Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ควรจะมีภาคต่อไหม ?

มีก็ดี :D
34 (82.9%)
ไม่มี จบแค่นี้ก็ฟินแล้ว ~
3 (7.3%)
มีก็ได้ไม่มีก็เฉยๆ
4 (9.8%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 41

ผู้เขียน หัวข้อ: Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]  (อ่าน 70737 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มันอยู่นั้นสินะตัวอันตราย ฆ่ามานนน!!

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จากการที่ข้าพเจ้าดูแล้ว อิตัวร้ายเป็นคนเก่าแก่แน่นอน....วางแผนให้พวกตัวเด่นๆไปอยู่ในวัง แล้วค่อยฆ่าเอลเพราะว่าเอลต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้แผนเสียได้ แล้วค่อยฆ่าคนอื่นที่อยู่ในวังให้หมด แล้วนางก็จะได้เป็นพระราชา ครองแผนดินโดยมีลูกสมุนคือพวกอสูร ที่ๆพูดมาคือการคาดการณ์(เดา)ไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องแต่อย่างใด ถ้าข้าพเจ้าเดาผิด ขออภัยมาในที่นี้ ขอบคุนครับ
55555555  :hao7:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 27

   “ ฟาร์คัส เจ้าว่าข้าเป็นคนยังไงเหรอ ” คาร์บิลัสถามยิ้มๆ ทั้งๆ ที่กำลังใช้ดาบฟันหัวอสูรจนขาดกระเด็นไปไกล
   
ชาวภูตที่ถูกช่วยชีวิตอ้าปากค้างตาเบิกกว้างมองราชาปีศาจหวั่นๆ กล่าวขอบคุณกระตุกกระตักวิ่งหนีไปทางอื่น
   
ฟาร์คัสขมวดคิ้วเมื่อพบว่าคาร์บิลัสถามคำถามไร้สาระ “ งี่เง่า ไม่สมกับเป็นราชาปีศาจสักนิด ถ้าหากบอกว่าเป็นสุนัขสักตัวข้ายังจะเชื่อมากกว่าอีก ”
   
คาร์บิลัสหน้าหงอลงทันตาเห็น “ งั้นเหรอ.. ก็ข้าเป็นแบบนี้นี่นา ”
   
ครั้งที่ 3
   
ฟาร์คัสถอนหายใจแรงๆ กับตัวเอง เจ้าทำให้ข้าดูกลายเป็นคนที่ใจร้ายนะ คาร์บิลัส ข้าไม่ได้เป็นคนใจร้ายอะไรขนาดนั้นสักหน่อย ฉะนั้นเลิกทำหน้าเหมือนจะตายซากได้แล้ว “ เออๆ ข้าขอโทษ ข้าขอพูดใหม่อีกรอบ ”

   คาร์บิลัสยิ้มยืนรอฟังด้วยแววตาสนอกสนใจ
   
ฟาร์คัสมองข้าเป็นยังไงกันนะ ?
   
ฟาร์คัสหน้าขึ้นสีเมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังจะพูด ให้ตาย.. ข้านี่มันงี่เง่าชะมัด “ เจ้าเป็นคนแรกที่อ่อนโยนกับข้า ไม่ว่าข้าจะทำอะไรเจ้าก็ยังคงอยู่ข้างๆ ข้า เจ้าเป็นราชาปีศาจที่โง่ งี่เง่า งอนไร้สาระ บางทีก็ฉลาดในบางเรื่องจนน่าหงุดหงิด แต่ข้าก็ไม่เคยโกรธเจ้าได้จริงจังสักที ” ฟาร์คัสเหลือบมองคาร์บิลัสที่จ้องตาแป๋วก็หยุดพูดไปสักพัก “ แค่นี้พอ ”
   
คาร์บิลัสหัวเราะออกมาเสียงเบาอย่างพอใจ “ แต่ข้ามองว่าเจ้าเป็นอีกาที่น่ารักที่สุดนะ ”
   
ฟาร์คัสคิ้วกระตุก “ หุบปากไป ”
   
คาร์บิลัสยิ้มรับกับความหงุดหงิดของฟาร์คัสก่อนจะพุ่งไปคว้าตัวฟาร์คัสขึ้นมาอุ้มกระโดดออกจากที่พื้นที่ยืนอยู่ “ อย่ายืนบื้อ ไอ้มังกรโง่ ” คาร์บิลัสเอ็ดดัฟฟ์
   
ดัฟฟ์อ้าปากหวองุนงงแต่ก็รีบวิ่งด้วยขาสั้นๆ ตามออกมา
   
ฟาร์คัสกำลังจะกล่าวคำด่าใส่คาร์บิลัสด้วยความหงุดหงิด
   
เหตุผลที่ทำให้คาร์บิลัสอุ้มฟาร์คัสก็ปรากฎขึ้นมา
   
ตราเวทขนาดยักษ์ปรากฎตรงบริเวณที่เดิมทียืนกันอยู่ตัวอักษรเวทปรากฎขึ้นทีละตัวแสงวูบวาบชวนแสบตาต่างสีผลัดกันทอประกายตามตัวอักษรที่ปรากฎ
   
“ ปล่อยข้าลง ” ฟาร์คัสพูดเสียงเย็น
   
คาร์บิลัสหน้ามุ่ยยอมปล่อยฟาร์คัสยืนดีๆ อย่างทะนุถนอม
   
นกพิราบสีขาวเป็นสิ่งที่แรกที่ปรากฎออกมาจากวงเวทมันบินพึ่บพั่บมาเกาะฟาร์คัส ใช้หัวไถออดอ้อนราวกับคุ้นเคยกับฟาร์คัสมานาน
   
ฟาร์คัสเผลอยิ้มหยิบตัวนกพิราบออกจากไหล่มาถือไว้ สบมองดวงตาสีเหลืองอำพัน
   
นกเวทย์ของเอลล์
   
สาเหตุที่เจ้านกพิราบมาคลอเคลียกับฟาร์คัส คงจะเป็นเพราะเป็นเผ่าพันธุ์นกเช่นเดียวกับมัน ยิ่งขนาดตัวที่ใหญ่กว่าทำให้มันรู้สึกคุ้นเคยอยากเข้ามาคลอเคลีย
   
ถึงแม้จะเป็นเพียงเวทย์มนตร์
   
แต่ก็ยังคงสัญชาตญาณสัตว์เอาไว้อยู่ดี
   
“ ข้าว่าเจ้าเป็นพวกเนื้อหอมแน่ๆ เลยฟาร์คัส ” คาร์บิลัสหน้ามุ่ย “ ดูสิ ไม่ว่าตัวอะไรก็ชอบมาคลอเคลีย มายุ่งกับเจ้า อย่างล่าสุดก็ไอ้ราชาบ้าบอเมื่อกี้ ข้าว่าข้าต้องหึงเจ้าตายแน่ๆ ” คาร์บิลัสขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิง
   
“ เจ้าจะหึงข้าทำไมกัน ในเมื่อเจ้ากับข้ายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ” ฟาร์คัสแค่นเสียงหึ
   
“ อ๋า เจ้าเรียกความสัมพันธ์นี้ว่าไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ ฟาร์คัส ”
   
“ ใช่  เจ้าคิดไปเองคนเดียวทั้งนั้นแหละ ”
   
บางทีฟาร์คัสก็รู้สึกสนุกกับการราชาปีศาจอยู่เหมือนกัน
   
หน้าหงอยๆ นั่นทำให้ฟาร์คัสรู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก
   
คาร์บิลัสแสยะยิ้มทำเอาฟาร์คัสสะดุ้งในใจ
   
ยิ้มอะไร ?
   
คาร์บิลัสดึงตัวฟาร์คัสเข้ามาใกล้โน้มหัวลงจูบฟาร์คัสกดหัวอีกฝ่ายไม่ให้ขยับไปไหน เจ้านกพิราบสีขาวตีปีกพึ่บพั่บบินว่อนไปมาอยู่สักพักก่อนจะเปลี่ยนที่พำนักใหม่เป็นหัวของดัฟฟ์
   
ดัฟฟ์เหลือบมองเจ้านกบนหัวแล้วเช็ดน้ำลายที่ปาก
   
“ กินไม่ได้ๆ เดี๋ยวท้องเสีย แก๊ซ ”
   
ดัฟฟ์พูดพึมพำเหมือนกับกำลังปฏิญาณกับตัวเอง
   
มีน้องแล้วดัฟฟ์ต้องเป็นพี่ที่พึ่งพาได้
   
ถ้าดัฟฟ์ท้องเสียใครจะดูแลนาซัสล่ะ
   
ดัฟฟ์ไม่ได้สนใจสิ่งที่คาร์บิลัสกำลังกระทำแต่อย่างใด ความสนใจของดัฟฟ์พุ่งไปที่นาซัสจนหมดทำให้ดัฟฟ์ไม่เห็นภาพที่ชวนให้กลายเป็นมังกรใจแตกไปซะก่อน
   
คาร์บิลัสลุกล้ำเข้าไปในปากของฟาร์คัสอย่างอุกอาจ
   
ฟาร์คัสไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะมัวแต่มึนงงอยู่เผลอครางในลำคอก่อนที่จะได้สติ แววตาที่มึนงงเปลี่ยนผันเป็นเด็ดขาด มือเตรียมจะต่อยคาร์บิลัส
   
คาร์บิลัสผละออกมาทันทีแม้จะรู้สึกเสียดายก็ตาม

ถึงจะอยากทำอะไรแค่ไหน
   
แต่สภาพร่างกายต้องมาก่อน
   
เพราะดูๆ แล้วฟาร์คัสอาจเอาข้าถึงตาย
   
“ คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสเรียกเสียงเย็นสายตาเย็นชาถึงขีดสุด
   
คาร์บิลัสสะดุ้งลูบหลังเย็นวาบ “ มีอะไรงั้นเหรอ ฟาร์คัส ”
   
“ เดี๋ยวเจ้าก็รู้ !! ” ฟาร์คัสคำรามออกมา อารมณ์ดีๆ ที่มีหายไปจนหมดแทนที่ด้วยความหงุดหงิดจนแทบบ้า
   นี่ไม่ใช่เวลาที่ควรจะมาเล่นด้วยซ้ำ
   
นกพิราบสีขาวตกใจจนบินพึ่บพั่บกลับไปยังวงเวทที่มันเพิ่งออกมา มันบินไปเกาะเข้าที่ไหล่ของมารัสดังเดิม
   
ฟาร์คัสชะงักไปสักพักเมื่อมีชาวภูตอยู่เต็มไปหมด แล้วยังมีอริของข้าอีก..
   
กษัตริย์เมืองโฮรัสสะดุ้งสุดตัวเมื่อสบตาเข้ากับฟาร์คัสพอดี ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาด้วยความกลัว กลัวว่าถ้าหากมองนานอีกสักนิดจะถูกราชาปีศาจข้างๆ ฆ่าตาย
   
คาร์บิลัสยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของมนุษย์ที่กล้าจะทำร้ายฟาร์คัส
   
นี่ละ
   
ผลของการปองร้ายคนของราชาปีศาจ
   
มารัสลูบตัวของนกพิราบที่ตอนแรกบินหนีหายไประหว่างที่กำลังอยู่ในวงเวท มารัสเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยม เก่งกาจ ที่สุดในตอนนี้
   
ราชาปีศาจ !
   
มารัสสะดุ้งเพราะไม่คิดว่าจะเจอราชาปีศาจได้ง่ายๆ หันไปมองหน้าเกททินก็พบว่าอีกฝ่ายหน้าซีดเผือดเช่นเดียวกับตน
   
เอายังไงดี
   
การสื่อสารระหว่างสายตากำลังเกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน
   
เกททินมารัสแลกเปลี่ยนบทสนทนากันสักพักได้ความคือเผ่นเถอะ อย่าอยู่เลย
   
มารัสลูบตัวนกพิราบเป็นครั้งสุดท้ายแล้วขว้างมันใส่กษัริย์เมืองโฮรัส ใช้ขาสั้นๆ วิ่งถี่ยิบกระโดดโหยงเหยงหายไปพร้อมกับเกททิน
   
คาร์บิลัสเลิกคิ้วงงๆ
   
นี่ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ ?
   
“ อย่าลืมสิ ว่าเจ้ามีฐานะเป็นอะไร คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสพูดเบื่อๆ เจือความหงุดหงิดที่ยังคงอยู่
   
คาร์บิลัสทำท่าคิดไปสักพัก “ อ๋อ ใช่ ข้ามีฐานะเป็นสวามีของเจ้าไงล่ะ ฟาร์คัส ”
   
“ พูดให้มันดีๆ ” ฟาร์คัสกำมือแน่นเพื่อไม่ให้เผลอพลั้งมือไปทำร้ายคาร์บิลัสเพื่อระบายอารมณ์
   
ทั้งๆ ที่ข้าไม่ได้อยากจะหงุดหงิด แต่คาร์บิลัสก็ชอบทำให้ข้าหงุดหงิดจนได้
   
ราชาปีศาจงี่เง่า
   
“ นี่พวกเจ้าจะนิ่งกันอีกนานไหม จะไปไหนก็ไปสิ ” คาร์บิลัสเปลี่ยนเรื่องหันมาให้ความสนใจกับภูตที่ยืนนิ่งไม่กล้าขยับตัวไปไหนรวมถึงกษัตริย์นั่นด้วย
   
เมื่อได้รับคำอนุญาตชาวภูตก็วิ่งกันจ้าระหวั่นไปยังปราสาทเพื่อไปยังส่วนในที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้สำหรับดินแดนภูต

   กษัตริย์เมืองโฮรัสเพิ่งได้สติสบมองฟาร์คัสกับคาร์บิลัสหวาดๆ วิ่งตามชาวภูตไปทันที
   
นกพิราบสีขาวบินร่อนขึ้นไปบนท้องฟ้าและโฉบนำไปยังปราสาทก่อนทันทีเพื่อใช้แทนคำอนุญาตจากนายของมัน
   
คาร์บิลัสขมวดคิ้ว
   
“ มีอะไรงั้นเหรอ ? ” ฟาร์คัสเอ่ยถามเมื่อเห็นใบหน้าที่ปกติปัญญาอ่อนของคาร์บิลัสเคร่งเครียด
   
“ ข้าว่าตามพวกนั้นไปดีกว่า ข้ารู้สึกเหมือนจับอะไรแปลกๆ ได้ ” คาร์บิลัสแสยะยิ้มบนหลังปรากฎปีกคู่ยักษ์สีดำสนิทดูน่าเกรงขาม
   
ฟาร์คัสยิ้ม
   
มีประโยชน์เหมือนกันนี่..
   
ฟาร์คัสเรียกปีกขนกาของตัวเองออกมาบ้างปีกขนาดพอดีตัวเหยียดกางออกคลายความเมื่อยขบหลังจากห่างหายการใช้งานไปนาน
   
ดัฟฟ์มองซ้ายมองขวาก็พบว่าทั้งแม่และฆ่าบี้ลัสเรียกปีกของตัวเองออกมา
   
แก๊ซ ข้าก็มีปีกเหมือนกันน้า
   
ดัฟฟ์หลับตานึกถึงปีกมังกรของตัวเอง
   
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรปรากฎ
   
น้ำตาเริ่มนองหน้าดัฟฟ์
   
ฟาร์คัสส่งสีหน้าเหม็นเบื่อใส่ดัฟฟ์ “ เจ้ายังเด็กอยู่ ไม่ต้องร้องไห้ไปหรอก ถ้าเจ้าทำอะไรไม่ได้ ” ฟาร์คัสสะบัดข้อมือเบาๆ ทำให้บนหลังของดัฟฟ์มีปีกมังกรคู่เล็กงอกออกมาบ้าง
   
“ เอาล่ะ งานนี้พวกเราจะไปอย่างเงียบเชียบนะ ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “ จับหนูที่แอบอยู่ในกลุ่มแมวให้ได้ ! ”
   
เหตุผลที่คาร์บิลัสไม่ใช่เวทข้ามไปยังปราสาทเลยเพราะว่าต้องการแอบตามกลุ่มภูตเมื่อกี้เพื่อดูสิ่งปกติอย่างเงียบเชียบ

   
“ เจ้าควรจะเปรียบว่าแมวที่แอบอยู่ในกลุ่มหนูดีกว่านะ คาร์บิลัส ”
   
“ ก็เจ้านั่นสำหรับข้าเป็นแค่หนูนี่นา ”
   
“ ... "

----------------
ตอนนี้อัพดึกมาก   :katai5:

เป็นตอนเต็มของคาร์บิลัสฟาร์คัสชัดๆ 55555 # บอกทีว่าคาร์บิลัสคือพระเอกใช่ไหม  :mew3:

 :กอด1: ขอบคุณทุกคอมเมนต์จ้า
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ว้ายยยยย จิ้มๆๆๆๆ  :z13:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :monkeysad:

น่าสงสารคาร์บิลัส

ฮิมเป็นพระเอกที่รันทดที่สุดของปีนี้เลยค่ะ 555555 โดนฟาร์คัสเมิน เย็นชา แกล้ง แถมจะแอ้มทีต้องคิดหน้าคิดหลังระวังฟาร์คัสโกรธ

จบศึกนี้ยังไม่รู้ว่าฟาร์คัสจะให้รางวัลอะไรฮิมบ้างหรือเปล่าเลย จุ๊ๆๆๆ

;p ยังยืนยันว่าคาร์บิลัสเนี่ยเป็นพระเอกนะคะ ฮิฮิ  :hao3:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1

ข้าเป็นเด็กขี้อิจฉา..
   
ข้ารู้ตัวเองดี
   
เพราะฉะนั้นข้าก็จะทำให้ข้าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดซะ เพื่อที่ข้าจะได้ไม่อิจฉาอีกต่อไป
   
ต่อให้ต้องเหยียบหัวใจของใครก็ตาม

   
ภูตตัวเล็กผมสีเหลืองอ่อนถูกหวีอย่างเนียนกริบในตอนเช้าแต่ในขณะนี้มันกำลังยุ่งเหยิงคล้ายกับกำลังประท้วงอยู่กลายๆ ว่าขัดต่อนิสัยของเจ้าตัว
   
มือเล็กเกาะอยู่ที่ข้างต้นไม้หัวแอบยื่นไปดูภูตเด็กพอๆ กันกำลังฝึกเวทกับอาจารย์ของตัวเองอยู่
   
“ ยื่นมือของท่านออกมาแล้ววาดวงเวท ” เสียงทุ้มแหบต่ำกล่าว
   
ร่างที่ยืนตรงหน้าของร่างชรายื่นมือสั่นๆ ของตัวเองออกไป ลงมือวาดวงเวทตามที่บอก แต่สิ่งที่ได้ออกมากลับไม่ใช่วงเวทเป็นการเขียนที่กระจัดกระจายราวกับว่าไม่ได้จดจำในสิ่งที่เรียน
   
“ ท่านยังจำมันไม่ได้อีกหรือ ” เสียงราบเรียบแต่คำกล่าวที่ดูสุภาพแฝงไปด้วยคำตำหนิ
   
“ ขะ ข้าขอโทษ ” ว่าพลางก้มหน้านิ่ง สมองพยายามจดจำถึงสิ่งที่ตนเพิ่งได้ร่ำเรียน การวาดมือในอากาศเป็นตัวอักษรเวทง่ายๆ
   
ฟลอยด์แค่นเสียงหัวเราะหึ
   
อ่อนแอ
   
ไม่เหมาะสมกับการเป็นกษัตริย์ของเมืองนี้สักนิด
   
ร่างชราเหลือบมองมาทางต้นไม้ขวับ ดวงตาสีน้ำตาลกวาดไปมาเพื่อสำรวจถึงสิ่งผิดปกติที่รู้สึกได้เมื่อครู่ ก่อนที่จะกลับไปสนใจร่างของนักเรียนตัวเองอีกครั้งเมื่อพบว่าไม่มีอะไร
   
ภูตร่างเล็กถอนใจฟู่อย่างโล่งอก บนหัวเต็มไปด้วยเศษใบไม้ เมื่อกี้เขาเพิ่งใช้เวทเข้าแทรกซึมไปในต้นไม้เพื่อไม่ให้ถูกร่างชราจับได้
   
ฟลอยด์ขบกรามด้วยความหงุดหงิด
   
ถ้าหากข้ามีพลังเวทมากกว่านี้คงไม่ต้องทำอะไรน่าอดสูแบบนี้
   
ถ้าหากเจ้านั่นไม่กำเนิดขึ้นมาล่ะก็
   
ตำแหน่งก็ต้องเป็นของข้า
   
ไอ้ภูตตาบอด

   
เดิมทีเรื่องของเอลล์ ฟลอยด์เพิ่งมารู้ตอนแอบติดตามอาจารย์ของตัวเอง
   
เพราะท่านอาจารย์ที่เขาชอบมักจะปลีกตัวไปสอนใครบางคนอยู่เสมอและในช่วงหลังก็ห่างหายไปเลย เขาที่เพิ่งเจอครั้งล่าสุดก็ลองแอบติดตามไปด้วยเวทที่เพิ่งถูกสอนไปหยกๆ
   
อย่าดูถูกข้าเชียว
   
ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่ว่าที่กษัตริย์แต่พลังเวทย์ของข้าก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน
   
ฟลอยด์ลอบติดตามท่านอาจารย์อย่างเงียบเชียบและต้องตกใจเมื่อมาถึงสถานที่นัดพบของท่านอาจารย์และใครบางคนที่ว่า
   
ลานประลองที่ไม่ได้ใช้แล้วถูกปรับสภาพใหม่ให้กลายเป็นลานฝึกหรูหรา
   
ท่านอาจารย์ค้อมกายเคารพเจ้าเด็กภูตนั่นก่อนจะเรียกเจ้านั่นว่าเอลล์
   
ทำไมต้องทำความเคารพเด็กนั่นกัน ?
   
ท่านเป็นถึงอาจารย์ที่เก่งด้านที่เวทย์ที่สุดในโรงเรียนเชียว
   
ฟลอยด์พยายามเข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบและแอบฟังบทสนทนาของท่านอาจารย์
   
“ ท่านเป็นถึงว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไปเลยนะขอรับ ท่านเอลล์ ”
   
คำพูดนอบน้อมของท่านอารจารย์ฟังขัดหูข้า
   
ว่าที่กษัตริย์ !?
   
ไอ้เด็กตาสองสีท่าทางอ่อนแอนี่เนี่ยนะว่าที่กษัตริย์
   
ตลกร้ายแล้ว !

   
หลังจากนั้นฟลอยด์ถึงได้รู้ว่าเอลล์นั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง
   
ว่ากันว่า
   
สายเลือดเดียวกันยังไงก็เกลียดกันไม่ลงอยู่ดี
   
คงจะเป็นข้อยกเว้นสำหรับฟลอยด์
   
เมื่อฟลอยด์รู้เรื่องนี้ก็ฝึกฝนตัวเองทันที
   
เวทย์ที่เดิมทีมีไม่พอสูสีเอลล์ก็สูสีกับเอลล์เพราะการฝึกฝนอย่างหนักของฟลอยด์
   
ความเกลียดของฟลอยด์ก็เช่นกัน
   
ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทุกทียามที่ได้ยินชื่อ การกระทำ ของอีกฝ่าย
   
จวบจนกระทั่งวันนึงที่อีกฝ่ายได้ขึ้นเป็นราชาของดินแดน
   
ทุกสิ่งในดินแดนกำลังเฉลิมฉลอง รอยยิ้มประดิษฐ์ของฟลอยด์ถูกส่งไปให้ร่างภายใต้หน้ากากสวยงาม
   
ยิ้มให้ตายก็ไม่เห็นหรอก
   
พวกโง่
   
ฟลอยด์ให้นิยามกับผู้ที่ส่งยิ้มให้กับราชาของดินแดนตัวเอง
   
แล้ววันหนึ่งวันที่ฟลอยด์ต้องการก็ได้มาถึง
   
การได้เป็นกษัตริย์
   
ถึงแม้จะเป็นเพียงการปลอมตัวแต่นั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
   
ความเกลียดของฟลอยด์ถูกปิดบัดด้วยท่าทางขี้เล่น ขี้แกล้ง
   
ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ยกเว้นเพียงแต่เจ้าตัว
   
การเล่นเป็นกษัตริย์ชั่วคราวสำหรับฟลอยด์แล้วเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่
   
เพื่อประกาศว่าตัวเองนั้นมีดีกว่าไอ้ภูตตาบอดอ่อนแอ ทั้งพลังเวทย์ การบัญชารบ การเรียกขวัญกำลังใจ ไม่ใช่ไปมุดหัวอยู่ในที่ปลอดภัยรอพันธมิตรที่อีกฝ่ายต้องการนักหนาออกมาช่วย
   
ลึกๆ แล้วฟลอยด์เห็นด้วยกับการทำพันธมิตร
   
แต่ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ไอ้ภูตอ่อนแอนั้นต้องการ
   
ข้าก็จะต่อต้านมัน

------------

ตอนนี้สั้น 5555555 แต่อยากเล่าที่มาของฟลอยด์ที่ทุกคนชอบค่ะ  :mew1: # รึเปล่า

 :L1: ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ
      
   
       

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เงิบ

ฟลอยด์นี่จะเป็นคนทรยศหรือเปล่านะ?

เบื้องหลังมีกันกี่คน??

หนูเอลล์แค่เกิดมาก็โดนหมั่นไส้ละ อาภัพจริงๆ :monkeysad:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เหมือนพลิกอีกแล้วววว

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฝอยเป็นเคะแน่ๆแกเป็นเคะแน่ฝอย...ฉันรู้ฉันเห็น... o18

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
เงอะะะะะะ เด็กขี้อิจฉาาาาาาาาาาาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 28 5 ต.ค 58
«ตอบ #250 เมื่อ05-10-2015 22:40:18 »

--- ตอนที่ 28 ---
   
แค่ระยะเวลาสั้นๆ ..
   
ข้าก็รู้สึกถึงความมีอำนาจ
   
ถ้าหากข้าใช้อำนาจนี้ในการกระทำสิ่งต่างๆ ที่ข้าอยากทำเพื่อแดนภูต
   
คงจะดีไม่น้อย
   
ฟลอยด์เหยียดยิ้มกับตัวเอง กระชับเสื้อคลุมรุ่มร่ามของกษัตริย์ที่เลียนแบบมาจากคนที่ตัวเองเกลียดนักหนา เหลือบมองอดีตราชาภูตที่มองมานิ่งๆ
   
“ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ” เมเออร์พูดเสียงเรียบ ร่างชราร่างนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ย่อมมองผู้อื่นออกว่าซุกซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ในจิตใจ “ แต่ข้าจะทำเป็นไม่เห็นไปก่อน เพื่อดินแดนภูต ”
   
ฟลอยด์ยิ้มรับ

รู้ก็ดี
   
อย่าขัดขวางข้าเป็นพอ
   
“ ข้าว่าแกนนำหลักคงจะลอบเข้าไปข้างในแน่ๆ ไปยังที่เก็บดาบศักดิ์สิทธิ์ ” แววตาของฟลอยด์เปลี่ยนเป็นจริงจังเมื่อพูดถึงสิ่งสำคัญของดินแดนภูต
   
ดาบศักดิ์สิทธิ์..
   
ว่ากันว่าเป็นดาบที่ถือกำเนิดมาพร้อมกับดินแดนภูต ซึ่งจะนำมาใช้แค่ในพิธีสำคัญๆ ของดินแดนภูตเท่านั้น ในเวลาปกติจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีด้วยยามพิทักษ์แห่งดาบ เป็นวิญญาณเอลฟ์เผ่าพันธุ์ที่คงเหลืออยู่จากสงครามปีศาจ ซึ่งวิญญาณเอลฟ์ในตอนนี้ก็น่าจะใกล้สลายไปแล้ว
   
มีหลายสิ่งในดินแดนภูตที่ถูกผูกชีวิตไว้กับกำแพงไม้เลื้อย
   
เพราะคิดว่ามันจะดำรงอยู่เป็นอมตะ
   
จึงผูกชีวิตไว้กับมัน
   
ภูตบางตนทำสัญญากับกำแพงไม้เลื้อย จนมีอายุขัยที่ยืนยาวกว่าปกติเป็นเท่าตัวทั้งๆ ที่ภูตปกติก็อายุยาวอยู่แล้ว แต่เวทบทนี่ค่อนข้างเสี่ยงถ้าหากใช้มัน
   
หากกำแพงภูตพังทลาย
   
ชีวิตย่อมหาไม่เช่นกัน
   
ราชาของดินแดนภูตส่วนใหญ่จึงไม่ผูกชีวิตไว้กับมัน
   
เพียงแค่ดูแลมันอย่างดีมาเรื่อยๆ
   
“ งั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้วกัน ” ฟลอยด์โน้มตัวอย่างนอบน้อม
   
เมเออร์แค่นเสียงเหอะ
   
แววตาของฟลอยด์เปลี่ยนเป็นเฉียบคมแต่ก็ไม่ได้ทำให้เมเออร์สะดุ้งแต่อย่างใด ฟลอยด์กระโดดไปบนต้นไม้ใช้เวทพยุงตัวมุ่งหน้าไปยังส่วนในของปราสาท
   
เมเออร์มองตามร่างที่ตนใช้เป็นกษัตริย์แทนเอลล์และถอนหายใจ
   
ข้ารู้ดีว่ามันเสี่ยงถ้าจะใช้เจ้านี่
   
แต่ถ้าหากไม่ใช้มันดินแดนภูตคงวอดวายได้ง่ายๆ
   
เมเออร์ไม่เคยเชื่อใจลูกของตัวเอง
   
ถึงจะมีพลังเหลือเฟือแต่กลับใช้ไปในทางที่แม้แต่ข้ายังไม่อาจเข้าใจ
   
ทำไมถึงไม่สร้างกำแพงขึ้นมา ?
   
เป็นคำถามคาใจเมเออร์มาตลอด
   
เมเออร์ไม่เคยยอมรับแนวคิดของเอลล์เรื่องพันธมิตร
   
ไม่เคยแม้แต่จะให้มันมาอยู่ในความคิดด้วยซ้ำ
   
เสี่ยงเกินไป
   
จนกระทั่งมันสายเกินไปอย่างตอนนี้
   
แต่เมเออร์ไม่โทษเอลล์
   
เพียงแค่ใช้คนอื่นมาเป็นตัวแทนเท่านั้น
   
เมเออร์รู้ดีว่ามันอาจจะทำให้เอลล์ต้องเสียใจ
   
แต่สำหรับเมเออร์แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในฐานะกษัตริย์มีเพียงดินแดนภูตเท่านั้น
   
เปรียบกับตาฃั่ง
   
ดินแดนภูตคงหนักจนตาชั่งพัง
   
ความรู้สึกของเอลล์คงเพียงแค่ฝุ่นผงเท่านั้น

   
การเดินทางของฟลอยด์กินเวลาไม่นานมากนักเพราะเจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจจะลงไปดูพื้นที่เสียหายสักเท่าไหร่ ยามใดที่เจออสูรขวางทางก็เพียงฆ่ามันในพริบตา สะบัดข้อมือเบาๆ ใช้เวทเยียวยาเบื้องต้นเมื่อผ่านภูตที่บาดเจ็บ
   
แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับแปลก
   
ชาวภูตหายเป็นปกติทันทีเพียงแค่เคล็ดยอกนิดหน่อย
   
เรียกความเลื่อมใสต่อองค์กษัตริย์กลับมาได้ทันที
   
ฟลอยด์เพียงยิ้มอย่างพอใจ
   
มันจะยากแค่ไหนเชียว
   
กลับการแย่งตำแหน่งจากพวกอ่อนแอ
   
ตูม !!
   
เสียงระเบิดดังขึ้นไกลๆ เรียกให้ฟลอยด์หันไปสนใจ ความคิดแวบเข้ามาในทันทีคือการดึงความสนใจ ฟลอยด์ไม่หยุดการเดินทางแต่อย่างใด หนำซ้ำยังเร็วยิ่งกว่าเดิมจนเท้าเหยียบอยู่ตรงหน้าประตูปราสาทส่วนใน
   
“ ท่านราชา !! ” ชาวภูตที่เฝ้ายามอุทานออกมาพร้อมกันอย่างตกใจน้อมตัวทำความเคารพ เนื้อตัวหมดจดทำให้รู้ว่ายังไม่มีอสูรหรือกบฎใดๆ สามารถเข้ามาถึงได้ในปราสามส่วนใน
   
เพราะยามเฝ้าประตูคงไม่คณามือพวกมัน
   
แววตาของฟลอยด์เย็นเยียบจับจ้องไปยังผู้รักษาตัวประตูอย่างกดดัน“ เปิดประตูให้ข้า ”
   
ภูตที่เฝ้ายอมสะดุ้งเพราะราชาภูตของตนเดิมมักจะเป็นผู้ที่อ่อนโยนสุภาพเสมอแต่ในตอนนี้กลับแข็งกระด้างเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยว ภูตยามทั้งสองอนุมานว่าอาจจะเป็นผลมาจากศึกสงครามจึงตอบรับกันอย่างขันแข็งและเปิดประตูให้ทันทีโดยไม่ตรวจสอบแต่อย่างใด
   
เพียงแค่กลื่นอายเวทของบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็มากพอให้รู้สึกสั่นสะท้านแล้ว
   
ร่างในชุดกษัตริย์เข้าไปด้านในทันที ทิ้งไว้เพียงรอยจางๆ สำหรับผู้พบเห็น ความเร่งรีบความฟลอยด์มาพร้อมกับความร้อนรนในจิตใจ กลัวว่ากบฎอาจจะเป็นขุนนางภายในแทรกซึมเข้ามาและอาจไปถึงดาบศักดิ์สิทธิ์ก่อน
   
นกพิราบสีขาวที่กำลังเกาะอยู่บนหัวของกษัตริย์เมืองโฮรัสตีปีกเข้ามาขวางกั้นฟลอยด์ราวกับกำลังทักทาย ตีปีกบินว่อนไปมาตามสัญชาติญาณ ขนปีกสีขาวปลิวว่อน
   
ฟลอยด์เบิกตากว้างใช้มือปัดนกพิราบออกทันที หยุดชะงักร่างของตัวเองไว้กลางอากาศ
   
นกพิราบที่ถูกแรงตบจากฟลอยด์ร้องแกว้กๆ เหมือนประท้วง ขนปีกของมันร่วงไปแถบหนึ่งเลยทีเดียว มันสะบัดหัวสองสามทีและบินร่อนกลับไปซุกอยู่ที่หัวสีน้ำตาลของกษัตริย์เมืองโฮรัสเช่นเดิมโดยไม่สนใจคำสบถด่าของเจ้าของหัวแต่อย่างใด
   
ฟลอยด์ที่เดิมทีเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาไปข้างหน้าเพื่อไปยังที่ซ่อนลับของดาบศักดิ์สิทธิ์จึงไม่ได้สังเกตพื้นที่โดยรอบแต่อย่างใดว่า เพราะคิดว่าเพียงในบริเวณนี้ย่อมมีเพียงชาวภูตชั้นสูงระดับขุนนางหรือเจ้านายอาศัยอยู่จำนวนหนึ่ง แต่พอสังเกตกลับพบว่ามีชาวภูตธรรมดากับพวกต่างดินแดนเกาะกันเป็นกลุ่ม กลุ่มใหญ่เป็นกลุ่มของชาวภูตธรรมดาที่กำลังชี้มาทางเขาพร่ำเรียกถึงชื่อกษัตริย์อย่างศรัทธา ส่วนอีกกลุ่มเล็กๆ คือภูตชั้นขุนนางกับเจ้านายเกาะกลุ่มกันส่งสีหน้าไม่พอใจราวกับกำลังประท้วงว่าเขาผิด
   
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?
   
ใบหน้าภายใต้หน้ากากงุนงงถึงขีดสุด ร่อนตัวลงมาเหยียบบนพื้นระหว่างสองกลุ่ม ในหัวคิดไต่ตรองถึงสิ่งที่เห็นตั้งแต่เข้ามาที่แห่งนี่
   
ฟลอยด์เบิกตากว้างเมื่อรู้ถึงเหตุผลที่ทำให้ชาวภูตธรรมดาเข้ามาอยู่ในปราสาทส่วนในได้
   
นกพิราบสีขาวแทนคำอนุญาติ
   
ไอ้โง่ !!
   
ดวงตาของฟลอยด์ขึ้นสีแดงก่ำด้วยความโมโห เพราะการเอาคนนอกเข้ามาข้างในก็เหมือนกับว่าชักศึกเข้าบ้านอยู่กลายๆ ที่ปราสาทส่วนในอนุญาตให้เพียงขาวภูตระดับขุนนางกับชั้นสูงๆ ชั้นอื่นอยู่ได้เพราะความไว้ใจ
   
แล้วในกลุ่มนี้มันมีพวกแปลกแยกไหม
   
ฟลอยด์คิดอย่างโมโหกวาดสายตาภายใตหน้ากากมองรวมๆ ทั้งกลุ่ม
   
เเสียงเดิมทีที่มีทั้งเสียงสรรเสริญ เสียงจอแจคุยกัน เปลี่ยนเป็นเงียบกริบทันที
   
ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดแม้แต่นิดเดียวเมื่อเห็นราชาของตัวเองกำลังใช้สมาธพิจารณาอะไรบางอย่าง
   
ไม่มี
   
ไม่มี
   
ไม่มี !!
   
ฟลอยด์แทบคำรามออกมาด้วยความโมโห แต่ยังอยากรักษาภาพลักษณ์กษัติรย์อันทรงเกียรติของตัวเองไว้ กวาดสายตาไปรอบๆ พบเพียงแววตาชื่นชมของชาวภูติที่มีต่อเขาเท่านั้น ส่วนดินแดนจ้องมาอย่างหวาดๆ เหมือนกับกำลังหวาดกลัว
   
ช่างมัน
   
ฟลอยด์ตัดสินใจไปยังที่ซุกซ่อนดาบศักดิ์สิทธิ่ปล่อยให้กบฎที่อาจแทรกซึมเข้ามาอยู่ในนี้ต่อไป เพราะลองชั่งน้ำหนักในหัวดูถึงความสำคัญของทั้งสองอย่างแล้ว
   
ดาบศักดิ์สิทธิ์มีพลังเวทย์มหาศาลจนไม่สามารถควบคุมมันได้
   
เพราะถ้าควบคุมมันได้อาจจะเป็นอันตรายต่อทุกชีวิตในดินแดนภูต
   
เพราะดาบศักดิ์สิทธิ์ได้ผนึกพลังเวทย์ของบุตรแห่งสงครามไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะตาย
   
นับว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่บุตรแห่งสงครามทิ้งไว้ให้กับดินแดนภูต
   
"คาร์บิลัสเจ้าจะรีบอะไรนักหนาวะ ! ” เสียงตะโกนดังลั่นพร้อมกับเสียงกระแทกเข้ามาของประตู พายุลูกย่อมพัดเข้ามาจนข้องในห้องโถงปลิวว่อน ขนนกทั้งสีดำและสีขาวปลิวว่อนตัดกัน รางผ้าม่านสีทองส่งเสียงกึกๆ หมวกชาวภูตปลิวว่อน
   
ผู้ที่ทำให้เกิดทั้งพายุ ความยุ่งเหยิง ทรงผมทรงใหม่ กำลังหัวเราะอย่างไม่มีพิษมีภัยให้กับอีกาของตัวเอง “ ก็ข้าอยากรู้นี่นาว่า ใครเป็นหนูในแมว ”
   
“ เออ ” ฟาร์คัสกระแทกเสียงหงุดหงิด ในมืออุ้มดัฟฟ์ที่มีปีกแต่กลับบินได้ช้าจนน่ารำคาญจนต้องกระเตงมาด้วย
   
“ หนูสกปรก หนูสกปรก ” ดัฟฟ์พูดอย่างร่าเริงในมือยังคงอุ้มนาซัสอย่างเหนียวแน่น
   
ฟลอยด์ถึงกับสะดุ้งเมื่อพบว่าคนที่บุกรุกเข้ามาข้างในเป็นคนที่เพิ่งแยกกันมา “ เข้ามาทำอะไร ? ” น้ำเสียงที่ใช้เป็นน้ำเสียงเด็ดขาดไม่มีความล้อเล้นใดๆ
   
ฟาร์คัสเลิกคิ้วงงๆ  เมื่อกี้ยังเล่นกับข้าอยู่เลย ตอนนี้เปลี่ยนบทเป็นกษัริย์แล้วสินะ ฟาร์คัสหันไปสบตาคาร์บิลัสเชิงให้อีกฝ่ายตอบแทนตัวเองเพราะขี้เกียจ
   
“ พวกข้ามาล่าหนู ” คาร์บิลัสตอบเสียงเรียบไร้ความขี้เล่นเหมือนกับว่าไม่ใช่บุคคลเดียวกับที่เพิ่งหัวเราะไป ดวงตาสีเทาจองเขม็งไปยังบุคคลหนึ่งในกลุ่มภูตทันที
   
เจอแล้ว
   
คาร์บิลัสคิดในใจแต่ยังไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมานอกจากส่งสายตาไปหาฟาร์คัสเชิงอวด
   
ฟาร์คัสกลอกตาเซ็งๆ “ เออ ไอ้เก่ง ”
   
คาร์บิลัสยิ้มออกมาทันที
   
“ หนูอะไรของพวกเจ้า ” น้ำเสียงส่อถึงความงุนงง ซึ่งคำถามของฟลอยด์ก็ตรงกับความคิดของใครหลายๆ คนในที่แห่งนี้
   
ร่างที่ถูกคาร์บิลัสจ้องแสยะยิ้มชูมือขึ้นสองมือเชิงยอมแพ้ “ ว้า แย่จัง โดนจับได้ซะแล้ว ” สิ้นคำพูดก็เกิดระเบิดควันทันที
   
คาร์บิลัสกระพือปีกเพียงครั้งเดียวแรงๆ ฝุ่นที่ว่าก็หายไปจนหมด
   
ตรงกลางปรากฎร่างที่เพิ่งทำระเบิดควันไป
   
ดิ้นขลุกขลักด้วยสีหน้าไม่พอใจปากพึมพำบ่นคำหยาบคายขัดกับใบหน้าหมดจด
   
“ เป็นถึงราชาปีศาจ ก็จับได้ดิ เจ้าโกงข้า ! ”
   
คาร์บิลัสไม่เล่นกับหนูจึงกำมือแน่นทำให้เวทบ่วงรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม
   
เสียงฮือฮาของชาวภูตที่เพิ่งเดินทางมากับบุคคลต้องสงสัย คุยกันเสียงดังเพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะเป็นหนูอย่างที่ราชาปีศาจว่า การวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนยังอยู่ในหัว
   
“ เงียบ ! ” คาร์บิลัสตวาดพร้อมแผ่กลิ่นอายปีศาจของตัวเองออกไป
   
ครอบงำจิตใจที่อ่อนแอของชาวภูตให้หวาดกลัวจนไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมาให้รำคาญ
   
ฟลอยด์กัดฟันแน่นหลับตาเรียกพลังของตัวเองออกมาต้านคาร์บิลัสแต่ก็ไม่เป็นผลจึงเลือกที่จะตั้งรับแทนปล่อยให้กลิ่นอายครอบงำตัวและผ่านไป
   
หนูที่ถึงจับอยู่ใกล้กับคาร์บิลัสมากที่สุดกลับไม่ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าเอาแต่โวยวายอย่างไม่พอใจ “ โกงๆๆ เจ้ามันโกงที่สุดเลย ราชาปีศาจ ! ” ไม่แน่ใจเพราะยังคงรู้สึกขัดใจหรืออะไรถึงได้ลืมกลัวอะไรบางอย่างที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกาย
   
ฟาร์คัสเริ่มรำคาญจึงปริปากพูดบ้าง “ โกง บ้าอะไรของเจ้า ก็ไอ้แพะงี่เง่านี่มันเก่ง ส่วนเจ้ามันอ่อนแอเอง ช่วยไม่ได้ ”
   
น้ำตาถึงกับคลอเบ้าเมื่อโดนคำพูดจี้ใจดำ
   
“ ฮือๆๆ เจ้ามันแย่ที่สุด ท่านลุงของข้ายังไม่เคยตำหนิ ข้าแบบนี้เลย ”
   
“ ก็นั่นมันลุงเจ้า ไอ้โง่ ” ฟาร์คัสพูดอย่างเย็นชา ไม่สงสารเด็กภูตตรงหน้าแต่อย่างใด
   
“ ฮืออ โกงๆๆ คอยดูนะ ถ้าลุงข้าได้ดาบเมื่อไหร่พวกเจ้าไม่รอดแน่ ! ” เพราะความน้อยใจปนโกรธทำให้เผลอพูดความลับที่ถูกเก็บงำเอาไว้อย่างเผลอตัว ร่างที่โดนตราหน้าว่าเป็นหนูเบิกตากว้างร้องไห้ออกมาทันที “ ฮืออ ถ้าท่านลุง รู้ว่าข้าพูด ท่านต้องเอาข้าตายแน่ๆๆ ฮืออ ”
   
ฟลอยด์ยื้มเมื่อได้เบาะแสมาอย่างไม่ตั้งใจ “ งั้นช้าขอฝากเจ้าเด็กนี้ไว้ก่อนแล้วกัน ”  ค่อยมารีดเค้นถึงลุงของมันทีหลัง สิ่งที่รู้ในตอนนี้คือมีภูตใฝ่สูงบางตนกำลังมุ่งหน้าไปเอาดาบเช่นเดียวกับเขา !
   
สิ้นความคิด ฟลอยด์มุ่งหน้าไปต่อทันที
   
ไม่สนใจจะพูดอะไรไร้สาระอีกต่อไป
   
ภาพต่างๆ กลายเป็นภาพเลือน ก่อนจะค่อยๆ มืดลงเรื่อยๆ
   
มีผลมาจากความเร็วของฟลอยด์และสถานที่
   
สถานที่ที่เก็บดาบไว้คือชั้นใต้ดิน
   
มีเพียงกษัตริย์และขุนนางไม่กี่คนที่รู้เท่านั้น
   
ทุกอย่างตีวงแคบลงมาเรื่อยๆ ทำให้ฟลอยด์สามารถค้นหาตัวหัวหน้ากบฎได้ไม่ยาก
   
ฟลอยด์ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
   
ถ้าหากข้ากำจัดหัวหน้ากบฎได้ ข้าก็อาจจะได้ตำแหน่งกษัตริย์มาครอง !

   
เอลล์เผลอชะงักขาที่ก้าวเดิน ผมสีเหลืองอ่อนพลิ้วตามลม
   
“ มีอะไรงั้นเหรอ เอลล์ ” ลุกซ์หันหน้ามาถาม
   
เอลล์ไม่ตอบเพียงหลับตาเพราะรู้สึกถึงพลังอะไรบางอย่าง
   
กลิ่นหอมจากน้ำหอมดอกไม้โบราณ ?
   
กลิ่นคาวเลือดปีศาจกลบรุนแรงจนเอลล์ขมวดคิ้ว
   
พลังเวทย์อ่อนโยนที่คุ้นเคย
   
เอลล์เบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าผู้ที่มาเยือนคือใคร
   
ผู้พิทักษ์ดาบ !
   
เอลล์ลืมตาขึ่นมาพอดีกับการปรากฎตัวของเอลฟ์ผู้พิทักษ์ดาบ
   
รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาให้เอลล์โดยไม่มีคำพูดอะไร สีของวิญญาณจางลงจากที่พบการล่าสุดอย่างน่าใจหาย
   
หนึ่งในสิ่งที่ถูกผูกไว้กับกำแพงไม้เลื้อย..
   
ดาบศักดิ์สิทธิ์ถูกทำพันธะสัญญากับกำแพงโดนท่านมิลแลนด์
   
ผู้สร้างกำแพงไม้เลื้อย
   
“ หน้าเจ้าดูซีดลงนะ เอลล์ ” เสียงทุ้มแหบพร่าฟังแล้วรู้สึกถึงความนุ่มนวลดังแผ่วเบาราวกับขนนกที่ตกลงบนนุ่น
   
“ ทะ ท่านเฮฟฟิน ” เอลล์ครางในลำคออย่างไม่เชื่อสายตา “ แล้ว ท่านเอาดาบศักดิ์สิทธิ์มาด้วยทำไมกัน ? ”
   เฮฟฟินยิ้มมุมปากยื่นดาบในแนวขวางให้กับเอลล์มือข้างนึงจับด้ามมือข้างนึงประคองปลายแหลมคม “ ฝากไว้ที่เจ้าไงล่ะ เอลล์ ”
   
“ ท่านหมายความว่ายังไงกัน ? ” เอลล์ไม่กล้ารับมา
   
“ ข้ากำลังจะหายไปแล้วล่ะ ” เฮฟฟินยิ้ม “ ดาบที่ข้าพิทักษ์มานานฝากไว้กับเจ้าแล้วกัน ”
   
“ ข้าไม่กล้ารับไว้หรอก ท่านเฮฟฟิน ”

   “ รับไว้สิ เวลาข้ามีไม่มากหรอก เอลล์ ” เฮฟฟินกล่าวเร่งรัด
   
เอลล์ถึงยอมยื่นมือไปรับดาบมาถือ
   
เฮฟฟินยิ้มอย่างพอใจ “ ให้มันกับคนที่คู่ควร เอลล์ ”
   
กล่าวทิ้งท้าย
   
ก่อนที่จะหายไป
   
กลับคืนสู่วัฎจักรอันคดเคี้ยว
   
เอลล์จ้องดาบในมือด้วยความหนักใจ
   
พลังอำนาจที่แผ่ออกมานั้นแค่ถือเขายังรู้สึกหวาดๆ แต่ก็รู้สึกว่าควบคุมมันได้เหมือนกับคทาเวทที่ใช้อยู่เป็นประจำ ราวกับว่าเคยเป็นเจ้าของมาก่อน
   
ลุกซ์มองหน้าเอลล์สลับกับดาบ
   
“ งานหนักอีกแล้วสิ ”
   
และถอนหายใจ

------------------

TBC.  :katai5:

# หมายเหตุชื่อตอน ตั้งเองงงเองค่ะ 555555555 เอาเป็นว่าตอนนี่ตอน28 แล้ว ตอนอื่นที่ 26 ไรงี้เราเบลอค่ะ

สงสัยจะอัพดึกเกินไป สมองเลยงงๆ

# คุยเล่นกับคนอ่าน

ทำไมมีแต่คนว่าฟลอยด์เป็นเด็กขี้อิจฉาาา  :sad4: แต่เราชอบนางค่ะ 55555 

   
   
   
   

   
   
   
   

   

   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 28 5 ต.ค 58
«ตอบ #251 เมื่อ05-10-2015 22:58:45 »

ฟลอยด์ไม่ได้ทรยศ

แล้วที่ทรยศนี่ใคร

ปอลิง งานนี้ฟาร์คัสใช้งานคาร์บิลัสจนคุ้มเลย สงสัยคาร์บิลัสจะเข้าข่ายเกลียมัวซะแล้ว โฮะๆ  :laugh:

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 28 5 ต.ค 58
«ตอบ #252 เมื่อ06-10-2015 22:57:28 »

งง เล็กน้อยเมื่อถึงฉากจับหนู. แต่ทำไมคาเล็กเตอร์หนูคล้ายจิ้งจอก =.,=

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 28 5 ต.ค 58
«ตอบ #253 เมื่อ06-10-2015 23:26:28 »

ผู้พิทักษ์ดาบออกมาไม่กี่ประโยค แต่ภาพในหัวมาเป็นฉากๆ เลยอ่ะะะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 28 5 ต.ค 58
«ตอบ #254 เมื่อ10-10-2015 03:49:25 »

มันจะโอเคเนาะ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
--- ตอนที่ 29 ----
   
เสียงผ้าคลุมกษัตริย์ถูกลมพัดตีแรงจนเกิดเสียงดังเช่นเดียวกับหน้ากากที่สวมอยู่ใกล้จะปลิวออกจากใบหน้าเต็มทน ฟลอยด์แทบจะระเบิดพลังที่ตัวเองมีทั้งหมดพุ่งเข้าไปและกระแทกตัวเข้ากับประตูลับห้องใต้ดินที่เก็บรักษาดาบเอาไว้
   
โครม !!
   
ประตูที่เดิมที่ถูกผูกไว้กับกำแพงเช่นเดียวกับเฮฟฟินแตกเป็นเสี่ยงๆ
   
นัยน์ตาของฟลอยด์ขึ้นสีแดงก่ำเมื่อกวาดตามองไปยังแท่นสลักโบราณแล้วไม่พบอะไร
   
ไม่มีดาบ
   
ฟลอยด์ขบเคี้ยวฟันด้วยความโมโหเพราะลงมาแล้วไม่เจอกระทั่งไอ้กบฏตัวนั้นด้วย
   
แล้วผู้พิทักษ์ดาบล่ะ ?
   
ห้องสี่เหลี่ยมตัดขนาดเท่ากันทุกสัดส่วนถูกเขียนด้วยอักขระเวททุกกระเบียดนิ้วไม่เว้นกระทั้งโคมไฟที่ส่องไฟสลัวติดๆ ดับๆ ใกล้จะแตกเต็มทน ทุกอย่างในห้องนี้กำลังสั่นสะเทือนพร้อมกับกำแพงด้านนอกที่ถูกทำลายไปทีละส่วน อักขระเวทเริ่มขยับเคลื่อนไปมาชวนให้ตาลายแสงสว่างบ้างมืดบ้างปรากฏวูบวาบ
   
ตายไปแล้วมั้ง
   
ฟลอยด์จิ้ปากเซ็งๆ เข้ามาในนี้ไม่เจออะไรเลยนอกจากห้องพังๆ สักห้อง ฟลอยด์ตัดสินใจกลับไปห้องโถงอีกครั้ง แต่พลันสายตาถูกอะไรบางอย่างเรียกให้สนใจเอาไว้ก่อน
   
ภูตร่างเล็กกำลังเดินลงบันไดมาอย่างรีบเร่ง
   
“ ทะ ท่านฟลอยด์ ”
   
ไซริน .. ภูตที่คอยดูแลเอลล์
   
แววตาของฟลอยด์ฉายแววดุร้าย “ เจ้าเข้ามาทำอะไรที่นี่ ! ” มือคว้าคออีกฝ่ายทันที
   
ไซรินตะเกียกตะกายหน้าซีดเผิอด “ ขะ ข้าจะมาดูว่าดาบศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ไหม ”
   
ฟลอยด์แค่นเสียงหึ “ ในเมื่อเจ้าเอาไป เจ้าจะดูทำไมล่ะ ”
   
ไซรินขมวดคิ้วโกรธๆ “ ถ้าข้าเอาไป ข้าจะอยู่ให้เจ้าจับทำไม ” ดินแดนภูตเป็นสิ่งสุดท้ายที่ไซรินคิดจะทรยศ จะมีสักกี่คนกันที่จะทรยศดินแดนที่ตัวเองถือกำเนิดได้ลงคอ ความพินาศที่เกิดกับดินแดนตัวเองไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เหมือนกับการจิบชากินขนมหรอกนะ
   
“ ไม่รู้ล่ะ เจ้าถือว่าเป็นผู้ต้องสงสัย ” ฟลอยด์หนีบไซรินไว้ด้วยแขนข้างเดียวกึ่งวิ่งกึ่งบินอีกครั้งเพื่อไปยังห้องโถง ไปเค้นคอไอ้เจ้าเด็กงี่เง่าเอาแต่โวยวายว่าโกง
   
“ ดีจริงๆ ลงมาดูดาบก็โดนจับ ” ไซรินบ่นพึมพำกลอกตาเซ็งๆ
   
ฟลอยด์ไม่สนใจเสียงบ่น เร่งฝีเท้าของตัวเองให้ว่องไวมากขึ้น

   
“ โกงๆๆ อีกาบ้า ปีศาจบ้า ” หนูก็ยังคงโวยวายต่อไปน้ำตาเม็ดใสนองหน้า “ เมื่อไหร่ลุงข้าจะมาเนี่ย ข้าเบื่อถูกจับแล้วนะ ไม่สนุกเลยสักนิด ฮือๆ ”
   
ฟาร์คัสข่มอารมณ์ไม่ให้ตัวเองเผลอลงไม้ลงมือให้อีกฝ่ายเงียบ สีหน้าฉายชัดถึงความรำคาญถึงขีดสุด
   
คาร์บิลัสใช้เวทสานกลายเป็นพัดพัดให้ฟาร์คัสอย่างเอาใจ โดยไม่สนสายตาที่มองมาแม้แต่น้อย “ ฟาร์คัส เอาน้ำเย็นๆ ไหม เดี๋ยวข้าหามาให้ ”
   
“ ไม่ เอาเก้าอี้มาก็พอ ”
   
“ ได้ๆ ” คาร์บิลัสฉีกยิ้มดีดนิ้วเรียกเก้าอี้เวทออกมาพร้อมโต๊ะ คาร์บิลัสเดินไปดึงเก้าอี้ให้ฟาร์คัสนั่งลงก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงข้างๆ
   
“ ง้า เก้าอี้ดัฟฟ์ล่ะ ฆ่าบี้ลัส ” ดัฟฟ์ทำหน้างงใส่คาร์บิลัส
   
“ ไม่มี ” คาร์บิลัสยักไหล่

   “ แง้ ใจร้ายที่สุด ” ดัฟฟ์เริ่มร้องไห้วิ่งไปหาฟาร์คัส ให้ฟาร์คัสปลอบแต่ฟาร์คัสไม่ปลอบเอาขึ้นมานั่งตักตัวเองตัดความรำคาญ จับจ้องไปที่หนูที่เป็นกุญแจสำคัญไปยังหัวหน้ากบฏ “ จะบอกได้รึยัง ? ลุงเจ้ามันใครกันแน่ ข้าจะได้ปล่อยๆ ให้จับกลับบ้านไปกินนม ”
   
หนูหันขวับมองฟาร์คัสตาวาวโรจน์ “ ฮือ ! อย่าคิดนะว่า ข้าจะบอกเจ้าน่ะ อีกาบ้า ข้าไม่ใช่คนขายพี่ขายน้องหรอกนะ รู้ไว้ด้วย ”
   ฟาร์คัสคิ้วกระตุก “ แล้วจะเอายังไง ถ้าไม่บอก ก็ช่วยหุบปากของเจ้าด้วย ข้ารำคาญ ”
   
“ ไม่ ! ” จมูกรั้นขึ้นสูง “ ข้าจะร้องจนกว่าพวกเจ้าจะปล่อยข้าไปไม่ก็ลุงมารับข้า ! ” นัยน์ตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาเตรียมจะเปิดฉากแหกปากโวยวาย
   
อย่างที่รู้ฟาร์คัสเกลียดกันถูกหยามหน้ามากที่สุด
   
“ ถ้าเจ้ายังไม่หุบปาก อย่าหาว่าข้าไม่เตือน ”
   
ฟาร์คัสพูดเสียงเรียบ
   
หนูชะงักทันควันหัวเราะแหะๆ
   
อีกานี่น่ากลัวชะมัด
   
หนูกลืนน้ำลายเอือก หุบปากฉับ เมื่อสบกับนัยน์ตาสีเทาข้างกายอีกา
   
แววตาที่ฉายชัดว่าสามารถฆ่าตนได้ในพริบตา
   
หลุบตาลงต่ำไม่กล้าปริปายพูดอะไรต่อ
   
ฟาร์คัสแค่นเสียงเหอะเมื่อหนูตรงหน้าไม่กล้าพูดอะไรอีก สายตาเย็นชามองสำรวจรอบห้องโถงพบว่าชาวภูตเอาแต่จับกลุ่มกันอยู่ตัวสั่นงันงก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาหรือแม้แต่พูดคุยกันด้วยซ้ำ ฟาร์คัสเลิกคิ้วงงๆ “ เจ้าทำอะไรชาวภูตพวกนี้ คาร์บิลัส ” หันไปมองที่น่าจะเป็นต้นเหตุ
   
คาร์บิลัสหัวเราะแหะๆ “ ก็เจ้าชอบเงียบๆ ข้าก็เลยทำให้พวกนี้กลัวจนพูดไม่ได้เฉยๆ ” แววตาทอประกายออดอ้อนเหมือนอยากได้คำชม
   
ฟาร์คัสเพียงสบกับมันเฉยๆ แต่ไม่สนใจ “ เลิกทำซะ ”
   
คาร์บิลัสหงอยลงทันควันพร้อมกับเลิกแผ่แรงกดดันจากตัวเองไป
   
อากาศที่หนักอึ้งได้ให้ไปทันควัน ชาวภูตหอบหายใจกันอย่างตะกละตะกลาม เสียงพูดคุยจอแจดังขึ้นทันทีแต่ไม่มาก สายตาเหลือบมามองอาคันตุกะจากแดนปีศาจหวั่นๆ เป็นพักๆ
   
ราชาปีศาจน่ากลัวสมคำร่ำรือจริงๆ..
   
แต่ไม่ใช่เวลาที่อยู่กับอีกาของตัวเองน่ะนะ
   
ฮื่อออ
   
เสียงคำรามในลำคอดังสนั่นจนกระจกห้องโถงสั่นสะเทือน ชาวภูตบางคนถึงกับอุดหูเพราะทนฟังเสียงไม่ไหว มาพร้อมกับการเปิดประตูครั้งที่สองที่เปิดตัวได้อลังการกว่าฟาร์คัสซะอีก
   
ร่างมังกรไฟยักษ์ก้าวย่างเข้ามาข้างในอย่างเชื่องช้า หัวโตๆ ของมันบดบังร่างบนหลังของมันได้อย่างมิดชิด ดวงตาสีแดงเพลิงกลอกไปมาเมื่อพบเป้าหมาย หัวของมันยื่นเข้าไปใกล้กับราชาปีศาจ อ้าปากกว้างเผยให้เห็นฟันแหลมคมเรียงกันอย่างไม่เป็นระเบียบ ชาวภูตบางคนถึงกับร้องกรี๊ดด้วยกลัว และการแสดงของมังกรก็ปิดท้ายด้วยการพ่นไฟลูกยักษ์ใส่นายของตนทั้งตัว

“ เจ้าอยากโดนข้าเตะใช่ไหม ลุกซ์ ” คาร์บิลัสพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

   มังกรยักษ์สั่นหัวทันทีก่อนจะย่อตัวลงให้เอลล์ได้ลงมาจากหลัง
   
เอลล์คลื่ยิ้มทักทายฟาร์คัสที่มองมางงๆ
   
“ นั่นเจ้า ? เอลล์ ? ” ฟาร์คัสเรียกงงงๆ เหมือนกับบ่นกับตัวเองซะมากกว่า

   “ อืม ข้าเอง ” เอลล์หัวเราะเสียงเบา “ แล้วเจ้าจับเด็กนั่นมัดทำไม ”
   
ฟาร์คัสมองหนูที่ตอนแรกตัวสั่นงั่นงกตอนนี้มองตอบเอลล์ด้วยรอยยิ้มร่าเริง “ กบฏ ”
   
เอลล์สลดลงทันควัน หัวใจหนักอึ้งทันที

แม้แต่เด็กก็ยังก่อกบฏงั้นเหรอ..
   
นี่มันแย่เกินไปแล้ว
   
เอลล์ยิ้มปกปิดความเศร้าในใจ “ แล้วคนที่สวมชุดกษัตริย์นั่นแหละ เจ้าเห็นเขาไหม ? ”
   
“ เจ้ากำลังพูดถึงฟลอยด์สินะ เจ้านั่นเพิ่งจะวิ่งลงไปเอาดาบ ข้าคิดว่าสักพักก็คงจะขึ้นมา ” ฟาร์คัสพูดพร้อมจิบชาที่คาร์บิลัสยื่นให้ อีกมือยัดขนมใส่ปากดัฟฟ์
   
ฟลอยด์.. ?
   
จริงสิ ใบหน้านั้นที่ข้าเห็นข้าก็ควรรู้แต่แรกแล้ว แต่เพราะมัวแต่ตกใจข้าถึงไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง
   
แต่ก็ดีแล้วล่ะ
   
หลายครั้งที่ฟลอยด์มักจะแสดงความสามารถของเขาให้ข้าเห็น
   
เขาเหมาะกับตำแหน่งกษตัริย์มากกว่าข้า
   
เอลล์กำมือแน่น พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่านไปไหล
   
มือหยาบๆ ถูกวางแปะบนหัวเอลล์
   
“ อย่าลืมข้าสิ เอลล์ เจ้ายังมีข้า” ลุกซ์ยิ้มกว้าง ลูบหัวเอลล์เบาๆ
   
ลุกซ์สัมผัสได้ถึงความเศร้าที่ถูกปิดบังไว้
   
อย่าลืมสิ มังกรตัวนี้รู้จักเจ้ามากว่าที่เจ้าคิดนะเอลล์
   
“ แล้วดาบนั้นคือ ? ” คาร์บิลัสถามบ้างเมื่อรินชาให้ฟาร์คัสเสร็จและเห็นเข้าพอดี
   
ดาบเล่มยาวที่แผ่อำนาจบางอย่างออกมา แม้กระทั่งราชาปีศาจอย่างข้ายังรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจมากมายที่ดาบนั้นครอบครองไว้ ดาบเล่มที่ว่าถูกเหน็บไว้ที่ข้างเอวของเอลล์ถูกปกปิดด้วยปลอกดาบไม้ธรรมดา
   
เอลล์หยุดคิดไปสักพัก มองไปรอบๆ พบว่ามีเพียงชาวภูตธรรมดากับอาคันตุกะที่เขารู้จัก
   
ไม่น่ามีปัญหาอะไร
   
เอลล์คิดอย่างนั้น
   
“ ดาบศักดิ์สิทธิ์น่ะ ”
   
“ อ้อ.. ” คาร์บิลัสรับคำอย่างขอไปที เอาจริงๆ คาร์บิลัสก็พอเดาได้ว่าดาบที่พลังอำนาจแบบนี้ที่อยู่ในดินแดนภูตก็มีอยู่ดาบเดียวล่ะนะ
   
แต่ไม่ใช่สำหรับหนูกบฏตัวนึง

   “ เจ้า ! เจ้าเอาดาบของลุงข้ามาแล้วนี่เอง ลุงข้าถึงไม่ได้มาช่วยข้าสักที ” หนูโวยวายอีกรอบเสียงดังพยายามขืนตัวออกจากเชือกที่รัดแน่น

--------------------------------

ในที่สุดคาร์บิลัสก็ได้มีโอกาสทำคะแนนบ้าง ถึงแม้จะเหมือนเป็นทาสไปหน่อยก็เถอะ 55555

สงสารนาง  :hao5:


ตอบเม้น  :katai2-1:

คุณ BlueCherries : ดูไปเรื่อยๆ ค่ะ ไปตอนนี้ก็ตอนหน้าก็รู้ตัวกันแล้วว ส่วนคาร์บิลัสเรียกว่าเทิดทูเมียดีกว้า่ค่ะ ใช้คำว่ากลัวดูน่าสงสารและโหดร้ายเกินไปสำหรับนาง 5555

คุณ Hang : เป็นหนูสำหรับคาร์บิลัส แต่หูจิ้งหางนี่จิ้งจอกเลยมั้ง คิดๆ ไปก็คิดถึงเอสเตอร์จัง..

คุณ lizzii : น่าสงสารท่านเฮฟฟินที่ย้อนประวัติเหมือนวารันไม่ได้ ไม่งั้นคงมีต่อพิเศษกันบ้าง # จะว่าไป ทุกคนลืมวารันแล้ว555

คุณ •♀NoM!_KunG♀• : คิดว่าโอเคค่ะ  o13


ขอบคุณทุกคอมเมนต์จ้า  :กอด1:


   

   
   
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :m20:

สมน้ำหน้าคาร์บิลัส ไม่ยอมเสกเก้าอี้ให้ดัฟฟ์ เลยโดนฟาร์คัสจับอุ้มนั่งตักแทน  :laugh:

อิจฉาล่ะเซ่ *3*


****

ตกลงใครเป็นลุงเด็กตัวกระเปี๊ยกเนี่ย ลึกลับดีจริงๆ (น้องเป็นกบฏแน่เหรอคะ?? ดูเด็กเกินไปนะ -..-)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ลุงหนูคือใครกันแน่

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
เอลล์ขมวดคิ้ว “ ดาบของลุงเจ้า ? ลุงเจ้าเป็นใคร ”
   
หนูกบฏยืดอกยิ้ม “ หึ ! “
   
ฟาร์คัสถอนหายใจเซ็งๆ
   
“ ลุงของข้าก็เป็นว่าที่ของกษัตริย์ดินแดนนี้คนต่อไปยังไงล่ะ ! ลำพังแค่พวกทหารภูตของพวกเจ้ามันอ่อนแอจะตาย สู้กองทัพอสูรของลุงข้าเปล่าละ แข็งแกร่งที่สุดเลยล่ะ ข้าชอบอสูรที่สุด อสูรใจดี ”
   
ภูตที่ชอบอสูร ?
   
คำพูดแปลกๆ ของเด็กภูตทำให้เอลล์ฉุกใจคิดบางอย่าง
   
แปลว่าเจ้าเด็กภูตนี่อาจจะอาศัยอยู่กับอสูร
   
ลุงของเจ้าเด็กนี่ ต้องเกี่ยวข้องกับอสูรแน่ๆ แต่ใครล่ะ ใครที่ทำงานเกี่ยวกับการป้องกันดินแดนจากอสูร
   
“ ข้าอยากรู้ชื่อกษัตริย์เจ้าจัง เจ้าหนู ” ลุกซ์ก้าวเท้าเข้าไปใกล้นั่งยองๆ ระดับสายตาเดียวกับหนูกบฏ
   
หนูกบฏแลบลิ้น “ ใครจะบอกให้โง่ล่ะ ! ”
   
ลุกซ์ตบหัวเจ้าหนูกบฏดังเพี๊ยะ
   
น้ำตาคลอเบ้าทันที
   
“ คุยกับผู้ใหญ่เขาไม่ให้แลบลิ้นนะเจ้าหนู มันไม่น่ารัก ”
   
ลุกซ์ยิ้มยิงไฟเลิกคิ้วกวนๆ ถือไพ่เหนือกว่า
   
“ ฮืออ ท่านลุงงง ท่านมาช่วยข้าสักทีสิ ข้าเบื่อพวกผู้ใหญ่งี่เง่านี้ ”
   
คาร์บิลัสคิ้วกระตุก
   
คนที่ด่าข้าได้มีเพียงฟาร์คัสเท่านั้น
   
“ พูดว่าอะไรนะ ไอ้หนู อยากโดนข้าด้วยใช่ไหม ”
   
พูดเสียงเหี้ยม
   
หนูกบฏที่โดนรุมจากหลายฝ่ายร้องไห้โฮ
   
ใครจะไปทนได้ทั้งมังกรไฟ ทั้งราชาปีศาจรุม
   
แค่ไม่กลัวจนวิญญาณหลุดจากร่างก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
“ เอลล์ ! ”
   
เอลล์หันขวับไปยังต้นเสียงทันที ใบหน้าเจือความตกใจ
   
ไซรินผู้ที่ดูแลเขามาตลอดถูกฟลอยด์จับตัวเอาไว้
   
“ เจ้าจับไซรินไว้ทำไมกัน ? ท่านราชา ”
   
น้ำเสียงเอลล์ไม่มีความผิดปกติใดๆ
   
แต่แววตาเศร้าหมอง
   
ฟลอยด์แสยะยิ้มภายใต้หน้ากาก “ ช่วยไม่ได้ ข้าเจอมันตอนลงไปเอาดาบนี้ ” ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นดาบที่ถูกเหน็บไว้ที่ข้างตัวเอลล์
   
ทำไมเอลล์ถึงได้มีดาบนั่น
   
อย่าบอกนะว่ามันเป็นคนทำทุกอย่าง
   
แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

สารเลว !
   
ฟลอยด์กัดฟันกรอดโยนไซรินทิ้งเข้าไปประชิดตัวกับเอลล์  มือเรียกดาบออกมาแนบไปที่คอของเอลล์ ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตา
   
ถ้าหากผู้ที่ตั้งรับไม่ใช่เอลล์คงถูกฟันจนคอขาดง่ายๆ
   
น่าเสียดายที่คนที่ว่านั้นคือเอลล์
   
เอลล์เรียกคทาเวทของตัวเองมากันได้ทัน แววตาฉายชัดที่ความไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ลูกพี่ลูกน้องทำร้ายตัวเอง “ เจ้าโจมตีข้าทำไม ”
   
“ ยังจะกล้าถาม ! ” ฟลอยด์ตะคอก “ ดาบอยู่ในมือแบบนั้นนอกจากแกจะเป็นใครไปได้วะ ที่ทำทุกอย่างให้เป็นแบบนี้ ตำแหน่งกษัตริย์ที่มีไม่พอรึไง ? อยากทำลายดินแดนนี้ด้วยงั้นสิ ” ดวงตาของฟลอยด์วาวโรจน์เหมือนมีกองไฟสุมไว้ข้างใน “ ข้ามีแกเป็นราชาไอ้ดินแดนนี้ก็ล่มจมเกินพอแล้ว ! ”
   
เอลล์สะอึกกับคำพูดของฟลอยด์
   
หมายความว่ายังไง ?
   
ลูกพี่ลูกน้องของข้ากำลังคิดว่าข้าทรยศดินแดนตัวเอง
   
ทำลายดินแดนของตัวเอง
   
ข้าไม่เคยทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น
   
ความสุขุมของเอลล์ถูกโยนทิ้งออกไป ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าความหวังดีต่อดินแดนภูตมาตลอดจะถูกตีความกลายเป็นแบบนี้
   
“ ข้าไม่ทำอะไรแบบนั้น ! ” เอลล์ตะคอกกลับระเบิดพลังเวทใส่ฟลอยด์จนอีกฝ่ายกระเด็นออกไป เอลล์รุกไล่ตามต่อ คทาเวทถูกปักลงบนพื้นฉับพลันไม้เลื้อยจำนวนมหาศาลได้ปรากฎบนพื้นมันรีบเลื้อยไปตามพื้นพยายามไขว่คว้าไปไปที่ร่างของฟลอยด์
   
ฟลอยด์แค่นเสียงเหอะ “ แล้วมันจะเป็นอะไรไปได้ ? ยอมรับความจริงสิ ” ใช้ดาบฟันไม้เลื้อยที่กล้าจะพันธนการขาของเขา ดาบในมือมีไฟลุกโชติช่วงไล่ตัดไม้เลื้อยบนพื้นถูกชี้หน้าเอลล์   
   
“ เอลล์ ไม่มีทางทรยศดินแดนตัวเอง ” ลุกซ์เดินเข้ามาขวาง นัยน์ตาสีเพลิงดูมอดไหม้กว่าทุกครั้ง มือปรากฎกรงเล็บมังกรยาว ไฟสีแดงก่ำโลมเลียไปตามตัว
   
ลุกซ์รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถตั้งรับฟลอยด์ได้
   
พลังของอีกฝ่ายมากกว่าตัวเอง
   
แต่ลุกซ์ก็ยังอยากเข้าไปขวางอยู่ดี
   
เพื่อจะได้ปกป้องภูตของตัวเอง
   
แม้จะได้ไม่มาก
   
แต่ก็ยังจะอยากทำมันอยู่ดี
   
ฟลอยด์ตวัดดาบใส่ลุกซ์ ลุกซ์ใช้แขนที่ปรากฏรอยเกล็ดมังกรกันเอาไว้ แผลถลอกเกิดขึ้นบนผิวลุกซ์แต่ลุกซ์ไม่สนใจมัน ใช้กรงเล็บพุ่งเข้าใส่ท้องอีกฝ่าย แต่ฟลอยด์ก็สามารถกระโดดหลบไปตั้งหลักได้ก่อน
   
อารมณ์คุกกรุ่นกำลังปะทุ
   
ห้องโถงกำลังจะกลายเป็นสนามรบ
   
ชาวภูตกับชาวอาคันตุกะโดยรอบพากันไปกระจุกกันตรงมุมห้องตั้งแต่เห็นราชาของตัวเองขึ้นเสียงใส่ร่างในชุดเดินทาง เสียงหวีดร้องดังเป็นช่วงๆ เมื่อไฟได้โลมเลียเข้าไปใกล้แต่ก็ถูกดับได้ก่อนโดยภูตสักคนที่พอสามารถใช้เวทน้ำดับมันได้
   
ฟาร์คัสกำลังวิเคราะห์เหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสุขุม

เหตุผลที่ฟาร์คัสไม่เข้าไปช่วยเอลล์ เพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายสามารถรับมือกับฟลอยด์ได้ ซึ่งถ้าหากเพลี่ยงพล้ำก็ให้คาร์บิลัสหรือลุกซ์เข้าไปช่วยได้อยู่ดี
   
ฟาร์คัสจิบชาอึกนึง รสชาติหวานๆ ช่วยให้ความคิดของฟาร์คัสแล่นได้ดีขึ้น
   
สายตาเหลือบไปมองหนูกบฏพบว่ากำลังสนุกกับการต่อสู้อันตระการตา
   
ยังไงไอ้ลุงของหนูนี่ก็น่าจะมาช่วยล่ะมั้ง
   
คงจะไม่นานนักหรอก
   
ในเมื่อดาบมันไม่ได้อยู่ที่นั้น ลุงของเจ้านี่คงจะวิ่งเต้นน่าดู
   
คนที่ครอบครองดาบแบบนี้ได้มีไม่กี่ประเภท
   
ไม่เก่งจนน่ากลัว ก็เป็นเจ้าดินแดนนั่นแหละ
   
ครืนนนนนนน
   
ปราสาททั้งปราสาทกำลังสั่นไหว
   
มีบางอย่างกำลังทำลายปราสาท
   
การต่อสู้ถูกระงับเอาไว้ทันที
   
ฟลอยด์หันไปมองเอลล์ทันควัน “ เจ้าทำอะไรน่ะ ! ”
   
เอลล์เริ่มจะหงุดหงิดเมื่ออะไรๆ ก็ดูเหมือนว่าฟลอยด์จะเห็นว่าเขาผิดไปหมด “ ข้าไม่ได้ทำ ข้าจะไปรู้ได้ยังไง ”
   
ฟลอยด์ไม่ได้พูดอะไรต่อกระโดดหลบเศษหินที่ร่วงกราวลงมาจากเพดาน โคมระย้าเอียงไปมาอย่างรุนแรง เหมือนกำลังบอกกลายๆ ว่ามีบางอย่างกำลังเกาะอยู่บนเพดาน
   
เอลล์มองชาวภูตที่กำลังตัวสั่นหวาดกลัวอย่างเป็นหัว เอ่ยพึมพำท่องเวทเสียงเบาเรียกเวทป้องกันมาคลุมชาวภูตทั้งหมดเอาไว้
   
เศษหินหรือกระเบื้องจึงทำได้เพียงตกมาให้ตกใจเล่นเท่านั้น
   
ไม่สามารถทำอันตรายใดๆ กับชาวภูตได้
   
“ ท่านลุง  มาช่วยข้าแล้ว ฮ่าๆ พวกเจ้าตายแน่ ” เจ้าหนูกบฏหัวเราะ ตาเป็นประกายเมื่อมีร่างสวมชุดคลุมยาวสีดำสนิททั้งตัวกระโดดลงมาจากด้านบนลงมาย่างเท้าใกล้ตัวเอง “ ท่านลุงช่วยข้าด้วย ”
   
ร่างที่โดนเรียกว่าท่านลุงไม่ได้สนใจถึงคำร้องขอ
   
หนูกบฏสะดุ้ง “ ท่านลุงช่วยข้าด้วยสิ ข้าถูกจับไว้ ” น้ำเสียงเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
   
ดวงตาสีแดงก่ำภายใต้ชุดคลุมสบเข้ากับหนูกบฏแต่ไม่ได้พูดอะไร ย่างเท้าเข้าไปใกล้เอลล์อย่างช้าๆ เสียงฝีเท้าหนักแน่นย่ำลงบนพื้นชวนขนลุก
   
ลุกซ์ตั้งจะขวางไว้แต่กลับเข้าไปไม่ได้
   
ขาทั้งสองข้างถูกตรึงโดยเงา
   
“ ส่งดาบมา ” เสียงเสียดหูดังเล็ดลอดออกมาจากลำคอ
   
เอลล์ไม่ตอบเพียงทอดสายตามองอีกฝ่ายนิ่ง
   
“ อย่าให้ข้าพูดอีกครั้ง ” เสียงเจือความโมโห
   
“ ถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ ” เอลล์กระชับมือที่จับคทาเวทย์ของตัวเอง
   
“ หึหึหึ ” ร่างในชุดคลุมหัวเราะออกมา

หลังของเอลล์เย็นวาบ
   
ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกเอลล์ถึงเรื่องร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น
   
“ ถ้าชอบเล่นสงครามประสาทกับข้า มันก็ได้... ” ร่างในชุดคลุมวาดมืดในอากาศ เกิดหลุมอากาศสีดำหมุนริ้ว มือใต้ชุดคลุมคว้าดึงบางอย่างออกมาอย่างแรง
   
ตุบ..
   
ปรากฏร่างของภูตชราที่หายใจโรยรินแต่แววตาที่ปรากฏไม่ได้อ่อนล้าแต่อย่างใด
   
เอลล์เบิกตากว้าง
   
“ ท่านพ่อ !! ”
   
เอลล์เกือบจะถลาเข้าไปหาเมเออร์
   
“ อย่าคิดแม้แต่จะเข้ามา ท่านเอลล์ ” เท้าหยาบเหยียบลงบนหลังเมเออร์
   
เมเออร์กัดฟันแน่น นึกอยากกัดลิ้นตายเพราะความอดสูในตัวเอง
   
“ จะ เจ้า ” เอลล์ทำอะไรไม่ถูก เรียกอีกฝ่ายเสียงสั่น
   
“ เอาดาบมา ” คำกล่าวเดิมถูกย้ำเตือนอีกครั้ง
   
“ ไม่มีทางที่ข้าจะยกมันให้เจ้า ! ” เอลล์ตะคอก
   
สิ่งนี้สำคัญเกินกว่าจะให้ใครครอบครอง
   
ร่างในชุดคลุมออกแรงขยี้ปลายเท้าจนร่างข้างใต้กระอักเลือดออกมา
   
“ อย่าให้ข้าพูดซ้ำ ”
   
“ จะพูดไม่พูดมันก็เรื่องของเจ้า ” เอลล์พุ่งตัวเข้าไปหาฟาดคทาในมือใส่อีกฝ่าย ปากท่องเวทอย่างรวดเร็ว
   
ร่างในชุดคลุมล้วงอะไรบางอย่างออกจากชุดคลุมและกำแน่นจนเลือดไหลย้อมสิ่งนั้น
   
โฮกกกก
   
เเสียงกู่ร้องของอสูรดังลั่น ปรากฏตัวในห้องโถงทันทีและพุ่งกระโจนเข้าใส่เอลล์ที่พุ่งเข้ามา เอลล์ยกเท้าถีบร่างอสูรจนปลิวไปกระแทกกำแพง กระโดดหลบอสูรจำนวนมหาศาลที่กำลังกระโจนลงมาจากหลังคาเพื่อเป็นกองทัพสนับสนุนร่างในชุดคลุม
   
ลุกซ์สบถถึงเวทที่พันธนการขาของตัวเองเอาไว้
   
เขาไม่สามารถทำลายมันได้ !
   
เอลล์เปลี่ยนจากคทาเวทเป็นดาบแทนเพื่อใช้ในการโจมตี เอลล์กระโจนเข้าไปฟาดฟันอสูรที่พุ่งเข้าไปใกล้เวทที่ตัวเองปกป้อง

ภูตที่อ่อนแอ เหลือบมองพ่อของตัวเองเป็นพักๆ
   
ท่านพ่อ..
   
เอลล์ไม่สามารถบุกเข้าไปถึงตัวเมเออร์ได้
   
อสูรมีมากเกินไป
   
การเข้าไปใกล้นั้นอันตรายเกินไป
   
เอลล์กำลังรอคอยจังหวะ
   
ร่างในชุดคลุมยังคงสนุกกับการขยี้ปลายเท้าบนแผ่นหลังเมเออร์
   
บนพื้นปรากฏรอยเลือดเจิ่งนอง
   
“ บัดซบ ! ” ฟลอยด์โวยวายเสียงดังพุ่งตัวเข้าไปกระแทกเอลล์ออกจากวิถีการโจมตีของอสูรที่บังเอิญโจมตีเอลล์ในช่วงจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอ “ ถ้าจะสู้ก็ตั้งใจให้มันดีๆ หน่อย ”
   
เอลล์งุนงงไปสักพักเอ่ยขอบคุณเสียงเบา
   
“ เออ ! สู้ก่อน ” ฟลอยด์กระแทกเสียงตอบ
   
เดิมทีฟาร์คัสกับคาร์บิลัสไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยอะไรเพื่อดูว่าทั้งสองฝ่ายจะเจรจาอะไรกัน
   
เรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน
   
ควรจะสะสางกันให้จบๆ
   
แต่กว่าจะรู้ตัวไอ้ตัวการกบฏก็จัดการเรียกอสูรลงมากวาดล้างซะแล้ว
   
คาร์บิลัสสบตากับฟาร์คัสเชิงขอนุญาต
   
มือของเจ้าไม่ควรเปื้อนเลือดสกปรกพวกนี้หรอก
   
ราชาปีศาจอย่างข้าจะรับมันไว้เอง
   
ดาบสีดำทมิฬแผ่กลิ่นอายออกมารุนแรง อสูรที่เดิมทีอาละวาดไล่จู่โจมทุกอย่างที่เป็นสิ่งมีชีวิตชะงักอยู่กับที่ ตัวสั่นงั่นงกอย่างหวาดกลัว
   
คาร์บิลัสพุ่งเข้าไปหากองทัพอสูรในพริบตา ลงปลายดาบบนจุดอ่อนอย่างแม่นยำ เกล็ดแข็งๆ ของอสูรดูจะเปราะบางไปเลยเมื่อเทียบกับความคมของดาบคาร์บิลัส
   
แผละ..
   
เสียงศีรษะของอสูรตกกระทบพื้นก่อนจะถูกกลบด้วยเสียงร่างยักษ์ๆ ของมันล้มบนพื้นเป็นเสียงโครมอีกที

อสูรที่เกาะอยู่บนหลังคาชะงักทันควันเมื่อสบเข้าหาดวงตาสีเทากระหายเลือด
   
มันค่อยๆ ถอยกลับก่อนจะวิ่งหนีไปทันที
   
เอาชีวิตตัวเองให้รอดจากสัตว์กระหายเลือดกว่าตัวมันเอง
   
ที่มีนามว่า “ คาร์บิลัส ”
   
“ เหอะๆๆ ” เสียงหัวเราะดังออกมาจากบุคคลที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรองดังลั่น
   
หมวกชุดคลุมตกลงมาจากหัว นัยน์ตาสีแดงก่ำหมุนริ้วเหมือนกำลังเสียสติ
   
ลมหายใจของเอลล์สะดุด
   
เมื่อร่างที่ว่าเป็นร่างของอาจารย์ตัวเอง !

----------------------------------

วันนี้ไม่อัพห้าทุ่มครึ่ง เย้  :katai2-1:


ตอบเม้นดีกว่า ><

คุณ  BlueCherries : ว่าจะจัดตอนให้คาร์บิลัสสักตอนค่ะ 555555 เอาให้หายอิจฉาเด็กสักที สงสัยดัฟฟ์ ส่วนน้องหนูเป็นจริงๆ ค่ะ  :sad4:

คุณ •♀NoM!_KunG♀• : ลุงหนูปรากฏตัวแล้ว  :mew3:

   
   
   
   
   

   
   
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ว๊อทททททททททททททท


ทำไมท่านอาจารย์ถึงทรยศ

T T

ท่านจารย์สอนทั้งเอลล์ สอนทั้งฟลอยด์


งานนี้จะหมู่หรือจ่าเนี่ย  :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ท่านอาจารย์เนี่ยนะ
เห้อออออ หักมุมสุดๆ
สงสารแต่เอล เจอเรื่องช้อคซ้ำซ้อนไม่รุ้กี่รอบแล้ววว

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้อ!! โลภจิงๆ เพื่ออะไร

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นนิยายแฟนตาซีที่ดราม่าตั้งแต่ต้นเรื่ิอง =,.=

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 30
   
เอลล์พูดอะไรไม่ออก
   
แววตาฉายความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
   
ท่านอาจารย์...
   
ที่ผ่านมาหมายความว่ายังไงกัน
   
เพราะอำนาจที่ท่านต้องการถึงได้ทรยศแบบนี้งั้นเหรอ ?

   “ ผิดหวังกับข้างั้นสิ ? ” บุคคลที่นับได้ว่าเป็นอาจารย์ทั้งของฟลอยด์และเอลล์ถามเสียงเรียบ ดวงตาเดิมที่เป็นสีอำพันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ใบหน้าที่ปกติเค้าความชราเอาไว้ได้หายไปจนหมดสิ้น กลายเป็นใบหน้าอ่อนเยาว์มีรอยแผลถากยาวครึ่งใบหน้า

   ราวกับว่าการเล่นเป็นอาจารย์คือการแสดง

“ ดูเหมือนว่าการแสดงของข้าจะสมบูรณ์แบบดี ”

แสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
   
น้ำเสียงไม่มีความร้อนรนแม้ตัวเองจะตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง
   
ซากอสูรเกลื่อนพื้นไม่ได้ทำให้วิตกแต่อย่างใด
   
“ ท่านอาจารย์รัฟฟ์.. ” ฟลอยด์ตะโกนเรียกเสียงสั่น
   
ฟลอยด์เคารพในตัวรัฟฟ์มากถึงขั้นยอมทำทุกอย่างถ้าอีกฝ่ายต้องการอะไร
   
ฟลอยด์ยอมรับว่าตัวเองตกใจมาก
   
มือที่ถือดาบปล่อยอย่างไม่รู้ตัว
   
ลิ้มรสการถูกหักหลังเป็นครั้งแรก
   
รัฟฟ์คลี่ยิ้มรับ “ มีอะไร ฟลอยด์ ” หรี่ตามองเหยียดหยาม “ ลูกศิษย์ที่วันๆ เอาแต่จ้องจะขึ้นครองบัลลังก์กษัตริย์ ”
   
ฟลอยด์สะอึกพูดอะไรไม่ออก
   
คาร์บิลัสสบตากับฟาร์คัสเชิงปรึกษา
   
ไม่สามารถตัดสินใจว่าจะทำอะไรกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
   
การทรยศหักหลังจากคนที่ไว้ใจ
   
เป็นเรื่องเลวร้าย
   
คนที่ให้คำปรึกษาได้ดีที่สุดคงจะเป็นฟาร์คัส ที่เคยลิ้มรสการถูกหักหลังจากเพื่อนสนิทที่สุดของตัวเอง
   
ความขมเฝื่อน รสเค็มจุกอยู่ในลำคอยังคงคั่งค้างอยู่ในความรู้สึกของฟาร์คัส
   
อาการหน่วงในใจเกิดขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงเริ่องนี้
   
พยายามลืมแต่ก็ทำไม่ได้
   
เวลาที่เป็นเพื่อนกันมานั้นยาวนานเกินไป
   
ความสัมพันธ์ก็เหมือนดาบสองคม
   
หยั่งลึกลงไปในความรู้สึก

   ยากที่จะลืม
   
ฟาร์คัสอ่านสิ่งที่ส่งผ่านมากับสายตาคาร์บิลัสออกและถอนหายใจเหนื่อยๆ
   
ปัญหาภายในพวกนี้มันละเอียดอ่อน
   
อะไรสักอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่นิด
   
ทุกอย่างล้วนได้รับผลกระทบเป็นความเจ็บปวด
   
“ เจ้าต้องการอะไร ” ฟาร์คัสวางถ้วยชาลงบนโต๊ะย่างเท้าเข้าไปใกล้รัฟฟ์ เว้นระยะห่างในระยะที่สามารถหลบได้ถ้าหากอีกฝ่ายลอบโจมตีทีเผลอ
   
รัฟฟ์มองคาร์บิลัสด้วยหางตา “ บอกให้ราชาปีศาจเก็บดาบนั่น ”
   
ฟาร์คัสพยักหน้าให้คาร์บิลัสที่จ้องมา
   
คาร์บิลัสเบ้หน้าเซ็งๆ โยนดาบขึ้นไปในอากาศ ปล่อยให้ความว่างเปล่ากลืนกินดาบหายไป
   
รัฟฟ์ยิ้มอย่างพอใจ กลิ้งแหวนที่เปรอะเลือดเล่นในอุ้งมือ “ อยากฟังจริงๆ งั้นเหรอ ”
   
เอลล์กลืนน้ำลายฝืดๆ ในลำคอ อยากจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้ แต่กลับพูดไม่ออก ความรู้สึกในหัวตีกันวุ่นวายถึงการกระทำของท่านอาจารย์
   
ฟาร์คัสเริ่มจะรำคาญ “ เจ้าต้องการอะไร รีบๆ พูดมาสักที ”
   
ฉับพลันแววตาของรัฟฟ์เย็นเยียบ “ สำรวจกริยาหน่อย อีกา ”
   
สิ่งเดียวที่รัฟฟ์ไม่สามารถแก้ไขได้คืออายุของตัวเอง
   
อายุที่มากกว่าเมเออร์ทำให้การกระทำไร้ความเคารพกระตุ้นความโมโหให้ประทุ
   
ฟาร์คัสไม่แสดงท่าทีอะไรเมื่อถูกตำหนิ
   
เพราะไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจ
   
“ อสูรไม่ใช่สัตว์โง่เขลาอย่างที่พวกเจ้าเข้าใจ ” รัฟฟ์หลับตาลง “ เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งและชื่นชอบการต่อสู้เป็นชีวิตจิตใจ การท้าดินแดนเกิดขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสนองความต้องการ ”
   
ทุกคนในพื้นที่ต่างงุนงงกับคำพูดของรัฟฟ์
   
อสูรถูกตราหน้ามาอย่างยาวนานว่าโง่เขลาไม่มีสติปัญญา
   
มีเพียงสัญชาตญาณและพลังที่แข็งแกร่ง

“ ข้าถูกหัวหน้าอสูรเก็บไปเลี้ยง ” ใบหน้าของผู้มีพระคุณปรากฏแว่วในความทรงจำของรัฟฟ์ “ ข้าถูกทิ้งไว้ที่ด้านนอกกำแพงและหัวหน้าอสูรก็เป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วยข้า ” น้ำเสียงเจือความนับถืออยู่กลายๆ “ เขาให้ที่อยู่ ที่พักพิง คอยสอนสิ่งต่างๆ กับข้า อย่างไม่นึกรังเกียจ เลี้ยงข้าเหมือนกับเป็นลูกแท้ๆ ”
   
เมเออร์สะดุ้งอยู่ในใจเริ่มรู้สึกถึงเค้าลางความจริงบางอย่างที่กำลังปรากฏ
   
รัฟฟ์ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับกัดฟันคล้ายข่มอารมณ์ที่ประทุภายใน “ ตอนนั้นเอง ที่กำลังเดินทางผ่านแถวดินแดนภูต จู่ๆ พวกภูตมันก็มาถล่มฆ่าพวกข้า !! ” มือรัฟฟ์กำแน่น “ หัวหน้าอสูรเป็นคนตั้งรับไม่ให้พวกภูตอย่างพวกเจ้าฆ่าชาวอสูรหมด ทุกคนหนีหัวซุกหัวซุน ญาติพี่น้องอสูรของข้าก็ตายจนหมด ที่เหลือก็สติฟั่นเฟือนจนหลังๆ เหลือเพียงสัญชาตญาณในการดำรงชีวิต ”
   
เอลล์เบิกตากว้างตะลึงกับสิ่งที่ตัวเองกำลังรับรู้ 
   
แววตาที่ทั้งเคียดแค้นและเศร้าโศกไม่ใช่สิ่งที่ปั้นขึ้นมาได้ง่ายๆ
   
นอกเสียว่ามันจะเป็นความจริง
   
รัฟฟ์แค่นเสียงหึ มองสิ่งมีชีวิตทุกอย่างด้วยแววตาเฉยชา เศษซากอสูรที่กองบนพื้นไม่ได้ทำให้รัฟฟ์เสียใจแต่อย่างใด เวลาได้กล่อมเกลาจนความรู้สึกที่มีต่ออสูรเจือจางลงจนแทบไม่มี การพูดคุยกับผู้ที่สติเฟื่อนอย่างไม่รู้จบไม่ใช่สิ่งที่รัฟฟ์ทนได้ 
   
สิ่งที่ยังคงแจ่มชัดในความทรงจำของรัฟฟ์
   
คือการแก้แค้นให้กับผู้มีพระคุณของตัวเอง !

-------------------

มาครึ่งตอนแบบง่วงๆ  :katai5:

ตอบเมนต์ๆ

คุณ  BlueCherries : งานนี้สารวัตรเลยค่ะ 55555555555

คุณ lizzii : หักมุมอีกแล้วว :P

คุณ •♀NoM!_KunG♀• : ตอนนี้มีเฉลย ><

คุณ  Hang : จะว่าไปก็จริง ดราม่าตั้งแต่ต้นเลยแฮะ  :hao4: งั้นตอนท้ายๆ ต้องปิดด้วยฉากหวานสวีดวิ๊ดวิ้วของฟาร์คัสกับคาร์บิลัส 55555  :hao7:
   
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :z3:

อึ้ง เงิบ

ถ้ารัฟฟ์โดนอสูรเลี้ยงมา แต่ปล่อยให้อสูรมาบุกดินแดนภูตแล้วกลายเป็นศพแบบนี้ แสดงว่าที่ทำไปทั้งหมด เพื่อล้างแค้นให้กับคนที่เลี้ยงรัฟฟ์มา (น่าจะเป็นพ่อบุญธรรม?)


แล้วตอนนี้รัฟฟ์จะทำไงต่อล่ะเนี่ย  :really2:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เอานุ้งดัฟมาคั่นเวลาหน่อยเร็ววววว
งื้ออออออ

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
หน่วงเกิน ขอตอนพิเศษเบาๆสบายๆคั่นโหน่ยยยย

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
เมเออร์ไม่กล้าปริปากพูดอะไรเหน็บแหนม
   
ความทรงจำในวัยเด็กปรากฏชัด
   
ตอนที่พ่อของตัวเองพาไปรบกับพวกอสูร
   
ความฮึมเหิมในตอนนั้นของทหารภูตยังตราตรึงใจของเมเออร์ กลิ่นคาวเลือดเสียงกรีดร้องกลายเป็นดนตรีสำหรับทหารภูตที่เก่งกาจ คนที่ตัดหัวหัวหน้าอสูรนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนเลย
   
เป็นพ่อของเมเออร์นั่นเอง..
   
ไม่แปลกที่รัฟฟ์จะเคียดแค้นกับดินแดนภูตขนาดนี้
   
เมเออร์เหยียดยิ้มกับตัวเอง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีมูลเหตุมาก่อนจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาลอยๆ
   
เคยมีคำพูดที่ว่าการกระทำในวันนี้ส่งผลถึงอนาคต
   
เมเออร์ตระหนักได้ถึงความจริงข้อนั้น หลับตาลงยอมรับสิ่งที่รัฟฟ์ต้องการจะกระทำ ดินแดนภูตนั้นต่อให้เสียเขาไปสักคนก็ไม่ได้มีผลอะไรมากมาย ร่างของเมเออร์นั้นเปราะบางกว่าที่เห็นภายนอกมาก วิญญาณที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวทำให้การฟื้นฟูสภาพร่างกายที่บอบช้ำทำได้ยาก
   
ต่อให้ไม่ฆ่าตอนนี้
   
อีกไม่นานข้าก็ต้องตายอยู่ดี
   
“ ฆ่าข้าสิ อึ่ก รัฟฟ์ ” เมเออร์พยายามเงยหน้าขึ้นมาพูด ใบหน้าครึ่งนึงถูกเลือดอาบ จับจ้องไปยังร่างที่เดิมเคยไว้ใจที่สุด
   
รัฟฟ์ส่ายหน้า “ ถ้าเจ้าตายง่ายๆ ก็ไม่สนุกสิ รอดูความพินาศของดินแดนเจ้าดีกว่า ” หยิบมีดจากเสื้อคลุมปาดเข้าที่ข้อมือตัวเองปล่อยให้มันหยดใส่แหวนที่กำลังส่องแสงสีแดงจางๆ อย่างกระหายเลือด
   
ท้องฟ้าเกิดการแปรปรวนทันใด เมฆก้อนทึบเคลื่อนมาบดบังแสงแดดอย่างเงียบเชียบ อากาศรอบกายเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ เหลือเพียงความเงียบงัน
   
คาร์บิลัสลอบหยิบดาบตั้งรับไว้ทันที
   
อากาศหนักอึ้ง จนหายใจลำบาก
   
ราวกับว่ากำลังมีบางอย่างช่วงชิงอากาศไป
   
เอลล์กัดริมฝีปากครุ่นคิดไปสักพักก่อนจะหยิบดาบศํกดิ์สิทธิ์ออกมาถือ ชี้หน้าไปยังรัฟฟ์ แววตาเฉียบขาด ไม่เหลือเค้าความอาลัยใดๆ อีกฝ่ายอีกต่อไป
   
ถึงแม้จะเป็นท่านอาจารย์ แต่ดินแดนภูตนับว่าสำคัญกว่า
   
ความรู้สึกที่มีมีแต่จะทำให้ข้าประมาทเท่านั้น
   
เอลล์เลือกที่จะทิ้งความรู้สึกไป
   
ต่อให้ต้องลงมือฆ่าอีกฝ่าย
   
ข้าก็จะยอมทำ !
   
ฮื่อ...
   
เสียงสูดหายใจดังหนักแน่นแต่ยังไม่รับรู้ถึงตัวตน
   
ทุกคนมองรอบตัวอย่างระแวงยกเว้นเพียงแต่รัฟฟ์
   
ฮื่ออ..
   
เสียงนั้นดังปรากฏอีกครั้งที่ข้างหลังของฟลอยด์
   
ฟลอยด์สะดุ้งหันขวับไปมองด้านหลัง
   
แต่ไม่เห็นอะไรแม้แต่อย่างเดียวกว่าจะรู้ตัวก็ล้มกองไปบนพื้น
   
เช่นเดียวกับชาวภูตคนอื่นๆ หรือแม้แต่มนุษย์ ล้มทรุดกองไปบนพื้น
   
หลับใหลไม่ได้สติ
   
มีเพียงอาคันตุกะจากดินแดนปีศาจกับบุคคลอีกสองสามคนเท่านั้น
   
“ กา... ”
   
เสียงอีกาดังขึ้นแผ่วเบา
   
บนไหล่ของฟาร์คัสปรากฏอีกาพร้อมคทาในมือ
   
นัยน์ตาสีดำของมันกลอกไปมาตามร่างที่เคลื่อนที่ผ่านไปผ่านมาอย่างรวดเร็ว มองเห็นเพียงของบางอย่างสีดำขนาดยักษ์วิ่งอยู่ไวๆ
   
“ ไม่เลว ” รัฟฟ์เอ่ยชม บุคคลที่สามารถดำรงอยู่ได้ในขณะนี้
   
เวทมนตร์ที่ทำให้หลับได้อย่างง่ายดายเพียงแค่สูดเข้าไป
   
ถ้าหากพลังเวทย์หรือไหวพริบไม่เพียงพอที่จะตั้งรับ
   
ก็จะเข้าสู่อ้อมกอดของนิทรา
   
โฮกกก
   
เสียงคำรามดังลั่นพร้อมกับร่างยักษ์กระโจนเข้าที่หลังของฟาร์คัส
   
ฟาร์คัสแค่นเสียงเหอะ ไม่ได้ก้าวหลบแต่อย่างใด วาดคทาเป็นแนวทแยง แสงสว่างจากวงเวทที่ถูกวาดปรากฏ อีกาบนไหล่ฟาร์คัสพุ่งตัวไปกระแทกกับวงเวท
   
กลายร่างเป็นเสือดำขนาดยักษ์พุ่งกระแทกร่างที่พุ่งเข้ามา
   
ผลั่ก...
   
เสือดำของฟาร์คัสถูกกระแทกมากองข้างตัวฟาร์คัส
   
ฟาร์คัสสบมองร่างที่ยืนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
   
ดวงตาเลื่อนลอยของอสูร
   
ร่างยักษ์ที่เห็นกล้ามเนื้อได้ชัดเจน
   
เขาโค้งงอเป็นเกลียวสีดำทมิฬ
   
กับรอยถูกฟันบนลำคอ
   
เลือดหยดซึมลงบนพื้น
   
เมเออร์เผลอตัวสั่น เพราะร่างที่รัฟฟ์อัญเชิญมา
   
ไม่ใช่ใครที่ไหน
   
นอกจากร่างที่ถูกท่านพ่อสังหารไป !
   
“ จะ เจ้า... ” 
   
“ มีอะไร ? ” รัฟฟ์แสยะยิ้มรับขยี้ปลายเท้าบนหลังเมเออร์
   
ความแค้นแจ่มชัดในหัว
   
“ อึก.. ” เมเออร์เผลอไอเลือดออกมาอีกครั้ง
   
อย่างที่รู้กันว่า รัฟฟ์แทบไม่เหลือความอาลัยอาวรณ์กับความรู้สึกใดๆ แล้ว เป้าหมายชีวิตเหลือเพียงการแก้แค้น การทำให้ดินแดนภูตพินาศเช่นเดียวกับกลุ่มอสูรของตัวเอง
   
รัฟฟ์ลืมแม้กระทั่งความเลวร้ายในสิ่งที่ตัวเองกระทำ
   
อย่างการนำศพของผู้มีพระคุณมาใช้
   
เวลากัดกินความคิดของรัฟฟ์ช้าๆ แต่ลงแรงหนัก
   
ความคิดแปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้
   
ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
   
ทำให้รัฟฟ์กลายเป็นอีกคน
   
จากคนที่สุขุมเยือกเย็น
   
เป็นอีกบุคคลที่แม้แต่ตัวรัฟฟ์เองยังไม่รู้จักดี
   
เอลล์ไม่สนใจอสูรที่รัฟฟ์อันเชิญมา กระโจนเข้าใส่รัฟฟ์
   
การเห็นพ่อของตัวเองโดนทำร้ายไม่ใช่เรื่องที่เอลล์จะทนได้
   
ดาบศักดิ์สิทธิ์กวัดแกว่ง
   
รัฟฟ์เตะร่างของเมเออร์เข้าไปรับคมดาบแทน
   
เอลล์เบิกตากว้างชะงักดาบรับร่างของพ่อตัวเองมาด้วยแขนข้างเดียว
   
รัฟฟ์หัวเราะ “ เอาเลย ! ฆ่ามัน “ ตะโกนสั่งผู้มีพระคุณตัวเอง
   
อสูรร่างยักษ์ไม่ตอบแต่กระโจนเข้าไปหาทันที เวทย์มนต์สีดำทมิฬล่องลอยขึ้นจางๆ บนกรงเล็บ
   
“ คาร์บิลัส ! ” ฟาร์คัสตะโกนเรียกเพราะรู้ดีว่าตัวเองคงจะตั้งรับมันไม่ทัน แต่เสือสีดำของฟาร์คัสก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ พุ่งตัวเข้าไปขวางทางไว้
   
มือทรงพลังคว้าตัวเสือที่พุ่งเข้ามา เวทมนตร์สัมฤทธิ์ผลพุ่งเข้าครอบตัวสัตว์ตระกูลแมวขนาดยักษ์ทันที เสือของฟาร์คัสคำรนในลำคอตะเกียกตะกายพยายามหยันยืนขึ้นมาอีกครั้งหลังจากโดนทุ่มลงพื้นเป็นหลุมยักษ์
   
คาร์บิลัสไม่ตอบฟาร์คัสเช่นกัน โยนดาบของตัวเองพุ่งไปหาร่างอสูร ร่ายเวทเปลี่ยนดาบให้กลายเป็นมังกรยักษ์ตะครุบเข้าที่ร่างอสูร
   
ฮึ่มม
   
อสูรคำรามใส่มังกรที่ชนตัวเองจนต้องชะงักอยู่กับที่ ขนาดตัวที่ใกล้กันทำให้อสูรไม่สามารถจับร่างศัตรูทุ่มลงบนพื้นเช่นเดียวกับเสือดำได้
   
รัฟฟ์ขบเคี้ยวฟัน
   
เป็นอีกครั้งที่อยู่ในสถานการณ์เป็นรองเพราะอีกฝ่ายเยอะกว่า
   
คล้ายกับรับรู้อารมณ์ของรัฟฟ์
   
อสูรกู่ร้องคำรามเสียงดังลั่น เปลี่ยนเป้าหมายมาที่ฟาร์คัสที่อยู่ใกล้แทนทันที
   
ฟาร์คัสสะดุ้งเบิกตากว้าง
   
เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะกลายเป็นเป้าหมายต่อไป
   
กว่าจะรู้ตัว
   
ร่างของอสูรก็กระโจนเข้ามาใกล้
   
ฟาร์คัสกำลังจะร่ายเวทป้องกันตัว
   
ก็ถูกกรงเล็บของอสรูฟันเข้าที่ไหล่
   
ฟันขบแน่นกลั้นเสียงเจ็บปวด
   
แววตาของคาร์บิลัสกระหายเลือดทันที บรรยากาศรอบตัวหนักกว่าเดิม ดาบของคาร์บิลัสคล้ายจะมีเสียงกรีดร้องด้วยความโมโห
   
“ ฆ่าบี้ลัส ! ถอยไป แก๊ซ ” ดัฟฟ์กระโจนเข้าใส่อสูรก่อนคาร์บิลัส
   
เตะเข้าที่หน้าผากอสูร
   
ก่อนจะถูกอสูรจับจนห้อยต่องแต่ง
   
“ แง้ ! ” ดัฟฟ์งอแงในมือกอดนาซัสแน่น
   
รัฟฟ์มองภาพตรงหน้าอึ้งๆ   
   
เด็กตัวเล็กๆ ที่กระโจนเข้ามาช่วยอย่างไม่กลัวตาย
   
ภาพความทรงจำที่ถูกซุกซ่อนไว้ในส่วนลึกปรากฏในหัว
   
“ ห้ามยุ่งกับท่านพ่อข้านะ ” ภูตตัวเล็กเอากิ่งไม้มาไล่ตีหมาป่าที่เข้ามาใกล้พ่อของตัวเอง
   
รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งให้รัฟฟ์ มือขยี้หัวด้วยความเอ็นดู
   
“ ข้าไม่เป็นอะไรหรอกน่า ”
   
ความรู้สึกที่เคยหายไปกลับมาแทรกแซงหัวใจที่ว่างเปล่า
   
รัฟฟ์เผลอน้ำตาไหลไม่รู้ตัว
   
ตัวสั่นเทิ่ม
   
ในความเป็นจริงตัวตนเดิมของรัฟฟ์ไม่ได้หายไป
   
เพียงแค่ถูกทับถมเอาไว้ในส่วนลึก
   
ร่างอสูรยักษ์ค่อยๆ จางหายไป
   
รัฟฟ์ทรุดตัวกองบนพื้น
   
กอดตัวเองไว้นิ่งๆ
   
จิตใจที่แตกสลายถูกกระตุ้นด้วยกริชความทรงจำ
   
ย้ำลึกถึงความสูญเสีย
   
“ ท่านพ่อ ท่านพ่อ ”
   
รัฟฟ์คร่ำครวญใจลอย
   
เป้าหมายของรัฟฟ์มีไว้เพียงเกี่ยวรั้งไม่ให้ตัวเองสติฟั่นเฟือน
   
“ แก๊ซ ? ” ดัฟฟ์ตกแปะมายืนบนพื้น เห็นร่างที่ทรุดบนพื้นร้องไห้ก็เดินเข้าไปใกล้ มือเล็กๆ ลูบหัวปลอบโยนในฉบับเด็กๆ “ ไม่เป็นไรนะ แก๊ซ ” คลี่ยิ้มสดใส
   
สติสัมปัชญะถูกกระชากกลับเข้ามาในหัวรัฟฟ์ด้วยคำพูดสั้นๆ
   
ของเด็กตัวเล็กๆ
   
การกระทำทุกอย่างผุดขึ้นมาในหัวรัฟฟ์
   
จิตใจหนักอึ้งกับสิ่งที่ตัวเองกระทำไป
   
แต่ไม่ได้รู้สึกผิดถึงเรื่องแก้แค้น
   
รัฟฟ์หยัดตัวเองขึ้นมายืนช้าๆ ขยี้หัวดัฟฟ์เชิงขอบคุณ
   
“ แก๊ซ ” ดัฟฟ์ยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายเลิกร้องไห้แล้วส่งยิ้มให้ตัวเอง
   
เมื่ออสูรที่ทำร้ายฟาร์คัสหายไปเหลือเพียงนายของมัน
   
คาร์บิลัสโกรธมากเตรียมจะพุ่งเข้าไปฆ่าอีกฝ่ายให้เป็นชิ้นๆ แต่ถูกฟาร์คัสกอดเข้าข้างหลังซะก่อน “ พอแล้ว คาร์บิลัส แผลแค่นี้ข้าไม่ตายหรอกน่า ”
   
น้ำเสียงที่ถึงแม้จะไร้อารมณ์
   
ทำให้คาร์บิลัสสงบลงอย่างประหลาด
   
คาร์บิลัสกัดฟันกรอด “ เห็นแก่เจ้า... ” เก็บดาบเข้าฝัก แกะมือของฟาร์คัสออกสบมองบาดแผลลึกบนไหล่ สะกดกลั้นอารมณ์เดือดพล่านในตัว
   
มันกล้าทำร้ายฟาร์คัสของข้า..
   
อีกครั้งที่ข้าทำให้ฟาร์คัสบาดเจ็บ
   
แค่ปกป้องคนที่ข้ารักแค่นี้ ข้ายังทำไม่ได้
   
ข้าจะเป็นราชาปีศาจไปทำไมกัน
   
คาร์บิลัสทนดูบาดแผลไม่ได้
   
แผลลึกตอกย้ำถึงความอ่อนแอของตัวเอง
   
ทิ้งภาพลักษณ์ของราชาปีศาจที่แข็งแกร่ง
   
ฆ่าศัตรูได้เหมือนผักปลา
   
ฟาร์คัสถอนหายใจเซ็งๆ ยืดตัวลูบหัวคาร์บิลัสเชิงปลอบ “ มันก็แค่อุบัติเหตุ คาร์บิลัส ”
   
“ ข้าขอโทษ ” คาร์บิลัสหันกลับมามองหน้าฟาร์คัสชั่วครู่ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ
   
“ ขอโทษเรื่องอะไร ”
   
“ ... ”
   
“ ข้ายังไม่ตาย ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องขอโทษอะไรทั้งนั้น ”
   
“ ถ้าเจ้าตายล่ะ .. ” เสียงแหบแห้งหลุดมาจากลำคอของคาร์บิลัส
   
ฟาร์คัสยิ้ม
   
“ ข้าเชื่อว่าราชาปีศาจอย่างเจ้าไม่ปล่อยให้ข้าตายง่ายๆ หรอก ”
   
กดจูบแผ่วเบาบนริมฝีปากและผละออกมาทันที
   
เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เอลล์จึงเลิกสนใจรัฟฟ์หันมาสนใจพ่อของตัวเอง
   
ลมหายใจรวยริน
   
เอลล์พยายามร่ายเวทรักษาสุดความสามารถ
   
แต่ก็ไม่เป็นผล
   
ทั้งร่างและวิญญาณของเมเออร์บอบช้ำเกินไป
   
ที่ยังคงหายใจได้อยู่ก็ถือว่ามากพอแล้ว
   
เมเออร์คลี่ยิ้ม ยกมือสั่นๆ ของตัวเองลูบหัวเอลล์
   
เอลล์น้ำตาไหลพรากพูดอะไรไม่ออก
   
เห็นความเจ็บปวดในแววตา
   
เมเออร์ตระหนักถึงเวลาที่เหลือน้อยของตัวเอง
   
“ เอลล์.. ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรก็ตาม ”
   
ทิฐิที่มีค่อยๆ หายไป
   
ลดความข้องใจในการกระทำต่างๆ ของเอลล์
   
อย่างการสร้างพันธมิตรก็ให้ข้อดีไม่เลว
   
แต่พ่ออย่างข้ากลับทำมันพัง
   
“ เอลล์.. พ่อขอโทษ อึก ”
   
เมเออร์พยายามพูด
   
เอลล์กอดเมเออร์แน่น
   
“ สิ่งที่เจ้าพยายามทำขึ้นมา ข้าเผลอทำลายไปแล้ว ”
   
ลมหายใจของเอลล์สะดุด
   
ทวนความทรงจำในหัว
   
พบว่าอาคันตุกะจากต่างแดนนั้นเหลือน้อยจนน่าตกใจ
   
เหลือเพียงไม่กี่เผ่าเท่านั้น
   
“ พ่อขอโทษ..  ”
   
เมเออร์สบมองดวงตาเศร้าๆ ของเอลล์
   
เอลล์ยิ้มตอบ “ ข้ารู้ว่าท่านทำเพื่อดินแดนภูต ”
   
ไม่ว่าข้าหรือท่านพ่อ ก็ให้ความสำคัญกับดินแดนภูตทั้งนั้น
   
เมเออร์พยายามแค่นยิ้มออกมาแต่ทำไม่ได้ ความเจ็บปวดร้าวไปทั้งวิญญาณทำให้เมเออร์เผลอส่งสีหน้าเจ็บปวดให้เอลล์แทน
   
“ ขอรับ ท่านพ่อ ” เอลล์รับคำเสียงสั่น
   
เมเออร์ไม่ตอบรับอะไรครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด
   
คล้ายกับวิญญาณจะแตกเป็นเสี่ยง
   
เมเออร์หลับตาแน่นกระอักเลือดออกมาคำโต
   
“ ข้ารักเจ้านะ เอลล์ .. ”
   
คล้ายคำกล่าวลาครั้งสุดท้าย
   
ลมหายใจถูกช่วงชิงไป
   
เหลือเพียงร่างชราอดีตราชาดินแดนภูตนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
   
ลุกซ์เดินเข้าใกล้เอลล์ที่ก้มหน้าซ่อนน้ำตาของตัวเอง ลุกซ์ลูบหัวเอลล์เบาๆ “ ทำให้เรื่องนี้จบก่อนเถอะ เอลล์ ปัญหามันยังไม่จบ ”
   
เอลล์พยักหน้าหงึกหงักปาดน้ำตาตัวเองออกลวกๆ
   
“ ข้าจะพยายาม ”
   
ให้คำมั่นเสียงแผ่วเบา
   
“ ไม่ต้องกลัว.. ”
   
ลุกซ์ให้กำลังใจก่อนที่จะเดินไปเตะร่างที่ปลอมตัวเป็นราชาภูตในตอนนี้
   
“ โอ๊ย ! ”  ฟลอยด์ร้องเสียงดังลั่น ตาสว่างทันที ลุกพรวดมองหน้าลุกซ์เอาเรื่อง
   
ลุกซ์มองหน้าเอลล์ยิ้มบาง
   
เพราะรู้ดีถึงสิ่งที่เอลล์กำลังคิด
   
เอลล์ยิ้มตอบ
   
ไม่ว่ายังไงลุกซ์ก็อ่านข้าก็ทะลุปรุโปร่งจริงๆ
   
รัฟฟ์ไม่ได้หนีไปแม้ว่าจะมีโอกาสให้ตัวเองหนี
   
ไม่อยากเป็นพวกอ่อนแอที่เอาแต่หนีปัญหา
   
กระทำมันขึ้นมาและยอมรับในสิ่งที่ตัวเองกระทำ
   
รัฟฟ์แค่นยิ้ม
   
“ ลงโทษข้าตามสมควรเถอะ ”
   
คงจะไม่พ้นการประหารชีวิตเป็นแน่
   
“ ฆ่ามัน ! ฆ่ามันเลย ” ฟลอยด์โวยวาย น้ำเสียงเอาเรื่อง
   
ฟลอยด์เป็นอีกคนที่โกรธมากกับการกระทำของรัฟฟ์
   
เป็นอีกคนที่รักดินแดนภูตกว่าใครๆ
   
เอลล์ไม่สนใจในสิ่งที่รัฟฟ์พูด
   
ดวงตาสองสีของเอลล์สะท้อนภาพของภูตหน้าตาอ่อนเยาว์แต่อายุล่วงเลยมานาน
   
“ ความตายไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีหรอกนะ ” น้ำเสียงนุ่มของเอลล์ไม่เจืออารมณ์โกรธใดๆ
   
การกระทำของรัฟฟ์มีผลมาจากกระทำของภูตเช่นกัน
   
ฉะนั้นจะโทษอีกฝ่ายเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้
   
โลกใบนี้ไม่มีสิ่งที่ผิดหรือถูกที่สุด
   
“ แล้วจะทำอะไรกับข้าล่ะ เอลล์ ? ”
   
“ ท่านอาจารย์ก็ต้องทำหน้าที่ของท่านต่อไปสิ  ”
   
รัฟฟ์เลิกคิ้วงงๆ
   
“ อาจารย์ ? ”
   
เอลล์ยิ้มเมื่อเห็นสีหน้างุนงง “ ใช่ ท่านต้องดำรงตำแหน่งอาจารย์ไปตลอดชีวิตของท่านเพื่อชดใช้ความผิด ”
   
รัฟฟ์พยักหน้า
   
“ และท่านยังต้องไปช่วยฟื้นฟูดินแดนภูตให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ” เอลล์มองปราสาทของตัวเองที่ถล่มลงมาเศร้าๆ “ ทุกชีวิตที่ท่านทำให้สูญเสีย ข้าจะไม่เอาความท่าน แต่ข้าขอให้ท่านทุ่มเทกับดินแดนภูตในทุกๆ ด้านที่ท่านสามารถทำได้ ”
   
เป็นบทลงโทษที่เบาจนน่าแปลกใจ
   
รัฟฟ์คิด
   
“ ท่านคงจะแปลกใจที่บทลงโทษของท่านมีเพียงเท่านี้ ” เอลล์เหลือบมองท่านพ่อของตัวเอง “ แต่ข้าเข้าใจดีว่าความสูญเสียที่ท่านเผชิญอยู่.. ไม่ใช่เรื่องที่ทำใจรับได้ง่าย  ซึ่งต้นเหตุทั้งหมดก็มาจากภูต ”
   
รัฟฟ์มองร่างลูกศิษย์ของตัวเอง
   
ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองไม่มีความอาลัยหรืออะไรในตัวลูกศิษย์แม้แต่นิดเดียว
   
ตรงกันข้าม
   
เมื่อความรู้สึกที่ซุกซ่อนปรากฏขึ้นมาในจิตใจ
   
รัฟฟ์รู้สึกภูมิใจในตัวเอลล์แปลกๆ
   
เอลล์โตขึ้นกว่าเดิมมากจริงๆ
   
หลังจากที่พบกันครั้งล่าสุด
   
รัฟฟ์หัวเราะออกมาเบาๆ “ ข้ายอมรับบทลงโทษนี้ ไม่ว่าเจ้าจะสั่งให้ข้าไปฆ่าไปทำอะไร ข้าก็จะยอมทำทั้งนั้นเพื่อดินแดนภูต ”
   
กลับเข้าสู่อ้อมกอดดินแดนถิ่นกำเนิดของตัวเอง
   
ในฐานะนักโทษ
   
“ ท่านอาจารย์ ข้าจะลงเวทไว้กับท่านเพื่อเป็นคำสัญญา ท่านจะยินยอมไหม ” เอลล์หยิบดาบศักดิ์สิทธิ์ออกมาถือ พลังอำนาจมหาศาลไหลเวียนในตัวดาบ
   
“ ได้สิ ” รัฟฟ์ปล่อยมือออกจากหัวดัฟฟ์อย่างว่าง่าย เดินเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าเอลล์
   
ฟลอยด์แทบจะเข้าแย่งดาบเอลล์เพื่อตัดหัวอีกฝ่ายในจังหวะนี้
   
แต่ถูกทั้งคาร์บิลัสและฟาร์คัสขวางทางไว้
   
จึงทำได้แค่มองตามอย่างหงุดหงิด
   
เอลล์หลับตากระชับดาบในมือ ดาบในมือของเอลล์เปลี่ยนรูปทันทีหลอมเหลวจนคล้ายน้ำเหนียวหนืด ก่อนจะถูกหล่ออีกครั้งในรูปของปลอกคอสีทอง เอลล์กดปลอกคอเข้าที่คอของรัฟฟ์เบาๆ ปลอกคอสีทองส่งแสงเรื่อในลำคอของรัฟฟ์ ในมือของเอลล์ปรากฏดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ขนาดเล็กลงกว่าครึ่ง
   
“ ถ้าหากท่านทำอะไรก็ตามที่ทรยศต่อดินแดนภูต ปลอกคออันนี้บั่นคอของท่านอย่างไม่มีข้อแม้ ”
   
“ อืม.. ” รัฟฟ์สัมผัสกับโลหะสีทองเย็นๆ บนลำคอตัวเอง
   
คงต้องหาผ้าพันคอมาปกปิดเอาไว้
   
เอลล์หันมาสนใจฟลอยด์บ้าง
   
สบเข้ากับแววตาขุ่นเคือง
   
“ มองอะไร ”
   
ถามเสียงขุ่น
   
เอลล์ถอนหายใจรับรู้ถึงความโกรธของฟลอยด์ เดินไปหยุดยืนตรงหน้าอีกฝ่าย สูดหายใจเรียกสติของตัวเองไตร่ตรองกับการตัดสินใจของตัวเองครั้งสุดท้าย
   
กระชับมือที่จับดาบ
   
ฟลอยด์เบิกตาโพลง
   
หรือว่ามันประหารข้า
   
“ นี่เจ้า ! ”
   
เอลล์ยื่นดาบให้กับฟลอยด์
   
ฟลอยด์งงงแต่ก็เผลอรับมาถือ “ หมายความว่ายังไง ? ”
   
“ ข้ามอบตำแหน่งกษัตริย์ให้เจ้าไง ” เอลล์ยิ้ม
   
“ หะ ” ฟลอยด์รับคำ
   
แต่ในหัวยังไม่เข้าใจ
   
เอลล์มันให้ตำแหน่งราชากับข้า ?
   
บ้าน่า มันไม่ใช่สิ่งที่อยากจะให้ก็ให้กันได้ง่ายๆ นะ
   
ข้าฝันรึเปล่า
   
“ เจ้าอยากได้มัน ข้าก็จะให้กับคนที่เหมาะสม ” เอลล์ยิ้มบาง
   
เพราะข้านั้นไม่ได้เหมาะสมกับการราชาดินแดนภูตสักนิด
   
การกระทำเห็นแก่ตัวที่ข้ากระทำตอกย้ำถึงความอ่อนแอของข้า
   
ถ้าหากดวงตาของข้าทำให้ปีศาจหรือผู้อื่นคลุ้มคลั่ง
   
คงจะมีผู้สูญเสียมากกว่านี้
   
ข้ามันเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะเป็นราชาให้กับใคร
   
หลังจากเรียงเม็ดความคิดในหัวเสร็จก็พูดข่มเอลล์ “ รู้ตัวก็ดี ข้าต้องเป็นกษัตริย์ได้ดีกว่าเจ้าแน่ ” กวัดแกว่งดาบในมือเล่นอย่างย่ามใจ
   
“ แต่ยังไงเจ้าก็ต้องมีผู้ควบคุมอยู่ดี ” เอลล์หัวเราะ “ ไซริน ข้าขอฝากท่านควบคุมเขาไว้ด้วยแล้วกัน ” ตะโกนบอกไซรินที่ซุกซ่อนตัวในกลุ่มชาวภูต
   
ไซรินค่อยๆ คลานออกมา ไม่ได้หลับใหลตามไปแต่อย่างใด
   
“ ได้สิ ท่านเอลล์ ” รับคำเสียงใส “ แต่ถ้าหากเจ้านี่ทำอะไรไม่ดีข้า ข้าจะทำอย่างไรล่ะ ” คิ้วขมวดเคร่งเครียด
   
“ ฟ้องท่านอาจารย์สิ ”
   
ฟลอยด์สะดุ้งหันขวับไปมองไซริน “ ข้าไม่กลัว ! ”
   
ไซรินยักไหล่ “ เอาเถอะ มีชาวภูตอีกมากที่ข้ารู้จักและมากฝีมือ ถ้าหากเรียกมาช่วยพร้อมกัน เจ้านี้ก็ไม่น่ารอดหรอก ”
   
“ ขอบคุณนะ ไซริน ” เอลล์พูดเสียงนุ่มมองฟลอยด์ตรงๆ “ ฉะนั้นเพื่อเป็นการให้เกียรติเจ้าที่เป็นกษัตริย์คนใหม่แทนที่ข้า ข้าจะไม่อยู่ในดินแดนนี้แล้วกัน ”
   
ฟลอยด์ชะงักความคิดของตัวเอง ที่กำลังกู่ร้องถึงความดีใจที่ความพยายามมาอย่างยาวนานของตัวประสบผล “ เจ้าจะไม่อยู่ในดินแดนนี้ ? ”
   
มืออุ่นๆ ที่กระชับกับมือของเอลล์
   
ทำให้เอลล์มั่นใจในคำตอบของตัวเอง
   
“ อืม ข้าจะไปอยู่ดินแดนปีศาจกับมังกรไฟ ”
   
ฟลอยด์เงียบกับคำตอบของเอลล์
   
ความสัมพันธ์ที่เห็นได้ชัดระหว่างมังกรกับภูต
   
ฟลอยด์เงียบไปนานมาก “ ข้าขออวยพรให้พวกเจ้ามีความสุข ” และพูดประโยคที่คิดว่าตัวเองไม่คิดจะพูดกับอีกฝ่ายมาก่อนในชีวิต
   
ประโยคที่ออกมาใจจริง
   
ไม่ใช่การเสแสร้งหรือจิกกัดเหมือนดังทุกที
   
“ ขอบคุณ ”
   
รับคำขอบคุณของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
   
รัฟฟ์พูดบ้าง “ ข้าก็ขออวยพรให้เจ้ามีความสุขมากเช่นกัน ”
   
เอลล์ยิ้มรับอายๆ
   
ให้ตายข้าหลับไปตอนไหนกัน ?
   
อันตรายๆ
   
เสียงพูดคุยเริ่มดังขึ้นเมื่อเวทมนตร์ของอสูรหายไป
   
สติหวนคืนสู่เจ้าของร่าง
   
คล้ายสัญญาณบอกถึงเวลาที่สมควร
   
เอลล์ทอดมองรอบตัวด้วยแววตาอ่อนโยน ซึมซับความรู้สึกการเป็นราชาดินแดนครั้งสุดท้าย เผลอน้ำตาไหลเมื่อเห็นร่างของท่านพ่อทอดร่างอยู่บนพื้น
   
เอลล์ร้องไห้ออกมา
   
เสียงสะอื้นดังแผ่วเบา
   
ลุกซ์รวบตัวเอลล์มากอดแน่น ปลอบโยนอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำปลอบประโลม
   
คาร์บิลัสวาดวงเวทเคลื่อนย้ายบนพื้นพร้อมๆ กับดึงตัวฟาร์คัสมากอดไว้ด้วยแขนข้างเดียว มืออีกข้างคว้าคอเสื้อดัฟฟ์ที่งอแงจะเล่นกับนักโทษภูต เมื่อทุกร่างที่ต้องการจะไปยังดินแดนปีศาจอยู่ในวงเวทครบ คาร์บิลัสเอ่ยร่ายเวทจบปล่อยให้วงเวทนำพากลับไปยังดินแดนปีศาจ
   
เหลือไว้เพียงผู้ที่ดำรงอยู่
   
ได้ใช้ชีวิตต่อไป
   
แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด
   
เพิ่มเติมสิ่งที่ขาดหาย
   
ให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง

--------------------------

 :katai5: ตอนนี้ย้าวยาว 5555 เพราะเป็นตัวเคลียร์ปมด้วยแหละเลยยาวมาก

ใครมีอะไรสงสัยถามได้น้า ตอนนี้แต่งตอนเบลอๆ บ้างตื่นบ้าง หลายวันเลย

ตอนนี้ถือได้ว่าเป็นตอนจบของภาค์เอลล์ได้เลยแฮะ

เดี๋ยวตอนหน้าจะแต่งตอนอยู่แดนปีศาจแล้วก็อาจลามไปยังดินแดนนกบอกลางด้วย

# แต่ตอนนี้ไปนอนดีกว่า ง่วงมาก  :katai5:

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ  :L1:


--- ตอบเมนต์ ----

คุณ BlueCherries : ตอนนี้เฉลยหมดเลย ><

คุณ lizzii : มาแล้ว แก๊ซ !

คุณ rayaiji : ง่า ไม่เห็นตั้งนาน นึกว่าเลิกอ่านแล้ว 5555  :man1: // กอด



   
   
   
   
   
   
      
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   

ออฟไลน์ yamanaiame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
จบเรื่องชะทีนะ เอลล์.แก๊ชชชช

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
อุ่ยยย จำเราได้ด้วยยย 555 เราแอบตามอ่านอยู่เรื่อยๆล่ะ แต่อ่านในโทรศัพท์ไงมันพิมพ์ยาก เลยไม่ค่อยได้ตอบ  อยากให้ฟาร์คัสไปถล่มดินแดนนกบอกลางจุงงง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด