“เมีย” เขาดึงผมให้ยืนขึ้นแล้วกอดแน่นๆจนร่างกายแนบชิดกัน ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจ กลิ่นเหงื่ออ่อนๆและเสียงกระซิบแหบพร่าที่ข้างหู “หมั้นกับพี่นะครับ”
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“…”
“นะครับ”
เสือย้ำอีกครั้งในขณะที่ผมยังคงเม้มปากแน่น
…ก่อนส่งรอยยิ้มอ่อนไปให้
2 วันต่อมา
“เฮ้อ”
“…”
“เฮ้อ”
“…”
“เฮ้อ”
“…”
“เฮ—”
“โอ้ยยอีธามมึงจะถอนหายใจอะไรนักหนา” เสียงของกิ้งดังกลบขึ้นเมื่อผมกำลังจะถอนหายใจเป็นครั้งที่สี่ ผมมองหน้าขาวๆที่พอกครีมมาแบบเต็มเบอะ (พอกเตรียมไปงานสวมหน้ากาก) ก่อนยู่ปาก
“ก็กูเครียดนี้”
“แล้วมึงเครียดอะไร พอถามก็ไม่ตอบนะอีนี่”
ผมจิปากแล้วตอบมันกลับไปทันที
“กูโดนขอหมั้นวะ”
“ห้ะ มึงว่าไงนะ” กระเทยทึกอยากสวยวางมือออกจากเครื่องสำอางแล้วตวัดขวับมามองผมเร็วปรี๊ด
“เสือขอกูหมั้น”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” กิ้งกรีดร้องลั่นแหกปากชนิดที่ว่าไม่อายใคร ผมรีบบอกให้มันนั่งลงกลับมาที่เดิมเมื่อคนอื่นเริ่มมองมาทางเราราวเป็นจุดสนใจ ทว่ามันไม่สนใจเอาแต่กรีดต่อจนผมต้องหาหนังสือมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้เมื่อคนอื่นเขามากันใหญ่ เมื่อตอนนั้นมันถึงหยุดกรี๊ดแล้วกลับมานั่งที่เดิมก่อนถามคำถามผมเร็วไว “มึงว่าไงนะพี่เสือขอมึงหมั้น!!!”
โชคดีที่กิ้งยังรู้ว่าเรื่องนี้ยังไม่ควรพูดให้คนอื่นได้ยิน เลยถามผมเสียงเบา
ผมพยักหน้า “ก็เออดิ มึงคิดว่ากูควรพูดเล่นป่ะ”
“โอ้ยย กูอิจฉามึงอ่า” มันทำท่ากระดี้กระด้าไปมาเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ “ล…แล้วมึงตอบไปว่าไง”
“กะ…กู เอ่อ” ผมอ้ำอึ้ง
“มึงอะไรก็รีบๆพูดมาสิค่ะ!”
ผมเม้มปากทำหน้าละเหี่ยใจ “กูไม่ได้ตอบอะไรไปเลยวะ”
ปัง!!!!
“วอทททท ? มึงว่าอะไรนะ!!!!” กิ้งตบโต๊ะเสียงดังทันทีที่ได้ยินผมตอบแบบนั้น ผมเลยย้ำให้มันฟังอีกรอบ
“กูไม่ได้ตอบอะไรไปเลยวะ”
“โอ้ยยยย อีบ้า!!!!!!”
มันตะโกนว่าผมเสียงดังอีกครั้งจนคนอื่นเขาเริ่มหันกลับมาสนใจเหมือนเดิม มันว่าผมบ้าแต่ไม่รักษากริยาตัวเองเลยสักนิด มึงว่ากูบ้าแต่คนอื่นน่ะเขาจะว่ามึงบ้าน่ะกิ้ง ผมดึงชายเสื้อมันให้นั่งลงอีกครั้งแต่กระเทยปัดมือผมออกอย่างรุนแรงจนดังเพี๊ยะด้วยท่าทีเหมือนโกรธจัด
“เจ็บนะมึง”
“มึงรีบไปหาพี่เสือเลย ไปเลยๆ ไป! เดี๋ยวนี้!” มันว่าพร้อมเก็บหนังสือของผมทั้งหมดยัดใส่กระเป๋าสวมพาดบ่าผมแล้วดันตัวให้ลุกจากที่นั่งม้าหินอ่อนเบี่ยงทิศทางไปยังรถ (สองวันมานี้ผมขับรถมาเรียนเองตลอด) “รีบๆสิ! ถ้าพี่เสือมีชู้มึงจะว่ายังไง”
“เดี๋ยวสิ! แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชู้เล่า! มึงก็หยุดผลักกูก่อนเหอะ!” ผมพยายามแกะมือเหนียวๆเหมือนเมือกของมันออกจนในที่สุดก็สามารถหลุดออกมาได้ “กลับไปนั่งก่อนไป”
“ไม่! ไหนๆก็เลิกเรียนละ ไปขึ้นรถ! กูจะไปด้วย”
“เฮ้ยย!! แล้วมึงจะไปไหน”
“ไปหาผัวมึงไงคะ”
“แล้วจะไปทำไมเล่า”
“โอ้ยยย มึงไปขึ้นรถก่อนกูขี้เกียจอธิบายตอนนี้” ว่าจบมันก็พยายามดันตัวผมไปยังรถคันหรูที่เสือเป็นคนซื้อให้ กิ้งขโมยกุญแจจากกระเป๋าผมไปแล้วให้ผมนั่งที่คนขับแทนที่คนขับเพราะมันอ้อมไปเข้าทางที่คนขับแทน “คาดเบลล์ด้วย!!!” เสียงแหลมกระแทกใส่ผมจึงต้องจำยอมคาดเซฟตี้เบลท์ พอรถเริ่มเคลื่อนตัวถอยกิ้งมันเลยพูดขึ้น
“มึงรู้อยู่ใช่ป่ะว่าพี่เสือให้กูอยู่กับมึงเพราะอยากให้กูดูแลมึงดีๆ”
จะว่าไปก็รู้… ผมพยักหน้า
“เออนั้นแหละ เพราะแบบนี้กูก็เลยโดนพี่เสือทักไลน์มาตลอด”
อ้าวนี้มึงตีท้ายครัวกูอ่อ = =; ผมคิดในใจไม่ได้พูดออกไปแต่เหมือนจะโดนรู้ทัน
“มึงไม่ต้องคิดว่ากูจะมีซัมติ่ง เพราะพี่แกทักมาเมื่อไหร่มันก็จะมีแต่เรื่องของมึงตลอด จริงๆแล้วนอกจากเรื่องของมึงบทสนทนากูกับพี่เสือก็ไม่มีอะไรอีกเลย” รถค่อยๆเคลื่อนออกจากคณะของผมทันทีที่กิ้งมันถอยรถออกได้สำเร็จ
“…”
“ทั้งให้พามึงไปกินข้าวตอนเที่ยงตลอด มึงไม่ต้องแปลกใจว่าเวลามึงเป็นหวัดทีไรตอนพักเที่ยงหลังกินข้าว กูถึงมียามาให้มึงเสมอ เพราะเวลามึงเหมือนจะไม่สบายพี่เสือก็ไลน์มาบอกก่อนตลอด”
ผมนั่งฟังแล้วคิดตาม
มันก็จริงอยากที่กิ้งมันว่า มันให้ผมไปกินข้าวตลอด(ยกเว้นว่าวันไหนเลิกเที่ยง) เวลาผมมีไข้มันก็มียามาให้ นี้คิดไปแล้วว่ากิ้งมันปกพาราเซตาม่อนติดตัว
“แต่มึงไม่คงรู้หรอกเพราะพี่แกคงไม่เคยบอกมึง”
“…”
“ใช่ไหมละ”
ใช่… ผมไม่รู้
ผมรู้แค่ว่าเสือกับกิ้งติดต่อกัน ได้ยินมาว่าให้ดูแลบ้างแต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นนั้นก็เถอะ…
“แต่คือมึง พึ่งรู้จักกันได้แค่เกือบสามเดือนเองนะเว้ย แล้วเรียนยังไม่จบ ขอหมั้นเร็วไปป่ะวะ”
“มึงจะแปลกใจไรวะ เดี๋ยวนี้รู้จักกันแค่ห้านาทีเขาก็ยังซั่มกันได้แล้วเลย”
“มันก็ไม่เหมือนกันป่ะวะ” ผมยิ้มแหย่ ไอ้กิ้งตวัดหน้าละสายตาออกจากถนนมามองผมทันที
“ก็นี้ไงกูถึงจะพามึงไปหาพี่เสือเนี่ย”
“แล้วทำไมอ่ะ”
“…”
“…”
ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง
“ถ้ามึงพูดสักคำจะเป็นมุขเสี่ยวๆหรืออะไรก็ได้ กูจะไม่อะไรมากเลยนะธาม” กิ้งพูดกับผมดีๆ น้ำเสียงมันเริ่มอ่อนลง “แต่นี้มึงไม่พูดอะไรแล้วคนอื่นที่ฟังเขาจะเข้าใจได้ยังไงว่ามึงคิดอะไรอยู่”
“…”
“พี่เขาขอมึงหมั้นนะธาม แต่มึงไม่พูดอะไรแบบนี้แล้วจะให้ตีความว่ายังไงวะ”
“กูไม่เข้าใจ”
ไม่เข้าใจ… ไม่เข้าใจสักนิดเลย
“งั้นสมมุติกูไปกินข้าวไข่ดาวมา แล้วเสื้อกูก็เลอะซอส”
“…”
“แล้วมึงถามกูว่ากูไปกินอะไรมาถึงเลอะแต่กูไม่ตอบ”
“…”
“มึงก็คิดได้หลายอย่าง อาหารกินกับซอส เช่นกินไก่ กินพิซซ่าหรืออะไรทำนองนั้น”
“…”
“ลองคิดใส่กับสถานการณ์แบบมึงดูสิ”
“…”
“นี้ยิ่งแม่งคิดได้โคตรหลายอย่าง ความรักยิ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนด้วยนะมึง ให้กูยกตัวอย่างไหม…”
“ไม่” ผมส่ายหน้าเอามือกุมขมับ “ไม่ต้องแล้ว”
ผมหลับตาแน่นแล้วถอนหายใจเมื่อเข้าใจเรื่องที่กิ้งมันต้องการจะสื่อ มันกำลังจะบอกผมว่าในเมื่อผมไม่ได้พูด เสือก็คิดได้หลายอย่าง ผมหวังว่ามันจะไม่คิดว่าผมไม่ได้รักมันก็แล้วกัน
“ถึงแล้ว” เสียงแหลมว่าเมื่อตัวรถจอดอยู่ตรงตึกหน้าคณะแพทย์ ผมเม้มปากหยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ใส่กระเป๋ากางเกง “จะให้กูลงไปเป็นเพื่อนด้วยป่ะ”
“ไม่ต้องหรอก”
“งั้นเดี๋ยวกูเอารถของมึงจอดให้แถวนี้นะ มึงเสร็จเมื่อไหร่ค่อยโทรหากูเดี๋ยวเอากุญแจรถคืนให้”
“โอเค” ผมบอกก่อนจะเดินออกลงจากรถทันที พอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นตึกคณะแพทยศาสตร์แล้วมันเปลี่ยวใจชอบกล ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วกำมือแน่นก่อนเดินตรงเข้าไปใต้ตึก นักศึกษาแพทย์หลายคนกำลังทยอยเดินออกมา ในจังหวะที่ผมกำลังตัดสินจะเดินขึ้นตึกเพื่อไปหาเสือ(ผมรู้ห้องเรียนของเขา) ใครมาคนก็เดินมาขวางเสียก่อน
“พี่รุ้ง” ผมเรียกชื่อพี่แกออกมาอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ใบหน้าเรียวยิ้มแหย่ให้ผมเล็กน้อย แล้วก็จูงมือผมไปอีกทางทันที แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพี่แกมาคราวนี้เหมือนกำลังนำเรื่องยุ่งยากมาให้ผมอีกครั้ง
แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด… จริงๆด้วย
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจคอตกพับขณะกำลังกดลิฟต์ไปยังชั้นสามสิบหก สรุปแล้ววันนี้ก็เลยไปคณะแพทศาสตร์เสียเปล่าเนื่องจากไม่ได้เจอเสือแต่กลับเจออีกคนที่นำปัญหาใหม่มาให้แทนแถมปัญหาเก่าก็ยังแก้ไม่จบอีก พี่รุ้งลากผมไปคุยงานยาวจนถึงค่ำอดเจอเสือเพราะร่างสูงกลับไปก่อนแล้ว(เขาไม่รู้ว่าผมมาหา) พอกิ้งรู้มันแทบจะตามไปด่าพี่รุ้งแกโชคดีที่ผมยัดตัวมันขึ้นรถแล้วขับไปส่งที่บ้านก่อน วันนี้เลยกลับคอนโดดึกเป็นพิเศษจนเสือโทรมาถามรอบหนึ่งว่าอยู่ที่ไหนตอนนั้นผมขับรถไปส่งกิ้งอยู่จึงตอบไปตามตรง พอหลุบตาลงมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบสามทุ่มครึ่งแล้ว
ติ๊ง!!
เสียงสัญญาบอกว่ามาถึงชั้นที่ต้องการ เดินออกจากลิฟต์แล้วขมวดคิ้วเมื่อไม่เห็นร่างสูงอย่างที่เคย ผมเดินไปวางกระเป๋าบนโต๊ะ แล้วผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอน ได้ยินเสียงน้ำจากห้องในน้ำสงสัยว่าเสือคงจะอยู่ในนั้น ผมเดินไปหน้าห้องน้ำกำลังจะเคาะประตูเพื่อบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยแต่ปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อค พอผมเคาะมันจึงแงมเข้าไปเล็กน้อยให้เห็นภายใน ผมชะเง้อหน้าเข้าไปมองเห็นเสือที่หันหลังกำลังอาบน้ำอยู่ เขาไม่ได้ใช้อ่างแต่ใช้ฝักบัวอาบแทน
“ส…”
ผมกำลังจะเรียกเขาถ้าไม่ติดว่าได้ยินเสียงอะไรก่อน
‘แฮ่กๆ เมีย’
‘อื้อตี้’
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมเบิกตากว้างรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ขณะมองเข้ายังไปด้านใน
เสือกำลังช่วยตัวเอง…
อย่างนั้นเหรอ ?!!
ผมเลียริมฝีปากค่อยๆเดินถอยหลังเพื่อย่องออกไปให้เงียบที่สุด…
ทว่า!!!!
เพล้ง!! ตุ้บ!!
“โอ๊ย!!! อุ้บ!! ชิบหาย” ในจังหวะนั้นเอง มือไม่รักดีก็ดันปัดไปโดนแจกันเล็กๆที่วางอยู่บนตู้เล็กข้างห้องน้ำจนมันหล่นลงแตกเพล้ง! แถมในขณะที่มือผมเผลอไปปัดโดนแจกันเข้าก็ดันปัดไปโดนมุมโต๊ะเหลี่ยมอีกซ้ำสองจนอีกได้แผลถลอกที่ฝ่ามือแต่นั้นคงไม่แย่เท่ากับ…
แอด~
ประตูห้องน้ำเปิดออกเผยร่างสูงที่ยังเปียกโชกไปด้วยหยาดน้ำมีเพียงผ้าขนหนูมัดเอาไว้แบบหลวมๆตรงสะโพก ผมสบตากับนัยน์ตาสีครามเข้มที่หลุบตามอนิ่งๆ แล้วกลืนน้ำลายอึกลงคอ
มันไม่แย่เท่ากับที่เสือรู้ว่า… ผมแอบมองเขาช่วยตัวเองไปแล้ว
“เห็น ?” ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินทุ้มเอ่ยถามเบาๆ แล้วพยักหน้าแทนการตอบว่า ‘ใช่’
“กูคิดถึงมึง”
เสือบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ผมสบตาคมสักพักก็เป็นคนละสายตาออกมาก่อน ผมคิดถึงมันเหมือนกัน คิดถึงมาก สองวันมานี้เราไม่ค่อยพูดกันถามคำตอบคำ ตอนนอนกิจกรรมยามดึกที่ชอบทำเป็นปกติก็ไม่มี (ผมรู้ว่าคุณเข้าใจ) ไม่ถึงกับขนาดที่ว่าหันหลังให้กัน เป็นระดับที่นอนเฉยๆกอดยังไม่กอดกันเลยด้วยซ้ำ
ร่างสูงจับมือของผมไปดูตอนนี้มันแสบนิดหน่อยเนื่องจากเป็นแผลถลอก เสือผลักตัวผมไปนั่งบนเตียงส่วนเขาหาเสื้อผ้าใส่แล้วเดินออกไปด้านนอก ก่อนกลับมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาลในมือ ผมนั่งนิ่งให้เขาทำแผลให้แค่ทาแอลกอฮอล์กับยานิดหน่อยจนกระทั่งเสร็จหมดทุกอย่างร่างสูงจึงเก็บอุปกรณ์กลับเข้าที่ในจังหวะที่เขาจะเดินไปเก็บกล่องปฐมพยาบาลผมก็จัดการจับข้อมือของเสือเอาไว้เสียก่อน ใบหน้าหล่อเหลากันมามองแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“คือ… กูมีเรื่องจะคุยด้วย”
“…”
“…”
งะ… เงียบทำไมล่ะ
“ไปอาบน้ำก่อนไป” พอเสือบอกดังนั้นผมจึงปล่อยรีบมือของเขาแล้วแล่นเข้าห้องอาบ ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย ผมเดินออกมาจากห้องขณะเอาผ้าขนหนูเช็ดผมไปด้วย เสือนั่งรออยู่ที่โซฟาสีแดงผ้ากำมะหยี่หน้าทีวีจอแบนขนาดใหญ่ที่กำลังฉายหนังรักโรแมนติกอยู่อยู่ ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆนัยน์ตาคมเหล่มองแล้วยื่นมือมาทำหน้าที่เช็ดผมให้ผมเบาๆ ผมหันหน้าไปทางเสือให้มือหนาเช็ดได้ง่ายขึ้นทว่าในจังหวะเดียวกันก็ดันไปสบตากับเขาเข้าพอดี…
แรงที่เช็ดผมอยู่ค่อยๆหยุดลง เสือวางผ้าขนหนูค้างไว้บนศีรษะผมแล้วใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าเรียวขึ้นแล้วแนบริมฝีปากร้อนลงมา เริ่มแรกมันนุ่มนวลก่อนจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แผ่นหลังผมนอนราบแนบกับโซฟาไปแล้ว ผมเผลอเอามือโอบรอบคอเขาอัตโนมัติ จนเมื่อรู้สึกว่ามีมือหนากำลังขยับกางเกงผมให้หลุดออกไปผมจึงรีบตะครุบมือของเขาเอาไว้แล้วกลับมามีสติอีกครั้งหนึ่ง
“เสือเดี๋ยวก่อน” ผมบอก ใบหน้าหล่อเหลามองผมนิ่งๆก่อนละออกไปแต่โดยดี ดังนั้นผมจึงรีบลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าแล้วหันไปมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “กูจะหมั้นกับมึง”
กึก!
“อื้อ!! เสืออย่าพึ่ง” ผมรีบผลักเขาออกทันทีพูดจบแต่คนตัวสูงเร็วกว่าอยู่มาก ผมผลักเขาแต่เขาเข้ามาหายื้อยืดจนกระทั่งตกจากโซฟาทั้งคู่ในจังหวะนั้นมือหนาก็จัดการรวบข้อมือผมขึ้นเหนือหัวทันที ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงครอบครองริมฝีปากขณะที่มือข้างที่เหลือก็กำลังไล่ไปตามเรือนร่างเพรียว “ให้กูพูดต่อก่อน… อ๊ะ”
“เรื่องอื่นค่อยไว้ทีหลังครับเมีย” เสียงทุ้มว่ามือหนากระชากกางเกงผมออก เสือให้เข่าดันขาทั้งสองข้างของผมให้กางออกแล้วมองด้วยสายตาแพรวพราว เขาว่า
“มาทำเรื่องของเราให้เสร็จก่อนดีว่าน้อ~”
น้อบ้านพ่อมึงเด้!!!
ผมฝันเห็นเด็ก… อีกแล้ว
แต่คราวนี้จำได้ เป็นเด็กผู้ชายสองคนหน้าตาคล้ายๆกัน ทั้งสองมองยืนมองผมขยับปากเรียกชื่อผมว่าธามจากนั้นภาพมันก็หมุนติ้วๆก่อนจะ…
เฮือก!!!
ผมสะดุ้งตาตื่นขึ้นก่อนมองเห็นเสือที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงสูบบุหรี่ มือหนาอีกข้างกำลังลูบศีรษะผมอยู่ นัยน์ตาสีครามเข้มหลุบลงมอง เหมือนเขาจะเห็นผมตื่นเลยถาม “ทำให้ตื่นเหรอ ?”
ผมส่ายหน้า เขาเลยว่าต่อ
“ฝันร้าย ?”
มันก็ไม่เชิง ก็ส่ายหน้าอีก ผมยกมือขึ้นหวังจะโอบรอบคอแกร่งทว่าในจังหวะนั้นสายตาก็ดันไปเห็นอะไรบางอย่างที่สวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของผม กลมๆมีลวดลายเรียบง่ายแต่ดูสง่าพร้อมเพชรสีน้ำเงินราคาดูท่าว่าจะแพงอยู่ตรงกลางแถมลักษณะเหมือนจะเป็น… แหวน
ผมขมวดคิ้วเงยหน้ามองเสือและเบ้ปากไปทางแหวนบนนิ้วเชิงถามว่ามันคืออะไร เสือหัวเราะใบหน้าหล่อเหลาก้มลงจูบผมแล้วกระซิบบอก
“แหวนหมั้นไงครับ”
เออ… จริงด้วย
“แล้วของมึงละ” พอผมถามเสือก็ยกมือของตัวเองที่มีแหวนลักษณะคล้ายกันสวมอยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้ายเหมือนกัน ผมถามต่อ “เอาห้อยไว้กับสร้อยแล้วใส่ได้ไหม มันเด่นไปถ้าจะใส่ที่นิ้ว” เพชรสีน้ำเงินนี้มันเด่นจริงๆครับ เชื่อเลยว่าใส่ไปมหา’ลัยคนมองชัวร์ พอเสือพยักหน้าตกลงผมจึงตั้งใจจะยืนตัวขึ้นไปหอมแก้ม ทว่าพอเอาแขนยันขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นแหละก็ต้องตกลงมาหล่นฟุบอยู่ที่เดิมเมื่ออาการปวดระบมตรงแถวบั้นท้ายทำร้ายรุนแรง มือหนาจึงค่อยๆประคองผมขึ้นนั่งแทน
“อาบน้ำ” เสียงทุ้มว่าผมพยักหน้า ตอนแรกว่าจะไปอาบเองแต่เมื่อมองสังขารตัวเองแล้วพบว่าไปเองไม่น่ารอดเสือจึงได้ทำหน้าที่อาบน้ำให้ผมแทน พร้อมหน้าที่เอาน้ำที่คั่งค้างออกไปด้วย อาบเสร็จก็โดนจับแต่งตัวตอนมองตัวเองในกระจกนี้เรียกหาแซมบัคแทบไม่ทัน (ผมประชด) เห็นรอยเต็มตัวแต่เยอะสุดคงจะเป็นที่คอ สงสัยแมลงแถวนี้มันคงจะเยอะกัดผมซะพรุนไปหมดเลย
เสืออุ้มผมมานั่งรอที่ห้องนั่งเล่นเปิดทีวีดูซี่รี่ย์รอในขณะที่เขาไปทำอาหารเที่ยง เพราะมันเลยเช้ามานานมากแล้ว ก่อนกลับมาพร้อมจานสเต๊กหมู กลิ่นหอมมากและรสชาติอร่อยเว่อร์
“เมียครับ” เขาเรียกในขณะที่ผมกำลังหั่นสเต๊กเข้าปากแต่ตามองซีรี่ย์ “ต่อไปไม่พูดหยาบกับพี่แล้วนะ”
ผมหันไปมองมันเล็กน้อย “ทำไมอ่ะ”
“ไม่อยากให้พูด” ผมกะพริบตาเล็กน้อยกำลังจะตอบตกลงทว่าประโยคถัดมาทำให้ผมชะงักไปก่อน “แต่กูยังพูดได้นะ”
“ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน”
เขายกมือมาขยี้หัวผมเล่น “เด็กกว่าตั้งสองปีไม่ต้องพูดเลย”
“ยอมรับแล้วดิว่าแก่กว่า”
นัยน์ตาคมปรายตามองผม
“อยากได้ผัวแก่ก็พูดเลย” ว่าจบเสือก็ยื่นมือมาบิดจมูกผมเล่น “หมั่นเขี้ยว” เขาบอก
ผมยิ้มแล้วหันหน้าใส่ความตั้งใจไปกับการกินสเต๊กต่อ ทว่าในจังหวะนั้นก็จำได้ว่ามีเรื่องที่จะพูดกับเสือพอดี เลยหันหน้าไปทางร่างสูง แล้วบอก “อ้อเสือ! แรงหมั้นน่ะให้รู้กันแค่สองคนก่อนได้ไหม”
เพล้ง!!!
มือหนาทำมีดที่กำลังหั่นชิ้นเนื้ออยู่หล่นทันทีที่อีกคนพูดจบ มันตวาดหน้ามามองผมแล้วเม้มปาก พร้อมกะพริบตาปริบๆใส่ แถมทำหน้าอย่างกับว่าตัวเองเป็นลูกแมว “ทำไม”
ผมกลั้นขำรีบว่าต่อ
“ให้กะ… ธามขึ้นปีสองก่อนแล้วค่อยไปขอกับแม่เอาแล้วกัน” ผมเกือบพูดคำว่ากูโชคดีที่เปลี่ยนคำทัน จริงๆแล้วก็อีกไม่นานหรอก ไม่กี่เดือนก็จะได้ขึ้นปีสองแล้ว เสือชะงักไปนิดเหมือนเขาจะคิดคำนวณอะไรบางอย่างอยู่จากนั้นจึงพยักหน้าบอกตกลง “วันก่อนตั้งใจจะไปหาที่คณะ แต่เจอพี่รุ้งแทนพี่แกบอกว่า…” ผมเว้นช่วงคำพูด พยายามนึกบทสนทนาแล้วเล่ารายละเอียดให้เสือฟัง เจ้าของใบหน้าหล่อเหลานิ่งเงียบพอผมพูดเสร็จเขาจึงพูดขึ้น
“อยากให้ทำ ?”
“ตรงๆนะ ไม่” ผมถอนหายใจ “แต่ช่วงพี่แกเหอะ สงสาร”
เสือเงียบไปสักครู่ “ครั้งสุดท้ายกับเรื่องแบบนี้นะเมีย”
“มีครั้งต่อไปก็คงไม่รับปากพี่แกอีกแล้วแหละ” ผมว่าขำๆก่อนจะโดนริมฝีปากร้อนทาบลงมาปิด เสือจับจานสเต๊กของผมไปวางที่อื่น ก่อนผลักตัวลงทับผมให้นอนราบไปบนโซฟา ร่างสูงซุกเข้าซอกคอขณะมือหนาเริ่มลูบไล้ไปทั่วต้นขาเรียว ผมไม่ได้ผลักเข้าออกแม้รู้ดีว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกิจกรรมที่ทำให้ผมเสียพลังงานอยู่มากโข เสือเลิกเสื้อผมขึ้น ลิ้นร้อนลงเลียที่ยอดดอกในขณะที่กำลังใส่ถอดเสื้อของตัวเองมามัดมือของผมเอาไว้ ผมครางแต่ในขณะเดียวกันสมองก็ยังคิดถึงเรื่องที่พึ่งพูดไป เรื่องที่พี่รุ้งวานขอมาเมื่อวาน
‘งานสวมหน้ากากที่จะมาถึงคืองานนี้ผู้ใหญ่มาเยอะมาก แล้วทางสโมสรจึงอยากให้คนที่สามารถเป็นหน้าเป็นตาให้กับมหา’ลัยได้เป็นคนเปิดงาน’
‘เพราะกระแสหนังสือภาพถ่ายของเสือกับมันตามันดีมากพี่ก็เลย…’
‘พี่อยากให้เสือเป็นคนเปิดงานสวมหน้ากากโดยการเต้นรำเปิดตัวกับมันตา’
‘น้องธามช่วยพี่อีกครั้งเถอะนะเกลี่ยกล่อมเสือให้ที พี่สัญญาว่าต่อจากนี้จะไม่ไปยุ่งแล้วจริงๆ’
‘แต่คราวนี้ช่วยพี่ทีเถอะ
สิ้นสุดที่ตรงนั้นสมองผมก็ขาวโพลนเมื่ออีกฝ่ายเริ่มสอดแก่นกายเข้ามาภายในรุนแรงจนต้องแอ่นอกขึ้นหอบ เขากลืนความกังวลของผมไปจนหมดสิ้นในวินาทีนี้ มอบความเสียวซ่านทางกายและอิ่มเอมทางจิตใจให้แทน ผมครางเมื่อสะโพกถูกยกสูงขึ้น ก่อนวินาทีที่กำลังจะถึงจุดสุดยอดเลยได้แต่อธิฐานในใจ
ขอในอย่าเกิดเรื่องร้ายๆในงานสวมหน้ากากที่จะถึงนี้เลย
[100%]
บอกแล้วค่ะว่าให้ธามมันเล่นตัวหน่อย
แต่สุดท้ายนางก็ยอมหมั้นนะคะ ส่วนเสือ
พี่แกว่างเป็นปล้ำ ทำงานก็ปล้ำ อะไรๆก็ปล้ำ ทุกอย่างล้วนปล้ำ 5555
หื่นไหมบอกเลยมันหื่นและหื่นมาก แต่ผู้ชายหื่นเขาว่ารักเมียมากนะคะ 55
จะไปยังไงต่อไป ติดตามเอาแล้วกันน้อ