กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 15/11/59 [สเปฯ-3] P.132
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 15/11/59 [สเปฯ-3] P.132  (อ่าน 1473233 ครั้ง)

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29




(II)


“ซี๊ดด...ไอ้เหี้ย!” แคปซี๊ดปากด้วยความแสบเมื่อรอยแตกที่มุมปากซ้ายถูกสำลีชุบด้วยแอลกอฮอล์แตะเช็ด

“เจ็บไหมล่ะมึง อย่าหันหนีสิวะกูทำยากนะเนี่ย สัสเอ๊ยกูเองก็เจ็บ..” ปอทั้งทำทั้งด่า สุดท้ายเอาพลาสเตอร์ยาขึ้นมาแปะทาบให้

“พอแล้ว ติดไรนักหนาวะกะอิแค่รอยช้ำรอยแตกสองสามวันก็หายแล้ว” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจหันหน้าหนียกมือขึ้นมาผลักมือเพื่อนออก แต่ปอยังตามดึงคางมนนั้นกลับมาอีกครั้ง

“กูบอกติดก็ติดสิวะเอ๊ะ” ปอดุ

“อย่าทำ ไม่เอาเว้ยพอแล้ว” แคปว่าอย่างรำคาญ เขาผลักปอออกแล้วลุกขึ้นแต่ถูกอาร์ดึงไว้อีก

“อยู่เฉยๆน่าแคปเดี๋ยวไอ้ปอมันจัดการแผลมึงเสร็จจะได้มาทำให้กูต่อด้วย ยิ่งมึงมากเรื่องกูกับมันก็ยังไม่ได้ทำแผลเลยนะเว้ย..” เสียงเพื่อนตัวเล็กทำให้แคปต้องหันกลับมามอง แผลบนใบหน้าของอาร์มีเต็มไปหมด แน่นอนครึ่งนึงเป็นความผิดเขา เพราะว่าใจร้อนเกินไปเลยพลอยทำให้เพื่อนลำบาก และคนที่เจ็บตัวหนักสุดก็คืออาร์ เขาพาเพื่อนๆไปโดนตีนของไอ้พวกเวรนั่นอย่างช่วยไม่ได้จริง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนสนิทของไอ้เมี่ยงจะเป็นไอ้เอสคนนั้น ก็คิดอยู่เหมือนกันตอนที่อาร์เอ่ยชื่อเมี่ยงครั้งแรก คิดว่าเคย ๆ ได้ยินจากที่ไหนที่แท้พี่ชายเขาเคยพูดไว้ว่ากลุ่มน้องรหัสตัวเองมีไอ้เอสนี่แหละที่ฝีมือดีที่สุด

“มึงอย่าไปหาเรื่องมันอีกล่ะไอ้แคป เจอที่ไหนก็ไม่ต้องไปทักมันหรอก เรื่องคราวนี้ขอให้มันจบลงที่วันนี้นะเว้ย..” ปอพูดบอกแกมขอร้อง คำว่าทักที่เอ่ยไปแน่นอนว่าไม่ใช่ทักทายแบบคนทั่วไปเขาทำกันแน่ ๆ ระดับแคปนั่นคงหมายถึงหมัดถึงตีน แคปมองหน้าปออีกครั้งขณะที่มือใหญ่ทาบพลาสเตอร์ลงไปเป็นแผ่นที่สาม  มุมปากเพื่อนเขียวม่วงจนเป็นรอยช้ำ สันจมูกโด่งมีพลาสเตอร์ยาที่ปอกำลังแปะทับรอยสีเขียวอมม่วงเป็นแผ่นที่สี่ แคปกำหมัดแน่นเมื่อนึกถึงหน้าไอ้เวรนั่น ความโกรธเหมือนถูกกวนให้กรุ่นขึ้นมาอีก

“เรื่องดิ่ ไอ้เหี้ยนั่นอย่าให้กูเจอมันเชียวนะกูจะกระทืบแม่งไม่เลี้ยงเลย ลองสู้กันตัวๆดิ่วะกูไม่มีวันแพ้หรอก” แคปพูดอย่างคั่งแค้น เรื่องราวคราวนี้เขาเสียหน้ามากมายทีเดียว คนที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใครมาก่อนยกเว้นพี่ชายตัวเองต้องมายืนหมดสภาพต่อหน้าไอ้เวรตะไลนั่น ยิ่งคิดเขายิ่งหงุดหงิดและโมโห

“เออไอ้เก่งมึงคิดว่ามึงเก่งให้ได้แบบนี้ตลอดนะ มึงเห็นไหมว่าขนาดเฮียเต้ยังเกรงใจมันเลย ปากดีๆนี่เงียบไปบ้างก็ได้ มึงบอกว่าเจ็บบอกว่ากลัวมันบ้างไม่มีใครว่ามึงหรอก”

“ไม่เคยครับบอกเลย คำว่ากลัวไม่เคยมีในสาระบบความคิดของกู ยิ่งกับไอ้สันดานนั่นแล้วไม่ต้องพูดถึง เจอที่ไหนปัญหาเกิดกูรับรอง ว่าแต่มึงเหอะอะไรวะแต่ก่อนตีคู่กับกูแท้ ๆ ไหงพอเจอไอ้เหี้ยนั่นมึงถึงได้เรียบร้อยขึ้นมาแบบนี้” แคปจ้องหน้าปออย่างสงสัย ปกติแล้วไอ้เพื่อนเขาคนนี้ไม่เคยกลัวใคร ฝีมือต่อยดีพอๆกันกับเขาผิดที่ว่าปอใจเย็นกว่าหน้าตาก็เรียบร้อยต่างกับแคปทั้งใจร้อนมุทะลุดื้อดึงและที่สำคัญหน้าตากวนตีนอย่าบอกใครบางครั้งไปเที่ยวกันแค่นั่งอยู่เฉย ๆ ยังมีคนมาหาเรื่องถึงโต๊ะ

“ไม่ให้มันเงียบเชียบเรียบร้อยได้ไง มึงไม่เห็นนี่ตอนที่ไอ้เอสนั่นเดินเข้ามาครั้งแรกมันถีบไอ้ปอจนกระเด็นไปเป็นวา”

“เหี้ยปอตอนไหน ทำไมกูไม่เห็นวะ”

“ก็ตอนที่มึงเล่นไอ้ห่าเมี่ยงนั่นไง กูจะร้องบอกไอ้ปอให้ระวังก็ไม่ทันแล้ว” อาร์ชิงตอบให้ก่อนเขาปิดกล่องปฐมพยาบาลเมื่อใช้อุปกรณ์ทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย ปอยกมือขึ้นลูบ ๆ พลาสเตอร์ยาที่ทาบติดอยู่ที่ปากตัวเองหลังจากที่อาร์ผลัดหน้าที่กันติดให้เขาบ้าง 

“จุกฉิบหายกูจะบอก..” ปอแกล้งลูบท้องทำหน้าตางอๆส่งน้ำเสียงสำออยนิดๆแต่ว่าแคปดันรู้ทันตบหัวเพื่อนไปฉาดใหญ่

“มารยานักนะมึง กูรู้เหอะที่จริงมึงก็สนุกใช่ไหมล่ะ ตีคนแบบนี้มันส์ดีจะตาย เราชกมันมันชกเรายิ่งแลกยิ่งลุ้น”

“เชี่ยแคป หัวกูเสียทรงหมดแล้วห่า ทำเป็นรู้ดี”

“กูรู้ใจมึงที่สุดไม่ใช่ไง หมาตัวไหนเคยบอกมาตั้งแต่มอสี่แล้ววะ”

“มอสามหรอกไอ้เหี้ย” ปอสวนกลับแต่ไม่ทันที่อาร์ชิงพูดขึ้นอีก  “มอสองต่างหากกูจำได้”

ว่าแล้วพวกเขาสามคนก็หัวเราะกัน ก่อนที่จะแยกย้ายกันนอนกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นบ้างที่นอนบ้างนานจนถึงเย็นเจ้าของห้องอย่างอาร์ตื่นขึ้นมาก่อนเขาอาบน้ำแต่งตัแล้ววจึงปลุกแคปและปอให้ลุกขึ้น สองคนงัวเงียขี้เซาเป็นนิสัยประจำตัวโดยเฉพาะแคปที่เวลาง่วงหรือนอนไม่พอนิสัยจะออดอ้อนเหมือนเด็กน้อยมากผิดกับเวลาปกติ

“ไอ้แคปเดินให้มันตรงสิวะ แบบนี้กูจะไว้ใจให้มึงขับรถกลับคนเดียวได้ป่ะเนี่ย..” ปอเขย่าตัวแคปเบา ๆ พวกเขาสามคนเดินลงมาที่ใต้หอเพื่อเอารถ ปอตื่นเต็มตาแล้วแต่แคปยัง

“ขับรถให้หน่อย...” แคปทำเสียงอ้อน ๆ แกล้งซบไหล่เล็กของอาร์แล้วทำท่าเหมือนจะกัดกินจนอาร์ต้องใช้สายตาปรามแล้วดันหัวออก ปอดึงแคปบอกให้เดินให้ตรงทางเขาจึงเปลี่ยนเป็นเดินเซไปเซมาแทน

“บอกว่าให้ไปแชร์ห้องอยู่ด้วยกันตั้งแต่แรกก็ไม่ยอม เห็นป่ะล่ะเสียเวลาพวกกูต้องมากินนอนที่ห้องมึงแทบจะทุกวันเนี่ย ฮ้าวววว” แคปพูดเสียงติดงัวเงียสุดท้ายก็หาวออกมาหวอดใหญ่ ก่อนชูสองมือขึ้นบิดขี้เกียจ สร้อยข้อมือสีเงินที่ใส่ประจำห้อยสะท้อนแสงสวยงาม ของติดตัวชินนี้พี่ชายเขาเป็นคนซื้อให้ตอนที่สอบเข้ามหาลัยเดียวกันได้เมื่อปีที่แล้ว

“เอาเหอะกูอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้วใกล้มหาลัย” อาร์ว่า

“เออๆเรื่องของมึงเหอะพวกกูจะกลับแล้ว ไอ้แคปมึงกลับกับกูละกันรถมึงจอดไว้ที่หอไอ้อาร์นี่แหละพรุ่งนี้เรียนเสร็จเดี๋ยวค่อยแวะมาเอา” ปอชักห่วง ๆ กลัวว่าแคปยังไม่สร่างง่วงดีเลยเสนอให้กลับรถตัวเอง ปกติก็แชร์ห้องกันอยู่กับแคปอยู่แล้วเวลาไปเรียนเขาสองคนใช้รถแค่คันเดียว แต่วันนี้แยกกันมาเพราะแคปบอกจะแวะไปบ้านก่อนจะมาที่หออาร์เพราะงั้นรถพวกเขาเลยมีถึงสองคัน

“เฮ้ยไม่ได้!” แคปรีบสวนขึ้นหน้าตาที่เคยงัวเงียตื่นขึ้นทันที

“พรุ่งนี้กูต้องไปรับน้องแยมไปเรียนเช้าเว้ย จะทิ้งรถไว้ที่นี่ได้ไงเล่า”

“เออไอ้เหี้ย พอเรื่องเมียนี่ตาโตเชียวนะ ทั้งที่เปลี่ยนมาตลอดแท้ ๆ ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้เป็นคิวน้องแป้งนะมึง หลงคิดว่าเป็นน้องแยมไปเองซวยตายห่าเลย..” ปอเบรกเพื่อน

“เสือก เรื่องของกูกูจัดคิวเองได้เว้ย”

“แหมกูอยากเสือกนักนะถ้าไม่ใช่เพราะทั้งน้องแป้งทั้งน้องแยมนี่กูทั้งนั้นที่จีบมาก่อนพอมาเจอมึงนี่เปลี่ยนใจมาหามึงแทบทุกคนกูอยากรู้ฉิบหายเลยว่ะมึงแม่งมีอะไรดีนักหนา”

“หึหึ....”

“สัส..”

“ผู้หญิงน่ะยิ่งร้ายยิ่งชอบมึงไม่รู้?  ยิ่งเวลากูดูดบุหรี่แล้วต้อนเธอเข้ามุมเพื่อบดจูบนะ แม่งอ่อนระทวยไปแทบทุกรายแหละ หึหึหึ” 

อาร์กับปอพร้อมใจกันเบะปากก่อนลงมะเหงกใส่หัวแคปไปพร้อม ๆ กัน เจ้าตัวดีรีบเปิดรถตัวเองแล้วขับหนีออกไปทิ้งไว้แต่เสียงหัวเราะทะเล้นที่หากไม่สนิทกันจริง ๆ จะไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวขี้เล่นได้ขนาดนี้

“กูไปนะ..” ปอหันไปบอกอาร์ก่อนที่ตัวเองจะออกรถตาม


.


“มีไร..” แคปยกมือถือขึ้นมากดรับ เขาเดินจวนจะถึงห้องอยู่แล้วขณะที่ปอเป็นฝ่ายทาบการ์ดแล้วเปิดเข้าไปก่อน สองคนเป็นรูมเมทกันตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง

(พูดกับกูนี่ห้วนได้อีกนะมึง ไอ้น้องแสบ)

“ไม่อยากคุยกับพี่ว่ะ” แคปเดินตามเพื่อนเข้าห้อง เขานั่งลงที่โซฟายกขาขึ้นมาพาดไว้

(อย่ามากวนตีน แผลเป็นไง มึงเจ็บหนักรึเปล่า)

“ถามทำไมเพิ่งนึกได้หรือไงว่ามีน้องชื่อแคป”

(เดี๋ยวเหอะมึงหาเรื่องกูจริง ๆ นะ ถ้าไม่ห่วงจะโทรหาไหมบอกกูมาดิ๊ เจ็บมากรึเปล่า)

“..........”

(ผู้หญิงเหรอมึงงอนไม่เข้าเรื่อง)

“เกลียดคนพูดมาก”

(โอ๊ยยย ครับๆ กูไม่พูดแล้วครับ แบบนี้พอใจแล้วใช่ไหมครับคุณน้องแคป”

“หึหึหึ”

(หัวเราะกูได้นี่แสดงว่ามึงไม่เป็นไรเลยนี่หว่า ไอ้น้องแสบกูก็นึกว่ามึงจะนอนท้องระบมเพราะเจอตีนน้องรหัสกู)

“ไม่มีทางหรอก ระดับผมความเร็วตีนแค่นั้นไม่มีทางโดนอยู่แล้ว ดูด้วยพ่อผมใครส่วนพี่อย่าไปพูดถึงมัน”

(เดี๋ยะๆมึงโดน)

“ขำป่ะล่ะ”

(ขำบ้านมึงดิ่ บอกกูมาเร็วเข้าไม่เป็นไรมากใช่ไหมพ่อโทรหากูว่ามึงโดนตีนใครแล้วเรื่องแตกนะ กูนี่แหละจะเจอ)

“ก็บอกแล้วไงไม่เป็นไรสักหน่อย ลาเต้อย่าห่วงน่า..”

(ไอ้แคป!)  เสียงเต้เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นบอกเป็นนัยให้แคปรู้ว่าพี่พูดจริงถามจริง เขาเองก็ขี้เกียจกวนตีนต่อยอมรับไปเลยง่าย ๆ

“เออๆ เจ็บเชี่ยๆ หมัดหนักฉิบ น้องรหัสกับพี่รหัสแม่งไปฝึกมวยมาจากที่เดียวกันป่ะวะเนี่ย ดีนะไม่โดนตีนมันด้วยไม่งั้นป่านนี้จะเดินตรงๆได้เหรอ”

(หึหึหึ)

“แล้วพี่มีอะไรอีกป่ะล่ะ ไอ้ปอมันมองผมตาเขียวแล้วเดี๋ยวไปล้างจานก่อนวันนี้หน้าที่ผมเหอะ” แคปมองไปที่ครัวปอยืนรื้อข้าวของในตู้เย็นออกมากอง ๆ ไว้ที่โต๊ะ คงกำลังคิดว่าเย็นนี้จะทำอะไรกินกันดี

(ไม่มีหรอกแต่กูอยากจะเตือนมึงไว้อย่าง  กูไม่รู้นะพวกมึงสามตัวไปทำอิท่าไหนกันมา แต่บอกไว้ก่อนว่าไอ้เอสไม่ใช่คนที่มึงจะฟัดกับมันได้ง่าย ๆ แล้วเพื่อนกลุ่มมันทุกคนก็ไม่ใช่คนที่มึงควรจะยื่นมือเข้าไปยุ่ง)

“ผมกลัวมันตายล่ะ พี่คิดว่าผมกลัวมันงั้นดิ”

(เออมึงเก่งกูรู้ แล้วแต่ละกันเจอมันก็อย่าหลบล่ะ เป็นไรขึ้นมาก็ให้เพื่อนมึงใส่ยาให้นะถ้าเพื่อนมึงยังจะพอทำได้ไม่กระดูกร้าวไปก่อนมึง)

“ไม่อยากคุยแล้ว คำอวยพรไม่ได้เรื่อง วางแล้วนะ”

(แคปอย่า..กูพูดจริง อย่ามีเรื่องกับมันอีกได้ไหม เจอที่ไหนก็ทำเป็นไม่เห็นไม่รู้จักมันซะ ตรงๆเลยนะถ้าหากมึงมีเรื่องขึ้นมาอีกจริง ๆ กูเองก็คงต้องกลายเป็นศัตรูกับน้องรหัสตัวเองแน่ๆมึงรู้อยู่แล้วกูเลือกใคร)

“..........” แคปเงียบไป เขาคว้าซองบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้หนึ่งตัว ลุกขึ้นมองซ้ายมองขวาหาไฟแช็คมาจุด ก่อนเลื่อนประตูระเบียงเพื่อออกไปยืนดูด

(เงียบทำไม โกรธกูอีก เอาเข้าไป)

“ไม่สัญญาว่าจะทำได้อย่างที่บอก แต่จะอดทนให้ถึงที่สุด” เต้รู้ดีว่าถ้าแคปพูดจริงจังน้ำเสียงจะเป็นแบบนี้เสมอ

(ดีมากคาปูคนสวย ถ้ามึงอดทนจนสุดแล้วมันเกินลิมิตของมึง ถึงตอนนั้นจัดเต็มไปเลยไอ้น้อง เข้าใจความหมายกูนะ)

“ผมชื่อแคปครับ คาปูนั่นมันพี่ปัญญาอ่อนเรียกเมื่อสิบปีที่แล้ว ดูหน้าผมด้วยจะเรียกคนสวยก็ให้เกียรติหน้าตาผมหน่อย) แคปส่ายหัวกับคำพูดหยอกล้อของพี่ชาย เมื่อก่อนเขาน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงก็จริง แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้น ถึงแม้ว่าลาเต้มักจะหยิกแกมหยอกเขาแบบนี้เสมอ

(หึหึหึ แค่นี้เว้ยไอ้หมา ไว้เจอกันวันอาทิตย์กลับบ้านนะมึง พ่อถามหาแล้ว)

“ครับพี่..”

(น้องกูนี่น่ารักที่คำลงท้ายเหรอวะ.....)

“........”  แคปรีบกดวางสายแล้วดับบุหรี่ก่อนเปิดประตูเดินเข้าห้อง เขาโยนมือถือทิ้งที่โซฟาพลางบ่นอุบอิบเหมือนทุกๆครั้งเวลาที่โดนพี่ชายแซว  เพราะเต้ชอบทำเหมือนเขาเป็นน้องสาวมากกว่าน้องชายไม่รู้ทำไมตั้งแต่เด็กทั้งพ่อทั้งพี่ชายดูแลเขายิ่งกว่าเด็กผู้หญิง แคปเคยสรุปเอาเองว่าอาจเพราะบ้านเขามีแต่ผู้ชายล้วน และเขาเป็นลูกคนเล็กทั้งพ่อทั้งพี่จึงตามใจและดูแลเขามากเป็นพิเศษ อีกทั้งตอนเป็นเด็กพ่อมักตัดผมให้เขาเป็นทรงบ๊อบน่ารักๆเข้ากับใบหน้ารูปไข่ปากนิดจมูกหน่อยบวกกับผิวขาวเนียนอมชมพู หลายคนเลยพลอยคิดว่าเขาเป็นเด็กผู้หญิง อีกทั้งเขากับพี่ชอบแกล้งกันอยู่ตลอดตั้งแต่เล็กจนโตพี่เต้ชอบอุ้มเขาไปอวดคนนั้นคนนี้แล้วบอกคาปูเป็นตุ๊กตาที่น่ารัก แต่ตอนนี้มาดูหน้าเขาเถอะมันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักกะนิด

“ทำไรกินวะ...” แคปคว้าเอาหมอนอิงขึ้นมากอดพร้อมเดินไปชะโงกหน้าดูในครัว

“มึงอยากกินอะไร มีแค่ไข่กับเนื้อปูสำเร็จ กินเหมือนเดิมอีกมึงเบื่อป่ะล่ะ..” ปอเงยหน้าถาม แคปส่ายหัวบอกไม่เบื่อ เขาลากเก้าอี้ออกมาแล้วคร่อมขานั่ง ซบหน้าลงที่หมอนมองดูเพื่อนตอกไข่ลงในถ้วย

“ถ้าว่างนักมึงก็ไปล้างจาน สองใบตั้งแต่เมื่อเช้ายังกองอยู่ในซิ้งค์เลยเหอะ” ปอบรรจงเทเนื้อปุลงในไข แคปสังเกตดูเขาไม่ได้ใส่น้ำปลาอีกแล้วไม่รู้ว่าทำไม กระทะน้ำมันร้อนมากจนควันขึ้น ปอเทไข่เจียวลงไปเสียงฟู่ววววว ส่งกลิ่นหอมหวลไปทั่วครัว

“หอมมมม..” แคปทำจมูกฟึดฟัด  “หิวว่ะ..”

“อย่าเพิ่งเปิดสิวะข้าวยังไม่สุก” ปอตีมือแคปเมื่ออีกฝ่ายจู่ ๆ เดินมาเปิดฝาหม้อหุงข้าว

“หิวแล้วก็หอม”

“เออๆกูรู้ แต่มึงต้องรอเดี๋ยว ไปอาบน้ำไปออกมาข้าวสุกพอดี”

“ห้ามกินก่อนกูนะมึง กูกลัวมึงกินก่อน”

“เออไอ้ห่า กูคงกินก่อนมึงได้หรอกข้าวยังแฉะเป็นข้าวต้มอยู่เนี่ย” แคปคว้างหมอนกลับไปโยนไว้ที่โซฟายาว เขาชี้หน้าปอแล้วรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำ จริง ๆ คงจะเรียกว่าวิ่งผ่านน้ำมากกว่าเพราะแคปใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็เดินใส่เสื้อออกมาขณะที่หัวยังเปียกโชก

“เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกมึง”

“กูสน?” แคปว่าแล้วเขี่ยขาปอให้หลีกจากทางพร้อมแทรกตัวเข้ามานั่งที่ประจำ ข้าวรอพร้อมไว้อยู่แล้ว อาหารมีอยู่แค่อย่างเดียวคือไข่เจียวปูกับซุปมิโซะคนล่ะถ้วย

“อร่อย..” เขาว่าทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก มือกดรีโมทหาช่องทีวีรายการโปรด

“ยังจะกินได้อยู่นะมึง”

“ทำไมวะ  อ้าวแล้วทำไมมึงไม่กินอ่ะ..” แคปหันมาถามเพื่อน ตอนแรกเขาไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำว่าปอเอาแต่นั่งดมข้าวเขี่ยแล้วเขี่ยอีก หน้าตาไร้อารมณ์บอกยี่ห้อว่าไม่สนใจอยากจะกินเลยด้วยซ้ำ

“เจ็บปากอ่ะดิ” ปอว่า

“หือ??” แคปงับช้อนเข้าไปอีกคำ

“เชื่อมึงเลยโดนชกมาแบบนั้นยังทำเฉย”

“อ้าว งั้นจะให้กูนั่งโอดโอยว่าเจ๊บเจ็บแบบนั้นเรอะ..” เอาจริง ๆ ยาดีมากเลยนะ ไม่รู้ทำไมไม่ค่อยระบม

“เปล่า เออมึงกินต่อเหอะ กูก็แม่งถามไปงั้น..” ปอส่ายหัวให้ตัวเองพอๆกับที่งงๆไปกับแคป แต่ในที่สุดเขาก็คว้าจานตัวเองขึ้นมากิน สองคนกินไปดูการ์ตูนไปหัวเราะกันไป ช่วงนี้โดเรมอนกลับมาฮิตอีกแล้ว

“วันนี้มึงไปค้างกับแพรรึเปล่าวะ..” แคปกินคำสุดท้ายเสร็จ เขาลุกขึ้นถือจานไปเก็บแล้วเปิดตู้เย็นเอาน้ำเปล่ามาดื่ม

“แพรกลับบ้าน เดี๋ยวพรุ่งนี้กูต้องไปรับเขาที่สนามบินแต่เช้าเลย”

“อ่อ..”

แคปพยักหน้ารับรู้ คืนนั้นเขาลุกขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงปอเพ้อดังมาก พอไปจับตัวดูถึงได้รู้ว่าเพื่อนมีไข้ต่ำๆ ปอกุมท้องไว้ตลอดแล้วบอกว่าเจ็บ พอแคปเปิดดูถึงได้รู้ว่าท้องปอเขียวช้ำมากคงเพราะตอนโดนไอ้เวรนั่นถีบจนกระเด็น ยิ่งดูก็ยิ่งแค้นแคปกำหมัดแน่นก่อนเอายาฟกช้ำมานวดให้แล้วบอกปอว่าให้นอนดี ๆ 

“เออๆ มึงไปนอนเหอะกูฝันว่ะโทษที”

“......” แคปมองหน้าเพื่อนอย่างไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ รอยช้ำที่หน้าดีขึ้นแล้วแต่แผลที่ท้องทำให้เขาห่วง

“ไปหาหมอไหมมึง”

“บ้าดิ่  แผลแค่นี้ไกลหัวใจเว้ย กูบอกแล้วไงว่าฝันเลยละเมอเสียงดัง มึงกลับห้องไปได้แล้วไปล๊อคห้องให้กูด้วยนะ” ปอว่าจบตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมโปง แคปยืนจ้องอยู่สักพักตัดสินใจเดินกลับไปหอบหมอนหอบผ้าห่มมานอนข้างกัน

“ทำเหี้ยไรของมึง” ปอโวยวายลุกขึ้นนั่งมองคนที่ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขา

“กูบอกแล้วไงว่ากูไม่เป็นไร จะมานอนด้วยกันทำไมล่ะวะเตียงยิ่งแคบ ๆ ไอ้แคปมึงกลับไปนอนห้องมึงเลย”

“อย่าละเมอจนถีบกูตกเตียงล่ะสัส  นอนๆเดี๋ยวพรุ่งนี้มึงจะได้ตื่นไปรับเมียแต่เช้าไง” แคปไม่สนใจที่เพื่อนไล่ให้ไปนอนห้องตัวเอง เขาพูดจบกดหัวเพื่อนให้นอนลงไปส่วนตัวเองก็นอนหลับตาอยู่ข้าง ๆ กัน ปอจับมือแคปเหวี่ยงไปหาเจ้าตัว เขาจะอ้าปากด่าอีกก็เจอแคปกดหัวลงมาอีกปอเลยต้องจำใจได้ยินแต่เสียงเล็กหัวเราะหึหึกลับมาอีกปออมยิ้ม ในที่สุดเขาก็หลับลงไปโดยมีเพื่อนสนิทที่สุดนอนอยู่ข้าง ๆ


.

.

(ต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2015 22:52:31 โดย coffeeQbread »

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29
.

.

“พี่แคปช่วยแยมกินสิคะ ไหนบอกแยมว่าร้านนี้อร่อยไงตัวเองไม่เห็นจะสั่งเลยอ่ะกินแต่กาแฟขมๆอยู่นั่นแหละ” น้องแยมเด็กบริหารตัวเล็กน่ารัก ผิวขาว ผมสีน้ำตาลยาว สเป็คเดิมๆของแคป

“อะไรกาแฟขมๆนี่เขาเรียกเอสเพรสโซ่  แยมเอาเค้กเพิ่มอีกไหมครับเดี๋ยวพี่ไปสั่งให้นะ”

“บ้า แยมอ้วนเป็นหมูแล้วยังจะถามอีก เค้กสามชิ้นผู้หญิงที่ไหนเขากินกันล่ะ”

“อาทิตย์ละครั้งไม่เป็นไรมั้ง..” เขาพูดอย่างเจ้าเล่ห์ แคปยกยิ้มนิดๆพร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยลูกเล่นแพรวพราว ก่อนยกแก้วกาแฟขึ้นดูด

“พี่แคปชอบกินเอสเพรสโซ่เหรอคะ มาทีไรสั่งแต่อันนี้อ่ะ ไม่กินอันอื่นๆบ้าง คาราเมลเฟรปเป้เขาก็อร่อยนะ ลาเต้ ม็อคคา คาปูชิโน่”

“ไม่ครับ ของพี่ต้องเอสเพรสโซ่เท่านั้น” แยมไม่เคยรู้ว่าชื่อจริงของแคปคือ คาปูชิโน่ จะว่าไปพ่อเขานี่ถือว่าแปลกมากทีเดียว เฮ้ยโก้เป็นบาริสต้าที่หลงใหลการสะสมเมล็ดกาแฟและชื่นชอบการชงกาแฟทุกรูปแบบ เพราะงั้นจงอย่าแปลกใจที่เขากับพี่ชายถึงมีชื่อแปลกประหลาดอะไรแบบนี้

“แต่จริง ๆ กาแฟที่แยมพูดมาทั้งหมดนั่นต้องใช้เอสเพรสโซ่เป็นตัวชงนะ พี่ถึงมีความรู้สึกว่าเอสเพรสโซ่เพียวๆไปเลยมันน่าจะอร่อยกว่า ซึ่งมันก็อร่อยจริง” น่าเสียดายอีกอย่างที่แยมไม่เคยรู้ว่าบ้านแคปเปิดร้านกาแฟ เขาเคยคิดว่าสำหรับคนที่เขาจริงจังด้วยเท่านั้นจึงจะพาไปกินกาแฟฝีมือเฮียโก้ได้

“รักเดียวใจเดียวว่างั้นเถอะ”

“อือฮึ  เอสเพรสโซ่กินแล้วไม่อ้วน ไม่มีนม นมน้อย ไม่เหมือนพวกชาเขียวปั่นนี่ นมเยอะแต่ไม่อร่อย..” แคปแกล้งกัดน้องแยมด้วยคำพูดเบา ๆ เพราะเธอชอบกินแต่ชาเขียวที่ทั้งหวานทั้งมัน แล้วก็ชอบมาบ่นว่าตัวเองอ้วน

“พี่แคปบ้า ถามจริงแยมอ้วนมากป่ะ เดี๋ยวจะลดน้ำหนักอยู่นะ พี่แคปอย่าเบื่อแยมนะคะ” เมื่อผู้หญิงถามว่าตัวเองอ้วนไหมผู้ชายจะมองที่ตรงไหนถ้าไม่ใช่นมตูดและขา แคปกวาดสายตาทั่วร่างเล็กด้วยความชำนาญทำทีเป็นขยับตัวออกนิดๆจะได้มองท่อนขาเพรียวที่ใต้โต๊ะได้ถึง

“ไม่เบื่อหรอกครับ พี่ชอบอ้วนๆนะกอดแล้วอุ่น” ความจริงเขารู้สึกดีๆนะกับผู้หญิงอวบนิดๆ ผอมแห้งมากๆไม่สเป็ค

“คนบ้า หนักจะตายยังจะชอบอีก” แยมเขินกัดหลอดจนเหมือนจะขาดเป็นสองท่อน

“หนักตอนไหนอ่ะ ไม่หนักนะไม่ได้รู้สึกว่าหนักเลยนี่”

“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวพอเจอผู้หญิงสวย ๆ หุ่นดีๆพี่แคปก็เบื่อแยม พี่แคปเจ้าชู้เขารู้กันหมดอ่ะ” 

“เจ้าชู้ที่ไหน มีแยมคนเดียว”

“อย่ามาตอแหล แยมรู้หรอกเรื่องยัยแป้งสาววิทย์คอมอ่ะแต่นี่ทำไม่รู้ไม่เห็นให้หรอกนะขี้เกียจมีปัญหา ถ้าแยมยังเป็นที่หนึ่งของพี่อยู่ก็โอเคอ่ะ ยกเว้นแค่อย่างเดียว..”

“จริงดิ่?  อะไรครับ...” แคปเลิกคิ้วถาม นี่คือข้อดีอย่างนึงของแยมที่ทำให้แคปคบเธอได้นานกว่าทุกคนหน่อย ๆ

“ถ้าพี่แคปคบผู้ชายเมื่อไหร่ก็บายค่ะ แยมซีเรียสมากนะเรื่องเนี๊ยะ ตอนที่ตัดสินใจคบพี่นะดูแล้วดูอีกจนแน่ใจว่าพี่แคปไม่ใช่แน่ ๆ อ่ะ”

“ตลกแล้วครับแยม พี่ไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก ทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ยให้แยมคนเดียวเลยนะ ทำให้รู้อยู่เกือบทุกครั้งที่ไปค้างด้วยแล้วนี่” แคปส่งสายตาเจ้าชู้ ยื่นหน้าไปใกล้ ๆ จนหน้าผากจะชนกับเธอแล้วทำเสียงกระซิบกระซาบที่ท้ายประโยค

“คนบ้าเมื่อคืนก็ไม่มาค้าง แยมรอตั้งนาน คนเจ้าชู้..”  แยมเอื้อมมือมาตีแขนเขาเบา ๆ  เธอหน้าแดงนั่งม้วนไปม้วนมาแคปเลยคว้ามือเธอมาจับไว้ก่อนที่แยมจะตักเอาเค้กสตอเบอรี่ชิ้นนุ่มป้อนส่งให้ทาน มุมปากเจ้าเล่ห์ของแคปจุดรอยยิ้มขึ้นอีกครั้ง จ้องหน้าเธอด้วยสายตาที่แพรวพราว

“ไหนว่าชอบให้พี่เจ้าชู้ไง..” กลิ่นหอมของสตอเบอรี่ลอยออกมาจากปากที่ใกล้ชิดกัน

“คนนิสัยไม่ดี อย่าทำสายตาแบบนั้นใส่แยมนะ” แยมเขินอายขึ้นอีกเป็นเท่าตัว พอดีว่ามีข้อความเข้ามาแคปเลยนั่งกดโทรศัพท์มือถือไป แยมเองก็ทานเค้กกับดูดชาเขียวปั่นไปเรื่อย ๆ เขาสองคนไม่ได้รีบร้อนไปไหน วันนี้แยมมีเรียนเช้าตัวเดียวเพราะงั้นแคปเลยอาสาว่าจะไปรับที่หอ เขารอจนเธอเรียนเสร็จแล้วจึงพามาทานเค้กกันแถวหน้ามหาวิทยาลัย บรรยากาศดีๆกับร้านกาแฟบวกไอศครีมที่สาวๆชื่นชอบ



ขณะเดียวกัน

“เมย์จะลงไหมครับ เดี๋ยวพี่แวะซื้อกาแฟให้เพื่อนแปป”

“ไม่อ่ะค่ะร้อนเมย์ไม่อยากลง พี่เมี่ยงนี่ก็เหลือเกินทำไมไม่ขับรถมาซื้อเองนะใช้พี่เอสทำไมก็ไม่รู้ต้องถ่อออกมาแต่เช้าเนี่ยยังนอนไม่อิ่มเลย”

“บ่นทำไม น่าเบื่อ”

“เอ๊ะ พี่เอส อย่ามาว่ากันนะ”

“ถ้าไม่อยากให้พี่ดุก็อย่าลามปามเพื่อนพี่แบบนั้น”

“อ๋อ แตะไม่ได้ใช่ไหม พี่เมี่ยงนี่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็สำคัญกับพี่เสมอนะคะ สำคัญกว่าเมย์อีกงั้นสิ”

เอสเบรครถลงทันทีที่คำประชดประชันหลุดจากริมฝีปากเล็ก เขาส่ายหัวก่อนเปิดรถแล้วเดินลงไปทิ้งให้น้องเมย์ดาวบัญชีของปีนี้ที่คบกับเขามาได้เดือนกว่า ๆ หงุดหงิดหัวเสียอยู่คนเดียว ไม่รู้เพราะนิสัยขี้เบื่อและไม่ค่อยจริงจังอะไรกับใครนานๆใช่รึเปล่าที่ทำให้เขาคบใครได้ไม่ทนไม่นานขนาดนี้ สถิติสำหรับคนที่ยาวนานที่สุดที่เคยคบมาคือสองเดือนกับอีกสิบสี่วันเป็นข้อมูลจากพวกไอ้ชิพและไอ้เมี่ยง  ไม่รู้ว่าเขาจะทนความเอาแต่ใจของเธอได้อีกนานแค่ไหน 

“คาปูชิโน่เย็นกับม๊อคค่าเฟรบเป้ครับ”

“แก้วเล็กแก้วใหญ่คะ”

“แก้วใหญ่ทั้งคู่ครับ”  เอสเดินเข้ามาสั่งที่เคาน์เตอร์ จ่ายเงินเสร็จรอรับเครื่องดื่มฟังเพลงบรรเลงเบา ๆ ที่คลอเรื่อยๆแต่  เสียงทุ้มๆของใครสักคนที่กำลังนั่งป้อหญิงดันแว่วมาเข้าหู

“ไหนดูซิแก้มยุ้ยๆนี่เปื้อนเค้กไปหมดแล้วครับ พี่เช็ดให้นะ..” เอสมองคนที่นั่งหันหลังให้เขาในทันที สาวสวยที่นั่งอยู่ต่อหน้ายิ้มเขินหน้าแดงมีเอามือไปหยิกแขนอีกฝ่ายนิดๆด้วย

“อย่าสิพี่แคปน่ะ แยมไม่ใช่เด็กสักหน่อยเช็ดเองได้น่า..”

“อย่าดื้อสิครับ เดี๋ยวพี่เช็ดให้ ดีกว่าน้องแยมเช็ดเองตั้งเยอะนะ..”

“......” แยมนั่งนิ่ง ๆกัดปากรอ ให้แคปหยิบทิชชู่มาเช็ดออกให้ ขณะที่ตากลมโตมองไปรอบๆอย่างเขินอายกลับมาสะดุดลงที่ชายหนุ่มคนที่กำลังยืนรอกาแฟอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ แยมกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ๆ พลางกล่าวโทษตัวเองว่าผู้ชายหน้าตารูปร่างดีคนนี้เข้ามายืนอยู่ต่อหน้าต่อตาเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่รู้ตัวเลยสักนิด เอสมองเห็นตาโตๆจ้องเขาแทบจะกลืนกินลงไปทั้งตัวก็อดที่จะนึกขำออกมาไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ลุคภายนอกน่ารักเรียบร้อยแต่แววตานั้นยั่วยวนและเต็มไปด้วยลูกเล่นที่แพรวพราวเหมือนสาวเปรี้ยวที่เขามักเจอตามสถานเริงรมย์ยามค่ำคืน ที่จริงแล้วเขาไม่ได้สนใจอะไรเธอนักหรอกถ้าจะจำไม่ได้ว่าไอ้แผ่นหลังของคนที่นั่งป้อสาวหันหลังให้เขาอยู่ตอนนี้คือไอ้แคป!   ไอ้เด็กเกษตรคนที่พาเพื่อนมาหาเรื่องไอ้เมี่ยงเพื่อนเขาเมื่อวาน รสจุกที่ท้องกับรอยเขียว ๆ ที่ขายังทำเขาเจ็บระบมมาจนถึงตอนนี้

เอสพยักหน้านิดๆยกยิ้มกรุ้มกริ่มให้เธอแค่นั้นก็ทำเอาแยมแทบละลาย เธอจ้องเขาชนิดว่าไม่ยอมให้หลุดออกจากกรอบสายตาเลยแม้แต่นิด

“มีอะไรครับแยม..” ดูท่าแคปจะรู้ตัวซะแล้วว่าผู้หญิงของเขากำลังจ้องใครบางคนอยู่ด้านหลังตัวเขาเอง

แคปหันขวับกลับมามอง ตาเฉี่ยวเบิกกว้าง คิ้วกระตุกขึ้นมาทันทีเพราะเอสยังยกยิ้มให้แฟนของเขาไม่หยุด แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่าไอ้เหี้ยนั่นมันยักคิ้วกวนตีนส่งมาให้แคปอย่างท้าทาย

“สัส...”  แคปแค่นสบถในคอ กำลังจะลุกขึ้นอย่างฉุนเฉียว อยากจะเดินเข้าไปกระชากไอ้บ้านั่นแล้วชกตามันสักหมัดสองหมัดตอบแทนที่มันตบหน้าเขาเมื่อวานกับรอยชกที่ปากนี่อีก ยังเจ็บไม่หาย แต่สัญชาตญาณบางอย่างเตือนให้เขาชะลอทุกอย่างไว้ก่อนเมื่อน้องพนักงานเรียกไอ้บ้านั่นเพื่อรับเครื่องดื่ม

“ขอบคุณครับ” เอสบอกขอบคุณอย่างสุภาพแล้วหันมาแสยะยิ้มยั่วให้แคปอีกครั้ง คราวนี้คนตัวเล็กไม่รอช้าลุกขึ้นทันทีแต่เอสที่ไวกว่าก้าวเข้ามากดไหล่เขาให้นั่งลงตั้งแต่เมื่อไหร่

“ทำหน้าตาแบบนั้นเดี๋ยวแฟนมึงก็กลัวหรอกว๊า..” เขากระซิบที่ริมหูเล็ก แคปรีบผลักออกแล้วสบถเบา ๆ กะให้เอสได้ยินแค่คนเดียว 

“สัส...ออกไปให้พ้นกูเลย”

“หึ ตลก กูอยากใกล้มึงรึไง..”

“......” แคปชี้หน้ากัดฟันกรอดด้วยความโมโห จะด่าจะว่าก็ได้ไม่เต็มปาก เห็นแก่ที่เขาพาสาวมากินเค้กอารมณ์ดี ๆ ทำไมต้องซวยมาเจอไอ้ห่านี่ด้วยก็ไม่รู้

“แฟนมึงน่ารักนะ..” เอสนึกสนุกลากเก้าอี้ออกมานั่งลงข้างๆ แคปรีบขยับออกห่าง

“ปัง!  ไอ้เหี้ย  มึงจะเอาไงกับกู..” แคปตบโต๊ะเสียงดัง ด่ากราดขึ้นพลางลุกพรวดพราดทำหน้าตาน่ากลัว จนคนทั้งร้านหันมามอง แยมเองก็ดูตกอกตกใจขณะที่เอสดึงแขนแล้วกระชากให้นั่งลงที่เดิม

“บอกแล้วไงมึงจะทำให้น้องเขากลัวนะ..” แคปกัดฟันกรอด มองหน้าแยมที่เริ่มซีดขึ้นนิดๆ เธออาจจะกำลังกลัวเขาอยู่จริงอย่างที่ว่า แคปโหมดนี้แน่นอนว่าแยมยังไม่เคยได้เห็น เพราะงั้นเขาจะนับหนึ่งถึงสิบปลอบใจตัวเองให้เย็น ๆ ไว้ก่อน

“พี่แคปเป็นอะไรรึเปล่าคะ”  แคปส่ายหน้าบอกว่าไม่ แยมไม่อยากเซ้าซี้อีกตอนนี้เธอโฟกัสสายตาไปที่อีกคนมากกว่า ซึ่งนั่นยิ่งทำให้แคปหงุดหงิด

“อะ...เอ่อ พี่คือพี่เอสใช่ไหมคะ พี่เอสวิศวะปีสอง..” แยมถามขึ้นอย่างไม่รู้เรื่องว่าสองคนแทบจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว  เธอกัดปากรอคำตอบด้วยใจที่เต้นดังตุ่บตั่บ เธอเคยเห็นเขาตั้งแต่งานมหาลัยเมื่อต้นปี ตอนนั้นพวกรุ่นพี่หลายคนบอกให้เธอรู้ว่าเอสคือคนที่เมื่อปีกลายวิศวะอยากจะให้ลงประกวดเดือนคณะมากที่สุด แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจโดนตื้อแค่ไหนก็ไม่ยอมสนทั้งที่รูปร่างหน้าตาชนะคนอื่นๆชนิดขาดลอย และที่เป็นข่าวครึกโครมแบบสุดๆคือตอนที่เอสกับพี่รหัสของเขามีเรื่องมีราวกับคณะสัตวแพทย์ตอนงานกีฬาของมหาลัยทีมบาสสองคณะแทบจะฆ่ากันตายเดือดร้อนกรรมการจากคณะเทคนิคการแพทย์ต้องเข้ามาช่วยห้าม ตอนหลังได้ยินข่าวว่ากอดคอกินเหล้าเข้าใจกันดีแล้ว

“ใช่ครับ รู้จักพี่ด้วยเหรอ..” เอสมองหน้าเธอพร้อมกับค้อมหัวให้นิดๆ ไม่คิดว่าเธอจะรู้จักเขาด้วย

“โอ๊ยแยมดีใจจังเลยค่ะ เคยเห็นพี่ตั้งแต่ตอนช่วงงานเฟรชชี่ไนท์ของมหาลัย พี่ดังมากเลยรู้ไหมคะ สาวๆคณะแยมไม่มีใครไม่รู้จักพี่หรอกค่ะ พี่เอสน่ะไอดอลแบดบอยขวัญใจสาวๆทุกคณะน่ะแหละ”

“นี่คงเป็นคำชมใช่ไหม..” เอสยิ้มบาง ๆส่งให้

“ชมสิคะ”

“งั้นก็ขอบคุณมาก น้องแยมก็น่ารักครับ แต่น่าเสียดายไปนิดนะ...” เอสว่าแล้วแสร้งพ่นลมหายใจแบบเซ็งๆ เขาลุกขึ้นปรายสายตามองแคปนิดหน่อยพอเห็นอีกฝ่ายนั่งทำหน้าหงุดหงิดยิ่งพาให้อยากแกล้งเพิ่มขึ้นอีก

แผนร้ายอยู่ในใจเขาตั้งแต่ลากเก้าอี้ออกมานั่งด้วยแล้ว

“น่าเสียดายอะไรคะพี่” แยมทำหน้าสงสัย

“ก็น่าเสียดายที่.......มานั่งให้เมียพี่จีบอยู่แบบนี้ไงครับ หึหึ..

ไม่ใช่แค่แยมเท่านั้นที่ตาโต แคปที่นั่งฟังอยู่ด้วยนี่ตาเบิกกว้างจนเกินลิมิต เส้นด้ายแห่งความอดทนขาดผึงลง เขาลุกพรวดขึ้นแบบที่ใครก็ห้ามไม่อยู่อีกแล้ว

“ไอ้สัส! มึงพูดเรื่องเหี้ยไรวะห๊ะ!!” มือเล็กยื่นเข้ากระชากคอเสื้อคนตัวสูงเหวี่ยงทีเดียวดันไปถึงกระจก ผู้คนในร้านแตกตื่นแต่แคปไม่สนอะไรแล้วทั้งนั้น เอสไวกว่าเพียงนิดเมื่อเขาคว้าจับข้อมือเล็กบิดแล้วไขว้ไปไว้ข้างหลัง แคปใช้อีกมือจิกหัวดำๆลงมาทันทีเอสเจ็บจนเหมือนหนังหัวจะหลุดเขารีบปล่อยข้อมือเล็กนั่นออก

“ร้ายจริง ๆ นะมึง” เอสสบถ น้องพนักงานยืนหน้าเสียอยู่หลังเคาน์เตอร์ ลูกค้าอีกสองโต๊ะเดินเลี่ยงหลบออกไป แยมเองก็ลุกขึ้นมองเขาสองคนกล้าๆกลัว ๆ

“ปัง! ...ไปเจอกันข้างนอก มึงกูตัวๆกันเลย” แคปทุบโต๊ะเสียงดัง ว่าแล้วเดินเข้าไปคว้าเอากุญแจรถกับโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด เขาดึงข้อมือแยมออกมาด้วยกันก่อนปรายตามองไปที่อีกคนเหมือนกำลังบอกเป็นนัยว่าให้ไปเจอกันข้างนอก

“โทษทีนะครับที่มีเรื่อง..” เอสเดินผ่านไปที่เคาน์เตอร์เขาวางใบพันไว้ให้หนึ่งใบสำหรับค่าเสียหายบางส่วน น้องพนักงานรีบพยักหน้ารับพร้อมยกมือขึ้นไหว้อย่างเบลอๆ ไม่รู้ใครอายุมากกว่าน้อยกว่า

“พี่แคป..เดี๋ยวค่ะ..” ที่ด้านนอกแยมรั้งแขนตัวเองไว้นิดๆเพราะว่าแคปเดินเร็วมากและหน้าเครียดจัด จะว่าลากแขนเธอเดินออกไปเลยก็ว่าได้ แคปโบกแท็กซี่ให้ขณะที่แยมยังไม่ตั้งตัวไม่ทันติด เธอทำทีท่างงๆ จริง ๆ คงงงตั้งแต่เจอประโยคเด็ดของเอสแล้ว

“พี่แคป แยม..”

“แยมกลับเองนะครับ เดี๋ยวพี่ต้องทำธุระไว้เย็นนี้พี่โทรหานะ”

“ตะ...แต่....”

“มีหลายเรื่องที่ต้องอธิบาย อย่าไปฟังที่ไอ้เวรนั่นมันพูดล่ะ พี่กับมันไม่ถูกกันน่ะ ดึกๆพี่โทรหานะ” แคปจับแยมยัดเข้ารถแล้วปิดประตูให้ แท็กซี่ออกตัวในทันที เขาหันไปหาคนที่ยืนรออยู่แล้ว

“มึงว่ามาจะเอาตรงไหน” แคปถามจริงจัง แต่ดูเหมือนเอสจะมีสีหน้ากังวลอะไรบางอย่าง

“ไอ้เหี้ย! ถามไม่ตอบนะมึง กูถามว่าจะเอาตรงไหนห๊ะ”  เมื่อเอสไม่ตอบแคปจึงผลักไหล่แกร่งนั้นแรง ๆ หนึ่งครั้ง เอสเซนิดๆแต่ด้วยสัญชาตญาณเขาคว้าจับข้อมือแคปไว้ในทันทีแล้วบิด

“พูดดีๆ อย่าตะคอก..”

“กูไม่จำเป็นต้องพูดดีกับมึง จะเอาตรงไหนตอบ!!” แคปยิ่งดิ้นเอสยิ่งบิดแน่นเป็นเท่าตัวนั่นทำเอาเขาปวดหนึบไปทั้งแขน

“ยังเอาไม่ได้ กูเองก็มีคนรออยู่ที่รถ” เอสว่าเสียงนิ่ง ๆ มองไปที่รถตัวเอง สาวสวยตุ๊กตาหน้ารถตอนนี้นั่งหน้าหงิกหน้างอเพราะรอนานแล้ว  “น่าเสียดายนะไมมีเวลาเล่นกับมึงว่ะวันนี้”

“ก็แล้วจะเอายังไงล่ะห๊ะ ดีแต่ปากใช่ไหมมึงอ่ะ..” แคปจ้องใบหน้าคมท้าทาย พูดแต่ละทีนี่เขาทั้งกระโดดทั้งเขย่งไหนจะต้องตะโกนใส่หน้ามันต้องผลักอกมัน แล้วไอ้สีหน้าท่าทางกวนตีนแบบนั้นยิ่งมองแคปยิ่งฉุน

“เจอกันครั้งต่อไปมึงกูตัวต่อตัว” เอสพูดขึ้นเรียบ ๆ ตกลงนัดหมายเสร็จสรรพ

“ได้เลยไอ้เหี้ย..แต่ในเมื่อวันนี้อารมณ์กูเสียแล้ว เพราะงั้นขอมัดจำจากมึงไว้ก่อนละกัน..ผั๊วะ!” แวบหนึ่งของสายตาแคปมองเห็นช่องทางเปิดจุดอ่อน เขาเตะเข้าที่ขาเอสแบบจัง ๆ ก่อนหลุดออกมาจากมือแข็งแกร่งนั้นได้ แล้วเสริมออปชั่นผลักจนเอสกระเด็น

“อึกก  บ้าฉิบ..” เอสครางออกมาเพราะเจ็บ ตัวเขาเซมาจนถูกรถ เมย์รีบเปิดประตูออกมาดู

“พี่เอสอะไรกันน่ะคะ” เธอทำหน้าตกใจ แต่เอสบอกไม่เป็นไรแค่เล่นกันกับเพื่อน

“เพื่อนพี่เอสงั้นเหรอคะ เรียนคณะอะไรน่ะเมย์ไม่เคยเห็นเลย ทำไมถึงดุแบบนั้น”

“.......”  บางครั้งเอสเองก็รู้สึกรำคาญความจู้จี้อยากรู้นั่นโน่นนี่ไปหมดของผู้หญิงขึ้นมาเสียดื้อๆ

“พี่เอส เมย์ถามก็ตอบสิคะ”

“ไม่มีอะไรขึ้นรถเถอะ”

“พี่เอส!”

“.......” มันหน้าที่อะไรกันที่เขาจะต้องคอยรายงานทุกเรื่องให้เธอรู้ เอสส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย

“เงียบอีกแล้วนะ ไม่อยากคุยกับเมย์งั้นเลิกกันเลยดีไหม”

“จะเอาแบบนั้นเหรอ พี่พร้อมนะที่ถามน่ะคิดดีแล้วใช่ไหม”

“พี่เอส!”

“..........”

“.........”  น้องเมย์คนสวยนั่งหน้างอตลอดทาง ขณะที่เอสไม่ได้สนใจเลย


.
 

“โอ๊ยยยเจ็บฉิบหายเลย บิดจนแขนกูกระดูกแทบร้าว ระบมไปหมดสัสเอ๊ย..” แคปขับรถกลับห้อง ปอกับอาร์นอนดูทีวีอยู่ด้วยกัน วันนี้เขากับปอไม่มีเรียนแต่อาร์น่าจะมีวิชาเลือกหนึ่งตัวตอนเช้าเสร็จแล้วคงแวะเข้ามาที่ห้องเขา

“มาแล้วเหรอมึง ทำหน้าตาอะไรแบบนั้นวะ..” ปอเงยหน้าถาม ลุกขึ้นนั่งพิงโซฟาดีๆ อาร์ขยับออกไปนิดๆ ทำให้แคปเข้ามานั่งด้วยกันได้

“แล้วมึงอ่ะ ทำไมกลับมาเร็วนักวะ ไหนว่าไปรับแพร์” แคปล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง ส่อง ๆ ดูไอจีกดไลท์รูปไปเรื่อยเปื่อย พอเห็นว่าไม่มีอะไรเล่นเลยโยมือถือทิ้ง

“รับเสร็จแล้ว ส่งถึงหอแล้ว”

“อะไรวะ กูเชื่อมึงเหรอสัส รับเสร็จปุ๊บส่งเสร็จปั๊ปจะกลับเลย อย่างคุณปอนี่ผมว่ามันไม่ถูกต้องอยู่นะ ทุกทีเห็นอยู่ด้วยกันทั้งเช้าทั้งเย็น”

“ไอ้เหี้ยแคปพูดซะกูเสียหมด”

“งั้นมึงก็รีบบอกความจริงมา ไอ้ที่มึงไลน์ไปเรียกให้กูกลับเร็ว กับไอ้ที่มึงกลับมาเร็ววันนี้นี่ มันมีอะไรแอบแฝงอยู่ใช่ไหม” แคปนึกถึงข้อความที่เขาได้รับเมื่อตอนนั่งกินกาแฟอยู่ที่ร้าน

ปอยิ้มกรุ้มกริ่ม ในที่สุดบอกแคปไปว่ารุ่นพี่โทรเรียกให้ไปรวมตัวกันที่แปลง19 ดินแดง นั่นเป็นสถานที่สำหรับปลูกพืชไร่พืชสวนที่พวกเขารับผิดชอบอยู่ พรุ่งนี้มหาลัยจะเปิดตัวงานเกษตรเป็นวันแรกจริง ๆ พวกเขาเซ็ตทุกอย่างไว้เกือบหมดแล้วอาจจะมีบางอย่างที่ต้องเพิ่มเติม

“ไอ้แคปตกลงพรุ่งนี้มึงได้เฝ้าจุดไหนวะ” อาร์ถามขึ้นบ้าง ยกมือแคปขึ้นมาดูเจอรอยเขียว ๆ เขาเลยเอานิ้วจิ้มๆหน้าผากแคปแล้วทำหน้าตาสงสัย แคปส่ายหัวไถลตัวจากโซฟาลงที่พื้นก่อนกลิ้ง ๆ ตัวไปตามพื้นพรหมแล้วไปนอนอยู่หน้าทีวีแทน

“กูบอกอาจารย์ไปแล้วว่าจะไปเฝ้าแม่ไก่ออกไข่แต่จารย์น่ะบอกให้กูไปเฝ้าแปลงข้าวโพดกับแปลงมะเขือเทสที่ปลูกโชว์”

“อ้าวจริงดิ่” ปอตกใจนิดๆ เขากับแคปขอไปเฝ้าเล้าไก่ ไปๆมาๆไงเหลือเขาแค่คนเดียววะเนี่ย

“แล้วพวกมึงอ่ะ” แคปตีคิ้วตอบว่าจริงแล้วถามปอกับอาร์ต่อ

“กูก็เฝ้าแม่ไก่กกไข่นั่นแหละ แต่แถมแม่วัวเพิ่มมาอีกเพราะอยู่ในโซนเดียวกัน  แดกมาม่าละกันนะจะได้ไม่เสียเวลาเดี๋ยวต้องออกไปประชุมกันอีก” ปอลุกขึ้นเดินไปที่ครัว พวกเขามีประชุมกับรุ่นพี่ช่วงเย็นเดี๋ยวคิดว่าต้องออกไปกันแล้ว กินมาม่ารองท้องไปก่อนจะได้ไม่หิวกันมากกว่าจะเลิก

“ส่วนกูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมึงหรอกไอ้แคป กูเฝ้าแปลงแตงโมกับฟักทองว่ะ”

สามคนมองกันแล้วส่ายหน้าปลงกับตัวเองที่ขอลงอย่างนึงแต่อาจารย์จับยัดให้ลงอีกอย่างอย่างช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ  แคปลากอาร์ลงมานอนดูหนังข้าง ๆ ขณะที่ปอเริ่มลงมือทำอาหาร เขาไม่ได้เล่าเรื่องที่ไปเจอเอสให้เพื่อนฟัง แต่คิดไว้อยู่ว่าถ้าหากเจอกันจัง ๆ วันไหนคงเกิดเรื่องขึ้นมาอีก แคปยกข้อมือเขียว ๆ ขึ้นมาดู รอยช้ำที่แขนยังคงเด่นชัด

“เจอกันอีกวันไหนกูจัดมึงแน่ๆอ่ะไอ้เอส..” เขาพึมพำเบามากๆ แต่อาร์ยังคงหันขวับมามองคิ้วขมวดทำหน้าสงสัย แคปรีบส่ายหัวแล้วชี้ๆบอกให้สนใจทีวีต่อ


.

.

(มีต่อ)

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29
.

.

หลังจากส่งเมย์ที่คณะเสร็จ เอสขับรถกลับมาที่ตึกเรียนของตัวเอง เพื่อน ๆ นั่งล้อมวงกันอยู่ที่โต๊ะเดิม

“อ่ะ  กาแฟ...” ยื่นกาแฟส่งไปให้เมี่ยง คนรับทำหน้างงๆเพราะเอสเข้ามาช้ามากกกกก ขณะที่ ชิพกับบุ้งที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆก็งงไม่ต่างกัน พวกเขาทุกคนรอเข้าเรียนบ่าย

“ยี๋  ทำไมมันละลายไปหมดแบบนี้ล่ะวะไอ้เอส” เมี่ยงที่ใบหน้ายังมีรอยพลาสเตอร์หลงเหลืออยู่ดูดม๊อคค่าปั่นตามที่โทรสั่งแล้วทำหน้าเบ้

“แดกๆไปเหอะ ของกูนี่ยิ่งกว่าน้ำเปล่าจะโยนทิ้งก็เสียดายแก้วละตั้งหลายตังค์นะมึง” แน่นอนว่าเอสหมายรวมถึงใบพันที่วางไว้เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย แต่เพื่อนๆไม่รู้เรื่อง ขาตรงที่โดนเตะปวดหนึบขึ้นมาเขาส่ายหัวสบถอยู่ในใจถึงความร้ายกาจของแคป

“อย่ามาขี้งกไอ้เหี้ย แก้วละไม่เกินสี่สิบ” เมี่ยงผลักหัวเขาแล้วจะหยิบแก้วของเอสมาชิมดู ปรากฏว่าเอสมือไวกว่าคว้าแก้วตัวเองไว้ทัน

“ของตัวเองก็มีมายุ่งของกูทำไม”

“ชิมหน่อย นิดเดียว”

“ไม่เอา กินของมึงไป” เขาผลักมือเมี่ยงออก เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแต่ไม่ใช่ของเอส เป็นบุ้งกดรับสาย ชิพที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ส่ายหัว เอสเลิกคิ้วสงสัยเมี่ยงเลยกระซิบบอกว่าโรสแฟนบุ้งโทรมาเกือบสิบรอบแล้ว วางปุ๊ปโทรวางปุ๊ปโทรไม่รู้เล่นเหี้ยไรกัน

“มิน่าไอ้ชิพหน้าอย่างกับตูด”

“พ่องสิ” ชิพที่ได้ยินถีบขาเอสมาที่ใต้โต๊ะ คนขายาวกว่าหลบทันเป็นเมี่ยงที่ขาสั้นและไม่รู้เรื่องโดนชิพเตะขาเข้าแบบจัง ๆ

“ไอ้สัสชิพกูเจ็บแม่งถีบมาได้” เมี่ยงโวยวาย

“กูจะถีบไอ้เอสต่างหาก”

“แต่มันโดนกูเหี้ย”

“เออๆโทษที” ชิพบอกขอโทษแล้วปรายตามองไปที่บุ้งอีกครั้ง รายนั้นวางมือถือลงแล้ว

“สายใครวะไอ้บุ้ง คุยเหี้ยไรยิ้มจนหน้ามึงใหญ่เท่าเกียร์คณะแล้ว” เอสแซวเพื่อน

“มันก็คงคุยกับคนที่มันจะฝากเกียร์ฝากใจไว้กับเขาล่ะมั้งนะ” ชิพแอบกัดเพื่อนสนิทนิดๆ ความจริงเขาสี่คนรวมทั้งเอสและเมี่ยงเป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มอต้น แต่พิเศษขึ้นมาอีกนิดที่เขากับบุ้งนั้นบ้านอยู่ใกล้ๆกันรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจนมาสนิทกันจริงจังเมื่อตอนรวมกลุ่มมัธยม แม้กระทั่งสอบเข้าเรียนต่อก็ยังเข้าได้ที่เดียวกันเลขที่นั่งสอบติดกัน ตั้งแต่นั้นมามีชิพที่ไหนมักจะมีบุ้งที่นั่น 

“ใจอยู่ที่เกียร์ เกียร์อยู่ที่ใด ใจอยู่ที่นั่นน่ะเหรอวะ หื้ม??” เมี่ยงทำหน้าทำตาแซวบุ้ง เลยโดนโบกหัวไปสองที

“เกียร์อยู่กับกูเว้ยไอ้เหี้ย ยังไม่ได้ให้ใครหรอกห่า พูดมากนะมึงเดี๋ยวกูตบปากฉีกให้”

“ไอ้บุ้งบ้า” เมี่ยงต่อว่าหน้างอๆ เมื่อบุ้งทำท่าง้างฝ่ามือแกล้งจะตบ เขาแกล้งซบไหล่ชิพโดนบุ้งดึงออกแรงมากแล้วเหวี่ยงเมี่ยงไปใส่อกเอสแทน

“มึงยุ่งไรด้วยกูจะอ้อนไอ้ชิพ”

“ไม่ต้องอ้อนมัน มาอ้อนตีนกูนี่มา” บุ้งยกขาขึ้นทำท่าจะถีบใส่แต่โทรศัพท์ดันดังขึ้นมาอีก เขาสบตากับชิพนิดหน่อยก่อนกดรับสาย

“อีกแระ คนเก่าๆ” เมี่ยงตีคิ้วบอกเบา ๆ เมื่อมองเห็นว่าเป็นชื่อใครที่เรียกเข้ามา ชิพส่ายหัวดึงแก้วกาแฟของเอสมาดูดบ้างแก้กระหาย เขาเองก็รู้สึกว่ากาแฟทำไมมันจืดชืดไร้รสชาติขนาดนี้ตอนที่เมี่ยงโทรสั่งกำชับว่าให้เอสแวะซื้อร้านนี้ให้ได้เห็นว่าอร่อยนักหนา แต่นี่อะไรไม่เห็นได้เรื่อง ร้านกาแฟของคณะยังแซบกว่าตั้งเยอะ

“เออแล้วพรุ่งนี้มึงเอาไงวะ กูกับมึงอยู่ที่พื้นที่เดียวกันนะ ไอ้เมี่ยงกับไอ้บุ้งอยู่คนล่ะฟาก” ชิพเปลี่ยนมาถามเอส พรุ่งนี้มหาวิทยาลัยจัดงานประจำปีเป็นวันแรกเรียกว่างานเกษตร ถึงพวกเขาอยู่วิศวะแต่ยังไงก็มีรายชื่อจากพวกพี่ๆกิจกรรมให้เข้าไปช่วยงานอยู่ดี 

“กูรู้สึกว่าตัวเองโชคดีว่ะ..” เอสอมยิ้มเมื่อนึกถึงว่าใบกำหนดการที่รุ่นพี่พวกเขาเพิ่งแจกมาเมื่อวันก่อน เมี่ยงกับบุ้งได้ไปเฝ้าเขตลานจอดรถ ในขณะที่เขากับชิพได้ไปดูแลเกี่ยวกับโครงสร้างของโรงเพาะเลี้ยงผักออแกนิกส์ 

“มึงไม่ต้องเลย มาเปลี่ยนกับกูดิ่ หน้าโหดๆอย่างมึงต้องไปดูแลที่จอดรถโว๊ยโบกรถให้จอดงี้  ส่วนกูจะไปช่วยสาว ๆ เขาขายผักอวกาศเอง ไอ้เอสมึงมาเปลี่ยนกับกูเหอะว่ะ”

“ไม่เอา  ร้อนจะตายชักเฝ้าลานจอดรถปีที่แล้วกูโดนเจอแต่คนมอง ไม่รู้เป็นเหี้ยไรจนพี่รัฐไล่กูให้ไปอยู่ช่วยที่ฟาร์มวัว”

“เออใช่ตอนนั้นที่มึงไปนั่งรีดนมวัวนี่หว่า รูปมึงยังอยู่ในโทรศัพท์กูเลยเหอะ ไหนๆว่าแล้วเอามาดูอีกก่อน” เมี่ยงหัวเราะจนตัวงอเมื่อนึกถึงงานเกษตรปีที่แล้วพวกเขาเพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่เป็นปีแรก เอสถูกรุ่นพี่แกล้งให้รีดนมวัวจนกระเด็ดเลอะเต็มหน้าเขาเลยถ่ายรูปเก็บไว้แบบรัว ๆ

“ลบไปดิ่ไอ้เหี้ยมึงเก็บไว้ทำไมวะ”

“ไหนเอามาให้กูดูมั่ง” ชิพคว้าแย่งมือถือเมี่ยงไปดู เอสได้แต่ส่ายหน้า

“ตลกแล้วไอ้เอสมึง หน้ามึงเปื้อนนมวัวแต่เหมือนอะไรสักอย่างในไฟล์หนังโป๊กูเลยว่ะ”

“ไหนๆกูดูมั่ง” บุ้งที่เพิ่งคุยเสร็จหันกลับมาเบียดชิพแล้วยื่นหน้าเข้ามาดู เอสเริ่มโมโหคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของเมี่ยงมากดปิดภาพ

“พอๆจะดูเหี้ยไรกันเล่า ไอ้เมี่ยงมันโรคจิตกูบอกให้ลบแม่งไม่ยอมลบ”

“โอ๋เอ๋ๆ เรื่องไรกูจะลบวะ เอาไว้เวลาแกล้งเมียมึงไง ส่งภาพนี้ไปให้ดูรับรองน้องเมย์ของมึงอกแตกตาย เธอต้องคิดว่ามึงเพิ่งมีอะไรกับผู้ชายแล้วน้ำแตกใส่หน้ามึงแหงๆอ่ะ”

“หึหึหึ..” เอสหัวเราะหึหึ เมื่อคิดว่าเพื่อนยังไม่รู้จักเมย์ดีพอ รายนั้นรับรองว่าไม่โง่หรอก ผ่านซึกโชกโชนมาแค่ไหนเขาหรือจะดูไม่ออก

“น้องเมย์คนสวยเขาไม่โง่หรอกเว้ย หรือถ้าคิดว่าใช่แต่บางทีเธอยังอาจอยากจะคบมันต่อก็ได้นะ ไอ้เอสมันเสน่ห์แรงอยู่แล้ว ข้างหลังเขากำลังฮิตมึงไม่รู้เหรอ”

“ไอ้เหี้ย ปากดี” เอสผลักหัวชิพจนเซไปโดนบุ้งรายนั้นรับไว้ทัน ทำท่าเป่าเพี้ยงๆปลอบประโลม

“พวกมึงแม่งผัวเมีย นี่ถ้าไอ้บุ้งมันไม่มีเมียกูจะคิดว่าไอ้ชิพมึงเป็นเมียมันแล้ว” เมี่ยงชี้หน้าบุ้งกับชิพ เจอชิพคว้าเศษกิ่งไม้แถว ๆ นั้นขว้างใส่

“ไอ้เหี้ยมึงพูดอะไรให้เกียรติรูปร่างกูด้วย แมนขนาดนี้หล่อลากขนาดนี้ กูกับไอ้ชิพให้ตายก็ไม่มีทางกินกันเองหรอกโว๊ย  สเป็คกูมันต้องสาวแว่นชั้นสูงเท่านั้น เด็กเภสัชๆ หุหุหุ” ชิพแกล้งทำหน้ากรุ้งกริ่ม เจอบุ้งตบหัวเบา ๆ ไปที ทั้งหมดหัวเราะขบขันกัน เอสมองดูเวลาเหลืออีกสิบกว่านาทีข้อความจากเมย์ส่งมาเขาอ่านแล้วนะแต่ไม่ยอมตอบกลับไป รู้สึกช่วงนี้เริ่มเบื่อๆ รู้ว่าผิดอยู่เหมือนกันแต่ทำไงได้ ก็นะความรู้สึกคนเรา..

“อ้าวไม่ใช่เด็กเกษตรเหรอ ไหนมึงเคยบอกจะจีบน้องสาวพี่เต้..” บุ้งพูดขึ้นโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไร เมื่อวานเกิดเรื่องชกต่อยขึ้นที่คณะแต่เขาเข้าสายเลิกเสร็จก็รีบกลับเลยยังไม่ได้รู้ข่าวว่าแท้จริงแล้วน้องพี่เต้เป็นชายหรือหญิง  เมี่ยงได้ฟังหัวเราะจนหน้าหงายเดือดร้อนเอสกับชิพช่วยกันจับไว้อีก พอบุ้งสงสัยทั้งสองคนเลยเล่าเรื่องราวให้ฟัง ไอ้บุ้งหน้าจืดพึมพำถาม

“ผู้ชายจริงดิ?”

“ก็เออ กูจะโกหกมึงทำซากเหรอ ยิ่งนึกถึงยิ่งรมณ์ขึ้นเลยกู” เมี่ยงตอบ

“แล้วมึงไปเลิกกับน้องฝนยังล่ะวะ อย่าให้เดือดร้อนมากนักดิ่ ผู้หญิงแบบนั้นมึงก็รู้ๆอยู่”

“กูเอาเขาที่ไหน วันนั้นเสือกมาชวนกูไปเป็นเพื่อนซื้อของ เจอไอ้เตี้ยอาร์จอดรถข้างกัน มันเข้ามาสอยกูร่วง ตั้งตัวไม่ทันเลยแม่งกูกับมันเลยซัดกันที่ลานจอดรถนั่นแหละ”

“อ้าวตกลงมึงได้น้องเขายังนิ่”

“ก็ยังอ่ะดิ่ ไม่งั้นจะโมโหจนกระทืบมันแบบนั้นเหรอ”

“สัสเอ๊ยเสียเส้น  แล้วเพื่อนน้องเขาเลยตามมากระทืบมึง”

“ก็เออ ตีนหนักเหี้ยๆเลย ไม่เชื่อถามไอ้เอสดูดิ่” เมี่ยงถองศอกใส่สองสามที เอสตีคิ้วตอบ ที่เขานิ่งไปเพราะกำลังนึกถึงเรื่องที่ว่าแคปเรียนอยู่คณะเกษตรขืนพรุ่งนี้เจอกันที่งานไม่ใช่ว่าจะมีเรื่องยุ่งยากกันอีกหรอกนะ ยิ่งเมื่อตอนอยู่ร้านกาแฟเขาดันพูดว่าเจอกันครั้งต่อไปมึงกูตัวต่อตัว 

“น้องเฮียเต้เนี่ยนะ”

“เอ๊อออ น้องเฮียเต้เนี่ยแหละ” เมี่ยงยังยืนยันเมื่อบุ้งทำท่าทางไม่เชื่อ

“ผู้ชายจริงเหรอวะ ตอนนั้นเฮียเอามือถือให้กูดูรูปน้องแกผู้หญิงชัดๆ”

“ไอ้ควายบุ้งมึงโดนเฮียแกหลอกแล้ว นั่นมันภาพตอนน้องเฮียแกนอนหลับตาพริ้ม หน้าก็คงจะทำให้เราสับสนได้ มึงลองเจอตัวจริงดูสิไอ้เหี้ย ไม่เห็นจะเหมือนผู้หญิงตรงไหนเลย”

“แต่กูว่าเหมือน..”

“หือ??!!” เพราะว่าเอสแทรกขึ้น เพื่อนๆต่างพากันมองที่เขาเป็นตาเดียว เหมือนตรงไหนวะ อาร์กำลังคิด

“บางมุม..” เอสเฉลยคำตอบขึ้นมา วันนี้เขาเห็นหน้าแคปแบบใกล้ ๆ แล้ว จะว่าไปมีส่วนที่ดูซอฟกว่าใบหน้าผู้ชายปกติอยู่หลายจุด แต่ด้วยทรงผมและท่าทางทำให้แคปดูกวนตีนแบบไม่ตั้งใจ

“อะไรของพวกมึง..” เอสเห็นเพื่อนๆมองเขาด้วยสายตาจับผิดแปลกๆหลังจากที่กำลังคุยกันอยู่ดีๆ ยิ่งเมี่ยงกับชิพเบะปากแล้วทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ แหนะๆๆๆ เอสรู้สึกอยากจะถีบคนขึ้นมาทันที เจอเพื่อนกวนตีนเข้าให้แล้ว เขาไม่น่าหลุดเลยให้ตายเหอะ

“แล้วมึงไปสังเกตไอ้เหี้ยแคปแม่งตอนไหน กูเห็นวันนั้นตีกันจนจะฆ่ากันตาย มึงยังมีอารมณ์ไปมองส่วนผสมบนใบหน้าไอ้เวรนั่นอีกเหรอวะ” เมี่ยงเป็นคนที่เผือกเก่งที่สุดในกลุ่มเท่าที่เอสรู้จักเพื่อนมา เขาเลยแจกรางวัลตบเปรี้ยงหัวเล็กๆของมันไปก่อนที่จะมีไอ้ชิพกับไอ้บุ้งเป็นลูกคู่ขึ้นมาอีก สองคนนั้นยิ่งกำลังทำสายตาอยากรู้อยากเห็นเต็มที่แล้ว

“สัสเมี่ยง มึงเงียบปาก”

“จะมาตีกูทำไมเล่า พูดเล่นๆอ่ะไอ้เหี้ย..” เมี่ยงลูบหัวตัวเองป้อย ๆต่อว่า

“เอ่อ..พี่ๆคะ” เสียงเล็กใสกริ๊กดังขึ้นจากด้านหลัง พวกเขาทั้งหมดต่างหยุดการสนทนาแล้วหันมอง เป็นรุ่นน้องหน้าตาสะสวยเปรี้ยวจี๊ดหุ่นแจ่มสองคนยิ้มหวานแล้วทักทาย

“ว่าไงครับคนสวย..” บุ้งกับเมี่ยงหันมายิ้มให้ตามประสาคนอัธยาศัยดี  ขณะที่ชิพกับเอสก้มลงสนใจกับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง

“คือหนูชื่อจอย มาจากนิเทศศาสตร์ค่ะจะมาขอให้พี่ชิพเป็นพี่เทคหนูได้ไหมคะ” ชิพละสายตาจากโทรศัพท์หันมองน้องเขาทันที  บุ้งเลยแกล้งเหยียบเท้าไว้บี้ให้หนักๆจนชิพมองเพื่อนสนิทตาเขียว คิดว่าบุ้งคงอิจฉาเขาแน่ ๆ ที่มีคนสวย ๆ มาขอให้เขารับเป็นพี่เทคให้  ขณะเดียวกันกับที่น้องอีกคนเดินเข้าไปหาเอส

“ฟางข้าวค่ะ พี่เอสเรียกน้องฟางก็ได้ ฟางมาขอให้พี่เอสเป็นพี่เทคฟางค่ะ”

เมี่ยงชิพและบุ้งมองหน้ากัน แต่เอสยังคงก้มหน้าก้มตาต่อ ราวกับเขาไม่ได้ยินว่าน้องฟางพูดเรื่องอะไร บุ้งเห็นบรรยากาศชวนอึดอัดกลัวน้องจะเก้อเลยพูดขึ้น

“น้องจอยคิดไงครับเนี่ยขอกันข้ามคณะแบบนี้..”  เพราะน้องฟางข้าวท่าทางยุ่งยาก เธอจ้องเอสไม่วางตา บุ้งเลยเลี่ยงไปถามเพื่อนเธอแทน ตรงๆเลยก็คือพี่เทคสามารถข้ามคณะได้ก็จริง แต่พวกเขายังไม่เคยรับน้องเทคจากต่างคณะเลยสักคนเดียว แล้วตอนนี้แต่ล่ะคนก็มีเด็กในความดูแลไม่ต่ำกว่าสามโดยเฉพาะเอสกับเขามีเกือบสิบคน

“เพราะว่าจอยชื่นชมพี่ชิพค่ะ เมื่อต้นเทอมตอนรับน้องรวมพี่ชิพเป็นหนึ่งในสตาฟว๊ากของพี่ๆวิศวะ จอยอยากได้พี่ชิพมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วค่ะ”

“แรงส์~” เมี่ยงสบถออกมาไม่ดังนักแต่ก็ไม่เบา สามารถได้ยินกันหมดแน่นอน

“มาเป็นน้องพี่ดีไหม ไอ้ชิพมันไม่สนใจรับน้องเทคข้ามคณะหรอกครับ ขนาดข้ามสาขามันยังไม่เอาเลยเน๊” บุ้งโปรยรอยยิ้มการค้าส่งให้ เขามักจะสกรีนเด็กที่จะเข้ามาหาชิพกับเมี่ยงเสมอ เด็กที่ชิพกับเมี่ยงรับเป็นน้องเทคมีแต่เด็กผู้ชายคงแก่เรียนทั้งนั้นซึ่งทั้งหมดนั่นต้องผ่านเขาพิจารณาก่อน ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ทำหน้าที่นี้เหมือนกัน มีแต่ของเอสเท่านั้นที่ไม่เคยยุ่งกับมันได้

“พี่ชิพว่าไงคะ..” จอยหันไปหาชิพ

“ขอโทษนะครับพี่ไม่รับน้องต่างคณะจริง ๆ ไว้เราเจอกันทักทายกันได้นะ ชื่อจอยใช่ไหมพี่จะจำไว้ ขอโทษอีกครั้งครับ” ชิพค้อมศีรษะให้เธอน้องจอยหน้าเสียนิดๆแต่ก็ยอมเข้าใจ

“แล้วพี่เอสล่ะคะว่าไง ใช้เหตุผลเดียวกันคงไม่ได้นะคะ เพราะฟางรู้มาว่าพี่เอสเพิ่งรับเป็นพี่เทคให้เด็กบัญชีกับเด็กการโรงแรม” ฟางข้าวเป็นคนที่สืบข้อมูลมาดีมาก แต่เธอจะรู้อีกอย่างหนึ่งไหมว่าคนที่เอสรับจากคณะบัญชีคือเมย์ แฟนคนปัจจุบันของเอสนั่นเอง

“พี่เอสคะ...” เธอเห็นเอสยังนั่งเฉยอยู่เลยเรียกถามอีก

“เอ่อ...คือว่าไอ้เอสมัน...ตะ....ตะ....เต็มแล้วครับ” เป็นเมี่ยงพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก เพราะไอ้พวกเพื่อนสามตัวที่นั่งอยู่ทำหน้านิ่ง ๆ แต่ใต้โต๊ะนี่เตะขาส่งสัญญาณให้เขาพูดปฏิเสธให้

“จริงรึเปล่าคะ พี่เอสเต็มแล้วจริงเหรอ” ฟางก้มหน้าลงไปใกล้มากพอเอสเงยหน้าขึ้นปลายจมูกโด่ง ๆ ของเขาแทบจะชนกันกับเธอ เอสรีบขยับหลบ เขาโมโหนิดหน่อยไม่ชอบคนที่รุกจนเกินพอดี เอสลุกขึ้นแล้วมองหน้าเธอ

“ตามนั้น  เต็มแล้ว” เขาพูดเสียงนิ่ง หน้าตาไม่ยิ้มเลย

“แต่ฟางเป็นรุ่นน้องพวกพี่นะ ตามมาจากโรงเรียน......พี่สี่คนอาจจะไม่รู้จักฟางแต่ฟางรู้จักพี่ๆทุกคนค่ะโดยเฉพาะคนที่ฟางสนใจมากเป็นพิเศษอย่างพี่เอส  รับเป็นพี่เทคฟางเถอะนะคะ” เธอดักทางเขาไว้ไม่ยอมให้เอสก้าวออกมาจากที่นั่งได้

“น้องฟางครับเพื่อนพี่ก็บอกแล้วนะว่ามันรับน้องไว้เต็มแล้ว ฟางลองหาพี่ๆคนอื่นดูดีไหม ที่คณะฟางอาจจะมีรุ่นพี่ดีๆที่เทคแคร์ฟางได้ดีกว่าพวกพี่อีกนะครับ” ฟางหันไปมองบุ้งที่พยายามพูดกล่อมเธอ ก่อนจะมองไปที่เอสอีกครั้ง

“แต่ว่า.....

“ไม่ชอบคนพูดไม่รู้เรื่อง หลีก..” เอสก้าวแทรกตัวเธอออกมาอย่างไม่สนใจ เขาเดินเข้าไปกอดคอเมี่ยงแล้วสี่คนก็พากันเดินขึ้นตึก 
ฟางข้าวที่กำลังจะพูดรั้งแต่เจอเอสในโหมดนี้เข้าไปทำเอาเธอถึงกับสะอึก หลายคนที่เคยบอกกับเธอแล้วว่าเอสนั้นแบดบอยตัวพ่อไม่เคยแคร์ความรู้สึกผู้หญิง บุคลิกนิ่ง ๆ พูดน้อยแต่ต่อยหนัก กับรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขา ทำให้มีผู้ชายเขม่นเขาเยอะมาก แต่กลับกันกับสาวๆที่ไม่รู้ทำไมถึงชอบวิ่งเข้าหาคนแบดๆแบบนี้นัก

และเธอเองก็ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนั้น

“พี่เอสคะ ฟางไม่ถอยพรุ่งนี้ฟางจะมาใหม่” เธอตัดสินใจวิ่งตามเขาขึ้นบันไดไปแล้วตะโกน เด็กวิศวะที่กำลังเดินขึ้นตึกเรียนหลายคนนั้นต่างหันมอง เอสหยุดชะงักนิดหนึ่ง ก่อนตัดสินใจเดินลงมาหาเธอ

“พี่จะรับเราก็ได้ แต่มีเงื่อนไข...”

“เงื่อนไขคืออะไรคะ..” ฟางข้าวเริ่มมีความหวังนิดๆ เธอเงยหน้ามองเขาแล้วอมยิ้ม

“พรุ่งนี้ไปช่วยเพื่อนพี่ดูแลลานจอดรถที่งานเกษตร ถ้าเราทนทำได้ทั้งวันพี่จะรับเป็นพี่เทคให้ก็แล้วกันนะครับ”

“มะ..มะ...หมายความว่ายังไงคะ” ฟางพึมพำขึ้น รู้ว่าพรุ่งนี้มหาลัยมีงานแต่เรื่องดูแลลานจอดรถเป็นของผู้ชายไม่ผิดแน่ แล้วคนที่ผิวสวยๆราวน้ำนมข้าวอย่างเธอจะไปตากแดดร้อน ๆ ให้หน้าดำตัวดำทั้งวันจะเป็นไปได้ยังไง เอสช่างเป็นผู้ชายที่ใจร้ายมากจริง ๆ

“หมายความตามนั้น ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องมา..” เขาตอกย้ำความใจร้ายกับเธออีกครั้ง ก่อนเดินกลับขึ้นไปหาเพื่อน กอดคอเมี่ยงพาเดินขึ้นบันไดต่อ ชิพกับบุ้งหันไปมองน้องฟางอีกที น้องจอยเดินมาจูงเธอกลับไปแล้ว

“เล่นเหี้ยไรของมึงไอ้เอส น้องเขาตกใจหน้าจืดเลย ใจร้ายไปไหนสัส” ชิพหันไปต่อว่าเพื่อนไม่จริงจังนัก แต่เอสไม่สนใจ

“มึงว่าน้องเขาจะไปป่ะวะ” บุ้งหันไปถามชิพเหมือนขอความเห็น

“กูว่าไม่..”

“แต่กูว่าไป มึงเตรียมตัวกระอักได้เลยขืนได้แบบยัยนี่มาเป็นน้อง รับรองมึงโดนรังควานทั้งเช้าทั้งเย็นแน่อ่ะไอ้เอสเอ๊ย”

“ไม่มาหรอกน่า ร้อนจะตายชัก..” เอสส่ายหัวนิดๆ เขาคิดว่ายังไงฟางก็ไม่มีทางมาเดินงานเกษตรพื้นบ้านที่ทั้งร้อนทั้งฝุ่นแบบนี้แน่ ๆ ระดับเธอดูก็รู้ว่าต้องเดินหรูอยู่แบบนางฟ้า เหมือนๆกับเมย์สาวที่เขากำลังควงอยู่คนล่าสุด

“จะมาหรือไม่มากูไม่รู้ รู้แต่อย่าเอายัยน้องฟางนี่มายุ่งกับกูเป็นพอ” คราวนี้เป็นเมี่ยงเอ่ยขึ้นบ้าง เขาต่างหากที่ควรหนักใจ เพราะเขาเฝ้าลานจอดรถขืนยัยน้องฟางมาจริงก็ต้องไม่พ้นเขาเป็นคนดูแลอีก อย่าไปหวังอะไรกับไอ้บุ้งเพราะถึงเขาจะจับคู่ดูแลลานจอดดินแดงกลางแสงแดร้อน ๆ กับมัน เมียมันก็ตามมากางร่มห่มผ้าให้เหมือนเดิม ส่วนเอสกับชิพก็จะเริงร่าอยู่ที่โรงปลูกพืชผักอวกาศ ทิ้งเขาไว้กับน้องฟางข้าวเน่าของมันแน่ๆ

“โมโหอะไรวะก็บอกว่าไม่มาไม่มามึงเชื่อกูดิ”

“เออๆเชื่อๆ น้องฟางข้าวมึงอาจจะไม่มาแล้วน้องเมย์มึงอ่ะ จะมาป่ะ”

“ไม่รู้ ถามทำไม”

“มึงไม่ชวนน้องเขาล่ะ”

“ไม่ชวนขี้เกียจชวน”

“ไอ้ทุเรศ นั่นแฟนมึงนะ”

“เดี๋ยวจะเลิกแล้ว”

“ให้ตายเหอะใครได้มึงซวยเป็นบ้าเลย ถ้าหากผู้หญิงเขารู้ว่ามึงขี้เบื่อแบบนี้นะกูว่าไม่มีใครเขาอยากจะได้มึงนานหรอก เอาแล้วถีบมึงทิ้งเลยดีที่สุด”

“ถามกูด้วยกูอยากได้เขานานไหมไอ้เหี้ยของแบบนี้เบื่อแล้วก็เลิก เรื่องปกติ”

“สัสเอส..ไอ้เลวววว”

“กูหมายถึงนิสัย มึงคิดอะไรเนี่ย ถ้ามีเสน่ห์จริงต้องไม่ทำให้กูเบื่อได้ดิ่วะ”  เมี่ยงหันไปมองหน้าเพื่อนตาเขียวหลังจากเถียงกันยืดยาว ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินเข้าห้องนเรีกันไป เห็นเขาสองคนด่าเล่นกันแรง ๆ แบบนี้แต่ไม่เคยโกรธกันนะ เมี่ยงกับเอสสนิทกันมาตั้งแต่มอต้น เพื่อนกินเพื่อนเที่ยวเพื่อนเมาเพื่อนตาย ถึงเมี่ยงจะตัวเล็กแต่ก็ใจนักเลงพอๆกับเอส จีบสาวกันมาแล้วไม่รู้กี่สิบคนแต่สุดท้ายไอ้เพื่อนตัวสูงได้ไปแดกก่อนทู๊กที ถึงอย่างนั้นเมี่ยงก็หาได้แคร์ไม่ เขายังเดินหน้าเรื่องสาว ๆต่อไป

“พวกมึงอย่าเพิ่งเถียงกัน กูเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ งานวันพรุ่งนี้น้องพี่เต้จะไปป่ะวะ..” เป็นชิพที่ก้มลงกระซิบกระซาบ เหตุเพราะจู่ ๆ เห็นพี่เต้กับพี่รัฐรวมถึงกลุ่มพี่รหัสกับพี่ลำดับของพวกเขาเดินผ่านหน้าห้องไป เขาจึงนึกเรื่องของแคปขึ้นมาได้

“หือ??” เมี่ยงคิ้วขมวด  “น้องพี่เต้ ไอ้แคปน่ะเหรอ”

“ก็เออ ไอ้คนที่มันกระทืบมึงเมื่อวานนี้ไง มึงอย่าลืมนะมันเรียนเกษตร เกิดมึงไปเจอมันที่นั่น มึงจะไม่โดนตีนมันอีกหรือไง๊..”

“เฮ้ยมันจริง กูลืมนึก” เมี่ยงทำสีหน้าไม่สบายใจหันซ้ายหันขวา เพิ่งรู้สึกตัวว่าทำไมถึงมีแต่เขากับชิพที่ก้มหัวกระซิบกัน ไม่เห็นมีใครคนอื่น ๆ สนใจ จนรู้ว่าโดนชิพหลอกให้ฟังมือเล็กก็ฟาดหัวเพื่อนจนเงิบไปแล้ว

“มึงกลัวมันป่ะ ไอ้แคปน่ะ..” ชิพถามขึ้นอีก เมี่ยงส่ายหัวแล้วบอกหึ  ชิพเลยลูบๆแล้วบอกดีมาก

“แต่กูจะไม่ออกจากลานจอดรถเลย อาจารย์บอกกูว่าพวกเด็กเกษตรส่วนใหญ่จะเฝ้าแปลงผักไม่งั้นก็คอกสัตว์ แน่นอนว่าไม่มีใครมายุ่มย่ามเรื่องที่จอดรถแน่ ๆ เพราะพวกเราวิศวะถูกขอร้องให้ช่วยดูแลเรื่องนั้น”

“อ้อ นี่น่ะเหรอที่มึงบอกว่าไม่กลัวตีนมัน”

“ไม่กลั๊ว ~ ใครบอกวะว่ากูกลัว เนอะเอสเนอะ..” เมี่ยงแอปเสียงสุดๆว่าไม่กลั๊วไม่กลัว จนชิพหัวเราะขำ อาจารย์เข้าพอดี เอสหันมามองไม่รู้ว่าชิพกับเมี่ยงสุมหัวคุยเรื่องอะไรกัน แต่ที่แน่ ๆ ช่วงนี้เขาจะได้ยินชื่อนี้บ่อยเกินไปแล้ว ‘แคป’







Tbc.

อื้อหื้อออ 3 รีฯ เรื่องสั้นทำไมถึงเขียนยาวจังเนาะ T___T   ฝากเอสแคปและผองเพื่อนไว้กับนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ ขอบคุณเป็นพิเศษมากๆสำหรับท่านที่ตามมาจากดอกฟ้าค่ะ :กอด1:
ปล. ช่วงนี้ที่นี่มีงานเกษตรค่ะ เอาให้เข้ากับบรรยากาศของเด็กเกษตรจริงๆกันเล๊ยยย 
:hao4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-01-2018 11:34:10 โดย coffeeQbread »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มันส์!!! ยาวแบบสะใจคนอ่านมากๆ

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ชอบมากเลยมายาวววววววว
เอสเริ่มชอบหรือเปล่าเนี่ย
ชอบจังเลย
แคปหาวไปนะ
เมื่อไหรจะหวานซะทีน้า
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 o13  น่ารักจังเลยค่ะมาอัพตั้งยาวแน่ะ ขอบคุณนะ  นี่เกือบพลาดล่ะดีนะที่เข้ามาบอร์ดเรื่องสั้นถึงได้เห็น

ดูแล้วเอสคงจะติดใจรสหมัดของแคปนะ 5555 มีการแอบส่องหน้าใกล้ๆด้วยอะ
ตอนที่ถามจะเอาที่ไหนคือแบบโอ๊ย เค้าชวนกันงี้เลย ครั้งต่อไปตัวตัวอีก อืม เสื้อผ้ายังเกี่ยวไหม  :laugh: (อิป้านี่ช่างมโนเหลือเกิน)

รอดูว่าเอสจะเดินเกมหาเรื่องแคปยังไง



ออฟไลน์ roku-san

  • คนขี้แพ้
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Roku-san block
เอสนี่สายเอสใช่ป่ะ//ผิด เอ๊ะหรือถูก

แลดูไม่เหมือนเป็นเรื่องสั้นเลย ระวังยาวเน่อ อิอิ

แค่ตอน 1 ก็ทำเรามโนไปไกลถึงฉากอย่างว่าแนวๆ SM หึหึหึหึหึ//หัวเราะร้าย

โชคดีนะแคปปู้ เรื่องนี้มีกี่คู่เนี่ย?

ออฟไลน์ roku-san

  • คนขี้แพ้
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Roku-san block
มาเม้นตอน 2 ต่อ พี่เอสคะ...เล่นแรง เมียพี่เลยเรอะ!? อย่าดีแต่พูดสิคะทำจริงด้วยสิ#ผิดมาก

ชะนีนี่น่ารำคาญจัง ถีบมันไปไกลๆ -.-

ชื่อเอส นิสัยก็เอสสมชื่อ รอดูฉากกระทืบ เอ้ย ฉากกุ๊กกิ๊กนะคะ -.,-

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เจอหน้ากันเป็นต้องกระทืบ 555

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เพราะภาพอิมเมจที่ลงไว้บวกกับเมี่ยงมีภาพเอสมีน้ำนมสีขาวอยู่บนหน้า  :haun4:
ทำให้แอบคิดไปว่า ขุ่นพี่!!! เอสอาจจะเป็นเคะ
ม่ายยยยยยย  :serius2:
มันไม่ใช่หรอกเนอะ เพราะยังไงเอสคงจับแคปกดอยู่แล้ว

ถ้าชะนีฟางถอยง่ายๆเรื่องต้องไม่มัน นางอาจจะมีแผนก็ได้เพื่อปั๋ว
ฉันว่านางยอมเพราะแรงกันมามาขอให้เป็นพี่เทคประดุจหนึ่งขอให้มาเป็นสามี

ปอลิง: เห็นอิมเมจแล้วจองตัวบุ้งนะ อิอิ  :hao3:

ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
ยาวๆแบบนี้ดีที่สุดค่าาาาาาา  ชอบสุดๆค่ะพูดเลย! ฮี่ๆ
ตอนนี้เอสคิดไรกับแคปป่าวเนี้ยะ  เล่นวางระเบิด "เมีย" ต่อหน้าแฟนแคปซ๊าาาาาาาาา ฮ่าๆๆๆๆๆ  เริ่ดค้าาาาาา
ปูเสื่อรอตอนงานเกษตรที่จะเกิดขึ้นเลยจ้าาาา  อร๊ายยยย ลุ้นให้ป๊ะกันในงานน๊าาาา  ฮี๊ววววว

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ชอบอ่ะ ยาวแบบนี้อ่านแล้วเต็มอิ่มมาก ประโยคในร้านกาแฟของเอสโคตรเด็ด "มานั่งให้เมียพี่จีบ"
อยากให้ถึงตอนหน้าไวๆแล้ว

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ชอบที่เอสพูดในร้านกาแฟ "เมีย" ตอนนี้ยังไม่คิดไรแต่อนาคตนี่ไดัใช้บ่อยแน่ๆ :impress2:
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว :mc4:

ออฟไลน์ kik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ยาวมากชอบอ่ะ :katai2-1:  แล้ว เอสกับแคป  จะรักกันยังไง  กวนทีน ทั้งคู่จิงจิง  :hao3: :hao3:
สนุกมากกกกกเหมือนเดิม มาต่อบ่อยๆ นะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เรื่องสั้น แต่ยาว ชอบๆๆๆๆๆ
เอสเนี่ยจะทำไร ท่าทางสนุกๆๆ
ระวังจะหลงแคปน่ะ อิอิ

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 27/01/58 (...II...)
«ตอบ #47 เมื่อ01-02-2015 21:27:31 »

แคปดุมากอ่ะ  เอสก็กวนตีนสุด หาเรื่อง โยนระเบิดใส้ได้แบบมันส์มาก

รออ่านวันงานเกษตร

ออฟไลน์ Ysolip

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 27/01/58 (...II...)
«ตอบ #48 เมื่อ01-02-2015 21:31:19 »

โหยย น่ารัก  :ling1: :ling1: ตามมาจากเรื่องพี่เอย์กับปิงค่าา
เรื่องสนุกมากก แต่ละคนโหดๆกันทั้งนั้น
โบราณเขาว่ายิ่งตีกันลูกยิ่งดกหรือเปล่าคะ แหมมม :z2:

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 27/01/58 (...II...)
«ตอบ #49 เมื่อ01-02-2015 21:44:13 »

ตามมาจากดอกฟ้าฯ จริงๆนั่นแหละค่ะ ชอบสไตล์นี้หมือนกันนะ
เห็นว่าเป็นแค็ปกับเอส ยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะสปาร์คกันได้ยังไง
เปิดมาก็ตีกันซะแล้ว โหดๆอย่างนี้ถ้าหวานจะเป็นยังไงน้า ~
รอชมรอเชียร์คู่รักดิบเถื่อน ไม่รู้ว่ากี่คู่ เราเชียร์หมดอ่ะ :laugh:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 27/01/58 (...II...)
« ตอบ #49 เมื่อ: 01-02-2015 21:44:13 »





ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 27/01/58 (...II...)
«ตอบ #50 เมื่อ01-02-2015 23:57:03 »

เข้ามากดF5 รอตอนต่อไปทุกวันเลยค่าาาา 

ออฟไลน์ kautumn

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 27/01/58 (...II...)
«ตอบ #51 เมื่อ02-02-2015 11:43:13 »

เรื่องสั้น แต่อ่านมันส์เลยค่ะ แคปซ่าห์มาก ส่วนเอสก็โหดดีชอบๆ แต่ว่า สองคนนี้จะรักกันอย่างไรหนอ

ออฟไลน์ โซดาหวาน

  • ชอบเกาหลี , คลั่ง วาย ~ , ♥ รักประเทศไทย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-1
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 27/01/58 (...II...)
«ตอบ #52 เมื่อ03-02-2015 13:48:15 »

โอ้ยยย สองคนนี้จะรักกันยะงไงน๊าา ลุ้นๆๆ   :ling1:

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 3/02/58 (III)
«ตอบ #53 เมื่อ03-02-2015 21:34:48 »




III


บ่ายคล้อย....ที่โรงเพาะปลูกผักออแกนิกส์และผักไฮโดรโปนิกส์ ภายในงานเกษตรของมหาวิทยาลัย  ความจริงทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการควรจะสนใจในตัวพืชผัก แต่ไม่น่าเชื่อว่าที่มุมเล็กๆจะมีนักศึกษาจากคณะการโรงแรมสามสี่คนจับกลุ่มคุยกันอยู่

“อร๊ายยยยยย อิกิ๊ฟ นั่นพี่เอสใช่ไหม กูเห็นพี่เขายืนดูอาจารย์ขายผักอยู่ตรงนั้น มึงบอกกูซิ ว่านั่นไม่ใช่กูตาฝาดไปใช่ไหม กรี๊ดดดดด พี่เอสประจำอยู่ที่นี่กูไม่อยากจะเชื่อ กรี๊ดดด” คนพูดชื่อบอย เกย์สาวของคณะการโรงแรมที่แอบมองรุ่นพี่คนหนึ่งมานาน เขาขยี้เท้าด้วยความดีใจ ส่งเสียงกระซิบกระซาบ อยากจะกรี๊ดก็ทำดังๆไม่ได้  สองมือตบแก้มตัวเองเหมือนกำลังปลุกให้ตื่นขึ้นจากฝัน ปกติแล้วจะได้เจอเอสเขาต้องถ่อเข้าไปแอบดูถึงคณะวิศวะ แต่ตอนนี้คนที่เขาอยากเจอมาตลอดกลับมายืนอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาแล้ว

“เออๆ ใช่จริงๆว่ะบอย” นี่กิ๊ป หนึ่งในเพื่อนหญิงที่ชวนกันมาเดินเที่ยวงาน

“โฮ้ย กูนึกว่ากูฝัน แบบนี้ต้องเป็นพรหมลิขิตแล้ว อิกิ๊ฟ มึงไปถามให้กูหน่อยดิ  พี่เขาชอบผู้หญิงหรือชอบผู้ชายวะ..”

“บ้า กูจะกล้าเหรอ..” 

“นะ..เห็นใจกูหน่อยกูแอบมองพี่เขามาตั้งแต่ต้นปีแล้ว จนป่านนี้ยังไม่ได้คุยด้วยสักคำ มึงไปถามให้หน่อยว่าพี่เขาสนใจผู้ชายบ้างป่ะวะ” บอยคิดว่าวันนี้ต้องเป็นพรหมลิขิตชัดๆ เขาจะต้องรู้ความจริงข้อนี้ของเอสให้ได้

“ไม่เอา พี่เขาไม่คุยกับกูหรอกดูหน้าตากูสิขี้เหร่กว่าผู้ชายอย่างมึงอีกอ่ะ”

“แต่อย่างน้อยมึงก็เป็นผู้หญิง นะกิ๊ปนะ..” เขาอ้อนวอนเพื่อนอีก

“ไม่เอาบอยกูไม่กล้าจริงๆนะเว้ย”

“ห้าร้อย กูจ้างมึง”

“ไม่เอา ไม่กล้าหรอก พี่เขาท่าทางคุยด้วยยากจะตาย”

“เจ็ดร้อย”

“ไม่เอาเว้ย ไอ้บอยมึงอย่าเพิ่มนะ”

“พันนึง นั่นพี่เขาเดินออกไปแล้ว มึงรีบตามไปเร็วเข้า”

“ไม่เอ๊า!!”

“พันสอง”

“ไอ้เหี้ยบอย ไม่ๆๆๆๆๆๆ”

“ถ้างั้นพันห้า สุดๆของกูแล้ว”

“สองพัน ถ้าพี่เขายอมคุยกะกูดีๆ กูจะถามไลน์พี่เขามาให้มึงด้วย”

“รีบไปให้ไวๆเลยมึง โน่น พี่เขาเดินออกไปแล้ว อิขี้งก!” กิ๊ฟไม่รอช้า เธอยกมือกดไลท์ให้กำลังใจตัวเองก่อนวิ่งปรู๊ดออกไป บอยยิ้มเผล่หน้าบานด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง


.


ตลอดทั้งวัน เอสกับชิพประจำอยู่ที่อาคารปลูกผักออแกนิกส์  ความจริงวิศวะไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับงานประจำปีของมหาวิทยาลัยครั้งนี้เลย แต่เต้พี่รหัสของเขาซึ่งมีน้องชายเรียนเกษตรดั๊นมีสัมพันธภาพที่ดีกับรุ่นพี่ของคณะนี้เพราะงั้นอาจารย์เลยจัดนักศึกษาวิศวะบางส่วนมาดูแลโครงสร้างอาคารและรับผิดชอบเรื่องสถานที่จอดรถ เอสย้ายท่อรางพีวีซีสำหรับรดน้ำผักให้เคลื่อนที่ไปในตำแหน่งที่รุ่นพี่เกษตรเรียกร้อง ก่อนที่เขาจะถึงคิวพักในช่วงเย็น บุหรี่ในมือถูกจุดขึ้นแล้ว เขาเดินออกมาพักที่ด้านนอก

“กูตัวดิ๊..” ชิพเดินตามออกมาตบลงที่บ่าแกร่ง  แดดร่มลมตกแล้ว พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแสงสีส้มๆทอประกายไปทั่วทั้งลานงาน  ชิพย่อตัวนั่งยองๆลงที่พื้นมองดูเวลาที่ข้อมือหกโมงเย็นนิดๆ ขณะที่เอสยืนสูบอยู่เงียบ ๆ ตามสไตล์ เขามองไปโดยรอบ เห็นเด็กนักเรียนประถมกับอนุบาลใส่เอี๊ยมแต่งตัวน่ารักที่เดินมากับบรรดาผู้ปกครอง อย่างว่างานมีแค่ปีละหนึ่งครั้งบางคนบางครอบครัวถึงขนาดพาลูกมาดูว่าฟาร์มสัตว์ หรือว่าสถานที่ทำการเกษตรปลูกพืชผักต่าง ๆ ของจริงนั้นทำกันอย่างไร

ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่พวกเขาสองคนยืนอยู่เป็นคอกโชว์วิธีการเลี้ยงสัตว์ต่างๆ โซนด้านซ้ายมือเป็นที่โชว์ปลาสวยงามส่วนด้านขวาเป็นแปลงพืชผักสวนครัวซึ่งดึงดูดต่อสายตาที่สุดเพราะผลสีแดงสดของมะเขือเทศที่ตัดกับใบสีเขียว ๆ มีข้าวโพดต้นอ่อนต้นแก่แปลงใหญ่มาก แตงกวาที่ห้อยอยู่ตามซุ้มปลูกเตี้ยๆ  ฟักทองที่เลื้อยทอดยาวไปตามพื้นดินพื้นหญ้า รวมไปถึงแตงโม องุ่น พุทรายักษ์ที่มีซุ้มโค้งๆไม่สูงนัก คล้ายกับซุ้มของแตงกวา  เอสมองจากตรงนี้ถึงจะไกลไปบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นจุดที่ดึงความสนใจของเขาได้มากทีเดียว

“พี่คะ..” เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เขาสองคนหันมาพร้อม ๆ กัน ชิพลุกขึ้นยืน เขาทิ้งบุหรี่ที่เพิ่งสูบได้แค่ครึ่งมวนลงเพื่อรักษามารยาท

“ว่าไงครับ..” เป็นชิพที่ตอบรับเธออย่างสุภาพ ในขณะที่เป้าหมายคนที่เธอถูกเพื่อนจ้างวานมาล้วงเอาข้อมูลกลับยืนดูดบุหรี่อย่างสบายอารมณ์ควันสีขาวหม่นกำลังค่อย ๆ ทยอยปล่อยออกจากปากเป็นรูปร่างแปลกๆราวกับว่าเขากำลังเล่นกับมัน  ดวงตาคมกริบจ้องมองอยู่ที่แปลงมะเขือเทศไม่ใกล้ไม่ไกล โดยไม่สนใจแลตามาที่เธอเลยแม้แต่นิดเดียว

“เอ่อ คือว่ามีธุระกับพี่คนนี้น่ะค่ะ..” กิ๊ฟชี้ๆตัวเป้าหมายทันที เอสหันมามองเธอหน่อยนึงเธอจึงรีบหลบ  มันเป็นเพราะค่าจ้างที่ล่อใจ กิ๊ฟจึงอยากจะรีบจัดการธุระให้เสร็จๆ มาก ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าเอสนั้นช่างเป็นคนที่เข้าถึงได้ยาก แววตาเย็นชาที่ทอดมองมานั้นทำเอาเธอหนาวเหน็บแปลกๆ  คณะที่เพื่อนอีกคนกลับทักทายเธออย่างเป็นมิตรมากกว่า

“คะ....คะ....คะ....คือ...อออ...” เธอพูดไม่ออกใบ้รับประทานจนชิพอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ เขากระซิบเอสบอกว่าอย่าทำหน้าดุนักน้องเขากลัว เอสปรายสายตามองเธอก่อนส่ายหัวแล้วหันไปมองโน่นมองนี่ต่อ

“เอ้าไหนว่ามีธุระจะคุยกับเพื่อนพี่ครับ พูดไม่ออกไปซะแล้ว..” ชิพแซว

“พูดค่ะพูด หนูจะพูดเดี๋ยวนี้เลย หนูมีเรื่องอยากจะถามพี่ค่ะ พี่คนนี้....” เธอรีบตั้งสติใหม่ ตบๆใบหน้าพลูลมหายใจลึกยาว

“เฮ้ยไอ้เอส น้องเขามีเรื่องอยากจะถามมึงว่ะ..” ชิพคว้าไหล่เอส เรียกเพื่อนตัวเองให้หันมามองที่น้องเขาบ้าง

“ว่า...?”  เอสหันมาจ้องหน้าเธอ เขากำลังรอคำถาม แต่เป็นเธอที่ประหม่าแดกอีกแล้ว

“...........”

“ตกลงไม่ถามใช่ไหมครับน้อง เพื่อนพี่มันขี้รำคาญเดี๋ยวเกิดเดินหนีขึ้นมาห้ามร้องไห้นะ” ชิพแกล้งขู่

“ถามค่ะถาม กิ๊ปถามแล้วค่ะ”  สาวขี้อายหลายรายมักเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่จะเข้ามาขอข้อมูลจากพวกเขา ไม่เข้าใจจะอายไปทำไมนักหนา ถ้าอายก็ไม่ต้องเข้ามาถามแต่แรกก็จบ

“รอฟังอยู่...” เอสคาบบุหรี่ไว้ที่ปากแล้วพูดบอกเธอ เขาล้วงเอามือถือขึ้นมากดถ่ายรูปแปลงมะเขือเทศ สีแดงแซมเขียวที่สวยจนล่อตา  ส่วนกิ๊ปเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังสนใจอยู่กับการถ่ายภาพเธอจึงรีบรวบรวมความกล้าแล้วถามออกมารวดเดียว

“เพื่อนหนูฝากมาถามว่า  พี่เอสพี่ชอบผู้หญิงหรือผู้ชายคะ..” 

คล้ายทุกสิ่งระหว่างเขาทั้งสามคนหยุดชะงัก เธอรู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงขำเบา ๆ จากชิพ แต่กับเอสนั้น เขายังพ่นควันขาวออกจาปากอย่างไม่แคร์ก่อนทิ้งก้นบุหรี่ลงแล้วก้าวเข้าไปหาเธอใกล้ ๆ เอียงหน้าเข้าไปกระซิบที่ริมหูเล็ก

“กลับไปบอกเพื่อนนะ ถ้าอยากรู้ให้มาถามเอง...”

หัวใจกิ๊ฟแทบจะหยุดเต้นเมื่อมันใกล้มากถึงขนาดได้กลิ่นมินต์จาง ๆ ของบุหรี่ผสมกับกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆแบบของผู้ชายจากเขา เธอเงยหน้ามองเอสราวกับถูกเวทมนต์ดึงดูดสายตา

“ตามนั้น....” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นปลุกสติของเธอให้กลับมาจนได้

“ตะ..แต่  พี่คะ หนูกราบล่ะพี่บอกหนูหน่อยเถอะ ถ้ากลับไปโดยที่ไม่ได้คำตอบอะไรเลยเพื่อนมันเอาหนูตายแน่อ่ะ”

“..........” เอสไม่ได้พูดอะไรกับเธอต่อ เขาส่ายหัวปฏิเสธอย่างเบื่อหน่ายเมื่อคุยแล้วดันไม่รู้เรื่อง  เขาเดินมาอีกฝั่งนั่งยอง ๆ ลงข้างชิพปล่อยให้เธอยืนเคว้งตาล่ะห้อยอยู่ตรงนั้น นานพอจนชิพอดที่จะสงสารไม่ได้

“เพื่อนพี่มันใจร้ายแบบนี้แหละ ถ้ามันบอกว่าไม่แล้วก็คือไม่ครับ น้องกลับไปบอกเพื่อนเถอะนะ ตามที่พี่เอสเขาบอกอ่ะ อยากรู้ก็ให้เดินมาถามเอง”

“แต่เพื่อนหนูกลัวพวกพี่นี่คะ” เธอว่าเสียงอ่อน

“กลัวทำไมพวกพี่ไม่กัดหรอก บอกเขาสิถ้าอยากรู้ให้มาถามเอง ใจไม่กล้าแบบนี้ไม่ได้แดกเพื่อนพี่หรอกครับ” แต่ว่าถ้าใจกล้าจนเกินงามเพื่อนพี่มันก็ไม่เอาอีกเหมือนกัน อันนี้ชิพไม่ได้พูดได้แต่นึกอยู่ในใจ เขายิ้มบางๆให้เธอ กิ๊ปกัดริมฝีปากเหมือนกำลังใช้ความคิด

“เอางี้ได้ไหมคะ ถ้าพี่เอสไม่บอกก็ไม่เป็นไร งั้นถามพี่ก็ได้หนูจะได้มีคำตอบไปให้เพื่อน พี่คะพี่เอสเพื่อนพี่อ่ะชอบผู้หญิงหรือผู้ชายคะพี่..”

ชิพรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนของร้อนเข้าเล่นงาน ผู้หญิงนี่จัดการด้วยยากเย็นที่สุด มิน่าไอ้เอสถึงได้หนีไปยืนอยู่อีกฝั่งให้เขาช่วยกันเธอให้ ชิพมองหน้าเธอแล้วนึกว่าถ้าไม่บอกอะไรออกไปคนแบบนี้คงไล่ไม่ไปแน่ ๆ เขาก็เลยก้มลงไปกระซิบใกล้ ๆ

“มันชอบทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายนั่นแหละ..” คราวนี้ไม่รู้ทำไมกิ๊ปจึงไม่รู้สึกประหม่า ทั้งที่ใกล้เหมือนกันแท้ ๆ   เธอทำตาลุกวาว ท่าทางดีใจสุดขีดแทบจะกระโดดจนตัวลอย เมื่อคำตอบออกมาแบบนั้น

“จบนะทีนี้..” ชิพพยักหน้าให้ เธอรีบพยักตอบรัว ๆ ก่อนขอบอกขอบใจแล้ววิ่งหายเข้าไปด้านในโรงปลูกผัก เอสเงยหน้ามองเพื่อน พอชิพนั่งลงเขาจึงถามว่าไปพูดยังไงเธอถึงยอมไป

“ก็แค่ตอบคำถามแทนมึง”

“มึงตอบว่ายังไง...” เอสสงสัย

“ก็บอกไปว่ามึงชอบทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายไง”

“สัส...!.”

“อะไรของมึง นี่เขาเรียกตอบแบบกลาง ๆ เว้ย คนช่วยยังไม่รู้ตัวอีก”

“หาเรื่องให้กูล่ะสิไม่ว่า...” เอสบ่นพึมพำเมื่อเสียงกรี๊ดดังลั่นมาจากด้านในชิพรีบลุกขึ้นวิ่งเข้าไปชะโงกดู ปรากฏว่าเป็นเด็กนักศึกษากลุ่มของกิ๊ฟที่กรี๊ดดดด แตกขึ้นมา

“หึ ไงล่ะ..นี่น่ะเหรอที่เรียกว่าช่วยกู” เอสส่ายหัว

“เอาน่า โทษทีว่ะเพื่อน..” ไม่มีคำไหนจะดีเท่าคำนี้อีกแล้วเมื่อชิพมองเห็นหน้าเพื่อนสาวแตกของน้องกิ๊ฟ เขาตบลงที่บ่าแกร่งอย่างปลอบใจ

“สวยเหี้ยๆเลย” เอสว่า

“เอ๊ะไอ้สัส มึงอย่าไปว่าผู้หญิงงั้นสิวะ”

“ผู้หญิง?” เอสเลิกคิ้วกวนตีนใส่  ชิพยิ้มแห้ง ๆ กลับมา ก็รู้อยู่หรอกว่าเอสหมายถึงอะไร

“มึงไม่รู้ไง สมัยนี้กระแดะๆไม่เป็นที่ต้องการของตลาดแล้วนะเว้ย ผู้ชายน่ะเขามองแค่ผู้ชายด้วยกันเท่านั้นล่ะ ไอ้ประเภทอยากสวยอย่างผู้หญิงน่ะ ควรปรับปรุงตัวนะรู้ยัง”
 
“แหม่...มึงพูดซะกูคิดว่ามึงเป็นจริง ๆเลยนะไอ้เพื่อนเหี้ย..” ชิพจับต้นคอเอสแล้วบีบ เพื่อนเขาคนนี้บทจะพูดก็หมดเปลือกซะ  เอสหันมายกยิ้มกวนตีนให้

“เป็นไม่เป็นไม่รู้ แต่ถ้าเจอคนที่ถูกใจจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกูก็เอา”

“ตรงไปไหนสัส เอาบุหรี่ออกมาอีกดิ๊”  เอสไหวไหล่บอกหมด แล้วส่ายหัว ชิพเลยต้องล้วงเอาของตัวเองขึ้นมา


.


“ไอ้แคปโว๊ยยยยย ทางนี้!” เสียงอาร์เรียกมาจากที่ไกลๆ โบกไม้โบกมือเรียกชูถุงขนมขึ้นจนสูง  แคปเงยหน้ามองท้องฟ้า แดดร่มแล้วเพราะเริ่มเย็น  วันนี้เขารับหน้าที่เฝ้าแปลงมะเขือเทศและแปลงปลูกข้าวโพด แคปแบกจอบพาดใส่บ่าแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อน
“อ่ะ กินป่ะ” อาร์ชวนเขากินผลไม้ ที่ซื้อมาจากโซนขายของใกล้ ๆ แคปส่ายหัว เขาไม่ชอบกินของจุกจิกแบบนี้ อาร์เลยดึงมือเขาให้ตามไปดูที่แปลงปลูกแตงโม

“มึงดูนี่ แตงโมลูกนี้ใหญ่น่าดูเดี๋ยวถ้ามีเด็กๆผ่านมากูจะเด็ดให้น้องเขาฟรีๆเลย” อาร์อวดแปลงแตงโมของตัวเอง แต่แคปไม่สนใจจุดนั้น เขากำลังมองไปที่เครือของฟักทอง มันเหมือนมีหนอนขนหรืออะไรแปลกๆมาทำรังที่ดอก แคปจึงบอกอาร์ให้ระวังเพราะกลัวเด็กๆที่มาดูจะไปจับเข้าแล้วอันตราย อาร์รีบมากำจัดแล้วเขี่ยออก

“เด็กๆชอบดูมะเขือเทศว่ะ” แคปบอกอาร์  “เออก็มันสีสวยนี่หว่า”

“ข้าวโพดเด็กก็ชอบนะมึง” แคปบอกต่ออีก อาร์พยักหน้า

“กูเห็นน้องๆกลุ่มเมื่อกี้หิ้วฝักข้าวโพดออกไปด้วย  มึงระวังอาจารย์จะดุนะเว้ยไอ้แคป” อาร์รู้ว่าแคปเป็นคนเอาให้แน่ ๆ เห็นเพื่อนเขาดุๆแบบนี้แต่แพ้เด็กๆนะขอบอก

“ก็น้องเขาอยากได้กูเลยเด็ดให้..” แคปว่าแล้วเอาจอบขุดๆวัชพืชที่รกออกให้ เสียงโทรศัพท์มือถือดัง เขาเลยเอาขึ้นมากดรับ

“มีไร..”สายจากปอที่อยู่โรงเลี้ยงสัตว์ วันนี้ปอรับหน้าที่เฝ้าแม่ไก่ออกไข่กับเฝ้าแม่วัวโคนม

(แคป มึงอยู่ไหนกูมีไรจะอวด)

“อยู่ที่แปลงแหละ มีไรอ่ะทำเสียงตื่นเต้นไปได้” แคปมองเห็นที่แปลงตัวเองมีกลุ่มเด็กๆเดินผ่านมาดูอีก เขาจึงพยักหน้าบอกอาร์ว่าจะไปเฝ้าแปลงก่อนแล้วเดินออกมา

(เอาน่า  เดินจะถึงแล้วเดี๋ยวมึงต้องตกใจแน่ๆกูมีอะไรเด็ดๆด้วย)

“เออๆรีบมากูเฝ้าต้นข้าวโพดอยู่เนี่ย”

“อือๆ..”

พอกดวางสายได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ปอกอบสองมือวิ่งเข้ามาหา แคปรีบชะโงกหัวเข้าไปดู ปล่อยเด็กๆเดินผ่านไปที่แปลงของอาร์

“อะไรวะ..” แคปเงยหน้าถามทั้งที่เห็นๆอยู่แล้วว่าปอประคองไข่ไก่หนึ่งฟองมาให้เขาดู

“นี่อ่ะ กูเพิ่งเห็นมันตกออกมาจากตูดไก่เลยนะเว้ย มหัศจรรย์เป็นบ้า แม่ไก่ออกไข่ร้อนๆเลยไอ้แคปมึงดู” เขาบอกแคปด้วยท่าทางภูมิอกภูมิใจ จริง ๆ แล้วแคปเองก็อยากจะไปเฝ้าไก่แม่พันธ์ออกไข่นั่นแหละแต่อาจารย์ดันจับเขามาเฝ้าแปลงผักเสียได้

“จะเอาไงกับมัน แล้วมึงไปเก็บมาทำไมวะ ไม่เอาไว้ให้คนเขาดู”

“ไม่เอาอ่ะ กูจะเอามาอวดมึง”

“บ้าเอ๊ย เผื่อมันจะฟักออกมาเป็นลูกไก่ล่ะ” แคปชักเริ่มหวั่นๆ เมื่อเขารับไข่มามันยังร้อนอยู่มากจริง ๆ มือแทบลวก

“งั้นเราจะทำยังไงดีวะ” ปอกระซิบหน้าเครียด  แคปหันซ้ายหันขวา คนแถวนี้ค่อนข้างน้อย เขาเลยดึงแขนปอให้ตามเข้าไประหว่างซุ้มต้นข้าวโพดกับต้นมะเขือเทศ

“ทำไรของมึง...” ปอสงสัย แต่ก็ยอมเดินตาม

“เราจะทำรังให้มันไง ถ้ามันอบอุ่นมันก็จะฟักออกมาได้ไม่ใช่เหรอวะ เอามันวางไว้ตรงนี้ดิ๊..” แคปว่าแล้วใช้เสียมที่ลากติดมือเข้ามาด้วยขุดๆๆลงไปที่ดินแล้วเอาฟางข้าวโพดวางทำเป็นรังให้มัน

“ตรงนี้น่ะเหรอ..” ปอถามงงๆ

“เอ๊อ ตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาดูกันรับรองมึงได้เห็นลูกเจี๊ยบแน่ ๆ เชื่อกูดิ”

“กูไม่อยากจะเชื่อเลย” ปอหรี่ตาทำหน้าไม่เชื่อ แคปเลยโบกหัวเพื่อนแล้วแย่งเอาไข่มาวางไว้เองอย่างระมัดระวัง เขาลูบๆมันแล้วสั่งไข่ว่าให้รีบๆฟักออกมา

“ออกไปได้แล้ว ปล่อยมันไว้ตรงนี้แหละ” แคปดึงเพื่อนให้ตามกันออกมา  “พรุ่งนี้อาจารย์บอกให้กูรีดนมวัวโชว์ด้วย มึงอยากทำไหม” ปอหันมาถาม เมียงมองไปที่จุดของตัวเองคนเริ่มเยอะเขาเลยคิดว่าจะเดินกลับไปแล้ว

“เอาดิ่ บ่ายๆกูว่างที่นี่ร้อนคนไม่ค่อยมี เดี๋ยวไปช่วยมึงก็ได้” แคปเดินออกมาส่งเพื่อนได้แค่ครึ่งทาง เจอกลุ่มพี่รหัสของตัวเองมาเดินตรวจแปลง เขายกมือไหว้ทักทายกันตามปกติ

“ไง  น้องไอ้เต้” พายเป็นพี่รหัสของแคป เขาสนิทกับเต้เพราะรู้จักกันตั้งแต่เด็กเพราะงั้นเลยชอบแซวแคปแบบนี้บ่อย ๆ แล้วพูดไม่พูดเปล่ายังคว้าเอาคอขาว ๆ ของแคปเข้ามากอดไว้อีก แคปรีบยกออกแล้วชี้บอกอย่า พายหัวเราะ

“ผมแคปครับมีชื่อนะมีชื่อ เรียกชื่อผมด้วย” แคปส่ายหน้าหน่าย ๆ พร้อมกับล้วงกระเป๋าเสื้อชอปคว้าเอาใบตรวจแปลงส่งให้พายเซ็นต์

“อ้าวเหรอ ชื่อไรนะลืม คาปูรึเปล่าน๊า..” พายล้อเขา  พอเซ็นต์ชื่อเสร็จยัดใส่อกคืนแคป  พร้อมคำพูดล้อเลียน แคปรีบชี้หน้าแล้วบอกอย่าเรียกคาปูอีก พายหัวเราะแล้วเอามือยีหัวเล็ก

“คืนนี้ว่างป่ะวะ..” พายถาม

“ทำไมครับ พี่พายมีอะไร” แคปดึงปอให้หลีกทางรุ่นน้องอีกคนที่กำลังยกปุ๋ยผ่านเข้ามาที่แปลงผักของเขา

“ไปแดกเหล้ากัน ที่เดิม”

“คืนนี้?” แคปทวนคำนิดๆ เขากำลังคิดว่าคืนนี้อาจไม่ว่าง มีเรื่องที่ค้างคามาตั้งแต่เมื่อวานที่เขากับเอสทะเลาะกันที่ร้านกาแฟแล้วแยมแฟนของเขาเข้าใจผิดเพราะคำพูดบ้าๆของไอ้เอสนั่น คืนนี้แคปต้องไปง้อแยมที่ห้อง

“ทำไมวะ ไม่ว่างรึไง มันนัดใครป่ะเนี่ยไอ้ปอมึงรู้ป่ะ”

“นัดเมียมันมั้งพี่” ปอตอบแบบไม่รู้สึกผิดสักนิดขณะที่แคปหันมองตาเขียว

“แล้วแต่มึงละกันถ้าว่างค่อยไป ไม่ว่างก็ไว้วันหลังเว้ย กูไปนะ”

“ครับเจอกัน”

พวกรุ่นพี่เดินกันไปแล้วปอเองก็โบกไม้โบกมือให้แล้วแยกไปเช่นกัน แคปเริ่มคิดถึงรังไข่ที่เขาไปทำเอาไว้กำลังจะเดินกลับไปดู มือเล็กๆก็มาคว้ามือของเขาเข้าไว้ แคปก้มลงมอง

“พี่คะพี่ มะเขือเทศสีแดงอันนั้นหนูขอได้ไหม..” เป็นเด็กผู้หญิงน่าตาน่ารัก มัดผมแกะผูกโบว์คิดว่าคงอยู่ระดับอนุบาล แคปมองซ้ายมองขวากลัวจะเป็นเด็กหลงทางกับผู้ปกครองแต่พอเห็นว่าคุณพ่อกับคุณแม่หนูน้อยยืนยิ้มเผล่มาทางนี้เขาก็โล่งใจ จูงมือเธอเดินไปดูต้นมะเขือเทศใกล้ ๆ

“หนูชอบมะเขือเทศ เวลาหม่าม๊าทำข้าวผัดหนูอร่อย” แคปย่อตัวนั่งยองๆลง หนูน้อยตามเข้ามานั่งลงที่ตัก เขาหนักนิดหน่อยแต่ก็ชอบ กอดเอวน้องไว้เพราะกลัวน้องจะตก

“อยากได้เหรอครับ” แคปถามพลางประคองพวงมะเขือเทศสีแดงสดให้คนสวยดู เธอยิ้มคิกคักชอบอกชอบใจ แคบล้วงกรรไกรตัดกิ่งที่พกไว้ออกมาแล้วตัดให้เธอช่อเล็กๆหนึ่งอัน ดูท่าทางหนูน้อยมีความสุขมาก คุณแม่เธอยื่นโทรศัพท์มือถือส่งให้แล้วบอกขอรบกวนถ่ายรูปน้องหนูกับต้นไม้หน่อย แคปโอเคแต่คนสวยบอกจะถ่ายกับเขา  แคปเลยจำใจเซลฟี่ร่วมกับเธอ

“กอดหนูแน่นๆเลย พี่ชื่อไยอ่ะ” พูดก็ยังพูดไม่ชัดแคปยีหัวเล็กอย่างเอ็นดู

“พี่ชื่อแคปครับ แล้วหนูชื่ออะไรน๊า”

“หนูชื่อยาหยี โตขึ้นหนูจะมาเรียนดูแลผักเหมือนพี่แคป”

“ครับๆ ยาหยีคนเก่ง พี่แคปจะรอดูนะว่าคนสวยจะเข้ามาเรียนได้ตอนไหน”

พอแคปพูดแค่นั้น น้องหยาหยีรีบกระโดดลงจากตักแล้ววิ่งไปหาคุณพ่อคุณแม่ดึงๆมือบอกจะกลับบ้านไปอ่านหนังสือแคปหัวเราะชอบใจเดินไปยื่นโทรศัพท์คืนให้กับคุณแม่ของเธอ

“ขอโทษด้วยนะคะ น้องหยีชอบปลูกต้นไม้มากเลยค่า แต่เราอยู่คอนโดไม่มีพื้นที่ ต้นมะเขือเทศก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก รบกวนมากๆเลย”

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าว่างวันหลังพาน้องมาอีกก็ได้ผมยินดีแนะนำให้ทุกอย่าง” แคปเห็นหยกเก็บมะเขือพวงที่เขาตัดให้ยัดใส่เสื้อเอี๊ยมอนุบาล เธอหันมาโบกมือบ๊ายบายเขาก่อนถูกคุณแม่จูงไปดูคอกสัตว์ต่อ


.


“มองอะไรของมึง  จ้องอยู่นานแล้วนะเว้ยไอ้เอส” ชิพหันไปเรียกเพื่อนเมื่อเห็นว่าตั้งแต่ตอนที่ยัยน้องกิ๊ฟอะไรนั่นเข้ามาถามคำถามประหลาดๆกับเอส เพื่อนเขามองไปที่แปลงพืชไร่พืชผักนานแล้ว

“เปล่า เข้าไปกันเถอะ” เอสทิ้งบุหรี่แล้วกอดคอชิพพาเดินเข้าไปด้านใน ขณะที่ชิพหันมองที่แปลงมะเขือเทศดีๆอีกครั้ง ถ้าเขาไม่เข้าใจอะไรผิดผู้ชายคนที่กำลังยืนโบกมือให้เด็กผู้หญิงผมยาวมัดแกะใส่ชุดเอี๊ยมอนุบาล  มันน่าจะเป็นไอ้คนที่เพื่อนๆเขามันบอกว่าเป็นน้องชายของเฮียเต้  ชิพหยุดชะงักเท้าทันทีทำให้เอสเองก็ต้องหยุดเดินด้วย เขาหันมาเลิกคิ้วถามว่าชิพเป็นอะไร

ชิพชี้ตรงไป

“คนนั้นน่ะ ใช่ไอ้แคปไหมวะ น้องชายพี่เต้ที่มีเรื่องกับพวกมึงวันนั้นน่ะ..” แค่ได้ยินคำถามเอสก็ไม่จำเป็นต้องมองตามเรียวนิ้วเพื่อนให้เสียเวลา เพราะเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าใช่หรือไม่ เห็นแบกจอบเดินไปเดินมาระหว่างแปลงผักก็เสียวสันหลังแล้ว

“ไม่รู้” เอสตอบหน้านิ่ง

“ไม่รู้ได้ไงวะ กูเห็นมึงมองอยู่นานแล้วนี่หว่า” ชิพถามตรงไปตรงมา จนเอสต้องหันมาจ้องหน้าเพื่อน เขาตัดสินใจส่ายหัวแล้วบอก...

“ไม่รู้ กูไม่ได้มอง”

ชิพร้องหึในลำคอทันที รู้ๆกันอยู่ว่ามอง ปากมึงจะแข็งไปไหนสัส  แต่ก่อนที่จะได้พูดตอบกลับอะไรเพื่อนเขาถูกลากตัวตามเข้าไปแล้ว  มีเสียงโทรศัพท์ของเอสเรียกเข้าเอสเอาขึ้นมากดรับ  เป็นเมี่ยงโวยวายมาตามสาย มีเสียงบุ้งแทรกเป็นระยะ

“อะไรของมึงค่อยๆพูดกูฟังไม่รู้เรื่อง” เอสเอามือถือห่างออกจากหู เพราะเสียงที่วุ่นวายเกินพิกัดจากสถานีปลายทาง

(กูบอกให้มึงมาเก็บอิน้องฟางของมึงกลับไปที กูทนไม่ไหวแล้วโว๊ยยยยไอ้เหี้ยเอส เล่นเอาอะไรมาโยนให้กูเนี่ย)

เสียงเมี่ยงแว๊ดมาจากปลายสาย เอสส่ายหัวอย่างระอา เขาลืมไปเลยเมื่อเช้าเมี่ยงโทรมาบอกว่าฟางข้าวไปหาเขาที่ลานจอดรถ รออยู่ตั้งนานเพื่อนเขาก็หลบหลีกไม่ยอมบอกเธอว่าเขาอยู่ที่ไหน  เธอก็ทั้งบ่นทั้งทำ แม้แต่ข้าวเที่ยงก็มีไอ้เมี่ยงกับไอ้บุ้งไปหามาให้กิน ว่าไปแล้วเพื่อนที่แสนดีสองคนก็น่าสงสารใช่เล่น

“เย็นแล้ว มึงบอกน้องเขากลับไปดิวะ”

(เหี้ยไรไอ้เอสนี่กูหลบมาโทร ถ้ายัยฟางเน่ารู้ว่ากูโทรหามึงต้องจิกหัวกูให้พาไปหามึงแน่ ๆ อ่ะ บ้าฉิบผู้หญิงอะไรตื้อที่สุดในสามโลก เพื่อนเหี้ย!)

“ใจเย็นไอ้เมี่ยง อย่าโวยวาย  เอามือถือไปส่งให้น้องเขาดิ๊ เดี๋ยวกูคุยให้”

(เออดี รู้จักรับผิดชอบของๆตัวเองมั่ง....บลาๆๆๆ) เมี่ยงเดินบ่นไปหาฟางข้าว เจอเธอกำลังโบกๆรถให้เข้าจอด หน้าตานี่ดำเป็นแป้งหมี่ไหม้ ๆ คราบเหงื่อไคลเต็มตัวไปหมด สภาพสาวสวยเซ็กซี่เมื่อวานอย่าได้ไปถามถึง เมี่ยงยื่นโทรศัพท์ให้เธอแล้วบอกเอสจะคุยด้วย  ฟางข้าวดีใจจนอกแทบระเบิดเธอถอดมาสค์ปิดปากทิ้งทันที

(ฮัลโหลค่า พี่เอส)

“เย็นมากแล้ว กลับได้แล้วมั้ง” เอสบอกเธอไป

(ฟางมาทำตามที่พี่บอกแล้ว พี่เอสจะรับเป็นพี่เทคให้ฟางได้ใช่ไหมคะพี่ พี่สัญญาไว้แล้วนะ)

“..............” เอสพ่นลมหายใจอย่างเซ็ง ๆ เมื่อทุกอย่างบีบให้เขาจำใจต้องตอบรับ ใครจะคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นจอมตื้อขนาดนี้

(พี่เอสจะผิดคำพูดกับฟางเหรอคะ  พี่สัญญาไว้แล้วนี่ ไม่ยอมนะฟางไม่ยอมไม่ยอมไม่ยอม ” ฟางข้าวเริ่มเบะปากน้ำเสียงเธอออดอ้อนเขาบอกให้รู้ว่ากำลังจะร้องไห้แน่แล้ว เอสยกมือขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิด สบถในคอ  ชิพที่ไม่รู้เรื่องก็จ้องหน้าว่าเพื่อนเป็นอะไร เอสถอนหายใจหนักๆ

“ตามใจละกัน แต่เทคแคร์ไม่เก่งนะบอกไว้ก่อน ถ้าจะเอาเป็นพี่เทคต้องรับให้ได้”

“ข้อนั้นน่ะฟางรู้อยู่แล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะพี่เทคสุดหล่อ จุ๊บๆ” เอสมองหน้าชิพแล้วส่ายหัวหนักๆ เขาล่ะเหลือทนกับผู้หญิงคนนี้สุดๆไปเลย

“ที่นี้จะกลับได้แล้วใช่ไหม เพื่อนพี่เขาจะได้ทำงานกันสะดวกสบายสักหน่อย”

(แหมทำอย่างกับฟางมาขวางงั้นแหละ ฟางน่ะ......บลาๆๆๆ) เอสไม่รอให้เธอพูดจบ พอเห็นว่าเสียงเล็กๆเริ่มบ่นนั่นบ่นนี่ เขาก็ยัดมือถือส่งให้ชิพเอาไปคุยต่อ ผลสุดท้ายคนที่เคลียร์เรื่องยัยฟางข้าวให้ได้ก็คือชิพนั่นเอง

“คืนนี้มึงไปป่ะวะ..” ชิพยัดมือถือส่งคืนให้เพื่อนแล้วถาม เพราะว่าตอนบ่ายกลุ่มพี่ลำดับเดินมาชวนพวกเขาถึงที่ แล้วยังบอกว่าแวะไปชวนเมี่ยงกับบุ้งแล้วเรียบร้อย นี่ยังไม่รวมไอ้บุ้งโทรมาล๊อคตัวเขาแล้วเรียบร้อย ยังเหลือเอสที่ไม่รู้ว่าจะเอายังไง

“ไปดิ่ กี่โมงมึงจะไปไง กูไปรับไหมหรือจะไปกับไอ้บุ้ง”

“ไอ้บุ้งบอกจะมารับกู”

“เอองั้นพวกมึงแวะรับไอ้เมี่ยงด้วย กูขี้เกียจวนไปทางนั้น แล้วค่อยไปเจอกันที่นั่นเลย”

.

.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2015 21:58:51 โดย coffeeQbread »

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 3/02/58 (III)
«ตอบ #54 เมื่อ03-02-2015 21:35:06 »

.

ดึกๆของวันนั้นแคปไปที่อพาร์ทเม้นท์ของแยมแฟนคนล่าสุดของเขา แน่นอนว่าเธอโกรธเขาตั้งแต่เมื่อวาน เพราะเอสดันไปพูดจาวางระเบิดใส่เขาที่ร้านกาแฟ จริงๆแล้วแคปสมควรโทรหาเพื่อเคลียร์กับเธอตั้งแต่เมื่อคืน แต่เขาก็พลาดมากเมื่อหลงลืมนั่งดูการ์ตูนกับปอจนเพลิน เผลอหลับกองกันอยู่หน้าทีวี จนกระทั่งป่านนี้ยังไม่ได้โทรหาเธอสักสาย แคปกะว่าคืนนี้จะมาค้างที่นี่ง้อเธอสักหน่อย

เขาเดินควงกุญแจรถอย่างอารมณ์ดีขึ้นบันไดมา ห้องเธออยู่แค่ชั้นสองเพราะงั้นไม่ต้องใช้ลิฟต์ให้เสียเวลา  กำลังจะถึงทางเลี้ยวหัวบันไดอยู่แล้วหูก็ดั๊นดีเกินไป  เสียงชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังพลอดรักกันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้เขาต้องชะงักเท้าเดิน

“เสียดายจังเลยค่ะที่คืนนี้บูมอยู่ค้างกับแยมไม่ได้ แยมเหงานะเนี่ย บูมอ่ะแย่ที่สุดเลย”

“ไม่เอาน่า เมื่อกี้ทำให้หายเหงาไปตั้งหลายยกแล้ว คืนนี้แยมพักบ้างนะครับ”

“ก็แยมคิดถึงบูมนี่”

“น่ารักจริง ๆ แฟนใครน๊า..”

“คนบ้า แยมแฟนบูมเหอะ ไปได้แล้วขับรถดีๆล่ะ ถึงแล้วโทรมาบอกด้วย บายยยย จุ๊บ” 

แคบก้าวขึ้นไปดูสองคนเต็มตา ไม่ต้องมีคำอธิบายอะไรมากมายอีกแล้วเมื่อน้องแยมของเขายืนอยู่ในชุดผ้าขนหนูผืนเดียวคาบานประตูห้องแล้วเขย่งตัวห้อมแก้มไอ้เหี้ยนั่น แคปกำพวงกุญแจไว้แน่น ก่อนก้าวเข้าไปหาคนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตแฟนในไม่กี่วินาทีข้างหน้า

ผั๊วะ...

“กรี๊ดดดด พี่แคป!” แยมอุทานขึ้นตาโต ขณะที่ฝ่ายชายเองเซถอยออกไปแคปไม่รอช้ากระชากคอเสื้อมันเข้ามาซัดซ้ำลงอีกหมัดโดยไม่จำเป็นต้องซักถามใดๆอีกแล้ว  บูมล้มกองลงที่พื้น แคปจ้องหน้า เขาจำมันได้ในทันที ไอ้เด็กบริหารรุ่นเดียวกับแยม เคยเห็นมันประมาณสองสามครั้งแยมบอกเขาว่ามันเป็นแค่เพื่อน จริง ๆ จะว่าหวงไหมไม่เท่าไหร่ แต่ที่แค้นใจเพราะโดนเห็นว่าเป็นควายต่างหาก นั่นคือจุดพีคสำคัญ

“พี่แคป แยม....ไม่ใช่นะคะพี่แคป ฟังแยมก่อนคือ....” เธอแก้ตัวละล่ำละลัก ขณะที่มือจับไม่ให้ผ้าขนหนูที่นุ่งอยู่หลุดลงจากหน้าอก  ส่วนไอ้เด็กบูมนั่นทรุดกองลงที่พื้นมันไม่กล้าลุกขึ้นมาเพราะโดนแคปเหยียบไว้แล้วชี้หน้า

“หลอกกูมานานรึยัง..” แคปมองหน้าแยม เธอร้องไห้โฮ มีสองสามห้องเริ่มเปิดประตูออกมาดู

“แยม นี่มันอะไรกันน่ะ” ไอ้บูมไม่เจียมจู่ ๆ ถามขึ้น แคปเลยกดน้ำหนักเท้าลงไปอีก

“พี่แคปแยมขอโทษ แยมเลือกพี่แคปนะ คือมันไม่ใช่อ่ะ พี่แคปฟังแยมนะคะ”  แคปปล่อยไอ้บูมออกจากตีนที่เหยียบไว้ ไอ้เด็กนั่นลุกขึ้นมา มันจ้องหน้าแยมด้วยแววตาแห่งความเสียใจ ถามเธอเสียงสั่น

“แยมพูดอะไรน่ะ ไหนบอกว่ารักบูมไง เราคบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“หยุดนะบูม แยมเลือกพี่แคปต่างหาก”

“แต่แยมเป็นเมียบูม เราคบกันมาตั้งเดือนนึงแล้วนะ”

“แยมบอกให้หยุดพูดไง!” เธอตวาดขึ้นเสียงดัง บูมหน้าซีด แคปเลยเดินเข้าไปหาเธอ

“ตกลงแยมเลือกพี่ใช่ไหม งั้นบอกมันไปสิ แยมเป็นเมียพี่ก่อนมัน ไล่มันกลับไปเลยถ้ารักพี่เลือกพี่แล้วแยมก็ไม่จำเป็นต้องมีมันอีก” แยมมองหน้าแคปทันที ประโยคที่ดูเหมือนกับว่าแคปจะยกโทษให้เธอ ในที่สุดแยมตัดสินใจเลือกเขา

“บูมนายกลับไปเหอะ แยมเลือกพี่แคป แยมรักพี่เขาและแน่นอนว่าพี่แคปมาก่อนบูม เราจบกันตรงนี้เลย แยมจะไม่ติดต่อไปยุ่งเกี่ยวกับบูมอีกแล้ว”  บูมก้มหน้าน้ำตาตกใน เขาส่ายหัวด้วยความเสียใจก่อนถอดแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วออกแล้วขว้างทิ้งลงไปด้านล่าง แยมเบะปากอย่างไม่สน คว้าแขนแคปเข้าไปกอด นั่นยิ่งตอกย้ำความเสียใจของบูมเข้าไปอีกก่อนที่เขาจะตัดสินใจหันหลังให้เธอแล้วเดินออกไป  แคปยืนกอดอกมองตามแผ่นหลังที่เลี้ยวลงบันได

“พี่แคปเข้าห้องเถอะค่ะ เดี๋ยวแยมจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังนะ” เธอหันมาดึงแคปบอกให้เข้าห้องไปด้วยกัน แต่น่าเสียดายที่แคปไม่ยอมขยับแม้แต่นิดเดียว แยมมองเขาอย่างงงๆ

“จะให้กูเข้าไปทำไม”

“เอ๊ะ!   พี่แคปทำไมพูดกับแยมแบบนั้น ขึ้นมึงกูทำไม” สาวสวยเริ่มจะรู้สึกกลัว ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่แคปจะพูดจาหยาบคายกับเธอ แยมก้าวถอยหลังไม่รู้ตัว

“พูดกับคนที่คิดว่ากูเป็นควายมาตลอดหนึ่งเดือน  กูว่านี่ยังน้อยไปนะ หรือว่าอยากได้อย่างอื่นนอกจากคำด่าอีกห๊ะ”

“พี่แคป....!”

“ยินดีด้วยนะที่มึงไม่เหลือใครเลย...สักคน”  เขาว่าส่งท้ายแล้วแสยะยิ้มให้  ที่จริงไม่อยากจะเลวเท่าไหร่แต่สถานการณ์ตรงหน้ามันพาไปจริง ๆ  ลองมาเจอคาตาแบบเขาไม่กระทืบแม่งทั้งคู่ก็บุญหัวแล้ว  แคปหันหลังจะกลับแต่เธอตามมาดึงไว้ที่ทางเดินอีก น้ำหูน้ำตาเริ่มไหล

“แล้วทีพี่แคปล่ะ กับยัยแป้งเด็กวิทย์คอมไม่ใช่ว่าขี่กันสวมเขาให้แยมนานแล้วเหรอ ตัวเองทำได้แต่แยมทำบ้างนี่ผิดมากใช่ไหม”

“.........” แคปส่ายหัวแล้วดึงมือเธอออกจากแขน กับคนที่เสียสติไปแล้วพาลลงที่คนอื่นๆเขาไม่อยากจะคุยด้วย

“แยมไม่ให้พี่ไปนะ พี่แคปใจร้ายได้แยมแล้วจะทิ้งอ่ะ แยมจะประกาศให้เขารู้กันทั้งคณะเลยคอยดู”

“ก็เอาดิ่วะ  ถ้าอยากจะประจานตัวเองด้วยก็เชิญเลย” แคปกระชากมือเธออกจากแขนเขาได้แรงมาก จนเธอเซไปติดประตูของห้องใกล้ ๆ แต่เขาไม่สนใจสับขาลงบันไดมาอย่างโมโห จุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างมีอารมณ์  แยมไปพาลเรื่องแป้งทั้งที่ไม่เคยรู้ความจริงด้วยซ้ำ แป้งเป็นแค่เด็กที่มาขอให้เขารับเป็นพี่เทค แคปเห็นน่ารักดีเลยหยอกเธอเล่น เคยพาไปทานข้าวกันแค่สองสามครั้ง แต่ยังไม่เคยมีอะไรลึกซึ้ง เพราะว่าเขาให้เกียรติแยม แล้วเป็นยังไง เขาโดนท่าทางเรียบๆร้อยๆของเธอหลอกเข้าให้แล้ว

(อะไรของมึง จะกลับป่ะเนี่ยคืนนี้) แคปต่อสายโทรหาปอ ทางนั้นพอเห็นว่าเป็นสายจากรูมเมทก็แหวใส่เลย เพราะดึกแล้วแต่แคปยังหายหัว

“ออกไปกินเหล้ากัน มึงแวะไปรับไอ้อาร์ด้วย เจอกันที่ร้านเดิม พี่พายนัดไว้แล้ว”

(โอเคได้ จะไปไม่บอกล่วงหน้านะมึงมีไรป่ะเนี่ย)

“อารมณ์ดีกำลังจะได้เมียใหม่ไง” แคปประชดใส่ตัวเอง

(อะไรของมึง)

“อย่าถามมากสัส  เดี๋ยวเจอกัน”

(เออๆกูแต่งตัวแปป มึงโทรไปบอกไอ้อาร์ไว้ด้วยล่ะ)

“อืม..”


.


รถยุโรปสีขาวเลี้ยวเข้ามาที่ลานจอดของผับชื่อดัง ย่านที่นักศึกษารู้จักกันดี  เอสเข้าเกียร์แล้วถอยรวดเดียว รถแต่งคันหรูเคลื่อนตัวเข้าช่องจอดได้อย่างสวยงาม เขาชินกับรถคันนี้มากกว่าคันอื่นๆที่เคยใช้งานมา ถึงแม้ว่าพี่สาวของเขาเพิ่งจะเอามาเปลี่ยนให้ใช้แลกกับรถญี่ปุ่นคันเล็กที่เขาจิ๊กเอาของเธอมาใช้ตอนต้นปีเพราะเห็นว่ามันสะดวกและน่ารักมากกว่า

“รถสวยจังครับพี่” เด็กโบกรถของผับยกมือไหว้เขา เอสยื่นแบงค์ร้อยให้หนึ่งใบ แน่ล่ะรถเขาแต่งไปไม่รู้กี่แสนไม่เรียกว่าสวยก็ไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรแล้ว

“จอดแถวนี้โอเคนะ”

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่ให้ยุงมาไต่ไรมาตอมเลยพี่”

“ขอบใจไอ้น้อง” เอสยัดเพิ่มให้อีกใบ ยกยิ้มนิดๆอย่างเป็นนิสัยแล้วตบลงที่บ่าเด็กน้อย ปกติแล้วเขาไม่ค่อยชอบพูด เวลาที่ฟังอะไรถ้าชอบใจก็จะแค่อมยิ้ม บางครั้งไม่พอใจก็ยกยิ้มเช่นกัน  ที่จริงแล้วเคยมีคนบอกว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีรูปหน้าสวยมากโดยเฉพาะเวลายิ้ม ฟันของเขาจะเรียงตัวสวยงามดูด้านข้างมีรอยหยักเป็นชั้นคล้ายคนมีฟันกระต่าย ถ้าเขายิ้มแล้วใบหน้าจะหวานสวยน่ารักนั่นทำให้เขาไม่ชอบยิ้มเปิดเผยให้ใครได้เห็นเพราะไม่อยากโดนล้อเหมือนตอนเด็กๆ แต่ทว่านิสัยติดอมยิ้มแบบนี้กลับไม่เข้ากับลักษณะผู้ชายแมนๆเป็นแน่เพราะงั้นเขาจึงเลือกที่จะยกยิ้มขึ้นแบบกวนตีน เพื่อเพิ่มระดับความวกวนบนใบหน้าเขาขึ้นอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์ อันนี้คือข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ของไอ้พวกเพื่อน ๆ

“ช้านะมึง..” พอนั่งลงได้ บรรดารุ่นพี่เป็นสิบก็ใส่เขาทันที วันนี้วิศวะนัดรวมพลหรือไงวะเขานึกอยู่คนเดียวในใจ   ซึ่งแน่นอนนะว่ามีพี่รหัสเขาเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

“ทำเหี้ยไรอยู่วะ ไหนนัดกูบอกให้ตรงเวลาไง” เมี่ยงย้ายจากที่นั่งข้าง ๆ ชิพไปนั่งลงอีกฝั่งของเอสทันที คว้าเอาแก้วว่าง ๆ แถวนั้นมาชงเหล้าแล้วยื่นให้เพื่อน

“กูพูดแบบนั้นเหรอ..” เอสรับแก้วขึ้นมาจิบชิม เขาส่ายหัวบอกอ่อนไปเมี่ยงเลยเติมเหล้าลงไปอีกนิด เต้แซวข้ามมาว่าระวังเมาเร็ว คืนนี้ยังอีกยาว ดื่มแบบอ่อนๆไปก่อน เอสยกยิ้มแล้วส่ายหัว

“อ้าวไอ้นี่ มึงนัดกูบอกสี่ทุ่มอ่ะ..”

“หลับ” เขาตอบสั้น ๆ

“เออดีหลับ นี่ถ้ามึงบอกจะมารับกู มิต้องรอถึงตอนนี้รึไงเนี่ย”

“บ่นไรเล่าน่ารำคาญ กูก็มาแล้วไงแดกเหล้าไปมึงอ่ะ” เขาผลักหัวเมี่ยงออก ขณะที่ฝ่ายนั้นก็เซ้าซี้ถามไม่หยุดจริงอย่างที่ว่า เมี่ยงจิ๊ปากใส่  เอสมองไปมองมาไม่เห็นบุ้งเลยถามขึ้น

“ไอ้บุ้งล่ะวะ” มองหน้าถามชิพ

“ยังไม่มา” ชิพจิบเหล้าแล้วตอบกลับมาเรียบ ๆ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์อะไรทั้งนั้น คือถ้าเขาจำไม่ผิดชิพบอกเขาตอนเย็นว่าบุ้งจะรับมาที่นี่  แต่ชิพตอบว่ายังไม่มาเอสเลยขมวดคิ้วทำท่าสงสัย แต่คนที่ไขข้อข้องใจเขาได้ก็คือเพื่อนที่ชอบกินเผือกมากที่สุดอย่างเมี่ยง

“ไอ้บุ้งมันไปรับเมีย เหี้ยชิพเลยต้องขับรถมารับกูเอง กูก็มาพร้อมมันนี่แหละ”

“อ้าวไหนมึงว่ามันนัดกับมึงไว้แล้วไงวะไอ้ชิพ”

“อืม มันมาถึงหอกูแล้วแหละ เมียมันเสือกโทรมาตามแม่งตอนกูจะก้าวขาขึ้นรถพอดี เซ็งสัสๆ”

“ไอ้บุ้งมันเลววววว ได้เมียแล้วทิ้งเพื่อน”

“ปากมึงเหรอนั่น” เอสโบกหัวเมี่ยงหนึ่งที เมี่ยงทำปากมุบมิบ

“ตีทำไมเล่ากูพูดจริง อะไรวะเมื่อก่อนแม่งก็มีเมียไม่เห็นจะเห่อแบบนี้เลย เดี๋ยวนี้อะไรๆก็ยัยน้องโรส น้องโรสทั้งปีเพื่อนฝูงนี่ทิ้งหมด อย่าบอกนะว่ามันคิดจะจริงจังกับยัยโรสนี่”

“นินทาไรกูวะ ทำหน้าทำตาเอาใหญ่แล้วนะมึงเดี๋ยวบอกไอ้เอสหาผัวให้แทนเมียหรอก” บุ้งที่เพิ่งมาถึงเดินแทรกเข้ามานั่งข้าง ๆ ชิพ เขายกมือไหว้รุ่นพี่แบบเรียงยาว เสร็จแล้วหันมาจัดการเมี่ยงต่อ

“ชงเหล้ามาดิ๊ อย่ามัวแต่เบะปาก เร็ว ๆเลย”  เมี่ยงยื่นมืออกไปคว้าแก้วเหล้ามาชงให้คนมาใหม่อย่างเสียไม่ได้ พอบุ้งรับมาดื่มเขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงคว้าบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ เอสเอามาคาบไว้ตัวนึง สองคนยื่นหน้าไปต่อไฟกันต่อหน้าต่อตาชิพเลย

“ไอ้พวกเหี้ยแม่ง...” ชิพบ่นอุบอิบเพราะตำแหน่งของเขาอยู่ตรงกลางพอดิบพอดี  เอสหัวเราะเบา ๆ แล้วยื่นซองส่งให้เพื่อนชิพส่ายหัวบอกไม่  ส่วนเมี่ยงไม่สูบอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องถาม มันทำหน้าที่ชง เสิร์ฟพี่เสิร์ฟเพื่อนอย่างเดียว

“มึงขับรถไปรับไอ้เมี่ยงเหรอวะ” บุ้งหันมาหาชิพใช้ไหล่สะกิดถามพร้อม ๆ กับล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู มันสั่นเรียก

“อือ” ชิพตอบ

“กินไรยัง...” เขาไม่ยอมกดรับสาย เอาวางไว้บนโต๊ะปล่อยให้มันสั่นไป ชิพมองดูเห็นเป็นชื่อโรสก็มองหน้าบุ้งแล้วทำท่าเหมือนถามว่าทำไมไม่รับ บุ้งไม่ตอบเขาแต่ย้ำคำถามเดิมกับชิพอีก

“มึงกินอะไรรึยัง อย่าบอกนะว่าท้องว่าง ๆ แล้วแดกเหล้าเลยเนี่ย..” เพราะว่าตอนที่ไปรับชิพ เขาสองคนกะว่าจะไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วค่อยไปรับเมี่ยงต่อ จากนั้นก็จะมากันที่นี่ แต่โรสแฟนของเขาดันโทรเข้ามาแล้วบอกให้รับเธอไปทานข้าว เขาเลยต้องทิ้งชิพไว้ที่หอ

“ไม่หิวหรอก มึงรับดิ น้องเขาโทรนานแล้วเดี๋ยวมีเรื่องหรอก” ชิพชี้ๆไปที่โทรศัพท์ บุ้งมองอย่างชั่งใจและสุดท้ายทันทีที่หยิบขึ้นมากดรับชิพก็คว้าแก้วเหล้าของตัวเองแล้วย้ายมานั่งข้าง ๆ เมี่ยงทันที เอสกับเมี่ยงเลยต้องขยับ

“เล่นเหี้ยไรกัน ย้ายที่ไปๆมาๆ” เต้ที่กำลังคุยออกรสอยู่กับเพื่อนๆของเขาแซวขึ้น ชิพยิ้มให้แล้วบอกไม่มีอะไร ขณะที่บุ้งคุยโทรศัพท์ได้แค่สองคำก็ลุกตามชิพออกมาแล้วเลื่อนตัวนั่งลงข้าง ๆกัน

“อะไรวะ ตามมาทำเหี้ยไรกูอึดอัด มึงคุยกับเมียมึงไปดิ” ชิพบ่นอย่างรำคาญ บุ้งปิดไมค์ที่มือถือแล้วมองหน้าชิพ

“ก็แล้วมึงหนีมานั่งตรงนี้ทำไมล่ะวะ”

“น่ารำคาญ” พอชิพทำท่าจะลุกอีกบุ้งวางสายเลยแล้วดึงบอกให้นั่งลง

“เป็นไรของมึง เป็นไรมากป่ะ กูจะนั่งไหนเรื่องของกูไม่ใช่ไง”

“ไอ้ชิพ นั่งลง...” น้ำเสียงบุ้งเปลี่ยนเป็นจริงจัง กระชากแขนชิพให้นั่งลงจนได้ เขาถอนหายใจยาวก่อนยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายแล้วยื่นแก้วเหล้าส่งให้คล้ายปลอบประโลมให้ใจเย็น  โทรศัพท์ที่ตั้งไว้ดันสั่นเรียกขึ้นอีกบุ้งส่ายหัวก่อนหยิบเอามากดปิดเครื่องแม่งเลย

“ปิดแล้ว พอใจยัง” เขากับชิพสบตากัน

“เรื่องของมึง ไม่เกี่ยวกับกู” ชิพคว้าเอาแก้วเหล้าในมือบุ้งมายกดื่มรวดเดียวจบ ก่อนที่สองคนจะมองสบตากันอีกครั้งอย่างเงียบ ๆ 

“เออ เรื่องของกู” บุ้งพึมพำแล้วส่ายหัว  ขณะที่เอสกับเมี่ยงที่นั่งสังเกตการณ์อยู่นานแล้วส่งซิกบอกกันโดยเฉพาะเมี่ยงที่ต่อมเผือกทำงานดีจนผิดปกติพยายามที่จะฟังสองคนคุยกันให้ได้ใจความ แต่จนใจที่เพลงดังจนเกินไปเขาเลยหันไปสะกิดถามเอส

“มึงคิดเหมือนกูป่ะวะ..” เมี่ยงกระซิบ

“ไม่คิดอะไรทั้งนั้น..” เอสไม่สนใจเขาฟังเพลงไปฮัมเพลงไป มือถือสั่นเรียก เสียงไลน์เด้งแล้วเด้งอีกเป็นร้อย ๆ เขาก็ไม่สนใจจะตอบกลับ เอสน่ะ ถูกเมี่ยงสะกิดให้สังเกตชิพกับบุ้งตั้งแต่เริ่มย้ายที่กันแล้ว

“พี่ครับ เหล้าจากคุณผู้หญิงโต๊ะนั้นครับ ของพี่คนนี้สองแก้ว แล้วก็สองแก้วนี้ของพี่คนนี้” น้องพนักงานเดินเอาแก้วเหล้าสี่ใบ มาวางส่งให้เอสและบุ้ง มีนามบัตรแนบมากับถาดด้วย เอสส่ายหัว ขณะที่บรรดารุ่นพี่ในพากันโห่แซว ความจริงทั้งโต๊ะที่นั่งกันอยู่ เต พี่รหัสเขาได้เหล้าฟรีมาหลายแก้วแล้ว คราวนี้เป็นของเอสกับบุ้งบ้าง เรื่องธรรมดาเวลามาเที่ยวไม่ว่าที่ไหนเบอร์โทรนามบัตรจะถูกแนบมากับแก้วเหล้าเชื้อเชิญถึงเขาเสมอ เอสมองโน่นนี่ไปเรื่อย จนสายตาเขาหยุดลงที่แผ่นหลังของสาวผมยาวรูปร่างดีคนหนึ่งที่ยืนอยู่แถวๆเคาน์เตอร์บาร์

“เฮ้ย ไปไหนวะ” เมี่ยงเงยหน้าถามเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ เอสลุกขึ้น

“เดี๋ยวกูมา..”



.



 หลังจากปอวางสายลงไปแคปต่อสายหาอาร์ต่อนัดแนะเสร็จสรรพ เขาขับรถมาถึงหน้าร้าน ผับที่ชอบมานั่งจิบสุราเคล้าอาหารตากันบ่อย ๆ กับพวกรุ่นพี่ เด็กโบกรถทำมือเป็นสัญญาณให้เขาเลื่อนมาจอดที่ฝั่งนี้

“รถแต่งจอดตรงนี้เลยครับพี่” เสียงน้องพนักงานโบกรถพูดจาไม่ค่อยชัด แคปคิดว่าน่าจะมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ยังเด็กอยู่แต่ท่าทางแว๊นส์สุด

“รถพี่เดี๋ยวผมจะดูแลให้อย่างดีเลยครับ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม” เด็กน้อยพูดประโยคเดิม ๆ เขารู้ว่าผู้ชายส่วนใหญ่รักรถ ยิ่งถ้าเป็นรถแต่งมาแต่ล่ะทีทิปหนัก ขอให้ดูแลดีๆเถอะ 

“ใจมากไอ้น้อง”  แคปทำหน้าตายยื่นเหรียญสิบบาทส่งให้ น้องเขามองหน้าอย่างอึ้ง ๆ ก่อนที่แคปจะขำออกมาแล้วตบลงที่บ่าเล็กบอกไม่มีตังค์เดี๋ยวขากลับค่อยเอา น้องพนักงานค่อยยิ้มออกหน่อย

“รถพี่สวยนะครับ จอดตรงนี้ดูเหมาะกับคันนี้มากๆเลย สีดำกับสีขาว แต่งเจ๋งทั้งคู่” ข้างๆรถของเขาเป็นรถยุโรปสีขาวทั้งล้อทั้งตัวรถแต่งซะสวยเช้ง

“ไม่ใช่รถพี่หรอก คันนี้ของเฮียว่ะ..” แคปบอกน้องเขาไปตามความจริง สีดำคันนี้เป็นของเฮียโก้ซึ่งก็คือพ่อของเขา แคปจิ๊กมาไว้ใช้รับส่งสาว ๆ ตั้งแต่สองสามเดือนที่แล้วเพราะมันดูเท่และแมนดี  ส่วนคันเก่าของเฮีย  พี่เต้เอาไปใช้นั่นก็เท่มากพอกัน ตอนนี้พ่อเขาเลยต้องใช้รถแจ๊สคันเล็กของเขาแทน 

“เดี๋ยวดึกๆถ้าพี่ออกมา รับรองรถพี่จะมันส์เงางามเป็นประกายเลย ผมดูแลให้ครับเพ่..”

“เออๆขอบใจ”

แคปตอบสั้นๆชักขี้เกียจคุยกับคนขี้โม้  เขาเดินตัดเข้าไปด้านในของร้านเสียงดนตรีดังกระหึ่มลอดออกมา  โต๊ะเดิม ๆ ที่เคยนั่งดื่มกันเวลามากับพวกพี่สายพี่รหัสพี่ลำดับแม่งเยอะแยะจนเขาเองก็ไล่ไม่ค่อยถูก  แคปมองหาจนตาลายแต่ในที่สุดก็เจอ หลงมุมนิดหน่อยเกือบเดินขึ้นไปชั้นสองแล้วสิ

“หวัดดีพี่..” ทักทายบรรดารุ่นพี่สี่ห้าคนที่เรียนอยู่คณะเดียวกัน  ท่าทางจะเมานิดๆกันแล้ว

“ไงไอ้แคป กูนึกว่ามึงจะไม่มาแล้ว เห็นไอ้พายบอกว่าชวนกูก็นึกว่ามันโกหก”  จิม พี่ลำดับของเขารวมถึงเป็นเพื่อนสนิทของพายถามขึ้น แคปนั่งลงแล้วขอแก้วเปล่า มีน้องพนักงานเข้ามาชงเหล้าให้ เสียงดนตรีดังกระหึ่มมากจนปวดหู ขนาดจังหวะดรอปลงแล้ว

“แล้วพี่พายอ่ะครับ”

“ไอ้พายเหรอ...อืมมม ไปไหนของมันวะ ห้องน้ำมั้งเมื่อกี้ยังอยู่เลยนี่” จิมหันไปถามคนอื่นๆ แต่ต่างก็ยักไหล่บอกไม่รู้เขาเลยสรุปเอาเองว่าพายไปห้องน้ำ

“อ่อ...” เขายกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมด มองหน้าคนสวยชงเหล้าแล้วยิ้มให้ เธอขยับเข้าหาแล้วชงเพิ่มให้อีก

“พี่แคป...” เธอเรียก

“จำกันได้ด้วยเหรอ” เขาถาม เชยคางเธออย่างหยอกล้อ เธอเอียงหน้าอย่างมีจริต

“ลืมไปแล้วมั้ง...” เธอเองก็หยอกเขากลับ แคปหัวเราะเบาๆ สาว ๆ ที่นี่หลายคนที่เขาหยอกล้อได้ มาบ่อยแต่ไม่เคยสอยใครกลับ ผู้หญิงทำงานกลางคืนที่มีแววตายั่วยวนแบบนี้เขาไม่นิยม

“เป็นไรของมึง มาถึงก็แดกเอาแดกเอา แล้วเพื่อนๆมึงไม่มาด้วยกันล่ะวะ” หนึ่งในบรรดารุ่นพี่ถามขึ้นมา เมื่อเห็นแคปซัดเหล้าติดๆกันสองสามแก้วแล้ว แคปส่ายหน้าบอกไม่มีอะไร

“เดี๋ยวมันตามมา ไอ้ปอไปรับไอ้อาร์อยู่ครับพี่”

“เออๆกินๆ จะออกไปเต้นก็ไปนะมึงเดี๋ยวไอ้พายมันก็มา ไม่ต้องรอมันหรอก” แคปพยักหน้า เขายกแก้วเหล้าขึ้นมากรอกอีก แต่สายตาที่ดี๊ดีเกินคาดก็ดันไปเห็นใครสักคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกินนั่งดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์กับสาวผมยาวหุ่นดีที่ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าก็รู้ได้แน่ๆว่าสวยหยด!

 ...ไอ้เอสมึงเสร็จแน่ๆวันนี้  พระเจ้าช่างเข้าข้างกูจริงจริ๊ง หึ...

แคปแสยะยิ้มขึ้นเมื่อจำได้ดีเลยว่าคนที่นั่งอยู่นั่นคือเอส  ไอ้คนที่มันเคยบอกกับเขาครั้งล่าสุดที่เจอกันว่า ครั้งต่อไปตัวต่อตัว  และก็บางทีอาจจะเป็นเพราะมัน ที่ทำให้แยมนอกใจเขาแบบเปิดเผยได้ขนาดนี้ เพราะคำพูดบ้า ๆ ของมันวันนั้น

“หึ.....” แคปคำรามในคอก่อนหยิบแก้วเหล้าแล้วลุกขึ้นในทันที

แผนการมีอยู่ในใจเขาแล้วเรียบร้อย ไม่กี่ก้าวจากจุดนั้นแคปก็เดินไปประชิดแผ่นหลังของเอสได้ แทรกตัวเข้าไประหว่างหญิงสาวกับคู่แค้น

“รอนานไหมครับ ที่รัก...”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2015 21:30:18 โดย coffeeQbread »

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 3/02/58 (III)
«ตอบ #55 เมื่อ03-02-2015 21:35:19 »


“รอนานไหมครับ ที่รัก...”

คำพูดเด็ดๆที่มาพร้อมกับวงแขนเรียวเอื้อมมาคว้าลำคอแกร่งเข้าไปกอด เอสอ้าปากค้างเมื่อเห็นชัดๆว่า คนที่แทรกตัวเข้ามาระหว่างเขากับพี่สาวของเขาคือใคร 

ไอ้แคป!

ใบหน้าที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงคืบแสยะยิ้มขึ้นอย่างกวนตีนก่อนหันไปหาพี่สาวของเขา แล้วพูดประโยคแปลกๆออกมาอีก..

“โทษทีนะช้าไปหน่อย  ที่รักคุยกับใครอยู่ครับเนี่ย”

คราวนี้เป็นเอสบ้างแล้วที่ยกยิ้ม เขาเข้าใจได้ในทันทีแคปคงกำลังคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนของเขา เขาส่ายหัวแล้วเหยียดยิ้มส่งไปให้คนข้าง ๆ ปล่อยให้กอดคอไปอยู่แบบนั้น จนกระทั่งพี่สาวของเขาโวยวายขึ้นมา

“เอส!  นี่มันอะไรกันน่ะ” พี่แอมป์ อายุห่างกับเขาสิบปีแต่หน้าตายังสะสวยราวกับสาวยี่สิบกว่า ๆ เธอเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของผับแห่งนี้

“เอส  เรื่องจริงเหรอเนี่ย นี่มันจริงใช่ไหม ” แอมป์ถามย้ำขึ้นอีก ขณะที่แคปยิ้มรื่นส่งให้กับวงแขนที่ยังกอดคอเอสเอาไว้อยู่ เขากะให้ผู้หญิงคนนี้เข้าใจผิดเอสแบบเต็มที่ เห่อะ ทีใครทีมันล่ะวะ แต่แปลกที่เอสกลับไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นหรือดึงมือเขาออก เอสเพียงแค่ยกยิ้มจาง ๆ ยักคิ้วนิดๆท่าทางกวนตีนได้ดีมากเหลือเกิน

“ตามนั้น...”  เอสตอบพี่  แอมป์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดเธอก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างขวางส่งมาให้ รอยยิ้มที่จริงใจแบบสุดๆเล่นเอาแคปงงและทำอะไรไม่ถูก

ไม่ใช่แค่ไม่โกรธ แต่แววตาของเธอดูเหมือนกำลังยินดีอะไรสักอย่าง

“ตัวจริงชัดๆ คนอย่างแกครั้งเดียวก็ไม่เคยที่จะยอมรับว่ามีแฟน แต่คราวนี้ถึงขนาดยอมรับกับพี่  โอ่ยตายแล้ว น้องสะใภ้ฉันหรือนี่”

“หึหึ...” เอสส่ายหัวขำกับคำพูดของพี่ตัวเอง ขณะที่แคปอึ้งแดกไปแล้วเมื่อแอมป์จ้องเขา จ้องเอาๆ

“พากลับบ้านบ้างดิ่ พ่อกับแม่น่าจะอยากรู้จักคนของแกนะเว้ย ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ” แอมป์ที่ไม่รู้อะไรเลยว่าต่อไป

“หึหึหึ...” เขาแทบจะกลั้นขำไว้ไม่อยู่อีกแล้วเมื่อปรายตามองคนใกล้ ๆ วงแขนที่คล้องคอเขาเอาไว้เริ่มสั่นขึ้นนิดๆเมื่อแอมป์พี่สาวของเขาเอื้อมมือออกมาขอจับทักทาย ตัวแคปเย็นเฉียบทั้งที่กลิ่นเหล้าหึ่ง

“ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ พี่แอมป์เองนะเป็นพี่สาวแท้ๆของเอสเป็นหุ้นส่วนของที่นี่แหละ  ว่าแต่เราชื่ออะไรนะ แฟนเอสใช่ไหม คบกันมานานแล้วสิเนี่ย แย่จริง ๆ เลยทำไมไม่พากลับบ้านมั่งก็ไม่รู้ ว่าไงครับ เราชื่ออะไรนะหื้ม..”

เหมือนโลกหยุดหมุนไปประมาณสิบวิฯ  ทั้งที่ดนตรีเสียงดังกระหึ่มแต่แคปกลับไม่ได้ยินเสียงห่าเหี้ยอะไรเลยสักอย่าง

“ชื่อแคป  มันชื่อแคป”

“เอ๊ เจ้าเอสนี่ไปเรียกแฟนว่ามันได้ยังไง เรียกแคปเฉย ๆ สิ ไม่ก็อย่างอื่นที่ดูน่ารักน่าทะนุถนอม แคปเขาออกจะหล่อน่ารักหน้าตาขี้เล่นขนาดนี้”

สองประโยคของน้องชายกับพี่สาวทำเอาแคปแทบตาเบลอเป็นลายก้นหอยม้วนไปม้วนมา  เขาเอื้อมมือสะเปะสะปะเข้าไปคว้าแก้วเหล้าที่อยู่บนเคาน์เตอร์มายกซดรวดเดียวหมดแล้ววางลงอย่างดัง ก่อนที่แอมป์จะดึงให้เขานั่งลงข้างเอส แคปก็ขัดขึ้นไม่ได้ มองดูหน้าตากวน ๆ ของคนข้าง ๆ ที่ส่ายหัวแล้วแสยะยิ้มเย้ย ยิ่งอยากยกตีนขึ้นมาแตะหน้ามันสักป๊าป แต่ก็เกรงใจพี่สาวของเอส บ้าเอ๊ยย

“ไอ้สัส! กูเกลียดมึงจะตายห่าแล้วไอ้เหี้ยยยย..” แคปกัดฟันพูดให้เอสได้ยินแค่คนเดียว แต่จนใจอีกฝ่ายยังยกยิ้มกวนตีนใส่ เขากำมือแน่นจนเส้นเลือดปูด ท่องนะโมๆรวมทั้งแผ่เมตตาไปสามจบ

“หึ  ตลกไปนะ เมื่อกี้มึงยังเรียกกูที่รักอยู่เลย” เอสกวนตีนเขาเพิ่มอีก

“แม่งเอ๊ย..” แคปคำรามลุกพรวดขึ้นทันที จนแอมป์เองยังตกใจ บราเทนเดอร์สองคนก็หันมามองเอสรีบดึงแขนเล็กไว้

“อย่าซ่าให้มากนัก พี่ชายมึงนั่งอยู่แถวนี้นะ คงไม่อยากให้พี่มึงรู้หรอกใช่ไหมว่ามีเรื่องอยู่กับกู..” เอสใช้ทั้งสายตาทั้งน้ำเสียงข่มขู่  แคปตกใจนิดๆเมื่อได้ยินว่าพี่เต้เองก็มา แอมป์ที่คิดว่าสองคนอาจทะเลาะกัน เธอดึงมือแคปบอกให้นั่งลงแล้วค่อย ๆ พูด แคปมองหน้าเธอ จนใจที่ถูกดึงรั้งไว้ขนาดนั้น เห็นแก่หน้าพี่ชายเขาที่มันมาอยู่แถว ๆ นี้ด้วย แคปบอกตัวเองว่าต้องอดทน

ขณะที่เอสใช้มือที่คีบบุหรี่ไว้หยิบเอาแก้วเหล้าขึ้นดื่มอย่างอารมณ์ดี เขากำลังนึกขำหน้าของคนข้าง ๆ  ไม่รู้แคปจะอดทนได้อีกนานแค่ไหน 

จนกระทั่ง....

“อึ่กก....” เอสหันมองทันทีเมื่อศอกเล็กกระทุ้งเข้าที่ต้นแขนเขาอย่างแรง แคปจ้องเขาตาเขียว

“ออกไปคุยข้างนอก มึงกูตัวต่อตัว”  ในที่สุดแคปก็หมดความอดทน เขาลุกพรวดขึ้น ก้มลงกระซิบเสียงเข้มใส่ ก่อนสบสายตากับแอมป์แล้วบอกขอตัว เธอที่ไม่รู้เรื่องราวมองตามแผ่นหลังเล็กที่เดินออกไปอย่างงงๆ

“เป็นอะไรกัน แฟนแกเขาโกรธเหรอ” เธอถามน้องชาย เอสยกยิ้มแล้วส่ายหัว ขำพี่สาวตัวเองที่ยังคิดไปได้ว่าเขากับเจ้านั่นเป็นแฟนกัน

“ไม่มีอะไรหรอก ไปนะ” เขาหันไปบอกเธอ บี้ก้นบุหรี่ลงที่จานเขี่ย

“คุยกันดีๆล่ะ แล้วอย่าลืมพาเขาไปเที่ยวบ้านเราด้วยเข้าใจไหม” เอสส่ายหัวใส่อีกครั้งก่อนเดินหันหลังตามแคปออกไป

“ช้าเหี้ยๆ  จะเอาที่ไหน ตอบ!” แค่เดินมาถึงทางออก ก็เจอคู่อริยืนกอดอกพิงกรอบประตูรออยู่ก่อนแล้ว ทำหน้าทำตาเสียอารมณ์อีกต่างหาก

“แล้วแต่..” เอสตอบหน้านิ่ง

“ที่จอดรถเป็นไง ไม่มีคน” แคปยักคิ้วใส่ ตั้งใจทำหน้าทำตากวนตีน แต่ดูยังไง๊ยังไงหน้าตาเอสก็กวนประสาทกว่าอยู่ดี แคปยิ่งมองยิ่งเครียด ไม่เข้าใจว่าเวลาที่เขาพูดแต่ละทีเอสจะอมยิ้มทำซากอ้อยเหรอ

“ได้....”

จบคำพูดเอส แคปหันหลังเดินออกมาที่รถตัวเองทันที แถว ๆ นี้ตอนจอดรถ เขาสแกนดูแล้วปลอดคน จะมีก็แต่ไอ้เด็กที่กำลังเช็ดกำลังขัดรถเขาอยู่ แคปโบกมือให้เจ้าเด็กนั่นเหมือนรู้ทัน รีบเดินเลี่ยงออกไป

“มึงจะเอาเลยไหม” แคปถามออกไปตรง ๆ คิดว่าแมนที่สุดแล้วสำหรับผู้ชายนัดตีกัน

“มึงจะตีกับกู??” เอสกอดอกแล้วจ้องหน้าถาม แคปคิ้วขมวดขึ้นทันที

“ก็ใช่ดิ่วะ ถามเหี้ยไรของมึง”

“น่ารำคาญ ขี้เกียจต่อยตี แดกเหล้าแข่งกันดีกว่า” เอสเสนอทางเลือกอื่น วันนี้เขาไม่รู้สึกอยากจะมีเรื่องกับใครอะไรทั้งนั้น

“หึ...มึงกลัวรึไงห๊ะ!  ซัดกันสองสามหมัดเสร็จก็จบแล้วไอ้เหี้ย  จะให้มานั่งแดกเหล้ากับมึงนี่กูว่า หึ ไม่ดีกว่าว่ะ” แคปเดินเข้ามาผลักไหล่แกร่ง ยื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้ ๆ เอสคว้าไหล่เขาไว้ในทันทีแล้วบีบ

“ตีกับกูในรถดีไหมล่ะ..” เสียงทุ้มก้มลงกระซิบใกล้ ๆ แคปยังไม่เข้าใจในความหมายของคนตรงหน้า ตีกันในรถพื้นที่แคบ ๆ แบบนั้นจะไปตีกันได้ยังไง

“ถ้ากลัว ก็ยืนเซ่อซ่าอยู่ตรงนี้แหละมึงอ่ะ” เอสว่าจบพร้อม ๆ กับเสียงปลดล๊อครถดังขึ้น แคปยิ่งงหนักไปอีกเมื่อรู้ว่ารถที่จอดอยู่ข้าง ๆ รถของเขาคือรถของเอส

“จะขึ้นป่ะ!” เอสยืนอยู่ที่ประตู ร้องข้ามมาถามเสียงดัง

“ตีกับมึงบนรถมึงนี่นะ??” แคปถามกลับ คือเขายังไม่เคลียร์ ให้ตายสิ

“ก็เออสิวะ ขึ้นมาเร็วเข้า กลัวรึไงไอ้ตัวอวดดี” เอสตั้งหน้าตั้งตาด่าอีก แคปยิ่งโมโห

“หนอยยย กูกลัวมึงเหรอวะห๊ะ!  ปัง..” แคปก้าวพรวดเดียวขึ้นไปนั่งบนรถพร้อมปิดประตูเสียงดังมาก เอสหันมองตาเขียว ก่อนเหยียบรถกระชากออกไปด้วยความแรงและเร็ว

“เชี่ยเอ๊ย..” แคปสบถในคอ ก่อนทุบลงที่คอนโซลรัวๆเมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่น่าขึ้นมากับมันเลย

“จอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จอดเดี๋ยวนี้ไอ้เหี้ย” เขาร้องโวยวายออกมา เข็มขัดไม่ยอมรัดซ้ำยังทำท่าจะเปิดลงไปอยู่ตลอดจนเอสต้องเหยียบให้เร็วขึ้นอีก

“จะร้องโวยวายทำไมวะ นั่งนิ่ง ๆ สิบ้าเอ๊ย”

“มึงจอดเลยนะไอ้เหี้ยเอส จอดให้กูลงเดี๋ยวนี้!” ไม่ใช่แค่มือแล้วที่ทุบๆๆๆคอนโซนหน้ารถ แคปเอาเท้าขึ้นมาทั้งถีบทั้งผลักจนเอสต้องรีบจอดลงที่ข้างทาง

“มึงเป็นบ้าเหรอ  ขึ้นมากับกูเองนะร้องบ้าบออะไรของมึงนักหนาห๊ะ  ห่าเอ๊ย” แคปทำท่าจะเปิดลงเอสกระชากทีเดียวตัวเขาลอยแทบจะข้ามเกียร์

“ไอ้สัส!  กระชากหาพ่องมึงเหรอ”

“เงียบปาก อย่าเล่นถึงพ่อกูไม่ชอบ” เอสกัดฟันพูด เอื้อมมือไปดึงเข็มขัดรัดข้ามตัวแคปไว้แล้วกดใส่ แคปฟาดมือกะซัดเข้าที่หน้าแต่เอสหลบทันแคปเลยจิกหัวเอสไว้แรงมาก

“กูจะลง”  สองคนสู้กัน...

“เดี๋ยวก็ถึงแล้ว มึงจะบ้าเหรอห๊ะ นั่งเงียบ ๆ นั่งนิ่ง ๆ เดี๋ยวถึงแล้วมึงกูตีกันให้พอใจเลย ผั๊วะ โอ๊ย!” เอสที่แทบหมดพลังเพราะสู้กับคนที่เหมือนกับบ้า แคปทำไมถึงได้ดื้อด้านขนาดนี้ หน้าเขาโดนฟาดไปไม่รู้กี่ฝ่ามือถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ทั้งแขนทั้งไหล่เขียวไปหมด จนสุดท้ายเขาหมดความอดทนผลักแคปจนกระเด็นกระแทกประตู

“ไอ้สัส!...” แคปร้องด่า ขณะที่เอสเจ็บตัวไปหมดจ้องหน้าอย่างกับโกรธกันมาเป็นชาติ ตะคอกขึ้น

“กูบอกให้เงียบ! จะตีไหม มึงจะตีกับกูใช่ไหม อดใจไว้เดี๋ยวถึงแล้ว กูกับมึงตีกันเอาให้พอเลย”

“ก็แล้วมึงจะพากูไปที่ไหนละเหี้ย จู่ ๆ ขับรถออกมาโคตรเร็ว ทางก็มืดๆจะให้กูนั่งรอปล่อยให้มึงพากูไปเชือดที่บ้านร้างรึไงล่ะห๊ะ!”

“มึงบ้าไปแล้ว ดูหนังมากจนประสาทรึไง” เอสส่ายหัว เขาเคลื่อนรถออกไปต่อ แคปเริ่มจะโวยวายขึ้นมาอีก

“มึงสิบ้า   อ่ะ...จะไปไหนน่ะ”

“กูไม่พามึงไปฆ่าหรอก ยังไงก็ไม่ตายแน่ๆ”

จบคำพูดเอส เขาเหยียบเร็วและแรงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว พอแคปร้องโวยวายขึ้นอีกครั้ง มือใหญ่ก็คว้าเอาคอเขาเข้าไปล๊อคพร้อมปิดปากไว้แน่น

“มึงจะเงียบสักทีได้ไหมวะห๊ะ อยากตายรึไงกูขับรถอยู่นะ”

“อึงอ้อออกอูอิ่อ้าอึงอะอาอูไออี้ไอ๋” แคปพูดไม่เป็นศัพท์ ดูเหมือนว่าเอสใช้พลังแขนทั้งหมดที่มีปิดปากเขาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว

“เดี๋ยวจะถึงแล้วเหี้ย โวยวายบ้าบอ อยากโดนกูตบรึไง”

“อย่ามาว่ากูนะ มึงสิบ้า ไอ้เอสบ้า ไอ้เหี้ยโคตรบ้า มึงมันบ้า ” แคปโดนมือใหญ่ปล่อยออกมาแล้ว เพราะรถที่เริ่มมากขึ้น เอสจำเป็นต้องใช้สมาธิกับท้องถนนก่อน ยิ่งเมานิดๆอยู่ด้วย

“นั่งนิ่ง ๆ กูขออีกสิบนาที ถึงแล้วมึงจะลงไปกระโดดโลดเต้นทำเรื่องบ้าบอร้องแหกปากอะไรก็เรื่องของมึง สิบนาทีกูขอแค่นั้น”  เอสกัดฟันพูด ส่ายหัวอย่างหงุดหงิดเมื่อเขาเองเพิ่งตระหนักได้เดี๋นี้เองว่า ไม่ควรชวนไอ้บ้าข้าง ๆ นี้ขึ้นมาด้วยเลย ให้ตายเหอะ


ขี้โวยวาย


บ้าบอ


มือหนักตีนก็หนัก


บ้ามากๆ


“ไอ้สัส!” แคปสบถหน้ายุ่ง กอดอกแต่ก็ยอมนั่งเฉย ๆ เป็นครั้งแรก



และสุดท้าย



ปากจัดฉิบหายเลยเหี้ย...





Tbc.

นานๆมาทีต้องลงให้อ่านกันแบบยาวๆค่ะ ความจริงตอนแรกกะว่าจะให้เป็นแค่เรื่องสั้น แต่เขียนไปเขียนมาลงยาว ๆ หลายๆตอนก็ได้เนอะ ลงในห้องนี้แหละ คิดถึงแล้วแวะเข้ามาหากันบ้างนะ ห้องนี้เงียบเหงานิดหน่อยแต่ก็โอเคมีแต่นักอ่านที่น่ารัก ขอบคุณนะคะ  :mew1:


ออฟไลน์ smile_aex

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 3/02/58 (...III...)
«ตอบ #56 เมื่อ03-02-2015 21:39:32 »


จิ้มก่อนครับ กำลังอ่านตอนที่สองอยู่  ดีใจ ตอนใหม่มาอีกแล้ว:ling1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 3/02/58 (...III...)
«ตอบ #57 เมื่อ03-02-2015 21:46:51 »

คนเขียนน่ารักที่สุด  กำลังรออยู่เลยค่ะ ยาวจุใจอีกแล้ว.  :mew1: 

ตอนนี้เอสคงตกหลุมชอบแคปเข้าไปเต็มๆแล้วล่ะ. เลยหาทางพิสูจน์ใช่ไหม อิชั้นนี่มโนไปถึงการตีกันอย่างดุเดือดบนเตียงแล้วจ้า

หวังว่าพี่เอสจะไม่แหกโค้งลงข้างทางไปซะก่อนนะอุตส่าห์จิ้น

เปิดตัวน้องสะใภ้แล้วอย่าทำให้พี่ผิดหวังนา


นิยายเรื่องยาวบางเรื่อง50กว่าตอนก็มีงั้นเรื่องสั้นเราขอไม่มากสัก20ตอนนิดๆก็พอน่ารักสมตัวแล้วค่ะ.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2015 22:02:45 โดย YueLiang »

ออฟไลน์ Ysolip

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 3/02/58 (...III...)
«ตอบ #58 เมื่อ03-02-2015 22:46:13 »

โอ้ย น่ารักจริงๆ กัดกันสุดๆอ่ะ แล้วพี่เอสจะพาแคปไปไหนคะ?  :hao6: 5555
รอตอนต่อไปนะคะ  :z10: :z10:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) 3/02/58 (...III...)
«ตอบ #59 เมื่อ03-02-2015 23:53:39 »

ชั้นว่าแล้ว นังชะนีฟางไม่มีทางยอมง่ายๆแน่ ดูจากท่าทางเสมือนปลิงดูดเลือดมาจุติขนาดนั้น
นางคงทำได้ทุกอย่างเพื่อสามีในอนาคต

ตอนนี้แคปก็ไม่มีแฟนแล้ว เตรียมมีปั๋วแล้วลูกเอ๊ย  :hao3:
ถึงขนาดไปแนะนำตัวแบบไม่เป็นทางการกับพี่สามี มันเป็นลางว่าจะได้กัน? ฮ่าฮ่าฮ่า

ตอนแรกนึกว่าจะมาแนวเมาแล้วมึนๆกดกันนะเนี่ย
แต่นี่หนีกันไปจากผับสองคนแล้วจะเกิดอะไรกันขึ้น จะไปสวีทกันเลือดสาดที่ไหนรึเปล่า

แต่สงสัยจังกลุ่มน้องกิ๊ฟนี่จะมีบทอีกมั้ย หรือนางมาเป็นสีสันกรี๊ดกร๊าดเป็นแหล่งปล่อยข่าวว่า เอสได้ทั้งหญิงและชาย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด