กว่าจะกินกันเสร็จได้ทั้งเถียงทั้งด่ากันจนแทบจะอ้วก
“ส่งที่ไหน ห้องมึงอยู่ไหน..” แคปคว้าเอาแก้วเอสเพรสโซ่ขึ้นมากินต่อที่รถ ปากบอกไม่อร่อย ๆ แต่ก็แดกได้จนหมดแถมยังลามมากินที่จานคนอื่นอีก เอสไม่เข้าใจไอ้หมาบ้าตัวนี้เลยให้ตายเหอะ
“ส่งกูที่ร้านเมื่อคืน รถกูยังอยู่ที่นั่น”
“หายแล้วมั้ง ป่านนี้” คนขับลอยหน้าตอบอย่างกวนตีน แคปหันไปทำตาเขียวใส่ หายเหรอ??? รถเขานี่นะถ้าหายขึ้นมาเขาจะต้องเอาเรื่องกับไอ้เวรนี่ให้ถึงที่สุดเลยคอยดู ไม่มีทางยอมเด็ดขาด รถแต่งของพ่อเขา เขาหวงยิ่งกว่าพรมจรรย์ที่เสียไปเมื่อคืนอีก บอกเลย!!
“ทำหน้าอะไรของมึง บ้ารึไง กูโทรไปบอกพี่แอมป์ให้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเว้ย” เมื่อเห็นว่าแคปตาแดงเหมือนกับคนจะร้องไห้ทั้งที่เสียตัวให้เขาเมื่อคืนยังตาแข็งกร้าวอยู่แท้ ๆ พอพูดเรื่องรถหายเข้าหน่อยหน้าเหลืองขึ้นมาในทันที เอสนึกขำ
คนบ้าอะไรวันๆนึงมีเป็นสิบ ๆ อารมณ์
“ไอ้สัส!” รถเบรกจึ๊กทันทีที่คำว่าไอ้สัสหลุดออกจากริมฝีปากเล็ก เอสหันขวับมามองหน้าแคปรีบทำไม่รู้ไม่ชี้ ดีที่ถึงทางเลี้ยวเข้าร้านแล้วไม่อย่างนั้นจู่ ๆ เบรคลงแบบนี้มีหวังชนท้ายจ่ายตลอดแหงๆ
“ปากดีๆแบบนี้อยากถูกกูจูบก่อนลงใช่ไหมครับเมีย หื้ม” เอสหันไปข่มขู่ก่อนเคลื่อนรถเลี้ยวเข้ามา พอจอดลงสนิทข้าง ๆ รถแต่งสีดำของแคปมือใหญ่ยื่นออกไปรั้งต้นคอเล็กแล้วกดเข้ามาดูดปากอีกครั้ง
“อ่ะ...ไอ้สันดาน ปล่อย อื้มม...” แคปดิ้นพราดร้องด่าด้วยน้ำเสียงบู้บี้ ริมฝีปากที่ถูกช่วงชิงด้วยฝ่ามือที่รั้งต้นคอเขาไว้พร้อมกับมืออีกข้างที่บีบกรามเล็กให้เปิดรับลิ้นร้อน ๆ แคปทั้งทุบทั้งตีแต่พลาดไปหมด เอสดูดปลายลิ้นเล็กจนพอใจก่อนที่เขาจะปล่อยแคปออกมา
“กลิ่นซอสมะเขือเทศ?? หึ เมื่อกี้มึงกินข้าวผัดสินะ ทำเป็นเด็กไปได้ราดซอสมะเขือเทศทำไม”
"ห่าเอ๊ย ก็มึงไม่ใช่หรือไงที่เป็นคนสั่งมาให้กู" แคปยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปาก ถูๆๆๆๆแบบโคตรจะรังเกียจจนเอสนึกขำเมื่อคืนยังทำท่าพออกพอใจอยู่แท้ ๆ
"อ้าวเหรอ..." เสียงทุ้มตอบยั่วยวน มองหน้าอีกคนที่ทั้งโกรธทั้งแค้น
“ไอ้โรคจิต เลวที่สุด ไอ้เหี้ยเอส มึงมันเหี้ยที่สุด!” แคปฟาดผั๊วะเข้าแสกหน้าแบบที่ไม่ทันให้เอสได้ตั้งตัว อย่าคิดว่าเขาจะไม่กล้าทำ อย่าคิดว่าเขาจะกลัวมัน เอสถึงกับมึนคว้ามือจะเข้ากระชากแขนเล็กไว้แต่เสียทีที่ไม่ทันแคปลงไปยืนอยู่นอกรถแล้วชี้หน้าเขาอย่างเอาเรื่องสุดๆ
“มึงรู้ไว้เลยนะ จะไม่มีมึงกับกูเป็นครั้งที่สองอีกเด็ดขาด! เมื่อคืนถือซะว่ากูทำทาน รู้รึเปล่าจนถึงตอนนี้ลืมไปหมดแล้วด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไปบ้าง เซ็กห่วยๆซวยเป็นบ้า ไอ้สัส!”
ว่าจบไม่รีรอฟังห่าอะไรแล้ว แคปรีบจับรถตัวเองก่อนขับเลี้ยวออกไปด้วยความรวดเร็ว ขณะที่เอสถึงกับพ่นขำพร้อม ๆ กับลูบหน้าด้วยความเจ็บเมื่อจู่ ๆ ถูกฟาดแสกมาไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนั้น
“จำไม่ได้ว่าทำอะไรลงไปบ้างงั้นเรอะ หึหึ แล้วเซ็กห่วยๆที่มึงพูดมันหมายความว่ายังไงล่ะวะ ไอ้ตัวรั้น” เขาพึมพำอยู่คนเดียวโดยที่อีกคนขับรถเลี้ยวห่างออกไปไกลโขแล้ว
.
.
ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“ไอ้สัสปอ ไอ้หมาปอโว๊ย เปิดสิวะกูยืนรอนานแค่ไหนแล้วมึงรู้บ้างรึเปล่า” แคปเคาะรัวๆร้องตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าห้องตัวเอง จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าลืมเอากุญแจไปวางไว้ที่ไหน ปกติมันต้องอยู่ในพวงเดียวกันกับกุญแจรถ แต่ตอนที่จับรถขับออกมาจากที่ร้านนั่นด้วยความรีบร้อนเพราะกลัวว่าเอสจะวิ่งตามลงมาเขาไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองทำกุญแจห้องตกอยู่ที่ตรงไหน
“อะไรของมึงวะ คนจะหลับจะนอน ปลุกเหี้ยไรแต่เช้า” ปอหัวยุ่งเดินตาปรือออกมาเปิดให้ แคปไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินแทรกตัวผ่านเพื่อนเข้าไปกำลังจะตรงเข้าห้องนอนตัวเองแต่ปอเรียกเอาไว้ก่อน
“เป็นไร หน้าเครียดแต่เช้าเลยนะมึง แล้วใส่ชุดใครมาล่ะเนี่ยตัวใหญ่ฉิบหายเลย” แคปก้มหน้าดูเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมอยู่ แน่นอนว่าเป็นของไอ้เหี้ยเอสนั่นแหละเพราะชุดเขาเปียกโชกตอนที่โดนมันฉีดน้ำร้อนๆใส่ บ้าฉิบหายหยิบเสื้อผ้าธรรมดาแบบนี้มาให้กันใส่ขณะที่ตัวมันแต่งซะเท่บอกมีเรียนต่อตอนบ่าย ใครอยากจะรู้จะไปตายที่ไหนก็เรื่องของมึงเถอะ
“เช้าที่ไหน จะบ่ายแล้วครับคุณปอ มึงแม่งเช้าสองคำเช้า สามคำก็ยังเช้าต้องให้กูเคาะระฆังบอกใหม่ไหมว่าตอนนี้กี่โมงแล้วห่า” เขาล้วงเอาโทรศัพท์ที่หมดแบตในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเสียบชาร์ต ก่อนจะเปิดเครื่องแล้วกระโจนตัวลงบนโซฟายาวแล้วก่ายหน้าผากไปเงียบ ๆ แน่นอนว่าในใจครุ่นคิดเรื่องราวของเมื่อคืน กลุ้มจนต้องหลับตาลงแต่ปอคงไม่ทันได้สังเกตเห็น
“ฮ้าววววววว อ้าวเหรอ บ่ายแล้วเหรอ กูแม่งกลับมาดึกฉิบหายเพราะมึงอ่ะแหละจะไปต่อกับหญิงโทรบอกกันบ้างสิวะ กูกับไอ้อาร์รอจนเจ้าของผับเขาจะไล่ โทรหาก็ไม่ติดรู้ป่ะเนี่ยห่วงนะเว้ย” ปอปิดปากหาวหวอดๆเดินไปชงกาแฟมานั่งกินปากก็บ่นแคปไปเรื่อย เขาเอาถ้วยกาแฟวางลงเผื่อแคปด้วยหนึ่งแก้ว
“เป็นเหี้ยไร กลับมาสภาพแบบนี้อ่ะ”
แคปลุกพรวดขึ้นจ้องหน้าคนข้าง ๆ เขาตกใจมากถึงมากที่สุดจู่ ๆ ปอถามเขาออกมา สภาพเขามันดูผิดปกติมากนักหรือยังไง แน่นอนว่าเขาเจ็บสะโพกไม่หายแต่ดูภายนอกยังไงๆก็ไม่มีทางรู้แน่ ๆ แล้วทำไมปอถึงได้ถาม...
“เป็นไรของมึงไอ้แคป เมียมึงทิ้งรึไงทำหน้าทำตาเหมือนแบกโลกเอาไว้ทั้งใบงั้นแหละ อย่าบอกนะว่าเจอน้องแยมสวมเขาให้เข้าแล้วอ่ะ”
แคปถอนใจโล่งยาวพรืดออกมาที่แท้ปอไม่ได้สังเกตความผิดปกติของร่างกายภายนอกเขา แต่ที่พูดคงหมายถึงหน้าตาท่าทางที่เขาแสดงออก คนที่เพิ่งมีชนักติดหลังย่อมระแวงโน่นนี่เป็นสองเท่า แคปบอกตัวเองใหม่ว่าใจเย็น ๆ ไม่ต้องร้อนตัวตีโพยตีพายเรื่องระหว่าเขากับไอ้เอสยังเป็นความลับอยู่แน่ ๆ ตราบใดที่ทางนั้นไม่ปากโป้ง เขาเองฆ่าให้ตายก็ไม่มีทางรับเด็ดขาดว่าไปนอนอ้าขาให้มันเสียบ
“โว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” แคปขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดแล้วร้องยาวออกมา ปอถึงกับส่ายหน้า เขายังคงเข้าใจว่าแยมคงทิ้งแคปเข้าให้แล้วจริง ๆ แต่แอบสงสัยอยู่นิดหน่อยปกติคนจะทิ้งกันอยู่แล้วทำไมยังมีไปนอนค้างอ้างแรมกันอีก เมื่อคืนแคปหายไปยันเช้ามีอยู่แค่ไม่กี่ที่ๆจะไปได้ ที่บ้านไม่ใช่แน่ ๆ เพราะปอโทรตามแล้ว ที่ห้องพี่เต้ยิ่งแล้วใหญ่รายนั้นเมาไม่รู้เรื่องโดนลากกลับไปหอเพื่อนเขาเจอพี่แกตั้งแต่เมื่อคืน สุดท้ายคือห้องสาวๆ และตอนนี้เพื่อนรักของเขาคบอยู่แค่คนเดียวคือน้องแยม
“กูทายถูกเหรอเนี่ย มึงถูกทิ้งจริง ๆ เหรอวะ”
“เอๆอ อย่ามาย้ำมาก เบื่อว่ะไม่อยากจะดูกระจกอยู่เนี่ย” แคปคว้าซองบุหรี่ที่โต๊ะขึ้นมาคาบใส่ปากหนึ่งตัวก่อนจุดไฟแล้วดูด
“เกี่ยวเหี้ยไรกับกระจก”
“กลัวเห็นควายไง”
“ไอ้สัส” ปอสบถคำว่าไอ้สัสออกมาทำเอาแคปสะดุ้งโหยง รสจูบกับแรงดูดที่ปลายลิ้นจากเอสทำเอาเขาชาหน้าวาบไปทั้งหัว
“บ้าเอ๊ย เหี้ยที่สุด!!!” แคปสบถหน้าเครียด เขาลุกขึ้นแล้วคว้าเอาซองบุหรี่ติดมือเดินออกไปสูบต่ออยู่ที่ระเบียง ปอมองตามอย่างงงๆแต่ก็คิดไปว่าคงเสียใจมากเรื่องแยม ต้องปล่อยให้มันอยู่คนเดียวไปก่อนสักพัก วันสองวันแคปจะดีขึ้นเอง ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้แบบนั้น
RRRRRRRR
เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะสั่นเรียก ปอมองที่หน้าจอเห็นว่าเป็นชื่อของเต้พี่ชายแคปเขาจึงหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดระเบียงออกไปยื่นส่งให้เพื่อน แคปที่ยืนทอดสายตามองไปในที่ไกล ๆ กับควันสีขาวที่ลอยคลุ้ง
“เฮียเต้โทรมา..” ปอเรียก แคปรับเอามาแนบใส่หู ปอยืนกอดอกฟังอยู่ด้วย เขากับแคปปกติไม่เคยมีความลับต่อกัน จะเฮียโก้ผู้ซึ่งเป็นพ่อของแคปหรือลาเต้พี่ชายแคปเขาก็รู้จักสนิทด้วยหมด เขากับแคปรวมไปถึงอาร์รู้จักกันมาตั้งแต่อายุสิบสองปีแล้ว
“อือ มีไร” แคปชอบพูดคำนี้เวลาที่รับสายพี่ชายอย่างเต้ ตรง ๆ เลยนะเขาชอบกวนตีนมัน แกล้งให้มันโมโหจนติดเป็นนิสัย รอไอ้พี่บ้าด่ากลับมา แค่ได้ต่อปากต่อคำกันนิดหน่อยเขาก็ชื่นใจนิดๆแล้ว
(พูดกับกูนี่เคยเพราะเสนาะหูเหมือนพูดกับเมียมึงบ้างป่ะ ถามจริง)
“อ้าว แล้วทำไมผมต้องพูดกับพี่เหมือนที่พูดกับเมียผมด้วยไม่ทราบ พี่ทำอะไรได้เหมือนที่เมียผมทำให้ผมรึไงล่ะ” ให้ตายเหอะคนยิ่งโมโหทั้งเรื่องไอ้เหี้ยเอสทั้งเรื่องโดนแยมสวมเขา ยังจะมาโดนพี่ชายจิกเรื่องเมียๆผัวๆบ้าบอ พูดคำว่าเมียนี่กระตุกไปถึงตาตุ่ม
(นี่มึงไปกินรังแตนมาจากไหนเจ้าแคป ปากคอเราะร้ายเดี๋ยวสักวันกูจะจัดเด็กๆแถวนี้ไปปราบเซียนมึงลงให้ได้คอยดู๊..)
“กลัวตายล่ะ ลองจัดมาสักคนสองคนดิ๊”
(ปากดีแท้ๆน้องชายกู ขี้เกียจพูดนอกเรื่องแล้ว ที่โทรมาจะถามว่าพ่อโทรบอกมึงหรือยังคืนนี้เฮียแกไปเวียดนามนะ) พ่อของพวกเขาอายุเพิ่งจะแค่สามสิบหกแต่ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมากมาย เต้กับแคปจึงพร้อมใจเรียกว่าเฮีย ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันคนมักจะทักเสมอว่าพ่อเป็นพี่ชายคนโต ดูเฮียโก้จะมีความสุขมากเป็นพิเศษ
“ไปเวียดนามไปทำไม?”
(เห็นว่าได้ยินข่าวเรื่องเมล็ดพันธุ์กาแฟชนิดใหม่หายากมาก พอรู้ปุ๊ปโทรมาบอกกูว่าคืนนี้จะเดินทาง ซื้อตั๋วแล้วเรียบร้อย บอกให้กูกับมึงกลับไปเฝ้าร้านให้ศุกร์เสาร์อาทิตย์)
“แต่พรุ่งนี้ผมต้องเข้าไปช่วยที่งานนี่” งานเกษตรจัดสิบวัน ดีหน่อยที่เขามีคิวเฝ้าแปลงผักสองวันคือเมื่อวานกับวันพรุ่งนี้ จะว่าไปไหงวันนี้ไอ้ปอมันมานอนเฝ้าห้องอยู่ได้วะเนี่ย จริง ๆ แล้วเพื่อนเขามีคิวเฝ้าคอกสัตว์เมื่อวานกับวันนี้นี่ว่า เจ้าอาร์เองก็น่าจะอยู่ที่งาน
(เออพรุ่งนี้กูยิ่งเรียนเต็มวันเลย กะว่าจะกลับไปตอนเย็น เอาไง? มึงจะกลับก่อนหรือจะไปพร้อมกับกูหรือจะตามไปทีหลัง)
“ผมไปเองดีกว่า ค่อยไปเจอกันที่ร้านเลย มีอาฟี่ช่วยดูแลให้อยู่คงไม่ต้องห่วงอะไรมากมั้ง”
อาฟี่คือน้องชายฝาแฝดของพ่อ ชื่อเล่นจริงจังคือคอฟฟี่ หน้าอ่อนกว่าอายุจริงพอกันทั้งคู่แต่อาฟี่เท่กว่าหลายสิบเท่า เพราะเฮียโก้ใส่แว่นแต่อาฟี่ไม่ แบดบอยสไตล์คือแนวของเขา อาฟี่เป็นตำรวจอยู่ที่หน่วยสืบราชการลับของกรมตำรวจสำนักงานใหญ่ ชอบทำงานในชุดธรรมดาเท่ๆนอกเครื่องแบบ ชกต่อยเก่งมากมีปืนชนิดต่าง ๆ เต็มห้อง อาจเพราะอยู่สายปราบปรามดังนั้นงานของเขาจึงไม่เป็นเวลา กลางวันบางทีว่างมากก็ไปช่วยที่ร้านขณะที่มีบางคืนต้องออกทำงานแทบจะตลอดกลับบ้านทีเช้าเลย เสื้อผ้ามีแต่กลิ่นน้ำหอมเต็มไปหมด นานทีปีหนที่แคปจะเห็นอาฟี่ใส่เครื่องแบบเต็มยศร้อยตำรวจเอกติดดาวสามดวงบนบ่า
(เออๆโอเคเอาแบบนั้นก็ได้ กูวางแล้วนะพรุ่งนี้เจอกันที่บ้านเลย)
“ครับ” แคปตอบรับพี่ชาย พอเต้วางสายลงไปแคปมองคนที่ยืนจ้องหน้าเขาอยู่ ปอเลิกคิ้วถาม แน่นอนว่าเขาได้ยินหมดทุกอย่างแต่ก็อยากจะให้แคปเล่า แคปรุนหลังให้ปอเดินเข้ามาในห้องแล้วบอกเรื่องที่จะต้องกลับไปค้างที่บ้านสองสามวัน ปอพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“แล้วทำไมมึงถึงอยู่เฝ้าห้องได้วะไอ้ปอ เวรมึงเฝ้าคอกสัตว์วันนี้ไม่ใช่รึไง”
“ก็หมาบางตัวมันยังไม่กลับ โทรไปไม่รู้กี่สายก็ไม่รับกูเลยต้องนอนรอมึงอยู่นี่ไง แลกเวรกับไอ้พวกรุ่นน้องพรุ่งนี้ค่อยเข้าไปทีเดียว”
“เห เป็นห่วงกูงั้นดิ..”แคปหรี่ตาถาม รู้อยู่หรอกว่าปอเป็นห่วงเขาแต่ช่วยไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นมากมายจริง ๆ เขานึกขึ้นมาอีกก็ถอยหายใจอีกลุกขึ้นเดินเข้าไปที่ครัวหาอะไรกินแก้เครียดท่าจะดีกว่า
“ไอ้แคป อาฟี่มึงโทรมาแล้วเว้ย” ปอตะโกนเรียก
แคปปากคาบขนมปัง เดินเข้าไปเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ ในสายบอกเพียงประโยคสั้นๆว่าพรุ่งนี้เรียนเสร็จให้กลับบ้าน พ่อไปธุระเรื่องเมล็ดกาแฟ ส่วนตัวคุณอาของเขามีงานสำคัญของกรมด่วนเข้ามาเพราะงั้นปิดร้านหนึ่งวันแล้ววันเสาร์ให้แคปกับเต้เปิดแล้วทำกันเอง แคปได้แต่ครับๆๆ เพราะฟังจากน้ำเสียงอาฟี่เขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เมื่อไหร่ก็ตามที่เฮียโก้เดินทางท่องเที่ยวเสาะหาเมล็ดกาแฟแปลกใหม่มาสะสม อาฟี่มักอารมณ์เสียอยู่ตลอด แคปกับเต้เคยแอบสงสัยว่าอาฟี่คงคิดถึงพ่อแน่ ๆ เพราะฝาแฝดไม่ค่อยชอบอยู่ห่างกัน ขนาดพ่อแต่งงานกับแม่พ่อยังไม่ยอมย้ายครอบครัวออกไป แม่ของพวกเขาเสียไปตั้งแต่เขากับลาเต้ยังอายุแค่สองสามขวบเท่านั้น และตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่เฮียโก้กับอาฟี่ที่เลี้ยงเขาสองคนพี่น้องมา
.
.
“ไอ้เมี่ยง มึงเดินไปซื้อขนมกับน้ำมานั่งกินกันไป อ่ะกูให้ตังค์” เต้ล้วงตังค์ยื่นส่งให้เมี่ยง แล้วบอกให้ไปหาน้ำหาของกินมานั่งกินกันเล่น ๆ ฆ่าเวลาระหว่ารอเรียนคาบบ่าย จริง ๆ ถึงจะเรียนกันคนล่ะคลาสแต่ที่ประจำของพวกเขามักจะมารวมกลุ่มคุยกันบ้างแซวสาว ๆ บ้างที่โต๊ะตัวนี้
“ไรอ่ะเฮีย คุยกับน้องชายแล้วอารมณ์ดีถึงขนาดเลี้ยงขนมพวกผมเลยเรอะ” เมี่ยงดึงเอาเงิน แล้วล้วงมือเข้าไปค้นเอากุญแจรถมอไซด์ของรัฐเพื่อนเต้
“กูบอกให้มึงเดินไปใครบอกให้ขับรถไปห๊ะ” เต้ตีเพี๊ยะเข้าที่มือเมี่ยงแต่เจออีกฝ่ายแลบลิ้นใส่กลับมา เต้เลยลงมะเหงกแรง ๆ หัวเล็กนั้นไปที
“ใครจะเดินไปให้โง่ไกลก็ไกล ไอ้ชิพมึงไปกับกู” เมี่ยงเถียงเสร็จดึงมือชิพบอกให้ไปด้วยกันกุญแจรถของรัฐอยู่กับเขาแล้วเรียบร้อย
“ไม่เอากูขี้เกียจ แข่งกับไอ้เอสอยู่เนี่ย” ชิพกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์อยู่ข้าง ๆเอส เขาปัดมือบอกไม่ไปๆ แต่เมี่ยงไม่ยอมจะลากให้ชิพไปด้วยกัน สุดท้ายบุ้งที่นั่งอยู่ข้างชิพทนไม่ไหวลุกขึ้นแล้วบอกจะขับให้เอากุญแจรถมา
“ไอ้บุ้งมึงมันใจดีที่สุดอ่ะ” เมี่ยงยิ้มหวาน ขณะที่บุ้งส่ายหัวเขาก้มลงไปถามชิพว่าจะกินอะไรไหมจะซื้อเข้ามาด้วยแต่ชิพบอกไม่ มือใหญ่ของเขาเลยกดลงที่หัวชิพหนึ่งที่ก่อนก้าวขาออกมาจากเก้าอี้แล้วดึงเมี่ยงให้เดินออกไปด้วยกัน
“เดี๋ยวๆๆ ไอ้เอสแล้วมึงอ่ะ กินอะไรเป็นพิเศษไหม” เมี่ยงวิ่งกลับเข้ามาถามคนที่กำลังก้มหน้าก้มตากดเกมส์ออไลน์แข่งกันกับชิพ เอสส่ายหัวบอกไม่ เมี่ยงเลยก้มลงไปถามเซ้าซี้อีก
“ไอติมไหมมึง รสสเตอเบอรี่ที่มึงชอบ” เอสส่ายหัวอีก
“งั้นชาเขียวเก็กฮวยเฉาก๊วยมึงอยากแดกไรอ่ะ” คราวนี้เอสเงยหน้าขึ้นมองตาเขียว เมี่ยงเลยรีบถอยแล้วยกมือบอกโทษๆๆๆ
“ไม่กินเว้ย แดกมาจนอิ่มแล้วถามเหี้ยไรนักหนา” พอเจอเอสสบถด่าเมี่ยงรีบวิ่งเข้าไปกระโดดคร่อมมอไซด์ที่บุ้งสตาร์ทรออยู่ก่อนแล้ว กว่าสองคนจะไปกันได้ทั้งเจ้าของรถอย่างรัฐทั้งพี่ลำดับอย่างเต้ยังต้องปวดหัว
“พรุ่งนี้มึงกลับบ้านเหรอวะ” รัฐหันมาถามเต้ หลังจากได้ยินเต้คุยโทรศัพท์กับแคปก่อนหน้านี้
“อือ เฮียโก้ให้ไปดูร้านให้สองสามวัน แต่กูว่าจุดประสงค์เฮียแกต้องการให้กูกลับไปทำกับข้าวให้อาฟี่กินมากกว่า รายนั้นถ้าไม่ใช่ฝีมือพ่อก็ไม่ค่อยยอมกินอะไรหรอกเว้นเสียแต่เจ้าแคปมันจะอ้อนจนแกใจอ่อนอ่ะ”
“น้องมึงก็กลับด้วย?”
“อือ แต่มันบอกจะกลับเอง ตอนแรกกะจะไปรับน่ะแหละ กูกลับมาเช้าวันจันทร์เลยนะมึงไม่ต้องรออ่ะอยากทำไรก็ทำตามใจ”
“ไอ้สัส กูจะไปรอมึงทำเชี่ยเหรอ มึงไม่อยู่ห้องดีซะอีกกูจะได้พาสาวแจ่มๆมานอน”
“มึงลองดูดิ แล้วจะรู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
“ประสาทหวงห้องเหี้ยไรจะขนาดนั้น กูนี่ไม่เคยได้พาผู้หญิงที่ไหนเข้าไปสักทีหรอก อยู่กับมึงมีหวังกูขึ้นคาน”
“ขึ้นคานแหละดี อยู่กับกูไม่เห็นต้องรีบมีแฟน กูสนุกกว่าแฟนมึงอีกกูรับรองได้”
“บ้าเอ๊ย ปากหมา” รัฐถองศอกเข้าใส่เต้แรง ๆ หนึ่งทีรายนั้นจุกจนตัวงอ แต่ก็หัวเราะร่าใส่กัน ขณะที่เอสก้มหน้าก้มตากดเกมส์อยู่นั้นแต่ประสาทการรับรู้ดั๊นมาอยู่ที่คำพูดเต้กับรัฐทั้งหมด รายละเอียดที่ได้รับรู้ก็คือ เสาร์อาทิตย์นี้แคปกลับบ้านแน่ ๆ แล้ว เขาเองก็ไม่รู้ทำไมต้องใส่ใจกับไอ้เจ้าตัวรั้นนั่น กะอีแค่กลับบ้านมันจะไปไหนยังไงก็ช่างหัวมันไม่ใช่รึไง ใครจะสน
“ไอ้เหี้ยเอส เมื่อคืนอ่ะ....” จู่ ๆ เต้พูดขึ้นเขาเรียกเอสให้เงยหน้าขึ้นมา
“เมื่อคืนมึงโทรหากูเหรอวะ ตอนเช้าเห็นเบอร์มึงโชว์ในมือถือกูไม่รู้เรื่องเลยห่า มีอะไรสำคัญรึเปล่า”
เอสมองหน้าเต้พยายามไม่หลบสายตา เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเต้เมามากจนจำไม่ได้ว่าเขาโทรไปเรื่องแคป พอเอสส่ายหัวบอกไม่มีอะไรปุ๊ปเต้เลยหรี่ตาใส่แล้วชี้หน้า
“มึงโกหกกูรู้ ไอ้น้องเหี้ย” ชิพหัวเราะลั่นพอรู้ว่าเต้จับได้ว่าเอสโกหก
“ทำไมเฮียรู้อ่ะว่าไอ้เอสมันโกหก”
“ไม่เมามากก็คิดถึงกูมากนั่นแหละวะ โทรหากูตอนตีสองกว่าแบบนั้นแล้วบอกไม่มีอะไร กูเชื่อมึงเหรอไอ้น้องรหัส”
“..หึ..” เอสแค่นเสียงหึส่ายหัวพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเอื้อมมือไปดึงเอาโทรศัพท์มือถือของเต้มากดดู ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าเขาจะดูสายเรียกเข้าของตัวเองใช่ไหมแต่ผิดครับ เขากำลังกดดูเบอร์ที่เต้โทรออกครั้งล่าสุดต่างหาก เบอร์ของแคปตัวเลขสิบหลักอ่านครั้งเดียวเขาก็จำได้จนขึ้นใจ เอสยัดโทรศัพท์ส่งคืนให้พี่รหัส ขณะที่เต้ทำท่ายื่นจมูกเข้าไปดมกลิ่นตามลำตัวเอสฟึดฟัดๆ พร้อมกับดึงคอเสื้อเปิดดู เอสรีบปัดมือเต้ออกอย่างรำคาญบอกไม่ให้ทำ
“อ่าา....ไม่ต้องเดาเสียให้ยาก กูรู้แระเมื่อคืนมึงไปทำอะไรที่ไหน” เต้พูดขึ้นราวกับรู้จริงๆ ว่าเอสทำอะไรมาเมื่อคืน แต่คนฟังอย่างเอสไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวแต่อย่างใด เขายังนั่งเฉย ๆ ส่ายหัวอย่างเดียว เมาขนาดนั้นจำได้ก็บ้าแล้ว
“ไปไหนครับเฮีย ไอ้เอสมันไปไหนพวกผมเองก็อยากรู้เหมือนกันเนี่ย หายแม่งไปตลอดทั้งคืนโทรอีกทีบอกถึงห้องแล้ว ผมเองก็ไม่เชื่อมันหรอก” ชิพเสริมขึ้นมาอีก เขามองหน้าเอสอย่างคนจับผิด ช่วยไม่ได้หายหัวไปตั้งแต่เจอผู้หญิงชุดดำพอไอ้เมี่ยงโทรตามดันบอกว่านั่นน่ะพี่สาว พี่สาวอะไรของมันเมื่อกี้ตอนที่เอสมาถึงเดินหน้าตาอมยิ้มอารมณ์ดี ซึ่งนานาทีปีหนน้อยครั้งมากๆที่มันจะยิ้มหน้าบานโชว์ฟันกระต่ายสวย ๆ แบบนั้นให้คนอื่นๆได้เห็น จนทั้งเขาทั้งเมี่ยงทั้งไอ้บุ้งนี่งงตาแตกกันเลย
“แน่นอนแล้วไอ้ชิพ เพื่อนมึงมีเมียใหม่แล้วแน่ ๆ”
“หือ?? อะไรคือเมียใหม่ครับเฮีย” ชิพคิ้วขมวด ไม่เข้าใจคำว่าเมียใหม่ เพราะเอสเองก็คบกับเมย์อยู่ ทำไมเฮียเต้ยังใช้คำว่าเมียใหม่ นั่นน่ะของตายเก่าเก็บของไอ้เอสหลายเดือนแล้วนี่หว่า
“กูไม่ใช้คำว่าเมียเก่าเพราะหน้าตาท่าทางมันสดชื่นขนาดนี้ แสดงว่าเมื่อคืนต้องได้แดกของสดใหม่ที่ถูกใจมันสุดๆไปเลยยังไงล่ะ”
“จริงป่ะวะมึง” ชิพใช้ไหล่สะกิดถามเพื่อน เอสส่ายหัวไม่ยอมตอบ เขาคิดว่าไร้สาระมากถ้าจะมานั่งพูดถึงเรื่องส่วนตัวขนาดนี้ให้ใครต่อใครฟัง
“แน๊ ถามไม่ตอบ บอกหน่อยดิ เด็กคณะไรวะกูรู้จักป่ะ” ชิพทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็นแซวเพื่อน ปกติถ้าไอ้เมี่ยงอยู่มันคงได้ทำหน้าที่นี้แทนแต่ตอนนี้มันไม่อยู่เขาขอเผือกไปก่อนละกัน
“จะรู้ไปทำไมวะ โน่นไอ้เมี่ยงเอาขนมมาแล้วแดกขนมไปมึงอ่ะ ” เอสดึงขนมบางส่วนมาจากเมี่ยง คนที่พอเดินเข้ามาได้ก็โวยวายใหญ่วางขนมนมเนยที่ถือมาจนเต็มสองมือโครมลงที่โต๊ะจนเต้กับรัฐต้องร้องด่า ขณะที่บุ้งยื่นกุญแจมอไซด์คืนให้รัฐแล้วก้าวเข้ามานั่งข้าง ๆ ชิพเหมือนเดิม
“อะไรของมึง” ชิพหันมาถามเมื่อเห็นว่าบุ้งยื่นบางอย่างส่งให้
“ไหนบ่นว่าปวดท้องไง ไม่ชอบกินข้าวเช้าต่อไปกูจะซื้อนมมาให้มึงแดกก่อนมาเรียนทุกวันเลยดีไหมห๊ะ” บุ้งรู้ดีว่าชิพที่เป็นคนกินข้าวยากอยู่แล้วและเมื่อเช้าอาหารไม่ถูกปากชิพเลยไม่ยอมแตะแม้แต่นิดเดียว สุดท้ายพอมาถึงมหาลัยบ่นปวดท้อง
“ไอ้ห่า กูไม่ขอบใจมึงนะบอกไว้ก่อน” ชิพคว้ากล่องนมมาเจาะหลอด บุ้งแกล้งยักไว้นิดๆสุดท้ายเป็นคนเจาะให้เองแล้วยื่นส่งให้
“ยี่ห้อนี้ไม่อร่อยอ่ะ” ชิพเบ้หน้าบุ้งคว้าเอามาดูดชิมดู ปกติชิพกินอีกยี่ห้อนึงแต่พอดีมันหมดเขาเลยหยิบอันนี้มาให้แทน
“เออๆเดี๋ยวขากลับแวะซุปเปอร์ละกันกูจะซื้อยี่ห้อเดิมไปเก็บไว้ให้ ไอ้ห่ากินยากฉิบหายนะมึงเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วนิสัยเสียแก้ไม่หายเลย”
ชิพคว้านมกล่องนั้นคืนมาแล้วศอกใส่บุ้งไปแรง ๆ หนึ่งที ก่อนที่พวกเขาจะลุกขึ้นจากโต๊ะเตรียมตัวขึ้นเรียน
Tbc.
แฮปปี้วาเลนไทน์เลยได้ไหมอ่ะ มีความสุขกับคนที่คุณรักและคุณนะคะ สัปดาห์หน้าตรุษจีนแล้วขอให้ได้แต๊ะเอียกันเยอะๆนะ กลับบ้านไปรับซองแดงๆกันเถอะค่ะ 