Chapter 28 : งานเข้ากลิ่นอาหารเช้าหอมฉุยลอยกรุ่นออกมาจากในครัว บวกกับเสียงเครื่องครัวกระทบกันดังเป็นระยะๆ ส่งผลให้ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งที่เพิ่งเดินโซเซออกมาจากห้องอาบน้ำตรงลิ่วไปยังต้นกำเนิดของสิ่งเหล่านั้น
“มาแล้ว... ครับ” หัวใจของตฤณแทบจะหยุดเต้น เมื่อเห็นร่างโปร่งบางที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็กเนื้อดี แต่มีผ้ากันเปื้อนสวมทับ เจ้านายกำลังทำอาหารเช้าให้กับเขา... ร่างสูงยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
นภเกตน์เงยหน้าขึ้นสบประสานสายตากับคนที่เพิ่งเดินเข้ามา เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย “ผมทำข้าวต้ม หวังว่าคุณตฤณคงจะกินได้ ไปนั่งรอที่โต๊ะเลย”
ภาพตรงหน้าส่งผลให้ดวงตาสีเข้มพร่ามัว สมองเบลอไปชั่วครู่ สองขาก้าวเข้าไปหาเจ้านายเองราวกับมีแรงดึงดูด
ผู้เป็นนายเอียงคอมองอย่างฉงน “คุณตฤณ มีอะ... อุ๊บ!”
แขนแกร่งดึงร่างโปร่งบางเข้ามากอดรัดแนบแน่น บดจูบริมฝีปากสีแดงที่เขาคิดว่าหอมหวานราวกับเยลลี่รสสตรอว์เบอร์รี พร้อมกับดันให้คนในอ้อมกอดถอยหลังไปจนชิดกับประตูตู้เย็น
นภเกตน์เงยหน้ารับจุมพิตลึกซึ้ง เขารู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ กับไรหนวดบางๆ ของอีกฝ่าย มือขาวขยุ้มเสื้อของผู้รุกรานไว้แน่น “อือ...”
ใบหน้าคมเข้มผละออกแล้วซุกไซ้ลำคอระหง กลิ่นสบู่จางๆ จากผิวกายของผู้เป็นนายยิ่งทำให้เขาคลุ้มคลั่ง มือไม้ที่อยู่ไม่สุกสอดเข้าไปเคล้นคลึงผิวเนียนภายใต้เสื้อเชิ้ต แล้วเคลื่อนลงไปขยำก้อนเนื้อสะโพกอย่างมันเขี้ยว
“คุณตฤณ เดี๋ยวต้องไปทำงานแล้วนะ อื้อ! ปล่อย! พอแล้ว!”
“ฮื่อ...” ตฤณรับคำ หากยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดเลยแม้แต่น้อย เขากดต้นขาลงตรงส่วนไวสัมผัสของร่างโปร่ง ทั้งสองร่างแนบชิดกันเสียจน... นภเกตน์เองก็รู้สึกได้ถึงความต้องการของเจ้าของอ้อมแขนแกร่ง
มือขาวเอื้อมไปควานหาอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้มือมากที่สุด ก่อนจะคว้าตะหลิวมาได้ เขาฟาดลงไปบนศีรษะของคนที่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากซอกคอของตนอย่างไม่เบามือนัก
โป๊ก!
อาการเบลอในสมองของตฤณหายไปทันควัน “โอ๊ย! คุณนภ!”
“ไปกินข้าว! เดี๋ยวจะไปทำงานแล้ว!” นภเกตน์พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งดุ จากนั้นก็ผลักร่างสูงออกอย่างแรง เขาถอดผ้ากันเปื้อนออกแขวนไว้ แล้วเอื้อมมือไปยกชามใส่ข้าวต้มของตน “ของคุณยกไปเองนะ!” ขาเรียวก้าวยาวๆ เดินนำไปยังโต๊ะรับประทานอาหาร แล้วนั่งลงโดยไม่หันมาสนใจตฤณอีก
“คุณนภใจร้ายที่สุด” ร่างสูงพึมพำ
“จะกินหรือไม่กิน ถ้าไม่กินก็ออกไปทำงานไป๊!”
“เมื่อวานยังใจดีกับผมอยู่เลย” ตฤณยกชามข้าวต้มของตนแล้วเดินไปนั่งลงข้างเจ้านาย แต่ก็ยังไม่วายบ่นอุบอิบไปเรื่อย “ป่วยอีกก็ดีหรอก”
“ป่วยอีกคราวนี้จะปล่อยให้นอนที่ออฟฟิศหรือที่ไซต์น่ะแหละ” ร่างโปร่งตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
มือหยาบยกขึ้นคลำรอยปูดบนศีรษะ “มือหนักชะมัดเลย”
“เท้าก็หนักนะ อยากลองมั้ยล่ะ”
“โอ้โห... นี่กะจะเลี้ยงคนรักด้วยลำแข้งเลยเหรอครับ”
ร่างโปร่งหยุดกึก... คนรักงั้นหรือ... การคบกันที่เหมือนต่างคนต่างตกกระไดพลอยโจน สำหรับเขาคิดว่ามันไม่เหมาะกับคำว่า คนรัก เลยสักนิดเดียว เมื่อคิดไปแล้ว หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บหน่วงๆ ชอบกล “...หยุดพูดมากได้แล้วน่ะ”
ตฤณตักข้าวต้มในชามใส่ปาก อาหารที่เจ้านายทำให้รับประทานนั้น เขารู้สึกว่ามันอร่อยเลิศทุกมื้อ เหมือนอย่างกับว่า เจ้านายบรรจงปรุงให้อร่อยเป็นพิเศษเพื่อเขาอย่างนั้นล่ะ แต่ท่าทางเฉยเมยของเจ้านายน่ะสิ เขาเห็นแล้วก็คิดหนักจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับ “เฮ้อ” ...ได้แต่มโนไปเองอีกแล้วกู
หลังจากจัดการกับข้าวต้มไปจนหมดแล้ว นภเกตน์เป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน เขาเดินฉับๆ เอาชามเปล่าไปวางในอ่างล้างจาน โดยไม่หันหลังกลับมาสบตากับคนที่ร่วมโต๊ะด้วยเลยแม้แต่น้อย “ผมจะไปรอในห้องนั่งเล่น กินเสร็จแล้วตามมาเร็วๆ ด้วยนะ”
นัยน์ตาคมมองตามอีกฝ่ายเดินออกจากห้องไป เขาผ่อนลมหายใจออกยาว ก็จนแล้วจนรอด เขาก็ยังเข้าไปไม่ถึงหัวใจของเจ้านายสักที นภเกตน์... บางทีก็น่ารัก บางทีก็ดุ บางทีก็ใจดีเหลือเชื่อ บางทีก็เข้าใจยาก ช่างแตกต่างกับเขา ที่นับวันความรู้สึกยิ่งชัดเจน จนแทบจะผุดขึ้นมาเป็นตัวหนังสือบนหน้าผากอยู่แล้ว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแต่เช้าตรู่ของวัน ร่างโปร่งบางที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงหยิบมากดรับสาย เขาพูดคุยอยู่สักพัก แล้วเอื้อมไปหยิบแล็ปท็อปมาเปิดดู “อืมๆ ประชุม? นัดกับเลขาผมไว้แล้วกัน”
ตฤณเดินออกมาจากห้องครัวแล้ว เขาเห็นว่าเจ้านายกำลังสาละวนอยู่กับโทรศัพท์และข้อมูลบนหน้าจอแล็ปท็อป ชายหนุ่มจึงยืนรออยู่เงียบๆ หากเวลาผ่านไปเรื่อยๆ และอีกไม่ช้าก็จะถึงเวลาทำงาน ซึ่งเขาจะต้องออกเดินทางไปไซต์งานที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทดาต้าโปรแล้ว
นภเกตน์เงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ยืนรออยู่ใกล้ๆ โซฟา เขาทำมือเป็นเชิงบอกว่าให้ตฤณออกไปก่อน ส่วนเขาจะอยู่คุยโทรศัพท์ให้เสร็จ
“งั้น... ผมไปก่อนนะครับ เย็นนี้เจอกัน” ร่างสูงใช้โอกาสนั้นโน้มตัวเข้าไปกระซิบ แล้วจูบแก้มนิ่มเบาๆ
ผู้เป็นนายถลึงตาใส่ แล้วเม้มปาก... เขาเกือบจะหลุดด่าออกไปอยู่แล้วเชียว!
“ไปนะคร้าบ” ผู้ช่วยตัวแสบหัวเราะ จากนั้นก็เดินออกจากห้องพักของเจ้านายไป
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่อยู่แล้ว นภเกตน์ก็เผลอยิ้มออกมา เขาละมือจากแป้นคีย์บอร์ด แล้วสัมผัสบนแก้มตนอย่างเบามือ
“คุณนภเกตน์! คุณนภเกตน์คร้าบบบบ” เสียงจากปลายสายร้องเรียกให้ชายหนุ่มผิวขาวได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง
“อะ... ครับ... พูดต่อเลยครับ”
กว่าร่างโปร่งจะคุยงานทางโทรศัพท์เสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมงหลังจากเวลาเข้างาน เขารีบเก็บข้าวของ คว้าเสื้อสูทมาสวมทับ จากนั้นก็ลุกเดินออกจากห้องพักไปยังรถประจำตำแหน่งที่มาจอดรออยู่ก่อนหน้าสักพักใหญ่แล้ว
รถคันหรูแล่นเข้าไปเทียบจอดในที่จอดรถของตึก NS อย่างเชื่องช้า พอรถจอดสนิท นภเกตน์ก็รีบหอบข้าวของลงมาอย่างทุลักทุเล
“โอ๊ะ คุณนภเกตน์ ผมช่วยครับ” เสียงของใครบางคนดังขึ้น
“อ้าว คุณธนากร” ผู้จัดการหนุ่มสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าของธนากร ซึ่งทำให้เขาย้อนนึกไปถึงฉากหวิวของตนกับผู้ช่วยที่มีธนากรเป็นพยานปากเอก เขาพยายามทำตัวนิ่งเฉย แล้วลอบสังเกตอาการของอีกฝ่ายว่าจะปลาทองจริงอย่างที่ผู้ช่วยบอกเอาไว้หรือไม่
ธนากรปราดเข้าไปช่วยร่างโปร่งถือของ แล้วยิ้มกว้าง “อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อรุณสวัสดิ์... วันนี้ว่างเหรอ”
ทั้งสองเดินเคียงกันไปช้าๆ และพูดคุยกันไปพลาง “เปล่าหรอกครับ ผมเพิ่งกลับมาจากไซต์งานทางใต้ของเจ้ากิตติเมื่อวาน เพราะวันนี้มีนัดพบลูกค้าแล้วก็ประชุมที่สำนักงานใหญ่ตอนบ่ายน่ะครับ งานยุ้งงงง ยุ่ง... จนผมงี้แทบไม่มีเวลาจะกินเวลาจะนอน ไม่มีเวลาพักผ่อน นี่ยังไม่ได้กลับบ้านกลับช่องเลยละครับ”
“อ้อ... แล้วประชุมนี่ต้องมีวิศวกรเข้าประชุมด้วยมั้ย”
“ครับ แต่ผมบอกไอ้ตฤณไว้เรียบร้อยแล้ว พอวันนี้ประชุมเสร็จ ผมก็จะต้องเดินทางไปภาคตะวันออกอีก ไปช่วยบวรวิทย์ดูแลลูกค้าครับ”
“อืม... เหนื่อยหน่อยนะ” นภเกตน์ถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะธนากรไม่มีทีท่าว่าจะนึกถึงฉากติดเรตของตนออกเลย สงสัยว่าจะเป็นอย่างที่ตฤณว่าจริงๆ
“เหนื่อยไม่เท่าทุกคนเลยครับ” ธนากรพูดต่อไปเรื่อยเหมือนโดนผีเจาะปาก สลับหัวเราะแหะๆ “อ๊ะ!” จู่ๆ ชายหนุ่มก็หยุดกึก เพราะตรงประชาสัมพันธ์ภายในชั้นล่างของตึกนั้น มีหญิงสาวในชุดคลุมท้องยืนคุยกับพนักงานต้อนรับอยู่ ใบหน้าของเธอช่างดูคุ้นเคย
“ปิ่น! มาทำอะไรที่นี่อะ”
“ธนากร! มาพอดีเลย คือว่าปิ่น... มาหาตฤณน่ะค่ะ มีธุระนิดหน่อย แต่ตฤณเพิ่งออกไปทำงานข้างนอก” เธอตอบเสียงเศร้า
“รู้จักกันเหรอ” ...ปิ่น ตฤณ? พวกเขารู้จักกันงั้นหรือ... นภเกตน์ตั้งคำถามอยู่ในใจ
“เอ้อ... ครับ” ธนากรเกาศีรษะแกรกๆ แล้วหันไปพูดคุยกับหญิงสาว “กว่าไอ้ตฤณจะเข้ามาบริษัทก็คงเย็นเลยอะปิ่น มีอะไรด่วนรึเปล่า นี่มันเวลาทำงานนา”
พอธนากรถาม ปิ่นหยกก็เริ่มน้ำตาปริ่ม “...ฮึก...”
ร่างโปร่งจ้องมองธนากรแล้วขมวดคิ้ว หากเมื่อหันไปเห็นหญิงสาวในชุดคลุมท้องกำลังจะร้องไห้ เขาเองก็ไม่อาจใจร้ายไล่เธอกลับไปทั้งยังมีอะไรค้างคาใจแบบนั้น “เอ่อ... ไปคุยกันข้างในดีกว่านะ เชิญ... คุณ... เอ่อ...” มือขาวเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชูจากเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์มาส่งให้กับเธอ
“ปิ่น... ปิ่นหยก... ค่ะ ขอบคุณ... นะคะ ฮึก...”
นภเกตน์เดินนำหน้าธนากรและปิ่นหยกออกไป เขารู้สึกเจ็บแปล๊บในอกแบบแปลกๆ ใจนึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก... ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันนะ แล้วมีความสัมพันธ์อย่างไรกับตฤณกันล่ะ
มือขาวเปิดประตูห้องทำงานของตนออก แล้วผายมือเชิญสองคนที่เดินตามหลังมาติดๆ ให้เข้าไปด้านใน จากนั้นก็หันไปสั่งกับเลขาสาวหน้าห้อง “เดี๋ยวหาเครื่องดื่มมาให้คุณธนากรกับคุณปิ่นหยกหน่อยนะ”
“โอ๊ะๆ ของผมไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมก็ต้องไปแล้ว มีนัดพบผู้จัดการฝ่ายการเงินของดาต้าโปรตอนสิบโมงก่อนประชุมน่ะครับ ผมแค่ช่วยคุณนภเกตน์ยกของมาเฉยๆ ...เอ้อ... แต่ยังไงก็ ฝากดูแลปิ่นหน่อยนะครับ” ธนากรรี่เอาของไปวางบนโต๊ะทำงานของร่างโปร่ง แล้วหันไปบอกกับปิ่นหยก “รู้สึกดีขึ้นแล้วก็กลับไปก่อนดีกว่านะ ไปรอไอ้ตฤณที่บ้านไม่ดีกว่าเหรอ”
“ก็ตฤณไม่กลับบ้านเลย ปิ่นไปรอตั้งหลายครั้งแล้ว เข้าไปในบ้านก็ไม่ได้ด้วย ปิ่นคืนกุญแจบ้านให้ตฤณไปแล้ว”
วินาทีที่ได้ยินคำสนทนาเหล่านั้น นภเกตน์รู้สึกชาวาบ... บ้าน? ที่ในตอนแรกเขาเองก็นึกสงสัยตงิดๆ ว่าตฤณไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั่นเพียงคนเดียว
“ทำหน้าเป็นแมวถูกทิ้งไปได้”
“ฮ่าๆ ดูออกง่ายๆ แบบนั้นเลยเหรอครับ
“แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมทำใจได้แล้ว”
คำพูดเมื่อตอนที่อยู่ที่บ้านของตฤณแวบเข้ามาในความคิดเป็นระยะๆ ประกอบกับเมื่อครั้งที่ร่างสูงตื๊อจะตามมาข้างในคอนโดมิเนียมด้วยเป็นครั้งแรก
“ผมไม่อยากอยู่คนเดียว...”...ผู้หญิงคนนี้ ถ้าให้เขาเดา เธอคงจะเป็นคนรักเก่าของตฤณ เป็นคนที่ทิ้งผู้ช่วยของตนไป เป็นคนที่ทำให้ตฤณแสดงท่าทีเหงาๆ ในบางครั้ง... และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เขาก็เข้าใจตฤณผิดมาตลอดเลยน่ะสิ!
นภเกตน์ถึงกับพูดไม่ออก ภายในสมองมึนงงไปหมด... แต่ว่า ทำไมล่ะ? เขาเกี่ยวข้องอะไรกับตฤณอย่างนั้นหรือ? ก็ในเมื่อความสัมพันธ์ของพวกเขานั้น เป็นเพียงแค่การตกกระไดพลอยโจนมาคบกันเท่านั้นเอง
“...ผมชอบคุณนภเกตน์มากจริงๆ ...เชื่อผมเถอะนะครับ” คำพูดของตฤณยังคงวนเวียนอยู่ในศีรษะ แต่... จะเป็นไปได้อย่างไร ถ้าตฤณไม่ได้เป็นเกย์ อีกฝ่ายจะมาชอบผู้ชายอย่างเขาได้อย่างไรกัน
TBC~*เอาล่ะสิ งานเข้าแล้วตฤณเอ๊ย 5555555 กำลังไปได้สวยแท้ๆ เลยนะ
/อย่าด่าเค้า เค้าไม่เกี่ยว นี่ความผิดตฤณเองล้วนๆ
ว่าแต่คู่นี้ มาถึงขนาดนี้แล้วจะรอดมั้ยคะให้ทาย~ กร๊ากๆๆๆ
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านค่า