“เย็นจังเลย” ผ้าขนหนูขนาดกลางสีขาวถูกนำมาเช็ดผมหลังจากอาบน้ำ เสร็จตอนนี้ผมเลยยังอยู่ในชุดคลุมอยู่เลย ร่างเล็กนั่งลงบนโซฟาหรูเป็นจังหวะเดียวกันที่โทรศัพท์สั่นบ่งว่ามีคนสักคนโทรเข้ามา ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้าก่อนจะหยิบขึ้นมากดรับ
“ฮัลโหล” ผมรับสายอย่างอารมณ์ดี ทว่าเหมือนปลายสายจะไม่อารมณ์ดีด้วย
(อีธาม คราวนี้กูโกรธมึงจริงๆละ) น้ำเสียงวีนๆทำให้ผมขมวดคิ้ว
“อะไร” ผมบอกงงๆ ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปตรงกำแพงใสเพื่อมองทัสนียภาพด้านนอก
(โอ้ยอีดอก โปรเจ็กไงสัส! อีเลวหนีกลับบ้านก่อนได้ไงวะ!!)
“ชิบหาย!!!!!!!!!!!!!!!” ผมตะโกนเสียงดัง ซวยล่ะกูลืมเรื่องโปรเจ็กไปซะสนิท “เฮ้ย!! เป็นไงบ้างวะ”
(ราบรื่นดี)
“ราบรื่น ?” ผมทวนคำ งงหนักกว่าเดิม โทรมาบอกผมลืมทำงานโปรเจ็กแต่งานกลับราบรื่นดีนี้มันออกจะขัดแย้งกันอยู่มากโขนะ
(ก็ราบรื่นดี เพราะพระเจ้าประทานเทพบุตรสุดประเสริฐอย่างสิงห์มาทำงานของมึงที่เหลือไงคะ อีดอก!! ถ้าสิงห์ไม่ทำให้นะกูว่ามึงโดนทั้งสองคณะรุมด่าชัวร์ป้าบ!ๆๆ เลยว่ะ)
“มึงว่าไงนะสิงห์ทำอะไรนะ”
ผมเม้มปากแน่น ได้ยินชัดเจนแค่ยังไม่มั่นใจ สิงห์ทำงานที่เหลือให้ผม ? เป็นไปได้เหรอ
(ก็สิงห์…)
ใครสักคนสวมกอดมาจากทางด้านหลัง ผมสัมผัสได้ถึงไอเย็นจากเขาคงจะพึ่งอาบน้ำเสร็จเหมือนกัน ริมฝีปากร้อนไล่ไปตามซอกคอเป็นผลให้ผมต้องเอียงคอไปทิศทางนั้นเล็กน้อย เสียงทุ้มตัดบทก่อนที่ผมจะว่าต่อ
“ตี้วางสาย”
เสือบอกแต่ผมไม่…
“เอาใหม่ได้ไหมกิ้งเมื่อกี้กูไม่ได้ยิน”
(กูบอกว่าสิงห์ช่วยทำ…)
“เมีย”
“เสือ” ผมแกะอ้อมกอดเขาออก แล้วละตัวออกจากร่างสูง “ให้กูคุยธุระก่อน” ว่าจบก็เดินลิ่วๆออกมาตรงระเบียบริมสระน้ำด้านนอกเพ้นเฮาส์ผมนั่งลงบนที่นอนริมสระแล้วว่าต่อ “เอาใหม่เมื่อกี้กูยุ่งอยู่”
(กูได้ยินเสียงจ๊ะ ออกจากผัวมาแบบนี้จะดีเหรอ)
ผมหันไปมองทันทีที่ได้ยินคำว่าผัว เห็นนัยน์ตาคมกำลังมองมาทางนี้แล้วถอนหายใจ
“เอาเรื่องนี้ก่อนก็แล้วกัน”
(ก็อย่างที่พูดสิงห์ทำงานของมึงแทนมึง แล้วกูถามจริงๆเหอะ สรุปวันนั้นมึงไปไหน ปกติแล้วมึงไม่ใช่คนอู้งานนะธาม)
“พูดอย่างนี้แสดงว่ายังไม่เห็นคลิป”
(คลิป ? คลิปอะไร)
ผมเดินออกจากที่นอนแล้วไปนั่งตรงริมสระเอาขาแกว่งน้ำเล่นแทน
“ก็…”
ก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟัง…
“เลว!!”
“…” ใช่ไหม
“เลวมาก!! ไอ้เชี่ย”
“เออ”
“แต่ก็ยังหล่ออยู่ดีว่ะ”
ผมแทบจะสะดุดล้มกะทันหันหลังจากที่กิ้งมันพูดจบ
“เฮ้อ กูเสียดายหล่อชิบหายทำไมเป็นคนแบบนี้วะ”
“มึงไปถามเขาสิ”
“มึงจะให้กูไปให้เขาถีบส่งกลับน่ะสิไม่ว่า” ผมยักไหล่ “ดีนะที่พี่เสือของมึงสั่งลบคลิปได้ทัน”
สาเหตุที่กิ้งกับคนอื่นๆไม่เห็นคลิปก็เพราะแบบนี้แหละคำ ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่ามันหายไปได้ยังไง เลยลองเนียนๆถามเสือดูปรากฏว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลานั้นใช้อำนาจเงินในทางมืดสั่งลบคลิปไปหมดแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้แต่ก็ถือว่าโชคดีไปเพราะทุกคนในมหา'ลัยเลยยังมองผมแบบปกติอยู่ อ้อ! มีมองแบบแปลกๆอยู่ครั้งหนึ่งตอนเดินลงมาจากรถที่เสือซื้อให้ (วันนี้ผมขับรถมาเรียนเองเพราะเสือไม่มีเรียน)
“แต่ถึงไม่ถ่ายกูก็บอกอยู่ดีอ่ะ”
“จ๋า คุณธามผู้ซื่อสัตย์กับสามี แต่กูอิจอ่ะ พอเกิดเรื่องแบบนี้ควักเงินในบัญชีซื้อรถให้เลย กี่ชาติฉันถึงจะได้คนแบบนี้มาเป็นผัววว— อ๊ะ!!อีดอก”
“เหอะ!” ที่กิ้งหยุดพูดกะทันหันเพราะว่ามีแก็งผู้หญิงหลายคนเดินแทรกผ่านพวกเราไปครับ ผมทำหน้างง มองตากับกิ้งในขณะที่มันกำลังพ่นคำหยาบด่าพวกเธอเป็นไฟแลบ ตอนแรกก็งงเพราะผมว่าผมไม่เคยมีเรื่องกับผู้หญิงกลุ่มนี้ แต่พอเห็นร่างเล็กในชุดนักศึกษาเรียบร้อย แต่คุ้นหน้าชิบหายเลยได้ร้องอ๋อในใจ
…คงจะเป็นแก็งใหม่มันตา
ในแก็งนี้เธอก็ยังไม่ได้เป็นคนหาเรื่องผมตรงๆเหมือนเดิม (ส่วนแก็งเดิมนั้นผมไม่เห็นพวกเธอมาตามราวีอีกแล้วครับ)
มันตาฉลาดมากที่มักให้เพื่อนตัวเองหาเรื่องผมแทนที่เป็นเธอ เพราะถ้าเสือจับได้เธอคงไม่ผิดมากเนื่องจากเธอไม่ได้เป็นคนหาเรื่องผม อย่างเช่นคราวก่อน ที่เพื่อนมันตาทำผมเกือบตาย ผมว่าเธอคงเป็นคนบงการแต่เธอกลับไม่ได้รับผิดเพราะคนทำไม่ใช่เธอ
ผู้หญิงคนนี้มารยาร้อยล้านเกวียนจริงๆ
“โชคร้ายที่วันนั้นมีพวกวิศวะอยู่ด้วย พวกฉันเลยวางยาพี่เสือไม่ได้ผล แต่เหมือนสวรรค์เข้าข้างเพราะเพื่อนในกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในงานด้วยดันเจอช้อตเด็ดตอนที่แกกำลังจูบกับสิงห์น้องชายพี่เสือพอดี ก็อย่างว่าทำเลวมันก็ต้องได้รับผลกรรมโดนการถ่ายคลิปประจานความเลวของมันเอาไว้ พี่เสือจะได้เห็นสักทีว่าเมียแสนรักน่ะร่านแค่ไหน”
คล้ายเป็นคำพูดลอยๆทว่าเหมือนจงใจพูดให้ผมได้ยิน
วางยา ? ถ่ายคลิป ?
ผมคิดไม่ผิดจริงๆว่าคนที่เกี่ยวข้องกับมันตาเป็นคนทำ
“อีดอกทอง” กิ้งสบถเบาๆ
“แต่น่าเสียดายแฮะ ที่พี่เสือสั่งลบคลิปไปก่อนไม่งั้นคงจะมีคนเกลียดแกทั้งมหา’ลัยไปแล้ว”
“…” ผมไม่ตอบ
“แต่ก็เอาเถอะ สักวันพี่เสือก็คงเฉดหัวแกทิ้งอยู่ดีนั้นแหละ”
“ห—” ประโยคนี้แทบทำให้ผมจะหลุดขำออกมาโชคดีที่กลั้นใจไม่ขำเอาไว้ก่อน เฉดหัวทิ้งเหรอ ?
ถ้าตั้งใจจะเฉดหัวทิ้งคงไม่ซื้อรถราคาร้อยกว่าล้านให้หรอกมั้ง
“ไปเหอะพวกเรา” ว่าจบพวกเธอก็เดินขึ้นตึกไปเพราะใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้ว ผมยิ้มกรายมองหน้ากับกิ้ง หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วกดปิดการบันทึกเสียงที่ผมแอบกดเริ่มบันทึกตั้งแต่ตอนที่สบตากับกิ้งครั้งแรกที่โดนแทรกผ่านเข้ามากีดเราสองคนออกจากกัน การโดนหลายๆครั้งมักทำให้เรามีประสบการณ์ในการเอาคืนมากขึ้น
…หนูติดกับดักเสียแล้ว
ตกเย็น
ผมขับรถกลับคอนโดเร็วกว่าปกติเพราะวันนี้เลิกเรียนเร็ว แล้วก็ไม่ได้ไปส่งกิ้งด้วย (ใครมีรถในกลุ่มต้องรับหน้าที่เป็นสารถี) ดูเหมือนว่ามันจะไปกับแก็งทึกและบึกบึนหรือแก็งสาวประเภทของมันนั้นแหละไปซื้อชุดราตรีเพื่อมางานสวมหน้ากากที่จะถึงนี้
งานสวมหน้ากากเป็นงานที่คนใหญ่คนโต ผู้สนับสนุนมหา’ลัยรวมถึงพวกรุ่นพี่ศิษเก่าจะมาสังสรรค์กันครับ เป็นงานที่ใหญ่และสำคัญมาก จัดขึ้นทุกๆปีและแต่ละปีงานก็อลังการกันทั้งนั้น มันเป็นงานเต้นรำด้วยดังนั้นเราต้องหาคู่ไปงาน ไม่จำกัดว่าจะเป็นชายหญิงเพราะให้เสรีทางเพศเต็มที่ มีหลายคู่พบรักกันที่งาน ดังนั้นนักศึกษาหลายคนจึงมักแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อมางานนี้กันสุดๆมีข้อบังคับคือคนมางานต้องสวมหน้ากากแต่ไม่ได้บังคับให้มาครับ ทว่าส่วนมากแล้วจะมากันทุกคน เพราะตอนดึกๆหน่อยจะมีการ ‘ปล่อยผี’ ปล่อยความบ้านั้นแหละ เปิดเพลงมันส์ ซึ่งมันมาก ถ้าไม่ติดว่ามีธุระคนจึงมางานนี้จนห้องโถงเต็มตลอด ซึ่งมันก็ไม่ได้สลักสำคัญกับผมนักหรอกผมไม่ค่อยชอบออกงานสักเท่าไหร่ยกเว้นตอนเด็กๆพ่อกับแม่พาออกงานบ่อย ข้อมูลที่ว่ามาทั้งหมดนั้นก็ฟังมาจากคนที่เคยไปเล่าให้ฟังมาอีกที
ทันที่รถหรูสีเทาเงินหาที่จอดได้ผมก็หอบชีททั้งหลายลงจากรถ (ต้องเอาไปอ่านด้วยเพราะใกล้จะมีควิซ)
ผมขึ้นลิฟต์กดหมายเลขชั้นที่ต้องการใส่รหัสผ่าน (เพ้นเฮาส์ผมไม่มีประตู ลิฟต์เปิดก็เข้าถึงบริเวณเพ้นเฮาท์เลยถึงต้องมีรหัสผ่าน) ยืนรอสักพักประตูลิฟต์ก็เปิดออกเผยความหรูหราด้านใน ผมถือของเข้าไปวางแล้วเบี่ยงตัวเลี้ยวเข้าไปยังส่วนของห้องครัวก่อนเพราะหิวน้ำ ผมดื่มน้ำแต่สายตามองลอดเคาน์เตอร์บาร์เห็นร่างสูงกำลังจิบไวท์อ่านชีทในมืออยู่คาดว่าคงจะอ่านเพราะมีสอบย่อยเหมือนกัน
งั้นยังไม่กวนดีกว่า
ผมคิดแล้ววางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะก่อนรีบเดินไปยังห้องที่ไม่ค่อยจะได้เข้าเท่าไหร่ เป็นห้องทำงานครับ (คิดว่างั้นนะเห็นมีโต๊ะ) แต่ผมเอามันไว้ใช้สำหรับอ่านหนังสือ ใจกลางห้องมีโซฟา ผมไม่รอช้ารีบหยิบชีทจากที่เรียนขึ้นมาแล้วกระโดดไปนอนอ่านบนโซฟาทันที
แต่แล้วทำไม…
ผมถึงมานอนอยู่บนเตียงได้ ?
“อือ” ผมลืมตาขึ้นสัมผัสได้ถึงแอร์เย็นๆที่กระทบกับใบหน้าทว่าส่วนตัวกลับอุ่น ผมหลุบตามองก็พบว่าผ้านวมผืนหนาถูกห่มให้อย่างดี นาฬิกาดิจิดอลที่ติดบนฝ่าผนังบอกเวลาสองทุ่มสี่สิบแปด ความทรงจำล่าสุดของผมคือตัวเองนอนอ่านชีทอยู่แต่สงสัยจะหลับแล้วเสือเป็นคนอุ้มเข้ามานอนในห้องล่ะมั้ง ทว่าตอนนี้ร่างสูงที่ว่ากลับไม่ได้อยู่ในห้อง ผมขมวดคิ้วหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินไปอาบน้ำทำหัวให้โล่ง
ก่อนจะเดินออกมาในสภาพที่มีแค่ชุดคลุมปกปิดร่างกาย สาเหตุที่ผมกับเสือชอบใส่ชุดคลุมหลังอาบน้ำเสร็จ ไม่รีบแต่งตัวสักทีก็เพราะเราเป็นคนขี้ร้อนทั้งคู่เลยครับ แต่ปกติผมก็มักโดนบังคับให้ไปใส่เสื้อผ้าเวลาอาบน้ำเสร็จทันที ผมเป็นขี้ร้อนแต่ไม่รู้ทำไมร่างกายมันไม่ร้อนด้วย ไม่ใส่เสื้อผ้าหลังจากอาบน้ำเสร็จแปปเดียวผมก็เป็นหวัดแล้วครับ ผมมัดปมเชือกหลวมๆก่อนจะเดินออกมาจากห้องสอดสายตามองหาร่างสูงก็เจอเขากำลังนั่งอยู่ที่เดิม กำลังนั่งอ่านชีทเหมือนเดิม จิบไวท์เหมือนเดิมที่แปลกคือเสื้อผ้า เสืออยู่ในชุดคลุมเส้นผมชื้นที่ยังแห้งไม่สนิทบ่งว่าเขาพึ่งอาบน้ำเสร็จ คงจะก่อนที่ผมตื่นไม่กี่นาที
ผมเดินตรงดิ่งไปนั่งข้างๆ นัยน์ตาคมเหล่มองไม่ว่าอะไร แต่ก็ไม่พูดอะไร
เงียบสนิท
“…”
“เสือ” ผมลองเรียกเขาดู
“…”
“เสือ”
“…”
…เงียบ
ผมเม้มปากคล้องแขนแล้วถูไถใบหน้าใส่เบาๆ
“ยังงอนเรื่องเมื่อวานอยู่เหรอครับ”
ปกติเวลากลับเสือจะมาหาผมตลอด ไม่จูบหัวก็ทำอะไรสักอย่างแต่มาตลอด แต่วันนี้กลับไม่แสดงว่าเขากำลังงอนอะไรบางอย่าง ผมรู้ว่าเขางอนอะไรนะแต่ไม่คิดว่าจะงอนนานขนาดนี้ ก็เมื่อวานผมผลักเขาเดินออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอกกับกิ้งใช่ไหมครับ ก็นั้นแหละเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เขายังไม่คุยกับผมเลยตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ (ไม่นับตอนเช้าที่ไปส่งขึ้นรถกับคำพูดประโยคเดียวคือขับรถดีๆ)
มือหนาวางชีทลงทันทีที่ได้ยิน นัยน์ตาคมสีครามเข้มตวัดมองผม
“กูงอนไม่ได้เหรอ”
“แล้วทำไมต้องงอนเล่า!!” ผมว่าพลางยู่ปาก เสือมองผมนิ่งๆสักพักก็หยิบชีท(ที่ผมเหล่ตามองแล้วพบว่ามันเป็นภาษาอังกฤษล้วน)ขึ้นมาอ่านต่อ
เขากล้าเมินผม!!!
“เสือหยุดอ่านเดี๋ยวนี้เลย” ผมแย่งแผ่นชีทออกจากมือหนา ว่าต่อ “ทีกูต้องมาช่วยมึงจนโปกเจ็กกูไม่เสร็จแถมเป็นไข้อีกกูยังไม่เห็นงอนมึงเลยนะเสือ อย่างอนเรื่องเล็กๆสิ”
“…” มันไม่ตอบแต่มองผมนิ่งๆเหมือนเคย
“อ้อ! อีกอย่างเรื่องมึงโดนยานี้กูยังไม่ทันเคลียร์ด้วยซ้ำ”
ทว่าเรื่องนี้เขาสวนกลับ…
“กูเป็นฝ่ายโดนกระทำนะเมีย”
“ไม่รู้ กูจะวีน” ผมยักไหล่อารมณ์มันกำลังขึ้นพอดี เสือหัวเราะเบาๆมือหนายื่นมาลูบหัวผม
“มึงอยากลงโทษกูเหรอ ?”
“ลงโทษ ?” ผมขมวดคิ้วคิดตามคำพูด จริงๆก็ไม่ได้คิดเรื่องลงโทษนี้เอาไว้แต่ก็พยักหน้าตกลงไปงั้น
ฉับพลันใบหน้าเฉยชาเมื่อสักครู่เปลี่ยนมาเป็นเจ้าเล่ห์ทันใด เสือถามอีก
“จริงเหรอ ?”
“เออดิ”
“แน่ใจ ?”
“แน่ใจ!!”
“หึ!” ผมสะดุ้งกับเสียงหัวเราะเผลอถอยขยับห่างมันไปหน่อยนิด
ทะ… ทำไมมึงทำหน้าเหมือนอยากให้กูลงโทษมึงมากขนาดนั้นล่ะเสือ
ผมงุนงงแต่สักพักก็ได้คำตอบ เมื่อร่างสูงดื่มไวท์ที่เหลือในแก้วรวดเดียวจนหมดก่อนจะยืนขึ้น นิ้วเรียวกระตุกเชือกที่ชุดคลุมออกจนมันหลุดไปถึงปลายเท้า ผมเบิกตากว้างมองร่างสูงที่กำลังยืนโดยไร้อาภรให้ผมดู
“จะลงโทษกูเหรอเอาสิ”
เสือเดินเข้ามาใกล้แล้วเอามือดันกับโซฟาทำให้เหมือนกำลังคร่อมผมที่นั่งบนโซฟาอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำเลียที่ติ่งหูคล้ายเย้าหยอก ก่อนโอบเอวบางขึ้นยืนขึ้น ผมมองอกแกร่งไม่กล้าก้มลงไปมองด้านล่างทว่าบางอย่างที่ผงาดขึ้นแทรกดันตรงหว่างขาผมเป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าเขา…
“กูเต็มใจถวายกายให้มึงลงโทษเลยเมีย : )”
[100%]
อิพี่เสือแร๊ดแรดเนาะ 5555555555555