https://www.youtube.com/v/eOG2mDpRyrY[IX]เต้เคยพูดอยู่ตลอดว่าน้องชายของเขาทั้งน่ารักทั้งขี้อ้อน พูดง่ายเชื่อฟังน่ากอดยิ่งกว่าเด็กผู้หญิง แต่ถ้าคุณได้มาเห็นว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ ในตอนที่คุยสายกับน้องชายสุดที่รัก คุณจะต้องคิดว่าเรื่องที่เขาเคยพูดไว้ทั้งหมดนั้น มันไม่มีอะไรจริงเลยสักนิดเดียว
“กวนตีนกูจริงๆนะไอ้คาปู จะกลับไม่กลับแค่นั้นจบ ทำตัวน่ารักเหมือนตอนเป็นเด็กอ้อนกูหน่อยไม่ได้หรือไงวะ ทีเมื่อก่อนล่ะก็
พี่เต้อุ้มๆ พี่เต้อุ้มคาปูหน่อยคาปูกลัวหมากัด พี่เต้อุ้มผมนะฮะ แบบเนี๊ยะ มึงจะตายไหมห๊ะ ไอ้น้องเหี้ย..” เขาทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียนประโยคเมื่อนานนมเป็นสิบๆปีมาแล้ว ขนาดคนฟังอย่างแคปเองยังต้องลืมแล้วแน่ ๆ
(อะไรเนี่ย ผมทำเย็นชาใส่หน่อยเดียวของขึ้นเลยอ่อ..)
“ก็มึงอ่ะแม่ง อ้อนกูหน่อยไม่ได้..” เขาวีนใส่น้องหน้ายุ่ง
(หึหึ ขำว่ะ)
“แล้วตกลงเอาไงล่ะ กลับป่ะ กูไปรับหรือมึงกลับเอง”
(กลับดิ พ่อบอกให้กลับทั้งที ผมยังไม่อยากกลับไปเป็นวุ้นด้วยฝีมืออาฟี่ โทษฐานไม่ฟังคำสั่งของเฮียโก้หรอกนะ..)
“แล้วเอาไง กูไปรับใช่ไหม..”
(เดี๋ยวให้ไอ้ปอไปส่ง)
“เออๆ ตามนั้น เย็นๆเจอกันกูจะกลับไปรอมึงที่บ้าน..”
(ครับ เดี๋ยวจะแวะไปศูนย์หนังสือก่อน คงไปถึงเย็นๆนะ)
“เออ จะมาพูดเพราะอะไรตอนนี้กูด่ามึงไปสิรอบแล้วเหอะ”
(หึหึ ผมวางแล้วนะ)
“เรื่องของมึง” เต้กดวางสายลงไป เพื่อนที่เดินลงบันไดมาด้วยกันอย่างรัฐหันมามองแล้วก็ขำ
“มึงอ่ะนะ คุยกับไอ้แคปทีไรหน้าตาเท่ๆเสียหายหมด เดี๋ยวก็โมโหเดี๋ยวก็ยิ้ม เมื่อกี้พวกรุ่นน้องเดินผ่านแม่งซุบซิบกันใหญ่คงไม่เคยได้เห็นมึงเวอร์ชั่นนี้”
“เวอร์ชั่นเหี้ยไรวะ” เต้หันมาถาม พวกเขาเพิ่งออกมาจากห้องแลป กำลังจะกลับแต่มีโทรศัพท์จากอาฟี่ เต้คุยแล้วโทรไปบอกน้องชายตัวดีเสร็จแล้วเจอมันดักทางกวนตีนกลับมา เต้คุยกับแคปทีไรด่ากันตลอด
“ก็เวอร์ชั่นพี่ติดน้องอ่ะดิ..”
“ติดบ้านมึงสิ มึงไม่ได้ยินกูด่ามัน? เมื่อก่อนน่ะใช่แต่เดี๋ยวนี้น้องกูไม่เห็นจะน่ารักตรงไหนเลย ยิ่งนับวันยิ่งกวนประสาท ไม่เคยจะอ้อนกูเหมือนแต่ก่อนนั่นหรอก..”
“อะไรของมึงวะ แคปมันโตแล้วจะให้มากระโดดกอดคอหอมแก้มแล้วเรียกพี่ฮะๆ เหมือนแต่ก่อนหรือไงเล่า..” รัฐผลักหัวเพื่อนสนิทเบา ๆ เมื่อเห็นว่าเต้ทำหน้างอนแบบไม่ได้เรื่อง
“กูก็อยากให้เป็นอย่างนั้นอ่ะ มีน้องแค่คนเดียวนี่หว่าไม่รักมันให้กูไปรักหมาเหรอ..” เขาตัดพ้อเล็กๆ คนฟังๆแล้วอมยิ้มส่ายหัว ความจริงเต้รักแคปเอามากๆติดน้องแบบสุดๆ ทั้งหวงทั้งหลง แต่ปากนี่บอกแต่ว่าไม่เคยจะสน
“คืนนี้กูคงจะกลับดึกนะ มึงไม่ต้องรอล่ะนอนไปก่อนเลยได้” เต้นึกถึงคำสั่งจากสายก่อนหน้านั้น อาฟี่กำชับให้พาแคปกลับบ้าน เพราะวันนี้งานสำเร็จหรืออะไรสักอย่าง อีกอย่างนึงคือเฮียโก้เองก็อยู่พร้อมหน้าเพราะอย่างนั้นเลยตกลงว่าจะไปทานข้าวนอกบ้านพร้อมกัน แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นอาฟี่นึกยังไงไม่รู้บอกให้เขาชวนไอ้เอสน้องรหัสตัวดีที่เคยไปค้างที่บ้านไปกินด้วย
“กูจะรอมึงทำไมล่ะสัส จะไปไหนก็ไปพูดจาอย่างกับกูเป็นเมียมึงงั้นแหละ” รัฐหันไปด่าเมื่อได้ยินเพื่อนพูดจาแบบนั้น แต่แขนแกร่งของลาเต้คว้าลำคอขาวๆมาล๊อคเอาไว้
“ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ล่ะวะ มึงดูแลกูยิ่งกว่าเมียถึงกูจะเผลอคิดไปบ้างนั่นก็ต้องโทษมึงนะ ความผิดมึง..” รัฐถึงกับหน้าขึ้นสีเมื่ออีกฝ่ายพูดจาทีเล่นทีจริง เต้มองแล้วนึกขำ เขาชอบหยอกเอินเพื่อนสนิทแบบนี้เสมอ รัฐกับเขาเป็นบัดดี้เป็นรูมเมทกันสนิทกันมานานอยู่ด้วยแล้วสบายใจ บางทีระบุความสัมพันธ์ออกมาให้ชัดเจนแทบไม่ได้ มันยิ่งกว่าเพื่อนสนิทแต่คงไม่ถึงขั้นที่จะใช้คำว่าแฟน เต้รู้แต่ว่ารัฐคือคนที่เขาคิดว่ารู้ใจเขามากที่สุดคนหนึ่ง
“ไอ้สัส”เสียงเล็กก่นด่า เขินแน่ ๆ เต้ก็รู้
“หึหึ หน้าแดงทำเหี้ยเหรอวะ อายยิ่งกว่าผู้หญิงนะมึงอ่ะ..”
“ไอ้เหี้ยปล่อยเลย เรื่องของกู..” รัฐเอาแขนเต้ออกจากคอของตัวเอง สองคนกำลังจะเดินออกจากตึก เจอเอสกับกลุ่มเพื่อนตรงฝั่งทางออกพอดี เลิกเรียนกันแล้วทั้งคู่
“หวัดดีครับเฮียๆๆๆแล้วก็เฮีย..” เมี่ยงเจอหน้าเต้กับรัฐแค่สองคน แต่เขาทำท่าทะเล้นยกมือไหว้เรียงตัวราวกับเจอคนกลุ่มใหญ่ เต้เลยแจกมะเหงกเขกกะบาลเล็กนั้นไปหนึ่งทีแล้วหันไปหาเอส
“ไอ้เหี้ยเอสโผล่หัวมาก็ดีกูกำลังจะโทรหามึงเลย เย็นนี้ว่างป่ะวะ..”
“เฮียมีไรอ่ะครับ ไอ้เอสมันไม่ว่างหรอกช่วงนี้ติดสัส เอ๊ยติดสาว โอ๊ย! ตีผมทำไมอ่ะ ตีแต่หัวเดี๋ยวเยี่ยวรดที่นอนแหงๆเลยเนี่ย..” เมี่ยงโวยวายลูบหัวตัวเองป้อย ๆ รัฐนี่ถึงกับขำดึงเมี่ยงออกมาก่อนเพราะรู้ว่าเต้จะคุยธุระกับเอส ชิพกับบุ้งดูอะไรสักอย่างด้วยกันอยู่ในมือถือ เจ้าเมี่ยงเลยว่างจัดเผือกไปทุกเรื่อง
“กูไม่ได้ถามมึงเงียบก่อนไอ้ลูกลิง” เต้หันมาตวัดตาเขียวใส่ เมี่ยงเบะปากยักไหล่
“ตกลงว่าไงมึงว่างป่ะ” หันไปถามเอสต่อ รายนั้นก็แค่พยักหน้าตอบ
“งั้นดีเลย อาฟี่โทรหากูบอกวันนี้ให้กลับบ้านจะพาไปกินข้าว เขาบอกให้ชวนมึงไปด้วย เฮียโก้พ่อกูอยากรู้จัก..” เต้เข้าเรื่องเมี่ยงนี่หูผึ่ง
“อยากรู้จักผม?” เอสทวนคำ
“ก็เออ มึงไม่ใช่หรือไงไปค้างบ้านกูวันนั้น ฝาแฝดสองคนนั่นคงจะคุยกันนั่นแหละ กำชับมาว่าให้พามึงไปให้ได้ ถึงไม่ว่างก็ทำตัวให้ว่างซะนะไอ้น้องรหัสเหี้ย”
“พรุ่งนี้ผมมีเรียนบ่าย..”เอสบอกเรียบ ๆ กดมือถือดูตารางนัดหมายนิดหน่อย
“ดีแล้วกูก็บ่ายเหมือนกัน ไอ้แคปรู้สึกจะมีตอนเช้าแต่ช่างเถอะมันคงจะลงแค่แปลงเกษตรอ่ะแหละเห็นว่าจะใส่ปุ๋ยฉีดยาอะไรของมัน เอาเป็นว่าตามนี้ละกัน มึงจะไปกับกูไหมหรือจะขับรถตามไปเองก็ได้ เจอกันที่บ้านกูหกโมงเย็นนะ”
“แล้วน้องเฮียไปไงล่ะ..” เอสถาม
“เดี๋ยวไอ้ปอไปส่งมันเอง ไว้เจอกันนะ มึงก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วยล่ะ”
“ครับ” เอสรับคำ เต้โบกมือให้ จากนั้นเดินเข้าไปลากรัฐออกไปจากไอ้เมี่ยง สองคนนี้เริ่มเล่นอะไรกันสักอย่างหัวเราะคิกคัก จนเต้เห็นนั่นแหละว่าไอ้เมี่ยงตัวดีเปิดคลิปวาบหวิวให้เพื่อนตัวเองดูอยู่ เขาเลยต้องรีบลากรัฐออกจากไอ้รุ่นน้องตัวแสบก่อน
“อะไรวะมึงไปสนิทกับบ้านเฮียเต้แกตั้งแต่เมื่อไหร่..” พอรุ่นพี่ทั้งสองคนเดินไปกันแล้วเมี่ยงเข้ามาถามเอสทันที แต่รายนั้นก็แค่ส่ายหัวไม่ได้ตอบ พวกเขาทั้งหมดเดินออกจากตึก
“กูได้ยินข่าวมาว่าพ่อเฮียแกหล่อมากจริงป่ะวะมึงบอกกูที เคยไปมาแล้วต้องเคยเห็นดิ ครอบครัวกาแฟหล่อกันทั้งตระกูลเหมือนที่เฮยแกเคยโม้ไว้ไง๊ หล่อจริงอ้ะ..”
“เออนั่นสิ อันนี้กูก็อยากรู้นะ” ชิพเดินเข้ามาเผือกคู่กับเมี่ยง สองคนจ้องเอสตาเป็นมันรอคำตอบ
“ไม่รู้ กูยังไม่เคยเห็น” เอสบอกเรียบๆ เปิดรถโยนกระเป๋าพร้อมหนังสือหนังหาใส่ที่เบาะหลัง
“อ้าว แล้วมึงเห็นใครล่ะวะ ใครที่เฮียบอกว่าให้ชวนมึงไปด้วยน่ะ”
“นี่มึงแอบฟังเหรอวะไอ้เตี้ย” เอสหันมาจิ้มหน้าผากเมี่ยงหนึ่งที พร้อมทำตาเขียวใส่ชิพ บุ้งนี่ถึงกับขำ เวลาที่เมี่ยงกับชิพเผือกคู่นี่ยุ่งยากที่สุดแล้ว
“ก็เออ บอกก่อนดิ ใครชวนมึงไป”เมี่ยงยังถามต่อ คาดคั้นน่าดูแต่วิธีแก้ไขสถานการณ์แบบนี้ของเอสยังคงเหมือนเดิมเสมอ คือปฏิเสธแบบดื้อๆ
“ไม่บอก” เอสเอาแว่นกันแดดขึ้นมาสวม ล๊อคคอเมี่ยงแล้วลากไปยัดเข้ารถ บอกชิพกับบุ้งว่าพรุ่งนี้เจอกัน เขาไม่ยอมพูดยอมตอบคำถามอะไรเกี่ยวกับบ้านแคปอีก ถึงแม้เมี่ยงจอมเผือกจะถามโน่นนี่นั่นมาตลอดทางจนกระทั่งรถมาจอดส่งถึงหน้าหอ
“ลงไปได้แล้วไป”
“ไอ้เพื่อนใช้ไม่ได้ ทิ้งกูตลอดเดี๋ยวนี้อ่ะ” เมี่ยงคว้าเอากระเป๋าแล้วทำหน้างอ
“อะไรของมึงทำเป็นบ่น” เอสยกมือขึ้นมาขยี้หัวเล็ก แล้วใช้สายตาเชิญลง เมี่ยงยิ่งงอนหนัก
“นี่ กินแล้วมึงกลับกี่โมงอ่ะ คืนนี้กูไปค้างกับมึงได้ป่ะ”
“ไม่รู้เว้ย อาจจะยาวไว้วันหลังละกัน”
“เออๆ หาเวลาให้เพื่อนอย่างกูบ้าง เห็นกูงี้กูก็น้อยใจเป็นรู้ไว้ด้วย”
“รีบลงไปได้แล้ว” เอสถอนหายใจยาวเหยียดแล้วผลักๆให้เมี่ยงลง รายนั้นหันมาทำปากมุบมิบด่า เอสส่ายหัวอ่อนใจแต่ในที่สุดก็แยกเขี้ยวยิ้มให้
“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูมารับก็ได้ ชดเชยที่ไม่มีเวลาให้มึงมาหลายวันแล้วดีไหมล่ะ”
“มึงพูดจริงนะ” เมี่ยงก้มลงมาถามในทันที เขาลงไปยืนอยู่นอกรถแล้ว อีกฝ่ายจึงพยักหน้าตอบตกลง เมี่ยงมองตามหลังรถที่เลี้ยวออกไป บางครั้งเขาคิดว่าตัวเองเข้าใจเอส แต่บ่อยครั้งที่ความน้อยใจมักถาโถมเข้ามาด้วยความรู้สึกแปลกๆในยามที่เพื่อนไม่มีเวลาให้เขามากนัก
.
.
“เป็นไรของมึง ดูทำหน้าดิ๊..” เมื่อแคปวางสายลงจากพี่ชาย เขาทำหน้างอนิดๆ คิ้วคมขมวดมุ่นคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอย่างหนัก ปอที่สังเกตเห็นยื่นมืออกไปผลักหัวก่อนส่งถุงปุ๋ยอินทรีให้อาร์โรยใส่ให้แทน ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับงานที่แปลงองุ่น
“เออเป็นไรของมึงวะ เมื่อกี้ยังกวนตีนเฮียเต้อยู่ดีๆเลย พอวางสายเอาแระ หน้าบูดอย่างกับตูดลิง” อาร์แซวเพื่อน
“ยิ่งกว่าลิงแล้วนั่น ตูดอะไรสักอย่างเดี๋ยวกูขอนึกแปป..” ปอเงยหน้ามองฟ้าทำท่าคิด แสบตาเพราะแดดร้อนแต่พวกเขาสวมหมวกที่คล้ายๆของชาวนาอยู่บนหัวกันทุกคน เหงื่อไคลไหลเต็มแผ่นหลัง เสื้อช็อปสีเขียวเข้มเปื้อนไปด้วยดินด้วยวัชพืช
“พูดมากน่าไอ้ปอ ถางหญ้าของมึงต่อไป เดี๋ยวเย็นนี้มึงไปส่งกูที่บ้านด้วยล่ะ”
“ทำไมวะ เฮียบอกให้กลับ?” ปอเงยหน้าขึ้นมาถามขณะที่แคปสอดกรรไกรตัดแต่งกิ่งเข้าไปตัดเถาวัลย์ไม้เลื้อยที่อยู่ด้านใน รกชะมัด
“อือ อาฟี่โทรบอกเห็นว่าจะพาไปกินข้าว”เขาเอาเศษกิ่งไม้เลื้อยแปลกปลอมแยกๆกองไว้ด้วยกัน
“กินข้าว?” ปอถามทวนคำ แปลกใจนิดๆ
“ก็ตั้งแต่เฮียโก้กลับมาพวกกูก็หายหัวยังไม่ได้เวลคัมโฮมคุณพ่อเลยยังไงล่ะวะ”
“อ้อ แล้วมึงจะกลุ้มอะไรล่ะ แค่นี้เองเดี๋ยวกูไปส่งมึงได้อยู่แล้ว..” ปอยักคิ้วส่งให้ แคปก็เออออตอบ ในตอนนั้นเองที่ปอนึกอยากแกล้งยื่นมือที่เปื้อนปุ๋ยคอกมาตบๆหลังแคป อีกฝ่ายรีบผลักเขาออก อาร์เองก็มาร่วมแกล้งแคปด้วยคนกองวัชพืชที่อุตส่าห์ตั้งใจแยกไว้แตกกระเจิง เสียงทั้งสามคนหัวเราะดังลั่นจนเพื่อนๆที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต้องร้องด่า โดยเฉพาะพวกผู้หญิงขี้บ่นทั้งทำทั้งด่า เป็นแบบนี้เสมอเวลานัดกันมาทำงานนอกตารางเรียน แปลงเกษตรของมหาลัย ค่อนข้างร่มรื่นใหญ่และกว้างขวางมาก ในส่วนที่พวกเขารับผิดชอบกันในเทอมนี้ก็คือแปลงองุ่นเสาวรสกับแปลงมะละกอ แต่ช่วงบ่ายของวันนี้นัดกันมาดูแลแปลงองุ่นที่กำลังออกผลออกผลเป็นพวงงดงาม
“ไอ้แคปไอ้ปอไอ้อาร์ เป็ปซี่โว๊ยพวกมึง” เสียงเพื่อนคนหนึ่งที่มันเพิ่งจอดมอไซด์ลงแล้วโยนน้ำอัดลมกระป่องแจกจ่าย แคปรับมาแล้วเปิดยกดื่มเย็นซ่าดับร้อนได้ดีมากๆ พอกินเสร็จเอากระป๋องไปวางทาบที่หลังคอ เขานั่งลงที่ดินทอดสายตามองไปจนสุด ไร่องุ่น แปลงข้าวโพด รวมถึงบรรดาต้นมะละกอที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงกำลังออกผลงดงาม ความจริงเรื่องที่พี่ชายโทรหาบอกให้กลับบ้านวันนี้เขาไม่ได้กลุ้มใจเลยสักนิด ดีใจมากกว่าล่ะสิไม่ว่า พอนึกถึงเรื่องที่ไอ้เหี้ยเอสมันพูด
‘ห้าทุ่ม’ แล้วยังขนลุกไม่หาย กลับบ้านไปแบบนี้ก็ดีเพราะเกิดมันไปหาเขาจริงๆที่ห้องจ้างให้ก็ไม่มีทางเจอ แต่ที่นั่งเครียดอยู่ไม่ใช่อะไรนะ ไอ้แบบที่เขากำลังทำอยู่จะเรียกว่าหนีมันใช่รึเปล่า?? คืนนี้หนีได้แล้วพรุ่งนี้ล่ะ? ถ้าคืนต่อๆไปอีกล่ะ? คิดแล้วเครียดดดดดด เมื่อยังไม่รู้เลยว่าจะหาวิธีไหนมาแก้ปัญหานี้ให้มันเด็ดขาด
“ทำหน้าอะไรของมึง คิดถึงผัวมึงเรอะ..” แคปสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ ๆ อาร์แซวเขาด้วยคำพูดจัดจ้านแบบนั้น กำลังจะอ้าปากร้องด่า ไอ้เพื่อนสองตัวกอดคอกันหัวเราะแล้วทำท่าโชว์โทรศัพท์ให้เขาดู หน้าจอที่อาร์เคยเห็น
‘สามีสุดหล่อ’ นั่น เขาว่าแล้วจะต้องโดนแซวไม่เลิกแหง ๆ
.
.
“ขอบใจเว้ย พวกมึงก็ลงกับกูด้วยสิวะ” เมื่อปอจอดรถลงที่หน้าร้านกาแฟบรรยากาศสวย แสงสีส้มสุดท้ายจากอาทิตย์ดวงโตที่กำลังจะตกแตะลงผืนแผ่นดิน ทอประกายสาดทาบไปทั่วทั้งเมือง มุมมองจากร้านเนินตรงนี้ คิดว่าน่าจะเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งใจกลางเมืองใหญ่
“ไม่เข้าไปจริงอ่ะ..” แคปคว้าเอากระเป๋าพาดขึ้นบนบ่า ก้าวลงจากรถแล้วก้มลงไปถามเพื่อนสองคนอีกครั้งอาร์ที่ปีนจากด้านหลังมานั่งแทนที่แคปเรียบร้อยยิ้มแห้งๆส่งให้ ทั้งปอทั้งอาร์ต่างยกมือขึ้นมาโบกบอกบ๊ายบายไว้คราวหลังละกัน วันนี้ไม่เข้าไปท่าจะดีกว่า แคปจึงพยักหน้าแล้วปิดประตูรถให้จนเรียบร้อย รถคันเล็กสีตะกั่วของปอก็ขับเลี้ยวหายออกไป
เขายังจำได้ดีเสมอถึงวันสุดท้ายที่ปอกับอาร์แวะมาเล่นที่บ้านเขาแล้วหลังจากนั้นไม่ยอมเหยียบย่างมาอีกเลย ตอนนั้น...ทั้งสองคนกำลังช่วยพ่อของเขาทำขนมอบอะไรสักอย่างอยู่ที่ครัวของร้าน แล้วบังเอิญว่าตอนที่เฮียโก้เปิดเตาอบแล้วล้วงเข้าไปเอาขนมในนั้นออกมา ข้อมือดันถูกผนังเตาร้อนๆดาด ปอกับอาร์ตกใจมากวิ่งเข้ามาจับมือพ่อดูแล้วช่วยกุลีกุจอหายามาทางให้ อาร์เองก็ตัวสั่นไปหมดแผลค่อนข้างใหญ่พวกเขาวิ่งหาบัวหิมะในตู้เย็นมาโปะๆมือเฮียแกไว้ ไอ้อาร์มันรับหน้าที่ทาและพันแผล ในตอนนั้นเองที่เกิดเรื่องขึ้นมา อาฟี่เดินเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้กระชากคอเสื้ออาร์เหวี่ยงทีเดียวตัวแทบทะลุผนัง ปอที่กำลังตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นพอเห็นเพื่อนตัวเองกองอยู่ข้างผนังแบบนั้น มือใหญ่ที่รวดเร็วกว่ามากของอาฟี่ก็ผลักเขาให้ถอยออกห่างจากเฮียโก้ จนปอกระเด็นไปถูกตู้เย็น ของด้านบนจากชั้นวางใกล้ ๆ หล่นระเนระนาด จากนั้นอาฟี่ก็เข้ามาจัดการแผลของพ่อทุกๆอย่างแทนพวกเราทั้งหมดและอาดูโกรธมากๆทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกับพวกเขาเลยสักนิด
“จ้างให้กูก็ไม่กล้าเข้าไปบ้านไอ้แคปอีกหรอก ถ้าไม่ใช่ไปกินกาแฟที่ร้านมัน จ้างกูสักหมื่นกูยังไม่อยากเอาเลยเหอะ ไปกินข้าวกับคุณอาโคตรโหดของมันกูนี่เข็ดจนตายอ่ะ ขอบอก..” บนรถของปอ พอออกมาจากส่งแคปลง อาร์ก็เริ่มระบายความเครียดทันที เขาสามคนสนิทกันมาตั้งแต่มัธยม พ่อของแคปใจดีมาก พวกเขาไปเล่นที่ร้านทีไรได้กินข้าวกินขนมฟรีตลอด ถ้าว่างก็จะเปิดการ์ตูนพาเล่นเกมส์ชวนอ่านหนังสือ แต่กับอาฟี่ผู้ที่หน้าตาเหมือนกับเฮียโก้ทุกประการหากแต่เถื่อนกว่าร้อยเท่าและอัธยาศัยเลเวลต่ำสุด บอกตรง ๆ ว่าคนแบบนั้นสนิทยากน่าดู เว้นระยะห่างกับทุกๆคน ดวงตาคมกริบของเขาราวกับว่าจะมีไว้เพื่อจ้องมองพี่ชายฝาแฝดของตัวเองเท่านั้น
“ก็มึงตอนนั้นจับมือเฮียโก้อยู่ใช่ไหมล่ะ” ปอละสายตาจากถนนหันมามอง นึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามสี่ปีที่แล้ว
“ก็มึงจะให้กูทำไงล่ะ เฮียโก้แกโดนเตาอบดาดที่แขน กูก็รีบเอายามาทาให้สิวะ กูอยู่ใกล้สุด อาฟี่มาเจอทีเดียวลากคอกูเหวี่ยงออกกูเกือบตายมึงรู้ไหม เจ็บฉิบหาย อึ๋ยยย”อาร์พูดพร้อมกับทำสีหน้าเข็ดขยาด
“ก็ฝาแฝดเขาหวงกันมันก็ธรรมดา กูเคยอ่านเคสแบบนี้มีเยอะแยะ..” ปอเห็นหน้าอาร์แบบนั้นแล้วก็ขำ ท่าทางจะกลัวและขยาดจริงอย่างที่ว่า อาร์บ่นโน่นบ่นนี่ต่อจากนั้นเขาก็หลับ เดือดร้อนแต่คนขับอย่างปอต้องส่งให้ถึงหอเหมือนเคย
.
.
แคปเดินผิวปากอารมณ์ดีตัดด้านข้างของร้านเพื่อเข้าบ้าน เขามองเห็นหน้าร้านพลิกป้ายว่าปิดโชว์เอาไว้ก็รู้ว่าวันนี้พ่อกับอาฟี่เตรียมตัวพาออกไปเลี้ยงกันจริง ๆ นี่แค่หกโมงกว่าๆปกติร้านพวกเขาจะปิดสองทุ่มโน่นแน่ะ แคปกระชับเป้ขึ้นไหล่เมื่อล้วงเอาพวงกุญแจห้องขึ้นมาควงใส่นิ้วเล่นๆ วันนี้อารมณ์ดีชะมัด วู้วววววว~ ถึงขนาดเดินร้องเพลงลูกทุ่งที่แสนโปรดปราน สังเกตเห็นว่ามีรถสีขาวของใครสักคนจอดอยู่ใกล้ ๆ แต่เขาก็แค่หันมอง มันดูคุ้นตาบอกไม่ถูก แต่งได้สวยมากโดยเฉพาะช่วงล้อและรูปแบบของสเกิ๊ตรอบคัน
“แต่งเจ๋งว่ะ รถใครวะ..” เขาบ่นพึมพำ คงหลายตังค์อยู่เหมือนกันสินะ มองตามจนต้องเหลียวหลังดูกันเลย คงเป็นรถใครสักคนแถวนี้ล่ะน่า จะว่าไปรถเขาเมื่อไหร่จะเสร็จวะ ไม่รู้ว่าอาฟี่เอาไปแต่งเพิ่มให้ถึงไหน
ซ่าาา!!! เสียงรดน้ำต้นไม้ดังมาจากสวนหน้าบ้านเขาเอง แคปกระดิกหู พอไล่มองไปที่ต้นเสียงเขาตกใจจนตาแทบเหลือก
“เหี้ย!! ใครวะ!?” ถลาเข้าไปเกาะรั้วบ้านในทันที ราวกับกำลังจ้องใครสักคนผ่านลูกกรงใหญ่ ใครคนนั้นที่ยืนโชว์แผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าในกางเกงยีนส์ยี่ห้อดังอวดขอบบ๊อคเซอร์สีสวย มันกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่สนามหน้าบ้าน
แผ่นหลังแบบนั้น!? รูปร่างเหี้ยๆแบบนั้น!?
แคปกัดฟันกรอดดดดดดด
ไม่จริ๊งงงงงงงงงงง เขาแนบหน้าเข้ากับลูกกรงรั้วแทบจะทะลุเข้าไปซะเดี๋ยวนั้น เอสที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่จู่ๆหันมาพอดี๊พอดี แคบเอามือลอดรั้วเข้าไปชี้หน้า เขาอ้าปากกำลังจะด่า แต่เอสที่เร็วกว่ามากและมีอาวุธพร้อมอยู่ในมือ แค่ขยับองศาของสายยางเอียงขึ้นอีกนิด น้ำทั้งสายฉีดเข้าเต็มหน้าเต็มปาก แคปสำลักหัวเหอเปียกโชกไปหมด
“หึหึหึ” เอสขำ นั่นยิ่งทำให้แคปโกรธจนตัวสั่น ฟาดเป้ข้ามรั้วแล้วกระโดดปีนเข้าไปไม่รีรอเห้ไรแล้ว รั้วบ้านเขาเองปีนมาตั้งแต่เด็กเรื่องแค่นี้มีหรือจะรอช้า ใช้เวลาไม่ถึงสามวินาทีด้วยซ้ำเขาก้าวพรวดพราดเข้ามายืนประจันหน้า
“ไอ้เหี้ยเอส มึงเข้ามาทำบ้าอะไรในบ้านกูวะห๊ะ..”แคปโวยวายชี้หน้าด่าดังลั่น แต่เอสกลับไม่สนใจอมยิ้มแล้วหันไปรดน้ำต้นไม้ใบหญ้าของเขาต่อ ภาพแคปเหมือนลูกหมาตกน้ำจอมโวยวายนี่น่าขำเป็นบ้า
“อย่ามาทำเป็นเฉย มึงไม่มีสิทธิ์เข้าบ้านกู ออกไปเดี๋ยวนี้เลยไอ้เหี้ย..” แคปก้าวไปดักหน้าชี้นิ้วไล่ ทั้งหน้าตาทั้งน้ำเสียงจริงจังสุดๆแต่เมื่อเห็นว่าเอสไม่ได้สนใจคำพูดเขาเลยกลับหันไปอีกทางรดน้ำใส่กล้วยไม้สีม่วงต่อ เขาจึงคว้าไหล่หนากระชากให้หันมาพูดกันให้รู้เรื่อง
“มึงมาทำไมวะห๊ะบอกกูมาเดี๋ยวนี้”
“.........” เอสใช้ความเงียบสยบความเคลื่อนไหวฉุนเฉียว เขาแค่แสยะยิ้มยั่วมองดู หากแต่แคปนี่เดือดจนไม่รู้ว่าจะเดือดยังไง หันซ้ายหันขวาในที่สุดนึกคำด่าออก
“มึงรู้ไหมว่าหน้ามึงน่ะ เหมือนอะไร”
“.......” เอสส่ายหัวกับความไร้สาระของอีกคน จะหาเรื่องมาก่นด่าหรือจะมาทายปัญหาไร้สาระกันแน่
“หน้ามึงน่ะ โคตรสี่เหลี่ยมจัตุรัสเลยว่ะ” เขาโพล่งด่าออกมาจนได้ขณะที่เอสขมวดคิ้วขึ้นนิดๆยังไม่เข้าใจสิ่งที่แคปกำลังพูด
“ทำไม” เขาถาม
“ก็เพราะมึงมัน
ด้านคูณด้านยังไงล่ะวะ หึหึ..” แคปเลิกคิ้วสูงตั้งใจตอบแบบเน้น ๆ แล้วยกมุมปากยั่ว คิดว่าครั้งนี้ต้องเหนือกว่าไอ้เห้นี่แล้วแน่ ๆ ไล่ไม่ไปงั้นขอด่ามันให้สะใจสักหน่อย
“หื้ม?” เอสหรี่ตาร้องหื้มเสียงเหี้ยมจนน่าสะท้าน เขาสาวเท้าก้าวเข้าหาทันที เสียงน้ำในสายยางตกลงอย่างต่อเนื่อง แคปก้าวถอยหลังแทบไม่รู้ตัว
“มะ...มึงจะทำอะไร”
“ปากมึงดีแบบนี้สินะ มิน่ากูถึงชอบดูดนัก” จบคำพูดยั่วประสาทเอสยกสายยางขึ้นฉีดแคปแบบเต็ม ๆ สองคนที่อยู่ระยะใกล้ชิดกันมากถึงกับเปียกโชกกันไปหมด แคปเดือดจนสุดกระโดดเข้าใส่เอสทันทีโถมแม่งลงไปทั้งตัว ตายเป็นตายแล้วไอ้เหี้ย แต่แทนที่เอสจะโกรธเขากลับหัวเราะทิ้งสายยางในมือลงแล้วรับคนที่ตัวเล็กกว่าไว้แทบไม่ทัน จุกจนตัวงอแต่ก็ยังขำอยู่
“ไอ้สัส มึงห้ามหัวเราะนะ หยุดหัวเราะ!” แคปทั้งทุบทั้งตีแข้งขาที่เกี่ยวคนตัวโตเตะต่อยเป็นพัลวัล ดูไปดูมาตอนนี้ช่างเหมือนลูกลิงลูกค่างที่กำลังขี่หลังคู่แข่งแล้วดิ้นขลุกๆขลักๆอยู่บนแผ่นหลังกว้าง ๆเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแข็งแกร่งนั่น
“กูบอกให้มึงหยุดหัวเราะได้แล้วไอ้เหี้ย กูไม่ได้รู้สึกสนุกกับมึงสักนิด กล้าฉีดน้ำใส่กูเรอะ มึงกับกูมาเปียกไปด้วยกันเลย สัสเอ๊ย!!” แคปทั้งทุบทั้งร้องด่า ท่อนแขนเล็กล๊อคลำคอแกร่งแน่นจนเอสหายใจแทบไม่ออก เขาไอโขลกออกมาก่อนที่จะเหวี่ยงแคปไปอีกด้านแต่รายนั้นกลับเกาะไว้จนแน่นไม่ยอมหลุดออกจากร่างกายอีกคน
“กูจะต้องฆ่ามึงวันนี้ให้ได้ ทนมานานแระ กูหมดความอดทนของกูแล้วววววววฮื้มมมม..”
ภาพเด็กผู้ชายสองคนกำลังตีกันด้วยว่าคนหนึ่งเกาะอยู่บนหลังส่วนอีกคนทั้งหลบทั้งตอบโต้กลับไปบ้าง มันทำให้ทั้งโก้และฟี่ที่ได้ยินเสียงเอะอะเอ็ดตะโรออกมายืนดู
“กูบอกแล้วว่ามันสองคนสนิทกัน..” ฟี่พูดกับแฝดพี่ เขาคาบแท่งบุหรี่อยู่ที่ปากในมือถือหนังสือพิมพ์คาอยู่ ขณะที่โก้นั้นอยู่ในชุดกันเปื้อนสีดำสนิท สวมถุงมือยางสีชมพูสดเพราะว่ากำลังล้างแก้วอยู่ในครัว ฟองเต็มไม้เต็มมือไปหมด
“เข้าไปแยกดิ..”โก้บอก พร้อมถอดถุงมือออก
“เรื่องอะไร เดี๋ยวได้เปียกไปด้วย ขี้เกียจต้องเปลี่ยนชุดใหม่ จะออกไปกันอยู่แล้ว มันเล่นกันดูก็รู้..” ฟี่ทำท่าไม่ใส่ใจจะเดินเข้าบ้านลูกเดียว แต่โก้ยกขาดักไว้แล้วบ่ายหน้าสั่งบอกให้ไปแยก สองคนจ้องหน้ากันวัดใจ เป็นฟี่อีกเช่นเคยที่ขัดใจทุกคนได้แต่กลับขัดใจพี่ชายฝาแฝดตัวเองไม่เคยได้ นี่เขาจะต้องเข้าไปแยกไอ้ลูกลิงสองตัวที่มันกำลังตะลุมบอลจนกองลงกับพื้นทั้งคู่แบบนั้นเหรอวะ เปียกเป็นบ้าเลย
ฟี่เอาแท่งบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ที่ปากก่อนจะเดินดุ่มๆออกไปหาไอ้หมาสองตัว กำลังจะหิ้วคอเสื้อหลานชายตัวเองออกมาจากเอส แต่ลาเต้ที่วิ่งมาจากด้านในกลับแทรกผ่านตัวเขาไปก่อน ลากคอแคปออกมาแทน
“เล่นเหี้ยไรกันวะพวกมึงไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว จะออกไปกินไหมข้าวน่ะ พ่อกับอาฟี่ยืนมองอยู่นั่นเล่นเหี้ยไรไม่รู้เรื่อง..” เต้เท้าสะเอวยืนโวยวาย
“เล่นกะผีสิ” แคปเถียงพี่ เขาผลักเต้ออกแล้ววิ่งเข้าไปหาโก้ พร้อมกับชี้มาที่เอส
“พ่อครับ แคปไม่รู้จักมันนะ มันเข้ามาบ้านเราได้ยังไงกันน่ะ” ทันทีที่แคปพูดจบ เอสกับเต้หันมองหน้ากันแล้วต่างก็ขำ ขนาดฟี่กับโก้เองก็ยังแอบยิ้ม มีแต่แคปที่ยังสงสัยว่าทั้งหมดที่เหลือจะขำจะยิ้มอะไรกัน
“มึงกลับไปดิวะ ยุ่งอะไรอยู่บ้านกูล่ะ” แคปถลึงตาใส่ โก้รีบปรามไว้
“คาปู ลูกพูดอะไรน่ะ” เขาทำหน้าดุลูกชายนิดหน่อย ก่อนเอามือเสยผมที่เปียกโชกของแคปออกจากใบหน้าที่ เลอะเทอะไปหมด
“อาฟี่เป็นคนให้เต้ชวนเอสเขามาเอง อย่าเสียมารยาทกับแขกของเราแบบนั้นเข้าใจใช่ไหม”
“อะไรนะครับพ่อ!” แคปทวนคำตกใจ หันมองหน้าคุณอาสุดโหดของเขาแล้วไม่อยากจะเชื่อ คนอย่างอาฟี่บอกให้พี่เต้ชวนไอ้เหี้ยเอสมาที่บ้าน
“เอสเขาเป็นน้องรหัสเจ้าเต้แล้วก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของเราด้วยไม่ใช่หรือไง”
“ไม่สนิทเลย ไม่สนิทกันสักกะนิด ผมกับมันไม่ใช่เพื่อนกันด้วยซ้ำ..”แคปเถียง เขาเชิดปากใส่เอสแล้วทำท่าไล่อีกครั้ง แต่รายนั้นกลับเสยๆผมที่เปียกแล้วสลัดหัวไล่หยดน้ำออกอย่างเท่ก่อนยกยิ้มร้ายส่งให้ แคปกัดฟันกรอดขณะที่ฟี่เอานิ้วมาจิ้มเข้าที่หัว
“เถียงอะไรของมึงค่างๆคูๆ ไม่สนิทเหี้ยไรวันนั้นก็นั่งหลับหัวชนกัน แล้ววันนี้กูเห็นมึงขี่หลังมันทั้งฟาดทั้งทุบ นี่ถ้ามึงไม่สนิทกับมันป่านนี้ไม่โดนมันเตะโด่งออกนอกรั้วไปแล้วเรอะเจ้าแคป เพื่อนมึงมารยาทดีขนาดนี้ยังพูดออกมาได้นะว่าไม่สนิท”