พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ผืนผ้าเหนือศีรษะข้างบนจึงถูกย้อมไปด้วยสีน้ำเงินเข้ม อันที่จริงมันเป็นเย็นวันศุกร์ที่หลาย ๆ คนอยู่บ้านกับครอบครัว แต่วันนั้นพฤทธิ์มีสอนนิสิตปริญญาโทนอกเวลาราชการ กิจวัตรประจำวันจึงเปลี่ยนจากกลับบ้านไปพักผ่อนเป็นการสอนหนังสือในช่วงเย็นถึงค่ำ
บนหน้าปัดนาฬิกาที่อยู่ข้างหลังบอกเวลาว่าใกล้ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว กระนั้นใบหน้าของนิสิตกลับอิดโรยจนเห็นได้ชัด
“บางคนเริ่มมองนาฬิกาแล้ว สงสัยใกล้เวลาเลิกเรียน” เขาบรรยายเอกสารหน้าสุดท้าย “ผมเห็นใจพวกคุณ แต่จะปล่อยก่อนเวลาก็เกรงว่าคุณจะได้ความรู้ไม่ครบถ้วน”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนเขาจะเริ่มบรรยายต่ออีกสิบนาที
เสียงเก็บสมุด เสียงพูดคุย และเสียงโต๊ะเก้าอี้ขยับไปมาเพื่อจัดระเบียบ ก่อนตามด้วยเสียงรองเท้ากระทบพื้นภายในห้องสี่เหลี่ยม ไม่นานนักทุกอย่างก็เงียบสงบราวกับไม่เคยมีคนอยู่มาก่อน เขาจึงออกจากห้องเรียนและตรงไปยังรถยนต์ที่จอดติดสนามหญ้า
ข้างทางเดินเป็นไม้พุ่มขนาดกะทัดรัดและบ้างเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งใบมืดครึ้มยามวิกาล ด้านในเปิดไฟสว่าง สอดส่องออกมายังพื้นถนนด้านนอกตึกเรียน พฤทธิ์เดินไปจนถึงรถยนต์ที่อยู่ เมื่อเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร เสียงเรียกเข้าในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“สวัสดีครับ”
‘คุณพฤทธิ์ คืนนี้ผมกลับไปถึงมหาวิทยาลัยดึก อยากรบกวนไปนอนด้วยสักคืนได้ไหมครับ’
“ได้ครับ มาถึงกี่โมง”
‘ผมมีคีย์การ์ดห้องคุณพฤทธิ์ ถ้าถึงแล้วผมขออนุญาตขึ้นไปได้ไหมครับ’
พฤทธิ์เงียบ พลางหลุบตามองนาฬิกาข้อมือ “มาถึงกี่โมง เดี๋ยวผมขับรถออกมารับ”
‘น่าจะเกือบสามทุ่มครึ่งครับ’
“ผมเพิ่งสอนเสร็จ เดี๋ยวจะรอข้างสนาม รถยนต์คันเดิมนะครับ”
เสียงเพลงแทรกเข้ามาเป็นระยะ ‘ขอบคุณครับ’
ด้านข้างมหาวิทยาลัยเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดย่อม ชั้นหนึ่งและชั้นสองเปิดเป็นบริการร้านอาหารจำนวนมาก แม้เป็นเวลาใกล้ปิดแล้ว แต่ร้านอาหารบางร้านยังมีคนแน่นอยู่
พฤทธิ์เดินสำรวจรอบ ๆ ร้านอาหารเกาหลีเป็นร้านที่คนน้อยที่สุด เขาจึงตัดสินใจรับประทานอาหารที่นี่ร่วมสิบห้านาที ก่อนจะสั่งกลับบ้านอีกชุดหนึ่ง
มันเป็นเวลาเกือบสามทุ่ม เมื่อข้ามถนนเข้ามาในมหาวิทยาลัยแล้ว ผู้คนและรถยนต์ที่จอดริมทางจึงบางตาลง มีเพียงสุนัขประจำตึกที่นอนขวางถนนอย่างสบายใจ
เขากลับเข้ามานั่งรอในรถและเปิดกระจกพลางฟังข่าวภาคค่ำไปด้วย
ด้านนอกมืดสนิท มีเพียงเสียงลมพัดและใบไม้สับส่าย ก่อนร่วงลงมาเป็นหย่อม ๆ รอเพียงไม่กี่อึดใจ รถโดยสารปรับอากาศประจำมหาวิทยาลัยก็จอดริมฟุตบาทไม่ไกลจากสนามหญ้านัก
นิสิตทยอยลงจากรถพร้อมสัมภาระและรอกระเป๋าเดินทางอยู่ข้างล่างร่วมครึ่งชั่วโมง ก่อนต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับที่พัก
พฤทธิ์เปิดประตูรถ เขาก้าวออกมายืนริมฟุตบาท พลางมองหาเด็กหนุ่มท่ามกลางผู้คนจำนวนหนึ่ง ใบหน้าน่าเอ็นดูไม่ได้โดดเด่นจากคนอื่นนัก แต่กระนั้นเขาก็พอมองเห็นจากไกล ๆ ว่าอีกฝ่ายกำลังก้มลงหยิบกระเป๋าถือขนาดใหญ่พร้อมสะพายกระเป๋าเป้อย่างทุลักทุเล
หากที่แห่งนี้เขาเป็นเพียงคนผ่านไปผ่านมา พฤทธิ์ไม่ลังเลจะเข้าไปช่วย แต่ตรงนี้..เงื่อนไขบางอย่างทำให้เขาต้องยืนอยู่กับที่ พลางมองเด็กหนุ่มที่ยืนหันซ้ายหันขวาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
เขาหยิบโทรศัพท์ ติดต่อปลายสายอย่างใจเย็น “มองมาทางสนามหญ้าหน้าตึกสาม”
‘มองแล้วครับ’ หลงหนีบโทรศัพท์ไว้ พลางเดินตามถนนที่ส่องไฟสลัว ๆ
“ผมเห็นคุณแล้ว ผมจะยืนรอแถวทางแยกนะครับ” พฤทธิ์วางสาย ขณะเดียวกันก็มองเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามาใกล้
ระยะทางระหว่างพวกเขาลดลงจนมองเห็นกันและกัน เด็กหนุ่มมองเห็นใครบางคนที่ยืนไม่ไกล อีกฝ่ายสวมเสื้อเชิ้ตที่พับแขนขึ้นจนเกือบถึงข้อศอก
หลงพยายามยกมือไหว้ แต่สัมภาระของเขาก็มากเกินกว่าจะทำตามใจต้องการ “สวัสดีครับคุณพฤทธิ์”
“ค่ายอะไร ทำไมจัดวันธรรมดา”
“เป็นวิชาเลือกเสรีครับ”
พฤทธิ์เปิดประตูรถรอให้อีกฝ่ายเข้าไปนั่ง “วิชาอื่น ๆ จะเรียนทันหรือครับ”
“น่าจะทันครับ” หลงตอบไม่เต็มเสียงนัก เพราะทั้งเขาและภัทรต่างเลือกลงวิชานี้และไปเข้าค่ายพร้อม ๆ กัน
“กินอะไรมาหรือยัง”
“กินขนมปังมาแล้วครับ”
กลิ่นอาหารอบอวลในห้องโดยสาร “ผมซื้ออาหารมาเผื่อคุณ ไว้กลับถึงบ้านแล้วค่อยอุ่นกิน”
“ขอบคุณครับ”
“บอกคุณวุฒิแล้วใช่ไหม”
เด็กหนุ่มส่ายหน้า อันที่จริงตามตารางเวลา..เขาต้องกลับมาถึงวันพรุ่งนี้เช้า “ยังครับ”
พฤทธิ์เปิดเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ เขานั่งนิ่ง ๆ รอให้หลงจัดการธุระที่ควรทำจนเสร็จแล้วขับรถยนต์ออกไปทันที
ภายในห้องขนาดใหญ่ที่จัดสรรอย่างลงตัวและเป็นระเบียบ เป็นห้องที่มีกลิ่นคุ้นเคยและข้าวของที่ยังตั้งไว้เหมือนเดิม ที่โต๊ะรับแขกหน้าโทรทัศน์ขนาดใหญ่มีเอกสารจำนวนหนึ่งถูกทับด้วยปากกาสีดำขอบสีทอง
“อาบน้ำก่อนนะครับ แล้วค่อยกินข้าว”
หลงพยักหน้า เขาวางกระเป๋าถือไว้บนพื้นข้าง ๆ โต๊ะทรงสูง “ผมขอยืมชุดนอนคุณพฤทธิ์ชุดเดิมได้ไหมครับ”
“เดี๋ยวผมวางไว้ให้ ใช้ของได้ตามสะดวก”
พฤทธิ์นำอาหารเข้าไปในครัว ในขณะที่เด็กหนุ่มเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวเงียบ ๆ
โดยปกติแล้วกิจวัตรประจำวันของพฤทธิ์หลังกลับมาจากมหาวิทยาลัยคือรับประทานอาหารคนเดียว ตรวจงาน และเตรียมการสอนต่อในวันถัดไป เขามีเรื่องที่ต้องทำแค่นี้ ยกเว้นเสียแต่ว่าเมื่อมีใครบางคนมาใช้ชีวิตด้วย ความเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้นทีละน้อย อย่างตอนนี้..ตอนที่เขากำลังนำอาหารไปอุ่นและนำชุดนอนมาวางไว้ที่ปลายเตียง ก่อนจะเดินออกไปจัดการเอกสารที่ยังค้างอยู่
หลงใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาสวมชุดที่วางไว้อย่างบรรจง ซึมซับความอ่อนนุ่มของผ้าฝ้ายและกลิ่นอ่อน ๆ ที่โอบล้อมเนื้อผ้าไว้
“เสร็จแล้วครับ”
“อาหารอยู่บนโต๊ะ ผมเพิ่งเอาออกจากเตาเมื่อครู่”
โต๊ะอาหารในห้องครัวมีอาหารและเครื่องเคียงวางไว้ พร้อมแก้วน้ำที่อยู่ข้างกัน “ขอบคุณครับ”
เขานั่งบนเก้าอี้ จดจ้องอาหารด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด ก่อนจะลงมือกินอาหารตรงหน้าด้วยความประทับใจ
เสียงปิดประตูห้องนอนดังขึ้น พร้อมใครบางคนที่เดินเข้ามาในครัวด้วยท่าทีสบาย ๆ “ผมคงจัดการธุระของตัวเองเสร็จเร็วไปหน่อย”
พฤทธิ์หลุบมองอาหารที่ยังเหลืออยู่สามในสี่ ขณะเดียวกันเขาก็เทน้ำเปล่าใส่แก้ว
“หรือคุณอิ่มแล้ว” เขาวางแก้วน้ำอุ่นบนโต๊ะ ก่อนนั่งลงตรงข้ามเด็กหนุ่ม
“ยังไม่อิ่มครับ แต่อยากกินช้า ๆ” เสียงช้อนและส้อมกระทบกัน “รอคุณพฤทธิ์ด้วย”
พฤทธิ์ดื่มน้ำอุ่นจนหมดแก้ว พร้อมกับเด็กหนุ่มที่วางช้อนลงบนจาน
“คุณพฤทธิ์ครับ”
“ว่าอย่างไรครับ” เขารอฟังพลางมองใบหน้าน่าเอ็นดู “หรือมีปัญหาเรื่องเรียน”
“ก็ไม่เชิงครับ” หลงตอบเสียงเบา “ที่จริงผมลงทะเบียนวิชาของคุณไม่ได้”
หยดน้ำที่เกาะข้างแก้วไหลลงมากระทบโต๊ะไม้เป็นวง ๆ
“ชอบหรือครับถึงอยากลง”
“ผมชอบคุณพฤทธิ์..หมายถึงที่คุณพฤทธิ์สอนดี ผมอยากเรียนกับคุณพฤทธิ์อีก”
เด็กหนุ่มแสร้งเก็บจานและช้อนที่อยู่บนโต๊ะอย่างกลบเกลื่อน
“เทอมนี้เรียนในสิ่งที่คุณชอบนะครับ เพราะถึงอย่างไรผมก็ยินดีจะเจอคุณที่ไม่ใช่ฐานะนิสิตมากกว่า”
ในคืนที่พระจันทร์ดวงน้อยเร้นกายหลังหมู่เมฆ ท้องฟ้าด้านนอกจึงอาบย้อมไปด้วยสีเข้ม เห็นเพียงดวงดาวจุดเล็ก ๆ ที่ทอประกายอย่างริบหรี่ มันเป็นวันที่หลงรู้สึกเหนื่อยอ่อน กระนั้นดวงตาของเขายังลืมมองเพดานสีขาวที่ไม่ว่าจะจดจ้องอย่างความรู้สึกง่วงเหงาก็คล้ายเป็นเพียงเรื่องในความฝัน
คุณพฤทธิ์เปิดห้องนอนอีกห้องหนึ่งให้เขาด้วยเหตุผลที่ว่าอีกฝ่ายมีงานสอนจำนวนมากที่ต้องจัดการ ภายในห้องแห่งนี้มีเตียงขนาดสี่ฟุตตั้งอยู่ใกล้หน้าต่างบานใหญ่ เมื่อมองออกไปก็เห็นทิวทัศน์เมืองที่แต้มด้วยแสงไฟหลากสีสัน ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นไปดึงผ้าม่านปิดจนห้องมืดสนิท ทว่าความรู้สึกง่วงก็ยังไม่มาเยี่ยมเยือนเขา จนกระทั่งเวลาผ่านไปค่อนคืน
เด็กหนุ่มในเสื้อยืดและกางเกงผ้ายืดขายาวเดินออกมาข้างนอก ที่ห้องรับแขกมีโคมไฟดวงเล็ก ๆ เปิดให้ความสว่าง ถัดออกไปเป็นห้องนอนอีกห้องที่แสงไฟด้านในลอดผ่านประตู พร้อมเสียงพิมพ์เบา ๆ ที่บอกถึงความเป็นอยู่ข้างในนั้น
เขาก้าวเท้าอย่างพึงระวัง ตรงไปยังห้องครัวที่มืดสลัว
หลงตรงไปยังตู้เย็น เขาเปิดมันออก พลางมองหาสิ่งที่จะช่วยให้เขาข่มตาหลับในคืนนี้
ด้านในค่อนข้างเย็นและอัดแน่นไปด้วยผลไม้ ขวดนม ขวดน้ำเปล่า และอาหารบำรุงสุขภาพ แต่สิ่งที่ไม่เข้าพวกมากที่สุดคงเป็นชีสเค้กที่อยู่ชิดด้านใน เขาไม่กล้าวุ่นวายไปกว่านี้จึงเลือกเทนมใส่แก้ว
ตรงนี้เงียบสนิท มีเพียงเขาที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์
เด็กหนุ่มจิบนมทีละน้อย พลางคิดไปถึงเรื่องวันพรุ่งนี้ อันที่จริง..ถ้าจะกลับบ้าน เขาก็กลับได้ คุณกรณ์เองก็ยืนยันว่ายินดีขับรถมารับโดยไม่มีเงื่อนไข กระนั้นเวลาที่อยู่บนหน้าปัดก็ฉุดรั้งให้เขาพิจารณาใหม่ ความหวังดีที่พึงได้รับจึงถูกปัดตกไปและทับถมด้วยความเกรงใจไม่บริสุทธิ์แทน
“มายืนทำอะไรตรงนี้”
หลงสะดุ้ง ก่อนหันกลับมาเผชิญหน้าเจ้าของเสียงที่แหบกว่าปกติ “ผมนอนไม่หลับครับ”
พฤทธิ์หลุบตามองแก้วที่บรรจุนม มันพร่องไปเกือบหมดแล้ว “อืม”
“คุณพฤทธิ์จะนอนแล้วหรือครับ”
“คิดว่าอย่างนั้น”
คราบน้ำนมติดขอบริมฝีปากเด็กหนุ่ม ดึงดูดทั้งสายตาและปลายนิ้วที่เอื้อมไปสัมผัส ปัดผ่านผิวเนื้ออย่างเอื่อยเฉื่อยทว่าดุดันในที
ความอ่อนเยาว์ ความหวาดกลัว และไร้ประสบการณ์ฉายชัดในดวงตาสีเข้ม เมื่อพฤทธิ์ขยับเข้ามาใกล้จนกระทั่งปลายเท้าจรดกัน กระนั้นเด็กหนุ่มกลับไม่ถอยหนี
“คุณมองผมแบบนี้ทำให้ผมไม่อยากนอน”
หลงเม้มปาก เขาไม่กล้าโต้ตอบเพราะระยะที่ใกล้กันเกินไป
พวกเขายืนอยู่ด้วยกันเงียบ ๆ ไม่นานเสียงถอนหายใจของคุณพฤทธิ์ก็ดังขึ้น พร้อมปลายเท้าที่ถอยห่างทีละนิด ความร้อนจางหายไปเพียงชั่วครู่ ก่อนที่หลงจะเป็นฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ ประชิดลำตัวคนตรงหน้าพลางเขย่งปลายเท้าขึ้นจนสุด ริมฝีปากชื้นของเด็กหนุ่มก็ทาบทับลงมา ไม่ส่งสัญญาณเริ่มต้นใด ๆ ให้ทันตั้งตัว
ลมหายใจของพฤทธิ์กระตุกวูบ ความรู้สึกปรีดาแล่นทั่วหัวใจ ก่อนความร้อนที่อธิบายไม่ได้จะแทรกเข้ามา ฉุดรั้งให้เขาเป็นฝ่ายตักตวงจากเด็กหนุ่มบ้าง
แก้วนมถูกวางทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์หินอ่อน ไม่มีใครใยดีมันอีกต่อไป
“อะ..อึก” หลงตกใจเพียงชั่วครู่ ก่อนตัวตนของเขาจะถูกริมฝีปากอุ่นของคุณพฤทธิ์ครอบครอง
ความร้อนผ่าวแล่นจากริมฝีปาก ไปทั่วใบหน้า ไม่นานก็เป็นที่แผ่นหลัง
ฝ่ามืออีกฝ่ายสอดเข้ามาอย่างดุดัน กดบั้นเอวของหลงจนแนบชิด และสัมผัสกันคล้ายไฟที่โหมกระพือท่ามกลางพายุคลั่ง
ปลายลิ้นกวาดต้อนทุกอย่าง ดูดดึงทุกวิถีทางหมายจะครอบครองจิตวิญญาณของเขาเพียงผู้เดียว
เด็กหนุ่มร้องครางในลำคอ เขาอึดอัด แต่หากจะต้องผละออกก็ขอขาดอากาศเสียตรงนี้ “อื้อ..คุณพฤทธิ์”
“เรียกพฤทธิ์”
“พ..พฤทธิ์” กางเกงผ้ายืดสีเข้มตัวหลอมร่นลงมาเกาะขอบสะโพก ไม่นานมันก็ถูกดึงออกมาและโยนออกไปสักแห่ง
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศปะทะผิวเนื้อ โลมเลียต้นขาไปจนถึงยอดอกที่ใกล้จะเปิดเผยตัวตน
เขาตัวสั่นอย่างห้ามอยู่ เมื่อปลายฟันของอีกฝ่ายกำลังขบยอดอกของเขาอย่างรุนแรง หลงหมายจะห้าม แต่เมื่อดวงตาสีเข้มเงยสบมองขึ้นมา หลงก็รู้แล้วว่า..ที่จริงเขาต่างหากที่ไม่เคยห้ามตัวเอง
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่ยังติดตามค่ะ
ช่วงนี้มีชีวิตเรืยบ ๆ เรื่อย ๆ จึงไม่ค่อยได้อัพเดตอะไร ตอนนี้มีทวิตเตอร์ไว้สำหรับติดตามต่อแล้วนะคะ
Facebook:
https://www.facebook.com/AUTHOR.ELLETTE/Twitter:
https://twitter.com/itsellette