Chapter 33รถยนต์คันหรูแล่นออกไปจากบริเวณคฤหาสน์หลังสวย แต่หลังจากขับห่างออกมาไม่กี่บล็อกเท่านั้น นภเกตน์ก็เหยียบเบรกให้รถหยุดกึก แล้วหันไปออกคำสั่งกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน
“ลงไป!”
“ไม่ลงครับ เรายังไม่ได้คุยกันเลย!” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งตอบทันควัน
“ผมไม่มีอะไรจะคุย!”
“แต่ผมมีนี่!”
“บอกให้ลงไปไงเล่า!” มือขาวผลักไหล่กว้างถี่ๆ เป็นเชิงไล่ให้ลงจากรถไปไวๆ
ตฤณเบี่ยงตัวหลบซ้ายทีขวาที พลางใช้เล็บจิกคอนโซลข้างหน้าไว้แน่น “ไม่ลง! หึ! แต่ถ้าคุณยังจะบังคับผมให้ลงไปตอนนี้ให้ได้ล่ะก็ ผมจะไปฟ้องคุณหญิงใหญ่ว่าคุณนภฟันผมแล้วทิ้ง หลักฐานก็มีอยู่ทนโท่”
“จะบ้าเรอะ อยากโดนไล่ออกรึไง!” นภเกตน์ตวาดเสียงดัง
หากอีกฝ่ายก็ไม่ยอมแพ้ เขาตะเบ็งเสียงตอบ “ผมไม่สน! อยากไล่ก็ไล่เลยสิครับ! ถ้าคุณนภคิดว่าแค่นี้จะทำให้ผมหยุดได้ล่ะก็! ผมบอกไว้ก่อนเลย ผมจะไม่หยุด ไม่มีวันหยุดจนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง!”
ร่างโปร่งหยุดเพื่อตั้งหลัก ก่อนจะตะโกนใส่อีกฝ่าย “คุณมันบ้า!”
ตฤณตอบเสียงดังไม่แพ้กัน “ใช่ครับ! ผมมันบ้า! โง่! งี่เง่า! รากหญ้าไม่เจียมตัว! คุณจะว่าผมยังไงก็ได้ทั้งนั้น! ขอแค่อย่าเข้าใจผมผิดแบบนี้ ขอให้ฟังผมอธิบายบ้าง!”
สองหนุ่มหยุดหอบแฮกๆ โดยที่สายตาทั้งสองคู่ประสานกันนิ่ง พวกเขาจ้องมองกันอยู่สักพักโดยไม่พูดอะไร มีเพียงเสียงลมหายใจหนักๆ ที่ดังขึ้นสลับกัน จนกระทั่งเสียงลมหายใจนั้นกลับเป็นปกติอีกครั้ง
นภเกตน์พรูลมหายใจออกยาวอย่างอ่อนใจพร้อมกับเสตาหลบ “คุณทำแบบนี้ทำไม... มีอะไรอยากจะพูดอีก จะมาหลอกอะไรผมอีก” ชายหนุ่มครางเสียงแผ่ว “มาตามตื๊อผมแบบนี้ทำไม... ทั้งๆ ที่คุณเองก็น่าจะมีคนเข้ามาให้เลือกคบตั้งมากมาย ไหนจะคุณธนากร แล้วยังแฟนเก่ากับลูกในท้องของคุณอีก”
ร่างสูงขยับตัวเข้าหาร่างโปร่ง ถือวิสาสะใช้มือทั้งสองข้างจับไหล่เล็กแล้วหมุนให้อีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้ากัน “นั่นล่ะครับที่เราต้องคุยกัน คุณนภเข้าใจผิดไปเต็มๆ ปิ่นหยกกำลังจะแต่งงาน ลูกในท้องของเธอเป็นลูกของเธอกับแฟนใหม่ เธอแค่มาขอให้ผมอโหสิกรรมให้ เพราะเธอฝันร้ายติดๆ กัน เธอรู้สึกผิดมากที่ทิ้งผมแล้วหนีไปกับแฟนใหม่น่ะครับ”
ดวงตากลมโตยังคงฉายแววขุ่นเคือง เหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “.....”
“แล้วกับไอ้ธนากรนั่น ผมกับมันไม่ได้มีอะไรกันนะครับ ผมขอสารภาพตามตรงว่าผมไม่ได้ชอบผู้ชายมาแต่แรก วันนั้นที่ทดลองจูบกับธนากรไป ผมแทบอ้วก...”
ร่างโปร่งผลักมือสีแทนที่เกาะกุมหัวไหล่ของตนออก “ปล่อยก่อน... ถ้างั้นแล้วคุณจะมายุ่งกับผมทำไมอีก ผมเป็นผู้ชายนะ”
มือหยาบคว้ามือขาวหมับ “นี่ล่ะครับ ที่ผมอยากจะอธิบาย”
“ปล่อย!” นภเกตน์สะบัดมือรัวๆ แต่อีกฝ่ายจับยึดไว้แน่นยิ่งกว่าติดกาวตราช้าง “ฮื้ยย!”
“ฟังสิครับ ฟังผม! วันนั้นที่ผมทำลงไปก็เพราะอยากรู้ว่าเวลาที่จูบคนอื่น ผมจะรู้สึกเหมือนกับเวลาผมจูบคุณนภรึเปล่า” ตฤณยื้อมือกับนภเกตน์เป็นพัลวัน “ผมยอมรับว่าตอนแรกน่ะ ผมตั้งใจจะแกล้งคุณนภที่เข้าใจผิด แต่ว่า... ผมดันหลงรักคุณเข้าจริงๆ น่ะสิครับ”
...รัก...
“ฮะ!” ร่างโปร่งชะงักกึก ใบหน้าร้อนวาบขึ้นมาทันใด
“ผมรักคุณ ผมหลงรักคุณ รักจนจะคลั่งอยู่แล้ว จริงอยู่ผมไม่เคยนึกชอบผู้ชาย ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ผมรักคุณนภ รักมากด้วยนะครับ” ร่างสูงพูดออกไปอย่างหนักแน่น พร้อมกับบีบมือขาวในมือแรงๆ อย่างต้องการยืนยันคำพูดของตน
“คุณ... คุณมันเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ” น้ำเสียงของผู้เป็นนายแผ่วลงจนสังเกตได้ชัด หัวใจก็พาลเต้นระส่ำ เพราะคำว่า
รัก สั้นๆ แค่นั้น แต่ทำให้ตัวเขาเบลอยิ่งกว่าถูกทุบศีรษะหนักๆ หลายๆ ครั้งเสียอีก
“คุณนภจะว่าผมเพี้ยนก็ได้ จะเพี้ยนหรือจะบ้าผมก็ยอม! ขอแค่คุณนภเชื่อว่าผมรักคุณ! รักมากพอที่จะเสี่ยงมาหาคุณถึงที่นี่ ถึงพรุ่งนี้ผมจะโดนไล่ออกจากที่ทำงาน ผมก็ยอม! ผมต้องการเพียงแค่ให้คุณนภเห็นความจริงใจของผมบ้างเท่านั้น...” นัยน์ตาสีดำขลับจ้องเข้าไปในแววตากลมใสที่สั่นระริก พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด “แต่ได้โปรด อย่าเข้าใจผมผิด อย่าหนีไปจากผมแบบนั้นอีกเลยครับ”
“.....” ร่างโปร่งเม้มปากแน่น เขากำลังจะใจอ่อนกับสายตาอ้อนวอนของคนตรงหน้า
ท่าทางที่อ่อนลงไปเยอะของอีกฝ่าย ทำให้ตฤณรุกใกล้เข้าไปอีกคืบ เขาดึงมือขาวที่กุมไว้มาแนบจูบเบาๆ “ยกเลิกเรื่องย้ายแผนกได้มั้ยครับ อย่าทิ้งผม อย่าเมินเฉยต่อความรักของผม ได้โปรด... ผมรักคุณนะครับ” พร้อมกับตอกย้ำให้เจ้านายยิ่งอ่อนระทวย
“ผมไม่ได้จะย้ายแผนกซะหน่อย เอาอะไรมาพูด”
“ไม่ได้ย้าย! จริงๆ นะครับ!” ชายหนุ่มผิวสีแทนถือโอกาสดึงเจ้านายเข้ามากอด “คุณนภไม่ได้จะทิ้งผมใช่มั้ยครับ”
“...เพราะทิ้งพวกลูกน้องไม่ได้ต่างหาก” ร่างโปร่งเอ่ยเสียงอ่อย ราวกับกำลังแก้ตัวให้ตนเองที่ปฏิเสธคำขอของคุณย่าเรื่องย้ายแผนกไปตั้งแต่ตอนที่คุณย่ายกเรื่องนั้นขึ้นมาคุยแล้ว
ตฤณหัวเราะเบาๆ กับคำตอบของเจ้านาย ก็ตอบเขามาด้วยน้ำเสียงอ่อนจนแทบกระซิบแบบนั้น เขารู้หรอกน่ะ ว่าเจ้านายกำลังเขิน “คุณนภ... เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ ที่ผ่านมามันอาจจะดูไม่ชัดเจน อาจจะทำให้คุณคลางแคลงใจ แต่ตอนนี้คุณมั่นใจได้แล้ว ผมรักคุณมากจริงๆ ...เรามาเริ่มต้นคบกันใหม่นะครับ”
นภเกตน์ไม่ตอบ แต่ใบหน้าและใบหูเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เวลานี้เขาทำได้แค่ผงกศีรษะที่แนบอยู่กับแผ่นอกกว้างเล็กน้อยเท่านั้น
ร่างสูงยิ้มกว้าง แม้จะไม่ได้ยินคำตอบชัดเจน หากเจ้านายก็ไม่ได้ตอบปฏิเสธ และดูท่าเจ้านายคงจะเขินเอามากๆ เขาก้มลงกระซิบชิดใบหูสีแดง “กลับคอนโดฯ คุณนภด้วยกันนะครับ”
“ไม่... ผมจะนอนบ้าน” ผู้เป็นนายก็ยังคงดื้อในแบบปกติของเขา
“ถ้างั้นผมจะนอนด้วย นอนในโรงรถหรือในพุ่มไม้ก็ได้ คุณนภไปนอนไหน ผมก็จะตามไปนอนที่นั่น”
มือขาวทุบลงบนแผ่นอกกว้างเบาๆ “จะบ้าเรอะ! คุณตฤณ!”
“งั้นก็กลับคอนโดฯ สิครับ ไม่ก็กลับบ้านผม ย้ายมาอยู่เลยก็ยังได้”
“ไม่เอา”
“งั้นผมย้ายไปอยู่คอนโดฯ ของคุณนภแทนนะครับ ผมจะช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟ...” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งหยุดกึก แล้วยิ้มมุมปาก “แต่ต้องประหยัดหน่อยนะครับเจ้านาย เพราะผมเงินเดือนน้อย”
นภเกตน์หลุดหัวเราะออกมาแผ่วเบา “คนหน้าด้าน”
“จะว่าอะไรผมก็ยอม~” ตฤณยิ้มกริ่ม “เรากลับคอนโดฯ ของคุณนภกันเถอะนะครับ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของการติดตั้งโพรเจกต์ดาต้าโปรแล้ว การตรวจสอบระบบผ่านไปแล้วกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์และทุกอย่างก็เรียบร้อยดี... ให้รางวัลผมหน่อยนะครับ”
“เกี่ยวอะไรกับผม โพรเจกต์ก็ของคุณ”
“แต่ผมคิดถึงคุณนภ ผมแค่อยากใช้เวลาอยู่กับคุณตามลำพัง ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเลยจริงๆ นะครับ”
...เชื่อได้งั้นล่ะ... ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองแมวดำจอมกะล่อน “แล้วคุณตฤณมาที่นี่ได้ยังไง”
“ผมขับไอ้แก่ของผมมาน่ะครับ” มือหยาบจับคางมนเอาไว้ให้อยู่กับที่ ขณะที่เรียวปากหยักเคลื่อนไปประกบปิดริมฝีปากนุ่มนิ่ม เขาคลอเคลียภายนอกเป็นการหยั่งเชิงดูก่อน เมื่อเจ้านายเผยอริมฝีปากออกเล็กน้อย เขาจึงส่งลิ้นเรียวเข้าไปทักทายลิ้นเล็ก ตามที่อีกฝ่ายเปิดโอกาสให้
สองลิ้นเกี่ยวกระหวัดเชื่องช้า กอดรัดราวกับห่างเหินกันไปเป็นแรมปีและเพิ่งได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ทั้งสองแลกเปลี่ยนจูบลึกซึ้งเนิ่นนาน ต่างเคลิบเคลิ้มไปกับรสจุมพิตหวานจนลืมสนใจรอบๆ ตัวไปเสียสนิท กระทั่งมีเสียงรถวิ่งผ่าน พวกเขาจึงรีบผละออกจากกัน
สองสายตาสบประสานกันแบบตื่นๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะหลุดหัวเราะออกมา ตฤณใช้โอกาสนั้นประคองมือขาวไว้ในฝ่ามือตน แล้วยกขึ้นมาประกบแก้ม “กลับคอนโดฯ ด้วยกันนะครับ”
นภเกตน์เสตาหลบ “เฮ้อ... แล้วผมจะแก้ตัวกับคุณย่าว่ายังไงดีนะ”
...ใจอ่อน... ยอมแพ้ไอ้แมวขี้ตื๊อจนได้ เขาดึงมือกลับพลางถอนหายใจหนักๆ จากนั้นก็สตาร์ตเครื่องยนต์ แล้วขับออกไปช้าๆ
“บอกว่ามีงานด่วนสิครับ เร็วเถอะครับ กลับกันเถอะ ผมหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว”
“แต่ผมไม่หิวสักหน่อย เพิ่งกินมาเมื่อกี้เอง” ผู้เป็นนายพูดพร้อมยิ้มมุมปาก แต่ก็วนรถกลับไปยังคฤหาสน์ของพีรพัฒน์ช้าๆ
ที่ด้านหน้าของคฤหาสน์หลังโตนั่น หญิงสูงวัยกับลุงคนขับรถยืนชะเง้อมองหาร่างโปร่งกันด้วยความเป็นห่วง เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่ารถคันหรูวนกลับมาแล้วเคลื่อนไปจอดไม่ไกลจากบริเวณที่เธอยืนอยู่
นภเกตน์ก้าวลงมาพร้อมกับตฤณ เขาเดินอาดๆ ไปหาหญิงสูงวัยแล้วบอกลา “ผมมีงานด่วน ต้องกลับออฟฟิศนะครับคุณย่า”
“งานอะไรกัน เย็นป่านนี้แล้ว” เธอยังคงไม่ไว้วางใจ
ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม แล้วมองไปทางคนที่ยืนรออยู่ตรงข้างรถที่จอดไว้ “ผู้ช่วยของผมงอแงจนมาตามถึงที่บ้านนี่ ยังไงก็คงต้องกลับไปช่วยเขาน่ะครับ”
ใจของหญิงสูงวัยอยากจะห้าม แต่พอเห็นรอยยิ้มของนภเกตน์เข้าเท่านั้น ดูเหมือนเธอก็จะเข้าใจอะไรๆ ได้ในทันที... เธอครางอือในลำคอ พลางยกมือขึ้นทาบอกแล้วอุทาน อุ๊ยตาย อกหญิงแป้นจะแตก อยู่ในใจ ก่อนจะพยักหน้า ทั้งที่ไม่อยากปล่อยนภเกตน์ไป
...แต่เพราะรอยยิ้มที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
...เธอคิดอยู่เสมอว่า ถ้าหากจะมีใครสักคนทำให้นภเกตน์ยิ้มได้จากหัวใจเช่นนั้น คนคนนั้นจะต้องเป็นคนสุดพิเศษ ชนิดหาไม่ได้ง่ายๆ ในสามโลกเลยทีเดียว
“เรียกเขามานี่ซิ”
“หืม...” ร่างโปร่งขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่เขาก็หันไปกวักมือเรียกผู้ช่วยของตน
“ครับ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” ตฤณยกมือขึ้นไหว้พร้อมค้อมศีรษะลงต่ำ “เมื่อกี้ผมต้องขอโทษที่ทำให้ตกใจนะครับ”
“ชื่ออะไรน่ะ เรา”
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นตอบ “ตฤณครับ”
หญิงสูงวัยพยักหน้าหงึกหงัก... ตฤณ คนนี้สินะ ที่ทำให้นภเกตน์หลานรักของเธอยิ้มได้แบบเมื่อกี้นี้ “ฝากน้องนภด้วยแล้วกัน ช่วยกันทำงานดีๆ ล่ะ”
“ครับ ถ้างั้นผมขอลา”
“อืม... ไปเถอะ” เธอเอ่ยก่อนจะหันไปหาหลานชาย “แล้วหาเวลาว่างมานอนค้างที่นี่อีกนะลูก”
ร่างโปร่งยิ้มกว้าง เขาไม่นึกว่าคุณย่าจะเข้าใจได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ โดยไม่ได้รู้ตนเองเลยสักนิดว่าเขาทำให้คนรอบๆ ข้างประหลาดใจมากขนาดไหน “ขอบคุณครับ คุณย่า”
สองหนุ่มเดินออกไปจากบริเวณของคฤหาสน์หลังโต ตรงไปยังรถโตโยต้าบุโรทั่งที่จอดไว้ไม่ไกลออกไปนัก ร่างสูงปราดเข้าไปเปิดประตูรถให้กับผู้เป็นนาย ก่อนจะรีบวนไปนั่งตรงที่นั่งตน แล้วขับออกไปช้าๆ
ระหว่างทางที่ขับรถไปพลาง เสียงท้องร้องก็ดังขึ้นมาแทรกเป็นระยะๆ จนผู้ช่วยต้องหันไปถามเจ้านาย “ผมแวะซื้ออะไรกินหน่อยได้มั้ยครับ หิวไส้จะขาด”
“...ไม่ต้องหรอก ที่คอนโดฯ มีอาหารตั้งเยอะ”
ตฤณยิ้มกรุ้มกริ่ม “คุณนภจะทำให้ผมกินใช่มั้ยล่า”
ใบหน้าหวานเบือนหนีไปอีกทาง เพื่อซ่อนรอยยิ้มบางๆ ไว้ แล้วตอบไปด้วยน้ำเสียงแบบธรรมดาที่สุดเท่าที่เจ้าตัวจะทำได้ “ผมหมายความว่า คุณตฤณจะยืมครัวทำกับข้าวกินเองก็ได้”
“โหย ผมได้หิวตายก่อนอาหารเสร็จชัวร์ คุณนภไม่กลัวผมเผาครัวของคุณเหรอครับ” ร่างสูงทำบ่นไปอย่างนั้น เพราะเขารู้ว่ายังไง เดี๋ยวนภเกตน์ก็ต้องลงมือทำอาหารให้แน่ๆ
TBC~*คืนดีกันแล้วววว~ ไม่ได้ยากซะหน่อย 5555 สมกับเป็นพี่ตฤณใช่มั้ยคะ ปลาไหลทาวาสลีนยังลื่นไม่เท่า
ตอนนี้เอามาลงแบบเบลอๆ ฮัสกี้ไม่สบาย หงุง~ สงสารเค้าที #อ้อน
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่า