Chapter 38ภายในเย็นวันเดียวกันนั่นเอง สองพี่น้องพากันไปเลือกซื้อแหวนพลอยสีแดงเม็ดโตที่จะให้กับคุณย่าในวันเกิด หลังจากนั้นก็ไปรับประทานอาหารด้วยกัน ตลอดทางนีนี่เองก็พยายามที่จะกดดันพี่ชาย เธออยากให้เขาเลิกดื้อรั้น แล้วทำตามที่ใจต้องการสักที
รถคันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดเทียบตรงทางเข้าที่ด้านหน้าคอนโดมิเนียมย่านสาธรตามคำสั่งของชายหนุ่ม เขาก้าวลงมาพร้อมกับหันไปสั่งกับคนขับ “พานีนี่กลับบ้านดีๆ ห้ามแวะที่ไหนเด็ดขาด”
“นภ! เห็นนีนี่เป็นยังไงเนี่ย ทำมาห่วงเค้า เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเหอะ! ตัดสินใจไวๆ อย่ามัวแต่เก๊ก แล้วก็รีบไปง้อเขาซะที!”
นภเกตน์ปิดประตูรถอย่างอ่อนใจ ไม่ว่าเมื่อไหร่ น้องสาวก็เป็นคนตรงและเข้มแข็งแบบนี้เสมอ แต่เธอก็เป็นคนเดียวที่เข้าใจเขามาโดยตลอด แม้จะต้องแยกกันไปเติบโตตั้งแต่เมื่อครั้งที่คุณแม่คุณพ่อเกิดอุบัติเหตุ
นีนี่พูดถูกทุกอย่าง... เขารู้ว่าตฤณรักเขามาก ย่อมอยากจะกอดจูบเป็นเรื่องธรรมดา แต่เขาสิ เมื่อเทียบกันแล้วเรียกว่าแทบไม่เคยแสดงท่าทีอะไรออกไปเลย มันก็สมควรที่ตฤณจะโกรธจนทิ้งงานแล้วหนีกลับบ้านนอกไปแบบนั้น
เขาทำให้คนบ้างานอย่างตฤณทิ้งงานไปได้ ดังนั้นอีกฝ่ายก็คงจะโกรธมากเลยจริงๆ
ขาเรียวพาเจ้าของเดินวนไปเวียนมาอยู่บนฟุตบาทแถวด้านหน้าคอนโดมิเนียม อุณหภูมิในยามค่ำคืนไม่ร้อนมากนัก มีลมอุ่นพัดแผ่วๆ ท้องฟ้าเบื้องบนครึ้มฝนเช่นเคย มีฟ้าแลบแปลบปลาบสลับฟ้าร้องดังก้องเป็นระยะๆ ทว่าจิตใจที่เต็มไปด้วยความกังวล ทำให้นภเกตน์ไม่ใส่ใจและยังคงเดินไปเดินมาอยู่แบบนั้น
...จะโทรไปหาตฤณ หรือจะโทรไปเรียกคนขับรถ หรือจะไปสนามบิน... แต่ดึกขนาดนี้แล้ว ไฟลต์สุดท้ายคงบินไปเรียบร้อย คงต้องรอจนเช้า แต่ถึงจะไปได้ เขาก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าบ้านของตฤณอยู่ที่ไหน
“พ่อหนุ่ม ทำอะไรอยู่น่ะ”
“หือ...” นภเกตน์เงยหน้าขึ้นมองคนถาม ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนในชุด
ยูนิฟอร์มยามรักษาการณ์ของคอนโดมิเนียมแห่งนี้ “เอ้อ... ผม...”
“อยู่ที่นี่เหรอครับ” ลุงยามชี้ไปยังตึก
ร่างโปร่งชูคีย์การ์ดที่มีตราของคอนโดมิเนียมให้กับลุงยามดู “อยู่ที่นี่ล่ะ”
“อ่อ แล้วทำไมไม่กลับเข้าห้องพักล่ะครับ ดึกดื่นแบบนี้มาเดินทำอะไร เดี๋ยวฝนจะเทลงมาแล้วนะคุณ”
“.....”
ลุงยามหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ทะเลาะกับแฟนมารึไงหนอ”
“หืม?”
“ช่วงนี้คนทะเลาะกับแฟนบ่อยจริง วันก่อนก็มีพ่อหนุ่มหน้าหล่อคนนึง มานั่งรอง้อแฟนที่หน้าคอนโดฯ นี่ละคุณ รอทั้งคืน สองคืนติดๆ กันเลย... ตอนนี้หายไป สงสัยไม่ง้อได้ก็โดนแฟนทิ้งไปแล้ว”
นภเกตน์ขมวดคิ้ว ก่อนนึกเอะใจ... เอ๊ะ... ชักคุ้นๆ แฮะ เรื่องนี้
ลุงยามชวนคุยต่อ “อู้ยยย พ่อหนุ่มนั่นน่ะ คงรักแฟนมากทีเดียว ถึงกับเพ้อตาลอย ว่าแฟนเขาทั้งสวยทั้งน่ารัก ตัวขาวจั๊วะ ปากนิดจมูกหน่อย เอ... แต่จะว่าไปก็... จากที่ฟังดู ก็คล้ายๆ คุณอยู่นะเนี่ย”
ร่างโปร่งถลึงตาใส่ลุงยาม “แต่ผมเป็นผู้ชายนะลุง”
“เรียกพี่จอห์นนี่สิครับ! แล้วนี่คุณเป็นอะไร ทำหน้าอย่างกับเมียหอบผ้าผ่อนหนีกลับบ้านนอกไปงั้นล่ะ” ลุงยามยังแซวต่อไปเรื่อย
หากคำพูดเหล่านั้นโดนใจของนภเกตน์อย่างแรง “ก็ใกล้เคียงล่ะครับ... พี่จอห์นนี่” เขาเอ่ยพลางเหลือบมองใบหน้าเปี่ยมอารยธรรมของเจ้าของชื่อนั้น ซึ่งไม่ว่าจะเอียงคอมองท่าไหนยังไงก็ไม่ค่อยจะเข้ากับชื่อเอาเสียเลย
“วุ้ย! ทายถูกทุกที แต่ทำไมไม่เคยถูกหวยเลยหว่า” ลุงยามเปรยกับตนเอง “ตามไปง้อสิคุณ เมียน่ะ ไม่กลับมาเองเหมือนเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวหรอกนะ”
“แต่บ้านเขาอยู่ที่ไหนผมก็ไม่รู้” นภเกตน์ยังคงหาข้อแก้ตัวง่ายๆ ให้กับตนเองตามประสาคนดื้อ
“โธ่ ถ้าใจมันรักแล้ว อยู่ที่ไหนก็ต้องตามไปจนเจอได้น่ะคุณ ไม่ลองถามคนใกล้ตัวเขาดูล่ะ” ลุงยามยิ้มกว้าง “ถ้าคุณไปตามถึงที่บ้าน เมียคุณต้องใจอ่อนแน่ๆ”
“พี่จอห์นนี่คิดอย่างนั้นเหรอ” ร่างโปร่งเริ่มจะคล้อยตาม
“เชื่อผมเถอะครับ” ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นตบบนแผ่นอกตน “คนรักกัน มันต้องแสดงออกนา ดูอย่างผมกับเมียสิ อยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปีแล้ว ยังสวีตหวานแหววจนข้างบ้านด่าประจำ”
นภเกตน์ยิ้มบาง พร้อมกับผงกศีรษะหงึกหงัก “นั่นสินะ... ผมคงต้องบอกให้เขารู้บ้าง เขาจะได้ไม่นึกสงสัยว่าเราคบกันอยู่จริงรึเปล่า”
ลุงยามยิ้มอย่างเอ็นดู “การแสดงออกว่ารัก มันก็ดีนะคุณ แต่มันไม่ชัดเจนเท่ากับคำพูดในบางครั้ง ผมเองบอกรักเมียทุกวัน เช้าเย็นไม่เคยขาดตกบกพร่อง... ไม่งั้นเมียไม่ให้กินข้าว” ลุงยามตบไหล่เล็กเบาๆ “นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณไปพักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้จะได้มีแรงไปตามเมียนะ”
“อืม... ขอบใจนะพี่จอห์นนี่” ร่างโปร่งพยักหน้า แล้วเดินเข้าตึกที่พักไป
นภเกตน์นอนหลับๆ ตื่นๆ จนถึงเวลาเช้า... ใจเขาอยากจะเดินทางไปตามผู้ช่วยตั้งแต่เที่ยวบินแรกเมื่อตอนรุ่งสาง เพราะใจร้อนรนจนไม่เป็นอันทำอะไร แต่ก็เป็นห่วงงานการที่ยังไม่ได้ฝากฝังไว้กับใคร แถมจะไปที่ไหนก็ยังไม่รู้ แล้วรถก็ไม่มี เขาจึงจำใจต้องรอจนถึงเวลาเริ่มงานของวันใหม่
ร่างโปร่งเข้าไปยังบริษัทแต่เช้า เพื่อดักรอพบวิศวกรที่เขาตั้งใจจะฝากฝังงานแทนหนึ่งวัน พอเห็นสามหนุ่มที่หมายตาเดินเข้ามาในแผนกก็รีบส่งเสียงเรียก “คุณกิตติ คุณบวรวิทย์ คุณภูริณัฐ มานี่ด่วน”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน สามหนุ่มคงช็อกจนหัวใจตกไปอยู่ใต้ตาตุ่ม แต่เวลานี้พวกเขารู้จักเจ้านายดีแล้ว ทั้งสามจึงวิ่งหูตูบเข้าไปหา “คร้าบบบบ”
“วันนี้ผมจะไปธุระข้างนอก พวกคุณสามคนดูแลงานแทนผมด้วยนะ ผมแบ่งงานไว้ให้แล้ว เอกสารอยู่ที่คุณหลิน”
“ได้คร้าบ...” สามหนุ่มตอบโดยพร้อมเพรียงกัน
นภเกตน์อึกอักอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะถามออกไป “แล้วก็... เอ่อ... ผมมีเรื่องจะถาม บ้านคุณตฤณที่ต่างจังหวัด... อยู่ที่ไหน”
บริษัทให้เช่ารถนำรถบีเอ็มซีรี่ส์เจ็ดคันหรูมาจอดรอส่งมอบให้กับร่างโปร่งบางที่สนามบินของจังหวัดเลย เมื่อชายหนุ่มรับกุญแจมา เขาก็ขับออกจากสนามบินไปอย่างรวดเร็ว รถยนต์คันโตวิ่งไปบนถนนสายหลักอยู่สักพัก ก็เลี้ยวเข้าไปในถนนสายย่อย ที่บริเวณสองข้างทางเต็มไปด้วยเรือกสวนไร่นาสีเขียวสดใส เขามุ่งหน้าไปทางทิศที่มีภูเขาสูง ดวงตาจ้องมองนาวิเกชั่นซิสเต็มในรถ สลับมองซ้ายขวาดูสองข้างทางว่าเป็นไปตามที่สามหนุ่มเมื่อตอนเช้าบอกเล่ามาหรือไม่
และก่อนถึงเชิงเขาเบื้องหน้า มีถนนส่วนบุคคลแยกออกไป ด้านหน้ามีป้ายใหญ่โตทำจากไม้สักอย่างดีเขียนไว้ว่า “ไร่พัชรวิทิต”
นภเกตน์ขับรถตรงเข้าไปเรื่อยๆ ผ่านไร่ส้ม ไร่องุ่น ไปจนถึงตึกเตี้ยๆ เหมือนห้องแถวประมาณสามหรือสี่คูหา เขาจอดรถที่ด้านหน้าตึกเหล่านั้น แล้วลงจากรถไปสำรวจพื้นที่ดู
“สวัสดีค่ะ มาหาใครเหรอคะ” ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังเดินไปเดินมา บานประตูกระจกบานหนึ่งก็เปิดออก พร้อมกับหญิงสาวชะโงกหน้าออกมาถาม
“เอ่อ มาหาคุณตฤณ...”
“อ๋อ คุณตฤณอยู่บ้านใหญ่ค่า เชิญด้านหลังเลยนะค้า ที่นี่เป็นสำนักงานน่ะค่า” เธอชี้มือให้เขาเดินผ่านทางเดินเล็กๆ เข้าไปด้านหลัง
“อ่า... ขอบใจ” เมื่อร่างโปร่งเดินผ่านตึกห้องแถวไปก็พบกับสวนที่จัดไว้อย่างสวยงาม มีต้นไม้ใหญ่เล็ก ประดับด้วยศาลากลางสวน ตะเกียงและอ่างบัว พอเดินตัดสวนเข้าไปอีกหน่อยเขาจึงได้เห็น บ้านใหญ่ ที่เธอว่า ซึ่งเป็นบ้านสามชั้นแบบเรียบๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองระเบียงด้านหน้าที่มีกระถางดอกไม้จัดแต่งไว้เป็นอย่างดี จะว่าไปบ้านของตฤณก็มีสเน่ห์ดีเหมือนกัน
นภเกตน์เดินไปหยุดตรงประตูไม้แกะสลักขนาดใหญ่ที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย เขาคิดว่าคงเป็นประตูทางเข้าบ้าน แต่ถึงประตูจะเปิดไว้ เขาก็ไม่กล้าเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่นโดยไม่ได้รับเชิญ ชายหนุ่มกวาดสายตามองหากริ่ง เขาเอื้อมมือออกไปเตรียมจะกด หากระหว่างนั้นมีลมพัดบานประตูให้เปิดอ้าอีกหน่อย พอให้เขามองเห็นคนที่อยู่ภายใน
เขาเห็นร่างสูงกำลังเข็นรถเข็นตรงมาทางที่ตนยืนอยู่พอดี ร่างโปร่งจึงผลักบานประตูให้เปิดออก “คุณตฤณ”
ภายในบ้าน ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งเข็นรถเข็นพาหญิงสูงวัยที่ใส่เฝือกอยู่ที่ขาเดินวนไปวนมา พร้อมกับบ่นพึมพำใส่เธอเป็นชุดใหญ่
“แม่อะ ดูซิ เพราะความอยากไม่เข้าเรื่อง เลยอดเดินไปเป็นเดือน ต้องเข้าเฝือกแบบนี้”
คุณนายแสงแขผู้เป็นมารดาเงยหน้าขึ้นแล้วเถียง “ก็แม่อยากกินมะยม เห็นตอนนี้ลูกมันดกกำลังดี ใครจะไปนึกว่าจู่ๆ ไอ้กิ่งที่แม่ใช้เหยียบประจำมันจะหักง่ายๆ แบบนั้นกันล่ะ”
“คนงานมีตั้งมากมาย ทำไมไม่ให้ไปเก็บให้ล่ะแม่”
“มันอร่อยสู้เก็บเองไม่ได้ อีกอย่างแม่ก็ปีนเก็บมากินตั้งแต่สมัยสาวๆ แล้ว ปีนจนเจอกับพ่อแกนี่ไง”
ลูกชายขมวดคิ้ว นึกสงสัยอยู่แวบหนึ่งว่าทำไมมารดาถึงไปเจอกับบิดาบนต้นมะยมได้ แต่เดี๋ยวสิ นั่นไม่ใช่ประเด็น! “สมัยสาวๆ น่ะกี่สิบปีมาแล้วครับ ตอนนี้แม่อายุเท่าไหร่แล้วลืมไปรึเปล่า ทำซิ่งปีนขึ้นไปยืนขย่มต้นมะยม ไม่ตกลงมาคอหัก เจ็บหนักกว่านี้ก็ดีเท่าไหร่แล้วเนี่ย”
“แกพูดแบบนี้หมายความว่าไงยะ ว่าแม่แก่รึไงไอ้ตฤณ! หนอย... ถ้าแม่คอหักล่ะก็จะเป็นผีเฝ้าต้นมะยม คอยหลอกหลอนลูกหลานเหลนโหลนแกไปเจ็ดชั่วโคตรเลย”
แน่ะ มีอาฆาตเขาอีก คนเป็นห่วงแทบตายแท้ๆ
“คุณนายแสงแขซะอย่าง ไม่ตายง่ายๆ หรอกครับ ที่ผมพูดเพราะเป็นห่วงหรอก”
“รู้แล้วน่ะ แกนี่ขี้บ่นชะมัด” เธอค้อนใส่ลูกชาย แล้วหันไปสั่งคนงานที่นั่งอยู่บริเวณนั้น “เอามะยมไปเชื่อมรึยัง เอาจากทั้งกิ่งที่หักเลยนะ แล้วต้นมะยมของฉันเป็นยังไงบ้างล่ะ ตายมั้ย”
ตฤณส่ายหน้ารัวๆ ก็ดูคุณนายแม่ของเขาสิ ตอนคนงานโทรศัพท์มาหา เขาตกใจแทบตาย ไอ้คนงานก็ไฮเปอร์ รายงานมาได้ว่าแม่เกิดอุบัติเหตุ กระดูกกระเดี้ยวหักแหลกลาญ อาการหนักอยู่ในห้องไอซียู ให้รีบกลับมาดูใจโดยด่วน เขาตกใจจนต้องรีบลางานกลับมาหามารดาทันที แต่พอมาถึง ก็เห็นว่ามารดาของตนกำลังนั่งหัวเราะร่า จีบหมอหล่อๆ ในโรงพยาบาลที่เดินผ่านไปมาด้วยสีหน้าสุขสุดๆ ซะงั้น ปล่อยให้บิดาเขายืนเป็นเงาจืดจางที่ไม่มีใครใส่ใจอยู่ข้างๆ มิหนำซ้ำพอเจอหน้าลูกชายที่ใส่สูทผูกไทปราดเข้าไปหา คุณนายแม่ก็ตะโกนใส่หน้าว่า “แกเป็นใคร ไม่ใช่ลูกฉัน!” ใส่เสียอีก
“พาแม่ไปดูสภาพต้นมะยมหน่อยซิ” หญิงสูงวัยชี้นิ้วสั่ง ร่างสูงจึงเข็นรถเข็นของเธอตรงไปยังประตูทางเข้าบ้านที่เปิดแง้มไว้อยู่แล้ว แต่จู่ๆ บานประตูก็เปิดออก และมีคนที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันได้มาพบกันที่หน้าบ้านหลังนี้ยืนรอตนอยู่
“คุณนภเกตน์!”
“คุณตฤณ” ร่างโปร่งอยู่ในชุดสูทแบบที่เขาใส่ไปทำงานเป็นประจำทุกวัน เขาพนมมือขึ้นไหว้หญิงสูงวัยบนรถเข็น “สวัสดีครับ”
“ว้าย! คุณพระคุณเจ้าช่วย... หล่อเริ่ด!” คุณนายแสงแขยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ “ใครกันจ๊ะนี่ เพื่อนตฤณเหรอ เข้ามา...”
มารดายังพูดไม่ทันจบประโยคตฤณก็รีบเข็นรถเข็นหนี ก่อนที่เธอจะออกตัวล้อฟรีจีบเจ้านายของตน พลางหันมาบอกกับอีกฝ่าย “เข้ามาข้างในก่อนครับ ขอผมเอาแม่ไปขัง เอ๊ย! พาไปพักก่อน เดี๋ยวจะรีบออกมา”
“เฮ้ยยยย! ตาตฤณ! เดี๋ยวซี่! ยังไม่ทันเห็นหน้าชัดๆ เลยโว้ย~” มารดาได้แต่ร้องเสียงหลง
TBC~*พี่ตฤณ.... ซีเรียสเป็นพระเอกได้ไม่เท่าไหร่เลยจริงๆ
น้องนภไปง้อพี่ตฤณแล้วน้า พี่ตฤณจะว่ายังไงหนอ
ปล. คงรู้แล้วนะคะว่าพี่ตฤณเหมือนใคร ลูกชายได้เชื้อคุณแม่มาเต็มๆ 5555555
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่า