อ่านต่อกันเลยค่ะ^^
.
.
.
“เฮ้อออ” ผมสะดุ้งกับเสียงถอนหายใจพรืดใหญ่ของพี่ และยิ่งรู้สึกผิดที่เห็นพี่ตีหน้ายุ่ง ทั้งๆที่ยืนกอดอกหลับตาคิ้วขมวดอยู่
ผมคงทำให้พี่ลีโอโกรธอีกแล้วสินะ น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ร่วงเผาะมาตามแก้มอย่างกลั้นไม่อยู่ แต่ผมจะไม่มีทางปล่อยเสียงสะอื้นออกมาให้พี่ลีโอได้ยิน จนต้องโกรธผมมากขึ้นกว่าเดิม ผมกัดริมฝีปากตัวเองไว้เพื่อกลั้นเสียง และพยายามใช้หลังมือป้ายคราบน้ำตาทิ้งเร็วๆ
“หมูน้อย~...ปล่อยครับ ไม่กัดปากตัวเองแบบนี้” พี่ลีโอทอดเสียงอ่อนเรียกชื่อผม ก่อนจะเชยคางผมขึ้น และขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเห็นว่าผมร้องไห้ แต่อาการเสียใจน้อยใจที่ผมมีกลับค่อยๆเบาบางลง เพียงแค่พี่ห้ามปรามผมด้วยเสียงอ่อนๆ และไล้ปลายนิ้วไปมายังกลีบปากให้ผมคลายแรงกัดลง
ยามนี้สีหน้าแววตาของพี่ลีโออ่อนโยนเสียจนผมมองเพลิน ปล่อยตัวให้พี่เช็ดน้ำตาที่แก้ม และไล้ปลายนิ้วที่กลีบปากช้ำๆของตัวเอง กระทั่งพี่ยื่นหน้าเอาปากเข้ามาแตะริมฝีปาก ผมก็ยังไม่รู้ตัว ต่อเมื่อลิ้นนิ่มๆไล้เลียไปมา ทำเอาผมตัวอ่อนยวบเอนกายเข้าหาพี่ และเปิดปากให้ลิ้นร้อนๆเข้ามามอบความหวานลึกล้ำให้
ผมเพลินไปกับเรียวลิ้นของพี่ที่กวาดต้อนลิ้นผม และฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบไปทั่วแผ่นหลัง เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้ผมแทบขาดใจ เผยอปากรับอากาศเข้าปอด ชดเชยมวลอากาศที่ถูกพี่ขโมยไป พี่เองก็ลูบหลังลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน พร้อมโอบกอดผมไว้อย่างหลวมๆ แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นใจแก่ผมมากนัก
ผมนั่งอ่อนแรงปล่อยตัวปล่อยใจให้พี่กอด ทั้งๆที่ใบหน้าร้อนฉ่าแทบมอดไหม้ แต่ริมฝีปากกลับหุบยิ้มไม่ลง ‘ผมชอบอ้อมกอดของพี่ลีโอที่สุดเลยครับ’ พี่ลีโอก็แสนรู้ใจนั่งกอดผมไม่ยอมปล่อยเช่นกัน จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่นำอาหารมื้อเย็นมาส่ง พี่ถึงผละกอดเพื่อไปรับถาดอาหาร แม้ผมจะเสียดายอ้อมกอดของพี่ แต่ก็มีข้อดีที่ทำให้ผมมีเวลาปรับสีหน้าเก้อเขินที่เป็นอยู่
“ลูกหมูทานเองได้ครับ” ผมเอนตัวหนีปลายช้อนที่ถูกยื่นมาจ่อปาก แต่ตาคมๆที่ฉายแววจริงจังกึ่งบังคับ ทำให้ผมต้องอ้าปากรับข้าวต้มที่ถูกเป่าจนอุ่นนั้น
“ไม่ดื้อแบบนี้สิน่ารัก” คำชมและรอยยิ้มของพี่ลีโอ ทำให้ผมไม่คิดจะขัดขืนขอกินเองอีกเลย
ผมอ้าปากรับข้าวต้มจืดๆที่พี่ป้อนจนเกือบหมดชาม ไม่ใช่ว่ามันมีรสชาติอร่อยมากมายอะไร แต่เป็นเพราะแววตาอบอุ่นและรอยยิ้มชวนมองของพี่ต่างหากที่ทำให้ผมเจริญอาหาร จบมื้อด้วยยากำใหญ่ที่ทำให้ผมน้ำตาเล็ด หลังพยายามกล้ำกลืนพวกมันลงคอ แต่ความขมติดปลายลิ้น และอาการท้องอืดเพราะดื่มน้ำแทบหมดเหยือกของผมก็ถูกลืมไปในพริบตา เมื่อพี่ลีโอยื่นหน้ามากระซิบชมว่าผมเก่งข้างๆหู แถมด้วยประทับจูบที่หน้าผากเนิ่นนาน
“ได้เวลาพักผ่อนแล้วครับ ฝันดีนะหมูน้อย...เช้าแล้วต้องตื่น ขอให้รู้ไว้ว่าพี่รอเราอยู่” พี่ลีโออวยพรให้ผมฝันดีด้วยเสียงนุ่มดุจกำมะหยี และระบายยิ้มบางเบาชวนตะลึง
‘นี่ผมไม่ได้ฝันอยู่ใช่มั้ย’ ผมได้แต่หลับตาตามคำสั่งของพี่อย่างเต็มใจ และแน่ใจว่าตัวเองกำลังยกยิ้ม แต่นาทีนี้ผมห้ามใจไม่อยู่จริงๆ ด้วยพี่ลีโอใจดีกับผมเป็นพิเศษ พาลคิดไปว่าไม่อยากให้ตัวเองหายป่วยเอาเสียดื้อๆ
“ได้ฟังอาการของลูกหมูจากคุณหมอแล้ว ดิฉันค่อยหายห่วงหน่อยค่ะ ต้องขอบคุณมากนะคะ ที่ดูแลลูกของเราอย่างดี” ผมจำได้ว่าเป็นเสียงของคุณป้า ท่านคงกำลังคุยกับคุณหมอคนสวยอยู่สินะครับ
หากเปิดตามาผมกลับพบว่าเป็นหมอคนละคนกับเมื่อวาน ด้วยคุณหมอคนนี้เป็นคุณหมอผู้ชายเลยวัยกลางคน กำลังยืนคุยกับคุณป้า คุณลุง และพี่ลีโอ แต่ยังไม่มีใครสังเกตเห็นว่าผมตื่นแล้ว และผมเองก็ไม่อยากขัดจังหวะเวลาที่ผู้ใหญ่คุยกัน
“ครับ ถือว่าคนไข้โชคดีที่ตกบันไดแล้ว มีบาดแผลไม่ใหญ่นักที่ศีรษะ และแค่กระดูกขาร้าวเท่านั้น ใช้เวลาสักเดือนร่างกายก็จะหายเป็นปกติดี พรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ แต่หลังจากนี้คงต้องใช้ไม้เท้าหรือไม่ก็รถเข็นไปก่อนนะครับ”
ได้ฟังอาการของตัวเองจากปากคุณหมอก็ให้เบาใจ ขืนผมต้องนอนโรงพยาบาลนานๆ ผมคงได้ตกรุ่นเพราะจบไม่พร้อมเพื่อนเป็นแน่ แม้จะแอบเสียดายความใจดีของพี่ลีโอยามที่ผมป่วยก็ตามที
“แล้วอวัยวะภายในปกติดีใช่มั้ยคะ...เอ่อ คุณหมอวิทยาได้ติดต่อมาหาคุณหมอรึยังคะ” คุณลุงหมอวิทยาเป็นหมอประจำตระกูลให้อัครภูมิเมธีน่ะครับ ท่านคงต้องดูแลผมต่อจากคุณหมอท่านนี้
“ครับ ทุกอย่างปกติดี ตั้งแต่ได้คุยกับทางหมอวิทยา ผมต้องยอมรับว่าประหลาดใจมาก ไม่เคยเห็นเคสแบบลูกหมูมาก่อน ภายนอกเครื่องเพศเป็นผู้ชายปกติ แต่ภายใน...”
“ลูกหมู!...หมูน้อยตื่นนานรึยังครับ” พี่ลีโอหันมาเห็นผมเข้าพอดี จึงทักออกมาแบบนั้น
คุณหมอที่กำลังเล่าผลตรวจร่างกายของผมแก่ทุกคนหยุดชะงักกลางคัน พร้อมๆกับที่ทุกคนหันมามองผมด้วยสีหน้าตกใจ โดยเฉพาะคุณป้า ก่อนที่พี่ลีโอจะเดินเข้ามายืนข้างเตียง ส่งยิ้มพร้อมกับคำถามแสดงความห่วงใยมาให้ผม มีลูบหัวและยื่นแก้วน้ำมาให้ผมดูดน้ำจากหลอดอีกด้วย
รอยยิ้มและท่าทางอ่อนโยนที่พี่มีให้ ทำให้ผมลืมเลือนถึงข้อสงสัยในคำบอกเล่าของคุณหมอเจ้าของไข้ไปเลย หันไปอีกทีทั้งคุณลุงคุณป้าและคุณหมอก็ออกจากห้องไปแล้ว ซึ่งท่าทางผมที่กวาดตามองไปรอบห้อง ทำให้พี่ลีโอส่งคำถามแสดงความห่วงใยตามมาอีกมากมาย
อย่างคำถามที่ว่าผมอยากเข้าห้องน้ำมั้ย หิวรึยัง หรือแม้แต่เจ็บตรงไหนรึเปล่า แน่นอนว่าคำถามเหล่านั้นถูกถามด้วยเสียงนุ่มๆ สอดคล้องไปกับแววตาอบอุ่น และท่าทางที่แสนอ่อนโยน จึงไม่แปลกที่ผมแทบจำอะไรไม่ได้ แม้แต่คำถามที่ค้างคาใจ จนกระทั่งผู้มีพระคุณทั้งสองคนกลับมา
“พระคุ้มครองนะลูก...ต่อไปลูกหมูห้ามลืมทานข้าวอีกนะครับ ดูสิครั้งนี้เลยต้องเข้าโรงพยาบาลเลย คุณลุงกับป้าเป็นห่วงเรามากนะรู้มั้ย ดีที่พี่ลีโอมาเฝ้าลูกด้วยตัวเอง ไม่งั้นป้าคงไม่สบายใจ และต้องโทษตัวเองมากกว่านี้แน่ๆ ที่ดูแลเราได้ไม่ดี” ผมกราบลงบนอกอุ่นของคุณป้า เพราะรู้สึกผิดเต็มหัวใจที่เป็นต้นเหตุแห่งความไม่สบายใจของท่าน
“ลูกหมูขอโทษครับ ลูกหมูสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดี จะไม่ทำตัวให้คุณป้าและคุณลุงเป็นห่วงอีก” ผมเงยหน้าส่งยิ้มอ้อนๆใส่ดวงตาที่กำลังเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาของคุณป้า
ท่านเองก็ระบายยิ้มบางเบาและพยักหน้าน้อยๆ ก่อนแตะจมูกลงที่แก้มพร้อมกอดผมไว้หลวมๆ
“เรื่องร้ายๆก็ผ่านไปแล้ว ลุงเชื่อว่าต่อไปจะมีแต่เรื่องดีๆเข้ามาในชีวิตของลูกหมู” คุณลุงยืนเอามือไพล่หลัง พร้อมระบายยิ้มเมตตาส่งให้ผม
ผมรับคำคุณลุงพร้อมยกมือขึ้นไหว้ท่าน ด้วยถือเป็นคำอวยพรที่แสนมีค่าสำหรับผมมากนัก หลังจากนั้นคนบ้านภักดิภูมิเมธีก็ตัดสินใจอยู่ทานข้าวเช้ากับผมที่ห้องพักคนไข้ แรกรู้ผมถึงกลับอึ้งก่อนจะน้ำตาคลอหน่วย ด้วยความซาบซึ้งที่ทุกคนแสดงออกชัดว่าเป็นห่วงผม
คุณลุงที่มีศักดิ์เป็นถึงหม่อมหลวงหนึ่งในราชสกุล กลับนั่งรับประทานข้าวที่คุณป้านำมาจากบ้าน โดยที่ท่านทั้งคู่นั่งทานกันง่ายๆอยู่บนโต๊ะข้างเตียงที่ผมนอน ส่วนพี่ลีโอก็มานั่งป้อนข้าวให้ผมเช่นเดิม พร้อมๆกับทานของตัวเองไปด้วย จึงทำให้มื้อนี้ของผมเป็นมื้อที่พิเศษและอร่อยที่สุด ตั้งแต่ผมมีโอกาสร่วมทานข้าวกับทุกคน เพราะผมรับรู้ได้ว่าตัวเองได้รับความรักและความใส่ใจจากคนบ้านอัครภูมิเมธีอย่างแท้จริง
ก่อนที่คุณลุงคุณป้าจะกลับออกไป ท่านทั้งคู่ยังคงเมตตาผม ด้วยการย้ำกับพี่ลีโอให้ดูแลผมอย่างดี ก่อนหันมาบอกผมว่าให้เชื่อฟังพี่ ห้ามรั้นทำในสิ่งที่จะทำให้ผมเจ็บตัวมากขึ้นเด็ดขาด เพราะพรุ่งนี้พวกท่านจะรอรับการกลับบ้านของผมอยู่ที่บ้านอัครภูมิเมธี ได้ฟังเช่นนั้นผมถึงกลับห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่ จึงสร้างความลำบากให้พี่ลีโอต้องมาปลอบ
“คุณลีโอจะเช็ดตัวให้คุณลูกหมูเองเหมือนเดิมมั้ยคะ” ผมสะบัดหน้าพรืดหันไปมองคนที่โดนตั้งคำถามทันที ยอมรับว่าตกใจไม่น้อย ที่ได้ยินคำถามนี้จากคุณพยาบาลผู้ช่วยที่นำยาหลังอาหารมาให้ผม
สิ่งที่ได้ยินแปลได้อย่างเดียวว่าพี่เคยเช็ดตัวให้ผมด้วยตัวเอง ในยามที่ผมนอนไม่ได้สติ และคำตอบของพี่อย่างการพยักหน้าพร้อมยกยิ้มน้อยๆนั้น ทำให้ผมตกใจมากขึ้นไปอีก ผมมองพี่ตาค้างสติหลุด ไม่รู้ตัวแม้กระทั่งว่าพยาบาลผู้ช่วยคนนั้นออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะสายตาผมได้แต่ไล่มองตามแผ่นหลังกว้างที่หายไปในห้องน้ำ ก่อนพี่ลีโอจะออกมาพร้อมกับอ่างน้ำใบไม่ใหญ่นักและผ้าขนหนูผืนเล็กอีกผืน
พี่ลีโอวางของที่ถือมาบนโต๊ะล้อเลื่อนที่ใช้สำหรับทานข้าวเมื่อครู่ มีเงยหน้าส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ด้วย แม้รอยยิ้มนั้นจะเป็นรอยยิ้มปกติของพี่ แต่แววตาแพรวพราวในตาคู่คมกลับดูไม่ปกติสำหรับผมเลย ทำเอาผมหลบตาเสียดื้อๆ พร้อมๆกับรู้สึกว่าแก้มร้อนฉ่า ด้วยแววตาของพี่ที่ผมเห็นนั้น ยังคงแปลกใหม่สำหรับผมมากนัก แม้ในช่วงที่ป่วยผมจะได้เห็นมันหลายครั้งแล้วก็ตาม จะว่าไปอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ ผมน่าจะคิดมากไปเอง เพราะพี่น่าจะกำลังขบขันในท่าทางตื่นๆของผมเสียมากกว่า
แต่อย่างไรซะผมว่ามันให้ความรู้สึกที่มากกว่านั้นอยู่ดี ความรู้สึกที่ว่าพี่กำลังถูกใจในอะไรบางอย่าง อะไรที่ว่าคือการเช็ดตัวให้ผมนี่แหละ ‘ไม่มีทาง!?’ พี่ลีโอจะต้องรู้สึกถูกใจทำไมกัน ในเมื่อความจริงพี่น่าจะแสดงอาการไม่พอใจมากกว่า หรือไม่พี่ก็น่าจะรังเกียจที่ต้องมาเช็ดตัวให้เด็กในบ้านอย่างผมสิ เพราะไม่ใช่หน้าที่ที่พี่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้ผม ที่สำคัญรูปร่างอ้วนตุ๊ต๊ะอย่างผมมันไม่มีอะไรน่าดูสักนิด ไม่มีเหตุผลที่พี่ลีโอจะถูกใจในสิ่งที่ทำได้เลย
“[แคร่กๆ แคร้กกกก]...เช็ดตัวนะครับ จะได้สบายตัวขึ้น” เสียงรูดผ้าม่านรอบเตียงเรียกสติผมกลับเข้าร่าง ก่อนผมจะนั่งอึ้งอีกครั้งกับคำพูดที่ดังขึ้น แต่สายตาที่แปลกไปจากเมื่อครู่ของพี่ ทำให้ความคิดสับสนในหัวค่อยๆสงบลง
ดวงตาคู่สวยจ้องผมอย่างอ่อนโยน ไร้แววหยอกล้อหรือแววรังเกียจอย่างที่ผมคิดไปเอง ร่วมกับฝ่ามืออุ่นๆที่พี่ลีโอยกขึ้นมาลูบหัว จึงไม่ยากนักที่ผมจะพยักหน้าตอบรับคำพี่ และผมก็ได้แต่นั่งซ่อนหน้าแดงๆของตัวเองอยู่กับอก เมื่อนิ้วเรียวสวยยื่นมาดึงปมเสื้อคนไข้ที่ผมสวมทีละปมๆจนหมด ปมสุดท้ายที่คลายออกพร้อมๆกับจังหวะหัวใจที่เต้นกระชั้นขึ้นมา
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ลีโอจะมีสีหน้าแบบไหน จะตกใจกับไขมันตามเนื้อตัวผมมากถึงขั้นช็อกไปเลยหรือไม่ เพราะนาทีที่เสื้อผมหลุดไปจากร่าง พี่ลีโอยังคงยืนนิ่งไร้ซึ่งเสียงใดๆให้ผมได้ยิน ผมจึงตัดสินใจเงยหน้าแดงๆของตัวเอง เพื่อสังเกตปฏิกิริยาของพี่ ทันได้เห็นพี่มีสีหน้าตื่นตะลึง พาลทำให้หัวใจในอกไหววูบและเจ็บหน่วงไปหมด ด้วยคิดว่าพี่กำลังตกใจรูปร่างอ้วนจนน่าเกียจของตัวเอง ผมรีบก้มหน้าและพยายามคว้าเอาเสื้อตัวเดิมมาสวมกลับ
“ดะ...เดี๋ยวลูกหมูเช็ดตัวเองก็...อ๊ะ!” ผมที่ละล่ำละลักพูดไม่เป็นคำ พร้อมกับพยายามสวมเสื้อเหมือนเดิมต้องชะงัก เมื่อพี่ยื่นมือมากุมมือผมไว้
“หมูน้อยทำอะไร พี่บอกว่าจะเช็ดตัวให้ไงครับ” เสื้อตัวนั้นหลุดออกไปจากมือผม แต่มือพี่ก็ยังกุมมือผมไว้
ผมเองก็ยังไม่กล้าเงยหน้ามองพี่เช่นเดิม ด้วยรู้ว่าพี่ฝืนใจที่จะทำให้ แต่ในเมื่อพูดออกมาแล้ว พี่ก็คงไม่อยากผิดคำพูดของตัวเอง
“หมูน้อยเป็นอะไร...คิดอะไรไม่เข้าท่าอยู่ล่ะสิ หืม...ลูกหมูมองพี่” พี่เชยคางผมขึ้น พร้อมกับส่งคำถามเหล่านั้นมา แต่ผมก็ไม่กล้าสบตาพี่อยู่ดี
จนกระทั่งคำสั่งกลายๆที่ได้ยิน ทำให้ผมต้องฝืนใจหันมามองพี่อีกครั้ง จึงพบกับรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำเอาน้ำตาที่คลอหน่วยไหลลงมาตามข้างแก้ม โชว์ความอ่อนแอให้พี่เห็นจนได้ ‘พี่ลีโอจะรำคาญลูกหมูขี้แยคนนี้มั้ยครับ’
“อย่าคิดอะไรไปเองคนเดียว...ขอให้รู้ว่าพี่เต็มใจดูแลเรา ไม่เคยรังเกียจหมูน้อยของพี่สักนิด สักนิดก็ไม่มี พี่ก็แค่มองเพลินไปหน่อย” ทั้งคำพูดอ่อนโยนและนิ้วอุ่นๆของพี่ที่เช็ดคราบน้ำตาให้ผม ทำให้หัวใจผมอบอุ่นขึ้นมาฉับพลัน
หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ตัวนัก ด้วยเหมือนสติไม่อยู่กับตัวเท่าไหร่ รับรู้แค่รอยยิ้มอบอุ่นที่พี่คอยส่งให้ผมเป็นระยะเท่านั้น ผมโชคดีจังครับที่มีพี่ลีโอคอยดูแล ไม่ต่างจากผมเป็นน้องชายคนหนึ่งของพี่ แต่ทำไมผมถึงสบสายตาคมกล้าของพี่ไม่ได้นานก็ไม่รู้ สายตาพี่ลีโอเปลี่ยนไปตั้งแต่ผมเข้าโรงพยาบาลรอบนี้สินะ
แม้สายตานั้นมันจะทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ จนผมไม่กล้าสบตาพี่นานนัก เพราะพาลทำให้หัวใจในอกเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาทุกครั้งที่มอง แต่ผมก็รู้สึกตื่นเต้นและพอใจในสายตาคู่นั้นไม่น้อย พร้อมๆกับเกิดความรู้สึกหวงแหน พาลไม่อยากให้พี่ใช้สายตาแบบนี้กับใครอีก
คิดมาถึงตรงนี้ ผมยอมรับว่าตกใจในความคิดของตัวเองมาก จนต้องพยายามกำจัดความคิดไม่ดีนั้นทิ้ง พี่ลีโอไม่ใช่ของผม ผมไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นกับพี่ ผมนี่มันน่ารังเกียจจัง
‘ถ้าพี่รู้ว่าลูกหมูคิดไม่ดีด้วย พี่คงเกลียดลูกหมูใช่มั้ยครับ’
..................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป^^หมูน้อยเอ๊ยๆๆๆ ทำไมถึงน่ารักน่าสงสารจนอยากขโมยมาฟัดนักก็ไม่รู้
ตอนนี้คงทำให้ใครหลายคนหลงรักลูกหมูเหมือนเราบ้างล่ะน้า
และคงแอบหมั่นไส้นายลีโอไม่มากก็น้อย
ส่วนชื่อตอน ‘คนในฝัน’ ตั้งใจให้หมายถึงทั้งลีโอและคนที่ปรากฏในตอนต้นๆ
ซึ่งต้องคอยติดตามกันต่อไปว่าเขาคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับลูกหมู
หรืออาจจะเป็นแค่ความฝันในยามจิตใจอ่อนแอเท่านั้น
ตอนหน้าเจอกันวันศุกร์นะคะ+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตาม
ปล.3เม้นท์ต่อจากนี้รอรับการติดต่อเพื่อรับ magnet น้า(ขอข้ามท่านที่เคยรับไปแล้วนะคะ)