ตอนที่ 35
การลงโทษของเด็กขี้หึง
“พี่วายุ นี่อะไรครับ”
วายุละสายตาจากงานตรงหน้า หันไปมองสิ่งที่ท้องฟ้ากำลังชี้ มันคือตะกร้าขนมที่มีก้านกุหลาบปักตกแต่งอยู่ริมตะกร้า
“ขนมไง”
“พี่วายุ~ จะตอบแบบนี้จริงๆ เหรอครับ” เด็กหนุ่มทำหน้ากระเง้ากระงอด เป็นเหตุให้คนโตกว่าหลุดขำ
“ก็มันเป็นตะกร้าขนม จะให้พี่ตอบอย่างอื่นได้ไง”
“แล้วนี่ล่ะครับ” ท้องฟ้าหยิบก้านกุหลาบขึ้นมาหนึ่งก้าน
“อยากให้พี่ตอบจริงๆ เหรอ”
ใบหน้าคนถามเริ่มบึ้งตึง วายุไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเขากำลังอยากสื่ออะไร
“โอเคครับ งั้นผมถามใหม่ ใครให้มา”
“ลูกค้า”
“ใครครับ”
“บอกไปแล้วเราจะรู้จักเหรอ”
“ไม่รู้จักหรอกครับ แต่ในฐานะแฟนพี่วายุผมต้องรู้ไว้”
“เดี๋ยว นี่นายคิดอะไรอยู่” วายุหัวเราะ เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพอเห็นตะกร้าขนมท้องฟ้าถึงเอาแต่ถามไม่หยุด
“ลูกค้าผู้ชายหรือผู้หญิงครับ”
“ผู้ชาย”
“หล่อกว่าผมหรือเปล่า”
“ถามขนาดนี้พรุ่งนี้ไปด้วยกันเลยไหม”
“ยังต้องไปเจอเขาอีกเหรอครับ” ท้องฟ้าพูดเสียงแข็ง เมื่อเช้าวายุออกไปพบลูกค้า ส่วนท้องฟ้าไปเรียนตามปกติ เขาถึงเพิ่งเห็นว่าวายุไม่ได้กลับมาตัวเปล่า แต่มีของฝากจากลูกค้ามาด้วย
“เรื่องงานไม่มีอะไรแล้ว แต่เขาเพิ่งโทรมาบอกว่าเว็บไซต์โปรโมตร้านที่พี่ออกแบบให้กระแสตอบรับดีมาก เขาเลยอยากเลี้ยงข้าวขอบคุณพรุ่งนี้”
คำอธิบายของวายุไม่ได้ทำให้ท้องฟ้ารู้สึกดีแม้แต่น้อย กลับกันความรู้สึกแหม่งๆ ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
“เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องเลี้ยงข้าวเลยเหรอครับ”
“ไม่รู้สิ ที่จริงพี่ปฏิเสธไปแล้ว แต่ดูเหมือนเขาจะอยากเลี้ยงให้ได้ พี่เห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยตกลงไป”
ท้องฟ้านิ่วหน้าอย่างกำลังใช้ความคิด ก่อนจะคลี่ยิ้มให้คนตรงหน้า
“ตกลงครับ ผมไปด้วย”
“เดี๋ยว” วายุทำหน้าเหลอหลา เขาแค่พูดขำๆ ไปตามประสาเท่านั้น ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะเอาจริง
“ฟังจากที่พี่วายุเล่า ผมคิดว่าลูกค้าคนนั้นน่าจะใจดีอยู่ไม่น้อย มีคนไปเพิ่มอีกสักคนคงไม่เป็นไรหรอกครับ”
วายุลอบถอนหายใจ แค่มองหน้าเขาก็รู้แล้วว่าไม่ได้อยากไปทานอาหารเฉยๆ แน่
“ตามใจ ขอพี่โทรบอกเขาก่อนแล้วกัน แต่คิดว่าน่าจะได้เพราะเขาก็พูดอยู่เหมือนกันว่าจะพาคนอื่นไปด้วยก็ได้”
ท้องฟ้ายิ้มให้วายุ แต่ในใจกลับร้อนรนอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ มันอาจไม่มีอะไรก็จริง แต่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่าไม่เป็นอย่างนั้น เขาจึงอยากไปดูด้วยตาตัวเองว่าลูกค้าแบบไหนที่เอาใจใส่ผู้ว่าจ้างถึงขนาดซื้อขนมให้ แถมยังอยากเลี้ยงอาหารขอบคุณอีก
✦✪✧✥✦✪✧✥✦✪✧✥
“ขอบคุณคุณธันมากนะครับ ที่จริงไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้” วายุยิ้มให้คนตรงหน้า ธันวาเป็นลูกค้าของเขา เป็นผู้ชายหน้าตาดี รูปร่างสูงใหญ่ ทุกครั้งที่เจอกันมักจะมีรอยยิ้มติดใบหน้า ตอนนี้เองก็เช่นกัน
“น้อยไปสิครับ ร้านผมมีคนรู้จักเพิ่มขึ้นเพราะวายุเลยนะ ถ้าไม่ติดว่าวายุเกรงใจผมพาไปร้านดีกว่านี้แล้ว”
“นี่ก็ดีพอแล้วครับ แค่นี้ผมยังไม่รู้เลยว่าจะทานหมดหรือเปล่า” วายุพูดติดตลก ธันวาสั่งอาหารมาหลายอย่างจนเขาคิดว่าถ้าทานหมดคงอิ่มไปถึงตอนเย็น
“ขอบคุณคุณธันเหมือนกันนะครับที่ให้ผมมาด้วย ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรแท้ๆ” สกายที่นั่งข้างวายุพูดขัดขึ้นมา ธันวาหันมายิ้มให้
“ไม่เป็นไรครับ คนรู้จักวายุก็เหมือนคนรู้จักผม สกายเรียกผมว่าพี่ก็ได้นะ อายุเราไม่ได้ห่างกันมาก”
เด็กหนุ่มนิ่วหน้าเมื่ออีกฝ่ายพูดเหมือนสนิทสนมกับคนรักของเขา แต่มือที่เอื้อมมาจับใต้โต๊ะทำให้เขาต้องฝืนยิ้มกลับไป
“งั้นผมไม่เกรงใจนะครับพี่ธัน”
“ไม่ต้องเกรงใจ ทานเลยๆ ร้านนี้ผมเคยมาสองสามครั้ง อาหารอร่อยใช้ได้ แต่อีกร้านที่ผมตั้งใจจะพาไปอร่อยกว่านี้อีก ไว้คราวหน้าผมพาไป”
วายุได้แต่ยิ้มแห้ง โชคดีที่ธันวาพูดเสียงเบา เขาเลยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเจ้าของร้านไล่ออกจากร้านหรือเปล่า ต่างกับสกายที่สีหน้าเริ่มบึ้งตึง ในใจนึกอยากถามว่าจะเลี้ยงข้าวอะไรหลายครั้ง
“วายุลองชิมดู นี่เมนูโปรดผมเลยนะ” เต้าหู้ทอดผัดพริกเกลือถูกตักมาใส่จาน วายุยิ้มขอบคุณคนตรงหน้า กำลังจะตักมาชิมแต่คนข้างๆ กลับแย่งไปเสียก่อน
“อร่อยจริงด้วยครับ ผมเพิ่งเคยทานเมนูนี้ครั้งแรก ไม่นึกว่าจะอร่อยขนาดนี้” สกายแกล้งทำตาโต ตักอาหารมาให้วายุเหมือนที่ธันวาทำ แต่คราวนี้เขาตักมาจ่อปากพลางเอามือรอง “ลองชิมสิครับพี่วายุ อร่อยเหมือนที่พี่ธันบอกเลย”
วายุรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ที่เริ่มก่อตัว เขาเหลือบไปมองธันวา อีกฝ่ายกำลังมองมาทางนี้ รอยยิ้มที่มักจะมีติดใบหน้ายังคงมีให้เห็น แต่เขารู้สึกเหมือนมันต่างไปจากทุกที
ชายหนุ่มอ้าปากทานอาหารที่เด็กหนุ่มป้อน สกายยกยิ้มพอใจ เอื้อมมือไปปัดเศษข้าวที่มุมปาก
“อร่อยไหมครับ ถ้าชอบเดี๋ยวผมพามาร้านนี้บ่อยๆ ขอบคุณพี่ธันมากนะครับที่แนะนำร้านนี้ให้รู้จัก ผมกับพี่วายุชอบอยู่แต่บ้านเลยไม่ค่อยรู้จักร้านอาหารดีๆ” ประโยคหลังสกายหันไปพูดกับธันวา เขาพูดด้วยรอยยิ้ม แต่สายตาไม่ยิ้มตาม
“วายุกับสกายอยู่บ้านเดียวกันเหรอ”
“ใช่ครับ”
“ดูจะสนิทกันมากเลยนะ”
“แน่นอนครับ ผมกับพี่วายุ...”
“อ่า...ขอโทษครับ ผมนี่พูดอะไรก็ไม่รู้ เป็นพี่น้องกันก็ต้องสนิทกันอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องถามเลย” ธันวายิ้มให้วายุ สกายหรี่ตามองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรมากขึ้น ตอนแรกเขาไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้เขามั่นใจเกินร้อยว่าผู้ชายคนนี้คิดเกินเลยกับวายุแน่นอน ดูจากรอยยิ้มนั่นก็รู้แล้ว
เด็กหนุ่มกำลังจะแก้ไขความเข้าใจผิดด้วยการประกาศสถานะตัวเอง แต่คนข้างๆ กลับชวนอีกฝ่ายคุยเรื่องอื่นเสียอย่างนั้น
“คุณธันเปิดร้านขายดอกไม้ แปลว่าชอบดอกไม้ใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ ผมชอบดอกไม้มาตั้งแต่เด็ก ตั้งใจว่าพอโตขึ้นต้องมีกิจการดอกไม้ของตัวเองให้ได้ ดอกกุหลาบที่ให้ไปกับตะกร้าขนมเมื่อวันก่อนก็มาจากร้านผมเหมือนกัน จริงสิ พูดถึงขนม วายุลองชิมหรือยังครับ”
“ชิมแล้วครับ อร่อยมากเลย ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าชอบเดี๋ยวผมบอกพ่อให้เอามาให้อีก พ่อผมชอบไปเที่ยวต่างประเทศเลยมักจะซื้อขนมที่ไม่มีขายในไทยมาฝากบ่อยๆ”
ยิ่งทั้งสองคนคุยกันแบบสนิทสนมมากเท่าไหร่ ใบหน้าของเด็กหนุ่มยิ่งบึ้งตึงเท่านั้น สกายยอมรับว่ากำลังหงุดหงิด เวลานี้เขาไม่อาจปั้นหน้ายิ้มได้อีกต่อไป เขาอยากพาวายุกลับบ้านตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่เขายังเห็นแก่วายุเลยไม่ทำอย่างนั้น
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง มื้ออาหารที่น่าหงุดหงิดสำหรับเด็กหนุ่มก็จบลง สกายเดินออกจากร้านด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ต่างกับอีกสองคนที่ยังมีรอยยิ้มบนใบหน้ามาจนถึงตอนนี้
“ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารนะครับ”
“ยินดีครับ ไว้ผมผ่านมาแถวนี้อีกจะชวนมาทานใหม่”
“อย่าเลยครับ แค่นี้ผมก็เกรงใจแล้ว”
“เกรงใจอะไรกัน ผมสิต้องเกรงใจ รู้ไหมว่าตั้งแต่มีเว็บไซต์โปรโมตร้านของวายุ ออเดอร์จัดดอกไม้ก็ไหลเข้ามาไม่หยุดเลย เลี้ยงข้าวแค่มื้อเดียวไม่พอหรอก”
“เอ่อ...แต่ว่าผม...” วายุเริ่มคิดคำพูดไม่ออก เขาเองก็รู้สึกแหม่งๆ เหมือนสกาย แต่เรื่องแบบนี้อาจเป็นแค่การเข้าใจผิด ธันวาอาจไม่ได้คิดอะไรกับเขา ดังนั้นถ้าปฏิเสธไปตรงๆ ก็ดูจะหลงตัวเองไปหน่อย
“ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับ แต่ผมกับพี่วายุขอตัวก่อน พอดีต้องไปทำธุระต่อน่ะครับ” สกายจับไหล่วายุพร้อมกับยิ้มให้คนตรงหน้า เห็นเขายิ้มแบบนี้แต่ที่จริงเขาอยากพุ่งไปอัดหน้าให้รู้แล้วรู้รอด แค่ทำเว็บไซต์โปรโมตร้านดอกไม้ให้ พูดอย่างกับเป็นบุญคุณใหญ่หลวงไปได้ วายุก็ไม่ได้ทำงานให้ฟรีเสียหน่อย จ่ายเงินแล้วก็จบกัน ไม่มีเหตุผลต้องมาทำแบบนี้เลย เว้นแต่จะคิดอะไรกับคนของเขาจริงๆ
“ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับ ผมก็ต้องกลับไปดูร้านเหมือนกัน ไว้ผมจะขอนัดเลี้ยงข้าวอีกที วายุห้ามปฏิเสธนะ”
วายุไม่เคยรู้สึกตกที่นั่งลำบากขนาดนี้มาก่อน คนหนึ่งก็ส่งยิ้มมาให้ อีกคนก็เอาแต่ส่งสายตาห้ามปราม ทำเอาเขาอยากหายไปจากตรงนี้จริงๆ
“ถ้าผมไม่มีธุระนะครับ” วายุเลือกคำตอบแบ่งรับแบ่งสู้ เขากำลังจะบอกลาธันวา แต่สกายกลับจูงมือเขาออกมาโดยไม่บอกไม่กล่าว จึงทำได้แค่หันไปค้อมหัวพร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่าย
วายุลอบมองคนที่เดินข้างหน้า สกายไม่แม้แต่จะพูดอะไรสักคำ สีหน้าบึ้งตึงราวกับโกรธคนทั้งโลก เขารู้ทันทีว่าโดนคนรักงอนเข้าให้แล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนกลับไปแล้วคงต้องเคลียร์กันยาวสินะ
✦✪✧✥✦✪✧✥✦✪✧✥
“ท้องฟ้า”
“…”
“นี่ ท้องฟ้า”
“…”
“ใจคอจะเงียบใส่พี่ไปตลอดเลยเหรอ พูดอะไรบ้างสิ”
“…”
วายุถอนหายใจ เขานึกว่ากลับบ้านมาแล้วท้องฟ้าจะโวยวาย ห้ามไม่ให้เขาไปเจอธันวาอีก แต่จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ท้องฟ้ากลับไม่พูดอะไร เอาแต่นิ่งเงียบจนเขาเริ่มทำตัวไม่ถูก
“ท้องฟ้า” วายุขยับเข้าไปใกล้ เอื้อมมือไปประคองแก้มแล้วรั้งให้หันมา “เป็นอะไร บอกพี่หน่อยได้ไหม ไหนว่าเราจะคุยกันทุกเรื่องไง”
ท้องฟ้าจ้องตากับวายุ สักพักก็ถอนหายใจบางเบา ดวงตาที่มองคนรักเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“ผมไม่ชอบเลย”
“ไม่ชอบอะไร คุณธันน่ะเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิครับ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าหมอนั่นชอบพี่วายุ น่าหงุดหงิดชะมัด”
“ท้องฟ้า ไปเรียกคุณธันแบบนั้นได้ยังไง เขาเป็นลูกค้าพี่นะ”
“ถ้าเป็นลูกค้าธรรมดาผมจะไม่ว่าเลย แต่นี่อะไร ยกเหตุผลมาอ้างสารพัดเพื่อจะขอนัดเจออีก คนไม่คิดอะไรเขาไม่ทำแบบนี้หรอก”
“คิดมากเกินไปแล้ว คุณธันอาจไม่ได้คิดอะไรกับพี่ก็ได้”
“น้อยไปสิครับ แค่เห็นสายตาที่มองพี่วายุผมก็รู้แล้ว”
“นี่นายหึงพี่อยู่เหรอ” วายุถามยิ้มๆ เขาแค่อยากให้เด็กหนุ่มอารมณ์ดีขึ้น แต่ท้องฟ้ากลับมองเขานิ่ง ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวเข้าหาด้วยท่าทางคุกคาม
“ใช่ครับ ผมหึงพี่วายุ” ร่างสูงพลิกตัวมาคร่อมไว้ ใช้แขนยันหมอนทั้งสองด้านไม่ให้คนใต้ร่างหนี “ผมหึงพี่ ผมหวงพี่ ผมไม่อยากให้ใครมองพี่นอกจากผม และก็ไม่อยากให้พี่มองใครนอกจากผมเหมือนกัน”
วายุกำลังจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง สิ่งที่ท้องฟ้ากลัวไม่มีทางเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ริมฝีปากหนาที่ทาบทับลงมาทำให้เขาไม่อาจพูดอะไรออกไปได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือรอรับรสจูบที่อีกฝ่ายปรนเปรอให้ จูบของท้องฟ้าทั้งหนักหน่วงและดุดัน ราวกับอยากบอกให้รู้ว่ากำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ไหน
“ผมพยายามไม่งี่เง่า พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ด้วยการไม่ตะบี้ตะบันหึง แต่ผมเพิ่งรู้ว่ามันทำยากเหลือเกิน พี่วายุอย่าเพิ่งเบื่อผมนะ”
วายุยิ้มให้คนบนร่าง เอื้อมมือไปลูบสันกรามด้วยความเอ็นดู เขาส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแสง
“พี่ไม่มีวันเบื่อนาย เหมือนที่ไม่มีวันมองคนอื่นนอกจากนาย มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ นายได้ใจพี่ไปแล้วยังมีอะไรต้องกลัวอีกเหรอ”
ท้องฟ้านิ่งงันกับคำหวานที่ไม่ค่อยจะได้ยินบ่อยนัก แต่ไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา พี่วายุนี่จริงๆ เลย สิบปีที่ผ่านมายังไม่พอหรือไง ถึงขยันทำให้เขาหลงอยู่ได้...
คนตัวสูงโน้มหน้าลงไปใกล้ ปลายจมูกของคนสองคนสัมผัสกัน
“ถูกครับ หัวใจของพี่อยู่ที่ผม มันเป็นของผมคนเดียว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็แย่งไปไม่ได้ทั้งนั้น”
ทันทีที่เสียงทุ้มพูดจบริมฝีปากวายุก็ถูกปิดอีกรอบ เขากำลังจะยืนยันคำพูดนั้น แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นแล้ว แบบนี้ก็ยืนยันได้เหมือนกัน และดูเหมือนเด็กขี้หึงจะชอบมากกว่าด้วย
✦✪✧✥✦✪✧✥✦✪✧✥
“ร้านคุณธันมีดอกไม้หลายชนิด ถ้าใช้สีโทนอ่อนน่าจะเหมาะกว่านะครับ อีกทั้งคนมองยังสบายตา รู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่ในร้านจริงๆ” วายุหันโน้ตบุ๊กไปหาธันวาหลังจากเลือกโทนสีพื้นหลังให้แล้ว สิ่งที่กำลังปรากฏบนจอคือเว็บไซต์โปรโมตร้านดอกไม้ที่เขาทำขึ้นมา
“อืม...ผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องพวกนี้ด้วยสิ เอาอย่างนี้ไหมครับ วายุชอบสีอะไร”
“ผมเหรอครับ?”
“ใช่ครับ ให้ผมเลือกเองคงเลือกไม่ถูก เลยคิดว่าให้วายุเลือกน่าจะดีกว่า ถ้าเป็นสายตาวายุผมไว้ใจอยู่แล้ว”
วายุงงนิดหน่อยแต่ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายร้องขอ เขาเลือกสีเขียวอ่อนกับสีชมพูให้เพราะคิดว่าน่าจะเข้ากับพื้นหลังของเว็บไซต์ร้านดอกไม้ที่สุดแล้ว
เมื่อวานธันวาโทรมาหาเขา บอกว่าอยากขอนัดเจอเพื่อปรึกษาเรื่องเว็บไซต์ร้านเพิ่มเติม วายุรู้ว่าท้องฟ้าไม่อยากให้เขามาเจอธันวาอีก แต่เพราะอีกฝ่ายเอาเรื่องงานมาเป็นเหตุผลจึงยากที่จะปฏิเสธ เขาเลยเลือกวันที่ท้องฟ้ามีเรียนเพื่อจะได้ไม่มีปัญหา
วายุไม่ได้ตั้งใจจะหลอกหรือปิดบัง แต่เพราะรู้ว่าถ้าท้องฟ้ารู้ความจริงต้องไม่ยอม การไม่บอกแต่แรกจึงน่าจะดีกว่า ยังไงเขาก็ไม่ได้แอบมาทำอะไรไม่ดีอยู่แล้ว มันคือการทำงานเท่านั้น
“ถ้าอยากเปลี่ยนฟอนต์ก็กดตรงนี้นะครับ ผมสำรองไว้ให้สองสามแบบเผื่อคุณธันไม่ถูกใจ” วายุเงยหน้าขึ้นหลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าธันวากำลังมองเขาอยู่
“อะไรที่วายุเลือกให้ผมถูกใจหมดนั่นแหละครับ”
วายุไม่รู้จะพูดอะไรต่อจึงได้แต่ยิ้มกลับไป ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มก่อตัวอีกครั้ง
“เอ่อ...เท่าที่ดูผมว่าไม่น่ามีอะไรแล้ว ที่เหลือคุณธันน่าจะทำเองได้สบาย ถ้าอย่างนั้น...”
“วันนี้วายุว่างไหมครับ ผมอยากเลี้ยงข้าวตามที่สัญญาไว้คราวก่อน”
วายุไม่คิดว่าธันวาจะชวนตรงๆ อย่างนี้ เขาเกือบลืมไปแล้วว่าคราวก่อนอีกฝ่ายพูดอะไรไว้
“ขอโทษนะครับ พอดีวันนี้ผม...”
“อย่าปฏิเสธเลยนะครับ ผมอยากทานข้าวกับวายุจริงๆ ทานแถวนี้ก็ได้ครับถ้าวายุรีบกลับบ้าน เลือกร้านได้ตามสบายเลย” ธันวาเลื่อนมือมากุมมือวายุบนโต๊ะ รอยยิ้มที่ถูกส่งมาทำให้เขาเริ่มทำตัวไม่ถูก
“เอาไว้วันหลังได้ไหมครับ วันนี้ผมไม่สะดวกจริงๆ”
คนตรงหน้านิ่งไปเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะมองมาที่เขาอีกครั้ง
“วายุอึดอัดใช่ไหมครับ”
“ครับ? เอ่อ...คือผม...” วายุตั้งตัวไม่ทันเมื่อจู่ๆ ก็ถูกถาม ธันวาถอนหายใจ ริมฝีปากจุดรอยยิ้มบางเบา
“กะแล้วว่าแผนชวนทานข้าวต้องไม่เวิร์ก แต่ทำไงได้ล่ะครับ ผมไม่รู้จะจีบวายุยังไงแล้วจริงๆ”
“คุณธัน...”
“ครับ อย่างที่ได้ยิน ผมชอบวายุ ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว”
วายุนิ่งอึ้ง ถึงแม้จะแอบสงสัยอยู่แล้ว แต่พอมาได้ยินจากปากเจ้าตัวเขาก็อดตกใจไม่ได้ ธันวาบีบกระชับมือที่กุมกันอยู่ สายตาที่มองมาเผยความรู้สึกชัดเจน
“ไหนๆ วายุก็รู้แล้วงั้นผมพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ผมขอจีบวายุได้ไหมครับ สัญญาว่าจะไม่ทำให้อึดอัดใจอีก”
วายุค่อยๆ ดึงมือออกอย่างสุภาพ เขายิ้มให้อีกฝ่ายแต่เป็นรอยยิ้มที่เจือไปด้วยคำขอโทษ
“ขอโทษนะครับคุณธัน แต่ผมมี...”
“พี่วายุมีแฟนแล้วครับ ขอโทษด้วยที่ให้จีบไม่ได้”
เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำให้วายุหันไปมอง คนที่เขาไม่คิดว่าจะมาอยู่ที่นี่เวลานี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้า
“ท้องฟ้า” เพราะกำลังตกใจวายุจึงเผลอพูดอีกชื่อออกไป ข้างหลังท้องฟ้าคือรามิลที่มองมาด้วยสายตางุนงง
“วายุมีแฟนแล้วเหรอ”
“ใช่ครับ พี่วายุมีแฟนแล้ว” ท้องฟ้าเป็นคนตอบ เขาจับมือวายุแล้วดึงให้ลุกขึ้น “กลับบ้านครับ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“เดี๋ยวสิ พี่กำลังจะพาวายุไปทานข้าว”
เด็กหนุ่มเหลือบไปมองคนพูด สายตาของเขาราวกับมีเปลวไฟอยู่ในนั้น
“แฟนของผม ผมพาไปเองได้ ไม่ต้องรบกวนคุณหรอก”
“แฟน?” ธันวาทำหน้าแปลกใจระคนตกใจ แต่ท้องฟ้าไม่คิดจะอธิบายเพิ่ม เขาหันไปบอกลาเพื่อนสั้นๆ ก่อนจูงมือวายุออกจากร้าน
“ท้องฟ้า คุยกันก่อน มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ”
“ถ้าไม่อยากให้ผมโมโหมากไปกว่านี้ก็อย่าเพิ่งพูดอะไรครับ”
“แต่...”
“ผมเตือนพี่แล้วนะ” สายตาคมที่ตวัดมามองทำให้วายุไม่กล้าพูดอะไรต่อ จึงได้แต่เดินตามร่างสูงไปเงียบๆ
✦✪✧✥✦✪✧✥✦✪✧✥
“ทะ...ท้องฟ้า อื้อ...คุยกันก่อนได้ไหม”
เสียงวายุไม่ได้เข้าโสตประสาทแม้แต่น้อย เพราะท้องฟ้าเอาแต่รุกรานไม่หยุด ตั้งแต่กลับมาจนถึงตอนนี้เพิ่งผ่านไปไม่นาน แต่ตามเนื้อตัวเขากลับมีแต่รอยแดงเต็มไปหมด
“ทำไมไปอยู่กับหมอนั่นได้ครับ”
“คุณธันแค่อยากปรึกษางานเลยขอนัดเจอ นายนั่นแหละไปที่นั่นได้ยังไง”
“ใครให้ย้อนถามครับ พี่วายุมีความผิดอยู่นะ”
“พี่ก็แค่...อ๊ะ!” วายุสะดุ้งเมื่อถูกกัดบริเวณลำคอ แม้ไม่แรงมากแต่เขารู้ว่าต้องเป็นรอยแน่นอน ท้องฟ้ามองคนใต้ร่างด้วยสายตาคุกรุ่น แค่นึกภาพผู้ชายคนนั้นกำลังจับมือวายุ เขาก็หงุดหงิดจนแทบคลั่ง
วันนี้อาจารย์มีธุระด่วนเลยเลิกคลาสก่อนเวลา รามิลจึงชวนท้องฟ้าไปคาเฟ่ที่เพิ่งเปิดใหม่แถวมหาวิทยาลัย แต่พอเข้ามาในร้านแล้วเห็นวายุกำลังนั่งอยู่กับผู้ชายคนนั้น ท้องฟ้าก็รีบเดินดุ่มๆ เข้าไปหาทันที ยิ่งตอนได้ยินอีกฝ่ายขอจีบวายุ เขาก็แทบห้ามใจไม่อยู่เผลอชกหน้าก่อนจะคุยกันด้วยซ้ำ
“คราวหลังต้องบอกผมทุกอย่าง ห้ามปิดบังเหมือนวันนี้อีก เข้าใจไหมครับ”
วายุไม่ทันได้ตอบเพราะกำลังเบลอเนื่องจากถูกจู่โจมไม่หยุด ร่างสูงจึงขบกัดยอดอกเบาๆ เพื่อกระตุ้น
“อื้อ!”
“ตอบครับ เข้าใจที่ผมพูดไหม”
“ขะ...เข้าใจแล้ว คราวหลังพี่จะบอกทุกอย่าง”
ท้องฟ้ากระตุกยิ้มพอใจ เขาผละตัวออก ขยับไปพิงพนักเตียงพร้อมกับดึงร่างบางมานั่งบนตัก
“วันนี้พี่วายุมีความผิด คนผิดต้องโดนลงโทษ”
“พูดอะไรของ...อ๊ะ! ทะ...ท้องฟ้า อย่า...” วายุสะดุ้งอีกครั้งเมื่อช่องทางด้านหลังถูกสอดใส่ด้วยนิ้ว เขากำลังจะร้องห้าม แต่ลิ้นร้อนที่ไล้วนบนตุ่มไตทำให้เขาคิดอะไรไม่ออก ได้แต่ครางไม่เป็นภาษา ท้องฟ้ารุกรานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สายตาที่แหงนมองเปี่ยมไปด้วยความต้องการ
“รู้ตัวใช่ไหมครับว่าผิด”
“พะ...พี่ก็แค่ไม่อยากให้นายโกรธ...อื้อ!” เสียงเล็กร้องดังขึ้นเมื่อมีอีกนิ้วเพิ่มเข้ามา
“ทำแบบนี้ผมจะโกรธมากกว่าอีก จำไว้นะครับ มีอะไรต้องบอกผมตรงๆ”
วายุไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องการคำตอบหรือเปล่า เพราะพอพูดจบท้องฟ้าก็สอดนิ้วเข้ามาในปากของเขา เด็กหนุ่มควานนิ้วไปทั่วโพรงปากจนหยาดน้ำสีขาวไหลออกมา ขณะเดียวกันก็ถอนนิ้วออกจากด้านหลังพร้อมกับสอดแก่นกายเข้ามาแทน วายุอยากร้องแต่ทำไม่ได้ เพราะปากของเขาถูกนิ้วท้องฟ้าอุดไว้อยู่
“ดูดสิครับ” ท้องฟ้าเอ่ยเสียงพร่า สายตาราวกับจะแผดเผาคนบนตักให้มอดไหม้ในพริบตา วายุเหมือนถูกมนต์สะกด เขาตวัดลิ้นไปตามนิ้วยาวอย่างช้าๆ ความเจ็บค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกท้องฟ้าชักนำด้วยแรงปรารถนา
ท้องฟ้ามองการกระทำตรงหน้าด้วยสายตาพอใจ เขาถอนนิ้วออกพร้อมกับเด้งตัวเบาๆ วายุสะดุ้งเฮือก ผวาเข้ากอดร่างหนาด้วยความตกใจ ความรู้สึกมวนท้องที่ถาโถมเข้ามาทำให้ภายในหัวขาวโพลน
“อ๊ะ!” วายุร้องเสียงหลงเมื่อเด็กหนุ่มเด้งตัวอีกครั้ง ท้องฟ้ากระตุกยิ้ม โน้มใบหน้าไปชิดริมหู
“ถึงเวลาลงโทษแล้วครับ”
“ละ...ลงโทษอะไร”
“อะไรกัน พี่วายุไม่รู้เหรอครับ ผมก็สาธิตให้อยู่นี่ไง”
วายุเข้าใจทันทีว่าท้องฟ้าหมายถึงอะไร ทันใดนั้นใบหน้าเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา
“ปะ...เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น อื้อ!”
“คนผิดไม่มีสิทธิ์ต่อรอง เร็วครับ ผมคาดหวังกับพี่วายุอยู่นะ”
ท้องฟ้าไล่ปากไปตามแผ่นอกขาว มือวางทาบบนหลังก่อนเอนตัววายุลงเพื่อให้ปากของเขาทำงานได้ถนัดขึ้น ความวาบหวามที่ก่อตัวในอกทำให้สติของวายุเลือนหายไปทีละนิด การกระทำของท้องฟ้ากำลังปลุกความต้องการในตัวเขาให้ตื่นขึ้นมา
วายุลืมความอายไปหมดสิ้น เวลานี้ไม่ว่าท้องฟ้าสั่งให้ทำอะไรเขาก็พร้อมโอนอ่อนตาม มือบางยันไหล่หนาเอาไว้ ทิ้งน้ำหนักสะโพกลงไปแล้วขยับขึ้นลง เสียงครางกระเส่าดังประสานกับเสียงทุ้มต่ำของอีกคน
“อ่า...อย่างนั้นครับ...เก่งมาก...แรงอีกครับ” เสียงแหบพร่าที่กระซิบข้างหูทำให้วายุลืมตัว เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายทิ้งตัวลงซ้ำๆ พร้อมกับปลดปล่อยความต้องการออกมา ร่างของท้องฟ้ากระตุกถี่ วายุรู้สึกได้ถึงของเหลวที่ไหลเข้ามาในตัว ก่อนที่ร่างหนาจะสงบลงในที่สุด
วายุทิ้งตัวลงบนอกเปลือย หอบหายใจเหมือนวิ่งมาราธอนมา เขาทุบมือลงไปเบาๆ เรี่ยวแรงเหมือนถูกสูบออกไปจนหมด
“นิสัยไม่ดี”
“ไม่ดีตรงไหนครับ ผมออกจะเชื่อฟังพี่วายุทุกอย่าง ไม่หือไม่อือสักนิด”
เมื่อความเหนื่อยหายไปความอายก็เข้ามาแทนที่ วายุหน้าแดงซ่านเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงเรื่องน่าอายที่ทำลงไป เขาซุกหน้าเข้าหาอกกว้าง ไม่ยอมเงยหน้ามามอง ท้องฟ้าหัวเราะกับท่าทางของคนรัก
“ทำอะไรครับ”
“ไม่ต้องพูดเลย ห้ามล้อนะ”
“ไม่ได้จะล้อซะหน่อย ผมจะชมต่างหาก เพิ่งรู้ว่าแฟนตัวเองเป็นคนเร่าร้อนก็วันนี้”
“ท้องฟ้า!” วายุผงกหัวมาส่งสายตาค้อน เขากำลังจะทุบมือลงไปอีก แต่ก็ถูกเด็กหนุ่มจับมือไว้พร้อมกับมองมาด้วยสายตายิ้มๆ
“โกรธหรือเปล่าครับ”
“หือ? หมายถึงอะไร” วายุทำหน้างงเมื่อจู่ๆ ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเรื่อง
“ที่ผมทำไปทั้งหมดเพราะหึง พี่วายุเข้าใจใช่ไหมครับ”
วายุก้มหน้างุด ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน เขาส่ายหัวไปมาจนผมกระจาย
“อือ...พี่เข้าใจ แล้วก็ไม่ได้โกรธด้วย ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก พี่แค่ไม่อยากให้นายกังวล แต่พี่ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีลับหลังนายเลยนะ”
“ผมรู้ครับ พี่วายุไม่ใช่คนแบบนั้น ผมรู้จักพี่ดีที่สุด ผมแค่ไม่อยากให้เรามีความลับต่อกัน”
“หลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว พี่สัญญา”
ท้องฟ้าคลี่ยิ้ม วายุเลยพลอยยิ้มตาม เขาโล่งอกที่เห็นท้องฟ้ายิ้มออก เพราะนั่นหมายความว่าท้องฟ้าไม่โกรธเขา
“นายไม่โกรธแล้วใช่ไหม”
“ครับ ไม่โกรธ”
“ถ้าอย่างนั้น...”
“จะไปไหนครับ” ข้อมือวายุถูกจับไว้ในตอนที่จะก้าวลงจากเตียง พอหันกลับไปมองก็เจอเข้ากับสายตาวาววับ “ผมไม่โกรธไม่ได้แปลว่าจะยกโทษให้ พี่วายุยังโดนลงโทษไม่ครบเลยนะครับ”
!!!
“ผมไม่ชอบเอาเปรียบใคร พี่วายุทำให้ผมแล้ว ตาผมทำให้พี่บ้าง”
วายุไม่มีเวลาแม้แต่จะประท้วง ท้องฟ้าพูดจบก็จับตัวเขาคุกเข่ากับเตียงทันที ชายหนุ่มได้แต่โอดครวญในใจ ต่อไปเขาจะไม่ปิดบังอะไรแล้ว ถ้ารู้ว่าเด็กขี้หึงจะลงโทษหนักขนาดนี้เขายอมบอกความจริงไปแต่แรกซะก็ดี
TBC Tag :
#ท้องฟ้าที่ผมรัก Twitter :
@earthxxide Facebook :
Earthxxide