.
.
หน่วยพืชไร่ มหาวิทยาลัย......“ไอ้แคป ส่งจอบกับพลั่วมาให้กูดิ๊ แล้วไอ้อาร์มึงมาช่วยไอ้ปอมันถอนวัชพืชที่แปลงนี้ด้วยสิวะ นี่ปุ๋ยคอกชั้นดีพวกมึงมาช่วยกูใส่เลยเร็วๆเข้า..” เช้านี้แคปกับเพื่อน ๆ ลงแปลงเกษตรกัน เพื่อนในกลุ่มรุมใช้พวกเขาสามคนเยี่ยงทาส ตอนแรกแคปก็อดทนไว้ แต่พอเริ่มใช้มากเข้ามาเข้า คนเดือดง่ายอย่างเขาถึงกับลุกขึ้นตบหัวเพื่อนตัวเองอย่างแรง
“สั่งเหี้ยไรนักหนา เห็นกูยอมเข้าหน่อยใช้เอาใช้เอาเลยใช่ไหมมึงอ่ะ” ไอ้คนสั่งยิ้มแหย ลูบหัวตัวเองป้อย ๆ พอแคปเอาจริงเข้าหน่อยไม่ใครก็กลัวกันทั้งนั้น ฉายาหมาบ้าฟัดไม่เลือกแห่งคณะเกษตรยังคงเป็นที่กล่าวขาน ยิ่งตอนที่แคปพาปอกับอาร์ลุยเข้าไปมีเรื่องที่ตึกวิศวะ นั่นยิ่งเป็นการประกาศกร้าวความกล้าของเด็กเกษตร(ถึงจะแพ้มาก็เถอะ)
“ล้อเล่นน่า อ่ะๆนี่น้ำครับพี่แคปเชิญดื่มน้ำเย็นๆเลย” เพื่อนอีกคนยื่นน้ำเย็นจากคูลเลอร์ส่งมาให้ แคปเงยหน้ามองแล้วยิ้มบอกดีมาก เขากวักมือบอกให้อีกฝ่ายนั่งลงแล้วส่งซิกบอกพัดๆให้เขาอย่างฮ่องเต้ แคปขยับเสื้อช๊อปสีเขียวแล้วปลดกระดุมออกเกือบหมด อากาศร้อนมากผิวขาวๆของเขาแดงเป็นทาง
“แต่งตัวดีๆไอ้แคปมึง เดี๋ยวอาจารย์เดินมาตรวจหรอก” ปอเดินมาดึงสาบเสื้อแคปให้ชิดกันแล้วดุ แคปชะเง้อมองเห็นอาจารย์พวกเขากำลังเดินมาจากที่ไกล ๆ เขาเลยรีบๆไล่พรรคพวกให้กระจายออกไปตามแปลงต่าง ๆ วันนี้ลุยไร่ข้าวโพดสนุกแต่ก็ร้อน วัชพืชเยอะเป็นบ้าเลย พวกเขารอจนอาจารย์เดินผ่านมาตรวจงานเรียบร้อย ได้รับคำแนะนำกันนิดหน่อย จากนั้นก็ปล่อยให้ลุยกันต่อเอง สักพักเสียงโห่ฮาดังขึ้น พวกเขาที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมดจึงหันไปดู
“อะไรวะไอ้อาร์ พวกนั้นมันโห่อะไรกัน..” แคปถาม อาร์ลุกขึ้นดูชัดๆจึงได้เห็น
“ตายห่าแล้วไอ้เหี้ย น้องแป้งมึงมา”
“ห๊ะ! แป้งไหน” แคปลุกพรวดขึ้นทันที น้องแป้งสาววิทย์คอมน้องเทคที่แยมแดกดันเขาไปวันนั้น เดินนวยนาดในมินิสเกิ๊ตสั้นกุดแถมแหวกข้างสูงขึ้นอีกเกือบคืบ แต่นั่นไม่สำคัญเพราะแป้งแต่งตัวแบบนั้นอยู่แล้ว ที่แคปแปลกใจคือ เธอมาทำไมถึงแปลงพืชไร่ร้อนๆแบบนี้ ที่สำคัญมาคนเดียว!
“พี่แคป” เธอเดินเข้ามาทัก รองเท้าผ้าใบสีชมพูสะท้อนแสงจนแคปแสบตา เขาเดินออกไปหาแล้วพาเธอไปยืนคุยในร่มไม้
“แป้งมายังไง มาหาพี่เหรอครับ มีอะไรรึเปล่า” แคปพยายามขยับมาบังแดดให้เธอ ต้นไม้มันไม่ได้ใหญ่มากมาย เพราะงั้นกลัวว่าผิวขาว ๆ ของเธอจะเสีย แคปเป็นแบบนี้เสมอกับผู้หญิง ถ้าดีด้วยเขาใจดีตลอด
“เพื่อนส่งเมื่อกี้ค่ะ แป้งตั้งใจมาหาพี่แคป วันนี้พี่แคปมีเรียนเฉพาะช่วงเช้าใช่ไหม”
“ใช่ครับ นี่จวนจะเสร็จแล้ว ตกลงเรามาหาพี่มีไรป่ะเนี่ย”
“งั้นเดี๋ยวแป้งรอตรงนี้ก็ได้ค่ะ เรียนเสร็จแล้วไปทานข้าวด้วยกันนะ แป้งอยากกินไอศครีมแล้วก็นั่งกินข้าวในห้องแอร์เย็น ๆ”
“เอ่อ แต่วันนี้พี่ไม่ได้เอารถมานะ ไว้วันหลังดีไหมเดี๋ยวพี่โทรหา”
“ไม่เอาอ่ะ ไปรถพี่ปอก็ได้ แป้งเห็นจอดอยู่ด้านหน้า”
“เราจะกินเที่ยงนี้เหรอ”
“อาฮะ ใช่ค่ะ”
“งั้นรอตรงนี้ เดี๋ยวพี่เข้าไปเรียกเพื่อนจะได้ออกไปด้วยกันเลย กินกับเพื่อนๆพี่ไม่มีปัญหาใช่ไหม”
“ไม่มีปัญหาค่ะ” เธอยิ้มรับตาหวาน แคปกำลังจะเดินกลับออกไปที่แปลงแต่เธอฉวยข้อมือเขาไว้ก่อน
“อะไรครับแป้ง..”
“พี่แคปเลิกกับแฟนแล้วใช่ไหมคะ คนที่ชื่อแยมน่ะ..” ไม่รู้ทำไมข่าวถึงไวกันนัก แคปชั่งใจอยู่สักครู่ก่อนพยักหน้ารับ ไม่อยากจะพูดอะไรมาก เรื่องของแยมจบไปแล้วก็แล้วกันไป ไม่ว่าใครถูกหรือผิดเมื่อเลิกกันแล้วเขาไม่เคยเอาเรื่องแฟนเก่ามาขุดคุ้ย
“แป้งดีใจค่ะ” จู่ ๆ เธอยิ้มจนตาหยี ก่อนต่อประโยคไขความข้องใจของแคป
“แป้งกำลังคิดว่าแป้งมีโอกาส ถึงยังไม่ใช่ตอนนี้แต่แป้งก็ดีใจที่ตอนนี้พี่แคปโสดสนิทและยังไม่มีใคร..” น้ำเสียงเธอราวกับผู้กำชัยชนะ แคปมองหน้าเธอก่อนยิ้มแหยงๆส่งไปให้ ในหัวสมองดันนึกไปถึงคำว่า ‘เมีย’ ของไอ้เหี้ยเอสขึ้นมาอีก เขาส่ายหัวไล่ความนึกคิดบ้า ๆ บอกเธอให้รอแปปเดี๋ยวเข้าไปเรียกพรรคพวกจะได้ไปกินข้าวพร้อมกัน
ในที่สุดเขากับแป้ง ปอและอาร์ ก็มานั่งรับแอร์เย็น ๆ อยู่ที่ร้านอาหารแอนด์เบเกอรี่แถว ๆ หน้ามหาวิทยาลัย ไอ้เจ้าเพื่อนสองตัวจ้วงเอาจ้วงเอาด้วยความหิว ขณะที่แคปนั้นหิวจนจะแดกคนได้ทั้งหัวเหมือนกันแต่ยังต้องรักษาภาพพจน์คนหล่อๆเท่ๆ ไว้เพราะน้องแป้งคนสวยเธอนั่งอยู่ด้วย
“พี่แคปนี่ตลกดีนะคะ กินข้าวผัดทำไมต้องราดซอสมะเขือเทศด้วย เหมือนหลานแป้งเลยอ่ะ”
“หอมดีนะ เราลองใส่ดูสิครับ” แคปบีบซอสใส่ลงในจานข้าวผัดของเธอด้วย แป้งยิ้มจนหน้าบาน โทรศัพท์มือถือของปอดังขึ้น มันยกขึ้นมากดรับพูดอือๆออๆสักพักก็วาง เสร็จแล้วหันมาบอกพวกเขาว่า เดี๋ยวแพรจะมาทานข้าวด้วย ออกมาแถวนี้พอดี แคปเลยแซวแป้งว่าดีใจไหมพี่เทคจะมากินข้าวพร้อมๆกันสองคนเลยนะ แป้งยิ้มใหญ่ ความจริงแล้วแฟนของปอเป็นพี่เทคอีกคนนึงของเธอ อาร์เลยแซวว่าแป้งไม่ได้เรื่องสวยไม่ได้ครึ่งนึงของแพรเลยสักนิด แป้งทำหน้างอแล้วฟาดผั๊วะลงไปที่แขนอาร์เบา ๆ
“ปอ..” เสียงแพรเรียกขึ้น ทุกคนที่โต๊ะต่างหันไปมอง มันจะไม่มีอะไรพิเศษทั้งนั้นถ้าหากว่าแพรจะเดินเข้าร้านมาแค่คนเดียว
“เจอเพื่อนน่ะ แพรเลยชวนเข้ามาทานด้วยกันเลยปอคงไม่ว่านะ แคปอาร์หวัดดีค่ะ อ้าวน้องแพรมาด้วยเหรอ ปอคะนี่เมย์รุ่นน้องแพรเองส่วนนี่สุดหล่อของวิศวะ เอสแฟนเมย์เขาน่ะ” เธอพูดกับปอเบา ๆ พร้อมหันมาทักทายทุกๆคน แคปที่อ้าปากเหวอถูกอาร์กับปอจ้องจนลูกตาแทบจะหลุด แพรช่างไม่รู้อะไรเลยว่าพวกเขากับพวกไอ้เอสไม่ถูกกันอย่างแรง นี่ถึงขนาดพามันเข้ามาหากันถึงโต๊ะ และทันทีที่เอสนั่งลงแคปลุกพรวดขึ้นทันที ทุกคนต่างตกใจแป้งมองซ้ายมองขวาเพราะรู้สึกถึงความผิดปกติ ขณะที่เอสกลับเฉย เขานั่งอมยิ้ม หันมาจ้องหน้าคนที่ยืนกำหมัดอยู่ข้าง ๆ ตัวเอง
“ไอ้แคปมึงนั่งลงก่อน ใจเย็น ๆ ให้เกียรติแพรแฟนไอ้ปอมันหน่อย..” อาร์รีบลุกขึ้นกระซิบดึงๆชายเสื้อแคปบอกให้นั่งลง ขณะที่ปอเดินออกมาจากโต๊ะทันที เขาเข้ามาถามเพื่อนตัวเองเสียงเบาว่าโอเคไหม ถ้าจะกลับก็ลุกเลยเขาเองก็จะกลับด้วย แคปหันไปมองหน้าเพื่อน
“ไม่เป็นไร มึงไปนั่งกับแพรเถอะ”
“หรือจะเปลี่ยนที่กับกู..” ปอมองแคปอย่างพิจารณาความจริงเขาไม่ชอบเอสเลยสักนิดตั้งแต่โดนตีนมันวันนั้น แต่วันนี้แพรเป็นคนพามันเข้ามา เขาและอาร์ตกใจจนแทบช๊อค อย่าถามถึงหน้าตาของแคปที่ดูไม่พอใจแบบสุดขั้ว อีกทั้งตอนนี้เอสดันมานั่งลงข้าง ๆ แคปอีกต่างหาก
“ไม่เป็นไรกูนั่งนี่แหละ” แคปตอบ ปอจึงพยักหน้ารับ เขาเดินกลับมานั่งลงข้างแพรเหมือนเดิม
“ถ้างั้นสั่งกันเลยดีกว่านะ พี่คะ..” แพรเจ้ากี้เจ้าการโบกมือเรียกพนักงาน เธอสั่งให้ทุกคนเสร็จสรรพ โดยมีเมย์แฟนของเอสคุยจ้อกันอยู่ไม่ห่าง บทสนทนาที่น่าเบื่อหน่ายไม่พ้นเรื่องความอ้วน เครื่องสำองค์และบรรดาของแบรนเนมคอลเล็คชั่นใหม่ ๆ ปอถึงกับส่ายหัวไม่คิดว่าแพรจะเข้าขากับเมย์ได้ดีมากขนาดนี้ ยังคงมีแต่น้องแป้งที่นั่งฟังสองสาวคุยกันท่าทางสนอกสนใจ ในที่สุดสาวหัวอ่อนก็ถูกจูงเข้าร่วมวงคุยกันอย่างถูกคอ ขณะที่ผู้ชายที่เหลือทุกคนต่างก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว เอสใช้ข้อศอกสะกิดแขนแคปเบา ๆ
“เมื่อคืนทำไมมึงไม่เข้าไปหา” เขาพูดบางอย่างขึ้นมา ถึงมันจะเบามากๆแต่แคปกลับได้ยินอย่างชัดเจน แคปหุบปากที่กำลังจะเคี้ยวต่อในทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองคนอื่น ๆ กลัวว่าจะมีใครได้ยิน ก่อนหันไปตาเขียวใส่เอส
“........”
“แล้วคืนนี้เอาไง จะนอนห้องกูหรือจะให้กูไปหามึงที่ห้อง..” เอสยังจะพูดต่ออีกเสียงเรียบ ผิดกับแคปที่เดือดดานจนสุด เขาเหลือกตาจ้องเอสจนไฟลุก
“มึงจะพูดขึ้นมาตอนนี้ทำเหี้ยมึงเหรอ ไอ้สัส!” แคปกัดฟันด่าน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิด อารมณ์งุ่นง่านจนแทบจะบ้าจะด่าแรง ๆ ก็ทำไม่ได้ไอ้เชี่ยนี่ก็พูดอะไรไม่ดูคนดูเวลาเล๊ย เขาเงยหน้าสบตากับปอพอดีตกใจนิดๆแต่ก็ยังส่งยิ้มแล้วโบกไม้โบกมือบอกเพื่อนว่าไม่มีอะไร
“ตกลงว่ากูไปหา??....”
“พี่เอสคะ ตักนั่นให้เมย์หน่อย เมย์อยากกินอ่ะ” เอสยังพูดไม่ทันจบดี คนสวยอย่างเมย์ก็แทรกขึ้นมาก่อน เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคุยกับแคปอยู่ เมย์พยักเพยิดไปทางอาหารที่อยู่ในจานด้านหน้าแคป เอสเลยเอื้อมมือไปตักมาให้
“ขอบคุณค่ะที่รัก” เมย์มองเอสตาหวานเชื่อม เขาหันไปส่งยิ้มบาง ๆ ให้ ความรู้สึกบางอย่างในใจเริ่มแปลกไป นึกแคร์ว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันอีกคนจะได้ยินคำพูดของเมย์เมื่อกี้นี้รึเปล่า พอหันมามองแคปกลับแสดงหน้าตาเย็นชาเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ทั้งๆที่เมย์พูดคำนั้นไม่เบาเลย
“แคป ไอติมมึงอ่ะไปสั่งดิวะ” ปอพูดข้ามมา ปกติแคปชอบกินไอติมหลังกินข้าว โดยเฉพาะถ้าพวกเขามากินกันที่นี่แคปจะต้องเบิ้ลไอติมสองลูกเป็นประจำ
“แป้งกินไหมครับ ออกไปเลือกกับพี่ไหม”
“ค่ะ” แป้งลุกขึ้นทันที แคปคว้าข้อมือเธอแล้วจูงออกไป ขณะที่สายตาคมกริบของเอสไวไม่แพ้ใคร เขาขยับตัวลุกขึ้นทันทีเหมือนกัน
“พี่เอสไปไหนคะ” เมย์เงยหน้าถาม
“กำลังจะชวนเราไปเลือกไอติมไง ลุกดิ่..” ในที่สุดเกือบทุกคนในโต๊ะต่างเดินไปเลือกไอศครีม สาวๆเฮฮากันมาก แคปกับแป้งเสร็จก่อนเขาเลยบอกให้แป้งถือเข้ามารอ ขอไปห้องน้ำเดี๋ยวนึง เอสมีรึจะปล่อยไป เขาเดินตามเข้ามาถึงห้องน้ำด้านใน กอดอกรอจนแคปออกมาล้างมืออยู่ที่หน้ากระจก
“เมียกูนี่ใจดีกับผู้หญิงจังเลยนะ ไม่เห็นเหมือนตอนที่คุยกับกูเลยนี่” แคปตกใจมองผ่านกระจกไปที่ด้านหลัง เห็นเอสยืนกอดอกมองเขาอยู่
“เรื่องของกู แฟนกู กูเทคแคร์มันก็เป็นเรื่องธรรมดา หลีกไป!” แคปผลักอกเอสให้ถอยออกห่าง ๆ เขาจะเดินแทรกตัวออกไปแต่มือใหญ่ที่ไวมากกลับคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กแล้วกระชากเข้าหาตัว แคปชนเข้าที่หน้าอกแกร่งอย่างแรง
“น้องแป้งแฟนมึง?”
“มึงจะทำไมล่ะ”
“กูถามก็ตอบ เอาตรงๆ ใช่หรือไม่ใช่แฟน”
“.........” แคปชะงัก นิ่งไปนิดๆ ที่จริงแล้วเขากับแป้งไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ ช่วงรอยต่อที่เขาเพิ่งจะเลิกกับแยม ยังไม่ได้ตัดสินใจจะหาคนใหม่อะไรเลย แต่จะว่าไปแป้งก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขอเป็นแฟนวันนี้เลยก็ท่าจะดี ดีกว่าไอ้คนตรงหน้านี่เป็นร้อยเท่าพันเท่า!
“ใช่ น้องแป้งแฟนกู” แคปตอบจริงจัง ยักคิ้วส่งให้อย่างท้าทาย เอสกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นนิดๆ ก่อนดันแคปให้เดินเข้าไปด้านใน ที่มุมอับ
“ไอ้เชี่ย มึงปล่อยเดี๋ยวนี้เลย ต้องการอะไรกันแน่ อ่ะ เหี้ยกูจะลื่น..” แคปเกือบๆเสียหลักเขาคว้าหมับเข้าที่เสื้อช๊อปสีน้ำเงินของเอส
“มึงดูนี่ดิ๊...ใครน๊าหน้าตาเหมือนมึงมากๆเลยใช่ไหม หื้ม??” เอสเอาโทรศัพท์มือถือจอใหญ่ของตัวเองขึ้นมากดแค่หนึ่งที ภาพพักหน้าจอที่เป็นรูปแคปนั่งหลับซบไหล่เขาเมื่อคืนวานโชว์หราเต็มหน้าจอ มือเล็กคว้าหมับแต่ไม่โดนเพราะเอสที่เร็วกว่าชักโทรศัพท์หลบไปได้ทัน
“กูว่าถ้าน้องแป้งมึงเห็น อาจจะต้องร้องไห้อ่ะนะ หึหึ..” เสียงทุ้มว่าเย้ย ๆ ขณะที่แคปคิดว่าหน้าตาเอสตอนนี้เหมือนมารที่สุด ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ มันสุดจะชั่วเลยกล้าเอาภาพทุเรศๆมาแบล็คเมล์เขา
“ไอ้สันดาน มึงต้องการอะไร ลบภาพกูออกเดี๋ยวนี้”
“ชู่ววว..อย่าเสียงดังไปดิ่ เดี๋ยวเพื่อนมึงเข้ามาเห็นเราสองคนกอดกันอยู่นี่ไม่ค่อยจะดีนะว่าไหม”
“ก็แล้วมึงต้องการอะไรล่ะวะห๊ะ..”
“จูบกูก่อนแล้วจะปล่อย..”
“ชั่วเอ๊ย ใครจะไปทำแบบนั้นวะ มึงปล่อยกูสักที อื้มมม...” แคปดิ้นแรงมากๆแต่คราวนี้เอสกลับออกแรงกอดเขาจนจมอกพร้อมฝ่ามือที่ล๊อคต้นคอกดใบหน้าเล็กให้โน้มเข้าหาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แคปฝืนไว้จนหน้าสั่น แต่ในที่สุดริมฝีปากสองคนแตะเข้าหากันจนได้ เอสกดจูบเบา ๆ ลงที่มุมปากเล็กหนึ่งที ก่อนที่แคปจะฟาดกำปั้นทุบอึกเข้าที่แขนจนเขารู้สึกเจ็บร้าวไปหมด จำต้องปล่อยตัวออกมา เอสก้าวขาขวางไว้
“จะเอาอะไรเหี้ยมึงอีก สันดาน มักโลภที่สุดก็คือมึงนี่แหละ” แคปทั้งด่าทั้งสั่น เขาเข้ามานานมากแล้วกลัวว่าเพื่อนจะเดินเข้ามาตามอยากจะรีบออกไปให้เร็วที่สุด แต่ไอ้บ้าตรงหน้ามันช่างหาเรื่องเขามากจริง ๆ แคปชี้หน้าจะอ้าปากด่าอีกแต่เป็นปอที่เดินเข้ามาตามจนเจอ แคปตกใจจนหน้าซีด ดีที่เขาผละออกมาจากเอสได้แล้วไม่อย่างนั้นคำแก้ตัวเป็นล้านคำฟังไม่ขึ้นแน่ ๆ
“มีอะไรกันรึเปล่า พวกมึงมาตีกันหรือไง ไอ้แคปมึง...” ปอเดินเข้าไปหาแคป มองเห็นเอสนวดแขนตัวเองแล้วเบ้หน้า เขาเข้าใจว่าเอสถูกแคปซ้อมแน่ ๆ
“ไม่มีอะไรหรอก ออกไปกันเหอะ” แคปตัดบทขึ้น ดันหลังปอให้เดินนำออกไป เขาหันกลับมามองเอสอย่างเย้ยๆ ขณะที่อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มยั่วประสาท ยกสองนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากแล้วพูดคำว่าเมีย กวนตีนแบบไร้เสียง แคปคว้าเอากล่องกระดาษทิชชู่แถวนั้นเขวี้ยงใส่หัวมันอย่างแรง ได้ยินแต่เสียงเอสหัวเราะหึหึกลับมา
คืนนั้น...
“อ้าวไอ้เอส มึงจะออกไปไหนอีกวะเนี่ย” เมี่ยงกับชิพเพิ่งออกจากลิฟต์เดินมาถึงหน้าห้อง เจอเพื่อนตัวเองควงกุญแจรถสวมรองเท้าผ้าใบแต่งตัวเหมือนกำลังจะออกไปที่ไหนสักแห่ง
“มาทำไรดึกๆดื่นๆ” เอสมองเพื่อนสองคนที่หิ้วถุงขนมนมเนยมาเต็มสองมือ
“จะมาให้มึงติวหนังสือให้อ่ะ ไรเนี่ยอย่าบอกนะว่าพวกกูต้องมาเก้ออ่ะ..”เมี่ยงเริ่มหน้าเสีย ทำตาแดง ๆ เบะปากเหมือนจะร้องไห้ ชิพเลยโบกหัวไปโทษฐานสำออยจนเกินพอดี
“ก็มันอ่ะดูดิ่ พวกเราอุตส่าห์ตั้งใจมาหา มันเลือกจะออกไปไหนอีกก็ไม่รู้ เดี๋ยวนี้แม่งชักแปลกๆเมื่อวันก่อนก้ไม่รู้ไปนอนที่ไหน โทรหาก็ไม่ติด”
“บ่นมากน่ารำคาญ วิชาไรบอกมา”
“สแตท ”
เอสไขกุญแจเข้าห้องอีกครั้งก่อนเดินเข้าไปหยิบชี๊ตแบบฝึกหัดสถิติปึกใหญ่ออกมายื่นส่งให้เพื่อนตัวเอง เมี่ยงกับชิพยิ้มจนตามันเป็นประกาย
“พรุ่งนี้ถือออกไปส่งให้กูด้วย เจอกันอีกทีตอนบ่าย ไม่ต้องโทรตามล่ะ” เขาดึงเพื่อนออกจากห้องก่อนปิดล๊อคแล้วเดินไปกดเรียกลิฟต์
“ไอ้เอสมึงจะไปหาน้องเมย์เหรอวะ..” เมี่ยงถามขึ้นขณะที่เขาทั้งหมดกำลังลงลิฟต์กัน
“เปล่า”
“งั้นกลับบ้านเหรอ”
“ไม่ใช่”
“อ้าวแล้วมึงจะไปไหนวะ”
“เรื่องของกู”
“อ๊าวไอ้นี่ ถามดีๆตอบเรื่องของกู มึงเพื่อนกูป่ะ กูถามเพราะเป็นห่วงรู้ไว้มั่ง” เขาทั้งหมดเดินกันออกมาจากลิฟต์ เอสถอนหายใจหนักๆหนึ่งทีก่อนเดินเข้าไปกอดคอเมี่ยงไว้ เพราะรู้สึกว่าครั้งนี้เมี่ยงค่อนข้างซีเรียส
“เป็นไรของมึง อารมณ์เสียอะไรมา”
“ก็มึงอ่ะเดี๋ยวนี้ชักแปลกๆ ทำตัวเหมือนมีความลับกูถามอะไรก็เลี่ยงตลอด เราเป็นเพื่อนกันป่ะล่ะ”
“น้อยใจเหี้ยไร ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนกูแล้วใครจะใช่วะ ธุระกูส่วนตัวจริง ๆ เอาไว้ถ้าอะไรๆมันชัดเจนกว่านี้กูจะบอกพวกมึงเอง โอเคนะพรุ่งนี้บ่ายเจอกัน”
“รีบไปเลยไอ้เพื่อนเหี้ย กูว่ามึงไม่พ้นไปนอนกับหญิงแหง ๆ บอกมาซะก็หมดเรื่อง จะปิดกูเพื่อ?? กลับกันเถอะเว้ยไอ้ชิพ มึงโทรบอกไอ้บุ้งให้ไปรออยู่ที่ห้องกูเลยนะ”
“เออๆสั่งมากจริง ไอ้เตี้ยเอ๊ย..” ชิพผลักหัวเมี่ยงเบา ๆ ขณะเอสส่ายหัวแล้วโบกมือไล่ เขารู้จักและเข้าใจเมี่ยงดี เพราะว่ามันเป็นห่วงถึงได้พูดจาแบบนั้นออกมา เพื่อนสนิทเขามีอยู่แค่ไม่กี่คน และแน่นอนว่าอันดับหนึ่งก็คือไอ้เมี่ยงตัวเล็กๆนั่นแหละ
ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ใครมาวะ..” ปอลุกจากโซฟา เขากำลังนอนดูการ์ตูนฟุตบอลอยู่อย่างอารมณ์ดี แต่ต้องรู้สึกหงุดหงิดเมื่อโดนขัดจังหวะ ด้วยออดที่ดังยาวแบบไม่เกรงใจ
“มาแล้วๆๆกดออดเหี้ยไรดังยาวไปถึงพระรามสี่แล้วไหมมึง..” เขาเดินบ่นไปพลางเปิดประตู สายตายังชำเลืองมองที่จอทีวีจนกระทั่งคนมาเยือนยืนเงียบกริบ เขาจึงหันมามองว่าเป็นใครกันที่มาซะดึกดื่น แต่พอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นเข่าเขาแทบทรุดกองลงที่พื้น
“......!!!!!!.......”
“เพื่อนมึงอยู่ไหม” เสียงทุ้มถามขึ้นเรียบ ๆ สายตาจ้องหน้าเขาราวกับกำลังจับไม่ให้ขยับหนีไปไหน ดวงตาคมกริบสองคู่กำลังจดจ้องกัน ปอกระพริบตาหนึ่งครั้งเรียกสติ
“มึงมาทำไม”
“มาหาเพื่อนมึง เข้าไปบอกมันว่ากูมาแล้ว..” ปอคิ้วขมวดมุ่นทันทีกับคำพูดของผู้มาเยือน เขามั่นใจว่าแคปไม่ใช่คนที่จะนัดศัตรูมาที่ห้องแน่นอนร้อยเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วที่ไอ้เหี้ยนี่พูดมันหมายความว่ายังไง
“ใครมาวะไอ้ปอ..” เสียงแคปดังขึ้นด้านหลังพร้อม ๆ กับตัวคนที่เดินเข้ามาชะเง้อมอง ปอเห็นแคปตกใจจนตาเหลือก อ้าปากหวอชี้หน้าเอสจนนิ้วสั่น
“ไอ้เหี้ยเอส!!!” แคปร้องขึ้นดังมาก มันดังมากจนปอต้องยกมืออุดปากเพื่อนตัวเองไว้ เขาจับแคปให้เดินเข้ามาเอสจึงเดินตามเข้ามาด้วยก่อนปิดประตูลงให้
“มึงมาทำไมห๊ะ..” แคปถอยไปตั้งหลัก เขายืนประจันหน้ากับเอสอย่างไม่ลดละ ไม่คิดว่าที่บอกกันตอนกลางวันเอสจะมาจริงอย่างที่พูด
“จะให้กูพูดตรงนี้จริงดิ่..”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากหยัก ฟันกระต่ายสองซี่ทำให้แคปคิ้วกระตุกขึ้นได้ เขารีบเดินไปคว้าหมับแขนมันลากเข้าไปคุยในห้องตัวเอง ขณะที่ปอนี่ยืนงงแดก ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรแบบไหน เขากะว่าถ้าได้ยินเสียงคนตีกันถึงตอนนั้นค่อยเข้าไปแยก กุญแจสำรองมีอยู่ที่ด้านนอก แคปน่าจะเอาตัวรอดได้ แต่ว่าตอนนี้เสียงคนในห้องกลับเงียบไปแล้ว ปออุ่นใจขึ้นมานิดๆเขานั่งดูทีวีต่อพลางคิดไปว่าบางทีเต้อาจใช้ให้น้องรหัสตัวเองแวะมาเอาอะไรสักอย่างกับแคป
Tbc.
มาแล้วค่าาาา ช้าไปเนอะช่วงนี้ยุ่งมากๆเลยค่ะ จะสอบแล้ว แล้วก็มินกำลังแพ็คหนังสือดอกฟ้าฯจะส่งเข้าร่วมประมูลกับทางเล้าด้วยแหละ เผื่อใครสนใจก็ไปร่วมสนุกทำบุญด้วยกันนะคะ
มีคนแซวว่านักเขียนว่าต้องเป็นคนเหนือแน่ ๆ เลย(เมื่อตอนที่แล้ว เพราะตกภาษาท้องถิ่น5555+) เอาจริงๆไม่ใช่คนเหนือค่ะ ตอนนี้มินสิงสถิตอยู่อีสานบ้านเฮา ข้าเจ้าเป็นสาวขอนแก่น-สารคามไปแล้วค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ทิ้งไว้ให้กันนะคะ ช่วยเอ็นดูเอสกับแคปต่อไปด้วยเด้อออออ