พิมพ์หน้านี้ - Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 16-12-2014 20:28:32

หัวข้อ: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 16-12-2014 20:28:32
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






 
                                                                   Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน

                                                                   Chapter 1 : I let it fall, my heart


                   ผมคิดว่าความบังเอิญบนโลกนี้มีอยู่หลายแบบ ทั้งตั้งใจให้บังเอิญ หรือจะเป็นการบังเอิญแบบแปลกๆ ผมคิดว่าความรักมันก็คงเป็นเรื่องบังเอิญอย่างนึงเหมือนกัน และเรื่องบังเอิญทุกเรื่อง มันก็มีจุดจบของมันเอง..


         ตอนนี้จะเรียกว่าผมถังแตก ก็ไม่เชิงนัก เพราะเมื่อประมาณ 5 เดือนที่แล้ว พ่อแม่ผมเสียพร้อมกันทั้งคู่แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่มีเวลามาพร่ำเพ้อหรือเสียใจอะไร เพราะนอกจากจะยุ่งเรื่องจัดงานแล้ว ผมยังยุ่งเรื่องของการแบ่งสมบัติ ความจริงผมเป็นลูกคนเดียว แต่ญาติๆของพ่อเค้าไม่อยากให้ผมได้ในทรัพย์สมบัติของพ่อผม ..

         ฟังดูแล้วมันก็น่าตลกดีนะ ทั้งๆที่ผมมีสิทธิ์อย่างถูกต้องทุกอย่าง แต่แค่พ่อแม่ผมไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน กลับกลายเป็นว่าผมโดนฟ้องร้องกลับมาซะจนแทบไม่เหลืออะไรเลยด้วยซ้ำ

         ผมโดนพูดกรอกหูบ่อยๆตอนเด็กว่า แม่ผมหนีตามพ่อมา ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อหรอกนะ แต่ผมไม่อยากเก็บมาคิดให้มันปวดหัวมากกว่า ก็คนเค้ารักกัน เราจะห้ามอะไรได้

        ผมกำลังเดินมายังบริษัทที่ผมต้องสอบสัมภาษณ์เพื่อรับงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขา
        “เฮ้อ..” ผมเลิกคิดฟุ้งซ่านและถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ถ้าผมเริ่มทำงานตั้งแต่จบใหม่ๆ ตอนนี้ผมก็คงมีบ้านเป็นหลักเป็นแหล่งแล้วมั้ง และถ้าผมรู้ก่อนว่าญาติของพ่อเป็นพวกหิวสมบัติมากขนาดนี้ ผมก็คงรีบออกจากบ้านหลังนั้นตั้งนานแล้วละมั้ง ผมได้แค่คิดเท่านั้นแหละ อดีตใครจะกลับไปแก้ไขได้..

         “น้องที่มาสัมภาษณ์งานใช่มั้ยคะ ?” ผมพยักหน้าพร้อมทั้งส่งยิ้มไปให้เมื่อพี่ประชาสัมพันธ์ถาม
         “อืม...วันนี้คุณเลขาลาหยุด 1 วัน เดี๋ยวน้องขึ้นไปชั้น 25 แล้วรายงานตัวกับท่านประธานโดยตรงเลยนะคะ” ผมบอกขอบคุณพี่เขาไป ก่อนที่จะเดินขึ้นลิฟต์ไปชั้น 25

        ผมค่อนข้างตื่นเต้นอยู่มากเลยทีเดียว เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ทำงาน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำได้รึเปล่า แต่ก็นะ..ถ้าไม่ลองทำ ใครจะรู้ อีกอย่าง..ใครจะคิดละ ว่าจู่ๆผมก็ต้องมาสอบสัมภาษณ์กับประธานบริษัทเลยด้วยซ้ำ
ทันทีที่ลิฟต์เปิดผมก็ต้องพบกับผู้ชายท่าทางน่ารัก อายุน่าจะเกือบเท่ากับผม เดินร้องห่มร้องไห้มา ถึงจะเป็นห่วงแต่ผมก็ไม่กล้าถามหรอกครับ ผมได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเอง คือการเดินมาหยุดที่หน้าห้องที่มีป้ายสีดำติดอยู่หน้าห้องว่า ‘Manager’ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดครั้งสุดท้ายเพื่อเรียกขวัญตัวเอง ก่อนที่จะผลักประตูที่เป็นกระจกเงาสีหม่นเข้าไป
 
        “ที่บ้านไม่สอนเหรอครับว่าให้เคาะประตูก่อนเข้าห้องคนอื่น..” ผมนิ่งอึ้งไป เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่สีดำ
        “...” มีเพียงความเงียบที่น่าอึดอัดรอบๆตัว
ผมกำลังคิด..ว่าบางทีโลกนี้ก็กลมเกินไป
         “กรุณาแนะนำตัวด้วยครับ”
สายตาอันเย็นตาตวัดตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ตามด้วยสายตาที่คล้ายๆจะสมเพชผมอยู่กลายๆ จนผมรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก
         “ที่นี่ไม่รับคนใบ้ทำงานหรอกนะครับ เชิญออกไปด้วยครับ มันเสียเวลาผม” ผมอึ้ง ตกใจกับคำพูดที่ไม่น่าจะออกมาจากปากคนที่ผมเคยรู้จักได้
          “..ผมชื่อ ตุลท์ กุลชาต ครับ อายุ 25 ปี จบมาจากมหาลัย..”
         “เชิญออกไปได้แล้วครับ ”
หน้าผมชาจนแทบไร้ความรู้สึกเมื่ออีกฝ่ายจ้องหน้าผมตรงๆด้วยสายตาดูถูก  จนผมอดคิดไม่ได้ว่า นี่เป็นคนที่ผมเคยรักจริงๆเหรอ ?
          “..ตกลงผมไม่ผ่านใช่มั้ยครับ ?”
          “...” เมื่อไร้คำตอบจากอีกฝ่าย ผมก็เลยหันหลังกลับ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดทิ้งท้ายกับอีกฝ่าย
          “ต่อไปคุณก็ช่วยแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันด้วยนะครับ..ผมคิดว่าบริษัทขนาดใหญ่แบบนี้น่าจะพัฒนาได้ดีกว่าเดิม” ผมเดินไปโดยแทบไม่คิดจะหันหลังกลับมาที่นี่ด้วยซ้ำ

          ผมรู้ว่าผมไม่ควรจะพูดแบบนั้น เพราะมันมาทำให้ผมคิดไม่ตกว่า ควรจะทำยังไงกับชีวิตต่อไปดี ก้มลงมองเงินในกระเป๋าตังค์ตัวเองก็เห็นแค่ใบห้าร้อยใบเดียว ผมไม่ได้ดูถูกค่าของเงินหรอกนะ แต่ผมกำลังดูถูกตัวเองอยู่มากกว่า ผมไม่มีปัญญาอยู่ไปถึงสิ้นเดือนหรอก แถมนี้มันยังต้นเดือนอยู่อีกด้วย ผมมองโทรศัพท์ไอโฟนสีดำในมือด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง

          “เฮ้อ..” ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ของวันนี้แล้วที่ผมเอาแต่ถอนหายใจ
ผมกลับมาที่หอพักของตัวเองอีกครั้ง ทิ้งตัวลงเตียงเก่าๆของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า หลับตาได้ไม่ถึงนาทีก็มีเสียงโหวงเหวกโวยวายดังขึ้นที่หน้าห้อง

          “ปัง ปัง ปัง  !! ไอ้โรม มึงออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ !”
ผมเดินเอื่อยๆออกไปเปิดประตู ทันทีที่บานประตูเก่าๆเปิดออก น้ำขุ่นๆสีคล้ำก็สาดเข้ามาเต็มหน้าผม นอกจากกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของมันแล้ว ก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งวัยกลางคนที่ด่าทอผมอย่างรุนแรง

          “ถ้ามึงไม่มีปัญญาจ่ายค่าห้อง มึงก็ออกไปเลยนะค้างกูมาจะสามเดือน พอกูไม่ทวงเข้าหน่อย ก็หุบปากเงียบ ! หน้าก็ดูเหมือนคนมีกิน แต่สันดานยิ่งกว่าขอทาน !! มึงรีบย้ายของมึงออกจากห้องกูไปเลยนะ !” คุณอาจจะไม่เชื่อก็ได้ ว่าคำพูดแสลงหูพวกนี้ออกมาจากปากของผู้หญิง

           ผมนึกสมเพชตัวเองไม่น้อยที่มายืนให้คนที่ผมไม่เคยคิดสักนิดว่ารู้จักด่า ผมมองห้องที่ติดกับตัวเองก็เห็นว่ามีใครหลายคนเริ่มสนใจ บางคนก็ซุบซฺบนินทา.. เหอะ..ก็แค่สังคมขยะๆ

          “มึงรีบไสหัวมึงออกไปจากหอกูเลยนะ ถ้าพรุ่งนี้กูยังเห็นมึงอยู่ที่นี่นะ มึงเจอดีแน่ !” พูดจบหญิงสาววัยกลางคนก็เดินจากไป ผมปิดประตูให้เรียบสนิท ทิ้งตัวลงนั่งพิงประตู เมื่อประมาณ 6 เดือนก่อนผมยังเลือกอยู่เลยว่าจะไปเที่ยวไหนดี กินอะไรดี หรือจะเรียนต่อป.โทที่ไหนดี

          “หึ..” ผมยิ้มให้กับชีวิตแสนบัดซบของตัวเอง บางที..มันอาจจะเป็นกรรมของผมก็ได้ที่ไปทิ้งคนอื่นเค้า
ผมค่อยๆปิดเปลือกตา ย้อนนึกไปถึงวันเวลาตอนที่ผมยังไม่ทิ้งเค้าไป บางทีนะ การที่ผมทิ้งคนอื่นไปง่ายๆแบบนั้น มันอาจทำให้ผมโดนทิ้งอยู่แบบนี้ก็ได้
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 16-12-2014 20:35:47
น่าติดตามๆ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-12-2014 20:52:24
ชีวิตโรมช่างตกต่ำและโหดร้ายอะไรอย่างงี้...
ท่านประธานที่เป็นคนสัมภาษณ์เคยมีอดีตอะไรกันสินะ อยากรู้จัง
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 17-12-2014 01:36:09
ท่านประธานนี่แฟนเก่าใช่ไหม?  น่าสนใจ

ครางเคราะห์ปกติไม่มาแบบซิงเกิ้ลแพ็คหรอก มักจะมาแบบยกโหลเลยทีเดียว หวังว่าโรมคงจะผ่านไปได้นะ

ป้าเอาใจช่วย

เดี๋ยวรออ่านตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 17-12-2014 14:58:49
ตามเม้นท์บนว่าเลย เคราะห์กรรมมันมักมากันยกโหล ราวกับนัดกันมา สู้เขาโรม ไม่มีใคร ไม่เคยผิดพลาดหรอก
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 17-12-2014 19:16:30
          พี่คีย์แก่กว่าผม 4 ปี และมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าผมเยอะมาก เราเจอกันตอนที่ผมต้องไปออกงานกับพ่อ พี่เขาดูอบอุ่น แต่สิ่งที่สะดุดตาผมมากที่สุดคงเป็นรอยยิ้มที่สว่างไสวนั่น
                                                                         
                                                                                ‘ ไม่ชอบ ’

          ผมรู้สึกไม่ชอบรอยยิ้มแบบนั้น มันดูไม่จริงใจสักนิด.. มันเหมือนรอยยิ้มของธุรกิจ ไม่จริงใจสักนิด ดูเหมือนผมจะมองเขานานเกินไป จนเขาหันมามอง ผมถึงได้แกล้งทำเป็นมองอย่างอื่นอยู่ เขาหัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินมาหาพ่อผม

          “สวัสดีครับ คุณกิตติ เป็นยังไงบ้างเหรอครับ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยเห็นคุณออกงานบ่อยเหมือนเมื่อก่อนเลยนะครับ”
ผมเบื่อที่จะฟังประโยคสนทนาน่าเบื่อพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมา จึงได้ออกมารอพ่อด้านนอก ผมไม่น่ามางานนี้เลยให้ตายเหอะ เพราะความเบื่อบวกกับอีกนานกว่าที่พ่อจะออกมา ผมถึงได้ยกบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบฆ่าเวลา แต่จู่ๆก็มีมือของใครบางคนมาดึงบุหรี่ที่ผมกำลังสูบอยู่ออกจากปาก พร้อมทั้งเอาไปสูบเองหน้าตาเฉย

          “คุณครับ !?” ผมหันไปมองอีกฝ่ายตรงๆ ก่อนจะเงียบไปเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่คุยกับพ่อผมก่อนหน้านี้  อีกฝ่ายฉีกยิ้มให้ผมเหมือนกับที่ยิ้มให้กับใครหลายๆคนก่อนหน้านี้ จนผมต้องเบือนหน้าหนี

          “ชื่ออะไรเหรอครับ”

         “...”

          “พี่ชื่อ คีย์ นะครับ”

          “...”

          “อายุเท่าไหร่เหรอครับ น่าจะเด็กกว่าพี่นะ”

          ผมขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดกับความจู้จี้ของอีกฝ่าย ใครถามและใครอยากรู้ ? ผมอยากจะตอกหน้าเขากลับไป แต่ก็กลัวจะส่งผลกระทบต่อพ่อผม

          ได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะสูดบุหรี่เข้าปอด ผมยกบุหรี่ม้วนใหม่ขึ้นมาจะจุด แต่อีกฝ่ายกับแย่งไปอีกครั้ง
ชื่ออะไรนะ ? คีย์ ?

          “ขอโทษนะครับ มีปัญหาอะไรกับผมเหรอ ?” ผมจ้องเขาอย่างไม่วางตา จากความรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆเริ่มกลายเป็นความโกรธแทนที่

          “ถ้าจะพูดตรงๆเลย..พี่สนใจนายนะ”  ผมยืนอึ้ง หาความล้อเล่นบนใบหน้าของอีกฝ่าย ก็พบแค่สายตาจริงจัง จนทำให้ผมหลุบตาต่ำมองเท้าตัวเองแทน

          รู้สึกแปลกๆ...เหมือนหน้าตัวเองกำลังไหม้ แล้วอาการใจเต้นแบบนี้ละ ? ทำไมผมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย? ยิ่งคิดยิ่งสับสน  ผมเริ่มไม่เข้าใจอารมณ์ของตัวเอง และไม่ชอบเลยอะไรที่มันทำให้ผมสับสนแบบนี้

         พอผมจะเดินหนีออกไป เขาก็คว้าแขนเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสลดลงจนผมรู้สึกผิด

          “นายไม่ต้องคิดมากหรอก แค่คิดว่าพี่เป็นพี่ชายคนนึงก็พอ”

          ตั้งแต่วันนั้นผมกับพี่คีย์ก็สนิทกันมากขึ้น เรียกได้ว่าพี่เขาตีสนิทกับผมได้อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นว่าเราสองคนตกลงคบกันโดยที่ไม่มีใครรู้ เราก็เหมือนคู่รักทั่วไปที่ทะเลาะกันบ้าง ซื้อของให้กัน เพียงแต่ผมเป็นคนปากหนัก เราทะเลาะกันเรื่องนี้บ่อยมากๆ จนผมเริ่มรู้สึกว่าบางทีมันก็ถึงทางตันของพวกเราแล้ว

          ผมยังจำคืนนั้นที่ฝนตกหนักคืนนั้นได้ดี พวกเราทะเลาะกันหนักทางโทรศัพท์ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง และผมไม่ชอบเอาซะเลยที่มันทำให้ผมไม่สบายใจ ผมโทรหาเขาอีกครั้ง แต่สายก็โดนตัดไป ผมเลิกเซ้าซี้ที่จะโทรต่อ และขับรถไปยังคอนโดของพี่คีย์ทันที เพราะผมรู้สึกบางอย่าง.. ความจริงผมรู้สึกมาสักพักแล้ว ว่าบางอย่างมันแปลกๆ แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ของเราเอาไว้ ไม่ใช่ว่าผมเจ็บไม่เป็น แต่ผมควบคุมความรู้สึกตัวเองได้มากพอที่จะไม่ทำอะไรงี่เง่า

     ทันทีที่ผมถึงคอนโดของอีกฝ่าย ผมก็โทรไปหาอีกครั้งและครั้งนี้นอกจากเขาจะตัดสายผมแล้ว เขายังปิดเครื่องใส่ผมอีกด้วย..

          ผมนึกสงสัยว่าทำไมหลายๆคนถึงบอกว่าผมไม่มีหัวใจ เพราะถ้าผมไม่มีหัวใจ ผมคงไม่นั่งร้องไห้อยู่ในรถเป็นชั่วโมง ผมตัดสินใจที่จะคุยกับอีกฝ่ายให้รู้เรื่อง และผมคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดที่สุดในชีวิตที่ผมเคยทำมา ..

                                                                                  หึ....


         ความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชายเนี้ยนะ ? ผมคิดบ้าอะไรอยู่ถึงคิดว่าความรักโง่ๆแบบนั้นมันมีอยู่จริง ภาพตรงหน้าผม มันยากที่จะบรรยายนะ ผู้หญิงกับผู้ชายที่นัวเนียกันอย่างเมามันบนเตียงนี่... ถึงแม้ว่าเขาจะหันหลังอยู่ แต่ลอยสักบนแผ่นหลังกว้างนั่นก็ยืนยันกับผมได้โดยไม่ต้องหาหลักฐานด้วยซ้ำ ว่าผู้ชายบนเตียงเป็นใคร

          แวบนึงสาบานได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นเธอเห็นผมแล้ว เธอส่งยิ้มบางๆที่น่ารังเกียจมาให้ผม ผมได้แต่ส่งยิ้มกลับไป มือสองข้างเผลอกำแน่น..อ่า..ให้ตาย ทำไมผมต้องเจ็บปวดด้วยนะ ผมไม่ชอบเลยจริงๆ..เหอะ




         “ น่าสมเพช ”

 
         

          ผมลืมตาขึ้น อาบน้ำและลงมือเก็บเสื้อผ้าและของอีกเล็กน้อยเก็บลงใส่กระเป๋าเดินทาง ถึงจะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ผมจะไปนอนที่ไหน แต่ผมก็หน้าด้านไม่พอที่จะอยู่ต่อให้คนอื่นเขาเอาน้ำถูพื้นมาสาดใส่อีกรอบ

                                                                       ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

          ผมมองเบอร์โทรแปลกๆ ก่อนจะเลื่อนมือไปกดรับ

         “สวัสดีครับ”

          “สวัสดีคะ ไม่ทราบว่าคุณตุลท์ กุลชาต อยู่ในสายไหมคะ ?”

          “ครับ..”

          “บริษัท K&R รับคุณเข้าทำงานแล้วนะคะ ไม่ทราบว่าสะดวกเริ่มงานในวันพรุ่งนี้เลยไหมคะ ?”

          “ครับ ?เอ่อ..ขอโทษนะครับ ผมผ่านสัมภาษณ์เหรอครับ ?”

          “คะ สามารถเริ่มงานได้ตามที่คุณตุลท์สะดวกเลยนะคะ ”

          “เริ่มพรุ่งนี้เลยก็ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับ”


         นาฬิกาบนผนังบอกเวลาเกือบตี 3 แต่ผมก็ยังนอนพลิกตัวอยู่บนเตียงแข็งๆของตัวเอง คิดยังไงผมก็หาเหตุผลไม่ได้ว่าเหตุผลอะไรที่เขารับผมเข้าทำงาน

                                                            สมเพช ?

                                                            สงสาร ?

                                                            ทุเรศ ?

                                                              .....



          ผมพลิกตัวไปมาอย่างทรมาน แสงสีทองเริ่มส่องทะลุผ้าม่านเข้ามา จนภายในห้องเริ่มร้อนอบอ้าว ผมสะดุ้งตื่นจนแทบตกเตียง เมื่อมองไปยังนาฬิกาบนฝาผนังที่บอกเวลาเกือบเที่ยงวัน

         “ฉิบ..” ผมสบถแทบไม่ซ้ำคำ รีบอาบน้ำแต่งตัว แต่เดินออกมาได้ไม่ทันไร ก็รู้สึกเปียกชุ่มไปทั้งตัวอีกรอบ..

         “มึงยังไม่ไปอีกเหรอ !! กูบอกให้มึงออกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วใช่มั้ยห๊ะ !!? หน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่าถนนคอนกรีตอย่างมึง ต่อไปคงต้องใช้น้ำร้อนๆสาดแล้วมั้ง ถึงจะรู้สึก !!”

         ความอดทนของทุกคนมีจำกัด ผมด้วย.. คุณคงไม่กล้าคิดแน่ ว่าถ้าคุณโดนด่าทอแบบรุนแรงมาทั้งเดือน คุณจะทนได้มากแค่ไหน  ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆอีกครั้ง

          “ผมขอโทษนะครับ ผมจะเอาเงินที่ผมติดป้ามาคืนและย้ายออกตอนเย็นนะครับ ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้ป้าลำบาก”

         ผมเดินกลับเข้าห้องเพื่อมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่อีกรอบ หึ..โดนเค้าไล่เหมือนหมูเหมือนหมานี่..มันน่าตลกที่สุดเลยนะ
กว่าผมจะฝ่ารถติดมาถึงบริษัทได้ ก็เกือบจะบ่ายโมง คิดๆแล้วผมก็น่าจะโดนไล่ออกตั้งแต่วันแรกเลยนะ บริษัทที่ไหนเขาเข้าทำงานบ่ายโมงบ้างนะ ผมหัวเราะกับความคิดของตัวเอง 


          “คุณตุลท์ใช่ไหมคะ ? ท่านประธานบอกว่าถ้าหากมาถึงแล้วให้ไปพบที่ห้องประธานด้วยคะ”

         “ครับ ขอบคุณครับ”

          ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า ที่พนักงานที่นี่มองผมแปลกๆ  มันก็ไม่ผิดหรอกถ้าพวกเขาจะมองผมแปลกๆ เล่นเข้ามาทำงานซะป่านนี้
                                           

                ก๊อก ก๊อก ก๊อก..

        “เชิญครับ” ผมผลักประตูกระจกสีหม่นเข้าไปทันทีที่ได้ยินคนข้างในตอบรับ 

          เขาเงยหน้าจากเอกสารกองโตมาจ้องมองผมด้วยสายตานิ่งเฉย จนผมรู้สึกหายใจไม่ออก จำต้องหลบสายตาก้มลงมองพื้นแทน

         “ผมคิดว่าคุณต้องอธิบายให้ผมฟังว่าทำไมคุณถึงเข้างานเอาตอนนี้มากกว่าจะยืนอยู่นิ่งๆเหมือนคนไร้ความรับผิดชอบนะครับ”

          “.....” ผมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่รู้ว่าทำไมแต่ผมเกลียดสายตาที่จ้องมาราวกับจับผิดแบบนั้นที่สุด

          “เฮ้อ..ถ้าคุณไม่มีอะไรจะพูดก็กลับไปเถอะครับ” พูดจบเขาก็ก้มลงไปเซ็นต์เอกสารต่อ

        “ผมตื่นสายครับ..” ผมเผลอบีบมือตัวเองแน่น เมื่อมือที่กำลังเซ็นต์เอกสารอยู่ชะงักงัน

        “.....ไร้ความรับผิดชอบ....” พูดจบ เขาก็เซ็นต์เอกสารต่อไป ผมยืนนิ่งอึ้งอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งมีผู้ชายร่างเล็กที่เมื่อวานเดินร้องไห้สวนกับผมเข้ามาในห้อง

         ใบหน้าเล็กๆนั่นประดับด้วยรอยยิ้ม..ไม่ชอบ ผมไม่ชอบรอยยิ้มแบบนั้นเลย แต่ผมก็จำต้องยิ้มตอบ

         “สวัสดีครับ คุณคงเป็นผู้ช่วยเลขาที่เพิ่งมาทำงานสินะครับ ผมชื่อ สีคราม นะครับ” พูดจบก็ฉีกยิ้ม บอกทำไม ?  ผมแค่คิดแบบนี้ในใจทุกครั้งที่จู่ๆก็มีคนมาพูดๆใส่หน้า

         “ผมชื่อ โรม ครับ”

         กึก .. เสียงเคาะปากกาดังขึ้น เมื่อผมแนะนำตัวเอง บรรยากาศน่าอึดอัดเกิดขึ้นอีกครั้ง สีครามยิ้มเห่ยๆ ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าของประธาน

        “ไร้ความรับผิดชอบ ทำตัวปัญญาอ่อนแบบนั้น เมื่อไหร่จะได้ทำงานละครับ ?” ผมรู้สึกไม่ชอบใจเลยที่เหมือนเขากำลังหาเรื่องผมมากกว่าที่จะเป็นแค่เจ้านายปกติทั่วไป แถมคำพูดน่ารังเกียจที่เขาพ่นออกมานั่นอีก

        “คีย์ครับ..ใจเย็นๆแล้วก็คุยดีๆกับเขาสีครับ เดี๋ยวเขาตกใจจนลาออกไปจะทำยังไงละครับ” เขาไม่ได้สนใจคำพูดของสีครามสักนิด ซ้ำยังจ้องผมไม่วางตา จนมันน่าอึดอัดเกินไป

        “ขอโทษครับ .. ไม่ทราบว่าผมต้องทำอะไรบ้างเหรอครับ ? ”

        “เลขาของผมลาคลอด 1 เดือนเต็ม ระหว่างนั้น คุณต้องทำหน้าที่เป็นเลขาของผม และกรุณาทำหน้าที่อย่าให้ขาดตกบกพร่องตรงไหนนะครับ” 



-----------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ไม่เคยคิดว่าจะมีคนเข้ามาอ่าน 5555 - //////-
เรารู้สึกขอบคุณทุกคนที่อ่านนิยายของเรามากๆเลยนะคะ บางคนอ่านเเล้วชอบ บางคนไม่ชอบ ไม่ว่ากันเนอะ
เราเพิ่งเริ่มเล่นเล้าเป็ดครั้งเเรก รบกวนทุกคนเเนะนำหรือติเตียนให้ด้วยนะคะ ขอบคุณอีกครั้งคะ -///-
******นิยายเรื่องนี้เราจะอัพอีกครั้งไม่น่าจะเกินอาทิตย์หน้านะคะ เพราะว่าเราอยู่ในช่วงสอบแล้วด้วย (ใครอยู่ในช่วงการสอบมิดเทอมก็สู้ๆนะคะ)
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-12-2014 19:33:10
สู้ๆกับการสอบนะคะ เรารอด้ายยยยยยยย  o13

****

มีคำถามค่าาาาาาาา
- ดราม่ามากไหมคะ?

สีครามเป็นไรกับคีย์ อยากรู้ใจจะขาด
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-12-2014 19:52:58
งื้อออ สนุกกกกกก ตอนนี้ติดแงมๆยังไงไม่รู้ อยากอ่านต่อใจจะขาด
จริงๆแอบมาอ่านเมื่อวานด้วยแหละครับ แต่ค้างสุดๆไปเลย ว่าจะรอดูอีกสักตอน เป็นไงล่ะ อยากกอ่านกว่าเดิมอีก โฮๆ

ไอ้ทั่นประธานนี่ดูท่าทางจะหาดุร้ายน่าดู ทนๆไปก่อน
ไว้เก็บตังได้สักระยะค่อยหางานใหม่ หาแฟนใหม่มาเย้ยด้วยก็ดี หมั่นไส้คุณคีย์ ไอ้พวกนอกใจ ฮึ๊ย :katai1:

อ่านเรปนี้แล้วนึกได้

คีย์อาจจะไม่ได้เป็นพระเอกก็ได้นี่หว่า ประมาณตัวประกอบกลับเข้ามามีบทบาทในชีวิต
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 17-12-2014 21:40:51
ได้อ่านตอนใหม่ก็ยิ่งติดหนึบหนับเข้าไปอีก

เราชอบบุคลิกของโรมนะ ไม่ตีโพยตีพาย ดูมีสติ อาจจะดูเฉื่อยชาไปในบางจุด จะรอดูว่าถ้าเดือดมากๆจะออกมาในรูปใด

ส่วนอิท่านประธาน ณ ตอนนี้ยังหาข้อดีไม่เจอเลย :ruready
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 17-12-2014 21:48:40
พล็อตเรื่องน่าสนใจดี
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 17-12-2014 22:39:03
น่าสนุก :t2:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 18-12-2014 16:57:29
สนุกมาก มาต่อด่วนๆน้า o13
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 18-12-2014 17:21:38
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ท่าจะมาม่าชามโต ต้องเตรียมผ้าเช็ดหน้า  :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน :
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 18-12-2014 20:29:35
Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 2 : And as it fell, you rose to claim it


          โต๊ะทำงานของผมตั้งอยู่ทางด้านขวาของห้องประธาน ส่วนโซนด้านซ้ายจะเป็นชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ มีโต๊ะรับแขกเล็กๆตั้งอยู่ และพื้นที่ตรงกลางห้องเป็นที่ทำงานของประธาน

          ผมหัวหมุนทั้งวันเมื่อมีเอกสารเกี่ยวกับการซื้อขายเพชรมากมายถูกส่งมากองอยู่ที่โต๊ะ แค่เลขาของคีย์ไม่มาทำงานแค่วันเดียว แต่งานที่ต้องเคลียร์มันยิ่งกว่าหยุดไปแล้วสักสามเดือน รวมถึงเอกสารต่างประเทศที่ผมต้องแปลให้หมดภายในวันนี้ เพราะต้องส่งให้ประธานประชุมต่อในวันพรุ่งนี้อีก เอกสารยิบย่อยมากมายมันทำให้ผมอยากจะเอาไฟมาจุดเผากระดาษพวกนี้ทิ้งไปให้หมด

         ส่วนคีย์นะเหรอ..? เขาออกไปกับสีครามตั้งแต่ตอนบ่าย และสั่งไว้แค่ให้ผมทำงานทุกอย่างที่เลขาทั่วไปเขาทำกัน รวมถึงรอเขากลับมา ไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่กว่าผมจะทำทุกอย่างที่ต้องส่งพรุ่งนี้เสร็จก็ปาเข้าไปเกือบ 3 ทุ่ม ความเหนื่อยล้าเกาะกุมทุกส่วนของร่างกาย ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เริ่มเก็บของต่างๆที่ต้องเอากลับไปทำที่บ้าน ผมสะดุดใจเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องบ้าน...  ผมยังไม่ได้ย้ายของออกมาจากหอ และผิดคำพูดกับป้าเจ้าของหออีก

ผมคงเป็นคนน่าสมเพชจริงๆ
[/b]

         ผมยกไอโฟนขึ้นมากดเปิดเครื่อง แต่ก็ไร้วี่แววที่มันจะกลับมาใช้งานได้ ผมถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เก็บมันกลับเข้ากระเป๋าตามเดิม และเดินดูรอบๆห้องขนาดใหญ่ ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิมของตัวเอง

ผมคิดเรื่องต่างๆที่วิ่งอยู่ในหัว มันน่าตลกนะ ผมทำตัวน่าสงสารเกินไปรึเปล่าที่มาสมัครงานที่บริษัทใหญ่ขนาดนี้ โดยไม่รู้ว่าเขาเป็นประธานบริษัท และยังมายืนให้เขาด่าได้ไม่เว้นแต่ละวัน ญาติตัวเองแท้ๆยังพึ่งอะไรไม่ได้ ซ้ำยังโดนเขาไล่ออกมาอีก แถมด้วยการโดนฟ้องจนเงินประกันของพ่อแม่หมดจนแทบไม่เหลืออะไร

        ผมก้มลงมองแหวนสีขาวสะอาดที่ผมสวมไว้ ค่อยๆถอดมันออก พลางคิดถึงราคาของมัน  นั่งอยู่ไม่นาน คีย์ก็เดินเข้ามา ใบหน้าเขาเรียบตึงราวกับไม่พอใจอะไรสักอย่าง จนผมคิดว่าถ้าพูดอะไรไม่เข้าหูเขาตอนนี้ ผมอาจจะโดนต่อยก็ได้ 

       “ผมทำงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้เสร็จหมดแล้ว งั้นผมขอกลับ..”

       “จะรีบไปไหนงั้นเหรอ ? ” ผมเริ่มขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

       “คือผม..”

       “ทำไมเหรอ ? ทิ้งผมไว้แบบนั้น แล้วจะหนีไปง่ายๆอีกงั้นเหรอ ?”

ผมเริ่มหายใจติดขัด ไม่ชอบ..เกลียดความรู้สึกแบบนี้

         “ผมคิดว่าคุณคงคุยไม่รู้เรื่องแล้วละครับ”

        “เหอะ ! ใครกันแน่ที่คุยไม่รู้เรื่อง !! ”

        “..”

        “ พวกชอบหนีปัญหา ”

ผมเกลียดคนๆนี้ที่สุดเลยละ เกลียดจนไม่รู้ว่าผมเคยรักเขาลงได้ยังไง

          “ครับ ผมมันพวกชอบหนีปัญหา และผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ ”

          “มึงมันเหี้ยที่สุดที่กูเคยเจอมาเลย !”

          ลมหายใจผมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ...ความรู้สึกกลัวมันมีอยู่เต็มอก .. กลัวจนไม่กล้าพูดอะไร ไม่กล้าขยับไปไหน ไม่เข้าใจว่าผมทำอะไรที่เขาต้องโกรธแค้นผมมากถึงขนาดนี้ แค่นี้ชีวิตผมยังบัดซบไม่พอรึไง

          “อยากกลับมากใช่มั้ย ? ”

          “..”

          “เหอะ..”

          “...”

         “เงียบให้ได้ตลอดละกัน”

          พูดจบเขาก็กระชากแขนผม เดินออกไปทันที ผมรู้สึกรังเกียจการกระทำของเขา จนต้องสะบัดแขนออก

         “มันเลยเวลางานแล้วครับ ผมต้องกลับบ้านแล้วครับ..”

          รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดูถูกผุดขึ้นมาบนใบหน้าแสนเย็นชานั่น มันไม่ใช่รอยยิ้มที่ผมไม่ชอบ..

แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ผมเกลียด
[/b]

          “มีบ้านด้วยเหรอ ? หรือจะเป็นหอพักสกปรกๆนั่นละ ?”

          “!!!!!!!!”

          “มีปัญญาเช่าหอได้ขนาดนั้น ก็สมกับเป็นมึงแล้วนิ”

          ผมกำมือทั้งสองข้างแน่น..ผู้ชายตรงหน้าผม ยังเป็นคนอยู่รึเปล่า ? เขาน่าจะตายๆไปซะ

          “ไปตายที่ไหนก็ไปเถอะครับ..”

         ผมก้าวเท้าออกไปทันที แต่ก็ช้ากว่าอีกฝ่ายที่กระชากแขนผมอีกรอบ และคราวนี้ดูเหมือนเขาจะจงใจบีบแรงขึ้นจนผมต้องเบ้หน้า

        “ปล่อย ! ”

          คีย์ไม่ฟังที่ผมพูดสักนิด เขาฉุดลากผมมาจนถึงรถสีดำคันหรูที่จอดอยู่หน้าบริษัท ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่า รถคันนี้ของใคร..
 
          หลังจากที่ขึ้นมาบนรถ กลิ่นน้ำหอมแสบจมูกบนรถคันนี้ มันตีกันจนผมปวดหัวไปหมด มันก็คงเป็นกลิ่นของผู้หญิงของเขาสักคนนั่นแหละ

เหอะ .. คนอย่างเขาจะรู้จักความรักได้ยังไง ถ้ายังทำตัวไม่รู้จักพออยู่อย่างนี้

         รถเคลื่อนตัวไปตามความเงียบของพวกเรา ราวกับจะทดสอบความอดทนของแต่ละคน จนเป็นผมที่ทนไม่ไหวกับความงี่เง่าของอีกฝ่ายก่อน

          “ผมไม่คิดเลยนะ ว่าแค่ความรักโง่ๆจะทำให้คุณเปลี่ยนไป”

         ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอของเขา เขาคงคิดว่ามันคงจะตลกมากเลยสินะ ตัวรถวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ผมว่าบางทีถ้ารถมันคว่ำซะตอนนี้ ก็คงไม่แปลก

         ผมเดินตามเขาเงียบๆมาจนถึงห้อง โวยวายหรือห้ามไปมันก็เท่านั้น เขาคงไม่ฟังอะไรแล้วในตอนนี้

         เขาโยนกุญแจรถลงบนโต๊ะรับแขก ก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟาสีเทา จ้องหน้าผมราวกับหาคำตอบจากบางสิ่ง

          “ทำไมจู่ๆมึงก็ไปเรียนต่อโดยไม่บอกกู”

           ผมแทบหลุดขำกับคำพูดที่ไร้ความคิดแบบนั้น และดูเหมือนปฏิกิริยาของผมมันจะทำให้เขาชักสีหน้าไปพอใจ.. ไม่พอใจงั้นเหรอ ? ผมต่างหากมั้ง ที่ควรจะไม่พอใจ เขาจะไปรู้สึกอะไรละ นอกจากทำตามใจตัวเองไปวันๆ

           “ปากมีไว้ตอบก็ตอบ  ”
       
          “ทำไมผมต้องบอกคุณด้วยละครับ ? เราจบกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ ??”

เพียะ !

         กลิ่นคาวเลือดอบอวลอยู่ในปากของผม ผมรู้สึกหน้าชา... เขาไม่เคยตบผม และไม่มีใครเคยตบผม   อ่า..ผมเกลียดความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ตอนนี้ ไม่ชอบความรู้สึกไม่พอใจจนเกือบจะหมดความอดทนแบบนี้เลย

        “หัดมีสติซะบ้างนะ ทำอะไรก็หัดคิดถึงกูบ้าง”  น้ำเสียงที่อ่อนลงทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด

       เขาก็เป็นซะอย่างนี้ ชอบตบหัวแล้วลูบหลัง..ไอ้คนเลี้ยงไม่เชื่อง

        “...ผู้หญิงที่อยู่กับพี่คืนนั้น กล้าพูดมั้ยละ ว่าเธอไม่ได้ตื่นมาบนเตียงเดียวกับพี่..”

       ขอบตาของผมเริ่มร้อนขึ้น ทั้งๆที่ไม่อยากรื้อฟื้นแล้วแท้ๆ ผมไม่น่ามาเจอเขาอีกครั้งเลยจริงๆ

        “เรื่องแค่นี้เนี้ยนะ ? เรื่องปัญญาอ่อน”

        “ใช่ มันปัญญาอ่อน แล้วเรื่องที่พี่ชวนผมทะเลาะคืนนั้นก็ปัญญาอ่อนพอๆกัน ในเมื่อเราจบกันแล้ว ทำไมพี่ต้องมาทำตัวงี่เง่าใส่ผมด้วย เรื่องมันผ่านมาตั้ง 3 ปีแล้วนะ พี่น่าจะทำเป็นไม่รู้จักผม แล้วไล่ผมออกไปซะ ” ผมพูดด้วยเสียงราบเรียบราวกับไม่รู้สึกอะไร.. .. ผมไม่รู้สึกอะไรจริงๆเหรอ ? สาบานเถอะว่าตอนนี้ผมไม่ได้กำลังเจ็บปวดอยู่

         “คิดว่ามันจบง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”

         “..”

         “กูใช้เวลา 3 ปีหามึง มึงจะให้มันจบลงแค่ว่ากูปล่อยมึงไปงั้นเหรอ ?”

         “..แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง ? ...พี่คิดว่าผมมีความสุขมากนักรึไง ? .....อย่างพี่จะไปรู้อะไร..”

         เขากำหมัดแน่น .. ราวกับกำลังอัดอั้นความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ ผมถอนหายใจ เพื่อลดความปั่นป่วนที่อยู่ในจิตใจตัวเอง
 
         หลายๆคนที่ผมเคยพบเจอได้บอกผมไว้ว่า ผมเป็นคนที่เก็บความรู้สึกตัวเองเก่ง มีความอดทนสูง และไม่ค่อยพูด ผมก็ไม่รู้หรอก ว่าทำไมพวกเขาถึงพูดแบบนั้น ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักผมดี ผมแค่คิดว่า ทุกคนควรมีเหตุผลที่จะทำในสิ่งต่างๆ แต่ความคิดนี้คงใช่ไม่ได้กับคีย์ เขาไร้เหตุผล และไม่มีความอดทน

          “ยังไงตอนนี้มึงก็ไม่เหลืออะไรแล้วนี่ ? ทำไมมึงไม่ขายชีวิตที่เหลือของมึงให้กูละ ”

ถ้าหากขายมันแล้วผมจะมีค่ามากขึ้นกว่าเดิมเหรอ ?

          ความคิดสับสนที่วิ่งอยู่ในหัวผม มันทำให้ผมอยากอาเจียน คนเราจะขายจิตวิญญาณของตัวเองได้เหรอ ? หรือแค่ขายความเป็นคน ?

         “....”

         “หรือมึงกลัว ? ”

         “ต้องกลัวอะไรเหรอครับ ? คนอย่างพี่จะมีอะไรน่ากลัว... ผมแค่คิดถึงผลประโยชน์ที่ผมจะได้ถ้าผมมาอยู่กับพี่..”

        “หึ..อย่าว่าแต่กูที่เปลี่ยนไปเลย มึงเองก็ไม่ต่างกันหรอก”


--------------------------------------------------------
ไม่รู้มาลงให้ค้างกว่าเติม หรือรู้เรื่องกว่าเดิม  555
สอบเราเลื่อนเป็นอาทิตย์หน้าเลยมีเวลามาลงให้นะคะ
 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะ มีความสุขปีใหม่กันถ้วนหน้านะคะ เจอกันอาทิตย์หน้าทีเดียวเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 18-12-2014 20:42:54
ค้างจริงๆ อย่างที่บอกเลย  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 18-12-2014 20:56:44
คนอย่างคีย์นี่น่ารังเกียจจัง

ขอให้เอดส์รับประทานสักวันนึงเถอะ

เกลียดนักพวกมักมาก
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 18-12-2014 21:27:43
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:


ค้างหนักกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 18-12-2014 21:34:55
ค้างงง เพราะฉะนั้น มาต่อด้วยน้า รอติดตามอยู่น้า o13
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 18-12-2014 22:10:17
หึอม์  มีลงไม้ลงมือด้วย?   คีย์เอ๋ยตกท่อระบายน้ำอย่างแรงเลยเอ็งในมาตรฐานพระเอก

น่าสนใจและติดตาม นะรออ่านนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 18-12-2014 22:32:45
ม่ายยยยย โรมน้อยอย่าขายเลย T T

จริงๆอยากให้ชิงลาออกแล้วหนีไปเงียบๆอยุ่ตจว.จัง ปลอยให้คีย์เป็นบ้าไป ส่วนเราหาพระเอกใหม่ดีกว่า
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 18-12-2014 23:39:58
น้องโรมมมมมทำไมถึงทนกับคนอย่างงี้  :z3:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 19-12-2014 05:03:27
อะไร? ยังไงวะ? เอากับคนอื่นทั้งที่มีแฟนอยู่แล้ว แล้วแฟนโกรธนี่คือ ปัญญาอ่อน งั้นคนทั้งโลกคงเป็นเหมือนโรมอะ

หนีมันไปไกลๆเลยโรม คนเหี้ยๆอย่างนี้  ถ้าจะขายตัวขายความเป็นคน ขายให้คนอื่นที่มันไม่คอยแต่จะดูถูกเราอย่างนี้ดีกว่าไหม
กลัวแต่ว่าโรม จะยอมทำโง่ๆให้เขาดูถูกเอาอีกน่ะสิ ยังรักมันลงอยู่อีกเหรอ คนอย่างนี้ :mew5:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-12-2014 09:15:31
อะไร ยังไง ลุ้นกันต่อไป
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: arigatozung ที่ 19-12-2014 20:25:49
กรี๊ดดดดดดด ค้างอ่า  :sad4:
//มาต่อไวๆน้า  :L1:  :mew3:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 19-12-2014 20:52:00
คีย์ เห็นแก่ตัวไปใหมเป็นแฟนกับโรมแต่นอนกับคนอื่นหน้าตาเฉย พอโรมถามกลับว่าเรื่องแค่นี้ปัณญาอ่อน เหตุผลคนเลวชัดๆๆที่โรมเลิกตอนนั้นทำถูกล่ะถ้านอกใจก็สมควรที่โรมจะเลิก พอมาเจอกันใหม่กลับดูถูกโรมสารพัด  โรมเจ็บได้แต่ไม่เห็นต้องทนหรือยอม คน แบบคีย์เลย  (สู้ๆๆเป็นกำลังให้คนแต่ง) :mew2:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 19-12-2014 20:52:27
โนคอมเม้น
รอดูสถานการณ์ :hao4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-12-2014 21:08:39
อย่าไปยอมนะโรม... ว่าแต่ตังในกระเป๋าเหลืออยู่เท่าไหร่ล่ะน่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียน(กับโรมด้วย)จ๊ะ

ปล.ช่วยใส่บทที่กับวันที่อัพที่หัวข้อด้วยจ๊ะ จะได้เห็นว่าอัพเพิ่มแล้ว
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: jamelovelove ที่ 19-12-2014 21:19:39
ดูเหมือนนนนาย เอกจะเป็น โรคคคจิตตตตนะ
555555555555หลบบบตีนแฟ๊บบบบบๆๆๆๆ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 19-12-2014 22:01:25
น่าติดตามมากค่ะ รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้ววว
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 20-12-2014 08:11:27

                                                                    Once again ถ้าเราเคยรักกัน
                                                             Chapter 3 : It was dark and I was over


          ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าสีดำสนิท.. พลางคิดสงสัยกับตัวเองว่าผมเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมจำได้ว่าครั้งนึง เขาเคยเข้ามาเปลี่ยนชีวิตผมให้มันสว่างไสว จนผมกลัวว่าถ้าหากวันนึง ความสว่างไสวนั่น มันละลายตัวผมเองจนไม่สามารถกลับมาเป็นแบบเดิมได้

        แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสอนผมด้วยเช่นกัน ก็คือการรู้จักที่จะเก็บความสุขเอาไว้ให้น้อยที่สุด เพราะวันนึง ถ้าหากพลั้งเผลอคว้าความสุขเอาไว้มากเกินเกินไป พอถึงวันที่ความสุขพวกนั้นมันโดนกระชากกลับคืนไป มันก็ไม่เหลืออะไรเหมือนเดิม



         ผมลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะเดินลงมาจากดาดฟ้า เพื่อไปขนของยังห้องของตัวเอง ผมคิดว่าผมตัดสินใจได้แล้ว

        “มาดูกันสิ ว่าคนอย่างตุลท์ กุลชาต จะตกต่ำได้มากขนาดไหน”

        ตั้งแต่ผมตัดสินใจมาอยู่กับคีย์แล้ว ดูเหมือนเขาจะช่วยผมทุกอย่างในด้านการเงิน แบบนี้สินะ พวกนักศึกษาบางคนถึงอยากมีเสี่ยเลี้ยง ตอนผมเรียนมหาลัย เพื่อนของผมแต่ละคนแทบจะขับรถเบนซ์ (ที่ไม่ใช่ของตัวเอง) มาเรียนกันเป็นแถว และอาจจะเพราะผมเลือกคบคนจำพวกนี้ด้วยมั้ง ผมถึงพึ่งใครไม่ได้สักคนตอนนี้

        “กูจะออกไปข้างนอก.. ห้องนอนมึงอยู่ตรงข้ามห้องกู อย่าออกไปไหนจนกว่ากูจะกลับเข้ามา ”

       “...”

      “เข้าใจไหม ?”

      “...”

      “กูถามว่า เข้าใจรึเปล่า ??”

      “...ครับ”

       สิ่งแรกที่ผมได้รู้จากการอยู่ร่วมกับคนอย่างเขาคือ อย่าหวังอิสรภาพ ...แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการมันอยู่แล้ว  ถ้าหากผมได้มันมา แล้วต้องแลกกับการที่ผมต้องอยู่คนเดียว..  อย่างน้อยๆให้ผมอยู่กับที่คนเกลียดไปเลยอาจจะดีกว่า

        ผมเพิ่งสำนึกได้อย่างหนึ่งตั้งแต่เมื่อวานคือ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องผมเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อความหิวเริ่มทักท้วง ผมจึงได้ไปเปิดตู้เย็นดู แต่ก็พบเพียงแค่เหล้าและเบียร์ ในตู้เย็นแทบไม่มีน้ำเปล่าเลยด้วยซ้ำ เขาดื่มของพวกนี้แทนน้ำเลยรึไง ?

        00.00 น.

       ผมยังนั่งอยู่บนโซฟา เพราะความหิวมันทำให้ผมข่มตาหลับไม่ลง การนั่งนิ่งๆจะทำให้ผมไม่เสียพลังงานมากเกินไป เพราะถ้าให้ผมหาของกินทั่วห้องขนาดใหญ่แบบนี้ มันก็ไม่ต่างกับผมนั่งหาเม็ดทรายในผลไม้ แถมดูเหมือนประตูจะล็อคจากด้านนอกซะด้วย
       เหอะ..  เขาคิดบ้าอะไรกันอยู่แน่ ถึงได้ล็อคห้องไว้ซะขนาดนั้น ความคิดฟุ้งซ่านมันเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าหากคุณรู้สึกหิว ผมก็เหมือนกัน ตอนนี้ถ้าเกิดว่าทำได้ ผมอยากจะพังประตูออกไป และเพราะว่ามันเป็นความคิดที่โง่ ผมเลยไม่ทำ

      “อ่า...ให้ตายเหอะ !”

      อาการแสบท้องเริ่มเล่นงานผมจนต้องสบถซ้ำๆ  จนกระทั่งมีเสียงรูดคีย์การ์ดผ่านประตูนั่นแหละ ผมถึงได้สงบสติอารมณ์ของตัวเอง

        “ทำไมยังไม่นอน..?”

        “หิว..”

        เขาดูตะลึงไป ก่อนจะหลุดขำออกมา จนผมรู้สึกอาย หน้าผมคงจะบูดบึ้งมากกว่าเดิม เขาถึงได้หยุดขำ 
 
        “แล้วทำไมไม่บอกก่อนกูจะออกไปละ จะได้ซื้อมาให้”

        “..ก็ไม่คิดว่าคุณจะออกไปนานขนาดนั้น”

         เขาโทษผมได้ไง ในเมื่อเขาเองที่จู่ๆก็พาผมมาในห้องนี้ พูดๆแล้วก็เดินออกไป

         “เรียกกูแบบเดิม..”

         “แบบไหน ?”

          “มึงเคยเรียกกูว่าพี่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอ”

          “....”

          ไม่รู้ทำไมผมถึงเรียกเขาไปอย่างนั้น  อาจเพราะอารมณ์ส่วนตัว ? ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากเรียกเขาแบบสนิทสนมแบบนั้นอีกครั้ง  อย่างน้อยให้มันมีช่องว่างเล็กๆระหว่างเราเอาไว้ 

                                                           ผมจะได้ไม่ลืมอดีต..


         “ช่างมันเหอะ ตอนนี้ก็คงหาได้แค่ร้านโต้รุ่ง มึงกินได้รึเปล่า ?”

       “....อือ..”

         เกือบ 20 นาที กว่าเราจะหาร้านข้าวโต้รุ่งกันได้ คีย์ดูคุ่นเคยกับการใช้ชีวิตแบบนี้ เขาไม่ได้ดูติดหรูเหมือนเมื่อก่อน หรือบางทีเขาอาจจะไม่ได้ติดหรูอยู่แล้วก็ได้ เพียงแต่มันเป็นเรื่องที่ผมไม่รู้

         “อยากกินอะไร ?”

         “แล้วแต่..”

         “งั้นเอาข้าวต้มปลาสองที่ครับ”

        “ยังจำได้ด้วยเหรอ”  ถามไปเพราะอยากรู้ว่า แค่บังเอิญหรือเขาจำได้จริงๆ ว่าผมชอบอะไร

          ผมแอบเห็นเขาลอบยิ้มบางๆเมื่อผมถามจบ ก่อนที่จะกลับมาทำหน้านิ่งเหมือนเดิม

         “ลบมันออกไปจากสมองบ้างก็ได้นะ เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่สำคัญพอที่จะจำหรอก”

       “ถ้ากูไม่บอกให้ลืม มึงก็ห้ามลืม

       ไม่มีใครพูดอะไรจบกระทั่งพวกเรากินกันเสร็จ เวลาล่วงเลยมาจนเกือบตีหนึ่ง หลังจากกลับมาเเล้ว พวกเราต่างก็แยกย้ายกันอาบน้ำในห้องของตัวเอง และเตรียมตัวนอน


        พอมีเวลาอยู่คนเดียวแล้ว มันก็ทำให้ผมคิดถึงเรื่องราวที่ยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าเรื่องหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม ที่ผมมาอยู่กับเขา ผมแค่คิดว่าผมอยากมีใครสักคนที่อยู่ด้วย อย่างน้อยก็แค่สักคนที่เขาจะไม่ทิ้งผมไป ถึงแม้ว่าผมจะรู้ก็เถอะ ว่าเขาอาจจะทิ้งผมไปตอนไหนก็ได้..แต่ขอแค่มันไม่ใช่ตอนนี้ มันก็เพียงพอสำหรับผมแล้วละ


                           ก๊อก ก๊อก ก๊อก

        “ครับ ?”

        “อีก 3 วัน เตรียมตัวไปประชุมกับกูที่เชียงใหม่ด้วยนะ”

       “ไปกี่วันครับ ?”

       “กูยังไม่ได้ตัดสินใจ คิดว่าอาจจะไปเที่ยวด้วย ”

        มีเพียงประตูที่กั้นระหว่างพวกเรา เขาแค่เคาะประตู แต่ไม่ได้เปิดเข้ามาคุยกันตรงๆ ทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้ล็อคประตู   

       “ครับ”


       ผมทรุดตัวลงนั่งพิงประตู ผมออกจากบ้านมาได้เกือบสามเดือน แต่กลับไม่มีใครติดต่อมา ไม่สิ..พวกเขาอาจจะไม่คิดแม้แต่ตามหา ผมเลยก็ได้ พ่อเคยบอกกับผมว่าเป็นผู้ชายต้องเข้มแข็งและปกป้องคนที่เรารักได้ .. แล้วพ่อไม่รักผมเหรอ ? จู่ๆก็ทิ้งผมไป ให้อยู่กับพวกคนไม่รู้จักพอพวกนั้น  หรือเพราะพ่อเสียใจที่ผมเป็นผู้ชายอย่างที่พ่อคาดหวังไม่ได้..


                                                           เคยบอกผมใช่ไหมครับว่า อย่าร้องไห้

                                                          ผมขอโทษนะครับที่รักษาสัญญาไม่ได้


       “..อึก...ฮือ...”

                  ไม่ไหวแล้ว  ผมทนไม่ไหวแล้ว
 
         เมื่อไหร่ผมจะหลุดพ้นจากความรู้สึกแบบนี้สักที  ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกมีความสุขมันเป็นยังไง..  ใครก็ได้.. ดึงผมออกไปที

       เพราะไม่อยากเจ็บปวดกับการถูกเหยียบย่ำความรู้สึก มันทำให้ผมอยากไปให้พ้นๆซะ แต่ผมกลัว .. ผมไม่อยากอยู่คนเดียว

       “.....ฮึก...”

   พื้นตรงหน้ามันสั่นไหวไปหมด จนผมมองอะไรไม่เห็น นอกจากน้ำตาที่ล้นอยู่ในดวงตา เจ็บจนเหมือนทุกอย่างมันชาไปหมด ....

                                                                                   .......


       เวลาผ่านพ้นไปนานพอสมควร ผมค่อยๆลุกขึ้น ไม่รู้ว่าโชคดีหรือเปล่าที่ห้องน้ำของที่นี่อยู่ในตัวห้องนอนทั้งหมด ทำให้ผมไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับเขาในตอนที่ผมยังไม่พร้อม

       หน้าตาของผมที่ปรากฏอยู่บนกระจกมันย่ำแย่ไปหมด  จนผมไม่อยากมองหน้าตัวเอง ได้แต่ก้มหน้าล้างคราบน้ำตาออกไป


             5.00 น.

       ทั้งๆมันเลยเวลาที่คนจะนอนแล้ว แต่ผมกลับยังไม่ได้หลับสักที ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ว่าผมเลือกดีแล้วจริงๆเหรอ ?  ถึงจะรู้ว่าเขาและผม เราต่างก็อ่อนลงทั้งคู่ แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะลบอดีตที่เขาทำเอาไว้ได้

        “..เฮ้อ..”

        ผมลุกขึ้นนั่ง ในเมื่อนอนไม่หลับแล้วจริงๆ ก็คงต้องหาอะไรทำ จะได้ไม่ฟุ้งซ่านเกินไป จนถึงขนาดเอามีดมาไล่ฟันตัวเอง

         “ตื่นแล้วเหรอ ?”

         “ครับ”

        “หิวไหม ?”

        “ไม่ครับ”

        “เมื่อคืนนอนหลับไหม ?”
 
       “ครับ”

       “....”

         เขานั่งมองผมเงียบๆ เหมือนกำลังดูว่าผมจะทำอะไรต่อไป  ถ้าหากรู้ว่าเขาตื่นเช้าขนาดนี้ผมคงไม่ออกมา  ..ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า แต่นัยน์ตาของเขามันดูเจ็บปวด มันก็แค่แวบเดียวก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบเหมือนเดิม..

         “ผมอยากดื่มกาแฟสักแก้ว ..”

        “ตรงไป แล้วเลี้ยวขวา กาแฟตั้งอยู่บนโต๊ะ”

       “ขอบคุณครับ”


         ไม่รู้ว่าบรรยากาศที่น่าอึดอัดเหมือนมีหมอกบางๆกั้นระหว่างเราอยู่มันมาจากไหน ผมเดินมาตามที่เขาบอก แก้วสีเทาที่มีไอร้อนระเหยขึ้นมาตั้งอยู่บนโต๊ะ

         เขาทำเผื่อผมเหรอ ?  แล้วเขาจะรู้ได้ไง ว่าผมจะตื่นตอนนี้  แต่พอผมคิดว่าบางทีเขาอาจจะแค่ทำมันเหลือก็ได้ 

         ผมเดินถือแก้วสีเทาออกมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับเขา เขานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจเงียบๆ ส่วนผมก็ยกของเหลวสีดำขึ้นมาดื่มเป็นบางครั้ง

                                                             ให้ตาย.. มันน่าอึดอัดจริงๆ

         “เอ่อ / นี่”

        พอมีใครจะพูด ก็ดันพูดพร้อมกัน จนทำให้บรรยากาศมันแย่ไปกว่าเดิม...

        “คุณพูดก่อนก็ได้ครับ”

        “ขอโทษนะ.. ”

       “..”

       “ที่ตบเมื่อวาน”

       “...อือ”

       ได้แต่ตอบรับเบาๆ แต่ไม่ได้บอกว่าผมยกโทษให้ คนที่ใช้กำลังตัดสินปัญหา ไม่ใช่คนที่สมควรได้รับการยกโทษให้ เพียงแค่เพราะคำขอโทษ..

                                                                          การกระทำมันสำคัญกว่าคำพูด




------------------------------------
เริ่มตัดสินใจไม่ถูกว่าจะลงตอนไหน เพราะเเต่งเสร็จแล้ว 5555 เลยลงซะเลยเนอะ
แอบอ่านเม้นเเล้วเห็นมีคนเกลียดพี่คีย์เยอะ.. ใจเย็นๆนะคะ เราคุยกันได้ 5555
พี่คีย์สำหรับนักเขียน น่าจะเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดมั้ง -  ... +
ไม่รู้ว่าเเต่งออกมาดีรึเปล่า เพราะว่าส่วนหนึ่งมาจากผู้เขียนยังมีประสบการณ์น้อย
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ 

ปล. ตอนหน้าจะเป็นตอน Special นะคะ จะให้พี่คีย์เป็นคนดำเนินเรื่อง
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 3 20/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 20-12-2014 08:23:24
โห  มาแล้วๆ

อยากอ่านผ่านมุมมองคีย์นะ  จะได้เข้าใจตัวตนของคีย์มากขึ้น

ถ้าหากว่าแต่งเสร็จแล้วแสดงว่าไม่พลิกโผสินะคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 3 20/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 20-12-2014 09:24:50
สงสารโรมจัง ญาติพ่อช่างเลวร้าย  :ling1:
หวังว่าอีพี่คีย์นี่จะไม่มาทำร้ายโรมอีก
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 3 20/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 20-12-2014 09:56:12
เรื่องสนุกมากเลยค่ะ
จากประสบการณ์ที่อ่านนิยายมา
เราว่า พี่คีย์นี่แหละพระเอก 555
แถมคนเขียนบอกว่า พี่คีย์น่าสงสาร
อยากอ่านจากมุมมองพี่คีย์จัง
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 3 20/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 20-12-2014 10:33:59
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

บรรยากาศมันอึดอัดไปหมดเลย เฮ้อออออออ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 3 20/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 20-12-2014 11:01:19
ไม่เข้าใจพี่คีย์ พูดทุกอย่างออกมาเหมือนโรมเป็นคนผิดทั้งๆที่ตัวเองไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น -*-
รอสเปพี่คีย์ค่ะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 3 20/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 20-12-2014 11:33:36
สงสารน้องโรมมม

รออ่านสเปอิพี่คีย์นะคะ 555+

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ

 :man1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 3 20/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 20-12-2014 17:04:04
รออ่านนะคะ สนุกมากเลยย พี่คีย์มาเล่าด่วนนน
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 3 20/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-12-2014 19:15:39
เจ็บปวด
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 3 20/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: jamelovelove ที่ 21-12-2014 15:39:29
สงงงสารน้องโณมมมมมมากกกกกค่ะ
อิอิ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 3 20/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: Pnomsod ที่ 21-12-2014 17:01:06
เฮ้อออ แค่เพราะเรื่ิองปัญญาอ่อนเหรอ เห็นคนที่รักมีอะไรกับคนอื่น มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ หรอกนะ ไม่ว่าคีย์จะทำอะไร อย่ายกโทษให้ง่ายๆ ถ้าคีย์ยังไม่ได้บทเรียน
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 3 20/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 21-12-2014 17:55:23
โรมมี่ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 3 20/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 22-12-2014 20:11:12


Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 4 : until you kissed my lips and you saved me [Special Key’s part]


                                                                                   ....3 ปี...

          ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน รู้มาตลอด.. แต่ไม่กล้าไปหา ไม่ว่าเวลา 3 ปีจะนานแค่ไหน แต่ผมก็รออยู่ตลอด ถ้าอีกฝ่ายพร้อมจะกลับมาก็ยังพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่  แต่สิ่งที่ทำให้เจ็บปวดที่สุดคือ เขาไม่เคยคิดจะกลับมา

          ถ้าวันนั้นไม่ปิดโทรศัพท์ วันนี้ก็อาจจะได้ยืนคู่กัน ความผิดเพียงอย่างเดียวของโรมคือ เขาไม่น่าหนีไปแบบนั้น  ผมไม่เคยคิดที่จะโทษเขา มันสมเหตุสมผลสำหรับเขาแล้วที่จะหนีไป

          แต่มันแค่ไม่ยุติธรรมสำหรับผม .. ไม่กล้าพูดว่าความจริงมันเป็นยังไง ไม่อยากพูดถึงความจริง.. ความจริงที่ว่าคืนนั้นทั้งคืน ผมไม่ได้อยู่ในคอนโด 

          ไม่เคยคิดจะนอกใจแม้แต่ครั้งเดียว เพราะรักเขาคนเดียวมาตลอด จึงไม่อยากทำให้เจ็บ แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะไม่เคยเข้าข้างใคร เมื่อถึงเวลาที่มีความสุขที่สุด ท่านกลับพรากทุกสิ่งคืนไปอย่างง่ายดาย ราวกับไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน


           เอกสารสมัครงานที่ยื่นเข้ามาเกือบร้อยคน คัดเหลือแค่ชื่อ ตุลท์ กุลชาต คนเดียว หลายต่อหลายครั้งที่เขาเมินเฉยกัน จนทำให้ผมหงุดหงิดใจ ไม่ชอบให้เขาทำเป็นไม่รู้จักกัน

          ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองโง่เกินกว่าจะได้รับการให้อภัยจากโรม แต่ผมไม่อยากให้เขาทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

                                                                             ความเย็นชา

                                                                            ความหมางเมิน

          มันทำให้ผมเจ็บปวดซะจนไม่อยากมองหน้าเขาอีก แต่ผมก็ไม่อยากเสียเขาไปอีกเหมือนกัน


          ผมทรุดตัวนั่งลงพิงประตูหน้าห้องของอีกฝ่าย ได้ยินเสียงสะอื้นแว่วออกมา อยากเข้าไปปลอบ อยากเข้าไปหา แต่ทำไม่ได้.. ผมมันก็แค่คนขี้ขลาด 

          “พี่ขอโทษนะ..”

          ผมรู้ว่ามันเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมบอกความจริงแก่เขา แต่ถ้าบอกแล้วเขาจะหนีไปอีก มันมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังบอกเขาตอนนี้ไม่ได้  อยากให้เวลามันเป็นตัวพิสูจน์เราสองคน

                                         ผมรู้ว่าทั้งคืนเข้าไม่ได้นอน หน้าตาที่ทรุดโทรมขนาดนั้น ไม่รู้เขาจะรู้ตัวบ้างรึเปล่า

           “เอ่อ / นี่” ผมสังเกตเห็นเขาก้มหน้าลง เมื่อเรามีบางสิ่งที่จะพูดพร้อมกัน

          “คุณพูดก่อนก็ได้ครับ”

          ถึงจะไม่ชอบที่เขาใช้คำพูดที่เป็นทางการกับผม แต่มันก็ดีกว่าเขาไม่พูดกับผมเลย

          “ขอโทษนะ.. ”

          “..”

          “ที่ตบเมื่อวาน”

          “...อือ”

          ผมไม่หวังที่จะได้ยินคำยกโทษ เพราะรู้จักคนอย่างโรมดี แค่เขารับฟังคำขอโทษผมมันก็มากเกินพอแล้วละ
 

          ผมกับโรมเข้าทำงานสายเกือบ 3 ชั่วโมง เพราะต่างคนต่างก็ทำเรื่องของตัวเองจนลืมดูเวลา พนักงานหลายคนที่ก้มหัวให้ผม และมองมาด้วยความสงสัย เมื่อเห็นคนที่เดินเคียงข้างผม

          วันนี้ไม่มีนัดอะไร มันทำให้ผมนั่งมองเขาทำงานได้ตลอดทั้งวัน และดูเหมือนเขาจะเกร็ง จนผมแทบหลุดขำ

          “คุณ .. เมื่อไหร่จะเลิกจ้องผมครับ ผมไม่มีสมาธิจะทำงานก็เพราะคุณนั่นแหละ”

          ใบหน้าของเขาบึ้งตึง จนผมอดไม่ได้ที่จะขำออกมา จนใบหน้านั่นดูจะบึ้งตึงมากกว่าเดิม

          “ไปหาอะไรกินกันเหอะ กูหิว”

           “ผมยังทำงานไม่เสร็จครับ ”

         “ช่างมันเหอะ”

          “...”  โรมไม่พูดอะไรตอบ ถึงเขาจะดูงงๆ แต่ก็ยอมเก็บของและตามผมออกมา

          ผมเลือกที่จะในห้างแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับบริษัท เราเลือกกินอาหารง่ายๆที่ไม่ต้องรอนานในนี้ ต่างคนต่างสั่ง ต่างคนต่างกิน โดยไม่มีใครพูดอะไร

          มันอาจต้องใช้เวลา กว่าจะทำให้ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิม.. แต่ก็แค่อาจจะ

          ผมไม่เคยหวังให้มันกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน ถ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้..

                                                                    ก็เริ่มต้นมันใหม่ซะ

          ครืด.. ครืด

          ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก่อนที่จะถอนหายใจอย่างหน่ายๆ เมื่อหน้าจอขึ้นชื่อของใครบางคนที่ผมไม่อยากเห็นหน้า

                   ‘ สีคราม ’

          ผมเลื่อนมือไปกดรับสายของอีกฝ่าย  ถึงจะไม่ชอบยังไง แต่เพราะมันจำเป็น ผมจึงจำใจต้องคุยกับสีครามอย่างเลี่ยงไม่ได้

          “มีอะไร ?”

          “พี่อยู่ไหนครับ ”

          “ทำไมเหรอ ?”

          “พี่อยู่บริษัทรึเปล่าครับ ? พี่รินดาจะเข้าไปหาพี่ พี่ว่างรึเปล่า ?”

          “ไม่ว่าง”

          “ไม่ว่างนี่คือทำอะไรเหรอครับ ?”

          “ทำไมพี่ต้องบอกนาย ?”

          “อ้อ.. ไม่ใช่ว่าพี่กำลังเดทกับเลขาเหรอครับ ? พี่ไม่ชอบผมแต่กลับไปเลือกคนแบบนั้นเหรอ ? เฮ้อ...ผมละผิดหวังกับพี่จริงๆเลย....”

          เพราะไม่อยากคุย จึงเลือกที่จะตัดสายอีกฝ่าย หลังจากที่ตัดสายสีคราม ผมกับโรมเดินออกมาเลือกของใช้หลายๆอย่างที่เขายังไม่มี 


          “พี่คีย์ครับ !”

          ผมหันไปมองด้านหลัง ก่อนจะพบกับสีครามที่ใส่ชุดลำลองสบายๆเดินเข้ามาหาผม  ผมเหลือบมองโรม ผมรู้ว่าโรมไม่ชอบคนแบบไหน และดูเหมือนสีครามจะไม่ใช่คนที่น่าชอบเท่าไหร่

         “เดี๋ยวผมไปเลือกของต่อก็ได้ คุณก็อยู่กับสีครามนะครับ”

          พูดจบก็เดินแยกออกไป จนผมต้องเดินตามไปเงียบๆ สีครามเดินตามผมเงียบๆด้วยเช่นกัน จนกลายเป็นว่าพวกเราต่างก็ไม่พูดอะไร และสีครามเหมือนจะเป็นคนสุดท้ายที่ทนกับความเงียบแบบนี้ไม่ได้

          “พี่รินดากลับมาตั้งเกือบเดือนแล้วนะครับ พี่ไม่ไปหาเธอบ้างเหรอ”

          “ไม่ใช่เรื่องจำเป็น”

          “เหรอครับ ? ไม่จำเป็นจริงๆเหรอครับ แล้วเรื่อง..”


          ผมกระชากแขนของสีครามออกมาคุยกันที่ๆห่างจากโรมพอสมควร

          “จะพูดอะไรกันแน่”

          “พี่นั่นแหละ จะหนีความจริงไปถึงเมื่อไหร่ ยังไงสักวันนึงเขาก็ต้องรู้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ”

          “เหอะ..ใครกันแน่ที่หนีความจริง นายไม่รู้จริงๆเหรอ...ว่าความจริงมันเป็นยังไง ?”

          “...”

          “อย่าว่าแต่พี่ที่หนีความจริง นายเองก็กำลังหนีความจริงอยู่เหมือนกัน”




--------------------------------------------
คือมันสั้นไหม.. 555  เดี๋ยว ตอนหน้าจะเพิ่มให้เยอะๆนะคะ
ถ้าเกิดว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาอัพเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่าติดสอบเนอะ
หยุดปีใหม่สัปดาห์หน้าคงได้อัพยาวเลย ถ้าไม่ได้ไปไหน 555 ใครที่ไปเที่ยว ก็ขับรถดีๆนะคะ
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 4 22/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: SrimindSrimind ที่ 22-12-2014 20:22:25
สงสารโรม รอตอนต่อไปค่ะ :m15:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 4 22/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 22-12-2014 20:27:48
ติดตามนะคะ  :mew1: จะรอนะคะ สู้ๆค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 4 22/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 22-12-2014 21:18:51
คือยังงายยยยย
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 4 22/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 22-12-2014 21:53:59
ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง คนที่ไม่เคยคิดอธิบายอะไรเลยก็เป็นคนผิดอยู่ดี
จะมาบอกว่าเขาไม่กลับมาหา รออยู่ตลอด
แล้วตอนเขามีปัญหา เคยคิดช่วยบ้างไหม ก็เห็นเอาแต่มองเฉยๆจนเขาหมดสิ้นหนทาง
คนปากดีและทำตัวเลวๆ ไม่ควรได้รับสิ่งดีๆ
แผลในใจมันลึกนะ ยากนักที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ กลับมารักกันไม่ได้แล้วแหละ
#เปลี่ยนพระเอกเถอะ#
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 4 22/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 22-12-2014 22:37:51
รออีกหน่อยแล้วกันก่อนจะด่าพระเอก แต่ท่าทางสีครามนี่ท่าจะเป็นปัญหาอยู่เหมือนกัน

อ้างถึง
ความจริงที่ว่าคืนนั้นทั้งคืน ผมไม่ได้อยู่ในคอนโด 
ผู้ชายคนนั้น เจ้าของรอยสักบนเตียงไม่ใช่คีย์หรือ? ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายใด?

รอดูว่าความจริงคืออะไร ใครทำอะไร เรึ่องเป็นไง  รออาทิตย์หน้าค่ะ กะอ่านยาวๆ  กดดันไปไหมเนี่ย? :hao3:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 4 22/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 22-12-2014 22:46:58
 :really2:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 4 22/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-12-2014 07:45:53
เมื่อไรเมื่อไรโรมจะรู้ความจริงที่เป็นความจริงล่ะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 5 26/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 26-12-2014 22:00:37


Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 5 : My hands, they're strong but my knees were far too weak


นับตั้งแต่วันที่เขาคุยกับสีคราม คีย์ก็ดูเครียดขึ้น จนผมไม่อยากจะพูดอะไรมากมาย วันนี้ผมต้องเก็บของ เพราะตอนเย็นผมกับเขาต้องนั่งรถไปเชียงใหม่ ทั้งๆที่ผมบอกว่าให้นั่งเครื่องไป มันจะเหนื่อยน้อยกว่า แต่เขาก็เลือกที่จะขับรถไปอยู่ดี

“มึงอยู่จัดของไปก็ได้ กุญแจสำรองตั้งอยู่บนโต๊ะ เดี๋ยวกูเข้าไปดูงานในบริษัทก่อน”

ผมก้มหน้านิ่งจัดกระเป๋าต่อไป จนเขาเลิกสนใจและเดินออกไป

ผมแค่กำลังคิด.. คิดและตัดสินใจบางอย่าง


เพราะผมไม่ได้ขนอะไรออกมามากมายตอนที่ออกมาจากบ้าน มันทำให้ผมแทบไม่ต้องเก็บอะไรมากมายด้วยเช่นกัน ผมเดินไปหยิบกุญแจสำรองที่ตั้งอยู่บนโต๊ะที่เขาบอก ก่อนจะออกจากห้องไป

ผมเลือกนั่งแท็กซี่มาลงที่ร้านทำแหวนร้านหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดสักเท่าไหร่

 “สวัสดีครับ มาทำอะไรเหรอครับ ?”

ผมไม่แน่ใจว่าผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าเคาเตอร์ เขาเป็นเจ้าของร้านหรือเป็นพนักงานกันแน่

“มาขายแหวนครับ”

“อ้อ งั้นขอดูแหวนก่อนได้ไหมครับ ?”

ผมยื่นแหวนสีขาวสะอาดไปให้เขา ยืนมองเขาก้มๆมองๆแหวนวงนั้นอยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะทำตาโตและหันมาพูดกับผม

“โห.. จะขายจริงๆเหรอครับ ผมคิดว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าขายมันจะดีกว่านะครับ เพราะแหวนวงนี้คงเป็นแหวนสั่งทำที่หาได้ยากมากเลยนะครับ” 

“..ราคามันเท่าไหร่เหรอครับ ?”

“อันนี้มันแล้วแต่คุณลูกค้านะครับ เพราะว่าทางร้านเรามีโปรโมชั่นให้เลือก ถ้าเกิดว่าคุณลูกค้าจะรับเงินครึ่งนึง ก็จะมาผ่อนแหวนคืนทีหลังได้ครับ แต่ถ้าเกิดว่าจะรับเงินเต็มจำนวน ทางร้านเราก็จะขายแหวนต่อให้กับคนอื่นเลยครับ”

“งั้นผมรับเงินแค่ครึ่งนึง แล้วค่อยมาผ่อนคืนทีหลังนะครับ”

“ได้เลยครับ ส่วนราคาครึ่งนึงก็ประมาณห้าหมื่นบาทนะครับ”

 ผมนั่งรอเขาเก็บแบงค์สีเทาจำนวนหนึ่งลงในห่อกระดาษสีน้ำตาล ก่อนจะยื่นมันให้ผม  ผมรับไว้ใส่ในกระเป๋า และเดินออกจากร้านไปทันที เดินไปยังร้านโทรศัพท์ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่

“มาซ่อมโทรศัพท์ครับ”

“เป็นยังไงเหรอครับ?”

“จู่ๆก็เปิดไม่ติด”

“งั้นเดี๋ยวรอสักครึ่งชั่วโมงนะครับ ถ้ามีธุระ ก็ค่อยกลับมาเอาก็ได้นะครับ”

“งั้นไว้ผมกลับมาเอาตอนเย็นนะครับ”

ทางร้านเขียนใบเสร็จให้ผม  เมื่อทำธุระทุกอย่างหมดแล้ว ผมถึงได้กลับมายังคอนโดของคีย์ และพบว่าเขากลับมาถึงก่อนผมซะอีก


“ไปไหนมา ?”

“ไปซ่อมโทรศัพท์ครับ”

“มึงจะกินอะไรก่อนออกไปไหม ? ”

“ยังไงก็ได้ครับ”

เขาดูหน่ายๆกับคำตอบของผม ผมนั่งดูทีวีในห้องรับแขก ส่วนเขาก็เข้าไปทำอาหารในครัว เราต่างก็อยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอีกครั้ง


ผมไม่ได้สนใจรายการที่ปรากฏอยู่บนทีวีมากนัก  รู้สึกล้าๆจนไม่อยากจะทำอะไร พักหลังมานี้ผมแทบไม่ได้นอนครบ 3 ชั่วโมงเลย เพราะความรู้สึกเมื่อยล้าเริ่มเข้าเล่นงาน บวกกับน่าจะอีกนานกว่าคีย์จะเริ่มเดินทาง ผมจึงค่อยๆเอนตัวลงนอนบนโซฟา ปิดเปลือกตาที่เริ่มหนักอึ้งเต็มที ก่อนจะหลับไปอย่างง่ายดาย

......


เย็น..

เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆเปิดขึ้น เมื่อรับรู้ถึงไอเย็นของบางสิ่งที่แตะลงบนแก้ม ผมปัดสิ่งแปลกปลอมที่อยู่บนหน้าออกไป ก่อนจะพบว่ามันเป็นกระป๋องเบียร์ของคีย์ เขายื่นมันมาแตะหน้าผม พร้อมส่งยิ้มมาให้ ...ผมเบือนหน้าหนี ... ไม่อยากเห็น..

 “ไปกันได้ยัง ?”

“ อือ ”

คีย์เดินออกไป โดยที่มีผมเดินตามหลัง เกือบ 2 ชั่วโมงเต็มที่ผมหลับไป ระหว่างนั้นคีย์ก็คงยกระเป๋ามาใส่ในรถแล้ว

 “เดี๋ยวช่วยวนรถไปเอาโทรศัพท์ตรงร้านที่อยู่ข้างคอนโดให้หน่อยได้ไหมครับ ?” ผมพูดเมื่อนึกขึ้นได้ ให้ตาย.. เพราะหลับจนลืมเวลาแท้ๆ ถึงได้ลืมเรื่องโทรศัพท์ไปได้

“อืม ก็ได้นะ แต่มึงน่าจะบอกกูก่อน เพราะร้านนั้นซ่อมโทรศัพท์แล้วมีปัญหาบ่อย”

เขาวนรถกลับมาอีกรอบ ผมลงไปเอาโทรศัพท์ ถึงจะรู้สึกว่าโทรศัพท์มันแปลกๆ แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไร อาจจะคิดมากไปเพราะคำพูดของคีย์


จากชั่วโมง วนเวียนไปเรื่อยๆ จนเกือบครบ 8 ชั่วโมงเต็ม กว่าจะถึงปลายทาง ผมล้าไปหมดแทบทั้งตัว ถึงโรงแรมก็เช็คอินเข้านอนแทบจะทันที เพราะเวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืนแล้ว

“มาทำงาน”

“จะตามมาทำไม”

“พี่ว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องจริงๆนะ”

“รินไปสงบตัวเองก่อนแล้วค่อยมาคุยกับพี่”

 “..อย่าสร้างปัญหาให้พี่ไปมากกว่านี้เลยนะ ถือว่าพี่ขอ”


เสียงคุยโทรศัพท์ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา  ผมบิดตัวไล่ความขี้เกียจออกไป สายตาปะทะเข้ากับคนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่นอกระเบียง  ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ว่าทำให้ผมตื่น

ผมลุกไปเข้าห้องน้ำ เพิ่งรู้ตัวว่าตื่นมานอนในห้องเดียวกับเขา เมื่อคืนผมแทบไม่ได้คุยกับเขาสักประโยค  มาถึงก็หลับอย่างเอาเป็นเอาตาย

                                                                               ติ๊ด

‘ หมายเลข 099-xxx-xxx พยายามติดต่อคุณเวลา...’

ข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเลื่อนหน้าจอเพื่อดูข้อความทั้งหมด

346 missed call

400 ข้อความ


คงไม่มีใครบ้าติดต่อผมมากขนาดนี้  เบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอเป็นเบอร์ของอาผม อาคนนี้เขาเป็นคนนิสัยดีนะ และคงเป็นคนนิสัยดีคนแรกที่ไล่ผมออกมาจากบ้าน 

“เหอะ..”

ผมวางโทรศัพท์ลง อาบน้ำและชำระร่างกาย ก่อนจะออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดลำลองที่ดูเป็นทางการมากกว่าปกติ วันนี้ผมคงต้องไปคุยงานกับคีย์ แต่ดูเขาไม่ค่อยจะกระตือรือร้นที่จะทำงานนี้เท่าไหร่นัก

เรากินข้าวกันภายในโรงแรม  ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าคีย์ดูเครียดๆมากกว่าปกติ  แต่เขาก็ดูเครียดทุกวันอยู่แล้วมั้ง  เราออกจากโรงแรมเพื่อไปคุยงานตอนเกือบแปดโมง

หน้าที่ของผมก็ไม่มีอะไรมาก แค่จดๆจำๆบางสิ่ง และเตรียมเอกสาร ความจริงงานวันนี้มันแค่มาคุยงานกันครึ่งวัน ก็กลับได้เลย แต่ผมก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่า ทำไมคีย์ต้องให้มาค้างคืนอีกหลายๆคืน

“มึงหิวรึยัง ?”

“ก็ไม่เท่าไหร่นะครับ”

“อืม..งั้นค่อยกลับไปกินข้าวที่โรงแรมนะ”

“ครับ”

ที่โรงแรมดูเหมือนจะมีงาน สวนด้านหน้าถูกตกแต่งไปด้วยดอกไม้ต่างๆ  จัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆให้เดินเล่น บรรยากาศที่นี่ได้กลิ่นอายของล้านนาจนน่าขนลุก ความสวยงามตามความเก่าแก่ของโรงแรม มันทำให้โรงแรมแห่งนี้ดูมีคุณค่าบางอย่างขึ้นมา

“ที่นี่เขามีงานอะไรกันเหรอครับ ?” ผมเอ่ยถามพนักงานผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนต้อนรับลูกค้าอยู่

“เป็นงานที่ลูกค้าท่านหนึ่งได้ขอให้จัดเอาไว้นะคะ น่าจะเป็นดินเนอร์คู่รักนะคะ”  พนักงานส่งยิ้มให้ผมทันทีที่พูดจบ ผมแค่พยักหน้ารับรู้ แล้วก็เดินขึ้นห้องไป   

“ดูเหมือนข้างล่างจะมีงานคู่รักนะครับ”

“เหรอ ? เขาบอกมึงอย่างงั้นเหรอ”
ผมได้ยินคีย์หัวเราะ แต่ไม่เข้าใจว่าเขาจะหัวเราะทำไม มันไม่มีอะไรน่าขำสักนิด หรือเขาจะประสาทเสียเรื่องความรัก

“ไปหาอะไรกินกันเหอะ”

“ที่ไหนเหรอครับ ?”

“ชั้นล่างไง”

“ก็พวกเขาจะจัดงานให้คู่รักไม่ใช่เหรอครับ”

“ไปเหอะ”

ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่ผมก็เลือกจะเดินตามเขามา ดีกว่าให้เขาอารมณ์เสียมากกว่าที่ผมไม่ทำตาม

อาหารที่ถูกจัดเอาไว้ ไม่รู้ว่าใช้ต้อนรับพวกเรารึเปล่า แต่คีย์ก็เดินเข้าไปนั่งอย่างไม่เกรงใจใคร นี่เขาได้ฟังที่ผมพูดจริงๆรึเปล่า ว่ามันมีงาน

“คุณจะกินที่นี่จริงๆเหรอครับ”

“ถ้ามึงไม่อยากกิน ก็ไม่ต้องกินก็ได้นะ”

ทำไมผมถึงรู้สึกว่าวันนี้เขาจะพูดจากวนมากกว่าปกติ ให้ตาย..เขาคงเครียดเรื่องงานจนประสาทกลับจริงๆ

“ไปเดินเล่นตรงนั้นกันเหอะ”

“หา ?”
 
เขาไม่พูดซ้ำ แต่จับมือผมเดินไป จนผมต้องสะบัดมือออก.. จู่ๆ..ผมก็รู้สึกไม่ดี มันหน่วงๆในใจ เหมือนหายใจไม่ออก ภาพที่เขาเดินจับมือผมในวันนี้ ผมไม่อยากให้มันซ้ำกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ใช่ไม่อยากลืม.. แต่อยากเก็บเอาไว้ จะได้จำว่าครั้งนึงการถูกหักหลังมันรู้สึกยังไง ..

และผมเกลียดที่เขาทำเหมือนไม่รู้สึกผิดอะไร
[/b]


“ผมว่าเรากลับขึ้นไปบนห้องกันเถอะครับ”

“ไม่อยากฟังจริงๆเหรอ”

“อะไรเหรอครับ ?”

“คิดว่าพี่พามาถึงเชียงใหม่แค่มาคุยงานครึ่งวันแล้วก็กลับงั้นเหรอ”

“...แล้วจะให้ผมถามอะไร  อยากให้ผมถามว่านอนกับผู้หญิงคนนั้นแล้วรู้สึกยังไงเหรอ ?”

แววตาของเขามันฉายแววความเจ็บปวด.. แล้วคิดว่าผมรู้สึกดีรึไง เขามันบ้านะ ที่ไม่ตัดขาดจากผม ...จะทรมานผมไปถึงไหนกัน ...

“..งั้นถ้าพี่บอกนายว่าวันนั้นพี่ไม่ได้นอนกับผู้หญิงคนนั้นละ ?”

“พี่คิดว่าผมโง่เหรอ.. ”

“แล้วนายไม่อยากรู้จริงๆเหรอ ไม่อยากฟังคำอธิบายสักนิดเลยเหรอ”

“พี่ลองพูดมาสิ..  คนอย่างพี่ไม่เคยอธิบายอะไรเลย.. ทิ้งผมไว้กับความเจ็บปวดแบบนั้น..ฮึก..ผมกับพี่...เราไม่น่ามาเจอกันอีกเลย..”

ทุกอย่างตรงหน้ามันเริ่มพร่ามัวไปหมด จำไม่ได้แล้วว่าผมเป็นคนร้องไห้ง่ายๆแบบนี้ตอนไหน .. และการที่ผมเป็นแบบนี้มันทำให้ผมเริ่มเกลียดตัวเอง ..

“ขอโทษ..”

“ขอโทษแล้วมันลบความรู้สึกตอนนั้นออกไปได้เหรอ...พี่คิดว่ามันลดความเจ็บปวดของผมได้เหรอ !? ”

“...”

“...”

“แค่ตอนนี้ .. ถ้าพี่ขอเป็นคนเห็นแก่ตัวสักครั้ง..นายจะให้โอกาสพี่ไหม ? ”

“..”

“..ขอโทษ..ขอโทษที่ทำให้เจ็บ..”

“..พี่มันเลวที่สุดเลย...”

ผมเกลียดคนอย่างพี่... ไม่กล้าพูด.. คนอย่างผมไม่กล้าพูดแบบนั้นหรอก ถึงจะเจ็บเจียนตายผมก็ไม่กล้าพูดว่าเกลียดเขา เพราะวันนึง..ถ้าเขาเกลียดผมขึ้นมาเหมือนกัน.. ผมก็ไม่กล้าคิดว่าตอนนั้นผมจะรู้สึกยังไง

หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 5 26/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 27-12-2014 03:48:18
ฟังหน่อยเถอะ T T
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 5 26/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 27-12-2014 08:08:39
มารอๆ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 5 26/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 27-12-2014 08:27:52
T T หน่วงดีแท้

ฟังพี่เขาพูดหน่อยนะ อย่างน้อยจะได้รู้เรื่องในมุมมองของพี่เขาบ้าง

จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายแล้วละ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 5 26/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 27-12-2014 08:37:44
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 5 26/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: kkmm ที่ 27-12-2014 08:43:18
 :katai1:ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 5 26/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 29-12-2014 21:10:47
 :sad4:งื้ออออ พยายามเข้าใจกันนะ สู้ๆเราเอาใจช่วย

เจอเมนท์ก่อนหน้าไปถึงกับอึ้งค่ะ  :laugh: น่าร๊ากกกก  :jul3:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 5 26/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 30-12-2014 01:45:07
ชอบเรื่องนี้ค่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่าา สู้ๆๆ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 6 30/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 30-12-2014 20:39:52

Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 6 : To stand in your arms


เขากำลังร้องไห้..

ไม่ได้ร้องไห้แบบฟูมฟาย แต่แค่ปล่อยให้น้ำตามันไหลลงมา ยิ่งเห็นแบบนั้น ทำไมผมต้องเจ็บปวดด้วย.. ผมยังรักเขาอยู่เหรอ หรือแค่สงสาร

ผมแค่อยากให้เขารู้สึกผิดบ้าง เจ็บปวดบ้าง แต่ทำไมพอมันเกิดขึ้นจริงๆ ผมถึงกลับต้องเป็นคนที่เจ็บปวดมากกว่าด้วย

เมื่อไหร่เรื่องบ้าๆแบบนี้มันจะจบสักที


“ถ้าผมให้โอกาสพี่อีกครั้ง ..ผมขอให้มันเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม ผมไม่อยากเจ็บอีกแล้ว”

“...”

เขากระชากผมเข้าไปกอด ผมทำได้แค่ยิ้ม ไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกรึเปล่า เพียงวันนี้ผมขอลืมเรื่องทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นไปก่อน ผมคงไม่ดูน่าสมเพชเกินไปใช่ไหม


คนเรามันมีผิดพลาดกันได้..ใช่.. ผมรู้ และเพราะผมรู้ว่ามันเป็นแค่ข้ออ้างของพวกคนเห็นแก่ตัวที่ไม่ซื่อสัตย์ในความรัก มันทำให้
ผมเกลียดพวกมักมาก แต่พอผมได้สัมผัสความรักเข้าจริงๆ ผมกลับได้รู้อีกอย่างหนึ่ง ว่าต่อให้คนที่เรารักเขาทำผิดพลาดอีกสักกี่ครั้ง.. มันก็ไม่ง่ายเลยจริงๆที่จะเกลียดเขาได้

“..ขอบคุณนะ ”

“.อือ..”


เราสองคนเดินกลับขึ้นไปบนห้อง ระหว่างทางเขาบอกผมว่างานที่จัด เขาจัดมันให้ผมเพื่อจะขอคืนดี  ผมเห็นเขายิ้มไม่หยุดตั้งแต่เดินมาจนถึงห้อง ไม่รู้สิ..เห็นเขายิ้มแล้วผมทำตัวไม่ถูก.. มันเขินๆนะ
ไม่ว่าต่อจากนี้ ผมอาจจะเสียใจในสิ่งที่ผมเลือก แต่ผมก็ดีใจนะ..ที่เคยได้รักเขา



“พี่ว่าเราน่าจะเที่ยวกันก่อนแล้วค่อยกลับ นายว่าไง ?”

“ก็ดีนะ”

                               ติ๊ด ติ๊ด..

 ผมยกโทรศัพท์ขึ้นดู และเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอมันทำให้ใจผมเต้นแรง ก่อนจะกดรับโทรศัพท์

“..”

“โรมเหรอ !!? นี่อาเองนะ.. อา..”

“อายังมีสมองอยู่รึเปล่า ..วันหลังอย่าเอาโทรศัพท์ของพ่อแม่ผมมาใช้แบบนี้อีก หันคิดซะบ้างนะครับ” พูดจบผมก็วางสายทันที
รู้สึกแปลกๆตั้งแต่เห็นชื่อเบอร์เป็นเบอร์ของพ่อผมแล้ว..ครั้งนี้อาเล่นแรงไปจริงๆนะ

“อาโทรมาเหรอ”

“อืม”

“จะไม่คุยกับเขาหน่อยเหรอ.. บางทีมันอาจเป็นเรื่องจำเป็นก็ได้นะ”

ผมไม่ได้ฟังที่เขาพูดหรอก.. แต่ผมรู้สึกว่าโทรศัพท์ในมือมันร้อนมากขึ้นนะ ตั้งแต่ตอนที่คุยอยู่แล้วละ ผมมองโทรศัพท์ในมือที่
ร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ..

“มีอะไรรึเปล่า ?”

“ผมว่าโทรศัพท์มันแปลกๆนะ.. ”

“ขอพี่ดูหน่อย”

ผมยื่นโทรศัพท์ให้เขา..และผมเพิ่งรู้ว่าผมไม่น่ายื่นให้เขาเลย..

                ปัง !

“เฮ้ยย..!!”

“เหี้ยเอ้ย.. !”

“พี่ ! ”

เลือดสีแดงฉานไหลหยดลงบนพื้น.. มือผมสั่นไปหมด แผลเหวอะหวะสีแดงบนแขนของเขา กลิ่นคาวเลือดที่ผสมกับกลิ่นไหม้อบอวนอยู่ในอากาศ สีหน้าที่บิดเบ้เพราะความเจ็บปวดของเขา มันทำให้ผมรู้สึกกลัวและสับสนไปหมด ..

“พ..พี่..”

“โทรเรียกพนักงานด้านล่าง ...เร็ว !”
 

ตลอดเส้นทางที่ผมนั่งรถของโรงแรมมายังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวเมืองมันทำให้ผมรู้สึกว้าวุ่นไปหมด.. คีย์ใช้มือที่ไม่เป็นอะไรกุมมือผมไว้หลวมๆ พลางบอกว่าไม่เป็นไรมาตลอดทาง แต่เพราะผมกลัวเกินไป . .ผมเลยแทบไม่มีสติอยู่กับตัวเลยด้วยซ้ำ

 พอถึงโรงพยาบาล นางพยาบาลหลายคนที่กรูเข้ามาเพื่อจะนำตัวเขาไปทำแผล แต่ผมกลับฉุดมือเขาไว้ จนเขาหันกลับมามอง

“..พี่อย่าเป็นอะไรนะ ”

“..แผลแค่นี้เอง.. พี่ไม่ตายง่ายๆหรอก”

เขาส่งยิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าห้องทำแผลไป.. เพราะความโง่ของผมแท้ๆที่ไปซ่อมโทรศัพท์กับร้านแบบนั้น


      ครืด.. ครืด

ผมล้วงโทรศัพท์ของคีย์ที่อยู่ในกระเป๋าออกมา เผลอหยิบมันออกมาด้วยตอนที่รีบออกมาจากโรงแรม

                                         ‘ รินดา ’

ผมเคยได้ยินคีย์คุยโทรศัพท์กับผู้หญิงที่ชื่อรินดาบ่อยๆ  โทรศัพท์สั่นจนหยุดนิ่งไป .. ผมกลัวจะเสียมารยาทเกินไปที่จะรับมัน แต่ดูเหมือนผู้หญฺงคนนี้จะมีความพยายามที่จะโทร จนผมต้องกดรับ

“คีย์พักอยู่โรงแรมไหนคะ ?”

“ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่ใช่คีย์..ผมเป็นเลขาของของเขานะครับ”

“อ้อ...แล้วไม่ทราบว่าคีย์อยู่ไหนเหรอคะ ?”

“คือมันมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นนิดหน่อยนะครับ ตอนนี้ผมกับเขาเลยอยู่ที่โรงพยาบาล..”

“ฉันกำลังจะผ่านโรงพยาบาลแถวนั้นพอดี เดี๋ยวจะเข้าไปหานะคะ”

“เอ่อ..แล้วคุณเป็นลูกค้าของคีย์เหรอครับ”

“...ไม่ต้องรู้หรอกคะ”

เธอวางสายไปเมื่อพูดจบ มีเพียงผมที่ยืนนิ่งค้างราวกับโดนด่า แต่คงดูเหมือนผมยุ่งเกินไปจริงๆนั่นแหละ พวกเขาจะเป็นลูกค้ากันหรือเป็นอย่างอื่น ..ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปถามเธอแบบนั้น


เกือบครึ่งชั่วโมงที่ผมนั่งรออยู่ด้านนอกด้วยความกระวนกระวายใจ ไม่รู้ว่าแผลมันลึกขนาดไหน พวกเขาถึงต้องทำแผลกันนานขนาดนี้ ผ่านไปสักพักสายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินมาพร้อมกับสีคราม ซึ่งในมือของเธอจูงมือของเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนึงมาด้วย..

ผมจำเธอได้นะ.. เธอเป็นผู้หญิงที่สวย สง่า และผมเคยเจอเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง ..

ในคอนโดคีย์คืนนั้นไง

“พี่คีย์เป็นไงบ้างเหรอครับ ??” สีครามดูมีสีหน้าที่เป็นกังวลอยู่พอสมควร ..จนมันมากเกินกว่าแค่คนรู้จักจะเป็นกังวลกันได้

“สีครามไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ..ผมคิดว่าน่าจะไม่เป็นไรมาก”

“คุณ..”

“ครับ ?”

“เรียกผมว่าคุณสีครามสิครับ เราไม่ได้สนิทกันในแบบที่คุณจะเรียกชื่อผมเฉยๆได้นะครับ” สีหน้าของสีครามดูเรียบตึง..

                                               นิสัยของสีครามเป็นนิสัยของคนที่ไม่น่าคบหาด้วยเอาซะเลย ..

“ไง.. ”

“...”

“ไม่เจอกันนานนะคะ ยังสบายดีอยู่ไหม”

หัวใจผมเต้นแรงไปหมด เมื่อได้ยินคำทักทายจากปากของผู้หญิงคนนั้น รวมถึงเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ดูจะไม่ค่อยคบหาคนซะเท่าไหร่

นี่มันบ้าอะไรกัน ?

“ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจอะไรบ้างอย่างที่พี่คีย์เขาปกปิดคุณไว้แล้วสินะ .. อย่าทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกเพราะคุณคนเดียวเลย.. ยังไงก็สงสารเด็กที่ไม่รู้เรื่องบ้างนะครับ” สีครามพูดกับผม แต่ดูเหมือนคำพูดของเขามันไม่ได้เข้ามาในโสตประสาทของผมสักเท่าไหร่.. 

เพราะสายตาของผมจดจ้องอยู่แค่บนใบหน้าของเด็กน้อยตัวเล็ก หน้าของเธอฉายแววบางอย่างที่เหมือนกับคีย์นะ แต่บางอย่างก็ไม่เหมือน..

“พวกคุณมีลูกด้วยกันเหรอ ?” อยากถามให้ชัด.. จะได้ตัดสินใจสักทีว่าจะทำยังไงกับคนที่ไม่ยอมพูดความจริงอะไรเลย

“คะ.. ”

“ชื่ออะไรเหรอครับ ?”

“...น้องคินรดาคะ...”

 “เธอสวยนะครับ..เหมือนคุณเลย”

ผมส่งยิ้มให้เธอ..เหมือนที่เคยส่งยิ้มให้เธอคืนนั้น เพียงแต่ครั้งนี้เธอไม่ได้ส่งยิ้มกลับมา.. สีหน้าของเธอมันฉายแววตื่นตระหนกและกังวลอย่างชัดเจน .. ผมไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งที่เธอกำลังกังวลอยู่มันคืออะไร เพราะผมคิดว่าคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้แล้วละ

“คุณชื่อรินดาใช่ไหมครับ ?”

“คะ”

“ผมได้ยินชื่อคุณจากคีย์บ่อยนะ .. ขอให้คุณมีความสุขนะครับ”


เปล่า..

ในใจผมไม่ได้คิดแบบนั้นเหรอก

ใจจริงผมอยากให้พวกเขาพังพินาศไปทั้งครอบครัวเลยด้วยซ้ำ

แต่เพราะเคยรู้ว่าความรู้สึกหลังจากที่ตัวเองพังพินาศมันเป็นยังไง ผมจึงอวยพรให้พวกเขามีความสุข เพราะผมเชื่อว่าความสุขของพวกเขามันไม่ยั่งยืนนักหรอก..




------------------------------------------------------
หายตัวเข้ากรีบเมฆไปหลังสอบเสร็จ 555555
คิดๆดูเเล้ว..นิยายเรื่องนี้มันจะมีความสุขตอนไหนบ้างวะ
แต่งดราม่าได้ แต่พอแต่งฉากที่อบอุ่นเเล้วขนลุกแปลกๆ
นิยายเรื่องนี้จบแฮปปี้แน่นอน (น่าจะนะคะ คือแบบที่อยู่ในหัวเรา เราคิดว่ามันจบเเฮปปี้นะ..)
มีฉากอบอุ่นและซึ้งๆ (ก็ซึ้งในแบบของผู้เขียนเองนั่นเเหละ 5555)
ขอบคุณนะคะสำหรับคนที่ติดตามมาตลอด ไม่ว่าจะเม้นไม่เม้นนะคะ
มีอะไรติชมได้นะคะ ยินดีรับฟังเสมอ
 
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 6 30/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 30-12-2014 21:20:34
ซึ้งแบบคนเขียนนี่ ซึ้งแบบน้ำตาอาบแก้ม หมดม่าม่าไปสองลังรึป่วคะ?  :hao4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 6 30/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: arigatozung ที่ 30-12-2014 22:50:58
แฮปปี้แบบต่างคนต่างอยู่รึเปล่า พระนายไม่ได้คู่กันตอนจบ ระแวงเบาๆ  :hao4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 6 30/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 31-12-2014 00:28:14
เราว่ารินดานี่ไม่ใช่ศัตรูใหญ่นะ สีครามนี่สิที่ท่าทางจะร้ายได้โล่ห์

เหตุคืนนั้นกับรินดานี่เป็น คนในครอบครัวหรือเปล่า? พ่อ พี่ชาย น้องชาย หรือว่าแฝดของคีย์? ถ้าหากว่าคีย์ไม่ได้อยู่ที่คอนโดในคินนั้น  ที่รินดากังวลอาจจะเป็นคีย์ที่อาละวาดก็ได้นะ

คนแกร่งได้ตามเวลา สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 6 30/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 31-12-2014 04:50:59
อะไรยังไง ไม่ได้อยู่ที่คอนโดแสดงว่าก็ไม่ได้นอนกับผู้ญอื่น
แต่เอ๊ะละน้องคินรดาเป็นใคร ใครโกหก งงและสงสัยค่ะ  :z3:

เหมือนจะหวานมาจึ๋งนึง จึ๋งจริงๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 7 31/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 31-12-2014 18:17:01

Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter  7 : Without falling to your feet


ซ่า..

ไม่รู้ว่าเริ่มเข้าหน้าฝนตั้งแต่เมื่อไหร่ ..บางทีผมอาจจะมีเวลาอยู่กับตัวเองน้อยไป จนไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมต้องการจริงๆตอนนี้มันคืออะไรกันแน่

ที่อยู่ ?

เงิน ?

ความรัก ?

หรืออาจเป็นทั้งหมด ?

ก็ยังดีที่ผมไม่ลืมจะเอาเงินห้าหมื่นจากการขายแหวนติดตัวมาด้วย  มันทำให้ผมไม่ต้องเดินกลับบ้านโดยอนาถนัก ผมเลือกพักที่โรงแรมชั่วคราวแห่งหนึ่งในตัวเมือง ก่อนจะเริ่มคิดว่าจะเอายังไงกับชีวิต

โทรศัพท์คีย์ที่ผมเผลอเอามาด้วย มันมีเบอร์แปลกโทรเข้ามานะ .. แต่ผมก็กดปิดไป ยังไงแค่โทรศัพท์เครื่องเดียว.. ผมขอละกันนะ เพราะผมคงไม่กลับไปหาคีย์ เพียงเพราะจะคืนโทรศัพท์เครื่องเดียวแน่..


บางทีโลกก็น่าตลกเกินไปนะ เมื่อประมาณสองชั่วโมงที่แล้ว ผมยังเพิ่งยกโทษให้เขาไป แค่เวลาผ่านไปไม่นาน ผมก็หนีเขามาอีก..

ผมคงเป็นคนขี้ขลาดจริงๆนั่นแหละ

“เฮ้อ...”

ผมกดเบอร์ลงในโทรศัพท์ และกดโทรออก รอไม่นานก็มีเสียงปลายสายตอบรับกลับมา

“คุณคีย์มีอะไรเหรอครับ ?” ใจผมกระตุกวูบ ... พวกเขารู้จักกันได้ไง ? ...

อากับคีย์.. พวกเขารู้จักกันได้ไง

“อารู้จักคีย์เหรอ ?”

“โรม !? นั่นโรมเหรอ ?” เสียงอีกฝ่ายที่ดูตื่นตระหนกมันทำให้ผมยิ่งกว่ามั่นใจว่าพวกเขาสองคนรู้จักกัน

“อารู้จักเขาได้ไง ?...”

“...”

“ถ้าอาไม่คิดจะพูด..ผมก็คงไม่มีอะไรจะพูดกับอาแล้วเหมือนกันนะครับ..”

“..ความจริง อากับคีย์รู้จักกันมานานแล้วละ คงจะเป็นก่อนที่เขาจะเจอกับโรมด้วยซ้ำ..”

ความรู้สึกชาๆมันเกาะกุมทั้งใบหน้าและหัวใจของผมไปหมด.. รู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก

พวกเขารู้จักกันจริงๆสินะ

“ทำไมอาไม่บอกผม ?”

“..เรากลับมาคุยกันที่บ้านได้ไหม ?”

“เหอะ อาไล่ผมออกมาเองนะ.. จะให้ผมกลับไปเหยียบที่นั้นอีกจริงๆเหรอ”

“โรม.... อาขอโทษ..”

“ช่วงนี้มีคนขอโทษผมบ่อยนะครับ จนผมไม่รู้จะเอาคำขอโทษพวกนี้ไปไหนดี..”

“แล้วโรมจะให้อาทำยังไง ?”

“อธิบายมาสิครับ.. เรื่องของคีย์กับอา”

.....


5 เดือน ...

จะว่าเร็ว ก็เร็วนะ ผมมาทำงานอยู่ที่ลำปาง โดยอาศัยเงินที่มาจากการขายแหวนนั้นแหละ ผมไม่ได้ติดต่ออาไปอีก เพราะคิดว่ามันคงไม่จำเป็น

อาเล่าให้ฟังว่า เขากับคีย์เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก โตมาด้วยกัน จนกระทั่งคีย์เขาไปเจอผมในงานวันนั้น เขาถึงได้รู้ว่าผมเป็นหลานอา อาจเพราะอาเป็นลูกติด บวกกับที่พ่อทำแม่ท้องแบบไม่ตั้งใจ ผมกับอาเลยอายุห่างกันแค่ 4 ปี และพอผมถามว่าทำไมต้องทำกับผมแบบนี้ เขาก็เงียบ.. ในเมื่อเขาไม่คิดจะพูด ผมก็ไม่คาดคั้นอะไร


ผมทิ้งเรื่องทุกอย่างไว้ด้านหลัง และเริ่มต้นใหม่ที่ลำปาง ผมชอบบรรยากาศที่นี่นะ..  มันช่วยเยียวยาบาดแผลในใจผมได้เยอะเลยละ ผมได้งานเป็นแคชเชียร์อยู่ที่มินิมาร์ท 24 ชั่วโมงแห่งนึงนอกตัวเมือง อาอยากจะชดเชยในสิ่งที่เขาทำผิด เขาอยากจะโอนเงินมาให้ผมใช้ทุกอาทิตย์ ผมคิดว่ามันทดแทนกันไม่ได้เลยปฏิเสธไป 

ก่อนทำไม่คิด มาสำนึกผิดหลังทำ

ผมคงช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากมองพวกเขาอยู่ห่างๆ

และคอยซ้ำเติมเมื่อพวกเขาสะดุดล้ม

ไม่รู้หรอกว่าคีย์จะเป็นยังไงหลังจากที่ผมมาอยู่ที่นี่.. และผมได้เรียนรู้หลายๆอย่าง รู้ว่าถ้าคนเราโดนหักหลังซ้ำๆ.. เราจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนตอนแรก เพราะมันจะชาชินไปเอง..

ผมเก็บกวาดห้องเช่าเล็กๆ กะว่าถ้ายังไม่ดึกจนเกินไปนัก ก็จะไปเดินเที่ยวที่ตลาดใกล้ๆกับแถวนี้

ส่วนโทรศัพท์คีย์ ผมขายไปแล้วละ เงินที่ได้ก็เอาไปบริจาคให้มูลนิธิเด็กที่นี่ ผมจะได้ไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรติดค้างกันอีก


ตลาดที่นี่คนพลุกพล่านเต็มไปหมด จนผมเดินชนใครต่อใครมากมาย โดยไม่ได้หันหลังกลับไปขอโทษ

“ป้าครับ อันนี้เท่าไหร่เหรอครับ” ผมถามป้าที่นั่งปู่เสื่อขายของอยู่ ถึงราคาของรูปภาพของทุ่งดอกบัวตองที่ตั้งขายอยู่รวมกับของเก่าอื่นๆ

“อันนี้ป้าขาย 100 ก็พอจ๊ะ .... 80 ก็ได้นะจ๊ะ” ผมส่งยิ้มให้ป้า พร้อมกับยื่นใบห้าร้อยในมือให้

“ไม่ต้องทอนนะครับ ขอบคุณมาก”

ไม่ต้องสงสัยหรอกครับ ว่าทำไมผมถึงให้เงินป้าเขาไปแบบนั้น ถ้าคุณเห็นเด็กที่นอนอยู่บนพื้นกับป้าอีกสองคน คุณอาจจะทำแบบเดียวกันกับผมก็ได้

คนที่นี่บางส่วนไม่ได้สุขสบายหรอกนะครับ อะไรเล็กๆน้อยๆที่ผมทำให้ได้ ผมก็อยากทำให้ เพราะสิ่งที่พวกเขาให้ผม มันมากกว่าด้วยซ้ำ พวกเขาทำให้ผมรู้ถึงคุณค่าของชีวิตที่ควรจะมีอยู่ต่อไป ทำให้ผมรู้ว่ายังมีอีกหลายชีวิตที่พบเจอความลำบากมากกว่าที่ผมพบเจอมา


“เฮ้อ..  ”  ผมขจัดความคิดหลายๆอย่างออกไป เลือกซื้อเสื้อผ้ากับของใช้อีกนิดหน่อย ก่อนจะกลับห้องเช่า
 ช่วงนี้มีอะไรเหนื่อยๆเข้ามา จนผมอยากจะอาบน้ำแล้วล้มตัวลงนอนเร็วๆ ผมมีเวรตอนเที่ยงคืนที่ต้องไปเป็นแคชเชียร์ที่ร้านอีก


                 กึก..

ผมชะงักมือที่กำลังไขกุญแจ ก่อนจะลองหมุนลูกกุญแจดูอีกครั้ง ผมไม่ได้ล็อคห้องเหรอ.. จำได้ว่าก่อนออกไป ผมลองหมุดลูกบิดประตูดูแล้วนะ

ผมเข้ามาในห้องที่มือสนิท จัดการล็อคประตู และลองเช็คความเสียหายดู ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งเปิดไฟนั่นแหละ.. ผมถึงได้รู้ว่าลูกบิดมันไม่ได้ผิดปกติ หรือชำรุดตรงไหนหรอก .. คนที่อยู่ในห้องต่างหากที่มันไม่ปกติ

“ไง ? ไม่เจอกันนานนะ คิดถึงกูบ้างไหม ?”

“..พี่มาได้ไง ..”

“ตามหาที่อยู่มึงไม่เห็นยากเลย”

“...”

“เฮ้อ.. มึงไม่น่าทำให้กูโกรธเอาซะเลยนะ.. ”

“ปล่อยผมสักทีเหอะ.. ”

“ปล่อย ? ปล่อยเหรอ มึงหนีกูกี่ครั้งแล้วละ..”

“....”

“อืม...ถ้าอยู่โดยที่รักกันไม่ได้ งั้นก็อยู่แบบเกลียดกันไปเลยละกันนะ” 

เหงื่อผมเริ่มซึม เกือบลืมหายใจ เมื่อเห็นใบหน้าที่เกรี้ยวโกรธของเขา..

เขาดูน่ากลัวมากจริงๆนะ




--------------------------------------------
เฮ้อออ.. แต่งเอง เหนื่องเอง.. จะรักกันได้ตอนไหน
ยิ่งแต่งยิ่งคิดเยอะ 55555 อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เปลี่ยนพ.ศ. แล้วนะคะ
ใครที่ยังไม่ทำอะไรในปีนี้ ก็รีบทำซะนะ
Happy New Year คะ มีความสุขกันทุกๆคนนะคะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 7 31/12/2014
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 03-01-2015 01:51:08
โรมก็หนี คีย์ก็ตาม เป็นหนังอินเดียเลยอะ :hao3:
แฮปปี้นิวเยียร์ค่าาาา  :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 8 3/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 03-01-2015 18:27:04



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 8 : But there's a side to you

“พี่ต้องการอะไร ..ผมเหนื่อยนะ บางทีพี่ก็ไม่เคยอธิบายอะไรให้มันชัดๆ แล้วจะให้ผมคิดยังไง จู่ๆก็มีผู้หญิงเดินหอบลูกมาบอกผมว่าเขาเป็นเมียพี่ ..”

“แล้วทำไมต้องเอาอดีตมาเกี่ยววะ”

“อดีตบ้าอะไร.. เขายังอยู่ข้างพี่นะ และพี่ก็มีลูกกับเขาแล้วด้วย.. จะให้ผมเป็นชู้เหรอ อยากให้ผมเป็นมือที่ 3 นักรึไง ??”

“อืม ใช่ ถ้าเกิดว่าเป็นคนรักกันไม่ได้ ก็ไม่ต้องเป็น”

“เหอะ..เห็นแก่ตัว”

ผมอยากจะตบหน้าเขาแรงๆสักครั้ง อยากให้เขามีสติซะบ้าง ก่อนจะมาพูดอะไรที่มันเห็นแก่ตัวแบบนั้นใส่ผม .. คำพูดที่เขายิ่งพ่นออกมามันยิ่งน่ารังเกียจเข้าไปทุกวัน

“ใช่ ถ้าเห็นแก่ตัวแล้วมึงจะไม่หนีกูไปไหนอีก ”

“..เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วละ”

“มึงขายชีวิตที่เหลือให้กูแล้วนะ ”

“งั้นผมขอซื้อมันกลับมาละกัน พี่อยากจะให้ผมจ่ายคืนเท่าไหร่ ทุกอย่างที่ทำแล้วพี่จะออกไปจากชีวิตผม ..แล้วเราไม่ต้องมาเจอกันอีก”

“พูดง่ายดีนะ.. แต่กูไม่ให้วะ ยังไงเมื่อก่อนมึงก็เป็นของกูอยู่แล้วนิ ตอนนี้ก็เป็นของๆกูอีกจะเป็นไรไป”

เพี๊ยะ !

หน้าเขาหันไปตามแรงมือผม ผมอยากจะตบซ้ำให้เขาเลือดกบปากไปเลยด้วยซ้ำ  ให้สาสมกับคำพูดที่เขาพูดออกมาง่ายๆ  คำพูดเห็นแก่ตัวน่ารังเกียจพวกนั้น .. . มันน่าขยะแขยง

"จะไปตายที่ไหนก็ไป อย่ามายุ่งกับผม”

“จะเอาอย่างงั้นจริงๆเหรอ อืม..งั้นเรื่องที่บริษัทมึงทำเรื่องกู้เงินจากกูก็คงยกเลิกไปนะ อย่างมากบริษัทมึงก็แค่ล้มละลาย”

“พี่พูดว่าไงนะ ?”

ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังสั่นเพราะความโกรธ เพราะผมไม่ชอบเป็นรองใครและไม่ชอบให้ใครมามัดมือชกแบบนี้

“อามึงเพิ่งขอทำเรื่องกู้เงินจากกูอยู่นะ ทั้งๆที่เงินที่ยืมไปครั้งที่แล้วก็ยังไม่คืน ถ้ามึงไม่มากับกู บริษัทที่พ่อมึงสร้าง กูขอนะ”
เกลียด.. เกลียดรอยยิ้มที่คิดว่าตัวเองจะชนะแบบนั้นที่สุด มันทำให้ผมอยากจะฆ่าคนตรงหน้าให้ตายๆไปซะ

“ก็เอาไปสิ.. อยากได้นักก็เอาไป ยังไงผมก็ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับบริษัทนั้นอยู่แล้ว”

“อืม.. มึงนี่ก็ดื้อด้านกว่าที่กูคิดนะ ถ้าจะเอาอย่างงั้นก็ตามใจ อยากให้บริษัทที่ตระกูลมึงสร้างมาตั้งนานมาพังเพราะความโง่เง่าของมึงคนเดียว ก็แล้วแต่มึง”

“....แค่ผมไปอยู่กับพี่ใช่ไหม ? แค่นั้นก็พอใช่ไหม”

ผมกำหมัดแน่นจนเจ็บมือไปหมด ก่อนจะมองหน้าเขาด้วยความเจ็บปวดเป็นครั้งสุดท้าย ยังไงซะ.. ต่อให้ผมต้องอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต แต่ผมก็ขอสาบานกับตัวเองว่าจะเกลียดเขาให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะเกลียดได้

จะไม่มีวันโง่รักคนอย่างเขาอีกตลอดชีวิต

คีย์เขานั่งเครื่องบินมา และดูเหมือนเขาจะมั่นใจเอาซะมากๆว่าผมจะกลับไปด้วย เขาถึงได้จองเครื่องบินขากลับไว้ 2 ใบ ระหว่างที่รอเครื่องขึ้น ก็มีผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่เดินเข้ามาหาเขา ในมือจูงเด็กผู้หญิงมาด้วย ...คินรดา .. ผมจำเธอได้เพราะสีหน้าเธอมันไม่ค่อยต้อนรับผู้คนสักเท่าไหร่นัก

“พ่อคะ .. . คนนี้ใครเหรอ”

“เพื่อนพ่อเองแหละ เดี๋ยวน้องดาไปรอพ่อตรงนั้นก่อนนะ”

ผู้ชายที่มากับเด็กคนนั้น อุ้มเด็กคนนั้นออกไป ผมมองหน้าคีย์ด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินเมื่อเขาคุยกับลูก ... .. ยิ่งพอคิดว่าเขามีลูกกับผู้หญิงคนนั้น ผมยิ่งเกลียดเขา จู่ๆผมก็อึดอัดจนไม่อยากพูดคุยกับเขา

“มึงควรจะทำความรู้จักเธอเอาไว้นะ .. .”

“ไม่จำเป็น”

“มันจำเป็นแน่ เพราะนับจากนี้มึงคงต้องเป็นพี่เลี้ยงคินรดา”

“หะ ? ผมพูดตอนไหนว่าผมจะเป็น ”

“มันก็ช่วยไม่ได้นะ”

“...พี่น่าจะตายไปซะจริงๆนะ”

“หึ... ถ้ากูตายจริงๆ ก็อย่าเสียใจละกัน”

“ไม่มีวัน”

คุณคงไม่มีทางจินตนาการได้แน่ ว่าการที่ต้องมานั่งเลี้ยงลูกของคนที่หักหลังตัวเองมันสนุกแค่ไหน แค่คิดผมก็อยากจะตายแล้วละ
วันนี้ผมได้ยินคีย์พูดกับคนที่มากับเด็กคนนั้นว่า ให้พาคินรดากลับพร้อมกับรินดา และฝากบอกให้พารินดาอยู่เที่ยวที่นี่กับคินรดาก่อน

ดีจังนะ มากันทั้งครอบครัวเลย เหอะ คนที่น่าสมเพชก็คงไม่พ้นผมอีกนั้นแหละ

มันคงไม่ผิดใช่ไหม ถ้าผมจะเกลียดเขาทั้งครอบครัว

.............

เมื่อมาถึงสนามบิน คีย์ให้คนขับรถขับไปอีกทางที่ไม่ใช่คอนโดที่เขาเคยอยู่ ผมแค่เก็บคำถามไว้ในใจ ไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งถึงที่หมายนั่นแหละ ผมถึงได้รู้ว่าเขาพามาที่ไหน

คอนโดที่เขาเคยนอนกับผู้หญิงคนนั้นไง

ผมยิ้มสมเพชตัวเองในใจ .. .เขาคงอยากตอกย้ำมากสินะ ดีเหมือนกัน .. ผมก็ไม่ได้อยากลืมนักหรอก ก็เอาสิ..อยากเจ็บปวดกันนักก็เจ็บปวดไปให้ถึงที่สุดเลยละกัน

“หาที่อื่นที่ดีกว่านี้ไม่ได้รึไง”

“กูอยากให้มึงจมอยู่กับอดีต ในเมื่อมึงไม่ลืม ก็ไม่ต้องลืม”

“ใครกันแน่.. ใครกันแน่ที่ผิด พี่ชอบพูดเหมือนกับว่าผมเป็นคนผิด ทั้งที่คนที่มันเห็นแก่ตัวน่ะ พี่ไม่ใช่เหรอ..” คีย์ไม่ได้พูดอะไรตอบผม ส่วนผมก็ไม่อยากจะคุยกับเขาแล้วละ

“คินรดาจะมาอยู่นี่ 3 วัน น่าจะมาพรุ่งนี้ มึงก็ดูแลเธอดีๆระหว่างที่กูไปทำงาน” เขาพูด แต่ผมไม่ได้ฟังหรอก
ยิ่งผมเห็นเตียงที่ตั้งอยู่ที่เดิม ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ที่นี่เคยเป็นที่ที่ผมกับเขามีช่วงเวลาที่มีความสุขด้วยกัน และมีเพียงผมคนเดียวที่ทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่เช่นกัน ส่วนเขานะเหรอ.. เสพสุขกับผู้หญิง  ในห้องนี้มันชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆนะ..ถ้าไม่ติดซะว่ามันมีรูปครอบครัวของพวกเขาแขวนอยู่บนผนัง ..

“เฮ้อ.. ทำไมวะ ผมไม่เข้าใจพี่เลย”

“อะไร ? ”

“ก็พี่มีลูกแล้วนะ .. .ยิ่งพี่ทำแบบนี้ มันยิ่งเห็นแก่ตัวกับครอบครัวพี่นะ ถึงพี่ไม่สงสารผม ก็สงสารเด็กที่กำลังจะโตบ้างเหอะ”

“ถ้ามึงรู้ในสิ่งที่คนอื่นเขาเห็นแก่ตัวกับกู มึงอาจจะไม่พูดอย่างนี้ก็ได้”

“แต่ตอนนี้พี่กำลังเห็นแก่ตัวกับผมอยู่นะ ผมอยากให้พี่รู้ว่าผมเหนื่อย..ยิ่งเจอพี่ ผมรู้สึกว่าชีวิตผมมันยิ่งยุ่งยาก”

“กูไม่สน”

พูดจบเขาก็ออกไปจากห้อง ทิ้งผมไว้ในห้อง ผมลองเดินดูรอบๆ มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก ทุกอย่างยังอยู่ในที่ที่มันควรอยู่ และสิ่งที่ทำให้ผมคิดไม่ตกอีกอย่างนึงก็คือ เท่าที่ผมจำได้ห้องนี้มีห้องนอนแค่ห้องเดียว และผมคงไม่นอนกับเขาแน่ ..

   01.30 น.

ถึงเวลาจะล่วงมามากจนผมง่วงนอนมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังไม่ได้นอนหรอก จนกระทั่งเขากลับมานั่นแหละ

“หิวเหรอ”

“เปล่า”

“งั้นก็ไปนอนได้แล้ว มันดึกแล้วนะ”

“ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่”

“เรื่อง ?”

“อาผมกู้เงินพี่ไปเท่าไหร่”

“จะรู้ไปทำไม รู้ไปมึงก็ช่วยอะไรไม่ได้”

“....”

“มากกว่าร้อยล้าน..รู้แค่นั้นก็พอ”

“พรุ่งนี้ผมจะไปหางานทำนะ”

“...อย่าอวดเก่งให้มันมากนักเลย”

“แล้วพี่ยุ่งอะไรด้วย”

ผมตกใจเมื่อจู่ๆเขาก็เดินมาหาผม พร้อมกับก้มลงกระซิบที่ข้างหู

“อย่าลืมนะ มึงก็ไม่ต่างกับขายตัวให้กูแล้วในตอนนี้



------------------------------------------------------
เป็นพระเอกที่น่ารักอะไรอย่างงี้... น่ารักจริงๆ.. TT
คงหวังอะไรไม่ได้เเล้วละคะ อย่าหวังอะไรที่มันดีเกินความสามารถคีย์เลยนะคะ
55555
ขอบคุณนะคะที่ติดตามนิยายเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 8 3/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 03-01-2015 18:38:20
เดาว่าคงไม่ใช่ลูก แต่ก็ควรจะบอกหรือพูดหรืออธิบายอะไรบ้าง คนที่ไม่รู้อะไรเลยแล้วต้องมาทนอยู่สักวันมันทนไม่ไหวขึ้นมามันจะไม่ไหวเอานะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 8 3/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 03-01-2015 18:41:58
เอิ่ม.....เมื่อไหร่จะเข้าใจกัน  พี่คีย์ไม่ยอมอธิบายแล้วให้โรมคิดเอง เออเอง   ขัดจัยยยยย   :m16:    อิตาพี่คีย์ปากร้ายยย :angry2:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 8 3/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 03-01-2015 18:55:17
 :hao5: คียยยยยยยยยยยยยยยยยย์ นายทำแบบนี้ทามายยยยยยยยยยยยยยยย :o12:
ฮื่อออออออออออ โรมมมมมมมมมมมม :o12:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 8 3/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-01-2015 19:35:38
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 8 3/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 03-01-2015 19:48:08
อึดอัดมากกกกก
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 8 3/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 03-01-2015 21:56:20
โห คีย์เป็นพระเอกที่มึนตึงมากๆ  ไม่อธิบายอะไรเลยสักอย่าง ปากร้ายเอาแต่ใจ

ให้โรมจัดการดูแลกับรินดาก็ดีเหมือนกันเพราะว่าโรมน่าจะสามารถเก็บรายละเอียดข้อมูลเล็กน้อยๆจากรินดาได้

เดาเอาว่าลูกสาวนั่นอาจจะเป็นหลานหรือน้องของคีย์ก็ได้ คีย์ไม่น่าจะมีแฝดนะ

ชอบโรมนะ คือโลกของโรมนี่เจอมาสารพัด บิดเบี้ยวตามสถานะ แต่ไม่ได้ดาร์กหรือเลว โลกของโรมไม่ได้สวยแต่ก้ไม่ได้เลวร้าย

เสียจนทนไม่ได้ ดูสมจริงดี
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 9 8/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 08-01-2015 20:01:02



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 9 : That I never knew, never knew

ตืดดดดดด

เสียงกดออดที่ประตูปลุกผมให้ตื่นขึ้น  ก่อนจะบิดตัวขับไล่ความเมื่อย จำได้ว่าเมื่อคืนผมเผลอหลับไปคาโซฟา เพราะไม่ได้เดินไปนอนในห้องกับคีย์ แต่มันก็ดีแล้วละ ผมยอมนอนตากแอร์ในห้องนี้ไปทั้งคืน ดีกว่าไปนอนห้องเดียวกับคีย์

นาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาเกือบ 7 โมง คีย์น่าจะยังไม่ตื่น ปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่จะตื่นเช้าขนาดนี้อยู่แล้ว ผมเดินไปเปิดประตูแทนเจ้าของห้องที่ยังคงหลับอยู่

“..ฉันเอาคินรดามาให้นะคะ.. .” รินดาบอกกับผม

เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้ผมจับความผิดสังเกตบนหน้าของเธอได้ เธอดูกังวลมากเกินไปนะ.. มากจนผมคิดว่าบางทีมันมีอะไรมากกว่าแค่เธอมาฝากลูกไว้กับคนที่เป็นพ่อ

“ครับ.. ขอโทษนะ แต่คุณโอเครึเปล่า”

“อ้อ... ฉันไม่เป็นไรหรอกคะ ฝากแกด้วยนะคะ เรียกแกว่าน้องดาก็ได้คะ ” ผมแค่พยักหน้ารับ รินดายื่นแขนเด็กน้อยมาให้ผมจับแทนเธอ สีหน้าเธอดูไม่ดีเลยจริงๆนะ

“คุณไหวแน่เหรอครับ”

ผมตกใจอย่างมาก เมื่อจู่ๆเธอก็ทรุดลงไปร้องไห้บนพื้น พยายามถามเธอว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า แต่เธอก็แค่ส่ายหน้ากลับมา

“ฮึก... ฝาก..ฝากแกด้วยนะคะ.. ได้โปรด ดูแลแกให้ดี.. ฮือออ.. ”

“ผมว่าคุณเข้ามาข้างในก่อนดีกว่าไหม คุณดูไม่ดีจริงๆนะ..” รินดาส่ายหน้า เธอเช็ดน้ำตา ก่อนจะดึงคินรดาเข้ามากอด หอมแก้มเด็กน้อยทั้งสองข้างและลุกขึ้นยืน 

“ฉัน..กลับก่อนนะคะ”

“ครับ  ดูแลตัวเองดีๆนะ”

“..น้องดา แม่ไปก่อนนะคะ” พูดจบเธอก็เดินออกไปทันที

และตอนนี้มันเริ่มแย่กว่าเดิมเมื่อหนูน้อยที่อยู่กับผม เธอเริ่มสะอื้น.. อ่า.. ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้แต่เช้าเลยนะ บางทีผมก็รู้สึกเจ็บปวดกับการจากลาของสองคนนี้นะ ถ้ารินดาจะเจ็บปวดขนาดนั้น เธอจะเอาลูกมาฝากไว้กับคีย์ทำไมกัน

“...ฮือออออออออออ.. แม่ !!”

เมื่อคินรดาเริ่มที่จะวิ่งตามทางที่รินดาเดินออกไป มันทำให้ผมต้องวิ่งไปคว้าแขนเธอไว้ แต่คินรดาก็พยายามสะบัดตัวออกจากผม จนกลายเป็นว่าตอนนี้ผมต้องกอดเธอเอาไว้แทน เพื่อให้ให้เธอดิ้นไปมากกว่านี้ ..

".. เดี๋ยวแม่ก็กลับมานะครับ..”

“อึก..ฮือออ .. . .”

ผมลูบหลังเธอเบาๆ พยายามปลอบโลกไม่ให้เธอร้องไห้ไปมากกว่านี้ .. . เพราะผมไม่ชอบเห็นผู้หญิงร้องไห้  ต่อให้พวกเธอจะนิสัยยังไง พวกเธอก็เป็นเพศแม่ของผม .. พวกเธอไม่ควรเสียน้ำตากับเรื่องแบบนี้เลย

“ถ้าน้องดาไม่หยุดร้องไห้ แม่ก็จะไม่มารับนะครับ.. เพราะงั้นเลิกร้องเถอะนะ มันดูไม่สวยเอาซะเลยนะครับ”

เด็กน้อยก็ยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่วันยังค่ำ หลงเชื่อคำพูดปลอบโลมธรรมดาๆ แต่เพราะพวกเธอเป็นเด็กนี่แหละมั้ง มันทำให้ผมไม่รู้สึกว่าพวกเธองี่เง่า . . .

“..แล้วถ้าแม่ไม่กลับมาละคะ.. .”

“ทำไมน้องดาคิดแบบนั้นละครับ”

“  . . .เมื่อคืน.. แม่ร้องไห้ วันนี้แม่ก็ร้องไห้..”

“มันไม่มีวันที่แม่จะทิ้งน้องดาหรอกครับ” 

ผมจูงมือเด็กน้อยเข้าห้อง อะไรกันนะ ..ที่มันทำให้ความคิดของเด็กแค่นี้บิดเบี้ยวไป พวกเขากระทำทุกอย่างต่อหน้าลูก โดยไม่คำนึงถึงความคิดของเด็กได้ยังไงกัน

“เฮ้อ..” ผมถอนหายใจเมื่อคินรดานอนหลับไป

ไม่รู้ว่าโชคดี หรือโชคร้ายที่ต้องมาเลี้ยงดูเด็กตัวแค่นี้ ผมชอบนะ .. เลี้ยงเด็กที่ยังไม่รู้จักอะไร เด็กที่ยังเป็นเหมือนผ้าขาว แต่ถ้าเกิดว่า เด็กคนนั้นเป็นเด็กที่เกิดมาจากคีย์กับรินดา

ผมก็ไม่รู้หรอกว่าผมจะชอบได้ไหม

ความรู้สึกหลายๆอย่างมันตีกันจนยุ่งไปหมด ผมแค่สับสนกับตัวเองว่าตอนนี้กำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่  ยิ่งคิดยิ่งสับสน ผมถอนหายใจซ้ำๆกับตัวเอง

“ตื่นนานแล้วเหรอ”

“อือ.. แขนพี่เป็นไงบ้าง” ผมเอ่ยถาม เมื่อนึกขึ้นได้ เห็นเขาใส่เสื้อแขนยาวอยู่ตลอดเวลา มันทำให้ผมลืมนึกไปซะสนิท

ต่อไป ผมคงเลิกใช้โทรศัพท์ไปเลย มันคงไม่มีความจำเป็นอะไรกับผมขนาดนั้นแล้วละ

“ก็ดี หมอแค่ให้ดูแลอย่าให้มันติดเชื้อ”

“....”

“เมื่อกี้เจอรินดาแล้วเหรอ ..”

“...อืม..”

....อ่า..ให้ตายสิ ทั้งๆที่คิดไว้แล้วแท้ๆว่าจะเลิกรู้สึกแบบนี้สักที แต่ผมก็ห้ามมันไม่ได้ ทุกครั้งที่เขาเอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้น ทำไมลึกๆแล้วผมต้องรู้สึกไม่ดีด้วยนะ

ยังไงพวกเขาสองคนก็รักกัน

เฮ้อ..

“แล้วน้องดาเป็นไงบ้าง” เขาพูด พร้อมกับเดินไปหอมแก้มเด็กที่นอนอยู่บนโซฟา ผมแกล้งมองไปทางอื่น พยายามทำเป็นไม่สนใจ

“เธอเพิ่งหลับไปนะ..”

คีย์อุ้มคินรดาไปนอนบนเตียง เขาปาดคราบน้ำตาบนหน้าของเด็กน้อยออก เขาดูเศร้าลงไปทันที ผมพยายามทำความเข้าใจกับเขา เป็นผม..ผมก็ยิ้มไม่ออกนักหรอก ลูกสาวทั้งคนร้องไห้ขนาดนั้น

เขาเข้าไปในครัว ส่วนผมก็นั่งดูข่าวในทีวีไปเรื่อยๆ เกือบๆแปดโมงคีย์ก็เข้าไปอาบน้ำและเตรียมตัวออกไปทำงาน ผมไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่นัก จนกระทั่งเขาเดินมาคุยกับผมก่อนที่จะออกไปทำงาน

“กูฝากลูกกูด้วยนะ ด้านล่างมีมินิมาร์ทอยู่ ถ้ามึงต้องการอะไร ก็ไปซื้อเอาละกัน คีย์การ์ดวางอยู่ในห้องนอน ..ข้าวเช้ากูทำไว้ให้ในครัวนะ”

พูดจบ เขาก็ออกไปทันที ผมได้แค่ถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ เพิ่งรู้นะว่า เขาทำตัวเหมือนพ่อผมเลย เป็นพวกเอาตัวเองเป็นที่ตั้งและไม่ชอบให้ใครมาเถียง

บนทีวีก็ยังคงฉายข่าวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงข่าวธุรกิจ อาผมปรากฏตัวอยู่บนหน้าจอสี่เหลี่ยม พร้อมกับเหล่านักข่าวมากมาย สัมภาษณ์ข่าวก็เกี่ยวกับเรื่องทั่วไป จนกระทั่งมาถึงเรื่องครอบครัว

“ได้ยินมาว่า พี่ของคุณดนัยเพิ่งเสียชีวิตพร้อมกับภรรยาเมื่อต้นปี ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

“จะเป็นการเสียมารยาทไปไหมครับ ถ้าผมขอถามว่าลูกชายคนเดียวของพี่คุณ ตอนนี้เป็นยังไง”

“อ้อ .. ผมรับเป็นลูกบุญธรรมไว้นะครับ โชคดีที่เขาเรียนจบมาแล้ว เลยได้ทำงานภายในบริษัทเลย”

มีบทสนทนาอีกสองสามประโยคที่ผมไม่ได้สนใจ เลือกที่จะกดปิดทีวีทิ้งไป ผมอยากจะรู้จริงๆว่านักธุรกิจส่วนใหญ่ พวกเขามีหัวใจไว้แค่หลอกลวงคนอื่นรึเปล่า หรือแค่มีไว้เหยียบย่ำคนที่ต่ำต้อยกว่า

..ไม่รู้หรอกนะ ว่าอาเขาต้องการจะสูงกว่าคนอื่นสักแค่ไหน แต่เขาคงไม่มีความสุขไปจนกว่าเขาจะเลิกหลอกคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดี

“พ่อคะ...”  ผมหันไปมองตามเสียง พบกับร่างของคินรดายืนอยู่ เธอเดินเข้ามาหาผม และนั่งลงข้างๆ

“พ่อไปทำงานเหรอคะ..”

“ครับ น้องดาหิวรึเปล่า” เด็กน้อยขยี้ตาของเธอ ผมห้ามคินรดาก่อนที่ตาของเธอจะแดงไปหมด

“..พี่ชื่ออะไรเหรอคะ... .”

“..พี่ชื่อโรมครับ”
แววตาที่สั่นไหวของเธอ มันทำให้ผมเกิดความสงสัย นอกจากคินรดาจะไม่ร่าเริงอย่างที่เด็กวัยนี้ควรจะเป็น เธอยังเหมือนกับแบกรับอะไรไว้มากมาย จนผมอยากรู้เหลือเกินว่าพวกเขาเลี้ยงลูกกันยังไง เด็กถึงได้เป็นแบบนี้..

“หนูไว้ใจพี่ได้ไหมคะ..” ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น

“ทำไมเหรอครับ”

“... พี่รู้ไหมว่า .. .ดีเอ็นเคคืออะไร..”

“ดีเอ็นเค ?”

คินรดาก้มหน้านิ่ง.. ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา

“ ฮือ.. หนูเห็นแม่ร้องไห้ ... .ฮึก..ต.. ตอนที่ผู้ชายคนนั้นบอกแม่ว่าจะพาหนูไปตรวจดีเอ็นเค..” 

เขาเรียกว่า.. ..ดีเอ็นเอต่างหากละ ... เด็กโง่

ความรู้สึกแย่ที่ถาโถมใส่ผมมันมีมากมายอย่างนับไม่ถ้วน.. ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้วละว่าเธอจะเป็นลูกใคร จะเป็นลูกคีย์กับใครก็ช่าง.. แต่เด็กอย่างเธอต้องมารับรู้เรื่องเลวๆที่ผู้ใหญ่ทำเอาไว้ มันไม่ยุติธรรมกับเธอเลยนะ..

“ไม่มีอะไรหรอกครับ.. มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร...”

“..ต..แต่..แม่..”

ผมคว้าเธอมากอดไว้.. ให้ตายเหอะ..สาบานว่านี่คือเด็กจริงๆเหรอ ทำไมเธอถึงคิดได้เยอะมากกว่าผู้ใหญ่บางคนซะอีกนะ

“..ฮือ...พี่...พี่สัญญากับหนูนะ... ..พี่ต้องช่วยแม่หนูนะ...”

เพราะไม่รู้จะปลอบเธอยังไง จึงทำได้แค่พยักหน้า.. ถึงผมจะไม่รู้ก็เถอะว่าผมจะสามารถช่วยเธอได้อย่างบริสุทธิ์ใจรึเปล่า..
 




-------------------------------------------
- .. - มันดูแปลกๆปรึเปล่า หลังจากใช้อารมณ์บีบคั้นอยู่นาน ..
อาจจะต้มมาม่ามากขึ้นเรื่อยๆ..
คนเขียนจะไม่อัพนิยายในวันอังคารและวันพุธนะคะ ^^
ขอบคุณมากนะคะ ที่ติดตามนิยายที่มีมาม่าหลายลังเรื่องนี้
สุขสันต์วันเด็กล่วงหน้าคะ 5555
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 9 8/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 08-01-2015 20:33:27
 :sad4: :o12: น้องดาาาาาาา สงสารน้องดาอะ โรมด้วยยยย  :hao5:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 9 8/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 08-01-2015 23:26:24
ต้มน้ำรอ  คีย์นี่เป็นพระเอกที่ค่าตัวแพงใช่ไหมคะ? ออกมาจี๊กเดียว

แล้วอาโรมนี่มันอะไรกัน ตอแหลสุดๆ โกงบริษัทของพี่ชายของหลานไปหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 10 10/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 10-01-2015 20:20:43



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 9 : All the things you'd say

กว่าจะจัดการกับคินรดาได้ เล่นเอาซะผมแทบบ้า  นอกจากเธอจะไม่ยอมหยุดร้องไห้แล้วเธอยิ่งโวยวายเป็นเด็กๆ แต่มันก็ดีแล้วละ ผมจะได้รู้บ้างว่าเธอรู้สึกนึกคิดอะไรอยู่ 

ในครัวมีอาหารเช้าที่คีย์ทำเอาไว้ให้เป็นข้าวพัดง่ายๆที่รสชาติไม่ได้แย่อะไรจนกินไม่ได้ ตอนที่กำลังกินข้าวอยู่ ผมนึกขึ้นได้ว่ามีกระเป๋าเล็กๆที่คินรดาสะพายอยู่ด้วยตอนที่เดินเข้ามา

ผมเก็บจานและล้างมันให้สะอาด ก่อนจะเดินเข้าไปหาคินรดาที่นั่งดูการ์ตูนอยู่ในห้องนั่งเล่น เธอดูดีขึ้นมากกว่าเมื่อเช้าเยอะ ดูเหมือนเธอจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยพูดอะไรไว้กับผม

“พี่โรมมมมมมมมม”

“ครับ มีอะไรครับ” ใบหน้าเล็กๆยิ้มจนตาหยีไปหมด เห็นอย่างนั้นแล้วผมก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้  ทั้งๆที่ผมไม่ใช่คนที่ยิ้มง่ายสักเท่าไหร่นัก

“หนูหิวแล้วคะ ”

“อืม.. จะให้พี่ลงไปซื้อนมให้ไหม หรือน้องดาอยากจะกินอย่างอื่นรึเปล่า”

“แม่บอกว่า ถ้าหิวให้กินของที่อยู่ในกระเป๋าคะ แม่บอกให้พี่โรมเอาให้” เธอพูดพร้อมกับยื่นกระเป๋าสีฟ้ามาให้ผม

ผมรับเอาไว้และลองค้นดูด้านใน มีแค่นมกับลูกอมอีกสองสามอย่าง .. อืม แค่นี้คงไม่อิ่มหรอกมั้ง

“พี่ว่าเดี๋ยวพี่ทำข้าวต้มให้ดีกว่านะ” คิรดาแค่พยักหน้าตอบรับ และหันไปสนใจกับตัวการ์ตูนบนจอสี่เหลี่ยมเหมือนเดิม

ระหว่างที่ผมกำลังต้มน้ำ มันมีเสียงโทรศัพท์ในคอนโดคีย์ดังขึ้น ผมหรี่ไฟบนเตาแก๊สให้อ่อนลง ก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์

“สวัสดีครับ”

“นี่กูเองนะ”

“ครับ มีอะไรรึเปล่า”

“แค่จะโทรมาบอกว่าให้ทำอาหารให้น้องดาด้วยนะ กูยุ่งๆตอนเช้าก็เลยลืมบอกมึง...”

“อืม กำลังทำอยู่แล้วพี่มีอะไรอีกรึเปล่า”

“...แล้วมึงกินข้าวยัง..”

“...”

“..เอ่อ”

“กินแล้ว.. พี่รีบกลับไปทำงานเหอะ พนักงานคงด่าพี่ในใจแล้วมั้ง” ผมได้ยินเสียงหัวเราะของคีย์ดังมาตามสาย ก่อนจะวางสายไป
ความรู้สึกที่วิ่งวนอยู่ในหัวตอนนี้เป็นสิ่งที่ผมอธิบายไม่ได้ ..  มันแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร  บางทีผมอาจจะชอบมันด้วยซ้ำนะ.. ความรู้สึกปั่นป่วนแบบนี้น่ะ

“พี่โรมคะ มีน้ำพุ่งมาจากหม้อด้วยค่า..!”

ฉิบหา..

ผมรีบวิ่งไปปิดเตาแก๊ส มองคินรดาที่หัวเราะอย่างน่าเอ็นดู และพบว่าผมโดนเด็กหลอกเข้าให้แล้วละ  เธอหัวเราะหนักกว่าเดิม เมื่อผมวิ่งไปจับตัวเธออุ้มขึ้นและเหวี่ยงไปรอบๆ

“พอแล้วค่า ฮ่าๆ ..พี่โรมหลอกง่ายจัง”

“ไม่หิวแล้วเหรอครับ ถึงได้แกล้งพี่อย่างนี้”

“หิวค่า”

“งั้นก็ห้ามแกล้งพี่อีกนะ ไม่งั้นพี่จะไม่ทำให้น้องดาแล้วนะ..”

“...ขอโทษคะ..”

สีหน้าที่สลดลงของเด็กน้อย ทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้จริงๆ เลยแกล้งยีหัวเธอจนฟูไปหมด

“พี่แกล้งเล่นนะเด็กโง่”

ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ผมก็ทำข้าวต้มเสร็จ ไม่รู้ว่ารสชาติมันจะเป็นยังไง เพราะผมไม่ค่อยชอบเข้าครัวสักเท่าไหร่

“เป็นไงบ้างครับ” เธอส่งยิ้มจนหน้าบานมาให้ผม

“ไม่รู้สิคะ ต้องกินให้หมดก่อนถึงจะให้คำตอบได้”

อ่า...นี่ผมกำลังจะตกหลุมรักเด็กรึเปล่าเนี้ย

ผมนึกขำกับความคิดของตัวเอง  มองดูเด็กน้อยที่นั่งกินต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งเธอกินหมด คินรดาส่งยิ้มมาให้ผมอีกรอบ นี่เธอจะยิ้มบ่อยเกินไปแล้วนะ ไม่รู้จะให้ผมหลงรักเธอสักกี่ครั้งกัน..
 
“หมดแล้วค่า”

“แล้วตกลงมันเป็นไงบ้างเหรอครับ”

“ก็อร่อยสิคะ ไม่งั้นหนูจะกินหมดเหรอคะ”

“อืม.. ปกติหนูดาอยู่กับพ่อบ่อยไหมครับ”

“ไม่บ่อยหรอกค่า พ่อจะมาหาหนูมากกว่า” 

“แล้วแม่น้องดาไม่ทำงานเหรอครับ”

“ม่ายยยยยคะ พ่อบอกว่าไม่อยากให้แม่เหนื่อย..”

นี่ผมกำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี้ย .. นั่งถามเรื่องครอบครัวอดีตคนรักกับลูกเขาเนี้ยนะ จู่ๆสีหน้าที่สดใสของคินรดาก็หม่นหมองลง

“...แต่ผู้ชายคนนั้น ชอบทำให้แม่บ่นว่าเหนื่อย.. ”

“ผู้ชายคนนั้นเหรอครับ ?” ผมรู้สึกแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้คินรดาก็เคยพูดถึงผู้ชายคนนึงเหมือนกัน

“ช่ายคะ ผู้ชายที่เหมือนพ่อ..หนูไม่ชอบเขาเลย” มันยิ่งเพิ่มความแปลกใจให้ผมมากไปอีก ..

ผู้ชายที่เหมือนคีย์งั้นเหรอ

อาจจะเป็นน้องชายเขารึเปล่า .. ผมจำได้ว่าคีย์เคยบอกผมว่าเขามีน้องชายคนนึง แล้วน้องชายคีย์เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย..

“แล้วน้องดาชอบกินอะไรเหรอครับ”

ผมเปลี่ยนเรื่องคุยซะดื้อๆ .. รู้สึกไม่ชอบสีหน้าที่ดูเศร้าลงไปของคินรดา แต่เรื่องที่เธอเพิ่งพูดออกมา มันกลับติดอยู่ในใจของผม .. ผมเลือกที่จะเลิกคิดเรื่องนี้ ถ้ายิ่งคิดมากเท่าไหร่ ผมก็จะคิดเลวร้ายมากขึ้นไปอีก จนอาจถึงขนาดที่ว่าคินรดาอาจไม่ใช่ลูกของคีย์

มันเป็นไปไม่ได้หรอก...ใช่ไหม?

“น้องดาชอบกินทุกอย่างเลยค่า”
รอยยิ้มที่ส่งมาอย่างจริงใจของเด็กคนนี้...  พวกเขาคงไม่ทำเรื่องเลวๆอย่างที่ผมกำลังคิดจริงๆใช่ไหม .. เพราะถ้าพวกเขาทำมันจริงๆ พวกเขาก็คงไม่ใช่คนแล้วละ


18.43

เวลามันหมุนไปเร็วนะ แปปเดียวก็เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว คินรดากำลังนอนหลับอยู่บนตักผม.. เด็กนี่จะน่ารักเกินไปแล้วนะ ผมไม่กล้าจะเดินไปปิดการ์ตูนที่กำลังฉายอยู่บนหน้าจอทีวีด้วยซ้ำ กลัวว่าคนที่กำลังนอนหลับสบายจะตื่นซะก่อน
 
ตื๊ด

คีย์น่าจะกลับมาแล้ว ผมได้ยินเสียงรูดคีย์การ์ดเข้ามา และดูเหมือนเขาไม่ได้กลับมาคนเดียวซะด้วยสิ ..

“ไงครับ ไม่เจอกันนานเลยนะโรม” ผมจ้องหน้าสีครามนิ่งๆ เขาใช้สายตาที่ไม่จริงใจเลยแบบนั้นมองผมได้ไงนะ .. ไม่ละอายบ้างรึไง ..ผมเกลียดพวกปากอย่างใจอย่างจริงๆเลย

“ก็ดี”

“วันนี้สีครามจะมากินข้าวเย็นด้วย ..มึงคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม”

“อืม.. แต่ผมคงไม่กินแล้วนะ ไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่” คีย์ดูเหมือนมีอะไรอยากจะพูดกับผม แต่ผมไม่อยากสนใจนักหรอก อยากอุ้มคินรดาไปนอนบนเตียงมากกว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้ให้ตกเป็นเป้าสายตา

“ออกมากินข้าวด้วย”
 
ไม่รู้ว่าทำไม ผมถึงรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าขึ้นมา จู่ๆผมก็ไม่ชอบที่เขาสั่งผม.. ทั้งที่เมื่อก่อนเขาก็สั่ง แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันต่างกันนะ และผมก็ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เอาซะเลย

“ถ้าโรมเขาไม่อยากกินก็ไม่เป็นไรเลยนี่ครับ ยังไงสีครามก็อยู่เป็นเพื่อนคีย์อยู่แล้ว”

“มึงออกมากินข้าวด้วยนะ”

ผมไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ อุ้มคินรดาไปนอนในห้องและหรี่แอร์ให้เธอ แอบหอมแก้มเธอเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว เป็นเด็กนี่ดีจริงๆเลยนะ  แค่แปปเดียวก็เลิกคิดเรื่องแย่ๆได้แล้ว ผมชักจะอิจฉาคินรดาซะแล้วสิ

“วันนี้คินรดาเป็นไงบ้าง” ผมหันไปมองตามต้นเสียง เจอคีย์กำลังยืนพิงประตูอยู่

..แววตาแบบนั้นมันอะไรกัน แววตาที่เขามองคินรดาอย่างอบอุ่น .. ผมจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายมันเมื่อไหร่กันที่เขาเคยมีแววตาแบบนั้น  .. .

“ก็ดี เธอน่ารักดีนะ ฉลาดแล้วก็สวย..”
 
“...แล้วมึง.. เป็นไงบ้าง”

“..ปกติดี ”

“อืม ..”

“....แล้วพี่ยังเจ็บแขนอยู่รึเปล่า”

“ผ่านมาตั้งนานแล้ว จะเจ็บอยู่ได้ไง”

“..”

“ขอบคุณนะ.. ที่เป็นห่วง”


ตึก..ตึก ตึกตึกตึก..

 อ่า.. เสียงหัวใจแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกสับสนอีกแล้วนะ เฮ้อ..ก็เพราะไอ้เสียงหัวใจแบบนี้นี่แหละ ที่ทำให้ผมอยากเห็นแก่ตัว..
......

ผมไม่อยากจะพูดบรรยายภาพบรรยากาศตอนนี้มากนัก .. มีเพียงความน่าอึดอัดอยู่รอบๆตัวไปหมด ทั้งๆที่บนโต๊ะมีอาหารหรูหราที่ดูน่ากินอยู่หลายอย่าง แต่มันกลับเหมือนมีหมอกบางๆคั่นกลางระหว่างพวกเราเอาไว้

คีย์นั่งตรงหัวโต๊ะ ซ้ายมือของเขาเป็นผม และตรงกันข้ามกับผมก็เป็นสีคราม ซึ่งสีครามคงเป็นคนเดียวที่ดูมีสีสันต์ขึ้นมาผิดปกติ

“พี่คีย์ลองกินอันนี้ดูสิ ผมทำให้พี่เลยนะ”

งั้นผมคงคิดผิดแล้วมั้งที่มานั่งร่วมโต๊ะด้วยแบบนี้ สีครามคงไม่อยากให้ผมมานั่งด้วยมากนัก หลายครั้งนะที่สีครามเผลอทำท่าทีแปลกๆใส่ผม มันทำให้อาหารมื้อนี้ดูจืดชืดขึ้นมาทันทีเลยละ

“..งั้น..” ผมกำลังจะลุกขึ้น และเก็บจานในส่วนของผมออกไป แต่ก็มีเสียงขัดขึ้นมาซะก่อน

“อย่าลุกไปไหนนะ อย่างน้อยก็กินสักครึ่งนึงก็ยังดี กูไม่ค่อยเห็นมึงกินอะไรเลยช่วงนี้”

แอร์ในห้องนี้มันเสียเหรอ .. จู่ๆมันถึงร้อนขึ้นมาแบบนี้ คำพูดของเขามันมีอิทธิพลกับผมมากจนผมต้องยอมนั่งลงนิ่งๆ แวบนึงที่สีครามชะงักค้างไป ก่อนจะทำราวกับเมื่อกี้ไม่ได้มีใครพูดอะไร

“กูบอกให้สีครามทำของที่มึงชอบด้วย ลองกินดูดิ”

เขาพูดพร้อมกับตักของหลายๆอย่างมาไว้บนจานผม .. ถ้าหูผมไม่เพี้ยนผมได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆของสีครามด้วยนะ..

เขาชอบคีย์ ?

“งั้นสีครามกลับก่อนนะครับ แล้วเรื่องที่เราตกลงกันเอาไว้ ผมหวังว่าพี่จะไม่ลืม !” พูดจบ สีครามก็เดินออกไปจากโต๊ะทันที

“..มึงไม่ต้องสนใจสีครามมากนักหรอก นิสัยเขาก็เป็นแบบนั้นมานานแล้วละ”

“ผมว่าเขาชอบพี่นะ.. ”

“แต่กูไม่ได้ชอบเขานี่”

สรุปแล้วอาหารมื้อนี้ มันมีทั้งความรู้สึกแปลกๆผสมกับความรู้สึกดี .. ความรู้สึกดีเนี้ยนะ ? พอยิ่งคิดแบบนี้ ผมก็ยิ่งหวั่นไหว.. เริ่มกลัวตัวเองจะเป็นคนที่เจ็บไม่จำซะจริงๆ

“เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อนนะ ”

“ครับ”

“..วันนี้มึงเข้ามานอนในห้องก็ได้นะ ..”

“พี่นอนกับคินรดาไปเหอะ มันจะอึดอัดซะเปล่าๆ..”

“ไม่เป็นไรหรอก .. เตียงมันใหญ่พอ”

ให้ตายสิ.. ผมเริ่มจะบ้าแล้วนะ ทำไมแค่คำพูดเล็กๆน้อยๆผมต้องเก็บมาคิดด้วยนะ แล้วไอ้หน้าที่มันกำลังร้อนฉ่าอยู่ตอนนี้อีก .. ผมคงกำลังจะบ้าแล้วจริงๆสินะ

“เฮ้ย .. ลืมเอาผ้าเช็ดตัวเข้ามาวะ หยิบมาให้หน่อยดิ”

“..แค่กๆ .. หะ ? พี่ว่าอะไรนะ” ผมสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่พอดี
นี่เขาตั้งใจจะแกล้งผมรึเปล่าเนี้ย วันนี้มันหลายครั้งแล้วนะที่เขาทำตัวแปลกๆใส่ผม

“เร็วดิวะ กูหนาว”

“ห้ะ !? ”

“หรือจะให้กูเดินออกไปเอา..”

“ไม่ต้อง ! เดี๋ยวผมเอาไปให้เอง”

ผมแทบจะวิ่งไปหาผ้าเช็ดตัวให้เขา ..คนบ้าแบบไหนกันแน่ที่เขาเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่เอาผ้าเช็ดตัวเข้าไป

 “อยู่นี่” ประตูห้องน้ำโดนเปิดแค่ครึ่งนึง ก่อนที่คีย์จะโผล่ตัวออกมาแค่ครึ่งเดียว

และสีหน้าเขาดูกวนตีนผมเอาซะมากๆเลยละ
“ทำไมหน้ามึงแดงไปถึงหูอย่างงั้นวะ”

“แดงบ้าอะไร พี่อย่ามามั่ว”

“ทำไม ? เขินเหรอ”

“เหอะๆ ..เขินพี่เนี้ยนะ”

“อืม..ไม่เขินก็แล้วไป แอร์ 25 องศาคงทำให้อากาศในห้องร้อนละมั้ง หึ..”

“..” 

. . .. แล้วใครจะโง่บอกว่าตัวเองเขินบ้างละ..







---------------------------------
ฟินไปดิ 555555  -   - แต่ความฟินแบบนี้..
มักจะมาพร้อมกับมาม่าห่อใหญ่..
..อย่าหวังอะไรมากมายเลยคะ มันยังมีเรื่องราวอีกมากมาย..
 555 สุดท้ายก็ยังคงขอขอบคุณเสมอนะคะที่ยังคงติดตามนิยายเรื่องนี้อยู่
ขอบคุณจริงๆค่าา
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 10 10/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 10-01-2015 21:56:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 10 10/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 10-01-2015 22:15:33
ว่าแล้วต้องมีคนที่หน้าตาคล้ายคีย์ แม่คินรดาอาจจะนอนกับทั้งคู่ไม่คีย์ก็รับเป็นพ่อให้คินรดา ไม่งั้นคีย์ก็น่าจะรับเฉยๆว่าตัวเองผิดที่ไปนอนกับหญิงแล้วทำเขาท้อง

ไม่อยากได้มาม่า แต่ก็ทำใจไว้แล้ว จะฟินก็ฟินได้ประมาณ 30วิมังเนี่ย
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 10 10/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 10-01-2015 22:21:12
คีย์มีแฝด?
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 11 13/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 13-01-2015 21:30:53



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 11 : They were never true, never true


 หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จก็คงเป็นผมที่ต้องอาบน้ำต่อไป เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคินรดาก็ไม่ได้อาบน้ำเหมือนกัน

“ลูกพี่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ ”  ผมพูดกับคนที่กำลังเช็ดผมให้แห้ง

“เดี๋ยวกูอาบให้ก็ได้ มึงไปอาบเหอะ”

ใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำ ผมแต่งตัวในห้องน้ำและเดินออกไป พบกับคีย์ที่นั่งอยู่ขอบเตียงกำลังนั่งเกลี่ยผมของคินรดาให้เข้าที่ และดูเหมือนว่าคินรดาจะงอแงเอาซะมากๆ  แต่ผมก็เข้าใจนะ ตอนผมเด็กๆผมก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน

“ดูเหมือนเธอจะไม่อยากอาบน้ำแล้วนะครับ”

“อืม คงเป็นอย่างงั้น”

“ไม่ต้องอาบก็ได้นะ ผมว่าน้องดาไม่ได้ออกไปเล่นที่ที่มันสกปรกมากสักหน่อย เดี๋ยวผมนอนข้างล่างก็ได้ พี่นอนบนเตียงกับคินรดาไปเถอะ”

“ได้ไง ? ก็มานอนด้วยกันดิ”

“ลูกพี่จะอึดอัดเอานะ”

“เดี๋ยวกูนอนข้างล่างเองก็ได้”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร ผมนอนได้”

“..พ่อคะ..”

ระหว่างที่ผมกับคีย์กำลังเถียงกันเรื่องที่นอน คินรดาก็กำลังตื่นพอดี เธออ้าปากหาว จนผมเอ็นดู เธอน่ารักมากเลยนะ .. ความน่ารักของเธอทำให้ผมลืมแทบทุกเรื่องได้เลย

“ว่าไงครับ นอนเยอะนะเรา ” คีย์บิดจมูกเล็กๆของคินรดาแล้วส่ายไปมา 

ใครจะคิดละ ว่าภาพนักธุรกิจที่แสนน่ากลัวจะมีมุมแบบนี้กับครอบครัว.. ครอบครัวงั้นเหรอ ผมลืมอะไรไปรึเปล่า

.. ผม.. กำลังทำให้ครอบครัวของเขาแตกแยกรึเปล่า  ถ้าคินรดารู้ว่าผมเคยเป็นอะไรกับคีย์มาก่อน เธอก็คงเกลียดผม  แล้วนี่ผมอยู่กับเธอแค่วันเดียว ผมยังรักเธอได้ขนาดนี้ ถ้าผมต้องอยู่กับเธอไปนานมากกว่านี้ ผมจะไม่เจ็บปวดมากขึ้นเหรอ

“เป็นอะไรเหรอ สีหน้ามึงดูไม่ดีเลยนะ”

“..เปล่า พี่นอนกับคินรดาเถอะนะ ถือว่าผมขอ..”

“ไม่เอา .. หนูอยากนอนกับพี่โรมด้วย”

“ครับ ? กับพี่เนี้ยนะ”

“ช่าย  อยากนอนทั้งกับพ่อและพี่โรมด้วย” ผมหันไปมองหน้าคีย์เพื่อขอคำตอบ

“.. ...ก็ได้ครับ”

“พ่อคะ ให้น้องดานอนตรงกลางได้ไหมคะ..”

“ได้อยู่แล้วครับ”

“ให้พี่โรมอ่านหนังสือให้ฟังด้วยได้ไหมคะ..”

“ทำไมไม่ลองถามพี่โรมดูละครับ..”

“..ได้ไหมคะ พี่โรม..” กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ สายตาอ้อนวอนของหนูน้อยจ้องมาที่ผมแทน  ทำให้ผมจำใจต้องพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
 
“ครับ.. ได้ครับ”

“น้องดาไม่อาบน้ำได้ไหมคะ.. ”

“ถ้าน้องดาตื่นแล้ว ไม่อาบไม่ได้ครับ .. เดี๋ยวพ่ออาบน้ำให้นะ”

“ก็ได้คะ”

คีย์อุ้มคินรดาไปในห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงฝักบัวและเสียงพูดคุยหยอกล้อกันระหว่างสองพ่อลูก .. .ได้ยินแบบนั้นแล้วทำให้ผมคิดมากเข้าไปอีก.. พวกเขาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบจริงๆนะ ขาดก็แค่รินดาคนเดียว .. และเหตุผลที่เธอยู่ที่นี่ด้วยไม่ได้ ก็อาจจะเพราะผมอยู่ที่นี่ด้วย

“เฮ้อ..” ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา เอนพิงไปข้างหลังและหลับตาลง.. มันช่วยให้ผมไม่คิดมาก และมันจะช่วยให้สมองผมปลอดโปร่งขึ้น

ผ่านไปราวสิบนาที คีย์ก็ยังอาบน้ำให้คินรดาไม่เสร็จ ระหว่างนั้นผมเลยเปิดดูข่าวทั่วไป แต่ก็ไปสะดุดกับคำพูดรายงานของนักข่าว

“สำหรับวันนี้นะครับ ข่างก็คงไม่พ้นเรื่องของคุณดนัยนะครับ ที่ตอนนี้กำลังวางแผนจะขายหุ้นบางส่วนให้กับเจ้าของบริษัท K&R ”

“...K&R..?” มันชื่อบริษัทของคีย์ไม่ใช่เหรอ

นักข่าวไม่ได้อธิบายรายละเอียดอะไรเพิ่มมากนัก จู่ๆจอทีวีก็กลับมาเป็นสีดำสนิท ผมมองหารีโมท เพราะคิดว่าเผลอไปนั่งทับมัน ก่อนจะเห็นมันอยู่ในมือของคีย์

“..เขาขายหุ้นให้พี่เหรอ”

“..มึงอย่าไปสนใจเลย”

“พี่บอกไม่ให้ผมสนใจ.. นั่นมันบริษัทพ่อผมนะ ..ถ้าพี่เป็นผมพี่ไม่พูดแบบนี้แน่” ผมมองหน้าเขาอย่างตัดเพ้อ จนเขาเบือนหน้าหนี

“กูแค่ไม่อยากให้มึงเครียด..”

“แล้วพี่ซื้อจริงๆรึเปล่า” คีย์ดูเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ร่างเล็กของคินรดาในชุดสีชมพูวิ่งเข้ามาซะก่อน ทั้งผมและเขาเลยเงียบกันทั้งคู่  มันไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกที่จะมาทะเลาะกันต่อหน้าเด็ก

“พี่โรมขาาา”

“ครับ”

“ไปนอนกันเถอะคะ น้องดาง่วงแล้ว”

“ครับ..” ผมกำลังจะอุ้มคินรดา แต่โดนคีย์ตัดหน้าไปซะก่อน จนผมต้องเดินตามหลังเขาไปเงียบๆ มีเพียงคินรดาที่พูดจาถามโน่นถามนี่ตามประสาเด็กไปเรื่อย

“พี่โรมอ่านหนังสือเล่มนี้ให้หน่อยนะคะ หนูอยากฟัง”

“ได้ครับ”

“เดี๋ยวนี้อะไรๆก็พี่โรม ลืมพ่อไปรึยังครับเนี้ย”

“ยังหรอกค่า .. น้องดาเจอพ่อเยอะแล้ว เพิ่งเคยเจอพี่โรมแค่วันเดียวเอง..”

ผมลองเปิดหนังสือและอ่านคร่าวๆในใจดู ก่อนจะเริ่มอ่าน

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.. มีเจ้าชายและเจ้าหญิงที่แต่งงานและอยู่ด้วยกันภายในปราสาท ภายนอกดูเหมือนทั้งสองจะหลงรักซึ่งกันและกัน .. แต่ความจริงนั้น ทั้งสองเพียงแค่โดนจับคลุมถุงชนเพียงเท่านั้น .. เจ้าหญิงเป็นฝ่ายทนไม่ไหวที่ต้องทนแสร้งทำว่ารักเจ้าชายมาก จึงได้เอ่ยปากพูดกับเจ้าชายในวันหนึ่ง”

“เจ้าชายคะ..ฉันขอ..” ผมหยุดเล่าไป.. เพราะรู้สึกกระดากปากนิดหน่อยที่ต้องพูดบทผู้หญิง

“พูดต่อสิคะ..” ผมมองหน้าคินรดา ก่อนจะลอบถอนหายใจ ..

“เจ้าชายคะ ฉันขอยกเลิกสัญญาที่ทำกับท่านไว้ได้ไหม..”

“บทต่อไปให้พ่อพูดสิคะ.. จะได้พูดตอบกัน” เด็กตัวน้อยขัดขึ้นอีกเมื่อผมกำลังจะพูดประโยคต่อไป

“..”

“นะนะ..นะคะ”

คีย์พยักหน้าเล็กน้อย  ผมเลยต้องวางหนังสือลงตรงกลางเพื่อที่เขาจะได้อ่านมันอย่างถนัด

“พี่อ่านต่อจากที่ผมอ่าน อยู่ตรงบรรทัดที่สาม” 

“...ถ้าข้าไม่อนุญาต เจ้าก็ห้ามขอที่ไปจากข้า”

“พี่พูดให้มันง่ายๆหน่อยสิ เด็กจะเข้าใจได้ไงถ้าพี่พูดแบบนั้น”  ถ้าขืนเขาอ่านตามหนังสือหมดทุกอย่าง อย่าว่าแต่คินรดาเลย ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก

“ถ้าผมไม่อนุญาต คุณก็ห้ามไปจากผม”

“แต่ฉันไม่ไหวแล้วที่ต้องทนแบบนี้”

“...”

“อ่านต่อสิพี่ จะหยุดทำไม”

“ก็..ฉากต่อไปมันติดเรทนะ”

“ห้ะ ?”

สายตาผมไล่อ่านตามที่เขาบอก ..นี่เขาซื้อนิยายอย่างนี้มาไว้ในห้องเหรอ แล้วถ้าเกิดว่าวันนึงคินรดาโตขึ้นแล้วมาเจอนิยายแบบนี้ .. จะไม่คิดว่าพ่อตัวเองเป็นคนแปลกๆเหรอ

“อย่าคิดอะไรบ้าๆนะ กูไม่ได้ซื้อมา”

“แล้วมันจะอยู่ในห้องพี่ได้ไง”

“ไม่รู้ดิ รินดาอาจลืมไว้มั้ง..”

“..อ้อ... ..”

หนังสือเล่มหนาถูกผมปิดลง ส่วนคินรดาก็หลับไปแล้ว.. พอไม่มีเสียงของคินรดาที่คอยทำให้รอบตัวไม่เงียบเหงาจนเกินไป ก็กลายเป็นบรรยากาศน่าอึดอัดระหว่างผมกับคีย์ซะงั้น เขาไม่ได้พูดอะไร ผมก็ไม่อยากพูดเหมือนกันเลยตัดสินใจล้มตัวลงนอน สักพักคีย์ก็ปิดไฟและล้มตัวลงนอนเช่นกัน

“..นอนยัง..”

“..  ยัง” ผมรู้แค่ว่าเขาหันหน้ามาหาผมท่ามกลางความมืด อาจะเพราะมองไม่เห็นสีหน้าของเขา ผมถึงได้กล้าจดจ้องใบหน้าของเขา

“.. รินดาไม่เคยมานอนที่ห้องกูนะ .. .”

“จะบอกทำไม.. ไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย”

“..ก็อยากบอก ..”

“ อือ ” 

“...”

“..”

“ ฝันดีนะ ” นั่นเป็นคำสุดท้ายที่ได้ผมได้ยิน ก่อนที่จะหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน

....


“อาโรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม !!!”

ผมแทบจะสะดุ้งตื่นเพราะความตกใจ จู่ๆคินรดาก็มาตะโกนใส่หูผมแบบนี้  เธอฉีกยิ้มและหัวเราะ จนผมนึกขำกับท่าทางแบบนั้น

“กี่โมงแล้วครับเนี้ย”

“เกือบ 10 โมงแล้วค่า”

“10 โมง !?”

“ค่า พี่โรมหลับไปนานมากเลย พ่อฝากบอกว่าถ้าพี่โรมตื่นแล้ว ให้กินข้าวที่อยู่ในครัวด้วยคะ”

“แล้วพ่อน้องดาไปทำงานแล้วเหรอครับ”

“ค่า ..ไปตั้งแต่ 9 โมงเลย”

“แล้วน้องดากินอะไรยังครับ”

“กินแล้วคะ พ่อทำให้แล้ว”

คินรดาวิ่งออกไปดูการ์ตูนที่กำลังฉายต่อบนทีวีด้านนอก ส่วนผมก็ยังคงนั่งมึนๆอยู่บนเตียง เดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เสร็จแล้วจึงเดินมาหาคินรดาที่นั่งเล่นอยู่บนโซฟา

“อยากกินอะไรเพิ่มไหมครับ”

“อยากกินนมคะ หนูยังไม่ได้กินนมเลย”

“งั้นเดี๋ยวพี่เอานมไปใส่แก้วให้นะครับ”

ผมรับกล่องนมของเมื่อวานจากคินรดามา ตรวจดูวันหมดอายุและเทลงในแก้ว ก่อนจะส่งมันให้กับคินรดา

“..สีครามกับรินดานี่เป็นอะไรกันเหรอครับ”

“แม่เรียกพี่สีครามว่าน้องคะ..”

“อ้อ...แล้วนี่กินนมเลอะหมดแล้วนะครับ เดี๋ยวพี่ไปหาผ้ามาเช็ดให้นะ”

เพียงแค่ไม่กี่ก้าวที่ผมเดินจากไป เสียงเหมือนอะไรบางอย่างตกลงพื้น ตามด้วยเสียงของคนล้มลงไป

เพล้ง !


“เฮ้ย !”

“..พ..พี่”

เศษแก้วที่ปะปนกับสีขาวของนมสร้างความตะลึงให้ผมเป็นอย่างมาก.. แค่ชั่ววูบเดียวที่ผมยืนอึ้ง ก่อนจะรีบไปอุ้มคินรดาที่พยายามจะลุกขึ้นหนีจากเศษแก้วที่แตกหักอยู่รอบๆตัวเธอ แต่กลับกลายเป็นว่าผมยิ่งช็อคมากกว่าเดิมเมื่อสังเกตเห็นว่าที่แก้มของเธอมีบาดแผลขนาดใหญ่ฝากไว้ ..

ผมห้ามแขนตัวเองที่กำลังอุ้มเธอด้วยความสั่นเทาไม่ได้เลย.. ยิ่งเห็นหยดเลือดสีแดงเข้มที่ไหลตามพื้นทางแล้ว .. .ใจผมก็แทบจะหยุดเต้น


“พี่โรม..”

“..ค.ครับ.. ไม่เป็นไรนะ..”

“..หนูเจ็บ..”

ผมรีบพาเธอไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด .. ระหว่างทางมันมีแต่ความรู้สึกชาไปหมด ยิ่งเห็นเธอพูดว่าเจ็บตลอดทาง ..ผมแทบอยากจะเอาเศษแก้วพวกนั้นมากรีดแขนตัวเองซะ ถ้าเกิดมันจะช่วยให้เธอรู้สึกเจ็บปวดน้อยลง

“..ผมขอโทรศัพท์หน่อยได้ไหมครับ” ผมพูดกับนางพยาบาลนางหนึ่ง แม้จิตใจจะพะวงอยู่กับเด็กน้อยที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน แต่ผมก็ต้องคุมสติตัวเองให้อยู่ ถ้าหากผมสติแตกไป ผมกลัวว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอแล้วผมไม่ได้อยู่ด้วย .... ..ผมคงเสียใจไปตลอดชีวิต

“ได้คะ เชิญทางด้านนี้เลยคะ” ผมกดตัวเลขลงไปด้วยความสบสน ภาวนาขอให้หมายเลขนี้ยังเป็นเบอร์ของคีย์อยู่

“สวัสดีครับ”

“คีย์ ! ”

“โรมเหรอ .. เกิดอะไรขึ้นวะ แล้วมึงอยู่ไหน ?”

“อยู่โรงพยาบาล.. .”

“ทำไม ! เกิดอะไรขึ้น ?!”

“..คินรดา.. พี่..ช่วยรีบมาหน่อยได้ไหม..”

“เดี๋ยวกูไป !”

เขาตัดสายโทรศัพท์ไปแล้ว ..แต่ผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ส่งโทรศัพท์คืนพยาบาลไป และกลับไปนั่งหน้าห้องฉุกเฉินด้วยจิตใจที่ปั่นป่วนยิ่งกว่าเดิม .. จะเรียกว่ากลัวจนไม่กล้าขยับไปไหนเลยก็ได้


“เกิดอะไรขึ้นวะ !!” 

“..เธอล้ม และทำแก้วแตก.. ” พอพูดถึงตอนนี้ ความรู้สึกแย่ๆมันถาโถมเข้ามาจนผมต้องก้มหน้าลง

“แล้วอะไรอีก !”

“แก้ว..มันบาด.. .ตัวเธอ”

 “แล้วทำไมมึงไม่ระวังวะ !?”

“....”

“กูให้มึงมาเลี้ยงลูกกูนะ ไม่ได้ให้มาทิ้งๆขว้างๆ !”

“...”

“..แม่ง !”

“พี่ใจเย็นๆนะครับ โรมเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้นะ”

ผมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง และพบว่าเป็นเสียงของสีคราม ด้านหลังของเขามีรินดายืนหลบอยู่.. .และขอบตาแดงๆนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก.. ไม่รู้หรอกนะว่าคนเป็นแม่จะรู้สึกยังไง แต่ผมคิดว่ามันต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ.. เพราะผมที่เป็นแค่คนนอกยังไม่อยากเจอภาพแบบนี้เลยด้วยซ้ำ

“คุณโรมออกไปก่อนไหมครับ...” ผมมองหน้าสีครามตรงๆ

“ให้มันอยู่นี้แหละ”

“พี่พูดว่าอะไรนะ ?”

“...”

“พี่เรียกผมว่ามันเหรอ ? ”

ทำไมไม่รู้..แต่ผมรู้สึกเจ็บจัง ทั้งที่คิดว่ามันจะชินชาไปแล้วซะอีก รู้สึกราวกับผมโดนตัดออกจากโลกรอบตัวโดยสมบูรณ์..

คุณหมอในชุดกาวน์สีขาวสะอาดตาเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ก่อนจะรายงานผลของคินรดา รินดารีบถลาเข้าไปฟัง ต่างกับผมที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ

“เด็กไม่ได้ลื่นล้มนะครับ แต่มีอาการแพ้น้ำนมอย่างรุนแรงจนทำให้ช็อค โชคดีนะครับที่พามาโรงพยาบาลทัน ..ช่วยระวังเรื่องนี้ให้มากเป็นพิเศษด้วยนะครับ เพราะครั้งต่อไปเธออาจไม่โชคดีแบบนี้อีก..”

“ข..ขอบคุณนะคะหมอ..ฮึก..ขอบคุณมากจริงๆ..ฮือ”

ผมจ้องมองรินดาที่ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร .. ถึงผมจะสงสารเธอมากแค่ไหน..แต่มันมีบางอย่างที่คาใจของผมอยู่...

“..เธอแพ้นมงั้นเหรอครับ..” ผมถามออกไป รินดาพยักหน้ารับ ก่อนจะปิดหน้าปิดตาร้องไห้เหมือนเดิม..
 
“แล้ว..คุณไม่ได้เป็นคนใส่นมนั่นมาให้เธอเองเหรอครับ”

สาบานได้ว่าเมื่อกี้ผมเห็นรินดาชะงักไปจริงๆ เธอไม่ได้ตอบอะไรผม แต่ปล่อยโฮหนักกว่าเดิม ..

“พูดบ้าอะไรของคุณ รินดาเธอเป็นแม่คินรดานะ ..แม่ที่ไหนจะทำแบบนั้น ทำไมคุณต้องป้ายความผิดให้คนอื่นด้วย”

ความมึนงงจู่โจมผมทันทีที่สีครามพูดแบบนั้น .. นี่เขาพูดบ้าอะไรกันอยู่เนี้ย

“ผมไม่ได้ทำ ก็คินรดาบอกผมเองว่ารินดาเธอเป็นคนใส่นมมาให้...ผมก็แค่..”

“หุบปากสักทีเหอะ !”

ผมหันไปมองหน้าคีย์ ความโกรธของผมมันเริ่มพุ่งขึ้นมา เมื่อจู่ๆเขาก็กลายเป็นคนไม่ฟังอะไรขึ้นมา

“พี่พูดบ้าอะไรออกมา รู้ตัวบ้างไหม !? ผมก็แค่ถาม ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่ารินดาจะเป็นคนทำ”

“เงียบได้ไหม ?”

“พี่นั่นแหละ เงียบและหัดฟังคนอื่นพูดซะบ้าง !”

เพี๊ยะ !!




------------------------------------
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 11 13/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 13-01-2015 22:01:16
สงสารโรม คีย์ก็นะ เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 11 13/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 13-01-2015 22:11:44
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ  แล้วจ้า
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 11 13/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 13-01-2015 22:12:17
ใอ้เพี๊ยะที่ได้ยินสุดท้ายนี่ ขอให้เป็นโรมที่ตบคีย์นะ   เบื่อแล้วที่เอะอะอะไรก็ตบโรม

เกลียดที่สุดเลยรุกกระบือนี่  แถมมีอิสีครามพ่วงมาด้วยอีก เชือดเฉือนด้วยคำพูดกับรอยยิ้มนี่

ท่าทางคนเป็นแม่จะเกลียดลูกสาวหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 11 13/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 13-01-2015 22:29:30
เบื่อคีย์ที่เป็นแบบนี้ ถ้าจะเอาโรมมาให้ทรมานแบบ ปล่อยโรมไปนะ  :fire:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 11 13/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 14-01-2015 00:15:32
ไม่ใช่ลูกแน่เหรอ หวงซะยังกะลูกตัวเองแถมโคตรปกป้องรินดา
ไม่เคยอธิบาย

รอวันที่ โรมจะได้จากไปอีกรอบแล้วกัน
คิดๆดูนะ ถ้าเรื่องนี้โรมโดนรถชนตายไปเลย จะเศร้าน้อยกว่านี้อีก
เจอทั้งอาทั้งอิคีย์

อิคีย์ก็นะทำกันขนาดนี้ โรมจะกลับมารักลงมั้ย
โคตรเถื่อนอ่ะ ด่าเสียๆหายๆ อารมณ์มาเต็ม
ที่ทำหยาบคายกับโรมก็แสดงว่ารู้สึกอย่างนั้นจากจิตใจเบื้องลึกด้วยน่ะสิ

ถ้าต้องกลับมาคบกันขอฉากดราม่าให้อิคีย์มันทนทุกข์ทรมานเป็นสิบๆตอนด้วยเถอะ
ไม่อยากให้อิคีย์มาสบายแบบพระเอกเรื่องอื่นที่เจออุบัติเหตุเกือบตายแล้วนายเอกก็ให้อภัย
ร้องไห้จนเป็นสายเลือดไปเลยอิคีย์
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 11 13/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-01-2015 00:40:44
สงสารโรมอะ.  :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 11 13/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 14-01-2015 04:47:40
เป็นเรื่องแรกที่อ่านแล้วมันอึนๆ หายใจไม่ออก น่าเหนื่อยหน่ายทั้งตัวละคร ตลอดทั้งเรื่องเลย :z3: :z3: ทั้งโรมทั้งคีย์นี่อยากจะจับตัวมาเขย่าๆๆๆๆๆๆจริงๆเผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้นมาบ้าง :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 12 17/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 17-01-2015 19:54:36



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 12 : And the games you play


.....

..เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ความจริงผมไม่ใช่คนที่จะโกรธใครง่ายๆนะ ..แต่ตอนนี้ผมกำลังโกรธ คนไร้เหตุผลและดีแต่ใช้กำลัง.. ผมเกลียดคนประเภทนี้มากที่สุด

“..ถุย !”  คุณต้องไม่เชื่อแน่ว่าผมกล้าพ่นน้ำลายใส่หน้าเขา

คีย์ใช้มือปาดน้ำลายผมออกไป แววตาเขาดูโกรธเอาซะมากๆ แต่ผมก็โกรธเหมือนกัน เหอะ..เขากับผมมันไม่ต่างกันนักหรอก

“พี่เข้าใจความรู้สึกผมรึยัง ! เหอะ.. คนดีแต่ใช้กำลังอย่างพี่ ไม่น่ามาเจอผมเลยจริงๆนะ”

“เลิกทำบ้าๆสักที !”

“แล้วพี่เคยโทษตัวเองบ้างไหม !? ถ้าพี่ไม่ตามผมมาอยู่ที่นี่ คินรดาก็คงไม่ต้องมานอนอยู่แบบนี้มั้ง ! พี่จะตามผมไปทำไม ! ”

“เมื่อไหร่มึงจะหุบปากวะ !”

“แล้วเมื่อไหร่พี่จะฟังสักที  เลิกเอาตัวเองเป็นที่ตั้งสักที !”

“เอ่อ..ขอโทษนะคะ..”

พวกเราหยุดทะเลาะกัน เมื่อมีนางพยาบาลท่านหนึ่งเดินเข้ามาขัด มันไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกที่จะทะเลาะกันต่อหน้าคนอื่น

“ใช่ญาติของน้องคินรดาไหมคะ ? ”

“ครับ”
 
“ช่วยเซ็นย้ายน้องไปห้องพิเศษด้วยนะคะ ตอนนี้น้องโดนย้ายไปห้อง 308 นะคะ”

เพราะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา ผมจึงเดินเลี่ยงออกมา ส่วนคีย์ต้องกลับบริษัทก่อน เพราะมีปัญหาเกิดขึ้น มีเพียงสีครามและรินดาที่เดินตามนางพยาบาลไปยังห้องของคินรดาก่อน

พอทำธุระส่วนตัวเสร็จผมจึงเดินไปตามหมายเลขห้องที่พยาบาลได้บอกไว้ .. ในขณะที่ผมกำลังจะผลักประตูเข้าไป ..ก็ต้องชะงักตัวเอาไว้เมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันปะปนกับเสียงสะอื้น..

“พี่ไม่ไหวนะ..อึก..ฮือ..เลิกเถอะนะ สีคราม..พี่ไม่อยากทำแล้ว”

“พี่มายกเลิกอะไรตอนนี้ ! มากันครึ่งทางแล้วพี่จะทิ้งผมเหรอ.. เอาน่าพี่ ยังไงเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย”

“หลานแกทั้งคนนะ ! แกจะแลกกับแค่ผู้ชายคนเดียวเหรอ.. พี่ไม่เอาแล้ว.. พอสักทีเถอะสีคราม.. ยังไงเขาก็ไม่ได้รักนายอยู่แล้ว”

“พี่เลิกพูดมากสักทีเหอะ ! ผมไม่ได้เหมือนพี่นะ !!”

สีครามขึ้นเสียงใส่รินดาจนผมตกใจ.. คำพูดและการกระทำหลายๆอย่างของพวกเขาทำให้ผมเข้าใจ แต่ทำไมพวกเขาต้องทำขนาดนี้ด้วย ..เอาชีวิตคนมาเล่นมันสนุกมากนักรึไง

      ก๊อก ก๊อก

ผมเคาะเบาๆ เพื่อให้พวกเขารู้ว่าผมกำลังจะเข้าไป.. มันไม่ได้ดีนักหรอกนะที่คนอื่นจะรู้ว่าเราแอบฟัง

“เธอเป็นไงบ้างเหรอครับ”

“โชคดีจริงๆนะครับ ที่เธอไม่ได้เป็นอะไรไปอย่างที่ใครบางคนต้องการ” นี่สีครามกำลังพูดกระแทกตัวเองอยู่รึเปล่า ถึงเขาจะดูเหน็บผม แต่คำพูดเขามันเข้าตัวเองชัดๆ

“ระวังนะ..อย่าเป็นคนที่โง่งมในความรักมากนัก.. มันไม่ได้สวยงามอย่างที่คุณคิดหรอก”

เวลาตอนนี้น่าจะเกือบๆหนึ่งทุ่ม .. ก็ถือว่าผ่านมาหลายชั่วโมง หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล ผมก็เดินไปตามทางเรื่อยๆ ไม่ได้มีเงินติดตัวมาสักบาทผมคงได้แค่เตะฝุ่นอยู่แถวนี้

นี่ผมเรียนจบบริหารมาเพื่ออะไรกันแน่ ?

เป็นคำถามที่อยากถามตัวเองวันละหลายๆรอบ ตอนนี้ผมอายุ 24 เกือบ 25 แล้ว ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ชีวิตแหลกเหลวน้ำเน่ายิ่งกว่าอะไรดี  ถ้าจะลงทุนทำอะไรสักอย่าง แน่นอนผมต้องมีทุน แต่จะไปหาทุนนั้นมาจากไหนละ ..ทางเลือกในชีวิตมันไม่ได้มีมากเหมือนในละครหรอกนะ


ปรี๊นนนนน ปริ๊นนนนนนนนน

ผมหันไปมองรถสีดำข้างทางที่คุ้นตาเป็นอย่างดี ..  แค่ผมทำเป็นเฉยเมยและมองไม่เห็น คนในรถก็เปิดประตูลงมาทันที มันแสดงให้เห็นถึงความอดทนที่มีเพียงแค่น้อยนิดของเขา

“จะออกมาทำไมไม่บอกรินดาก่อนวะ” 

“แล้วทำไมต้องบอก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย ”

“มึงทำลูกเขาเกือบตายนะ หัดสำนึกซะบ้าง !”

“จะให้ผมสำนึกอะไร ต่อให้ผมถูกยังไง ผมก็ผิดอยู่ดีถ้าพี่บอกว่าผิด..”

“ทำไมไม่ขอโทษรินดา”

“ขอโทษทำไม ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”

“ทำไมเถียงคำไม่ตกฟากเลยวะ ! โตแล้วนะ หัดฟังคนอื่นซะบ้าง”

“แล้วพี่อ่ะ โตรึยัง ถึงได้ยังตามตอแยผมเหมือนเด็ก ไม่ได้รักกันแล้วก็อย่ามาทำแบบนี้ดิวะ”

“แล้วใครบอกไม่ได้รัก ?”

“พี่อย่ามาทำให้ผมขำหน่อยเหอะ นี่คือสิ่งที่คนที่เขารักกันจะทำเหรอ หัดคิดซะบ้างนะพี่..เป็นนักธุรกิจอย่ามาตายเพราะเรื่องโง่ๆแบบนี้ ”   

“มึงคิดว่าที่กูรักมึงเป็นเรื่องโง่ๆเหรอ”

“ใช่ ! เพราะความเป็นจริงคือผมไม่ได้รักพี่ เลิกคิดเข้าข้างตัวเองสักที !!”

“...”

“แล้วถ้าพี่อยากให้ผมมีความสุข ได้โปรดปล่....อื้อออ !!!”

ดวงตาผมเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆเขาก็กระชากตัวผมเข้าไปหา และประกบริมฝีปากลงมาทันที มันมีเพียงแค่ความรุนแรง เถื่อน และสถุลที่สุด   

“อื้อออ !!”

พลั่ก !

ทันทีที่ผมผลักเขาออกไปได้ ผมก็ต่อยเขาเต็มแรง.. ปกติผมไม่ใช่คนที่จะใช้กำลัง แต่เรื่องบางเรื่อง ..มันก็สมควรแล้วที่จะใช้ ผมใช้หลังมือถูปากอย่างแรง ความรังเกียจมันมีเพิ่มขึ้นมากมาย นับวันเขามันยิ่งน่ารังเกียจขึ้นทุกที !

“อย่ามาทำรุ่มร่ามกับผมนะ !! ถ้าอยากก็ไปเอากับอีตัวข้างถนน !”

“หึ... ”

“ขำอะไร !!?”

“มึงยังไม่ได้จูบใครเลยนับจากตอนที่เราจากกันใช่ป่ะ”

“พูดบ้าอะไร ! เลิกทำตัวโรคจิตแบบนี้สักทีเหอะ”

“..ก็จูบมึงมันยัง...เห่ยเหมือนเดิม”


พลั่ก !!

ขอบตาผมร่อนผ่าว ผมต่อยหน้าเขาเต็มแรงอีกรอบ หวังว่ามันจะช่วยเรียกสติของเขากลับคืนมาได้บ้าง  คีย์ปาดเลือดมุมปากทิ้งไป แววตาเขาฉายแววความไม่พอใจอย่างชัดเจน  ..แล้วใครจะแคร์ ? เขาผิดเองนะ ที่พูดจาไม่ดีกับผมก่อน

“...มึงต่อยกูสองรอบแล้วนะ”

“พี่ก็ตบผมสองครั้งเหมือนกัน ”

“อืม..มึงต่อย กูตบ ก็แฟร์ดีนะ เมื่อกี้กูจูบมึง มึงก็จูบกูกลับด้วยดิ จะได้เท่าเทียมกัน ”

“จะบ้าเหรอ ?! พี่คิดบ้าอะไรอยู่ ที่ผมพูดไปมันเข้าหูพี่บ้างไหม”

“เหอะ.. บังเอิญว่ากูเป็นคนไม่ชอบฟังใครวะ โดยเฉพาะคนอย่างมึง”

ผมแทบจะหมดความอดทนหลายรอบกับคำพูดคำจาของเขา มันกระตุกต่อมโมโหของผมได้อย่างดีเลยละ ทำไมเขาต้องทำให้ผมเกลียดเขามากขึ้นด้วย ทำไมไม่ปล่อยให้เหลือความทรงจำดีๆเอาไว้บ้าง

“งั้นอยากทำอะไรก็เชิญ พี่อยากจะจูบอยากจะทำอะไรผมก็ทำ ..พี่จ่ายค่าตัวผมมาแพงนี่.. แค่จูบมันยังน้อยไปมั้งสำหรับนักธุรกิจอย่างพี่ !”

“โรม.. อย่าดูถูกตัวเองให้มาก ถึงมึงไม่เหลืออะไรเลย แต่เหลือศักดิ์ศรีไว้บ้างก็ดี”

"ศักดิ์ศรีผม.. มันคงไม่มีเหลือแล้วสำหรับคนอย่างพี่”




-------------------------------
ตอนแรกจะเเต่งให้มันหนักกว่านี้ แต่อย่าเลยเนอะ
เดี๋ยวจะอิ่มมาม่าไปซะก่อน 5555
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 12 17/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 17-01-2015 20:42:40
อืดแล้วอ่ะ ปิดหูปิดไม่ยอมฟัง โทษแต่โรมฝ่ายเดียว  เอาเข้าจริงๆว่าจะหันกลับมารักกันได้ยังงัย  แค่ขอโทษรู้สึกมันไม่พอน่ะ ขอหนักๆเอาให้รู้ว่าโรมมีค่าขนาดใหนไม่ใช่ รั้งเพื่อทำร้ายอ่ะ มันม่ายยยพอ #ทีมรักโรม  :angry2::angry2:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 12 17/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 17-01-2015 20:59:35
บางทีก็คิดว่า คีย์งี่เง่า  :hao3: :hao3: #ทีมโรม
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 12 17/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 17-01-2015 21:19:04
อาจจะคิดได้ตอนโรมฆ่าตัวตายต่อหน้ามั้ง

เราว่าพระเอกมันโง่เกินคนปกติไปหน่อยนะ  มีปํญหาเรื่องควบคุมอารมณ์ระดับควรได้รับยาแล้วนะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 12 17/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-01-2015 23:20:24
สองพี่น้องนั้นวางแผนไรกันหว่าาาา.
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 12 17/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 17-01-2015 23:33:28
พระเอกที่ไม่เคยยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำผิดอย่างจริงใจนี่มันไม่ไหวจริงๆ หาผัวใหม่เถอะลูก
เห็นสันดานอิคีย์มันแล้วนะ เวลามันโมโหร้ายมันร้ายกับหนูขนาดไหน
อย่าลดตัวไปทำให้ศีลเสมอกับมันนะลูก
ถ้าคีย์มันดีจริง มันไม่ควรจะทำพฤติกรรมแบบนี้ ควรอธิบายให้ฟัง จะเชื่อหรือไม่เชื่อโรมมันเป็นคนตัดสินใจ
แต่แกมาทำไม่ดีใส่ ประชดประชันอีก ไม่ควรค่าแก่การเป็นคนรักที่ดีที่จะคอยพึ่งพาอาศัยกันจริงๆ
ถ้าอิคีย์ไม่โผล่มาเป็นแฟนกับโรมมาก่อน มันคงจะได้เป็นแค่ตัวประกอบชั้นสองที่มีคนคอยเป่าหูไปมาให้ทำร้ายนายเอก
แล้วสุดท้ายก็จะมีพระเอกขี่ม้าขาวมาในเรื่องพาออกไปจากชีวิตมันให้ได้ร้องคร่ำครวญจนอยากจะฆ่าแกงกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 12 17/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 17-01-2015 23:39:18
คีย์เอ๊ย เอ็งเป็นพระเอกประเภทบริโภคหญ้าอีกแล้ว

เอ็งต้องการอะไรวะ คีย์?  คำพูดที่ออกมาจากปากแต่ละคำ   การกระทำแต่ละอย่าง  ไปเอาสีครามเถอะไป๊ โรมจะได้มีความสุขกว่านี้นะ

หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 13 18/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 18-01-2015 20:45:16



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 13 : You would always win, always win


“..มีนิสัยหลายอย่างในตัวพี่นะ ที่ผมไม่เคยเห็นมันตอนที่เรากำลังคบกัน และจนถึงตอนนี้ ผมก็สงสัยเสมอ ว่าทำไมตอนนั้นผมถึงมองไม่เห็นมัน.. เพราะความรักทำให้คนตาบอดรึเปล่า พี่ก็เหมือนกันนะ..ตอนนี้ความรักกำลังทำให้พี่ตาบอดเหมือนกัน”

คีย์นิ่งไป เขาถอนหายใจออกมา และฉุดแขนผมให้เดินเข้าไปนั่งในรถ เราไม่ได้คุยกันเลย..แต่บรรยากาศมันไม่ได้แย่จนถึงขนาดที่อึดอัด ..อาจจะเพราะผมได้พูดในสิ่งที่มันค้างคาในใจออกไปบ้าง

“เฮ้อ..” เป็นรอบที่สามแล้ว ที่ผมได้ยินเสียงคีย์ถอนหายใจ ผมอดคิดไม่ได้ว่าคนอย่างเขามีเรื่องให้ต้องหนักใจด้วยรึไง

“...”

พอถึงห้องเขา เขาไล่ให้ผมไปอาบน้ำก่อน ส่วนเขาเองก็ก้มลงเก็บเศษแก้วที่แตกกระจายข้างโซฟา คีย์เอาผ้ามาเช็ดนมสีขาวที่เลอะเป็นคราบอยู่ที่พื้น ผมเดินหนีจากตรงนั้น ยังรู้สึกผิดที่เป็นทำให้คินรดาต้องเข้าโรงพยาบาลไปแบบนั้น  ถ้าผมคิดให้ดีกว่านี้ เธออาจจะไม่ต้องไปนอนอยู่แบบนั้น

พออาบน้ำเสร็จ ท้องผมก็เริ่มร้องเพราะความหิว เดินไปหาอะไรกินในครัว ก็เจอแค่ขวดน้ำเปล่า มองนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบจะห้าทุ่มแล้ว เวลานี้ร้านอาหารปิดไปเกือบหมดแล้วมั้ง

“หิวเหรอมึง” ผมแทบสะดุ้ง เมื่อจู่ๆเขาก็ตะโกนเขามา

อ่า..ทำไมเขาถึงทำเนียนได้ตลอดเลยนะ หลายครั้งที่ทะเลาะกันแล้วเขามักทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ..แน่นอนมันเป็นข้อดี แต่มันก็มีข้อเสียด้วยเช่นกัน เมื่อตอนที่อยู่โรงพยาบาลเขาด่าผมแทบตาย ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็มาพูดปกติด้วย ..บอกตามตรงว่าผมค่อนข้างสับสน

“ก็นิดหน่อย”

“เดี๋ยวกูโทรสั่งให้ละกัน”

รอไม่นานก็มีพนักงานเอาอาหารขึ้นมาให้ ระหว่างที่ผมนั่งกิน คีย์ก็เข้าไปอาบน้ำ เพราะความหิวทำให้ผมใช้เวลาไม่นานในการกิน  พอกินเสร็จผมก็มานั่งดูข่าวต่อ ซึ่งข่าวส่วนใหญ่ก็คงไม่พ้นเรื่องธุรกิจ

ผมไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนักในด้านบริหาร ยิ่งช่วงที่เรียนจบใหม่ๆ ผมยิ่งเคว้งซะยิ่งกว่าอะไร จนกระทั่งพ่อกับแม่จากไป ผมถึงคิดได้ว่าถ้าเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนี้ผมอาจมีประสบการณ์มากพอจะสามารถยื่นทำงานในที่ดีๆได้  ตัวผมตอนนี้ ไม่ต่างกับเมื่อก่อนนักหรอก ‘ พ่อเป็นนักธุรกิจใหญ่ ลูกไม่เคยเข้าใจเรื่องธุรกิจ ’ สมัยก่อนผมได้ยินคนพูดแบบนี้เยอะมาก จนมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว พ่อคงจะผิดหวังในตัวผมเอาซะมากๆ

เขาคงไม่อยากมีผมเป็นลูกนักหรอก

“มึงว่าถ้าซื้อที่ตรงนั้นมันจะคุ้มไหมวะ” คีย์ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผม

คำพูดของเขาทำให้ผมหันไปมองในจอสี่เหลี่ยมที่ตอนนี้กำลังพูดถึงที่ดินรกร้างที่ชานเมืองแห่งหนึ่ง 

“ถ้ามีเงินพี่ก็ซื้อไปเหอะ”

“แล้วถ้าซื้อให้มึงอ่ะ”

“ถ้าผมยังไม่ตายไปซะก่อน ผมก็มีปัญญาซื้อเอง”

จู่ๆคีย์ก็ลุกไปหยิบอะไรบางอย่าง และโยนมันมาให้ผม ..มันเป็นโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ที่เพิ่งโฆษณาไปได้ไม่นาน ผมมองหน้าคีย์อย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่

“เอาไปดิ ..”

“ซื้อมาทำไม ผมไม่จำเป็นต้องใช้มัน”

“แต่กูอยากให้ใช้ เวลามึงหายไปไนกูจะได้ติดต่อได้”

“พี่ไม่เอาโซ่มาล่ามผมซะเลยละ ผมจะได้ไม่ไปไหน”

“ก็อยากทำอยู่นะ ถ้ามึงยังดื้อมากกว่านี้”

“ดื้อบ้าอะไร วุฒิภาวะทางอารมณ์ผมควบคุมได้ดีกว่าพี่ซะอีก ถ้าจะล่ามจริงๆ พี่ใช้ล่ามตัวเองไปเหอะ” คีย์ทำหน้ากวนประสาทผม ซึ่งผมไม่ค่อยพอใจเอาซะเลย   

เวลาผ่านไปสักพักจนผมรู้สึกง่วง จึงไปนอนก่อน ส่วนคีย์ก็เคลียร์งานต่อ

.....


แสงแดดสีทองสว่างจ้าส่องเข้ามาผ่านระเบียงห้อง จนผมต้องพลิกตัวหนี ก่อนจะลืมตาขึ้น ไร้วี่แววของคีย์อยู่ในห้อง เขาคงออกไปทำงานแล้ว เพราะตอนนี้ก็เกือบจะเก้าโมงแล้วด้วย

ผมเดินไปอาบน้ำ หลังจากนั้นก็มีพนักงานนำอาหารมาให้ พร้อมบอกว่าคีย์ได้สั่งเอาไว้ให้ผม ระหว่างที่ผมกำลังกินอยู่ ก็มีเสียงโทรศัพท์ไม่คุ้นหูดังขึ้น ผมงงอยู่นานกว่าจะรู้ว่ามันเป็นเสียงโทรศัพท์ที่คีย์ซื้อให้เมื่อวาน และเบอร์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็เป็นเบอร์คีย์ด้วยเช่นกัน

“ครับ ?”

“นี่กูเองนะ กูลืมเอาเอกสารมา มึงเอามาให้หน่อยดิ อยู่บนโต๊ะซองสีน้ำตาล”

“..ครับ” ผมเลือกที่จะวางสายไปทันที ถอนหายใจเบาๆ และเดินไปยังโต๊ะที่เขานั่งทำงานเมื่อคืน มีซองสีน้ำตาลตั้งอยู่จริงๆ  ไม่รู้อะไรที่ดลใจให้ผมเสียมารยาทไปเปิดมัน ...

สิ่งที่อยู่ด้านในเป็นโฉนดที่ดิน ผมคงไม่เอะใจอะไรถ้ามันไม่ใช่ชื่อของอาผม ผมตาสว่างแทบจะทันที..อาขายบ้านให้คีย์  .. . ราวกับมีไฟมาสุมอยู่ในใจ ..เพราะความจริงบ้านหลังนั้นมันต้องเป็นของพ่อผม แต่สิ่งที่อาทำ..มันเหมือนไม่ไว้หน้าของคนที่เสียไปเลย เขาเสียไปไม่ถึงปีด้วยซ้ำ  อาก็ขายบ้านเลยเหรอ และยังไม่เคยปรึกษาผมที่เป็นลูกสักคำ .. อากับคีย์กำลังคิดทำบ้าอะไรกันแน่

ผมนั่งรถไปยังบริษัท K&R ด้วยความรู้สึกปั่นป่วน ตอนที่เดินเข้าไปมีพนักงานหลายคนมองผมแปลกๆ อาจจะเพราะผมเคยทำงานที่นี่มาก่อน แต่มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไร เท่ากับสิ่งที่ปั่นหัวผมอยู่ตอนนี้  ให้ตาย.. ทำไมผมถึงกลายเป็นไอ้โง่อยู่คนเดียววะ พวกเขาไม่มีสมองที่จะคิดกันบ้างรึไง ..ผมรู้ว่าคีย์ยังมีหลายอย่างที่ปิดบังผม เพียงแต่ผมคิดว่ามันคงไม่มีอะไรเกี่ยวกับผม ผมถึงไม่ถาม 


ประตูสีเทาโดนผมผลักเข้าไปโดยไม่ได้เคาะ ภายในห้องมีคีย์นั่งตรวจงานอยู่ ผมปาซองเอกสารเฉียดหน้าเขาไปแค่นิดเดียว คีย์จ้องหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ แต่คนที่ต้องไม่เข้าใจน่าจะเป็นผมมากกว่ามั้ง !

“เป็นอะไร ”

“พี่อ่ะเป็นอะไร ทำไมต้องมายุ่งกับบ้านผมด้วย”

“มึงแอบเปิดดู ?”

“ถ้าไม่แอบจะรู้เหรอ ว่าพี่กับอาผมทำอะไรไว้บ้าง”

“ทำไมทำตัวแบบนี้วะ นับวันมึงยิ่งแย่เข้าไปทุกทีนะ”

“อยู่กับคนเลวๆแบบพี่ ให้ผมดีด้วยคงไม่ไหวหรอกมั้งครับ”

“แล้วมึงจะให้กูทำไงวะ ในเมื่ออามึงเสนอมาเอง กูได้บ้านมึง อามึงได้เงินกู ก็แฟร์ดีไม่ใช่เหรอ.. ถ้าจะโทษก็โทษอามึงเหอะ ที่ไม่บอกมึงเอง”

“สรุปคนอย่างพี่ไม่เคยผิดเลยใช่ป่ะ ” 


ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดบทสนทนาระหว่างผมและเขา และดูเหมือนคนที่เข้ามาใหม่จะสร้างความหงุดหงิดให้คีย์ได้ไม่น้อย ที่ผมรู้เพราะคีย์แสดงทุกอย่างออกมาบนใบหน้าของเขา เขาเป็นคนที่เก็บอารมณ์ไม่เก่งอยู่แล้ว

“ว้าว นี่ผมมาทันอะไรเนี้ย ”  เสียงกวนอวัยวะเบื้องล่างมันทำให้ผมต้องหันกลับไปมองเจ้าของเสียง

ก่อนจะยืนอึ้งไป เพราะใบหน้าที่คล้ายคลึงกับคีย์ เพียงแค่ดวงตาที่ดูไม่เหมือนเลย ผมพอจะเดาได้ว่าเขาน่าจะเป็นน้องของคีย์ กลิ่นอายระหว่างเขากับคีย์มันไม่เหมือนกันเลย เขาดูเป็นผู้ชายที่เข้ากับคนอื่นง่าย ในขณะที่คีย์แค่เป็นคนเลวๆคนนึง

“..มาทำไม..” เสียงคีย์มันฟังดูเย็นชาราวกับว่าเขาไม่ต้องการพบหน้าแขกที่มาเยือนแม้แต่น้อย 

“อ้าว มาไม่ได้เหรอ ผมก็คิดว่านี่บริษัทพ่อผมซะอีกนะ แล้วทำไมผมถึงมาไม่ได้พี่ช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับ”

“กูไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะ”

“รู้ครับว่าพี่ไม่ใช่เพื่อน..ก็เพราะพี่เป็นผู้บริหารของที่นี่นั่นแหละครับผมถึงได้มา”

ผมฟังสิ่งที่พวกเขาโต้ตอบกันอย่างไมเข้าใจ ..นี่พวกเขาเป็นพี่น้องกันจริงๆรึเปล่า ? ทำไมถึงดูเกลียดกันซะยิ่งกว่าอะไรดี

“ผมแค่จะมาบอกพี่ว่า พ่ออนุมัติให้ผมเป็นรองผู้บริหารแล้วนะ แถมยังให้ผมเรียนรู้งานจากพี่ด้วย ดีจริงๆเลยนะที่พวกเราได้อยู่ใกล้ชิดกัน”

“เหรอ…? งั้นกูจะคุยกับพ่อเอง ถ้ามึงไม่อยากทำ..”

“ใครบอกว่าไม่อยากทำ ..ผมละอยากทำจนรอแทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ..อ่า เสียมารยาทคุยไปตั้งนาน แล้วแขกพี่คนนี้นี่ใครเหรอ ? ผมคุ้นๆหน้าเหมือนจะเคยเจอนะ”

ไม่รู้หรอกว่าผมไปเจอเขาที่ไหน มันไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากรู้และอยากสนใจสักเท่าไหร่ เพราะผมไม่ค่อยชอบคนที่ส่งยิ้มให้คนอื่นและทักทายคนอื่นไปทั่วอย่างเขาสักเท่าไหร่

“ถ้าหมดธุระแล้วก็ออกไป” คีย์พูดเป็นการไล่เขากลายๆ และเขาดูจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย

“ยังหรอกครับ”

“...”

“ผมจะทำงานกับพี่ตั้งแต่พรุ่งนี้ ..แต่ผมยังไม่มีเลขาเลยนี่.. จะทำยังไงดีนะ ว่าแต่คุณเรียนจบอะไรมาเหรอครับ”  จู่ๆหัวข้อสนทนาก็มาหยุดอยู่ที่ผม มันทำให้ผมจำใจตอบอย่างเสียไม่ได้

“ บริหาร ”

“โห ..งั้นมาทำงานเป็นเลขาผมไหมละ เงินเดือนดีนะ..”

“เคย์ ! ” เขาชื่อเคย์สินะ .. สิ่งที่ผมคิดไว้ก็ไม่ผิด เขาคงเป็นน้องของคีย์ ..ที่ดูเหมือนคีย์จะไม่ชอบเขาแม้แต่นิด

“เรียกชื่อผมทำไมเหรอครับ” สีหน้าของเคย์ก็ยังไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร

“..มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ..”

“อะไรที่มากเกินไปเหรอครับ..?  ผมว่าที่พี่กำลังทำอยู่มากกว่านะ ที่เรียกว่ามากเกินไป” เขาโต้ตอบคีย์อย่างไม่กลัวอะไร .. ผมได้แค่ยืนนิ่งๆ ไม่รู้ว่าถ้าพูดอะไรออกไปตอนนี้จะเป็นการเพิ่มบรรยากาศที่แย่ตอนนี้ไปอีกรึเปล่า

“มึงต้องการอะไรกันแน่..”

“ก็บอกแล้วนี่ครับ..ว่าผมยังขาดเลขาอยู่ ถ้าไม่มีเลขาผมคงต้องทำงานยุ่งแน่ๆเลยใช่ไหมละครับ”

“แต่นี่มันเลขากู”

“พี่ครับ ? พี่ลืมอะไรไปรึเปล่า สีครามเพิ่งเป็นเลขาพี่ได้ไม่ถึงเดือนพี่ก็ลืมเขาไปแล้วเหรอครับ”

.. ไม่รู้สินะ ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกแปลกๆ ยิ่งตอนที่คีย์ลอบมองผม ทำไมผมต้องยิ่งรู้สึกไม่ดี นี่ผมกลายเป็นคนงี่เง่าไปแล้วรึเปล่า  ..เกลียดตัวเองจริงๆที่เป็นแบบนี้

“...” ยิ่งพอคีย์เงียบ ความหงุดหงิดใจเล็กๆก็เพิ่มขึ้นในใจผม จนต้องถอนหายใจเพื่อลดความโกรธลงบ้าง

“ผมชื่อเคย์นะครับ ส่วนชื่อคุณผมรู้อยู่แล้วละ ชื่อโรมใช่ไหมครับ ?”

“ครับ”

“..ไม่รู้ว่าผมจะคิดเอาเองมากไปรึเปล่า แต่ถ้าคุณยังว่างงานอยู่สนใจจะมาเป็นเลขาผมไหมละครับ ?”

“...”

“...มันก็ไม่ได้แย่อะไรนี่ครับ..”




--------------------------------
ตัวละครใหม่ที่เพิ่มมาค่อนข้างมีความสำคัญนะคะ  อยากให้ทุกคนทำใจไว้ก่อน
55555 ตอนหน้าก็มาดูฝั่งของคีย์บ้างเนอะ ให้คีย์ดำเนินเรื่องบ้าง จะได้เข้าใจพี่แกมากขึ้น
แต่ก็อย่าไปทำความเข้าใจเยอะเลยคะ จะเสียใจกันซะเปล่าๆ 5555
ขอให้สนุกกันการอ่านเช่นเคยนะคะ 
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 13 18/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: arigatozung ที่ 18-01-2015 21:13:43
หนูโรม แค่เจอคนพี่ก็ทำหนูปวดหัวมากพอละ  :hao4: มาเจอคนน้องอีก เห้ออออ .... สงสารนายเอกล่วงหน้า
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 13 18/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 18-01-2015 22:03:19
คนตระกูล ค นี่ ดูวุ้นวายจัง  :hao3:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 13 18/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 19-01-2015 03:31:18
นึกถึงไอ้คู่ป่วนในโปเกมอนเลย Double Trouble คีย์กับเคย์

เด็กนั่นลูกเคย์หรือเปล่า? เข้าใจว่าตอนเริ่มเรื่องต้องวางปม ขมวดปม

คีย์กับอาของโรมทำอะไร? มโนว่าคีย์พยายามเอาสมลัติของโรมกลับมาให้โรมค่ะ

ณ โมเมนท์นี้ยังทำใจให้ชอบคีย์ยังไม่ได้เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 13 18/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 19-01-2015 06:15:40
ไอพี่คีก็ปากหนัก ไม่บอกไรเลย
สงสารโรมมาก
ส่วนนายเคย์ เป็นพระเอกไปเลยดีมะ เหอะ  :m16:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 13 18/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 22-01-2015 23:35:48
คือไม่ชอบอาของโรมเลยอ่ะ ทำเจ๊งหมดทุกอย่าง เอาสมบัติไปหมดอีกด้วย  :m16:
อย่าเอาไว้คนแบบนี้
ส่วนคีย์ปากก็มี ไม่พูดไม่อธิบายอะไรเลย
ไม่ว่ายังไง เราว่าคนแบบนี้ไม่เหมาะกับการนำมาเป็นคนรักที่ดี เพราะมีอะไรไม่บอกไม่อธิบายช่วยกันแก้
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 13 18/1/2015
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 23-01-2015 00:19:21
ไม่ได้อะไรนะ แต่แบบ ถึงตอนสุดท้ายรู้ความจริงว่าคีย์ทำทุกอย่างเพื่อนายเอก แต่แบบว่า...ตบไปสองที ด่าอีกหลายรอบ ทำร้ายจิตใจ บลาๆ หวังว่านายเอกเราจะไม่มองแต่ความสุขแล้วลืมนิสัยแย่ๆส่วนนี้ไปน่ะนะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 26-01-2015 21:36:05



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 14 : But I set fire to the rain  [Special Key’s part]


ทั้งความกวนประสาทและสายตาที่เหนือกว่าของคนที่เป็นน้องทำให้ผมไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก ยิ่งบวกกับการกระทำของโรมในตอนนี้ มันยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดใจ  โรมยังไม่รู้จักเคย์ดีพอ มันไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้นหรอก ส่วนนึงเป็นเพราะมันที่ทำให้ผมต้องเสียโรมไป 

แต่จะโทษเคย์คนเดียวก็ไม่ได้หรอกนะ เพราะผมเองก็โง่ที่ไปเล่นเกมบ้าๆของมัน

เกมที่ไม่เคยมีผู้ชนะ แค่รอดูว่าใครจะเจ็บปวดมากกว่ากัน

“มึงกลับไปก่อน”

“..อืม..แต่ผมขอพูดอะไรหน่อยนะ ผมไม่รู้หรอกว่าพี่คิดจะทำอะไร ..แต่ตั้งแต่ผมเจอพี่ ..ชีวิตผมมันก็พังไปหมด”

เขาจ้องมองผมด้วยสายตาที่ไม่มีความรู้สึกอะไรหลงเหลืออยู่ให้ แต่ก็ดีแล้ว .. เกลียดผมให้มาก มันก็สมควรแล้วที่เขาจะทำแบบนั้น  ผมเรียกให้คนไปส่งโรมที่คอนโด ให้เขาออกไปก่อน ผมจะได้คุยกับคนที่เป็นปัญหาให้รู้เรื่อง


พอโรมออกไป มันทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา และนั่งอ่านหนังสืออย่างอารมณ์ดี

“พี่โกงผม ตอนที่ตกลงกันมันไม่ใช่แบบนี้”

“เมื่อไหร่มึงจะเลิกมองเรื่องนี้เป็นเกมสักที มึงน่าจะพอได้แล้วนะ”

“พี่ผิดเองนะ ที่โง่มาเล่นตามเกมของผม”

“หึ.. ” 

ผมไม่เคยมองมันเป็นน้องเลยสักครั้ง ทั้งสันดารและนิสัยของมัน ...ถ้าหากผมคือโจร มันก็คงเป็นฆาตกร 

“แล้วเรื่องรินดา พี่จัดการให้ผมด้วยนะ ”

“เมื่อไหร่มึงจะเลิกทรมานเธอสักที เธอรักมึงจนยอมทุกอย่าง มึงยังไม่ยอมรับเธออีกเหรอ”

“เธอจะชอบหรือรักผมให้ตายยังไง แต่ผมไม่ได้ชอบเธอสักหน่อย เธอกับผมไม่ได้เกี่ยวอะไรกันแล้วด้วยซ้ำ”

“แล้วลูกมึง”

“ลูกพี่ นั่นน่ะ..ลูกพี่ ไม่ใช่ลูกผม”

ผมแทบจะหมดคำพูด ยิ่งเห็นความคิดของมัน ผมยิ่งไม่อยากเชื่อว่ามันคือน้องของผม ผมกับมันก็เลวพอกันทั้งคู่  ต่างกันแค่ผมอาจจะหลงผิดได้ไม่เท่ามัน

“กูรับผิดชอบเรื่องของรินดาแทนมึงทุกอย่าง แต่มึงต้องห้ามยุ่งกับโรม..”

“เหอะ อะไรที่ทำให้พี่เป็นได้ขนาดนี้วะ ถามจริงๆพี่ได้กับเขายังวะ”

“มึงหุบปากและออกไปเลยนะ”

“ผมไปก็ได้ ..แต่บอกพี่ไว้อย่างนะ อะไรที่พี่อยากได้ ..ผมก็อยากได้ด้วยเหมือนกัน”

 แน่นอนว่าคำพูดของมันทำให้ผมประสาทเสีย อยากจะฆ่ามันให้ตายไปซะ ถ้าไม่ติดว่ายังมีพ่อแม่ที่คอยห่วงมันอยู่ ผมคงทำไปแล้ว


เรื่องของมันกับรินดา .. เริ่มขึ้นจากผม ผมเป็นคนที่พารินดามาให้มันรู้จักเอง แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเลวถึงขนาดจะทำลายผู้หญิงทั้งคนได้ลงคอ เพราะผมเป็นคนพาเธอมาลงนรก ผมถึงต้องรับผิดชอบชีวิตของเธอด้วยชีวิตของผม และผมรู้ว่ามันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด ..เพราะผมต้องทำให้คนที่รักผมต้องเสียใจ  แต่บางทีคนเรามันก็เหลือทางเลือกอยู่ไม่มากนักหรอกนะ

ผมลุกขึ้น และต่อสายไปหาใครบางคน  มีบางเรื่องที่ผมยังต้องรับรู้

“มีอะไรวะ ช่วงนี้มึงโทรหากูบ่อยไปแล้วนะ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะคิดถึงกู” เสียงยียวนตามปลายสายดังมาให้ได้ยิน

“เรื่องที่กูบอกให้มึงเช็คกล้องวงจรปิดให้กู เป็นไงบ้าง” ผมตัดบทถาม

“กูดูแล้วนะ คุณโรมเขาก็ไม่ได้ออกไปไหนเลยนะตั้งแต่น้องดาเข้าไปในห้องมึง..กูว่านะ คุณรินดาอาจจะเป็นคนทำก็ได้นะ..”

“แล้วรินดาจะทำไปทำไม”

“นั่นคงเป็นเรื่องที่มึงต้องหาคำตอบเองแล้ววะ กูคงช่วยมึงได้แค่เรื่องนี้” 

คุยกันอีกไม่กี่ประโยค ผมก็ขอวางสายไป มันค่อนข้างเป็นสิ่งที่ค้างคาใจผม ..ผมรู้ดีว่า โรมไม่ใช่คนทำ แต่ผมก็ไม่คิดว่ารินดาจะเป็นคนทำด้วยเหมือนกัน ..มีแค่สีครามที่ผมไม่เคยมั่นใจในตัวเขา ..คนอย่างสีครามจะทำอะไร  ไม่มีใครคาดคิดได้หรอก

และเมื่อไม่กี่วันก่อนสีครามก็ทำให้ผมยุ่งยากใจพอสมควรกับการที่เขาพูดกับแม่ผมเรื่องการที่จะมาเป็นเลขาผม ยิ่งเขาอยากรัดผมให้แน่นมากเท่าไหร่ ผมก็อยากจะปล่อยเขาไปจากชีวิตผมมากขึ้น ..ไม่ใช่ผมจะดูไม่ออกว่าเขาต้องการผม มันเป็นเรื่องยากที่จะตัดเขาออกไปจากชีวิต แต่ถ้าหากเขายังคงยุ่งกับโรมอยู่ ผมก็ทำให้มันเป็นเรื่องง่ายเอง


วันนี้เป็นอีกวันที่ผมอยากให้ทุกอย่างมันผ่านไปเร็วที่สุด เพราะผมต้องกินข้าวกับที่บ้านพร้อมกับรินดา และคุยหลายๆเรื่องที่ผมไม่อยากฟังสักเท่าไหร่  ผมมองดูนาฬิกา เก็บเอกสารที่โรมเอามาปาทิ้งราวกับมันไม่มีค่าอะไร

ใช้เวลาไม่นานนัก ผมก็ขับรถมาหยุดที่บ้านหลังขนาดไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป ผมใช้เงินที่ตัวเองเก็บไว้มาสร้างบ้านหลังนี้  ผมอยากจะอยู่กับใครสักคนในบั้นปลายชีวิตที่นี่ ถึงผมจะรู้ดีว่ามันแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลยสำหรับคนอย่างผม

“สวัสดีครับแม่” หญิงสาวร่างท้วมหันมาส่งยิ้มให้ผม ข้างกายของเธอมีรินดายืนหลบอยู่ 

รินดาดูต่างออกไปจากที่ผมพบกับเธอเมื่อสมัยก่อน ..ตอนนี้เธอดูไม่เหลือแม้แต่ความสุขบนใบหน้า และมันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น

“คีย์พารินดาไปเดินเล่นสิลูก น้องเพิ่งกลับมาจากเยี่ยมน้องดาที่โรงพยาบาลนะ คงเหนื่อยๆ ถ้าได้เดินพักผ่อนก็คงดี”

ทำไมผมจะดูไม่ออกว่าความจริงแล้ว มันไม่ใช่แค่เดินเล่นหรอก แม่คงอยากให้ผมกับรินดาอยู่ด้วยกันให้มาก อาจเพราะผมดูเฉยเมยเวลาที่อยู่กับเธอ และยิ่งเธอเป็นลูกสาวของนักการเมืองดัง แม่ผมคงจะอยากให้ผมรักเธอให้มากกว่านี้

รินดาและผมเดินออกมาที่สวนเล็กๆหน้าบ้าน มีเพียงความเงียบที่ปกคลุมอยู่รอบตัวเรา ผมละอายใจจนไม่อยากพูดกับเธอ ..ส่วนเธอ คงไม่ค่อยอยากพูดกับผมเท่าไหร่นักหรอก

“คีย์..”

“ทำไมเหรอ” ผมมองหน้ารินดา ..เธอเป็นคนสวย แต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน เธอคงสวยมากกว่านี้

 “เรายกเลิกดีไหม ?”

“ยกเลิกอะไร”

“ทุกอย่าง ..ฉันไม่มีความสุขเลย.. ฮึก..ฉ..ฉัน ฮือ..ฮือออ”

“..”

ผมทำได้แค่กอดปลอบเธอ ..ผมมันโง่เอง ที่พาเธอเข้ามาในวังวนเลวๆของเคย์ มันผิดที่ผมเอง ถ้าผมคิดให้มากกว่านี้..ผมเองก็อาจไม่ต้องเจ็บปวด


วันนี้ทุกอย่างต้องเลื่อนออกไป ผมไม่ได้อยู่ต่อ ส่วนรินดา แม่ผมเข้าใจว่าเธอคงเครียดหลายๆอย่าง โต๊ะอาหารวันนี้จึงต้องยกเลิกไป


ครืน .. ครืน

มือผมเลื่อนไปกดรับสายบนหน้าจอโดยที่ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนที่โทรเข้ามา

“ไง..” แทบไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าเสียงแบบนี้มันเป็นเสียงของใคร 

“มึงมีอะไรวะ ดนัย”

“จะโทรหามึงต้องมีอะไรด้วยเหรอวะ ”

“ปกติมึงก็โทรหากูแค่เรื่องเงิน”

“เออ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่วะ กูอยากโทรมาถามเรื่องหลานกู”

“ทำไม ?”

“เปล่า กูก็แค่อยากรู้ว่า มึงดูแลหลานกูดีรึเปล่า”

“ก็ดีกว่าที่มึงดูแลเขา”

“เหรอ ..อืม .. กูอยากเจอหน้าหลานกูวะ ”

“กูขอปฏิเสธ”

“เอางั้นก็ตามใจ ..แต่มึงระวังไว้หน่อยก็ดีนะ ..อย่างน้อยก็ระวังติดโรคจากหลานกูหน่อยละกัน ตอนไปต่างประเทศมันก็มั่วพอสมควร..”

“..”

สายโดนผมตัดไป ผมรู้สึกสมเพชเขานะ ชีวิตของเขามันแย่ซะจนผมเองยังไม่อยากจะเข้าไปยุ่ง แต่ผมก็จำเป็น ..ของบางอย่างที่ผมเอากลับมาให้โรมได้ ผมก็อยากจะเอากลับมา คนอย่างดนัย ไม่มีทางเก็บสมบัติของใครไว้ได้นานหรอก ..เขามันหิวเงินเกินไป และผม..ไม่มีวันไว้ใจหมาลอบกัดพวกนี้หรอก..



-------------------------------------------
หายไปอาทิตย์เต็มๆ ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้บอกไว้ก่อน เพราะอาทิตย์ที่เเล้วเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก
งานมากมายล้นเข้ามาจนตัวลอย 555
 ตอนนี้ก็อัพไปแค่นิดเดียว เดี๋ยวตอนหน้าจะเพิ่มให้มากกว่านี้นะคะ
ขอบคุณทุกความเห็น และขอบคุณนักอ่านทุกคนนะ ที่ยังคอยติดตามนิยายเรื่องนี้กัน
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 26-01-2015 22:04:10
เรื่องราวซับซ้อนซ่อนเงื่อนจัง เคย์ดูไม่น่าคบหาเลย ต่อไปโรมจะโดนอะไรอีกมั้ยนะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 26-01-2015 22:51:03
ด่าว่าควายนี่สงสารควายเลยตรู

จะบอกว่าวางแผนช่วยโรม แล้วที่ด่ากับตบ?
เฮ่ย โง่ก็ต้องมีขอบเขตนี่มันระดับไร้สติยั้งคิดแล้ว
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 26-01-2015 22:51:55
เรื่องจะคลี่คลายลงได้ก็เพราะคีย์นี่แหละ เหมือนพี่แกเป็นคนถือปมทุกอย่างอยู่ในมือ

คงได้แต่รอเวลาให้พี่แกปล่อยซะที ยิ่งถือนานๆ คนที่เจ็บอยู่แล้วก็จะเจ็บเข้าไปอีก

สุดท้ายถ้าอะไรจะเกิดขึ้นคงเป็นเพราะตาคนนี้แหละมั้ง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: เกรียนเหมียว ที่ 26-01-2015 23:01:30
 :jul1:อืม ชีวิต....จริงๆโรม  พระเอกก็ใช้แต่อารมณ์ ไม่พูดแล้วโรมจะเข้าใจไหมมมม อ่านแล้วอยากกระโดด :z6:ถีบนางจริงๆ  อีกคนสีกามเอ้ยคราม นิก็ไม่น้อยหน้า  ขาดความอบอุ่นเหรอคะ อยากได้พระเอกขนาดทำร้ายหลานตัวเอง  ส่วนน้องชายพระเอกนิ เลวค่ะ ไม่น่าเชื่ออ่ะเสนอหน้ามาตอนเดียวทำเราเกลียดได้ขนาดเน   :beat:  (อินค่ะอิน)
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 26-01-2015 23:22:50
ตอนนี้เหมือนสารภาพ  ความผิดของตัวเอง แต่แปลกทำมัยเราไม่เข้าใจและสงสารคีย์เลยรู้ตัวทุกอย่างแต่ยังทำลงไปทั้งๆๆที่รู้ผลลับว่าออกมายังงัย ความจริงในตอนนั้นปล่อยโรมไปก็น่าจะเอามาทรมานอีกในเมื่อตัวเองยังตัดสินใจอะไรไม่ได้สักอย่าง อ้างว่าทำเพื่อโรมแต่การกระทำไม่ใช่ทั้งด่าตบตี นี่หรือคนที่รักโรม  คีย์เป็นคนเห็นแก่ตัว เล่นยื้อใว้ทุกทางไม่ยอมปล่อยสักอย่าง   :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 26-01-2015 23:23:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 26-01-2015 23:39:37
สิบสี่ตอนแล้ว
ดราม่าได้เข้มข้นคงเส้นคงวาทุกตอน
ฝีมือจริงๆ 55
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 26-01-2015 23:59:12
 :a1:จั่วหัวนิยายว่า แนว ลึกลับก็ดีนะคะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 27-01-2015 00:04:58
นิสัยคีย์นี่ยังไงกัน   เราเข้าใจว่าคีย์จะเอามรดกของโรมกลับมาให้โรม
เคย์ทำรินดาท้อง เด็กนั่นเป็นลูกเคย์ ที่คีย์รับผิดชอบเำราพว่าเคย์ไม่รับผิดชอบ
สีครามก็อยากได้คีย์จนไม่เลือกวิธี
คีย์ยังรักโรมอยู่ แต่เมิงทำเขาจนเขาไม่อยากเห็นหน้า
เคย์ต้องพยายามแย่งโรมมาจากตีย์แน่ๆ  ท่าทางจะไม่ยากหรอก คราบใดที่ยังเป็นอิหรอบนี้อยู่
งงกับนิสัย รู้ว่ากำลังขมวดปมอยู่แต่มันดูงง ขาดๆ ชอบกล
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 27-01-2015 00:07:42
พระเอกดูเป็นคนเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ และไร้เหตุผล
อานายเอกดูเป็นคนชั่วสมบูณ์แบบ
คนใกล้ตัวพระเอก ทั้งรินดา น้องรินดา และเคย์ เหมือนพวกพิการ
ผิดปกติทางด้านจิตใจ อารมณ์ และสังคม ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
... พระเอกเหมือนมีเหตุผล แต่มันเบาหวิว เมื่อเทียบกับการกระทำ
การระงับอารมณ์ไม่สามารถทำได้ เรื่องเล็กน้อยก็ลงไม้ลงมือ
.... ชาติหน้าเถอะ นายเอกคงจะเข้าใจเมิง .... เมิงมันบ้าไปแล้ววววววววววววว
.... สงสารนายเอกว่ะ

หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 27-01-2015 01:53:57
หลงเข้ามาอ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลย พระเอกนี่ทำเรื่องอึดอัด อ่านแล้วเหนื่อยอ่ะ :เฮ้อ:
ยังไงรออ่านต่อ  ว่าเรื่องราวจะคลีคลายยังไง  :call:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: domeloly ที่ 27-01-2015 06:50:47
ดราม่ามากครับ ตอนจบอยากให้คีย์สูญเสียโรมแบบไม่มีวันได้คืน......จะได้สำนึกตัวเองเสียที
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 27-01-2015 07:11:06
ตอนจบ อยากให้กลับมารักกัน แต่ วีรกรรมมันไม่น่าให้อภัยมาก แอร้ยยยยยยยย :z6:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 27-01-2015 09:42:38
สงสารโรมอ่ะ สงสารคินรดาเด็กน้อยด้วย เป็นเด็กแท้ๆถูกผู้ใหญ่ใช้เป็นเครื่องมือ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 27-01-2015 13:50:12
ครอบครัวคออวยเรหอคะแต่ละคนเลวจริงๆ
หมั่นไส้อิพระเอกมากๆ ใครจะเชื่อว่าทำไปเพราะรักคะ
ไม่พูดไม่บอกอะไรเลยนี่ต้องการอะไร สงสารรึอยากซ้ำเติมกันแน่
สงสารโรมนะชีวิตตัวเองก็แย่อยู่แล้วยังต้องมาเจออะไรซ้ำอีก
อิพระเอกเนี่ยแหละไม่มีเหตุผลที่สุด มีปากไว้แค่ด่ารึไงคะ

ขอโทษที่หยาบคายแต่มันอินจริงๆ อ่านแล้วหงุดหงิดเลย555
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 27-01-2015 20:04:01
อ่านแล้ว.....อื้ม!!!!  :katai1:
ทำไมมันซับซ้อนซ่อนเงื่อนแบบนี้~~~~
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 14 26/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 29-01-2015 00:13:11
ถ้าอธิบายแต่แรกมันคงไม่หนักขนาดนี้ ไอ้การที่ไม่บอกเก็บเป็นความลับเรื่อยๆเนี่ยแหละทำให้เรื่องมันไปกันใหญ่
แต่สิ่งที่คีย์ทำ เรายอมรับไม่ได้จริงๆกับผู้ชายคนนี้ ต้องทำให้โรมร้องไห้อีกกี่หนถึงจะพอ
อยากดูแลก็ดูแลห่างๆ ก็พอสิ ทำตัวแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 15 29/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 29-01-2015 22:23:39



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 15 : Watched it pour as I touched your face


..ต่างคน ต่างความคิด บางทีผมก็อยากรู้ว่าในใจของคีย์คิดอะไรอยู่ เพราะหากเขาคิดถึงผมสักนิด..เขาคงไม่ทำแบบนี้ ทำราวกับผมเป็นสิ่งของที่จะทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเมื่อก่อนเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ผมคงไม่เจ็บเท่าตอนที่เขาเปลี่ยนไป

อะไรที่ทำให้เขาต้องเห็นแก่ตัว ?

อะไรที่ทำให้เขาเป็นคนที่ไม่หลงเหลือเหตุผลอะไรเลย ?

แน่นอนว่าผมอยากรู้ แต่คงไม่ถึงขั้นไปยุ่งเรื่องส่วนตัวเขา ตอนนี้ผมคงทำได้แค่ต่างคนต่างอยู่ ตราบใดที่เขาไม่มายุ่งกับผมมากเกินไปนัก ผมก็คงไม่ยุ่งเรื่องของเขาอีก

ถ้าผมไม่รู้ ผมก็ไม่เจ็บ

แกล้งปิดหูปิดตา รอวันที่เขาเบื่อผมและทิ้งผมสักที ..มันอาจจะดีกว่าผมดิ้นรนหาทางออกเอง และผมอาจไม่ต้องเจ็บมากไปกว่านี้

ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง สองสามชั่วโมงที่ผมอยู่ภายในห้องนี้มันทำให้ผมเบื่อ มันรู้สึกเหมือนอยู่ในกรง .. ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน เขาก็เหมือนจะรู้ทุกอย่าง


ความน่าอึดอัด  ความสับสน  ความเบื่อ

นั่นคงเป็นคำที่อธิบายความรู้สึกของผมได้ดีที่สุดในตอนนี้  ผมค่อยๆปิดตาลง อยากลืมช่วงเวลานี้ไปสักพัก ไม่อยากคิดถึงภาพคีย์อีก

......

ช่วงเวลาหลายชั่วโมงที่ผมนอนหลับไป ผมแทบไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าคีย์กลับมาตอนไหน ..นี่ถ้าโจรเข้ามาปล้น ผมคงโดนฆ่าตายไปแล้ว

มีบางอย่างที่ผิดปกติไป.. ถ้าแค่เรานอนเตียงเดียวกันผมคงไม่รู้สึกอะไรมากมาย แต่มือที่กอดเอวผมเอาไว้หลวมๆนี่ .. มันทำให้ผมรู้สึกแย่จริงๆนะ

ตอนนี้ทุกการกระทำของเขามันทำให้ผมสะอิดสะเอียนไปหมด  .. จนผมคิดว่าผมอาจเป็นโรคจิตไปแล้วก็ได้  ผมค่อยๆลุกขึ้นและเอามือเขาออกไปจากเอวผมอย่างเบามือ  ทันทีที่หลุดจากการเกาะกุมของคีย์ ผมก็รีบเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ และออกมานั่งอยู่ในห้องรับแขก ..บางทีผมก็คิดว่าผมให้ชีวิตอยู่หน้าจอทีวีมากกว่าการออกไปสูดอากาศข้างนอกซะอีก 


“เหนื่อยเหรอ” ไม่คิดว่าเขาจะตื่นเร็วขนาดนี้  ไม่กี่นาทีที่ผมลุกจากเตียง เขาก็คงตื่นแทบจะทันที

“เปล่า”

“เหรอ ดูมึงเหนื่อยๆนะ”

ไร้คำพูดใดๆออกกจากปากของผม .. ไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป ผมไม่อยากจะคุยกับเขาแล้ว ไม่ใช่เพราะโกรธหรือโมโห เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าเขาจะโมโหและลงที่ผมอีกเมื่อไหร่ ผมเบื่อที่จะเจ็บตัวกับเขาแล้ว

คีย์เดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งผมให้อยู่คนเดียวในห้องแคบๆนี่อีกครั้ง ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน มันก็วนมาจบที่วันรุ่งขึ้นเขาก็ทำเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น  ราวกับเมื่อวานเราไม่ได้ทะเลาะกัน แปลกนะทั้งๆที่เป็นคนๆเดียวกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงเป็นคนที่ตามเขามาคุยให้รู้เรื่อง เพราะไม่ชอบที่จะทะเลาะกันนานๆ แต่ตอนนี้ผมอยากให้เราทะเลาะกันไปนานๆ จนไม่ต้องคุยกันอีกเลยก็ได้ ..

ผมกำลังรู้สึกเหมือนมันเหนื่อยเกินไป ทำไมผมต้องมาทนอะไรแบบนี้ด้วย ผมคิดถึงบริษัทของพ่อผมเหรอ ? ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้คิดถึงผมเลยสักนิด แต่กลับโยนปัญหามาให้ผมได้ นี่เหรอ..สิ่งที่คนเป็นผู้นำเขาทำกัน  ผมรู้ว่าผมพาล แต่หากผมเอาแต่โทษตัวเอง สักวันผมคงได้บ้าตายกันพอดี


สักพักใหญ่ๆกว่าคีย์จะออกมาจากห้องน้ำ ผมสะดุดตากับรอยแผลเป็นที่แขนของเขา ..ผมคงเป็นสาเหตุที่ทำให้มันเกิดขึ้นมา ปกติเขามักใส่เสื้อแขนยาว มันทำให้ผมไม่เห็นอะไร  แผลนั่นทำให้ผมรู้สึกผิด แต่เพราะไม่อยากจมอยู่กับการรู้สึกผิดมากเกินไป ผมเลยเลือกที่จะเมินมันซะ


กริ๊ง กริ๊ง

เสียงกริ่งที่หน้าห้องดังขึ้น เรียกความสนใจของผมและคีย์ได้เป็นอย่างดี คีย์เป็นฝ่ายเดินไปเดินประตู ผมเห็นเขาถอนหายใจตอนที่เขาเปิดกล้องดูว่าเป็นใคร  ก่อนที่เขาจะเปิดประตูด้วยความไม่เต็มใจนัก

“ไง ! ผมคิดถึงพี่แทบตาย ไม่เจอกันตั้งวันนึง” ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคีย์ถึงถอนหายใจแบบนั้น เป็นผม  ผมก็คงรำคาญแบบเขาที่มีน้องชายนิสัยแบบนี้ แถมข้างๆเคย์ยังมีสีครามยืนอยู่ นี่พวกเขาจะเล่นบ้าอะไรกันแน่

“มีอะไร” คีย์ถามเขาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ 

“อ้าว ก็วันนี้ผมต้องเข้าบริษัทไง”

“แล้ว ?”

“แล้วผมจะเข้าบริษัทได้ไง ถ้าไม่มีเลขา ผมยังทำอะไรไม่เป็นเลยนะ”

“เหอะ .. บริษัทนี้รับคนเข้ามาทำงานด้วยความชอบส่วนตัว ไม่ใช่ความสามารถหรอกเหรอ ?”

“อืม.. แล้วสีคครามละครับ ? เขาเข้ามาทำงานง่ายอย่างนี้เพราะอะไรเหรอครับ”

“...”

“พี่ไม่ต้องตอบผมก็ได้ครับ แต่ผมพาเลขาพี่มาให้แล้ว ผมก็ขอเลขาผมไปทำงานเลยละกันนะครับ” 

ไม่รู้อะไรทำให้ผมรู้สึกขนลุกกับคำที่เขาใช้เรียกว่าเลขา ไม่รู้สินะ ..ในจินตนาการของผม เลขาส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แต่นี่นอกจากเลขาของประธานบริษัทเป็นผู้ชายแล้ว รองประธานก็ยังมีเลขาเป็นผู้ชายอีก ผมค่อนข้างจะรู้สึกแปลกๆพอสมควร และไม่อยากจะจินตนาการเลยจริงๆ ว่าหากผมกลับไปทำงานอีก พนักงานจะมองผมยังไง .. เป็นคนที่มีสิทธิ์อะไรที่จะเข้าทำงานเมื่อไหร่ก็ได้  และมีคนที่ต้องพลาดงานดีๆแบบนี้ไปเพราะผมกี่คน คนที่เขามีความสามารถมากกว่าผมไม่ได้ทำงานในบริษัทที่ดีๆ แต่คนที่ไม่มีแทบประสบการณ์อะไรเลยอย่างผมกลับได้ทำ


“ผมขอปฏิเสธงานนี้ละกันนะครับ ขอโทษที่ทำให้คุณเสียเวลามาถึงที่นี่ และขอโทษที่ปากไวรับงานคุณ” ส่วนนึงเพราะผมไม่อยากมีปัญหากับคีย์อีก  ถ้าหากเขาเกิดบ้าจนทำร้ายร่างกายผมอีก ผมคงรู้สึกแย่กว่าเดิมมากขึ้นไปอีก

“ทำงี้ได้ไงครับ แล้วผมจะไปหาคนที่ไหนมาทำงานแทนทันละครับ เพิ่งยกเลิกการรับสมัครไปด้วย”

“อย่าทำตัวให้เป็นปัญหามากนักเลยครับ ..เดี๋ยวคนเขาจะหาว่าเรียกร้องความสนใจ” นั่นเป็นประโยคของสีคราม มันทำให้ผมต้องมองหน้าเขาตรงๆ ..ดูเหมือนเขาอยากจะมีปัญหากับผมมาก  แต่ถ้าผมยิ่งตอบโต้เขา มันอาจทำให้ตัวผมเองมีปัญหามากขึ้นไปอีก นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมเลือกที่จะเงียบซะ  ..ผมเบื่อที่จะทะเลาะกับใครหลายๆคนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ผมมันก็แค่ไอ้ขี้ขลาดคนนึง

“แล้วแต่มึงละกัน อยากไปก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”

“เฮ้อ... ผมไปก็ได้ครับ แค่ทำงานมันไม่ได้หนักหนาอะไรอยู่แล้ว แต่ถ้าให้ผมไปเป็นที่รองรับอารมณ์ ผมก็ไม่คิดว่าผมจะทำงานนี้ได้”


สรุปว่าวันนี้ผมนั่งรถไปทำงานกับเคย์ ส่วนคีย์ก็ไปกับสีคราม แน่นอนว่าคีย์ไม่ค่อยพอใจ ..ผมคิดว่าเขาคงเห็นผมเป็นแค่สิ่งของ และคนอย่างเขาคงรู้สึกเหมือนมีคนกำลังแย่งของเล่น แต่ความรู้สึกเด็กๆแบบนั้น ผมไม่ได้คิดจะใส่ใจหรอก

“วันนี้รถติดจังเลยนะครับ”

... ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้เคย์พูดไปคนเดียว ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว ..และเขาก็ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับผม

“แปลกนะครับ ดูเหมือนคีย์จะชอบคุณมากเลยนะ ”

“เหอะ..อย่าทำเป็นตาบอดไปหน่อยเลย” สาบานเถอะว่าเขาไม่เห็นว่าคีย์แทบจะฆ่าผมให้ตายได้แล้วมั้ง ไหนจะคำพูดประชดประชันนั่นอีก

“อ้าว ทำไมละครับ”

“..”

“อืม ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาปรึกษาผมได้นะ ผมพร้อมที่จะรับฟัง ถึงคุณจะไม่ค่อยอยากคบผมเป็นเพื่อนเท่าไหร่ก็เถอะ”

ความนิ่งเงียบวนเวียนอยู่รอบตัวเราจนกระทั่งเคย์ขับรถมาถึงบริษัท เขาดูเป็นพวกมือใหม่ที่ไม่น่าจะบริหารงานอะไรรอด  นั่นคงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เขาต้องหาเลขามาช่วย แต่มันน่าเศร้าสำหรับเขานะ ที่ได้คนอย่างผมเป็นเลขา เพราะผมกับเขาเรามันก็มือใหม่พอๆกัน


และเป็นไปอย่างที่ผมคาดเดา พนักงานที่นี่มองผมเป็นตาเดียวกัน แต่ไม่มีใครพูดอะไร พวกเขาคงสงสัยว่าทำไม รองประธานคนใหม่ ถึงมากับเลขาเก่าของประธาน  เป็นผม ผมก็คงสงสัยไม่ต่างจากพวกเขา มันดีตรงที่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้เดินเข้ามาถามหรือพูดอะไรตรงๆ มีบ้างที่หันไปพูดซุบซิบกัน แต่ผมเผื่อใจมาแล้ว เลยไม่รู้สึกอะไรมากมาย

ผมเดินตามเคย์มาเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ห้องๆหนึ่ง ซึ่งเดินห่างจากห้องของคีย์มาไม่มาก ความจริงผมคิดว่าห้องนี้มันเป็นห้องประชุม  มันเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่พอสมควร เล็กกว่าห้องของคีย์แค่นิดหน่อย เฟอร์นิเจอร์ต่างๆก็เรียบหรูสมกับระดับของเจ้าของห้อง

“ความจริงวันนี้ มันไม่มีอะไรมากมายหรอกครับ ผมเพิ่งเข้ามาทำงาน ยังไม่ต้องทำอะไรมากมาย ..ไหนๆก็ไหนๆแล้วเราไปกินข้าวกันเถอะครับ”

“ห้ะ ?” ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง นี่เขาประสาทกลับรึเปล่า เพิ่งขับรถออกมา เขาก็จะออกไปอีกแล้ว แถมยังออกไปทำอะไรที่มันโคตรจะไร้สาระเลยสำหรับผม

“ก็ผมหิว ตอนที่ออกมาก็รีบจนไม่ได้กินอะไร ..ถ้าคุณไม่สบายใจ จะชวนสีครามกับคีย์ไปด้วยก็ได้นะครับ”

ความหนักใจมันอัดอั้นอยู่เต็มไปหมด ถ้าหากผมออกไปกับเขาสองคน มันก็คงมีปัญหากับคีย์อยู่แล้ว และผมยังไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวตอนนี้สักเท่าไหร่

“ลองไปชวนคีย์กับคุณสีครามดูสิครับ ผมรออยู่ที่นี่ก็ได้”

“ได้ไงละครับ ปกติเจ้านายไปไหน เลขาก็ไปด้วยไม่ใช่เหรอ”

“เลขานะครับ ..ไม่ใช่ทาส”

“..ผมขอโทษครับ..” ให้ตาย..สีหน้าที่สลดลงไปนั่นมันอะไร คนที่มีนิสัยอย่างเขาจะมารู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของผมเนี้ยนะ นั่นมันทำให้ผมเกิดความรู้สึกผิดเล็กๆ

อืม.. กลับกลายเป็นว่าตอนนี้พวกเรา 4 คน มาอยู่ในภัตตาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก คีย์เขาดูหงุดหงิดอีกแล้ว เขาคงหงุดหงิดกับทุกเรื่องเลยสินะ  ทั้งสามคนสั่งอาหารไม่กี่อย่าง ส่วนผมไม่ได้สั่งอะไร ช่วงเวลาแบบนี้ผมกินไม่ค่อยลงนักหรอก

พออาหารมาเสิร์ฟต่างคนก็ต่างกิน ผมก็นั่งดื่มน้ำเปล่าไปเรื่อยๆ จนจู่ๆเคย์ก็เลื่อนจานอาหารของเขามาหยุดอยู่ระหว่างผมและเขา ผมรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งเขาตักอาหารและยื่นช้อนมาจ่อที่ปากผม .. บางทีผมก็นึกสงสัยว่าเขาไม่อายที่จะทำอะไรแบบนี้บ้างรึไง ผมว่าเขาจะหน้าด้านเกินไปหน่อยแล้วนะ

“จะไม่กินจริงๆเหรอครับ  ..ผมคงเสียหน้าแย่เลยนะ”

“...”

เกิดความเงียบขึ้นบนโต๊ะอาหารแบบฉับพลัน ผมเองนิ่งค้างกับคำพูดของเคย์ จนไม่ได้สังเกตสีหน้าของคนรอบข้าง ..ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีคนแบบนี้อยู่ด้วยบนโลก ผมมองหน้าเคย์ สลับกับอาหารในมือเขา ก่อนจะยื่นมือไปจับช้อนมากินเอง เพราะถ้าผมไม่ทำแบบนี้เขาคงถืออย่างนี้ไปตลอดแน่


แกร๊ง !

เสียงของช้อนกระทบจานอย่างดัง ทำให้ผมต้องหันไปมองเจ้าของจานใบนั้น ...เฮ้อ คิดอยู่แล้วว่าเขาคงไม่พอใจอีก แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ เขายังโมโหซะได้

เคย์จ้องผมซะจนผมต้องหลบสายตาไปทางอื่น นี่ตกลงผมมาเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาจริงๆใช่ไหม ..ทำไมผมรู้สึกเหนื่อยอย่างนี้นะ

“...”

แทบไม่ต้องเดาเลย.. อาหารมื้อนี้แทบจะไม่อร่อยเลยสักนิด และสีครามก็มองเหมือนผมเป็นตัวปัญหา ทั้งๆที่ผมไม่ได้เต็มใจจะมาเลยด้วยซ้ำ

“ทำไมต้องพาคนที่เป็นปัญหามาด้วยทุกทีเลยนะ”

“ถ้าที่คุณพูด มันหมายถึงผม ต่อไปก็บอกคุณเคย์ว่าอย่าชวนผมมาด้วยอีกเลยนะครับ”


.............


 พอกลับมาถึงบริษัท ผมและเคย์ก็แยกตัวออกมาทำงาน สารพัดงานที่กองอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมด ..นี่เหรอ ที่เรียกว่าไม่มีงานของเขา มันกองอยู่จนแทบจะล้นโต๊ะเขาอยู่แล้ว และคนที่ต้องช่วยเขาจัดการตารางงานพวกนี้ก็คงไม่พ้นผม
ทั้งวันผมวุ่นวายอยู่กับการจัดงานเขาให้เข้าที่เข้าทาง ส่วนเขาก็นั่งเซ็นต์ไปเรื่อยๆโดยได้เดือดร้อนอะไร แล้วไหนละ คำพูดที่ว่าทำอะไรไม่เป็นของเขา ..


10.49 น.

ผมปิดปากหาว ก่อนที่จะลุกขึ้นบิดไล่ความขบเมื่อยออกจากร่างกาย งานทุกอย่างถูกจัดเรียงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ  วันนี้มันเป็นวันที่ผมทั้งเหนื่อยกายและหนักใจ มันน่าอึดอัดนะที่มีคนจ้องตลอดเวลาที่ทำงาน งานของเคย์มีแค่ตรวจเอกสารและเซ็นต์นิดๆหน่อยๆ เขาก็มีเวลาว่างแทบจะทั้งวัน นั่งดูผมทำงานกองโต

“เสร็จแล้วเหรอครับ”

“ครับ” ตาผมแทบจะปิดแล้ว ..ทั้งง่วงทั้งเหนื่อย ผมอยากกลับไปอาบน้ำและเข้านอนเร็วๆ จะได้ผ่านๆวันแบบนี้ไปสักที

ก๊อก ก๊อก

คีย์เดินมึนตึงเข้ามาในห้อง ..ไม่รู้ทำไมแต่พอผมเห็นหน้าเขาแล้วผมถึงเหนื่อยมากขึ้น ..เขาดูจะโมโหทั้งวัน นั่นทำให้เขางี่เง่าและไร้เหตุผล

“ทำงานกันเสร็จแล้วใช่ป่ะ งั้นกูขอตัวโรมไปละกัน”

“ได้ไงอ่ะ เดี๋ยวผมขับรถไปส่งเขาเองก็ได้ พี่กลับไปส่งสีครามเหอะ”

“อย่ามาเสือก..”

ข้อมือของผมโดนคีย์ฉุดไปอย่างแรงจนหน้าแทบคว่ำ ความโมโหเล็กๆเริ่มเกิดขึ้นในใจของผม นี่เขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก เมื่อไหร่จะหยุดบ้าสักที !

ผมสะบัดมือออกจากเขา จนคีย์หันมามองหน้าผม และครั้งนี้ผมจ้องเขากลับ อยากรู้ว่าภายในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

“เหอะ..”

“อะไร พี่เป็นอะไรอีก แค่นี้ยังบ้าไม่พอเหรอ ?”

“รู้ไว้ซะด้วยนะ..คนอย่างกู บ้าได้มากกว่านี้อีกหลายเท่า” เป็นอีกครั้งที่คีย์กระชากแขนผมอย่างแรง  จนผมแทบจะเบ้หน้าเพราะความเจ็บ เขาเป็นพวกซาดิสม์รึไงกัน ถึงได้ทำแต่กิริยาทรามๆ 

เขาผลักผมลงไปในรถสีดำ ก่อนจะเดินไปนั่งด้านคนขับและขับรถออกไปทันที .. เขาขับรถด้วยความเร็วที่ไม่กลัวจะไปชนใครตาย ฝ่าความมืดเวลากลางคืน มันทำให้ผมรู้สึกทั้งกลัวทั้งโกรธ กลัวว่าตัวเองจะไม่มีชีวิตไปถึงพรุ่งนี้ โกรธที่เขาทำตัวงี่เง่า ไร้การศึกษา เหมือนพวกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้


รถสีดำมาหยุดอยู่หน้าผับแห่งหนึ่ง ..เป็นผับที่เรียกได้ว่าหรูติดอันดับต้นๆของเมืองไทย และน่าจะเป็นศูนย์รวมยาเสพติดแทบทุบชนิดสำหรับผม ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของที่นี่มาค่อนข้างเยอะ มันเป็นผับหรูที่เป็นแหล่งมั่วสุมชั้นดีของพวกไฮโซที่มีเงิน ...และทั้งชีวิตนี้ ผมไม่เคยคิดจะเข้าไป

คีย์กระชากผมไปตลอดทั้งทาง จนถึงต้องที่มีป้ายติดว่า VVIP .. พอเขาเปิดเข้าไป ด้านในมีผู้ชายอยู่ 3 คน ทุกคนค่อนข้างแต่งตัวดูดี ไม่เหมาะที่จะนั่งอยู่ที่ผับเวรๆนี่แม้แต่น้อย พวกเขาดูน่าจะเป็นนักธุรกิจที่ใสสะอาด ..แต่ก็นะ โลกมายาพวกนี้น่ะ ต่อให้เบื้องหลังพวกเขาเป็นฆาตกรก็ไม่มีใครรู้หรอก

ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆคีย์ หนึ่งในสามคนนั้น ยื่นแก้วน้ำสีใสให้คีย์ ตอนแรกผมแค่คิดว่ามันเป็นน้ำเปล่า ..แต่กลิ่นของมันแรงจนฉุนจมูกไปหมด

“นี่เหรอวะ เลขาของน้องมึง ? ก็ดูดีนี่” ผมได้ยินเสียงคีย์หัวเราะในลำคอ.. ก่อนที่เขาจะพูดประโยคที่ทำให้ผมรู้สึกหน้าชา และเพิ่งรู้ตัวว่าผมไม่ควรมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก

“หึ.. ก็แค่เด็กขายที่กูซื้อมา ถ้าพวกมึงอยากได้ก็ซื้อต่อไปดิ






---------------------------------------------
อืม..อืมมม เป็นคนที่เเสนดีอะไรอย่างนี้นะ..
วันนี้ลงค่อนข้างดึกนะ 5555
ฝันดีนะคะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 15 29/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 29-01-2015 22:48:54
เฮ้ออออออออ

จะมาเป็นพระเอกประเภทบริโภคหญ้าเป็นอาหารหลักหรือนี่?
หรือว่าเราเข้าใจผิดเองที่คิดว่าคีย?เป็นพระเอก

ขอเถอะ อย่าเป็นประเภทให้คนอื่นมาข่มขืนนายเอกเลย ไม่นิยมพระเอกประเภทเดรัชฉาน
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 15 29/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: เกรียนเหมียว ที่ 29-01-2015 23:20:31
 :angry2:  อยากกระโดถีบทั้งพระเอก ทั้งสีครามทั้งน้องพระเอก เรื่องนี้รวมฮิตคนน่า :beat: จริงๆ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 15 29/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-01-2015 23:43:35
เฮ้ออออ. เมื่อไหร่จะพูดความจริงกันซะที. อึดอัดมากเนื้อเรื่อง
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 15 29/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 30-01-2015 06:50:56
 :เฮ้อ: เฮ้อ เมื่อไหร่โรมจะหลุดพ้นสักที
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 15 29/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 30-01-2015 09:26:17
อย่าห้ามพี่ วันนี้แหละ พี่จะเอาเลือดหัวอิพี่คีย์มันออกให้จงด้ายยยยยยยยย :z6:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 15 29/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฝัน ที่ 30-01-2015 09:29:57
อิ่มดีจังเรื่องนี้อืดเต็มท้องเลย
ไม่เคลียสักอย่าง
ไม่ได้จะตินะค่ะ
สนุกดีค่ะแต่
จะมาอ่านอีกทีตอนจบละกัน
มันเยอะจนค้างคาจนน่าเบื่อไปบ้าง
ความรู้สึกตัวละครค่อนข้างสับสนแบบแปลกๆ
อยากปกป้องเขาแต่อารมณ์ร้ายอันนี้ยังไม่แปลกเท่าทำร้ายกันเว่อร์ยังไงไม่รู้
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 31-01-2015 21:54:23



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 16 : Let it burned while I cried


ซ่า ..

ผมคว้าแก้วในมือเขา มาสาดหน้าเขา ..อยากให้มันช่วยเรียกสติของเขาได้บ้าง อย่างน้อยสักนิดก็ยังดี เพราะตอนนี้เขาราวกับคนเลวๆที่มองไม่เห็นอะไร

“..พี่ไม่ต้องมายุ่งกับผมแล้วนะ ..ถือว่าผมขอร้อง อยากทำอะไรอีกก็เชิญ อยากเอาอะไรไปจากผมอีก ก็เอาไปเลย แต่สิ่งหนึ่งที่พี่เอาไปไม่ได้คือศักดิ์ศรีผม”

“...”

“ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าอะไรที่ทำให้พี่เกลียดผม..ถ้าหากว่าเป็นตอนที่ผมหนีที่ไป ผมก็รู้สึกว่าผมคิดถูกแล้วที่ไม่อยู่กับพี่ซะตั้งแต่ตอนนั้น เพราะมันคงจะทำให้ผมผิดหวังในตัวพี่มากกว่านี้อีกหลายเท่า”


 ผมเดินออกมาโดยไม่ได้หวังว่าเขาจะตามออกมา มันดีแล้วที่เขาเลือกจะพูดแบบนั้น ..ผมจะได้รู้ว่าจริงๆแล้วเขาคิดยังไงกับผม ถึงหลายๆการกระทำมันจะฟ้องว่าเขารู้สึกยังไงกับผม ..แต่ผมก็เลือกที่จะมองข้ามไป  และครั้งนี้..ความสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ได้ระหว่างผมกับเขา มันจะได้จบลงสักที

ฝูงคนมากมายแทรกกันจนแทบไม่มีช่องให้หายใจเลยด้วยซ้ำ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมไม่ชอบมาที่แบบนี้ ในระหว่างที่ผมเดินฝ่าฝูงคนมากมายอยู่นั้น ก็มีมือของใครบางคนจับมือผมและเดินลากนำหน้าไป ..นี่วันนี้ทั้งวันผมโดนฉุดกระชากลากถูเยอะไปแล้วนะ พอพ้นเขตที่แน่นไปด้วยผู้คน ผมก็สะบัดมือตัวเองกลับมา และมองหน้าคนที่พาออกมาอย่างเอาเรื่อง

“เคย์ ?”

“ครับ ผมแค่เห็นคุณเดินเบียดคนอยู่เลยอยากจะช่วยให้คุณออกมาด้านนอกง่ายๆ ..แล้วคีย์ละครับ ? ไม่ได้จะกลับด้วยกันเหรอ”

“ผมถามจริงๆนะ คุณไม่รู้จักนิสัยพี่คุณจริงๆเหรอ”

“เพราะรู้ไงครับ ..ผมถึงได้ตามคุณมา”

“แล้วตามมาทำไม ? มาสมเพชผมเหรอ พวกคุณมันก็นิสัยพอกัน”  แทบเรียกได้ว่าผมพาลทุกคนไปแล้ว เพราะพวกเขาทั้งนั้นที่ทำให้ผมรู้สึกแย่

“..ถ้าคุณไม่สบายใจขนาดนั้น ..ไปเที่ยวกับผมไหมละ ? แค่พรุ่งนี้วันเดียว ผมแค่อยากให้คุณลืมว่าคุณผ่านอะไรมาบ้าง ..มันอาจจะดีก็ได้นะ ถ้าหากคุณพักผ่อนซะบ้าง”

“แล้วผมไว้ใจคุณได้เหรอ ?”

“ไม่หรอก คุณไว้ใจผมไม่ได้ แต่ผมไว้ใจคุณนะ”  ผมมองหาความจริงใจบนใบหน้าของเขา ตามด้วยเสียงถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะเลือกเดินตามเขาไปที่รถ ..ถึงผมจะไว้ใจเขาไม่ได้ แต่เขาคงเป็นคนเดียวที่ยังไม่ได้เลวร้ายกับผม 

เคย์เดินไปเปิดประตูและผายมือให้ผมเข้าไปนั่งในรถ  ผมแค่เข้าไปนั่งเงียบๆ ไม่ได้ขอบคุณหรือพูดอะไรกับเขา เคย์ก็เหมือนจะรู้ว่าผมไม่อยากจะฟัง เขาถึงไม่พูดอะไรไร้สาระเหมือนที่ผ่านมา


วิวทิวทัศน์ข้างทางเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากย่านชานเมือง ก็เปลี่ยนเป็นเขตปลอดมลพิษทางอากาศ ต้นไม้ปกคลุมแทบตลอดสองข้างทาง  เคย์ขับรถไปอย่างเรียบๆตลอดทาง ไม่ได้เร็วหรือช้าจนเกินไป ผมไม่รู้หรอกว่าเขาจะไปที่ไหน ขอแค่ที่นั่นไม่มีคีย์ก็พอ

“คุณกับคีย์เคยคบกันมาก่อนเหรอครับ”

“ก็ไม่เชิง”

“ดูเขารักคุณจริงๆนะ ”

“เลิกพูดถึงเขาเหอะ ..ที่ผมมากับคุณไม่ได้ให้คุณมาตอกย้ำเรื่องที่มันจบไปแล้วนะ” พอผมพูดจบ เขาก็เงียบ ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธรึเปล่า เพราะส่วนใหญ่ผมมักจะพูดจาไม่ค่อยจะดีกับเข้าสักเท่าไหร่ 


 เข็มยาววนเวียนบอกเวลาไปเรื่อยๆ จนเกือบเช้า แทบทั้งคืนผมนั่งอยู่ในรถโดยที่ไม่ได้หลับสักนิด  เคย์ก็ขับรถโดยไม่พัก ..ผมรู้ว่าเขาเหนื่อย แต่ในเมื่อเขาเลือกที่จะมาที่ไกลๆเอง ผมคงช่วยอะไรเขาไม่ได้

ที่ๆเขามา มันเป็นรีสอร์ทติดชายทะเล ท้องทะเลสีเข้มตัดกับพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ มันเป็นภาพที่สวยมากภาพหนึ่งในชีวิตผมเลยก็ว่าได้ .. แต่ไม่รู้ทำไม ผมกลับไม่ได้สบายใจอย่างที่คิดเอาไว้เลย ผมเดินลงมายืนรับแสงแรกของวันนิ่งๆ ส่วนเคย์ก็เดินตามลงมายืนข้างผม ...นี่มันค่อนข้างแปลกๆนะ เหมือนพวกเรามาเดทกัน ทั้งๆที่ผมแค่จะมาเที่ยวกับเขาในฐานะเพื่อนร่วมโลกคนนึง

“รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม” ผมมองหน้าเขานิ่งๆเมื่อเขาพูดจบ บางทีก็สงสัยว่าเขามาทำดีกับผมเพราะหวังผลอะไรรึเปล่า  บนโลกนี้สำหรับผมแล้ว มันหาคนดีที่ดีแบบจริงๆไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว

“แล้วคุณรู้เหรอว่าผมไปเจออะไรมาบ้าง”

“ก็ไม่รู้หรอกครับ”

“..”

“แต่ผมรู้นะ ว่าคุณกำลังรู้สึกยังไง ” ผมไม่ได้ถามหรือพูดอะไรต่อจากเขา ปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบแทนทุกอย่าง


แผนการวันนี้แทบไม่มีอะไรเลย พวกเราไปหาอะไรรองท้องกันในเซเว่น ลำบากนิดหน่อยที่เรามากันเช้าเกินไป และมาแบบไม่มีอะไรติดตัวเลยด้วยซ้ำ หลังจากนั้น พวกเราก็ไปเดินที่ตลาดในตอนเช้า  น่าแปลกที่คนที่นี่ก็แน่นพอๆกันกับในผับตอนนั้น แต่ผมกลับชอบบรรยากาศตอนนี้มากกว่า เคย์เดินไปเรื่อยๆ มีบางครั้งที่คนเบียดกันมากจนเขาต้องมาเดินเบียดกับผม ผมพยายามรักษาระยะห่างจากเขามากพอสมควร ..จนไม่รู้ว่าเขาจะคิดว่าผมรังเกียจเขารึเปล่า

“คนเยอะดีนะครับ”

“อืม ..ก็เป็นแหล่งค้าขาย  ถ้าคนน้อย เขาจะขายอะไรกันละครับ” เสียงหัวเราะของเขาแว่วมาให้ได้ยิน ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรน่าขำสำหรับผม


เวลาแค่สองสามชั่วโมงพัดผ่านไปอย่างรวดเร็วกับการเดินวนอยู่ในตลาด ผมไม่ได้ซื้ออะไรเลย เพราะไม่ได้เอาเงินมา ถึงเคย์บอกว่าจะจ่ายให้ แต่เพราะผมไม่อยากติดหนี้ใคร ถึงจะเล็กน้อยผมก็ไม่อยากจะติด

พวกเรากลับมานั่งเล่นที่ชายหาด ตอนแรกผมไม่ได้คิดจะคุยอะไรกับเขามากมาย แค่มานั่งให้สบายใจ แต่อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นนักเรียนที่จบนอกมาเหมือนกัน ผมเลยพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกับเขาไม่หยุด

“ตอนที่ไปที่นั้นแรกๆมันก็ดีนะ แต่สังคมพวกเขาเปิดกว้างมากกว่าคนไทยค่อนข้างเยอะ ผมเลยปรับตัวนานหน่อย”  ผมรับฟังที่เขาพูดอย่างตั้งใจ  เพื่อนผมหลายคนเขาอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว พอผมเข้าไปใหม่ ถึงจะเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่เรื่องการใช้ชีวิตผมก็ต้องเปลี่ยนไปเหมือนกัน

“มันไม่แปลกหรอก สังคมที่นั่นก็เป็นแบบนี้แหละ ทั้งดีและเลวปะปนกันไป ไม่ต่างจากที่นี่หรอก”

“..ผมคิดว่าผมมีเรื่องที่ต้องบอกคุณนะ” คำพูดที่ฟังดูจริงจังของเขา ทำให้ผมละสายตาจากพื้นน้ำสีคราม มามองเขา

“...”

“..คุณไม่สงสัยบ้างเหรอว่าทำไมจู่ๆคีย์ก็เปลี่ยนไป”

...ผมเหนื่อยใจจริงๆนะ ที่เขาเอาแต่พูดถึงคีย์ ..ยิ่งเขาพูดถึงคีย์ ผมก็ยิ่งจำ และมันเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะจำใส่สมองสักเท่าไหร่

“ผมคิดว่าผมบอกคุณชัดเจนแล้วนะว่าผมไม่... ”

“ใช่ ..คุณบอกแล้วว่าคุณไม่อยากได้ยินผมพูดถึงเขาอีก แต่ผมแค่อยากให้คุณรู้เรื่องนี้เรื่องเดียว ..และผมจะไม่พูดถึงเขาอีก”

“..เฮ้อ..งั้นก็พูดมาเหอะ”

“..ผมกับคีย์ เรามักจะแข่งกันแทบทุกเรื่อง ..และส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนที่ชนะ เพราะเขามันคนใจร้อนแทบทุกเรื่อง  แต่ก็มีอยู่เรื่องเดียวที่ผมยังชนะเขาไม่ได้ .. ก็คือเกมที่ผมเป็นคนตั้งขึ้นมาเอง”

เขาเว้นวรรคในการพูด ..แต่ผมกลับรู้สึกแปลกๆ ทำไมผมถึงรู้สึกลางๆว่าสิ่งต่อไปที่เขากำลังจะบอก ..มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผม

“ตอนที่ผมได้ยินข่าววงในเรื่องลูกชายคนเดียวของคุณกิตติมีรสนิยมชอบเพสเดียวกัน .....” แน่นอนว่าผมรู้สึกแย่ ..แย่มาก ไม่มีใครที่เลือกเกิดได้หรอกนะ ถึงจะมีคำพูดที่ว่า เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ ..แล้วไง ? เห็นสิ่งที่ผมเป็นคนดีมาตลอดตอบแทนผมไหมละ การจะเป็นคนดี ..บางทีมันก็ใช้ได้แค่กับคนบางคน

“ถ้าคิดจะพูดแล้ว ..ก็พูดออกมาให้จบ..”

“ผมกับคีย์แค่อยากรู้ว่าเรื่องที่เขาพูดมันเป็นจริงรึเปล่า ..พวกเราวางเดิมพันกันของผมเป็นบริษัท ..ส่วนคีย์เป็นรินดา ถ้าหากคุณสังเกตคนที่เข้ามาในชีวิตคุณดีๆ คุณจะรู้ว่าผมกับคีย์พยายามเข้าใกล้คุณตลอด แต่คุณเป็นคนที่ไม่ออกงาน และเข้าถึงยาก..”

“พอ..”

“..”

“...เอาเรื่องนี้มาบอกผมทำไม..” 

“ผมแค่ไม่อยากให้คุณเป็นคนโง่ในสายตาคีย์”

“..เปล่า ผมไม่ใช่คนโง่ในสายตาของคีย์หรอก.. แต่ผมเป็นไอ้หน้าโง่ในสายตาของพวกคุณทั้งสองคนเลยต่างหาก”

“ผมแค่รู้สึกผิด ..และอยากขอโทษ ตลอดเวลาที่คุณอยู่กับคีย์ ผมแค่เป็นห่วง..”

“โกหก.. คุณไม่ได้เป็นห่วงผมหรอก..แต่เกมบ้าๆของพวกคุณมันยังไม่จบ”


เชื่อไหม .. นี่เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่ผมรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง ครั้งแรกก็คือเรื่องของคีย์ และครั้งที่สองก็ยังคงเป็นเรื่องของคีย์ .. แต่ทำไมกันนะ .. .ผมถึงไม่ชาชินกับความเจ็บปวดพวกนี้สักที ?

เวลาที่คิดว่าเจ็บจนไม่สามารถเจ็บได้มากกว่านี้อีกแล้ว .. คีย์ก็มักเป็นคนที่ทำให้ผมรับรู้ความเจ็บปวดที่เพิ่มมากขึ้น ราวกับมันไม่มีที่สิ้นสุด มันเจ็บจนผมพูดไม่ออก เจ็บราวกับมีอะไรมาเสียบหัวใจเอาไว้จนกลายเป็นแผลเหวอะหวะ .. 
ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยนะ และผมรู้ว่าคงไม่มีใครชอบ






--------------------------------------------
ทุกอย่างมีเหตุและผลของมันเสมอนะคะ 555
สำหรับบางเรื่องในนิสัยของคีย์ที่คนอ่านอาจจะมึน งง
ก็ถูกแล้วละคะ (แอบบอกนิดหน่อย 5555)
เราอ่านทุกความเห็นเนอะ แค่ไม่ได้ตอบกลับ ขอบคุณเสมอนะคะที่มาเม้นท์
ขอบคุณคนอ่านทุกคนด้วยนะคะ
สุดท้ายก็ยังอยากให้ทุกคนมีความสุขกับนิยายมาม่าล้นชามเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 31-01-2015 22:14:27
สรุปยังไงก็เลวทั้งพี่ทั้งน้องสินะ อย่าไปยุ่งกับพวกมันอีกเลยหนี่ไปไกลๆจากพวกมัน
หรือไม่ก็จัดการมันเลยเอาคืนพวกมันที่บังอาจมาล้อเล่นกับความรู้สึกเราแบบนี้

(http://f.ptcdn.info/668/027/000/1421835819-11111111-o.gif)

หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-01-2015 22:15:12
เมื่อไหร่จะคลายปมซักที. เคย์กับคีย์เล่นอะไรกันอยู่. เฮ้ออออ.  เรื่องมันมาม่าไปไหมอะ.  น่าจะเริ่มคลายปมได้แล้ว.  หรือว่ารอจนจบเรื่องเลย.
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 31-01-2015 22:58:05
พูดอะไรไม่ออก สรุปพระเอกเรื่องนี้คือโรมนะ ไม่ใช่ทั้งคีย์หรือเคย์

เคย์ดูดีตอนนี้ แต่ไม่รู้สิ คีย์ท่าทางอ่อนโยนมากต่อรินดา
จะเกมส์หรือยังไงก็ช่างเล่นกับชีวิตคนมันเลว
จะไม่แปลกใจเลยถ้าหากว่าคืนนี้ก็เป็นการจัดฉากให้เคย์เข้าใกล้โรม
ที่คีย์ทำเลวๆมันดูจงใจเกินไป


แต่ก็เถอะนะ ถ้าหากว่าคนมันเลวเกินโดยไม่มีเหตุผลมารองรับก็......
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 31-01-2015 23:25:09
ชีวิตโรมชั่งซับซ้อนซ่อนเงื่อน  :hao3: :hao4: :ruready
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 31-01-2015 23:57:40
ค้างคาๆๆ แหง่มๆ คือ ถ้าเราเป็นโรมนี่อยากจับทั้งพี่ทั้งน้องมากระชากคอถามเลย ว่าเอ็งต้องการอะไรจากชีวิตตู!!!!

แต่ละคน คีย์นี่ก็อย่างกับคนวัยทอง เอ็งจะอารมณ์ผีเข้าผีออกอะไรขนาดน๊านนน
ส่วนเคย์ ในตอนนี้ก็เหมือนจะดีนะ แต่แบบ ชั้นไม่ไว้ใจแกเฟ้ยยยย

โรมเอ๊ย ทิ้งทุกสิ่งอย่าง ไม่ต้องสนมันแล้วมะ เริ่มใหม่ดีกว่าแก เหนื่อยหัวใจแทน
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 01-02-2015 01:53:57
ต่อให้หนีออกมาก็โดนตามเจอ ต้องทำยังไงถึงจะออกมาได้ ต้องตายใช่ไหม :katai1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 01-02-2015 07:11:40
ตกลงแม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่มีใครจริงใจเลยใช่มั้ย
เห้อออ โรมหนีไป เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนทุกอย่างเลยเถอะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: arigatozung ที่ 01-02-2015 07:12:07
โอ้ย รอบตัวโรม มีแต่คนดีๆทั้งนั้น (ประชด)  :katai1: เคย์เหมือนจะดี แต่เซนส์มันบอกว่าไม่ใช่ รอดูต่อไป
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 01-02-2015 08:21:31
เน่าได้อีกอ่ะ....เกมส์บ้าๆ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 01-02-2015 10:30:33
อ่านมา16ตอนไม่มีตอนใหนที่คีย์จะดีกับเขาสักตอนขนาดออกมาสาภาพยังเลวได้อีกเคย์ก็คงเหมือนคีย์นิสัยไม่ต่างกัน   คือเรื่องนี้ถ้าจะแบบไม่แอ๊บปี๊ก็สมควร โรมมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินหรือไครก็ได้  คีย์มันมีดีไรให้ยึดติด   อินคร้าอิน :katai1: :katai1: :katai1:คนแต่งข๊าขอฉากเอาคืนคีย์หนักน๊าา พลี๊สสส
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015 [แจ้งนิดหน่อยคะ]
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 01-02-2015 20:45:53
คือโน้ตบุคที่คนเขียนใช้ ฮาร์ดดิสมันมีปัญหานะคะ เลยต้องลงวินโดวใหม่
เราอาจจะหายไปสักอาทิตย์นึงนะคะ ไม่ต้องรอเนอะ 5555 TT
ขอบคุณนะคะ ทุกความเห็น ทุกคำติติง และทุกอารมณ์ที่อินไปกับตัวละคร
ด้านภาษา ถ้าอ่านดูแล้วขัดตาขัดใจ ก็คอมเม้นท์ได้นะ (ก่อนเป็นนักเขียน เราก็เป็นนักอ่านมาเหมือนกันเนอะ เข้าใจอารมณ์ 55)
เดือนแห่งความรักแล้ว ใครที่ยังโสดก็รีบมีคู่นะ จะได้ไม่เหงา 5555
รักนักอ่านทุกท่านนะคะ ขอบคุณทุกคนจริงๆที่หลงเข้ามา 555
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 01-02-2015 23:35:48
ไม่รู้ว่าอิคีย์มีเหตุผลอะไรที่ทำตัวเลวแบบนี้ทั้งๆที่พาร์ทมันมันอกว่ารักโรมมาก
แต่พูดต่แหน้าคนอื่นว่าคนที่ตัวเองรักเป็นเด็กขาย เจริญล่ะ
ถึงมันจะมีเหตุผลแค่ไหนก็ตามอย่างอิคีย์เนี่ยไม่น่ากลับไปรักสักนิด

เริ่มรู้สึกคนเขียนผูกปมไปมาเรื่อยตอนละปมไงไม่รู้
เริ่มเกรงว่าอยู่มันจะไปเฉลยด้วยเหตุผลปญอ. ว่าคีย์รับปากสัญญาไว้ ก็เลยทำตาม
พอรู้ความจริงแล้วเกิดเหตุการณ์ให้อิคีย์เกือบตายก็กลับไปรักกันเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 16 31/01/2015
เริ่มหัวข้อโดย: minjeez ที่ 02-02-2015 12:27:23
จากที่เคย์พูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แล้วถ้าจริงมันทำให้สงสัยว่า
คีย์รักโรมอย่างที่พร่ำบอกหรือเปล่า อาจเป็นแค่เกมส์อย่างที่เคย์พูดก็ได้
ทีนี้โรมจะเอายังกับสองพี่น้องต่อล่ะ ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 17 3/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 03-02-2015 21:57:27



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 17 : 'Cause I heard it screaming out your name, your name!



ในหัวผมตอนนี้ มีแค่คำพูดของเคย์วิ่งวนอยู่ซ้ำๆ ราวกับเพลงที่ไม่มีวันจบ ..ผมขอให้เขากลับ เพราะผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ว่าผมจะอยู่กับใคร ..มันก็ไม่มีคนที่ทำให้ผมอยู่ด้วยได้อย่างสนิทใจ พวกเขาดูเหมือนจะช่วยผม แต่ก็เหยียบผมให้จมลงไปอีก คล้ายกับจะยื่นมาช่วย และก็ถีบหัวส่งทันทีที่ไร้ประโยชน์


จิตใจคนอื่นเป็นยังไงผมไม่รู้หรอก แต่จิตใจผม..มันพังยับไปหมดแล้ว มันไม่เหลือที่ให้ความสุขเข้าไปเลย  มีแค่อดีตที่ตามหลอกหลอน กับคนรู้จักที่ผมไม่เคยรู้สิ่งที่อยู่ในใจพวกเขาเลย 


และตอนนี้ผมเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างรินดา อา เคย์ กับคีย์ พวกเขาทำให้ผมเครียดจนอยากฆ่าตัวตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด คุณคงไม่รู้ว่าการไม่รู้อะไร และเป็นหน้าโง่ในสายตาคนอื่น เป็นของเล่น เป็นแค่พนันที่อยู่ในเกม มันเจ็บปวดแค่ไหน


“ถึงแล้วละครับ..” คำพูดของเขาทำให้ผมหลุดจากภวังค์ สายตาของผมมองไปยังคอนโดหรู ..ผมไม่อยากกลับมาที่นี่เลย 

“ขอบคุณ”

“เดี๋ยวครับ”

“มีอะไร”

“..ขอ..ผมจูบคุณได้ไหม..”

“ไม่ ..เราไม่สนิทกันถึงขนาดจะจับมือกันด้วยซ้ำ”

เคย์หน้าเสียไป แต่เขาก็ยังส่งยิ้มมาให้ผม .. ผมแค่เดินจากมา ในใจผมตอนนี้ขอแค่เก็บเสื้อผ้าออกไป และไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก อยากไปยังที่ๆเขาหาไม่เจอ อาจจะต่างประเทศ ที่ไหนก็ได้ที่เขาจะไม่ตามผมไปอีก และถ้าหากเขาหาผมเจออีก .. ที่สุดท้ายที่ผมจะไปก็คงเป็นนรก


ผมเลือกที่จะเดินขึ้นไป มันดีกว่าขึ้นลิฟต์ เพราะมันช่วยให้ผมเผชิญหน้าเขาได้ช้าขึ้น แน่นอนว่าเราคงต้องทะเลาะกัน อาจจะหนักถึงขั้นเขาทำร้ายผมอีก แต่ยังไงซะมันก็เป็นครั้งสุดท้าย

พอถึงหน้าห้อง ผมประหม่านิดหน่อย.. กลัว..แต่ก็อยากให้มันจบไปซะเร็วๆ กลับไปใช้ชีวิตที่ไม่มีเขาอีกครั้งหนึ่ง ทำราวกับมันเป็นแค่ฝันร้ายที่ผ่านมาและจะผ่านไปเมื่อผมตื่นขึ้น ผมสูดหายใจเข้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป
มันไม่ได้ล็อค..

สภาพห้องด้านในมันเต็มไปด้วยขวดเหล้าเปล่าๆ และกระป๋องเบียร์ตั้งอยู่เต็มพื้นไปหมด ห้องมันรกมาก จนผมไม่แน่ใจว่าเข้าถูกห้องรึเปล่า .ภายในห้องไม่มีใครอยู่เลย นี่ก็เกือบค่ำแล้ว แต่เขายังไม่กลับมาเหรอ  แล้วไอ้เหล้าพวกนี้ ..เขาดื่มมันทั้งหมดเลยรึเปล่า

ผมเลิกคิดหาคำตอบ คว้ากระเป๋าผ้ามายัดเสื้อผ้าไม่กี่ตัวของผมใส่ลงไปลวกๆ  ไม่ได้สนใจว่ามันจะยับหรือยังไง โชคดีแล้วที่ผมไม่เจอเขาตอนที่กลับมา และห้องก็ไม่ได้ล็อค ..แต่โชคดี ..มันไม่ได้อยู่กับเรานานๆหรอกนะ .. .

กึก..

ผมหันหลังกลับไปมองตามเสียงแปลกๆ ..ก่อนที่จะพบว่ามันเป็นเสียงล็อคประตู .. และคนที่ล็อคก็คือเจ้าของห้องที่ผมไม่อยากเจอหน้าสักเท่าไหร่นักในตอนนี้

“จะไปไหน..?”

“..”

“กูถามว่าจะไปไหน !!?” คีย์เดินมากระชากกระเป๋าในมือผมไปในตอนที่ผมกำลังตกใจอยู่ ..ถึงจะเห็นเขาโกรธหรือโมโหมามากแค่ไหน ..แต่ครั้งนี้มันเป็นครั้งที่น่ากลัวที่สุด .. เขากำลังทำให้ผมกลัว

“ผ..ผม..”

“จะหนีกูไปที่ไหนอีก !!”

“พี่..ผม”

“จำไว้นะ ต่อให้มึงอยากไปตาย แต่ถ้ากูไม่ให้ มึงก็ตายไม่ได้ !!”

“..พี่กำลังทำให้ผมกลัวอยู่นะ”

“เหรอ.. มึงกลัวเหรอ ? มึงกลัวกูหลังจากวันนี้ดีกว่ามั้ง  !”  คีย์กระชากแขนผมเขาไปหาอย่างแรง จนมันแดงเถือกไปหมด .. ผมเจ็บจนต้องผลักเขาออกไป

“พี่คุยกับผมด้วยเหตุผลได้ไหม ..สิ่งที่พี่ทำกับผม มันมากเกินกว่าที่ผมจะรับไหวจริงๆ ถ้าหากผมทำให้พี่โกรธ..ผมขอโทษ..”

“ไปขอโทษกูบนเตียงดีกว่ามั้ง” ผมแทบไม่ทันพูดอะไร เขาก็กระชากผมให้เดินตามเข้าไปในห้องนอนอย่างเร็ว หัวใจผมเต้นเร็วเพราะความกลัว ทั้งผลักทั้งรั้งไม่ให้เขาลากผมไปถึงห้องสี่เหลี่ยมนั่น

“พี่..พี่..ฮึก..ฮือ..ขอโทษ..อึก .. ไม่เอาแบบนี้..”

เขาไม่ฟังผมเลยด้วยซ้ำ .. พอถึงเตียงเขาก็ผลักผมลงไปอย่างแรง และตามขึ้นมาคร่อมแทบจะทันที ..ลมหายใจผมรุนแรงมากขึ้น ตัวผมสั่นไปหมดเพราะความกลัว.. มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ..

มันต้องไม่ลงเอยแบบนี้ !


“พี่..!!!” ผมดิ้นรนตะคอกใส่เขา เมื่อเขาเริ่มถอดเสื้อ

“ปากอ่ะ เก็บไว้เรียกชื่อกูตอนมึงครางเหอะ !”

หน้าผมชาไปหมด ยิ่งตอนที่เขาแทบจะฉีกเสื้อผมออกมาเป็นชิ้นๆ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของผมมันกำลังเตือนถึงสิ่งที่กำลังจะเกิด

สมองผมว่างเปล่าไปหมด ทั้งทุบตีทั้งกรีดร้องอย่าทรมานอนที่เขาสวมใส่เข้ามาโดยที่ผมยังไม่พร้อมเลยสักนิด ..ไม่มีการเล้าโลม หรือความอ่อนโยนอะไรทั้งสิ้น

“พี่ !!!! พี่!! เจ็บ !”

“หุบปากหน่อยได้ไหม !!”

“พี่ ! ผมขอร้อง !!..ฮึก..พอ !”

มันเจ็บ..เจ็บจนผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ..เหมือนกับบางอย่างมันกำลังจะขาด..เลือดที่ไหลลงมาตามขา ยิ่งทำให้ตัวผมสิ่งจนห้ามไม่ได้ ..เขาไม่ฟังที่ผมพูดอีกต่อไปแล้ว


ผมปิดตารอรับความเลวระยำที่เขามอบให้อย่างไม่รู้ว่ามันจะจบลงตอนไหน ผมเกลียด..เกลียดทั้งตัวเอง และเกลียดเขา ..เกลียดจนอยากจะฆ่าให้ตายคามือ .. ผมไม่รู้หรอกว่านานแค่ไหนกว่าเขาจะหยุดการกระทำที่ต่ำทรามพวกนี้ .. รู้เพียงแค่กว่าจะผ่านไปแต่ละวินาทีสำหรับผม .. .มันานราวกับอยู่ในโลกที่ไร้กาลเวลา .. ทั้งเจ็บปวดและทรมาน.. มันทรมานจนแทบคลั่ง


.......


...ผมไม่ได้กำลังนอนหรอก.. เวลาตอนนี้มันเกือบจะเช้าแล้วเต็มทีก็เถอะ .. ผมหลับไม่ลง ..ภาพเมื่อคืนมันฉายซ้ำๆ .. เขาเพิ่งหยุดมันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ..เขา.. .ทำให้ผมอยากตาย.. ถ้าผมตายมันอาจจะดีกว่า ผมจะหลุดพ้นไปจากเขาได้หากผมไม่มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้แล้ว ..

พอคิดได้อย่างนั้น ..ผมก็ลุกขึ้นมา...มันร้าวระบมไปหมด..ยิ่งช่วงล่าง.. ผมเกลียดร่างกายตัวเอง ..เกลียดทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทำไมต้องเป็นผมที่เจ็บปวดอยู่คนเดียว ..ทำไมต้องเป็นผมที่แบกรับทุกอย่างคนเดียว !

ผมเหลือบมองคนที่กำลังหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ แผ่นหลังของเขา...มันไม่มีรอยสักอยู่แล้ว .. .ผมไม่อยากรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขา .. ผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว !!!

เท้าผมค่อยๆก้าวไปสัมผัสพื้นที่เย็นเฉียบอย่างเงียบเชียบ ..ผมค่อยๆใส่เสื้อผ้า..แต่ผมกลับต้องรู้สึกขยะแขยงตัวเองมากกว่าเดิม .. .เมื่อมีน้ำ..สีขาวขุ่นผสมเลือด..ค่อยๆไหลลงมา..

“..ฮึก..” ผมปิดปากตัวเอง ..ไม่อยากให้เขาได้ยินเสียง .. .ไม่อยาก..เห็นเขาอีกแล้ว

ผมฝืนพาตัวเองมายังห้องครัว หยิบมีดที่คมที่สุดขึ้นมา บรรจงกรีดมันเข้าไปที่ข้อมือ ..และผมไม่โง่ที่จะกรีดมันแค่ครั้งเดียว .. .ผมอยากตายเร็วๆ ..

ฉึก ! ฉึก ฉึก! ฉึก !!

ครั้งแรกมันเจ็บ.. แต่พอมีครั้งที่สองและสาม .. ผมไม่เจ็บแล้วละ ..เพราะถึงจะเจ็บเจียนตายยังไง ..หัวใจผมก็ยังเจ็บมากกว่าแผลเหวอะหวะที่ลึกจนแทบเห็นกระดูกบนข้อมืออยู่ดี ..






-----------------------------------------------------------
ไม่ได้อ่านตอนนี้ซ้ำนะคะ ถ้าหากสลับคำพูดหรือประโยคตรงไหน ก็บอกได้นะ
ไม่รู้คนอื่นเป็นรึเปล่า คนเขียนเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยอ่านซ้ำตอนที่หน่วงๆ
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน TT
หนักใจมากเลยนะที่จะเเต่งตอนนี้ เพราะกลัวว่ามันจะทำร้ายตัวละครมากเกินไป
แต่ก็นะคะ ..สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมเนอะ..
ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ โชคดีคะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 17 3/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-02-2015 22:12:33
เฮ้ออออ.  เจ็บแทนเลยอะ.  แต่คงเจ็บที่ใจมากกว่า.
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 17 3/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 03-02-2015 22:15:03
ฉึก ฉึก ฉึก ... ไม่ใช้แค่เสียเลือด ได้แผลเป็น แต่น่าจะเอ็นขาดด้วยไหม
แบบนี้ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต .... แล้วจะเป็นยังไงต่อไป
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 17 3/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 03-02-2015 23:17:35
โรมหนีเส้นทางสุดท้าย ถ้าคีย์มันจะเลวอีกก็ขอเปลี่ยนพระเอกเถอะถ้าจะเหี้ยครบสรูตขนาดนี้ :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 17 3/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 04-02-2015 00:30:00
น่าจะจับเอามีดมาเสียบอิคีย์แทนนะ  o18
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 17 3/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-02-2015 01:06:00
เปลี่ยนเป็นเสียบคีย์แทนเหอะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 17 3/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 04-02-2015 01:21:14
ไม่รู้นะว่าไปไงมาไงกัน
แต่การที่คีย์ทำร้ายโรมครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่ว่าทางใจหรือทางกายเป็นเรื่องที่เลวเกินไป
คีย์ข่มขืนโรมจนตอนนี้โรมพยายามฆ่าตัวตาย
คีย์ไม่ได้เป็นคนถือมีดแต่ก็เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบ

มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐแต่รู้ไหมว่าพฤติกรรมบางอย่างเดรัจฉานก็ไม่ทำ
ทั้งคีย์และเคย์ก็เลวพอๆกัน
ทั้งสองเล่นกับชีวิตคนโดยไม่แคร์ผลลัพธ์ว่าจะเป็นยังไง
โทษกรรมอย่างเดียวไม่ได้หรอก
เพราะว่ามันมาจากการกระทำของคนอิ่นเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 18 7/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 07-02-2015 20:13:54
Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 18 : When I lay with you



“พี่..ถ้าหากพี่เลือกได้ พี่จะตายตอนไหน ?” คำถามของผมทำให้คนที่กำลังขับรถอยู่หันมามอง

“ก็คงเป็นตอนที่ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว จนไม่มีอะไรค้างคามั้ง”

“เหรอ ..ผมอยากตายก่อนพี่นะ”

“ทำไมเหรอ ?” ผมแค่ส่งรอยยิ้มบางๆให้เขา

“ความลับ ..เดี๋ยวพอผมตายก่อน พี่ก็รู้เองแหละว่าทำไม”

เพราะคนที่ยังอยู่ ..จะเจ็บปวดมากกว่าไง

ผมไม่อยากเป็นคนที่สูญเสียก่อน การที่รอโดยรู้ว่าเขาไม่มีทางกลับมา ..ผมไม่อยากรู้สึกแบบนั้นหรอกนะ สู้ผมตายไปเลยดีกว่า อาจจะเห็นแก่ตัว .. แต่สิ่งหนึ่งที่ความรักได้มอบให้คนทุกคนคือ การที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรักเราไปจนกว่าจะตายจากกัน
ซึ่งผมก็เพิ่งรู้ความจริงเมื่อไม่นานมานี้เช่นกันว่าคำคมหรือคำพูดที่สวยหรูพวกนี้


มันใช้ไม่ได้กับชีวิตจริง
.........


กลิ่นโรงพยาบาล  และกลิ่นของยาฆ่าเชื้อ มันตีกันจนน่ามึนหัวไปหมด .. ผมค่อยๆหรี่ตาเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างสีขาว  ค่อยๆถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อรู้ว่าที่ๆผมอยู่มันไม่ใช่นรกอย่างที่ควรจะเป็น  คิดในแง่ดีก็คงเป็นเพราะมันยังไม่ถึงเวลาของผม ทั้งๆที่ตอนนี้ผมเจ็บจะตายออยู่แล้ว

“ฟื้นแล้วเหรอคะ”

“..คุณมาได้ไงครับ..” รินดาเดินมานั่งลงข้างๆผม .. เธอส่งยิ้มให้ผมเล็กน้อย สายตาจับจ้องมายังข้อมือของผม

“ขอโทษแทนคีย์ด้วยนะคะ .. ที่เขาทำให้คุณเป็นแบบนี้” 

“..”

“ที่จริง.. ฉันกับคีย์ เราไม่ได้ลึกซึ้งอะไรหรอกคะ..”

“อะไรนะ ?”

“..เราเป็นแค่เพื่อนสมัยไฮล์สคูล ..”

“นี่พวกคุณเล่นบ้าอะไรกับชีวิตผมอยู่กันแน่ !”  ผมทั้งโกรธทั้งสับสน นอกจากพวกเขาจะเห็นผมเป็นไอ้โง่แล้ว พวกเขายังไม่เคยเห็นผมเป็นคนเลยด้วยซ้ำ

..พวกเขามันตัวน่ารังเกียจ


“..ถ้าคุณไม่พร้อมที่จะฟังตอนนี้ .. ก็ไม่เป็นไรนะคะ..ฉันแค่รู้สึกแย่ที่ต้องปิดบัง”

“เล่ามาเถอะ  ถ้าคุณไม่อยากให้ผมโง่ไปมากกว่านี้”

“..จริงๆแล้ว..ฉัน..ชอบเคย์มาก.. แต่เขาไม่ชอบฉันเลยเพราะฉันเป็นเพื่อนคีย์ .. .แต่วันนึง จู่ๆคีย์ก็โทรมาหาฉัน..พร้อมกับข้อเสนอที่ทำให้ฉันได้ใกล้กับเคย์มากขึ้น.. ข้อเสนอที่ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ ..ฉันจะไม่มีวันตอบตกลง”

“แต่ถึงยังไง..คุณก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว.. และผลของสิ่งที่พวกคุณทำ..มันก็สมควรแล้ว”

“ใช่..ฮึก..ใช่..ฮือออ ..มันสมควร..แล้วละคะ..”

ไม่ใช่ผมไม่รู้ว่าเธอเจ็บปวด ..แต่ผมก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าเธอนักหรอก .. อาจจะมากกว่าซะด้วยซ้ำ ผมรักเขา ..แต่เขาเห็นมันเป็นการเอาชนะ ..เห็นมันเป็นแค่เกม เขาคงมองไม่เห็นความรักของผมด้วยซ้ำ .. .และเขายังพังทุกอย่างในชีวิตของผม .. พังความหวังดีที่ผมเคยมีให้ พังศรัธราและความเชื่อใจ..

“ผมขอถามคุณสักสองสามเรื่องได้ไหม..” รินดาพยักหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาแทนคำตอบ

“เรื่องดีเอ็นเอของคินรดา..คุณช่วยอธิบายมันหน่อยได้ไหม”

“คะ..ฮึก..แต่ได้โปรด..อย่าบอกแกนะคะ ..ถ้าแกโตขึ้นมากกว่านี้ .. .ฉันจะบอกแกเอง”

“..ครับ..” เธอปาดน้ำตาเงียบๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่าง

“..คุณเคยเป็นแฟนกับคีย์มาก่อนใช่ไหมคะ ..นั่นมันก็หมายถึง..การที่เคย์แพ้พนัน เขาต้องยกบริษัทให้คีย์ ...แต่...แต่..เพราะความอยากเอาชนะของเคย์ .. เขา..เข้าหาฉัน ฉันโง่เอง ฉันมันโง่เอง..”  ผมแค่รับฟังเธอเงียบๆ ..ปล่อยให้เธอได้ระบายออกมาบ้าง ตั้งเกือบ 4 ปีแล้ว ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย และเธอต้องทนแบกรับเรื่องพวกนี้

“ฉันบอกเคย์หลายครั้ง ..แต่เขาก็ไม่ฟัง ฉันพยายามขอให้เขามาตรวจดีเอ็นเอ แต่เขาก็ไม่มา .. จนคีย์บอกให้ฉันพอ .. .แต่ฉันทำไม่ได้ .. ฉันไม่อยากให้ชีวิตเขามาพังเพราะฉัน..ฉัน..ฉันมันเลวเกินกว่าที่เขาจะมารับผิดชอบได้”
พอรู้แบบนี้แล้ว ..ผมกลับรู้สึกสมเพชตัวเอง ถ้าเป็นเมื่อก่อน ..ผมคงอิจฉาที่รินดาได้รับสิ่งที่ผมไม่ได้จากคีย์ แต่ตอนนี้ผมทั้งเจ็บและจุกเกินกว่าจะมารู้สึกอะไรแบบนั้น


“คินรดาเป็นลูกของเคย์สินะครับ ..” เธอไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ซึ่งมันก็คงแน่ชัดอยู่แล้ว

ความรู้สึกของผมตอนนี้ มันเหมือนโดนเหยียบย่ำจนแย่ไปหมด ไม่รู้สิ.. ทุกอย่างมันเริ่มต้นด้วยความไม่จริงใจ จุดจบของมันก็คงไม่สวยงามนักหรอก

“..มีอีกอย่างนึงที่ผมอยากรู้”

“คะ ?”

“คุณรู้เรื่องของรอยสักคีย์ไหม..”

“..เรื่องนั้น .. .มันเกิดขึ้นก่อนที่คุณกับคีย์จะเจอกันนะคะ..คีย์เคยคบกับคนๆนึง ..พวกเขารักกันมาก  จนมีรอยสักของกันและกัน  คีย์เขาน่าสงสารนะคะ ..ที่มีน้องแบบเคย์ เพราะเมื่อคีย์มีคนที่เขารัก เคย์ก็มักจะแย่งเอาไปทุกครั้ง .. จนเขาไม่กล้ารักใคร ในช่วงที่คีย์คบคุณเขาก็ไปลบรอยสักนั่น แต่คุณคงไม่ทันสังเกต”

“...แล้ว..เรื่องคืนนั้น คนที่นอนกับคุณก็เป็นเคย์สินะครับ”

“..ค่ะ..”

“รอยสักบนหลังเคย์ ..ก็เป็นรอยสักเดียวกับคีย์สินะครับ”

“...ค่ะ”

“คุณหักหลังคีย์..และจัดฉากให้ผมเข้าใจผิดในคืนนั้นด้วยสินะ”  แค่ผมพูดไปตามที่คิด ..เธอก็ร้อนรนไปหมด  พยายามที่จะพูดและอธิบายหลายอย่าง แต่ผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว..มันมากพอแล้วสำหรับผม .. มากเกินไปด้วยซ้ำที่มาโดนแบบนี้

“ฉันขอโทษ.. ฉันแค่หลงผิดไป..”

“มันไม่มีความหมายอะไรแล้วละครับ ที่คุณมาขอโทษตอนนี้ ..”

“..ได้โปรด.. จะให้ฉันทำยังไงก็ได้.. แต่อย่าบอกเรื่องนี้กับคนอื่นนะคะ”

“..ถ้าเจอหน้าผมอีกครั้ง.. คิดซะว่าเราไม่เคยรู้จักกัน ผมต้องการให้คุณทำแค่นี้แหละครับ ”

“ฉันคิดว่าคีย์คงไม่มาเจอคุณแล้วละคะ อย่าเข้าใจเขาผิดไปเลยนะคะ ..เขาเป็นคนที่น่าสงสาร”

“เขาไม่ได้น่าสงสารหรอกครับ ..เขามันน่าสมเพช น่าสมเพชพอๆกับผม”

รินดากลับไป ผมไม่ได้ถามหรอกว่าทำไมเธอถึงบอกว่าคีย์จะไม่มาเจอผมอีก ..แต่มันก็ดีแล้ว เพราะถ้าผมเจอเขา ..ผมก็ไม่ร็ว่าจะควบคุมตัวเองได้มากแค่ไหน เพียงแค่ได้ยินชื่อเขา ผมก็สะอิดสะเอียนมากพอแล้ว


ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมคิดว่ารินดาคงลืมของไว้ เลยเดินไปเปิดประตูให้โดยไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งเจอกับคนที่ยืนอยู่หน้าประตู ..

“ไง .. คิดจะโทรหาอาบ้างไหมที่อยู่โรงพยาบาลเนี้ย”

“เฮ้อ อาจะมาทำไม”

“ก็มารับโรมกลับบ้านไง คีย์มันไม่มาหรอก”

“ทำไมทุกคนต้องเอาแต่พูดถึงเขาด้วย” ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่เขามา สิ่งที่เขาทำไว้ ไม่ได้หักล้างง่ายๆด้วยการแค่มาทำดีนิดๆหน่อยๆ  เพราะผมรู้แล้วว่าสันดานของเขามันเป็นยังไง คนที่จ้องแต่จะคาบของคนอื่นไปกิน ..ก็ไม่ต่างจากหมาลอบกัดตัวนึง

“โอเค อาไม่พูดก็ได้ โรมจะไม่กลับก็ได้ แต่ทำไมไม่คิดถึงสมบัติของพ่อซะบ้างละ เขาอุตส่าห์เก็บให้นะ”

“ใช่ เขาเก็บไว้ให้ผม แต่อาก็เอาไปนี่  แล้วจะมาพูดอะไรอีก ไหนจะเรื่องที่อาขายบ้านขายหุ้นให้คีย์อีก อาคิดว่าผมไม่รู้เรื่องที่อาทำเหรอ”

“ก็แล้วจะให้อาทำยังไง อะไรที่เอามาทำทุนบริษัทได้ อาก็พยายามหามาเพื่อจะปลดหนี้ที่พ่อโรมทำเอาไว้นะ”  อาเริ่มมีน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

“ร้อยล้านมันยังไม่พอรึไง”

“คีย์บอกโรม ? ทำไมมันไม่รู้จักหุบปากมันบ้างนะ”

“แล้วทำไมอาไม่เลิกโทษคนอื่นสักทีละครับ”

“อย่ามาย้อนอานะโรม หัดเคารพกันบ้าง ยังไงอาก็เป็นอานะ ..ไม่ใช่พอกับผู้ชายแล้วพูดดี แต่พอกับญาติแล้วปากเสียแบบนี้”

“เหอะ ! ก็ถ้าอาทำตัวน่าเคารพบ้าง ผมก็คงนับถืออาเหมือนเมื่อก่อน ยอมรับตัวเองบ้างเถอะครับ”

“อ๋อ.. แล้วอาต้องทำตัวน่าเคารพแบบไหนเหรอ ? แบบที่เป็นต้นเหตุให้พ่อแม่โรมสียใจจนขับรถออกไปแบบนั้นรึเปล่า ?”

“อาอย่าพูดถึงพ่อแม่ผม..”

“ไหนบอกว่าให้อายอมรับตัวเอง โรมก็หัดยอมรับซะด้วยนะ ว่าที่พ่อแม่โรมเขาเสียไป มันเพราะใคร”





--------------------------------------
มึนมากเลยช่วงนี้ ตาพร่าไปหมด
ใกล้วาเลนไทน์แล้ว 555 รีบหาคู่ครองกันนะคะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 18 7/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 07-02-2015 20:54:21
รู้สึกเนื้อเรื่องเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ  :sad4: :sad4: :sad4: :mew4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 18 7/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 08-02-2015 12:46:58
มาม่าแบบบุฟเฟ่ย์ซินะ จัดมา ทิชชู่พร้อม :katai5:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 18 7/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 08-02-2015 14:20:58
คนเขียนยังมึน
คนอ่านก็มึนเหมือนกัน
ปมใหม่โผล่ออกมาอีกแล้ว
อาโรมตกลงมันเ-ี้ยหรือว่ามันดีกันนะ

อ้างถึง
“..คะ..”
ที่รินดาพูดรับคำตอนที่โรมถามน่าจะเป็นคำว่า ค่ะ มากกว่า
เพราะว่า คะ เป็นการใช้ลงท้ายการถาม - ทานไหมคะ?     คุณรินดาครับ -  คะ?
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 18 7/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 08-02-2015 15:31:33
ดราม่าหนักๆเลยจัดมา

แต่ว่า อีคีย์ มันไม่ได้จริงใจอะไรเลยทั้งหมดทั้งมวลที่ทำก็คงเป็นเพราะพนันเกมส์กับน้อง

เพราะถ้าหากมันจริงใจ มันต้องอธิบายเรื่องทุกอย่างไปแล้ว ไม่อมไว้จนทุกอย่างมันแย่แบบนี้

เรื่องนี้ ขอให้จบแบบ Bad Ending ไปเลย   บอกตรงๆว่า พระเอกคีย์ นิสัยแย่ เลว และง่าวมาก  :hao3:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 18 7/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: arigatozung ที่ 08-02-2015 20:08:40
โอ้ย อิคีย์ก็เลว อิอาแม่งก็เลว เรื่องนี้รอบตัวโรมมีใครดีสักคนมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 18 7/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-02-2015 22:08:51
สงสารโรม เมื่อไหร่โรมจะมีความสุข
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 19 08/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 08-02-2015 22:41:24



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 19 : I could stay there


“ก็ได้ .. พ่อแม่เสียใจที่ผมเป็นเกย์ และพ่อก็คงเสียใจเหมือนกันที่มีน้องแบบอา  อาเก่งเรื่องผลาญสมบัตินี่ .. เก่งเรื่องตีสองหน้า ตอนให้สัมภาษณ์เคยบอกว่าผมได้เข้าไปทำงานในบริษัทพ่อใช่ไหม ? แต่ความจริงอาขายผมให้กับคีย์ แบบไหนกันที่มันน่าละอายใจมากกว่ากัน ! ”

“มึงระวังปากไว้นะโรม จะพูดอะไรก็ระวังเอาไว้” คำสถุลๆถูกพ่นออกมาจากปากเขา ผมปล่อยให้เขากอบโกยจากพ่อผมไปมากพอแล้ว

ผมจะเอาทุกอย่างกลับมาเอง

ยิ่งอาเอาไปเยอะเท่าไหร่ ผมก็จะเอากลับมาให้มันสาสมกัน

“..อาก็เหมือนกันนะ อะไรที่อยากได้ เก็บมันไว้ให้ดีๆ เพราะถ้าผมรู้เมื่อไหร่ว่าอาอยากได้อะไร ผมจะเป็นคนขโมยมันมาเอง”

“อย่างมึงเนี้ยนะ ? โดนกูเฉดหัวออกไปจากบ้านยังไม่พออีกเหรอ ถ้ามึงยอมกลับมากับกูตั้งแต่แรกเรื่องมันก็คงไม่ร้ายแรงขนาดนี้”

“ได้ .. งั้นก็ยกคดีกลับมาฟ้องร้องกันอีก เอาให้หมดตัวทั้งคู่ไปเลย ผมมันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว แต่อา..อายังไม่พอ ผมก็อยากจะทำให้อาเสียไปจนกว่าอาจะพอ”

และเมื่อไหร่ที่เขาพอ ผมก็จะหยุด อยากให้เขารู้บ้างว่าอย่าเหยียบหัวคนอื่นให้มากนัก เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยืนในสังคมโดยไม่พึ่งคนอื่นเลย ยิ่งสันดานของเขามันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ผมคงหาศัตรูของเขาได้ไม่ยากนัก
 
“อย่าพูดอะไรลมๆแล้งๆหน่อยเลย กูเคยชนะมึงมาครั้งนึงแล้วนะ.. ระวังจะโดนฟ้องอีกรอบเถอะ”

“ได้ .. งั้นกลับบ้านกัน กลับตอนนี้เลย ผมคงไม่ต้องตรวจอะไรมากแล้วละ ยังไงผมก็คงไม่ตายง่ายๆ”

“..เฮ้อ.. โรม อาขอโทษที่ใช้คำพูดรุนแรง แต่โรมดูคำพูดที่โรมใช้กับอาสิ”

“อาไม่ต้องขอโทษผมหรอก มันดีแล้วที่อาพูดออกมา ผมจะได้รู้บ้างว่าอาคิดอะไรอยู่ในใจ” เขาทำท่าจะเข้ามาห้าม เมื่อผมดึงสายน้ำเกลือ

“อาไปคุยกับหมอเถอะ”

อาการหนักใจฉายอยู่เต็มใบหน้าของเขา ไม่รู้หรอกว่าเขาหนักใจอะไร แต่ผมมีเรื่องให้หนักกใจมากกว่าเขาอีกหลายเท่า คนอย่างเขาน่ะ..คงหนักใจแค่เรื่องของตัวเอง

                                                                         ไอ้ชั่วเอ้ย


“ได้ ..ได้ ถ้าโรมอยากกลับ ก็กลับกัน ..แต่อาขอโทษอีกครั้งนะ”

“เลิกพูดขอโทษสักที ผมไม่อยากได้ยินจากปากอา”

เขาถอยออกไป คงจะไปคุยกับหมอ ในระหว่างนั้นผมก็เก็บของ ความจริงแล้วมันแทบไม่มีอะไรเลย สิ่งนึงที่ผมอยากเห็น คือสีหน้าของคีย์ ..เขาคงเป็นคนที่พาผมมา มันคงจะเป็นสีหน้าที่คอยสมเพชผมไม่น้อย


อากลับมาในเวลาไม่นาน พร้อมกับหมอคนหนึ่ง ซึ่งพอเข้ามาถึงหมอก็เอาแต่พูดถึงเรื่องอาการของผม บอกให้ผมอยู่ต่ออีกสักวัน เพื่อระวังการติดเชื้อ เขาพูดพล่ามไม่หยุดจนผมเริ่มรำคาญ

“ผมจะกลับบ้านวันนี้นะครับ ไม่ใช่ปีหน้า แค่พูดถึงเวลานัดครั้งต่อไปก็พอ”

“โอเค ..ได้ครับ หมอแค่อยากให้คุณระวังให้มากนะครับ เพราะหมอเย็บเส้นเอ็นที่ขาดไปให้แล้ว แต่พอหายมืออาจจะใช้งานผิดปกติไปบ้าง คุณจะต้องทำกายภาพบำบัดถ้าหากต้องการให้มือใช้งานได้เหมือนเดิม..”

“พูดแค่เวลานัดครั้งต่อไปก็พอ..หมอไม่เข้าใจประโยคนี้ตรงไหนเหรอครับ ? หรือผมพูดสับสนตรงไหน บอกแค่สิ่งที่ผมอยากรู้ก็พอ  ส่วนเรื่องอื่นช่างหัวมันเถอะครับ”

“ครับ.. อีกประมาณสักหนึ่งอาทิตย์ก็กลับมาหาหมออีกครั้งละกันนะ หมออยากตรวจดูว่ามี..”

“ครับ อีกหนึ่งอาทิตย์” ผมพูดตัดบทเขา และเขาคงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

“ถ้าไม่ใช่เพราะคีย์ขอไว้ ผมคงไม่ถามคุณมากมายขนาดนี้หรอกครับ” หมอเดินออกไปทันทีที่พูดจบ ทิ้งผมไว้กับความไม่พอใจจากประโยคที่เขาพูดออกมา

“งั้นกลับบ้านกันเถอะ ..อาเหนื่อยกับโรมแล้ว”  แล้วคิดว่าผมไม่เหนื่อยรึไง ผมเหนื่อยมากกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า เขาเคยคิดจะรับรู้บ้างไหม


มันทำให้ผมรู้สึกดีนิดหน่อยที่ได้กลับมาในที่ที่คุ้นเคยตั้งแต่เกิด แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่รู้สึกดีด้วยเท่าไหร่ อาเริ่มหัวเสียตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล เขาบอกว่าจะเข้าบริษัทไปตอนเย็น พอผมขอไปด้วยเขาก็มีสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างรุนแรง ..จนมันผิดสังเกต อะไรที่เขากำลังทำอยู่ลับหลังผม  ผมจะต้องหาทางรู้ให้ได้

“โรมอย่าไปเลย เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมา มันไม่ดีเท่าไหร่ที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนบ่อยๆ”

“ผมเจ็บที่แขนครับ ขาผมไม่ได้รู้สึกปวดอะไรเลย” แค่คำพูดยั่วอารมณ์นิดๆหน่อยๆของผม ก็ทำเขากระฟัดกระเฟียดจนน่าขำ

“ตกลงโรมจะไปให้ได้ใช่ไหม ? ทำไมไม่เชื่ออาบ้างเลย”

“ได้ ผมไม่ไปก็ได้ ..งั้นผมขอให้อาดูแลบริษัทผมให้ดีๆนะครับ ระวังนะ..มันจะหายไปโดยที่อาแทบไม่รู้ตัว”

“พูดเพ้ออะไร อาคงต้องไปแล้ว อยู่บ้านก็ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ”

“ครับ ผมยังไม่ตายง่ายๆหรอก”  พอเขาออกไป ผมก็เหลือแค่รอเวลา ให้แน่ใจจริงๆว่าเขาออกไปแล้ว โชคดีที่มันเป็นช่วงเทศกาลแม่บ้านส่วนใหญ่ก็เลยเก็บของกลับภูมิลำเนาไป มันทำให้ผมทำงานบางอย่างได้สะดวกขึ้น 


บ้านหลังนี้ มีเฟอร์นิเจอร์และของบางอย่างที่หายไป เดาได้เลยว่ามันถูกนำไปขายเพื่อแลกเป็นเงิน  ผมสำรวจทั้งสองชั้น จนพอเดาได้ว่าห้องทำงานของอาเป็นห้องไหน


กึก..

ประตูไม่ได้ล็อค ..เขายังประมาทผมมากเกินไปนะ ที่ไม่ยอมล็อคมัน  ภายในห้องโดนตกแต่งด้วยโทนเรียบหรู แต่นั่นไม่ทำให้ผมสนใจได้เท่ากับเอกสารต่างๆที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ผมสังเกตหลายต่อหลายแผ่นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แค่ใบหนี้ต่างๆและเอกสารของบริษัท

ตอนแรกผมถอดใจ คิดว่าคงไม่มีอะไรที่สำคัญ จนกระทั่งสายตาของผมไปสะดุดกับหนังสือเล่มใหญ่ที่เหมือนโดนวางอย่างลวกๆผิดจากหนังสือเล่มอื่นที่ถูกวางอย่างเป็นระเบียบ เร็วเท่าใจคิด ผมคว้าหนังสือเล่มนั้นออกมาเปิดดู .. .และพบกับ..แจ็คพ็อต ..ชิ้นใหญ่ซะด้วย

ใบยักยอกเงินและการปลอมแปลงลายเซ็น.. มันเป็นการปลอมแปลงลายเซ็นของผม..อานี่ทำให้ผมอึ้งได้ทุกครั้งที่เจอเขาซะจริง แต่นั่นยังไม่เท่ากับการที่เขาเอาบริษัทที่ติดชื่อของผมเข้าไปแลกเงินกู้เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้พนัน .. นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเฉดหัวผมออกไปสินะ .. น่าเสียดายนะ เขาน่าจะได้อยู่อย่างสบายมากกว่านี้สักหน่อย เหอะ..
 
                                                                              ไอ้คนชั้นต่ำ


ผมเก็บทุกอย่างที่ใช้เล่นงานเขาได้กลับเข้าซองเอกสารไป กำลังจะเก็บหนังสือกลับเข้าที่เดิม แต่มันมีเศษกระดาษเล็กๆที่ปลิวออกมา ภายในมีข้อความที่ถูกเขียนด้วยลายมือเร่งรีบ

‘ จะล่า หรือ จะเป็นเหยื่อ ?
อย่าคิดจะเบี้ยวนัดกู
ถ้ามึงยังอยากใหมันล้ม
11/25/2557 จาก เคย์ ’

“ยี่สิบห้า ..เดือนสิบเอ็ด วันนี้ ? ” ในใจผมมีคำถามมากมายผุดอยู่เต็มไปหมด

นี่มันเรื่องบ้าอะไร ?

อารู้จักเคย์ได้ไง ?

แล้วข้อความบนกระดาษนั่น ..?

ทุกอย่างคำถามผสมปนเปกันอยู่ในหัวผมเต็มไปหมด นี่มันเป็นเกมบ้าๆของพวกเขาอีกรึเปล่า  ที่อารีบออกไปเพราะเคย์งั้นเหรอ ? ที่ผมรู้คือพวกเขานัดเจอกันเพื่ออะไรบางอย่าง แต่มันเพื่ออะไรกันละ ?

                                                                 พวกเขาจะเจอกันทำไม..?


ลางสังหรณ์ผมบอกว่าเรื่องนี้มันกำลังมีบางอย่างที่ผิดปกติ ผมรีบนั่งแท็กซี่ไปยังโรงพยาบาลที่ผมเพิ่งกลับออกมาได้ไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยความร้อนรน อาจจะเพราะโชคดีที่ผมเจอหมอคนเดิมกำลังเดินออกมาจากตึกสีขาวสะอาดตานั่นพอดี ผมแทบจะวิ่งไปหาเขา ก่อนที่จะฉุดเขามาคุยกันในที่ๆเงียบๆ

“เฮ้ย ! นี่คุณมีอะไรรึเปล่าเนี้ย !? ทำไมถึงต้องรีบร้อนขนาดนี้ ?” เขาดูหงุดหงิดมาก แต่ผมไม่มีเวลามากพอที่จะมาใส่ใจอารมณ์เขาตอนนี้ ผมรีบถามและรีบพูดในสิ่งที่ตัวเองกำลังคิด

“คนที่พาผมมาโรงพยาบาลคือคีย์ใช่ไหม ? แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน ?”

“เฮ้อ .. นี่มันสองรอบแล้วนะที่มีคนมาถามคำถามนี้กับผม ทั้งอาคุณ แล้วตอนนี้ยังจะเป็นคุณอีกเหรอ ถ้าอยากรู้นักทำไมไม่โทรไปถามไอ้คีย์เองละ”

“อาผมมาที่นี่งั้นเหรอ ?! เขามาถามคุณเหมือนกันเหรอ ??”

“ใช่ เขาเพิ่งจะคลาดกับคุณไปเมื่อกี้นี้เอง..ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ” 

“แล้วคุณได้บอกไหม ว่าคีย์อยู่ไหน คุณได้พูดรึเปล่า !!?”  ให้ตาย..ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าไอ้เรื่องเวรๆที่ผมคิดในหัวจะเป็นจริงขึ้นมา

                                      ผมได้แต่ภาวนาให้พวกเขาไม่เกลียดกันจนถึงขั้นจะฆ่ากันให้ตายหรอกนะ


“ก็บอกสิครับ แล้วคุณจะบอกผมได้ยังว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น”

“คุณเป็นเพื่อนคีย์ใช่รึเปล่า คุณเคยพูดว่าคีย์ฝากผมไว้กับคุณ”

“ใช่ ผมเป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งหมอมันนั่นแหละ”

“คุณเป็นหมอเขา ? แล้วเขาเป็นอะไรเหรอ ? ”

“นี่คุณไม่รู้เหรอ ? ผมนึกว่ามันบอกคุณตั้งแต่ตอนที่คบกันแล้วนะ”

“หมอก็ตอบผมมาดิวะ ว่าเขาเป็นอะไร !! ถ้าผมรู้ผมถามหมอทำไม !”

“เออได้ ทำไมต้องตะคอกด้วยเนี้ย”

“แม่ง ..ไม่มีเวลาแล้ววะ งั้นหมอก็ค่อยเล่าให้ผมฟังในรถก็แล้วกันนะ”

หัวใจผมไม่เคยเต้นแรงอย่างน่ากลัวขนาดนี้มานานแล้ว .. ครั้งล่าสุดก็คงเป็นตอนที่โทรศัพท์ของผมระเบิดใส่มือคีย์  ผมไม่อยากเป็นแบบนี้เลย ไม่อยากจะเป็นห่วงเขา เพราะสิ่งที่เขาทำมันยิ่งกว่าการทำให้ผมตกนรกทั้งเป็น  ..ผมจะคิดซะว่า ผมเป็นห่วงเขา ..ก็แค่ในฐานะเพื่อร่วมโลกคนหนึ่ง


“ให้ตายเหอะ แล้วคุณให้ผมขับไปไหนเนี้ย”

“ไปที่ๆคีย์อยู่” ผมบอกเขา ผมเลือกที่จะไม่ขับรถเอง เพราะถ้าผมขับเอง..ผมคงทำรถคว่ำตายก่อน เขาใจเย็นกว่าผม มันจะดีกว่าถ้าให้เขาเป็นคนขับ

“โอเค .. ทำไมมันสร้างเรื่องให้กูทุกวันเลยวะ” คำพูดสบถอีกหลายคำดังออกมาจากปากเขา

“หมอ.. เล่าทุกอย่างมาให้หมด หมอรู้ใช่ไหมว่าทำไม เคย์ถึงเกลียดคีย์ ทำไมพวกเขาต้องเกลียดกัน แล้วคีย์เป็นโรคอะไร”

“เฮ้อ ! กูจะเริ่มเล่ายังไงวะเนี้ย ..รู้จักโรคไบโพล่าร์ไหม ? เอาง่ายๆมันเป็นโรคที่เป็นความผิดปกติทางอารมณ์ชนิดนึง หรือโรคอารมณ์สองขั้ว คนที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีอาการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนสองแบบ ก็คือถ้าไม่มีความสุขก็จะซึมเศร้า นั่นแหละโรคที่ไอ้คีย์มันเป็น...”

“..” ผมนั่งฟังอย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“แล้วเรื่องที่น้องมันเกลียดมันก็เป็นเพราะโรคเวรๆนี่เหมือนกัน คีย์มันติดโรคนี้มาจากพ่อมัน ถ้าหากคนเป็นพ่อแม่เป็นโรคนี้ คนเป็นลูกก็มีโอกาสมากกว่าคนปกติถึง 8 เท่าที่จะเป็นโรคนี้ ซึ่งมันคงฟังดูไม่ดีนักใช่ไหมที่มีพี่เป็นคนโรคจิต .. ก่อนที่คีย์มันพบคุณ มันก็ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นถึง 2 ปี เพื่อที่จะรักษาโรคนี้ แต่โชคร้ายนะ ที่โรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาด บางครั้งผู้ป่วยอาจแสดงอาการเหมือนหายขาด จนไม่ยอมกลับเข้ารับการรักษาอีก เพราะคิดว่าตัวเองหายดีแล้ว..แต่ความจริง พวกเขาจะมีอาการแย่ลงไปอีก ถ้าหากมีเรื่องเครียดๆมารบกวนจิตใจ”

“หมายความว่าคีย์ก็ยังไม่หายงั้นเหรอ ?”

“มันก็ไม่ใช่อย่างงั้นซะทีเดียว เพราะคีย์มันแทบจะหายสนิทแล้วตั้งแต่เจอคุณ แต่พอคุณหนีมันไป คุณน่าจะนึกสภาพมันไม่ออกแน่ ไหนจะเรื่องน้องมันกับรินดาที่โคตรจะเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิตมันเลย มันน่ะ ไม่รู้ตัวเองหรอกว่า อาการมันเริ่มที่จะแย่ลงมาก ผมก็เพิ่งจะมารู้ว่ามันเริ่มจะอาการหนักตั้งแต่ตอนที่มันพาคุณมาโรงพยาบาล สิ่งที่มันทำกับคุณ...ผมแค่อยากให้คุณรับรู้นะ.. ว่ามันเป็นส่วนนึงของโรค ในใจลึกๆของมันอ่ะ ไม่วันทำร้ายคุณหรอก”

“....”

“ผมอยากให้คุณยกโทษให้มัน.. ผมไม่รู้หรอกว่ามันทำร้ายคุณขนาดไหน แต่นั่นไม่ใช่ตัวมันจริงๆหรอกนะ”

“...ไม่...ผมให้อภัยเขาไม่ได้”





หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 19 08/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 08-02-2015 22:49:21
ไบโพล่าร์ - เจอคำนี้เข้าไปพูดไม่ออกเลย
อธิบายหลายๆอย่างได้
แต่ก็นะ    อยู่ที่โรมที่ว่าจะทำยังไงต่อไป
ยกโทษให้หรือไม่ให้
อาของโรมเองก็แปลกๆเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 19 08/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 08-02-2015 23:44:00
ถึงกับเงิบ โดนแก้ปมด้วยไบโพลาร์  :mew5:

แต่ถึงจะมาอ้างว่าเป็นเพราะโรค แต่ยังไงก็ไม่เมคเซ้นตรงที่แกเอาความรู้สึกคนมาเล่นเกมส์
อีกอย่างอิไบโพลาร์เนี่ยเลือกเป็นดีจังนะ กับคนอื่นไม่เป็น กับโรมนี่เป็นใหญ่เลยทำร้ายกันใหญ่
มโนไปเองว่าเป็นไบโพลาร์หรือเปล่า

อ่านปากดีนะ "ไม่ น่า สงสาร เลย ซัก นิด"
ถ้าจบ Bad ending ไม่ได้คู่กัน แต่ก็ไม่ตายด้วย จะถูกใจมากเลยนะเธอ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 19 08/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 09-02-2015 00:08:19
อาการมันไม่ใช่ไบโพลาร์อ่ะ นี่มันเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย


ไบโพลาร์คืออารมณ์สุดขั้ว ระหว่างร่าเริงเกินเหตุ กับหดหู่ซึมเศร้า

หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 19 08/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 09-02-2015 14:25:04
บอกเลยว่า   ไม่สงสารคีย์สักนิด  จะโรคอะไรก็ช่าง ช่วงที่ไม่กำเริบ ปากมี ทำไมไม่บอกโรมห๊ะ  :katai1:

ถ้าเรื่องนี้จบแบบ คีย์ตาย เคย์เป็นบ้า อาติดคุก น้องโรมได้สมบัติคืนทุกอย่าง จะดีมาก  :hao3:

นี่เราอินมากไปป่าวเนี่ย  :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 20 14/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 14-02-2015 17:08:05



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 20 : Close my eyes


คุณเคยรู้สึกเหมือนยืนอยู่ดีๆ ก็โดนผลักลงไปในเหวไหม นั่นคงคล้ายกับความรู้สึกผมตอนนี้ แทบไม่หลงเหลือสักคำถาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การรู้สึกแย่

ทำไมผมต้องเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่อง ?

จะโรคบ้า โรคบออะไรก็เหอะ แต่คีย์เป็นโรคโดยที่ผมไม่เคยรู้ตลอดเวลาที่คบกัน หรือแม้กระทั่งตอนนี้ผมก็ยังคงไม่รู้ แต่กลับมารู้จากปากคนอื่น คนที่ผมเพิ่งเจอด้วยไม่ถึงครึ่งวัน และยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ

ต่อให้เขาจะตายวันพรุ่งนี้ เขาก็คงไม่อยากให้ผมรู้สินะ

“ผมรู้ว่ามันอาจหนักหนานะ ยิ่งพูดก็เหมือนผมแก้ตัวให้เพื่อน แต่คีย์มัน..”

“หมอหยุดพูด แล้วช่วยจอดรถให้ผมลงหน่อยได้ไหม” ไม่อยากจะรับรู้เรื่องเขาจากปากคนอื่นอีกแล้ว ถ้าเขาไม่พูด ก็ไม่ต้องพูด ผมก็จะได้ไม่ต้องมารับรู้ มันคงจะดีที่สุดสำหรับผมแล้ว

“ทำไมอ่ะ แล้วคุณจะไม่ไปหาไอ้คีย์กับผมเหรอ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับมันผมยังไม่รู้เลยนะ”

“ตอนที่เขาพาผมมาโรงพยาบาล ..เขาคงพูดบางอย่างกับคุณใช่ไหม ?”

“มันก็บอกว่ามีธุระต้องไปทำ ..แล้วก็ฝากขอโทษคุณ”

“เขาโทรให้รินดามาหาผมเหรอ”

“ก็ใช่.. มันคงอยากให้รินดาอธิบายเรื่องที่คุณอยากรู้ให้ฟังมั้ง”

ยิ่งรู้ ผมยิ่งรู้สึกแย่ สิ่งที่ค้างคามันหมดไปจากใจก็จริง แต่มันก็มีสิ่งที่เพิ่มขึ้นมา มันคือความผิดหวังปนความเสียใจ

“อาผมขายหุ้นและเอาโฉนดบ้านไปให้คีย์ แต่อาผมไม่ได้ติดต่อคีย์แค่คนเดียว เขานัดพบกับเคย์วันนี้ ผมไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาสามคน แย่ที่สุดก็คงอาจมีการหักหลังกัน ..เพราะอาผมมันก็แค่หมาลอบกัดตัวนึง”

“ให้ตายเหอะ อย่าทำให้คีย์ประสาทเสียไปมากกว่านี้เลย แค่อาการเริ่มต้นของมันก็แย่ขนาดที่ข่มขืนคุณได้แล้วนะ ผมไม่อยากจะนึกถึงสภาพที่มันเป็นคนบ้าแบบเมื่อก่อนหรอกนะ”

“...”

ราวกับตราบาป ที่ไม่มีวันลบออก..ยิ่งหมอพูดด้วยสีหน้าปกติ การที่ผมโดนอย่างนั้น มันปกติเหรอ ? มันปกติมากเหรอที่คนเราจะทำลายศักดิ์ศรีความเป็นคนของคนๆนึงโดยไม่ได้รู้สึกอะไร

“เฮ้ย ..ผมขอโทษ..ผมปากเสียเอง ..คุณ”

“จอดรถเถอะครับ” เขายอมทำตามที่ผมบอกโดยไม่ขัดอะไรอีก

“ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าที่เคย์จะพบอาผมมันเกี่ยวกับคีย์รึเปล่า ถ้าไม่เกี่ยวมันก็ดี แต่ถ้าเกี่ยว..ผมฝากเขาไว้กับคุณด้วยนะ ฝากบอกเขาด้วยว่าผมขอบคุณสำหรับทุกอย่างในอดีต และขอโทษสำหรับทุกอย่างในปัจจุบัน .. .และขอให้เขาอย่ามาเจอผมอีกเลย” ผมอยากปล่อยให้เวลาเป็นสิ่งพิสูจน์ทุกอย่างบ้าง ถ้าหากเราดันทุรังที่จะทำร้ายกันและไปเรื่อยๆ วันนึง..มันอาจจะไม่เหลือแม้กระทั่งความทรงจำดีๆ

“เฮ้อ นี่พวกคุณรักกันแบบไหนเนี้ย..ถ้าคุณจะเอาอย่างนั้นก็ตามใจ กลับบ้านดีๆนะครับ”


ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงผมก็กลับมาที่บ้านของตัวเอง และคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูบ้าน สร้างความแปลกใจให้ผมไม่น้อย

“คุณหาบ้านผมเจอได้ไง”

“จะหาบ้านคุณ มันไม่ยากเกินความสามารถของคนอย่างผมหรอกนะครับ” สีครามยังคงน้ำเสียงยียวนเอาไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยน จนบางทีผมก็นึกสงสัยว่าเขาเกลียดผมมากขนาดที่จะคุยกันดีๆไม่ได้แม้แต่ประโยคเดียวเลยเหรอ

“แล้วคุณมีธุระอะไรกับผมเหรอ มาหาถึงที่นี่คงไม่ใช่แค่มาพูดจาไร้สาระหรอกนะ”

“พอไม่มีคีย์อยู่ด้วย คุณก็พูดจาแบบนี้เลยสินะ”

“ไม่ต่างกับคุณนักหรอก ถ้าไม่มีอะไรไปมากกว่านี้..ผมก็ขอตัวนะ” ผมเลิกสนใจสีคราม เลือกที่จะเดินหลบเข้าบ้านไป แต่ก็ต้องชะงักเพราะประโยคถัดไปของเขา

“ผมแค่จะเอาการ์ดงานแต่งงานมาให้”   

“งานแต่ง ? ผมกับคุณคงไม่สนิทกันขนาดที่จะไปร่วมงานแบบนั้นได้หรอกมั้ง”

“ใช่ เราไม่สนิทกัน แต่งานแต่งประธานบริษัทตัวเอง คุณก็น่าจะไปร่วมงานหน่อยนะ มันจะได้ไม่น่าเกลียด”

“...งานคีย์ ? เขาจะแต่งกับรินดางั้นเหรอ” พอผมพูดแบบนั้น เขากลับแสยะยิ้มราวกับมันเป็นแค่เรื่องตลก

“ก็ใช่ไง คุณก็อย่าไปทำตัวน่าสงสารจนพังงานแต่งพี่สาวผมละกัน”

“บางทีนะ.. แค่บางทีที่ผมสงสัยว่าคุณเอาสมองส่วนไหนมาคิดเรื่องเลวๆแบบนั้น และอีกอย่างผมอยากจะถามคุณหน่อย ว่าคุณรักคีย์แบบไหนกันแน่ ถึงได้ให้พี่สาวคุณแต่งงานกับเขา คุณเคยมีความรักจริงๆบ้างรึเปล่า”

“นี่ ผมจะบอกอะไรให้เอาบุญนะ เผื่อคุณยังไม่รู้ว่า คีย์น่ะ ..เขาเป็นโรคจิตนะ อืม .. ชื่อโรคอะไรผมก็จำไม่ค่อยได้แล้วสิ แล้วคุณยังคิดว่าผมจะรักเขาเหรอ ? เขามันคนบ้าชัดๆ”

“แล้วคุณต้องการอะไรจากเขากันแน่”

“สิ่งที่เขามีไง แค่นี้คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ถ้าหากเขาไม่ป่วยด้วยโรคเวรๆนั่นนะ ป่านนี้ธุรกิจบ้านเขามันคงไปได้สวยแบบที่ไม่มีใครคิดแน่ แต่น่าเสียดายนะ..คุณไม่น่าไปพังอนาคตของเขาเลย เพราะคุณ เขาถึงกลับมาเป็นโรคบ้านั่นอีก”

เขาไปได้ความคิดแบบนั้นมาจากไหน ไอ้ความคิดที่น่ารังเกียจพวกนั้น ผมว่ารินดาก็ดูเป็นคนดีนะ แต่ทำไม..น้องเขาถึงได้มีสันดานแบบนี้

ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าพี่น้องร่วมสายเลือดกัน มันต่างกันได้มากขนาดนี้เลยเหรอ

“อยากคิดยังไงก็เรื่องของคุณ แต่ผมอยากเตือนคุณไว้อย่างนึง ไม่ว่าคุณอยากจะให้คีย์เกลียดผมมากขนาดไหน แต่อย่าเอาคินรดามายุ่ง ..อย่าเอาเธอมาเกี่ยวเรื่องที่ผู้ใหญ่ชั่วๆทำเอาไว้”

สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อผมพูดถึงเรื่องนี้ .. สรุปเขาทำมันจริงๆสินะ จิตใจเขามันทำด้วยอะไรกันแน่นะ

“รินดาบอกคุณ ..นังขี้แพ้นั่น มันบอกคุณเหรอ !?”

“นี่ ! หัดมีสติซะบ้างเหอะ ผมจะสืบเรื่องคุณมากกว่านี้ ผมก็ทำได้ไม่ยากนักหรอก”

“เหอะ .. เธอไม่น่าเกิดมาเลยด้วยซ้ำ เกิดมาก็เป็นแค่อุปสรรคในชีวิตคนอื่น”

“เธอสมควรจะเกิดมาหรือไม่ คุณไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินเธอ และครั้งนี้ ..ผมแค่เตือน แต่ถ้าต่อไป ผมรู้ว่าคุณทำร้ายคินรดาอีก คุณจะได้รู้ว่าถ้าผมโมโห มันจะเป็นยังไง”

ผมเดินออกมา เพราะไม่อยากรับรู้ความคิดเลวๆของสีครามอีก เขากล้าพูดได้ไงว่าคีย์เป็นโรคจิต .. เขามันโรคจิตยิ่งกว่าคีย์ซะอีก
วันนี้มันเป็นวันที่ผมผ่านอะไรหลายๆอย่างมา มันคงเป็นส่วนนึงที่สร้างให้ผมโตขึ้น ผมได้เห็นหลายมุมมองที่ไม่เคยเห็น ได้รู้ในหลายๆเรื่องที่ไม่เคยรู้  ถึงอย่างนั้น.. ผมก็ยังยอมรับมันไม่ได้สักเท่าไหร่นัก ความจริงคือ ผมยอมรับมันไม่ได้เลยมากกว่า มันไม่ง่ายเลยจริงๆนะ ที่จะรู้หลายๆอย่างจากปากคนอื่น

เฮ้อ.. ผมควรจะปล่อยมันไปสักที

เรื่องพวกนี้จะได้จบลงสักที

........

เช้านี้ พระอาทิตย์ก็ยังคงขึ้นตรงเวลาเหมือนเดิม เพราะมันรู้จักหน้าที่ของมัน  แต่คนบางคน บางทีเขาก็ไม่รู้ว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร ที่ผมคิดแบบนี้ เพราะเมื่อคืนอาไม่ได้กลับเข้ามาในบ้าน เขาออกไปและก็หายไปเลย 

โทรศัพท์ที่คีย์เคยซื้อให้ ผมไม่เคยได้ใช้มันเลยตั้งแต่ได้มา แต่ตอนนี้บนหน้าจอปรากฏสายที่ไม่ได้รับอยู่เกือบร้อยสาย ซึ่งเป็นเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก ผมกดโทรกลับไปหา ถ้าหากคนที่โทรมาเขามีธุระสำคัญจริงๆ เขาคงแช่งผมให้ตายไปแล้วก็ได้


“นี่ !! คิดจะโทรกลับมาให้เร็วกว่านี้บ้างไหมเนี้ย !!” คนปลายสายพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร

“ไม่ทราบว่าใครครับ ?”

“หมอไง ! แล้วนี่อยู่ไหน รู้บ้างไหมว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง ! ”

“หมอเลิกตะโกน แล้วเล่ามาดิ”

“ก็อามึงยิงไอ้คีย์แล้วหนีไปไหนก็ไม่รู้ ถ้ากูไม่ไปเจอก่อนก็คงนอนตายไปแล้วมั้ง แม่ง ! อย่าให้กูเจอนะ กูจะเอาคืนให้หนักกว่าที่ทำไว้กับเพื่อนกู ! ไอ้สัสเอ้ย !!” 

“ห้ะ ! หมอบอกอะไรนะ ? ใครยิงใคร ”

“โธ่เว้ย !! ไอ้คีย์มันโดนอามึงยิงอ่ะ ! ชัดพอยัง ! แค่นี้ก่อนนะ !!”

   อานี่ ... บ้าไปแล้วรึไงกัน ผมอยากรู้จริงๆว่าอะไรที่วิ่งวนอยู่ในหัวของเขา และผมคิดว่าผมเดาเรื่องออกหมดแล้วละ

เขาหักหลังคีย์ไปหาเคย์ อาจจะเพราะเคย์จ่ายให้ได้มากกว่า ..มันก็แน่อยู่แล้ว คนอย่างเขา เงินมันสำคัญกว่าชีวิตคนอื่นซะอีก เขามัน..หมาลอบกัด .. .ผมไม่อยากเอาหมามาเทียบกับเขาเลยด้วยซ้ำ ให้ตาย .. ตอนนี้ผมโคตรจะสับสน แล้ว ไอ้ความปั่นป่วนใจนี่ มันมาจากไหนกัน

ผมตัดสินใจโทรหาทนาย เพื่อปรึกษาทุกๆอย่าง ผมอยากจะรอบคอบให้มากกว่านี้ ครั้งที่แล้ว ผมแพ้คดีเพราะความประมาทของตัวเอง ..และครั้งนี้ผมจะไม่แพ้อีก..แต่ทำไมผมต้องว้าวุ่นใจด้วยนะ ที่คีย์โดนยิงมันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องมานั่งคิดมากเลย .. มันไม่ใช่เรื่องของผมเลยด้วยซ้ำ

ผมเหนื่อยใจจนไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว

เหนื่อยที่ต้องแบกรับเรื่องบ้าๆที่พวกเขาทำ




---------------------------------------------------------
คิดว่าเรื่องนี้น่าจะไม่เกิน 30 ตอนนะคะ
ช่วงนี้พี่คีย์ก็เงียบหายไปเลย คงหลุดพ้นจากการเป็นพระเอกแล้วมั้ง 5555
สุขสันต์วันเเห่งความรักนะคะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 20 14/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 14-02-2015 20:21:56
คีย์เป็นพระเอกน่าสงสารมากเพราะคนอ่านแทบไม่มีคนถือป้ายเชียร  ก็ไม่รู้สิน่ะ  คุณจะเป็นโรคอะไร แค่บอกหรือพูดความจริงทุกอย่างมันก็โอเคแล้ว แต่คีย์ไม่ยอมพูดยอมบอกอะไรเลยทั้งที่มีโอกาศ  สมคสรแล้วที่โรมจะปล่อยวางไม่ยุ่งหรือข้องเกี่ยว คนเราทุกคนมีลิมิตในความอดทนในเรื่องนั้นๆๆ#ทีมรักโรมคนเดียว  สู้ๆๆจ้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 20 14/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 14-02-2015 21:59:51
พระเอกเรื่องนี้คือโรม
ถ้าหากว่าคีย์เป็นพระเอกนะ คงได้แต่ความเห็นใจจากโรม แต่มากกว่านั้นคงจะไม่ได้ เพราะว่าทำไว้เยอะเกิน
เหมือนกับว่าตัวละครในเรื่องนี้ไม่มีใครปกติสักคนแล้ว
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 20 14/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 14-02-2015 23:15:40
อายิงคีย์ก็ใช้เรื่องนี้เป็นประเด็นด้วยสิ คิดว่าอาคงไม่รอด
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 21 15/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 15-02-2015 20:13:58


Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 21 : Feel you're here forever


“สำหรับข่าวต่อไปที่จะรายงานนะคะ เป็นนักธุรกิจอักษรย่อ ด. นะคะ ได้มีการสืบทราบว่าปลอมแปลงเอกสารสำคัญหลายอย่าง และยังได้ยิงลูกชายคนโตของนักธุรกิจดังเจ้าของบริษัท K&R อีกด้วยนะคะ คาดว่าน่าจะมาจากเรื่องส่วนตัวคะ”

“อย่างนี้ก็แย่เลนสินะครับ โดนไปหลายคดีเลย”

“ค่ะ ล่าสุดมีรายงานว่าได้จับกุมตัวนักธุรกิจ ด.ที่สนามบิน ก่อนที่จะบินหลบหนีออกนอกประเทศไปนะคะ ก็ถือเป็นประเด็นร้อนแรงในกลุ่มผู้บริหารเลยทีเดียว คงต้องรอหลานชายคนเดียวออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องทรัพย์สินและการดำเนิดคดีนะคะ”

“และอีกประเด็นที่เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากที่สุด ก็คือกรณีที่ลูกชายคนรองของบริษัท K&R ที่มีส่วนร่วมในการที่พี่ชายโดนยิงนะครับ ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไปนะครับ”



 ผมเลื่อนมือมากดปิดโทรทัศน์ ตอนนี้อากำลังอยู่ในช่วงดำเนินคดี ถ้าผมยกเรื่องฟ้องร้องขึ้นมา ..ถึงไม่ใช้ทนาย ผมก็ชนะ แต่ผมเลือกที่จะไม่ทำ  ทางฝั่งของคีย์ไม่ยอมความอยู่แล้ว และผมก็ไม่คิดจะช่วยประกันตัวอาออกมา ..ส่วนนึง ..ผมยังเห็นเขาเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ อย่างน้อยก็ปล่อยให้เขารับกรรมที่ทำกับคนอื่นก็พอ สิ่งที่ทำไว้กับผม ..ผมเลือกที่จะปล่อยมันไป อย่างน้อยๆ ถ้าหากว่าเขามีโอกาสได้กลับออกมา ผมก็ไม่ต้องรู้สึกผิดมากนัก


ความจริง ..ผมจองตั๋วไปต่างประเทศอาทิตย์หน้า แต่ก่อนจะไปผมอยากเคลียร์บางเรื่องให้มันจบๆซะก่อน มันจะได้ไม่ค้างคาเหมือนครั้งที่ผ่านมา ...จะได้ไม่มีใครต้องเจ็บไปมากกว่านี้  ผมต่อสายไปหาเบอร์หมอ รอสักพักก็มีเสียงคนรับ

“หมอ.. นี่ผมเองนะ”

“เออ ผมคงรู้ว่าคุณเป็นใครอ่ะ ไม่บอกชื่อมาละครับ” เขามาเป็นหมอได้ไงกัน คนไข้คงได้เกลียดเขากันทั้งแผนกแน่

“ก็ไอ้คนที่หมอโทรหาเป็นร้อยสายเมื่อวาน แล้วก็เอาแต่ตะคอกใส่ไงครับ”

“โรม ? โทรมาทำไมเหรอ ? ”

“คีย์..เขารักษาตัวที่โรงพยาบาลไหนเหรอครับ”

“โรงพยาบาลที่คุณรักษาตัวนั่นแหละ ว่าแต่คุณจะมาหามันเหรอ ? ”

“ใช่ ผมมีบางอย่างต้องคุยกับเขา”

“เฮ้อ.. อยากคุยกับมันจริงๆเหรอ”

“อืม.. ถ้าไม่คุยกันตอนนี้ ก็คงไม่มีโอกาสที่จะได้คุยกันอีกแล้วละ” เสียงถอนหายใจจากปลายสายดังมาให้ผมได้ยินอีกสองสามครั้ง

“..ก็ตามใจ ..แต่คุยกับมันดีๆหน่อยนะ ผมไม่อยากให้โรคมันกำเริบอีก เดี๋ยวแม่งจะตายเอา”

หมอพูดกำชับว่าให้ผมคุยกับคีย์ดีๆอีกหลายครั้ง กว่าจะยอมวางสายไป  ผมไม่คิดจะคุยกับเขาด้วยอารมณ์อยู่แล้ว แค่คุยเพราะอยากรู้คำตอบบางอย่างจากปากเขา...มันก็แค่นั้น


แค่ครึ่งชั่วโมงที่ผมนั่งรถมายังโรงพยาบาล ผมไปเจอหมอก่อน โดยรวมแล้วเขาบอกว่าคีย์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง กระสุนไม่โดนจุดที่มันสำคัญอะไร 

“แล้วเคย์เป็นคนสั่งให้อาผมยิงเขาจริงๆใช่ไหม ?”

“อืม พวกเขาคงเกลียดกันมากจริงๆ มันก็เป็นเรื่องธรรมดานะที่พี่น้องจะอิจฉากัน”

บ้าจริงๆนะ ครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ..แต่กลับเกลียดกันได้ลง ผมไม่เข้าใจความรู้สึกของการอิจฉาใครสักคนหรอก เพราะผมมีทุกอย่าง ความรู้สึกเดียวที่วนเวียนอยู่กับผมตลอดเวลาคือ ความเจ็บปวด แทบทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ล้วนทำให้ผมเจ็บ ..

พระเจ้าเกลียดผมแล้วละ


ก๊อก ก๊อก..

“เชิญครับ” ผมค่อยๆสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อได้ยินเสียงคนข้างในตอบรับกลับมา หมอไม่ได้บอกเขาว่าผมจะมา ซึ่งก็ดีแล้วสำหรับผม

“ไง .. พี่เป็นไงบ้าง”

“...” สีหน้าเขาดูไม่ดีเท่าไหร่เลย .. และผมรู้สึกแย่ที่อามีส่วนทำให้เขาอยู่ในสภาพแบบนี้  ถ้าจะให้ยอมรับตรงๆ.. ผมกำลังเป็นห่วงเขา

“ผมมาเยี่ยมพี่ และมาคุยในหลายๆเรื่องที่เรายังไม่เคยคุยกันตรงๆ”

“ขอโทษนะ..” ผมสบตาคีย์ตรงๆ แววตาของเขาสั่นไหว ไม่มั่นคงเหมือนเมื่อก่อน มันไม่เหมือนตอนที่ผมรู้จักเขาสักนิด ตอนนั้น..เขามีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง จนผมไม่ชอบ  ตอนที่ผมเจอคีย์ครั้งแรก เขาส่งยิ้มให้ผม นั่นมันทำให้ผมหวั่นไหวนะ

“ที่ผ่านมา ..ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่เคยคิดจะบอกอะไรกับผมบ้างไหม หรือพี่เคยรักผมจริงๆบ้างรึเปล่า แต่ผมไม่อยากให้มันค้างคา ..ผมไม่อยากหนีไปเหมือนครั้งที่แล้ว”

“...”

“มีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมตั้งแต่เจอพี่ ..มันทั้งทำให้ผมรู้สึกดีและแย่ไปพร้อมๆกัน ผมไม่เคยเสียดายเวลาที่อยู่กับพี่หรอกนะ แต่ผมแค่เสียใจ..ที่บางเรื่อง บางเรื่องที่พี่ควรจะบอกผม พี่กลับไม่พูด..”

“ถ้าพี่บอก..แล้วโรมจะรับได้เหรอ.. พี่แค่กลัวโรมจะมองพี่เป็นแค่คนบ้า..เหมือนที่คนอื่นมอง”

“พี่รู้ป่ะ ตอนที่หมอบอกผมเรื่องพี่..สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวผม ไม่ใช่เรื่องโรคนั่นหรอก มันเป็นคำถามต่างหาก..คำถามที่ว่าทำไมผมต้องมารู้เรื่องนี้จากปากคนอื่น ทำไมพี่ไม่บอกผม ..ถ้าถามผมตรงๆว่าผมรับได้ไหมที่พี่เป็นโรค ผมก็รับไม่ได้หรอก และรับไม่ได้มากกว่าที่พี่มองผมเหมือนที่มองคนอื่น.. สิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังมายืนคุยกับพี่ในตอนนี้ ก็เพราะผมยังเป็นห่วงพี่..”

“..พี่รักโรมนะ..”

“...ผมไม่รู้หรอกว่าที่พี่พูดมา..มันออกมาจากหัวใจพี่จริงๆรึเปล่า ผมเคยให้หัวใจพี่ไปครั้งนึง แต่พี่ก็ไม่ดูแลมันให้ดี ..บางทีผมก็สงสัยนะ ..ว่าเราเคยรักกันจริงๆบ้างรึเปล่า..เพราะถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกันจริงๆ พี่จะไม่ทำแบบนี้กับผม”


เราต่างก็นิ่งกันไปสักพัก ผมกำลังทบทวนสิ่งต่อไปที่กำลังจะพูด .. มันอาจจะดีก็ได้ถ้าเราได้ลองห่างกันสักพัก โดยที่ไม่มีอะไรค้างคาอีก

“ขอโทษนะ..ที่ผมบอกรักพี่ไม่ได้ อาทิตย์หน้าผมจะไปบริหารงานที่ต่างประเทศ ไม่มีอาคนเดียว บริษัทก็วุ่นวายจนแทบล้ม ..หุ้นของผมที่พี่ซื้อไว้ พี่จะเก็บเอาไว้หรือขายต่อก็ได้ ..ส่วนเรื่องบ้านและหนี้สินอื่นๆที่อาเคยยืมพี่ไปหมุน ผมจะรับผิดชอบเอง..”

“ไม่ต้องหรอก.. ถือว่าพี่ชดใช้ให้ที่ทำอะไรโดยไม่คิด..โรมบริหารบริษัทไปเถอะ ส่วนเรื่องหุ้น..พี่จะเก็บเอาไว้เอง เพราะอย่างน้อย.. มันก็เป็นเหตุผลให้พี่มาเจอโรมได้ในบางครั้ง”

“..ดูแลตัวเองด้วยนะ ..” ผมกำลังจะเดินออกไป แต่กลับถูกอีกฝ่ายฉุดเอาไว้ ..

“จะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ”

“..ผมให้คำตอบไม่ได้ ..อาจจะ.. .ไม่กลับมาแล้วก็ได้”

ที่บอกไปแบบนั้น.. เพราะไม่อยากให้เขาต้องรอ

และเพราะรู้ ..ว่าการต้องรอใครสักคน มันทรมานมากแค่ไหน ผมถึงอยากที่จะตัดความสัมพันธ์พวกนี้ทิ้งไปซะ .. ไม่รู้หรอกว่าสำหรับเขาแล้ว..มันเจ็บปวดบ้างรึเปล่า แต่สำหรับผม ..คงไม่มีอะไรจะเจ็บปวดได้เท่านี้อีกแล้ว...


ผมรักพี่นะ รักจนไม่รู้ว่าจะรักใครได้เท่าพี่อีก

…….





-------------------------------
พยายามลงช่วงนี้ให้มากๆ เพราะใกล้สอบไฟนอลเเล้ว คงไม่มีเวลามาเขียน 555
ลงเเค่ตอนละนิดเดียวเอง แต่จะพยายามลงให้บ่อยนะคะ ใครที่สอบไฟนอลก็รีบเคลียร์งานเนอะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 21 15/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 15-02-2015 20:25:42
อาจจะดูแล้วเหมือนว่าทิ้งกันตอนที่อีกฝ่ายกำลังลำบาก
แต่คิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ต่างฝ่ายต่างป่วย ต่างฝ่ายต่างไม่ไหว
อะไรๆก็อิรุงตุงนังคลุมเคลือไปหมด
คีย์กำลังจะแต่งงาน โรมก็ไปเสียให้ไกล ไปรักษาใจตัวเองก่อน
ห่วงก็เป็นคีย์ที่ต้องเจอกับสารพัดอย่างสีคราม
หายแล้วค่อยดูต่อไปว่าจะเป็นยังไงต่อไป

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 21 15/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-02-2015 20:32:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 21 15/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 17-02-2015 18:25:56
 o13  ถือว่าเขียนออกมาได้ดีทีเดียว นายเอกมาถามพระเอกในแบบที่คนอ่านทั้งหลายสงสัย

ความรัก ไม่ใช่ว่าจะต้องสมหวัง และได้ครอบครองเสมอไป โรมตัดสินใจถูกแล้วลูก o13
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 22 19/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 19-02-2015 21:38:03



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 22 : You and me together



3 ปี

เรื่องราวพวกนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในทุกความทรงจำของผม


ถ้าจะมองตามปฏิทินที่เปลี่ยนไป ก็นับว่าเป็นเวลาที่ผ่านไปเร็วพอสมควร นับตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่ที่ต่างประเทศ นอกจากเรื่องงาน ผมก็ไม่เคยติดต่อกลับไปยังประเทศไทยเลย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมไม่คิดถึงอีกคนหรอกนะ .. ตอนนี้เขาคงแต่งงานกับรินดาแล้วสินะ

เฮ้อ..ผมคิดถึงคินรดาจัง อยู่ที่นี่ไม่มีทางที่จะติดต่อเธอได้เลย นอกจากจะติดต่อผ่านรินดา และผมไม่ค่อยอยากทำอย่างนั้นสักเท่าไหร่  ไม่สนุกเลยนะที่จะติดต่อกับผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว และเจ้าของของเธอ ..ก็เป็นคนที่ผมคิดถึง มันแย่ใช่ไหมละ ? นี่แหละเหตุผลที่ผมไม่อยากกลับไปประเทศไทย ผมไม่อยากเลว.. แค่คิดถึงอยู่ที่นี่คงไม่เป็นไร แต่ถ้ากลับไปเห็นเขาอยู่กับคนอื่น ..ผมคงต้องกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวแน่ๆ 

อาผมติดต่อมาครั้งเดียวก่อนเข้ารับโทษ ..เขาบอกว่า ฝากบริษัทด้วย มันเป็นสมบัติของปู่และย่าผมที่เขาเคยคิดทำลาย ผมรู้ว่าอากำลังรู้สึกผิด แม้ว่าเขาจะไม่ได้เอ่ยคำว่าขอโทษเลยแม้แต่คำเดียว และผมรู้ว่าเขาคงได้รับผลกรรมแล้วละ เพราะชีวิตในคุก.. มันไม่สวยหรูเลย

ส่วนเคย์..พ่อแม่เขาใช้เงินเป็นจำนวนมากในการให้เขาพ้นโทษ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็โดนส่งตัวไปยังต่างประเทศเพื่อบำบัดจิตใจ .. เพราะเขาก็ติดโรคมาจากพ่อเขาเหมือนกับคีย์ เพียงแต่เขาไม่อยากจะยอมรับมันเอง.. เอาแต่หลอกตัวเองว่าเขาปกติดีทุกอย่าง จนเกือบทำลายคนในครอบครัวไปแล้ว

อีกคนที่ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไงก็คือ สีคราม ผมไม่ได้ตามสืบเรื่องของเขามากมายนัก ผมคิดว่า คีย์คงดูคนอย่างสีครามออกได้ไม่ยาก


“บอสคะ คุณหมอพฤษติดต่อมาคะ จะให้โอนสายมาที่บอสเลยไหมคะ”

“ได้ครับๆ โอนมาให้ผมเลยก็ได้”  สิ้นเสียงตอบรับของผม เลขาสาวก็โอนสายของหมอพฤษมาให้ผมทันที

หมอพฤษก็คือหมอนิสัยเสียที่ชอบตะคอกใส่ผมนั่นแหละครับ เพิ่งมารู้ชื่อมันหลังจากโดนมันด่าไปหลายรอบ เป็นหมอที่ปากจัดสุดๆคนนึง ไม่รู้ว่าคนไข้กล้ามารักษากับมันได้ไง ไม่โดนมันด่าเอาก็บุญโขแล้วละมั้ง

“ไง ทำไมช่วงนี้ถึงเงียบหายไปเลยละครับ หรือว่าได้หนุ่มใหม่มาช่วยรักษาแผลใจแล้วเหรอครับ”

“หมอพูดมากดีนะ แล้วนี่โทรมาทำไม”

“ก็เปล่า แค่โทรมาถามสารทุกข์สุขดิบเฉยๆ ว่าแต่..คุณคิดจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่เนี้ย”

“ไม่รู้สิ ผมยังไม่มีเหตุผลให้กลับไปเลย”

“แล้วไอ้คีย์ยังไม่เป็นเหตุผลที่มากพอเหรอครับ”

“อืม..ก็อาจจะยัง”

“ใจร้ายจังนะครับ ไม่รู้เพื่อนผมหลงรักคนอย่างคุณได้ไง”

“หมอโทรมาพล่ามแค่นี้ใช่ไหม ? ผมจะได้วางสาย ยังมีงานอีกหลายอย่างที่ต้องทำ”

“เฮ้ย เปล่า ..ผมแค่จะโทรมาบอกคุณว่าคินรดาถามถึงคุณบ่อยมากเลยนะ อีกประมาณสองสามวันก็ถึงวันเกิดเธอละ คุณไม่คิดจะกลับมาให้เธอเห็นหน้าหน่อยเหรอ”

“...” ผมไม่ได้ตอบคำถามเขา เพราะไม่แน่ใจว่าเขาต้องการคำตอบ หรือแค่โทรมาบอกผม

“ตามใจคุณละกันนะ ..อยากกลับก็กลับ ไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ แต่ไอ้คีย์อ่ะ มันยังรอคุณอยู่นะ”

“แค่นี้นะ..”

สายโดนตัดไป เดาได้เลยว่าตอนนี้หมอคงหัวเสียแน่ๆ เขาไม่ชอบให้คนตัดสายใส่สักเท่าไหร่นัก สิ่งที่เขาพูดมันทำให้ผมคิดมากจริงๆเลย เฮ้อ.. ผมเอนหลังพิงเก้าอี้และหลับตาลง อยากเลิกคิดเรื่องนี้สักพักนึง


ก๊อก..ก๊อก

“เข้ามาเลยครับ”

“เอ่อ..บอสคะ ทางด้านผู้บริหารที่ไทยเขามีปัญหานิดหน่อยคะ”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“คือ.. เหมียวได้ข่าวจากทางวงในมาเรื่องการไม่พอใจที่บอสมาทำงานที่ต่างประเทศอ่ะคะ กลุ่มบริหารบางส่วนค่อนข้างไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ที่บอสเอาแต่ทำงานที่ต่างประเทศโดยไม่เข้าไปดูแลบริษัทใหญ่ที่ไทยเลย” คุณเหมียว หรือเลขาคนสวยที่เป็นทั้งเพื่อนและพนักงานของผม เธอเป็นคนที่มีคุณภาพจนน่าตกใจคนนึง และผมดีใจที่เธอเป็นทั้งเพื่อนและพี่สาวให้ผมได้

“แล้วผมควรทำไง ? กลับไปเหรอ ..ผมกลับไปไม่ได้หรอกนะ”

“เหมียวไม่รู้นะคะว่าบอสมีเรื่องอะไรถึงต้องมาบริหารต่างประเทศ ..แต่บอสจะทำงานที่นี่ตลอดไปไม่ได้หรอกนะคะ ยิ่งถ้าหากว่าผู้ถือหุ้นเกิดไม่พอใจขึ้นมา มันจะยิ่งแย่นะคะ”

ความจริง..เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างกังวล ตลอดเวลาที่ผมดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหาร..ถึงผมจะมีใบปริญญา แต่ประสบการณ์ผมก็ถือว่าน้อยมาก ยิ่งพอบริษัทไม่เคยประสบปัญหาเลย ตลอดช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ..ใช่ มันเป็นข้อดีที่ผมสามารถบริหารงานได้โดยไม่มีปัญหา แต่มันก็เป็นข้อเสียด้วยเหมือนกัน เพราะพวกเขาคงไม่มั่นใจว่าถ้าหากมันเกิดปัญหาขึ้นมา ผมจะแก้ได้รึเปล่า

เอาไงดีวะ

หนีมาขนาดนี้แล้ว จะกลับไปให้ปวดใจเล่นๆทำไม

เฮ้อ..


“ถึงพวกเขาไม่พอใจก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ยังไงผมคงไม่กลับไป”

“เหตุผลที่ไม่กลับไปละคะ ? เป็นเพราะคนที่ชื่อคีย์รึเปล่า ? คนที่เขียนโปสการ์ดมาหาบอสทุกเดือน โดยที่ไม่รู้ว่าบอสไม่เคยอ่านมันเลย .. .ใช่คนนั้นรึเปล่าคะ ? ” คำพูดเธอมันทำให้ผมสะอึกไป .. มันจี้ใจดำผมสุดๆไปเลยละ

“โรมน่าจะเผชิญหน้ากับความจริงบ้างนะ พี่พูดในฐานะพี่สาวคนนึงที่ผ่านโลกมามากกว่าโรม ..พี่อยากให้โรมคิดให้ดีๆ ว่าการที่จะหนีไปตลอดแบบนี้ มันดีสำหรับโรมจริงๆแล้วเหรอ ? พี่เป็นห่วงโรมนะ และพี่ก็เคารพการตัดสินใจของโรมเสมอ”

“พี่..คือผม..” 

“โปสการ์ดอ่ะ พี่ยังเก็บเอาไว้ทุกใบ เดี๋ยวพี่ตั้งเอาไว้บนโต๊ะพี่ก็ได้ ถ้าโรมไม่สนใจมัน ก็แค่หยิบมันทิ้งลงถังขยะไปซะ ถ้าพรุ่งนี้พี่ยังเห็นมันตั้งอยู่ พี่ก็จะเอามันไปทิ้งเอง” พี่เหมียวพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะได้พูดจบประโยค

พอหมดสิ่งที่ค้างคาในใจ พี่เหมียวก็ไปปทำงานตามปกติ ทิ้งผมให้จมอยู่กับคำพูดของเธอที่ยังดังก้องอยู่ในหูของผมซ้ำๆ  ทำไมแต่ละวันของผมมันผ่านไปอย่างทรมานนักนะ เมื่อไหร่ผมจะมีความสุขซะที  เหตุผลที่ทำให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่ก็เพราะคีย์ และเขาก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยากกลับไปเหมือนกัน เพียงแต่ผมไม่อยากกลับไปเจ็บ ..จะกลับไปเห็นพวกเขารักกันทำไม


21.55 น.

เกือบสี่ทุ่มกว่าผมจะเซ็นต์เอกสารเล่มสุดท้ายเสร็จ ปวดหลังเป็นบ้า ไม่เคยชินเลยตลอดเวลาที่ต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้เกือบทั้งวัน ผมจัดของและเก็บเอกสารบางอย่างกลับไปทำที่คอนโด ระหว่างที่เดินออกจากห้อง สายตาก็ดันไปสะดุดเอากับกองกระดาษบนโต๊ะของพี่เหมียวเอาซะก่อน

กระดาษพวกนี้คงดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่ เพราะมันก็เป็นแค่กระดาษโปสการ์ดธรรมดาๆ แต่ชื่อของคนที่ส่งมาทำให้ใจของผมกระตุกได้ไม่น้อย .. ผมเป็นคนที่บอกให้พี่เหมียวเก็บโปสการ์ดพวกนี้ไว้ โดยไม่ต้องส่งมาให้ผม เขาก็ส่งมาอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมไม่เคยคิดจะเปิดอ่าน ถึงจะอยากรู้ว่าเขาเขียนอะไรมาบ้างก็เถอะ…
 
ผมยกกองโปสการ์ดพวกนั้นกลับคอนโดมาด้วย ไหนๆก็ไหนๆแล้วนะ ลองเปิดอ่านดูมันก็คงไม่เสียหาย เพราะอย่างมากก็แค่คิดถึงเขามากกว่าเดิม

- 01.01.255X -

‘ เป็นไงบ้าง ไปอยู่ที่นั้นปรับตัวได้รึเปล่า ดูแลตัวเองด้วยนะ ’

- 01.02.255X -

‘ วันนี้พี่ไปหาคินรดามาด้วยนะ เธอฝากจูบโรมพันครั้งเลยนะ เธอคงคิดถึงโรมมากเลย’

- 01.03.255X -

‘ พี่คิดว่าช่วงนี้โรมคงต้องทำงานหนักมากเลยนะ อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะ ’

- 01.04.255X -

‘ ถ้าให้พี่เดา โรมคงยังไม่เปิดอ่านโปสการ์ดพวกนี้แน่ งั้นใบต่อไปพี่จะเขียนทุกความรู้สึกพี่นะ ’

- 01.05.255X - 

‘ คิดถึงนะ คิดถึงมาก มากกว่าคิดถึงคินรดาซะอีก ’

- 01.06.255X -

‘ พี่ยังรออยู่นะ ถึงโรมจะบอกว่าไม่กลับมา พี่ก็จะรอ ’

- 01.07.255X -

‘ โทรมาคุยเรื่องงานกับพี่บ้างก็ได้นะ พี่ให้คำปรึกษาได้เสมอ ’

- 01.08.255X -

‘ พี่มีอะไรบางอย่างอยากให้โรมนะ และคิดว่าโรมคงชอบด้วย ไว้กลับมาพี่จะให้นะ ’

- 01.09.255X -

‘ อากาศที่นั้นคงเริ่มมีฝนแล้วสินะ อย่าลืมพกร่มไปด้วยนะ ’

- 01.10.255X -

‘ ใกล้สิ้นปีแล้วนะ ไม่อยากกลับมาไทยจริงๆเหรอ ’

- 01.11.255X -

‘ ทำไมสิบเอ็ดเดือนมันถึงผ่านไปเร็วจัง พี่รู้สึกเหมือนเมื่อวานเรายังเจอกันอยู่เลย ’

- 01.12.255X -

‘ เดือนสุดท้ายของปีแล้วนะ ปีนี้พี่รักโรม ปีหน้าพี่ก็จะรักโรมให้มากขึ้น ปีต่อไปพี่ก็จะยิ่งรักให้มากกว่าเดิม ’

....

ผมไม่น่าเปิดอ่านตั้งแต่แรก


มันไม่ได้ทำให้ผมคิดถึงเขามากขึ้นหรอก..แต่มันทำให้ผมรักเขามากขึ้นต่างหาก .. .ทำไมหัวใจผมรู้สึกเจ็บไปหมดเลย มันเจ็บกว่าตอนที่ผมคิดจะฆ่าตัวตายซะอีก .. .ผมทรมานจัง ..








---------------------------------------------------------------
ใกล้จบเเล้วเนอะ
จะพยายามไม่ทำให้ค้างคานะคะ
หลังจากนี้ คงสักอาทิตย์เลยนะ กว่าจะมาอัพใหม่ ไฟนอลมันโหดจนไม่รู้จะทำยังไง 555
สู้ๆนะคะ สำหรับคนที่สอบไฟนอล
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 22 19/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-02-2015 22:01:19
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 22 19/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 19-02-2015 22:19:05
3ปีพอเหรอ?
ไม่ได้ซ้ำเติมนะ
แต่กลัวแทนโรม
โรมกลับไปเจอสิ่งที่หนีมาก็ดีแล้ว
จะได้รู้ใจตัวเองว่าควรทำยังไงกับหัวใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 22 19/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 24-02-2015 00:20:35
จะกลับไปให้ชอกช้ำทำไมเอิงเอย
สิ่งที่เขาเคยทำ คำพูดร้ายๆมันล้วนแต่เป็นของจริง
อย่าเอาโรคมาอ้างนะ แกเล่นเหวี่ยงทั้งวัน ฉันว่ามันไม่ใช่โรคอย่างเดียวแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 22 19/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-02-2015 03:28:27
ชัดเจนตั้งแต่โรงพยาบาลแล้วนี้ยังต้องเคลียอะไรอีก เลือกที่จะพ้นแล้วก็อย่าได้หันหลังกลับ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 25-02-2015 23:04:21


Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 23 : Nothing gets better



ช่วงสองสามวันมานี้ มีเรื่องที่ผมคิดหนักอยู่หลายเรื่อง จนกระทั่งตัดสินใจได้ว่าจะกลับไทย แต่ผมจองไฟลท์บินแค่วันเดียว เรียกได้ว่าไปเหยียบประเทศไทยไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ 

ถ้าถามว่าทำไมผมทำแบบนั้น ..มันก็คงเป็นเพราะความกลัวของผมเอง กลัวที่จะกลับไปเป็นแบบเดิม ก็เลยคิดแค่ว่าจะไปเพราะเรื่องงานเพียงอย่างเดียว

ผมคิดว่าการกลับไปครั้งนี้ผมคงโดนด่าเละแน่นอน เพราะบริษัทที่ไทยแทบจะวุ่นวายกับการจัดงานเลี้ยงตอนรับแบบฉับพลัน ทั้งที่ผมบอกว่าไม่ต้องจัดให้ผมก็ได้ แต่พวกเขาก็ยังยืนยันว่าจะจัดให้ทัน ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลยไป

ครั้งนี้ผมอยากกลับไปเยี่ยมอาในคุกด้วย ไม่ได้ไปเจอเขาเลยตลอดสามปี เขาคงเกลียดผมเข้ากระดูกดำไปแล้วมั้ง และเพราะชาติหน้าผมไม่อยากเกิดมาเจอคนอย่างเขาอีก ผมถึงอยากอโหสิกรรมให้กับเขา จะชาติหน้าหรือชาติไหนผมก็ไม่อยากเจอเขาอีกแล้วละ


“บอสคะ ได้เวลาไปเช็คอินแล้วละคะ เดี๋ยวจะตกเครื่องเอานะคะ ถ้าไปช้ากว่านี้” พี่เหมียวลากกระเป๋าใบใหญ่มาหาผม ..ใบใหญ่แบบที่ใหญ่มาก เธอคิดจะไปพักที่นู้นสักอาทิตย์นึง ซึ่งผมก็ม่ได้ว่าอะไร ยังไงงานที่นี่ก็ไม่ได้วุ่นวายเท่าไหร่อยู่แล้ว

“อ่า ..ครับ”


11 ชั่วโมงเต็ม ผมแทบจะเสียเวลาครึ่งวันไปกับการนั่งนิ่งๆบนเครื่องบินโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย พี่เหมียวเธอดูดีใจกว่าผมซะอีกที่ได้กลับไทย เธอก็คงคิดถึงครอบครัวจริงๆ น่าอิจฉานะ ที่เธอยังมีครอบครัวให้คิดถึง
ไฟลท์ขากลับของผมคือตอนประมาณเที่ยงคืนของพรุ่งนี้ ตอนนี้ก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว ผมเก็บของเข้าที่พัก รู้สึกมึนๆเพราะอาการแจ็ทแล๊กจากตอนที่ลงเครื่องบินมานิดหน่อย


“บอสไปงานที่โรงแรม CCV ไหวรึเปล่า สีหน้าบอสดูไม่ค่อยดีเลยนะ ถ้าไม่ไหวยังไงก็ยกเลิกไปก่อนก็ได้นะคะ งานต้อนรับเนี้ยมันก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอกคะ คนเขาคงเข้าใจกันนะว่าบอสเหนื่อย”

“..ผมคงโดนด่าจนเละแน่ๆ ..อาจจะโดนวิพากษ์วิจารณ์หนักกว่านี้ด้วยนะ ผมไม่เป็นไรหรอก แค่เมาเครื่องเอง ไปให้คนเห็นหน้าสักพักค่อยกลับมาพักก็ได้”

“เฮ้อ ..ตามใจนะคะ ถ้าไม่ไหวก็บอกพี่นะ”


21.05 น.

กว่าผมจะมาโผล่ในงานได้ ก็ทำเอาหลายคนไม่พอใจ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สายตาของพวกเขานี่ .. ทำเอาผมอธิบายไม่ถูกไปเลย

พิธีกรพูดตามไปตามหน้าที่ของเขา ผมขึ้นไปพูดแนะนำตัวและอวยพรแก่ทุกคน  จากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ ผมเดินทักทายผู้บริหารบางคน และบางคนก็เข้ามาทักผมทั้งที่เราไม่ได้รู้จักกันด้วยซ้ำ แต่ก็นะ.. สังคมแบบนี้ ทุกคนก็ต้องยิ้มให้กันอยู่แล้ว ถึงผมรู้ว่าพวกเขากำลังเลื้อยขาเก้าอี้ของผมอย่างเงียบๆก็เถอะ


เฮ้อ.. น่าเบื่อชะมัด เพราะมันน่าเบื่ออย่างนี้ไง ผมถึงไม่ค่อยชอบมางานแบบนี้กับพ่อสักเท่าไหร่นัก ในระหว่างที่ผมยืนเบื่อๆอยู่มุมนึงของงาน จู่ๆก็มีเด็กหญิงคนนึงวิ่งเข้ามาหาผมอย่างเร็ว เธอวิ่งมากอดผมอย่างแรงจนผมแทบเซ

“พี่โรม !!”

“คินรดา ?” ใบหน้าเล็กๆนั่นเปื้อนรอยน้ำตาไปหมด จนผมตกใจ

ผมทรุดตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับเธอ ก่อนที่จะปาดน้ำตาบนแก้มเนียนนั่นออกไป ..สังเกตได้เลยว่าแก้มเธอยังมีรอยแผลเป็นจางๆอยู่ ..เพราะความโง่ของผมคนเดียวเลย

“น้องดามากับใครเหรอครับ”

“หนู..ฮึก..ฮืออออ คิดถึงพี่โรมมากเลย..”

“พี่ก็คิดถึงน้องครับ ..แล้วตกลงน้องดามากับใครครับ” ผมพยายามปลอบเธอให้หยุดร้องซะก่อน คินรดาโตขึ้นมาก ตอนนี้เธอคง 6 ขวบแล้วสินะ ผมดีใจที่เธอยังจำผมได้ เธอโตเป็นเด็กที่น่ารักมากขึ้นกว่าเดิม และมีโครงหน้าที่คล้ายคลึงกับรินดาพอสมควร

“..มากับพ่อคะ..อึก..”

“น้องดารู้ไหมครับว่าเวลาร้องไห้น่ะ ..ผู้หญิงจะดูไม่สวยเลยนะ” คินรดาส่งยิ้มให้ผม ..เธอเป็นเด็กที่ไม่ว่าใครเห็นก็หลงเอาได้ง่ายๆ

“คะ..” เธอปาดคราบน้ำตาออกไป พลางพูดกับผมเสียงเครือ

“พี่โรมจะกลับมาถึงเมื่อไหร่เหรอคะ..” 

“คงจะแค่พรุ่งนี้ครับ ..แต่พี่จะกลับมาเยี่ยมน้องดาบ่อยๆนะ”

“สัญญาแล้วนะคะ”

“..ครับ..”

 เธอพูดถามผมหลายอย่าง สักพักก็มีคนมารับเธอกลับไปเพราะดึกมากแล้ว .. ส่วนผมก็ยังคงวนเวียนอยู่ในงานสักพักนึง ก่อนที่จะปลีกตัวออกมานอกงาน เพราะรู้สึกมึนหัวกับจำนวนคนในงาน


ผมยกบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ..ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่ได้ดีกับร่างกายของผมเลย แต่ในเวลาเครียดๆและน่าเบื่อแบบนี้มันช่วยผมได้เยอะเลยทีเดียว

เมื่อไหร่จะจบสักทีนะ .. ผมรู้สึกเหมือนมีคนเดินมายืนอยู่ด้วย แต่ผมไม่ได้สนใจใยดีเข้าสักเท่าไหร่นัก ก็อาจจะเป็นแขกสักคนในงาน

“เฮ้ย..” ผมร้องออกมา เมื่อจู่ๆใครก็ไม่รู้มาแย่งบุหรี่ที่ผมกำลังจะสูบไปจากมือผม มันเป็นการกระทำที่เสียมารยาทมากนะ

“มันเสียมารยาทนะ สูบบุหรี่ในที่ปลอดบุหรี่แบบนี้”

“เฮ้อ...แล้วคุณเกี่ยวอะไร..”

ผมหันไปจะด่าเขา แต่ก็ต้องชะงักไป .. ผมนึกว่าเขาจะกลับไปพร้อมกับคินรดาแล้วซะอีกนะ ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่ออีกทำไม

“ยังสูบบุหรี่อยู่อีกเหรอ”

“...”

“กลับมาก็น่าจะโทรมาบอกกันบ้างนะ”

“แล้วไงอ่ะ จะโทรหรือไม่โทรมันก็ไม่เกี่ยวกับพี่ป่ะ”

“ใช่ ..มันไม่เกี่ยว..” น้ำเสียงของเขาสลดลงจนผมรู้สึกผิดเอง และเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย

“รินดาเป็นไงบ้าง”

“เธอสบายดี ..แล้วโรมละเป็นไงบ้าง”

“ก็ปกติดี ชีวิตมันก็เรื่อยๆอ่ะ พี่อ่ะ..ชีวิตหลังแต่งงานเป็นไงบ้าง”

“ห้ะ ? โรมว่าใครแต่งงานนะ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเขาปะปนไปด้วยความตกใจ

“ก็พี่ไง พี่แต่งงานกับรินดาไม่ใช่เหรอ”

“โรมจะบ้าเหรอ พี่ไม่ได้แต่งงานกับรินดา”

“อ้าว ก็ไหนสีครามบอกว่าพี่จะแต่งงาน ?”

ให้ตาย.. ผมรู้สึกเหมือนโดนไม้หน้าสามฟาดหน้าเลย ทั้งมึนและงงผสมปนเปกันไปหมด คีย์เองก็ดูสับสนเหมือนกัน ผมกำลังคิดในใจว่า มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นอีกรึเปล่า ? ทำไมผมเหมือนคนหน้าโง่เข้าไปทุกที


“สีครามบอกโรมงั้นเหรอ ? ” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ซึ่งนั่นก็ทำให้คีย์ถอนหายใจอย่างหน่ายๆ

“มันบ้าจริงๆนะ พี่คิดว่าเขาจะป่วนพี่คนเดียวซะอีก นี่เขาป่วนโรมด้วยเหรอ”

“อืม ..และผมก็โง่ไปเชื่อเขาด้วยนะ ไม่รู้ว่าผมจะเสียเวลาที่เครียดไปทำไม”

“..โรมเครียดที่พี่จะแต่งงานเหรอ ?” แวบนึงนะ..ผมเห็นดวงตาของเขามันเปล่งประกายราวกับมีความหวัง จนผมรู้สึกขำ

“ยิ้มทำไมอ่ะ”

“เปล่า ..ผมไม่ได้ยิ้ม” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้นะว่าผมกำลังยิ้มอยู่จริงๆ ก็ผมขำเขาอ่ะ

“อืม ไม่ได้ยิ้มเลยนะ”

“รู้สึกดีเหรอที่พี่ไม่ได้แต่งงาน” เขาถามผม นั่นทำให้ผมนิ่งคิด.. ตอนที่เขาบอกว่าไม่ได้แต่งผมก็รู้สึกโล่งจริงๆนะ เหมือนยกอะไรที่หนักๆออกจากหัวใจไป..

“ถ้าเขินอ่ะ ไม่ต้องให้คำตอบก็ได้นะ” พูดจบคีย์ก็หัวเราะ จนผมอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ เขามันหลงตัวเองเกินไปนะ

“พี่จะบ้าเหรอ ใครเขาจะเขินพี่ อย่าหลงตัวเองดิ”

“หึ .. เชื่อก็ได้ แล้วนี่โรมจะมากี่วันอ่ะ”

“ถึงเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้อ่ะ”

 “ทำไมกลับเร็วจัง ไม่เหนื่อยเหรอ”

“ก็เหนื่อยนะ แต่จองไฟลท์ไปแล้ว ทำไงได้”

“งั้นพรุ่งนี้ไปเที่ยวกันป่ะ”

“..คงไม่ได้อ่ะ ผมต้องทำงานในบริษัทก่อน ที่ผมกลับมาก็เพราะมาเคลียร์งานนะ.. คงไปเที่ยวไม่ได้หรอก”

“ดีแล้ว... อย่าหักโหมทำงานมากนะ จะป่วยเอา” ถึงเขาจะพูดออกมาว่าดีแล้ว ..แต่แววตาของเขามันไม่ได้รู้สึกดีไปด้วยเลยนะ เขาไม่เคยเก็บอาการและความรู้สึกของเขาได้เลย

“แต่ตอนเย็นเราก็ไปหาไรกินด้วยกันก่อนผมกลับก็ได้นะ”

“เอางั้นก็ได้ ไว้พี่จะเข้าไปรับในบริษัทนะ”

คีย์ส่งยิ้มบางๆให้ผม ก่อนที่เขาจะก้มลงมองนาฬิกา ซึ่งบอกถึงเวลาที่ล่วงเลยมาจนดึกมากพอสมควร คนในงานก็เริ่มลดลงไปแล้ว ผมคิดว่าจะกลับก่อนเพราะรู้สึกเหนื่อยๆ คีย์เลยอาสาจะส่งแขกแทนผม เพราะเขาก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนผมเหมือนกัน มันคงจะดูน่าเกลียดพอสมควรถ้าหากไม่มีใครสักคนอยู่ส่งแขกบ้าง

......


พอถึงถึงโรงแรม ผมก็อาบน้ำและเข้านอนแทบจะทันที เพราะความเหนื่อยอ่อนทำให้ผมหลับเป็นตาย ตื่นมาอีกทีก็เกือบเที่ยงของอีกวันแล้ว และนี่เป็นความซวยของผม เพราะมันไม่มีบริษัทไหนที่เขาเข้าทำงานกันตอนเที่ยงหรอกนะ

มันก็เป็นอีกวันที่ผ่านไปด้วยความน่าเบื่อพอสมควร ก็แค่ทำงานและนั่งอยู่บนเก้าอี้เฉยๆให้ปวดหลังเล่นๆ จากนั้นก็นั่งฟังประชุมงานต่างๆที่ทุกคนตั้งใจเสนอกันเต็มที่ แต่ต่อให้ทุกคนพยายามกันขนาดไหน มันก็น่าเบื่อสำหรับผมอยู่ดี


ราวๆสี่ห้าชั่วโมงมาแล้วที่ผมนั่งเซ็นต์เอกสารอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ขยับไปไหนเลย จะบ้าตายจริงๆกับไอ้ตัวอักษรที่วิ่งเป็นพันๆคำในหัวผม เฮ้อ..


ก๊อก ก๊อก

“ใครครับ ?”

“เหมียวเองคะ”

“อ้อ เข้ามาได้เลยครับ”

“บอสคะ มีหุ้นส่วนมาขอพบค่ะ จะให้รออยู่ก่อนหรือเข้ามาเลยคะ ?”

“ใครเหรอครับ ?” เธอทำหน้าอึกอักเล็กน้อย จนผมต้องถามซ้ำ

“ใครมาครับ ?”

“คุณคีย์คะ..” เสียงเบาหวิวดังออกมาจากปากของเธอ นี่เธอกลัวอะไรรึเปล่า

“ให้เขาเข้ามาเลยก็ได้ครับ”

“เอ่อ..คะ”

“..วันนี้พี่จะกลับก่อนก็ได้นะ ผมมีนัดกับเขา ..ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้พาเที่ยวกรุงเทพ”

“..คือ.. โรมดีกับเขาแล้วเหรอคะ”

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ”

“โห ! ไม่เชิงอะไรกันคะ มีนัดกันแบบนี้อ่ะ คงชัดเจนได้แล้วมั้งคะ”

“ได้ข่าวว่ามีหุ้นส่วนรออยู่รึเปล่าครับ พี่ไม่ควรจะปล่อยให้เขารอนานนะ” ผมพูดกับเธอยิ้มๆ ซึ่งเธอก็หน้าเจื่อนๆไปและยิ้มกลบเกลื่อนไป ก่อนที่จะไปตามคีย์ให้เข้ามารอด้านใน


“ยังทำงานไม่เสร็จเหรอ ?”

“อือ” ผมพูดทั้งที่กำลังก้มหน้าเซ็นต์เอกสารอยู่ แค่เสียงก็คงไม่ต้องเดาหรอกว่าคนที่เข้ามาใหม่เป็นใคร

“ความจริงก็เสร็จแล้วแหละ เอากลับไปทำที่นู้นก็ได้ แต่อยากทำให้พนักงานเห็นว่าขยันแค่นั้นแหละ ” ผมพูดความจริงนะ งานพวกนี้มันไม่ได้สำคัญถึงขนาดที่จะต้องรีบทำวันนี้ให้เสร็จหรอก


“หืม.. แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จละ” คีย์ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟารับแขก

“ไม่รู้ดิ จนกว่าผมจะเหนื่อยมั้ง” ไม่รู้ทำไมจู่ๆผมก็อยากกวนประสาทเขาขึ้นมา

“งั้น...”

“งั้นอะไร ?”

“เรามาหากิจกรรมที่ทำให้เหนื่อยเร็วๆกันดีไหม ?”

“พี่จะบ้าเหรอ ! ” เขานี่มัน.. เป็นพวกที่กวนประสาทด้วยไม่ได้เลยสินะ

“ก็กิจกรรมประมาณแบบวิ่ง หรือไม่ก็ออกกำลังกาย แล้วคิดอะไรอยู่เหรอ ? คิดว่ามันควรจะเป็นกิจกรรมแบบไหนเหรอ ?”

“แล้วพี่จะวิ่งในบริษัทรึไงเล่า !”

อ่า..เวรเหอะ หน้าผมมันร้อนไปเลยตอนนี้ แล้วยิ่งสายตาที่เขาจ้องมาจนแทบจะมองความคิดผมออกทุกอย่างนั้น... มันบ้าจริงๆเลยนะ

พวกเราเสียเวลากับการเถียงที่ไร้สาระไปนานพอสมควร กว่าจะเก็บของและออกมาจากบริษัทได้ ผมเอากระเป๋าเดินทางมาด้วยเพราะเที่ยงคืนนี้ผมก็คงต้องกลับแล้ว บอกตรงๆนะ..บางทีผมก็รู้สึกใจหายเหมือนกันที่ไม่ได้กลับบ้านเลย แถมยังไม่ได้ไปเยี่ยมอาอย่างที่หวังไว้อีก ตารางงานมันแน่นจนผมไม่มีเวลาที่จะหายใจเลยด้วยซ้ำ


“แล้วเราจะไปไหนกันอ่ะ” ผมถามเขา เมื่อเห็นเขาขับรถมาสักพัก

“แล้วโรมอยากไปไหนอ่ะ” ถามผมกลับแบบนี้แล้วจะให้ผมตอบว่าไงอ่ะ ไม่กลับมาสามปี กรุงเทพเจริญขึ้นจนผมสับสนเส้นทางไปหมดแล้ว

“ที่ไหนก็ได้ ผมจำไม่ได้หรอกว่ามีที่ไหนบ้างที่น่าเที่ยวในกรุงเทพ” รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้าของคีย์


เฮ้อ...บางทีถ้าผมทำได้นะ ผมอยากจะเก็บช่วงเวลาแบบนี้ใส่ขวดเอาไว้แล้วเอาไปทุกที่ด้วยจัง ถ้าเกิดว่าวันไหนที่ผมรู้สึกแย่ๆ ผมจะได้รู้ว่าช่วงเวลาที่มีความสุขมันมีค่ามากแค่ไหน

“แล้วอาการพี่เป็นไงบ้างอ่ะ หมอพฤษว่าไงบ้าง” เมื่อบรรยากาศมันเริ่มเงียบๆ ผมถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ใช่อยากตอกย้ำเขาหรอกนะ แต่ผมอยากรู้ว่าเขาก้าวออกมาจากความทุกข์นั่นรึยัง ผมหวังว่าสามปีที่ผ่านมา เขาจะคิดและตระหนักหลายๆอย่างได้มากขึ้น

“ก็เรียกได้ว่าหายแล้วนะ อาการไม่กำเริบ ไม่มีภาวะซึมเศร้า ก็ปกติในระดับนึงแล้วแหละ แค่ต้องไปเช็คที่โรงพยาบาลบ่อยๆ” ความโล่งใจเกิดขึ้นกับผม เมื่อเขาเล่ามันโดยที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาแปลกๆ เล่าเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาเรื่องนึงที่จะพูดกับใครๆก็ได้

ทั้งหมดมันส่งผลดีกับตัวเขาทั้งนั้น ถ้าเขาเลิกมองมันเป็นสิ่งเลวร้าย และพยายามปรับตัวที่จะอยู่กับมันให้ได้ สำหรับผมเขาก็คือคนปกติที่ไม่ได้เป็นอะไรมากมายไปกว่าผู้ชายอารมณ์ร้อนคนหนึ่ง
 

“เดี๋ยวนะ ..พี่พาผมมาเที่ยวนี่หมายถึงที่นี่เหรอ” คีย์พยักหน้าแทนคำตอบ ผมเลยต้องลงจากรถตามเขาไป

“เอ่อ.. พาผมมาที่แน่น้ำเจ้าพระยาเนี้ยนะ ?”

“อืม..ใช่”

“โห..โคตรจะโรแมนติกเลยพี่”  ผมได้ยินเขาหลุดหัวเราะออกมา ถึงผมจะพูดอย่างนั้น แต่ในใจผมไม่ได้คิดอย่างงั้นหรอก

แม่น้ำเจ้าพระยาก็สวยดีนะ

ยิ่งเวลามีแสงสีทองจากไฟมากระทบแม่น้ำก็สวยไปอีกแบบ


“เวลาพี่เครียดๆ พี่ชอบมาอยู่ที่นี่นะ..มันทำให้พี่สบายใจมากขึ้น”

“..”

“พี่อยากพูดขอโทษโรมอีกนะ และพี่พูดมันเป็นครั้งสุดท้าย เพราะนับจากตอนนี้พี่จะไม่ทำโรมเสียใจอีก และไม่ว่าโรมจะตัดสินใจยังไง พี่ก็จะอยู่ข้างโรมเสมอนะ โรมจะเกลียดพี่ไปก็ได้..พี่ไม่ว่าหรอก และถ้าโรมจะมีคนใหม่..”

“...”

“..ต้องหาคนที่รักโรมให้ได้มากกว่าพี่นะ.. พี่ถึงจะยอมให้โรมมีคนใหม่ ..”


... คนโง่ .. ยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะมีคนใหม่ ทำไมต้องตัดสินใจคนเดียวด้วย..ไม่รู้เหรอว่าคนฟังก็เจ็บเป็นเหมือนกัน

“พี่นี่ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”

“..ชอบตัดสินอะไรเองคนเดียวอยู่เรื่อยเลย ..ผมไม่เคยพูดสักคำว่าจะมีคนใหม่..”

“..”

“...ตั้งแต่คบกันมามีสิ่งนึงที่เรายังไม่เคยทำ..”

“..”

“เราไม่เคยบอกเลิกกันเลยนะ ...ต่อให้มันจะเลวร้ายแค่ไหน ..แต่ผมไม่เคยได้ยินพี่บอกเลิกผมเลย.. แล้วพี่จะให้ผมทิ้งพี่ไปมีคนใหม่ได้ไง..”

“..”

“พี่อย่าทำให้ผมต้องเป็นคนเลวดิ..ผมไม่ชอบเป็นคนเลวเลยนะ”

“..ขอบคุณนะ..” น้ำเสียงเขามันกำลังสั่น.. ถึงเขาจะพยายามควบคุมมันแล้วผมก็ยังฟังออก

“ขอบคุณเหมือนกัน..” 

ผมรู้ว่าพวกเราต่างก็รู้ว่าเรารักกันมากแค่ไหน ถึงแม้จะไม่มีสักคนที่พูดคำว่ารักออกมา ..สำหรับผมแล้วการกระทำสำคัญกว่าการพูดทุกอย่าง เราต่างก็มีบาดแผลของตัวเองที่ต้องเจ็บปวดไปกับมัน เพียงแค่ผมโชคดีที่เรียนรู้จากบาดแผลนั้นได้ดี แต่คีย์เขาต่างจากผม..และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ ในวันที่เขาล้ม ..ผมไม่ใช่คนที่จะล้มไปกับเขา ผมอยากจะเป็นคนที่ช่วยพยุงเขาขึ้นมา .. ต่อให้มันยากแค่ไหน..แต่เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัยซึ่งกันและกัน

นั่นเป็นสิ่งที่ความรักสอนเรา


.....


23.00 น.

คีย์กำลังเดินมาเป็นเพื่อนผมขึ้นเครื่อง เขาดูเศร้าลงไปอย่างชัดเจน..ที่ผมรู้ก็เพราะเขาไม่เคยเก็บความรู้สึกได้เลย ทุกอย่างมันฉายออกมาในแววตาของเขา

“พี่เคยเขียนในโปสการ์ดไว้ว่ามีของอยากให้ผมถ้าผมกลับมาไทย” ผมพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ถึงข้อความที่เขียนอยู่ในโปสการ์ดแผ่นนึง

“อ้อ..” พูดจบเขาก็หยุดเดินจนผมต้องหยุดเดินด้วย

“ทำไมเหรอ พี่ลืมรึเปล่า ?”

“เปล่า..โรมหลับตาก่อนดิ”

“ไม่เล่นนะ เดี๋ยวตกเครื่องขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบผม”

“อืม..ไม่เล่นก็ไม่เล่น” เขาเดินต่อโดยไม่สนใจผม และผมต้องเป็นฝ่ายรั้งเขาเอาไว้

“เฮ้ยย... อย่างอนดิ เล่นก็ได้” ผมหลับตาลงตามที่เขาบอก

คีย์จับมือผมไว้ ก่อนที่จะสวมสร้อยบางอย่างให้กับผม .. เฮ้อ.. หัวใจผมมันเต้นแรงจนเจ็บไปหมดเลย

“เปิดตาดิ”

ทันที่เปิดตาผมก็สัมผัสสร้อยที่กำลังสวมอยู่ทันที .. มันเป็นสร้อยสีเงินสะอาด แต่สิ่งที่ทำให้ผมตะลึงไม่ใช่แค่สร้อยหรอก มันเป็นแหวนที่แขวนอยู่กับสร้อยต่างหาก


“นี่พี่ไปได้มันมาจากไหนเนี้ย ?”

“ก็ไม่รู้ใคร เอาแหวนไปจำนำไว้และไม่ยอมไถ่กลับมา ..” คำพูดของเขามันชวนขำก็จริง แต่ผมขำไม่ออกเลย มันเหมือนมีอะไรตื้นๆมาติดอยู่ที่คอจนพูดไม่ออก ผมลืมแหวนนี่ไปแล้วนะ..ลืมไปด้วยซ้ำว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่พ่อแม่ผมให้ไว้

“..พี่...”

“ห้ะ ?”

“...”

“เรียกแล้วทำไมไม่พูด.. มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆได้เลยนะ”

“..ทำไมพี่ไม่รั้งผมไว้เลยละ”

“..ก็ถ้ารั้งแล้วโรมจะไม่ไปรึเปล่าละ ... พี่เคารพการตัดสินใจของโรมเสมอ ไม่ว่าโรมจะไปหรือไม่ไป ยังไงพี่ก็รักโรมอยู่ดี เวลามันไม่มีผลกับหัวใจพี่หรอก”

“อืม..”  พอเดินด้วยกันสักพัก เขาก็หยุดเดินทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง

“โชคดีนะ ..เดินทางดีๆ ดูแลตัวเองด้วย ...พี่คงส่งแค่นี้แหละ..”

“พี่ด้วยนะ..ดูแลตัวเองด้วย”

“...รักโรมนะ..”

“...”

...ผมไม่ได้บอกรักเขากลับอีกแล้ว .. เลือกที่จะหันหลังและเดินออกมาห่างจากเขาพอสมควร..
 
.
.
.

….กึก..
 
เสียงกระเป๋าเดินทางที่ดังขึ้นเพราะผมหยุดเดิน.. ถ้าหากนี่เป็นการที่ผมตัดสินใจเอง.. ผมก็ขอให้มันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของผม ผมหันหลังกลับและวิ่งไปหาเขา ...มันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอด ผมอยากกอดเขาให้นานเท่ากับเวลาที่ผมเสียไป 
 
“ผม..ฮึก...รักพี่นะ..”

“ ..ครั้งหน้า.. ถ้าผมกลับมา..พี่ต้องสัญญานะว่าจะรั้งผมไว้.. เพราะครั้งหน้า..ผมจะให้พี่ตัดสินใจ..”

“..โรมก็รู้อยู่แล้วนิ..ว่าพี่จะเลือกอะไร”

-  THE END  -








---------------------------------
ความรู้สึกตอนได้เขียนคำว่า the end นี่ก็ทั้งหน่วงทั้งดีนะคะ
เกือบๆ 2 เดือนที่อยู่กับตัวละครที่สับสนในตัวเอง
อ่านคอมเม้นท์จนคิดว่าจะเปลี่ยนพลอตจบอยู่หลายครั้ง แต่ทำไม่ลง
ถ้าจบเเบบที่นักอ่านต้องการ (Bad ending) ทำไม่ได้จริงๆคะ
รู้สึกว่าถึงพาร์ทในส่วนดีๆของคีย์จะน้อย แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนเลวจริงๆนะ
มันใจร้ายเกินไปที่จะทิ้งตัวละครตัวนึงไปเลย (ที่ใจร้ายกับโรมนี่.. อีกเรื่องนะ 5555)
จบแบบนี้อาจมีหลายคนไม่ชอบเนอะ แต่ไม่เป็นไร 55555 นักเขียนยอมโดนด่าแทนคีย์เอง
นิยายเรื่องแรกที่เเต่งจบ ทั้งดีใจและเสียใจที่เเต่งจบ
ดีใจที่สามารถจบได้ เสียใจที่ไม่ได้เขียนเรื่องราวของสองคนนี้อีก
เรื่องตอนพิเศษนี่..ยังไม่มั่นใจนะคะว่าจะเเต่งรึเปล่า
แต่เรื่องต่อไปที่จะเเต่งเป็เรื่องราวของ หมอพฤษ กับ โซ่ (ตัวละครที่ไม่มีบทบาทในเรื่องนี้) นะคะ
จะไม่ดราม่า าอจมีบ้าง แค่ไม่มากเท่าเรื่องนี้ ไม่หน่วง(มั้ง) 5555
สุดท้ายนี้ก็ดีใจนะคะ ที่มีคนคอยติดตามอยู่ตลอด ทั้งติชมและด่าตัวละครกันอย่างเมามัน 55555
ขอบคุณจากใจที่อินไปกับตัวละคร ขอบคุณมากๆนะคะที่ติดตามเสมอ
รอคนเขียนสอบไฟนอลเสร็จก่อนเนอะ ถึงจะได้เปิดเรื่องใหม่ รักนะคะ ฝันดี
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-02-2015 23:22:01
เคารพทุกการตัดสินใจจ๊ะ เลือกเอาที่สบายใจเถอะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 25-02-2015 23:32:11
ก็โอเคนะคือโรมได้เลือกเอง
บางครั้งอะไรๆก็ไม่เป็นไปตามที่เราต้องการหรอก
เช่นครอบครัวที่สามีตีภรรยาแล้วภรรยาก็ไม่ยอมไป
คนนอกอย่างเราก็ได้แต่โกรธกร่นด่าว่าทั้งผัวทั้งเมียว่าโง่
แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้งคู่หยุดไม่ได้เลิกกันไม่ได้เลิกกระทำไม่ได้
ใครบอกยังไงก็ทำไม่ได้จนวันหนึ่งที่ตัดสินใจเอง

อยากรู้ว่าสีครามมันไปป่วนที่ไหนแล้ว เจออะไรบ้าง
เราว่าโรมที่รู้เรื่องราวความเป็นไปแล้วก็น่าจะรับมือกับปัญหาต่างๆที่มากับโรคของคีย์ได้ดีขึ้น

ยินดีด้วยค่ะที่เขียนนิยายได้จบนะคะ
ขอให้มีการพัฒนายิ่งๆขึ้นไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-02-2015 00:11:40
จบแว้ววว. หน่วงกระทั่งตอนสุดท้ายจริงๆ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 26-02-2015 00:29:26
แอบลุ้นตล๊อดด ลุ้นทั้งเนื้อเรื่องและลุ้นกับคนแต่งด้วยค่ะ ดีใจที่ในที่สุดคุณเลือกจะเขียนแบบตัวคุณเอง เอาคอมเม้นท์มาปรับใช้กับเนื้อเรื่องเป็นเรื่องดีค่ะ แต่อย่าต้องเปลี่ยนเรื่องเพราะคอมเม้นท์เลย ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ และขอให้เขียนนิยายต่อไปเรื่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 26-02-2015 00:41:48
น้ำตาจะไหล แบบนี้ดีล่ะ :mew6:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 26-02-2015 11:25:11
 o18  ถือว่าจบได้ดีมากๆ  ความเกลียดที่มีต่อคีย์ หายไปเลย เข้าใจและเห็นใจทั้งคู่

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะจ๊ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 26-02-2015 13:50:52
อยากให้มีตอนพิเศษจัง ขอหวานๆๆๆน้าาา
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-02-2015 16:12:48

หน่วงเกือบทั้งเรื่อง

แต่อย่างน้อยตอบจบก็.....

จบอย่างเข้าใจกัน

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lowlyyy ที่ 26-02-2015 20:33:37
พอดีว่าได้เขามาอ่านเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ ตอนแรกๆดราม่าใหญ่อ่ะ :mew5:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :pig4:

 :L2: :กอด1: :L2:

หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 26-02-2015 21:35:24
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 26-02-2015 23:19:26
ซึ้งมาก..
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 27-02-2015 10:58:04
สนุกมากเลย  ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 27-02-2015 15:33:20
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ นะคับ

  :pig4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 28-02-2015 01:44:18
ขอบคุณสำหรับ มาม่าและของหวานตบท้ายคะ  :-[
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 28-02-2015 03:27:42
เนื้อหาช่วงมาม่ามันยังไม่ค่อยชัดเจนหรือไม่เคลียเท่าไหร่คือยังงงๆบ้าง และยังไม่ค่อยเข้าถึงอารมสักเท่าไหร่ แต่สนุกมากคับ
เป็นกำลังใจให้นะคับ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 28-02-2015 07:10:57
 o13
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 28-02-2015 08:17:06
อ่านสนุกดีค่ะ แต่ไม่อินเท่าไหร่ ไม่เห็นการพัฒนาของตัวละคร
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 28-02-2015 10:47:06
ดีใจที่จบแบบ Happy แต่เค้าอยากได้ตอนพิเศษที่มีความหวานมาเพิ่มอ่ะ!!!! :katai1:

ขอตอนพิเศษเถอะนะขอรับ  :call:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน ฝากเพจและพูดคุยเล็กๆน้อยๆคะ 28/02/2558
เริ่มหัวข้อโดย: สองโซ่แซ่กุญแจมือ ที่ 28-02-2015 16:50:08
เข้ามาฝากเพจคะ 555
ตอนนี้กำลังเเต่งเรื่องใหม่อยู่ (ชีวิตว่างมาก 55)
สำหรับตอนพิเศษของเรื่องนี้นะคะ กำลังคิดว่าจะทำเป็นตอนที่ย้อนไปในอดีตว่าสองคนนี้พบกันเเล้วรักกันได้ไง
ก็เลยอยากถามว่านักอ่านโอเครึเปล่า (ยังบอกไม่ได้เนอะว่าจะเเต่งเมื่อไหร่ แต่คงเร็วๆนี้แหละคะ)
แล้วสำหรับเรื่องใหม่นะคะ เป็นเเนวของนักศึกษาแพทย์กับเเพทย์คนนึง
น่าจะเปิดเรื่องภายในอาทิตย์นี้นะคะ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร   
ขอบคุณนะคะ ทุกคอมเม้นท์และทุกคำแนะนำ จะนำไปปรับปรุงกับนิยายเรื่องถัดไปให้มากที่สุดเลยค่ะ
 
เเละสำหรับเพจนะคะ [Semi-Song]
https://www.facebook.com/pages/Semi-Song/789676497775079?ref=hl (https://www.facebook.com/pages/Semi-Song/789676497775079?ref=hl)

 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 28-02-2015 22:28:35
เราอยากให้มีตอนแทรกก่อนตอนจบจังเหมือนๆมันข้ามๆไงไม่รู้
เราไม่ค่อยสมผัสความโหยหาของสองคนนั่นซักเท่าไหร่
พอตอนจบก็โป๊ะ! คิดถึงกันมากๆ ก็เลยกลับมาคบกัน
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: McKnight ที่ 13-03-2015 15:25:41
สนุกมากครับ

ทุกคนต่างก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง
แต่สุดท้าย หากคู่กันยังไงก็ได้คู่กันแหละเน๊อะ
ชอบตอนจบของเรื่องนี้มากครับ มันรวมครบทุกอารมณ์ เหมือนสิ่งที่รอคอยมาถึงซักที


ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 14-03-2015 01:31:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: noonuikha ที่ 14-04-2015 00:39:56
ขอบคุณพี่คนเขียนนะคะ ที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่าน
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: teamkoyza ที่ 08-05-2015 19:53:03
รัก คำเดียว ให้อภัยได้ทุกอย่าง
ขอบคุณสำหรับ นิยายสนุกๆ หน่วงๆ ดราม่าๆ และแฮปปี้เอนดิ้ง
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 15-05-2015 02:18:58
จบแบบนี้แหละ ดีแล้วค่ะ ทั้งสุขทั้งซึ้งเศร้าๆปนกันไป
ถ้าจะมีตอนพิเศษหวานๆตบท้ายด้วยจะครบรสค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: janeyuya ที่ 16-05-2015 10:32:16
ยังไม่เข้าใจเคย์อยู่ดี มันมีเหตุผลอะไรที่เคย์กับคีย์ต้องไม่ถูกกันถึงขนาดสั่งฆ่า
อยากรู้เรื่องเกมที่สองพี่น้องพนันกันด้วย เรื่องอาดนัยของโรมก็ดูไม่เคลียร์
แต่เรื่องคีย์กับโรมเราเคลียร์แล้ว5555555" ดีใจที่จบแบบแฮปปี้
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 04-01-2016 19:40:40
ชอบโปสเตอร์การ์ดที่คีย์ส่งให้อ่ะ
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 05-01-2016 22:30:27
หน่วงจนสุดท้ายจริงๆ คู่นี้จะมีหวานกันบ้างไหมเนี่ย ฮือๆๆๆๆ อยากให้มีตอนพิเศษหวานๆน้า :ling1:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 06-01-2016 22:30:44
อ่านจบแล้วววว!!! นั่งอ่านยาวๆทั้งคืน ไม่คิดว่าจะดราม่าขนาดนี้ :hao5:
สนุกมากจ่ะ อ่านไปนั่งกุมขมับไป 555
ชอบตอนจบมาก ดูลงตัวดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป
อยากได้ตอนพิเศษหวานๆยาวๆซักตอน เครียดมาทั้งเรื่องแล้ว :impress:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 07-02-2016 02:15:48
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 28-06-2017 21:05:54
เรื่องนี้เขียนได้ดีนะค่ะ ให้อารมความรู้สึกดีมากเลย แต่ความหวานน้อยมาก  อยากให้มีตอนพิเศษเพิ่มจัง
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 12-06-2021 01:48:12
 :-[
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 25-03-2024 20:01:27
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 42บ./1วัน กด *104*68*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)
หัวข้อ: Re: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 26-03-2024 21:07:15
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)