ตอนที่ 15 ก่อเกิด
ศรนารายน์รายงานข่าว
ข่าวประจำวันนี้คือ เรื่องแรกผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว (ไชโยดังๆ) หลังจากออกมาปุ๊บก็ต้องอ้อนวอนให้เสือไปถ่ายทำอันที่ยังถ่ายต่อไม่เสร็จ กว่าจะขอได้นี้เสียตัวไปตั้งเยอะ สุดท้ายแล้วมันก็ยอมครับ สถานที่ใหม่คือสวนนงนุช(ผมไม่ได้ไปด้วยแต่ได้ดูภาพ สวยมากไม่อยากโม้) อีกอย่างเสือบอกว่าต่อไปนี้จะให้เพื่อนมาพบได้ มันกลัวผมเหงามั้ง อันนี้ไม่แน่ใจเท่าไหร่ และ… โปรเจคเยอะมาก ผมไม่ได้มาเรียนบ่อยด้วย(คือขาดตลอด) โชคดีที่ไอ้กิ้งมันช็อตโน้ตไว้ให้แถมมันเก่งตอบคำถามเรื่องที่ผมไม่เข้าใจได้ ปรึกษาเรื่องการเรียนกับมันได้จริงๆ และเรื่องสุดท้าย… เพื่อนมันตา เสือรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผมเพราะหลังจากที่ผมได้ออกจากโรงพยาบาลผมก็เห็นพวกเธอยังเดินว่อนอยู่ในมหา’ลัยแล้ว แม้แต่ละคนสภาพดูอิดโรยกันไปหมด แถมเห็นผมทีเหมือนเห็นผีคือจะมีอาการตื่นตระหนกและเดินเลี่ยงตลอด ไม่รู้ว่าเสือไปทำอะไรให้พวกเธอกลัวได้ขนาดนั้น ผมจึงได้แต่ภาวนาว่าคงไม่ทำอะไรรุนแรงหรอก(มั้ง)
เสียงกดแป้นพิมพ์รัวไปมาทำให้อยากจะอ้วกเอาขนมที่พึ่งทานรองท้องไปเมื่อสักครู่ออกมาให้หมด ตอนนี้ผมกำลังเข้าสู่สภาวะงานรุมหัว พึ่งทำงานที่ตัวเองขาดเสร็จไปหมาดๆ ก็ต้องมาเผชิญวิกฤตใหม่เป็นโปรเจคร่วมกันคณะบริการเหมือนที่เพื่อนกระเทยผมได้เคยเกริ่นเอาไว้ครับ ซึ่งยากและคะแนนเยอะมาก ทำให้วันนี้ผมเลยอด ไม่ได้ไปดูเสือให้การสัมภาษณ์ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่ต้องทำสำหรับการถ่ายภาพลงหนังสือ จากนั้นเหมือนจะมีงานเลี้ยงต่อ แต่ผมติดโปรเจคเลยต้องกินแห้วอดไปด้วยตามระเบียบ หลังจากผมและเพื่อนร่วมคณะและต่างคณะร่วมยี่สิบกว่าชีวิตได้ย้ายสถานที่จากมหา’ลัยมาทำงานที่บ้านของเพื่อนคนหนึ่ง บ้านมันก็ใหญ่พอสมควรเหมือนพากันมาปาร์ตี้ถ้าไม่ติดว่าที่นี้ไม่มีอาหาร ไม่มีเหล้า ไม่มีเสียงเพลง มีแต่เสียงเดินว่อนไปมากับเสียงกดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ จนทำให้รู้สึกอยากจะ…
“กิ้งๆ กูอยากจะอ้วก” ผมละสายตาออกจากจอคอมแล้วหันไปหาอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างขอความช่วยเหลือ หากกลับโดนมันปัดมือออกทันที
“อยากอ้วกก็ไปอ้วกด้านนอกกูติดงานอยู่ อ้อ! อย่ามาอ้วกในนี้เชียวนะมึง”
ผมรู้สึกพะอืดพะอมเกินกว่าจะเถียงมันกลับ แถมมองไปทางไหนก็เห็นแต่นักศึกษาจากสองคณะกำลังก้มหน้าก้มตาปั่นงานกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เลยตัดสินใจกดเซฟงานของตัวเองเอาไว้ก่อน แล้วจึงเดินหลบสายปลั๊กระโยงระยางสำหรับชาร์ตคอมพิวเตอร์ออกไปสูดอากาศด้านนอก
ลมเย็นๆทำให้สมองผมปลอดโปร่งขึ้นมาหน่อยครับ อย่างน้อยอาการณ์อยากอ้วกก็ลดลงแล้ว
“อู้งานเหรอครับ” เสียงมาจากทางด้านหลัง ผมไม่ได้หันกลับไปมองเพราะรู้ว่ายังไงเขาคงเดินมาหาขณะเดียวกันกับที่เจ้าของเสียงทุ้มเมื่อครู่เดินมาขนาบข้าง ผมเบี่ยงตามองแล้วส่ายหน้า
“มาสูดอากาศเพราะอยากอ้วกต่างหาก งานเสร็จแล้วเหรอ ?”
“อือหึ” สิงห์พยักหน้าเล็กน้อย ผมไม่ได้ถามต่อเขาไม่ได้พูดด้วยจนกระทั่งท้องผมร้องด้วยความหิวอีกฝ่ายจึงหัวเราะเล็กน้อย “ไปเซเว่นไหม”
“ไม่ได้เอากระเป๋าตังค์ออกมาด้วย”
เขายิ้ม “เดี๋ยวเลี้ยงเอง”
ผมเดินไปใส่รองเท้าแทบไม่ทัน…
ผมนั่งรถหรูของสิงห์กะระยะทางประมาณหนึ่งกิโลเมตร ในที่สุดเราก็มาถึงเซเว่นครับ “บอกว่าจะเลี้ยงงั้นไม่เกรงใจนะ”
ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มมาให้แล้วพยักหน้า จบคำนั้นผมก็วิ่งลงจากรถแล้วตรงดิ่งเข้าเซเว่นทันที
แอร์เย็นเฉียบสัมผัสผิวจนต้องเอามือกอดอกตัวเอง เป็นจังหวะเดียวกันที่สายตาดันเหลือบไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาห้าทุ่มกว่าๆ ผมขมวดคิ้ว สงสัยตัวเองจะทำงานหนักจนเพลินลืมดูเวลา ผมละความสงสัยของตัวเองออกจากสมองแล้วเดินไปหยิบตะกร้าใส่ขนมก่อนจัดการกวาดทุกอย่างที่อยากกินลงตะกร้า หยิบนั้นนู้นนี้ลงจนขนมมันล้นตะกร้าไปหมด
“กินหมดเหรอ” เสียงทุ้มที่กำลังชะเง้อหน้ามามองขนมในตะกร้า เขาถามพลางขมวดคิ้ว “ซื้อไปเยอะขนาดนั้น”
“ซื้อไปเผื่อคนอื่นด้วยไง มันเลยเยอะ กินคนเดียวไม่เยอะหรอก” โกหก… จริงๆแล้วผมเป็นคนกินขนมเก่งมากนะครับ บางทีซื้อไปเยอะมากๆแถมกินเสร็จก็ไม่เก็บถุงขนมลงถังขยะ แล้วพอกินอิ่มก็ไม่ทานข้าวอีก มีครั้งหนึ่งเกือบโดนเสือว่าเพราะพฤติกรรมของตัวเองด้วย
“หึ” เขาหัวเราะในลำคอก่อนหย่อนลูกอมลงในตะกร้าผมสองสามอัน หลังจากที่ผมได้ของที่อยากกินครบทุกอันจึงเดินไปจ่ายตังค์แต่ไม่ใช่ตังค์ตัวเองนะ มีคนเลี้ยงไง จ่ายเสร็จผมก็เดินถือถุงขนมออกจากเซเว่นไปที่รถอย่างอารมณ์ดีและหิวมากด้วย อารมณ์เหมือนสัตว์ประหลาดผู้หิวโหยที่สามารถเขมือบอาหารได้ทุกทีทุกเวลา
สิงห์เดินตามหลังมาถึงตัวรถเป็นจังหวะเดียวกันที่โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของผมสั่น
ดูเบอร์โทรแล้วถึงต้องขมวดคิ้วงง
“ครับพี่บอล”
(น้องธามกลับคอนโดด่วนเลย!!) น้ำเสียงจากปลายสายเร่งรีบมาก
“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ผมถามอีกอย่างถ้าไม่ใช่ธุระจริงๆคงกลับไม่ได้ เพราะงานผมก็ยังไม่เสร็จดีนัก
(ตอนนี้พี่อยู่กับเสือ…) พี่เขาตอบแค่นั้นผมก็กลับได้ยังเสียงโวยวายของใครสักคนดังมาจากปลายสาย หากจับคำพูดไม่ถูก แต่เดี๋ยวนะ! ไปอยู่ด้วยกันได้ยังไงวะ บังเอิญเจอกันที่ร้านเหรอ ? พลันความสงสัยบังเอิญผมรีบว่าต่อหากพี่แกก็สวนตอบกลับมาทันที
“พี่บอลครับ—”
(เสือโดนวางยา รีบมาเร็วๆน้อง มันใกล้จะประสาทแตกแล้วเนี่ย!!)
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อาการหิวของผมทลายหายไปจนหมดสิ้น
ผมไม่ได้ตอบจนกระทั่งปลายสายตัดไป
ลมหายใจติดขัด ตัวสั่นรัวจนคนใกล้ตัวจับสังเกตได้ “ธาม… เป็นอะไรหรือเปล่า”
“สิงห์” พอได้สติผมจึงรีบวิ่งไปหาเขาแล้วเขย่าแขนของอีกคนรัวๆ “ไปส่งที่คอนโดที ไปส่งที!!”
“เดี๋ยวครับมีอะไรหรือเปล่า” เขาถามพยายามแกะมือผมออกจากแขนให้หันหน้าไปคุยกับเขาตรงๆ แต่ผมประสาทเสียเกินกว่าจะมาอธิบายเหตุการณ์ให้ฟัง
“ไปส่งที เร็วๆ!!!”
“ธาม!!!!!!!” เขาตะโกนใส่ผมเสียงดัง “คุณต้องสงบก่อนแล้วบอกผมสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผมพยายามควบคุมน้ำเสียงที่สั่นแล้วตอบกลับ
“เสือ… เสือโดนวาง ยะ…ยา”
“…”
“แล้วฉันก็กลัวว่าเสือ… เสือจะ” ไปมีอะไรกับคนอื่น ผมไม่ได้พูดต่อ แต่เหมือนเขาจะอ่านความคิดผมออก เสียงทุ้มที่เงียบปล่อยให้ผมกระวนกระวายอยู่คนเดียวสักพักจึงพูดขึ้นมา
“เหอะ” น้ำเสียงเหมือนเย้ยหยันทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย “เอาสิผมพาไปแน่”
ผมยิ้มออก รีบพูดตอบ “งั้นรีบเถอะ!!—”
“แต่หลังจากธามจูบผมก่อนนะ J”
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“ว…” ประโยคเมื่อครู่ทำเอาสั่นจนพูดไม่ออก “ว่ายังนะ”
“ผมบอกว่า…” เขาขยับเข้ามาใกล้ ผมขยับถอยหลังจนกระทั่งแผ่นหลังชิดกับประตูรถ “จูบผมก่อนสิ”
มันเหมือนเป็นกรรไกรตัดเส้นด้ายความสุภาพของผมกับมันให้ขาดสะบั้นลง
“ให้จูบ ทั้งๆที่เป็นแฟนกับพี่มึง ?” ผมขึ้นหยาบอย่างที่ไม่เคยพูดกับเขา แค่อยากให้รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังโกรธมันและโกรธมาก
ร่างสูงยิ้มแสยะใบหน้าก้มต่ำจนหน้าผากชิดเสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหู
“แล้วยังไง ?”
ผมว่าผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเสือถึงทำท่าทางเหมือนไม่ชอบน้องชายตัวเอง คงไม่แปลก…
สันดานแบบนี้เป็นผมก็คงไม่ชอบเหมือนกัน
ผมไม่ตอบ เบี่ยงสายตาออกไปมองนอกถนน แต่เหมือนเขาจะรู้ทันความคิดผมอีกครั้ง
“แท็กซี่ตอนนี้ไม่มีหรอก”
“…”
“ห้าทุ่มแล้ว อีกอย่างนี้ก็ไม่ใช่ถนนใหญ่”
ผมเม้มปากหลับตาแน่น มันเป็นจริงอย่างที่เขาพูดแล้วถ้าจะกลับไปหากิ้งให้กิ้งพาไปคอนโด (ผมมากับกิ้ง)
เสืออาจรอไม่ไหว
และนั้นคือสิ่งที่ผมกลัว
ยาปลุกน่ะเสือก็เคยใช้กับผม ทำไมจะไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง
ถ้าโดนแล้วไม่ได้ปลดปล่อย มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เราต้องทรมานรอเวลาให้ยาหมดฤทธิ์แต่ช่วงเวลานั้นแหละ …อย่างกับจะให้ตายทั้งเป็น ผมกลัวว่าเขาจะไปมีอะไรกับคนอื่นก็จริงแต่ผมกลัวอย่างหลังมากกว่า ผมเชื่อใจพอและคาดว่าพี่บอลคงจะช่วยกักตัวเอาไม่ให้ไปไหน
แต่จะทำยังไงดี!!
“รีบๆตอบสิครับ ช้านักผมไม่พาไปนะ” ร่างสูงเร่ง
ถ้าไม่จูบก็ไม่ได้ไปและไม่แน่อีกว่ากิ้งมันจะพาผมไปหรือเล่าเพราะมันก็ติดงาน เสืออาจต้องรอ
แต่ถ้าจูบมันก็ได้ไปแต่มันก็เหมือนกับเป็นการหักหลังเลยไม่ใช่หรือไง!!!
ผมเม้มปากอีกครั้ง หลับตาแน่น สมองกำลังคิดหนักว่าควรเลือกตัวเลือกไหนดี
จนในที่สุด…
“จะทำอะไรก็รีบทำ”
พี่เสือ
ธามขอโทษ
มีต่อค่ะ