ตอนที่ 48
ถึงจะมีความตั้งใจดีแต่สถานะนักเรียนของกริสเซลก็ไม่ได้อำนวยขนาดนั้น แค่แอบปีนออกด้านหลังหอพักก็ถูกหมาสามหัวที่เฝ้าหอเห่าแทบเป็นแทบตายจนคนรู้กันหมดว่ามีนักเรียนห้องพิเศษกำลังหนีออกจากหอพักทั้งห้อง ผู้อำนวยการกิลเบิร์ตถึงกับมานั่งเฝ้าหอเพื่อไม่ให้นักเรียนในการดูแลของตัวเองหนีไปไหน
ทำให้กริสเซลต้องนั่งหน้าบูดขณะที่นั่งรวมอยู่กับเพื่อนบนพื้นลานประลอง
" พวกเจ้ามาหยิบดาบนี้แล้วก็ลองจับคู่สู้กัน "
อาจารย์ฝึกที่เป็นอดีตแม่ทัพพูดอย่างไร้อารมณ์ ทั้งใบหน้าและลำตัวกำยำเต็มไปด้วยบาดแผลมากมายจากการต่อสู้อันโชกโชน นัยน์ตาจับจ้องเด็กแต่ละคนและวิเคราะห์ในใจ
เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่พบกัน ในเวลาปกติเขามักจะได้สอนพวกเด็กโตหรือไม่ก็พวกเตรียมทหาร แต่ครั้งนี้เขาถูกผู้อำนวยการสั่งให้มาดูแลเด็กพวกนี้แทน
ซึ่งชื่อเสียงอันโชกโชนก็น่าจะบอกได้ดีว่า อาจารย์ทั่วไปคงจะเอาพวกนี้ไม่อยู่
" แต่ข้าเตรียมดาบของข้ามานะ ! " เฮย์พยายามอวดดาบของตัวเองที่เพิ่งอ้อนท่านพ่อให้ซื้อเพื่อเรียนวิชาการต่อสู้โดยเฉพาะ " ท่านพ่อบอกว่าดาบของข้าคมมากๆ ถ้าโดนฟันเข้าไปพวกเจ้าตัวขาดครึ่งกันหมดแน่ " พูดจบก็หัวเราะราวกับว่าสิ่งที่ตัวเองพูด
เป็นเรื่องตลกมาก
" เก็บดาบของเจ้าไว้ใช้คาบหน้าแล้วกัน ข้าอยากจะทดสอบพวกเจ้าว่ามีฝีมือกันขนาดไหน " อาจารย์ฝึกพูดอย่างไม่ใส่ใจและหันมาหยิบดาบไม้สำหรับเด็กโยนให้แต่ละคนรับอย่างแม่นยำ
ยกเว้นแต่..
" แก๊ซ ! เจ็บบบบ " ดัฟฟ์กุมหน้าผากตัวเองที่โดนด้ามดาบเข้าเต็มๆ ถ้าหากเป็นดาบจริงคงไม่วายหน้าหลุดไปครึ่งซีก
กริสเซลสะดุ้งถลาเข้ามาหาดัฟฟ์ " เฮ้ย ดัฟฟ์ เจ้าเป็นอะไรไหมเนี่ย !? เจ็บมากไหม "
" เจ็บสิ เจ็บมากด้วยย แก๊ซซซ " ดัฟฟ์ลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ น้ำตาคลอเบ้า ยิ่งหันไปมองนาซัสที่รับดาบได้อย่างแม่นยำก็ยิ่งรู้สึกหดหู่
ลาสเหลือบมองพลางบ่นเบาๆ กับโนแลน " ร้องไห้อีกแล้ว นี่ข้าร่วมห้องกับเด็กเพิ่งเกิดรึไงกัน ? "
" เจ้าก็ไม่ต่างกันนักหรอก วันแรกๆ ที่เรียนยังเอาแต่ร้องไห้จะกลับบ้านเลย " โนแลนตอบยิ้มๆ
คนถูกแขวะมองกลับดุๆ กระชับดาบไม้ในมือ " เจ้ากำลังทำให้ข้าหงุดหงิดนะ โนแลน !! " ตวาดจบก็พุ่งตัวเข้าใส่ทันที แต่โนแลนก็สามารถตั้งรับได้อย่างง่ายดายและสวนกลับมาอย่างดุดันจนลาสสบถและถอยหนีจากการคุกคามของดาบ
เพียงไม่นานการต่อสู้คู่ของโนแลนกับลาสก็จบลงด้วยดาบไม้ที่พาดอยู่บนคอลาสที่ล้มไปนอนบนพื้น
" เออ เจ้าชนะแล้ว " พูดเบื่อๆ
ลาสเป็นบุคคลที่วันๆ เอาแต่อ่านนิตยสารเสื้อผ้ากับรูปร่างหน้าตาของตัวเองฝีมือเชิงดาบย่อมเทียบไม่ได้กับโนแลนที่เกิดในตระกูลทหารที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเคี่ยวเข็ญฝีมือ
" ฝีมือดี " อาจารย์ฝึกชมอย่างตรงไปตรงมา ยิ้มพอใจเมื่อเห็นอะไรบางอย่างในตัวโนแลน " แต่ถ้าหากเจ้าอยู่ในสนามรบนี้ยังนับว่าช้าเกินไป เจ้าต้องว่องไวกว่านี้ การลงดาบของเจ้ายังไม่หนักแน่นพอที่จะฆ่าใคร "
อดีตแม่ทัพย่อมรู้จักโนแลนดีเพราะเป็นบุตรชายของรองแม่ทัพที่เคยเอาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาให้เห็นหน้าค่าตาอยู่ครั้งสองครั้ง จึงชี้แนะโดยไม่สนใจว่าเป็นเพียงเด็ก
สำหรับสงครามนั้นไม่เคยแบ่งแยกอายุ หากมีกำลังน้อยกว่าย่อมถูกฆ่าเอาง่ายๆ และเพลี่ยงพล้ำในที่สุด สิ่งที่อาจารย์ทุกคนและผู้อำนวยกิลเบิรต์ต้องการจะสอนคือโลกของความจริง
พวกเขาไม่มีวันรู้ว่าวันใดจะเกิดสงครามขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่สามารถคาดเดาได้ สิ่งที่ทำได้คือการตั้งรับด้วยการสั่งสอนเด็กๆ ให้รู้จักการใช้ชีวิต
" ขอบคุณที่ชี้แนะขอรับ " โนแลนรับคำอย่างนอบน้อมและดึงมือลาสที่ยื่นรอได้สักพักกระตุกขึ้นมายืน
" แง้ กริสเซล ข้า ข้าไม่เคยฟันดาบ " ดัฟฟ์ถือดาบด้วยมืออันสั่นเทา จนดาบสั่นจนมองเป็นรูปร่างไม่ชัด
" เอาน่า ฟันไม่เป็นก็ลองฟันดู ข้าว่าเจ้าก็ต้องเคยเห็นพวกเนื้อสัตว์โดนสับใช่ไหมล่ะ ? นั่นแหละ เหมือนกัน เจ้าก็คิดว่าคนอื่นเป็นเนื้อนิ่มๆ และเจ้าก็มีหน้าที่สับ "
ดัฟฟ์น้ำตาตัวเองออกเมื่อรู้สึกว่ามีแรงฮึกเหิมในอก " ฟังดูง่ายจัง ข้าอาจจะ ทำได้ก็ได้ แก๊ซ ! " หน้าเล็กๆ จิ้มลิ้มฉายแววความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม
กริสเซลเห็นแบบนั้นก็เริ่มยิ้มออก " เข้ามาเลย ดัฟฟ์ ข้าจะเป็นเนื้อหมูนุ่มๆ ให้เจ้าเอง "
โมลอคหรือเจ้าของคำคมประจำห้องได้ยินบทสนทนาเมื่อกี้พอดีก็เอ่ยคำคมที่คิดสดๆ ออกมา " ดาบไม้ก็คือดาบไม้ ย่อมไม่สามารถกลายเป็นมีดไปได้ "
" ข้าว่าคำคมเจ้านับวันยิ่งแย่นะ โมลอค " มังกรไฟผู้มีอารมณ์ร้ายอยู่เสมอตะโกนก่อนที่จะหลบดาบที่แทงเข้ามาของออสการ์
คนเป็นผู้เยียวยาระยะเริ่มต้นถึงกับจิตตกจนเดินแยกออกไปยืนข้างฟอร์ด เหยี่ยวคร่าวิญญาณที่ขี้กลัวที่สุดในห้องเรียนพิเศษ " ข้าคิดว่าข้ากำลังถูกทำร้ายทางจิตใจอย่างสุดซึ้ง "
ฟอร์ดเหลือบมองโมลอคขณะที่มือพยายามถือประคองดาบไม่ให้หลุดออกจากมือสั่นๆ " แต่ข้าว่าที่คาอิสพูดก็จริงนะ ฟังคำคมเจ้าทีไรข้าไม่เคยรู้สึกสงบเหมือนที่เคยฟังพ่อเจ้าพูดสักที "
โมลอคถึงกับลงไปนั่งหดหู่อยู่บนพื้น ปากพึมพำบ่นถึงความไม่เอาไหนของตัวเอง
" แง้ !!!! " ดัฟฟ์ร้องลั่นเมื่อดาบที่สมควรไปฟันบนตัวกริสเซลกลับโดนสกัดจนกระแทกหน้าตัวเอง
"เฮ้ย!!" กริสเซลร้องลั่นโยนดาบในมือทิ้งทันที "เป็นอะไรมากไหมดัฟฟ์? ข้าขอโทษ! ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะคิดว่าตัวเองเป็นหมูแล้วหั่นตัวเอง"
อาจารย์ฝึกมองดัฟฟ์ด้วยสายตาอ่านยากพึมพำกับตัวเองเบาๆ ว่าห่วยแตกสิ้นดี แต่ก็ไม่กล้าตำหนิออกมาตรงๆ เพราะรู้ฐานะของดัฟฟ์ดีว่าเป็นถึงลูกบุญธรรมของราชาปีศาจ
จึงได้แต่มองตามเงียบๆ
ดัฟฟ์ยิ่งได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งหดหู่กัดปากตัวเองเรียกสติ นิ้วสั้นๆ กระชับดาบไม้ในมืออีกครั้ง นัยน์ตาสีเทาและสีแดงลุกวาวอย่างมุ่งมั่น "แก๊ซ อีกครั้ง !!"
คนเป็นครูฝึกผิวปากยิ้มๆ
ก็ได้ความดื้อดึงของท่านคาร์บิลัสมาบ้าง
"เอ๋? เจ้าไม่เจ็บแล้วเหรอ ดัฟฟ์ ถ้าไม่ไหวบอกข้าได้นะ!" ปีศาจสิงโตถามอย่างกระวนกระวายแต่ก็ยอมก้มลงไปไปหยิบดาบบนพื้นมากระชับในมืออีกครั้ง
อาการเจ็บแปลบบริเวณหน้าผากประท้วงเบาๆ จนดัฟฟ์ยู่หน้า "ข้าไม่เป็นไร แก๊ซ.." แต่ไม่รู้ทำไมเสียงที่พูดถึงต้องแผ่วลงอย่างห้ามไม่ได้
"ในเมื่อเจ้าว่าอย่างนั้นก็เริ่มกันเลย! ดาบใช้ไม่ยากหรอก เจ้าแค่หาจังหวะดีๆ ในการแทงและหลบหลีกไม่ให้ดาบโดนตัวก็พอแล้ว" ไม่ว่าเปล่าย่างสามขุมไปหาดัฟฟ์ตั้งท่ามาตราฐานในการชูดาบที่ถูกบังคับเรียนตั้งแต่ปีที่แล้ว
ดัฟฟ์พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้มือสั่น จดจ้องท่าทางของกริสเซลและเลียนแบบ "ข้า ข้าจะฟันเจ้าแล้วนะ!" บอกอย่างตื่นกลัว เพราะนอกจากกินกับนอน มังกรดำตัวนี้แทบไม่เคยต่อสู้เลยแม้แต่ครั้งเดียวถ้าไม่นับตอนคืนร่างมังกรแล้วอาละวาดด้วยความหิว
"มาเถอะ ฮ่าๆ " กริสเซลหัวเราะร่ารู้สึกเอ็นดูดัฟฟ์มากกว่าเดิมและส่ายหางไปมาอย่างผ่อนคลาย
ปึ่ก
ดาบไม้กระทบเกิดเสียงดังเสียดหูก่อนจะตามด้วยเสียงแบบเดิมดังต่อเนื่อง
กริสเซลเบิกตากว้างเมื่อดัฟฟ์หลับตาแน่นและฟันมั่วๆ ใส่ตัวเองซึ่งแรงดาบแต่ละดาบก็ไม่ใช่น้อยๆ ทำเอาระลึกได้ว่าดัฟฟ์เป็นมังกรที่มีพละกำลังมหาศาล แต่ถึงจะตกใจยังไงกริสเซลก็ยังยิ้มรับและสามารถสกัดดาบของดัฟฟ์ได้ทุกอันโดยใช้แรงไม่มากนัก
อาจารย์ฝึกมองความมุ่งมั่นของดัฟฟ์ออกจึงเอ่ยแนะนำ "เวลาที่เจ้าลงดาบก็ต้องหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ไปด้วย ถ้าเจ้าสามารถฟันตรงนั้นได้เพียงดาบเดียวก็สามารถจบการต่อสู้ได้แล้ว"
ดัฟฟ์สะดุ้งเฮือกเหมือนเพิ่งได้สติและหอบแฮ่กจนลิ้นห้อยใช้ดาบค้ำตัวเองไม่ให้ล้ม
"ถือว่าทำได้ดีสำหรับผู้ที่ฝึกใช้ดาบไม้ครั้งแรก"
อดีตแม่ทักเอ่ยชมเพื่อเป็นกำลังใจให้กับดัฟฟ์ ถึงแม้ฝีมือนั้นจะไม่ได้โดดเด่นอะไรมากก็ตาม แต่ในระดับของเด็กเล็กๆ ก็ยังพออยู่ในเกณฑ์ไม่น่าเกลียดนัก
ในลานประลองยังคงเหลืออีกหลายคู่ที่ยังสู้กันและยังไม่ได้เริ่มต้นต่อสู้ ทำให้เฮย์ที่ยังหาคู่ต่อสู้ไม่ได้ตัดสินใจมาท้านาซัสสู้
" ฮู้วว นาซัส เจ้าเด็กน้อย เจ้าต้องมาสู้กับข้า เพราะมันจะเป็นเกียรติ์ของเจ้ามากๆ ที่จะได้สู้กับข้า" พูดไม่พอยังพยายามถือดาบด้วยท่วงท่าที่คิดว่าตัวเองเท่ที่สุด "น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้ลิ้มรสดาบที่พ่อข้าซื้อให้ ไม่เช่นนั้นเจ้าต้องร้องไห้ตั้งแต่เห็นมันแน่ๆ
ฮ่าๆ"
นาซัสพยักหน้าหงึกหงักอย่างขอไปที แววตาไม่ส่ออารมณ์อะไรมากนักเพราะไม่ได้สนใจคำพูดของเฮย์ นัยน์ตายังจับจ้องไปที่พี่ของตัวเองที่นอนกลิ้งบนพื้นไปมาส่งเสียงง้องแง้งว่าหิวมาก
"รับไปซะ คมดาบท่านเฮย์!!"
สัญชาตญาณบางอย่างในตัวผุดขึ้นในหัว จนนาซัสสามารถสกัดคมดาบของเฮย์ได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะรู้สึกงุนงงในตัวเองแต่ร่างกายกลับเป็นไปตามสัญชาตญาณไล่ฟันแทงกลับอย่างเชี่ยวชาญ แม้ว่าจะมีขนาดร่างกายเล็กกว่าแต่กลับรุกไล่จนเฮย์หน้าซีดถอยร่นแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมพยายามใช้ดาบไม้ฟันใส่สีข้าง
นาซัสขมวดคิ้วน้อยๆ เอี้ยวตัวหลบจับดาบไม้และกระตุกแรงๆ จนล้มทั้งคนทั้งดาบ
คนที่เห็นภาพนี้ต่างตะลึงงันโดยเฉพาะดัฟฟ์ที่อ้าปากค้างไปสักพักถึงได้สติ "นาซัส!! เจ้าเก่งจังเลย แก๊ซ !!" ยิ้มกว้างวิ่งมาหานาซัสและกอดแน่น "เจ้าต้องสอนข้านะ ข้าอยากเก่งๆ จะได้ปกป้องทุกคนได้! แก๊ซ"
นาซัสยิ้มกอดดัฟฟ์แน่นตอบ
"ฝีมือเจ้าดีมากๆ แต่เจ้ายังเด็กมาก" อาจารย์ฝึกขมวดคิ้วงุนงงขณะที่จ้องมองนาซัส
ถึงแม้วิถีดาบของเจ้าเด็กขี้อวดนั่นจะย่ำแย่แต่การตอบโต้ของนาซัสกลับดีจนน่าตกใจ ราวกับว่าเคยอยู่ท่ามกลางการต่อสู้หรือถูกฝึกฝนจนกลายเป็นสัญชาตญาณ
หรือว่าจิ้งจอกขาวนี่อาจจะไม่ใช่ปีศาจ?
ขมวดคิ้วเคร่งเครียด นัยน์ตาเป็นประกายกร้าวถึงความไม่ไว้วางใจ
แต่ท่านคาร์บิลัสฝากมากับดัฟฟ์ก็น่าจะพอวางใจได้
"เจ้าอายุเท่าไหร่ นาซัส" ถามอย่างใคร่รู้
นาซัสที่ถูกถามอึนไปสักพักค่อยๆ นับนิ้วของตัวเองก่อนจะขมวดคิ้วและส่ายหน้า "ข้าไม่รู้ขอรับ" เพราะทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นดัฟฟ์ ท่านพ่อ ท่านแม่แล้ว..
"ข้าไม่รู้จริงๆ"
พูดซ้ำราวกับกำลังตอกย้ำในความสงสัยของตัวเอง
นาซัสเริ่มคิ้วขมวดบ้าง รู้สึกงุนงงในชาติพันธุ์ของตัวเอง ความรู้สึกบางอย่างที่คล้ายกับถูกฝังลึกในใจกำลังพยายามบอกกล่าวอะไรบางอย่างในหัวมันแต่ไม่นานก็ถูกบางอย่างช่วงชิงความรู้สึกนั้นไปเหลือเพียงความว่างเปล่า
จิ้งจอกขาวโคลงหัวไปมาอย่างงุนงงเมื่อรู้สึกว่ายังไงก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาก็หันไปกอดหมับที่ตัวดัฟฟ์แน่น อย่างไรก็ตามความรู้สึกที่ชัดเจนในใจ คือมันมีดัฟฟ์เป็นพี่..
"เอาเถอะ ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ฝีมือของเจ้าถ้าถูกข้าขัดเกลาเรื่อยๆ ดีไม่ดีตำแหน่งแม่ทัพของข้าอาจจะกลายเ็้นของเจ้าก็ได้"
โนแลนมองนาซัสนิ่งด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ในคราแรกนั้นโนแลนไม่ได้ใส่ใจอะไรนาซัสมากมายเพราะเห็นเป็นเพียงเพื่อนร่วมห้องธรรมดา แต่สายตาตอนนี้กลับเป็นสายตาเย็นชาที่ใช้มองคู่แข่งของตัวเอง ตำแหน่งแม่ทัพเป็นตำแหน่งที่ทุกคนในตระกูลปรารถนาให้โนแลนเป็น และมันเองก็มีความตั้งใจที่ทำให้เป็นจริง!
ลาสลูบคอตัวเองเบาๆ ที่ๆเคยถูกดาบพาดไว้อย่างอ้อยอิ่งก่อนจะตบหลังโนแลนดังปั่ก กระซิบเบาๆ "ใจเย็นน่า ไม่มีใครกล้าแย่งตำแหน่งเจ้าหรอก ตำแหน่งน่ายุ่งยากพรรค์นั้นให้ฟรีข้าก็ยังไม่เอาเลย"
นัยน์ตาที่เย็นชาจึงถูกละลายลงจนเปลี่ยนเป็นละมุนละไม "เจ้าสัญญากับข้าแล้วว่าจะรับตำแหน่งช่างตัดเสื้อให้ข้านี่? อย่าลืมสิ ว่าท่านแม่ทัพต้องใส่เสื้อผ้าที่ดูดีอยู่เสมอ"
คนเจ้าสำอางตอบรับในลำคออย่างขอไปที ลูบแขนตัวเองที่ประดับไปด้วยกำไลอัญมณีที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากให้ความสวยงาม "น่าหงุดหงิดชะมัด ที่เราต้องมาเรียนซ้ำอีกปีเนอะ"
"ใครใช้ให้เจ้าไปทำลายตู้ขายโกโก้ของผู้อำนวยการล่ะ นั่นข่าวใหญ่โรงเรียนเลยนะ"
ลาสหน้าบูด "ก็ข้าไม่ชอบชุดโกโก้นั่นนี่นา งี่เง่าสิ้นดีและไร้รสนิยมมากๆ มองทีไรทำให้ข้าไม่มีอารมณ์กินข้าวหรือแม้แต่จะเรียน
สักวิชาข้าก็ไม่อยาก"
"กว่าข้าจะหาข้อแก้ตัวกลับมาเรียนซ้ำกับเจ้าก็เหนื่อยมากเลย ข้าจำได้"
ลาสไหวไหล่อย่างไม่ไยดี "ช่วยไม่ได้นอกจากข้าก็ไม่มีใครคบเจ้าเป็นเพื่อนเลย"
โนแลนยิ้มมุมปากไม่ปฎิเสธคำกล่าวหาก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นบางคนที่โผล่ออกมาจากวงเวทข้างหลังอาจารย์
"ท่านคาร์บิลัส!?" กริสเซลเป็นคนแรกที่อุทานดังลั่นและนัยน์ตาเป็นประกาย
คาร์บิลัสยิ้มตอบก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาลูกตัวเองที่ถูกปล่อยทิ้งไว้
"ฆ่าบี้ลัสสสสส !!"ดัฟฟ์โยเยวิ่งไปหาคาร์บิลัสทันทีพร้อมลากนาซัสไปด้วยพอเข้าถึงตัวได้ก็กอดขาราชาปีศาจแน่น "แง้ หายแล้วเหรอ ฆ่าบี้"
คนเป็นราชาปีศาจขมวดคิ้ว "เจ้าช่วยทำตัวให้มันดูสมเป็นลูกข้าหน่อยสิ ดัฟฟ์ แต่เอาเถอะ ข้าหายแล้วเจ้าไม่ต้องร้องไห้" ถึงบอกจะพร่ำว่าก็รวบเด็กสองคนขึ้นมาอุ้มตั้งท่าจะกลับเข้าวงเวท
"เดี๋ยวววววก่อนนนน ข้าขอไปด้วยสิขอรับ! ข้า ข้าเป็นเพื่อนของดัฟฟ์"กริสเซลวิ่งหน้าตั้งมาหาคาร์บิลัส ส่งสีหน้าชื่มชมออกมาอย่างไม่ปิดบัง
"เอากริสเซลไปด้วย แก๊ซซ กริสเซลเป็นเพื่อนข้า ใจดีมากเลย ใจดีกว่าฆ่าบี้ลัสอีก!"
คาร์บิลัสถลึงตามมองดัฟฟ์ "มาก็มา เข้ามาในวงเวทนี่ซะ ข้าแค่จะพาพวกเจ้าไปตัดชุด"
กริสเซลดีใจจนเกือบร้องเย้แต่ก็ปิดปากตัวเองได้ทันลนลานวิ่งเข้าไปยืนข้างคาร์บิลัส แอบใช้กรงเล็บตัดปลายเสื้อคลุมจนแหว่งและยัดใส่กางเกงตัวเอง สีหน้าของกริสเซลนั้นดีใจมากเพราะเจ้าตัวยิ้มแทบปากฉีก
"ท่านคาร์บิลัส ยังไม่หมดคาบเรียนเลยนะขอรับ"อาจารย์ฝึกทำความเคารพก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้าเจือกังวลเพราะลูกศิษย์หายไปถึงสามคน
"ไม่นานนักหรอก ซีดาร์" คนเป็นราชาปีศาจกระตุกยิ้ม "ถ้ากิลเบิร์ตมีปัญหาก็ให้มาคุยกับข้า" ไหวไหล่อย่างไม่ไยดีและดีดนิ้วดังเพื่อให้เวทเคลื่อนย้ายสัมฤทธิ์ผลพากลับไปยังปราสาท
พอท่านคาร์บิลัสลับสายตาไปพวกนักเรียนห้องพิเศษก็อวดครวญเสียงดังทันที
"เวรเอ้ย! ไอ้กริสเซลมันไวชะมัด เผลอแปปเดียวหนีเรียนไปซะแล้ว" คาอิสสบถเหลือบไปมองตรงที่เคยมีร่างทรงอำนาจที่สุดในดินแดนปีศาจก็อดสะท้านในใจไม่ได้ "ออสการ์"
"วะ ว่า" ออสการ์รับคำเสียงสั่นรู้สึกตะลึงไม่หายเมื่อรู้ว่าใครเป็นผู้ปกครองของดัฟฟ์และนาซัส เดิมทีคิดเอาไว้ว่าอาจจะเป็นพวกแม่ทัพตำแหน่งใหญ่ๆ ที่เส้นใหญ่พอที่สามารถยัดมาเรียนกลางเทอมแบบนี้ได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าเส้นของดัฟฟ์คือ ท่านคาร์บิลัส!!
"เจ้าว่าดัฟฟ์ จะฟ้องท่านคาร์บิลัสไหมเรื่องวันแรกที่พวกเราแกล้งน่ะ" คาอิสกลืนน้ำลายเอือกทุกใบหน้าดุๆ ของท่านคาร์บิลัสที่แปะไว้ที่บ้าน
"ข้าไม่เกี่ยวนะ วันนั้นเจ้าเป็นคนเตะดัฟฟ์และข้าเป็นคนปลอบดัฟฟ์ด้วย" ออสการ์ยิ้มออกเมื่อรู้ว่าตัวเองรอดแล้ว
"แต่ว่าเจ้าเป็นคนริเริ่มความคิดรับน้องนะ!" มังกรไฟโวยวายสีหน้าถมึงทึง
"แล้วเจ้าจะทำยังไงเล่า เจ้าโง่ ถ้าเจ้าโดนท่านคาร์บิลัสโกรธ อย่างน้อยก็มีข้าที่ยังรอด เสียสละเพื่อส่วนร่วมน่ะเจ้ารู้จักไหม ถ้าไม่ข้าจะให้โมลอคมาเทศน์เจ้า!"
คาอิสมองเพื่อนสนิทด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ "เจ้า!! อยากตายใช่ไหม ออสการ์" คว้าดาบเข้าไปฟัดออสการ์ด้วยความเคียดแค้นถึงขีดสุด
"งั้นเจ้าก็ขอโทษดัฟฟ์สิ เจ้างั่ง ถ้าท่านคาร์บิลัสมาเอาเรื่อง เจ้าก็บอกไปทักทายตามประสามังกร อีกอย่างท่านคาร์บิลัสเป็นแพะไม่ใช่มังกรซะหน่อย จะไปรู้ได้ยังไงเผ่าพันธุ์เจ้าทักทายกันยังไง" ออสการ์ตัดสินใจไม่โต้ตอบและวิ่งหนีแทนเพราะตัวเเองผิดเต็มๆ
"ข้าจะบอกท่านคาร์บิลัสว่าเจ้าสั่งให้ข้าทำ!" คาอิสคำราม
"บ้าที่สุด มังกรไร้สัจจะเอ้ย!" ออสการ์หันไปโวยวายก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อไปสะดุดดาบไม้ที่วางไว้เกลื่อนพื้นเข้าจนล้มกลิ้ง
คาอิสหยุดตัวเองได้ทันเห็นสภาพเพื่อนสนิทตัวเองก็หัวเราะดังลั่น "นี่เจ้ากลัวข้าขนาดนี้เลยเหรอ ออสการ์? ไม่ยักรู้ว่าเจ้าจะกลัวข้าขนาดนี้"
โดยไม่ทันรู้ตัวได้มีร่างใหญ่โตก้าวมาข้างหลังคาอิสช้าๆ และคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อ "วิชาของข้าไม่ใช่วิชาวิ่งเล่น ถ้าพวกเจ้าอยากวิ่งเล่นกันมากก็ลาออกกันไปซะ"
คาอิสสะดุ้งเฮือกหัวเราะแห้งๆ ส่วนออสการ์รีบลุกพรวดกลับไปรวมกลุ่มกับคนอื่นเป็นการเอาตัวรอด
"ขออภัยขอรับ ท่านอาจารย์"
ถึงแม้ปกติคาอิสจะไม่เห็นหัวอาจารย์สักเท่าไหร่แต่คงไม่ใช่กับอดีตแม่ทัพผู้โด่งดังคนนี้
ฉะนั้นถ้ายังอยากเรียนอย่างสงบสุขก็ต้องทำตัวเจี่ยมเจี้ยมเข้าไว้..
"แม่ แก๊ซซซซซ" ดัฟฟ์กระโดดออกจากแขนคาร์บิลัสทันทีที่เห็นฟาร์คัสยืนอยู่ไกลๆ พยายามวิ่งให้ไวเท่าที่ขาสั้นๆ สองข้างจะอำนวย
ฟาร์คัสยิ้มมุมปากลูบหัวดัฟฟ์เบาๆ เมื่อวิ่งมาถึงตัวเอง "เป็นไงบ้าง? ไปเรียน"
"แก๊ซ ข้าได้เข้าชมรมทำขนมด้วย!" ดัฟฟ์ยิ้มกว้าง
ฟาร์คัสชะงักไปสักพัก "อืม.. ดีแล้วล่ะ" ก่อนจะหันไปมองนาซัสที่ยืนมองตัวเองตาแป๋ว "เจ้าล่ะนาซัส? อย่าบอกว่าเข้าชมรมทำขนมเหมือนกัน"
ถ้าเข้าอีกคน ส่งไปโรงครัวดีกว่าไหม.. ฟาร์คัสคิดเซ็งๆ ในใจ
"อืม ดัฟฟ์ให้ข้าเข้าด้วย ข้าอยากกินขนมกับดัฟฟ์" นาซัสพยักหน้าหงึกหงัก
ฟาร์คัสถอนหายใจและขมวดคิ้วเมื่อเห็นชายเสื้อที่แหว่งไปของคาร์บิลัส "คาร์บิลัส ชายเสื้อเจ้าไปเกี่ยวอะไรมารึเปล่า?"
"หือ?" คาร์บิลัสมองตามที่ฟาร์คัสชี้และไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ "ช่างเถอะ อีกไม่นานข้าก็จะได้ใส่ชุดที่พิเศษกว่านี้แล้ว~~~"
ฟาร์คัสสบถเสียงเบาหน้าแดงเพราะรู้ดีว่าคาร์บิลัสหมายถึงอะไร
ชุดแต่งงานงี่เง่า...
ไม่รู้เพราะอะไรอยู่ๆ ดีงานแต่งงานข้ามันถึงได้ฤกษ์อีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า!
ไอ้แพะเวรนี่มันต้องเป็นคนเลือกวันเองแน่ๆ ไม่ใช่เพราะฤกษ์หรอก
"รีบๆ พาไปห้องตัดชุดสักที ดัฟฟ์กับนาซัสจะได้กลับไปเรียน" ฟาร์คัสตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องและต้องสะดุ้งเมื่อเห็นเด็กที่อายุพอๆ กับดัฟฟ์กำลังเอาหน้าถูกกับผ้าเช็ดหน้าขาดๆ?
"ดัฟฟ์นั่นเพื่อนเจ้าเหรอ"
"อื้อ ชื่อกริสเซล"
หลังจากดื่มด่ำกับเสื้อคลุมของคาร์บิลัสเสร็จก็ต้องสะดุ้งเมื่อตัวเองกลายเป็นจุดรวมสายตา "ข้า ข้าเป็นเพื่อนของดัฟฟ์ ข้า ข้า
อยากมาด้วย" พูดติดอ่างหน้าแดงอย่างประหม่าเพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่แขกรับเชิญในที่นี้
"งั้นเจ้าก็ไปตัดชุดพร้อมกับดัฟฟ์ นาซัสแล้วกัน"
"ไม่ได้ตัดพร้อมกัน?" ฟาร์คัสถามงงๆ
คาร์บิลัสยิ้ม "แน่สิ ก็ต้องมีช่างตัดสำหรับเด็กกับผู้ใหญ่ เดี๋ยวสักพักคอร์สจะมารับเด็กพวกนี้ไปเอง"
"แล้วเรื่องแม่งูเวลล์เจ้าจะทำยังไง? เจ้าแน่ใจเหรอว่าระหว่างที่ตัดชุดอยู่ มันจะไม่ไปฆ่าใครเข้า"
"ต่อให้มันมีชีวิตอยู่ก็ไม่น่าทำอันตรายอะไรได้แล้วล่ะ ข้าให้ชาคอสเอาลูกงูเวลล์ไปล่อแล้ว ดึกๆ น่าจะได้กลับมาขังกรงเลี้ยงดูเล่นอยู่"
"เจ้าจะเลี้ยงไอ้งูที่เกือบจะฆ่าเจ้าตาย?" มองคนเป็นราชาปีศาจด้วยสีหน้าอ่านยาก
"แต่ข้าก็ยังไม่ตาย มันไม่ได้ผิดอะไรที่ทำร้ายข้า มันก็แค่ทำตามสัญชาตญาณเท่านั้น " ก้าวยาวๆ มาหยุดยืนข้างฟาร์คัสและมองดัฟฟ์กับนาซัสเชิงไล่
"คอร์สมาแล้วนั่น พวกเจ้ารีบๆ ไปได้แล้วไป อ้อ อย่าลืมเอาเพื่อนเจ้าไปด้วย"
"แง้" ดัฟฟ์เบะปากเพราะรู้ว่าตัวเองกำลังโดนไล่
ผิดกับนาซัสที่พยักหน้าอย่างว่าง่ายจูงดัฟฟ์ไปหาปีศาจกระต่ายตัวอ้วนที่กำลังวิ่งมา
"กริสเซล!" ดัฟฟ์คว้าแขนกริสเซลให้เดินตามมาเพราะเอาแต่มองตามหลังคาร์บิลัสไม่ยอมก้าวตาม
กริสเซลปล่อยให้ตัวเองถูกดัฟฟ์ลาก ตากับยังคงจับจ้องแผ่นหลังสูงสง่าของราชาปีศาจ
เท่สุดๆ ไปเลย!!
ตะโกนในใจ
"กริสเซล?" ดัฟฟ์ขมวดคิ้วสะกิดแต่กริสเซลก็ยังไม่รู้สึกตัวจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
"ดัฟฟ์ พ่อของเจ้า ไม่สิท่านคาร์บิลัสนี่เท่ชะมัด ข้าอิจฉาเจ้าจังที่ได้อยู่ใกล้ๆ ท่านคาร์บิลัส ข้าอยากทำงานกับท่านบ้าง! ถ้าข้าทำได้จริงนะ ทุกคนที่บ้านข้าต้องดีใจมากแน่ๆ"
คอร์สที่วิ่งมาถึงและได้ยินประโยคเมื่อกี้พอดีถึงกับยิ้มแห้ง "ข้าเป็นกำลังใจให้เจ้านะ"
ราชาปีศาจที่ชื่นชอบการหนีออกจากห้องทำงานและใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับชายาตัวเองนี่น่าทำงานด้วยจริงๆ เหรอ..?
---------------------------
หายไปนาน
พอดีพี่ชายรับปริญญาค่ะแล้วพี่ก็เอาไข้หวัดใหญ่มาติด
พอติดก็ไม่สบายจนนอนโรงพยาบาลเพิ่งออกมาวันนี้ค่ะ 5555
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่า