https://www.youtube.com/v/otS3whK9baA[VI]“ฮ้าววววววววว....” แคปอ้าปากกว้างหาวยาวอยู่หน้าเตา เขากำลังทอดไข่ดาวสำหรับอาหารมื้อเช้า ควันโขมงตลอบอวลไปหมดด้วยน้ำมันร้อนมากจนเกินไป ทำให้เต้ที่กำลังหลับหูหลับตาถูบ้านเพราะความง่วงเช่นกันรีบวิ่งเข้ามาดู เขากระชากแขนน้องชายให้ถอยออกมาเพราะน้ำมันที่กระเด็นกระดอนเลอะเทอะไปหมด
“ทำอะไรของมึง ไหนบอกว่าทำเป็นไง” เต้โวยแบบไม่สบอารมณ์นัก ความจริงแล้วหน้าที่ทำอาหารเขาเป็นคนรับผิดชอบแต่เมื่อเช้าตื่นมาแคปขอให้เปลี่ยนหน้าที่กันเพราะขี้เกียจถูบ้าน
“อะไรเล่า ทำเป็นเหอะ ถอยๆ” แคปบอกเต้ให้ถอยออกจากทาง เขาจะเข้าไปทอดต่อ ไข่แทบจะไหม้อยู่แล้วต้องรีบเอาขึ้น เต้มองดูคนที่กระโดดโหยง ๆ เพราะน้ำมันกำลังกระเด็นกระดอน ทั้งกำลังตักไข่ขึ้นใส่จานไว้
“เวลามึงเทไข่ลงไปอย่าเทสูงดิวะ กูบอกตั้งแต่เด็กแล้วไม่เคยจำเลยจริง ๆ นี่เวลาอยู่ห้องกับไอ้ปอถ้ากูทายไม่ผิด ปอมันต้องเป็นคนทำให้มึงกินทุกคาบเลยใช่ไหมเนี่ย”
“ใครสน? ถ้าจะทำผมก็ทำได้เพียงแต่ปอมันทำได้ดีกว่าก็แค่นั้น” แคปยักไหล่ตอบอย่างไม่ยี่หระ ดันเต้ให้ถอยออกจากทาง เขาเดินเอาจานไข่ดาวออกไปตั้งไว้บนโต๊ะ และกำลังจะเทอีกฟองลงกระทะ เต้กอดอกมองดูจนวางใจคราวนี้น้ำมันไม่แตกกระเด็นอีกแล้ว เขาเลยเดินออกมาถูพื้นของเขาต่อ กลับบ้านคราวนี้ เขากับแคปรับหน้าที่ทำความสะอาดกันบานเลย เฮียโก้ไปเวียดนามเพราะเรื่องเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ใหม่ๆ เพราะอย่างนั้นคนที่อยู่บ้านจึงเหลือแค่อาฟี่คนเดียวซึ่งตอนนี้คาดว่าจะนอนขี้เซาอยู่ในห้อง บ้านสองชั้นของพวกเขาห้องนอนทุกคนอยู่ด้านบนหมดยกเว้นห้องอาฟี่อยู่ชั้นล่างเพราะเฮียแกทำงานไม่เป็นเวลาอย่างเมื่อคืนกลับเกือบสว่างกลิ่นน้ำหอมนี่เต็มตัวใส่เสื้อผ้าอย่างกับพวกนายแบบไม่ก็โฮสที่ทำงานตามผับตามบาร์ ไม่มีใครกล้าถามอะไรให้มากความเพราะอาฟี่ค่อนข้างดุแต่ถ้าจะให้เดาเขาคิดว่าอาฟี่กำลังสืบราชการลับเกี่ยวกับงานกลางคืนอยู่ที่ผับที่บาร์ไหนสักแห่ง
“เสียงดังน่ารำคาญจริง คนจะหลับจะนอน วุ่นวายชะมัด” เสียงทุ้มดังขึ้น เต้ที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ถึงกับอึ้งไปเลยไม่รู้ว่าอาฟี่ตื่นออกมาจากห้องออกมายืนหัวยุ่งอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ให้ตายเหอะ จะให้กินไข่ดาวดำๆกับขนมปังจืดๆ งั้นเหรอวะคาปู ฮ้าวววววว” คนพูดดูหน้าตาราวกับเด็กอายุเพิ่งจะยี่สิบกว่าๆแต่ความจริงแล้วเขาเป็นถึงน้องชายฝาแฝดของเฮียโก้ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะเพิ่งตื่นจากที่นอนเสื้อเชิ้ตราคาแพงตัวที่สวมใส่กลับมาเมื่อคืนดูยับย่นหมดราคา ฟี่เดินไปพิงเคาน์เตอร์มองแคปทอดไข่
“หยุดเรียกผมว่าคาปูสักที อ่ะนี่ซอสพริกเทลงไปสิครับขนมปังกับไข่ดาวจะได้ไม่จืดแล้วก็นะ หน้าน่ะหัดล้างซะบ้าง จะเดินออกมากินข้าวเช้าทั้งทีหัวยุ่งฟันไม่แปรงแบบนี้แย่ที่สุดเลย”
“หึหึ ไหนขอดูหน้าชัดๆหน่อยดิ๊ ไปอยู่หอแค่ปีเดียว เดี๋ยวนี้กล้าเถียงกูแล้วเหรอห๊ะเจ้าแคป ไอ้เต้น้องมึงนี่ปากคอเราะร้ายขึ้นนะ ต้องสั่งสอนบ้างแล้วมั้ง” ฟี่ล็อคคอแคปที่กำลังจะล้างกระทะเข้ามาดูหน้าใกล้ ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว หลานเขาคนนี้รั้นที่สุด ดื้อที่สุด และขี้บ่นที่สุด ที่จริงแล้วแคปกับลาเต้กลับบ้านบ่อยนะแต่ไม่เจอกันสักทีเพราะงานของเขาไม่เป็นเวลา วันนี้เขาเลยตั้งใจตื่นเช้าเป็นพิเศษทั้งที่เพิ่งกลับมาเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ก็เพราะอยากจะมากินไข่ดาวไหม้ ๆ ของเจ้าจอมรั้นนี่แหละ
“ปล่อยเลยอาฟี่ ถ้าหิวก็นั่งลงกินได้แล้ว” แคปมุดออกมาจากวงแขนใหญ่ ฟี่เอื้อมมือออกมาอีกครั้ง เขาคว้าหัวแคปไว้ได้อีกเลยโดนเจ้าตัวดีเตะขากลับมา คุณอาที่มือไวพอๆกับหน้าแข้งหลานจับกล่องกระดาษทิชชู่ฟาดลงใส่หัว แคปหลบไม่ทันหันมาตวัดตาเขียวใส่ ยกมือลูบหัวตัวเองป้อยๆด้วยความเจ็บ
“ช้าไปนะ สู้แบบนี้มึงเสียเปรียบทั้งปี..” เขาเป็นคนสอนทักษะการต่อสู้ให้กับหลานสองคน วันนี้ได้เจอกันทั้งทีก็ขอลองมือกันสักตั้ง
“ผมแกล้งออมมือให้ต่าง” แคปยักไหล่ ฟี่เลยยื่นมือเข้ามาหาเขาอีกรอบคราวนี้แคปลุกเลยดิ ท่าทางฟี่เอาจริงแน่ ๆ แล้ว
“อย่าหนีดิ่วะ”
“ไม่เคยหนีอ่ะ” บอกไม่เคยหนีแต่ถอยห่างออกมาไกลมากจนฟี่นึกขำ เขากำลังจะหยิบเอาของอะไรสักอย่างแถว ๆ นั้นโยนใส่อีกแต่เต้เดินเข้ามาห้ามทัพเอาไว้ก่อน
“เอ้ากินๆๆ เล่นอะไรกันวู้ว ข้าวของเสียหาย” เต้เก็บกล่องกระดาษชำระที่ตกอยู่ที่พื้น ก่อนดึงแขนคุณอาของเขาและน้องชายมานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะ สองคนหยอกกันแรงๆจนติดเป็นนิสัย ฟี่ชอบแกล้งให้แคปลงไม้ลงมือก่อนที่ตัวเขาเองจะเข้าจัดการแล้วในที่สุดก็ชนะไปอย่างขาดลอย บางครั้งถึงขนาดข้าวของในบ้านเสียหาย เสียงหัวเราะระดับปิศาจของฟี่จะดังขึ้นก่อนที่แคปจะใช้ไม้ตายวิ่งเข้าไปฟ้องพ่อ แค่นั้นแหละฟี่ถึงจะหยุด
“ทำหน้าอะไรของมึง กูแค่หยอกเล่น..” มือใหญ่ยื่นมือไปผลักหัวเล็ก แคปรีบปัดออกแล้วเบ้หน้าใส่เจออีกคนตบกบาลกลับมา สองคนตั้งท่าจะทำสงครามกันอีกรอบจนเต้ทนไม่ไหวคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วบอกว่าจะกดถ่ายไว้ให้เฮียโก้ดูว่าอาฟี่รังแกแคป แค่นั้นแหละฟี่หยุดทุกอย่างแล้วบอกเต้กดถ่ายเลย ก่อนที่เขาจะนั่งลงสร้างภาพค่อยๆบรรจงบีบซอสมะเขือเทศใส่จานให้แคปแล้วยิ้มโบกมือใส่กล้อง ราวกับว่าเฮียโก้กำลังดูอยู่ แคปกับเต้ส่ายหัว จริง ๆ อย่ามาว่าเต้เป็นพี่ติดน้องเลยนะ เพราะอาฟี่นี่เป็นเด็กติดพี่พอกันกับเขานั่นแหละ
“เดี๋ยวพวกมึงต้องออกไปเปิดร้านนะ สายๆกูมีประชุมอีก จะนอนต่ออีกหน่อยแล้วจะออกไปเลย” ฟี่เลื่อนแก้วโกโก้ร้อนๆที่เต้เพิ่งวางลงให้ยกซด เห็นเขาเถื่อนๆแบบนี้แต่ไม่บริโภคกาแฟนะครับ เครื่องดื่มที่กินเป็นประจำและสั่งติดจนเป็นนิสัยและชินปากคือโกโก้เท่านั้น
“เย็นนี้อาฟี่กลับกี่โมง” แคปหยิบขนมปังในจานขึ้นมากัด แซนวิชที่เขาเดินออกไปเอามาจากที่ร้าน ร้านกาแฟของครอบครัวเดินออกไปจากที่นี่แค่ไม่กี่ก้าวก็ถึง มีพี่มิลค์ที่เป็นพ่อครัวเข้ามาทำอาหารเช้าง่าย ๆ รอไว้แล้ว
“กลับค่ำๆแต่ยังไม่แน่เดี๋ยวจะโทรมาบอกถ้าหากไม่ลืม” ฟี่ชี้ไปที่ชุดบาริสต้าของแคปกับเต้บอกไว้ว่าอย่าลืมเปลี่ยนชุดก่อนเข้าร้าน แล้วตัวเขาก็เดินเข้าห้องเพื่อนอนต่อ ตื่นมาหยอกหลาน ๆ สองคนบ้างแค่นี้ก็หายคิดถึงกันไปได้หลายเดือนแน่ ๆ เขาอมยิ้มนิดๆเมื่อนึกถึงหน้าตางอๆของหลานคนเล็กอย่างเจ้าคาปู โดนเขาแกล้งทีไรหน้าตามันช่างตลกมาก คาปูเป็นเด็กที่หน้าตาเหมือนตุ๊กตามาตั้งแต่เด็กๆพอโตขึ้นมันพยายามจะทำให้ตัวเองดูแมนขึ้นบอกให้เขาสอนชกต่อยออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ ตัดผมให้สั้นลงเสื้อผ้าเลือกใส่แต่แนวหัวกะโหลกสีดำๆ ทึม ๆ นาฬิกาสร้อยแหวนเลือกแต่แบบดาร์กๆ ขนาดทำถึงขนาดนั้นเขาก็ยังเห็นว่ามันน่ารักน่าแกล้งอยู่ดี หึหึ
.
.
“คาราเมลลาเต้ นอนแฟตแอดวิปครีม แกรนเด้ แก้วนึงค่ะ” แคปมองน้องสาวผมทองคิวแรกที่เข้ามาออเดอร์กับแคชเชียร์อย่างพี่เต้ วันเสาร์สุดสัปดาห์ลูกค้าวัยเรียนจะเยอะมาก เพราะแถวนี้ติดโรงเรียกวดวิชาชื่อดังถึงสามแห่ง รวมทั้งมหาวิทยาลัยเอกชนขนาดใหญ่
“เอ่อ ให้พี่ลาเต้ชงให้ได้ป่ะคะ..” เสียงเธอถามขึ้นกล้า ๆ กลัว ๆรู้มานานแล้วว่าที่ร้านนี้เต็มไปด้วยชายหนุ่มหน้าตาดีมากถึงมากที่สุด ไม่น่าเชื่อว่ามาวันนี้เธอจะมีโอกาสได้เจอ โดยเฉพาะคนที่ยืนรับออเดอร์อยู่หลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์ รูปถ่ายประดับติดผนังที่เธอนั่งมองมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นรูปพี่ชายกำลังอุ้มน้องสาวตัวเล็กตัดผมหัวเห็ดขึ้นมาแล้วหอมแก้ม อีกภาพที่น่ารักไม่แพ้กันก็คือพี่ชายตัวโตกำลังพาน้องนั่งชิงช้า สองคนยิ้มร่าโชว์แก้มกลม ๆ ความสุขฉายชัดออกมาจากใบหน้าและดวงตาแม้กระทั่งคนที่ดูยังพลอยอมยิ้มไปด้วย ที่ใต้ภาพเขียนไว้ว่า
ลาเต้&คาปูชิโน่ “วันนี้ให้แคปทำให้นะครับ เดี๋ยวผมจะกำชับว่าให้ทำสุดฝีมือเลย นี่ครับ ใบเสร็จและเงินทอน” เสียงหล่อ ๆ ของพี่เต้ แทบทำเอาเธอลืมหายใจ ยื่นตังค์จ่ายแบบไม่ได้ถามราคาด้วยซ้ำ ลืมคิดไปเลยว่าแคปกับคาปูชิโน่คือคนๆเดียวกันแน่ ๆ ขณะที่ลูกค้ารายต่อไปขยับเลื่อนเข้ามาแทนที่เธอก็เลื่อนตัวเองมารอรับสินค้าอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ยาว คนอื่น ๆ กำลังทยอยเข้ามาสั่งเมนูกาแฟต่อไป
“ฮ็อตคาเฟ่ม็อคค่า แอดวิปเยอะๆสองที่ค่ะ เอ๊ะ วันนี้พี่โก้ไม่อยู่เหรอคะ” เสียงใสอีกเสียงดังมาจากเคาน์เตอร์เก็บเงิน พี่สาวออฟฟิศไม่ไกลจากที่นี่เธอเป็นลูกค้าประจำของคุณพ่อยังหนุ่มที่ตอนนี้เดินทางท่องเที่ยว สาวสวยเข้ามาสั่งเมนูร้อน แคชเชียร์อย่างลาเต้ยิ้มให้บอกเธอว่าเฮียไปเที่ยวเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับเธอฉีกยิ้มกลับมา เต้ยื่นมือรับตังค์ก่อนส่งใบเสร็จให้เธอ แน่นอนว่าเมนูนี้แคปรับผิดชอบเพราะตัวหลักคือใช้เอสเพรสโซ่กับช็อคโกแล็ตซึ่งแคปถนัดมากและทำได้อร่อยสุด
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ลูกค้าก็ทยอยเข้ามาไม่ขาดสาย เสียงเพลงเบา ๆ ดังคลอเคลียไปทั่วทั้งร้านบรรยากาศปล่อยอารมณ์สบาย ๆ แบบนี้เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่
Coffee & Happiness นี่คือชื่อร้านของครอบครัวเรา น้อยคนนักที่จะรู้ว่าร้านกาแฟใจกลางเมืองที่มีวิวสวยที่สุดและบรรยากาศดีที่สุดเป็นของคุณพ่อยังหนุ่มลูกสองและตัวเองก็มีน้องชายฝาแฝดอยู่อีกหนึ่ง ที่นี่ขึ้นชื่อจนมีรายการโทรทัศน์หลายรายการมาขอยืมใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ ทั้งแบคกราวด์งานถ่ายแบบ แฟชั่น งานละครหรือแม้แต่รายการพิธีกรต่าง ๆ รวมไปถึงสกู๊ปเด็ดๆ และไม่ใช่มีดีอยู่แค่นั้น เฮียโก้พ่อของเต้และแคปถูกทาบทามเข้าวงการโฆษณาบ่อยมากเพราะร้านนี้คนในวงการมากินกันเยอะ แต่พอบอกอายุกับบอกว่ามีลูกสองคนแล้วพวกแมวมองทั้งหลายถึงกับเงิบ ผลเลยตกไปอยู่ที่คอฟฟี่น้องชายฝาแฝดผู้ที่มีหน้าตาเหมือนกันกับโก้ทุกอย่างยกเว้นไม่ใส่แว่นจึงทำให้ดูหล่อและเท่กว่า ฟี่ไม่มีเรือพ่วงให้ปวดหัว หน้าตาดูราวกับเด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ รูปร่างเพอร์เฟคจนแมวมองหลายเอเจนซี่แข่งกันเข้ามาคุย ทว่าก็ทุกคนอีกเช่นกันที่เงิบกลับไป เนื่องจากนิสัยไม่เอาใครเลยนอกจากพี่ชายฝาแฝดของตัวเองทำให้คนเข้าถึงตัวเขาได้ยากมากๆ และต่อให้เอาเงินเอาทองมากองล่อหรือพูดจนปากจะฉีกจนถึงรูหู ถ้าไม่ใช่โกโก้ที่เป็นคนบอกให้ทำฟี่ไม่เคยสนใจงานแบบนั้นเลย เขารักอาชีพตำรวจและเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เต้กับแคปยังเด็กๆ
“คาราเมลเฟรบเป้แก้วเล็ก แล้วก็เอาชิ้นนี้ ชิ้นนี้ แล้วก็ชิ้นนี้ค่ะ ให้พี่แคปใส่กล่องรูปหัวใจให้น้องนะคะ” นี่คือออเดอร์จากสาวๆวัยมัธยมที่มาเรียนพิเศษแถว ๆ นี้ไม่รู้ทำไมถึงชอบมากินเค้กกินเมนูปั่นที่นี่นัก เต้ส่งซิกมองน้องชายนิดหน่อย
“ได้ครับเดี๋ยวพี่แคปเขาจัดการให้นะ ทั้งหมด 330 นี่เงินทอน น้องนั่งรอที่หน้าเคาน์เตอร์รอพี่แคปจัดการให้เลยนะครับ” เต้ยังทำหน้าที่แคชเชียร์ได้ดีไม่มีตกขณะที่แคปหันมาแจกยิ้มหวานๆส่งให้ลูกค้าสาว ๆ ตามมารยาท ในเมื่อเธอรีเควสเขาซะขนาดนี้จะใจร้ายกับผู้หญิงก็กะไรอยู่ เต้เดินเข้ามาช่วยแคปอีกแรงเมื่อเห็นว่าลูกค้าเริ่มรับกาแฟไม่ทัน สองพี่น้องในชุดบาริสต้าเชิ้ตขาวพับแขนมีผ้ากันเปื้อนสีดำผูกทับอยู่ที่เอว ดูไปแล้วเท่มากๆ ถึงจะเป็นตัวแทนของพ่อแต่ก็พอถูไถทำกันได้ เขาทั้งคู่โตมากับครอบครัวที่ทำอาชีพนี้เห็นเฮียโก้ทำมาตั้งแต่เด็ก อย่างน้อย ๆ ทั้งสองคนก็พอจะมีฝีไม้ฝีมืออยู่บ้าง แคปยกข้อมือดูนาฬิกากำหนดค่าความรวดเร็วในการชงอยู่ในใจ
“แคป สตรีมนมให้กูหน่อย” เต้หันมาบอกเบา ๆ แคปส่งแก้วที่จัดการเสร็จแล้ววางลงที่หน้าเคาน์เตอร์ก่อนหันไปช่วยเต้จัดการเรื่องครีมนม ตอนนี้พี่ชายของเขากำลังจะทำลาเต้อาร์ต
“อย่าให้เกินร้อยสี่สิบองศานะ” เต้ย้ำกับแคป ปกติแล้วถ้าร้อนมากไปโฟมนมจะทำให้ตัวกาแฟเสียรสชาติเพราะงั้นพ่อของพวกเขาจึงติดป้ายไว้ให้ลูกๆดูอย่างชัดเจนว่าควรใช้อุณหภูมิกี่องศาฟาเรนไฮน์และต้องทำอะไรก่อนหน้าหลังรวมถึงระยะเวลาในการชงเพื่อรสชาติที่ยังคงอยู่ของกาแฟ แคปจ้องมองที่แก้วกาแฟขณะที่เต้กำลังบรรจงเทฟองนมเนียนนุ่มลงไป
“แต่นแต๊น...” เขาทำเสียงทะเล้นเมื่อเห็นว่าฝีมือศิลปะบนแก้วกาแฟวันนี้ของเต้เป็นรูปหัวใจตามที่ลูกค้ารีเควสเข้ามาจริง ๆ พี่ชายเขายังฝีมือดีไม่มีตกถึงแม้พักหลังจะไม่ค่อยได้เข้ามาช่วย แคปเองก็อยากทำบ้าง แก้วต่อมาเขาเลยจัดการ เต้ยืนอมยิ้มเพราะหัวใจดวงที่แคปเทมันช่างบิดๆเบี้ยว ๆ
“เดี๋ยวกูทำเองดีกว่า มึงเข้าไปดูในครัวไปพี่มิลล์ไม่รู้อยากได้อะไรเพิ่มอีกรึเปล่า”
เขาสองคนเคลียร์ลูกค้าช่วงเช้าออกไปจนโล่ง สลับกันเข้าไปทานข้าวโดยมีข้าวผัดไข่สมุนไพรฝีมือพี่มิลล์พ่อครัวอาหารเพื่อสุขภาพของที่นี่เป็นคนจัดเตรียมไว้ให้ แคปเดินเข้ามาที่หลังร้านล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู ไลน์เข้าเป็นร้อย ๆ แต่เขาไม่อยากอ่านเลือกกดดูมิสคอลว่ามีใครบ้างที่น่าสน ทั้งปอทั้งอาร์กระหน่ำโทรมาตั้งแต่เช้าแล้ว สองคนนั้นพอรู้ว่าเขาจะกลับบ้านมันก็กลับกันมั่ง
“ไงวะไอ้อาร์ โทรหากูตั้งห้าหกสาย คิดถึงรึไงจ๊ะคนสวย” แคปกดสายโทรหาอาร์ กวนตีนไปนิดๆหน่อยๆ
(สวยพ่อง) เจออาร์แจกคำหวานกลับมาเต็มๆจนแคปต้องเอามือถือออกห่างจากหู
“แล้วมีไรอ่ะ โทรมาทำเห้ไร”
(โหยไอ้แคปกว่ามึงจะโทรกลับสามชั่วโมงเลยนะครับเพื่อน นี่ถ้ากูโดนผู้หญิงฉุดไม่กลายเป็นหมูย่างไปแล้วหรือไง คงทันมาช่วยกูหรอก)
“ผู้หญิงบ้าที่ไหนจะมาฉุดมึงวะ ถ้าเป็นผู้ชายเออว่าไปอย่างหัดดูหน้าตัวเองมั่ง”
(โหยยยยไอ้หน้าหล่อ ไอ้สุดเท่ ทำเป็นเถื่อน ว่าแต่กูแล้วหน้ามึงอ่ะ อย่ามาทำเป็นเก็กทำตัวเท่หน่อยเลยหน้าตาน่ารักกว่ากูอีกแท้ ๆ เพื่อนให้โทรหานิดหาหน่อยนี่ทำเป็นรมณ์เสียนะไอ้แคปมึงอ่ะ)
“ปากหมานะมึง อย่ามาใช้คำว่าน่ารักกับกูเข้าใจ๊ ว่าแต่มึงโทรหามีไรกันแน่อ่ะ อย่าบอกนะว่าเรื่องไร้สาระอีก”
(โอเคๆ บอกแล้ว.....บลาๆๆๆๆ..) เขาสองคนคุยกันต่อสักพักก็วาง ไม่มีแก่นสารอะไรที่สำคัญเม้าท์มอยอย่างเดียวจนแคปด่ากลับไปว่าอาร์ช่างไร้สาระมากมายจริง ๆ และพอวางสายจากอาร์เสร็จแคปกดต่อถึงปอทันที
“ไง ไอ้รูมเมท มึงทำเหี้ยไรอยู่”
(เอ่อขอโทษนะคะ นี่แพรเองค่ะแคป ปอเขาเข้าห้องน้ำอยู่)
“อ้าว โทษทีครับแพร ไว้แคปโทรมาใหม่ละกันบอกไอ้ปอมันให้ด้วยนะครับ” แคปรีบขอโทษแทบไม่ทัน ไม่รู้มาก่อนเลยว่าปอพาแพรกลับบ้านด้วยแบบนี้มันกะเอาจริงจังเลยนี่หว่า แคปกำลังจะวางแต่ได้ยินเหมือนเสียงเพื่อนตัวเองในสายถามแพรว่าใครโทรมาจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงทุ้มของปอกรอกลงมาทันที
(แคป กูเอง)
“โหหหห พาสาวสวยกลับบ้านด้วยแบบนี้อารมณ์ดีสิมึงอ่ะ”
(อย่ามาแซว โทรมามีไร)
“อ้าวไอ้ห่า ก็มึงไม่ใช่ไงโทรหากูก่อน นี่อุตส่าห์โทรกลับยังมีหน้ามาถามว่ากูโทรไปทำไม ใครเขาอยากจะขัดความสุขมึงไม่ทราบ ถ้ารู้ว่ากำลังกุ๊กกู๋อยู่กับแพรกูจะบ้าโทรไปเรอะ”
(กุ๊กกู๋อะไรของมึง แพรเขาเพิ่งแวะเข้ามาเมื่อเช้านี่เอง พ่อกับแม่ยังถามกูอยู่เลยเนี่ย..)
“อ้าว กูจะรู้ไหมล่ะ แล้วมึงโทรหามีไร”
(เปล่าไม่มี แค่จะบอกมึงเรื่องแพรมาบ้านนี่ล่ะ)
“เออๆๆ โทษทีกูเฝ้าร้านอยู่กับพี่โคตรยุ่งเลย...” จากนั้นเขากับปอคุยกันต่อสักพักก็โดนเต้เดินเข้ามาตาม สองพี่น้องดูแลหน้าร้านกวนกันไปกวนกันมา สุดท้ายเต้บอกให้แคปไปเอารายงานมานั่งทำก็ได้ลูกค้าเริ่มห่าง ๆ ช่วงบ่ายแบบนี้คนส่วนใหญ่เข้ามานั่งทำงานส่วนตัวใช้เนตฟรีฟังดนตรีเบา ๆ จิปกาแฟหอมกรุ่น เล่นไลน์บ้างก็คุยโทรศัพท์ คนจะยุ่งจริง ๆ คงเป็นช่วงเย็นเพราะบรรยากาศของที่นี่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ เด็กๆที่มาเรียนพิเศษแถวๆนี้จะชอบกันมาก
.
.
ติ๊ดดดดดดดดดดดด ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เสียงกดกริ่งที่หน้าประตูดังยาวรัวๆ เอสเบ้หน้าอย่างเสียอารมณ์เอาผ้าห่มปิดหน้าก็แล้ว ตะแคงซ้ายตะแคงขวาก็แล้วแต่เสียงกริ่งยังดังลั่น เขาขยี้หัวแล้วลุกขึ้นนั่งด้วยความหงุดหงิดก่อนสะบัดผ้าห่มผืนใหญ่ออกจากตัวก้าวฉับๆออกจากห้องนอนทั้งๆที่ใส่บ๊อคเซอร์รัดรูปก้นแค่ตัวเดียวเท่านั้น พอเปิดดูแล้วเห็นว่าเป็นใครยิ่งอารมณ์เสียกว่าเก่า
“มีเหี้ยไร มาทำไมแต่เช้า” เขาสบถอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าเป็นเมี่ยง ไอ้เพื่อนตัวดียืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตู เอสส่ายหัวเดินมาทิ้งตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่โซฟา
“เช้าอะไรของมึง เที่ยงกว่าแล้วเหี้ยดูเวลามั่ง แล้วใส่อะไรของมึงแบบนั้นวะ เข้าไปแต่งตัวดีๆสิโว๊ย ออกไปแดกข้าวด้วยกัน..” เมี่ยงจับหมอนฟาดใส่คนที่นั่งหลับตาโชว์ของสงวนรัดรูปอันเบ่อเริ่ม กองหนังสือหนังหาที่วางอยู่บอกให้รู้ว่าเมื่อคืนเอสคงนั่งทำงานทำการบ้านแบบโต้รุ่ง
“ไปอาบน้ำเร็วๆแล้วไปแดกข้าวด้วยกัน” เมี่ยงทำหน้าทำตาออกคำสั่ง ขณะที่เอสส่ายหัวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ง่วงแค่ไหนก็คงต้องลุก เขาเข้าไปจัดการตัวเองต่อในห้อง ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานออกมาอีกทีเจอเมี่ยงหอบอะไรสักอย่างอยู่ในมือพร้อม ๆ กับกำลังปิดประตูหน้าห้องลง
“ทำอะไรของมึง..” เอสถามอย่างสงสัย
“เสื้อผ้ามึงอ่ะ ป้าเขาเอาขึ้นมาส่ง ให้กูวางไว้ไหน..” เสื้อผ้าส่งซักของเอส ป้าแม่บ้านนำขึ้นมาส่ง แต่เมี่ยงรับไว้ให้ทำไมเอสก็ไม่เข้าใจ เพราะปกติพอเปิดประตูให้ป้าแกจะเอาเข้ามาจัดให้เองจนเสร็จสรรพวันนี้คงเห็นว่าเขาอยู่กับเพื่อนเลยไม่กล้าเข้ามา
“อ่อ...วางไว้แถวนี้แหละเดี๋ยวกลับมากูจัดการเองได้” เมี่ยงวางกองผ้าลงไปที่โซฟา ขณะที่เอสเดินไปสวมรองเท้าผ้าใบคู่เก่ง แต่เมี่ยงนี่ยังคงยุ่งกับกองผ้าของเขาไม่เลิก
“ไอ้เอส นี่เสื้อใครวะ เสื้อแบบนี้มึงมีด้วยเหรอ..” เมี่ยงช่างตาดีจริงจริ๊ง เสื้อแคปที่ถอดไว้เพราะเปียกตั้งแต่วันก่อนถูกเขาส่งซักให้จนเรียบร้อย เอสรีบเดินเข้าไปดึงออกมาจากมือเพื่อนตัวเล็ก เขาจะหอบผ้ากองนั้นเข้าห้องแต่เมี่ยงที่เร็วกว่ามากกลับดึงกางเกงยีนส์สีดำเดฟรัดรูปแบบสุดๆออกมากางดูอีกตัว ช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะมันดันวางอยู่ด้านบนสุด
“เฮ้ยไอ้เอส นี่มันของกูป่ะวะเนี่ยทำไมมันตัวเล็กแบบนี้อย่าบอกนะว่ากางเกงมึงอ่ะ ไหนว่าไม่มีรสนิยมใส่แบบรัดๆไข่ไง แล้วนี่มันตัวเล็กขนาดนี้ไซด์มึงคงจะใส่ลงไปได้หรอก ของใครอ่ะ..” เอสจัดการหอบเสื้อผ้าทั้งกองเข้าไปโยนไว้ในห้องนอน ปล่อยให้เมี่ยงนั่งงงนั่งคิดไปคนเดียวก่อนเดินไปดึงแขนเล็กของเมี่ยงให้ตามออกไปด้วยกัน
“เดี๋ยวก่อนๆอะไรของมึงเนี่ย บทจะรีบก็รีบฉิบหาย แล้วตกลงจะบอกกูได้ยังนั่นเสื้อผ้าใครอ่ะ ไม่ใช่ของมึงแน่ ๆ กูรู้นะ”
“อย่ามาถามมาก จะกินไหมข้าวไหนว่ามึงหิว” พอเมี่ยงอ้าปากจะถามขึ้นอีก เจอเอสหันมาทำท่าดุ เขาจึงรีบหุบปากอย่างเร็ว
สองคนนั่งกินข้าวที่ร้านใกล้ ๆ พอกินกันเสร็จเอสบอกให้เมี่ยงกลับไปได้แล้วเขามีธุระต้องไปทำต่อ ยื้อยักกันอยู่นานเพราะเมี่ยงซักไซ้มากความแต่เอสก็ไม่ยอมบอกว่าจะไปไหน
“อะไรวะ กินเสร็จแล้วไล่กูเลยเนี่ยนะ ใจร้ายสัส รู้งี้ไม่มาหาหรอกไปนอนเล่นหอไอ้ชิพยังจะดีกว่า”
“กูมีธุระ..” เอสบอกสั้นๆ
“นัดกับน้องเมย์เหรอวะ?”
เอสนิ่งไปนิด จะว่านัดกับเมย์ก็คงใช่แต่ธุระที่เขาบอกเมี่ยงไปในตอนแรกไม่ได้เกี่ยวกับเมย์เลยสักนิด
“เออๆ งั้นไว้ค่อยเจอกันก็ได้เดี๋ยวคืนนี้กูโทรหามึง” เมี่ยงโบกไม้โบกมือบอกลาก่อนสตาร์ทมอไซด์คู่ใจแล้วขับเลี้ยวออกจากคอนโด
.
.