Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 11 : They were never true, never true
หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จก็คงเป็นผมที่ต้องอาบน้ำต่อไป เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคินรดาก็ไม่ได้อาบน้ำเหมือนกัน
“ลูกพี่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ ” ผมพูดกับคนที่กำลังเช็ดผมให้แห้ง
“เดี๋ยวกูอาบให้ก็ได้ มึงไปอาบเหอะ”
ใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำ ผมแต่งตัวในห้องน้ำและเดินออกไป พบกับคีย์ที่นั่งอยู่ขอบเตียงกำลังนั่งเกลี่ยผมของคินรดาให้เข้าที่ และดูเหมือนว่าคินรดาจะงอแงเอาซะมากๆ แต่ผมก็เข้าใจนะ ตอนผมเด็กๆผมก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
“ดูเหมือนเธอจะไม่อยากอาบน้ำแล้วนะครับ”
“อืม คงเป็นอย่างงั้น”
“ไม่ต้องอาบก็ได้นะ ผมว่าน้องดาไม่ได้ออกไปเล่นที่ที่มันสกปรกมากสักหน่อย เดี๋ยวผมนอนข้างล่างก็ได้ พี่นอนบนเตียงกับคินรดาไปเถอะ”
“ได้ไง ? ก็มานอนด้วยกันดิ”
“ลูกพี่จะอึดอัดเอานะ”
“เดี๋ยวกูนอนข้างล่างเองก็ได้”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร ผมนอนได้”
“..พ่อคะ..”
ระหว่างที่ผมกับคีย์กำลังเถียงกันเรื่องที่นอน คินรดาก็กำลังตื่นพอดี เธออ้าปากหาว จนผมเอ็นดู เธอน่ารักมากเลยนะ .. ความน่ารักของเธอทำให้ผมลืมแทบทุกเรื่องได้เลย
“ว่าไงครับ นอนเยอะนะเรา ” คีย์บิดจมูกเล็กๆของคินรดาแล้วส่ายไปมา
ใครจะคิดละ ว่าภาพนักธุรกิจที่แสนน่ากลัวจะมีมุมแบบนี้กับครอบครัว.. ครอบครัวงั้นเหรอ ผมลืมอะไรไปรึเปล่า
.. ผม.. กำลังทำให้ครอบครัวของเขาแตกแยกรึเปล่า ถ้าคินรดารู้ว่าผมเคยเป็นอะไรกับคีย์มาก่อน เธอก็คงเกลียดผม แล้วนี่ผมอยู่กับเธอแค่วันเดียว ผมยังรักเธอได้ขนาดนี้ ถ้าผมต้องอยู่กับเธอไปนานมากกว่านี้ ผมจะไม่เจ็บปวดมากขึ้นเหรอ
“เป็นอะไรเหรอ สีหน้ามึงดูไม่ดีเลยนะ”
“..เปล่า พี่นอนกับคินรดาเถอะนะ ถือว่าผมขอ..”
“ไม่เอา .. หนูอยากนอนกับพี่โรมด้วย”
“ครับ ? กับพี่เนี้ยนะ”
“ช่าย อยากนอนทั้งกับพ่อและพี่โรมด้วย” ผมหันไปมองหน้าคีย์เพื่อขอคำตอบ
“.. ...ก็ได้ครับ”
“พ่อคะ ให้น้องดานอนตรงกลางได้ไหมคะ..”
“ได้อยู่แล้วครับ”
“ให้พี่โรมอ่านหนังสือให้ฟังด้วยได้ไหมคะ..”
“ทำไมไม่ลองถามพี่โรมดูละครับ..”
“..ได้ไหมคะ พี่โรม..” กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ สายตาอ้อนวอนของหนูน้อยจ้องมาที่ผมแทน ทำให้ผมจำใจต้องพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
“ครับ.. ได้ครับ”
“น้องดาไม่อาบน้ำได้ไหมคะ.. ”
“ถ้าน้องดาตื่นแล้ว ไม่อาบไม่ได้ครับ .. เดี๋ยวพ่ออาบน้ำให้นะ”
“ก็ได้คะ”
คีย์อุ้มคินรดาไปในห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงฝักบัวและเสียงพูดคุยหยอกล้อกันระหว่างสองพ่อลูก .. .ได้ยินแบบนั้นแล้วทำให้ผมคิดมากเข้าไปอีก.. พวกเขาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบจริงๆนะ ขาดก็แค่รินดาคนเดียว .. และเหตุผลที่เธอยู่ที่นี่ด้วยไม่ได้ ก็อาจจะเพราะผมอยู่ที่นี่ด้วย
“เฮ้อ..” ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา เอนพิงไปข้างหลังและหลับตาลง.. มันช่วยให้ผมไม่คิดมาก และมันจะช่วยให้สมองผมปลอดโปร่งขึ้น
ผ่านไปราวสิบนาที คีย์ก็ยังอาบน้ำให้คินรดาไม่เสร็จ ระหว่างนั้นผมเลยเปิดดูข่าวทั่วไป แต่ก็ไปสะดุดกับคำพูดรายงานของนักข่าว
“สำหรับวันนี้นะครับ ข่างก็คงไม่พ้นเรื่องของคุณดนัยนะครับ ที่ตอนนี้กำลังวางแผนจะขายหุ้นบางส่วนให้กับเจ้าของบริษัท K&R ”
“...K&R..?” มันชื่อบริษัทของคีย์ไม่ใช่เหรอ
นักข่าวไม่ได้อธิบายรายละเอียดอะไรเพิ่มมากนัก จู่ๆจอทีวีก็กลับมาเป็นสีดำสนิท ผมมองหารีโมท เพราะคิดว่าเผลอไปนั่งทับมัน ก่อนจะเห็นมันอยู่ในมือของคีย์
“..เขาขายหุ้นให้พี่เหรอ”
“..มึงอย่าไปสนใจเลย”
“พี่บอกไม่ให้ผมสนใจ.. นั่นมันบริษัทพ่อผมนะ ..ถ้าพี่เป็นผมพี่ไม่พูดแบบนี้แน่” ผมมองหน้าเขาอย่างตัดเพ้อ จนเขาเบือนหน้าหนี
“กูแค่ไม่อยากให้มึงเครียด..”
“แล้วพี่ซื้อจริงๆรึเปล่า” คีย์ดูเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ร่างเล็กของคินรดาในชุดสีชมพูวิ่งเข้ามาซะก่อน ทั้งผมและเขาเลยเงียบกันทั้งคู่ มันไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกที่จะมาทะเลาะกันต่อหน้าเด็ก
“พี่โรมขาาา”
“ครับ”
“ไปนอนกันเถอะคะ น้องดาง่วงแล้ว”
“ครับ..” ผมกำลังจะอุ้มคินรดา แต่โดนคีย์ตัดหน้าไปซะก่อน จนผมต้องเดินตามหลังเขาไปเงียบๆ มีเพียงคินรดาที่พูดจาถามโน่นถามนี่ตามประสาเด็กไปเรื่อย
“พี่โรมอ่านหนังสือเล่มนี้ให้หน่อยนะคะ หนูอยากฟัง”
“ได้ครับ”
“เดี๋ยวนี้อะไรๆก็พี่โรม ลืมพ่อไปรึยังครับเนี้ย”
“ยังหรอกค่า .. น้องดาเจอพ่อเยอะแล้ว เพิ่งเคยเจอพี่โรมแค่วันเดียวเอง..”
ผมลองเปิดหนังสือและอ่านคร่าวๆในใจดู ก่อนจะเริ่มอ่าน
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.. มีเจ้าชายและเจ้าหญิงที่แต่งงานและอยู่ด้วยกันภายในปราสาท ภายนอกดูเหมือนทั้งสองจะหลงรักซึ่งกันและกัน .. แต่ความจริงนั้น ทั้งสองเพียงแค่โดนจับคลุมถุงชนเพียงเท่านั้น .. เจ้าหญิงเป็นฝ่ายทนไม่ไหวที่ต้องทนแสร้งทำว่ารักเจ้าชายมาก จึงได้เอ่ยปากพูดกับเจ้าชายในวันหนึ่ง”
“เจ้าชายคะ..ฉันขอ..” ผมหยุดเล่าไป.. เพราะรู้สึกกระดากปากนิดหน่อยที่ต้องพูดบทผู้หญิง
“พูดต่อสิคะ..” ผมมองหน้าคินรดา ก่อนจะลอบถอนหายใจ ..
“เจ้าชายคะ ฉันขอยกเลิกสัญญาที่ทำกับท่านไว้ได้ไหม..”
“บทต่อไปให้พ่อพูดสิคะ.. จะได้พูดตอบกัน” เด็กตัวน้อยขัดขึ้นอีกเมื่อผมกำลังจะพูดประโยคต่อไป
“..”
“นะนะ..นะคะ”
คีย์พยักหน้าเล็กน้อย ผมเลยต้องวางหนังสือลงตรงกลางเพื่อที่เขาจะได้อ่านมันอย่างถนัด
“พี่อ่านต่อจากที่ผมอ่าน อยู่ตรงบรรทัดที่สาม”
“...ถ้าข้าไม่อนุญาต เจ้าก็ห้ามขอที่ไปจากข้า”
“พี่พูดให้มันง่ายๆหน่อยสิ เด็กจะเข้าใจได้ไงถ้าพี่พูดแบบนั้น” ถ้าขืนเขาอ่านตามหนังสือหมดทุกอย่าง อย่าว่าแต่คินรดาเลย ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก
“ถ้าผมไม่อนุญาต คุณก็ห้ามไปจากผม”
“แต่ฉันไม่ไหวแล้วที่ต้องทนแบบนี้”
“...”
“อ่านต่อสิพี่ จะหยุดทำไม”
“ก็..ฉากต่อไปมันติดเรทนะ”
“ห้ะ ?”
สายตาผมไล่อ่านตามที่เขาบอก ..นี่เขาซื้อนิยายอย่างนี้มาไว้ในห้องเหรอ แล้วถ้าเกิดว่าวันนึงคินรดาโตขึ้นแล้วมาเจอนิยายแบบนี้ .. จะไม่คิดว่าพ่อตัวเองเป็นคนแปลกๆเหรอ
“อย่าคิดอะไรบ้าๆนะ กูไม่ได้ซื้อมา”
“แล้วมันจะอยู่ในห้องพี่ได้ไง”
“ไม่รู้ดิ รินดาอาจลืมไว้มั้ง..”
“..อ้อ... ..”
หนังสือเล่มหนาถูกผมปิดลง ส่วนคินรดาก็หลับไปแล้ว.. พอไม่มีเสียงของคินรดาที่คอยทำให้รอบตัวไม่เงียบเหงาจนเกินไป ก็กลายเป็นบรรยากาศน่าอึดอัดระหว่างผมกับคีย์ซะงั้น เขาไม่ได้พูดอะไร ผมก็ไม่อยากพูดเหมือนกันเลยตัดสินใจล้มตัวลงนอน สักพักคีย์ก็ปิดไฟและล้มตัวลงนอนเช่นกัน
“..นอนยัง..”
“.. ยัง” ผมรู้แค่ว่าเขาหันหน้ามาหาผมท่ามกลางความมืด อาจะเพราะมองไม่เห็นสีหน้าของเขา ผมถึงได้กล้าจดจ้องใบหน้าของเขา
“.. รินดาไม่เคยมานอนที่ห้องกูนะ .. .”
“จะบอกทำไม.. ไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย”
“..ก็อยากบอก ..”
“ อือ ”
“...”
“..”
“ ฝันดีนะ ” นั่นเป็นคำสุดท้ายที่ได้ผมได้ยิน ก่อนที่จะหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน
....
“อาโรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม !!!”
ผมแทบจะสะดุ้งตื่นเพราะความตกใจ จู่ๆคินรดาก็มาตะโกนใส่หูผมแบบนี้ เธอฉีกยิ้มและหัวเราะ จนผมนึกขำกับท่าทางแบบนั้น
“กี่โมงแล้วครับเนี้ย”
“เกือบ 10 โมงแล้วค่า”
“10 โมง !?”
“ค่า พี่โรมหลับไปนานมากเลย พ่อฝากบอกว่าถ้าพี่โรมตื่นแล้ว ให้กินข้าวที่อยู่ในครัวด้วยคะ”
“แล้วพ่อน้องดาไปทำงานแล้วเหรอครับ”
“ค่า ..ไปตั้งแต่ 9 โมงเลย”
“แล้วน้องดากินอะไรยังครับ”
“กินแล้วคะ พ่อทำให้แล้ว”
คินรดาวิ่งออกไปดูการ์ตูนที่กำลังฉายต่อบนทีวีด้านนอก ส่วนผมก็ยังคงนั่งมึนๆอยู่บนเตียง เดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เสร็จแล้วจึงเดินมาหาคินรดาที่นั่งเล่นอยู่บนโซฟา
“อยากกินอะไรเพิ่มไหมครับ”
“อยากกินนมคะ หนูยังไม่ได้กินนมเลย”
“งั้นเดี๋ยวพี่เอานมไปใส่แก้วให้นะครับ”
ผมรับกล่องนมของเมื่อวานจากคินรดามา ตรวจดูวันหมดอายุและเทลงในแก้ว ก่อนจะส่งมันให้กับคินรดา
“..สีครามกับรินดานี่เป็นอะไรกันเหรอครับ”
“แม่เรียกพี่สีครามว่าน้องคะ..”
“อ้อ...แล้วนี่กินนมเลอะหมดแล้วนะครับ เดี๋ยวพี่ไปหาผ้ามาเช็ดให้นะ”
เพียงแค่ไม่กี่ก้าวที่ผมเดินจากไป เสียงเหมือนอะไรบางอย่างตกลงพื้น ตามด้วยเสียงของคนล้มลงไป
เพล้ง !
“เฮ้ย !”
“..พ..พี่”
เศษแก้วที่ปะปนกับสีขาวของนมสร้างความตะลึงให้ผมเป็นอย่างมาก.. แค่ชั่ววูบเดียวที่ผมยืนอึ้ง ก่อนจะรีบไปอุ้มคินรดาที่พยายามจะลุกขึ้นหนีจากเศษแก้วที่แตกหักอยู่รอบๆตัวเธอ แต่กลับกลายเป็นว่าผมยิ่งช็อคมากกว่าเดิมเมื่อสังเกตเห็นว่าที่แก้มของเธอมีบาดแผลขนาดใหญ่ฝากไว้ ..
ผมห้ามแขนตัวเองที่กำลังอุ้มเธอด้วยความสั่นเทาไม่ได้เลย.. ยิ่งเห็นหยดเลือดสีแดงเข้มที่ไหลตามพื้นทางแล้ว .. .ใจผมก็แทบจะหยุดเต้น
“พี่โรม..”
“..ค.ครับ.. ไม่เป็นไรนะ..”
“..หนูเจ็บ..”
ผมรีบพาเธอไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด .. ระหว่างทางมันมีแต่ความรู้สึกชาไปหมด ยิ่งเห็นเธอพูดว่าเจ็บตลอดทาง ..ผมแทบอยากจะเอาเศษแก้วพวกนั้นมากรีดแขนตัวเองซะ ถ้าเกิดมันจะช่วยให้เธอรู้สึกเจ็บปวดน้อยลง
“..ผมขอโทรศัพท์หน่อยได้ไหมครับ” ผมพูดกับนางพยาบาลนางหนึ่ง แม้จิตใจจะพะวงอยู่กับเด็กน้อยที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน แต่ผมก็ต้องคุมสติตัวเองให้อยู่ ถ้าหากผมสติแตกไป ผมกลัวว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอแล้วผมไม่ได้อยู่ด้วย .... ..ผมคงเสียใจไปตลอดชีวิต
“ได้คะ เชิญทางด้านนี้เลยคะ” ผมกดตัวเลขลงไปด้วยความสบสน ภาวนาขอให้หมายเลขนี้ยังเป็นเบอร์ของคีย์อยู่
“สวัสดีครับ”
“คีย์ ! ”
“โรมเหรอ .. เกิดอะไรขึ้นวะ แล้วมึงอยู่ไหน ?”
“อยู่โรงพยาบาล.. .”
“ทำไม ! เกิดอะไรขึ้น ?!”
“..คินรดา.. พี่..ช่วยรีบมาหน่อยได้ไหม..”
“เดี๋ยวกูไป !”
เขาตัดสายโทรศัพท์ไปแล้ว ..แต่ผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ส่งโทรศัพท์คืนพยาบาลไป และกลับไปนั่งหน้าห้องฉุกเฉินด้วยจิตใจที่ปั่นป่วนยิ่งกว่าเดิม .. จะเรียกว่ากลัวจนไม่กล้าขยับไปไหนเลยก็ได้
“เกิดอะไรขึ้นวะ !!”
“..เธอล้ม และทำแก้วแตก.. ” พอพูดถึงตอนนี้ ความรู้สึกแย่ๆมันถาโถมเข้ามาจนผมต้องก้มหน้าลง
“แล้วอะไรอีก !”
“แก้ว..มันบาด.. .ตัวเธอ”
“แล้วทำไมมึงไม่ระวังวะ !?”
“....”
“กูให้มึงมาเลี้ยงลูกกูนะ ไม่ได้ให้มาทิ้งๆขว้างๆ !”
“...”
“..แม่ง !”
“พี่ใจเย็นๆนะครับ โรมเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้นะ”
ผมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง และพบว่าเป็นเสียงของสีคราม ด้านหลังของเขามีรินดายืนหลบอยู่.. .และขอบตาแดงๆนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก.. ไม่รู้หรอกนะว่าคนเป็นแม่จะรู้สึกยังไง แต่ผมคิดว่ามันต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ.. เพราะผมที่เป็นแค่คนนอกยังไม่อยากเจอภาพแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
“คุณโรมออกไปก่อนไหมครับ...” ผมมองหน้าสีครามตรงๆ
“ให้มันอยู่นี้แหละ”
“พี่พูดว่าอะไรนะ ?”
“...”
“พี่เรียกผมว่ามันเหรอ ? ”
ทำไมไม่รู้..แต่ผมรู้สึกเจ็บจัง ทั้งที่คิดว่ามันจะชินชาไปแล้วซะอีก รู้สึกราวกับผมโดนตัดออกจากโลกรอบตัวโดยสมบูรณ์..
คุณหมอในชุดกาวน์สีขาวสะอาดตาเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ก่อนจะรายงานผลของคินรดา รินดารีบถลาเข้าไปฟัง ต่างกับผมที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ
“เด็กไม่ได้ลื่นล้มนะครับ แต่มีอาการแพ้น้ำนมอย่างรุนแรงจนทำให้ช็อค โชคดีนะครับที่พามาโรงพยาบาลทัน ..ช่วยระวังเรื่องนี้ให้มากเป็นพิเศษด้วยนะครับ เพราะครั้งต่อไปเธออาจไม่โชคดีแบบนี้อีก..”
“ข..ขอบคุณนะคะหมอ..ฮึก..ขอบคุณมากจริงๆ..ฮือ”
ผมจ้องมองรินดาที่ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร .. ถึงผมจะสงสารเธอมากแค่ไหน..แต่มันมีบางอย่างที่คาใจของผมอยู่...
“..เธอแพ้นมงั้นเหรอครับ..” ผมถามออกไป รินดาพยักหน้ารับ ก่อนจะปิดหน้าปิดตาร้องไห้เหมือนเดิม..
“แล้ว..คุณไม่ได้เป็นคนใส่นมนั่นมาให้เธอเองเหรอครับ”
สาบานได้ว่าเมื่อกี้ผมเห็นรินดาชะงักไปจริงๆ เธอไม่ได้ตอบอะไรผม แต่ปล่อยโฮหนักกว่าเดิม ..
“พูดบ้าอะไรของคุณ รินดาเธอเป็นแม่คินรดานะ ..แม่ที่ไหนจะทำแบบนั้น ทำไมคุณต้องป้ายความผิดให้คนอื่นด้วย”
ความมึนงงจู่โจมผมทันทีที่สีครามพูดแบบนั้น .. นี่เขาพูดบ้าอะไรกันอยู่เนี้ย
“ผมไม่ได้ทำ ก็คินรดาบอกผมเองว่ารินดาเธอเป็นคนใส่นมมาให้...ผมก็แค่..”
“หุบปากสักทีเหอะ !”
ผมหันไปมองหน้าคีย์ ความโกรธของผมมันเริ่มพุ่งขึ้นมา เมื่อจู่ๆเขาก็กลายเป็นคนไม่ฟังอะไรขึ้นมา
“พี่พูดบ้าอะไรออกมา รู้ตัวบ้างไหม !? ผมก็แค่ถาม ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่ารินดาจะเป็นคนทำ”
“เงียบได้ไหม ?”
“พี่นั่นแหละ เงียบและหัดฟังคนอื่นพูดซะบ้าง !”
เพี๊ยะ !!
------------------------------------
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ