『#ไม่ The Series』 - END จบแล้วจ้า #มีขายทั้งรูปเล่มและEbook [up22/7/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 『#ไม่ The Series』 - END จบแล้วจ้า #มีขายทั้งรูปเล่มและEbook [up22/7/60]  (อ่าน 462947 ครั้ง)

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อ้างถึง
คนอะไรใส่ของแพงได้ลุคชีปมาก! ฉันใช้ของก๊อบยังดูแพงกว่าแกเรย!
ป้าก็เป็นเหมือนหนูแหละเรย์เอ๊ย  เลยประหยัดเงินค่าแต่งตัวไปลงค่ากินหมด

อิพี่ป้องปากนางนี่บั่บว่า..........
เรย์มันไม่เมนท์สักนิดเลยเรื่องการแต่งสาวของอ้น  ความรู้สึกมันบียอนด์ไปแล้วสินะ

เดี๋ยวนี้อ่านๆแล้วไม่ค่อยได้เมนท์ค่ะ   มีอะไรให้ทำเยอะแยะมากจนอยากจะให้วันหนึ่งมีสัก 72 ชม.    เปิดพรีอิพี่ป้อง-อินางน้อย + อ้นศรีกับเรย์ศักดิ์เมื่อไหร่เดี๋ยวเจอกันค่ะ   ได้ข่าวว่าปลายปีสินะคะ

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
สนุกสิค่ะมารอตอนต่อไปแอบเล่นที่ทำงาน

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   บ้านของเรย์แม้จะหลังใหญ่อยู่ภายในซอยพลุกพล่านแต่ตัวบ้านก็เป็นอาคารสมัยเก่าสร้างกินพื้นที่เกือบทั้งหมดไม่เหลือส่วนสีเขียวของสนามหญ้าหรือพื้นที่ร่มรื่นสำหรับปลูกต้นไม้ เมื่อประกอบกับรั้วสูงสามเมตรจึงชวนอึดอัดบอกไม่ถูก ตัวบ้านทรงตึกหนาทึบดูบึกบึนด้วยเสาและระเบียงปูนไร้ความโมเดิร์น ภายใต้หลังคาเมทัลชีทถาวรนั้นพื้นที่นอกอาคารที่เหลือถูกดัดแปลงเป็นโรงรถติดตัวบ้าน และมันมีรถจอดอัดกันอยู่ถึงห้าคัน!
   สุนัขพันธุ์ผสมตัวเล็กขนยาวรุงรังราวกับผ้าขี้ริ้ววิ่งเข้ามาพลางเห่าอย่างยินดี ทว่าในจังหวะที่มันกำลังจะกระโดดขึ้นเกาะขาคุณหนูของบ้านนั่นเองเรย์กลับยกเท้าขึ้นยันเจ้าตัวเล็กแล้วตวัดไปมา เจ้าหมาน้อยไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกแกล้ง มันดีใจนึกว่าเจ้านายเล่นด้วยจึงพยายามพุ่งเข้ามาแสดงความรักกับเรย์อย่างสนุกสนานพลางกระดิกหางดิ๊กๆ
   ทำไมหนูรู้สึกเดจาวูจังเลยคะ!
   “Look! Who we have here! โอ๊ะ! เรย์พาเพื่อนมาด้วยเหรอลูก”
   กรี๊ด! นี่อาซิ้มที่ไหนเนี่ย!
   ผู้หญิงที่ออกมาต้อนรับเรย์นั้นแลดูมีอายุอย่างเห็นได้ชัด ผมทรงยีโป่งทำให้อ้นสยอง! การแต่งหน้าราวกับสาวยุคโบราณที่แต้มอายแชโดว์สีเข้มเป็นเส้นเฉพาะบริเวณหางตาดูล้าสมัยอย่างบอกไม่ถูก เมื่อประกอบกับรูปร่างอวบอ้วนรับกับใบหน้ากลมดิกที่ยิ้มจนตาหยีแล้วแลดูละม้ายคล้ายแป๊ะยิ้มเหลือเกิน และอ้นไม่เห็นเค้าของเรย์บนใบหน้านั้นเลยแม้แต่น้อย!
   ในขณะที่อ้นกำลังแอบวิจารณ์แม่เพื่อนในใจ นางกลับไม่ใส่ใจเพื่อนตุ๊ดที่ลูกชายพาเข้าบ้าน แม้จะเห็นว่าลูกชายพาเพื่อนมาด้วยแต่เธอก็พุ่งเข้ามาสวมกอดลูกชายคนเล็กอย่างยินดี
   “Hi ma. This’s Aon, my friend”
   ขุ่นพระ! อีแว่นสปีกอิงลิชกับแม่แถมยังเรียกว่า “ม้า” ด้วย!
   แม้จะแอบทึ่งแต่อ้นก็ไม่ลืมมารยาท เขายิ้มแล้วยกมือไหว้แม่ของเรย์ด้วยความสุภาพอ่อนน้อม
   “สวัสดีค่ะคุณแม่”
   แม่ของเรย์รับไหว้อ้นด้วยการกอดตอบ ทันใดนั้นกลิ่นคุ้นจมูกก็โชยมา
   อีฟลินโรส! แม่มันใช้กลิ่นนี้จริงๆ ด้วย นี่รสนิยมฉันเหมือนอาซิ้มแก่ๆ เหรอเนี่ย? แต่อ๊าย! หอมอะ!
   “ไป เข้าบ้านกันเถอะ แม่สั่งหมูหันเจ้าโปรดของเรย์มาด้วยนะ พาเพื่อนไปกินข้าวสิเรย์ แล้วพวกนายเมฆ นายหิน นายเทพล่ะ ไม่ชวนพวกเขามาด้วยเหรอ?”
   อะไรนะ! หมูหัน! แดกหรูนะยะอีแว่น!
   “I told you, เทพอยู่เชียงใหม่ เมฆอยู่ไหนก็ไม่รู้ ไม่มีใครว่างหรอก”
   “แล้วหินละลูก?”
   “ขี้เกียจชวน”
   อ้นฟังแล้วก็ทำหน้างง แต่เขาเลือกที่จะยิ้มแล้วเก็บอาการ เรย์เดินนำเข้าบ้านไปก่อน แม่ของเรย์จึงหันมากระซิบ นางยังคงโอบอ้นไว้ไม่ยอมปล่อยมือ
   “ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนเรย์นะหนู เขาไม่ได้บอกใช่มั้ยว่าพรุ่งนี้วันเกิดเขา”
   อะไรนะ! วันเกิดอีแว่น!
   “เค้าบอกแต่ว่าวันเกิดหลานค่ะ เค้าชวนหนูไปเลือกของขวัญให้หลาน”
   เห็นสีหน้างงๆ จากเพื่อนของลูกชายคนเล็กแล้วผู้เป็นมารดาก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
   “เพราะวันเกิดใกล้กับหลาน หลานคนแรกน่ะหนูปู่เค้าก็เห่อ พักหลังพอต้องฉลองรวมกันก็เลยน้อยใจไม่เข้าเรื่อง เรย์เขาขี้ใจน้อย เป็นเพื่อนเขาหนูต้องอดทนหน่อยนะลูก”
   สีหน้าแบบ “แม่ฝากลูกชายแม่ด้วย!” ทำให้อ้นงง!
   “ค่ะ”
   มนุษย์ตุ๊ดรับคำขอร้องจากมนุษย์แม่แบบงงๆ!
   ทำไมฉันรู้สึกเหมือนถูกยัดเยียด!

   เอิ่ม... แล้วตุ๊ดควรจะทำเช่นไร? บอกหนูทีหนูควรทำยังไง!
   อ้นถูกจับให้นั่งข้างๆ เรย์บนโต๊ะอาหาร โต๊ะอาหารของบ้านเรย์เป็นโต๊ะกลมหินอ่อนแบบหลุยส์ตัวใหญ่ที่จุได้ถึงสิบที่นั่ง เรียงลำดับโดยมีแม่นั่งทางซ้ายมือของพ่อ ส่วนด้านขวามือนั้นเป็นพี่ชายคนโตกับลูกเมีย ถัดจากนั้นจึงเป็นพี่ๆ ของเรย์ตามลำดับ
   ปกติแล้วเรย์ควรจะนั่งถัดจากพี่ชายคนที่สี่แล้วมีอ้นอยู่ระหว่างเขากับแม่ ทว่าอ้นค้นพบว่าเขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีพี่ชายบางคนหมั่นไส้เรย์ แม่ของเรย์ให้อ้นนั่งตรงกลางระหว่างเรย์กับแอนดี้ แล้วหลังจากนั้นนางก็มัวแต่เอาใจลูกชายคนเล็กราวกับเรย์เป็นเด็กสามขวบแทนหลาน!
   คนสวยแต่งมาหน้าแน่นมาก แล้วจะให้มาใช้ตะเกียบแงะกระดองปูเนี่ยนะ!
   อาหารบนโต๊ะสุดแสนจะพิสดาร อ้นไม่แปลกใจที่มีหมูหันและเป็ดปักกิ่งวางอยู่บนโต๊ะเพราะพอจะรู้ว่าเรย์มีเชื้อจีน ทว่าการที่ฝากหนึ่งของโต๊ะเป็นอาหารเหลาส่วนอีกฟากหนึ่งเป็นซีฟู้ดแบบจัดเต็มแถมยังมีไก่ย่างและส้มตำสีจืดชืดวางอยู่นี่มันอะไรกั๊น!
   อ้นมองพี่ชายของเรย์นั่งแทะกุ้งเผาอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็หมั่นไส้ปนอิจฉา อีกฟากเด็กน้อยก็กำลังเรียกร้องให้คุณแม่เขี่ยพริกออกจากส้มตำให้ ส่วนเรย์ รายนี้ก็มีมารดาคอยคีบอาหารเอาใจไม่ขาด
   “ทำไมทานน้อยจังครับ”
   เสียงหนึ่งทักขึ้น อ้นจำไม่ได้ว่าเป็นเสียงของใครจึงหันไปดูแล้วพบว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองเขาอยู่ หนึ่งในพี่ชายฝาแฝดของเรย์แต่อ้นจำไม่ได้ว่าเป็นอเล็กซ์หรือแอรอน เขาใส่แว่นเช่นกันแต่บุคลิกกลับแตกต่างไปจากเรย์ ท่าทางของเขาสุภาพและมีรอยยิ้มอบอุ่นอยู่บนใบหน้าเสมอ ทำให้แม้จะมีใบหน้าคล้ายกันแต่พี่ชายคนนี้ดูอ่อนโยนกว่าเรย์สิบเท่า!
   “อาหารไม่ถูกปากหรือครับ?”
   “ไม่ค่ะ คือหนู...”
   หนูอยากกินแต่ไม่อยากมูมมามค่ะ นี่ถ้าอยู่บ้านหนูดูดหัวกุ้งไปแล้ว!
   “เรย์มอนด์ ทำไมยูไม่ดูแลเพื่อน”
   “Stop nagging lah!”
   อ้นตกใจที่เรย์ขึ้นเสียงตอบพี่ชาย เขาเหลือบตาไปมองเรย์และเห็นว่าเพื่อนหน้าเสียเล็กน้อย มีการสื่อสารทางสายตาว่าขอโทษเล็กๆ จากเรย์ อ้นลอบมองไปรอบๆ ยังเห็นคนอื่นนั่งทานข้าวเหมือนนี่เป็นเรื่องปกติ มีเพียงพี่ชายคนนั้นของเรย์เท่านั้นที่เริ่มจะทำคิ้วขมวดตามเรย์แล้ว
   โอย บ้านนี้ชอบขมวดคิ้วทำหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับกันทั้งบ้านเหรอคะ!
   แต่แล้วก็มีเนื้อกุ้งขาวๆ ชิ้นใหญ่วางลงบนจานของอ้น เป็นคนข้างๆ เขานั่นเอง
   “กินสิ ไม่ต้องรอมันแกะให้หรอก มันไม่เคยแกะกุ้งกินเอง อยากกินอะไรก็ตักเลยไม่ต้องเกรงใจ”
   คือหนูเกรงใจเครื่องสำอางบนหน้าหนูค่ะคุณพี่ อ้าปากมากๆ แล้วเดี๋ยวรองพื้นหนูตกร่อง!
   “ขอบคุณค่ะ”
   “เราแพ้อาหารทะเลหรอก เราไม่ชอบกินกุ้ง”
   เรย์แก้ตัวพร้อมกับวางชามแบ่งที่เต็มไปด้วยซุปเยื่อไผ่ให้อ้น
   “อยากกินอะไรก็หมุนเอาเลย ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
   แม้ว่าโต๊ะอาหารของบ้านเรย์จะมีแผ่นหินหมุนได้อยู่ตรงกลางทำให้เลือกตักอาหารได้สะดวก แต่ผังที่นั่งและการจัดลำดับที่มักจะมีแต่ของชอบอยู่ตรงหน้าทำให้ไม่ค่อยมีใครเลื่อนถาดรองกันนัก อีกทั้งยังมีคนคอยหยิบตักอาหารตลอดเวลาอ้นจึงไม่ค่อยกล้าลงมือ และคำพูดของเรย์ก็ทำให้บรรยากาศตายสนิท!
   ย่ะ เหมือนที่แกไม่เกรงใจใครใช่มั้ย! มาอิจฉาเด็กสามขวบเนี่ยนะอีแว่น!
   แม้จะอึดอัดแต่อ้นก็อิ่มอร่อยกับอาหารเลิศรสจนแน่นพุง ขาปูและกุ้งถูกวางไว้ในจานเหมือนบังคับให้อ้นต้องจัดการ ฝั่งเรย์ก็ไม่น้อยหน้าหลังจากเห็นพี่ชายคนที่สี่แขวะผ่านอ้นแล้วเขาก็มีพัฒนาการคอยถามอ้นว่าอยากได้อะไรเพิ่ม แต่ลงท้ายเจ้าตัวก็ตักมาให้แต่เฉพาะอาหารที่เขาชอบ และดูเหมือนอ้นจะค้นพบว่าของที่เรย์ตักมาให้อร่อยถูกใจทุกอย่าง
   หลังอาหารคาวเค้กปอนด์เคลือบช็อกโกแลตขนาดใหญ่ถูกยกออกมา ทุกคนร่วมร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้หลานคนแรกของบ้านกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มยกเว้นเรย์ที่ทำหน้าเซ็ง แต่ลงท้ายเขาก็ยอมหยิบของขวัญออกมาให้หลานแต่โดยดี ทว่าพอถึงเวลาที่เด็กจะได้ตัดเค้กเสิร์ฟทุกคนอย่างสนุกสนานปุ๊บเรย์กลับลากอ้นหนีขึ้นมายังชั้นสามของบ้าน
   “แกจะพาฉันไปไหน?”
   “อิ่มแล้ว เราง่วง ไปหาที่นอนกัน”
   “อีบ้า! เค้าตัดเค้กกันอยู่ข้างล่างนะ?”
   “นายชอบกินเค้กช็อกโกแลตเหรอ?”
   “เอาจริงๆ ก็เปล่าอะ แต่มันจะไม่เสียมารยาทเหรอแก?”
   ช็อกโกแลตนี่ของโปรดฉันเลยย่ะ แต่ไม่อยากกินเยอะอะ อ้วน!
   “ไม่หรอก”
   เรย์ตอบพร้อมกับผลักประตูบานหนึ่ง เขาดึงอ้นเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูตามหลัง พอกดปุ่ดเปิดแอร์เสร็จเรย์ก็ทิ้งตัวลงนอนยาวบนโซฟากลางห้อง อ้นมองชุดโฮมเธียเตอร์ในห้องแล้วถึงกับตาค้างเพราะขนาดของจอโทรทัศน์ที่ใหญ่ถึงเก้าสิบนิ้ว! พอสังเกตดูดีๆ แล้วเขายังค้นพบอีกว่าโซฟาที่เรย์นอนอยู่เป็นโซฟาหนังแท้สีขาวสะอาดตา นอกจากนี้บนพื้นยังมีหนังวัวผืนใหญ่ปูแทนพรม
   ขุ่นพระ! เกิดมาหนูพึ่งเคยสัมผัสของไฮเอนขนาดนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต!
   “ดูทีวีได้นะ”
   “อืม”
   อ้นชักทำตัวไม่ถูก อยู่ๆ เรย์ก็ดื้อไปส่งเขากลับห้อง วันต่อมาก็ชวนเขาไปซื้อของให้หลานแต่เช้าก่อนจะลากเขามาที่บ้าน แถมเขายังค้นพบว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเรย์อีกต่างหาก เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างเรย์และพี่ๆ ที่บ้านแล้วอ้นเครียดแทน
   อ้นนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเรย์เมื่อเห็นเรย์ขดตัวนอนตะแคง เขานั่งลงตรงที่ว่างถัดจากศีรษะของเรย์ที่คนนอนจงใจขยับตัวเว้นที่ไว้ให้ หนุ่มแว่นถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะกลางใกล้มือแล้วซุกหน้าลงกับหมอนอิง อ้นหยิบรีโมทมาลองเปิดโทรทัศน์จอยักษ์แต่เมื่อกดปุ่มเปิดเครื่องแล้วดันมีเสียงกระหึ่มดังออกมาจนเขาตกใจ!
   “ว้าย!”
   อ้นลนลานรีบหาปุ่มลดเสียงทว่าเขาหาไม่เจอ
   “เรย์ มันลดเสียงตรงไหนอะ? ฉันหาไม่เจอ”
   “ใช้รีโมทอีกอันลดเสียงที่ลำโพง”
   “อันไหนอ้า แกตื่นมาดูให้ฉันก่อน”
   อ้นคว้ารีโมทสีดำอีกสองอันที่วางอยู่บนโต๊ะพลางสะกิดไหล่ของหนุ่มแว่นยิกๆ เรย์จึงชันตัวขึ้นแล้วคลำรีโมททั้งสามอันก่อนจะกดปุ่มที่ถูกต้องบนรีโมทอันที่ใช่อย่างชำนาญ และแล้วเขาก็ทิ้งตัวลงนอนต่อ
   อ้นมองอากับกิริยาแบบเด็กๆ ของเรย์แล้วก็แอบถอนหายใจ ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว
   “เรย์...”
   “อาฮะ”
   “พรุ่งนี้วันเกิดแกเหรอ?”
   “รู้ได้ไง?”
   “แม่แกบอก”
   แปลว่าไม่เคยเปิดเฟซดูเลยนี่หว่า
   เรย์เงียบเพราะน้อยใจ แต่อ้นไม่เข้าใจ
   “นี่ ทำไมแกไม่บอกฉันล่ะ? ฉันเลยไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ให้แกเลย”
   “แค่อยู่กับเราก็พอแล้ว”
   เรย์งึมงำตอบพร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือของอ้นแล้วดึงแขนไปกอด
   อีแว่น!
   อ้นอยากกรี๊ดแต่ยังมีความเกรงใจอยู่จึงได้แต่อดทน
   “ได้ไง แกให้ของขวัญฉันตอนปีใหม่ ฉันควรจะให้อะไรแกกลับบ้าง”
   “อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเราก็พอ ห้ามหนีกลับนะ เดี๋ยวไปส่ง”
   เรย์พูดแค่นั้นแล้วก็หลับ อ้นแปลกใจตัวเองที่ใจอ่อนยอมนั่งเฝ้าคนหลับ แต่ในเมื่อถูกยึดแขนไว้แล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายจึงนั่งดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ
   เวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงลูกบิดประตูก็ถูกหมุนก่อนจะค่อยๆ แง้มออก พี่ชายคนที่สี่ของเรย์หรือแอนดี้โผล่หน้าเข้ามาในห้อง พอเห็นเรย์หลับเขาก็ถามอ้นเสียงเบา
   “มันหนีขึ้นมาหลับเหรอ?”
   “ค่ะ”
   อ้นทำตัวไม่ถูกเมื่อแอนดี้ปรายตามองมายังแขนของเขาที่ถูกเรย์ยึดไว้แล้วยิ้มมุมปาก
   “ม้าให้ขึ้นมาดูว่ามันทำอะไรอยู่”
   “เรย์หลับค่ะ เมื่อคืนเขากลับดึกมาก วันนี้ก็ออกแต่เช้า คงง่วงอะค่ะ”
   อ้นพยายามตอบแทนเรย์ทว่าคนฟังๆ แล้วกลับแสยะยิ้มมากกว่าเดิม
   “ห้องนี้เป็นห้องโฮมเธียเตอร์ ผนังหนามาก ซับเสียงสุดๆ ม้าเห็นหายมานานเลยให้มาดูว่าทำอะไรกันอยู่”
   อยู่ๆ อ้นก็รู้สึกอาย เขาหน้าแดงเพราะคำพูดกำกวมเชิงดูถูก
   “ระวังเอาไว้หน่อยก็ดี มันชอบเอาแต่ใจ อย่าเผลอตามใจมันมากล่ะเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน หึๆ”
   แอนดี้หัวเราะทิ้งท้ายไว้เบาๆ แล้วออกจากห้องไป เขาล่ะสงสารตุ๊ดดวงซวยคนนี้จริงๆ เมื่อลงมาถึงชั้นล่างแล้วพบกับมารดาจึงรายงานไปตามที่เห็น
   ส่วนที่ด้านบน ในห้องโฮมเธียเตอร์ อ้นนั่งเกร็งทั้งโกรธทั้งอาย
   ถึงหนูจะเป็นตุ๊ดแต่ก็ไม่ได้ง่ายนะคะ! ถ้าหนูง่ายหนูนอนแหกขาให้อีป้องรับผิดชอบไปนานแระ อารมณ์เสีย!

   ตอนที่เรย์ตื่น เขารู้สึกว่ามือของตัวเองว่าง แขนที่เคยกอดอยู่นั้นหายไปแล้ว เรย์หงุดหงิดทว่าพอคิดได้ว่าคนที่บ้านไม่มีทางปล่อยอ้นกลับโดยไม่มาปลุกเขาเรย์ก็เบาใจขึ้น เขาออกจากห้องโฮมเธียร์เตอร์ลงไปด้านล่าง เมื่อเจอหน้าสมาชิกครอบครัวก็ถามหาอ้นทันที
   “Alex, Where's my friend leh?”
   “Friend meh?”
   “Shut up!”
   เมื่อเห็นเรย์โกรธทำท่าจะเดินหนีอเล็กซ์จึงหัวเราะ
   “With Hana lah.”
   เรย์พบอ้นกำลังเล่นบ้านตุ๊กตาอยู่กับฮานะ เขาแอบมองอ้นที่กำลังเล่นตุ๊กตากับเด็กอย่างมีความสุขแล้วรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง เรย์ตัดสินใจไม่รบกวนสาวๆ ตั้งใจว่าเดินไปหาของกินในครัวแทน ทว่าพอหันหลังกลับไปก็พบว่าม้ายืนมองเขาอยู่
   “ตื่นแล้วก็ไปหาป๊าซะหน่อยนะเรย์ ป๊าเขามีเรื่องจะคุยกับเรย์”
   เอาป๊ามาอ้างอีกแล้ว!
   ภายในห้องนั่งเล่นอีกห้องหนึ่งป๊าและเฮนรี่กำลังรอเรย์ ที่นั่นมีอเล็กซ์นั่งยิ้มอยู่ด้วย เรย์รู้ตัวว่าเขาจะต้องโดนชุดใหญ่แน่นอน ผู้ที่เปิดฉากสัมภาษณ์เขาคือเฮนรี่ไม่ใช่ป๊าตามคาด!
   “งานเป็นยังไงบ้างเรย์?”
   “ก็ดี”
   “ไออุตส่าห์ฝากเพื่อนให้ช่วยดูแลยู อย่าทำให้ไอผิดหวังนะ”
   “ถ้าไม่ชอบยูกลับมาทำโรงงานของเราก็ได้”
   อเล็กซ์แทรกขึ้นแต่นั่นไม่ได้ทำให้เรย์รู้สึกดีเลย
   “ไอทำได้! ไอดูแลตัวเองได้”
   เรย์หงุดหงิดไม่น้อย เขาหรืออุตส่าห์เรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับสองเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าเขาก็ทำได้ แต่พอเขาจะขอทำงานที่ใจรักคนที่บ้านกลับมองว่าสิ่งนั้นเป็นแค่งานอดิเรกไม่น่าจะเลี้ยงตัวเองได้ เขาถูกจับยัดให้ไปทำงานกับคนอื่นมีคำขู่ห้ามทำให้คนฝากขายหน้ามาเป็นหลักประกัน
   เรย์ยอมทำสัญญากับพี่ชายยอมทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนเพื่อแลกกับคอนโดที่เขาจะได้อยู่อย่างอิสระ โดยมีข้อแม้ว่าเรย์จะต้องผ่อนคอนโดต่อเองและห้ามค้างค่างวดโดยเด็ดขาด หากเรย์ยังไม่สามารถปิดหนี้คอนโดได้ก็เท่ากับว่าเขายังไม่โตพอ แต่เรย์ไม่เคยหวังผลกับรายได้จากเงินเดือน ถึงเขาไม่เคยบอกใครถึงตัวเลขที่ได้มาจากงานอดิเรก แต่เรย์ก็มีเงินมาโปะคอนโดได้สบายๆ และเรย์คาดว่าเขาจะจัดการหนี้ก้อนนี้ได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี
   แต่อย่างไรเรย์ก็จำเป็นต้องรักษาหน้าให้พี่ชาย เด็กฝากอย่างเขาจำใจต้องทำงานให้ดีเยี่ยมห้ามผิดพลาดจะได้ไร้คำครหาและไม่ต้องสะทกสะท้านต่อคำพูดนินทาของมนุษย์เงินเดือนคนอื่นๆ ในออฟฟิศ
   ป๊ายังไม่เห็นจะพูดอะไร! ยุ่งชะมัด! อีกคนก็น่ารำคาญ!
   มองหน้าน้องคนเล็กที่ทำหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์แล้วเฮนรี่ก็ต้องถอนหายใจ ดื้ออย่างไรก็ดื้ออย่างนั้น เอาแต่ใจจนไม่เห็นหัวคนในบ้าน!
   เมื่อเห็นท่าไม่ดีอเล็กซ์จึงเปลี่ยนเรื่อง
   “ไม่เห็นเคยเล่าถึงเพื่อนคนนั้นเลย สาวใหม่เหรอ? ป๊ากับม้าเขาอยากรู้”
   “ป๊าม้าหรือยูอเล็กซ์?”
   ป๊าถึงกับส่ายหัว เห็นลูกคบ “กะเทย” ใครเล่าจะไม่ตกใจ แม้จะไม่รังเกียจแต่ก็อยากให้ลูกเล่าอะไรให้ฟังบ้าง สุดท้ายผู้เป็นแม่จึงต้องออกโรงเอง
   “แต่หนูคนนั้นเขาน่ารักดีนะ เพื่อนที่ทำงานเหรอเรย์?”
   “รู้จักกันสมัยเรียน มาเจอกันที่ตึก อยู่คนละบริษัท ไอกินข้าวกับเขาบ่อย”
   ครบถ้วนชัดเจนตามสไตล์เรย์! แต่พี่ชายคนโตที่คอยทำตัวเป็นพ่อคนที่สองกลับยังไม่พอใจ
   “เข้ากับคนในบริษัทไม่ได้อีกละสิ เพื่อนพี่เขาเล่าให้ฟัง”
   น้องชายเขามีปัญหาเรื่องนี้มาแต่ไหนแต่ไร และดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้แต่ไม่ยอมแก้เสียด้วย
   “ไม่ใช่เข้าไม่ได้ ไม่สนใจ รำคาญ เคลียร์?”
   “ยูจะใส่หน้ากากหน่อยไม่ได้เหรอเรย์มอนด์ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้ เดี๋ยวก็อยู่ในสังคมลำบากหรอก”
   “แล้วเมื่อไหร่ยูจะเลิกบ่น ไอก็เอาตัวรอดให้ยูดูได้แล้วไง แค่ไอไม่ชอบยุ่งกับใครไม่ได้แปลว่าไอเข้าสังคมไม่ได้นะ”
   “ไม่เอาน่า เฮนรี่ก็พูดกับน้องดีๆ ซี่ เรย์ ป๊ากับม้าก็แก่มากแล้วนะ อีกหน่อยถ้าม้าไม่อยู่แล้วใครจะดูแลเรย์ละลูก ทุกคนเป็นห่วงเรย์น้า”
   “ไอดูแลตัวเองได้ และไอไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับไอ!”

   อ้นพบเรย์อีกครั้งเมื่อเขามาตามอ้นกลับบ้าน ทว่าก่อนกลับอ้นขอไปบอกลาผู้สูงอายุของบ้านอีกครั้ง เมื่ออ้นเข้าไปลากลับเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อแม่ของเรย์จับมือเขาแน่นแล้วพูดว่า “ฝากดูแลเรย์ด้วยนะลูก”
   อ้นงง!
   แต่เมื่อมองหน้าเรย์แล้วอ้นก็ไม่อยากถามอะไร สีหน้าของเรย์ดูเครียดจนอ้นอึดอัด เขาไม่สังเกตพัฒนาการของตัวเองเลยว่าตนนั้นแยกแยะการขมวดคิ้วของเรย์ได้แล้ว!
   เรย์ขับรถไปเรื่อยๆ ทว่าเส้นทางที่เห็นมันชักจะไม่ใช่ทางกลับบ้าน ต่อให้ไม่อยากกวนใจเรย์แต่อ้นก็จำต้องถาม
   “เรย์ แกจะพาฉันไปไหนอะ? นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านฉันนะ”
   “ไปหาอะไรกินกัน เราเบื่อ”
   “แกเบื่ออะไรเหรอ?”
   แม้จะพอเดาได้ว่าเรย์มีปัญหาอะไรแต่อ้นก็ถาม เขาคิดว่าเรย์ต้องการการระบายจึงชวนคุย และเรย์ก็ตอบรับความหวังดีของอ้นอย่างเต็มใจ
   “เบื่อคนที่ชอบคาดหวังให้เราเป็นเหมือนตัวเอง”
   “แกมีปัญหากับที่บ้านเหรอ? แต่ดูแล้วพวกเขาก็ห่วงแกออก”
   “ห่วงเกินไป เราอาจจะไม่เก่งเหมือนคนอื่นแต่เราก็เอาตัวรอดได้ เราไม่ชอบคนจู้จี้”
   มาถึงตรงนี้แล้วอ้นก็งงหน่อยๆ แม้จะพอเข้าใจอารมณ์ของเรย์แต่เขาก็ไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด โดยเฉพาะนิสัยของเรย์ที่ชอบพูดสิ่งที่อยากพูดโดยไม่สนใจคนฟังก็ทำให้อ้นตามไม่ทัน
   “โอเคฉันไม่เข้าใจแก ฉันไม่รู้ว่าแกมีปัญหาอะไรนะแต่ฉันว่าบ้านแกก็ดูอบอุ่นดีออก ทุกคนรักแก หลานแกน่ารักมากด้วยขอบอก ฉันอยากได้ลูกสาวแบบนี้แหละ”
   “อยากมีลูกเหรอ?”
   ไม่รู้ทำไมอ้นถึงใจเต้นเมื่อเรย์หันมาถามคำถามง่ายๆ ประโยคนี้ เขาไม่กล้าสบตาเรย์ได้แต่พูดเรื่อยเปื่อย
   “ก๊ะเด็กผู้หญิงน่ารักดีออก จะได้จับแต่งตัวสวยๆ ชวนเล่นตุ๊กตา ไปชอปปิงด้วยกันแบบแม่ลูกคู่สวยอะไรแบบเนี้ยะ”
   เรย์มองอ้นเสมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วหลุดยิ้ม
   เวลาเขินแล้วจะเสียงสูงขึ้นจริงๆ ด้วย
   “อาฮะ เราเห็นแล้ว นายเล่นบ้านตุ๊กตากับฮานะ”
   เพราะเขิน อ้นจึงเงียบ ด้านเรย์เองก็เงียบขับรถไปเรื่อยๆ แต่ดราม่ายังไม่จบ! เรย์เล่าไว้ค้างๆ คาๆ อ้นจึงขัดใจ!
   อีแว่นนะอีแว่น มาเล่าให้ฉันอยากกินเผือกแล้วก็เงียบ!
   “แกมีปัญหาอะไรกับที่บ้านเหรอเรย์?”
   ในที่สุดอ้นก็ลองแย็บ ทว่าเรย์กลับปฏิเสธหน้าตาเฉย
   “ไม่มี”
   “อีบ้า! ฉันเห็นแกทำหน้าบูดแบบนี้มันจะไม่มีได้ยังไง คิดจะพูดก็พูดมันออกมาให้หมดสิยะ อย่ามาทำให้ฉันค้างๆ คาๆ ใจเป็นห่วงกลัวแกคิดมากได้แมะ!”
   “ก็เราไม่ได้มีปัญหาอะไรซักหน่อย เราแค่รำคาญที่เฮนรี่ขี้บ่นก็เท่านั้น”
   “แล้วเค้าบ่นแกเรื่องอะไรล่ะ?”
   เรย์นิ่งไปอึดใจก่อนจะเลี่ยงคำถาม
   “ช่างเถอะ”
   “อีแว่น!”
   ดื้อจริงๆ เลย!
   “นายมีพี่น้องมั้ย?”
   “หือไม่อะ ฉันลูกคนเดียว”
   แม่ฉันตายหลังคลอดฉันคงมีพี่น้องได้หรอก
   อ้นต่อประโยคในใจแล้วนึกถึง “แม่” ที่เคยเห็นแต่เพียงรูปภาพ เขาเผลอเศร้าขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่อ้นไม่ได้อินกับอารมณ์เศร้าของตัวเองนานนักเมื่อเรย์ตัดสินใจเปิดปาก
   “เห็นป๊ากับม้าเราแล้วใช่มั้ย เราเป็นลูกหลง เค้าอายุมากแล้วเค้ากลัวว่าถ้าเค้าไม่อยู่แล้วเราจะลำบาก”
   “บ้านแกรวยออก คงไม่หมดตัวง่ายๆ หรอกมั้ง? พี่น้องก็ดูรักกันดี คงไม่มีเรื่องแย่งสมบัติอะไรแบบนั้นหรอกใช่ปะ? เค้าจะห่วงแกเรื่องอะไรอะ?”
   เรย์หันไปมองหน้าอ้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาสนใจการจราจรบนท้องถนน แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจพูด
   “เราเป็นเด็กสมาธิสั้น มีปัญหาที่โรงเรียนตั้งแต่เด็ก ช่วงวัยรุ่นเราเลยเก็บตัว เค้าเลยค่อนข้างเป็นห่วง”
   อ้นไม่กล้าถามว่าเรย์มีปัญหาแบบไหน แต่จากที่อ้นจำได้ ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเขามักเห็นเรย์อยู่คนเดียวเสมอ บางทีคำว่า “เก็บตัว” ของเรย์อาจรุนแรงกว่าที่คิด
   “เราพยายามปรับตัวนะ เราคิดว่าเราทำได้ด้วย เราก็มีเพื่อนในมหาวิทยาลัย แต่...”
   “แต่ที่บ้านเค้าก็ยังเป็นห่วงแกอยู่?”
   เรย์ไม่ตอบ อ้นจึงพูดต่อ
   “โอ๊ยไม่ต้องคิดมากหรอก เค้าก็แค่บ่นเพราะเป็นห่วงแกแหละ”
   “เรารู้”
   “นี่เรย์ จริงๆ แล้วแกก็ไม่ได้แย่นะ คือ...แกก็ดีนะ อาจจะเอาแต่ใจไปซักหน่อยแต่แกก็ไม่ได้นิสัยไม่ดีไม่น่าคบอะไรแบบนั้น”
   “เรารู้น่ะ”
   พอเห็นเรย์คลี่ยิ้มอวดดีแล้วอ้นก็หมดอารมณ์ปลอบ
   “ย่ะ สตรองดีเนอะ”
   อ้นนั่งเงียบปล่อยให้เรย์ขับรถไปยังจุดหมายปลายทางตามใจชอบ เขารู้แล้วว่าขัดใจเรย์ไปก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งวันนี้ฝีมือการขับรถของเรย์ยังนุ่มนวลขึ้นกว่าเดิมไม่ค่อยมีเรื่องหวาดเสียวให้อ้นกรีดร้องเขาจึงไม่จำเป็นต้องบ่น
   เรย์พาอ้นไปกินอาหารญี่ปุ่นร้านโปรดก่อนจะพากลับมาส่งที่อะพาร์ตเมนต์ เมื่อรถจอดสนิทแล้วอ้นก็หันไปขอบคุณ
   “ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวฉันนะยะ นายแว่น”
   “อาฮะ”
   สีหน้าอวดดีของเรย์ทำให้อ้นหมั่นไส้! แต่เพราะอารมณ์ดีอ้นจึงจิกกลับไปเบาๆ
   “แล้วก็แฮปปี้เบิร์ธเดย์ล่วงหน้านะแก ฉันไปล่ะ”
   อ้นเขินตัวเองที่ต้องอวยพรวันเกิดให้เรย์จึงกะจะรีบเผ่นแต่เรย์กลับดึงเขาเอาไว้
   “นายติดหนี้เราหนึ่งเรื่องแล้วนะ”
   “หะ?”
   อ้นไม่เข้าใจ เขาทำหน้างงใส่เรย์ หนุ่มแว่นได้ทีจึงดันแว่นอย่างที่ชอบทำแล้วเฉลย
   “ของขวัญวันเกิดเรา นายติดหนี้เราแล้ว”
   สายตาซุกซนเอาเรื่องของเรย์เปล่งประกายวิบวับจนอ้นขนลุก เขาเชื่อแล้วว่าเรย์มีความไฮเปอร์ในตัวมากกว่าที่คิด!



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


1 อันดับแรกเราต้องขออภัยกับภาษาอังกฤษแบบแปลกๆ
คือปกติเราก็พูด+เขียนไม่ได้อยู่แล้ว พอต้องมาใช้ภาษาอังกฤษเลยกากมาก และมันยังเป็นภาษาอังกฤษแบบซิงลิง "ภาษาอังกฤษแบบเจ๊กของคนสิงคโปร์" ซึ่งไวยากรณ์ แกรมม่า คำลงท้าย เพี้ยนไปหมด เราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่อยากบอกว่าต้นฉบับทั้งหมดนี้ก็ได้ส่งไปให้เพื่อนตรวจทานรอบนึงแล้ว นางอยู่สิงฯ ทำงานที่นั่นหลายปีดีดัก นางก็ช่วยเกลาๆ ภาษาอังกฤษให้
ภูมิใจที่นางคอมเมนต์ว่า "ฉันเกลียดสำเนียงสิงคโปร์ของเรย์มาก" กราบขอบพระคุณเพื่อนคนนั้นมา ณ. ที่นี้ด้วย  :katai2-1:

เปิดเผยคาแรคเตอร์เรย์แบบเต็มๆ  :impress2:
ถ้าเรย์จะอ้อนกันขนาดนี้ บอกรักเลยดีมั้ย?  :-[
เนียนเนาะ หน้ามึน เอาแต่ใจสุดฤทธิ์ ระวังนะอ้นหลวมตัวแล้วระวังดิ้นไม่หลุด อย่าปล่อยให้เรย์ประกาศอาณาเขตเด็ดขาด ดูท่าแล้วไอ้ที่เงียบๆ แฝงความร้ายกาจไว้ไม่ใช่เล่น
แฟนๆ ช่วยเอาใจช่วยสาวอ้นด้วยน้า หนีหมาบ้าอย่างอีพี่ป้องมาเจอเสือแบบเรย์ซะได้ เอาล่ะสิ ใครจะร้ายกว่ากัน เหอๆ แต่ที่แน่ๆ #รวย!

หวังว่าจะมีคนกรี๊ดเรย์เพิ่มขึ้น มีใครหันมาโบกธงอวยเรย์บ้างแล้วยัง? พยายามแต่งให้ออกมาน่ารักที่สุดเท่าที่จะเขียนได้แล้วล่ะ น่ารำคาญแต่ขณะเดียวกันก็น่ากรี๊ด มันยากจังเลย ไหนจะตัวนางเอกเป็นตุ๊ดแบบอ้นอีก ยากสุดๆ แต่เรื่องนี้จะยาวมากๆ เรียกว่าเห็นอ้นตั้งแต่เป็นลูกเจี๊ยบยันกลายร่างเป็นหงส์เลย ทีม #ป้องเติ้ล ก็กลับมา ถ้าคนอ่านชอบก็จะรู้สึกดีมากๆ เลยล่ะ แต่งเอาใจคนอ่านนี่เนาะ #สาบานจริงๆว่าเอาใจไม่ได้ไล่ ฮ่าๆ #เจอดราม่าทีหลังอย่ามาด่าเค้านะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคน  :pig4:



** เพิ่มเติม ส่วนของภาษา SINGLISH





มันจะเพี้ยนราวๆ นี้แหละค่ะ สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่นะคะ http://everything2.com/title/Singlish
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2016 23:24:15 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ mokh2558

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เย้ๆๆๆๆๆมาต่อแล้ว ชอบมากเลยน้องอ้นของช้านนนนน

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
แอบสงสารนางนิดๆแล้วผู้นางนี่เอาแต่ใจ
แถมไม่สนใจไม่แคร์คนอื่นนอกจากตัวเอง
แต่ดีหน่อยนางใส่ใจคนที่นางสนใจกว่า
คนอื่นทั่วไปโอ้ยยยยงงกะตัวเองนี่บรรยาย
ได้แบบไม่รู้เรื่องเลย
ขอบคุณตอนใหม่คร้าาา :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   คืนนี้อ้นลังเลสองจิตสองใจ เขากำลังคิดหนักว่าควรจะอวยพรวันเกิดเรย์ซ้ำอีกรอบดีไหม?
   จะไลน์หรือจะเฟซดีนะ? จำเป็นต้องโทรไปมั้ยอะ? ไม่สิฉันอวยพรมันไปแล้วนะ แต่ถ้ามันทวงอีกล่ะ? อ๊ายเอายังไงดีกลัวมันงอนแล้วเดี๋ยววันจันทร์จะงอแง
   “อ้น!”
   อ้นถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกป้องตะคอก
   “นั่งทำอะไรอยู่วะกูเรียกตั้งนานไม่ได้ยิน”
   “ฉัน...”
   “กูจะไปเซเว่น เอาอะไรมั้ย?”
   “ไม่อะ แกยังไม่ได้กินข้าวเย็นเหรอป้อง?”
   “กูหิว จะไปซื้อเผื่อพรุ่งนี้เช้าด้วย กูจะปั่นจ็อบ”
   “มีลูกค้าสั่งงานเหรอ?”
   “อืม กูว่าคืนนี้จะลุยยาวให้จบเลย พรุ่งนี้กูขี้เกียจลุก”
   “ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันลงไปหาอะไรกินคนเดียวก็ได้”
   “เออ”
   แปลว่าคืนนี้อีป้องจะไม่นอน เฮ้อ! ทำไมพักนี้มันขยันจัง รับจ็อบเยอะเชียว
   แม้จะเป็นห่วงสุขภาพของเพื่อนแต่อ้นก็ทำอะไรไม่ได้ ป้องบ้างานมาแต่ไหนแต่ไร เขาเข้าเฟซบุ๊กเปิดดูหน้าโปรไฟล์ของเรย์ไปเรื่อยๆ ยังไม่มีใครเขียนคำอวยพรให้เรย์ลงบนเฟซ ส่วนมากแล้วในเฟซเรย์มีแต่โพสต์ที่แชร์มาจากเพจเกมและการ์ตูน โดยเฉพาะชาแนลในยูทูป “Mr.Rey” ยากที่จะพบโพสต์หรือสถานะเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน
   อ้นกดเข้าไปในอัลบั้มรูปตั้งใจจะหารูปของเรย์ด้วยความสอดรู้สอดเห็น
   หน้าตาก็ดีแกจะทำตัวดีๆ หน่อยไม่ได้รึไงนะอีแว่น เสียดายโปรไฟล์ เงินซื้อรสนิยมคนไม่ได้จริงๆ เสียของชะมัด!
   อ้นบ่นพลางขุดหารูปต่างๆ ในอัลบั้มรูป แต่แล้วเขาก็เจอรูปรับปริญญาที่มีคนแท็กเรย์
   ต๊าย! หล่อเหมือนกันนี่นา อุ๊ยๆ เพื่อนคนนี้หล่อจัง อ๊ายคนนี้ก็ล่ำ หุ่นดี๊ดี
   อ้นไล่ดูรูปพลางนึกขึ้นได้ว่าเรย์กับเขาก็รับปริญญาวันเดียวกันนั่นแหละ น่าเสียดายที่ป้องไม่ยอมเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร แต่แล้วก็มีรูปหนึ่งที่ทำให้อ้นหายใจสะดุด ภาพหมู่ในเฟซของคนๆ หนึ่งที่มีเรย์อยู่ในนั้น มีการแท็กรายชื่อมากมาย รวมถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อ้นจำได้ เด็กคนที่อยู่ในใจป้องมาตลอด!
   อ้นปิดโทรศัพท์แล้วนอนหลับทันที!

   วันนี้เรย์ตื่นแต่เช้า เขาลงทุนไปซื้อชุดอาหารสำเร็จรอใส่บาตรตรงย่านชุมชนหน้าปากซอย หลังจากซื้อกับข้าวสำหรับหนึ่งวันแล้วเขาก็กลับคอนโด เรย์นั่งเล่นเกมเหงาๆ ตามลำพัง
   บรรดาคนในครอบครัวเขาส่งคำอวยพรผ่านแอปพลิเคชันยอดนิยมมาแล้ว โดยเฉพาะม้าของเขานั้นถึงกับโทรมาปลุกตั้งแต่เช้าให้เขาลุกไปใส่บาตร ทว่าบรรดาแก๊งเกรียนของเขานี่สิยังเงียบอยู่จนเรย์แอบน้อยใจ จนกระทั่งสายนั่นแหละถึงมีโทรศัพท์มาจาก “หิน”
   “อยู่คอนโดป่าว?”
   “อาฮะ”
   “ปีนี้ม้ามึงไม่เรียกกลับบ้านเหรอ?”
   “กูกลับเมื่อวาน”
   “นึกว่ามึงจะนอนค้างที่บ้าน ละทำอะไรอยู่วะ?”
   “เล่นเกม”
   “ไม่ออกไปไหนเหรอ?”
   “ไม่มีอารมณ์”
   “เออๆ สุขสันต์วันเกิดอะมึง ไว้ว่างๆ แล้วค่อยเจอกัน”
   ช่างเป็นขั้นตอนการอวยพรที่เรียบง่าย เขาไม่ได้เจอกับ “เพื่อน” นานแล้ว เรย์เซ็งจนหนีไปนอนต่อ
   เรย์นอนกลิ้งเกลือกบนเตียงเปิดดูการติดต่อสื่อสารผ่านสมาร์ตโฟนแต่ก็ไร้ความเคลื่อนไหวที่ต้องการ มีเพียงเพื่อนกับรุ่นน้องไม่กี่คนเขียนอวยพรวันเกิดง่ายๆ ลงบนเฟซบุ๊ก
   เกือบๆ เที่ยงโน่นแหละจึงมีโทรศัพท์จากเพื่อนอีกคน เรย์มองชื่อคนที่โทรเข้าแล้วยิ้มออกมา ทันทีที่เขากดรับก็มีเสียงเจือสำเนียงทองแดงเล็กๆ อวยพร
   “แฮปปี้เบิร์ธเดย์เว้ยไอ้เรย์ ขอให้มีคนสับตะไคร้มึงเยอะๆ รวยๆ สาวติดตรึม”
   “อาฮะ”
   “ละนี่ทำไรอยู่วะ?”
   “นอน”
   “ไม่ฉลองอะ?”
   “ไม่มีอารมณ์”
   “ฮ่าๆ แอบน้อยใจพวกกูอีกอะดิ เอ้ยๆ แป๊บนะ ลูกกูเรียก”
   มีเสียงเด็กแว่วเข้ามาในสาย และมีเสียงของผู้ชายอีกคนหัวเราะ เรย์ได้ยินเพื่อนของเขาคุยกับสองคนนั้นก่อนจะมีเสียงเด็กพูด
   “อามะนาวสุขสันต์วันเกิดค้าบ”
   “สัด บอกลูกเลี้ยงมึงด้วยกว่ากูชื่อเรย์มอนด์!”
   เรย์เอ็ดตะโรลั่นแต่พีกลับหัวเราะ
   “เฮ้ยๆ มึงอย่าพูดคำหยาบกับลูกกูดิวะเดี๋ยวเปอร์ติด ฮ่าๆ ไปๆ ไปอยู่กับพ่อก่อนนะเปอร์ อาคุยกับอาเรย์แป๊บ”
   “ไอ้เหี้ย!”
   เรย์แถมตัวเงินตัวทองไปให้เพื่อนตัวโตๆ เมื่อเด็กน้อยจากไปแล้ว แม้จะด่าแต่มุมปากของเรย์ก็โค้งขึ้น เขาดีใจที่เพื่อนยังไม่ลืมเขา รายชื่อที่ลิสไว้มีคนมาอวยพรวันเกิดเขาเพิ่มแล้ว ทีนี้ก็เหลือคนที่รออีกไม่กี่คน
   “เป็นไงบ้างวะช่วงนี้?”
   “เรื่อยๆ”
   “เอ้อ มึงเก่งอยู่แล้วนี่ ไงอะ คอนโดใกล้หมดยัง? อีกกี่งวด?”
   “เดือนนี้ยอดไม่ค่อยดี พอทำงานแล้วดึกทุกวันไม่ค่อยได้เล่นเกมใหม่ๆ คนเลยหาย”
   “เออวะ เดี๋ยวนี้กูก็ไม่ค่อยได้เล่นเกมละ ยุ่งชิบ เลี้ยงเด็กนี่เหนื่อยว่ะ”
   เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ได้พูดคุยกันมานานแล้วเรย์กับพีจึงคุยกันค่อนข้างนาน ต่างผลัดกันถามผลัดกันตอบอัปเดตชีวิตของแต่ละคน แต่แล้วอยู่ๆ เรย์ก็ยิงคำถามที่ทำให้เพื่อนอึ้ง
   “เทพ ระหว่างมึงกับมัน ใครจีบใครก่อนเหรอ?”
   “มึงจะย้ำเรื่องนี้อีกทำไมวะไอ้เชี่ย!”
   “สตาร์มันทำยังไงมึงถึงยอมมัน”
   “ถ้ามึงถามกูแบบนี้กูเลิกคุยจริงๆ นะ ล้อกูอยู่ได้ เรื่องอื่นไม่มีคุยแล้วรึไงวะไอ้เหี้ย!”
   “กู... ช่างเถอะ”
   “เออๆ งั้นกูวางก่อนละกัน เดี๋ยวกูต้องพาเด็กไปเรียนพิเศษอีก ไปละ”
   ยูคิดอะไรถึงถามมันแบบนั้นวะเรย์มอนด์!

   ในขณะที่เรย์กำลังแกะกับข้าวถุงที่ซื้อมาเทใส่จานเป็นมื้อกลางวัน อยู่ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ดัง เรย์มองชื่อแล้วกดรับพลางทำหน้าบึ้ง
   “อาฮะ”
   “ทำอะไรอยู่คร้าบเพื่อนเรย์ ว่างปะ?”
   “ไม่ว่าง กำลังจะแดกข้าว”
   “โถๆ อย่าน้อยใจดิคร้าบ ลงมารับกูหน่อยเร้ว กูจะได้ฉลองให้มึงไง นี่กูหิ้วสตรอเบอร์รี่ช็อตเค้กร้านโปรดมึงมาด้วยนะเว้ย สองปอนด์ กูทุ่มทุนสุดๆ อะ”
   เห็นแก่เค้กของมึง!
   เรย์กดวางสายโดยไม่สนใจจะอธิบาย “เมฆ” และ “หิน” จึงตื่นตระหนก
   “อ้าวไอ้เหี้ย! สงสัยมันจะโกรธกูว่ะหิน วางสายไปแล้ว”
   “มึงได้บอกมันป่าวว่าพวกเราอยู่หน้าคอนโดมัน”
   “บอกดิ!”
   “โทรหามันอีกรอบ”
   สองเพื่อนซี้ที่อุตส่าห์วางแผนแอบไปหิ้วเค้กร้านโปรดมาอวยพรวันเกิดเพื่อนพากันจิ้มโทรศัพท์หาคนขี้ใจน้อยยิกๆ แต่ไม่ว่าโทรเท่าไหร่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับที่ท่านเรียก เมฆรู้สึกงานเข้าเต็มๆ
   แต่แล้วเสียงเย็นชาของเรย์ก็ดังขึ้นด้านหลังพวกเขา
   “พวกมึงจะยืนกดโทรศัพท์อีกนานมั้ย? ส่งเค้กมาให้กูแล้วพวกมึงจะไปไหนก็ไป”
   “ไอ้เรย์!”
   เมฆดีใจร้องลั่นก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดคอเพื่อนรัก
   “ไหนมึงบอกว่าว่างแล้วค่อยเจอกัน?”
   เรย์ท้วงหินด้วยความงอน และหินก็ไม่พลาดที่จะส่งยิ้มซื่อๆ ไปเอาใจเพื่อน
   “นี่ไงกูว่างแล้ว กูแพ็กกระเป๋ามานอนเล่นเกมห้องมึงเรียบร้อย”
   หินยิ้มกว้างพลางอวดกระเป๋าสะพายใบเก่าที่ใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนให้เรย์ดู เรย์มองถุงช็อปปิ้งที่เต็มไปด้วยขนมและน้ำอัดลมแล้วก็ยิ้มออกมา
   เมฆเห็นเรย์หลุดยิ้มแล้วก็เบาใจ เขากล่าวอย่างร่าเริง
   “ไปเพื่อนๆ กูหิวแล้ว ฉลอง!”
   “นั่นมันเค้กของกู วันเกิดกู”
   เมฆผู้ร่าเริงกอดคอเพื่อนเดินเข้าลิฟต์คอนโดของเรย์ แม้เรย์จะทำหน้าบูดไม่พอใจแต่ตรงมุมปากเขากลับมีเส้นโค้งเล็กๆ ผุดขึ้น

   สุดท้ายเรย์ก็ต้องสั่งเบนโตะอาหารญี่ปุ่นมาเลี้ยงเพื่อนๆ จนได้ สามหนุ่มต่อเครื่องเกมเข้ากับโทรทัศน์ในห้องรับแขก เมฆและหินนั่งเล่นเกมกันอย่างสโลว์ไลฟ์ปล่อยให้เรย์นอนเหม่อจ้องสมาร์ตโฟนตาละห้อย
   “ดูอะไรวะเรย์? รอคนเหรอ?”
   “อาฮะ เค้ายังไม่โทรมาซักที ในเฟซก็เงียบ”
   “มึงก็โทรไปหาเค้าดิวะ”
   “แต่นี่วันเกิดกูนะ”
   เมฆส่ายหัวให้กับความดื้อของเรย์แล้วหันไปเล่นเกมกับหินต่ออย่างเมามัน
   “ไอ้เหี้ยมึงอย่าโกงดิกูไม่มองแค่แป๊บเดียว!”

   เช้าวันจันทร์อ้นไปทำงานด้วยสภาพจิตใจสมบรูณ์เก้าสิบแปดเปอร์เซ็นต์ เขาตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยให้เงาในใจของป้องขยายอิทธิพลมาทำให้ชีวิตเขาปั่นป่วนเป็นอันขาด!
   แต่พอเจอหน้าเพื่อนร่วมงานอ้นก็ถูกทัก แน่นอนเขาลืมเรื่องเมื่อวันศุกร์เสียสนิท! เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเกิดเรื่องขึ้นมากมายเหลือเกิน
   “แหมๆ รอกันถึงดึกดื่นแบบนั้นยังจะเรียกว่าไม่มีอะไรอีกเหรออ้น? กิ๊กกันแล้วก็บอกมาเถอะ”
   “บ้า! แกอย่าพูดอะไรชวนขนลุกแบบนั้นนะหงส์ ฉันไม่เอาด้วยหรอก!”
   อ้นทำท่าขนลุกจริงจังมากเสียจนหงส์ขำ แต่เธอก็อดแสดงความเห็นด้วยไม่ได้
   “อืมฉันก็ว่างั้นแหละ เสียดายอะคนอะไรหน้าตาก็ดีแต่รสนิยมไม่ได้เรื่อง หล่อแค่ไหนฉันก็ไม่เอา! ผู้ชายติดเกมบ้าการ์ตูนมีเยอะขึ้นทุกวัน แลดูไร้อนาคตอะ!”
   “แล้วหงส์ถามผู้ชายเขารึยังว่าจะเอาเรารึเปล่า?”
   “ว้ายพี่โจมอะแรง!”
   หงส์วี้ดว้ายก่อนจะทักทายโจม อ้นก็เช่นกัน เพราะวันศุกร์เขาทำงานดึกจึงไม่กล้ารบกวนขอติดรถโจมกลับ ทำให้โดนเรย์ลากตัวไป
   “ว่าไงอ้น รถเราใกล้เสร็จแล้วยัง?”
   “ใกล้แล้วค่ะ อีกหน่อยคงไม่รบกวนพี่โจมแล้ว”
   “ไม่เป็นไร รบกวนพี่ได้เรื่อยๆ นะ”
   รอยยิ้มของโจมทำให้หงส์แอบจิกตามองอ้น แม้อ้นจะเขินแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
   “แล้ววันนี้มีคนมารับแล้วยัง? จะกลับกับพี่เหมือนเดิมป่าว?”
   “เอ่อหนู...”
   อ้นชักเกรงใจโจมและอยากถอยห่างออกมา ทว่าเขาคิดไม่ตกว่าจะหาทางปฏิเสธโจมอย่างไร แต่โจมกลับชิงพูดขึ้นก่อน
   “ไม่เป็นไร เช็กคิวก่อนก็ได้ แต่พี่ขอเป็นเฟิร์สช้อยส์นะ ไปล่ะ”
   พอหยอดคำหวานเสร็จโจมก็จากไปทิ้งอ้นไว้กับระเบิดลูกโต! หงส์ไม่พลาดที่จะจิกกัดเพื่อนตุ๊ด
   “ว้ายๆ ขายดีนะคุณเพื่อน”
   “บ้าหงส์ก็... พี่โจมแกพูดไปงั้นแหละไม่มีอะไรหรอก ทำงานดีกว่าย่ะ!”

   กลางวันนี้อ้นสองจิตสองใจ เขาลังเลว่าควรจะไปทานอาหารกลางวันกับหงส์ดีหรือไม่
   ไม่เพียงแต่เฉพาะโจมเท่านั้น อ้นอยากถอยห่างจากทุกคนรวมทั้งเรย์ด้วย เขาคิดว่าการมีผู้ชายเข้ามาพัวพันทำให้ป้องเปลี่ยนไป การที่ป้องถามเรื่องส่วนตัวของเขานับว่าแปลก แต่การที่ป้องอยากรู้ว่าเขาไปกับใครและผู้ชายคนนั้นจีบเขาหรือไม่ทำให้อ้นกังวล อ้นกลัวเพราะป้องไม่ได้ถามด้วยความหงุดหงิดตามปกติ อ้นไม่อยากรับรู้ว่ามีใครอยากจีบเขาหรือไม่ กลับกันเขาอยากรู้ว่าป้องเป็นอะไรมากกว่า เขาอยากให้ป้องหึงหวงไม่อยากให้ป้องทำตัวประหลาดเช่นนี้
   แต่เรย์ไม่ปล่อยให้อ้นทำเช่นนั้น เขามาดักรออ้นถึงหน้าประตูเข้าบริษัท แน่นอนว่าอ้นได้สายตาล้อเลียนจากเพื่อนร่วมงานอย่างหงส์โดยมีคนอื่นให้ความสนใจไม่แพ้กัน โชคร้ายที่โจมอยู่ตรงนั้นด้วยเรย์จึงส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้อย่างเปิดเผย จ๋าผู้เป็นหัวหน้าจึงมองอ้นลูกน้องผู้อยู่ตรงกลางความขัดแย้งระหว่างผู้ชายด้วยความเป็นห่วง
   พนักงานกำลังจะลงไปทานข้าวจึงมีผู้คนรอลิฟต์ค่อนข้างมาก อ้นไม่อยากเถียงกับเรย์ต่อหน้าคนเยอะๆ เลยคิดหาทางเลี่ยง เขาไม่อยากเสี่ยงกับนิสัยเอาแต่ใจของเรย์
   อ้นแกล้งเดินหนีเข้าห้องน้ำ แน่นอนว่าเรย์ตามมาได้อยู่แล้วเพราะเขาก็เป็นผู้ชายเช่นกัน อ้นพลาดที่ใช้มุกนางเอกในละครทั้งที่เขาเป็นเพศชายและเดินเข้าห้องน้ำชาย!
   แกจะตามฉันมาทำม้าย!
   เมื่อเห็นว่าแค่ทำเป็นเข้าห้องน้ำยังไม่สามารถกีดกันเรย์ได้อ้นจึงแกล้งเข้าส้วมห้องสุดท้ายที่ว่างอยู่
   เรย์มองการกระทำของอ้นด้วยความหงุดหงิด! เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดอ้นจึงหนีหน้ากัน!
   เล่นแบบนี้เลยเหรอ! เหอๆ คิดว่าหนีได้ก็เอา!
   “อ้น เรามีเรื่องจะคุยกับนาย”
   “ฉันเข้าห้องน้ำอยู่ ไม่สะดวกคุย ไว้ตอนอื่นแล้วกันนะ”
   มีเสียงตอบออกมาจากห้องส้วมที่ปิดประตูไว้ เรย์หงุดหงิด แต่เขาไม่สามารถทำลายทรัพย์สินสำนักงานได้
   “เราจะรอ”
   “ไม่ต้องรอหรอก คือฉัน... ฉันท้องผูกน่ะ แกจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ฉันคงอีกนาน”
   “งั้นคุยเลยก็ได้”
   “จะบ้าเหรอแกมาคุยอะไรตอนนี้ ฉันต้องใช้สมาธิย่ะ มันรบกวนคนอื่นในห้องน้ำนะรู้มั้ย แกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันตอนอื่นนะ”
   “ไม่ เราจะรอ”
   โอ๊ย! อีดื้อ!
   อ้นกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน อายคนก็อาย เมื่อครู่นี้เขาเห็นพนักงานในบริษัทที่อยู่คนละแผนกตอนเดินเข้ามาในห้องน้ำ ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวจะมีคนเอาเขาไปพูดว่าอย่างไรอีก แต่ปัญหาใหญ่ตอนนี้ก็คือเรย์ที่รอเขาอยู่ด้านนอก เขาอยากไล่เรย์ไปให้พ้นๆ แล้วจะได้ไปทานข้าวเสียที แต่ดูท่าเรย์จะไม่ยอมให้เขาหลบหน้าได้ง่ายๆ จากเดิมที่เป็นเพียงอารมณ์ “ยังไม่อยากคุย” ตอนนี้อ้นติดกับดักที่ตัวเองสร้างขึ้นเต็มๆ!


ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   เวลาผ่านไปหลายสิบนาที อ้นเล่นสมาร์ตโฟนเพลินจนลืมเวลา เมื่ออัปเดตหน้าฟีดในเฟซบุ๊กหมดแล้วและสังเกตว่าเสียงรอบข้างเงียบสงัดไร้วี่แววผู้คนอ้นก็นึกสงสัย เขาแอบก้มลงชำเลืองลอดใต้ประตูไปดูด้านนอกแต่ไม่เห็นเท้าของใคร
   ไม่มีใครอยู่แฮะ สงสัยมันจะไปแล้ว ทางสะดวกล่ะ
   อ้นค่อยๆ แง้มประตูออกมา พอเห็นว่าด้านนอกไม่มีใครก็ตั้งใจจะรีบเผ่น ทว่าพอเดินผ่านห้องส้วมห้องแรกที่แขวนป้ายชำรุดเท่านั้นแหละ พลันประตูกลับเปิดออก! อ้นถูกมือลึกลับดึงตัวเข้าไปให้ห้องทันที!
   “ว้าย!”
   อ้นหลุดเสียงร้องอุทานด้วยความตกใจ แต่เจ้าของมือลึกลับนั้นไวพอที่จะปิดปากอ้นเช่นกัน
   “ชู่! อย่าร้องนะ”
   อีเรย์!
   สีหน้าแบบ “ชนะแล้ว” ของเรย์ทำให้อ้นอยากกรี๊ด แววตาระยิบระยับบ่งบอกว่ากำลังสะใจสุดๆ เรย์เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์จนอ้นหมั่นไส้
   เรย์แอบอยู่ในห้องน้ำห้องแรกนั่นเอง เขานั่งขัดสมาธิบนฝาชักโครกทำให้อ้นมองไม่เห็นขา นอกจากนี้เขายังปิดประตูแล้วแกล้งเอาป้าย “ชำรุด” มาแขวนไว้ป้องกันคน และแผนของเขาสำเร็จอย่างงดงาม!
   “อื้อ!”
   อ้นร้องอู้อี้พลางแกะมือของเรย์ออก
   “คุยกับเรานะ”
   เรย์ขอร้องอ้นด้วยเสียงกระซิบ เมื่อเห็นว่าอ้นพยักหน้า เขาจึงปล่อยมือ
   “เล่นบ้าอะไรของแกฮะอีแว่น!”
   อ้นแว้ดกลับเสียงสั่น เรย์จึงนั่งลงบนฝาชักโครกตามเดิมแต่ยังใช้เท้ายันประตูห้องน้ำเอาไว้กันตุ๊ดหนี
   “หลบหน้าเราทำไม?”
   “ฉันเปล่าหลบ”
   “เมื่อวานทำไมไม่ตอบไลน์ ได้อ่านข้อความในเฟซรึเปล่า?”
   “สงสัยฉันยุ่งมั้งเลยไม่ได้ดู”
   พอเห็นอ้นบ่ายเบี่ยงเรย์จึงเริ่มขมวดคิ้ว
   “เป็นอะไร? วันเสาร์ยังดีๆ อยู่เลย เมื่อวานเรารอโทรศัพท์นายทั้งวัน ทำไมไม่โทรมาแฮปปี้เบิร์ธเดย์เรา?”
   “ก็ไม่ได้ดูโทรศัพท์อะ”
   อ้นพยายามบ่ายเบี่ยง แต่ที่แคบๆ ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ นี่ก็ช่างหลบสายตาเรย์ยากเหลือเกิน อ้นจึงแกล้งยืนพิงผนังแล้วเบนสายตาไปทางอื่นไม่กล้าสบตาเรย์
   เมื่อผู้ชายสองคนต้องมาอัดกันในส้วมห้องเดียวก็แทบจะยืนเกยกันอยู่แล้ว และเรย์ก็จับข้อมืออ้นไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเหมือนกลัวว่าคนตัวเล็กกว่าจะหนี อ้นจึงทำตัวไม่ถูก
   “โกรธอะไรเรา?”
   “ก็บอกว่าเปล่า”
   น้ำเสียงรำคาญของอ้นทำให้เรย์เริ่มหงุดหงิด เขาหงุดหงิดแต่มีอีกหนึ่งความรู้สึกปรากฏขึ้นด้วย มันคือความน้อยใจ เขาไม่เข้าใจว่าอ้นเป็นอะไรและอยากรู้ เรย์ไม่รู้ว่าตัวเองแคร์อ้นมากเหลือเกิน เรย์ใส่ใจอ้นมากจนกระทั่งไม่สบายใจเมื่ออ้นใช้น้ำเสียงรำคาญกับเขา เรย์ให้ความสำคัญต่อความรู้สึกของอ้นมากยิ่งกว่าที่เคยใส่ใจใคร
   “เราทำอะไรผิดเหรอ?”
   ถ้าฉันบอกว่าแกไม่ผิดแต่ฉันไม่อยากยุ่งกับแกเพราะเกลียดเด็กคนนั้นแกจะว่าฉันมั้ย แกไม่เข้าใจหรอกอีแว่น แกไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกฉันหรอก ฉันก็แค่อยากหนีจากอะไรที่มันตามหลอกหลอนฉันกับป้องแค่นั้นเอง
   เพราะอ้นเงียบไม่ตอบเรย์จึงทำหน้าซึม เขาคว้าเอวอ้นไว้แล้วทิ้งศีรษะลงกับสีข้าง
   “เอ๊ะอีบ้า!”
   อ้นตกใจทุบหนุ่มแว่นจอมเนียนรัวๆ เขาเตรียมจะหยิกเนื้อเรย์ทว่า เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นทำให้อ้นตกใจมากกว่า เสียงพูดคุยของผู้ใช้บริการห้องน้ำดังก้องในความเงียบ
   เอ๊ะ! เสียงนี่มัน!
   อ้นรีบปิดปากเรย์ก่อนที่หนุ่มแว่นจะทันได้ประท้วง เรย์ขมวดคิ้วหน้าบึ้งส่งเสียงไม่พอใจ
   “อือ!”
   อ้นปิดปากเรย์แน่นแถมยังถลึงตาใส่ เรย์ไม่เข้าใจแต่เขายอมอ้นด้วยการพยักหน้า
   เมื่อเห็นเรย์เลิกโวยวายอ้นจึงลดมือลงแล้วห่อปากทำเสียง “ชู่” ประกอบท่ายกนิ้วแตะริมผีปาก อ้นส่งสัญญาณให้เรย์เงียบก่อนจะหันหลังให้แล้วทำท่าเอาหูแนบประตูแอบฟังคนด้านนอกคุยกัน
   เมื่อเห็นอ้นทำท่าเหมือนตั้งใจแอบฟังเสียงคนคุยกันด้านนอกเลิกวีนใส่เขา เรย์ก็ได้ใจกอดเอวของอ้นต่อพลางตั้งใจฟังเสียงคนคุยกันด้านนอกบ้าง
   “ไม่ต้องแอ๊บต่อหน้าผมก็ได้ คนกันเองทำเหมือนผมไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไร”
   “เอ๊ะบอกกี่ทีแล้วว่าอย่าว่าพี่แบบนี้ พี่ไม่ได้แอ๊บนะ”
   นี่มันอีพี่แทนนี่นา! ต๊าย! เสียงแหลมยิ่งกว่าฉันอีกนะยะ แต่อีกคนใครอะ คุ้นๆ
   อ้นตั้งใจเผือกสุดฤทธิ์จนไม่รับรู้เลยว่าเรย์ฉวยโอกาสแอบหยิบโทรศัพท์เขาออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้ว หนุ่มแว่นอาศัยการนัวเนียทีเผลอแอบล้วงของออกจากกระเป๋ากางเกงเจ้าของเรียบร้อย เขาใส่รหัสที่แอบจำแล้วกดเข้าโทรศัพท์ของอ้นอย่างง่ายดาย
   “คร้าบๆ พี่แทนเปิดเผย ไม่แอ๊บ”
   นั่นไงอีพี่แทนจริงๆ ด้วย!
   “เธอนั่นแหละที่แอ๊บ แอบมาชักว่าวในนี้อีกรึไง ระวังเถอะเดี๋ยวถูกแม่บ้านจับได้แล้วจะโดนไล่ออก”
   อะไรนะ! สไลด์หนอนในห้องน้ำ!
   “ผมไม่ได้แอ๊บนะพี่ แค่ไม่ได้บอกใครว่าเป็นเกย์ ว่าแต่พี่แทนนี่รู้ใจผมจัง ผมแข็งมาตั้งแต่เช้าแล้ว ช่วยผมหน่อยสิพี่”
   ขุ่นพระ! นี่ฉันต้องมาเป็นสักขีพยานให้อีพวกวิปริตซัมติงกันในห้องน้ำเหรอเนี่ย!
   อ้นกรี๊ดกระวนกระวายกับสถานการณ์ด้านนอกโดยลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองก็อยู่กับเรย์สองต่อสองในห้องแคบๆ เช่นกัน ส่วนเรย์ เขาสำรวจโทรศัพท์อ้นอย่างเพลิดเพลิน หนุ่มแว่นจัดการสำรวจข้อมูลของอ้นมันทุกแอป!
   “ช่วยอะไร อย่ามาลามปามพี่นะ นี่จับตรงไหนของเธอ!”
   แหม! แต๋วแตกสะดีดสะดิ้งเชียวนะยะ ขนาดอิป้องล้วงนมฉันๆ ยังไม่ทำเสียงแรดแบบนี้เลย เชอะ!
   “โธ่ ทำอย่างกับไม่เคยเงี่ยนนะพี่ อมให้ผมหน่อยเดี๋ยวผมไซร้นมให้ ผมรู้ว่าพี่ชอบโดนดูดนม ไม่มีใครซะหน่อย”
   “แล้วถ้าเกิดมีคนเข้ามาล่ะ”
   มีตุ๊ดอยู่ตรงนี้หนึ่งคนค่ะ คนสวยอยู่ตรงนี้! เลือกสถานที่กันหน่อยสิยะ!
   “ก็ตื่นเต้นไงพี่ ขอผมเยสนะ เงี่ยนมาหลายวันแล้ว”
   “มายงมาเยอะไร พี่ไม่เอาด้วยหรอกนะ”
   “ไม่สดแต่ถ้าผมมีถุงยางก็ได้ใช่ปะ?”
   ขุ่นพระ! พวกมันเอากันในห้องน้ำออฟฟิศ!
   มีเสียงเปิดปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น แม้จะค่อนข้างเงียบไม่มีเสียงประกอบกามกิจดังมากนักแต่ก็มีเสียงลมหายใจกระเส่าหนักหน่วงดังขึ้นเบาๆ อ้นไม่กล้าขยับตัวได้แต่ยืนนิ่งเพราะตกใจที่มีคนหน้าด้านกลางวันแสกๆ
   ทรามอะ โรคจิต อี๊! ที่ดีๆ ก็มี ถ้าคันมากนักแล้วทำไมพวกแกไม่ไปเปิดโรงแรมนอนกันยะ แหวะในห้องน้ำ! สกปรก! กลางวันแสกๆ ในเวลางาน คนสวยรับไม่ได้!
   เสียงซี้ดปากสูดลมหายใจเริ่มดังจนอ้นขนลุก! และแล้วก็มีเสียงคุยดังขึ้นเบาๆ
   “ขอผมถ่ายรูปหน่อยนะ มีปากอุ่นๆ อมเคให้ในห้องน้ำออฟฟิศแบบนี้โคตรชอบเลยพี่”
   “อย่านะ ถ้าเธอถ่ายพี่จะไม่ยอมเธออีก”
   “โธ่ ผมเก็บไว้ดูคนเดียว อันนี้ผมไม่เอาลงอินสตราแกรมหรอก”
   กรี๊ด! โรคจิตเต็มขั้นเลยอ๊ะ! โอ๊ยตายแล้วออฟฟิศฉันมีพวกชอบโชว์ด้วย!
   “ไม่”
   “งั้นขอผมแตกในปากนะ กลืนน้ำผมให้หมดเลยนะพี่”
   อ้นยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับ เขากลัวแทนกับคู่ขาจะรู้ว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย อ้นไม่อยากมีปัญหากับแทน และเขากลัวจะถูกจับได้ว่าแอบอยู่กับเรย์สองต่อสองเช่นกัน อ้นไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีเพื่อหลบหนีจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ เมื่อหันมามองเรย์เขาถึงพบว่าเรย์กำลังเพลิดเพลินกับโทรศัพท์เขาอยู่!
   อารมณ์ของอ้นเปลี่ยนกะทันหันพลิกจากอารามตื่นเต้นเป็นเพลีย!
   ดีเนอะดีออก! ข้างนอกซั่มกันจนน้ำจะแตกอยู่แล้วแกดันแฮปโทรศัพท์ฉันไปเล่นหน้าด้านๆ
   อ้นเงื้อมือขึ้นทำท่าจะตบ แต่เรย์จุ๊ปากเสียก่อน หนุ่มแว่นบุ้ยปากเป็นสัญญาณถึงอีกห้อง อ้นจึงถลึงตาใส่แล้วแบบมือทำท่าขอคืน แต่เรย์ส่ายหน้า เขาจิ้มสมาร์ตโฟนอีกสองสามทีก่อนจะส่งคืนอ้น ในหน้าจอปรากฏแอปสนทนาที่มีข้อความพิมพ์ค้างเอาไว้ว่า “รอเขาไปก่อนหรือออกไปก่อนเขาเสร็จ?”
   อ้นหน้าแดง แต่ก็พิมพ์ข้อความใหม่แล้วส่งให้เรย์ดู “ตอนนี้เลย เบาๆ นะ”
   เมื่อเห็นเรย์พยักหน้า อ้นจึงให้สัญญาณ ทั้งคู่พยายามเปิดประตูให้เบาที่สุดแล้วรีบย่องออกมาจากห้องน้ำ เรย์ทิ้งป้าย “ชำรุด” แขวนไว้ตามเดิมแล้วรีบตามหลังอ้นมา เมื่อพ้นระยะห้องน้ำและเข้ามาอยู่ในลิฟต์สองต่อสองแล้วเรย์ก็ถามอ้น
   “ตกลงโกรธอะไร? หลบหน้าเราทำไม?”
   อีนี่! เชื่อเค้าเลย!
   อ้นหงุดหงิดสุดๆ พวกเขาพึ่งผ่านเหตุการณ์น่าแหวะเพราะพวกโรคจิตในห้องน้ำมาแต่เรย์กลับไม่สะทกสะท้านสะเทือนอารมณ์บ้างเลย!
   “อีแว่น! นี่แกยังจะถามเรื่องนี้อีกเหรอ? แกตายด้านรึไง เมื่อกี้น่ะ”
   แต่อ้นยังวีนไม่จบเรย์ก็ถามแทรก และคำถามของเรย์เล่นเอาอ้นเงิบเขินหน้าแดงยิ่งกว่าเก่า
   “เราควรจะมีอารมณ์เหรอ?”
   “คือ... ฉันหมายถึง เจอเรื่องอุบาทว์แบบนั้นแกยังจะมาเซ้าซี้ฉันเรื่องไร้สาระอีกเหรอ?”
   ไร้สาระเหรอ?
   เรย์หงุดหงิดเพราะความน้อยใจมากขึ้นทุกที เรื่องไร้สาระของอ้นคือเรื่องสำคัญสำหรับเขา
   “ก็บอกมาก่อนสิโกรธอะไรเรา? นายจำกัดเราในเฟซทำไม? บล็อกไลน์ด้วย”
   “ขอร้องล่ะ แค่เรื่องเมื่อกี้ฉันก็กินข้าวไม่ลงละ อย่าทำให้ฉันอารมณ์เสีย คนสวยเพลีย! ฉันจะรีบไปกินข้าว รีบกลับไปทำงาน!”
   “อ้น?”
   ประตูลิฟต์เปิดออก อ้นเดินหนีเรย์ออกจากลิฟต์ เรย์ตามออกมาแล้วดึงแขนอ้นไว้ เขาพูดกับอ้นด้วยน้ำเสียงรวดร้าว
   “นายสำคัญสำหรับเรานะ เราดีใจที่ได้กินข้าวกับนาย แต่ถ้านายรำคาญเราก็ขอโทษด้วย”
   เรย์กล่าวกับอ้นแค่นั้นแล้วเดินหนีเข้าลิฟต์ อ้นมองตามหลังเรย์งงๆ แต่เวลาพักเที่ยงที่ใกล้หมดทำให้อ้นไม่สนใจเรย์ เขาหันหลังมุ่งไปยังแคนทีนต่อพลางปัดเรื่องไร้สาระของเรย์ออกจากหัว



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


เป็นตอนที่ #แก๊งสามเกรียน กลับมารวมตัวกันครบ แถมยังมี #ครอบครัวเกมเมอร์ ปรากฏตัว

* แก๊งสามเกรียน คือสมญานามของ พี(เทพ) เมฆ และหิน สามหนุ่มบ้าเกมซึ่งมีสกิลหลีหญิงห่วยแตก โหล่โท่ยสุดๆ ในรุ่นก็ว่าได้ แต่ต่อมาได้ผนวกเอา #ตัวแถม อย่าง "เรย์" เข้าไปด้วย ประมาณว่าเรย์เป็นส่วนเกินของรุ่น ไม่มีใครเอา ไม่มีคนคบ เรย์เลยเกาะติดไปกับแก๊งกากสามคนนี้ แต่เพราะเรย์อินดี้ใครไม่สนใจนางๆ ก็ไม่ง้อเลยชอบฉายเดี่ยวบ่อยๆ จนไปปะทะกับอ้นที่โรงอาหารส่วนสามคนนี้ก็ไม่ได้สนใจว่าเพื่อนหายเล้ย! แต่ก็ยังพอรวมตัวกัน4คนได้อยู่นะ จนบางสถานการณ์ก็ถูกเพื่อนคนอื่นๆ ล้อกันว่า "แก๊ง3.5เกรียน" นัยว่าเรย์คือส่วนเกินที่ไม่ถูกนับเป็นสมาชิกเต็มตัว

พี(เทพ) / สไนเปอร์ / สตาร์ / เมฆ / หิน คือ ตัวละครจากนิยายเรื่อง STR/INT : Love Tricks ของเราเอง หาอ่านได้ตามลิงค์ที่ให้ไว้ล่ะ จบแล้ว
แต่จริงๆ ต้องบอกว่าตอนจะดันอ้นเป็นนางเอกเราดันไปหยิบ "เรย์" ตัวประกอบที่ออกมา 2 ฉากจากเรื่องนั้นมาปั้นเป็นพระเอกดีกว่า แหะๆ
(*มุมแจ้งให้ทราบ* นิยายแบบเล่มเดียวจบพิมพ์มาแค่ร้อยเล่มแต่ดันขายไม่ค่อยออก พอขายหมดเลยยังไม่มีโครงการพิมพ์เพิ่มจ้า ส่วนแบบอีบุ๊ก เรายังไม่ได้ทำจ้า แต่ก็มีโครงการอยู่นะ)

เรย์เอาแต่ใจมว๊าก! ความเอาแต่ใจขี้อ้อนของนางเริ่มไต่ระดับจนอ้นชักรำคาญแล้ว นางมีสกิลไม่อ่านบรรยากาศสูงมาก คือสมองนางทำด้วยอะไร? อินดี้ขนาดนี้อ้นจะรับมือไหวมั้ย? แน่ะๆ ตอนท้ายนางทำท่าจะงอนอ้นด้วย ก็ช่วยลุ้นพระเอกแปลกๆ คนนี้กันด้วยนะคะ
อืม... อย่างที่พูดเสมอแหละ ถ้าคุณหลงเข้ามาอ่านนิยายของ AzurICE คุณจะเจอพระเอกแบบที่ไม่รู้ว่าขุดขึ้นมาจากดาวดวงไหน? แต่ละคนแปลกประหลาดนิสัยแบบที่พระเอกทั่วไปพานพบได้ยาก! แต่ขอสาบานว่าพระเอกคนนี้เราตั้งใจปั้นให้น่ารักมุ้งมิ้งที่สุดแล้ว อ้อนยิ่งกว่าพี่สตาร์อีกแหละขอบอก!
เพื่ออ้นโดยเฉพาะเลย เราเสกผู้ชายแสบๆ ให้นาง อะไรนะ? เอาแซ่บไม่ได้เอาแสบ? เอาน่าคือๆ กัน ฮ่าๆ

ส่วนต่อมา ฉากอย่างว่าในห้องน้ำ ขอยกผลประโยชน์ให้เกย์ทุกคนเลยจ้า!  :m14:
ขอบคุณทวิตเตอร์โชว์หวิวไอดีต่างๆ ที่ทำให้เราเกิดไอเดียนี้ขึ้นมา  :a2: อะไรนะ? อยากได้บ้าง แค่หาแท็กเสียวๆ ว่าวๆ โชว์ๆ ค้นไปเดี๋ยวก็เจอ
คือมันคันอะไรเบอร์นั้น? ต้องเอาออกระหว่างวัน? แถมยังไม่พอต้องโชว์น้ำขาวขุ่นลงสื่อ? ขอโทษนะ หาคนเยด้วยไม่ได้เหรอ? หรือไอ้ที่ทำแค่โรคจิตชอบโชว์เฉยๆ?
เป็นห่วงสวัสดิภาพของเกย์ไทยนะ มีแต่เน้นรูปร่างอัพเบ้าหน้าแล้วนัดยิ้ม ไอดอลไอ้เด้านี่ตัวดีเลย เล่นรถไฟสนุกมั้ยตัวเธอว์? แลดูสำส่อนเนาะ มั่วจนจั่วเอดส์ยกแอพ! (มีกระทู้ในพันทิปพูดถึงเพื่อนเกย์ติดเอดส์กลับบ้านนอก แล้วก็ประมาณติดมาจากคนที่เล่นแอพเกย์ด้วยกัน ไปๆมาๆคนในแอพนั้นติดเอสด์เพียบ แอพที่เสริชเพื่อนได้จากที่อยู่อะ ว่ากันว่าดงรัชดาจั่วกันเป็นดง!)
เพราะแบบนี้ใช่มั้ยเลยใฝ่ฝันหานิยายฝันหวาน? อยากได้ผู้ชายแท้ๆ มาครองรักเพราะเกย์ด้วยกันมักรักไม่จริง ท้อจนอยากกินเพื่อนชายแท้แทน? บางก็กะว่าอยากได้รักแท้แต่ขอเช็กเบ้าหน้ากับกล้ามซิกแพ็กก่อน? คือ? .... เออเอาเหอะ ขอให้สนุกกับชีวิตเกย์สไตล์แล้วกัน ก็เขียนเสียดสีเกย์พวกนี้ให้สะท้อนจากคาแรคเตอร์ "คู่ขาของแทน" แหละ ซึ่งเป็นสไตล์ที่เราถนัด ดราม่าแบบเสียดสีสังคมนิดๆ เหอๆ
ไหนจะประเด็น "ตุ๊ด" อีก แหมๆ เป็นตุ๊ดมันหาผู้ชายกินยากละสิเลยจำใจต้องเปลี่ยนตัวเองเป็น "เกย์รับ" หรือบางวันหาผัวไม่ได้ก็ต้องจำใจเปลี่ยนสถานะเป็นผัวเอง แร๊ง! แต่มันคือความจริงที่ตุ๊ดยุคใหม่ต้องเผชิญ ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าตัวเองอยากเป็นผู้หญิงหรือเพียงแค่อยากยิ้มกับผู้ชาย คล้ายๆ บทบาทของอ้นกับแทน เหอๆ #แถวนี้ไม่มีทุ่งลาเวนเดอร์ให้ยูวิ่งเล่นหรอกนะ AzureICE โรคจิตชอบแต่งนิยายซาดิสปวดตับหน่วงไต! เตรียมเข้าโหมดดราม่ากันแล้วรึยังจ้ะ? สาบานว่าหน่วงเบาๆ ไลท์กว่าคู่ป้องกับเติ้ล
การใช้ชีวิตในสังคมมันไม่ง่ายแบบนั้นหร้อก.... เป็นเกย์(ครับ) เป็นตุ๊ด และเป็นกะเทย(ค่ะ) มันมีความเท่าเทียมที่แตกต่างกันมากอยู่ ไม่ใช่แค่เรื่อง "ผู้ชาย" แต่มันรวมไปถึงหน้าที่การงาน สถานะในสังคม ความลำบากในการใช้ชีวิต มีใครรู้บ้างว่ากะเทยกินยาคุมมากๆ แล้วจะเอ๋อ มีอาการเบลอๆ แบบที่เค้าเรียก "กะเทยเมายาคุม" นั่นแหละ? อาชีพบางอาชีพไม่มีพื้นที่ให้กะเทยหรือตุ๊ดแต่งหญิง หลายคนต้องจำใจรับสภาพกลับไปแต่งบอย ผลมันเลยออกมามี "สาว" เต็มไปหมดเลย! นัวกันจนเกย์แอนตี้ตุ๊ด ตุ๊ดและกะเทยหมั่นไส้เกย์รับ(สาว) ผลคือด่ากันนัว!
เราพยายามอ่านกระทู้ หาปัญหาต่างๆ ของเพศที่สามมาศึกษา หยิบยกเอาประเด็นต่างๆ มายำแล้วใส่ปมเข้าไปให้เหมาะกับตัวละครในเรื่อง เราพยายามเขียนออกมาให้กลมกล่อมที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ มันอาจไม่ดีมากหรอกนะ อาจไม่แซ่บมาก หรืออาจจะแรงมากในความคิดบางคน แต่เราเขียนผลงานชิ้นนี้เพื่อนแฟนนักอ่านที่เป็นเพศที่สามของเรา เราไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นแบบไหน แต่เราอยากให้คุณสตรอง อยากให้อ้นเป็นกำลังใจให้พวกคุณ เราเชื่อว่าซินเดอเรลร่าอย่างนางจะทำให้พวกคุณยิ้มได้กับฝันสีชมพูแบบฮาร์ดคอร์ของเรา มันไม่ดราม่ามากหรอก แต่มันเรียลพอๆกับความมุ้งมิ้ง น่าจะดึงสติคนอ่านให้อยู่กับความเป็นจริงและตั้งสติได้ว่า "ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น" ดังนั้น "ถ้าอยากจบสวยก็ต้องอดทนทำตัวสวยๆ ไปให้ได้ตลอดรอดฝั่ง"

รักคนอ่านทุกคน  :pig4:



Miss Tiffany's Universe 2016 ปีนี้สวยดี  :-[
ชอบโมมาตั้งแต่ สงครามนางงาม The Casting Project แล้ว คือมีความละมุนนี พอดีๆ แบบผู้หญิงเลย  :impress2:
เสียดายตอนแสดงๆ ไม่ดี เลยอดเข้ารอบหลิงๆ เข้าแทน สวยจนพี่มอสไม่รู้และพูดว่า "ปากน่าจูบ"




ป.ล. อ้นไม่สวยขนาดนี้หรอกนะ นางหน้าจิกกว่านี้ ไม่ค่อยหวาน เดี๋ยวจะเห็นเองว่านางเป็นอีสาวลูกทุ่งสุดๆ ส่วนอีนางน้อยเป็นลูกสาวกำนัน ฮ่าๆ  :haun5:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ยาวสะใจเลย   ว่าด้วยเรื่องของเรย์ ทั้งสงสารทั้งสมน้ำหน้านางนะ  แค่ก็อย่างว่านางเป็นแบบนั้นเองให้ฝืนใจทำดีๆก็ไม่น่าจะไหว   จริงๆถ้าหากว่าครอบครัวนางปล่อยให้นางทำในสิ่งที่ชอบนี่จะเป็นการดีที่สุด  รักมาก ห่วงมาก  ก็เลยล้อมกรอบให้มาก   ถ้าหากว่าที่บ้านปล่อยเรย์บ้าง  เรย์ก็อาจจะ relax มากกว่านี้  มาเจออ้นศรีแล้วเลยช้ำเอา

อีกคนที่เสียงคุ้นๆที่ทำกิจกรรมอมยิ้มในห้องน้ำหวังว่าจะไม่ใช่พี่โจมนะ   อ้นศรีมีจิตตกแน่ๆ

อ่านถึงตอนบรรยายอาซิ้มแม่เรย์แล้วจี้ใจดำค่ะ   รู้สึกเหมือนมองกระจกเงาชอบกล 5555

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อยู่ในจุดที่ว่าชอบอ่านคนเขียนเม้าท์มอยตอนจบตอนพอๆกับการอ่านเนื้อเรื่อง ทั้งอ้นทั้งเรย์ก็มีปัญหาของตัวเองที่ต้องเอามาปรับมาจูนเข้ามากันเนอะ รอลุ้นเป็นกำลังใจให้คู่นี้เสมอค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ obstacle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สวัสดีครับ เคยอ่านภาคแรก เรื่องของป้องเติ้ลไป แล้วไม่คิดว่าจะมีภาคต่อของเรย์อ้น ก็เลยเพิ่งจะได้มีโอกาสตามอ่านจนถึงล่าสุด
พออ่านรัวๆ วางไม่ลง ก็จำไม่ได้แล้วว่าจะเมนท์อะไรบ้างในแต่ละตอน..
แต่อยากบอกว่าคนเขียนเก่งมากนะครับ แถมใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ
คอยอธิบายเรื่องราวนู่นนี่กับคนอ่านตลอด และพูดยาวจริงๆ ชอบตรงนี้ครับ
(เรื่องความหมายของชื่อคือดีจริงๆ ชอบเวลาได้อ่านนิยายที่นักเขียนคอยใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ
อย่างเรื่องชื่อ แล้วหยิบเอามาเป็นประเด็นในเรื่อง เป็นมุกเล็กๆ อะไรแบบนี้ ถึงคุณจะไม่ได้แพลนไว้แต่แรก แต่หาทางไปต่อได้นี่ก็เยี่ยมจริงๆ)
เราว่าที่คุณตัดสินใจเรื่องพล็อต เรื่องนิสัยตัวละคร การกระทำต่างๆ แล้วเขียนออกมาแบบนี้
คือดีแล้ว เราชอบ ทำต่อไปเลยครับ เราว่ามันดูมีเหตุผลของมันดีแล้ว

เรย์เป็นตัวละครที่น่ารักจริงๆ กวนส้นแบบไม่ตั้งใจด้วยหรือเปล่านะ 555
เลยทำให้น่าหมั่นไส้ไปพร้อมกันเลยด้วย ความมึน ความเป็นน้องน้อยนี่นะ
อ้นก็ใสซื่อ เราก็ไม่เข้าใจจริตของตุ๊ดเหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่าอย่างอ้นที่คุณเขียนนี้มีความเป็นตุ๊ดแค่ไหน
แต่เราว่าคนเรามันก็มีหลายนิสัย อย่างอ้นยกให้เป็นคนสวยน่ารักนิสัยดีละกัน
เรื่องความไม่มั่นใจในตัวเองของอ้นนี่ก็ได้แต่รอให้ใครมาทำให้มั่นใจมากขึ้นนะ เป็นตุ๊ดก็ไม่ได้ด้อยกว่าคนอื่นหรอก
เวลาอ้นอยู่กับเรย์ ดูแล้วอ้นไม่ค่อยมีสติวิเคราะห์พิจารณาอะไรเท่าไหร่ เหมือนโดนเรย์คอยปั่นให้มึนเมาตลอดเวลา
นี่ก็พลาดตกลงไปในหลุมที่เรย์ขุดไว้แล้ว กว่าจะรู้ตัวหลุมก็ลึกจนปีนหนีไปไหนไม่ได้แล้วเนอะ

เราไม่เคยอ่านเรื่องอื่นของคุณ แต่จะรอติดตามเรื่องนี้ และผลงานเรื่องต่อๆ ไปนะครับ
..อาจจะไปตามอ่านผลงานเก่าด้วย

ปล. ชอบฉากที่มีป้องกับอ้นอยู่ด้วยกัน เหมือนกับพี่ชายและน้องสาวจริงๆ น่ารัก
ไว้ป้องพาอ้นไปเที่ยวที่บ้านบ้างนะ แนะนำให้รู้จักกับฝั่งเติ้ลบ้าง อะไรแบบนี้ น่าจะสนุกดี
ปล.2 แต่มองอีกมุม ป้องกับอ้นนี่ก็เหมือนลูกชายกับแม่นะ ยกให้เป็นคุณแม่ละกัน คนสวย

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
สวยเลือกได้นะ อ้น นายน่ะ ลูกครึ่งนะลูกครึ่ง

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

เฮ่นโหลว เอฟวรี่บอดี้!  o12 พยายามจะดัดจริตแต่คิดสำเนียงเสียงที่ต้องพูดไม่ออกเลยพิมพ์ไม่ถูก!

เอาเป็นว่าทักทายกัน พอดีเห็นเม้นจากคุณนักอ่านแฟนคลับเลยแวะอยากมาคุย ... เอาจริงๆ ไม่ใช่แต่ตะเองหรอกที่คาใจ ไอ้คนแต่งมันก็คาใจ! #จริตกะเทย #อินเนอร์ตุ๊ด #ความเบิกบานของชาวสีม่วง มันคืออะไร?! เอาเป็นว่าเดี๋ยววันนี้เราจะมาคุยกัน แต่ขอตอบเม้นก่อนน้า

 :teach:


อ้างถึง
คนอะไรใส่ของแพงได้ลุคชีปมาก! ฉันใช้ของก๊อบยังดูแพงกว่าแกเรย!
ป้าก็เป็นเหมือนหนูแหละเรย์เอ๊ย  เลยประหยัดเงินค่าแต่งตัวไปลงค่ากินหมด

อิพี่ป้องปากนางนี่บั่บว่า..........
เรย์มันไม่เมนท์สักนิดเลยเรื่องการแต่งสาวของอ้น  ความรู้สึกมันบียอนด์ไปแล้วสินะ

เดี๋ยวนี้อ่านๆแล้วไม่ค่อยได้เมนท์ค่ะ   มีอะไรให้ทำเยอะแยะมากจนอยากจะให้วันหนึ่งมีสัก 72 ชม.    เปิดพรีอิพี่ป้อง-อินางน้อย + อ้นศรีกับเรย์ศักดิ์เมื่อไหร่เดี๋ยวเจอกันค่ะ   ได้ข่าวว่าปลายปีสินะคะ

หวัดดีคุณพี่คร่า!  :L1:
หนูก็ลุคชีปพอๆ กันแหละพี่ ฮ่าๆ เดินห้างนี่ไม่เคยมีใครยื่นอะไรให้เลย เสริมความงาม ประกันชีวิต บลาๆ ไม่มีใครสนใจ แบบเดินสบายอะพี่ คิดดูว่าสารรูปจนกรอบขนาดไหน ไร้กะตังค์สุดๆ

เคยมีคนบอกหนูว่า "ไม่ใส่ใจเรื่องการแต่งตัวเพราะเขามีเงินในกระเป๋าเป็นฟ่อน" ในขณะเดียวกัน หลายคนติดหนี้บัตรเครดิตแดงเถือกเพื่อถอยแบรนด์เนมมาใส่อวดชาวบ้านว่า "ฉันมีคอลเลกชันนี้แล้วนะ"
หนูว่ามันต้องไปด้วยกันนะ ภาพลักษณ์ก็สำคัญแต่มันต้องไปพร้อมกับเงินในกระเป๋า อะไรที่ชอบก็เก็บตังค์ซื้อถือเป็นรางวัลชีวิตบ้างก็ดี แต่ไม่ใช่วิ่งตามต้องมีทุกอย่างให้ทันกระแส

แต่ที่เขียนแบบนั้นคือพยายามสื่อเรื่องรสนิยมของอ้นด้วยไงคะ ฮ่าๆ ประมาณว่าอ้นก็เหมือนคนทั่วๆ ไปที่ใฝ่ฝันถึงความหรูหราลักซ์ชัวรี่ไลฟ์นั่นแหละ สนใจสไตล์และแฟชั่นต่างๆ ตามประสาสาวสีชมพู นางรสนิยมสูงพอสมควรนะ เหอๆ แต่พอมาเจอเรย์ที่แบบว่า... ทรัพยากรพร้อมแต่ไม่แคร์เลยอาจจะนึกดูถูกเล็กๆ คืออ้นไม่มีกะตังค์สารร่างก็ใช่ว่าจะดีแต่เค้าขวนขวายอยากมีอยากดูดีขึ้นไง ทว่าเรย์หน้าตาก็ดีเงินก็มี แต่! นั่นแหละอย่างที่เห็น อ้นคงรู้สึกเสียของอะ
มันมีจุดเล็กๆ มาตั้งแต่ภาคแรกแล้วที่ป้องชอบแขวะว่า "อ้นใช้กระเป๋าก๊อบ" แต่ตอนนี้แลดูนางจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย งี้แหละพอคนเราทำงานแล้วก็รู้ซึ้งว่าเงินมันไม่ได้หาได้ง่ายๆ หรือบางทีอาจจะเป็นที่สังคม อยู่ในกลุ่มเพื่อนแบบไหน สังคมที่ทำงานเป็นยังไง? หรืออ้นอาจไปเจออะไรมา? ทัศนคตินางเลยเปลี่ยนไป
เอ... ว่าแต่นางฝึกงานกับป้องนะ เคยเจอ "แจน" ด้วยสิ ป้องยังอยู่ที่เดิม ส่วนอ้นหางานที่ใหม่ อืม... ตุ๊ดผู้เบิกบานเจอกับชะนีเหนือเมฆอย่างแจน หนูว่าอ้นคงกัดปากเล็กๆ แหละ คงรู้สึกสู้ไม่ได้นิดๆ เดิมทีอ้นก็ไม่ได้เก่งอะไรอยู่แล้วแต่ขอตามไปฝึกตามๆ ป้อง ตอนฝึกงานมันอาจจะทำได้แต่พอถึงเวลาทำงานเค้าก็คงเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุด อ้นคงไม่อยากอยู่ให้แจนข่มหร้อก ละอ้นคงไม่กล้าบังคับป้องว่าให้หางานที่อื่นทำอะไรแบบนั้นด้วยถึงจะรู้ว่าแจนเล็งป้องก็เหอะ เหอๆ
สำหรับการพัฒนาของพี่ป้องนี่ต้องรอภาคสองจริงๆ แต่บอกได้เลยถ้าไม่ใช่เพราะอ้น อีนางน้อยก็คงไม่บุญหล่นทับหรอก คือพี่ป้องเกรียนเหมือนเดิมแต่อ่อนโยนขึ้นเยอะ อาจจะเพราะความเป็นสาวของอ้นช่วยขัดเกลาพี่ป้องให้นุ่มนวลกับคนอื่นขึ้นด้วย เติ้ลควรกราบขอบคุณอ้นอะในความรู้สึกหนู

สำหรับเรย์ ผู้ที่เห็นตัวตนของอ้นมาตั้งแต่ตอนที่ยังแอ๊บแมนจนสาวแตกแกรนด์ออกสื่อกับชาวแก๊ง และคำถามที่นางถามตอนแรกสุดว่าอ้นเป็นอะไรกันแน่? หนูว่าเรย์มันคงตัดสินตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ เพราะหลังจากนั้นมันก็เดินหน้าของมันมาตลอดนะ ในแบบแมวๆ อะนะคะ ฮ่าๆ

ป.ล. เรื่องหนังสือยังมิแน่ใจค่า ฮ่าๆ เอาไว้เดี๋ยวเร็วๆ นี้คงแจ้งข่าวการตัดสินใจในเฟซอีกทีค่ะ


สนุกสิค่ะมารอตอนต่อไปแอบเล่นที่ทำงาน

ขอบคุณค่า  :pig2: :pig4: แวะมาบ่อยๆ น้าตะเอง คิดถึง  :hao5:


เย้ๆๆๆๆๆมาต่อแล้ว ชอบมากเลยน้องอ้นของช้านนนนน

ดีใจที่มีคนชอบอ้น  :mew1: อาจจะเป็นนางเอกที่แปลกไปซักหน่อย แต่จะพยายามเขียนให้น่ารักอ่านแล้วไม่ขัดใจรู้สึกคาแรคเตอร์สะดุดค่า ภาคแรกนี่โผล่มาอย่างกับเป็นนางร้ายจกแมมมอธอีพี่ป้อง ภาคหลังได้เป็นนางเอกสมใจ ฮ่าๆ


แอบสงสารนางนิดๆแล้วผู้นางนี่เอาแต่ใจ
แถมไม่สนใจไม่แคร์คนอื่นนอกจากตัวเอง
แต่ดีหน่อยนางใส่ใจคนที่นางสนใจกว่า
คนอื่นทั่วไปโอ้ยยยยงงกะตัวเองนี่บรรยาย
ได้แบบไม่รู้เรื่องเลย
ขอบคุณตอนใหม่คร้าาา :pig4: :pig4:

รอดูความแสบของเรย์ ขึ้นชื่อว่ากลุ่มเดียวกับพวกแก๊งสาม(จุดห้า)เกรียน คือไม่มีทางเรียบร้อยอ่ะ เผลอๆเรย์นี่แหละของแรงสุดในกลุ่ม เหอๆ เรย์ขึ้นทีพี่เทพก็มีหงออะ (ฉากเทพคุยไลน์กับดาวแล้วโดนเมฆแกล้ง เสียงมันดังเรย์เลยตวาด) เหอๆ สปอยว่าเรย์เกลียดสตาร์มากกกก ในขณะที่ทุกคนเรียก "พี่สตาร์" มีเรย์คนเดียวที่เรียกว่า "ไอ้สตาร์" ขึ้น "มึง-กู" กับพี่ตา พิจารณาความอินดี้ของนางละกัน คิกๆ
แต่รับรองความแซ่บแน่นอน อ้นฝากบอกว่าหนอนน้อยสีชมพูแซ่บพอฟัดพอเหวี่ยงกับแมมมอธเลยค่า ฮ่าๆ รอลุ้นฉากแปลกๆ ได้เลยค่ะ คู่นี้แต่งเบาๆ ใสๆ น่ารัก ไม่ค่อยเรต (ไปเรตในตอนพิเศษโลด!)
นางอินดี้ ขี้อ้อน และขี้งอนมาก แต่เดี๋ยวรอดูความมุ้งมิ้งของนางได้เลย อิๆ  :m3:


ยาวสะใจเลย   ว่าด้วยเรื่องของเรย์ ทั้งสงสารทั้งสมน้ำหน้านางนะ  แค่ก็อย่างว่านางเป็นแบบนั้นเองให้ฝืนใจทำดีๆก็ไม่น่าจะไหว   จริงๆถ้าหากว่าครอบครัวนางปล่อยให้นางทำในสิ่งที่ชอบนี่จะเป็นการดีที่สุด  รักมาก ห่วงมาก  ก็เลยล้อมกรอบให้มาก   ถ้าหากว่าที่บ้านปล่อยเรย์บ้าง  เรย์ก็อาจจะ relax มากกว่านี้  มาเจออ้นศรีแล้วเลยช้ำเอา

อีกคนที่เสียงคุ้นๆที่ทำกิจกรรมอมยิ้มในห้องน้ำหวังว่าจะไม่ใช่พี่โจมนะ   อ้นศรีมีจิตตกแน่ๆ

อ่านถึงตอนบรรยายอาซิ้มแม่เรย์แล้วจี้ใจดำค่ะ   รู้สึกเหมือนมองกระจกเงาชอบกล 5555

เดี๋ยวจะรู้ว่าทำไมที่บ้านห่วงนางค่ะ ฮ่าๆ นางปัญหา(ส่วนตัว)เยอะมาตั้งแต่เด็ก โอ๊ย! นี่อยากสปอยมาก! แต่หนูเคยเล่าย่อๆ ตอนปรึกษาละเนอะ อย่างที่บอกพี่แหละค่ะ คาแรคเตอร์เรย์เขียนยากมากกกกก
 :sad4:

อันที่จริงเรื่องว่านางเป็นแคสเตอร์หรืออะไรคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ ประเด็นหลักๆ คงเป็นเรื่องนิสัยนางนั่นแหละ เรย์เหมือนอัจฉริยะที่ทำได้ทุกอย่าง (ฉากเปิดห้องคอลเลกชันนางจะเฉลยว่าเรย์ทำงานอดิเรกหลากหลายมาก) คว้าอันดับสองมาได้ก็คงไม่โง่! (แต่เดี๋ยวจะมีคำพูดของพีมาย้ำความอินดี้และความเก่งกาจของนางในพาร์ทหลังอีกค่ะ) แต่นิสัยนั่นแหละปัญหา
อารมณ์แบบพี่ๆ ช่วยกันเลี้ยง คงได้ตามเวรตามกรรม พี่ๆ ก็ยังวัยรุ่นกันด้วยคงไม่เหมือนพ่อแม่ปลูกฝัง โตมาในครอบครัวที่มีหลายวัฒนธรรม ลูกครึ่ง เด็กนานาชาติ แต่ดันเป็นชาติที่ภาษาอังกฤษในครอบครัวแปลกๆ ไปโรงเรียนก็อาจจะโดนล้อหรือปรับตัวยากบ้าง ตัวเองก็ไฮเปอร์อยู่แล้ว มันอาจเป็นอะไรสักอย่างที่ทำให้เรย์สร้างกำแพงหนาหรือกลายเป็นเด็กแปลกๆ แล้วก็เรื่องช่วงวัยรุ่น (เนื้อหาอยู่ในตอนพิเศษ)
เรย์นี่แรงนะ นิสัยอวดดี เวลาอยู่กับสามเกรียนจะเห็นเลยว่าแรงมาก ผิดกับเวลาอยู่กับอ้นที่ลดลงมาหน่อย คือบางทีถ้าเรย์ไม่ได้เจอเทพที่ค่อนข้างจะง่ายๆ easy going ไม่คิดมาก แล้วก็ค่อนข้างจะอบอุ่นรักเพื่อน บางทีเรย์อาจจะไม่มีที่ให้เกาะแล้วไม่มีโอกาสปรับตัว สภาพนี้คือนางปรับแล้ว! ในพาร์ทหลังมีฉากที่เรย์กับเติ้ลเข้าด้วยกัน มีการพูดถึงสมัยเรียน (สองคนนี้รุ่นพี่รุ่นน้องกันนะคร้า!) คืออารมณ์แบบเกย์ง๊องแง๊งอย่างเติ้ล(ที่มีตอนที่เติ้ลทะเลาะงอนเพื่อน เติ้ลก็คงได้พีดึงไว้เหมือนกัน) และ รุ่นพี่อินดี้แบบเรย์ คนที่ประสานก็น่าจะพี ซึ่งมีบุคลิกสบายๆ แบบที่ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้ อยากคบเป็นเพื่อน
หนูดีไซน์ตัวละครสนุกม๊ากกกก เครียดแทบอ้วกกว่าจะมองคาแรคเตอร์ที่ตัวเองสร้างได้ทะลุปรุโปร่ง เนื้อเรื่องอาจจะเล่าแค่ 10 แต่หนูต้องคิดและเห็นภาพหลักร้อยเพื่อเอามาเขียน เหอๆ

คนที่เล่นอมยิ้มในห้องน้ำมีเฉลยแน่นอนค่า พี่โจมก็มีเฉลยเหมือนกัน ปมพี่โจม ปมของแทน เดี๋ยวมีแน่นอน ต้องรออ่านนะคะ ฮ่าๆ ถึงทุกคนจะรู้ว่าเรย์เป็นพระเอกก็เถอะ แต่เชื่อว่าเดี๋ยวหลายคนจะเชียร์พี่โจม ถ้าอยากรู้ว่าทำไม ยังไง? หัวใจของอ้นรู้สึกอย่างไรกันแน่? ต้องรออ่าน เพราะมันเกี่ยวกับการเห็นคุณค่าในตัวเองของอ้นด้วย มันอาจจะบอกเราก็ได้ว่า เหตุผลที่คนรักกันคืออะไร? ตกหลุมรัก? รักแบบค่อยๆเพิ่มขึ้นทุกวัน? มันต้องมี๊! ฮ่าๆ
*พล่ามได้เพราะเขียนเนื้อหาส่วนนั้นเสร็จแย้ว:laugh3:

ป.ล. ถึงจะเป็นอาซิ้มก็ซิ้มอินเตอร์นะคะ แม่แต่งหน้า แต่งตัว ฉีดน้ำหอมนะเออ!  o13


:pig4: :pig4: :pig4:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:


อยู่ในจุดที่ว่าชอบอ่านคนเขียนเม้าท์มอยตอนจบตอนพอๆกับการอ่านเนื้อเรื่อง ทั้งอ้นทั้งเรย์ก็มีปัญหาของตัวเองที่ต้องเอามาปรับมาจูนเข้ามากันเนอะ รอลุ้นเป็นกำลังใจให้คู่นี้เสมอค่ะ

ดีใจจังมีคนชอบอ่านอะไรไร้สาระ  :sad4:  จริงๆ เคยแอบคิดนะ ว่า ... ที่คนอ่านนิยายเราเค้าไม่เม้นกันเป็นเพราะเราพูดมากรึเปล่า?
คือบางทีก็รู้สึกเหมือน "คนอ่านเกลียดAzurICE" รู้ว่าคาแรคเตอร์ตัวเองที่แสดงออกในเล้าเป็ดคือ 1พูดมาก 2เกรียน
แต่พอเริ่มทำหนังสือ ด้วยความที่เป็นคนตรงๆ เวลาเจออะไรจากลูกค้านักอ่านที่ไม่ค่อยน่ารักแล้วรู้สึกไม่โอเคก็เอามาพูดกันตรงๆ ก็จะบ่นๆพล่ามๆลงหน้าเพจไป ก็ไม่ถึงกับด่าทออะไรหรอกนะคะ แต่คนคงสัมผัสได้ว่าเราบู๊ใช่ย่อย คนก็จะมองว่า 3เราอินดี้!
(ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแรงปากตลาดอะไรแบบนั้นนะคะ แต่หมายถึงว่าเราไม่ค่อยอดทนยอมโดนคนอื่นเอาเปรียบอยู่เฉยๆ เรามักจะทักท้วงกันตรงๆ)
รู้สึกว่าคนน่าจะเก็บเอาเราไปด่าเยอะ ไม่ใช่นักเขียนที่คนอ่านรัก ไม่มีติ่งคอยอวยหรือโอ๋แบบ "นักเขียนของฉันสุดยอดที่สุด ใครห้ามแตะนะ!" แต่ในแง่ชื่นชม หรือชอบนิยาย เราก็คิดในใจนะว่ามันคงมีแฟนนักอ่านส่วนนึงแหละ เพราะยอดวิวนิยายก็ขึ้นอยู่เรื่อยๆ คงมีคนเข้ามาอ่านบ้าง แต่อาจจะเพราะคาแรคเตอร์ของเราทำให้ไม่มีคนอยากเข้าใกล้ คือรู้สึกตัวเองไม่มีพลังหรือสามารถทำให้คนอ่านเอ็นดูอยากเข้ามาพูดคุยได้อ่ะ
โอเค บางคนอาจจะอ่านโดยไม่มีไอดีเล้า เลยไม่เม้น บางคนขี้เกียจล็อกอิน หรือนิยายที่อัพไม่สามารถทำให้คนที่อ่านกรีดร้องอยากเม้นพูดคุยได้ หรือแม้แต่บุคลิกของเราเองทำให้คนอ่านถอยห่าง ตามอ่านอย่างเดียว เรารู้สึกแบบนั้นนะ แต่เราก็ยังเลือกจะพล่าม! ฮ่าๆ
ถามว่าท้อมั้ย? ท้อดิ! โคตรท้อเล้ย! แต่เราชอบเขียนนิยาย ถ้าเราอยากเขียน เราก็ห้ามหยุดเขียน ต้องพัฒนาตัวเองจนกว่าจะมีคนชอบผลงานของเราแล้วอยากมาพูดคุยกับเรา นั้นคือการสู้ในส่วนของการพัฒนาผลงาน ส่วนในแง่ของการปรับปรุงบุคลิกภาพ เราเลือกที่จะเงียบ แอ๊บ หรือใช้โมเดลคาแรคเตอร์แบบอื่นได้ แต่ถ้าเราทำแบบนั้นมันก็ไม่ใช่ตัวเรา เราก็ไม่ได้คุยกับคนอ่าน ดังนั้นเราเลยพูดมากต่อไป เพราะเราเขียนนิยายเพื่อถ่ายทอดทัศนคติตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การมีคนเข้ามาอ่านมีคนรับรู้คือประสบความสำเร็จละ เป้าหมายเราคือมีคนอ่านนิยายเราแล้วชอบ ง่ายๆ แค่นี้แหละ
ดังนั้น สิ่งที่คุณ phrase พูดนี่คือโคตรของโคตรกำลังใจเลยค่ะ ฮ่าๆ ซึ้งมากจริงๆ :sad4: :กอด1: :L1: :3123:


สวัสดีครับ เคยอ่านภาคแรก เรื่องของป้องเติ้ลไป แล้วไม่คิดว่าจะมีภาคต่อของเรย์อ้น ก็เลยเพิ่งจะได้มีโอกาสตามอ่านจนถึงล่าสุด
พออ่านรัวๆ วางไม่ลง ก็จำไม่ได้แล้วว่าจะเมนท์อะไรบ้างในแต่ละตอน..
แต่อยากบอกว่าคนเขียนเก่งมากนะครับ แถมใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ
คอยอธิบายเรื่องราวนู่นนี่กับคนอ่านตลอด และพูดยาวจริงๆ ชอบตรงนี้ครับ
(เรื่องความหมายของชื่อคือดีจริงๆ ชอบเวลาได้อ่านนิยายที่นักเขียนคอยใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ
อย่างเรื่องชื่อ แล้วหยิบเอามาเป็นประเด็นในเรื่อง เป็นมุกเล็กๆ อะไรแบบนี้ ถึงคุณจะไม่ได้แพลนไว้แต่แรก แต่หาทางไปต่อได้นี่ก็เยี่ยมจริงๆ)
เราว่าที่คุณตัดสินใจเรื่องพล็อต เรื่องนิสัยตัวละคร การกระทำต่างๆ แล้วเขียนออกมาแบบนี้
คือดีแล้ว เราชอบ ทำต่อไปเลยครับ เราว่ามันดูมีเหตุผลของมันดีแล้ว

เรย์เป็นตัวละครที่น่ารักจริงๆ กวนส้นแบบไม่ตั้งใจด้วยหรือเปล่านะ 555
เลยทำให้น่าหมั่นไส้ไปพร้อมกันเลยด้วย ความมึน ความเป็นน้องน้อยนี่นะ
อ้นก็ใสซื่อ เราก็ไม่เข้าใจจริตของตุ๊ดเหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่าอย่างอ้นที่คุณเขียนนี้มีความเป็นตุ๊ดแค่ไหน
แต่เราว่าคนเรามันก็มีหลายนิสัย อย่างอ้นยกให้เป็นคนสวยน่ารักนิสัยดีละกัน
เรื่องความไม่มั่นใจในตัวเองของอ้นนี่ก็ได้แต่รอให้ใครมาทำให้มั่นใจมากขึ้นนะ เป็นตุ๊ดก็ไม่ได้ด้อยกว่าคนอื่นหรอก
เวลาอ้นอยู่กับเรย์ ดูแล้วอ้นไม่ค่อยมีสติวิเคราะห์พิจารณาอะไรเท่าไหร่ เหมือนโดนเรย์คอยปั่นให้มึนเมาตลอดเวลา
นี่ก็พลาดตกลงไปในหลุมที่เรย์ขุดไว้แล้ว กว่าจะรู้ตัวหลุมก็ลึกจนปีนหนีไปไหนไม่ได้แล้วเนอะ

เราไม่เคยอ่านเรื่องอื่นของคุณ แต่จะรอติดตามเรื่องนี้ และผลงานเรื่องต่อๆ ไปนะครับ
..อาจจะไปตามอ่านผลงานเก่าด้วย

ปล. ชอบฉากที่มีป้องกับอ้นอยู่ด้วยกัน เหมือนกับพี่ชายและน้องสาวจริงๆ น่ารัก
ไว้ป้องพาอ้นไปเที่ยวที่บ้านบ้างนะ แนะนำให้รู้จักกับฝั่งเติ้ลบ้าง อะไรแบบนี้ น่าจะสนุกดี
ปล.2 แต่มองอีกมุม ป้องกับอ้นนี่ก็เหมือนลูกชายกับแม่นะ ยกให้เป็นคุณแม่ละกัน คนสวย

กรี๊ด ขอบคุณค่า  :pig4: #กราบขอบพระคุณสำหรับคำชม
อ่านละอมยิ้มเลยค่ะ จริงๆ เราแอบวาดภาพไว้ว่าอ้นเป็น "ชิวาว่าน้อย" ตัวสั่นหงึกๆ(อ้นตัวเล็ก) ตาโตๆ(นางชอบจิกตา) แล้วก็เห่าแบ๊กๆ นะคะ ฮ่าๆ คือเข้ากะความเวิ่นเว้อเล่นใหญ่ของอ้นดี ส่วนเรย์ก็เป็นแมวดำเอาแต่ใจ คือมันใช่เลยอะ!
บางทีที่อ้นดูไม่ค่อยมีสติเวลาอยู่กับเรย์เพราะยังไม่ได้ "เปิดใจ" ต่อกันก็ได้มั้งคะ คือแบบมันใช่นะ นางตามไปถึงที่บ้านเรย์ แต่คือนาง "เห็น" อย่างเดียวแต่ยังไม่รับเข้ามาใจใน ผิดกับเรย์ที่แบบแลดูจะแคร์เปิดใจให้อ้นมาก แต่ด้วยปมส่วนตัวนางๆ ก็จะมีวิธีแสดงออกขาดๆ เกินๆ แม้แต่เพื่อนยังดักคอเรย์ว่า "น้อยใจอีกแล้ว" แปลว่าที่ผ่านมาเรย์คงอินดี้มิใช่น้อย ฉากแรกๆ ที่เรย์แว่นแตกแล้วโทรหาเมฆ คือนั่นแหละบอกตัวตนของเรย์ "ถ้าไอมีธุระแล้วยูต้องสนใจไอนะ" มันเป็นอะไรที่แบบ...! เอาตรงๆ ใครอยู่กับคนแบบนี้ก็เพลียอะ!
เรย์ก็คงรู้ตัวแหละว่าคนอื่นเค้าไม่ชอบ แต่นางสตรอง! ใครไม่ชอบเรย์ก็ไม่สน ไม่มีกลุ่มเข้าไม่ใช่ปัญหาอยู่คนเดียวได้ คือถ้าเพื่อนไม่ตามใจแล้วเรย์ก็ไม่เอาเพื่อน กลายเป็นปมเล็กๆ ในใจ พอมาเจออ้น ด้วยความเป็นแม่พระของนาง โดนเกาะหนึบเลยสิคะ เหมือนที่พี่ชายเรย์พูดไว้นั่นแหละ "อย่าตามใจเรย์มาก" คือเรย์ได้ใจแล้วไง เพราะอ้นใจดีเกิน หรืออาจจะเป็นปมของอ้นเอง? ฮ่าๆ!
แต่เราก็คำนึงถึงปมตรงนี้ของเรย์ด้วยแหละ ดังนั้นเรย์ก็จะมีพัฒนาการเรื่องนี้แน่นอน ประมาณพาร์ตแรกเป็นปมของอ้น พาร์ตสองจะเป็นเรื่องของเรย์เป็นหลัก และมีทุกคนมาแจม

ฉากป้องกับอ้นอีกมีแน่นอนค่ะ! มีเยอะมากๆ ด้วย ป้องยังมีเรื่องทำให้อ้นหวั่นไหวได้อีกหลายฉาก!
เราก็ชอบเขียนสองคนนี้อยู่ด้วยกันนะ ในภาคแรก "ตูดผมไม่ฟิตจริงเหรอพี่?" เวลาป้องอยู่กับเติ้ลมีความปากดีมาก งานกวนตีนปากแข็งต้องมา รักเค้าแต่ไม่กล้าพูด ดราม่ากันไปอี๊ก! แต่พอมาเป็นป้องที่เป็นตัวตนจริงๆ แบบที่อ้นหลง ผู้ชายที่เป็นแฟนตุ๊ดแล้วเทคแคร์กันดี๊ดีจนชะนีอยากแย่งถึงขั้นมดลูกสั่น! (อารมณ์แบบอ้นก็อวดผัวควงป้องหวานออกสื่อในที่ฝึกงาน แจนเลยอยากได้) นางทนคบผู้หญิงที่นางไม่ได้รักเป็นปีๆ แจนสั่งให้ปรับลุคนางก็ยอม คือแลแล้วป้องก็มีความอ่อนโยนในระดับหนึ่ง แต่พอมาปะทะกับเติ้ล "อีเด็กเปรตเอาแต่ใจ" มันส์แบบบ้านๆ กันเลยทีเดียว ในพาร์ตสอง (พาร์ต #ไม่ปรุง หลังจาก พาร์ต #ไม่กินเส้น) เราทุกคนจะได้เห็นพี่ป้องกับเติ้ลกลับมาแน่นอน คือพวกเราจะได้ดูกันว่าอีคู่นี้พอมาใช้ชีวิตคู่รักเกย์กันแล้วจะเป็นยังไง ใครคุม?
แต่จะบอกว่า อ้นกับเติ้ลก็เคยเจอกันแล้วนะคะ ฉาก "แหนมเนือง" นั่นไง เติ้ลกับอ้นทำท่าจะฟาดปากกันอยู่นะ ฮ่าๆ ต้องมาลุ้นในพาร์ตหลังอะ รับรองแซ่บ เติ้ลฝากบอกว่า "ผัวใครๆ ก็หวง"

เกี่ยวกับจริตตุ๊ดนี่ขออธิบายตอนท้ายนะคะ แต่ใช่เลย อ้นก็มั่นหน้าภูมิใจในความเป็นตุ๊ดของตัวเองอยู่นะ แต่ลึกๆแล้วความเป็นผู้หญิงของอ้นมันก็... หึๆ อันนี้เก็บไว้เป็นปมในพาร์ตต่อไปล่ะ ฮ่าๆ ต้องรออ่าน


สวยเลือกได้นะ อ้น นายน่ะ ลูกครึ่งนะลูกครึ่ง

ใครบอกอ้นสวย? ม่ายเลย นางไม่สวย เทียบกะเทยที่เป็นเน็ตไอดอลยังไม่ได้เลยค่า แต่นางแซ่บ! :haun5:
เดี๋ยวชีวิตนางจะน่าอิจฉากว่านี้อี๊ก ลูกครึ่ง(ก็แค่ครึ่งเจ๊กอินเตอร์) หล่อ(ดูดีเพราะตัวขาว) รวย(มีเงินเพราะสมบัติพ่อแม่) แซ่บ(ยุคนี้แค่ไม่สาวแตกก็นับว่าแซ่บแล้ว) รักเดียวใจเดียว(อันที่จริงเป็นเพราะมันไม่มีคนคบ!) ชีวิตอ้นจะซินเดอเรลล่ามากๆ ค่ะ
ดวงผู้ชายนางมาแรง หมอดูทำนายไว้ เหอๆ แต่ถ้าเลือกพลาดก็รักซ้อนซ่อนเงื่อนเลยนะ! :a5:


##เราลงไว้ในเพจตัวเองแล้ว ขอยกเอามาลงซ้ำอีกรอบ เพื่อความกระจ่างโดยทั่วกัน##

... #วันนี้เห็นประเด็นนึงที่มีคนทักมา ... #อินเนอร์ตุ๊ด #จริตกะเทย ที่เราเคยบ่นบ่อยๆ ในนิยายเป็นยังไง?

... คือจะบอกว่า #อ้นเรย์ เราแต่งจบแล้ว มี2พาร์ท #ไม่กินเส้น กับ #ไม่ปรุง และก็ตอนพิเศษ(ค่อนข้างเยอะ) ซึ่งในตอนที่เราแต่งจะมีเรื่องอาชีพ งาน และภาษา รวมถึงรายละเอียดบางอย่างที่เรากลัวไม่เป๊ะเลยส่งให้เพื่อนอ่านตรวจทานอีกที
เพื่อนเราเคยทักมาว่า คาแรคเตอร์ "อ้น" ในพาร์ท #ไม่ปรุง มันขาดจริตกะเทย ไม่มีอินเนอร์ความเป็นตุ๊ดพอ ปมต่างๆ ยังน้อยไป ไอ้เราก็เครียดนะ คือรู้เลยว่าภาษาที่อ้นใช้ขาดสีสันแบบตุ๊ด
ถามว่าปกติพูดหยาบมั้ย? คือเราก็มีหยาบๆ เถื่อนๆ บ้าง แต่มันไม่ใช่จริตตุ๊ดไง เราจะปากเสียคล้ายๆ ป้องมากกว่า แต่เราก็คิดนะว่าอยากให้อ้นออกมาน่ารัก ไม่อยากให้แรงมากเกินไปจนทำลายความหวานของนาง ไอ้ประเภท "เอดอก" แรงๆ อะไรแบบนั้น คือเรารู้สึกว่าถ้าเราใส่ลงไปเราจะได้ความเรียลของตุ๊ด แต่อ้นจะไม่น่ารัก ต้องเข้าใจว่าอ้นมาสายตุ๊ดนางไม่ใช่สายกะเทย(สวยและเรียบร้อยมาตั้งแต่แรก)

*นึกเนื้อเรื่องในภาค1 #ไม่ฟิต ออกกันมั้ยเอ่ย? ที่ป้องเล่าว่าอ้นหลั่นล้ามั่นหน้าภูมิใจในความเป็นตุ๊ดของตัวเอง ตุ๊ดแอ๊บแมนที่ความแตกเพราะแอบส่องแมมมอธเพื่อนตอนหลับ อ้นเปิดตัวแบบนี้นะ! นางจะมาแอ๊บเป็นสายสวยเรียบร้อยก็ไม่ได้ละ นางก็เลือกไปกับกลุ่มพวกตัวแม่ทำตัวไม่แคร์สื่อไปวันๆ นางต้องแรง มันต้องมีพฤติกรรมหรือคำพูด ความคิด ทัศนคติและค่านิยมบางอย่างติดมาบ้าง แต่เนื้อแท้ตัวตนจริงๆ ของอ้นล่ะ? อันนี้เราก็เก็บมาใส่ในเรื่องเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละ ไอ้ความเป็นตุ๊ดของอ้นนั่นแหละที่เราขาด และเพื่อนติมา ฮ่าๆ

ทีนี้ความเป็นตุ๊ดคืออะไร? #อินเนอร์ตุ๊ด? #จริตกะเทย?
พอดีหาข้อมูลคลิปแห่นาคกับพวกงานบวช ไปเจอคลิปสาวๆกลุ่มนึงเลยคิดว่าน่าจะอธิบายได้ดี เลยขออนุญาตเอามาให้ชมกัน เหอๆ มันเป็นตัวอย่างที่เราเลือกมาสะท้อนแง่มุมต่างๆ ของเพศที่สามในไทย ซึ่งเราเอามาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนนิยายอีกที (*ไม่ได้บอกว่าอ้นเป็นแบบนี้นะ!)
อนึ่ง เราไม่ขอตัดสินนะว่าแบบที่เอามาให้ดูมันดีหรือไม่ดี เราเชื่อว่าคนเราทุกคนมีคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นคนเท่ากัน ถามว่าเราฮาคลิปมั้ย เราฮา แต่ถ้าไปถามตุ๊ดหรือกะเทยมีปมบางคนอาจจะไม่พอใจก็ได้ว่าเอาเพศเค้ามาล้อเลียน หรือดูถูกเพศเค้าในเชิงตลกขบขัน แต่ถ้ามีคนมาโวยวายทำอะไรแบบบางคลิปในที่สาธารณะใกล้ๆ เราๆ อาจจะคิดในใจก็ได้ว่า "อะไรของมันวะ?"

เริ่มด้วยสาวๆกลุ่มนี้กับคำด่าที่กระเทยเกลียด
http://www.youtube.com/v/B5yolDpl3Dc 
มีความแรง ความเป็นตัวแม่ ชัดเจน จุดสำคัญให้สังเกตในแง่ของภาษา การครีเอทคำด่าแบบกะเทย จุดนี้ในนิยายเราขาดชัดเจน!

และคลิปนี้
http://www.youtube.com/v/dKwFf8KPOeQ
นี่คือแอคติ้ง! จริตการจิกหน้าชม้ายสายตาส่งค้อน! อ้นอาจจะเล่นใหญ่แนวๆ ลอยหน้าลอยตาประมาณนี้ละมั้ง

และสุดท้าย กะเทย ในแบบที่เราๆ คุ้นกันดี
http://www.youtube.com/v/xg9KbLC80y0

ป.ล. เจ๊เต๋า บางปู อันนี้ฮามาก เกือบจะเชื่อละว่าเป็นผู้ชายถ้าตูดเจ๊ไม่บิด บางทีนี้อาจเป็นตัวอย่างของ "ผมว่าผมแมนนะ ไม่สาวมาก" แบบที่สาวรับ(?)หลายๆ คนคิดก็ได้
http://www.youtube.com/v/prKBIE6JeDw

กะเทยบางทีก็มีอะไรที่ #เกินหญิง ในขณะเดียวกันผู้หญิงบางคนก็มีจริตและอะไรบางอย่างที่คล้ายกะเทย มีคนบอกว่าอารมณ์ประมาณ แพท ณปภา คือนางเฮฮาหลั่นล้าแบบผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มของเพศที่สาม คำพูดคำจามือไม้ท่าทางการวางตัวมันติดมา
ซึ่งมันจะมีปมที่กะเทยเกลียดชะนีด้วย คืออยากเป็นผู้หญิงแต่เกลียดผู้หญิงแท้ๆ อยู่แต่กับกลุ่มของเพศที่สามด้วยกัน มันก็จะมีทัศนคติกับพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากผู้หญิงปกติ แต่แน่นอนว่าสาวๆ สมัยนี้ก็แรงใช่ย่อย บางทีก็แรงกว่ากะเทย
กะเทยสวยที่เรียบร้อยมีมั้ยก็คงมีแหละ แต่สังคมไทยคุ้นเคยกับอะไรแบบนี้ ไม่ว่าจะประชากรหลักๆ ในกลุ่มเพศที่สาม การแสดงออกผ่านทางสื่อ และการพรีเซนต์ตัวเองของคนดังที่เป็นเพศที่สามก็ตาม

คือจะบอกว่าทำการบ้านเยอะมาก ต้องหาข้อมูลเยอะ อ่านเยอะ กว่าจะสรุปและตีโจทย์ออกมาเป็นอ้น อารมณ์ประมาณเวลาดาราชายต้องมาเล่นละครเป็นเพศที่สามแล้วต้องทำการบ้านตีความสร้างอินเนอร์เพื่อดีไซน์การแสดงอะ เราก็ต้องดีไซน์เหมือนกันว่าจะสร้างคาแรคเตอร์อ้นออกมาแบบไหน แล้วมันต้องไปกับคู่ของเค้า มีเคมีระหว่างเรย์และอ้น รวมไปถึงเป็นตัวละครที่ทำให้เนื้อเรื่องเดินไปได้ไม่น่าเบื่อ คือเหนื่อยเหมือนกัน ทำงานหนักมากคับ T^T
เพราะอย่าลืมว่าภาค1 ดันเขียนว่าอ้นแอบส่องของลับป้อง! เอาละสิเราจะพลิกคาแรคเตอร์อ้นกลับมาให้คนรักได้ยังไง ความลำไยเล่นใหญ่แอคติ้งเยอะของนางต้องมาจริตตุ๊ดผู้เบิกบานต้องมี! โหย... เครียดมาก! แต่สุดท้ายก็ได้บทสรุปของคาแรคเตอร์อ้นแล้วละนะ อยากให้ทุกคนติดตามชีวิตของอ้นไปเรื่อยๆ ละกันว่าเราจะผลักให้อ้นเดินไปในทิศทางไหน ฮ่าๆ


 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

  :m5:  ขอโทษค้าบ ใครตามเพจเราคงรู้เนอะว่าเน็ตเรามีปัญหา เลยไม่ได้มาอัพ  (ถ้ายังไม่ได้ตามเพจ กดตรงนี้เลย https://www.facebook.com/AZI824   :pig4: )
     ตอนแรกก็ว่าวันศุกร์ที่ผ่านมาจะมาอัพนะ แต่เนื่องด้วยอาทิตย์ที่ผ่านมาเน็ตไม่ดี เปิดเว็บไม่ขึ้นเลย ก็เลยอัพไม่ได้ ติดวันหยุดอีก ต้องให้ช่างทรูเข้ามาเช็ก ปรากฏว่าสายในบ้านเสื่อมสภาพ ต้องหาช่างมาเดินสายโทรศัพท์ใหม่ เสียไปพันนึงแน่ะ โดนช่างทักด้วยว่าทำไมไม่ติดเน็ตเคเบิ้ลซะที กว่าจะลงตัวก็นะ... ตอนนี้ซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้วจ้า ลงนิยายได้แล้ว


:pig2: :pig2:


   อ้นบอกใครไม่ได้ว่าเขาบังเอิญไปเจอฉากร้อนแรงของแทนในห้องน้ำอีกทั้งเขาไม่แน่ใจว่าคนที่ร่วมกันสร้างวีรกรรมฉาวเป็นใคร แต่เพราะความที่ต้องประสานงานกันจึงมีโอกาสได้พบหน้าแทนอีกบ่อยๆ หนนี้จากเดิมที่พยายามไม่สนใจต่างคนต่างอยู่อ้นหันมาลอบสังเกตแทนมากขึ้น แล้วอ้นก็ค้นพบความจริงว่าแทนเองก็แอบจับจ้องเขาอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อโจมถามเขาเรื่องกลับบ้านเย็นนี้อ้นแอบเห็นว่าแทนถึงกับคว่ำปากทำหน้าจิกใส่!
   “ไม่กลับกับพี่จริงๆ เหรอ? รถยังไม่เสร็จไม่ใช่รึไง?”
   “หนูเกรงใจค่ะพี่โจม อีกวันสองวันรถหนูก็ซ่อมเสร็จแล้วค่ะ”
   “โธ่ งี้โอกาสพี่ก็เหลือน้อยแล้วสิ”
   “โอกาสอะไรคะพี่โจม? แหมๆ ผู้หญิงสวยๆ ยืนอยู่ตรงนี้ตั้งคนนะค้า”
   อีหงส์!
   อ้นหันไปด่าหงส์ทางสายตาเบาๆ แต่หงส์ไม่สะทนสะท้าน เธอยังคงสอดปากด้วยความสตรอง
   “หนูเนี่ยสวยแล้วทั้งตัวนะคะ พี่โจมน่าจะให้คิวหนูก่อน ทำงานด้วยกันมาตั้งหลายปีไม่เห็นพี่โจมเคยแจกบัตรคิวให้หนูมั่งเลย”
   “โอกาสคุยกับคนถูกคอไงหงส์ เรื่องบางเรื่องเค้าให้คุยกับคนที่พูดภาษาเดียวกันก่อน รูปร่างหน้าตาทำใหม่เมื่อไหร่ก็ได้จริงมั้ยอ้น?”
   โจมชอบบ่นระบายปัญหาต่างๆ ให้อ้นฟังก็จริง แต่อ้นกลับรู้สึกเหมือนโจมเลือกคุยกับเขาเพราะไว้ใจว่าเขาคุยได้ไม่ปฏิเสธการสนทนามากกว่า อ้นไม่อยากคิดไปไกลว่าโจมไว้ใจเขามากเกินกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องร่วมบริษัท แต่พักหลังโจมทำให้อ้นเริ่มคิดมากเสียแล้ว
   “ว้าย! อย่าบอกนะคะว่าพี่โจมจะเอาจริง! ละจะซื้อจริงๆ รึเปล่าคะ? หรือแค่หลอกขายขนมจีบเล่น แต่บอกไว้ก่อนนะคะ สินค้าชิ้นนี้ขายดีมาก มีเจ้าประจำมารอซื้อทุกเที่ยงเลยค่ะ”
   ใครเป็นสินค้าซื้อขายได้กันยะอีหงส์! ฉันไม่ใช่ตุ๊ดแปะป้ายเซลล์นะยะ!
   แม้จะกระอักกระอ่วนที่ถูกเพื่อนร่วมงานแซวแต่อ้นก็แอบใจเต้นลุ้นไปกับคำตอบของโจมเช่นกัน
   “พี่คงสู้ไม่ไหวหรอก แค่ได้น้องมันไปนั่งกินข้าวฟังเพลงเป็นเพื่อนบ้างคนโสดอย่างพี่ก็แฮปปี้แล้ว โสดแล้วมันเหงาว่ะ กำลังหาคนคุยใหม่เหมือนกัน แต่ไม่รู้จะมีใครอยากคุยกับพี่บ้าง?”
   เสียงของโจมทอดอ่อนลงและมองตรงมายังอ้นอย่างมีความหมาย หัวใจอ้นเต้นระรัว เขาเขินโจมจนหน้าแดง ฟินจนกระทั่งลืมเรื่องทุกอย่างและเผลอรับปากกลับบ้านกับโจมอีกจนได้ แต่สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดก็คือ อ้นลืมไปว่าแทนก็อยู่ตรงนั้นด้วย!

   หลายวันมานี้อ้นหลบเลี่ยงเรย์ด้วยการไปทานข้าวกลางวันกับคนอื่นๆ ในแผนก เขาบอกกับหงส์และพี่จ๋าว่าต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ อ้นแกล้งทำเป็นหัวเราะไม่ตอบคำถามเมื่อถูกถามถึงเรย์ อ้นจงใจถอยห่างออกมาจากเรย์ และอีกเดี๋ยวเมื่อรถเขาเสร็จเขาก็จะถอยห่างจากโจมได้เช่นกัน
   การให้ความหวังกับตัวเองจะทำให้เจ็บปวดใจ การเป็นตุ๊ดไม่ควรจะฝันไกลเกินเอื้อมโดยเฉพาะตุ๊ดหน้าตาบ้านๆ ที่ยังไม่ผ่านการแปลงเพศเช่นเขา อ้นรู้ตัวดี เขาไม่คิดว่าโจมจะรู้สึกอะไรกับเขาจริงจัง ที่สำคัญอ้นรู้ดีว่าตนยังตัดใจจากป้องไม่ได้ แม้จะเลิกกันแล้วแต่อ้นยังคงรู้สึกกับป้องเช่นเดิม เขาอาศัยความสุขที่ได้จากการหลอกตัวเองไปวันๆ ว่าป้องยังไม่ไปไหนมายึดเหนี่ยวจิตใจ ดังนั้นอ้นจึงอนุญาตให้ตัวเองทำได้แค่มโนอย่างมีความสุขเมื่อมีผู้ชายมาทำดีด้วย แต่อ้นไม่เคยเปิดใจมองมากไปกว่านั้น และเพราะเหตุนี้เอง อ้นจึงไม่เคยปล่อยให้ตัวเองคิดอะไรกับโจม
   แต่อ้นไม่คิด ใช่ว่าคนอื่นเขาจะไม่คิดตามอ้น ตอนนี้ความอิจฉาของคนบางคนพวยพุ่งถึงขีดสุดเสียแล้ว!

   “นี่ พักนี้ไม่เห็นน้องแว่นคนนั้นเลย ทะเลาะกันเหรอคะคุณน้อง?”
   “ไม่ทราบสิคะพี่จ๋า”
   แล้วพี่จะมายุ่งอะไรกับหนูละค๊ะ! โอย หัวหน้าที่ยุ่งเรื่องส่วนตัวนี่ก็เกินไปนะ ตุ๊ดละเพลีย!
   “แหมๆ แปลว่าทะเลาะกันจริงๆ ใช่มั้ยจ้ะ? ทะเลาะอะไรกันก็คืนดีกันเถอะ พี่ว่าเค้าน่าเอ็นดูดีออก วันนั้นก็มารอเราถึงดึกดื่นเที่ยงคืนเลยไม่ใช่เหรอ?”
   “น่าเอ็นดูกับเอาแต่ใจมันคนละเรื่องเลยนะคะพี่ขา”
   “งั้นพี่ถามตรงๆ เลยนะ อ้นกับน้องแว่นคนนั้นเป็นอะไรกัน?”
   นี่ก็ตรงไป๊! แบบนี้แถวบ้านหนูเรียกเสือกค่ะ
   “ก็แค่คนรู้จักสมัยเรียนอะค่ะ แค่นั่งกินข้าวด้วยกันตอนเที่ยงเฉยๆ”
   แล้วก็ไปบ้านพ่อแม่มันแค่ครั้งเดียวเอง
   อ้นแอบต่อประโยคในใจเงียบๆ แล้วแอ๊บท่าทำตัวใสซื่อไม่รู้เรื่อง แต่สายตาของหัวหน้ามีหรือจะมองลูกน้องไม่ออก
   “นี่อย่าว่าพี่สอนเลยนะ แต่เราเป็นแบบนี้คนเค้าก็จับตามองแล้ว ตัวพี่น่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอกพี่รู้ว่าอ้นทำงานดีไว้ใจเรื่องงานได้ไม่มีปัญหา แต่งานของเราต้องอาศัยภาพลักษณ์ที่ดี พี่เองก็เห็นว่าถึงอ้นจะเป็น ‘แบบนี้’ แต่อ้นก็เรียบร้อยไม่เคยทำตัวไม่เหมาะสม เรื่องการแต่งกายก็เป็นรสนิยมส่วนบุคคลซึ่งพี่ก็มองว่าอ้นไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดเกินรับได้ แต่เรื่องผู้ชายมันเสียหายนะอ้น การเป็นขี้ปากชาวบ้านไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่จริงเราก็เสียหาย แล้วยิ่งถ้าเรื่องมันมีมูลถ้าเราวางตัวไม่ดีมันจะยิ่งลำบาก”
   อ้นหน้าชา! เขาถามหัวหน้าสาวทึนทึกเสียงเบา
   “นะหนูทำอะไรไม่ดีเหรอคะพี่จ๋า?”
   “ยังหรอก แต่พี่อยากให้เราวางตัวให้ดีโดยเฉพาะกับนายโจม ถ้ามีปัญหาอะไรแล้วมันจะกระทบถึงเรื่องงาน ถ้าไม่คิดอะไรก็ควรจะชัดเจนนะอ้น หรือถ้าจะคิดก็เลือกให้มันชัดเจนไปเลย ไม่อย่างนั้นคนเขาจะมองว่าเราแรด”
   อ้นแทบปรี๊ด! นี่เขากำลังถูกหัวหน้าด่าว่าแรดอยู่หรือ?
   “หนุ”
   “แล้วพี่ขอเตือนไว้เรื่องนึงนะ ถึงนายโจมจะอัธยาศัยดีชอบแซวเล่นไปทั่วแต่พี่ไม่เคยเห็นเขาเทียวไปรับไปส่งใครเป็นพิเศษ การที่เธอไม่เคยปฏิเสธคำชวนของโจมและมีคิวทานมื้อเที่ยงกับผู้ชายอีกคนทุกวันมันขัดแย้งกันมั้ย? ไหนจะนายรูมเมทแฟนเก่าอะไรของเธอคนนั้นอีก เวลาคนเขาเม้ากันพี่เองก็ไม่ได้รู้เบื้องลึกของเธอมากจะออกปากปกป้องเธอก็ทำได้ลำบากเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นตัวจริงของเธอกันแน่ อ้นเข้าใจที่พี่พูดใช่มั้ย?”
   หัวหน้าสาวผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าปิดฉากการสั่งสอนด้วยวาจาเชือดเฉือนเบาๆ เรียกสติของอ้น ตุ๊ดสาวจึงเถียงไม่ออก อ้นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากแล้วรับปากเสียงแผ่ว
   “ค่ะ หนูเข้าใจค่ะ”
   หน้าชา! อ้นหน้าซีดด้วยความอับอาย จากเดิมที่เคยวาดฝันไว้ว่าอยากฟินมีผู้ชายมารุมล้อมตอนนี้กลับต้องมาขายหน้าเพราะถูกคนอื่นด่าว่าแรด!

   “พี่จ๋าทำอะไรเด็กอะพักหลังน้องมันหลบหน้าผมตลอดเลย?”
   “แล้วเธอทำอะไรไว้ล่ะโจม มาถามพี่ๆ จะไปรู้ได้ไง”
   “โหพี่ กันท่าผมน้า”
   “พี่ไม่อยากให้เด็กมันเสียใจเดี๋ยวจะเสียงาน”
   “ผมอยากคุยกับน้องจริงๆ นี่ซีเรียสนะพี่”
   “จริงจังแค่ไหนพี่ไม่รู้จ้ะพี่รู้แต่ว่าตอนนี้มีคนมาถามพี่ทุกวันเลยว่าลูกน้องพี่ ‘งาบ’ เธอแล้วรึยัง? คนเสียไม่ใช่เธอจ้ะ เข้าใจมั้ยจ๊ะ?”
   โจมอึ้งเมื่อถูกว่าต่อหน้าตรงๆ ใช่ว่าเขาไม่รู้ แต่เขาคิดว่าอ้นคงไม่ถือสา เขาคิดเอาเองว่าอ้นเข้มแข็งพอเมื่ออ้นไม่พูดมันออกมา แต่พอถูกคนนอกที่อาวุโสกว่าพูดใส่หน้าตรงๆ แล้วโจมก็ละอาย สุภาพบุรุษที่ดีถ้าหากทำให้คนอื่นเสื่อมเสียชื่อเสียงแล้วยังดันทุรังต่อก็คงไม่ใช่ลูกผู้ชาย
   “โอเค ตรงนี้เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยพี่ ขอบคุณมาก”
   โจมเสไปเรื่องงานก่อนจะขอตัว ทว่าจ๋ากลับเรียกเขาไว้แล้วแถมให้อีกหนึ่งประโยคเด็ด
   “เดี๋ยว พี่ไม่รู้หรอกนะว่าโจมกับแทนงัดข้ออะไรกัน แต่อย่าให้อ้นไปรับเคราะห์แทนเลยพี่ขอร้อง ลูกน้องฝีมือดีไม่ได้หาได้ง่ายๆ พี่ขี้เกียจเทรนเด็กใหม่อีก พี่แก่แล้วให้พี่ทำงานสบายๆ เถอะ”
   โจมเหงื่อตก เขาพยักหน้าให้จ๋าก่อนจะจากไป ทว่าภายในใจของเขากลับร้อนดั่งไฟ เขาไม่เคยคิดจะทำให้อ้นลำบากเลยแม้แต่น้อย!

   อ้นไปทานมื้อกลางวันกับเพื่อนร่วมงานได้หลายวันแล้ว ทว่าอาหารอร่อยไม่ค่อยน่าปลาบปลื้มมากนักเมื่อมองถึงราคาที่ทำให้เขาเซ็ง สุดท้ายอ้นก็กลับมาตายรังที่แคนทีนเพราะเกาเหลาเจ้าเก่าและน้ำฟรีท่ามกลางห้องแอร์เย็นๆ ทว่าผ่านไปหลายวันก็แล้ว อ้นกลับไม่เคยเจอเรย์มาทานข้าวที่นี่อีกเลย
   ที่ผ่านมาอ้นยุ่งกับปัญหาในออฟฟิศจนลืมนึกถึงเรย์ หรือพูดให้ถูกคือเขาพยายามไม่นึกถึงเพราะความรำคาญ ทว่าพอกลับมาทานข้าวในที่เดิมๆ โดยปราศจากหนุ่มแว่นช่างตื้อแล้วอ้นก็เกิดเหงาขึ้นมา เขากระวนกระวายใจนึกสงสัยว่าเรย์หายไปไหน อีกใจก็นึกห่วงกลัวจะเกิดเรื่องขึ้นกับเรย์ โดยเฉพาะอุบัติเหตุแบบที่เคยเกิดขึ้นจนทำให้เขากับเรย์ได้มาสนิทกัน
   บ้า! คิดอะไรของแกเนี่ยอ้น ฉันสนิทกับอีแว่นเรย์เหรอ? บ้าๆๆ!
   อ้นด่าตัวเองในใจพลางหยิบสมาร์ตโฟนออกมา เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ในที่สุดก็เปิดไปยังหน้าเฟซบุ๊กของเรย์ โพสแรกที่เห็นคือภาพของข้าวปั้นสามเหลี่ยมแบบที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อและนมสตรอเบอร์รี่หนึ่งกล่องพร้อมแคบชั่นว่า “กินข้าวคนเดียววันที่ 10”
   อ้นบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร อ้นทั้งอึ้งทั้งขำปนกับความยี้ที่มีต่อเรย์ อารมณ์ทุกอย่างมันรวมกันอย่างกลมกล่อมจนอ้นบอกไม่ถูกว่าจะสงสารหรือสมน้ำหน้าผู้ชายขี้น้อยใจอย่างเรย์ดี? เขาเลื่อนดูการเรียกร้องความสนใจของเรย์อย่างสนอกสนใจ เรย์โพสภาพอาหารเที่ยงของตัวเองลงบนโซเชียลอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่แรกนั้นอ้นไม่ได้สังเกตโต๊ะทำงานของเรย์เขาจึงมองไม่เห็นต้นอ่อนเล็กๆ ในกระถางจิ๋วที่วางประดับไว้เป็นพร๊อบ แต่พอสังเกตเห็นแล้วอ้นถึงกับต้องกลั้นขำ! เรย์มีถั่วงอกต้นน้อยปลูกอยู่ในกระถางจิ๋วลายน่ารักวางเคียงข้างกับรูปอาหารทุกวัน!
   ยิ่งอ้นเลื่อนดูข้อความที่เพื่อนๆ ของเรย์โพสถามเขาก็ยิ่งขำ
   ต๊าย! เป็นผู้ชายขี้งอนซะด้วย อ่อนไหวนะยะอีแว่น   
   ทุกคนพากันงงว่าเรย์เกิดบ้าอะไรถึงปลูกถั่วงอกไว้บนโต๊ะ “มึงเป็นเชี่ยอะไรวะไอ้เรย์?” นอกจากนี้ยังมีคนสงสัยอีกว่าหนนี้เรย์ตั้งใจจะเรียกร้องความสนใจจากใคร “#ใครทำท่านนักบุญของกูกริ้วจงสารภาพมาซะดีๆ ท่านเรย์ได้โปรดชี้ตัวด้วยขอรับ กระผมจะได้ลากมันไปตัดหัว มึงช่วยอินดี้แบบเข้าใจง่ายๆ หน่อยได้มั้ยวะ กูงง!” เพื่อนๆ ของเรย์พากันโยนความผิดไปมาต่างคนต่างคิดว่าคนอื่นเผลอทำให้เรย์โกรธ แต่ไม่ใช่เลย อ้นรู้ความจริงข้อนี้ดีว่าเรย์กำลังเรียกร้องความสนใจจากใคร
   อ้นมัวแต่สนใจสมาร์ตโฟนจนลืมตักข้าวทาน แถมเขายังไม่รู้ตัวว่าเผลออมยิ้มด้วยสีหน้าอ่อนโยนราวกับแม่พระเข้าจริงๆ

   วันนี้ขณะที่เรย์กำลังพิจารณาว่าระหว่างข้าวปั้นไส้ไข่กุ้งกับข้าวปั้นไส้ปลาแซลมอนย่างเขาจะเลือกอย่างไหนเป็นมื้อกลางวันของเขาดี? หนุ่มแว่นยืนเลือกอาหารมื้อเที่ยงอยู่ในร้านสะดวกซื้อใต้ตึกสำนักงานเพลินๆ ทว่าทันใดนั้นกลับมีมือดีหยิบข้าวปั้นจากมือของเขากลับไปวางคืนที่!
   เรย์หันไปมองด้านข้างที่ตัวการขัดขวางการซื้อข้าวปั้นของเขายืนกระพริบตาเรียกร้องความสนใจอยู่แล้วทำเป็นไม่สนใจหยิบข้าวปั้นจากชั้นวางมาเช่นเดิม
   “นี่เลิกกินของพวกนี้ได้แล้ว ไปกินข้าวกับฉันดีกว่า”
อ้นว่าพลางหยิบข้าวปั้นไปเก็บคืนที่อีกครั้ง เขาใช้สองมือจับมือของเรย์แน่นแล้วดึงออกไปนอกร้านท่ามกลางสายตาอิจฉาของสาวออฟฟิศแถวนั้น และเพราะอ้นหันหลังลากเรย์เดินออกจากร้านเขาจึงไม่เห็นว่าเรย์ทำสีหน้าแบบไหนสาวๆ ในร้านถึงได้พากันริษยา!

   “กินสิฉันอุตส่าห์เลี้ยงแกนะ”
   อ้นว่าพลางตักลูกชิ้นไปวางไว้ในจานข้าวของเรย์
   “อ๊ะ ฉันแถมลูกชิ้นของฉันให้แกลูกนึงก็ได้”
   แต่เรย์ยังนิ่งอยู่ เขาทำเป็นงอนเบือนหน้าไปทางอื่นส่งผลให้อ้นหมั่นไส้!
   “โอ๊ยแกจะงอนอะไรนักหนาฮะอีแว่น! นี่ฉันง้อแกแล้วนะ เลิกงอนได้แล้ว ฉันเป็นตุ๊ดฉันยังไม่ขี้ใจน้อยเท่าแกเลย”
   เมื่อง้อแล้วไม่ได้ผลอ้นก็เลิกสนใจเขาตักข้าวทานอย่างเอร็ดอร่อยปล่อยให้เรย์ขัดใจอยู่คนเดียว ในที่สุดเรย์จึงจับช้อนและส้อมเริ่มลงมือกับอาหารตรงหน้าบ้าง
   “ไหนบอกรำคาญเราไง”
   เสียงของเรย์ทั้งหงอยทั้งงอนบ่งบอกความน้อยใจเต็มพิกัด อ้นถอนหายใจด้วยความหมั่นไส้แล้วจาระไนให้เรย์ฟังอย่างละเอียด
   “ย่ะฉันรำคาญ จนถึงตอนนี้ก็ยังรำคาญ คิดดูนะมานั่งถ่ายรูปอัพลงเฟซเรียกร้องความสนใจทุกวันแบบนี้มันไร้สาระมั้ยล่ะ? แน่จริงก็แท็กมาเลยสิยะไม่ใช่ปลูกถั่วงอกทำพร๊อบ! ฉันรู้ว่าแกงอนฉันแต่คนเรามันก็มีเรื่องต้องคิดบ้างปะ? ปกติคนสวยก็เป็นแม่พระนะแต่บางอารมณ์มันก็มีหงุดหงิดบ้างแหละ ละแกผิดเองนะอยากมาเซ้าซี้ฉันก่อน แล้วแกก็เซ้าซี้ถึงเนื้อถึงตัวฉันเกินไปด้วย”
   เพราะวรรคสุดท้ายเสียงของอ้นบ่งบอกถึงความเขินที่กำลังก่อตัวเรย์จึงอารมณ์ดีขึ้น เขาถามอย่างมีความหวัง
   “แล้วมาสนใจเราทำไม”
   “ก็ฉันไม่อยากให้แกขาดสารอาหารไง ตัวก็โตกินแต่ข้าวปั้นก้อนแค่นั้นพอยาไส้เหรอแก?”
   “ก็หิวอยู่”
   “นั่นไงล่ะ เดี๋ยวก็หิวจนเป็นลมหรอกแก แล้วดูซิเนี่ย ซูบไปด้วยใช่มั้ย?”
   อ้นพูดไปเรื่อยพลางแตะเข้าที่แก้มของเรย์ซึ่งตอบขึ้นเล็กน้อย เขาพิจารณาอย่างตั้งใจจนเรย์ไม่กล้าอมยิ้มดีใจ
   “น้ำหนักลดน่ะ”
   หนุ่มแว่นตอบเสียงเรียบทว่าในดวงตากลับพราวระยิบอย่างลิงโลดกับความเป็นห่วงของแม่พระ โชคดีที่อ้นไม่ทันสังเกต
   “เห็นแมะ! ปกติแกก็ผอมอยู่แล้วนะ เดี๋ยวคราวนี้ก็ได้กลายเป็นกุ้งแห้งจริงๆ หรอก ฉันว่าน้า...ถ้าแกมีกล้ามอีกหน่อยนี่แซ่บเลยแหละคนสวยรับรอง!”
   อ้นลืมตัวเผลอจับๆ แตะๆ ไปตามไหล่และไหปลาร้าของเรย์เรื่อยไปจนถึงต้นแขนราวกับกำลังประเมิน เขาลืมตัวเผลอปล่อยใจเปิดประตูให้เรย์เข้ามาใกล้ชิดกับคำว่า “สนิท” จนกลายเป็นฝ่ายถึงเนื้อถึงตัวเรย์เสียเอง
   “ชอบแบบกล้ามล่ำๆ เหรอ?”
   เรย์ถามพลางทำหน้าวิตก แต่อ้นสั่นศีรษะปฏิเสธ
   “เปล่า แต่มีนิดหน่อยก็ดี”
   “แล้วชอบแบบไหนเหรอ?”
   แม้จะแปลกใจที่วันนี้เรย์มาแปลกแต่เพราะอารมณ์ดีอ้นจึงยอมตอบแต่โดยดี
   “ก็แบบแฟนเก่าฉันไง เถื่อนหน่อยๆ แมนดี มีหนวด โอ๊ยชอบอะ!”
   อาจจะเป็นเพราะคุ้นเคยกันมานาน เมื่อทลายกำแพงลงแล้วและเปิดใจได้เต็มร้อยอ้นจึงไม่มีการแอ๊บอีกต่อไป เขาคุยกับเรย์อย่างออกรสพลางทำหน้าเคลิบเคลิ้มไม่แคร์สายตาคนรอบข้างเพราะรู้ดีว่าเรย์ไม่ถือสา
   “เลิกกันตั้งนานแล้วยังไม่เลิกรักเขาอีก”
   หนุ่มแว่นบุ้ยปากราวกับเด็ก แต่อ้นไม่ยอม เขาสวนกลับเรย์
   “นี่! ถ้าไม่เคยมีความรักก็หุบปาก คนอย่างแกจะมาเข้าใจอะไร ฉันแอบรักของฉันมาตั้งสี่ปี ดีใจแทบตายตอนที่มันมาขอเป็นแฟนด้วย แต่สุดท้ายมันก็แค่คบฉันเพื่อให้ลืมคนอื่น ถ้าต้องเป็นแค่เงาแบบนั้นสู้ฉันแอบรักมันไปเรื่อยๆ เหมือนเดิมดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องเจ็บเพราะเป็นแค่ตัวแทนใคร!”
   เพราะคนตรงหน้าคือเรย์ และเพราะเรย์เหมือนจะมีสัมพันธ์บางอย่างกับเด็กหนุ่มคนนั้นอ้นจึงอดไม่ได้ที่จะเจ็บจี๊ดเมื่อคุยกับเรย์ถึงหัวข้อละเอียดอ่อนนี้
   “เขาร้ายกับนายเหรอ?”
   เพราะอ้นมัวแต่อินกับดราม่าของตัวเองจึงไม่ทันสังเกตน้ำเสียงและแววตาของเรย์ที่ดุดันขึ้นกว่าเดิม
   “ฉันนี่แหละร้าย! มันดีกับฉันจะตาย ดีทุกอย่างเลย! แค่มันยังไม่ลืมคนเก่า แต่ฉันกลัวนี่ ฉันกลัวตัวเองจะรักมันมากจนไม่อาจตัดใจจากมันได้อีกเลยชิงขอเลิกกับมันก่อน แกคิดดูนะฉันทิ้งผู้ชายที่ไม่ได้ทำผิดอะไรเชียวนะ โอ๊ะ! รู้สึกตัวเองสวยเลือกได้อะ ใครจะไปคิดว่าตุ๊ดอย่างฉันก็มีโมเม้นแบบนี้กับเค้าเหมือนกัน!”
   อ้นทำท่าฟินพลางหลับตาพริ้มดัดจริตจนน่าหมั่นไส้ แต่เรย์เพียงแค่พูดว่า
   “เขาไม่รักนายก็ถูกแล้วที่เลิกกัน”
   เพราะเรย์สามารถมองทะลุกำแพงที่ชื่อว่า “แอคติ้ง” ของอ้นได้อ้นจึงเลิกดัดจริตกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงปกติให้เรย์ฟัง
   “แต่ทั้งๆ ที่เลิกกันแล้วฉันก็ยังแอบหวงมัน รู้สึกดีเวลาที่มันดีกับฉันเหมือนเดิม ฉันอดคิดไม่ได้ว่าซักวันมันอาจจะรักฉันขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ว่าพยายามเท่าไหร่ ฉันก็เป็นได้แค่เพื่อน”
   “เขาดูแลนายดีใช่มั้ย?”
   “ดีกว่าตอนที่เป็นเพื่อนกันใหม่ๆ แล้วความยังไม่แตกซะอีก?”
   อ้นเหวี่ยงเสียงสะบัดใส่เรย์ ทว่าเรย์ไม่เข้าใจถึงอารมณ์ประชดของอ้น
   “ความยังไม่แตก?”
   “ก็...ตอนที่... แกก็เคยเจอฉันสมัยพึ่งเข้าเรียนแรกๆ ไม่ใช่รึไง? นั่นแหละ ฉันกับมันเป็นรูมเมทกันมาก่อนนี่นา”
   “อ๋อ!”
   เรย์พยักหน้าทำท่าเข้าใจเมื่อนึกถึงเด็กหนุ่มตัวเล็กผิวคล้ำผมสั้นตาโตคนที่เคยพบกันหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวออก
   “แล้วความแตกยังไงเหรอ?”
   พอนึกถึงเรื่องน่าอายแล้วอ้นก็หน้าแดง เขารีบเปลี่ยนเรื่องทันที
   “ว้ายตายละ คุยเพลินอะ แกๆ รีบกินเถอะ เดี๋ยวฉันเข้างานสาย”
   “บอกไม่ได้เหรอ?”
   “เอ๊แกนี่ เซ้าซี้อีกละ ฉันไม่ชอบนะ ไม่เอาๆ ไม่คุยแล้วดูสิจะบ่ายโมงแล้วนะรีบกินเถอะ”
   แม้เรย์จะขัดใจแต่เมื่อเหลือบดูนาฬิกาแล้วก็ต้องเห็นด้วยกับอ้น เขาได้แต่หงุดหงิดอยู่ในใจ
   ปล่อยไปก่อนก็ได้...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


หนุ่มแว่นงอนน่ารักมั้ย?  :m3: 
บางทีก็ไม่เข้าใจ ถ้าแฟนไม่อัพสถานะรีเลชั่นชิบ ไม่โพสรูปคู่ ไม่ติดแท็ก ไม่ตอบไลน์ มันจะตายเหรอ?
ดังนั้น เลยเกิดไอเดียแปลกๆ ให้เรย์งอนแบบนี้ พยายามเขียนให้มันน่ารักนะ แม้ใจจริงจะไม่ค่อยเข้าใจนิสัยแบบนี้ก็ตาม

ถามว่าเราชอบโพสอะไรแปลกๆ ลงเฟซตัวเองมั้ย? โพสนะ แต่มีเพื่อนอยู่ 20 กว่าคนไงเลยเฉยๆ ไม่รู้สึกเหมือนตะโกนบอกโลกซักเท่าไหร่ ก่อนรับแอดจากใครก็จะบอกว่า"เราไร้สาระนะ"ก่อนแล้วทุกครั้ง ถ้ารับไม่ได้ก็กรุณาอย่าติดตามฟีดเราเลย มีแต่เรื่องประหลาดๆ (บางทีก็โพสรูปทิชชู่เช็ดขี้มูกลงเฟซบอกว่าเป็นหวัดนะ ตัวจริงนิสัยทุเรศมากน่ะ แหะๆ)
แต่คือเรากลั่นกรองแล้วว่าเรื่องที่โพสบอกให้โลกรู้ได้ เรื่องลับๆ เราไม่ออกสื่ออยู่แล้ว โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัว หนังหน้า โปรไฟล์ เราไม่ลงโซเชี่ยล แต่ถ้ามีคนถามก็ไม่ปิดบัง บอกได้คุยได้ ใครชวนไปไหนถ้าว่างก็ไปไม่เคยอายหนังหน้า แต่ไม่ชอบอัพสถานะตัวเองบอกชาวโลก เพราะเฟซบุ๊กไม่ใช่ที่สาธารณะ

มันมีหลายกรณีที่มีคนถูกผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลต่างๆ ไปใช้ในทางที่ผิด แม้แต่มีดราม่าแล้วแคปมาประจานพร้อมกับโชว์หนังหน้าคู่กรณีเพื่อเหยียดกันก็เคยมีมาแล้ว แทนที่คนจะด่าเรื่องมารยาททรามๆที่เขาทำดันด่าเรื่องหนังหน้า "อีคิ้วปลิง" "เขียนคิ้วสะท้อนสันดานมั่กค่ะ สก๊อยมั่กๆ" บางทีอ่านแล้วก็แบบ... คือ... ไอ้คนด่ารูปโปรไฟล์ก็ใช่ว่าจะดีนะ เหอๆ
เราไม่ค่อยชอบเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยชอบโชว์ออกสื่อในโซเชี่ยล รู้สึกอยากอยู่คนเดียวสงบๆ ถ้าคนจะมองก็อยากให้เค้ามองตัวตนที่แสดงออกให้เค้าเห็นมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำตัวเป็นร่างปลอมแยกร่างหรือกร่างว่าคนสาวถึงตัวจริงไม่ได้เลยไปทำไม่ดีกับคนอื่นเค้านะ อันนั้นเรียกเกรียนคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะโชว์โปรไฟล์แบบไหนแต่เราก็ต้องให้เกียรติคนอื่นในสังคมเสมอ บางทีอยากด่า คันปาก แต่คิดอีกทีไม่เอาไม่ด่าดีกว่า เก็บไว้ ไม่อยากมีเรื่อง ต้องมีโมเมนต์แบบนี้เยอะๆ จะได้ไม่ต้องผูกใจเจ็บมีดราม่ากันบ่อยๆ
คนเราเดี๋ยวนี้ชอบเอาสะใจเข้าว่า ชอบหาเรื่องคนอื่นด้วยคำพูดคิดว่าฉันมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ แต่พอด่าไปแล้วโดนเค้าตบกลับดันไม่คิดถึงว่าตัวเองไปทำเค้าก่อน ทำเป็นดัดจริตดีดดิ้นร้องไห้ว่า "ช่วยด้วยฉันถูกรังแก" ก็คุณดันโง่เอานิ้วไปแย่รังผึ้งเอง ผึ้งต่อยแล้วจะให้คนมาทำลายรังผึ้งงั้นเหรอ? ต้องเข้าใจตั้งแต่แรกสิว่าไปแหย่รังผึ้งทำไม? อยากได้น้ำผึ้งก็ต้องทน หาวิธีที่ไม่ทำให้โดนผึ้งต่อย ไม่ใช่ทำตัวโง่ๆและก็วีนผึ้ง หรือไม่ถ้าไม่อยากถูกผึ้งต่อยตั้งแต่แรก อดทนไว้แล้วเมินน้ำผึ้งซะ จบ.

ภาค #อ้นเรย์ #ใครว่าเราไม่กินเส้น (#ไม่กินเส้น) หรือ #ตุ๊ดลำไยกับนายแว่นโฉด นี้จะมุ้งมิ้งมาก หวังว่าคนอ่านทุกคนจะชอบ
เราเปลี่ยนบรรยากาศสีดำจากภาคที่แล้วที่พี่ป้องสายโหดทำตัวเถื่อนๆกับเติ้ลจอมงอแงง๊องแง๊ง มาเป็นเลิฟสตอรี่สีขาวๆ ความสัมพันธ์เบาๆระหว่างหนุ่มแว่นขี้งอนแบบเรย์กับอ้นที่แลดูจะมึนๆมัวแต่สนใจผู้ชายที่เค้าไม่รักจนลืมมองว่ามีผู้ชายดีๆมาหลงรักตัวเอง ซึ่งความจริงแล้วอ้นมีสติมีเหตุผลและสตรองพอสมควร เหมือนกับที่ป้องเองก็มีมุมอบอุ่นอ่อนโยนแต่ความปากเสียกลบมิด

เรย์กับอ้นเริ่มเปิดใจให้กันและกันแล้วล่ะ แต่สำหรับอ้นก็คงมองเรย์ในฐานะเพื่อน จนเรย์แอบหึง #หึงก็บอกอ้นไปสิว่าหึง! นี่ถ้าไม่ใช่คนอ่านคงไม่รู้ตัวหรอกว่าพี่แกหึง แทบไม่แสดงออก นิ่งมากกกกก!
แต่ก็เพราะอยากให้คู่นี้อยู่ด้วยกันแล้วดูสบายๆ นะ อ้นควรจะได้เป็นตัวของตัวเอง เราชอบทัศนคติที่ว่าความรักควรมากจากการยอมรับตัวตนของกันและกันทั้งด้านที่ดีและด้านที่บกพร่อง แล้วค่อยจูงมือกันปรับตัวเข้าหากัน ไม่ใช่แอ๊บ! แบบนั้นโคตรทรมาน
ก็ต้องรอดูว่าอ้นอยู่กับใครแล้วมีความสุขมากที่สุด หึๆ แล้วก็ต้องลุ้นว่าพระเอกของเราจะจีบสาวอ้นยังไง (นิยายเรื่องนี้ขี้เกียจสับขาหลอกว่าใครจะเป็นพระเอก คนแต่งไม่หลายใจ แต่คนแต่งชอบอุบว่าพระเอกกับนางเอกจะคู่กันได้ยังไงมากกว่า เหอๆ)
หนทางยังอีกไกล เรย์ยังต้องสู้ต่อไป... แล้วแบบนี้เรย์จะทำคะแนนแซงโจมได้หรือไม่? ทางนั้นออกตัวแรงอยู่ ท่าทางเป็นคนดีซะด้วย ฮ่าๆ

ขอบคุณคนอ่านทุกคน  :pig4:


ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ภาคอ้นเรย์ ? สรุปอ้นจะจับเรย์กดใช่ไหม?   มาป่วนเฉยๆนะ 555

อ้นก้าวข้ามกำแพงระหว่างกันไปแล้วนะ  คุยกันได้เต็มๆจริงๆ ถึงจะเคลือบความแพรวพราวไว้ก็เถอะ  แบบนี้น่ารักเพราะนังเรย์มันดูออก

ตอนแรกที่พี่จ๋าจิกกัดอ้นนี่เราฉุนนะ เพราะพูดแรง  แต่อ่านไปอีกก็เข้าใจว่าทำไมพี่จ๋าถึงเลือกว่ากล่าวตักเตือนอ้นแรงๆ  หรือเอาจริงก็ว่าตรงๆซึ่งเราก็ว่าสมควรเพราะมันทำให้อ้นสามารถมองเห็นความจริงจังรุนแรงของสิ่งที่คนมองแล้วคิดได้   แต่เป็นเราก็คงจะไม่พุดแบบนั้น  น่าจะเบาลงมา เพราะจริงๆอ้นก็ยังไม่ได้ทำอะไรไม่ดี

โจม-แทนสินะ  :mew4:

ป.ล  เรื่องตอบโต้คนอื่นในโลกโซเชี่ยลนี่นะ   สำหรับเราไม่ทำดีกว่า  เสียเวลา เสียอารมณ์   ดซเชี่ยลนี่เป็นตัวฉุดวุฒิภาวะคนให้ตกต่ำลงมาได้อย่างแหลกรานเลยทีเดียว 
หรืออาจจะเพราะหลายๆคนไม่คิดก่อนรัวๆโพสต์ไป   เราเคยโดน(ยังโดนอยู่เป็นบางครั้ง)คนจิกกัด ด่าว่า ให้ร้าย แฉ  จิก มา 5 ปี โดนที่เราไม่รู้เพราะเราไม่เข้าไปส่องคนอื่น   จากที่เคยมีเรื่อง  สำหรับเราเคลียร์เสร็จแล้ว เลิกคบก็คือลบไปจากสมอง  จนมีคนมาเล่าให้เราฟัง  แรกๆเราก็เต้นด้วยความโกรธ  แต่มาคิดจริงๆ 5 ปีมานี้เราไมไ่ด้เดือดร้อนอะไรเลย  มีความสุขตามประสา แต่ตัวคนที่ให้ร้ายเรายังไม่สามารถปล่อยวางได้  ขนาดตอนที่เราเคลียร์กันเราขอบคุณเขาสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คบกันมา  เขายังเก็บเอาไปคิดว่าประชดเขา หยามเขา   ที่จริงเราติดมารยาทฝรั่งเรื่องขอบคุณ
ไม่ต่อกรใครก็อยุ่ได้ค่ะ   สบายใจกว่าด้วยซ้ำ

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ขำวิฑีเรียกร้องความสนใจของเรย์มาก ปลูกต้นถั่วงอกอัพเฟส เหมือนเด็กน้อยเรียกร้องความสนใจเลย โจมกับแทนเหมือนจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรกัน ชอบที่พี่จ๋าพูดเตือนสติอ้นกับโจม ดูเป็นเจ้านายที่ปกป้องลูกน้งมากเลย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ obstacle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ว้า ตอนนี้ไม่มีป้องอ้นอะ โผล่มาแค่ชื่อ 555

เรย์น่ารักแล้ว พยายามเรียกร้องความสนใจเล็กๆ
อยากจับเรย์น้องน้อยมาหยิกแก้ม เขย่าๆ นี่คงจะโดนตบหัวกลับมา
พี่จ๋าก็ทำดีอะ พูดแรงไปบ้างแต่ก็ตรงๆ ดี อ้นจะได้คิดได้
แถมพออ่านฉากนี้แล้วนึกภาพอ้นเป็นชิวาว่าน้อยๆ ตัวสั่นๆ น้ำตาคลอเลยครับ 555
ที่นี้ก็รอก็ติดตามตอนต่อไป

จากเมนท์ก่อน ที่บอกว่าป้องน่าจะแนะนำอ้นให้รู้จักฝั่งเติ้ลน่ะครับ คืออยากเห็นฉากประมาณว่าป้องก็เห็นอ้นเป็นพี่น้องเป็นครอบครัวนะ ส่วนฝั่งเติ้ลก็เป็นครอบครัวแน่ๆ อยู่แล้วแหละ ก็เลยให้สองครอบครัวนี้มาเจอกันอะไรประมาณนั้น แต่ก็รอฉากเติ้ลฉะกับอ้นนะครับ คงสนุกน่าดู 555 เอ้อ พูดแล้วก็คิดถึงพี่ตั้มนะ

ปล. หัวทู้เป็น P.28 แน่ะครับ

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
นางง้อได้น่ารักนะเนี่ยทั้งๆที่นางงกขนาดนั้น
นางยังยอมเลี้ยงอ่ะถือว่าง้อสุดๆเลย
ส่วนเรื่องแทนนี่มันมีเบื้องหลังกะอิพี่โจมหรือ
เปล่าหรือแค่อิจฉาที่อ้นไม่ต้องเก็กและเป็นตัว
เองไม่แอ๊บแถมนางมีผู้ชายรุมล้อมเยอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ cherry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ในซีรีย์ นี้ อ้น เป็นคนที่น่าสงสารที่สุดดด ใครจะเจ็บปวดเท่านางเนอะ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   วันนี้อ้นค่อนข้างมีความสุข เขาทำงานอย่างแฮปปี้ไร้ปัญหากวนใจ แต่แล้วคิดไม่ถึงว่าปัญหามันจะมาในรูปแบบของอีกาคาบข่าว ช่วงเย็นใกล้เลิกงาน ในขณะที่อ้นกำลังนั่งเคลียร์งานเตรียมตัวจะกลับบ้าน อยู่ๆ โทรศัพท์ของเขาก็สั่น อ้นเหลือบมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอด้วยความแปลกใจ แต่เพราะกำลังทำงานอยู่อ้นจึงไม่อยากรับ เขากดตัดสายทิ้งทว่าอีกฝ่ายก็ยังเพียรโทรเข้าจนโทรศัพท์ของอ้นสั่นอยู่บนโต๊ะเกิดเสียงครืดๆ
   อ้นมองซ้ายมองขวาแล้วเห็นว่าหัวหน้าไม่ได้มองมาทางนี้จึงกระซิบกับหงส์
   “รู้สึกเหมือนจะปวดฉิงฉ่องอะ ไปเข้าห้องน้ำก่อนน้า”
   หงส์ทำหน้าแบบรู้ทันแล้วมองค้อนอ้นที่ฉวยสมาร์ตโฟนติดตัวไปด้วย
   เมื่อไปถึงห้องน้ำ อ้นต้องประหลาดใจเมื่อสายเรียกเข้ามีจำนวนมากถึงหกสาย! เป็นเวลาเดียวกับที่เขาปิดประตูลงกลอนห้องส้วมแล้วพอดีอ้นจึงรับสายด้วยความหงุดหงิด
   “มีอะไรยะอีกุ้ง? โทรมาเป็นสิบๆ สายฉันทำงานอยู่นะยะ!”
   “ถ้าแกไม่รับโทรศัพท์ฉันแล้วแกจะเสียใจไปตลอดชีวิตนังอ้น!”
   อ้นแปลกใจที่เพื่อนสาวพูดราวกับมีเรื่องคอขาดบาดตาย แต่กระนั้นก็ยังไม่อยากตื่นตูมตามเพื่อนจึงทำเป็นไม่สนใจ
   “แต่ถ้าเจ้านายไล่ฉันออกเพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์กับแกฉันก็เสียใจย่ะ อีบ้า งานดีๆ มันไม่ได้หาง่ายนะยะ”
   “ย่ะนังคนขยัน! มัวแต่ทำงานเก็บเงินอยู่นั่นแหละผัวแกมันกำลังมีชู้!”
   “ผัว? ผัวอะไร?”
   แม้จะรู้ดีว่าเพื่อนหมายถึงใครแต่อ้นก็ยังไม่อยากเข้าใจ เขาแกล้งทำไขสือเพราะคิดไม่ออกว่าป้องจะทำอะไรให้กุ้งจับผิดเช่นนี้ “ผัวมีชู้” ไม่ใช่คำพูดที่ฟังแล้วรื่นหูอ้นจึงทำเป็นงง
   อีกทั้งอ้นพูดไม่ออกว่าเขากับป้องเลิกกันแล้ว นับตั้งแต่วันที่เปิดอกต่อกันอ้นกับป้องก็ลดสถานะเหลือเพียงคำว่าเพื่อน แต่กระนั้นอ้นก็ยังไม่กล้าบอกข่าวนี้กับใครโดยเฉพาะเพื่อนกลุ่มมหาวิทยาลัย ป้องเองก็ไม่ใช่คนพูดมาก การเลิกราในครั้งนี้จึงเป็นการเปลี่ยนสถานะเงียบๆ แตกต่างกันตอนคบกันที่อ้นแทบจะควงป้องไปประกาศให้รู้กันทั่วมหาวิทยาลัย
   ส่วนหนึ่งในตัวของอ้นยอมรับว่าอายที่ต้องโสด โดยเฉพาะเพื่อนกลุ่มมหาวิทยาลัยที่เขาเคยควงป้องอวดอ้นยิ่งอาย และโชคร้ายที่ “กุ้ง” เป็นเพื่อนสาวชาวตุ๊ดที่รู้จักทั้งเขาและป้อง รวมถึงเป็นชาวแก๊งที่เคยปลาบปลื้มชื่นชมกับความสำเร็จของอ้นที่เอาชนะใจป้องได้ด้วยความดี ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงของป้องว่ายอมคบกับอ้นเพียงเพื่อให้ลืมใครคนหนึ่งเท่านั้น แต่อ้นรู้เหตุผลนี้ดี แม้จะรู้ทั้งรู้เขาก็ยังตกลงปลงใจยอมคบกับป้อง และนี่คือจุดจบของการคบกับคนที่เขาไม่รัก!
   “อ๊าว! ก็อีป้องน่ะสิ! ฉันเห็นมันอยู่กับผู้หญิงที่โรงพยาบาล! จากลางสังหรณ์ของฉันขอบอกว่าไม่ธรรมดาแน่ๆ แก!”
   “แกจำคนผิดมั้ง?”
   เวลาแบบนี้ป้องจะไปอยู่โรงพยาบาลได้ยังไง? มันยังไม่เลิกงานเลย ละถ้ามันเป็นอะไรมันต้องโทรบอกฉันแล้วสิ
   อ้นใจคอไม่ดีแต่พยายามคิดในแง่บวก
   “อีอ้น! ฉันไม่มีทางจำเพื่อนตัวเองผิดหรอกนะยะ โดยเฉพาะเมื่ออีชะนีนั่นเรียกผัวแกเสียงอ่อนเสียงหวานว่าป้อง แล้วฉันเห็นพวกเขาสองคนที่แผนกไหนแกรู้มั้ย? แผนกสูติกรรมย่ะ! มัวแต่ทำงานเก็บเงินทำนมอยู่นั่นแหละ อีนังชะนีนั่นมันฉกผัวแกไปแล้ว!”
   “บ้า! พูดอะไรของแก จำผิดคนแล้วล่ะ คนชื่อป้องโหลจะตาย”
   ไม่ๆ มันต้องไม่ใช่ป้อง!
   “โหลบ้านแกสิ เถื่อนๆ ผมเผ้ารุงรังตาขวางแบบนี้มีแต่อีปกป้องคนเดียวเท่านั้นแหละย่ะ! ถ้าไม่เชื่อฉันก็ลองโทรหามันดู โทรเลยแกร! อย่าให้ชะนีมาแย่งผัวแกไปได้เด็ดขาดนะเสียศักดิ์ศรีตุ๊ด ให้มันรู้กันว่าความดีตลอดสี่ปีของแกจะแพ้มดลูก!”
   “ฉะฉันต้องไปทำงานแล้ว ต้องวางสายก่อนนะแก”
   อ้นหมดแรง แม้จะมีเสียงโวยวายผลักดันให้เขาโทรหาป้องมากเท่าไหร่แต่อ้นก็ไร้เรี่ยวแรงจะกดเบอร์ เขาต้องนั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่พักใหญ่ในห้องน้ำ เค้าลางหลายๆ อย่างที่ป้องพยายามทำดีด้วยในช่วงหลังปรากฏแจ่มชัดย้ำให้อ้นเห็นถึงความผิดปกติของป้อง
   ไม่จริงใช่มั้ย ไม่ใช่แก อีกุ้งมันจำผิดคน ไม่ใช่แกใช่มั้ยป้อง!
   หยดน้ำตาของอ้นพรั่งพรูออกมาทั้งที่ยังไม่แน่ใจ ความกลัวมีอานุภาพมากกว่าความสงสัย อ้นคิดมากทั้งที่หมดสิทธิ์จะคิด เขาเป็นคนยุติความสัมพันธ์นี้เองแต่เขาไม่คิดว่าระหว่างเขากับป้องจะเปลี่ยนไป
   อ้นคิดวกวนเวียนไปมาจนในที่สุดเมื่อนาฬิกาส่งเสียงเตือนต้นชั่วโมงอ้นก็ได้สติ
   อย่าคิดมาก! อาจจะไม่ใช่อีป้องก็ได้ เดี๋ยวกลับบ้านแล้วค่อยไปถามมัน ตอนนี้เช็ดน้ำตาซะ แกต้องกลับไปทำงานต่อนะนังอ้น! หายมานานแล้วเดี๋ยวพี่จ๋าด่าเอา ไม่ได้ๆ เช็ดน้ำตาซะ รีบกลับไปทำงาน แกจะได้รีบกลับบ้านไปถามอีป้องให้รู้เรื่อง!
   อ้นบ่นในใจพลางซับน้ำตาของตน แต่แล้วด้านนอกก็มีเสียงคุยกันดังขึ้น
   “แหมๆ นึกว่าใคร มาเติมแป้งก่อนกลับบ้านเหรอจ้ะ?”
   อ๊ะ! เสียงเจ้เก้นี่! จะออกไปดีมั้ยอะ เดี๋ยวถูกอีเจ้เก้เม้าว่าแอบมาอู้งานในนี้อีก
   “ผมไม่ใช่เจ้เก้นะครับ ผมแค่มาเข้าห้องน้ำเฉยๆ”
   ว้ายๆ อีพี่แทนก็อยู่ด้วยซวยแล้วฉัน!
   “อ๋อย่ะ โบกมาดีตั้งแต่เช้าล่ะสิ ใช้ยี่ห้ออะไรล่ะคุมมันดี๊ดีไม่ต้องเติมแป้งระหว่างวัน แค่ซับมันก็เอาอยู่ อ๊ะ! แต่ยี่ห้อนี้คุมคันด้วยรึเปล่าจ้ะน้องแทน?”
   เสียงจิกกัดกันอย่างถึงพริกถึงขิงด้านนอกช่วยให้อ้นไล่ความกังวลออกจากหัวไปได้ เก้แขวะแทนอย่างเผ็ดร้อนจนกระทั่งอ้นได้ยินเพียงแค่เสียงยังสามารถนึกภาพตามได้เป็นตุเป็นตะ
   “เจ้เป็นตุ๊ดเจ้ไม่รู้เหรอครับ?”
   เสียงของแทนตอกกลับไปแบบนิ่มๆ ด้วยมาดผู้ดีจนเก้ออกอาการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
   “ตุ๊ดอย่างฉันมันคงสู้พวกอีแอ๊บไม่ได้หรอก ต่อหน้าคนอื่นอย่างแต่เวลาคันขึ้นมาแรดจนตุ๊ดยังอาย!”
   “อ๋อ ที่มากัดผมก็เพราะอิจฉาเหรอครับ แย่หน่อยนะครับขนาดทุ่มไปตั้งเยอะเด็กมันยังไม่เล่นด้วย”
   “หนอยอีแทน!”
   “หยุด! อย่ามาขึ้นไอ้ขึ้นอีนะ ถ้าปากว่างมากก็หาตระกร้อมาครอบไว้จะได้ไม่ต้องมาหาเรื่องกัน ทุเรศจริงๆ เหวี่ยงเป็นชะนีเลยนะอีกะเทยเฒ่า!”
   มันก็ตุ๊ดเหมือนกันหมดละย่ะ บ้าจริง! จะมามัวกัดกันทำไม!
   อ้นที่แอบฟังอยู่เงียบๆ ถึงกับเพลียเมื่อตุ๊ดเฒ่าสูงวัยกับเกย์สาวยังหนุ่มยังแน่นเปิดฉากฟาดปากกันกลางห้องน้ำชาย
   “แล้วมึงล่ะสูงนักเหรอไง! ทำเป็นแอ๊บเอาไว้แล้วมาดูถูกพวกกู ถุ้ย! อีเกย์รับแม๊นแมน! มึงมันก็สปีชีย์เดียวกับกูนั่นแหละอย่าทำเป็นอัพเกรดตัวเองหน่อยเลย”
   “ก็เพราะแกสาวแตกจนน่าทุเรศแบบนี้นั่นแหละผู้ชายเค้าถึงไม่เอา!”
   เสียงเถียงกันด้านนอกแรงจนอ้นไม่กล้าออกไปเผชิญหน้า ตุ๊ดน้อยอย่างเขาถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากเข้าไปขวางระหว่างสงครามเพศที่สาม เขารอจนกระทั่งเสียงด้านนอกเงียบไปแล้วจึงค่อยๆ ออกมาจากห้อง อ้นรีบกลับไปยังโต๊ะทำงานของตน เขาแอบยิ้มแห้งเอาใจหัวหน้าสาวทึนทึกที่ปรายตามองด้วยรู้ตัวว่าแอบหายไปนาน ดังนั้นเมื่อหงส์กลับบ้าน อ้นจึงโบกมือบ๊ายบายแล้วทำงานของตนต่อให้เสร็จ
   เรื่องไร้สาระระหว่างแทนกับเก้ทำให้อ้นลืมเรื่องของป้องไปเสียสนิท ดังนั้นเมื่อกลับถึงห้องแล้วพบว่าไฟปิดมืดป้องยังไม่กลับอ้นจึงเริ่มกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
 
   “ผมส่งพี่เสร็จแล้ว ผมกลับนะ”
   “ทำไมไม่นอนที่นี่ล่ะ? ค้างกับพี่ก็ได้”
   “ผมกลับก่อนนะพี่ หวัดดี”
   ไม่ว่าเธอพยายามเชิญชวนเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมรับข้อเสนอของเธอ ป้องบอกปัดไม่สนใจแจนเลย
   “เดี๋ยวสิป้อง?”
   หญิงสาวพยายามรั้งชายหนุ่มให้อยู่ด้วยกัน แจนดึงแขนของป้องหวังให้หันมาสนใจกันแต่มันกลับให้ผลตรงกันข้าม! ป้องหันมาตะคอกใส่อย่างหงุดหงิด!
   “ขอเวลาผมหน่อยได้มั้ย! ผม...”
   แม้จะมีสีหน้าสำนึกและเสียงอ่อนลงในประโยคหลังแต่แววตาของป้องก็ยังสับสน แจนจำเป็นต้องใช้ไม้ตายกดดันป้อง เธอแกล้งกล่าวด้วยเสียงเศร้าสร้อยเตรียมดราม่าอย่างไร้น้ำตา
   “เธอไม่อยากรับผิดชอบเหรอ?”
   “ผมไม่ได้เหี้ยขนาดนั้นนะพี่! แต่ขอเวลาผมตั้งตัวหน่อยดิวะ ผม! ...”
   เมื่อเห็นแจนประคองมือไว้ที่หน้าท้องราวกับไม่อยากให้สิ่งมีชีวิตในนั้นเผชิญหน้ากับพายุอารมณ์ป้องก็อ่อนลงทันที เขายอมแพ้ด้วยเสียงราวกับคนหมดแรงจะต่อต้าน
   “ผมขอโทษ แต่ขอเวลาผมหน่อย ผมยังปรับตัวไม่ได้”
   เมื่อเห็นว่าป้องยอมแพ้แล้วแจนก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ทว่าเนื้อหาที่จงใจพูดกลับบีบเค้นศักดิ์ศรีและความรับผิดชอบของป้องจนเขาดิ้นไม่หลุด!
   “เอาเถอะพี่เข้าใจ เรื่องนิสัยใจร้อนของเธอคงแก้ยาก แต่เรื่องอนาคตของเราล่ะ? เราต้องช่วยกันคิดแล้วนะป้อง”
   “ผมรู้พี่ ผม... โว้ย!”
   ป้องระบายลมหายใจด้วยความหงุดหงิด เขายกฝ่ามือขึ้นปิดหน้าก่อนจะเลื่อนไปขยี้ผมของตัวเองอย่างอัดอั้นตันใจ สิ่งที่เกิดขึ้นมันฉุกละหุกจนเขาไม่รู้จะจัดการอย่างไร ลำพังตัวเองเขายังแทบจะเอาตัวไม่รอด แต่เขากลับทำให้มีอีกหนึ่งชีวิตปฏิสนธิขึ้นในท้องของแจน!
   “เราค่อยๆ คิดก็ได้นะป้องอย่าเครียดไปเลย พี่ไม่ปล่อยให้เธอต้องเหนื่อยคนเดียวหรอก เราจะช่วยกันสร้างครอบครัวให้พร้อมสำหรับเค้านะ”
   ป้องอยากพูดเหลือเกินว่าเขาไม่พร้อม แต่นาทีนี้เขาพูดออกไปไม่ได้ เขาแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนอกจากรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น แขนของแจนที่โอบกอดเขาอยู่หนักเหมือนหินที่คอยถ่วงคอ เมื่อแจนยื่นหน้ามาใกล้เพื่อจะจูบเขาป้องจึงเบี่ยงตัวออก
   “ดึกแล้ว ผมกลับก่อนนะพี่”
   แจนเก็บอาการได้ดียามที่ป้องปัดแขนของเธอออก แต่เมื่อป้องลุกขึ้นยืนเธอก็ใช้เสียงทรงอำนาจราวกับนางพญาเอ่ยขึ้น
   “แต่พี่ว่าป้องควรจะย้ายมาอยู่กับพี่นะ เธอจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าห้องไง แล้วอีกอย่างพี่ไม่ค่อยสบายใจที่เธอยังอยู่กับเด็กคนนั้น”
   “คนที่พี่พูดถึงคือเพื่อนผม กรุณาให้เกียรติมันด้วย!”
   ป้องหันกลับไปค้านแจนเสียงเข้มด้วยไม่พอใจ นิสัยไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องของสำคัญถือเป็นหนึ่งในนิสัยเสียที่แก้ไม่หายของป้อง และตอนนี้เขาถือว่าอ้นเป็นคนสำคัญของเขาจึงไม่พอใจที่แจนแตะต้องเขตหวงห้ามนี้
   “และแฟนเก่า”
   แจนต่อประโยคอย่างไม่ยอมแพ้ เธอมีไม้ตายที่จะใช้บังคับป้องรอไว้อยู่แล้ว!
   “ไม่มีใครที่ไหนสบายใจหรอกนะถ้าสามีของเรายังเช่าห้องอยู่กับแฟนเก่า ถึงแม้ว่าเค้าจะเป็นตุ๊ดก็ตาม เธอคงไม่อยากให้พี่ต้องคิดมากจนส่งผลกระทบต่อลูกในท้องหรอกใช่มั้ย?”
   “สามี? หึ! มันเร็วไปปะพี่? ถึงผมจะเลิกกับอ้นแล้วแต่ให้มาเป็นผัวพี่เลยเหรอ?”
   แจนรู้แล้วว่าเธอเดินเกมพลาด แม้จะเอาลูกมาอ้างแต่มันกลับลบความโกรธของป้องไม่ได้เลย เธอจึงลองโจมตีศักดิ์ศรีของป้องอีกครั้ง
   “ไหนเธอบอกว่าเต็มใจรับผิดชอบ? หรือเธอจะไม่แต่งงานกับพี่? วิธีรับผิดชอบของเธอคืออะไร? จะพรากลูกไปจากพี่เหรอ? หรือเธอจะทิ้งให้พี่เลี้ยงลูกคนเดียว?”
   ป้องคิดไม่ตก ความรู้สึกเขาตอนนี้เหมือนคนจมน้ำ
   “ได้พี่... อย่างน้อยขอเวลาผมอีกเดือน ยังไงผมก็ไม่ทิ้งลูกผมหรอก”

   “กลับดึกจัง? รถติดเหรอ?”
   อ้นกุลีกุจอเข้ามาดึงกระเป๋าของเขาไปเก็บเช่นเคย แม้จะเป็นฝ่ายบอกเลิกเขาเองแต่อ้นก็ยังคอยเอาใจใส่เขาเสมอ เวลานี้ป้องเสียใจมากจริงๆ ที่เขาไม่สามารถรักอ้นได้ ถ้าเพียงแต่เขาสามารถรักอ้นได้เต็มหัวใจและได้ใช้ชีวิตอยู่กับอ้นอย่างซื่อสัตย์คงดีไม่น้อย
   “เออ”
   เพื่อนร่วมห้องของเขาหันมาเอียงคอมองพลางย่นคิ้ว ป้องรู้ดีว่าอ้นรู้ถึงความผิดปกติของเขา เพียงแต่อ้นรู้ใจเขาเสมอว่าควรจะพูดอะไรตอนไหนจึงไม่ค่อยขัดใจทำให้เขาอารมณ์เสียมากนัก
   “เป็นอะไรอะ? แลดูเหนื่อยๆ นะแก กินอะไรมายัง?”
   และการอยู่กับอ้นมานานก็ทำให้ป้องเข้าใจอ้นเช่นกัน ตอนนี้อ้นใส่ชุดนอนผ้ายืดสีชมพูลายจุดแสนน่ารักแถมยังมีโบว์คาดเหนือศีรษะเอาไว้เหมือนเตรียมตัวบำรุงผิวหน้า
   “กูกินมาแล้ว มึงจะมาส์กหน้าไม่ใช่เหรอ จะทำไรก็ไปทำเหอะ กู...เดี๋ยวกูก็อาบน้ำนอนละ”
   “ย่ะ”
   อีป้องท่าทางเหนื่อยแบบนี้ไม่อยากกวนมันเลยอะ ไปกวนมันตอนนี้เดี๋ยวมันอารมณ์เสียละจะยุ่งกันใหญ่!
   อ้นกังวล เขาสงสัยเรื่องที่กุ้งโทรมาบอกแต่เพราะป้องดูท่าทางไม่ค่อยดีเขาจึงไม่กล้ากวน อ้นบำรุงผิวประทินโฉมไปตามเรื่อง จนกระทั่งป้องอาบน้ำเสร็จ ชายหนุ่มใส่แต่บ็อกเซอร์แล้วเดินมานั่งหน้าโทรทัศน์
   วันนี้เพื่อนผู้บ้างานของอ้นไม่ปั่นงานเช่นเคย ป้องนั่งบนโซฟาทำท่าเหมือนดูโทรทัศน์ แต่สีหน้าของป้องกลับเคร่งเครียดไม่เข้ากับรายการตลกที่ฉายอยู่ สุดท้ายเมื่อพอกหน้าเสร็จอ้นจึงเนียนไปนั่งข้างๆ
   “แกเป็นไรอะ? เครียดอะไรเหรอ? งานมีปัญหาอีกปะ?”
   ป้องเหลือบมาสบตากันพอดีแต่แล้วก็หันหน้าหนี เขาบอกปัดเหมือนปิดบังอะไรบางอย่าง
   “ไม่มีอะไรหรอก”
   โกหกเห็นๆ แต่เอาเถอะ ฉันจะไม่เซ้าซี้แก!
   “อืม ไม่มีก็ไม่มีเนาะ”
   อ้นว่าตามแล้วหยิบตะไบเล็บมาถูเล็บของตัวเอง เขาบรรจงแต่งเล็บให้สั้นได้รูปก่อนจะขัดเพิ่มความเงางามตามธรรมชาติโดยไม่ทาสีเคลือบ
   ป้องแอบเหล่มองอ้นเป็นระยะ เขาหนักใจกับเรื่องที่ตนก่อขึ้น แม้จะเลิกกันแล้วแต่ป้องรู้ดีว่าอ้นคงรับไม่ได้ถ้าเขาบอกข่าวนี้ออกไป อ้นพอใจกับสถานะที่เป็นอยู่นี้ เขาเองก็สบายดีและสะดวกใจกับความสัมพันธ์นี้เช่นกัน แต่ถ้าหากเขาต้องย้ายออกไปเพื่อรับผิดชอบในสิ่งที่ตนก่อไว้อ้นคงเสียใจมาก
   “งานที่บริษัทมึงเป็นไงมั่ง?”
   แม้จะแปลกใจที่ป้องชวนคุยเรื่องของตนแต่อ้นก็ยินดีตอบ
   “ก็ดีอะแก เรื่อยๆ นะ”
   “มีความสุขกับงานปะ?”
   “อื้ม มากเรย อะไรๆ ก็ดีนะ เสียอย่างเดียว ไกลไปหน่อย ขับรถเหนื่อยอะ”
   “เออ คิดเหมือนกูเลย อยากย้ายหอว่ะ”
   “เอ๋? พูดแบบนี้แกดูหอที่ใหม่มาแล้วเหรอไง?”
   อ้นแกล้งทำไขสือแต่ในใจแทบกรี๊ด ลางสังหรณ์ในตัวกำลังกรีดร้องระงม!
   “ก็...กำลังดู กูอาจจะซื้อคอนโดมั้งไม่รู้สิ”
   “เหรอ...”
   อ้นต่อบทสนทนาไม่ได้ เขาจึงเงียบแล้วตั้งหน้าตั้งตาขัดเล็บของตน
   บรรยากาศเงียบงันมีเพียงเสียงโทรทัศน์ดำเนินไปเรื่อยๆ แต่แล้วป้องก็พูดขึ้น
   “อ้น คนที่มาจีบมึงเป็นไงบ้าง?”
   “จีบอะไรของแก!”
   อ้นลืมตัวเผลอหันกลับมาแว้ดใส่ นอกจากจะตกใจกับคำถามของป้องแล้วอ้นยังแอบตกใจกับความคิดของตนเมื่อคำว่า “คนที่มาจีบ” นั้นเขาดันเห็นหน้าของเรย์ปรากฏขึ้นในใจ
   “คือฉันหมายถึงไม่มีใครมาจีบฉันซะหน่อย!”
   “อ้าว? ละคนที่มึงไปเดทด้วยวันนั้นอะ?”
   “ไม่ใช่เดทย่ะ! ก็บอกแล้วไงว่าแค่ไปซื้อของ”
   “ซื้อของเหี้ยอะไรออกแต่เช้ากลับมาซะดึก”
   “ก็ซื้อเยอะอะทำไมล่ะ บ้าน่ะแก! จีบเจิบอะไรไม่มีหรอก”
   อ้นพยายามปฏิเสธ เขาไม่อยากมโนไปเองอีกแล้ว!
   “อะไรเนี่ย อยู่ๆ มาถามอะไรแบบนี้ เกิดหึงคนสวยขึ้นมารึไง”
   “เออ มั้งนะ ฮ่าๆ”
   ป้องหัวเราะขบขันก่อนจะพูดจี้ใจดำอ้น
   “ทำไมวะ? ไอ้นั่นไม่ตรงสเป็กมึงเหรอมึงเลยไม่เอา? เป็นตุ๊ดอย่าเลือกมาก มีคนดีๆ มาชอบมึงก็บุญแล้ว”
   “อีบ้า! ถึงฉันจะเป็นตุ๊ดฉันก็เลือกนะยะ เข้าใจแมะคำแว่ ‘สวยเลือกได้’ แหมๆ ‘คนดีๆ’ แกรู้ได้ไงยะ? สมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ ผู้ชายสติดีๆ ที่ไหนมันจะมาจีบตุ๊ด!”
   “ก็กูไงคนนึง แต่เสียดายที่กูไม่ดีพอสำหรับมึง” ป้องอยากพูดเช่นนี้แต่เขากลับพูดสิ่งอื่นที่สำคัญกว่า
   “ไม่รู้สิ เพราะมันไม่หลบตากูมั้ง หน้าตากวนตีนดีชิบหาย แต่มันเป็นคนเติมลมยางรถให้มึง ละกูเดาว่ามันไม่เคยมาเคลมเครดิตกับมึงใช่มั้ย?”
   ใจของอ้นกระตุกวูบเมื่อป้องพูดความจริง
   “และคนที่ทนตุ๊ดอย่างมึงตอนไม่แอ๊บได้กูว่ามีไม่กี่คนหรอก เชื่อกูเถอะ ถ้ามึงจะรักใคร หาคนที่เค้ายอมรับมึง”
   “ฉันก็มีอยู่นี่แล้วไงคนนึง”
   อ้นทนไม่ไหวแล้ว เขาเอนตัวลงไปซบป้องเพราะรู้สึกราวกับถูกผลักไส ป้องเองก็ยอมให้อ้นพิงไหล่เช่นกัน เขาเอื้อมมือมาลูบผมของเพื่อนช้าๆ
   “มึงทิ้งกูแล้วนะอ้น บอกตามตรงกูเสียดายมึงว่ะ กูเลยอยากให้มึงเจอคนดีๆ”
   “คนที่ดีกว่ากู” ป้องต่อในใจเงียบๆ ด้วยความเจ็บปวด เขารู้ว่าอ้นต้องสัมผัสความผิดปกติได้ แต่ป้องยังคิดไม่ออกว่าเขาจะบอกเรื่องนี้กับอ้นอย่างไร
   ทำไมมึงเหี้ยแบบนี้วะป้อง! ใจอยู่กับคนนึง ตัวอยู่กับคนอื่น แต่ต้องรับผิดชอบอีกคน!



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


ใครถามถึงป้องน้า?  :hao7:  แหม! สองคนนี้อยู่ด้วยกันด้วยระดับเลเวลความหวานชนิดที่ถ้าเติ้ลเห็นเติ้ลคงดิ้นเร่าด้วยความอิจฉาชัว!
อ้นก็กำลังรับกรรมที่เคยทำตัวอวดผัวเอาไว้มาก ป้องก็รับกรรมที่ไม่รู้จักดูแลสิ่งที่อยู่ในมือให้ดี ไงล่ะ อ้นกับแจน อ้นยังน่ารักกว่าเลยใช่มั้ย ฮ่าๆ
 :katai2-1: ป้องควรจะไปเรียนรู้หลักสูตรการเป็นยอดคุณพ่อจากคุณพี่สตาร์ ฮ่าๆ แจนท้องแย้ว! อีกไม่นานทุกคนจะได้เห็นการจากลาของป้องและอ้นแน่ๆ
เชื่อว่าหลายคนไม่ชอบแจนตั้งแต่ภาคที่แล้ว มาภาคนี้คงยิ่งเกลียด เราได้ไอเดียมาจากชะนีโปรไฟล์ดีที่ไม่เคยส่องกระจก คือผู้หญิงบางคนก็ชอบเหยียดคนอื่นว่าไม่สวยบ้างคุณสมบัติไม่ดีบ้างแต่มีผู้ชายมารัก แล้วก็ด่าผู้ชายพวกนั้นว่าควายไม่หน้ามืดก็ตาต่ำ ผู้หญิงบางคนชอบคิดว่าตัวเองเพอร์เฟกแต่ชอบโอดครวญว่าทำไมหาแฟนไม่ได้? แบบว่านะ ความรักไม่ได้ต้องการคนที่เพอร์เฟก แต่ต้องการคนที่เข้ากับเราได้เพอร์เฟก แค่หาคู่ของตัวเองให้เจอก็จบละ แต่พวกที่คิดว่าตัวเองเพอร์เฟกมักจะเรียกร้องว่า "ฉันเพอร์เฟกขนาดนี้ทำไมเธอไม่เพอร์เฟกสำหรับฉัน?"
แจนก็เป็นคนประเภทนั้นแหละ เห็นของคนอื่นเพอร์เฟกก็อยากได้มาครอบครองโดยไม่ดูว่าอาจไม่เหมาะกับตัวเอง (ตอนป้องคบกับอ้นป้องให้เกียรติอ้นมาก โดนอ้นลากควงแขนไปไหนมาไหนประกาศให้โลกรู้อวดทั้งมหาวิทยาลัยป้องก็ไม่อายที่มีแฟนเป็นตุ๊ด เรียกว่าค่อนข้างยอมแฟนว่างั้นแหละ)
ใช้ทุกวิธีให้ได้ป้องมา บังคับมัดมือชก คิดโง่ๆ ว่า "ลูก" จะรั้งผู้ชายได้ ผู้หญิงสิ้นคิดแบบนี้เยอะมาก จำไว้นะทุกคน ลูกผูกพันผู้ชายไม่ได้เผลอๆจะกลายเป็นภาระ ถ้าไม่พร้อมไม่ได้อยากให้ลูกเกิดมาด้วยความรัก อย่ามีเลย รั้งผู้ชายที่มีความรับผิดชอบต่อลูกให้ผูกพันกับคุณทั้งที่เขาไม่รัก สักวันความอดทนของผู้ชายก็ต้องหมด
ผู้หญิงที่ชอบบังคับผู้ชายอย่างแจนเนี่ยไม่ดีเลย คิดว่าตัวเองเก่งคุมเกมทุกอย่างได้ เจอคนเล่นนอกกติกาอย่างเติ้ลเข้าไปก็จบอะ คนเรามันต้องแกล้งโง่บ้าง แกล้งอ่อนแอห่วยแตกบ้าง คู่ของเราจะได้เติมเต็มซึ่งกันและกันไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำได้แค่เดินตาม

 :a14: ฉากเจ้เก้ปะทะกับพี่แทนนี้ขอให้ทุกคนนึกถึงสถานการณ์เจ้เก้หอบเอาแป้งมาซับหน้าในห้องน้ำทำหน้าผ่องก่อนกลับบ้านละเจอกับแทน
คิดว่าเขียนให้ด่ากันแรงๆ แบบนี้น่าจะดีกว่าเอาภาษาแบบ "Eดอก" หรือภาษากะเทยมาใช้เต็มๆ แบบนั้นคงแรงและหยาบกว่าหลายเท่า แต่ถ้าแรงไปก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
มันแปลกใช่มั้ย? ใช่! เราก็ว่าแปลก ผู้ชายไม่ใช่ชะนีจะได้ซับหน้าเติมแป้งก่อนกลับบ้าน ดังนั้นเลยต้องให้พวกเค้าเข้ามาเนียนเช็กความเรียบร้อยในห้องน้ำ
อะไรนะ? แปลกว่าทำไมเขียนให้ผู้ชายเช็กความมันบนหนังหน้า?
นั่นสิเราก็ว่ามันคาใจตั้งแต่เจอกระทู้ "สาวๆห้องแป้งช่วยแนะนำรองพื้นคุมมันสำหรับผู้ชายหน่อยครับ" หรือไม่ก็ "แป้งพัฟยี่ห้อไหนคุมมันลุคบางเบาเหมาะสำหรับผู้ชายครับ" อะไรทำนองนี้ แต่ทุกคนจะชอบจั่วหัวกระทู้ว่า "ผมแมนนะครับ"
เราก็ทึ่งตั้งแต่"ศรีจันทร์เมน"แล้วนะ ก็ทำใจว่าเออเนาะ! เดี๋ยวนี้ผู้ชายพกแป้งพัฟทารองพื้นเป็นเรื่องปกติ จนปัจจุบันนี้ เจ๊อ๊อฟก็ได้ทำให้เราทึ่งกับค่านิยมบางอย่างมาก "คิ้วดกเข้มก็แมนเต็มตัว" 1.คือเจ๊ไม่เคยแมนสำหรับเรา(สาวตลอด) 2.มันถึงยุคที่ผู้ชายพกดินสอเขียนคิ้วกันแล้วหรือวะ?! บางทีเราก็ไม่เข้าใจ ...  ผู้ชายเมโทรชอบแต่งตัวน่ะเราเข้าใจ แต่เกย์สาวที่ชอบแอ๊บแมนน่ะเราไม่เข้าใจ โบกหน้ารักสวยรักงามมาซะขนาดนั้นยังกล้าเรียกตัวเองว่าแมนอีกหรา? ถ้ายูบอกว่ายูชอบแต่งตัวลุคบอยไม่ชอบแต่งตัวออกสาวไอเข้าใจนะ แต่เวลายูบอกว่ายูแมนไม่แสดงออกไอขอกลอกตาแพร็บได้ปะ? คนที่ไม่กล้ายอมรับตัวตนของตัวเองนี่คู่ควรกับคำว่าแมนเหรอ?
ตราบใดที่เกย์ส่วนหนึ่งยังไม่ยอมรับตัวเองและยึดติดกับค่านิยม "ต้องแมน" เหยียดตุ๊ดและกะเทยว่าเป็นประชากรเพศที่สามชั้นล่าง เราก็จะมีเกย์สาวแอ๊บแมนเต็มบ้านเต็มเมือง สาวก็สาวสิกลัวอะไร? กลัวไม่ได้ผู้ชายกลับไปกินเหรอ? ตราบใดที่ทุกคนยังมีค่านิยมมองกันแต่รูปลักษณ์ภายนอกคำจำกัดความของคำว่าแมนมันก็ผิดเพี้ยน ความแมนมีได้ทั้งนิสัยและรูปกายภายนอก มันเป็นโดยธรรมชาติไม่ใช่การแอ๊บ สาวก็นิสัยแมนได้ถ้าใจสปอร์ต แมนๆเถื่อนๆก็นิสัยมุ้งมิ้งได้(ผู้ชายแท้หลายๆคนยังชอบทำนิสัยผู้หญิงเลย งี่เง่า!) เหมือนที่ตุ๊ดหลายคนได้ผัวหล่อ(ส่วนมากมักเป็นฝรั่ง) และเกย์หลายคนมีผัวสาวกว่าตัวเอง ผู้หญิงก็มีทั้งนิสัยแมนๆกับนิสัยแบบผู้หญิ๊งผู้หญิง ทำไมผู้ชายจะมีบ้างไม่ได้? ความแมนหรือการเป็นลูกผู้ชายไม่ใช่มีกล้ามดั้งพุ่งคิ้วเข้มมีรอยสักโชว์ซิกแพ็กยามออกกำลังกายนะเว้ยเฮ้ย! อาแปะหัวล้านข้างบ้านก็แมนเหมือนกัน แกช่วยเด็กจากการโดนรถชน แมนพอมั้ยล่ะ? มัวหลงกับค่านิยมอะไรกันอยู่?

เราอยากให้ทุกคนที่อ่านนิยายเรื่องนี้เริ่มจากการปรับทัศนคติยอมรับตัวเองก่อน ไม่เฉพาะเพศที่สาม จะอ้วนจะดำจะไม่สวยไม่หล่อหรืออะไรก็ช่าง รักตัวเองในสิ่งที่ตัวเองเป็น อะไรที่คิดว่าไม่ดีก็พยายามพัฒนาไปเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่คิดมากว่าถูกคนอื่นดูถูก เราไม่รู้หรอกว่าเพศที่สามหลายคนทำไมชอบคิดว่าคนอื่นจะเหยียดหยามดูถูกตัวเอง มองว่าตัวเองถูกจำกัดสิทธิมนุษยชน สังคมไม่ให้ความเท่าเทียม สังคมมันไม่เท่าเทียมหรอก ผู้หญิงก็โดน ผู้ชายก็โดน แล้วแต่จะโดนเรื่องอะไร แต่การรับมือกับมันคือความสตรองนะ อยากให้ทุกคนเข้มแข็ง
(นึกถึงกระทู้ร้านเครื่องสำอางที่มีนวดไม่ยอมให้บริการสาวประเภทสอง นึกถึงเรื่องที่มีคนแชร์ว่าเซนทรัลไม่รับเข้าทำงานเพราะเพศสภาพไม่ตรงกับสภาพดั้งเดิม นึกถึงอีกหลายๆ เรื่อง แม้แต่เรื่องที่ผู้ชายตั้งกระทู้เหยียดหยามว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงหาคนบริสุทธิ์ได้ยาก ถ้าต้องแต่งงานกับสาวไม่บริสุทธิ์แล้วก็เท่ากับเสียเปรียบใช้ผู้หญิงต่อผู้ชายคนอื่น ผู้ชายก็ออกมาตั้งกระทู้ว่าทำไมผู้หญิงไม่ต้องเกณฑ์ทหาร #โลกแม่Jไม่ยุติธรรมหรอก ไม่งั้นไดโนเสาร์คงไม่สูญพันธุ์ กฏการคัดเลือกโดยธรรมชาติอ่ะรู้จักมั้ย? ใครใหญ่คนนั้นเขียนกฏ!)

ยังไงก็ขอฝากนิยายแปลกๆ เรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ ตอนนี้แรงมาก และเริ่มดราม่านิดหน่อย แต่ยังไม่แซ่บเท่าไหร่หร้อก! ยังมีอีก หึๆ แล้วมาลุ้นเส้นทางชีวิตของอ้นกันต่อนะคะ ใบ้ว่าตอนหน้าสาวกอ้นเตรียมฟินแหละ เตรียมอิจฉานางได้เลย นางจะโดนจีบ!
ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่า  :pig4:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ภาคอ้นเรย์ ? สรุปอ้นจะจับเรย์กดใช่ไหม?   มาป่วนเฉยๆนะ 555

อ้นก้าวข้ามกำแพงระหว่างกันไปแล้วนะ  คุยกันได้เต็มๆจริงๆ ถึงจะเคลือบความแพรวพราวไว้ก็เถอะ  แบบนี้น่ารักเพราะนังเรย์มันดูออก

ตอนแรกที่พี่จ๋าจิกกัดอ้นนี่เราฉุนนะ เพราะพูดแรง  แต่อ่านไปอีกก็เข้าใจว่าทำไมพี่จ๋าถึงเลือกว่ากล่าวตักเตือนอ้นแรงๆ  หรือเอาจริงก็ว่าตรงๆซึ่งเราก็ว่าสมควรเพราะมันทำให้อ้นสามารถมองเห็นความจริงจังรุนแรงของสิ่งที่คนมองแล้วคิดได้   แต่เป็นเราก็คงจะไม่พุดแบบนั้น  น่าจะเบาลงมา เพราะจริงๆอ้นก็ยังไม่ได้ทำอะไรไม่ดี

โจม-แทนสินะ  :mew4:

ป.ล  เรื่องตอบโต้คนอื่นในโลกโซเชี่ยลนี่นะ   สำหรับเราไม่ทำดีกว่า  เสียเวลา เสียอารมณ์   ดซเชี่ยลนี่เป็นตัวฉุดวุฒิภาวะคนให้ตกต่ำลงมาได้อย่างแหลกรานเลยทีเดียว 
หรืออาจจะเพราะหลายๆคนไม่คิดก่อนรัวๆโพสต์ไป   เราเคยโดน(ยังโดนอยู่เป็นบางครั้ง)คนจิกกัด ด่าว่า ให้ร้าย แฉ  จิก มา 5 ปี โดนที่เราไม่รู้เพราะเราไม่เข้าไปส่องคนอื่น   จากที่เคยมีเรื่อง  สำหรับเราเคลียร์เสร็จแล้ว เลิกคบก็คือลบไปจากสมอง  จนมีคนมาเล่าให้เราฟัง  แรกๆเราก็เต้นด้วยความโกรธ  แต่มาคิดจริงๆ 5 ปีมานี้เราไมไ่ด้เดือดร้อนอะไรเลย  มีความสุขตามประสา แต่ตัวคนที่ให้ร้ายเรายังไม่สามารถปล่อยวางได้  ขนาดตอนที่เราเคลียร์กันเราขอบคุณเขาสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คบกันมา  เขายังเก็บเอาไปคิดว่าประชดเขา หยามเขา   ที่จริงเราติดมารยาทฝรั่งเรื่องขอบคุณ
ไม่ต่อกรใครก็อยุ่ได้ค่ะ   สบายใจกว่าด้วยซ้ำ

จริงๆ ที่ติดพิมพ์ชื่ออ้นก่อนเพราะอ้นเป็นคาแรคเตอร์ที่มาก่อนเรย์อะค่ะ แหะๆ แต่ก็ไม่แน่น้า น้องเติ้ลขึ้นขย่มพี่ป้องไปแล้ว งานนี้อ้นอาจจะมอมยาหนุ่มแว่นก็ได้ค่ะ ฮ่าๆ

พี่จ๋านี่อารมณ์แบบ หัวหน้าสาวทึนทึกโสดไม่มีสามีอ่ะค่ะ ก็น่าจะปากร้ายหน่อยๆ แรงเล็กน้อย การที่นางทำงานมาได้นานจนอาวุโสได้ในบริษัทก็น่าจะมีพาวเวอร์พอตัว พี่จ๋าเลยต้องแซ่บ ฮ่าๆ ก็ดีไซน์คาแรคเตอร์ไว้ประมาณนี้อ่ะค่ะ
อยากลองเขียนหัวหน้าปากร้ายดูด้วยค่ะ อิๆ ไม่ได้ตั้งใจหลอกคนอ่านหรอก แต่ในกระทู้พันทิปชอบมีกระทู้บ่นเพื่อนร่วมงาน หัวหน้าไม่สอนงาน เพื่อนในออฟฟิศไม่มีใครไปกินข้าวด้วย กระทั่งกระทู้นินทาว่าคนในออฟฟิศอ้วนมากและแต่งตัวโป๊มาทำงานทุกวันยังมี หนูเลยแบบ คาแรคเตอร์หลักในก๊วนออฟฟิสน่าจะมีคนแบบนี้สักคน ช่างเม้า จิกแรง แต่มีความสตรองแกร่งพอเป็นตัวแม่ให้อ้นได้เรียนรู้อีกรูปแบบหนึ่งของ"ผู้หญิง" อุ๊บ! ไม่สปอยดีกว่าอิๆ

เรื่องพี่โจม กับพี่แทน ต้องติดตามค่า แต่อ่านตอนนี้แล้วคง เหอๆ  :z1:


ขำวิฑีเรียกร้องความสนใจของเรย์มาก ปลูกต้นถั่วงอกอัพเฟส เหมือนเด็กน้อยเรียกร้องความสนใจเลย โจมกับแทนเหมือนจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรกัน ชอบที่พี่จ๋าพูดเตือนสติอ้นกับโจม ดูเป็นเจ้านายที่ปกป้องลูกน้งมากเลย

เราคิดว่าเรย์น่าจะมีกิจกรรมทางโลกโซเชียลพอสมควร อ้นก็ด้วย เพราะเด็กยุคนี้ติดโซเชี่ยล แต่ด้วยความที่อ้นน่าจะรำคาญเรย์ ก็คงบล็อกเรย์ไม่ได้สนใจ เรย์พยายามหาทางเรียกร้องสายตาของอ้นให้หันมามองว่าตัวเองงอนเพราะไม่กล้าลุยไปตรงๆว่างอน อารมณ์แบบคงเฮิร์ตด้วยว่าอ้นไม่แคร์กันเลย แต่คือเรย์เข้าใจยาก ไม่ยอมพูดตรงๆ เลยต้องมีพร๊อบสื่อถึงอ้นมาช่วย
คือเรย์ทนได้ตั้งสิบวัน(ทำงาน)อะ เกือบสองอาทิตย์ที่งอนเงียบๆไม่ยอมโผล่หน้าไปหาอ้น โอ๊ย! ผู้ชายอะไร๊! มันอินดี้ขี้งอนแต่คงกระตุ้นต่อมแม่พระในใจอ้นได้ อ้นน่าจะเปิดใจกับเรย์มากขึ้นเพราะเรื่องนี้ เป็นการพัฒนาความสัมพันธ์กันทำนองนี้อ่ะค่ะ อ้นยิ่งใจอ่อนอยู่ ฮ่าๆ สาวอ้นนางรักเด็กนะคะ
พี่จ๋าตั้งใจให้ตรงข้ามกับพี่แจนค่ะ ทางนั้นสาวสวย ผู้หญิงทำงานเก่ง วางตัวดีมีความเป็นผู้นำ ผู้บริหาร บลาๆ ทางนี้เลยต้องเป็นอีป้าแก่ๆ ทึนทึก เป็นวัตถุโบราณประจำออฟฟิศ ทำงานไปเรื่อยๆ ในองค์กรรอรับเงินแบบสงบๆ ไม่ชอบมีปัญหา ไม่ชอบยุ่งกับใคร แต่พอถึงเวลาก็มีเขี้ยวเล็บเก๋าเกมพอตัว ทั้งสองนางเป็นหัวหน้าที่อ้นได้เจอค่ะ อ้นเคยฝึกงานกับแจนและทำงานอกับจ๋า อิๆ จะได้แซะมนุษย์ออฟฟิศด้วย เผื่อมีคนมาอ่านแล้วเกิดอารมณ์แบบ "เออใช่! ที่ออฟฟิศฉันก็มีคนแบบนี้" หัวหน้าที่เก่งคนเดียวกับหัวหน้าที่ฝึกลูกน้องจนเก่งก็ต่างกันอ่ะ แล้วเด็กที่พยายามเขี่ยคนสอนทิ้งหลังจากสูบวิชาความรู้แล้วมันก็มี๊! ไม่ได้เขียนสื่อไว้ชัดเจน แต่หยิบปมมานิดๆ หน่อยๆ พอให้คนอ่านสามารถจิ้นต่อเองได้ ฮ่าๆ


:L2:  ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณเช่นกันค่า  :pig4: มาอีกบ่อยๆ นะค้า  :pig2:


ว้า ตอนนี้ไม่มีป้องอ้นอะ โผล่มาแค่ชื่อ 555

เรย์น่ารักแล้ว พยายามเรียกร้องความสนใจเล็กๆ
อยากจับเรย์น้องน้อยมาหยิกแก้ม เขย่าๆ นี่คงจะโดนตบหัวกลับมา
พี่จ๋าก็ทำดีอะ พูดแรงไปบ้างแต่ก็ตรงๆ ดี อ้นจะได้คิดได้
แถมพออ่านฉากนี้แล้วนึกภาพอ้นเป็นชิวาว่าน้อยๆ ตัวสั่นๆ น้ำตาคลอเลยครับ 555
ที่นี้ก็รอก็ติดตามตอนต่อไป

จากเมนท์ก่อน ที่บอกว่าป้องน่าจะแนะนำอ้นให้รู้จักฝั่งเติ้ลน่ะครับ คืออยากเห็นฉากประมาณว่าป้องก็เห็นอ้นเป็นพี่น้องเป็นครอบครัวนะ ส่วนฝั่งเติ้ลก็เป็นครอบครัวแน่ๆ อยู่แล้วแหละ ก็เลยให้สองครอบครัวนี้มาเจอกันอะไรประมาณนั้น แต่ก็รอฉากเติ้ลฉะกับอ้นนะครับ คงสนุกน่าดู 555 เอ้อ พูดแล้วก็คิดถึงพี่ตั้มนะ

ปล. หัวทู้เป็น P.28 แน่ะครับ

ตอนนี้พี่ป้องมาแล้วนะคะ มาพร้อมกับ"เมีย"
ถ้าอ่านภาคแรกมาแล้วคงหายสงสัยแล้วว่าทำไมพี่ป้องไม่เคยรักแจน ฮ่าๆ ทำไมเติ้ลถึงได้บอกว่าป้องดูอึดอัดไร้ความสุขขนาดตอนที่คบกับอ้นยังดูมีชีวิตชีวากว่า
อ้นนางไม่ค่อยกล้ากับแจนเพราะแจนลุคเรียบหรูผู้ดีมีออร่า นางเคยอยู่ในฐานะของหัวหน้าอ้นด้วยค่ะ ตอนนี้อ้นยังไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเลยเกิดปมด้อยเล็กๆ ในใจ อย่างแจนต้องเจออีนางน้อยจอมแฮ่ดอย่างเติ้ล เติ้ลนี่ความมั่นเต็มร้อย ลุยไม่มีถอยเลยค่ะคนนั้น ฮ่าๆ
ถ้าไปทำแบบนั้นกับเรย์ ระวังก็บีบคอนะคะ ฮ่าๆ จุ๊ๆ เค้าจาม่ายฉะปอยยย  :z1: แต่ระวังหนุ่มแว่นสุดมุ้งมิ้งคนนี้ไว้ค่ะ ร้ายกว่าที่คิด ฮ่าๆ ตัวละครของเรามักจะพกข้อเสียแย่ๆ แบบที่พระเอกคนอื่นไม่ค่อยมีมาด้วยเสมอ
ป้องกับเติ้ลและอ้นได้เจอกันแน่ๆ ค่ะในพาร์ตหลัง

คือ #ไม่กินเส้น นี่อยู่ในพาร์ตแรก เป็นเนื้อเรื่องช่วงแรก เดี๋ยวจะมีพาร์ต #เดิมๆไม่ปรุง อีกพาร์ตเป็นตอนจบ ต้องมาลุ้นกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมป้องถึงพาเติ้ลไปหาอ้น?
แต่ตอน #ไม่กินเส้น นี้มันอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่าง #ไม่ฟิต กับ #ไม่รัก ไงค่ะ ช่วงที่ป้องกับเติ้ลไม่ได้เจอกันเลย ที่พอเติ้ลเห็นป้องสวีทกับอ้นในมหาลัยแล้วก็ร้องไห้คร่ำครวญว่าสูญเสียป้องไปแล้วอ่ะค่ะ แล้วก็แบบพอเจอกันอีกทีป้องควงแจนไปดูหนัง เรื่องตอนนี้จะเล่าถึงเหตุการณ์ระหว่างนั้นค่ะ ดังนั้นเติ้ลจะโผล่มาไม่ได้
แต่ก็แปลว่า เหตุการณ์ในพาร์ต #เดิมๆไม่ปรุง ป้องกับเติ้ลจะกลับมาคบกันแล้ว คืนดีกันแล้ว อ้าว? ละอ้นกับเรย์ล่ะ? เหอๆ ยั่วให้ลุ้น! รับรองว่าเติ้ลยังแรงเสมอต้นเสมอปลาย ฮ่าๆ เติ้ลเค้าเป็น #อีนางน้อยร้อยแรงม้า ค่ะ ส่วนพี่ตั้ม... ออกในภาคพิเศษละกัน ในเนื้อเรื่องหลักมันที่เต็มอะพี่ แหะๆ

ป.ล. หน้า 28 คือหน้าเริ่มต้นของภาคสองค่ะ ใส่เอาไว้เพื่อคนที่ไม่ได้ตามอ่านนานกลับมาอ่านจะได้รู้ว่าเริ่มตรงไหน ตั้งแต่เริ่มภาคใหม่คนเม้นน้อยก็เลยหน้าไหลน้อยค่ะ แค่สามหน้าเอง คนอ่านน่าจะเปิดอ่านรวดเดียวได้ไม่ยาก หรือไม่ก็อาจจะเปิดมาหน้าท้ายสุดอะไรแบบนี้? ตรรกะเราเพี้ยนค่ะ ชอบคิดอะไรแปลกๆ แหะๆ
 :really2:


นางง้อได้น่ารักนะเนี่ยทั้งๆที่นางงกขนาดนั้น
นางยังยอมเลี้ยงอ่ะถือว่าง้อสุดๆเลย
ส่วนเรื่องแทนนี่มันมีเบื้องหลังกะอิพี่โจมหรือ
เปล่าหรือแค่อิจฉาที่อ้นไม่ต้องเก็กและเป็นตัว
เองไม่แอ๊บแถมนางมีผู้ชายรุมล้อมเยอะ

#ถูกทุกข้อ อยากจะตอบแบบนี้จริงๆ เยย แต่ต้องรอลุ้นค่ะ ฮ่าๆ  :impress2:
ที่อ้นงกก็มีเหตุผลน้า รออ่านตอนหน้านะคะ รับรองเฉลยที่มาความงกของอ้น ฮ่าๆ สาวกอ้นกับเรย์รอฟินได้เลย ตอนหน้าจะมีการเดินจูงมือกันด้วย! คู่นี้ไปไวมาก!
 :hao7:

ป.ล. อย่าเชื่อคำพูดคนแต่งมาก ถ้าใครเคยอ่าน STRINT คงเข็ดกับ "มาม่า" ของคนแต่งแล้ว อิๆ


:pig4 :pig4: :pig4:

ขอบคุณเช่นกันค้าบ  :pig4:


ในซีรีย์ นี้ อ้น เป็นคนที่น่าสงสารที่สุดดด ใครจะเจ็บปวดเท่านางเนอะ

บอกเลยว่าปัญหาของอ้นหนักที่สุด นางโดนเยอะกว่าป้อง เจ็บช้ำกว่าเติ้ล แต่นางไม่ฟูมฟายไร้สาระเท่าอีคู่นั้นเพราะนางสตรอง ความสตรองของอ้นมาจากไหน? อาจจะพื้นฐานครอบครัว คนรอบข้าง หรือแม้แต่กำลังใจจากคนรอบข้าง คืออ้นฝ่าฟันปัญหาได้อย่างเข้มแข็ง บุคลิกเป็นคนคิดบวกไม่ชอบคิดมากอยู่แล้วด้วย ออกแนวไม่มีพิษมีภัยแจ๋นไปวันๆ
ส่วนป้องกับเติ้ล พื้นฐานทางครอบครัวไม่ค่อยโอเค ยามมีปัญหาก็ไม่สามารถปรึกษาใครได้ ป้องปากแข็ง เก็บเงียบ มีเพื่อนเพียงคนเดียวคือตั้ม ส่วนเติ้ลก็ยังเป็นช่วงสับสนชีวิต เอาแต่ใจ ทั้งๆ ที่ปมปัญหามันง่ายมากแต่สองคนนี้ดันทำให้เป็นเรื่องยาก

แต่โทนเนื้อเรื่องจะไม่ดราม่าหนักเท่าภาคแรกนะคะ ไม่หน่วง ออกแนวใสๆ มุ้งมิ้ง (คนแต่งตั้งใจเขียนให้มุ้งมิ้งมากจริงๆ)

มาเอาใจช่วยอ้นกันนะคะว่าอ้นจะจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตยังไง แล้วชีวิตของนางจะพลิกผันอย่างไรบ้าง? ใครคืออัศวินของนาง ฮ่าๆ
 :-[

:L2: ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะค้า  :pig4:
ใครชอบก็กดเป็ดบวก กดบวกคะแนนชื่นชมเค้าได้น้า หรือจะกดไลก์แฟนเพจก็ได้นะ ในลายเซ็นเราเลยจ้า
 :pig2:    :pig2:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
+เป็ดให้ตลอดทุกเรื่องที่เข้าไปอ่าน ไม่ว่าจะเมนท์หรือไม่เมนท์  ตัวเป็ดเป็นตัวบอกเราได้ว่าเอ๋ +เป็ดแต่เป็นเป็ดหายก็แสดงว่าตรูอ่านไปแล้วนี่นา 555

แจนมาแบบ...  ต่างกับที่เราวาดภาพไว้จากเรื่องโน้นลิบลับเลย  คิดเหมือนกันนะเป็นผู้หญิงแบบไหนที่ป้องอยู่ด้วยมาตั้งนาน  ยอมปรับตัวปรับตนไปกับนาง  แต่มาเจอตอนแล้วเราแปลกใจนะที่ป้องทนอยู่กับนางมาได้ตั้งนาน

อ้นสำหรับเรานี่เหมือนนางเป็นดอกหญ้านะ  เจ็บเจียนตายแต่ก็พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมายืนใหม่   ครอบครัวนี่มีส่วนสำคัญมากๆในการปูพื้นฐานนิสัยกับการดำรงชีวิตของคนๆหนึ่งเลยนะ   บางคนก็ไม่ได้รู้ตัวเองหรอก

ว่ากันด้วย*ความแมน*ของผู้ชายนึกถึงคุณลุงเพื่อนแม่ของดราม่าควีนของเราขึ้นมาจับใจเลยค่ะ  สำหรับเรานั่นคือความแมนค่ะ

ออฟไลน์ Zyse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารอ้น

สมน้ำหน้าอิป้องงงงงงงงง 5555555555

อิป้องไปเรย์ก้อขยันทำคะแนนหน่อยนะลูก

คิดถึงเติ้ล ชอบเติ้ลมากกกกกกก

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
อินางอ้นเริ่มน่าสงสารล่ะอิป้องจะตีจาก
แต่คนเขียนสปอยไว้แล้วตอนหน้าอิเรย์
จะมาคงช่วยนางไว้ได้พอสมควรล่ะไม่
ต้องเฮิร์ทมากเพราะตอนที่นางคุยก็ยังมี
การคิดถึงเรย์เลยว่าคนที่รับตัวตนนางได้
แต่ว่าเราก็สงสารนางเหมือนกันนะอิเรย์
นี่ก็ตัวดีเลยปัญหาเยอะเกิ้นนนน
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ wargroup

  • Twitter/IG : @inaSSusani
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
ขอบอกตามตรงว่า ชอบอ้นมากที่สุดเลยค่ะ! ชอบความเป็นนางทุกอย่างเลย สีสันมาก ตุ๊ดทุ่มเทมาก
ทำให้ชอบภาคไม่กินเส้นมากๆๆๆ อ่านแล้วสนุก ชอบเห็นพัฒนาการตัวละครยาวๆแบบนี้
คงเพราะความเข้มข้นของ ภาคป้อง-เติ้ล ด้วย ทำให้ #ไม่กินเส้น คนอ่านอารมณ์มาเต็ม

ภาคหนึ่งและสองก็อ่านสนุก แต่ภาพจำส่วนตัวที่หลงเหลือหลังอ่านจบคือ ...ความรักแฮปปี้ที่เปราะบาง (แงๆ ขอโทษนะ)
แล้วก็ชอบความเก่งของคนเขียน เรียลมากกก อารมณ์ตัวละครละเอียดมากกก ดราม่ามาอย่างแน่น ดุเดือดถูกใจ
พล็อตแปลกใหม่ ผ่านมุมมองที่ไม่ซ้ำ จะจำไว้ว่า พระเอกดี น่าสงสาร ไม่ค่อยเด็ดขาดเรื่องความสัมพันธ์ เน้นหนีไม่เผชิญ
นายเอกนิสัยเสีย เพราะพ่อแม่รังแกฉัน ไม่ปลื้มนาง (แม้ตอนหลังยกเครื่องใหม่แล้ว ก็ยังไม่ค่อยอิน)
พี่ชายนายเอกรักน้องมาก ความเป็นเพื่อนของป้องตั้มหรือป้องอ้น คือชนะเลิศ ...แต่ก็แอบเชียร์ให้ป้อง-ตั้มได้กันด้วย แฮ่!

ตามอ่านมาตั้งแต่ SRT/INT กับ ดราม่าควีนฯ จนมาเรื่องนี้ สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ ชื่นชมๆ (+1)
ชอบพล็อตของทุกเรื่อง เข้มข้นสุดฤทธิ์จริงๆ ...และประทับใจสองตัวประกอบเป็นพิเศษ เมษและอ้น #ทีมตุ๊ดแม่พระ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

กฏข้อแรกในการพูดคุยกับคนแต่ง จะบอกว่าคนแต่งกวนตีนมาก ดังนั้นที่บอกว่าสปอยอาจจะเจอข้อมูลแบบกำปั้นทุบดิน จริง20%แต่ตัวแปรที่เหลือไม่ใช่อะไรแบบนี้ก็ได้นะ ถ้าพูดย้ำว่าสปอยเมื่อไหร่ให้ระวัง แปลได้ว่าประโยคนั้นมีความกวนตีนสูงจ้า


+เป็ดให้ตลอดทุกเรื่องที่เข้าไปอ่าน ไม่ว่าจะเมนท์หรือไม่เมนท์  ตัวเป็ดเป็นตัวบอกเราได้ว่าเอ๋ +เป็ดแต่เป็นเป็ดหายก็แสดงว่าตรูอ่านไปแล้วนี่นา 555

แจนมาแบบ...  ต่างกับที่เราวาดภาพไว้จากเรื่องโน้นลิบลับเลย  คิดเหมือนกันนะเป็นผู้หญิงแบบไหนที่ป้องอยู่ด้วยมาตั้งนาน  ยอมปรับตัวปรับตนไปกับนาง  แต่มาเจอตอนแล้วเราแปลกใจนะที่ป้องทนอยู่กับนางมาได้ตั้งนาน

อ้นสำหรับเรานี่เหมือนนางเป็นดอกหญ้านะ  เจ็บเจียนตายแต่ก็พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมายืนใหม่   ครอบครัวนี่มีส่วนสำคัญมากๆในการปูพื้นฐานนิสัยกับการดำรงชีวิตของคนๆหนึ่งเลยนะ   บางคนก็ไม่ได้รู้ตัวเองหรอก

ว่ากันด้วย*ความแมน*ของผู้ชายนึกถึงคุณลุงเพื่อนแม่ของดราม่าควีนของเราขึ้นมาจับใจเลยค่ะ  สำหรับเรานั่นคือความแมนค่ะ

ขอบคุณค่า เราก็ชอบบวกเป็ดเพื่อบอกว่าเรารับรู้ทุกคอมเม้นเช่นกาน แหะๆ #บวกมาบวกกลับไม่โกงค่า  :m19: #เค้านี่แหละตัวบวกพร้อมบวกตลอดเวลา เอ๊ะยังไง!? (เวลาเล่นเกมศัพท์คำว่า "บวก" แปลได้แนวๆ ว่า "ลุย" "เข้าปะทะ" ค่ะ)

เจ๊แจนนี่เราตั้งใจให้เป็นงี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วแหละค่ะ พี่ตั้มเคยพูดไว้ว่า คุณคงคิดว่าควบคุมป้องได้ทุกอย่างใช่มั้ย ผมจะรอดูวันที่ป้องมันทนไม่ไหวแล้วแหกคอกของคุณ ไอ้ป้องมันเชื่องล่ะสิท่า ควงไปออกงานอวดเพื่อนฝูงว่ามีเด็กในคอนโทรล สั่งมันซ้ายหันขวาหันเพลินมั้ยอะ? จูงใจมันเก่งนี่ เลิกทำเหมือนเพื่อนผมเป็นสัตว์เลี้ยงซักที!
เราว่า ... ป้องยอมแฟน ทนแฟน แต่ไม่น่าจะอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขนะคะ ฮ่าๆ ป้องอาจจะเป็นผู้ชายอบอุ่นที่ยอมแฟนทุกอย่าง ยอมกระทั่งควงกับตุ๊ด แต่ก็มีเขตหวงห้ามของตัวเองเหมือนกัน ซึ่งตั้มอยู่ในเขตหวงห้ามนั้นค่ะ อิๆ แถมยังเจอเมียน้อยร้อยมารยาอย่างเติ้ลเอาตัวเข้าแลกอีก เจ๊แจนจะเหลือเหรอ?


จริงๆ ที่เขียนให้อ้นควงป้องทำตัวอวดผัวนี่ก็มีประเด็นนะคะ เคยเห็นโพสอันข้างบนที่เค้าแชร์ในโซเชี่ยลอะค่ะ (*แต่บางกระแสก็ว่าผู้ชายในรูปไม่ใช่แฟนกัน โพสนี้แอบอ้าง เขียนเอาแมนเรียกไลค์)
เราว่าสังคมสมัยนี้ว๊อนเรื่องโรแมนติกชวนฝันให้ฟินตัวแตกกันไปข้าง คนเสพสื่อไม่ค่อยมีสติ อยากได้อยากมีตามเค้าอยากให้เป็นเราโชคดีแบบนั้นบ้าง ซึ่งมันตรงกับความเป็นอ้นมาก อ้นมีจุดแข็งแต่ก็มีสิ่งที่ขาด ในสมัยที่ยังไม่รู้จักความรักความสัมพันธ์ดีพอก็คงหลงใหลได้ปลื้มกับอะไรแบบนี้ แต่พอโตขึ้นและเหนื่อยล้ากับการไขว่คว้าหัวใจของป้องแล้วนางก็คงไม่อินอีกต่อไป


แต่นางไม่ใช่ดอกหญ้านะคะ เพราะอ้นมีพัฒนาการ (ให้นางหน่อยเถอะค่ะเพราะพ่อนางทำไร่กุหลาบนะ ฮ่าๆ)
เราว่านางเป็นดอกกุหลาบนั่นแหละค่ะ แต่อาจจะไม่ใช่ROSEแบบที่เราๆคุ้นเคยกันดี นางอาจจะเป็นดอกกุหลาบป่าค่ะ
ซึ่งกุหลาบป่าคือตอที่เราเอามาติดตากุหลาบสวนๆพันธุ์อื่นลงไปเพราะนางทนค่ะ! แข็งแรง! ฮ่าๆ โรสฮิปที่เคยฮิตๆกันก็มาจากดอกกุหลาบป่าแบบนี้ค่ะ
ถ้าไม่บอกว่าดอกไม้นี้คือกุหลาบ คนที่ไม่มีความรู้อาจจะไม่เชื่อก็ได้เพราะมันไม่มีอะไรเหมือนกุหลาบในความคิดของคนทั่วไปเลยแม้แต่น้อย
แต่ระดับตุ๊ดลำไยอย่างอ้นนางต้องมีมิวัฒนาการค่ะ รอดูวันเบ่งบาน Full Bloom ของอ้นได้เลย งานกุหลาบอังกฤษงานกลีบซ้อนกลิ่นหอมต้องมา! นางจะงดงามละมุนละไมยิ่งกว่ากุหลาบตัดดอกฟอร์มแข็งๆที่มีอยู่ดาษดื่นแน่นอนค่ะ
แล้วก็รอดูชายใจโฉดขยี้ดอกกุหลาบจนแหลกคามือด้วยนะคะ ฮ่าๆ งานพิศาลตบจูบควรจะมี? .... รีเปล่า? อิๆ


สงสารอ้น

สมน้ำหน้าอิป้องงงงงงงงง 5555555555

อิป้องไปเรย์ก้อขยันทำคะแนนหน่อยนะลูก

คิดถึงเติ้ล ชอบเติ้ลมากกกกกกก

มีคนสมน้ำหน้าป้อง เราก็ดีใจ  o13 เอ๊ะยังไง! คิดถึงเติ้ลรอพาร์ตหลังนะคะ #ไม่ปรุง นี่เติ้ลมาแน่ๆ นางอัพเกรดเวอร์ชั่นเรียบร้อยแล้วด้วย รอดูความแรงของเติ้ลได้เลยว่าจะร้ายขึ้นขนาดไหน!
 :o อย่าบอกนะว่าเติ้ลเป็นตัวร้าย! ... จริงๆ มันก็ร้ายมาตั้งแต่ภาคแรกแล้วนะ มันร้ายแบบเอาแต่ใจ ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง ไม่ยอมคน อะไรแบบนั้นซะมากกว่า เหอๆ แต่ถ้าไม่ร้ายก็ไม่ใช่น้องพี่ตั้มหรอก อิๆ

ส่วนเรย์... ขยันทำคะแนน ... คาดว่าอ่านตอนนี้แล้วคง .... คิกๆ  :katai2-1:


อินางอ้นเริ่มน่าสงสารล่ะอิป้องจะตีจาก
แต่คนเขียนสปอยไว้แล้วตอนหน้าอิเรย์
จะมาคงช่วยนางไว้ได้พอสมควรล่ะไม่
ต้องเฮิร์ทมากเพราะตอนที่นางคุยก็ยังมี
การคิดถึงเรย์เลยว่าคนที่รับตัวตนนางได้
แต่ว่าเราก็สงสารนางเหมือนกันนะอิเรย์
นี่ก็ตัวดีเลยปัญหาเยอะเกิ้นนนน
 :pig4: :pig4: :pig4:

หา? เรย์ช่วยให้อ้นไม่เศร้า? อืม... เหอๆ รออ่านดีกว่า เค้าแค่บอกว่า"อ้นและเรย์มีฉากจูงมือ"และ"มีคนจีบอ้น"เองน้า  :m14:
อิๆ ต้องมาลุ้นกันว่ายังจะเศร้าหรือไม่ ฮ่าๆ เชื่อสปอยเค้าเหยอ? ยังไม่เข็ดกะ"ตอนหน้ามีมาม่า!"ของน้องพีกับพี่สตาร์อีกเหยอ?
ต้องติดตามไปเรื่อยๆจ้าว่า"พระเอก"คนนี้จะมีระดับความแปลกที่เป็นปัญหามากน้อยแค่ไหน แต่บอกได้ว่าไม่ธรรมดา!


ขอบอกตามตรงว่า ชอบอ้นมากที่สุดเลยค่ะ! ชอบความเป็นนางทุกอย่างเลย สีสันมาก ตุ๊ดทุ่มเทมาก
ทำให้ชอบภาคไม่กินเส้นมากๆๆๆ อ่านแล้วสนุก ชอบเห็นพัฒนาการตัวละครยาวๆแบบนี้
คงเพราะความเข้มข้นของ ภาคป้อง-เติ้ล ด้วย ทำให้ #ไม่กินเส้น คนอ่านอารมณ์มาเต็ม

ภาคหนึ่งและสองก็อ่านสนุก แต่ภาพจำส่วนตัวที่หลงเหลือหลังอ่านจบคือ ...ความรักแฮปปี้ที่เปราะบาง (แงๆ ขอโทษนะ)
แล้วก็ชอบความเก่งของคนเขียน เรียลมากกก อารมณ์ตัวละครละเอียดมากกก ดราม่ามาอย่างแน่น ดุเดือดถูกใจ
พล็อตแปลกใหม่ ผ่านมุมมองที่ไม่ซ้ำ จะจำไว้ว่า พระเอกดี น่าสงสาร ไม่ค่อยเด็ดขาดเรื่องความสัมพันธ์ เน้นหนีไม่เผชิญ
นายเอกนิสัยเสีย เพราะพ่อแม่รังแกฉัน ไม่ปลื้มนาง (แม้ตอนหลังยกเครื่องใหม่แล้ว ก็ยังไม่ค่อยอิน)
พี่ชายนายเอกรักน้องมาก ความเป็นเพื่อนของป้องตั้มหรือป้องอ้น คือชนะเลิศ ...แต่ก็แอบเชียร์ให้ป้อง-ตั้มได้กันด้วย แฮ่!

ตามอ่านมาตั้งแต่ SRT/INT กับ ดราม่าควีนฯ จนมาเรื่องนี้ สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ ชื่นชมๆ (+1)
ชอบพล็อตของทุกเรื่อง เข้มข้นสุดฤทธิ์จริงๆ ...และประทับใจสองตัวประกอบเป็นพิเศษ เมษและอ้น #ทีมตุ๊ดแม่พระ


#ชอบเห็นพัฒนาการตัวละครยาวๆแบบนี้  :-[ อย่ายอสิ เรื่องนี้อาจจะยาวจนเข้าเพชรบุรีเลยนะ (รวมสองภาคและภาคพิเศษแล้วอาจจะยาวกว่าดราม่าควีนอีกค่ะ!) แล้วถ้ารวมแก๊งสามเกรียน พี่สตาร์กับน้องพีและลูกเทวดาสไนเปอร์เข้าไปด้วยละก็.... เยอะค่ะ!
เอ๊ะ! ไอ้พวกนั้นมันเกี่ยวอะไรด้วย? มีบท? บทเยอะ? อิๆ ไม่สปอย เหอๆ :hao7:
ดีใจที่มีแฟนผลงานที่ติดตามอ่านทุกเรื่อง น้ำตาจิไหล :sad4: :hao5: ดีใจที่ย้อนกลับมาเขียนภาคของอ้นแล้วไม่ทำให้คนอ่านเซ็งค่ะ เพราะคนอ่านต้องรู้อยู่แล้วแหละว่าเกิดอะไรขึ้นอะเนอะ แต่อ้นมิรู้! ลุ้นไปกับนางและแอบกัดฟันเพราะความตอแหลของพี่ป้อง! เหอๆ

อยากจะมอบโล่ให้เลยค่ะ เป็นอะไรที่โดนใจเรามาก "แฮปปี้แต่เปราะบาง" นั่นสิ? ทำไมนิยายทุกเรื่องต้องจบที่ตัวละครเอกได้คบกัน ภาคพิเศษคืออยู่กินแบบผัวเมียช่วยกันเลี้ยงลูกหรือไปทำอะไรก็ว่าไป :onion_asleep:
พี่ชัชน้องต้นภาคแรกที่แต่งประกวดเลยลองเขียนแบบที่คนอื่นเขียน พอมาภาคสองใส่ความเป็นตัวเองลงไปเพื่อบอกชาวโลกว่า "มีแฟนเรื่องเล็กประคับประคองรักให้รอดสิเรื่องใหญ่!" แต่มันไม่เวิร์ก ไม่มีคนอ่าน ไม่ดัง ไม่มีคนสนใจ คนอ่านชอบอะไรเรตๆใช่มั้ย ด๊าย! จัดไป! อีนางน้อยขึ้นคร่อมขย่มข่มขืนใจพี่ป้องเลยละกัน เรตพอมั้ย? ดราม่ากระซวกตับไตใช้ได้รึเปล่า? ฮ่าๆ หลอกคนอ่านมาทำความรู้จักกับดราม่าสไตล์เกรียนๆของ AzureICE ค่ะ ดังนั้นพอมาภาคนี้เลยตั้งใจแต่งให้เบาขึ้น ใสๆ มุ้งมิ้ง ฟินๆ เพื่อลองดูสิว่าตัวเองเขียนอะไรหวานๆ ได้รึเปล่า? หรือถนัดแต่ดราม่า ท้าทายตัวเองไปเรื่อยๆ ค่ะ
(จริงๆ คือตัวเอกเป็นเพศที่สาม เราไม่อยากแกล้งอ้นมาก กลัวคนอ่านเศร้าใจตาม พูดง่ายๆ ว่าแต่งอวยตุ๊ดค่ะ)

และซิกเนอเจอร์ของเราเลยนะ เราว่าเราเป็นคนที่ไม่เคยแต่งตัวละคร"ดี"ค่ะ คือตัวละครเรามันจะร๊ายร้าย ไม่รู้ทำไมชอบมีแต่คาแรคเตอร์แปลกๆ ร้ายแบบคนไม่ชอบอ่านละไม่เชียร์
เราเขียนให้ตัวละครพัฒนาและปรับปรุง แต่ไม่ใช่แนวแบบโจรกลับใจหน้ามือหลังเท้าอะไรงี้ เราว่ามันเฟก!
มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณหนูบ้านแตกแสนซนประชดพ่อจะมากลับใจใสซื่อเพียงเพราะเจอรักแท้และโดนเมะปราบพยศ แถมพอโดนนางร้ายตบล้างน้ำนางดันไม่สู้ด้วยนะ พอมีความรักแล้วอ่อนแอ บ่อน้ำตาแตก ถ้าสู้กลับแล้วเดี๋ยวคนอ่านไม่อินเหรอ?
คนอ่านเบื่อแนวนี้กันมั้ย? เราก็เบื่อ ดังนั้นเราเลยชอบเขียนตัวละครไม่สมประกอบค่ะ มันสนุกดี เพราะเราอยากบอกทุกคนว่าต่อให้นิสัยเสียมากแค่ไหนแต่ถ้ามีคนเอายังไงก็มีผัว/มีเมียค่ะ แค่หาคนที่รับเราได้ก็พอ เหมือนคาแรคเตอร์ในนิยายของเราไงคะ ฮ่าๆ คนทั่วๆไปก็ใช่ว่าจะดีซะหน่อย มีนิสัยแย่ๆกันสักส่วนสองส่วนทั้งนั้น แต่เค้าอาจจะเพอร์เฟกที่สุดสำหรับแฟนเค้าก็ได้

ป.ล. พี่ตั้มเป็น straight man นะคะ ฮ่าๆ แต่มีโมเม้นให้จิ้นเยอะค่ะคู่นี้
ป.ล.2 ใครบอกอ้นเป็นตัวประกอบ ภาคนี้เป็น "นางเอก" เลยนะคะ เน้นตัวโตๆ อิๆ
ขอบคุณที่เห็นคุณค่านิยายแปลกๆของเราค่ะ  :pig4: โคตรปลื้มเลย  :กอด1: ขอบคุณมากจริงๆ อ้นกับเมษนี่ เมษแข็งแกร่งกว่าค่ะ อ้นจะช่างฝันมากกว่า เป็นสาวหวาน อิๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   “เป็นอะไร?”
   “เปล่า”
   อ้นถอนหายใจดังเฮือกก่อนจะตอบปฏิเสธ แต่เรย์ไม่เชื่อ
   “มีอะไรเหรอ?”
   “เรื่องของฉัน”
   หนนี้อ้นไม่ได้วีนกลับ น้ำเสียงของอ้นฟังดูเนือยๆ จนเรย์แปลกใจ ท่าทางของอ้นที่เหม่อเขี่ยข้าวในจานก็ดูจะกลุ้มใจผิดปกติ
   “ข้างล่าง ในตลาดมีร้านเจลาโต้เปิดใหม่ล่ะ”
   “แกอยากกินเหรอ?”
   อ้นละสายตาจากการเหม่อเหลือบตามองไปยังเรย์ เมื่อเห็นว่าเขาพยักหน้าอ้นจึงเออออตาม
   “อือๆ งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วลงไปซื้อไอติมของแกก็ได้”
   มุมปากของเรย์ยิ้มเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่ออ้นเออออรับปาก ทว่าในแววตาของเขาราวกับมีดวงดาวพราวระยับอยู่เป็นล้านดวง เสียดายอ้นชินเสียแล้วจึงไม่ทันสังเกต
   อันที่จริงพักหลังอ้นสนิทกับเรย์มากขึ้นจนแปลภาษากายของเรย์ออกทุกอย่างอีกทั้งยังรู้ใจและเข้าใจนิสัยของเรย์ รู้ว่าเรย์ต้องการอะไรแถมยังตามใจเสียเป็นส่วนมาก อ้นทำลงไปโดยไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแต่เรย์ที่แอบขยับอัตราการเอาแต่ใจของตนเพิ่มขึ้นเงียบๆ แล้วรอดูปฏิกิริยาของอ้นอย่างสนุก และเขาต้องหลุดยิ้มเกือบทุกครั้งที่เห็นว่าอ้นตอบสนองเขาได้ดีเหลือเกิน
   อ้นยอมเดินตากแดดร้อนๆ มายังเต็นท์ขายอาหารในตลาดนัดเป็นเพื่อนเรย์ ชายหนุ่มก้าวฉับๆ อย่างมุ่งมั่นไปยังร้านเป้าหมายโดยมีอ้นรีบซอยเท้าสปีดตามช่วงขายาวๆ ของเรย์ แต่เพราะเขากลุ้มใจเรื่องของป้องจึงลืมวีน แต่ในที่สุดทั้งสองก็ไปถึงร้านเจลาโต้เปิดใหม่จนได้ เรย์สั่งเจลาโต้โฮมเมดรสสตรอว์เบอร์รีใส่โคนวาฟเฟิลเคลือบช็อกโกแลตโรยหน้าด้วยเกล็ดน้ำตาลท่าทางน่าทานราวกับขนมหลอกเด็ก หากเป็นปกติอ้นคงไม่พลาดที่จะล้อเลียน ทว่าวันนี้อ้นเฉาเหลือเกิน!
   “เอามั้ย?”
   “หะ? ไม่อะฉันไม่หิว”
   อ้นปฏิเสธเนือยๆ แต่เรย์กลับยื่นซอร์เบทมาจ่อตรงปากราวกับอยากล่อลวงให้ชิม
   “รับสักอันไหมครับคุณพี่ ชิมรสชาติก่อนได้นะครับไม่ซื้อไม่ว่า เจลาโต้โฮมเมดสไตล์อิตาลีราคาคนไทย มีหลายรสให้เลือกนะครับ ทั้งนมสด สตรอว์เบอร์รีซอร์เบท ช็อกโกแลต วนิลา วนิลาของเราๆ ใช้ฝักวนิลาแท้นะครับ อุดหนุนกันหน่อยนะคร้าบ ของถูกแสนอร่อย เจลาโต้โฮมเมดราคาเบาๆ”
   เมื่อเห็นพ่อค้าพยายามโฆษณาชวนเชื่อและมีโคนซอร์เบทจ่อปากอยู่อ้นจึงเผลอตวัดลิ้นเลียซอร์เบทรสสตรอว์เบอร์รีของเรย์ รสชาติเปรี้ยวนำกระตุกประสาทรับรสอ้นจนลืมเรื่องที่กังวล
   “แหม เปรี้ยวจัง”
   อ้นพูดพลางล้วงหน้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดปาก เขามัวแต่เครียดเลยเผลอชิมโดยไม่คิดอะไร อ้นไม่ทันเตรียมใจรับรู้ว่ารสชาติของซอร์เบทจะเปรี้ยวจนขึ้นสมองเช่นนี้ หน้าตาของอ้นเหยเกจนเรย์แอบอมยิ้ม เขายืนทานซอร์เบทในมืออย่างมีความสุขโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย
   “ต้องเปรี้ยวสิครับคุณพี่ สตรอว์เบอร์รีซอร์เบทของเราใช้สตรอว์เบอร์รีสดนะครับ ใส่น้ำตาลน้อย ไขมันศูนย์เปอร์เซ็นต์ครับ แต่ถ้าคุณพี่ไม่ชอบลองชิมรสอื่นมั้ยครับ? นี่ อันนี้วนิลาครับ หวาน หอม อร่อย ตัวนี้ขายดีมากๆ เลยนะครับ หรือคุณพี่จะรับเป็นรสนมสดดี? ตัวนี้ก็เข้มข้นถึงนมได้ใจครับ”
   อ้นต้องยิ้มให้พ่อค้าพลางรับช้อนตักเจลาโต้อันเล็กมาชิมเพราะความภูมิใจนำเสนอ แม้จะไม่ได้ปลื้มมากเท่าไหร่แต่ลงท้ายอ้นก็จำใจสั่งเจลาโต้รสช็อกโกแลตมาหนึ่งโคน
   “ของคุณพี่สี่สิบเก้าบาทครับ ส่วนของพี่ผู้ชายหกสิบเก้า”
   พ่อค้ากล่าวขณะที่ส่งโคนเจลาโต้ให้อ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
   “เราเลี้ยงเอง”
   เรย์พูดสั้นๆ แล้วยื่นแบงค์ร้อยสองใบไปให้พ่อค้า
   ขากลับนี้ต่างคนต่างเดินแทะไอศกรีมในโคนของตนกลับออฟฟิศ เพราะได้ของโปรดมาไว้ในมือแล้วเรย์จึงไม่เร่งรีบมากนัก เขาเดินช้าลงอย่างเห็นได้ชัดเพื่อละเลียดของอร่อยในมือ
   สองข้างทางในตลาดนัดมีข้าวของขายมากมาย แต่อ้นกลับไม่สนใจแวะซุ้มไหนเลย
   “ไม่ช็อปเหรอ?”
   “ไม่มีเงินย่ะ ดูแล้วเกิดกิเลศฉันไม่อยากดู”
   “เงินเดือนไม่พอใช้เหรอ?”
   “อีบ้า! เรื่องพรรณนี้ใครเค้าให้ถามกัน!”
   ในที่สุดอ้นก็หันมาแว้ดใส่เรย์จนได้
   “ทีหลังจะชมจะกัดจะพูดว่าเก็บเงินเก่งหรือประหยัดอะไรก็ว่าไปแต่ขอร้องอย่าพูดให้แสลงใจได้มั้ย หยาบคายมากเรยนะแกรประโยคเมื่อกี้เนี่ย สนิทกันแค่ไหนเค้าก็ไม่ถามเรื่องเงินเดือนย่ะมันเป็นมารยาท! ถ้าไม่สนิทนะฉันตบปากแกไปแระ!”
   “ก็เห็นนายไม่ค่อยใช้...”
   “แหมจะว่าฉันงกล่ะสิ! เงินเดือนฉันพอใช้ย่ะ แต่คนเรามันก็ต้องมีความฝันที่ต้องใช้เงินกันบ้าง ฉันก็เลยต้องประหยัดอดออม”
   “อาฮะ”
   เรย์ตอบรับพลางหมุนโคนเจลาโต้ในมือขึ้นเล็งมุมกัดก่อนจะถามต่อเมื่อภายในปากเคี้ยวโคนวาฟเฟิลละเอียดแล้ว
   “แล้วนายเก็บเงินไว้ทำอะไรเหรอ?”
   อ้นเหลือบมองเรย์ก่อนจะตอบเสียงเบา
   “ฉันเก็บเงินเอาไว้ผ่าตัดน่ะ แล้วก็อยากจะเก็บเงินอีกซักก้อนไว้ลงทุนทำธุรกิจด้วย เผื่อตกงาน”
   แต่เรย์ไม่เข้าใจปัญหาเรื่องเพศสภาพของอ้น เขารับรู้ได้แค่เพียงความกังวลในน้ำเสียงเท่านั้น
   “ทำไม? งานไปไม่สวยเหรอ? บริษัทนายก็ดูมั่นคงดีออก”
   เด็กฝากเส้นก๋วยจั๊บอย่างเรย์ไม่คิดมากเรื่องงาน อันที่จริงเขาแค่พยายามทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้มีข้อครหาไปกระทบถึงป๋าดันที่เป็นถึงลูกเจ้าของบริษัทและเป็นเพื่อนรักกับพี่ชายคนโตของเขา แต่ต่อให้บริษัทไปไม่รอดหรือมีสถานการณ์ฉุกเฉินต้องปรับลดจำนวนพนักงานหรืออั้นการขึ้นเงินเดือน เรย์ก็ยังอยู่ได้ด้วยรายรับจากงานอดิเรกที่ตนมุ่งมั่นอย่างจริงจัง
   แต่เขาพอเข้าใจปัญหาของมนุษย์เงินเดือน เพราะเพื่อนคนหนึ่งของเขาก็กำลังเผชิญกับวิบากกรรมนี้ นอกจากหินจะได้เงินเดือนสตาร์ทน้อยแสนน้อยแล้วยังต้องเจียดรายรับส่วนหนึ่งไปจ่ายหนี้กู้ยืมเรียนอีกต่างหาก และนั่นทำให้เขาและเพื่อนๆ ต้องเผชิญกับความคลาสสิกของสถานการณ์ “พอทำงานแล้วก็ยุ่งจนไม่ได้สังสรรค์กันบ่อยเท่าตอนเรียน”
   “มันก็ดี... แต่แกไม่เข้าใจหรอก คือ! ... เอางี้ ในบรรดาพวกมนุษย์ออฟฟิศที่เดินๆ อยู่เนี่ย แกเห็นกะเทยกี่คน?”
   เรย์มองไปมองมาแล้วทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปตอบอ้น
   “มันก็มีนะ”
   “แต่ก็น้อยใช่มั้ยล่ะ! กลับกันถ้าเป็นแค่ ‘สาว’ ละก็ เดินชนกันจนแทบหาผู้ชายแท้ๆ ไม่เจอ!”
   อ้นระบายลมหายใจอย่างอัดอั้นตันใจออกมาอีกครั้งก่อนจะบ่นให้เรย์ฟัง
   “ฉันกลัวว่าถ้าฉันแปลงเพศแล้วจะไม่มีที่ไหนรับฉันเข้าทำงานอีก บางทีนะสาวแค่ไหนเค้าก็ไม่ว่าแกหรอก แกจะคะขาแค่ไหนเค้าก็ไม่ว่า แต่พอแกเป็นกะเทย แต่งหญิง มีนมปุ๊บ! เค้าไม่เอาแกทำงาน มันแฟร์มั้ยล่ะ?”
   อ้นหันไปมองเรย์เหมือนพยายามทวงถามความยุติธรรมให้เพศที่สาม เขากล้ำกลืนความเจ็บช้ำลงคอก่อนจะตวัดลิ้นเลียเจลาโต้ในมือแล้วบ่นต่อ
   “ฉันถึงได้ต้องทนแต่งบอยแบบนี้ไง ไม่กล้าทำอะไรกับร่างกายมากด้วย แต่ความจริงแล้วฉันอยากใส่เดรสแบบนั้นมาทำงานมากเลยนะ ฉันอยากเป็นสาวออฟฟิศอะแก แต่ก็นั่นแหละกะเทยทำได้แค่ขายเครื่องสำอาง!”
   สีหน้าของอ้นช่างดูอ่อนหวานเมื่อเขาตกอยู่ในอารมณ์แห่งการใฝ่ฝัน ดวงตาก็ทอประกายฝันหวานราวกับสาวน้อยเมื่อมองไปยังแผงขายเสื้อผ้า แต่แล้วความฝันของอ้นก็ดับสลายไปเมื่อประโยคหลังหลุดจากปาก มันคือความจริงที่อ้นต้องทำใจยอมรับ!
   “แกดูสิ เสื้อผ้าผู้หญิงน่ารักจะตาย มีตั้งหลายแบบ แกจะใส่กางเกงหรือกระโปรงก็ได้ ต่อให้แกใส่กางเกงแกจะแต่งลุคสาวเท่หรือจะเรียบหรูเริ่ดเชิดก็มีให้เลือกตั้งเยอะ แล้วผู้ชายมีอะไร สแล็คกับเชิ้ตทั้งปีทั้งชาติ!”
   เรย์มองไปยังชุดที่แขวนอยู่แล้วหันมาพูดกับอ้น
   “อืม ถ้านายใส่แบบนั้นคงสวยดี แต่เราชอบตัวสีครีมข้างๆ มากกว่า”
   อ้นมองไปยัง “ตัวสีครีม” ที่เรย์ว่าแล้วเบะปากใส่
   “อี๋! เด็กอะ! สาวออฟฟิศนะยะไม่ใช่เด็กสิบหก”
   “เราว่าตัวนั้นนั่นแหละแก่ ลูกไม้แบบนั้นดูแก่ออก”
   “เค้าเรียกว่าเรียบหรูลุคคุณหนูย่ะอีบ้า!”
   อ้นเผลอจิกสายตามองเรย์อย่างเหนือกว่าแล้วแอบวิพากษ์วิจารณ์อีกฝ่ายในใจ
   อู๊ย ถ้าฟาดปากสีแดงๆ แต่งตาซอฟท์ๆ ติดขนตาสะพรึงๆ นะ ปังจะตาย ไฮโซเลยแหละ อีนี่ไม่มีรสนิยมจริงๆ เรื่องเทสนี่มันสอนกันไม่ได้สินะ โฮะๆ
   เรย์มองสีหน้าของอ้นแล้วหัวเราะก่อนจะลากเขาไปยังแผงขายเสื้อผ้า อ้นจึงรีบปฏิเสธเรย์เสียงหลง
   “อ๊ะไม่เอาฉันไม่ซื้อนะแก เบี้ยประกันรถขึ้นอะไม่มีเงิน”
   “เราซื้อให้ นายใส่ชุดผู้หญิงแล้วสวยดีออก”
   แม้จะแอบปลื้ม “ของฟรี” แต่อ้นก็ยังแย้ง เขาฝืนแรงดึงจากมือของเรย์ที่พยายามจูงไปยังหน้าร้านแล้วกล่าวเสียงเบาด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน
   “ไม่เอาๆ แกจะให้ฉันใส่ไปไหน ละอีกอย่าง... วันนี้ฉันไม่ได้แต่งหญิงอะ ให้ไปยืนเลือกเสื้อผ้าผู้หญิง มันน่าอายออก”
   เหมือนเรย์พึ่งเข้าใจ ใบหน้าของเขาปรากฏแววฉลาดในขณะที่ร้องออกมา
   “ออ...”
   “ไปเหอะแก ฉันมีไอติมช็อกโกแลตนี่แล้ว ไม่เหลือมือถือถุงช็อปแระแก”
   อ้นยกโคนเจลาโต้ในมือขึ้นบอกเรย์ หนุ่มแว่นยิ้มแล้วเปลี่ยนทิศจากแผงขายเสื้อผ้ามุ่งหน้ากลับออฟฟิศแทน แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยมืออ้น!
   “อีแว่น... ปล่อย!”
   มือขวาของอ้นมีโคนเจลาโต้ที่ยังทานไม่หมด ส่วนมือซ้ายของเขาถูกเรย์กำข้อมือไว้หลวมๆ พร้อมลากเขาไปดูโน่นดูนี่ตามใจชอบ และในมือซ้ายของเรย์ก็ยังเหลือโคนซอร์เบทอีกครึ่งหนึ่งที่เจ้าตัวเดินแทะอย่างเอร็ดอร่อย
   “แกร... ฉันก็อายคนเป็นนะ แกเป็นเด็กอนุบาลหรอเดินจูงมือกันกินไอติม”
   “อาฮะ”
   เรย์ตอบรับแต่ไม่ยอมปล่อย อ้นเขินแทบแทรกแผ่นดินหนี ใช่ว่าเขาไม่เคยเดินจับมือถือแขนกับใคร อ้นเคยเดินกอดแขนป้องจนถึงขั้นเกือบนัวเนีย เขาแสดงออกว่าภูมิใจเย้ยสายตาคนรอบข้างที่มองมาเสียด้วยซ้ำ! แต่ทุกอย่างมันคนละอารมณ์กันเมื่อคนข้างๆ กลายเป็นเรย์ หนุ่มแว่นที่เดินทานไอศกรีมเหมือนเด็กแถมยังจับมือกับเขาแบบกลัวหลง!
   ฮือๆ บอกเลยว่าอายมาก ทำไมตุ๊ดสวยๆ อย่างฉันต้องมาเดินจูงมือกับอีแว่นนี่ด้วย!
   แม้เรย์จะดูดีแต่อ้นไม่ภูมิใจที่ต้องเดินควงเรย์เลยสักนิด! อันที่จริงเรย์เองก็หน้าตาดีไม่น้อย ผิวของเรย์ค่อนข้างขาว แม้จะเห็นชัดเจนถึงเชื้อสายจีนที่ปรากฏหลักฐานบนใบหน้าทว่าเรย์ก็จัดว่าเป็นตี๋หล่อแถมยังตาไม่ตี่ รูปร่างก็เข้าทีด้วยส่วนสูงที่อ้นคะเนจากสายตาแล้วไม่น่าต่ำกว่าร้อยแปดสิบ แม้จะดูเพรียวไร้กล้ามแต่ก็อกผายไหล่กว้างไม่ผอมแห้ง เสื้อผ้าบนตัวก็ล้วนแล้วแต่เป็นของมียี่ห้อขึ้นห้างไม่ใช่ชุดทำงานจากประตูน้ำร้อยเก้าๆ ทว่าข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเรย์ก็คือความเป็น “เรย์” นี่แหละที่ทำให้ออร่าความหล่อหายหมด!
   กว่าจะสลัดสะบัดมือของเรย์หลุดได้ก็เกือบถึงหน้าตึก! แน่นอนว่าเมื่อกลับขึ้นไปถึงออฟฟิศมีหรือจะไม่โดนเม้า หงส์ไม่พลาดที่จะเอ่ยแซว
   “อ้น เที่ยงนี้ฉันก็กินน้ำลูกครึ่งมาแล้วนะทำไมไม่ยักจะสดชื่นเลยละ? สงสัยต้องลองกินเจลาโต้บ้างแล้วล่ะจะได้สดชื่นบ้าง ว่าไง? ชื่นใจมั้ย?”
   แม้จะรู้ว่าหงส์จงใจล้อเลียนตามอย่างโฆษณา แต่คำว่า “ลูกครึ่ง” ก็ทำให้อ้นสะดุ้งจนร้อนตัว
   “บะบ้า! น้ำลูกครึ่งอะไรของแก”
   “ว่าไง? ตกลงถึงขั้นไหนแล้ว? แรงนะยะ เดินจูงมือกันทานไอติมมุ้งมิ้ง แหม! หมั่นไส้อะ อยากได้แบบนี้บ้าง”
   “ไม่ได้จูงไม่ได้จับอะไรเรยแกร มันก็แค่... แค่เอาแต่ใจลากฉันไปโน่นมานี่อะ”
   “ว้ายๆ แล้วทำไมต้องหน้าแดงคะคุณเพื่อน? ระวังเถอะจะเจอลากไปขึ้นเตียง”
   “อ๊าย! อีหงส์อะ บร้า!”
   สองสาวในแผนกกรี๊ดกร๊าดหัวเราะกันคิกคัก แต่เมื่อถูกสายตาของเพื่อนร่วมงานคนอื่นมองทั้งหงส์และอ้นต่างก็เบาเสียงแล้วแอบจิกกัดกันต่อเล็กน้อย อ้นหน้าแดงระเรื่อยิ้มแย้มพูดคุยกับหงส์ด้วยสีหน้ามีความสุข หงส์ทั้งขำปนหมั่นไส้นึกอิจฉาเพื่อนสาวนิดๆ พลางเอาใจช่วยลุ้นให้อ้นได้สมหวัง แต่ในขณะเดียวกันคนที่หมั่นไส้และไม่อยากเห็นอ้นได้ดีมีความสุขก็มี คนบางคนมองมาทางอ้นพลางกลอกตาอย่างรำคาญและสาเหตุนั้นก็มาจากความริษยาล้วนๆ

   บ่ายนี้อ้นมุ่งหน้าเข้าห้องครัวตั้งใจจะไปชงโกโก้ดื่ม แต่แล้วเขาก็พบโจมในนั้น อ้นยิ้มทักทายโจมตามปกติ แต่เมื่อชงโกโก้เสร็จกำลังจะกลับโต๊ะโจมที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ในครัวกลับเรียกไว้
   “อ้น... พี่ขอถามอะไรอย่างสิ”
   “คะ? มีอะไรเหรอคะพี่โจม?”
   อ้นเอียงคอแอ๊บเสียงสองทำหน้าแป้นแล้น แต่คาดไม่ถึงว่าวินาทีถัดมาเขาจะยิ้มค้าง
   “ตอนนี้อ้นยังโสดอยู่รึเปล่า?”
   เมื่อเห็นสีหน้าของอ้นเจื่อนลงโจมจึงรีบกลบเกลื่อน
   “ได้ข่าวว่าช่วงนี้เราอินเลิฟนะ ฮ่าๆ”
   “ฮะๆ พี่โจมก็ อินล๊งอินเลิฟอะไรไม่มีหรอกค่ะ คนเขาก็เม้าไปเรื่อย หนูกับหมอนั่นเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ โอ๊ย! เหมือนเด็กอะค่ะพี่ หนูอย่างกะเป็นพี่เลี้ยงจำเป็น ไม่มีหรอกค่ะโรมงโรแม๊นซ์”
   อ้นหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะหาทางแก้ข่าวด้วยการพูดถึงเรย์แบบเวอร์เกินจริงให้โจมฟัง แต่ในใจนั้นเขากลับเจ็บจี๊ดเมื่อนึกไปถึงใครอีกคน ... คนที่ทำให้เขาโสด
   “เหรอ งั้นเราก็ยังโสดอยู่สินะ?”
   “แหม โสดสิคะพี่ สวยและโสดคร่า”
   แม้จะเจ็บแต่อ้นก็ยิ้ม เขาพรีเซนต์ความเป็นตุ๊ดของตัวเองอย่างร่าเริงกลบเกลื่อนปัญหาในใจ โจมมองแล้วก้มลงจิบกาแฟอมยิ้มขบขัน อ้นจึงขอตัวกลับไปทำงาน
   “งั้นหนูไปก่อนนะค้า หายมานานแล้วเดี๋ยวหัวหน้าดุ”
   อ้นว่าแล้วหันหลังเดินออกจากห้องครัวในออฟฟิศ
   “เดี๋ยว พี่ลืมบอกอะไรเราไปอีกอย่าง”
   “ค้า?”
   เมื่อถูกโจมเรียกอีกครั้งอ้นจึงหยุดเดินแล้วเอี้ยวตัวหันกลับมามองโจมพลางเอียงคอด้วยความสงสัย
   “พี่ลืมบอกเราว่าขอจีบนะ”
   โจมพูดเนียนๆ แล้วกลบเกลื่อนความเขินด้วยการทำเป็นจิบกาแฟ อ้นจึงรีบหมุนตัวกลับหลังหันแล้วเดินหนีมาด้วยความเขิน!
   ขุ่นพระ! มีผู้ชายมาจีบหนูด้วยค่ะ!



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


#เฉลยละนะว่าใครจีบนาง #ที่บอกมีจับมือระหว่างอ้นกับเรย์ก็ไม่ได้โกหกนะ  ที่บอกให้รอฟินหมายถึงเค้าแค่มุ้งมิ้งกัน  ไม่ได้บอกซักคำว่าเรย์จะจีบอ้น ฮ่าๆ  :hao7:
นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคราวนี้ถึงตอบเม้นก่อน อิๆ เพราะจะได้ลงนิยายแล้วหลบเลย เดี๋ยวคนอ่านปาทิชชู่ใส่ ฮ่าๆ

ทิ้งท้ายไว้แบบ! ....  :a5:
พี่โจมออกตัวแรงเน๊าะ!  :-[
พี่มานิ่มๆ แต่กวาดเสียงกรี๊ดเรียบในตอนท้าย! เรย์จืดจางไปเลย ฮ่าๆ :hao7:

ฉากกินไอติมมุ้งมิ้งมั้ยคะ? พยายามแต่งออกมาได้แค่นี้แหละ คนแต่งคนนี้เขียนอะไรมุ้งมิ้งไม่เก่ง ขอโทษค้าบ :hao5:
เรย์มันก็พยายามดีเนาะ แต่ยังไง๊ยังไงมันก็ยังดูแหม่งๆ อยู่ใช่มั้ยคะทุกคน! ฮ่าๆ มันต้องเป็นเช่นนั้นค่ะ อิๆ เพื่อความแซ่บในอนาคต!
คือนางก็พยายามนะ แต่ Friend zone มาก มันมีเส้นบางๆ ระหว่างเทคแคร์ดูแลและแสดงออกให้เค้ารู้ว่า"จีบ" สุดท้ายพี่โจมถามไม่กี่ประโยค ทำเอาอ้นใจสั่น! เรย์มันโดนพี่โจมแซงโค้งสุดท้ายไปละ ฮ่าๆ



ว่าแต่รู้กันแล้วน้า พระเอกชอบสตรอว์เบอรี่ นางเอกชอบช็อกโกแลต แต่คนแต่งเกลียดสตรอว์เบอรี่มาก มันเปรี้ยว! ใช้รูปร่างสีสันสดใสดึงดูดตาหลอกล่อคนให้อยากกินเพราะกลิ่นหอมๆ แต่รสชาติจริงๆไม่อร่อยเลย! เปรี้ยว! *ไม่เกี่ยวกับ ดวก. นะ เราไม่ได้ขายเสื้อผ้าไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดใดทั้งสิ้น
แค่คิดว่าถ้าเรย์ชอบกินนมรสสตรอวเบอรี่คงน่ารักดี และผู้หญิงมักจะชอบกินช็อกโกแลต อ้นจะได้เข้าครัวไปชงโกโก้ฟรีบ่อยๆ เพราะเติ้ลชอบกินกาแฟร้านหรูๆ ป้องเหรอ? โอเลี้ยง&กาแฟเซ่เว่นเท่านั้น!


จริงๆ ตอนนี้เป็นตอนสั้นๆ แต่มีประเด็นดราม่าอยู่นะ เกี่ยวกับเรื่องกะเทย

อ้นพูดถึงปัญหาเรื่องงานเนาะ เราอ่านพันทิปละเห็นคนบ่นเยอะมากเลยเกี่ยวกับการเป็นกะเทยแล้วถูกปฏิเสธงาน เช่น มู้นี้
ส่วนใหญ่ก็จะเห็นแนวทางว่า "แต่งบอยแล้วค่อยสาวแตก" แล้วก็จะมีกระทู้พวก เบื่อตุ๊ดทำตัวสาวแตกทำให้ภาพลักษณ์เกย์ดูแย่ไปด้วย #อีรุงตุงนัง
กะเทยทำได้แค่นางโชว์กับขายเครื่องสำอาง? กะเทยถ้าไม่สวยจริงหมดสิทธิ์มีผัวเอาให้ชัวร์ต้องคว้าผัวฝรั่ง! #ค่านิยม?
แต่ก็อย่างว่า ชอบฝรั่งกันนักใช่มั้ย บอกว่าผู้ชายไทยไม่เปิดใจรับกะเทยกันดีนัก เสกลูกครึ่งให้เลยเป็นไง ฮ่าๆ แต่ดั๊น! เป็นครึ่งสิงคโปร์! ฮ่าๆ

วันก่อนเห็นมีดราม่า "ผู้หญิงไม่มีมดลูกก็ไร้ค่า" อะไรสักอย่าง
จากที่อ่านผ่านๆ เล่าย่อๆ ได้ความว่ามีกะเทยคนนึงสวยมากมั้ง เลยมีน้องผู้หญิงคนนึงพิมพ์ชมว่า "สวยจนอยากจะยกมดลูกให้" แล้วประมาณเหมือนเจ้าตัวไม่ค่อยพอใจ ภูมิใจว่าเป็นกะเทยไม่มีมดลูกก็ดีอยู่แล้ว บอกให้เก็บมดลูกไว้เองเถอะ ประมาณนั้น (ถ้าจำไม่ผิดนะ) แล้วก็มีดราม่า แล้วก็มีกะเทยอีกคน พูดว่า "ผู้หญิงไม่มีมดลูกก็ไร้ค่า" นั่นแหละ ดราม่าประมาณนั้น

มีใครงงเหมือนเรามั้ย? เราไม่ขอเจาะจงถึงบุคคลในดราม่าที่เกิดขึ้นนะ เพียงแต่เราเกิดความสงสัยหลังจากอ่านดราม่านี้ "ตกลงกะเทยต้องการอะไรจากสังคม?"
เกียรติ? จริงๆ เกียรติไม่ได้มาจากเพศนะ แต่มันมาจากการประพฤติตัวให้ดีมีเกียรติ พูดง่ายๆ วางตัวดี
สิทธิและเสรีภาพ? ไปเลือกตั้งได้ ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร แต่จะให้ถึงขั้นบวชเข้าวัดก็ไม่ค่อยเหมาะนะ แต่ในเรื่องของกฏหมายบางอย่าง มันก็พูดยากนะ
เราสนับสนุนกฏหมายคู่ชีวิต เพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนได้ แต่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเปลี่ยนคำนำหน้าลบอดีตจาก"นาย"เป็น"นางสาว" ยอมรับเถอะว่าบางคนยังรังเกียจกระทั่งตัวตนของตัวเอง อย่าอ้างว่ากลัวผู้ชายรังเกียจรับไม่ได้ เพราะกระทั่งคุณยังไม่ยอมรับตัวเองเลย ผู้ชายรับไม่ได้ต้องเลิกกันก็เลิกดิ ผู้ชายกับผู้หญิงต่อให้แต่งงานจดทะเบียนถ้ามันไปกันไม่รอดก็ต้องเลิกจบที่การหย่าเหมือนกัน แต่คุณเลือกจะโกหกปกปิดเค้าหลอกเค้าว่าเป็นผู้หญิงเพื่อให้ได้ความรักและการแต่งงานจากเค้างั้นเหรอ? ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงโง่ๆที่หลอกว่าท้องเพื่อให้ผู้ชายแต่งงานด้วยเลย ขี้ขลาดและอ่อนแอพอกัน และกะเทยแบบนี้ก็มีเยอะซะด้วย!
การยอมรับ คุณจะหวังให้คนยอรับตัวเองได้ยังไงในเมื่อตัวคุณเองยังไม่ยอมรับตัวเองเลย ถ้าคุณมีความสุขกับการ"เกิดมาเป็นผู้ชายแต่ใจเป็นหญิง" สามารถแปลงเพศแล้วอยู่ในสังคมโดยไม่รู้สึกน้อยใจชะตาชีวิตเมื่อไหร่นั่นแหละคือการยอมรับตัวเองอย่างเข้มแข็งว่าคุณเลือกเกิดไม่ได้ แต่คุณเลือกปฏิบัติตัวปรับเปลี่ยนทัศนคติได้ แล้วคุณจะเป็นกะเทยที่มีความสุข ถึงตอนนั้นต่อให้คนรอบข้างไม่ยอมรับคุณ แต่เขาก็จะทำอะไรคุณไม่ได้เพราะจิตใจคุณเข้มแข็ง และเราเชื่อว่าโลกไม่ได้หันหลังให้คุณ มันต้องมีสักคนที่ยอมรับคุณได้แน่นอน สังคมไทยไม่ได้โหดร้ายกับเพศที่สามมากขนาดนั้นหรอกนะ

แต่อย่างที่บอกไป คืออ่านดราม่านั้นละงงมาก ตกลงกะเทยนี่คิดว่าตัวเองเป็นเพศอะไรกันแน่?
แลดูมีความรังเกียจมดลูก อคติกับชะนี เราก็เกิดคำถามนะ อ้าวงี้คุณก็แค่ "อยากสวย" แต่ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงนี่?
ตกลงอัตลักษณ์ของคุณคืออะไรกันแน่? "นม" และ "ช่องคลอด" คือสัญลักษณ์ของเพศหญิงนะ เป็นเพศชายก็ควรจะมี "องคชาติ" และ "อัณฑะ" แล้วการที่คุณแต่งหน้าทาปากอัพนมแต่ปฏิเสธมดลูกคือ?
มันโอเคนะถ้าคุณทำใจยอมรับได้ว่าตัวเองเปลี่ยนคุณสมบัติทางร่างกายให้ทำสำเนาเพศหญิงไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณทำได้แค่เลียนแบบแต่คุณก็พอใจกับการเป็นผู้หญิงเท่าที่คุณเป็นได้ แต่มันไม่โอเคถ้าคุณเลียนแบบภายนอกของเพศหญิงโดยแอนตี้สิ่งที่เป็นคุณสมบัติทางการสืบพันธุ์ของเพศหญิงจนถึงขั้นเบะปากใส่
ตกลงคุณเห็น"เพศหญิง"เป็นอะไร? คุณอยากเป็นอะไรกันแน่? เราว่าคำถามนี้เพศที่สามบางคนต้องตอบตัวเอง แต่คำถามเดียวกันเกย์อาจจะตอบได้ง่ายกว่า อาจจะตอบตัวเองได้ว่าชอบผู้ชาย รสนิยมสาวบ้าง แต่ก็อยากเป็นผู้ชาย ยังอยากมีไข่กับเค จบ!

อ้าว! แล้วกะเทยบางคนที่เรียกร้อง "ฉันก็เป็นผู้หญิง" ล่ะ? เช่น ดราม่า Yves Rocher ไม่ต้อนรับกะเทย (เค้าแปะป้ายว่าบริการแต่ผู้หญิง)
นั่นสิ ตกลงประชากรกะเทย (มีหน้าอกและตัดอวัยะสืบพันธุ์เพศชายออก) ต้องการอะไรกันแน่? และประชากรที่บางวันแต่งหญิง บางวันแต่งบอยล่ะ?
ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งเรียกร้องสิทธิ์อย่างเท่าเทียมโดยกล่าวอ้างว่าจิตใจปรากฏเป็นเพศเดียวกัน มีการปรับปรุงสภาพร่างกายให้คุณสมบัติใกล้เคียงที่สุดแล้ว พยายามอยากจะเป็นผู้หญิงให้เป๊ะราวกับเกิดมาเป็นเช่นนั้น แต่อีกกลุ่มนึง คุณสมบัติภายนอกก็เลียนแบบมาคล้ายทุกอย่างแต่กลับไม่ได้ยอมรับเนื้อแท้ของ"เพศหญิง"เลย ออกแนวรังเกียจ แอนตี้ รู้สึกในเชิงลบด้วยซ้ำ!
นั่นสิ? ทำไมกะเทยบางคนรังเกียจเดียจฉันท์ชะนีแอนตี้ผู้หญิงแท้มากมายเหลือเกิน? ขณะที่บางคนก็หาว่าเค้าเหยียดหยามพยายามเรียกร้องสิทธิ์จะเป็นเช่นผู้หญิงโดยกำเนิดให้ได้
ตกลงกะเทยต้องการอะไร? แค่อยากสวยหรืออยากเป็นผู้หญิง?

ซึ่งเราก็ได้จับน้องอ้น "นายอโณทัย" มาเป็นตัวหลักในภาคนี้ (ภาคที่แล้วคือประเด็น"เกย์"ของเติ้ล ฮ่าๆ)
เราพยายามทำการบ้านพอสมควร เพื่อที่จะเขียนอ้นออกมาให้น่ารักกลมกล่อมที่สุด หวังว่าคนอ่านคงจะรักอ้นนะคะ อาจจะหนักหรือเบาไปบ้างก็ต้องขออภัยไว้ ณ. ที่นี้ด้วย เพราะคนแต่งเป็นเพศหญิงอาจจะถ่ายทอดออกมาได้ไม่ลึกซึ้งพอ และที่สำคัญ เป็นนักเขียนมือใหม่ พึ่งเขียนได้ไม่กี่เรื่อง เขียนนิยายไม่ค่อยเก่งด้วย ดังนั้นเรื่องการวางพล็อตการปั้นคาแรคเตอร์ การกระทำ เหตุการณ์ ความสมเหตุสมผล อาจจะมีบางอย่างขัดใจท่านก็เป็นได้ แต่ยังไงก็อยากให้รักนิยายเรื่องนี้นะคะ ฝากผลงานเราด้วย
(สไตล์เค้า ยังไงก็ชอบเล่นดราม่าหนักๆ นั่นแหละ ฮ่าๆ แต่เรื่องนี้ถึงปมจะหนักแต่เนื้อเรื่องเบานะ พยายามลดดีกรีความปวดตับลงแย้ว! :o8:)

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่า  :pig4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2016 05:17:29 โดย AI.NoR »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด