร์บิลัส ”
   
พยายามควบคุมน้ำเสียงให้เย็นชา
   
สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้ที่สุดคือสติ ต้องควบคุมมันเอาไว้ให้ได้
   
ไม่เช่นสถานการณ์ของข้าจะต้องตกเป็นรอง
   
และไม่มีทางจะกลับมากุมชัยชนะได้อีก
   
ข้าไม่รู้ว่าคาเลนทำอะไรกับคาร์บิลัส แต่คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับพลังของมารที่ใช้ควบคุมจิตใจ แววตาสีเทาของคาร์บิลัสดูพร่ามัวไม่หมดจดเช่นปกติ
   
ราวกับกำลังต้องมนต์
   
“ ข้าตอบเจ้าแล้วข้าได้อะไรล่ะ อีกา ” คาเลนหัวเราะเยาะด้วยความสะใจ อาการที่พยายามปกปิดความกังวลของฟาร์คัสทำให้คาเลนอารมณ์ดีไม่หยอก
   
หมาจนตรอกที่รอให้สิงโตขย้ำ
   
ต่อให้ออกแรงสู้เพียงใด
   
ก็ไร้ประโยชน์
   
ฟาร์คัสชะงักกับคำถาม
   
ข้าไม่มีอะไรแลกเปลี่ยนสำหรับคำตอบสักนิด
   
นัยน์ตาสีเทาที่จ้องมา ไร้ความทรงจำที่เคยมาทำให้ฟาร์คัสรู้สึกเจ็บ
   
เกิดอะไรขึ้นกับข้ากัน
   
ข้าต้องเข้มแข็งสิ

อย่าปล่อยให้ไอ้ราชินีบ้าบอมาปั่นหัวเอาได้
   
ยังไงแพะติ๊งต๊องนั่นก็ต้องจำข้าได้อยู่แล้ว
   
“ ข้าไม่มี แต่ข้ามีสิทธิ์ที่จะรู้ในฐานะอาคันตุกะที่มากับราชาปีศาจ ”
   
“ ข้ามากับเจ้างั้นเหรอ ? ” ผู้ที่ถูกกล่าวถึงจ้องฟาร์คัสนิ่ง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำที่สั่นระริก พยายามค้นหาสิ่งที่ซ่อนไว้ภายใน
   
ข้าไม่เห็นอะไรนอกจากความกังวลกับความหึงหวง
   
ข้ามีลูกน้องที่เขลาเช่นนี้ด้วย ?
   
“ ข้าไม่ยักจำได้ว่ามากับเจ้า อีกา ”
   
ตัดบทเย็นชาก่อนจะเผลอกุมหัวตัวเอง
   
อาการแปรปรวนในใจบางอย่างตีตื้นจนยืนแทบไม่อยู่
   
คาเลนประคองตัวคาร์บิลัส “ ก็ได้ข้าบอกเจ้าก็ได้ ในฐานะอาคันตุกะ ” ยิ้มหยัน “ ข้าเพียงแค่ใช้เวทสะกดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ถือว่าเป็นของรับขวัญการมาเยือนดินแดนของคาร์บิลัสแล้วกัน ” ก่อนจะเลียริมฝีปาก “ ไม่สิ มาในฐานะสามีของข้าต่างหาก ”
   
สิ้นคำของคาเลน   
   
เส้นความอดทนของฟาร์คัสขาดผึง
   
กระโจนเข้าใส่คาเลนทันที !!

------------------------------

ตอนนี้ศึกชิงคาร์บิลัส 55555555555 # เบื่อคนฮอตจริงๆ

ตอบเมนต์ ♥

คุณ  BlueCherries : ตอนนี้หึงแรงมาก กระโจนเข้าไปตบ 5555

คุณ •♀NoM!_KunG♀• : จบงานนี้ไม่รอดแน่...

คุณ  lizzii : คาร์บิลัสหลบภัยด่วน  :katai5:

คุณ yamanaiame : ตายสถานเดียว  :hao7:

คุณ tsubasa_6927 : หึงแรงจนกลัวว่าคาร์บิลัสจะโดนตื้บตายก่อน 555

คุณ Hang : ตัวนั้นชื่อเอสเตอร์ค่ะ แต่ไม่เกี่ยวกัน นางเอสเตอร์เป็นแค่จิ้งจอกหิมะน่ารักๆ ชอบปั้นสโนแมน
   
   

   
   
   
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2015 21:41:39 โดย Foggy Time »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 33 10 พ.ย 58
« ตอบ #289 เมื่อ: 10-11-2015 23:22:48 »





ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 33 10 พ.ย 58
«ตอบ #290 เมื่อ10-11-2015 23:49:45 »

ถ้ามนต์คลายเมื่อไหร่คาร์บิลัสตายแน่ 5555

เหมือนเห็นคำผิดสองที่อ่ะ
- ตอนนั้นคาเลนหลง ทอง อยู่
- หากไม่ได้วิ่ง หนู ลูกไฟอยู่

ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 33 10 พ.ย 58
«ตอบ #291 เมื่อ13-11-2015 01:29:02 »

อยู่ๆก็โชว์ปัญหาครอบครัวซะงั้น55555
แต่แหม ตอนนี้ปล่อยให้ฟาร์คัสแย่งชิงกะเค้าไปก่อน
ถอนมนตร์ได้เมื่อไหร่ คาร์บิลัสตายแน่นอน :katai3:

ปล.#ทีมคนปากแข็ง
ปลล. อยากเห็นแพะน้อยโดนกระทืบ ก๊ากกกกกกก

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 33 10 พ.ย 58
«ตอบ #292 เมื่อ15-11-2015 15:37:37 »

อยากมุดเข้าไปในโทรศัพท์ แล้วกะทืบราชินี = =

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 34 16 พ.ย 58
«ตอบ #293 เมื่อ16-11-2015 21:39:54 »

-- ตอนที่ 34 ---
   
คาร์บิลัส
   
เจ้าจะยอมให้มารบ้านี่ควบคุมเจ้ารึไง
   
แพะโง่ !
   
เมื่อความสุขุมหายไปทิ้งไว้เพียงความเดือดดาลของปีศาจอีกา ฟาร์คัสบุกรุกไล่เข้าไป อีกาตัวย่อมถูกเสกออกมาฝูงใหญ่ เข้าไล่จิกไล่ทำร้ายทหารมารเพื่อถ่วงเวลาให้กับนายของมัน ฟาร์คัสโถมเข้าไปหาคาเลน
   
แต่กลับถูกคาร์บิลัสขวางทางเอาไว้
   
ดาบสีดำสนิทแผ่กลิ่นอากาศมาคุจ่อที่คอหอยของฟาร์คัส
   
ฟาร์คัสกัดฟันกรอด
   
“ คาร์บิลัส ถอยออกไป ”
   
นัยน์ตาสีเทากับสีดำจ้องกันอย่างไม่ลดละ
   
เพียงแต่ของฟาร์คัสนั้นเจือทั้งความแข็งกร้าวและกังวล
   
ผิดกับคาร์บิลัสที่มีเพียงความเฉยชา
   
“ ทำไมข้าถึงต้องฟังเจ้าด้วย อีกา ? ”
   
“ เจ้าตอนนี้กำลังถูกคาเลนควบคุมอยู่ เจ้าถอยไปเพราะผู้ติดตามอย่างข้าจะช่วยเจ้าเอง ”
   
คำว่าผู้ติดตามทำให้ฟาร์คัสรู้สึกโหวงในอกไม่น้อย
   
สงสัยข้าจะถูกคาร์บิลัสถือหางมานานจนชินกับตำแหน่งพิเศษล่ะมั้ง
   
คนที่ปกติมักจะเดินตามข้าตอนนี้กลับเป็นข้าซะเองที่ต้องเดินตาม
   
ความรู้สึกนี้แย่ชะมัด
   
คาร์บิลัสขยับยิ้มเย็นลดปลายดาบลงรวบตัวคาเลนมากอด “ ข้าก็คือข้า คาร์บิลัส ราชาปีศาจที่ทุกคนต่างพากันหวาดกลัว ไม่มีอะไรสามารถควบคุมข้าได้นอกจากตัวข้าเองหรอกนะ ” และมองฟาร์คัสเหมือนเป็นเพียงเหลือบไร “ ไม่รู้อะไรที่ดลใจข้า ให้เอาเจ้ามาด้วย ”
   
ฟาร์คัสนิ่งกับคำพูด
   
คล้ายกับการถูกเอาน้ำเย็นๆ สาดเข้าที่หน้า
   
“  ทั้งๆ ที่อ่อนแอแต่ก็แสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง ไม่เด็ดขาด ทำเหมือนว่าข้าเป็นเพื่อนเล่น ”
   
มือของฟาร์คัสสั่นเทา
   
อีกาที่กำลังไล่จิกมารหายไปเหลือเพียงขนนกสีดำลอยฟุ้ง
   
“ เป็นเพียงอีกาก็จงอยู่แค่ในรังของเจ้าเถอะ ”
   
“ คาร์บิลัส ! ”
   
ฟาร์คัสตะคอกเสียงดังลั่น พุ่งตัวเข้าไปต่อยหน้าขึ้นสีแดงแสดงถึงความโกรธจัดของเจ้าตัว
   
ทั้งๆ ที่รู้ว่าคาร์บิลัสกำลังถูกควบคุม
   
สิ่งที่แสดงออกมาไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง
   
และเป็นโชคร้ายใหญ่หลวงที่มันไปสะกิดต่อมของฟาร์คัสเข้าอย่างจัง
   
หมัดรุนแรงถูกหลบได้ง่ายๆ แล้วยังเตะฟาร์คัสให้ล้มกองบนพื้น เหยียบเข้าที่แผ่นหลังออกแรงขยี้ปลายเท้า หน้าของฟาร์คัสถูกฝังลงบนพื้น
   
พร้อมหยดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่รู้ตัว

   
ห้องคับแคบมืดสนิทไม่มีสิ่งที่ให้แสงสว่างแม้แต่นิดเดียว ลูกกรงร่ายเวททับหากเพียงแค่สัมผัสก็จะถูกทำให้หลับไหลไปทันที พื้นหินขัดสกปรกขาดการทำความสะอาดมานาน สิ่งที่เหล่าใช้เป็นสถานที่ตรองจำอีกาผู้เป็นอาคันตุกะจากดินแดนปีศาจ
   
โดยที่ผู้เป็นนายไม่คัดค้านอะไรแม้แต่นิดเดียว
   
ฟาร์คัสเผลอสบถคำหยาบคายเมื่อตื่นขึ้นมามองอะไรไม่เห็น
   
กา กา กา
   
อีกทั้งยังกลายเป็นอีกาด้วย
   
ในเวลาที่ร่างกายบาดเจ็บหนักฟาร์คัสมักจะกลับเป็นร่างอีกา
   
ร่างอีกาตัวย่อมที่ใหญ่กว่าที่ถูกเรียกมาใช้ลุกขึ้นยืนสองขาพยายามขยับตัว ก็ต้องเผลอร้องกาๆ ด้วยความเจ็บปวด ขนสีดำที่ใช้ปกปิดร่างกายทำได้เพียงแค่ปกปิดรอยฟกช้ำม่วงที่เกิดจากการทำร้ายของราชาปีศาจ
   
ฟาร์คัสจึงนอนแผละลงไปบนพื้นเหมือนเดิม
   
ตอนนี้ทั้งร่างกายและจิตใจไม่สามารถทำงานได้เช่นปกติ
   
ฟาร์คัสหลับตาทบทวนตัวเอง
   
ข้าในตอนนี้ลำพังรักษาตัวเองยังทำไม่ได้ พลังเวทในตัวเหมือนจะใช้ไม่ได้ซะดื้อๆ ที่ใช้ไม่ได้คงจะเป็นเพราะคุกบ้าๆ มืดๆ นี่
   
ข้าจะทำยังไงดี
   
ท่านพ่อ
   
ร่างทั่งร่างสั่นเทา ความหวาดกลัวและสิ้นหวังกัดกินฟาร์คัสช้าๆ

   
ข้ากำลังอยู่ที่ไหนกัน ?
   
หมอกมัวลอยฟุ้งทั่วบริเวณแม้แต่มือของตัวเองยังเห็นได้ไม่ชัดเจน
   
คาร์บิลัสใจลอย รู้สึกสติทำงานไม่เต็มที่
   
ทำไมข้าถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่าตัวข้านั่นไม่ใช่ของข้ากัน
   
ครุ่นคิดไปสักพักก็รู้สึกเบื่อจึงนอนใหม่อีกรอบ
   
คงจะไม่มีอะไรหรอกมั้ง ข้าอาจจะกำลังนอนหลับฝันอยู่
   
จะว่าไปข้าคิดถึงฟาร์คัสจัง ~
   
ยิ้มบางแล้วหลับตาลงนอนบนเตียงนุ่มที่ถูกเสียงด้วยเวท

“ คาร์บิลัส ข้ารักเจ้า ”
   
เสียงของคาเลนดังก้องในพื้นที่หมอกมัว
   
ปลุกคาร์บิลัสให้ตื่นขึ้นมางัวเงีย
   
นี่ไม่ใช่เสียงของฟาร์คัสนี่นา
   
ข้าไม่ต้องการความรักของคนอื่นที่ไม่ใช่ฟาร์คัสหรอกนะ !
   
รู้ไว้ด้วย พวกงี่เง่า ความรักของราชาปีศาจล้ำค่ามากกว่าอัญมณีหายากซะอีก
   
“ อืม ข้าก็รักเจ้า ”
   
น้ำเสียงเฉยชาดังตอบ
   
คาร์บิลัสสะดุ้งโหยงตื่นเต็มตา
   
ข้าจะไปรักคาเลนได้ไง ! ในเมื่อข้ามีฟาร์คัสอยู่แล้ว คาร์บิลัสหน้าซีด แย่แน่ๆ ฟาร์คัสต้องฆ่าข้าแน่
   
“ ฉะนั้นท่านช่วยยืนยันความรักของท่านด้วย ”
   
น้ำเสียงยั่วเย้า
   
“ ได้สิ ”
   
คาร์บิลัสตกใจแทบสิ้นสติ นี่มันอะไรวะเนี่ย ทำไมเสียงของข้าถึงได้ตอบรับคำเชิญชวนบ้าๆ นี่ละ
   
ไม่นะ !
   
ข้าไม่ยอม
   
คาร์บิลัสเรียกดาบเวทออกมา ร่ายเวทยาวเหยียดแข่งกับบทสนทนาล่อแหลม
   
“ ที่ห้องของข้าดี ? หรือท่านชอบที่ไหน ”
   
คำพูดของคาเลนทำให้คาร์บิลัสรู้สึกโกรธมาก

ข้ารู้แล้วว่าตัวเองกำลังถูกคาเลนควบคุม
   
ไม่รู้ว่าตัวข้าเผลอทำอะไรไปบ้างแล้ว ไม่แน่ที่ฟาร์คัสไม่โผล่ออกมาขัดจังหวะคงจะถูกจับไปไว้ที่ไหนสักที่
   
อย่าให้เวทของเจ้าหายไป คาเลน
   
นัยน์ตาสีเทาเป็นประกายกร้าวน่าขนลุก
   
ข้าจะตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ
   
คาร์บิลัสปักดาบเวทลงบนพื้นจนมิดด้าม

ครืนนน
   
สถานที่ที่คาร์บิลัสอยู่นั่นคือจิตใจส่วนลึก ถ้าจะหลบหนีออกไปได้มีแต่ต้องใช้เวทรุนแรงกระชากสติเจ้าของร่าง
   
“ ทำอะไรของเจ้า ! ”
   
คาร์บิลัสตะคอกเมื่อสติกลับมาแจ่มชัด สิ่งที่ตัวเองทำไปเกิดขึ้นเป็นฉากๆ ในหัว
   
ฟาร์คัส..
   
เจ้าอยู่ที่ไหนกัน
   
ข้าขอโทษ
   
คาเลนตกใจเมื่อนัยน์ตาที่เลื่อนลอยกลับมีสติกระจ่างใสแต่ก็ไม่ได้วิตกกังวล
   
“ พักผ่อนเพียงพอแล้วงั้นเหรอ คาร์บิลัส ข้าคิดว่าท่านจะพักผ่อนนานกว่านี้ซะอีก ”
   
“ อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เจ้าเอาฟาร์คัสไปไว้ไหน ถ้าเจ้าไม่ยอมทำตามในสิ่งที่ข้าต้องการ ” คาร์บิลัสแทบจะคำรามออกมา “ ก็หาตัวราชินีคนใหม่ได้เลย ! ”
   
คาเลนอมยิ้ม
   
“ ท่านจะเอาข้าอยู่กับท่านใช่ไหม ? ข้าดีใจมากเลยล่ะ ”
   
ตัวของคาร์บิลัสสั่นเทา
   
เขาแพะปรากฏบนศีรษะพร้อมกับปีกปีศาจลากยาวบนพื้น
   
นัยน์ตาสีเทาหมุนริ้ว
   
“ ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ! ”
   
เสียงตะคอกทำให้อากาศสั่นสะเทือน
   
คาร์บิลัสไม่ใช่คนใจเย็น
   
แต่ผู้ที่ยังคงสุขุมกว่าคือคาเลน

เสื้อที่เหลืออยู่น้อยชิ้นไม่ได้ทำให้ความมั่นใจในตัวของคาเลยลดลง ปลายนิ้วเกี่ยวสายเสื้ออ้อยอิ่ง “ ทำไมข้าต้องรอโอกาสจากท่านละ คาร์บิลัส ”
   
คาร์บิลัสไม่ตอบพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้อาละวาด
   
“ ว่ากันว่าถ้าหลงมาอยู่ในถิ่นแมว ” คาเลนมองคาร์บิลัสด้วยสายตาหวานเชื่อม “ ต่อให้เป็นราชสีห์ก็รอดออกไปยาก ”
   
คาร์บิลัสกระชากดาบออกมาจากในอากาศ พุ่งเข้าไปหาคาเลนหมายจะฟันตัวเพื่อเป็นคำเตือน
   
แต่จู่ๆ กลับทรุดลงไปกองบนพื้นดังเดิม
   
สติถูกฟาดและดึงด้วยบางสิ่ง
   
“ สวัสดี ท่านคาร์บิลัส ”
   
พร้อมรอยยิ้มแสยะ
   
การปรากฏตัวของสิ่งที่คาร์บิลัสซ่อนลึกไว้ในจิตใจ

   

ฟาร์คัสนอนนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหน คิดอะไรไม่ออก รู้สึกถึงความตื้อๆ ในอกที่เหมือนจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออกเหมือนกับมีน้ำท่วมอยู่ข้างใน
   
สิ่งนั่นคงจะเรียกว่าน้ำตา
   
ในตอนนี้ฟาร์คัสเหลือเพียงคาร์บิลัส
   
ดินแดนที่เคยถือกำเนิดก็ไม่สามารถกลับไปได้เมื่อตัดสินใจหันหลังให้
   
ถ้าหากคาร์บิลัสปฏิเสธฟาร์คัส
   
นั่นก็เท่ากับว่าฟาร์คัสจะไร้ที่พึ่งพิงทันที
   
อาจจะต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งในดินแดนที่ไม่รู้จัก เสี่ยงอันตราย ถ้าโชคร้ายก็อาจจะถูกฆ่าได้ง่ายๆ เพราะความหวงถิ่นของแต่ละดินแดน
   
ข้าจะทำยังไงดี
   
ลำพังแค่หนีออกไปข้ายังไม่มีแรงด้วยซ้ำ
   
ฟาร์คัสซุกหัวเข้ากับตัวเอง พยายามดึงความอบอุ่นของร่างกายเผื่อแผ่มันยังหัวใจที่เย็นเฉียบ
   
ตึก ตึก
   
เสียงฝีเท้าก้าวออกไปพร้อมกับการพูดคุยทักทาย
   
ก่อนจะเปลี่ยนผู้เฝ้าประตูเป็นอีกคน
   
ดวงตาที่เริ่มคุ้นชินกับความมืดเห็นทหารมารยืนคุมเชิงอยู่กลายๆ หันหลังให้กับลูกกรงในมือถืออาวุธเพื่อป้องกันการหลบหนีหรือถ้าหากมีความช่วยเหลือก็จะสกัดกั้นเอาไว้
   
ฟาร์คัสนอนนิ่งดังเดิม
   
รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไร
   
ถ้าหากคาร์บิลัสไม่ต้องการข้า
   
ข้าก็คงเป็นเพียงแค่ปีศาจอีกาผู้ถูกตรองจำเท่านั้น
   
หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหยดลงบนพื้น
   
ฟาร์คัสสบถด่าถึงความอ่อนแอของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ห้ามน้ำตาที่ไหลออกมาเพื่อบรรเทาความปวดหนึบในอก ก่อนจะแค่นยิ้มเยาะในโชคชะตาของตัวเอง
   
อีกาผู้โชคร้าย
   
ที่ทำได้แค่นอนรอความตาย
   
ฟาร์คัสหลับตาลง ปล่อยสติเลือนหายไปกับความมืด
   
ถ้าหากข้าฝันดีก็คงจะดี
   
   
“ ฟาร์คัส ”
   
น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นในรัตติกาล มือหนาค่อยๆ ประคองตัวอีกาขึ้นมาแนบกับตัวแผ่วเบา ในหัวนึกถึงเจ้าของผมสีเหลืองยุ่งเหยิงซึ่งถ้าหากเขายกขึ้นมาแรงๆ คงไม่วายโดนด่าและงอน
   
อีกาในมือไม่มีทีท่าว่าจะตื่นแต่อย่างใดทำให้ผู้ควบคุมกาลเวลาอย่างโซแวนรู้สึกเซ็ง
   
ไม่ตื่นก็ไม่ตื่น
   
โซแวนย่างเท้าออกจากห้องขังสบายๆ ตัดหน้ายามเฝ้าประตูที่แข็งค้างท่าเดิม ละอองน้ำในอากาศที่หยุดเคลื่อนไหว ประตูห้องขังถูกปิดด้วยเวทของเซอร์เคน มุมห้องมีร่างอีกาที่จำลองเหมือนต้นแบบไม่ผิดเพี้ยนที่ทำขึ้นจากดินผสมฟางปิดทับด้วยเวทง่ายๆ
   
ร่างผู้คุมกาลเวลาเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ชมเมืองมารเพลินๆ ต้นไม้แห้งขนาดยักษ์ถูกประดับประดาไปด้วยไฟเทศกาล ดินแดนมารไม่มีประชากรมากนักเพื่อเศรษฐกิจที่หมุนเวียนจึงยอมเปิดให้ต่างเผ่าเข้ามาอาศัยและสามารถจัดเทศกาลตามดินแดนของตัวเองได้ตามใจชอบแต่ต้องได้รับคำอนุมัติจากองค์ราชินีก่อน ถือว่าเป็นเสน่ห์ไปอีกแบบสำหรับเมืองมารที่มีวัฒนธรรมผสมกัน
   
แต่นักท่องเที่ยวที่มานั้นต้องมีผู้นำเที่ยวเป็นชาวมารที่ไว้ใจได้อย่างน้อยนึงคน เพื่อไม่ให้ถูกล่อลวงเข้าไปกรรโชกทรัพย์เอาง่ายๆ โดยรวมแล้วก็มีทั้งมารที่นิสัยดีและไม่ดีปะปนกันไปเหมือนดินแดนอื่น
   
โซแวนวางร่างของฟาร์คัสไว้ตรงหน้าของร่างที่แต่งกายแปลกประหลาด
   
เสื้อคลุมลากยาวถึงพื้นลายสก็อต
   
หมวกปีกสีเทา
   
ในมือถือแว่นขยาย
   
ซึ่งข้าคุ้นๆ ว่าเหมือนเคยเห็นในเมืองมนุษย์
   
แต่ช่างเถอะ จะอะไรก็ช่าง วารันบอกให้นำมาให้กับท่านผู้นี้ก็ท่านผู้นี้
   
มือหนาขยับไปมาบนร่างของฟาร์คัส ละอองสีทองลอยรอบตัวร่างของอีกา
   
เวทรักษาที่หายสาบสูญ
   
เนื้อฟกช้ำของฟาร์คัสหายเป็นปกติอย่างนาอัศจรรย์
   
“ ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ ฟาร์คัส ”
   
พูดด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด
   
เพราะไม่ได้เป็นคนคิดเอง เพียงแค่รับฝากวารันมาพูดเท่านั้น
   
ถึงแม้ว่ากำลังหลับอยู่ก็เถอะ
   
โซแวนตวัดปลายเคียวเรียกหลุมมิติ มองฟาร์คัสครั้งสุดท้ายเชิงลาก่อนจะถูกกลืนหายไปในอากาศ
   
เวลากลับมาเดินอีกครั้ง
   
“ ฮะ ฮะ ฮ่า ! ข้าคือนักสืบที่สามารถสืบได้แต่สักกะเบือยันเรือรบ ถ้าใครสนใจเรียกใช้บริการข้า ข้าจะยินดีมาก ! ” พูดจบก็หัวเราะฮ่าๆ ต่อ และเปลี่ยนเป็นอุทาน “ เฮ้ย ! อีกา ” รีบกุลีกุจอเข้าไปประคองขึ้นมาอุ้ม
   
ยิ้มอย่างพอใจ
   
“ นักสืบกับอีกาคู่ใจ ! ข้าต้องเป็นนักสืบที่ดังที่สุดในดินแดนมารแน่ !”

-------------

 :katai5:


ตอบเมน์ต ♥

คุณ  lizzii : ขอบคุณสำหรับการแจ้งคำผิดค่า  :man1:

คุณ     tsubasa_6927 : คาร์บิลัสคงไม่โดนกระทืบค่ะ 555555 ต้องไปปลอบใจ

คุณ  Hang : ตอนนี้นางแผลงฤทธิ์กว่าเดิมอีก  :fire:
   

   
   

   
   

   
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2015 22:00:18 โดย Foggy Time »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 34 16 พ.ย 58
«ตอบ #294 เมื่อ16-11-2015 21:58:26 »

คาบิลัสทำไมง่อยงี้อ้ะะะะ โกรธ!!!
ทำให้ฟาคัสเจ็บได้ยังไงกัน ถึงจะโดนมนต์ก็เถอะะะ งื้ออออ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 34 16 พ.ย 58
«ตอบ #295 เมื่อ16-11-2015 22:49:16 »

เงิบ และ เงิบ


ฟาร์คัสไปติดอยู่กับใครล่ะเนี่ย?
(วารันกับโซแวนน่ารักอีกแล้ว)

เอิ่ม.... งวดนี้ไม่กล่าวถึงคาร์บิลัสละกัน~

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 34 16 พ.ย 58
«ตอบ #296 เมื่อ16-11-2015 23:03:34 »

เกลียดราชินี คาบี้ไร้ประโยชน์มาก = =  ขอเวทแรงๆสักบทให้ราชินี ไม่สิต้องเรียกว่าคำสาป ประมานว่า หากราชินีรักใคร ใครคนนั้นก็จะมาเป็นคนสังหารราชินีเองไรเทือกนั้น ในที่นี้ขอยกหน้าที่ให้คาบี้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะตื่นเมื่อไหร่  :katai1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 34 16 พ.ย 58
«ตอบ #297 เมื่อ17-11-2015 00:57:50 »

จะยังไงน้ออ

ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 34 16 พ.ย 58
«ตอบ #298 เมื่อ17-11-2015 03:33:44 »

ทั่นราชาปีศาจผู้เหี้ยมโหด ไร้ประโยชน์มาก ณ จุดนี้
คืิออะรายยยย ปล่อยกาน้อยให้ไปตกในมือหนุ่มอื่นละเห็นม้ายยยยยยยยย รีบๆเบย กระทืบราชินีคาเลนให้ไว (เค้าอยากเห็นเหตุการณ์นองเลือด5555) :katai1:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 35
   
“ โฮ่ ! นายท่านตรงนั้นน่ะ สนใจจะสืบชีวิตใครหรือเปล่า !? ข้าขอเสนอช่วยท่าน หรือจะสืบหาสิ่งของที่หายไปก็ได้เหมือนกัน ค่าบริการข้าคิดไม่แพงคิดตามความยากง่ายของงาน ฉะนั้นจ้างข้าเถอะ  ”
   
“ ฮือ ข้าต้องกินข้าวกับเกลืออีกแล้วเหรอ ”
   
“ ทำไมช่วงนี้ไม่มีคนทำของหายเลย ให้ตายสิ เจ้าว่างั้นไหมอีกา ”
   
“ นอนมากไปข้าจะจับเจ้าปิ้งแทนแล้วนะ ! ”
   
“ ตื่นๆๆ ”
   
ร่างอีกาขยับตัวยุกยิกด้วยความรำคาญแต่ก็ยอมลืมตาขึ้นมามองคนที่บังอาจปลุกขึ้นมา
   
มนุษย์ ?
   
ฟาร์คัสส่งเสียงกางงๆ
   
แล้วงงกว่าเดิมเมื่อรู้ตัวเองไม่ได้อยู่ในคุกมืดนั่นแล้วแต่อยู่ในอ้อมกอดมนุษย์ร่างโปร่งคนนึง
   
ทำไมข้าถึงออกมาได้ล่ะ
   
“ ตื่นสักทีนะเจ้าน่ะ ” มนุษย์ลูบหัวอีกาเบาๆ ด้วยความเอ็นดู แววตามึนงงของมันดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก “ มาช่วยข้าทำมาหากินซะดีๆ ” และเอาอีกามาวางแปะบนไหล่ตัวเอง
   
ฟาร์คัสตกใจแต่ก็พยายามพยุงตัวเกาะบนไหล่เล็บปลายคมจิกเข้าเสื้อแน่น สบมองหน้าด้านข้างที่มีรอยกระประปราย
   
หรือว่ามนุษย์ผู้นี้จะเป็นคนช่วยข้าออกมา
   
เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ราชาปีศาจอย่างคาร์บิลัสยังขัดขืนไม่ได้
   
ต้องเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าทุกอย่าง
   
รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏแว่วในความทรงจำฟาร์คัส
   
ฟาร์คัสชะงักความคิดไปสักพัก
   
วารันสินะ

รู้สึกดีใจที่ยังมีวารันคอยช่วยเหลือ
   
เห็นทีข้าจะต้องหาอะไรฝากไปให้บ้างแล้วสิ
   
ผู้ควบคุมการเวลา..
   
ความรู้สึกอุ่นๆ ฟุ้งในอกฟาร์คัส
   
มนุษย์คนนี้ก็คงไม่วายจะเป็นคนที่ช่วยข้าต่ออีกทอดสินะ
   
รู้สึกอุ่นใจได้ไม่นานก็ตระหนักเว่าราชาปีศาจนั้นได้ถูกคาเลนควบคุม แล้วยังทำร้ายตัวเองอีก
   
ฟาร์คัสตัวสั่นเทิ้ม
   
“ เป็นอะไรอีกา เจ้าดูซึมๆ นะ ” ร่างนักสืบจับชะงักขาที่กำลังก้าวเดิน ลูบหัวอีกาที่เกาะบนไหล่เบาๆ “ ถ้าเจ้าเจ็บคอ เจ้าจะซบข้าไปก่อนก็ได้นะ ข้าไม่รีบ ตอนนี้ยังเช้ามีเวลาอีกเหลือเฟือที่จะหาลูกค้ามาจ้างข้า ! ” พูดพร้อมควงแว่นขยายในมือเล่นและบ่นพำพำกับตัวเอง ด้วยความคิดที่ว่าอีกาคงไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองพูด
   
“ อีกามันเจ็บคอได้ด้วยเหรอวะ ? ”
   
“ ช่างมันๆ ตอนนี้ข้าหิวมากเลย หาลูกค้าดีกว่า ”
   
เริ่มต้นการแหกปากเรียกลูกค้าอีกรอบ
   
อีการ่างย่อมตอบรับคำเชิญของนักสืบด้วยการซุกตัวอยู่กับคอเสื้อ พยายามหาที่พึ่งให้กับตัวเอง ความมั่นใจหยิ่งผยองถูกกำลังสั่นคลอน
   
ราชาปีศาจมีอิทธิพลกับฟาร์คัสมากกว่าที่ฟาร์คัสคิด
   
โดยที่แม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้
   
คอเสื้อปกแข็งกลิ่นคลุ้งถึงความเก่าและสกปรกทำเอาฟาร์คัสชะงักอารมณ์เศร้าหมองของตัวเอง กลับมายืนมั่นคงดังเดิม กลิ่นตุๆ ที่โชยออกมาทำให้รู้สึกคลื่นเหียนมากกว่าเศร้า
   
ฟาร์คัสจับจ้องการกระทำของมนุษย์ที่ได้ช่วยตนเองไว้ ส่งเสียงเรียกความสนใจอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ราวกับกำลังเล่นสนุกอะไรบางอย่างที่ดูจะเกินเลยไปสักหน่อย จนแม้แต่อาหารดีๆ สักมื้อยังไม่มีอากาสได้กิน
   
เสียงบ่นคร่ำครวญบอกทุกอย่างถึงสถานะของเจ้านักสืบบ้าๆ นี่
   
ให้ตาย
   
งี่เง่าชะมัด แทนที่จะทำตัวเคร่งขรึมให้ดูน่าเชื่อถือ แต่การกระทำเหมือนเด็กเล่นขายของแบบนี้ใครมันจะไปจ้างเจ้าล่ะ
   
ไม่รู้ทำไมเจ้านักสืบนี่ทำให้ข้านึกถึงบางคน
   
โง่เง่า ไร้สาระ บ้าบอ
   
ฟาร์คัสสะบักไล่ความคิดของตัวเองออกไป เหยียดปีกออกสุดความยาวเพื่อคลายความขี้เกียจ ไซร้ขนนิดหน่อยให้ดูเป็นอีกาน่าเกรงขามไม่ใช่ ไก่บ้านสักตัวออกมาบินตีปีกพั่บๆ
   
ข้าไม่ได้คืนร่างอีกานานขนาดไหนแล้วนะ
   
นัยน์ตาสีดำสะท้อนประกายสว่างจ้าของดวงอาทิตย์ ท้องฟ้าสีแดงก่ำเมฆลอยเต็มท้องฟ้าคอยบดบังความร้อน ก่อนจะตีปีกขึ้นสูงไปบนท้องฟ้า
   
สูดหายใจลึก
   
คิดถึงการขับขานในสายเลือดดั้งเดิมของตัวเอง
   
แล้วต้องชะงักไป
   
เพราะไอ้ปกติที่ขับขานนั้นคือการแจ้งเตือนความตาย หากขับขานชาวมารอาจจะเข้าใจว่าข้านำพาความชั่วร้ายมาให้
   
ฟาร์คัสจึงทำเพียงแค่ตีปีกไปบนท้องฟ้า ร่ายเวทที่มีความอลังการและสวยๆ สักบทแทน  ฟารคัสร้องกาออกมาเบาๆ เป็นอันจบการร่ายเวท บนตัวของฟาร์คัสกรุ่นไปด้วยสีดำทมิฬ ไม่ว่าจะตีปีกบินไปทางใดก็ทิ้งลวดลายแปลกประหลาดไว้บนอากาศ ผ่านไปชั่วครู่ลวดลายประหลาดก็กลายเป็นมังกรเล็กจิ๋วร้องแก๊ซๆ บินตามฟาร์คัสเป็นฝูงใหญ่ เรียกความตื่นตาตื่นใจจากฝูงชนด้านล่าง ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ต่างพากันหยุดเดินจับจ้องการกระทำของอีกา
   
ไม่เพียงผู้คนที่ตื่นตาตื่นใจ
   
แม้แต่คนที่ตั้งตนเป็นคู่ใจกับอีกาก็ตกใจเหมือนกัน
   
ฟาร์คัสค่อยๆ ร่อนลงมาเกาะที่ไหล่ของนักสืบเช่นเดียวกับมังกรที่ลงมาเหยียบกระโดดโหยงเหยงพื้นที่ด้านข้างทีละตัว ซึ่งเมื่อแต่ละตัวเข้าใกล้กันก็ถูกรวมเป็นตัวเดียวกันและค่อยๆ ตัวใหญ่ขึ้นจนเป็นขนาดยักษ์
   
มังกรที่เปลี่ยนไปจากจิ๋วไปยักษ์ส่งเสียมฮึมฮำในลำคอและค้อมหัวลงเชิงลาผู้ชมทั้งหลายก่อนจะค่อยๆหายไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอย
   
บนพื้นที่ทางเดินเงียบกริบ ไม่มีเสียงลมหายใจ สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเมื่อครู่เป็นสิ่งเหลือเชื่อ เมื่อทุกคนกลับมาได้สติเสียงตอบรับกลับมาเป็นเสียงโห่ฮิ้ว
   
ตรงหน้าของนักสืบปรากฏเหมวกใบโตสีดำสนิท
   
เงินหลายสกุลจำนวนมากถูกโยนมาใส่หมวกจนเต็มและล้นออกมา สีทองสีเงินอำพันต่างๆ เป็นประกายวายวับเมื่อถูกแสงแดดต้อง
   
“ เจ้ามีชื่ออะไรน่ะ การแสดงของเจ้า ถ้าหากนำไปแสดงต่อหน้ากษัตริย์ของข้า ท่านต้องชอบแน่ๆ ” ร่างชราโผล่พรวดออกมาจากวง
   
“ จริงด้วย เจ้าชื่ออะไรน่ะ ”
   
หลายคำถามจู่โจมร่างนักสืบจนพรุนไปทั้งตัว
   
อะไรกัน ?
   
ข้าอยากเป็นนักสืบนะ
   
ไม่ใช่พวกการแสดงเปิดหมวกสักหน่อย !
   
“ ชาร์เลส ข้าชื่อ ชาร์เลส พวกเจ้าอยากรู้เรื่องอะไรอีกไหม ข้าสืบให้พวกเจ้าได้นะ ”
   
“ ไม่ล่ะ ข้าสนใจแค่การแสดงของเจ้า ”
   
“ ถ้ามีครั้งหน้าเจ้าช่วยประกาศที่กระดานด้วย ข้าจะมาดูอีก ”
   
คำตอบที่ได้รับทำเอาร่างนักสืบอยากทรุดลงไปนอนบนพื้นด้วยความเจ็บปวด
   
สักพักใหญ่ๆ ฝูงชนจึงเริ่มซาและหายไปจนหมด
   
ฟาร์คัสบินถลาลาจากไหล่มาเกาะบนหมวกที่เต็มไปด้วยเงิน
   
“ หรือว่าข้าควรจะเลิกเป็นนักสืบมาเปิดหมวกจริงๆ เนี่ย ฮือๆ ” ชาร์เลสคร่ำครวญแต่มือไม่ได้หยุดกอบโกยเงินเข้ากระเป๋าสะพายแม้แต่วินาทีเดียว
   
ลาขาดล่ะ เกลือคลุกข้าว
   
ฟาร์คัสหัวเราะหึเบาๆ ก่อนจะร่ายเวทกลับมาเป็นร่างมนุษย์ดังเดิม
   
ทำเอาชาร์เลสตกใจจนเผลอปล่อยเหรียญร่วงกราวดังกรุ๊งกริ๊ง
   
“ เจ้าอีกา ! กลายเป็นคนได้งั้นเรอะ ! ”
   
ชี้หน้าฟาร์คัสด้วยมือสั่นๆ
   
ฟาร์คัสยิ้มมุมปากตอบ
   
งี่เง่าสิ้นดี
   
“ ข้าขอถือว่าเงินที่ข้าหาได้พวกนี้ ” นัยน์ตาสีดำจดจ้องชาร์เลสเขม็ง “ เป็นค่าจ้างสำหรับการสืบหาแล้วกัน ”
   
ชาร์เลสทิ้งอาการสั่นทุกอย่างไปโดยปริยาย ค้อมตัวรับด้วยท่าทีสง่างาม
   
ในที่สุดลูกค้าที่ห่างหายจากครั้งล่าสุดไปนานก็ปรากฏตัวสักที !
   
“ ได้สิ นายท่าน ”
   
-------------------------------------------------
หวาย ฟาร์คัสมีกิ้ก 555555555555555

# คาร์บิลัสอยู่หนใด
   
   
   
   
   
   

   
   
   

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด