Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 5 : My hands, they're strong but my knees were far too weak
นับตั้งแต่วันที่เขาคุยกับสีคราม คีย์ก็ดูเครียดขึ้น จนผมไม่อยากจะพูดอะไรมากมาย วันนี้ผมต้องเก็บของ เพราะตอนเย็นผมกับเขาต้องนั่งรถไปเชียงใหม่ ทั้งๆที่ผมบอกว่าให้นั่งเครื่องไป มันจะเหนื่อยน้อยกว่า แต่เขาก็เลือกที่จะขับรถไปอยู่ดี
“มึงอยู่จัดของไปก็ได้ กุญแจสำรองตั้งอยู่บนโต๊ะ เดี๋ยวกูเข้าไปดูงานในบริษัทก่อน”
ผมก้มหน้านิ่งจัดกระเป๋าต่อไป จนเขาเลิกสนใจและเดินออกไป
ผมแค่กำลังคิด.. คิดและตัดสินใจบางอย่าง
เพราะผมไม่ได้ขนอะไรออกมามากมายตอนที่ออกมาจากบ้าน มันทำให้ผมแทบไม่ต้องเก็บอะไรมากมายด้วยเช่นกัน ผมเดินไปหยิบกุญแจสำรองที่ตั้งอยู่บนโต๊ะที่เขาบอก ก่อนจะออกจากห้องไป
ผมเลือกนั่งแท็กซี่มาลงที่ร้านทำแหวนร้านหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดสักเท่าไหร่
“สวัสดีครับ มาทำอะไรเหรอครับ ?”
ผมไม่แน่ใจว่าผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าเคาเตอร์ เขาเป็นเจ้าของร้านหรือเป็นพนักงานกันแน่
“มาขายแหวนครับ”
“อ้อ งั้นขอดูแหวนก่อนได้ไหมครับ ?”
ผมยื่นแหวนสีขาวสะอาดไปให้เขา ยืนมองเขาก้มๆมองๆแหวนวงนั้นอยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะทำตาโตและหันมาพูดกับผม
“โห.. จะขายจริงๆเหรอครับ ผมคิดว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าขายมันจะดีกว่านะครับ เพราะแหวนวงนี้คงเป็นแหวนสั่งทำที่หาได้ยากมากเลยนะครับ”
“..ราคามันเท่าไหร่เหรอครับ ?”
“อันนี้มันแล้วแต่คุณลูกค้านะครับ เพราะว่าทางร้านเรามีโปรโมชั่นให้เลือก ถ้าเกิดว่าคุณลูกค้าจะรับเงินครึ่งนึง ก็จะมาผ่อนแหวนคืนทีหลังได้ครับ แต่ถ้าเกิดว่าจะรับเงินเต็มจำนวน ทางร้านเราก็จะขายแหวนต่อให้กับคนอื่นเลยครับ”
“งั้นผมรับเงินแค่ครึ่งนึง แล้วค่อยมาผ่อนคืนทีหลังนะครับ”
“ได้เลยครับ ส่วนราคาครึ่งนึงก็ประมาณห้าหมื่นบาทนะครับ”
ผมนั่งรอเขาเก็บแบงค์สีเทาจำนวนหนึ่งลงในห่อกระดาษสีน้ำตาล ก่อนจะยื่นมันให้ผม ผมรับไว้ใส่ในกระเป๋า และเดินออกจากร้านไปทันที เดินไปยังร้านโทรศัพท์ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่
“มาซ่อมโทรศัพท์ครับ”
“เป็นยังไงเหรอครับ?”
“จู่ๆก็เปิดไม่ติด”
“งั้นเดี๋ยวรอสักครึ่งชั่วโมงนะครับ ถ้ามีธุระ ก็ค่อยกลับมาเอาก็ได้นะครับ”
“งั้นไว้ผมกลับมาเอาตอนเย็นนะครับ”
ทางร้านเขียนใบเสร็จให้ผม เมื่อทำธุระทุกอย่างหมดแล้ว ผมถึงได้กลับมายังคอนโดของคีย์ และพบว่าเขากลับมาถึงก่อนผมซะอีก
“ไปไหนมา ?”
“ไปซ่อมโทรศัพท์ครับ”
“มึงจะกินอะไรก่อนออกไปไหม ? ”
“ยังไงก็ได้ครับ”
เขาดูหน่ายๆกับคำตอบของผม ผมนั่งดูทีวีในห้องรับแขก ส่วนเขาก็เข้าไปทำอาหารในครัว เราต่างก็อยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอีกครั้ง
ผมไม่ได้สนใจรายการที่ปรากฏอยู่บนทีวีมากนัก รู้สึกล้าๆจนไม่อยากจะทำอะไร พักหลังมานี้ผมแทบไม่ได้นอนครบ 3 ชั่วโมงเลย เพราะความรู้สึกเมื่อยล้าเริ่มเข้าเล่นงาน บวกกับน่าจะอีกนานกว่าคีย์จะเริ่มเดินทาง ผมจึงค่อยๆเอนตัวลงนอนบนโซฟา ปิดเปลือกตาที่เริ่มหนักอึ้งเต็มที ก่อนจะหลับไปอย่างง่ายดาย
......
เย็น..
เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆเปิดขึ้น เมื่อรับรู้ถึงไอเย็นของบางสิ่งที่แตะลงบนแก้ม ผมปัดสิ่งแปลกปลอมที่อยู่บนหน้าออกไป ก่อนจะพบว่ามันเป็นกระป๋องเบียร์ของคีย์ เขายื่นมันมาแตะหน้าผม พร้อมส่งยิ้มมาให้ ...ผมเบือนหน้าหนี ... ไม่อยากเห็น..
“ไปกันได้ยัง ?”
“ อือ ”
คีย์เดินออกไป โดยที่มีผมเดินตามหลัง เกือบ 2 ชั่วโมงเต็มที่ผมหลับไป ระหว่างนั้นคีย์ก็คงยกระเป๋ามาใส่ในรถแล้ว
“เดี๋ยวช่วยวนรถไปเอาโทรศัพท์ตรงร้านที่อยู่ข้างคอนโดให้หน่อยได้ไหมครับ ?” ผมพูดเมื่อนึกขึ้นได้ ให้ตาย.. เพราะหลับจนลืมเวลาแท้ๆ ถึงได้ลืมเรื่องโทรศัพท์ไปได้
“อืม ก็ได้นะ แต่มึงน่าจะบอกกูก่อน เพราะร้านนั้นซ่อมโทรศัพท์แล้วมีปัญหาบ่อย”
เขาวนรถกลับมาอีกรอบ ผมลงไปเอาโทรศัพท์ ถึงจะรู้สึกว่าโทรศัพท์มันแปลกๆ แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไร อาจจะคิดมากไปเพราะคำพูดของคีย์
จากชั่วโมง วนเวียนไปเรื่อยๆ จนเกือบครบ 8 ชั่วโมงเต็ม กว่าจะถึงปลายทาง ผมล้าไปหมดแทบทั้งตัว ถึงโรงแรมก็เช็คอินเข้านอนแทบจะทันที เพราะเวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืนแล้ว
“มาทำงาน”
“จะตามมาทำไม”
“พี่ว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องจริงๆนะ”
“รินไปสงบตัวเองก่อนแล้วค่อยมาคุยกับพี่”
“..อย่าสร้างปัญหาให้พี่ไปมากกว่านี้เลยนะ ถือว่าพี่ขอ” เสียงคุยโทรศัพท์ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา ผมบิดตัวไล่ความขี้เกียจออกไป สายตาปะทะเข้ากับคนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่นอกระเบียง ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ว่าทำให้ผมตื่น
ผมลุกไปเข้าห้องน้ำ เพิ่งรู้ตัวว่าตื่นมานอนในห้องเดียวกับเขา เมื่อคืนผมแทบไม่ได้คุยกับเขาสักประโยค มาถึงก็หลับอย่างเอาเป็นเอาตาย
ติ๊ด
‘ หมายเลข 099-xxx-xxx พยายามติดต่อคุณเวลา...’
ข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเลื่อนหน้าจอเพื่อดูข้อความทั้งหมด
346 missed call
400 ข้อความ
คงไม่มีใครบ้าติดต่อผมมากขนาดนี้ เบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอเป็นเบอร์ของอาผม อาคนนี้เขาเป็นคนนิสัยดีนะ และคงเป็นคนนิสัยดีคนแรกที่ไล่ผมออกมาจากบ้าน
“เหอะ..”
ผมวางโทรศัพท์ลง อาบน้ำและชำระร่างกาย ก่อนจะออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดลำลองที่ดูเป็นทางการมากกว่าปกติ วันนี้ผมคงต้องไปคุยงานกับคีย์ แต่ดูเขาไม่ค่อยจะกระตือรือร้นที่จะทำงานนี้เท่าไหร่นัก
เรากินข้าวกันภายในโรงแรม ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าคีย์ดูเครียดๆมากกว่าปกติ แต่เขาก็ดูเครียดทุกวันอยู่แล้วมั้ง เราออกจากโรงแรมเพื่อไปคุยงานตอนเกือบแปดโมง
หน้าที่ของผมก็ไม่มีอะไรมาก แค่จดๆจำๆบางสิ่ง และเตรียมเอกสาร ความจริงงานวันนี้มันแค่มาคุยงานกันครึ่งวัน ก็กลับได้เลย แต่ผมก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่า ทำไมคีย์ต้องให้มาค้างคืนอีกหลายๆคืน
“มึงหิวรึยัง ?”
“ก็ไม่เท่าไหร่นะครับ”
“อืม..งั้นค่อยกลับไปกินข้าวที่โรงแรมนะ”
“ครับ”
ที่โรงแรมดูเหมือนจะมีงาน สวนด้านหน้าถูกตกแต่งไปด้วยดอกไม้ต่างๆ จัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆให้เดินเล่น บรรยากาศที่นี่ได้กลิ่นอายของล้านนาจนน่าขนลุก ความสวยงามตามความเก่าแก่ของโรงแรม มันทำให้โรงแรมแห่งนี้ดูมีคุณค่าบางอย่างขึ้นมา
“ที่นี่เขามีงานอะไรกันเหรอครับ ?” ผมเอ่ยถามพนักงานผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนต้อนรับลูกค้าอยู่
“เป็นงานที่ลูกค้าท่านหนึ่งได้ขอให้จัดเอาไว้นะคะ น่าจะเป็นดินเนอร์คู่รักนะคะ” พนักงานส่งยิ้มให้ผมทันทีที่พูดจบ ผมแค่พยักหน้ารับรู้ แล้วก็เดินขึ้นห้องไป
“ดูเหมือนข้างล่างจะมีงานคู่รักนะครับ”
“เหรอ ? เขาบอกมึงอย่างงั้นเหรอ”
ผมได้ยินคีย์หัวเราะ แต่ไม่เข้าใจว่าเขาจะหัวเราะทำไม มันไม่มีอะไรน่าขำสักนิด หรือเขาจะประสาทเสียเรื่องความรัก
“ไปหาอะไรกินกันเหอะ”
“ที่ไหนเหรอครับ ?”
“ชั้นล่างไง”
“ก็พวกเขาจะจัดงานให้คู่รักไม่ใช่เหรอครับ”
“ไปเหอะ”
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่ผมก็เลือกจะเดินตามเขามา ดีกว่าให้เขาอารมณ์เสียมากกว่าที่ผมไม่ทำตาม
อาหารที่ถูกจัดเอาไว้ ไม่รู้ว่าใช้ต้อนรับพวกเรารึเปล่า แต่คีย์ก็เดินเข้าไปนั่งอย่างไม่เกรงใจใคร นี่เขาได้ฟังที่ผมพูดจริงๆรึเปล่า ว่ามันมีงาน
“คุณจะกินที่นี่จริงๆเหรอครับ”
“ถ้ามึงไม่อยากกิน ก็ไม่ต้องกินก็ได้นะ”
ทำไมผมถึงรู้สึกว่าวันนี้เขาจะพูดจากวนมากกว่าปกติ ให้ตาย..เขาคงเครียดเรื่องงานจนประสาทกลับจริงๆ
“ไปเดินเล่นตรงนั้นกันเหอะ”
“หา ?”
เขาไม่พูดซ้ำ แต่จับมือผมเดินไป จนผมต้องสะบัดมือออก.. จู่ๆ..ผมก็รู้สึกไม่ดี มันหน่วงๆในใจ เหมือนหายใจไม่ออก ภาพที่เขาเดินจับมือผมในวันนี้ ผมไม่อยากให้มันซ้ำกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ใช่ไม่อยากลืม.. แต่อยากเก็บเอาไว้ จะได้จำว่าครั้งนึงการถูกหักหลังมันรู้สึกยังไง ..
และผมเกลียดที่เขาทำเหมือนไม่รู้สึกผิดอะไร
[/b]
“ผมว่าเรากลับขึ้นไปบนห้องกันเถอะครับ”
“ไม่อยากฟังจริงๆเหรอ”
“อะไรเหรอครับ ?”
“คิดว่าพี่พามาถึงเชียงใหม่แค่มาคุยงานครึ่งวันแล้วก็กลับงั้นเหรอ”
“...แล้วจะให้ผมถามอะไร อยากให้ผมถามว่านอนกับผู้หญิงคนนั้นแล้วรู้สึกยังไงเหรอ ?”
แววตาของเขามันฉายแววความเจ็บปวด.. แล้วคิดว่าผมรู้สึกดีรึไง เขามันบ้านะ ที่ไม่ตัดขาดจากผม ...จะทรมานผมไปถึงไหนกัน ...
“..งั้นถ้าพี่บอกนายว่าวันนั้นพี่ไม่ได้นอนกับผู้หญิงคนนั้นละ ?”
“พี่คิดว่าผมโง่เหรอ.. ”
“แล้วนายไม่อยากรู้จริงๆเหรอ ไม่อยากฟังคำอธิบายสักนิดเลยเหรอ”
“พี่ลองพูดมาสิ.. คนอย่างพี่ไม่เคยอธิบายอะไรเลย.. ทิ้งผมไว้กับความเจ็บปวดแบบนั้น..ฮึก..ผมกับพี่...เราไม่น่ามาเจอกันอีกเลย..”
ทุกอย่างตรงหน้ามันเริ่มพร่ามัวไปหมด จำไม่ได้แล้วว่าผมเป็นคนร้องไห้ง่ายๆแบบนี้ตอนไหน .. และการที่ผมเป็นแบบนี้มันทำให้ผมเริ่มเกลียดตัวเอง ..
“ขอโทษ..”
“ขอโทษแล้วมันลบความรู้สึกตอนนั้นออกไปได้เหรอ...พี่คิดว่ามันลดความเจ็บปวดของผมได้เหรอ !? ”
“...”
“...”
“แค่ตอนนี้ .. ถ้าพี่ขอเป็นคนเห็นแก่ตัวสักครั้ง..นายจะให้โอกาสพี่ไหม ? ”
“..”
“..ขอโทษ..ขอโทษที่ทำให้เจ็บ..”
“..พี่มันเลวที่สุดเลย...”
ผมเกลียดคนอย่างพี่... ไม่กล้าพูด.. คนอย่างผมไม่กล้าพูดแบบนั้นหรอก ถึงจะเจ็บเจียนตายผมก็ไม่กล้าพูดว่าเกลียดเขา เพราะวันนึง..ถ้าเขาเกลียดผมขึ้นมาเหมือนกัน.. ผมก็ไม่กล้าคิดว่าตอนนั้นผมจะรู้สึกยังไง