พฤทธิ์คิดว่าเหตุผลหนึ่งที่เขายืนมองหลงอยู่หน้าประตูครัวคืออีกฝ่ายใช้เวลานานในการจัดการเครื่องดื่มนานเกินไป และสองคือเขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าไวน์ของคุณพ่ออยู่ส่วนไหนของตู้
แสงสว่างภายในครัวเปิดเผยให้เห็นทุกส่วนของห้อง ตั้งแต่ตู้เย็น อุปกรณ์ทำครัวทั้งไทยและฝรั่ง ล้วนถูกจัดให้อย่างเป็นระเบียบและใช้สอยได้ง่าย ส่วนอุปกรณ์ที่ไม่ได้นำมาใช้บ่อย ๆ คนครัวจะเก็บไว้ที่ตู้เหนือศีรษะ ป้องกันการหล่นเสียหายและสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์
หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นแก้วทรงสูงที่อยู่ข้างบน..
หลงเขย่งปลายเท้า พยายามเอื้อมมือไปหาแก้วทรงสูงที่อยู่ข้างใน ทว่ารูปร่างกลับเป็นอุปสรรคให้เขาเสียเวลาอยู่ตรงนี้ร่วมห้านาที
ปลายนิ้วของหลงแตะแก้ว ความเย็นของมันแล่นผ่านผิวเนื้อ ความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่อีกไม่ไกล ทว่าความอบอุ่นที่แนบทั่วแผ่นหลังกลับทำให้เด็กหนุ่มชะงัก ความร้อนรุ่มแผ่ซ่าน พร้อมกลับกลิ่นเดิมที่คุ้นชิน
“แก้วนั้นมันอยู่สูง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นข้างใบหู พร้อม ๆ กับท่อนแขนที่เอื้อมหยิบแก้วสุดมือ
“คุณพฤทธิ์”
“ผมช่วยคุณเอง”
เด็กหนุ่มพยักหน้าและตั้งใจจะขยับตัวออกห่างเพื่อเปิดทางให้คนข้างหลังสะดวกขึ้น ทว่าริมฝีปากที่เฉียดผ่านผิวแก้มเพียงระยะสั้น ๆ ไม่มีคำพูดใดออกจากปาก ไม่มีแรงต่อต้านในรสสัมผัส ไม่มีแม้กระทั่งอ้อมกอดกักกัน แต่เขากลับยินยอมให้อีกคนย่างกรายเข้ามาอย่างเงียบเชียบและเปิดเผยตัวตนต่อหน้าอย่างไร้ความละอาย
“กี่ใบดีครับ”
“สองใบก็พอครับ”
“จะพอหรือ”
เด็กหนุ่มใจเต้นรัว ความอบอุ่นกลายเป็นความร้อนผ่าว คล้ายไฟที่เผาไล่ไปจนถึงปลายเท้า เมื่อแผ่นอกของคนข้างหลังเบียดเข้ามาใกล้ ทุกสัดส่วนแทบจะหลอมละลายตรงนี้
“พอ..พอครับคุณพฤทธิ์”
“น่าจะไม่พอ”
ฝ่ามือของอีกฝ่ายวางเหนือบั้นเอวของหลง ไม่รุกล้ำเกินไปกว่านี้ ทว่าแรงกดจากปลายนิ้วเบา ๆ ก็ทำให้เด็กหนุ่มโอนอ่อนได้ไม่ยาก
ทำไมการหยิบแก้วของคุณพฤทธิ์ถึงได้นานขนาดนี้..
เด็กหนุ่มไม่กล้าขยับ ไม่กล้าแม้จะหันไปต่อต้าน ได้แต่ยืนปล่อยให้อีกคนหยิบแก้วลงมาทีละใบและเรียงมันไว้บนถาดอย่างเป็นระเบียบ
“พอหรือยัง”
“พอ..พอครับ เดี๋ยวผมยกไป..”
ความแนบชิดคล้ายจะเข้มข้นขึ้น เมื่อหลงอยู่ระหว่างโต๊ะหินอ่อนและคุณพฤทธิ์ ความเย็นของมันกับความร้อนผ่าวจากอุณหูมิด้านหลังทำให้เขาคล้ายจะเป็นไข้ อารมณ์แปรปรวนจากที่สูงไปยังจุดต่ำสุด จากจุดต่ำไปยังสูงสุด ราวกับว่าตัวตนของเขากำลังล่องลอยในบรรยากาศที่คาดเดาสถานการณ์ไม่ได้
“รอผมหรือเปล่า”
หลงก้มหน้า เขารู้สึกตัวเองไม่ต่างจากเทียนที่กำลังถูกใครบางคนหลอมละลาย “ครับ..ผมรอคุณพฤทธิ์”
“อืม..ต่อไปไม่ต้องรอแล้ว”
คุณพฤทธิ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ หลงเองก็พยายามทำความเข้าใจกับคำพูดอีกฝ่าย ไม่ต้องรอคือการปฏิเสธทางอ้อมอีกหรือเปล่า ไม่ต้องรอหมายถึงการตระหนักถึงความเป็นไปได้ของความสัมพันธ์หรือไม่ ไม่ต้องรอของคุณพฤทธิ์หมายความถึงอะไร หลงไม่กล้าคิดไปกว่านี้ แต่ความรู้สึกเสียใจก็คล้ายจะกลับมาเหยียบย่ำอีกรอบ
หลงเม้มปากแน่น เก็บกลั้นความรู้สึกซ้ำเดิมและหมายจะทำลายมันอีกครั้งในไม่ช้า ทว่าปลายนิ้วที่ดันใบหน้าของเขาขึ้นรับการจู่โจมไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากจากด้านหลังแนบทับลงมา ไม่ปล่อยโอกาสให้ประท้วงใด ๆ เมื่อริมฝีปากบดขยี้ราวกับโหยหาย กาลเวลาไร้ความหมาย มีเพียงรสสัมผัสที่ดุดันเท่านั้นที่ตอกย้ำตัวตนของพวกเขา
ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่เงียบสงบ ประตูปิดสนิท หน้าต่างทุกบานได้รับการปกป้องจากสายตาคนสอดรู้ มีเพียงคนข้างในตอบรับซึ่งกันและกัน
ความอุ่นร้อนไม่ได้รู้สึกผ่านผิวผ้าอีกแล้ว มันกลับสัมผัสโดยตรงจากผิวกายใต้ร่มผ้า ให้รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริงที่ปรากฏขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ ไม่ว่าวันนี้หรือวันข้างหน้า รอยจูบจากคนที่รักก็ยังสลักแน่นเสมอ
“หลง..” พฤทธิ์กระซิบข้างหู “คิดถึงเหลือเกิน”
เด็กหนุ่มก้มหน้าพลางตอบเสียงเบา “ผมก็คิดถึงคุณพฤทธิ์เหมือนกัน”
“อืม”
พวกเขายืนเงียบกันสักพัก ก่อนเด็กหนุ่มจะเอ่ยถาม เขาไม่อยากคิดไปเองอีกแล้วว่าคุณพฤทธิ์จะซับซ้อนแค่ไหน “ที่ว่าไม่ต้องรอ คุณพฤทธิ์หมายความว่าอะไรหรือครับ”
“ถ้าคุณเข้าข้างตัวเองจะรู้คำตอบดีครับ”
เด็กหนุ่มรู้สึกหน้ามืดอย่างประหลาด..
กรณ์ไม่ได้คิดไปเองว่าระหว่างที่ออกมาส่งคุณพฤทธิ์หน้าบ้าน สายตาที่ทอดขึ้นมองอีกฝ่ายไม่ได้มีทั้งคุณวุฒิและเขาอยู่เลย เป็นสายตาที่มอบให้กับใครคนหนึ่ง..คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาไปสักหนึ่งเก้า กระนั้นกรณ์ก็ยังนึกไม่ออกว่าระหว่างทางมานี้ ทั้งคุณพฤทธิ์และหลงจะสานสัมพันธ์กันตอนไหน ไม่ว่าจะพิจารณาอย่างไรก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปไม่ได้ เพราะทั้งคู่ต่างก็อยู่ในสายตาของเขาตลอด
“จริง ๆ ก็ดึกมากแล้ว คุณพฤทธิ์จะนอนที่นี่ก็ได้ อายินดี”
“ขอบคุณครับ แต่วันนี้ผมต้องกลับไปทำงานต่อ ไว้โอกาสหน้าผมจะขอค้างสักคืน” พฤทธิ์ยิ้มบาง ๆ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่นานเกินความจำเป็น ยิ่งต้องนอนค้าง..เขายิ่งควรระวังไม่ให้เกินกว่าความเหมาะสม
“ห้องที่คุณพฤทธิ์เคยนอน อาให้เด็กทำความสะอาดเกือบทุกวัน”
“ขอบคุณครับ ผมกลับก่อนนะครับ”
“ขับรถดี ๆ นะคุณพฤทธิ์”
“สวัสดีครับพี่พฤทธิ์” กรณ์ยกมือไหว้ เขามองรถยนต์ที่ขับออกไปจนลับสายตา
วันนี้เป็นวันที่เหนื่อย แต่กระนั้นก็ไม่ใช่วันที่แย่ อย่างน้อยเรื่องที่เขาหวาดระแวงคงไม่เกิดขึ้นอีก เพราะมันไม่มีสัญญาณ ไม่มีตัวบ่งชี้ถึงความคืบหน้า และกรณ์เองก็ไม่ใช่คนที่คิดไปเอง ทว่าการสังเกตใครสักคนอย่างคุณพฤทธิ์ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ส่วนหลง..เขาเองก็มั่นใจว่าในไม่ช้าทุกอย่างจะเข้ารูปเข้ารอยเหมือนที่เคยเป็น เหมือนครั้งแรกที่ไม่ก่อเกิดความสัมพันธ์ใด ๆ ระหว่างกัน เป็นเพียงญาติใกล้ชิด ไม่ใช่คนใกล้ชิด
“สงสัยไวน์จะแรง ลดาเลยขึ้นไปก่อน พ่อเองก็เริ่มง่วงแล้ว ต่อจากนี้คงต้องดูแลกันเองนะ”
“ครับ”
คนในบ้านเจียดเวลาไปทำธุระเสียที
ประตูบ้านปิดสนิท ไฟในบ้านเริ่มดับลงทีละจุด มีเพียงสองห้องที่ยังส่องสว่างอยู่ในความมืด หนึ่งคือคนที่ยังทำงานไม่เสร็จ และสองคือคนที่ยังนอนไม่หลับเพราะข้อความที่ได้รับเมื่อครู่
‘หวังว่าคุณจะไม่ถือสาถ้าผมจะแจ้งว่าเพิ่งถึงบ้านเมื่อครู่’
อีกสองวันก็จะเปิดเทอมแล้ว หลงจึงทำตัวสบาย ๆ แต่หากเป็นเมื่อก่อน เขาชื่นชอบการไปโรงเรียนมากกว่าอยู่บ้านเสียอีก โรงเรียนมีทุกอย่างพร้อม คนรอบกายแม้ไม่เป็นมิตรทุกคน แต่ก็ไม่เข้ามาทำร้ายกันโดยไม่มีเหตุผล ทว่าตอนนี้หลงกลับรู้สึกว่าการอยู่บ้านพร้อมหน้ากับใครสักคนเป็นเรื่องที่มีประโลมใจ
ส่วนความสัมพันธ์ของเขาและคุณพฤทธิ์นั้น ไม่ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ความเสี่ยงอาจผันผวน ความอบอุ่นอาจกลายเป็นความเฉยชา การแยกทาง และการไม่ประสบความสำเร็จ หลงคิดว่าเขาจะอดทนผ่านมันไปได้และฝังมันไว้เป็นความทรงจำที่ควรค่าแก่การรักษา
ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้ มีเพียงเขาคนเดียวที่ยังได้รับข้อความจากใครบางคนอย่างไม่คาดคิด มันเป็นข้อความธรรมดา แต่กลับพิเศษจนไม่กล้าลบทิ้ง
เมื่อเช้าหลงส่งข้อความไปหาคุณพฤทธิ์ แต่กว่าจะได้รับข้อความก็บ่ายแก่แล้ว
อันที่จริงตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์เครื่องใหม่ หลงก็อยากส่งข้อความหาอีกฝ่ายใจแทบขาด ทว่าเหตุผลบางอย่างกลับทำให้เขาต้องลบทิ้งบ่อยครั้ง คุณพฤทธิ์เป็นลูก เป็นอาจารย์ เป็นที่ปรึกษา แม้จะเป็นช่วงปิดเทอม แต่อีกฝ่ายก็ยังทำงานไม่หยุด เช่นเดียวกับกรณ์ที่ออกไปมหาวิทยาลัยทุกครั้ง เมื่อกลับถึงบ้านก็เตรียมการสอนต่อในช่วงหัวค่ำ ไฟที่ลอดผ่านช่องประตูในทุกค่ำคืน ทำให้หลงอนุมานไปว่าใครบางคนก็คงไม่ต่างกัน
กระนั้นช่วงสาย ๆ หลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำกิจกรรมที่ตนเองต้องการ คุณกรณ์ขับรถยนต์ไปมหาวิทยาลัยพร้อมเอกสารกองหนึ่ง คุณวุฒินั่งดูภาพยนตร์กับเขา จนกระทั่งเสียงรถยนต์ที่จอดหน้าชานบ้าน ทุกคนต่างฉงนเพราะไม่คิดว่ากรณ์จะกลับมาเร็วขนาดนี้ ทว่าผู้มาใหม่กลับไม่ใช่อย่างที่คิด แต่เป็นเพ็ญแขที่ดูบอบช้ำเกินกว่าจะจินตนาการได้
คุณวุฒิไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปหาประคองอีกฝ่ายเข้ามานั่ง “คุณแข เกิดอะไรขึ้น”
“คุณวุฒิ” หล่อนเม้มปาก พลางเหลือบตามาทางหลงไม่เป็นมิตร “ขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหมคะ”
เด็กหนุ่มรู้ตัว เขาเก็บของทุกอย่างแล้วเดินออกจากห้องรับแขกเงียบ ๆ ทว่าบทสนทนาที่แว่วมาเมื่อครู่กลับดึงดูดใจจนทนไม่ไหว
“พฤทธิ์บอกว่าพี่ว่าถอนหมั้นฉลองขวัญแล้วค่ะ”
วุฒินั่งฟัง เขาตกตะลึงสักพักเมื่อนึกถึงหลานชายที่เพิ่งเจอกันไม่นานมานี้ อีกฝ่ายหน้าตาสดใสดี ไม่มีแววขุ่นมัวให้เห็น “คุณพฤทธิ์เป็นคนมีเหตุผล ผมเชื่อว่าทุกการกระทำของหลานมีความหมาย”
“พฤทธิ์ไม่ได้รักฉลองขวัญ แต่พี่ก็เห็นว่าพฤทธิ์ไม่ได้มีใคร” หล่อนทั้งโกรธและเสียใจ แต่พฤทธิ์เป็นลูกชายคนเดียวของหล่อน จะไม่ให้ห่วงหาได้อย่างไร “แต่งงานกันไปก็ไม่เสียหาย ในเมื่อทั้งสองคนก็เหมาะสมกันดี ยิ่งรู้จักกันมานานคงรักกันได้ไม่ยาก”
หล่อนยังจำคำถามของลูกชายได้ดี มันเป็นคำถามทิ้งทวนก่อนที่พฤทธิ์จะออกจากบ้าน ไม่มีเสียงโทรศัพท์ ไม่มีคำขอโทษ มีเพียงความเฉยชาที่หล่อนได้รับ “ที่ผ่านมาพฤทธิ์ไม่เคยขัดใจพี่ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม”
“เขารู้จักกันมานาน ถ้าจะแต่งงานกันจริง ๆ ก็คงทำตั้งแต่เมื่อหลายปีแล้ว”
“เพราะมันนานเกินไป พี่เลยอยากให้พฤทธิ์มีครอบครัวเสียที อีกอย่าง..ไม่มีใครเหมาะเท่าฉลองขวัญอีกแล้ว”
“คุณเพ็ญแข ก็ถูกของคุณพฤทธิ์นะครับ เขาไม่ได้รักฉลองขวัญ แต่เขารักคุณแขมากต่างหาก” วุฒิบีบมืออีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน หลานชายของเขาคนนี้ไม่เคยขัดใจแม่ ทำตามทุกอย่างตั้งแต่ยังเด็ก จนบางครั้ง..ตัวตอนที่เกิดมาพร้อมก็สลายหายไปอย่างน่าเสียดาย “ลองให้เวลากับคุณพฤทธิ์ดูนะครับ เรื่องครอบครัวไม่ใช่เล่น ๆ แต่จะอยู่กับเขาไปจนหมดหายใจ”
“อย่างไรเสียพี่ก็คิดว่าพวกเขาแค่ทะเลาะกัน วันข้างหน้าคงจะกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง”
เด็กหนุ่มเม้มปากพลางมองผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้น หล่อนไม่เหมือนที่เคยเจอครั้งแรก ผู้หญิงคนนั้นสง่างามอย่างไร้ที่ติ สมบูรณ์แบบกว่าผู้หญิงทุกคนที่หลงเคยเห็น แต่ตอนนี้หล่อนเป็นเพียงแม่ที่ผิดหวังจากลูกชาย เป็นความเจ็บปวดครั้งแรกจากคนที่ไม่เคยมอบให้ เพ็ญแขกลายเป็นใครอีกคนที่หลงไม่คุ้นชิน
เขาเดินออกห่างห้องรับแขกจนไม่ได้ยินเสียงพูดคุยในนั้น ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขามองหน้าจอด้วยความรู้สึกสับสน อย่างแรกพฤทธิ์เลิกกับฉลองขวัญแล้ว อย่างที่สองอีกฝ่ายไม่ได้คุยกับเพ็ญแขเหมือนเคย และอย่างสุดท้าย..ตอนนี้พฤทธิ์ยังเป็นพฤทธิ์อยู่หรือเปล่า
หลงไม่รู้ว่าความกระจ่างที่ค่อย ๆ ปรากฏในทุกระยะความสัมพันธ์คืออะไร แต่ความกังวลจู่โจมเข้ามาขณะหนึ่งที่นึกถึงคุณพฤทธิ์
ลูกอมในปากกำลังละลายหายไป แล้วทิ้งไว้เพียงรสชาติหวานที่ไม่มีตัวตนหรือเปล่านะ..
ความอ้างว้างไม่เคยกัดกร่อนจิตใจของพฤทธิ์ ตรงกันข้ามมันกลับเป็นความสงบ ไร้ภาระที่เคยเกาะเกี่ยวกับราวกับเถาวัลย์เกาะใจ ไม่มีเสียงโทรศัพท์จากเพ็ญแข ไม่มีเสียงทักทายจากฉลองขวัญ รอบกายคือความเยือกเย็นที่น้อยครั้งจะเกิดขึ้นในชีวิตของเขา กระนั้นพฤทธิ์ก็รู้ดีว่าสายใยบางอย่างไม่อาจขาดสะบั้นลงเพียงเพราะความไม่ลงรอยกัน กระนั้นเขายังอยากให้เวลาเยียวยาเพิ่มอีกสักหน่อย
ตั้งแต่เช้าจนเที่ยง เขายังไม่ขยับไปไหน มีเพียงแก้วกาแฟที่เย็นชืดและรสชาติที่ยังติดปลายลิ้น พร้อมหนังสือหนึ่งเล่มที่วางบนตัก จนกระทั่งแดดบ่ายมาเยือน แสงสาดเข้ามาภายในห้องเป็นสีเหลืองแสบตา ความสนใจของเขาจึงย้ายไปยังโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้าง ๆ
เขาเปิดอ่านอีเมลและตอบกลับไปจนหมด รวมถึงข้อความในกลุ่มสนทนากลุ่มหนึ่งที่พูดคุยเรื่องการลาพักร้อนหลังจากจบภาคการศึกษาปลาย สำหรับพฤทธิ์..เขาแทบจะหมดความสนใจในเทคโนโลยีที่ตนเองไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันอย่างที่สุด ทว่าข้อความจากโทรศัพท์ของใครบางคนกลับทำให้เขาต้องตระหนักถึงประโยชน์ของมันใหม่
‘ผมหวังว่าคุณพฤทธิ์จะสบายดี’
พฤทธิ์ยิ้มจาง ๆ สมัยนี้ยังมีคนส่งข้อความประเภทนี้อยู่อีกหรือ กระนั้นเขาก็ตอบกลับไปโดยไม่ลังเล
‘ผมยุ่ง ๆ แต่สบายดี หวังว่าคุณจะสบายดีเหมือนกัน’
แม้ไม่มีข้อความตอบกลับ แต่พฤทธิ์ก็ไม่ได้ลบข้อความนั้นออกเหมือนทุกครั้ง
สวัสดีค่ะ หายไปไม่นาน เพราะงานยุ่ง ๆ แต่ไม่อยากทำเลยมาแต่งนิยายดีกว่า ขอบคุณทุกคอมเมนต์และกำลังใจที่มีให้คุณพฤทธิ์และน้องหลงนะคะ ตอนนี้เขาจีบกัน (?) แต่น่าจะเกินจีบมาเยอะแล้ว เจอกันตอนหน้าค่ะ อ่านคอมเมนต์ทุกอันนะคะ ขอบคุณกมากค่ะ
Facebook:
https://www.facebook.com/AUTHOR.ELLETTE/