Chapter 35
ดวงตะวันคล้อยลงต่ำสาดแสงสีส้มที่ปลายฟ้าเบื้องหลังตึกสูงระฟ้าของกรุงเทพฯ บ่งบอกถึงเวลาเลิกงานประจำวัน หลินเก็บข้าวของเตรียมพร้อมกลับบ้านหลังจากหญิงสาวสะคราญนามว่านีนี่กลับไปได้ครู่ใหญ่ เธอนึกลังเลว่าควรจะอยู่รอตฤณดีมั้ย จะได้ถามถึงเรื่องที่เจ้านายจะย้ายแผนก และรายงานเรื่องของผู้หญิงคนนั้นด้วย เผื่อว่าจะช่วยกระตุ้นฉากเด็ดๆ ให้เธอได้จินตนาการบ้าง แต่พอเหลือบมองนาฬิกา เห็นว่าเลยเวลาเลิกงานไปตั้งสิบนาทีแล้ว ถ้าอย่างนั้น... เธอก็ควรจะกลับบ้านก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ทันละครหลังข่าวภาคค่ำ
“คุณนภเกตน์ หลินกลับแล้วนะคะ” เธอเคาะประตูห้องรัวๆ แล้วโผล่หน้าเข้าไปด้านใน
นภเกตน์ยิ้มตอบ “อืม”
เลขาสาวเสียวสันหลังวาบ ก็แบบว่าเธอไม่ชินกับใบหน้ายิ้มๆ ของเจ้านายง่ะ อารมณ์ดีอะไรนัก เพราะผู้หญิงคนเมื่อกี้เหรอ
...กรี๊ดดดด... คิดไปปวดหัว กลับบ้านดีกว่า
ร่างโปร่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พลางครุ่นคิดว่าควรจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เข้ากับตฤณดีมั้ย เพราะถ้าใส่สูทเต็มยศไปแบบนี้ ก็ดูไม่ค่อยเหมือนเดตกันน่ะซี อีกอย่าง ตฤณนัดไว้หกโมงเย็น นี่ก็ยังมีเวลาอีกตั้งชั่วโมง เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็ลุกขึ้นเก็บข้าวของ แล้วปราดออกจากบริษัทไปทันที
หลังจากอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณเรียบร้อยแล้ว นภเกตน์เลือกหยิบเสื้อผ้าออกมาหลายๆ ชิ้น แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกใส่เสื้อเชิ้ตตัวบางๆ กับกางเกงยีนส์ เขาปล่อยเส้นผมไปตามธรรมชาติ ชายหนุ่มส่องกระจกอยู่หลายที ก่อนจะกลับไปรออีกฝ่ายที่ห้องทำงานตามที่นัดหมาย
ฝ่ายตฤณนั้น... ธนากรพาไปจูนสังขารให้ใหม่เอี่ยมหมดจด เขาใส่สูทสีเทาดำเป็นเงา ผมหวีเรียบร้อย แถมพรมอาฟเตอร์เชฟกลิ่นอ่อนๆ ด้วย เขากลับมาถึงที่ทำงานพร้อมกับดอกลิลลี่สีชมพูช่อใหญ่ในมือ ขายาวก้าวเดินไปพลางก็หยุดเช็กความเรียบร้อยตามบานกระจกเป็นพักๆ จนมั่นใจว่าหล่อเนี้ยบแล้วจึงตรงไปยังห้องทำงาน
ก๊อกๆ
คนที่รออยู่ภายในห้องหัวเราะเบาๆ “เข้ามาสิ” ผู้เป็นนายลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินไปทางบานประตูห้องทันที
“อ๋า!” เมื่อบานประตูเปิดออก ทั้งสองคนที่เดินเข้ามาประจันหน้ากันต่างก็ชะงัก
“คุณตฤณไปทำอะไรมา!” นภเกตน์ร้องทักด้วยความประหลาดใจ
“โธ่! พูดแบบนี้ผมเสียเซลฟ์นะครับ อุตส่าห์แต่งหล่อมาพบคุณนภแบบนี้” ตฤณขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในชุดไปรเวทธรรมดา นี่เจ้านายกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเพื่อเดตกับเขาเลยหรือนี่ แล้วส่งช่อดอกลิลลี่สีชมพูในมือให้ด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ “เอ้อ... ดอกไม้ให้คุณครับ คือ ผมไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาให้คุณดี... ไอ้แหลมบอกว่าให้เลือกไวน์ แต่ผมว่า... เอ้อ... ”
“ขอบ... ใจ...” มือขาวยื่นไปรับช่อดอกไม้มา พวงแก้มนิ่มซับสีเลือดเมื่อได้พิจารณาคนตรงหน้าเต็มๆ ตา วันนี้ตฤณดูดีมากจนเหลือเชื่อ รูปร่างสูงใหญ่กับชุดสูทแบบนี้ ทำให้ดูหล่อเหลาสมชาย แต่นั่นไม่สำคัญเท่า... ที่ตฤณเห็นความสำคัญของเดตครั้งแรก แล้วปรับปรุงตัวเพื่อตนถึงขนาดนี้ “แย่จัง... เราแต่งตัวไม่เข้ากันเลยนะ”
“อ๋า ถ้างั้น... ผมจะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะครับ ขอเวลาแป๊บเดียว”
มือขาวรั้งแขนแกร่งไว้ “ไม่ต้องหรอก” แล้วขยับเข้าไปใกล้ “วันนี้คุณเป็นเจ้านาย ผมเป็นลูกน้องสักวันแล้วกัน”
...นะ... น่ารัก... ตฤณนึกอยากจะดึงร่างโปร่งเข้ามากดจูบ แต่ก็พยายามท่องไว้ในใจ... หลังดินเนอร์ หลังดินเนอร์เถอะนะไอ้ตฤณ “งะ... งั้น... เราไปกันเลยมั้ยครับ”
“อื้ม”
รถเบนซ์คันงามที่ตฤณขอยืมจากธนากรมาเพื่อสร้างความประทับใจเคลื่อนออกจากบริษัทไปช้าๆ มุ่งไปยังร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรูที่ชั้นบนสุดของโรงแรมดังริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ที่ธนากรได้โทรจองโต๊ะที่นั่งใต้แสงเทียนสุดโรแมนติกไว้ให้แล้ว
“รถของคุณตฤณหายไปไหน”
ตฤณหัวเราะแหะๆ “แลกกันขับกับไอ้แหลมครับ วันนี้ผมจะพาแฟนไปเดตครั้งแรก ต้องสร้างความประทับใจกันหน่อย รถนี่เดี๋ยวค่อยคืนวันจันทร์”
“หืม... หึหึ” นภเกตน์หัวเราะตอบเบาๆ
“อื้อ... หัวเราะอะไรครับ”
“ไว้เดตกันเสร็จแล้ว ผมจะให้คะแนนก็แล้วกันนะ ว่าน่าประทับใจแค่ไหน”
“อ๋า...” ร่างสูงครวญ... เขาก็ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ว่าก็จะพยายามให้มากที่สุด หวังว่าอย่างน้อยคงจะไม่สอบตก
ภายในร้านอาหารฝรั่งเศส เสียงเปียโนแผ่วเบาช่วยส่งเสริมให้บรรยากาศภายใต้แสงเทียนโรแมนติกมากขึ้นไปอีก สองหนุ่มนั่งอยู่ที่ตรงโต๊ะริมหน้าต่าง ซึ่งสามารถมองออกไปเห็นทิวทัศน์แบบพาโนรามาของกรุงเทพฯ และแม่น้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืนได้
ใบหน้าน่ารักมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่เสมอ และนั่นก็ทำให้ตฤณพอใจ เพราะดูเหมือนว่าเขาจะสร้างความประทับใจให้กับอีกฝ่ายได้มากพอตัว
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมไม่อยากให้คุณนภเห็นสภาพผมเมื่อตอนที่เราพบกันวันแรกเลย”
“....” หากร่างโปร่งกลับคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นตฤณแบบไหนๆ ก็น่าสนใจสำหรับเขานะ และอาจเป็นเพราะการพบกันในวันแรกแบบนั้น ที่ทำให้เขามองตฤณแตกต่างออกไปจากคนอื่น... ทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนจริงใจและไม่มีอะไรปรุงแต่ง
“ชอบอาหาร ชอบบรรยากาศที่นี่มั้ยครับ” ร่างสูงเอื้อมมือไปกุมมือขาวที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ก็ดี”
“....” ทว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดน้อยเฉกเช่นในยามปกติ ตฤณก็ชักไม่มั่นใจ เขาแสดงสีหน้ากังวลออกมาจนผู้เป็นนายสังเกตเห็นได้
“คุณนภจะกินอะไรเป็นของหวานดีครับ ผมจะได้เรียก...”
นภเกตน์พลิกมือขึ้นแล้วจับฝ่ามือหยาบไว้ “ไม่ต้อง ผมอิ่มแล้ว”
“เอ่อ...” นัยน์ตาคมหลุบต่ำ พลางขมวดคิ้วมุ่น เขาจะชวนเจ้านายพูดคุยเรื่องอะไรอีกดีละนี่
ร่างโปร่งดึงมือกลับช้าๆ “ปิดโพรเจกต์วันนี้เป็นยังไงบ้าง”
...กลายเป็นว่าคุยกันเรื่องงานซะงั้น ทั้งที่ตฤณตั้งใจว่าจะคุยเรื่องของพวกเขามากกว่า... “เรียบร้อยดีครับ ทุกคนก็เดินทางกลับมากันแล้ว พรุ่งนี้เช้าคงจะได้เจอกันครับ”
“อืม” ผู้เป็นนายพยักหน้าหงึกหงัก “งั้น... เราจะกลับกันรึยัง”
“...คุณนภเบื่อแล้วเหรอครับ ไวน์ที่นี่อร่อยมาก ไม่ดื่มอีกสักนิด...”
“ผมไม่ได้เบื่อหรอกนะ ไวน์ก็อร่อยมากจริงๆ แต่แก้วเดียวก็พอแล้ว”
สีหน้าของเจ้านายที่ดูเรียบเฉยเหมือนทุกครั้งส่งผลให้ตฤณใจฝ่อ... “ถ้างั้นกลับกันก็ได้ครับ”
ระหว่างทางกลับไปยังคอนโดมิเนียม ยิ่งใกล้ที่พักเข้าไปเท่าไหร่ ร่างสูงก็ยิ่งคิดหนักมากขึ้นเท่านั้น... หรือเดตแรกจะไม่ได้น่าประทับใจอย่างที่วางแผนไว้กันหว่า ทำไมเจ้านายถึงได้ดูเฉยๆ แบบนี้ ขนาดเขาเรียกใช้บริการของธนากร เจ้าแห่งการเดตแล้วนะ
เมื่อรถคันหรูเลี้ยวเข้าไปจอดในที่จอดรถของคอนโดมิเนียมแล้ว ร่างโปร่งก้าวลงมาจากรถก่อน จากนั้นก็โน้มตัวเข้าไปถามคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย “จะกลับเลยรึเปล่า” พลางเอื้อมมือไปหยิบช่อดอกลิลลี่ของตน
“ผมค้างด้วยได้มั้ย” ตฤณถามตาละห้อย
ผู้เป็นนายยิ้มบาง “ถ้านอนที่เดิมได้ล่ะก็ โอเค”
...ก็ยังดีวะ... โธ่... เน่าสนิท... ร่างสูงก้าวลงจากรถ โดยไม่ลืมหยิบห่อพลาสติกสีชมพูแปร๋นห่อเล็กๆ ที่ธนากรให้ตนเอาไว้ลงมาด้วย เขายังไม่ได้เปิดดูหรอกว่าในห่อนั้นมีอะไร แต่ธนากรกำชับไว้ว่าให้ติดตัวไปด้วยเมื่ออยู่กับนภเกตน์สองต่อสอง ห่อนี้จะช่วยเหลือเขาในยามเข้าตาจนได้ ชายหนุ่มจึงยัดห่อนั้นใส่กระเป๋าเสื้อสูทของตนไว้
ตฤณเดินตามเจ้านายไปเรื่อยๆ จนถึงห้องพัก เขายืนรอให้เจ้านายเปิดห้องแล้วเดินเข้าไปก่อน จึงค่อยตามเข้าไปช้าๆ
ปัง
ร่างสูงถูกผลักให้หลังกระแทกบานประตูจนปิดสนิท เขาเบิกตาโพลง เมื่อเห็นว่ามือขาวๆ ขยุ้มอยู่ที่คอเสื้อตน และริมฝีปากสีแดงสดที่เขาคอยเฝ้ามองมาตลอดเย็นประกบปิดอยู่บนเรียวปากตน... ไม่จริงใช่มั้ย กูฝันไปรึปล๊าว!
นภเกตน์ปล่อยช่อดอกลิลลี่หล่นลงบนพื้นห้อง เขายืดตัวขึ้นเล็กน้อย มือขาวขยุ้มคอเสื้ออีกฝ่ายพร้อมกับดึงเข้ามาแนบจูบ ลิ้นเล็กสอดเข้าไปภายในโพรงปากอุ่นนุ่มที่เจ้าของเผยออ้าค้างไว้ แล้วสัมผัสกับลิ้นเรียว จากนั้นจึงค่อยๆ ไล้วนอย่างเชื่องช้า แขนเรียวเคลื่อนขึ้นไปโอบรอบลำคอใหญ่ พลางแหงนหน้าขึ้นให้จุมพิตได้อย่างถนัดถนี่ ก่อนจะผละออกแล้วยิ้มอย่างน่ารัก “ขอบใจนะ สำหรับเดตสุดยอดในวันนี้”
แขนแกร่งโอบรอบเอวบาง หัวใจของเขาเต้นถี่หนักราวกับกลองใหญ่ที่ถูกตีรัว “ผมดีใจ...” พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปแต้มจูบกลีบปากอวบอิ่มอีกครั้ง เขาบดจูบอย่างเร่งเร้า ลิ้นเรียวทำงานของมันอย่างรู้หน้าที่ มันชอนไช เกี่ยวกอดลิ้นเล็กๆ สีชมพูจนเจ้าของลิ้นนั้นครางอือ แทบจะหมดเรี่ยวแรงและทรุดกายไปในอ้อมแขนแกร่ง ตฤณถอนริมฝีปากออกมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมกริบจ้องมองน้ำเหนียวใสที่ยังเชื่อมโยงริมฝีปากของทั้งสองไว้ด้วยกัน ก่อนจะไล้เลียรอบๆ เรียวปาก “ผมได้คะแนนเต็มใช่มั้ยครับ”
“อืม” ร่างโปร่งช้อนตาขึ้น “แต่... คุณตฤณ... ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อผม ร้านอาหารที่เราเคยไปกินด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านเนื้อย่างหรือร้านอาหารฝรั่งเศส สำหรับผมมันก็ไม่ต่างกัน”
“ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมจริงจังกับเรื่องของเรา อยากให้คุณประทับใจกับเดตครั้งแรก” ตฤณจุมพิตกลีบปากฉ่ำหวานอีกหลายๆ ครั้ง เขาอยากจะกอดจูบเจ้านายอยู่อย่างนี้ตลอดทั้งคืนเลย มือหยาบวางลงบนหัวไหล่เล็กพร้อมกับจับให้นภเกตน์เป็นฝ่ายหันหลังพิงกับบานประตู เขาแทรกขาเข้าไประหว่างสองขาเรียว แล้วจึงเบียดต้นขากับส่วนไวสัมผัสของร่างโปร่ง ขณะที่ริมฝีปากของทั้งสองก็ยังไม่ยอมแยกออกจากกัน
“อื้มม..” นภเกตน์ครางเสียงแผ่วในลำคอ ดวงตาสีอ่อนหรี่ปิดลงทีละน้อย เขารู้สึกราวกับกำลังล่องลอยไปบนปุยเมฆนุ่มๆ มือขาวเคลื่อนมือขึ้นไปบนศีรษะของอีกฝ่ายแล้วสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในกลุ่มของเส้นผมสีดำดุจรัตติกาล พลางกดเข้าหาตนเบาๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาฟเตอร์เชฟกับร่างกายกำยำที่บดเบียดเข้ามาทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นรัว
ฝ่ามือหยาบเคลื่อนจากหัวไหล่ ผ่านลำคอระหงขึ้นมาประกบสองแก้มนิ่ม เขารู้สึกได้ว่าร่างโปร่งตัวสั่นอยู่น้อยๆ แผ่นอกบางสะท้อนเข้าออกถี่ๆ เขาจึงถอนริมฝีปากออกเพื่อเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้หายใจ เรียวปากอุ่นยังคงสัมผัสอยู่บนกลีบปากสีแดงอย่างแผ่วเบา เขาจรดหน้าผากของตนกับอีกฝ่าย “ผมรักคุณนะครับ”
“.....” นภเกตน์ลืมตาขึ้นพลางหอบหนักๆ หากยังไม่ทันได้พูดอะไร ชายหนุ่มตรงหน้าก็ผละออก แล้วอุ้มเขาให้ลอยหวือ “คุณตฤณ!” ผู้เป็นนายร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะตวัดแขนโอบรอบลำคอใหญ่ไว้เพื่อใช้ยึด
ร่างสูงเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่น เขาวางนภเกตน์ลงบนโซฟาอย่างทะนุถนอม จัดการถอดเสื้อสูทแล้วโยนไว้บนที่เท้าแขนของโซฟาตัวที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นก็โน้มใบหน้าเข้าไปมอบจุมพิตลึกซึ้งให้กับเจ้านายอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากทั้งสองบดเคล้าเข้าหากัน ลิ้นนุ่มๆ เกี่ยวรัด จนน้ำใสๆ เอ่อล้นขึ้นที่มุมปาก ภายในห้องเงียบกริบ พวกเขาจึงได้ยินเพียงเสียงของจูบที่ฉ่ำชื้นเท่านั้น
มือหยาบกดไหล่เล็กให้เอนตัวลงนอนบนโซฟา แล้วพาตนเองขึ้นไปคร่อมทับ ใบหน้าคมเข้มซุกไซ้ซอกคอขาว พลางเลิกชายเสื้อเชิ้ตขึ้นเหนือแผ่นอก ริมฝีปากก็พร่ำกระซิบคำบอกรักไปพลาง “ผมรักคุณ... รักคุณ...”
“อื้อ...” ศีรษะเล็กเบือนไปอีกทางเพื่อเปิดโอกาสให้เรียวปากหยักไล้เล็มไปตามลำคอได้อย่างสะดวก พร้อมแอ่นอกขึ้นรับสัมผัสบนยอดอกสีระเรื่อ
ดวงตาคมกริบจับจ้องติ่งไตสีเมล็ดทับทิมที่ประดับอยู่บนแผ่นอกสีขาวน้ำนม ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ เขาพ่นลมหายใจอุ่นๆ กระทบบนผิวเนียน แล้วจึงใช้ปลายลิ้นฉกวนบนยอดอกทีละข้าง
“อืม... อะ... อา...” สัมผัสจากคนบนร่างราวกับมีกระแสไฟฟ้าส่งผ่านเข้ามา ส่งผลให้นภเกตน์สะดุ้งตัวเบาๆ เสียงครางเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสีแดงสดโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างที่เรียวปากหยักกำลังขบเม้มยอดอกข้างหนึ่ง ปลายนิ้วอุ่นก็ขยับขึ้นมาบดขยี้ติ่งเนื้อสีชมพูอีกข้างที่ยังว่าง และเมื่ออีกฝ่ายไม่ปฏิเสธการรุกรานของตน ตฤณก็ยิ่งย่ามใจ เขาปลดกางเกงยีนส์กับกางเกงชั้นในออกจากท่อนขาเรียวอย่างรวดเร็ว แล้วเคลื่อนใบหน้าลงไปปรนเปรอความสุขให้กับคนรักของตน
“ฮะ... ฮา... คุณตฤณ...” ปลายนิ้วเรียวแทรกซอนเข้าไปในกลุ่มผมสีดำขลับ แก่นกายที่ตื่นตัวถูกครอบครองด้วยโพรงปากชุ่มชื้น เขาได้ยินเสียงชื้นแฉะที่เกิดจากริมฝีปากของอีกฝ่ายชัดเจน ส่งผลให้ไฟอารมณ์โหมกระพือ
ร่างสูงห่อริมฝีปากพร้อมกับเพิ่มแรงกระตุ้นส่วนร้อนในปากให้รุมร้อนมากขึ้นอีก จนคนใต้ร่างบิดเร่าไปกับความสุขนั้น เขาเองก็พอใจมากเช่นกันที่ได้ยินเจ้านายเรียกหาชื่อตน
“คุณตฤณ... ผม... ไม่ไหวแล้ว...” มือขาวทุบลงบนไหล่กว้างเบาๆ หากความปรารถนาที่เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุดทำให้เขาเปลี่ยนเป็นขยุ้มกลุ่มเส้นผมสีดำเอาไว้แน่น “...ปล่อย... อ๊ะ!” ร่างโปร่งกระตุกเกร็ง แล้วจึงปลดปล่อยหยาดน้ำขุ่นข้นออกมาภายในโพรงปากร้อนที่รอรับไว้ด้วยความเต็มใจ
“ฮ้าๆ” ดวงตาฉ่ำชื้นน้ำปรือปรอย เขาเผยอริมฝีปากเพื่อใช้หายใจ
ตฤณจ้องมองเจ้านายอย่างไม่วางตา ใบหน้าหวานที่มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาประปรายกับกลีบปากที่เขาบดจูบจนบวมเจ่อทำให้คนใต้ร่างดูเย้ายวนมากเหลือเกิน และนั่นก็ปลุกเร้าความต้องการของเขาให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก เขาอยากสัมผัสนภเกตน์ให้ลึกซึ้งกว่านี้ อยากรู้สึกว่าเป็นคนรัก เป็นคนสุดพิเศษของอีกฝ่าย ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงไปแต้มจูบบริเวณด้านในของต้นขา มือหยาบสอดเข้าไปภายใต้สะโพกมนแล้วยกขึ้น ก่อนจะใช้ปลายนิ้วควานหาช่องทางที่เขาจะต้องตระเตรียมเพื่อใช้ในการร่วมรักตามที่ศึกษามา
“อะ... จะทำ... อะไร” นภเกตน์เริ่มรู้สึกแปลกๆ กับสิ่งที่มาวนเวียนอยู่บริเวณร่องสะโพก จนกระทั่งปลายนิ้วของอีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาภายในช่องทางฝืดคับ เขาถึงกับสะดุ้งเฮือกใหญ่ ความไม่คุ้นเคยส่งผลให้มือขาวขยับไปเองโดยอัตโนมัติ เขาผลักศีรษะของคนที่ก้มงุดอยู่ตรงส่วนกลางลำตัวของตนออกอย่างแรง
“คุณตฤณ! ปล่อย!” ไม่พูดเปล่า แต่ขาเรียวก็ไวพอๆ กับคำพูดนั้น เขาถีบร่างสูงออกไปเต็มแรง
พลั่ก
“โอ๊ย!” ตฤณหงายหลังผลึงลงไปนอนกองอยู่บนพื้นห้อง
ร่างโปร่งลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าตื่นๆ ก็แบบว่า... เขาไม่คุ้นน่ะ ที่ผ่านมาเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเคยมีอะไรกับผู้ช่วยลึกซึ้งขนาดไหนแล้ว เพราะตอนนั้นเมามาก แต่ว่าตอนนี้สติอยู่ครบเต็มร้อย มือขาวเอื้อมไปควานหาอะไรมาปิดบังส่วนกลางร่าง ซึ่งสิ่งที่เขาคว้ามาได้ก็คือเสื้อสูทที่ตฤณถอดวางทิ้งไว้
ตุ้บ... ห่อสีชมพูแปร๋นร่วงออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทนั้น ทำให้ข้าวของภายในถุงหล่นลงกระจัดกระจายบนพื้นห้อง
“นี่อะไร” นภเกตน์เอื้อมไปหยิบมาพิจารณาดู “ถุงยาง... รสสับปะรด ส้ม สตรอว์เบอร์รี กล้วย มินต์ เชอรี แบบขรุขระ แบบบางเฉียบ” ของในมือทำให้นภเกตน์จินตนาการถึงท่ายากๆ ไปถึงไหนต่อไหน สักพักใบหน้าสวยก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ก่อนสายตาของเขาจะไปสะดุดอยู่ที่ซองใส่เจลใสกลิ่นมะลิ กลิ่นกุหลาบ กลิ่นลิลลี่ และกลิ่นอื่นๆ อีกมากมายบนพื้นห้อง ซึ่งมีทั้งแบบร้อนและเย็น
“นี่คุณเตรียมตัวมาถึงขนาดนี้เลยเหรอ ที่พาไปเดตที่ดีๆ นั่น ก็เพื่อเรื่องแบบนี้...” มือขาวที่ถือถุงยางมากมายอยู่สั่นระริก... เขานับได้ไม่รู้กี่รอบเลยนะนี่
“อ๋า! ไม่ใช่นะครับ คุณนภ ไอ้ของพวกนี้... อ้า... ผมไม่ได้ตั้งใจจะใช้กับคุณ!”
ดวงตากลมเบิกกว้าง “ไม่ได้จะใช้กับผม? แล้วคุณจะไปใช้กับใคร!” ยิ่งทำให้ร่างโปร่งโกรธมากขึ้นไปอีก
“ว้าก! อย่าเข้าใจผิดสิครับ คือ... คือ... ผมไม่ได้ตั้งใจจะใช้ของพวกนี้นะครับ...” ตฤณเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง “แต่ แต่... ผม... ก็... อยาก... กับคุณ... นภ...”
นัยน์ตาสีอ่อนหลุบต่ำ จ้องมองไปที่ส่วนกลางร่างของอีกฝ่าย ซึ่งดูจะคับแน่นอยู่ภายในกางเกงสแล็กเนื้อดีตัวนั้น บ่งบอกถึงความต้องการของผู้ช่วยผู้อับโชคอย่างชัดเจน เมื่อเห็นแล้วใบหน้าน่ารักก็เกิดร้อนวาบขึ้นมา เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเฉกเช่นคนรักกับใครมาก่อน แล้วยิ่งถ้าจะมีครั้งแรกกับอีกฝ่ายที่เป็นผู้ชาย ยิ่งไม่เคยแม้แต่จะคิด... “กลับไปเลย ไอ้แมวหน้าหื่น! ในหัวมีแต่เรื่องแบบนี้รึไง!” ร่างโปร่งปาถุงยางสารพัดกลิ่นในมือใส่อีกฝ่ายที่นั่งหน้ามึนอยู่บนพื้นห้อง พร้อมกับลุกขึ้นพรวดจากโซฟาที่นั่งอยู่ แล้ววิ่งปรู๊ดกลับไปยังห้องนอนของตน
“คุณนภ!” ชิบหาย! อะไรมันจะซวยแบบนี้กันวะ! ร่างสูงอ้าปากค้าง เขารู้สึกเหมือนถูกถีบตกเหวแล้วศีรษะกระทบหิน ทั้งมึนทั้งเบลอไปหมด... ทำไมเหตุการณ์มันกลับตาลปัตรมาเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ เขาเร่งร้อนเกินไปงั้นหรือ เขาผิดหรือที่อยากจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนที่รัก
เสียงประตูห้องถูกกระแทกปิดดังปังใหญ่จนสะเทือนไปทั้งตึก ส่งผลให้ตฤณหูอื้อไปชั่วครู่ เขานิ่งค้างอยู่ในท่าเดิมสักพัก ก่อนจะค่อยๆ ก้มเก็บชิ้นส่วนความหวังดีของธนากรบนพื้นห้องกลับใส่ถุง เขาไม่อยากทิ้งไว้ให้นภเกตน์รู้สึกแย่ จากนั้นจึงถอนหายใจหนักๆ แล้วเดินออกจากห้องไป
ร่างโปร่งบางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม พร้อมซุกใบหน้าลงกับหมอนหนุน ใบหน้าน่ารักร้อนผ่าวราวกับถูกไฟลน ในสมองตื้อไปหมดกับเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
“ไอ้แมวหื่น ไอ้แมวย่น ไอ้แมวดำ!” นภเกตน์โวยวายต่อว่า ตะโกนอยู่นานจนเหนื่อยจึงหยุดพัก แต่ก็ยังลุกขึ้นมาทุบหมอนแทนรัวๆ “ฮื้ยยยย!”
...โดยที่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่า เขาโกรธตฤณเรื่องอะไร หรือเพียงแค่... ตกใจ และยังไม่พร้อมกับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้นไปอีกขั้น จริงอยู่ว่าครั้งแรกพวกเขาทำลงไปเพราะความเมา แต่ก็ไม่รู้ว่าเคยถึงขั้นไหน แล้วนี่... ทั้งสองต่างก็มีสติเต็มร้อยด้วยกันแบบนี้ เขาคงต้องใช้เวลาเตรียมใจและยอมรับกับความสัมพันธ์ที่จะเพิ่มขึ้นนี้อีกสักหน่อย
ปลายเล็บทั้งสิบจิกลงบนหมอนแน่น ก่อนจะซุกหน้าลงบนหมอนนั้นอีกครั้ง... ดีนะ พรุ่งนี้เป็นวันหยุด... ถ้าขืนต้องเจอไอ้แมวหื่นตามลำพังในห้องทำงาน เขาเองก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเหมือนกัน
TBC~*
อย่าเขวี้ยงรองเท้าใส่เค้าาาาาาา เขวี้ยงใส่คุณนภนู่น เกิดจะหวงซิงอะไรขึ้นมาตอนนี้ 5555555
ตาแหลมก็เหมือนกัน มารับรองเท้าไปด้วย เตรียมของให้พร้อมไม่เข้าเรื่อง
พี่ตฤณก็อีก คนนี้โดนรองเท้าเยอะสุดค่ะ ปาใส่เลยรัวๆ ทำคุณนภตกใจ วิ่งหนีเลย 55555 #ปาใส่ทุกคนเลยค่ะยกเว้นฮัสกี้ไว้คนเดียวพอ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่า ขอบคุณทุกเมนต์เลยนะค้า จุ๊บๆ