สวัสดีนักอ่านที่น่ารัก หลายท่านสงสัย ข้าพเจ้าจึงอยากบอกว่าเรื่องนี้ใกล้จบแล้วคาดว่าไม่เกินสามตอน ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ จุ้บๆ
ติได้ท้วงได้นะจ๊ะ
หมดใจ30
เพียงข้ามวันข้าวของเครื่องใช้ที่เต็มไปด้วยความทรงจำตั้งแต่สมัยเด็กจนถึงปัจจุบันของผมก็ย้ายมาอยู่ในสถานที่ใหม่ด้วยฝีมือคนงานสวน ที่นอนคิตตี้แสนรักของพี่ดูแปลกตาเมื่อมาอยู่บนเตียงไม้สักอย่างดีแทนที่เตียงเหล็กหลังเก่า ทั้งโคมไฟสไตล์โมเดิร์นของขวัญวันเกิดจากแม่ก็ดูไม่เข้ากันกับบ้านเรือนไทย ยังไม่นับรวมข้าวของอื่นๆ ซึ่งจัดเข้าที่แล้วแต่ดูอย่างไรมันก็ไม่ลงตัว แถมพี่ยังมีอาการใจสั่นแปลกๆ อาจเพราะทำงานหนักเกินไป หรืออาจเพราะการเปลี่ยนแปลงกะทันหันก็เป็นได้
สูดหายใจเข้าลึกหลายๆ อึก แม้จะทั้งรักทั้งหวงและอาลัยอาวรณ์บ้านหลังนั้นแต่ผมก็ต้องตัดสินใจเลือกสักทาง ในเมื่อคนที่ผมรักทั้งสองคนอยู่ที่นี่... คงไม่ต้องรั้งรออะไรอีกแล้ว
คิดถึงผู้ชายเอาไว้ ! สู้โว้ย ! !
กลับไปคราวนี้ผมได้เจอกระปุกหลังจากไม่ได้เจอเธอร่วมสี่เดือนได้ เธอดูสบายดีมากๆ หน้าที่การงานก็ก้าวหน้า อีกทั้งยังได้แฟนหนุ่มหล่อล่ำลูกครึ่งอังกฤษทำงานอยู่ฝ่ายขายในบริษัทแม่ โอย...เห็นแล้วน้ำลายหก เห็นน้องได้ดีผมก็ดีใจด้วย กล่าวถึงนพ รายนั้นเห็นน้องว่าเลิกกันไปก็คบกับกิ๊กได้ไม่นาน ตอนหลังยิ่งหนักเสียงานเสียการแถมยังติดพนันหนี้ท่วมหัว ไม่น่าเชื่อว่าเด็กซื่อๆ คนหนึ่งจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนั้น หรือแท้จริงแล้วนี่ต่างหากคือสันดารที่แท้จริง
นอกจากนั้นแล้วผมยังได้ไปเยี่ยมเยือนที่ทำงานเก่าแต่ไม่เจอเจ้านายเก่า น้องๆ เม้าท์กระจายว่าพอผมลาออกมา พี่ตุ๊กแกก็ยิ่งเครียด กดดันน้องทั้งที่ตัวพี่ท่านทำอะไรไม่ได้สักอย่าง น้องๆ ที่ทนแกไม่ไหวบ้างลาออกบ้างขอย้ายร้าน จนในที่สุดก็ต้องเปลี่ยนผู้จัดการ พี่นัทแกยังโทรมาชวนผมกลับไปทำแทน แต่โทษทีเถอะ พี่ไม่ว่างกำลังดูแลเด็กในสังกัด โฮะๆๆ
พูดถึงเด็กในสังกัด... พี่ยืนยันนอนยันตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าพี่ไม่เอาขันหมาก ก๋งเองก็ไม่อยากได้สินสอด ไอ้ตัวดีเรียกร้องจะจัดงานแต่ง จะบ้าเรอะ ! พี่เป็นผู้ชายนะ...ต่างจังหวัดแบบนี้ได้เป็นข่าวใหญ่แน่พ่อคุณเอ๋ย
แค่บอกว่าผูกข้อไม้ข้อมือ ทานข้าวภายในครอบครัวพี่ก็เกร็งจนสันนิบาตจะกินอยู่แล้วที่รัก ! หนุ่มรู้บ้างไหมว่าพี่เสียเชิงขนาดไหน แต่ไม่เป็นไร เพื่อเราพี่ยอมได้...ฮึ้ยย่ะ !
และแล้วเดทไลน์ที่ก๋งกำหนดไว้ก็มาถึง ท้องฟ้าฤดูฝนครึ้มอยู่ตลอดเวลา เสียงเครื่องยนต์สัญชาติญี่ปุ่นดับลงพร้อมกับร่างสี่ร่างกำลังก้าวลงจากรถ โชคดีที่วันนี้ไม่มีเม็ดฝนโปรยปราย มิเช่นนั้นพ่อหนุ่มกับผู้ใหญ่ทั้งสองท่านรวมถึงพี่ชายของเขาคงได้เปียกจนหมดหล่อ
ตอนนี้เจ็ดโมงเศษๆ เร็วกว่าที่พ่อยอดชายนัดเอาไว้เกือบยี่สิบนาที มองดูครอบครัวของเขาขึ้นบันไดมา ทำให้เพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าเป็นคนปอดแหกขนาดไหน ไม่บอกคงไม่รู้ว่ามือทั้งสองข้างของผมกำลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ เสื้อสีครีมภายใต้สูทลำลองก็ชุมเหงื่อไม่แพ้กัน ไม่อยากจะคิดว่าถ้าโบกหน้ามาสักหน่อยป่านนี้คงละลายไหลเป็นน้ำ
ก๋งนั่งรอท่าอยู่ที่แคร่ไม้สักทองตัวใหญ่กลางบ้านข้างกันคือเก้าอีกรับแขกหกชุด อาคเชนทร์ขอตัวเนื่องจากติดนัดสำคัญทั้งยังเห็นเป็นเรื่องภายในครอบครัว หน้าที่ต้อนรับแขกจึงตกมาอยู่ที่ป้าอ้อยและผม
ยิ้มไว้ไอ้ติ ยิ้มไว้...
โฮ... ปริ่ม นี่ขนกันมาหมดบ้านเลยใช่ไหม
"สวัสดีครับคุณน้า สวัสดีครับน้าศิ สวัสดีครับคุณเจ"
"สวัสดีจ้ะเจี๋ย"
"เชิญครับ..." กล่าวต้อนรับแขกไม่ทันเสร็จดี พ่อยอดขมองอิ่มของพี่ก็ฉวยมือไปกุมกระชับไว้แน่น ร่างสูงใหญ่สวมเชิตสีหวานทับเวยสูทลำลองกับกางเกงแสลค ใบหน้าคมโกนหนวดจนเกลี้ยงเกลาอิ่มเอิบ เดินนำผู้ใหญ่เข้ามาหาก๋งด้วยรอยยิ้มเสมือนมีความสุขมากมาย
อร๊าย ทำอะไรปรึกษากูบ้างงง ร้อนจนหน้ากูนี่เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดง เหงื่อออกเต็มรักแร้แล้วพ่อมึง
"อะแฮ่ม " น้ากรกระแอมเบาๆ แซวลูกชาย แล้วมันสะทกสะท้านไหม ? ก็ไม่...
"สวัสดีค่ะคุณอา ทานเช้ารึยังคะ ศิมาเร็วไปรึเปล่า"
"ไม่เร็วหรอก นั่งก่อนหนูศิ คุณกร เจ้าเบิ้มก็มาด้วยรึ" ก๋งยิ้มรับแขกอย่างมีมาดตามสไตล์ท่าน พี่เบิ้มไม่ใช่ใครก็เฮียของเจ้าตัวดีเขา ได้ยินมาว่าพี่น้องคู่นี้เขาสร้างวีรกรรมไว้เยอะ คิมหันต์รีบฉวยโอกาสดึงผมไปนั่งข้างๆ ขณะผู้ใหญ่เริ่มคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระ
อีกแล้วครับอาการใจตุ้มๆ ต่อมๆ มาอีกแล้ว !
"โธ่คุณตา เปลี่ยนชื่อเรียกเถอะครับ ชื่อนั้นไม่หล่อเลย" หนุ่มหล่อโอดครวญ เอาเป็นว่าหุ่นดีพี่ให้ผ่าน
?
...โทษทีเสียสมาธิไปหน่อย อยากบอกว่าถึงหน้าจะบล็อกเดียวกันแต่หญ้าอ่อนของผมคารมกินขาด !
"เป็นไงล่ะเรา ช่วยงานพ่ออยู่รึ ไม่เจอนานเหมือนกันนะ"
"เขาก็ช่วยงานที่โรงงานบ้างนั่นล่ะครับ แต่ส่วนใหญ่จะเฝ้าสวน คุมลูกน้องที่ออฟฟิศ ก็ช่วยได้มากครับ ไม่เกเรเหมือนเมื่อก่อนแล้ว นี่ไอ้เสือเล็กมาช่วยอีกแรง ผมค่อยได้พักหายใจหายคอหน่อย" น้ากร...พ่อพวกเขาดูใจดี ท่าทีเวลาพูดก็ดูสุภาพนุ่มนวลใจเย็น ไหงลูกชายถึงได้ใจร้อนนักก็ไม่รู้ แถมยังทำอะไรประเจิดประเจ้ออีก ดูซิ มือพี่ที่มึงกำไว้เหงื่อไหลเป็นน้ำแล้วเนี่ย !
"ตื่นเต้นเหรอ..." เขากระซิบถามพลางบีบๆ นวดๆ มือให้ รอยยิ้มฤดูร้อนภายใต้ท้องฟ้าครึ้มเมฆทำให้ผมไม่อยากเชื่อว่านี่คือความจริง ใครจะคิดว่าชีวิตเกย์คนหนึ่งจะมีหนุ่มรุ่นน้องพาพ่อแม่มาขอถึงบ้านคุณตา
คิดแล้วแอบกรี๊ด จะมีใครได้ยินไหม ?
"...อีกหน่อยศิคงต้องฝากฝังเจ้าเคไว้กับคุณอา มีอะไรก็อบรมสั่งสอนได้เต็มที่เลยนะคะ อย่าถึงขั้นลงไม้ลงมือปืนลั่นก็พอค่ะ" น้าศิพูดติดตลกขณะเจ้าตัวแสบของก๋งทำหน้าแหยเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนโดยเฉพาะก๋ง
"ฉันจะไปว่าอะไร โตๆ กันแล้ว หนูศิเองก็เลี้ยงลูกเป็น ไม่เห็นเหลวไหลสักคน โลกมันเปลี่ยนไปเสียจนฉันปรับตามแทบไม่ทัน แถมยังไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ฉันต่างหากที่อีกหน่อยคงต้องฝากฝังหลานไว้ให้หนูศิช่วยสอน"
เกิดความเงียบทั้งที่ใบหน้ายังเปื้อนยิ้มชั่วขณะเมื่อได้คิดตามคำพูดของผู้สูงวัย
"คุณตายังแข็งแรง ยังอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรได้อีกนานค่ะ" ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น..." มา...เด็กๆ มานั่งนี่" น้าศิพยักหน้าเรียกเราให้ไปนั่งตรงหน้าท่าน ป้าอ้อยนำสายสิญจน์ที่เตียมไว้ใส่พานมาวางด้านข้าง วินาทีนี้ราวกับมีกลองสะบัดชัยมารัวในอกพี่ คนข้างกายจับแขนผมให้เดินเข่าไปพร้อมกันแล้วพับเพียบลงตรงหน้าผู้ใหญ่ ก๋งหยิบสายสิญจน์มาลูบข้อมือก่อนจะบรรจงผูกให้ เริ่มที่ผมเป็นคนแรก
"์คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีวันนี้..." ท่านเหลือบมองมาจนผมทำหน้าไม่ถูก มุมปากของท่านยกยิ้มน้อยๆ พอให้รู้ว่าก๋งเองไม่ได้ฝืนหรือลำบากใจกับสิ่งที่ผมเป็น "ขอให้ทั้งคู่อยู่เย็นเป็นสุข คิดทำการใดก็ขอให้มีสติระลึกรู้ และคิดถึงคู่ชีวิตเป็นสำคัญ ขอแค่ให้เมตตา อาทร ห่วงใย และมีความเอื้อเฟื้อต่อกันไว้...ฐิทิหรือศักดิ์ศรีมันก็ไม่สำคัญ"
ปมที่ผูกเป็นเงื่อนตายดั่งห่วงผูกมัดผมไว้กับอีกหนึ่งชีวิตซึ่งเป็นคนสำคัญและผมเต็มใจรับไว้ทั้งหมด
เสร็จจากผมท่านพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงเรียก คิมหันต์ยิ้มกริ่มคลานเข้าหาผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม ก๋งลูบสายสิญจน์บนข้อมือหนาก่อนจะเริ่มผูกเป็นปมอีกครั้งและอีกครั้ง
"เมื่อวันใดที่ความรักแบบหนุ่มสาวนั้นจืดจาง ก็ขอให้ระลึกนึกถึงวันแรกที่เริ่มรัก นึกถึงอุปสรรคที่เคยผ่านมา นึกถึงวันนี้ และทุกๆ วันที่เคยมีความสุขร่วมกัน ขอให้ทั้งคู่โชคดีมีชัย"
"ขอบคุณครับ" เราก้มลงกราบ ท่านลูบหัวเราหนัก ๆ จนผมรู้สึกว่าน้ำรื้นขึ้นขอบตา และก่อนที่ผมจะร้องไห้ให้ได้อายเจ้าตัวดีก็ขยับนำไปทางพ่อแม่ของเขา
"โอยลูกชายแม่ขายออกแล้วหรือนี่" น้าศิพูดติดตลกเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนก่อนท่านจะเริ่มบรรจงผูกให้เราทั้งคู่
"หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กันนะลูก หากคนหนึ่งเป็นไฟอีกคนหนึ่งขอให้เป็นดั่งน้ำเย็น อย่าได้เป็นน้ำมันเชียว... มีปัญหาก็ขอให้ใช้เหตุผลคุยกันอาใช้อารมณ์ อะไรที่รู้ว่าอีกคนไม่ชอบเลี่ยงได้ก็เลี่ยง ขอให้ใส่ใจถนอมใจกันไว้นะจ๊ะที่รัก"
น้าศิหอมหน้าผากลูกชายลามเลยมาถึงผมอย่างไม่รังเกียจ เป็นไอ้ติเสียอีกที่ปลื้มใจปนเก้อกระดาก นอกจากแม่ยังไม่เคยมีสาวที่ไหนมาหอมเหม่งผมเลยนะ
"คุณอากับแม่พูดหมด แล้วพ่อจะพูดอะไรดีล่ะเนี่ย..." น้ากรยิ้มขำก่อนเริ่มลงมือ "พ่ออยากให้ทั้งคู่รักษาศีลห้าเอาไว้ ไม่ต้องตึงเปรี๊ยะแค่ให้รู้จักยับยั้งใจ รู้ผิดชอบชั่วดี ดำเนินชีวิตอยู่ในศีลในธรรม และขอให้ซื้อสัตย์ต่อกัน"
"ครับ"
"เอ้าอ้อยมา..ผูกให้หลานหน่อย"
ก๋งร้องเรียกป้าอ้อยที่ยืนดูด้วยท่าทีเก้งก้าง ท่านเป็นคนเก่าคนแก่และมีความสำคัญไม่แพ้คนในครอบครัวผมเองเต็มใจอย่างยิ่ง และยังนึกเสียดายที่อาคเชนทร์ไม่ว่างเพราะถ้าไม่ได้ท่านเกลี้ยกล่อมผมคงจะยังเคืองก๋ง และคงไม่มีวันนี้
ป้าอ้อยมองเราด้วยความอารีโดยเฉพาะคุณหนูเคของป้า
"ขอให้มีความสุขนะคะคุณหนูทั้งสอง" คำว่าคุณหนูรวมถึงผมแล้ว...ฟังดูจั๊กจี้นะครับ
"มีเมียแล้วทำตัวดีๆ อย่านอกลู่นอกทางนะน้องรัก" อื้อหือ ฟังพี่เขาพูด "คุณเจี๋ยก็ดูแลมันหน่อยนะครับ เด็กเพิ่งโต ฮ่าๆ " พอได้สัมผัสในระยะประชิด ผมถึงได้รู้ว่าเฮียแกไม่ค่อยเต็มเต็ง ท่าทางเฮียเจจะมีปัญหากับปลายเชือกสองฝั่งที่ผูกอย่างไรก็ไม่สำเร็จเสียที แถมกลิ่นบุหรี่ยังนำหน้ามาแต่ไกล ติดลบสามสิบ !
"จะผูกเสร็จไหมวันนี้" คิมหันต์ถามเฮียเขาแบบไม่เกรงใจ ถูกใจพี่มากที่รัก เร็วๆได้ไหมเฮียผมจะรีบเข้าหอ !
อร๊ายคิดอะไรออกไป ! คึคึคึ
เรากลับมานั่งที่เดิมเกิดความเงียบชั่วอึดใจก๋งจึงอวยพรให้อีกครั้ง
"ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก จงคุ้มครองให้ทั้งคู่แคล้วคลาดปลอดภัย มีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป"
เราก้มลงกราบผู้ใหญ่อีกครั้งขณะป้าอ้อยรีบยกน้ำชาออกมาเพื่อให้เรายกให้ผู้ใหญ่ทุกท่าน เป็นพิธีการที่ผสมผสานกันแปลกๆ โดยที่ผมไม่เข้าใจความหมายลึกซึ้งของมันนัก หลังจากดื่มชาน้าศิจับมือเราทั้งคู่วางประสานกันไว้
"น้าฝากน้องด้วยนะเจี๋ย ดูแลกันดีๆ นะลูกนะ"
"ครับ" ผมตอบรับด้วยความเต็มใจและยินดีเป็นอย่างยิ่ง ความรู้สักเปรมปรีดิ์อัดแน่นจนล้นอก ยิ่งได้สบตาหวานเชื่อมของคนที่นับได้ว่าเป็นคู่ชีวิตนับแต่วันนี้เป็นต้นไป...ผมก็ยิ่งรู้สึกฮึกเหิมและอิ่มใจอย่างที่ไม่เคยคาดฝัน
"ดูแลผมไปนานๆ นะ"
คิมหันต์ยิ้มเต็มวงหน้า ค่อยๆ ดึงมือกลับเพื่อประนมไว้กลางอกแล้วก้มลงกราบอย่างที่พี่ไม่ได้คาดคิดไว้ว่าเขาจะทำ เล่นเอาพี่ต้องรีบขยับเข้าหาช้อนประคองมือทั้งคู่ไว้แนบอกแทบไม่ทัน เขาซบลงตามมือมา ศีรษะทุยอยู่ระดับปลายจมูกพอดิบพอดี พี่ก้มจูบลงตรงกลางกระหม่อมสูดกลิ่นแว็กซ์เซตผมเข้าเต็มปอดพี่ ไอ้ตัวดีไม่ปล่อยโอกาส ได้ทีเงยหน้าหอมแก้มพี่ดังฟอดดด ขณะเดียวกันโสตพี่ก็ได้ยินเสียงชัตเตอร์ดังมาจากมือถือราคาแพงของน้าศิ
อ้ากกก !
"หอมจัง" คิมหันต์กระซิบ หน้าคมขึ้นสีระเรื่อทั้งยังสงบปากสงบคำกว่าปกติบ่งบอกว่าเขาก็ตื่นเต้นและเขินไม่แพ้ผม แต่พ่อก็ยังใจกล้าหน้าด้านเสียเหลือเกิน
ไม่อยากสวีทหวานโชว์ผู้ใหญ่ พอเสร็จพิธีเราทั้งหมดก็ยกกันไปทำบุญเลี้ยงเพลที่วัดในตัวจังหวัดด้วยรถเก๋งหนึ่งคันและรถกระบะอีกหนึ่งคัน ได้ป้าอ้อยเป็นหัวเรือใหญ่ในการทำอาหารทั้งคาวหวาน ฟังพระสวด ถวายสังฆทาน รับศีลรับพรกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้พ่อแม่ซึ่งปีนี้ย่างเข้าปีที่สี่แล้วที่ท่านจากไป บรรยากาศวัดให้ดูร่มรื่นให้ความสงบร่มเย็น บางเวลาก๋งทอดมองออกไปอย่างเงียบๆ ก่อนจะพรูลมออกมาเบาๆ เรื่องในอดีตเราไม่มีทางกลับไปแก้ไขมันได้ คงจะมีก็เพียงปัจจุบันเท่านั้นที่เราจะเลือกทำสิ่งที่ดีที่สุดโดยหวังว่าจะไม่คิดเสียใจเมื่อก้าวเดินไปถึงอนาคต
"คิดถึงแม่หรอครับ" ผมปลีกมาคุยกับก๋งหลังจากช่วยยกของขึ้นกระบะเสร็จแล้ว แว่วเสียงพ่อหวานใจเถียงอะไรสักอย่างกับเฮียของเขาอยู่ไกลๆ
"ฉันมีลูกสาวคนเดียวก็ต้องคิดถึงเป็นธรรมดา ฉันเสียใจมาตลอด...เพราะมัวแต่ห่วงหน้าตา รักศักดิ์ศรี ถือฐิทิจนวางไม่ลง ทำพลาดไปหลายอย่าง กระทั่งตายจากฉันก็ยังไม่ได้ไปเผาผี จะหวังก็เพียงให้แม่จันทร์ไปสู่สุขคติ และอโหสิกรรมให้ฉัน" ว่ากันว่าคนที่ตายไม่รู้ตัวเช่นเกิดอุบัติเหตุวิญญาณจะหลงทาง และอาจจะยังไม่ได้ไปปรโลก
"แม่ไม่เคยโกรธก๋ง... ท่านโทษตัวเองเสมอ และก็หวังว่าก๋งจะหายโกรธ..."
"เป็นเพราะฉัน..."
"มันแล้วไปแล้ว อย่าไปคิดถึงเลยครับ อย่าโทษตัวเองเลย แม่คงไม่อยากเห็นก๋งเป็นทุกข์"
เป็นครั้งแรกที่เราพูดถึงเรื่องเก่าซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามระหว่างเรา สายลมหวีดหวิวกิ่งไผ่ พระพรายโอบล้อมเราไว้ดังจะช่วยปลอบปะโลม บางครั้งคนเราก็อยากจะกลับไปแก้ไขอดีต แต่เพราะอดีตแก้ไขไม่ได้เราจึงต้องจดจำไว้เป็นบทเรียนไม่ให้ทำผิดซ้ำสอง ยิ่งอดีตนั้นเกี่ยวเนื่องกับคนสำคัญกลายเป็นหนามแหลมคอยทิ่มแทงซ้ำๆ ทุกครั้งที่นึกถึง
"ไปกันเถอะครับ"
ต่อไปผมจะดูแลก๋งเอง...หวังว่าพ่อกับแม่จะหมดห่วงและได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี...
ครึ่งวันที่เหลือเป็นการทัวร์เมืองจันทร์ ผลไม้มีอยู่ทุกที่ ทั้งๆ ที่เป็นช่วงสุดท้ายของฤดู ซึ่งผมเห็นจนชินตา น้าศิดูสนุกสนานกับการเดินตลาดเลือกซื้อเสื้อผ้าทั้งของตนเองและสามีไม่ลืมเผื่อแผ่ถึงลูกชายทั้งสองและผมด้วย เดินกับท่านได้ไม่นานก็เป็นอันต้องปลีกวิเวก เนื่องจากพ่อหนุ่มเขาทนเป็นตุ๊กตาให้แม่จับลองชุดนี้ชุดนั้นไม่ไหว น้ากรก็ช่างใจเย็นภรรยาว่าอะไรดีท่านก็ดีด้วยหมด
ดูเหมือนก๋งจะได้ปืนถูกใจมาสะสมอีกกระบอกจากร้านของเก่าที่ดูมีมนตร์ขลัง ผมแทบไม่ได้อะไรติดมือเพราะติดนิสัยตระหนี่เป็นทุนเดิมจะมีก็เพียงของกินที่คิมหันต์ซื้อดะตั้งแต่ต้นตลาดยันท้ายตลาด
"อ้วนกูทิ้งนะ" ผมกระซิบลอดไรฟันขณะอยู่บนรถ คนขับตัวดีมันบังคับให้พี่ป้อนขนมให้ ปากสีสดเคี้ยวยุบยับแก้มตุ่ยอย่างกับแฮมเตอร์ มึงคิดว่าขนมขี้หนูมันป้อนง่ายๆ เรอะ !
"ไม่เอาน่า อ้วนกอดอุ่นนะ ลองมะ มามะ งุงิงุงิ" มันเอื้อมมือมาเกาคางพี่แถมยังทำเสียงเล็กเสียงน้อย น่ารักจุงงง สลัดของพี่ !
"หมดปากแล้วอ้า..." ห่ารากเกรงใจก๋งกูบ้าง เห็นแก่หัวหงอกที่นั่งเบาะหลังไหม !
"..." กูไม่ป้อนแล้ว ยัง ! ยังจะมองหน้า ไม่ต้องทำตาน่าสงสาร อยากข่วนหน้ามึงจริงๆเลย
"เอ้า" แล้วพี่ก็จับขนมปั้นๆ แล้วยัดปากมัน กูอยากจะบ้า ขี้ตื๊อไม่มีใครเกิน !
กว่าเราจะกลับมาถึงบ้านคิมหันต์ก็ปาเข้าไปเกือบสี่โมงเย็น เราจัดปาร์ตี้ปิ้งย่างเล็กๆ ภายในครอบครัวที่สนามหญ้าข้างบ้าน ต้นไม้และรั้วบ้านถูกประดับด้วยริบบิ้นหลากสีบ้างดัดเป็นลอน บ้างผูกเป็นโบ และยังมีไฟดวงเล็กๆประดับไว้พร้อมเปิดยามค่ำคืน
นอกจากเราแล้วยังมีญาติๆ คิมหันต์อีกสองครอบครัวมาร่วมด้วย ริมสนามมีเวทีเล็กพร้อมเพลงคาราโอเกะที่ทั้งเด็กเล็กและคนแก่แย่งไมค์กันพัลวัน อาหารจานหลักหลายจานน้าศิลงมือทำเอง ผู้ใหญ่คุยกันอย่างครื้นเครงอยู่ที่โต๊ะใหญ่กลางสนาม เห็นก๋งยิ้มและหัวเราะกับคนวัยใกล้เคียงกันผมก็พลอยเบาใจ เพราะกลัวท่านจะเบื่อเสียเปล่าๆ แถมยังเกรงใจท่านที่ถูกเราลากไปตระเวนทั้งวัน
เด็กๆ วัยประถมจนถึงมัธยมต้นประมาณหกคนซึ่งเป็นหลานคิมหันต์ดูสนุกสนาน น้องอิมวัยแปดขวบชอบอกชอบใจผมเป็นพิเศษ ผมไม่รู้ว่าอาหลานเขากระซิบกระซาบอะไรกัน เผลอเพียงครู่เดียวสาวน้อยกระโปรงแดงฟูฟ่องก็อุ้มกุหลาบขาวช่อโตมามอบให้
เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเปล่งเสียงออกมาอย่างกล้าหาญ
"ของอาเจี๋ยค่ะ ! "
ผมรับช่อกุหลาบยักษ์มาจากมือน้อยๆ เห็นการ์ดสีครีมใบเล็กแนบมาด้วยพร้อมลายมือที่เห็นปุ้บรู้ปั้บแบบไม่ต้องเดา
"แด่พี่เจี๋ยสุดที่รัก... "อยากตบกบาลตัวเอง นี่หวานแล้วใช่ไหมลูก หืม...
อร๊ายยย
ผมละสายตาจากการ์ดเล็กๆ เพื่อสบตากับเจ้าของกุหลาบขาว พ่อยอดชายของพี่ที่เดินมาหาพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มขบริมฝีปากตัวเองด้วยใบหน้าแดงก่ำ เออนะคนเรา...บทจะเขินพ่อก็เขินซะ...
ทำดีไม่ต้องอายนะจ๊ะ แค่ให้พี่เขินคนเดียวก็พอแล้ว !
ไม่ต้องรออะไรแล้วครับ พี่ถูกเด็กหิ้วขึ้นมาบนห้อง ช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นมาถึงแล้ว ทันทีที่ถอดเสื้ออกภายใต้แสงไฟสว่างโล่ พี่ก็เห็นสิ่งน่าอิจฉา...กล้ามท้องเป็นลอนแบบที่ไม่อยากหันมามองพุงกระทิของตัวพี่เลย
"เค แล้วก๋งพี่ล่ะ"
"เดี๋ยวไปส่งก็ได้... "
"เดี๋ยว..."พี่ดันคางที่พยายามงับนมพี่ นี่มันหมาบ้าชัดๆ ขอร้องอย่าหายใจแรงได้ไหม
"ไม่เดี๋ยวแล้ว พี่รู้ตัวไหมว่าน่าฟัดขนาดไหน" คิมหันต์สูดหายใจเข้าลึกบนกลุ่มผมพี่ มือปลายหมึกลูบคลำจากแผ่นเบากลายเป็นหนักหน่วง
"ขนาดไหนล่ะ" พี่กัดปากพอเป็นพิธี สารภาพตามตรงตอนนี้ชักสองจิตสองใจ ห่วงก๋งก็ห่วง จะขัดใจเด็กก็ดูหักหาญน้ำใจกันเกินไป...
"ให้ตาย...รู้ก็รู้ว่าผมหลงพี่ขนาดไหนยังจะยั่วกันอีก"
มันกัดปลายจมูกพี่ก่อนจะพ่นลมหายใจอย่างระงับอารมณ์ไม่วายเบียดร่างกายท่อนล่างเข้ามา แล้วอย่างนี้จะระงับอยู่ได้ไง
"แค่หลงเองเหรอ"
"รักครับ...ยอมแล้วครับ" คิมหันต์หลุดขำ คว้าเอวผมไปกอดแน่นก่อนทิ้งตัวลงที่นอนซึ่งมีผมทาบทับอยู่ด้านบน "วันนี้ผมมีความสุขที่สุดเลย...พี่เป็นเมียผมแล้วนะ"
โอยกระดากปาก แต่ได้ข่าวว่ากูเป็นมานานแล้วป่ะ ?
"เพิ่งรู้ตัวหรือไง"
อดไม่ได้ที่จะลูบแก้มสากอย่างรักใคร่ ทูนหัวของผมหัวเราะจนตายิบหยี ผมจึงถือโอกาสสวมแหวนให้
จนเจ้าตัวตาโตขึ้นมาทันที
"ให้ แหวนวงนี้ก๋งให้มาซึ่งพี่ก็ชอบและรักมากจึงอยากให้เคช่วยดูแล"
ผมรู้ว่าน้องมันเสียเซลล์เรื่องแหวนเมื่อครั้งก่อนหนำซ้ำผมยังเคยพูดจาปากเปาะเอาไว้ว่าไม่ชอบใส่แหวน เพราะมันดูตุ้งติ้ง ซึ่งทำให้คิมหันต์เสียความรู้สึกไม่น้อน คราวนี้ผมจึงอยากแก้ตัว...
อะไร ? ไม่ลงทุน ?
ชิชะ ! แหวนมรกตเก่าแก่ราคาเหยียบแสนเลยนะเว้ยเฮ้ย แถมยังเป็นสมบัติก๋ง ไม่รักกันจริงพี่ไม่ให้ง่ายๆ นะไอ้น้อง !
"ขอบคุณครับ"
ตาคมมองพี่อย่างซาบซึ้ง ชวนใจแกว่งแปลกๆ พี่ไม่ชินว่ะครับ
"อย่าทำซึ้งดิ กู... ลงไปข้างล่างแล้วนะ"
"จะรีบไปไหนล่ะ" เขาลุกตามมารั้งเอวพี่ไว้ ก่อนจะกระซิบริมหู "อยากตอบแทน...ให้ทั้งตัวและหัวใจเลย"
"..."
"ขอบคุณครับ รักเจี๋ยนะ""อืม"
"..." ปากไม่ว่าแต่มือถึง ปากเจ้าจมูกเจ้าจูบเอาหอมเอา โอย...
"คิมหันต์"
"ครับ"
"ก๋งรออยู่..." อย่าเพิ่งนัวเนียได้ไหมกูจะตบะแตกอยู่แล้ววว
ปัง ปัง ปังฉิบหาย ขวัญกูบินว่อน ใครวะ !
"คุณเคคะ อยู่ในห้องรึเปล่าคะ มีคนมาหาค่ะ"
เสียงแม่บ้านพูดผ่านประตูเข้ามา
"ใครครับ" ฝั่งนี้ก็ไม่ยอมเปิดประตูจริงๆ ตะโกนถามกลับไป
"ไม่ทราบค่ะ เขามาขอพบคุณเค รออยู่นอกรั้วน่ะค่ะ"
คิมหันต์ยอมปล่อยเอวพี่ผละออกไปเลิกม่านหน้าตาดู ก่อนสีหน้าเปี่ยมสุขจะเต็มไปด้วยความยุ่งยากใจ...ผมจึงชะโงกหน้าดูตามปรากฎว่า
ใครวะ ?
"..." คิมหันต์ดูวุ่นวายใจ ยกมือขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด
เอาอีกแล้วไอ้ตัวดี สีหน้ามึงนี่ฟ้องทุกอย่างเลย โชคดีหรือโชคร้ายของผมว่าที่มีคนรักโกหกไม่เนียนแบบนี้
"เฮ้ย ! มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ"
"กูยังไม่ได้คิดอะไรเลย อย่าร้อนตัวได้ไหม"
"โธ่...ไม่มีอะไรจริงๆ ไม่เชื่อลงไปพร้อมกันก็ได้เอ้า ! "
พี่ไม่อยากคาดเดาอะไรมากเพราะเกรงว่า ถ้ามันเกินที่คาดคิดจากที่จะได้เข้าหอมึงจะได้ข้ามขั้นไปลงโลงแทน