Chapter 32 เมื่อถึงเวลาเริ่มงาน ตฤณเตรียมตัวออกไปไซต์งานเหมือนอย่างเคย แต่ก่อนจะออกเดินทาง เขาก็ตรงไปปรึกษากับเลขาสาวเกี่ยวกับตารางงานของนภเกตน์ก่อน
“เมื่อเช้าหลินโทรเช็กแล้วค่ะ คุณนภเกตน์เดินทางไปสนามบินแล้ว ไม่แวะมาที่บริษัท และเย็นนี้ก็จะไม่เข้านะคะ แต่ว่าหลินมีรายละเอียดเที่ยวบินขากลับของคุณนภเกตน์ให้ค่ะ คุณตฤณไปรอที่สนามบินมั้ยคะ”
“อืม... แต่ว่า นี่เขาไม่กลับมาคอนโดฯ เลยด้วย... ไปพักที่ไหนกันนะ ผมรอทั้งคืนยังไม่เห็นใครเลย”
“คุณตฤณลองถามคนขับรถคุณนภเกตน์ดูสิคะ ตอนนี้น่าจะมาประจำอยู่ที่บริษัทน่ะค่ะ เพราะวันนี้คุณนภเกตน์ไม่อยู่” หลินเสนอทันควัน
“นั่นสินะ โอเค”
“มีอะไรให้หลินช่วย โทรมาบอกได้เลยนะคะ หลินสู้ตายค่ะ”
“ครับ... ผมก็สู้ตายเหมือนกัน”
ตฤณจ้ำอ้าวๆ ไปยังลิฟต์โดยสารเพื่อลงไปยังชั้นล่างของตึก เขาวิ่งออกจากลิฟต์ไปทันทีที่บานประตูเปิดออก กวาดสายตามองทั่วบริเวณล็อบบี้ แล้วจึงเห็นคนขับรถสำหรับออกไซต์งานของตน ยืนคุยอยู่กับคนขับรถของนภเกตน์พอดี ชายหนุ่มถลาเข้าไปจับแขนลุงคนขับรถไว้ “พี่ครับ จำผมได้มั้ย ผมเป็นผู้ช่วยของคุณนภเกตน์ไงครับ”
ลุงคนขับรถผงะไปชั่วครู่ แล้วพยักหน้าหงึกหงัก “ครับๆ มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”
“คุณนภเกตน์ไม่กลับมานอนคอนโดฯ สองวันแล้ว ลุงบอกผมทีว่าเขาไปพักที่ไหนน่ะครับ! ผมมีเรื่องด่วนที่จะต้องปรึกษากับคุณนภเกตน์ เราจำเป็นต้องคุยแบบต่อหน้าด้วยครับ!”
“อ๋อ! นึกว่าอะไร คุณนภเกตน์ไปพักที่บ้านท่านประธานครับ พอดีคุณแม่ท่านประธานเพิ่งกลับมาจากอิตาลีน่ะครับ”
“บ้านท่านประธาน! ขอบคุณครับลุง!” ...นึกว่าหนีหน้าเขาไปบ้านท่านประธานแล้วจะพ้นเหรอ งานนี้ตฤณสู้ตาย ถ้าไม่ได้เมียก็ยอมอดตายว้อย!
ยามเย็น ณ สนามบินสุวรรณภูมิผู้คนนับพันเดินกันขวักไขว่สมกับเป็นสนามบินหลักของประเทศ ตฤณเองก็เดินปะปนอยู่ในนั้น เขาตรงไปรออยู่ที่หน้าเกตที่เจ้านายจะเดินออกมา แล้วหยุดรออยู่ที่นั่นด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ
เมื่อถึงเวลาเครื่องบินร่อนลงจอด เสียงประกาศรายละเอียดเที่ยวบินดังก้อง ชายหนุ่มกำมือแน่น เขาจ้องมองตรงทางออกของผู้โดยสารขาเข้าตาไม่กะพริบ
ร่างโปร่งบางในชุดสูทเดินออกมาช้าๆ พร้อมกับพนักงานแผนกเซลส์ของบริษัท ใบหน้าน่ารักดูเรียบเฉยเหมือนอย่างเคย ทว่า... ตฤณคิดว่าเขาไม่ได้มโนเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่เขาเห็นร่องรอยของความกังวลและความโศกเศร้าบนใบหน้าสวยหวานของเจ้านาย นั่นอาจเป็นเพราะเจ้านายเองก็เสียใจ และยังเข้าใจเรื่องของพวกเขาแบบผิดๆ
ตฤณตรงเข้าไปหาผู้เป็นนายทันที “คุณนภ!”
ดวงตากลมเบิกโพลง “คุณตฤณ! มาทำอะไรที่นี่!”
“สวัสดีครับคุณตฤณ งั้นผมลานะครับคุณนภเกตน์ วันนี้ขอบคุณมากครับ” พนักงานแผนกเซลส์ที่เดินทางไปด้วยกันค้อมศีรษะลา เพราะเขาเข้าใจว่าตฤณนั้นเป็นคนที่มารับนภเกตน์กลับที่พัก
เมื่ออีกคนเดินคล้อยหลังไป มือหยาบก็คว้าข้อมือขาวทันควัน “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ”
“นี่นอกเวลางาน ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคุยกับคุณ” ร่างโปร่งบิดข้อมือออก แล้วก้าวฉับๆ นำออกไป
“แต่คุณนภเข้าใจผมผิด ได้โปรดเถอะครับ ให้ผมได้อธิบาย...”
นภเกตน์ทำเฉยเหมือนเสียงทุ้มๆ นั่นเป็นเสียงของแมลงหวี่แมลงวัน เขาชะเง้อคอมองไปรอบๆ ก่อนจะโบกมือให้กับใครบางคน “...ทางนี้ครับ”
ตฤณหันมองไปตามมือขาว ตรงปลายสายตาลิบๆ นั่น เขาเห็นหญิงสูงวัยกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงเข้ามา นั่นคงเป็นคุณแม่ของท่านประธานแน่ๆ “คุณนภ ถ้าคุณไม่ยอมพูดกับผมให้รู้เรื่อง ผมจะตามคุณไปถึงบ้านท่านประธานเลยนะ”
“คุณนภ ผมพูดจริงๆ นะ”
“เรื่องของคุณ” ร่างโปร่งอยากจะยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง เขาไม่อยากจะฟังคำแก้ตัวหรือคำอธิบายของตฤณ ใจกลัวว่าจะหลงเชื่อคำพูดหวานๆ ของคนคนนี้อีก ทำให้เขาเจ็บปวดขนาดนี้... ยังแกล้งเขาไม่พออีกอย่างงั้นหรือ
“คุณนภ! แล้วจะมาว่าผมทีหลังไม่ได้นะ!”
หากผู้เป็นนายยังคงไม่สนใจ เขาวิ่งตรงเข้าไปหาหญิงสูงวัย แล้วกึ่งลากกึ่งจูงเธอให้เดินจากไปทันที
เมื่อนภเกตน์คล้อยหลังไป ร่างสูงก็รีบบึ่งรถออกจากสนามบิน รถบุโรทั่งวิ่งไปตามทางในแผนที่ที่หลินจัดการค้นหาเอาไว้ให้ สักพักเขาก็เดินทางไปถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ชานเมือง ชายหนุ่มจอดรถซ่อนไว้บริเวณใกล้ๆ แล้วปีนรั้วกั้นพื้นที่บ้านเข้าไปซุ่มรอในพุ่มไม้ที่ใช้ตกแต่งบริเวณทางเดินรถเข้าสู่ตัวบ้าน ท้องฟ้าที่มืดลงนั้นช่วยให้เสื้อผ้าและสีผิวของเขากลืนไปกับบรรยากาศรอบๆ ตัวได้เป็นอย่างดี
ฝ่ายนภเกตน์นั้น เขาถูกคุณย่าลากไปทานมื้อเย็นสุดหรู กินเวลาไปกว่าสองชั่วโมง แต่เพราะโดยปกติแล้วเขาก็มีสีหน้าเรียบเฉย พูดคุยน้อยอยู่แล้ว หญิงสูงวัยจึงไม่รู้สึกผิดปกติมากนัก
“คนที่สนามบินเป็นใครน่ะน้องนภ” เธอถามขึ้นขณะที่ทั้งสองนั่งรถกลับคฤหาสน์หลังงามของพีรพัฒน์ไปด้วยกัน
นภเกตน์เบือนหน้าไปทางหน้าต่าง แล้วตอบเสียงค่อย “เพื่อนร่วมงานครับ”
“มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า มาตามถึงสนามบินแบบนี้ โทรคุยกันก็ได้นี่” คุณย่ายังคงซักไซ้
“ไม่มีครับ”
หญิงสูงวัยชำเลืองมองหลานชายอย่างเป็นกังวล ก็ไหนพีรพัฒน์ว่านภเกตน์เปลี่ยนไปแล้วยังไงล่ะ เธอเคยเห็นชายหนุ่มเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้นเป๊ะเลยนะ หากก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ อย่างอ่อนใจ
“ย่าบอกแล้ว ทำงานแบบนี้เหนื่อยจะตาย ไม่เหมาะกับน้องนภเลยสักนิด”
“......”
รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาใกล้บริเวณบ้านเข้าไปทุกที และเมื่อเลี้ยวเข้าไปภายในรั้วของคฤหาสน์ จู่ๆ คนขับรถก็ต้องเหยียบเบรก
เอี๊ยด
“ว้าย! เกิดอะไรขึ้น! แมวดำวิ่งตัดหน้ารถรึไงยะ!” คุณย่าตะโกนเสียงแหว
“ใครไม่รู้กระโดดออกมานอนขวางหน้ารถครับ!” คนขับรถรีบหันกลับไปรายงานด้วยสีหน้าตกใจ
นภเกตน์อ้าปากค้างเมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วมองผ่านกระจกหน้ารถออกไป ที่ตรงหน้ารถนั้นมีแมวดำตัวใหญ่ ร่างสูงใหญ่กำลังคืบคลานขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ “คุณตฤณ!”
มือหยาบตะกุยกระจกหน้ารถรัวๆ “คุณนภ! ลงมาคุยกันก่อน คุณจะหนีผมไปถึงไหน จะย้ายงานย้ายการ ย้ายบ้านหนีกันแบบนี้ไม่ได้นะครับ!” หากร่างโปร่งยังคงนั่งนิ่งอยู่ในรถ ตฤณจึงต้องงัดแผนขั้นสุดท้ายขึ้นมาใช้ก่อนที่ยามหรือใครๆ จะมาลากเขาลงจากฝากระโปรงรถไป เขาใช้มือข้างหนึ่งเกาะไว้บนกระจกรถ มืออีกข้างหนึ่งล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโชว์รูปที่เขากับนภเกตน์กำลังจูบกันให้ดู “คุณนภ! คุณกับผมทำแบบนี้กันก็แล้ว มากกว่านี้ก็แล้ว คุณจะทิ้งผมไปง่ายๆ แบบนี้น่ะเหรอ! จะไม่รับผิดชอบกันเลยใช่มั้ย!”
แม้รูปในโทรศัพท์นั้นเมื่อมองจากด้านในของรถจะไม่สามารถเห็นได้ชัด แต่นภเกตน์ก็จำได้แม่น นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้าง
“เฮ้ย!!”
“อะไร! อะไรกันน่ะน้องนภ!” คุณย่าหันรีหันขวางเลิ่กลั่ก “ใครน่ะ! ใช่คนที่สนามบินรึเปล่า”
“ถ้าคุณนภไม่ยอมลงมาคุยกับผม! ผมจะตะโกนบอกทุกๆ คนในที่นี้ ว่าเราเป็นอะไรกัน!” ตฤณตะโกนลั่น
ใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “คะ... คุณย่าอยู่ในรถนะครับ อย่าลงไปเด็ดขาด” เขารีบเปิดประตูออกไปจากรถ แล้วปราดเข้าไปดึงแขนให้ตฤณลงมาจากกระโปรงหน้ารถ “ไอ้... ไอ้... ไอ้แมวดำหน้าด้าน! ลงมาเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ลง! ผมจะเกาะอยู่ตรงนี้ จะบอกคุณนายหญิงในรถด้วยว่าคุณนภฟันผมแล้วทิ้ง! ผมเสียหายนะ! คุณนภต้องรับผิดชอบผมด้วย!”
“ว้ากกกก! หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ให้ทุกคนรู้กันไปเลย ว่าเราคบ... อุ๊บ!”
มือขาวตะปบปิดปากแมวๆ ที่เอาแต่ตะโกนไม่รู้จบไว้ทันควัน “พอแล้ว! จะคุยอะไรก็คุย ลงมาแล้วหยุดตะโกนเดี๋ยวนี้!”
“อร๊าบบบ” ตฤณตอบเสียงอู้อี้ ก่อนจะเลื้อยลงมาจากฝากระโปรงรถคันนั้น
นภเกตน์ถอนหายใจ เขาหันไปเปิดประตูรถออก “คุณย่าครับ เดี๋ยวเข้าบ้านไปก่อนได้มั้ยครับ ผมจะขอใช้รถคันนี้สักหน่อย”
“มีอะไรก็ไปคุยกันในบ้านสิน้องนภ” คุณย่าจ้องมองอย่างเป็นห่วง ก็จะให้เธอปล่อยหลานชายไปกับใครก็ไม่รู้ท่าทางแปลกๆ ได้ยังไงกัน หญิงสูงวัยก้าวลงมาจากรถ แล้วเดินไปสำรวจตฤณใกล้ๆ “ใครกันนี่”
ตฤณอ้าปากจะตอบ แต่นภเกตน์รีบเดินไปขวาง “เขาเป็นผู้ช่วยของผมเองครับ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันนิดหน่อย”
“ก็ไปเคลียร์ในบ้านซิ”
“อย่าดีกว่าครับ!” นภเกตน์กระชากแขนแกร่งอย่างแรง แล้วทั้งผลักทั้งถีบร่างสูงเข้าไปในรถคันหรู ก่อนจะเดินวนไปยังประตูคนขับ แล้วดึงแขนคนขับรถออกมา “พาคุณย่าเข้าบ้านไปก่อนนะ ผมมีธุระด่วน ขอใช้รถสักครู่”
“น้องนภ!” หญิงสูงวัยตะโกนตามหลังหลานชายที่ถอยรถออกไปอย่างเร็วด้วยความเป็นห่วง “อะไรกันเนี่ย!”
TBC~*
เป็นไงบ้างคะ ง้อแบบพี่ตฤณ ฝากระโปรงรถบุบไปบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ 55555555555
ขอโทษที่ตอนนี้สั้นไปนิดนะคะ ช่วงนี้ฮัสกี้ยุ้งงงงยุ่งงง <-- แก้ตัวปากสั่น
ขอแอบโฆษณา รวมเล่มนิสรีน กับเงาจันทร์ในม่านหมอกนิดนุงนะคะ ถ้าหากสนใจดูรายละเอียดได้ในกระทู้ นิสรีน หรือ
เงาจันทร์ในม่านหมอก ค่า
พรุ่งนี้ (คิดว่า) พบกับน้องเมฆและพี่น้ำ นะค้า
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ