IIIบ่ายคล้อย....ที่โรงเพาะปลูกผักออแกนิกส์และผักไฮโดรโปนิกส์ ภายในงานเกษตรของมหาวิทยาลัย ความจริงทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการควรจะสนใจในตัวพืชผัก แต่ไม่น่าเชื่อว่าที่มุมเล็กๆจะมีนักศึกษาจากคณะการโรงแรมสามสี่คนจับกลุ่มคุยกันอยู่
“อร๊ายยยยยย อิกิ๊ฟ นั่นพี่เอสใช่ไหม กูเห็นพี่เขายืนดูอาจารย์ขายผักอยู่ตรงนั้น มึงบอกกูซิ ว่านั่นไม่ใช่กูตาฝาดไปใช่ไหม กรี๊ดดดดด พี่เอสประจำอยู่ที่นี่กูไม่อยากจะเชื่อ กรี๊ดดด” คนพูดชื่อบอย เกย์สาวของคณะการโรงแรมที่แอบมองรุ่นพี่คนหนึ่งมานาน เขาขยี้เท้าด้วยความดีใจ ส่งเสียงกระซิบกระซาบ อยากจะกรี๊ดก็ทำดังๆไม่ได้ สองมือตบแก้มตัวเองเหมือนกำลังปลุกให้ตื่นขึ้นจากฝัน ปกติแล้วจะได้เจอเอสเขาต้องถ่อเข้าไปแอบดูถึงคณะวิศวะ แต่ตอนนี้คนที่เขาอยากเจอมาตลอดกลับมายืนอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาแล้ว
“เออๆ ใช่จริงๆว่ะบอย” นี่กิ๊ป หนึ่งในเพื่อนหญิงที่ชวนกันมาเดินเที่ยวงาน
“โฮ้ย กูนึกว่ากูฝัน แบบนี้ต้องเป็นพรหมลิขิตแล้ว อิกิ๊ฟ มึงไปถามให้กูหน่อยดิ พี่เขาชอบผู้หญิงหรือชอบผู้ชายวะ..”
“บ้า กูจะกล้าเหรอ..”
“นะ..เห็นใจกูหน่อยกูแอบมองพี่เขามาตั้งแต่ต้นปีแล้ว จนป่านนี้ยังไม่ได้คุยด้วยสักคำ มึงไปถามให้หน่อยว่าพี่เขาสนใจผู้ชายบ้างป่ะวะ” บอยคิดว่าวันนี้ต้องเป็นพรหมลิขิตชัดๆ เขาจะต้องรู้ความจริงข้อนี้ของเอสให้ได้
“ไม่เอา พี่เขาไม่คุยกับกูหรอกดูหน้าตากูสิขี้เหร่กว่าผู้ชายอย่างมึงอีกอ่ะ”
“แต่อย่างน้อยมึงก็เป็นผู้หญิง นะกิ๊ปนะ..” เขาอ้อนวอนเพื่อนอีก
“ไม่เอาบอยกูไม่กล้าจริงๆนะเว้ย”
“ห้าร้อย กูจ้างมึง”
“ไม่เอา ไม่กล้าหรอก พี่เขาท่าทางคุยด้วยยากจะตาย”
“เจ็ดร้อย”
“ไม่เอาเว้ย ไอ้บอยมึงอย่าเพิ่มนะ”
“พันนึง นั่นพี่เขาเดินออกไปแล้ว มึงรีบตามไปเร็วเข้า”
“ไม่เอ๊า!!”
“พันสอง”
“ไอ้เหี้ยบอย ไม่ๆๆๆๆๆๆ”
“ถ้างั้นพันห้า สุดๆของกูแล้ว”
“สองพัน ถ้าพี่เขายอมคุยกะกูดีๆ กูจะถามไลน์พี่เขามาให้มึงด้วย”
“รีบไปให้ไวๆเลยมึง โน่น พี่เขาเดินออกไปแล้ว อิขี้งก!” กิ๊ฟไม่รอช้า เธอยกมือกดไลท์ให้กำลังใจตัวเองก่อนวิ่งปรู๊ดออกไป บอยยิ้มเผล่หน้าบานด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง
.
ตลอดทั้งวัน เอสกับชิพประจำอยู่ที่อาคารปลูกผักออแกนิกส์ ความจริงวิศวะไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับงานประจำปีของมหาวิทยาลัยครั้งนี้เลย แต่เต้พี่รหัสของเขาซึ่งมีน้องชายเรียนเกษตรดั๊นมีสัมพันธภาพที่ดีกับรุ่นพี่ของคณะนี้เพราะงั้นอาจารย์เลยจัดนักศึกษาวิศวะบางส่วนมาดูแลโครงสร้างอาคารและรับผิดชอบเรื่องสถานที่จอดรถ เอสย้ายท่อรางพีวีซีสำหรับรดน้ำผักให้เคลื่อนที่ไปในตำแหน่งที่รุ่นพี่เกษตรเรียกร้อง ก่อนที่เขาจะถึงคิวพักในช่วงเย็น บุหรี่ในมือถูกจุดขึ้นแล้ว เขาเดินออกมาพักที่ด้านนอก
“กูตัวดิ๊..” ชิพเดินตามออกมาตบลงที่บ่าแกร่ง แดดร่มลมตกแล้ว พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแสงสีส้มๆทอประกายไปทั่วทั้งลานงาน ชิพย่อตัวนั่งยองๆลงที่พื้นมองดูเวลาที่ข้อมือหกโมงเย็นนิดๆ ขณะที่เอสยืนสูบอยู่เงียบ ๆ ตามสไตล์ เขามองไปโดยรอบ เห็นเด็กนักเรียนประถมกับอนุบาลใส่เอี๊ยมแต่งตัวน่ารักที่เดินมากับบรรดาผู้ปกครอง อย่างว่างานมีแค่ปีละหนึ่งครั้งบางคนบางครอบครัวถึงขนาดพาลูกมาดูว่าฟาร์มสัตว์ หรือว่าสถานที่ทำการเกษตรปลูกพืชผักต่าง ๆ ของจริงนั้นทำกันอย่างไร
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่พวกเขาสองคนยืนอยู่เป็นคอกโชว์วิธีการเลี้ยงสัตว์ต่างๆ โซนด้านซ้ายมือเป็นที่โชว์ปลาสวยงามส่วนด้านขวาเป็นแปลงพืชผักสวนครัวซึ่งดึงดูดต่อสายตาที่สุดเพราะผลสีแดงสดของมะเขือเทศที่ตัดกับใบสีเขียว ๆ มีข้าวโพดต้นอ่อนต้นแก่แปลงใหญ่มาก แตงกวาที่ห้อยอยู่ตามซุ้มปลูกเตี้ยๆ ฟักทองที่เลื้อยทอดยาวไปตามพื้นดินพื้นหญ้า รวมไปถึงแตงโม องุ่น พุทรายักษ์ที่มีซุ้มโค้งๆไม่สูงนัก คล้ายกับซุ้มของแตงกวา เอสมองจากตรงนี้ถึงจะไกลไปบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นจุดที่ดึงความสนใจของเขาได้มากทีเดียว
“พี่คะ..” เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เขาสองคนหันมาพร้อม ๆ กัน ชิพลุกขึ้นยืน เขาทิ้งบุหรี่ที่เพิ่งสูบได้แค่ครึ่งมวนลงเพื่อรักษามารยาท
“ว่าไงครับ..” เป็นชิพที่ตอบรับเธออย่างสุภาพ ในขณะที่เป้าหมายคนที่เธอถูกเพื่อนจ้างวานมาล้วงเอาข้อมูลกลับยืนดูดบุหรี่อย่างสบายอารมณ์ควันสีขาวหม่นกำลังค่อย ๆ ทยอยปล่อยออกจากปากเป็นรูปร่างแปลกๆราวกับว่าเขากำลังเล่นกับมัน ดวงตาคมกริบจ้องมองอยู่ที่แปลงมะเขือเทศไม่ใกล้ไม่ไกล โดยไม่สนใจแลตามาที่เธอเลยแม้แต่นิดเดียว
“เอ่อ คือว่ามีธุระกับพี่คนนี้น่ะค่ะ..” กิ๊ฟชี้ๆตัวเป้าหมายทันที เอสหันมามองเธอหน่อยนึงเธอจึงรีบหลบ มันเป็นเพราะค่าจ้างที่ล่อใจ กิ๊ฟจึงอยากจะรีบจัดการธุระให้เสร็จๆ มาก ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าเอสนั้นช่างเป็นคนที่เข้าถึงได้ยาก แววตาเย็นชาที่ทอดมองมานั้นทำเอาเธอหนาวเหน็บแปลกๆ คณะที่เพื่อนอีกคนกลับทักทายเธออย่างเป็นมิตรมากกว่า
“คะ....คะ....คะ....คือ...อออ...” เธอพูดไม่ออกใบ้รับประทานจนชิพอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ เขากระซิบเอสบอกว่าอย่าทำหน้าดุนักน้องเขากลัว เอสปรายสายตามองเธอก่อนส่ายหัวแล้วหันไปมองโน่นมองนี่ต่อ
“เอ้าไหนว่ามีธุระจะคุยกับเพื่อนพี่ครับ พูดไม่ออกไปซะแล้ว..” ชิพแซว
“พูดค่ะพูด หนูจะพูดเดี๋ยวนี้เลย หนูมีเรื่องอยากจะถามพี่ค่ะ พี่คนนี้....” เธอรีบตั้งสติใหม่ ตบๆใบหน้าพลูลมหายใจลึกยาว
“เฮ้ยไอ้เอส น้องเขามีเรื่องอยากจะถามมึงว่ะ..” ชิพคว้าไหล่เอส เรียกเพื่อนตัวเองให้หันมามองที่น้องเขาบ้าง
“ว่า...?” เอสหันมาจ้องหน้าเธอ เขากำลังรอคำถาม แต่เป็นเธอที่ประหม่าแดกอีกแล้ว
“...........”
“ตกลงไม่ถามใช่ไหมครับน้อง เพื่อนพี่มันขี้รำคาญเดี๋ยวเกิดเดินหนีขึ้นมาห้ามร้องไห้นะ” ชิพแกล้งขู่
“ถามค่ะถาม กิ๊ปถามแล้วค่ะ” สาวขี้อายหลายรายมักเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่จะเข้ามาขอข้อมูลจากพวกเขา ไม่เข้าใจจะอายไปทำไมนักหนา ถ้าอายก็ไม่ต้องเข้ามาถามแต่แรกก็จบ
“รอฟังอยู่...” เอสคาบบุหรี่ไว้ที่ปากแล้วพูดบอกเธอ เขาล้วงเอามือถือขึ้นมากดถ่ายรูปแปลงมะเขือเทศ สีแดงแซมเขียวที่สวยจนล่อตา ส่วนกิ๊ปเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังสนใจอยู่กับการถ่ายภาพเธอจึงรีบรวบรวมความกล้าแล้วถามออกมารวดเดียว
“เพื่อนหนูฝากมาถามว่า พี่เอสพี่ชอบผู้หญิงหรือผู้ชายคะ..”
คล้ายทุกสิ่งระหว่างเขาทั้งสามคนหยุดชะงัก เธอรู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงขำเบา ๆ จากชิพ แต่กับเอสนั้น เขายังพ่นควันขาวออกจาปากอย่างไม่แคร์ก่อนทิ้งก้นบุหรี่ลงแล้วก้าวเข้าไปหาเธอใกล้ ๆ เอียงหน้าเข้าไปกระซิบที่ริมหูเล็ก
“กลับไปบอกเพื่อนนะ ถ้าอยากรู้ให้มาถามเอง...”
หัวใจกิ๊ฟแทบจะหยุดเต้นเมื่อมันใกล้มากถึงขนาดได้กลิ่นมินต์จาง ๆ ของบุหรี่ผสมกับกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆแบบของผู้ชายจากเขา เธอเงยหน้ามองเอสราวกับถูกเวทมนต์ดึงดูดสายตา
“ตามนั้น....” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นปลุกสติของเธอให้กลับมาจนได้
“ตะ..แต่ พี่คะ หนูกราบล่ะพี่บอกหนูหน่อยเถอะ ถ้ากลับไปโดยที่ไม่ได้คำตอบอะไรเลยเพื่อนมันเอาหนูตายแน่อ่ะ”
“..........” เอสไม่ได้พูดอะไรกับเธอต่อ เขาส่ายหัวปฏิเสธอย่างเบื่อหน่ายเมื่อคุยแล้วดันไม่รู้เรื่อง เขาเดินมาอีกฝั่งนั่งยอง ๆ ลงข้างชิพปล่อยให้เธอยืนเคว้งตาล่ะห้อยอยู่ตรงนั้น นานพอจนชิพอดที่จะสงสารไม่ได้
“เพื่อนพี่มันใจร้ายแบบนี้แหละ ถ้ามันบอกว่าไม่แล้วก็คือไม่ครับ น้องกลับไปบอกเพื่อนเถอะนะ ตามที่พี่เอสเขาบอกอ่ะ อยากรู้ก็ให้เดินมาถามเอง”
“แต่เพื่อนหนูกลัวพวกพี่นี่คะ” เธอว่าเสียงอ่อน
“กลัวทำไมพวกพี่ไม่กัดหรอก บอกเขาสิถ้าอยากรู้ให้มาถามเอง ใจไม่กล้าแบบนี้ไม่ได้แดกเพื่อนพี่หรอกครับ” แต่ว่าถ้าใจกล้าจนเกินงามเพื่อนพี่มันก็ไม่เอาอีกเหมือนกัน อันนี้ชิพไม่ได้พูดได้แต่นึกอยู่ในใจ เขายิ้มบางๆให้เธอ กิ๊ปกัดริมฝีปากเหมือนกำลังใช้ความคิด
“เอางี้ได้ไหมคะ ถ้าพี่เอสไม่บอกก็ไม่เป็นไร งั้นถามพี่ก็ได้หนูจะได้มีคำตอบไปให้เพื่อน พี่คะพี่เอสเพื่อนพี่อ่ะชอบผู้หญิงหรือผู้ชายคะพี่..”
ชิพรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนของร้อนเข้าเล่นงาน ผู้หญิงนี่จัดการด้วยยากเย็นที่สุด มิน่าไอ้เอสถึงได้หนีไปยืนอยู่อีกฝั่งให้เขาช่วยกันเธอให้ ชิพมองหน้าเธอแล้วนึกว่าถ้าไม่บอกอะไรออกไปคนแบบนี้คงไล่ไม่ไปแน่ ๆ เขาก็เลยก้มลงไปกระซิบใกล้ ๆ
“มันชอบทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายนั่นแหละ..” คราวนี้ไม่รู้ทำไมกิ๊ปจึงไม่รู้สึกประหม่า ทั้งที่ใกล้เหมือนกันแท้ ๆ เธอทำตาลุกวาว ท่าทางดีใจสุดขีดแทบจะกระโดดจนตัวลอย เมื่อคำตอบออกมาแบบนั้น
“จบนะทีนี้..” ชิพพยักหน้าให้ เธอรีบพยักตอบรัว ๆ ก่อนขอบอกขอบใจแล้ววิ่งหายเข้าไปด้านในโรงปลูกผัก เอสเงยหน้ามองเพื่อน พอชิพนั่งลงเขาจึงถามว่าไปพูดยังไงเธอถึงยอมไป
“ก็แค่ตอบคำถามแทนมึง”
“มึงตอบว่ายังไง...” เอสสงสัย
“ก็บอกไปว่ามึงชอบทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายไง”
“สัส...!.”
“อะไรของมึง นี่เขาเรียกตอบแบบกลาง ๆ เว้ย คนช่วยยังไม่รู้ตัวอีก”
“หาเรื่องให้กูล่ะสิไม่ว่า...” เอสบ่นพึมพำเมื่อเสียงกรี๊ดดังลั่นมาจากด้านในชิพรีบลุกขึ้นวิ่งเข้าไปชะโงกดู ปรากฏว่าเป็นเด็กนักศึกษากลุ่มของกิ๊ฟที่กรี๊ดดดด แตกขึ้นมา
“หึ ไงล่ะ..นี่น่ะเหรอที่เรียกว่าช่วยกู” เอสส่ายหัว
“เอาน่า โทษทีว่ะเพื่อน..” ไม่มีคำไหนจะดีเท่าคำนี้อีกแล้วเมื่อชิพมองเห็นหน้าเพื่อนสาวแตกของน้องกิ๊ฟ เขาตบลงที่บ่าแกร่งอย่างปลอบใจ
“สวยเหี้ยๆเลย” เอสว่า
“เอ๊ะไอ้สัส มึงอย่าไปว่าผู้หญิงงั้นสิวะ”
“ผู้หญิง?” เอสเลิกคิ้วกวนตีนใส่ ชิพยิ้มแห้ง ๆ กลับมา ก็รู้อยู่หรอกว่าเอสหมายถึงอะไร
“มึงไม่รู้ไง สมัยนี้กระแดะๆไม่เป็นที่ต้องการของตลาดแล้วนะเว้ย ผู้ชายน่ะเขามองแค่ผู้ชายด้วยกันเท่านั้นล่ะ ไอ้ประเภทอยากสวยอย่างผู้หญิงน่ะ ควรปรับปรุงตัวนะรู้ยัง”
“แหม่...มึงพูดซะกูคิดว่ามึงเป็นจริง ๆเลยนะไอ้เพื่อนเหี้ย..” ชิพจับต้นคอเอสแล้วบีบ เพื่อนเขาคนนี้บทจะพูดก็หมดเปลือกซะ เอสหันมายกยิ้มกวนตีนให้
“เป็นไม่เป็นไม่รู้ แต่ถ้าเจอคนที่ถูกใจจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกูก็เอา”
“ตรงไปไหนสัส เอาบุหรี่ออกมาอีกดิ๊” เอสไหวไหล่บอกหมด แล้วส่ายหัว ชิพเลยต้องล้วงเอาของตัวเองขึ้นมา
.
“ไอ้แคปโว๊ยยยยย ทางนี้!” เสียงอาร์เรียกมาจากที่ไกลๆ โบกไม้โบกมือเรียกชูถุงขนมขึ้นจนสูง แคปเงยหน้ามองท้องฟ้า แดดร่มแล้วเพราะเริ่มเย็น วันนี้เขารับหน้าที่เฝ้าแปลงมะเขือเทศและแปลงปลูกข้าวโพด แคปแบกจอบพาดใส่บ่าแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อน
“อ่ะ กินป่ะ” อาร์ชวนเขากินผลไม้ ที่ซื้อมาจากโซนขายของใกล้ ๆ แคปส่ายหัว เขาไม่ชอบกินของจุกจิกแบบนี้ อาร์เลยดึงมือเขาให้ตามไปดูที่แปลงปลูกแตงโม
“มึงดูนี่ แตงโมลูกนี้ใหญ่น่าดูเดี๋ยวถ้ามีเด็กๆผ่านมากูจะเด็ดให้น้องเขาฟรีๆเลย” อาร์อวดแปลงแตงโมของตัวเอง แต่แคปไม่สนใจจุดนั้น เขากำลังมองไปที่เครือของฟักทอง มันเหมือนมีหนอนขนหรืออะไรแปลกๆมาทำรังที่ดอก แคปจึงบอกอาร์ให้ระวังเพราะกลัวเด็กๆที่มาดูจะไปจับเข้าแล้วอันตราย อาร์รีบมากำจัดแล้วเขี่ยออก
“เด็กๆชอบดูมะเขือเทศว่ะ” แคปบอกอาร์ “เออก็มันสีสวยนี่หว่า”
“ข้าวโพดเด็กก็ชอบนะมึง” แคปบอกต่ออีก อาร์พยักหน้า
“กูเห็นน้องๆกลุ่มเมื่อกี้หิ้วฝักข้าวโพดออกไปด้วย มึงระวังอาจารย์จะดุนะเว้ยไอ้แคป” อาร์รู้ว่าแคปเป็นคนเอาให้แน่ ๆ เห็นเพื่อนเขาดุๆแบบนี้แต่แพ้เด็กๆนะขอบอก
“ก็น้องเขาอยากได้กูเลยเด็ดให้..” แคปว่าแล้วเอาจอบขุดๆวัชพืชที่รกออกให้ เสียงโทรศัพท์มือถือดัง เขาเลยเอาขึ้นมากดรับ
“มีไร..”สายจากปอที่อยู่โรงเลี้ยงสัตว์ วันนี้ปอรับหน้าที่เฝ้าแม่ไก่ออกไข่กับเฝ้าแม่วัวโคนม
(แคป มึงอยู่ไหนกูมีไรจะอวด)
“อยู่ที่แปลงแหละ มีไรอ่ะทำเสียงตื่นเต้นไปได้” แคปมองเห็นที่แปลงตัวเองมีกลุ่มเด็กๆเดินผ่านมาดูอีก เขาจึงพยักหน้าบอกอาร์ว่าจะไปเฝ้าแปลงก่อนแล้วเดินออกมา
(เอาน่า เดินจะถึงแล้วเดี๋ยวมึงต้องตกใจแน่ๆกูมีอะไรเด็ดๆด้วย)
“เออๆรีบมากูเฝ้าต้นข้าวโพดอยู่เนี่ย”
“อือๆ..”
พอกดวางสายได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ปอกอบสองมือวิ่งเข้ามาหา แคปรีบชะโงกหัวเข้าไปดู ปล่อยเด็กๆเดินผ่านไปที่แปลงของอาร์
“อะไรวะ..” แคปเงยหน้าถามทั้งที่เห็นๆอยู่แล้วว่าปอประคองไข่ไก่หนึ่งฟองมาให้เขาดู
“นี่อ่ะ กูเพิ่งเห็นมันตกออกมาจากตูดไก่เลยนะเว้ย มหัศจรรย์เป็นบ้า แม่ไก่ออกไข่ร้อนๆเลยไอ้แคปมึงดู” เขาบอกแคปด้วยท่าทางภูมิอกภูมิใจ จริง ๆ แล้วแคปเองก็อยากจะไปเฝ้าไก่แม่พันธ์ออกไข่นั่นแหละแต่อาจารย์ดันจับเขามาเฝ้าแปลงผักเสียได้
“จะเอาไงกับมัน แล้วมึงไปเก็บมาทำไมวะ ไม่เอาไว้ให้คนเขาดู”
“ไม่เอาอ่ะ กูจะเอามาอวดมึง”
“บ้าเอ๊ย เผื่อมันจะฟักออกมาเป็นลูกไก่ล่ะ” แคปชักเริ่มหวั่นๆ เมื่อเขารับไข่มามันยังร้อนอยู่มากจริง ๆ มือแทบลวก
“งั้นเราจะทำยังไงดีวะ” ปอกระซิบหน้าเครียด แคปหันซ้ายหันขวา คนแถวนี้ค่อนข้างน้อย เขาเลยดึงแขนปอให้ตามเข้าไประหว่างซุ้มต้นข้าวโพดกับต้นมะเขือเทศ
“ทำไรของมึง...” ปอสงสัย แต่ก็ยอมเดินตาม
“เราจะทำรังให้มันไง ถ้ามันอบอุ่นมันก็จะฟักออกมาได้ไม่ใช่เหรอวะ เอามันวางไว้ตรงนี้ดิ๊..” แคปว่าแล้วใช้เสียมที่ลากติดมือเข้ามาด้วยขุดๆๆลงไปที่ดินแล้วเอาฟางข้าวโพดวางทำเป็นรังให้มัน
“ตรงนี้น่ะเหรอ..” ปอถามงงๆ
“เอ๊อ ตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาดูกันรับรองมึงได้เห็นลูกเจี๊ยบแน่ ๆ เชื่อกูดิ”
“กูไม่อยากจะเชื่อเลย” ปอหรี่ตาทำหน้าไม่เชื่อ แคปเลยโบกหัวเพื่อนแล้วแย่งเอาไข่มาวางไว้เองอย่างระมัดระวัง เขาลูบๆมันแล้วสั่งไข่ว่าให้รีบๆฟักออกมา
“ออกไปได้แล้ว ปล่อยมันไว้ตรงนี้แหละ” แคปดึงเพื่อนให้ตามกันออกมา “พรุ่งนี้อาจารย์บอกให้กูรีดนมวัวโชว์ด้วย มึงอยากทำไหม” ปอหันมาถาม เมียงมองไปที่จุดของตัวเองคนเริ่มเยอะเขาเลยคิดว่าจะเดินกลับไปแล้ว
“เอาดิ่ บ่ายๆกูว่างที่นี่ร้อนคนไม่ค่อยมี เดี๋ยวไปช่วยมึงก็ได้” แคปเดินออกมาส่งเพื่อนได้แค่ครึ่งทาง เจอกลุ่มพี่รหัสของตัวเองมาเดินตรวจแปลง เขายกมือไหว้ทักทายกันตามปกติ
“ไง น้องไอ้เต้” พายเป็นพี่รหัสของแคป เขาสนิทกับเต้เพราะรู้จักกันตั้งแต่เด็กเพราะงั้นเลยชอบแซวแคปแบบนี้บ่อย ๆ แล้วพูดไม่พูดเปล่ายังคว้าเอาคอขาว ๆ ของแคปเข้ามากอดไว้อีก แคปรีบยกออกแล้วชี้บอกอย่า พายหัวเราะ
“ผมแคปครับมีชื่อนะมีชื่อ เรียกชื่อผมด้วย” แคปส่ายหน้าหน่าย ๆ พร้อมกับล้วงกระเป๋าเสื้อชอปคว้าเอาใบตรวจแปลงส่งให้พายเซ็นต์
“อ้าวเหรอ ชื่อไรนะลืม คาปูรึเปล่าน๊า..” พายล้อเขา พอเซ็นต์ชื่อเสร็จยัดใส่อกคืนแคป พร้อมคำพูดล้อเลียน แคปรีบชี้หน้าแล้วบอกอย่าเรียกคาปูอีก พายหัวเราะแล้วเอามือยีหัวเล็ก
“คืนนี้ว่างป่ะวะ..” พายถาม
“ทำไมครับ พี่พายมีอะไร” แคปดึงปอให้หลีกทางรุ่นน้องอีกคนที่กำลังยกปุ๋ยผ่านเข้ามาที่แปลงผักของเขา
“ไปแดกเหล้ากัน ที่เดิม”
“คืนนี้?” แคปทวนคำนิดๆ เขากำลังคิดว่าคืนนี้อาจไม่ว่าง มีเรื่องที่ค้างคามาตั้งแต่เมื่อวานที่เขากับเอสทะเลาะกันที่ร้านกาแฟแล้วแยมแฟนของเขาเข้าใจผิดเพราะคำพูดบ้าๆของไอ้เอสนั่น คืนนี้แคปต้องไปง้อแยมที่ห้อง
“ทำไมวะ ไม่ว่างรึไง มันนัดใครป่ะเนี่ยไอ้ปอมึงรู้ป่ะ”
“นัดเมียมันมั้งพี่” ปอตอบแบบไม่รู้สึกผิดสักนิดขณะที่แคปหันมองตาเขียว
“แล้วแต่มึงละกันถ้าว่างค่อยไป ไม่ว่างก็ไว้วันหลังเว้ย กูไปนะ”
“ครับเจอกัน”
พวกรุ่นพี่เดินกันไปแล้วปอเองก็โบกไม้โบกมือให้แล้วแยกไปเช่นกัน แคปเริ่มคิดถึงรังไข่ที่เขาไปทำเอาไว้กำลังจะเดินกลับไปดู มือเล็กๆก็มาคว้ามือของเขาเข้าไว้ แคปก้มลงมอง
“พี่คะพี่ มะเขือเทศสีแดงอันนั้นหนูขอได้ไหม..” เป็นเด็กผู้หญิงน่าตาน่ารัก มัดผมแกะผูกโบว์คิดว่าคงอยู่ระดับอนุบาล แคปมองซ้ายมองขวากลัวจะเป็นเด็กหลงทางกับผู้ปกครองแต่พอเห็นว่าคุณพ่อกับคุณแม่หนูน้อยยืนยิ้มเผล่มาทางนี้เขาก็โล่งใจ จูงมือเธอเดินไปดูต้นมะเขือเทศใกล้ ๆ
“หนูชอบมะเขือเทศ เวลาหม่าม๊าทำข้าวผัดหนูอร่อย” แคปย่อตัวนั่งยองๆลง หนูน้อยตามเข้ามานั่งลงที่ตัก เขาหนักนิดหน่อยแต่ก็ชอบ กอดเอวน้องไว้เพราะกลัวน้องจะตก
“อยากได้เหรอครับ” แคปถามพลางประคองพวงมะเขือเทศสีแดงสดให้คนสวยดู เธอยิ้มคิกคักชอบอกชอบใจ แคบล้วงกรรไกรตัดกิ่งที่พกไว้ออกมาแล้วตัดให้เธอช่อเล็กๆหนึ่งอัน ดูท่าทางหนูน้อยมีความสุขมาก คุณแม่เธอยื่นโทรศัพท์มือถือส่งให้แล้วบอกขอรบกวนถ่ายรูปน้องหนูกับต้นไม้หน่อย แคปโอเคแต่คนสวยบอกจะถ่ายกับเขา แคปเลยจำใจเซลฟี่ร่วมกับเธอ
“กอดหนูแน่นๆเลย พี่ชื่อไยอ่ะ” พูดก็ยังพูดไม่ชัดแคปยีหัวเล็กอย่างเอ็นดู
“พี่ชื่อแคปครับ แล้วหนูชื่ออะไรน๊า”
“หนูชื่อยาหยี โตขึ้นหนูจะมาเรียนดูแลผักเหมือนพี่แคป”
“ครับๆ ยาหยีคนเก่ง พี่แคปจะรอดูนะว่าคนสวยจะเข้ามาเรียนได้ตอนไหน”
พอแคปพูดแค่นั้น น้องหยาหยีรีบกระโดดลงจากตักแล้ววิ่งไปหาคุณพ่อคุณแม่ดึงๆมือบอกจะกลับบ้านไปอ่านหนังสือแคปหัวเราะชอบใจเดินไปยื่นโทรศัพท์คืนให้กับคุณแม่ของเธอ
“ขอโทษด้วยนะคะ น้องหยีชอบปลูกต้นไม้มากเลยค่า แต่เราอยู่คอนโดไม่มีพื้นที่ ต้นมะเขือเทศก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก รบกวนมากๆเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าว่างวันหลังพาน้องมาอีกก็ได้ผมยินดีแนะนำให้ทุกอย่าง” แคปเห็นหยกเก็บมะเขือพวงที่เขาตัดให้ยัดใส่เสื้อเอี๊ยมอนุบาล เธอหันมาโบกมือบ๊ายบายเขาก่อนถูกคุณแม่จูงไปดูคอกสัตว์ต่อ
.
“มองอะไรของมึง จ้องอยู่นานแล้วนะเว้ยไอ้เอส” ชิพหันไปเรียกเพื่อนเมื่อเห็นว่าตั้งแต่ตอนที่ยัยน้องกิ๊ฟอะไรนั่นเข้ามาถามคำถามประหลาดๆกับเอส เพื่อนเขามองไปที่แปลงพืชไร่พืชผักนานแล้ว
“เปล่า เข้าไปกันเถอะ” เอสทิ้งบุหรี่แล้วกอดคอชิพพาเดินเข้าไปด้านใน ขณะที่ชิพหันมองที่แปลงมะเขือเทศดีๆอีกครั้ง ถ้าเขาไม่เข้าใจอะไรผิดผู้ชายคนที่กำลังยืนโบกมือให้เด็กผู้หญิงผมยาวมัดแกะใส่ชุดเอี๊ยมอนุบาล มันน่าจะเป็นไอ้คนที่เพื่อนๆเขามันบอกว่าเป็นน้องชายของเฮียเต้ ชิพหยุดชะงักเท้าทันทีทำให้เอสเองก็ต้องหยุดเดินด้วย เขาหันมาเลิกคิ้วถามว่าชิพเป็นอะไร
ชิพชี้ตรงไป
“คนนั้นน่ะ ใช่ไอ้แคปไหมวะ น้องชายพี่เต้ที่มีเรื่องกับพวกมึงวันนั้นน่ะ..” แค่ได้ยินคำถามเอสก็ไม่จำเป็นต้องมองตามเรียวนิ้วเพื่อนให้เสียเวลา เพราะเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าใช่หรือไม่ เห็นแบกจอบเดินไปเดินมาระหว่างแปลงผักก็เสียวสันหลังแล้ว
“ไม่รู้” เอสตอบหน้านิ่ง
“ไม่รู้ได้ไงวะ กูเห็นมึงมองอยู่นานแล้วนี่หว่า” ชิพถามตรงไปตรงมา จนเอสต้องหันมาจ้องหน้าเพื่อน เขาตัดสินใจส่ายหัวแล้วบอก...
“ไม่รู้ กูไม่ได้มอง”ชิพร้องหึในลำคอทันที รู้ๆกันอยู่ว่ามอง ปากมึงจะแข็งไปไหนสัส แต่ก่อนที่จะได้พูดตอบกลับอะไรเพื่อนเขาถูกลากตัวตามเข้าไปแล้ว มีเสียงโทรศัพท์ของเอสเรียกเข้าเอสเอาขึ้นมากดรับ เป็นเมี่ยงโวยวายมาตามสาย มีเสียงบุ้งแทรกเป็นระยะ
“อะไรของมึงค่อยๆพูดกูฟังไม่รู้เรื่อง” เอสเอามือถือห่างออกจากหู เพราะเสียงที่วุ่นวายเกินพิกัดจากสถานีปลายทาง
(กูบอกให้มึงมาเก็บอิน้องฟางของมึงกลับไปที กูทนไม่ไหวแล้วโว๊ยยยยไอ้เหี้ยเอส เล่นเอาอะไรมาโยนให้กูเนี่ย)
เสียงเมี่ยงแว๊ดมาจากปลายสาย เอสส่ายหัวอย่างระอา เขาลืมไปเลยเมื่อเช้าเมี่ยงโทรมาบอกว่าฟางข้าวไปหาเขาที่ลานจอดรถ รออยู่ตั้งนานเพื่อนเขาก็หลบหลีกไม่ยอมบอกเธอว่าเขาอยู่ที่ไหน เธอก็ทั้งบ่นทั้งทำ แม้แต่ข้าวเที่ยงก็มีไอ้เมี่ยงกับไอ้บุ้งไปหามาให้กิน ว่าไปแล้วเพื่อนที่แสนดีสองคนก็น่าสงสารใช่เล่น
“เย็นแล้ว มึงบอกน้องเขากลับไปดิวะ”
(เหี้ยไรไอ้เอสนี่กูหลบมาโทร ถ้ายัยฟางเน่ารู้ว่ากูโทรหามึงต้องจิกหัวกูให้พาไปหามึงแน่ ๆ อ่ะ บ้าฉิบผู้หญิงอะไรตื้อที่สุดในสามโลก เพื่อนเหี้ย!)
“ใจเย็นไอ้เมี่ยง อย่าโวยวาย เอามือถือไปส่งให้น้องเขาดิ๊ เดี๋ยวกูคุยให้”
(เออดี รู้จักรับผิดชอบของๆตัวเองมั่ง....บลาๆๆๆ) เมี่ยงเดินบ่นไปหาฟางข้าว เจอเธอกำลังโบกๆรถให้เข้าจอด หน้าตานี่ดำเป็นแป้งหมี่ไหม้ ๆ คราบเหงื่อไคลเต็มตัวไปหมด สภาพสาวสวยเซ็กซี่เมื่อวานอย่าได้ไปถามถึง เมี่ยงยื่นโทรศัพท์ให้เธอแล้วบอกเอสจะคุยด้วย ฟางข้าวดีใจจนอกแทบระเบิดเธอถอดมาสค์ปิดปากทิ้งทันที
(ฮัลโหลค่า พี่เอส)
“เย็นมากแล้ว กลับได้แล้วมั้ง” เอสบอกเธอไป
(ฟางมาทำตามที่พี่บอกแล้ว พี่เอสจะรับเป็นพี่เทคให้ฟางได้ใช่ไหมคะพี่ พี่สัญญาไว้แล้วนะ)
“..............” เอสพ่นลมหายใจอย่างเซ็ง ๆ เมื่อทุกอย่างบีบให้เขาจำใจต้องตอบรับ ใครจะคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นจอมตื้อขนาดนี้
(พี่เอสจะผิดคำพูดกับฟางเหรอคะ พี่สัญญาไว้แล้วนี่ ไม่ยอมนะฟางไม่ยอมไม่ยอมไม่ยอม ” ฟางข้าวเริ่มเบะปากน้ำเสียงเธอออดอ้อนเขาบอกให้รู้ว่ากำลังจะร้องไห้แน่แล้ว เอสยกมือขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิด สบถในคอ ชิพที่ไม่รู้เรื่องก็จ้องหน้าว่าเพื่อนเป็นอะไร เอสถอนหายใจหนักๆ
“ตามใจละกัน แต่เทคแคร์ไม่เก่งนะบอกไว้ก่อน ถ้าจะเอาเป็นพี่เทคต้องรับให้ได้”
“ข้อนั้นน่ะฟางรู้อยู่แล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะพี่เทคสุดหล่อ จุ๊บๆ” เอสมองหน้าชิพแล้วส่ายหัวหนักๆ เขาล่ะเหลือทนกับผู้หญิงคนนี้สุดๆไปเลย
“ที่นี้จะกลับได้แล้วใช่ไหม เพื่อนพี่เขาจะได้ทำงานกันสะดวกสบายสักหน่อย”
(แหมทำอย่างกับฟางมาขวางงั้นแหละ ฟางน่ะ......บลาๆๆๆ) เอสไม่รอให้เธอพูดจบ พอเห็นว่าเสียงเล็กๆเริ่มบ่นนั่นบ่นนี่ เขาก็ยัดมือถือส่งให้ชิพเอาไปคุยต่อ ผลสุดท้ายคนที่เคลียร์เรื่องยัยฟางข้าวให้ได้ก็คือชิพนั่นเอง
“คืนนี้มึงไปป่ะวะ..” ชิพยัดมือถือส่งคืนให้เพื่อนแล้วถาม เพราะว่าตอนบ่ายกลุ่มพี่ลำดับเดินมาชวนพวกเขาถึงที่ แล้วยังบอกว่าแวะไปชวนเมี่ยงกับบุ้งแล้วเรียบร้อย นี่ยังไม่รวมไอ้บุ้งโทรมาล๊อคตัวเขาแล้วเรียบร้อย ยังเหลือเอสที่ไม่รู้ว่าจะเอายังไง
“ไปดิ่ กี่โมงมึงจะไปไง กูไปรับไหมหรือจะไปกับไอ้บุ้ง”
“ไอ้บุ้งบอกจะมารับกู”
“เอองั้นพวกมึงแวะรับไอ้เมี่ยงด้วย กูขี้เกียจวนไปทางนั้น แล้วค่อยไปเจอกันที่นั่นเลย”
.
.