Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน : UP Chapter 23 (The end) 25/02/2015  (อ่าน 56017 ครั้ง)

ออฟไลน์ Isunn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ดราม่าหนักๆเลยจัดมา

แต่ว่า อีคีย์ มันไม่ได้จริงใจอะไรเลยทั้งหมดทั้งมวลที่ทำก็คงเป็นเพราะพนันเกมส์กับน้อง

เพราะถ้าหากมันจริงใจ มันต้องอธิบายเรื่องทุกอย่างไปแล้ว ไม่อมไว้จนทุกอย่างมันแย่แบบนี้

เรื่องนี้ ขอให้จบแบบ Bad Ending ไปเลย   บอกตรงๆว่า พระเอกคีย์ นิสัยแย่ เลว และง่าวมาก  :hao3:

ออฟไลน์ arigatozung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ้ย อิคีย์ก็เลว อิอาแม่งก็เลว เรื่องนี้รอบตัวโรมมีใครดีสักคนมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
สงสารโรม เมื่อไหร่โรมจะมีความสุข

ออฟไลน์ สองโซ่แซ่กุญแจมือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 19 : I could stay there


“ก็ได้ .. พ่อแม่เสียใจที่ผมเป็นเกย์ และพ่อก็คงเสียใจเหมือนกันที่มีน้องแบบอา  อาเก่งเรื่องผลาญสมบัตินี่ .. เก่งเรื่องตีสองหน้า ตอนให้สัมภาษณ์เคยบอกว่าผมได้เข้าไปทำงานในบริษัทพ่อใช่ไหม ? แต่ความจริงอาขายผมให้กับคีย์ แบบไหนกันที่มันน่าละอายใจมากกว่ากัน ! ”

“มึงระวังปากไว้นะโรม จะพูดอะไรก็ระวังเอาไว้” คำสถุลๆถูกพ่นออกมาจากปากเขา ผมปล่อยให้เขากอบโกยจากพ่อผมไปมากพอแล้ว

ผมจะเอาทุกอย่างกลับมาเอง

ยิ่งอาเอาไปเยอะเท่าไหร่ ผมก็จะเอากลับมาให้มันสาสมกัน

“..อาก็เหมือนกันนะ อะไรที่อยากได้ เก็บมันไว้ให้ดีๆ เพราะถ้าผมรู้เมื่อไหร่ว่าอาอยากได้อะไร ผมจะเป็นคนขโมยมันมาเอง”

“อย่างมึงเนี้ยนะ ? โดนกูเฉดหัวออกไปจากบ้านยังไม่พออีกเหรอ ถ้ามึงยอมกลับมากับกูตั้งแต่แรกเรื่องมันก็คงไม่ร้ายแรงขนาดนี้”

“ได้ .. งั้นก็ยกคดีกลับมาฟ้องร้องกันอีก เอาให้หมดตัวทั้งคู่ไปเลย ผมมันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว แต่อา..อายังไม่พอ ผมก็อยากจะทำให้อาเสียไปจนกว่าอาจะพอ”

และเมื่อไหร่ที่เขาพอ ผมก็จะหยุด อยากให้เขารู้บ้างว่าอย่าเหยียบหัวคนอื่นให้มากนัก เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยืนในสังคมโดยไม่พึ่งคนอื่นเลย ยิ่งสันดานของเขามันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ผมคงหาศัตรูของเขาได้ไม่ยากนัก
 
“อย่าพูดอะไรลมๆแล้งๆหน่อยเลย กูเคยชนะมึงมาครั้งนึงแล้วนะ.. ระวังจะโดนฟ้องอีกรอบเถอะ”

“ได้ .. งั้นกลับบ้านกัน กลับตอนนี้เลย ผมคงไม่ต้องตรวจอะไรมากแล้วละ ยังไงผมก็คงไม่ตายง่ายๆ”

“..เฮ้อ.. โรม อาขอโทษที่ใช้คำพูดรุนแรง แต่โรมดูคำพูดที่โรมใช้กับอาสิ”

“อาไม่ต้องขอโทษผมหรอก มันดีแล้วที่อาพูดออกมา ผมจะได้รู้บ้างว่าอาคิดอะไรอยู่ในใจ” เขาทำท่าจะเข้ามาห้าม เมื่อผมดึงสายน้ำเกลือ

“อาไปคุยกับหมอเถอะ”

อาการหนักใจฉายอยู่เต็มใบหน้าของเขา ไม่รู้หรอกว่าเขาหนักใจอะไร แต่ผมมีเรื่องให้หนักกใจมากกว่าเขาอีกหลายเท่า คนอย่างเขาน่ะ..คงหนักใจแค่เรื่องของตัวเอง

                                                                         ไอ้ชั่วเอ้ย


“ได้ ..ได้ ถ้าโรมอยากกลับ ก็กลับกัน ..แต่อาขอโทษอีกครั้งนะ”

“เลิกพูดขอโทษสักที ผมไม่อยากได้ยินจากปากอา”

เขาถอยออกไป คงจะไปคุยกับหมอ ในระหว่างนั้นผมก็เก็บของ ความจริงแล้วมันแทบไม่มีอะไรเลย สิ่งนึงที่ผมอยากเห็น คือสีหน้าของคีย์ ..เขาคงเป็นคนที่พาผมมา มันคงจะเป็นสีหน้าที่คอยสมเพชผมไม่น้อย


อากลับมาในเวลาไม่นาน พร้อมกับหมอคนหนึ่ง ซึ่งพอเข้ามาถึงหมอก็เอาแต่พูดถึงเรื่องอาการของผม บอกให้ผมอยู่ต่ออีกสักวัน เพื่อระวังการติดเชื้อ เขาพูดพล่ามไม่หยุดจนผมเริ่มรำคาญ

“ผมจะกลับบ้านวันนี้นะครับ ไม่ใช่ปีหน้า แค่พูดถึงเวลานัดครั้งต่อไปก็พอ”

“โอเค ..ได้ครับ หมอแค่อยากให้คุณระวังให้มากนะครับ เพราะหมอเย็บเส้นเอ็นที่ขาดไปให้แล้ว แต่พอหายมืออาจจะใช้งานผิดปกติไปบ้าง คุณจะต้องทำกายภาพบำบัดถ้าหากต้องการให้มือใช้งานได้เหมือนเดิม..”

“พูดแค่เวลานัดครั้งต่อไปก็พอ..หมอไม่เข้าใจประโยคนี้ตรงไหนเหรอครับ ? หรือผมพูดสับสนตรงไหน บอกแค่สิ่งที่ผมอยากรู้ก็พอ  ส่วนเรื่องอื่นช่างหัวมันเถอะครับ”

“ครับ.. อีกประมาณสักหนึ่งอาทิตย์ก็กลับมาหาหมออีกครั้งละกันนะ หมออยากตรวจดูว่ามี..”

“ครับ อีกหนึ่งอาทิตย์” ผมพูดตัดบทเขา และเขาคงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

“ถ้าไม่ใช่เพราะคีย์ขอไว้ ผมคงไม่ถามคุณมากมายขนาดนี้หรอกครับ” หมอเดินออกไปทันทีที่พูดจบ ทิ้งผมไว้กับความไม่พอใจจากประโยคที่เขาพูดออกมา

“งั้นกลับบ้านกันเถอะ ..อาเหนื่อยกับโรมแล้ว”  แล้วคิดว่าผมไม่เหนื่อยรึไง ผมเหนื่อยมากกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า เขาเคยคิดจะรับรู้บ้างไหม


มันทำให้ผมรู้สึกดีนิดหน่อยที่ได้กลับมาในที่ที่คุ้นเคยตั้งแต่เกิด แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่รู้สึกดีด้วยเท่าไหร่ อาเริ่มหัวเสียตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล เขาบอกว่าจะเข้าบริษัทไปตอนเย็น พอผมขอไปด้วยเขาก็มีสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างรุนแรง ..จนมันผิดสังเกต อะไรที่เขากำลังทำอยู่ลับหลังผม  ผมจะต้องหาทางรู้ให้ได้

“โรมอย่าไปเลย เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมา มันไม่ดีเท่าไหร่ที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนบ่อยๆ”

“ผมเจ็บที่แขนครับ ขาผมไม่ได้รู้สึกปวดอะไรเลย” แค่คำพูดยั่วอารมณ์นิดๆหน่อยๆของผม ก็ทำเขากระฟัดกระเฟียดจนน่าขำ

“ตกลงโรมจะไปให้ได้ใช่ไหม ? ทำไมไม่เชื่ออาบ้างเลย”

“ได้ ผมไม่ไปก็ได้ ..งั้นผมขอให้อาดูแลบริษัทผมให้ดีๆนะครับ ระวังนะ..มันจะหายไปโดยที่อาแทบไม่รู้ตัว”

“พูดเพ้ออะไร อาคงต้องไปแล้ว อยู่บ้านก็ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ”

“ครับ ผมยังไม่ตายง่ายๆหรอก”  พอเขาออกไป ผมก็เหลือแค่รอเวลา ให้แน่ใจจริงๆว่าเขาออกไปแล้ว โชคดีที่มันเป็นช่วงเทศกาลแม่บ้านส่วนใหญ่ก็เลยเก็บของกลับภูมิลำเนาไป มันทำให้ผมทำงานบางอย่างได้สะดวกขึ้น 


บ้านหลังนี้ มีเฟอร์นิเจอร์และของบางอย่างที่หายไป เดาได้เลยว่ามันถูกนำไปขายเพื่อแลกเป็นเงิน  ผมสำรวจทั้งสองชั้น จนพอเดาได้ว่าห้องทำงานของอาเป็นห้องไหน


กึก..

ประตูไม่ได้ล็อค ..เขายังประมาทผมมากเกินไปนะ ที่ไม่ยอมล็อคมัน  ภายในห้องโดนตกแต่งด้วยโทนเรียบหรู แต่นั่นไม่ทำให้ผมสนใจได้เท่ากับเอกสารต่างๆที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ผมสังเกตหลายต่อหลายแผ่นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แค่ใบหนี้ต่างๆและเอกสารของบริษัท

ตอนแรกผมถอดใจ คิดว่าคงไม่มีอะไรที่สำคัญ จนกระทั่งสายตาของผมไปสะดุดกับหนังสือเล่มใหญ่ที่เหมือนโดนวางอย่างลวกๆผิดจากหนังสือเล่มอื่นที่ถูกวางอย่างเป็นระเบียบ เร็วเท่าใจคิด ผมคว้าหนังสือเล่มนั้นออกมาเปิดดู .. .และพบกับ..แจ็คพ็อต ..ชิ้นใหญ่ซะด้วย

ใบยักยอกเงินและการปลอมแปลงลายเซ็น.. มันเป็นการปลอมแปลงลายเซ็นของผม..อานี่ทำให้ผมอึ้งได้ทุกครั้งที่เจอเขาซะจริง แต่นั่นยังไม่เท่ากับการที่เขาเอาบริษัทที่ติดชื่อของผมเข้าไปแลกเงินกู้เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้พนัน .. นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเฉดหัวผมออกไปสินะ .. น่าเสียดายนะ เขาน่าจะได้อยู่อย่างสบายมากกว่านี้สักหน่อย เหอะ..
 
                                                                              ไอ้คนชั้นต่ำ


ผมเก็บทุกอย่างที่ใช้เล่นงานเขาได้กลับเข้าซองเอกสารไป กำลังจะเก็บหนังสือกลับเข้าที่เดิม แต่มันมีเศษกระดาษเล็กๆที่ปลิวออกมา ภายในมีข้อความที่ถูกเขียนด้วยลายมือเร่งรีบ

‘ จะล่า หรือ จะเป็นเหยื่อ ?
อย่าคิดจะเบี้ยวนัดกู
ถ้ามึงยังอยากใหมันล้ม
11/25/2557 จาก เคย์ ’

“ยี่สิบห้า ..เดือนสิบเอ็ด วันนี้ ? ” ในใจผมมีคำถามมากมายผุดอยู่เต็มไปหมด

นี่มันเรื่องบ้าอะไร ?

อารู้จักเคย์ได้ไง ?

แล้วข้อความบนกระดาษนั่น ..?

ทุกอย่างคำถามผสมปนเปกันอยู่ในหัวผมเต็มไปหมด นี่มันเป็นเกมบ้าๆของพวกเขาอีกรึเปล่า  ที่อารีบออกไปเพราะเคย์งั้นเหรอ ? ที่ผมรู้คือพวกเขานัดเจอกันเพื่ออะไรบางอย่าง แต่มันเพื่ออะไรกันละ ?

                                                                 พวกเขาจะเจอกันทำไม..?


ลางสังหรณ์ผมบอกว่าเรื่องนี้มันกำลังมีบางอย่างที่ผิดปกติ ผมรีบนั่งแท็กซี่ไปยังโรงพยาบาลที่ผมเพิ่งกลับออกมาได้ไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยความร้อนรน อาจจะเพราะโชคดีที่ผมเจอหมอคนเดิมกำลังเดินออกมาจากตึกสีขาวสะอาดตานั่นพอดี ผมแทบจะวิ่งไปหาเขา ก่อนที่จะฉุดเขามาคุยกันในที่ๆเงียบๆ

“เฮ้ย ! นี่คุณมีอะไรรึเปล่าเนี้ย !? ทำไมถึงต้องรีบร้อนขนาดนี้ ?” เขาดูหงุดหงิดมาก แต่ผมไม่มีเวลามากพอที่จะมาใส่ใจอารมณ์เขาตอนนี้ ผมรีบถามและรีบพูดในสิ่งที่ตัวเองกำลังคิด

“คนที่พาผมมาโรงพยาบาลคือคีย์ใช่ไหม ? แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน ?”

“เฮ้อ .. นี่มันสองรอบแล้วนะที่มีคนมาถามคำถามนี้กับผม ทั้งอาคุณ แล้วตอนนี้ยังจะเป็นคุณอีกเหรอ ถ้าอยากรู้นักทำไมไม่โทรไปถามไอ้คีย์เองละ”

“อาผมมาที่นี่งั้นเหรอ ?! เขามาถามคุณเหมือนกันเหรอ ??”

“ใช่ เขาเพิ่งจะคลาดกับคุณไปเมื่อกี้นี้เอง..ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ” 

“แล้วคุณได้บอกไหม ว่าคีย์อยู่ไหน คุณได้พูดรึเปล่า !!?”  ให้ตาย..ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าไอ้เรื่องเวรๆที่ผมคิดในหัวจะเป็นจริงขึ้นมา

                                      ผมได้แต่ภาวนาให้พวกเขาไม่เกลียดกันจนถึงขั้นจะฆ่ากันให้ตายหรอกนะ


“ก็บอกสิครับ แล้วคุณจะบอกผมได้ยังว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น”

“คุณเป็นเพื่อนคีย์ใช่รึเปล่า คุณเคยพูดว่าคีย์ฝากผมไว้กับคุณ”

“ใช่ ผมเป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งหมอมันนั่นแหละ”

“คุณเป็นหมอเขา ? แล้วเขาเป็นอะไรเหรอ ? ”

“นี่คุณไม่รู้เหรอ ? ผมนึกว่ามันบอกคุณตั้งแต่ตอนที่คบกันแล้วนะ”

“หมอก็ตอบผมมาดิวะ ว่าเขาเป็นอะไร !! ถ้าผมรู้ผมถามหมอทำไม !”

“เออได้ ทำไมต้องตะคอกด้วยเนี้ย”

“แม่ง ..ไม่มีเวลาแล้ววะ งั้นหมอก็ค่อยเล่าให้ผมฟังในรถก็แล้วกันนะ”

หัวใจผมไม่เคยเต้นแรงอย่างน่ากลัวขนาดนี้มานานแล้ว .. ครั้งล่าสุดก็คงเป็นตอนที่โทรศัพท์ของผมระเบิดใส่มือคีย์  ผมไม่อยากเป็นแบบนี้เลย ไม่อยากจะเป็นห่วงเขา เพราะสิ่งที่เขาทำมันยิ่งกว่าการทำให้ผมตกนรกทั้งเป็น  ..ผมจะคิดซะว่า ผมเป็นห่วงเขา ..ก็แค่ในฐานะเพื่อร่วมโลกคนหนึ่ง


“ให้ตายเหอะ แล้วคุณให้ผมขับไปไหนเนี้ย”

“ไปที่ๆคีย์อยู่” ผมบอกเขา ผมเลือกที่จะไม่ขับรถเอง เพราะถ้าผมขับเอง..ผมคงทำรถคว่ำตายก่อน เขาใจเย็นกว่าผม มันจะดีกว่าถ้าให้เขาเป็นคนขับ

“โอเค .. ทำไมมันสร้างเรื่องให้กูทุกวันเลยวะ” คำพูดสบถอีกหลายคำดังออกมาจากปากเขา

“หมอ.. เล่าทุกอย่างมาให้หมด หมอรู้ใช่ไหมว่าทำไม เคย์ถึงเกลียดคีย์ ทำไมพวกเขาต้องเกลียดกัน แล้วคีย์เป็นโรคอะไร”

“เฮ้อ ! กูจะเริ่มเล่ายังไงวะเนี้ย ..รู้จักโรคไบโพล่าร์ไหม ? เอาง่ายๆมันเป็นโรคที่เป็นความผิดปกติทางอารมณ์ชนิดนึง หรือโรคอารมณ์สองขั้ว คนที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีอาการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนสองแบบ ก็คือถ้าไม่มีความสุขก็จะซึมเศร้า นั่นแหละโรคที่ไอ้คีย์มันเป็น...”

“..” ผมนั่งฟังอย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“แล้วเรื่องที่น้องมันเกลียดมันก็เป็นเพราะโรคเวรๆนี่เหมือนกัน คีย์มันติดโรคนี้มาจากพ่อมัน ถ้าหากคนเป็นพ่อแม่เป็นโรคนี้ คนเป็นลูกก็มีโอกาสมากกว่าคนปกติถึง 8 เท่าที่จะเป็นโรคนี้ ซึ่งมันคงฟังดูไม่ดีนักใช่ไหมที่มีพี่เป็นคนโรคจิต .. ก่อนที่คีย์มันพบคุณ มันก็ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นถึง 2 ปี เพื่อที่จะรักษาโรคนี้ แต่โชคร้ายนะ ที่โรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาด บางครั้งผู้ป่วยอาจแสดงอาการเหมือนหายขาด จนไม่ยอมกลับเข้ารับการรักษาอีก เพราะคิดว่าตัวเองหายดีแล้ว..แต่ความจริง พวกเขาจะมีอาการแย่ลงไปอีก ถ้าหากมีเรื่องเครียดๆมารบกวนจิตใจ”

“หมายความว่าคีย์ก็ยังไม่หายงั้นเหรอ ?”

“มันก็ไม่ใช่อย่างงั้นซะทีเดียว เพราะคีย์มันแทบจะหายสนิทแล้วตั้งแต่เจอคุณ แต่พอคุณหนีมันไป คุณน่าจะนึกสภาพมันไม่ออกแน่ ไหนจะเรื่องน้องมันกับรินดาที่โคตรจะเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิตมันเลย มันน่ะ ไม่รู้ตัวเองหรอกว่า อาการมันเริ่มที่จะแย่ลงมาก ผมก็เพิ่งจะมารู้ว่ามันเริ่มจะอาการหนักตั้งแต่ตอนที่มันพาคุณมาโรงพยาบาล สิ่งที่มันทำกับคุณ...ผมแค่อยากให้คุณรับรู้นะ.. ว่ามันเป็นส่วนนึงของโรค ในใจลึกๆของมันอ่ะ ไม่วันทำร้ายคุณหรอก”

“....”

“ผมอยากให้คุณยกโทษให้มัน.. ผมไม่รู้หรอกว่ามันทำร้ายคุณขนาดไหน แต่นั่นไม่ใช่ตัวมันจริงๆหรอกนะ”

“...ไม่...ผมให้อภัยเขาไม่ได้”






ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ไบโพล่าร์ - เจอคำนี้เข้าไปพูดไม่ออกเลย
อธิบายหลายๆอย่างได้
แต่ก็นะ    อยู่ที่โรมที่ว่าจะทำยังไงต่อไป
ยกโทษให้หรือไม่ให้
อาของโรมเองก็แปลกๆเหมือนกัน

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ถึงกับเงิบ โดนแก้ปมด้วยไบโพลาร์  :mew5:

แต่ถึงจะมาอ้างว่าเป็นเพราะโรค แต่ยังไงก็ไม่เมคเซ้นตรงที่แกเอาความรู้สึกคนมาเล่นเกมส์
อีกอย่างอิไบโพลาร์เนี่ยเลือกเป็นดีจังนะ กับคนอื่นไม่เป็น กับโรมนี่เป็นใหญ่เลยทำร้ายกันใหญ่
มโนไปเองว่าเป็นไบโพลาร์หรือเปล่า

อ่านปากดีนะ "ไม่ น่า สงสาร เลย ซัก นิด"
ถ้าจบ Bad ending ไม่ได้คู่กัน แต่ก็ไม่ตายด้วย จะถูกใจมากเลยนะเธอ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อาการมันไม่ใช่ไบโพลาร์อ่ะ นี่มันเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย


ไบโพลาร์คืออารมณ์สุดขั้ว ระหว่างร่าเริงเกินเหตุ กับหดหู่ซึมเศร้า


ออฟไลน์ Isunn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
บอกเลยว่า   ไม่สงสารคีย์สักนิด  จะโรคอะไรก็ช่าง ช่วงที่ไม่กำเริบ ปากมี ทำไมไม่บอกโรมห๊ะ  :katai1:

ถ้าเรื่องนี้จบแบบ คีย์ตาย เคย์เป็นบ้า อาติดคุก น้องโรมได้สมบัติคืนทุกอย่าง จะดีมาก  :hao3:

นี่เราอินมากไปป่าวเนี่ย  :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ สองโซ่แซ่กุญแจมือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 20 : Close my eyes


คุณเคยรู้สึกเหมือนยืนอยู่ดีๆ ก็โดนผลักลงไปในเหวไหม นั่นคงคล้ายกับความรู้สึกผมตอนนี้ แทบไม่หลงเหลือสักคำถาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การรู้สึกแย่

ทำไมผมต้องเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่อง ?

จะโรคบ้า โรคบออะไรก็เหอะ แต่คีย์เป็นโรคโดยที่ผมไม่เคยรู้ตลอดเวลาที่คบกัน หรือแม้กระทั่งตอนนี้ผมก็ยังคงไม่รู้ แต่กลับมารู้จากปากคนอื่น คนที่ผมเพิ่งเจอด้วยไม่ถึงครึ่งวัน และยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ

ต่อให้เขาจะตายวันพรุ่งนี้ เขาก็คงไม่อยากให้ผมรู้สินะ

“ผมรู้ว่ามันอาจหนักหนานะ ยิ่งพูดก็เหมือนผมแก้ตัวให้เพื่อน แต่คีย์มัน..”

“หมอหยุดพูด แล้วช่วยจอดรถให้ผมลงหน่อยได้ไหม” ไม่อยากจะรับรู้เรื่องเขาจากปากคนอื่นอีกแล้ว ถ้าเขาไม่พูด ก็ไม่ต้องพูด ผมก็จะได้ไม่ต้องมารับรู้ มันคงจะดีที่สุดสำหรับผมแล้ว

“ทำไมอ่ะ แล้วคุณจะไม่ไปหาไอ้คีย์กับผมเหรอ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับมันผมยังไม่รู้เลยนะ”

“ตอนที่เขาพาผมมาโรงพยาบาล ..เขาคงพูดบางอย่างกับคุณใช่ไหม ?”

“มันก็บอกว่ามีธุระต้องไปทำ ..แล้วก็ฝากขอโทษคุณ”

“เขาโทรให้รินดามาหาผมเหรอ”

“ก็ใช่.. มันคงอยากให้รินดาอธิบายเรื่องที่คุณอยากรู้ให้ฟังมั้ง”

ยิ่งรู้ ผมยิ่งรู้สึกแย่ สิ่งที่ค้างคามันหมดไปจากใจก็จริง แต่มันก็มีสิ่งที่เพิ่มขึ้นมา มันคือความผิดหวังปนความเสียใจ

“อาผมขายหุ้นและเอาโฉนดบ้านไปให้คีย์ แต่อาผมไม่ได้ติดต่อคีย์แค่คนเดียว เขานัดพบกับเคย์วันนี้ ผมไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาสามคน แย่ที่สุดก็คงอาจมีการหักหลังกัน ..เพราะอาผมมันก็แค่หมาลอบกัดตัวนึง”

“ให้ตายเหอะ อย่าทำให้คีย์ประสาทเสียไปมากกว่านี้เลย แค่อาการเริ่มต้นของมันก็แย่ขนาดที่ข่มขืนคุณได้แล้วนะ ผมไม่อยากจะนึกถึงสภาพที่มันเป็นคนบ้าแบบเมื่อก่อนหรอกนะ”

“...”

ราวกับตราบาป ที่ไม่มีวันลบออก..ยิ่งหมอพูดด้วยสีหน้าปกติ การที่ผมโดนอย่างนั้น มันปกติเหรอ ? มันปกติมากเหรอที่คนเราจะทำลายศักดิ์ศรีความเป็นคนของคนๆนึงโดยไม่ได้รู้สึกอะไร

“เฮ้ย ..ผมขอโทษ..ผมปากเสียเอง ..คุณ”

“จอดรถเถอะครับ” เขายอมทำตามที่ผมบอกโดยไม่ขัดอะไรอีก

“ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าที่เคย์จะพบอาผมมันเกี่ยวกับคีย์รึเปล่า ถ้าไม่เกี่ยวมันก็ดี แต่ถ้าเกี่ยว..ผมฝากเขาไว้กับคุณด้วยนะ ฝากบอกเขาด้วยว่าผมขอบคุณสำหรับทุกอย่างในอดีต และขอโทษสำหรับทุกอย่างในปัจจุบัน .. .และขอให้เขาอย่ามาเจอผมอีกเลย” ผมอยากปล่อยให้เวลาเป็นสิ่งพิสูจน์ทุกอย่างบ้าง ถ้าหากเราดันทุรังที่จะทำร้ายกันและไปเรื่อยๆ วันนึง..มันอาจจะไม่เหลือแม้กระทั่งความทรงจำดีๆ

“เฮ้อ นี่พวกคุณรักกันแบบไหนเนี้ย..ถ้าคุณจะเอาอย่างนั้นก็ตามใจ กลับบ้านดีๆนะครับ”


ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงผมก็กลับมาที่บ้านของตัวเอง และคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูบ้าน สร้างความแปลกใจให้ผมไม่น้อย

“คุณหาบ้านผมเจอได้ไง”

“จะหาบ้านคุณ มันไม่ยากเกินความสามารถของคนอย่างผมหรอกนะครับ” สีครามยังคงน้ำเสียงยียวนเอาไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยน จนบางทีผมก็นึกสงสัยว่าเขาเกลียดผมมากขนาดที่จะคุยกันดีๆไม่ได้แม้แต่ประโยคเดียวเลยเหรอ

“แล้วคุณมีธุระอะไรกับผมเหรอ มาหาถึงที่นี่คงไม่ใช่แค่มาพูดจาไร้สาระหรอกนะ”

“พอไม่มีคีย์อยู่ด้วย คุณก็พูดจาแบบนี้เลยสินะ”

“ไม่ต่างกับคุณนักหรอก ถ้าไม่มีอะไรไปมากกว่านี้..ผมก็ขอตัวนะ” ผมเลิกสนใจสีคราม เลือกที่จะเดินหลบเข้าบ้านไป แต่ก็ต้องชะงักเพราะประโยคถัดไปของเขา

“ผมแค่จะเอาการ์ดงานแต่งงานมาให้”   

“งานแต่ง ? ผมกับคุณคงไม่สนิทกันขนาดที่จะไปร่วมงานแบบนั้นได้หรอกมั้ง”

“ใช่ เราไม่สนิทกัน แต่งานแต่งประธานบริษัทตัวเอง คุณก็น่าจะไปร่วมงานหน่อยนะ มันจะได้ไม่น่าเกลียด”

“...งานคีย์ ? เขาจะแต่งกับรินดางั้นเหรอ” พอผมพูดแบบนั้น เขากลับแสยะยิ้มราวกับมันเป็นแค่เรื่องตลก

“ก็ใช่ไง คุณก็อย่าไปทำตัวน่าสงสารจนพังงานแต่งพี่สาวผมละกัน”

“บางทีนะ.. แค่บางทีที่ผมสงสัยว่าคุณเอาสมองส่วนไหนมาคิดเรื่องเลวๆแบบนั้น และอีกอย่างผมอยากจะถามคุณหน่อย ว่าคุณรักคีย์แบบไหนกันแน่ ถึงได้ให้พี่สาวคุณแต่งงานกับเขา คุณเคยมีความรักจริงๆบ้างรึเปล่า”

“นี่ ผมจะบอกอะไรให้เอาบุญนะ เผื่อคุณยังไม่รู้ว่า คีย์น่ะ ..เขาเป็นโรคจิตนะ อืม .. ชื่อโรคอะไรผมก็จำไม่ค่อยได้แล้วสิ แล้วคุณยังคิดว่าผมจะรักเขาเหรอ ? เขามันคนบ้าชัดๆ”

“แล้วคุณต้องการอะไรจากเขากันแน่”

“สิ่งที่เขามีไง แค่นี้คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ถ้าหากเขาไม่ป่วยด้วยโรคเวรๆนั่นนะ ป่านนี้ธุรกิจบ้านเขามันคงไปได้สวยแบบที่ไม่มีใครคิดแน่ แต่น่าเสียดายนะ..คุณไม่น่าไปพังอนาคตของเขาเลย เพราะคุณ เขาถึงกลับมาเป็นโรคบ้านั่นอีก”

เขาไปได้ความคิดแบบนั้นมาจากไหน ไอ้ความคิดที่น่ารังเกียจพวกนั้น ผมว่ารินดาก็ดูเป็นคนดีนะ แต่ทำไม..น้องเขาถึงได้มีสันดานแบบนี้

ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าพี่น้องร่วมสายเลือดกัน มันต่างกันได้มากขนาดนี้เลยเหรอ

“อยากคิดยังไงก็เรื่องของคุณ แต่ผมอยากเตือนคุณไว้อย่างนึง ไม่ว่าคุณอยากจะให้คีย์เกลียดผมมากขนาดไหน แต่อย่าเอาคินรดามายุ่ง ..อย่าเอาเธอมาเกี่ยวเรื่องที่ผู้ใหญ่ชั่วๆทำเอาไว้”

สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อผมพูดถึงเรื่องนี้ .. สรุปเขาทำมันจริงๆสินะ จิตใจเขามันทำด้วยอะไรกันแน่นะ

“รินดาบอกคุณ ..นังขี้แพ้นั่น มันบอกคุณเหรอ !?”

“นี่ ! หัดมีสติซะบ้างเหอะ ผมจะสืบเรื่องคุณมากกว่านี้ ผมก็ทำได้ไม่ยากนักหรอก”

“เหอะ .. เธอไม่น่าเกิดมาเลยด้วยซ้ำ เกิดมาก็เป็นแค่อุปสรรคในชีวิตคนอื่น”

“เธอสมควรจะเกิดมาหรือไม่ คุณไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินเธอ และครั้งนี้ ..ผมแค่เตือน แต่ถ้าต่อไป ผมรู้ว่าคุณทำร้ายคินรดาอีก คุณจะได้รู้ว่าถ้าผมโมโห มันจะเป็นยังไง”

ผมเดินออกมา เพราะไม่อยากรับรู้ความคิดเลวๆของสีครามอีก เขากล้าพูดได้ไงว่าคีย์เป็นโรคจิต .. เขามันโรคจิตยิ่งกว่าคีย์ซะอีก
วันนี้มันเป็นวันที่ผมผ่านอะไรหลายๆอย่างมา มันคงเป็นส่วนนึงที่สร้างให้ผมโตขึ้น ผมได้เห็นหลายมุมมองที่ไม่เคยเห็น ได้รู้ในหลายๆเรื่องที่ไม่เคยรู้  ถึงอย่างนั้น.. ผมก็ยังยอมรับมันไม่ได้สักเท่าไหร่นัก ความจริงคือ ผมยอมรับมันไม่ได้เลยมากกว่า มันไม่ง่ายเลยจริงๆนะ ที่จะรู้หลายๆอย่างจากปากคนอื่น

เฮ้อ.. ผมควรจะปล่อยมันไปสักที

เรื่องพวกนี้จะได้จบลงสักที

........

เช้านี้ พระอาทิตย์ก็ยังคงขึ้นตรงเวลาเหมือนเดิม เพราะมันรู้จักหน้าที่ของมัน  แต่คนบางคน บางทีเขาก็ไม่รู้ว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร ที่ผมคิดแบบนี้ เพราะเมื่อคืนอาไม่ได้กลับเข้ามาในบ้าน เขาออกไปและก็หายไปเลย 

โทรศัพท์ที่คีย์เคยซื้อให้ ผมไม่เคยได้ใช้มันเลยตั้งแต่ได้มา แต่ตอนนี้บนหน้าจอปรากฏสายที่ไม่ได้รับอยู่เกือบร้อยสาย ซึ่งเป็นเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก ผมกดโทรกลับไปหา ถ้าหากคนที่โทรมาเขามีธุระสำคัญจริงๆ เขาคงแช่งผมให้ตายไปแล้วก็ได้


“นี่ !! คิดจะโทรกลับมาให้เร็วกว่านี้บ้างไหมเนี้ย !!” คนปลายสายพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร

“ไม่ทราบว่าใครครับ ?”

“หมอไง ! แล้วนี่อยู่ไหน รู้บ้างไหมว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง ! ”

“หมอเลิกตะโกน แล้วเล่ามาดิ”

“ก็อามึงยิงไอ้คีย์แล้วหนีไปไหนก็ไม่รู้ ถ้ากูไม่ไปเจอก่อนก็คงนอนตายไปแล้วมั้ง แม่ง ! อย่าให้กูเจอนะ กูจะเอาคืนให้หนักกว่าที่ทำไว้กับเพื่อนกู ! ไอ้สัสเอ้ย !!” 

“ห้ะ ! หมอบอกอะไรนะ ? ใครยิงใคร ”

“โธ่เว้ย !! ไอ้คีย์มันโดนอามึงยิงอ่ะ ! ชัดพอยัง ! แค่นี้ก่อนนะ !!”

   อานี่ ... บ้าไปแล้วรึไงกัน ผมอยากรู้จริงๆว่าอะไรที่วิ่งวนอยู่ในหัวของเขา และผมคิดว่าผมเดาเรื่องออกหมดแล้วละ

เขาหักหลังคีย์ไปหาเคย์ อาจจะเพราะเคย์จ่ายให้ได้มากกว่า ..มันก็แน่อยู่แล้ว คนอย่างเขา เงินมันสำคัญกว่าชีวิตคนอื่นซะอีก เขามัน..หมาลอบกัด .. .ผมไม่อยากเอาหมามาเทียบกับเขาเลยด้วยซ้ำ ให้ตาย .. ตอนนี้ผมโคตรจะสับสน แล้ว ไอ้ความปั่นป่วนใจนี่ มันมาจากไหนกัน

ผมตัดสินใจโทรหาทนาย เพื่อปรึกษาทุกๆอย่าง ผมอยากจะรอบคอบให้มากกว่านี้ ครั้งที่แล้ว ผมแพ้คดีเพราะความประมาทของตัวเอง ..และครั้งนี้ผมจะไม่แพ้อีก..แต่ทำไมผมต้องว้าวุ่นใจด้วยนะ ที่คีย์โดนยิงมันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องมานั่งคิดมากเลย .. มันไม่ใช่เรื่องของผมเลยด้วยซ้ำ

ผมเหนื่อยใจจนไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว

เหนื่อยที่ต้องแบกรับเรื่องบ้าๆที่พวกเขาทำ




---------------------------------------------------------
คิดว่าเรื่องนี้น่าจะไม่เกิน 30 ตอนนะคะ
ช่วงนี้พี่คีย์ก็เงียบหายไปเลย คงหลุดพ้นจากการเป็นพระเอกแล้วมั้ง 5555
สุขสันต์วันเเห่งความรักนะคะ

ออฟไลน์ Melonlove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
คีย์เป็นพระเอกน่าสงสารมากเพราะคนอ่านแทบไม่มีคนถือป้ายเชียร  ก็ไม่รู้สิน่ะ  คุณจะเป็นโรคอะไร แค่บอกหรือพูดความจริงทุกอย่างมันก็โอเคแล้ว แต่คีย์ไม่ยอมพูดยอมบอกอะไรเลยทั้งที่มีโอกาศ  สมคสรแล้วที่โรมจะปล่อยวางไม่ยุ่งหรือข้องเกี่ยว คนเราทุกคนมีลิมิตในความอดทนในเรื่องนั้นๆๆ#ทีมรักโรมคนเดียว  สู้ๆๆจ้า :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
พระเอกเรื่องนี้คือโรม
ถ้าหากว่าคีย์เป็นพระเอกนะ คงได้แต่ความเห็นใจจากโรม แต่มากกว่านั้นคงจะไม่ได้ เพราะว่าทำไว้เยอะเกิน
เหมือนกับว่าตัวละครในเรื่องนี้ไม่มีใครปกติสักคนแล้ว

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
อายิงคีย์ก็ใช้เรื่องนี้เป็นประเด็นด้วยสิ คิดว่าอาคงไม่รอด

ออฟไลน์ สองโซ่แซ่กุญแจมือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1


Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 21 : Feel you're here forever


“สำหรับข่าวต่อไปที่จะรายงานนะคะ เป็นนักธุรกิจอักษรย่อ ด. นะคะ ได้มีการสืบทราบว่าปลอมแปลงเอกสารสำคัญหลายอย่าง และยังได้ยิงลูกชายคนโตของนักธุรกิจดังเจ้าของบริษัท K&R อีกด้วยนะคะ คาดว่าน่าจะมาจากเรื่องส่วนตัวคะ”

“อย่างนี้ก็แย่เลนสินะครับ โดนไปหลายคดีเลย”

“ค่ะ ล่าสุดมีรายงานว่าได้จับกุมตัวนักธุรกิจ ด.ที่สนามบิน ก่อนที่จะบินหลบหนีออกนอกประเทศไปนะคะ ก็ถือเป็นประเด็นร้อนแรงในกลุ่มผู้บริหารเลยทีเดียว คงต้องรอหลานชายคนเดียวออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องทรัพย์สินและการดำเนิดคดีนะคะ”

“และอีกประเด็นที่เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากที่สุด ก็คือกรณีที่ลูกชายคนรองของบริษัท K&R ที่มีส่วนร่วมในการที่พี่ชายโดนยิงนะครับ ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไปนะครับ”



 ผมเลื่อนมือมากดปิดโทรทัศน์ ตอนนี้อากำลังอยู่ในช่วงดำเนินคดี ถ้าผมยกเรื่องฟ้องร้องขึ้นมา ..ถึงไม่ใช้ทนาย ผมก็ชนะ แต่ผมเลือกที่จะไม่ทำ  ทางฝั่งของคีย์ไม่ยอมความอยู่แล้ว และผมก็ไม่คิดจะช่วยประกันตัวอาออกมา ..ส่วนนึง ..ผมยังเห็นเขาเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ อย่างน้อยก็ปล่อยให้เขารับกรรมที่ทำกับคนอื่นก็พอ สิ่งที่ทำไว้กับผม ..ผมเลือกที่จะปล่อยมันไป อย่างน้อยๆ ถ้าหากว่าเขามีโอกาสได้กลับออกมา ผมก็ไม่ต้องรู้สึกผิดมากนัก


ความจริง ..ผมจองตั๋วไปต่างประเทศอาทิตย์หน้า แต่ก่อนจะไปผมอยากเคลียร์บางเรื่องให้มันจบๆซะก่อน มันจะได้ไม่ค้างคาเหมือนครั้งที่ผ่านมา ...จะได้ไม่มีใครต้องเจ็บไปมากกว่านี้  ผมต่อสายไปหาเบอร์หมอ รอสักพักก็มีเสียงคนรับ

“หมอ.. นี่ผมเองนะ”

“เออ ผมคงรู้ว่าคุณเป็นใครอ่ะ ไม่บอกชื่อมาละครับ” เขามาเป็นหมอได้ไงกัน คนไข้คงได้เกลียดเขากันทั้งแผนกแน่

“ก็ไอ้คนที่หมอโทรหาเป็นร้อยสายเมื่อวาน แล้วก็เอาแต่ตะคอกใส่ไงครับ”

“โรม ? โทรมาทำไมเหรอ ? ”

“คีย์..เขารักษาตัวที่โรงพยาบาลไหนเหรอครับ”

“โรงพยาบาลที่คุณรักษาตัวนั่นแหละ ว่าแต่คุณจะมาหามันเหรอ ? ”

“ใช่ ผมมีบางอย่างต้องคุยกับเขา”

“เฮ้อ.. อยากคุยกับมันจริงๆเหรอ”

“อืม.. ถ้าไม่คุยกันตอนนี้ ก็คงไม่มีโอกาสที่จะได้คุยกันอีกแล้วละ” เสียงถอนหายใจจากปลายสายดังมาให้ผมได้ยินอีกสองสามครั้ง

“..ก็ตามใจ ..แต่คุยกับมันดีๆหน่อยนะ ผมไม่อยากให้โรคมันกำเริบอีก เดี๋ยวแม่งจะตายเอา”

หมอพูดกำชับว่าให้ผมคุยกับคีย์ดีๆอีกหลายครั้ง กว่าจะยอมวางสายไป  ผมไม่คิดจะคุยกับเขาด้วยอารมณ์อยู่แล้ว แค่คุยเพราะอยากรู้คำตอบบางอย่างจากปากเขา...มันก็แค่นั้น


แค่ครึ่งชั่วโมงที่ผมนั่งรถมายังโรงพยาบาล ผมไปเจอหมอก่อน โดยรวมแล้วเขาบอกว่าคีย์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง กระสุนไม่โดนจุดที่มันสำคัญอะไร 

“แล้วเคย์เป็นคนสั่งให้อาผมยิงเขาจริงๆใช่ไหม ?”

“อืม พวกเขาคงเกลียดกันมากจริงๆ มันก็เป็นเรื่องธรรมดานะที่พี่น้องจะอิจฉากัน”

บ้าจริงๆนะ ครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ..แต่กลับเกลียดกันได้ลง ผมไม่เข้าใจความรู้สึกของการอิจฉาใครสักคนหรอก เพราะผมมีทุกอย่าง ความรู้สึกเดียวที่วนเวียนอยู่กับผมตลอดเวลาคือ ความเจ็บปวด แทบทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ล้วนทำให้ผมเจ็บ ..

พระเจ้าเกลียดผมแล้วละ


ก๊อก ก๊อก..

“เชิญครับ” ผมค่อยๆสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อได้ยินเสียงคนข้างในตอบรับกลับมา หมอไม่ได้บอกเขาว่าผมจะมา ซึ่งก็ดีแล้วสำหรับผม

“ไง .. พี่เป็นไงบ้าง”

“...” สีหน้าเขาดูไม่ดีเท่าไหร่เลย .. และผมรู้สึกแย่ที่อามีส่วนทำให้เขาอยู่ในสภาพแบบนี้  ถ้าจะให้ยอมรับตรงๆ.. ผมกำลังเป็นห่วงเขา

“ผมมาเยี่ยมพี่ และมาคุยในหลายๆเรื่องที่เรายังไม่เคยคุยกันตรงๆ”

“ขอโทษนะ..” ผมสบตาคีย์ตรงๆ แววตาของเขาสั่นไหว ไม่มั่นคงเหมือนเมื่อก่อน มันไม่เหมือนตอนที่ผมรู้จักเขาสักนิด ตอนนั้น..เขามีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง จนผมไม่ชอบ  ตอนที่ผมเจอคีย์ครั้งแรก เขาส่งยิ้มให้ผม นั่นมันทำให้ผมหวั่นไหวนะ

“ที่ผ่านมา ..ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่เคยคิดจะบอกอะไรกับผมบ้างไหม หรือพี่เคยรักผมจริงๆบ้างรึเปล่า แต่ผมไม่อยากให้มันค้างคา ..ผมไม่อยากหนีไปเหมือนครั้งที่แล้ว”

“...”

“มีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมตั้งแต่เจอพี่ ..มันทั้งทำให้ผมรู้สึกดีและแย่ไปพร้อมๆกัน ผมไม่เคยเสียดายเวลาที่อยู่กับพี่หรอกนะ แต่ผมแค่เสียใจ..ที่บางเรื่อง บางเรื่องที่พี่ควรจะบอกผม พี่กลับไม่พูด..”

“ถ้าพี่บอก..แล้วโรมจะรับได้เหรอ.. พี่แค่กลัวโรมจะมองพี่เป็นแค่คนบ้า..เหมือนที่คนอื่นมอง”

“พี่รู้ป่ะ ตอนที่หมอบอกผมเรื่องพี่..สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวผม ไม่ใช่เรื่องโรคนั่นหรอก มันเป็นคำถามต่างหาก..คำถามที่ว่าทำไมผมต้องมารู้เรื่องนี้จากปากคนอื่น ทำไมพี่ไม่บอกผม ..ถ้าถามผมตรงๆว่าผมรับได้ไหมที่พี่เป็นโรค ผมก็รับไม่ได้หรอก และรับไม่ได้มากกว่าที่พี่มองผมเหมือนที่มองคนอื่น.. สิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังมายืนคุยกับพี่ในตอนนี้ ก็เพราะผมยังเป็นห่วงพี่..”

“..พี่รักโรมนะ..”

“...ผมไม่รู้หรอกว่าที่พี่พูดมา..มันออกมาจากหัวใจพี่จริงๆรึเปล่า ผมเคยให้หัวใจพี่ไปครั้งนึง แต่พี่ก็ไม่ดูแลมันให้ดี ..บางทีผมก็สงสัยนะ ..ว่าเราเคยรักกันจริงๆบ้างรึเปล่า..เพราะถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกันจริงๆ พี่จะไม่ทำแบบนี้กับผม”


เราต่างก็นิ่งกันไปสักพัก ผมกำลังทบทวนสิ่งต่อไปที่กำลังจะพูด .. มันอาจจะดีก็ได้ถ้าเราได้ลองห่างกันสักพัก โดยที่ไม่มีอะไรค้างคาอีก

“ขอโทษนะ..ที่ผมบอกรักพี่ไม่ได้ อาทิตย์หน้าผมจะไปบริหารงานที่ต่างประเทศ ไม่มีอาคนเดียว บริษัทก็วุ่นวายจนแทบล้ม ..หุ้นของผมที่พี่ซื้อไว้ พี่จะเก็บเอาไว้หรือขายต่อก็ได้ ..ส่วนเรื่องบ้านและหนี้สินอื่นๆที่อาเคยยืมพี่ไปหมุน ผมจะรับผิดชอบเอง..”

“ไม่ต้องหรอก.. ถือว่าพี่ชดใช้ให้ที่ทำอะไรโดยไม่คิด..โรมบริหารบริษัทไปเถอะ ส่วนเรื่องหุ้น..พี่จะเก็บเอาไว้เอง เพราะอย่างน้อย.. มันก็เป็นเหตุผลให้พี่มาเจอโรมได้ในบางครั้ง”

“..ดูแลตัวเองด้วยนะ ..” ผมกำลังจะเดินออกไป แต่กลับถูกอีกฝ่ายฉุดเอาไว้ ..

“จะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ”

“..ผมให้คำตอบไม่ได้ ..อาจจะ.. .ไม่กลับมาแล้วก็ได้”

ที่บอกไปแบบนั้น.. เพราะไม่อยากให้เขาต้องรอ

และเพราะรู้ ..ว่าการต้องรอใครสักคน มันทรมานมากแค่ไหน ผมถึงอยากที่จะตัดความสัมพันธ์พวกนี้ทิ้งไปซะ .. ไม่รู้หรอกว่าสำหรับเขาแล้ว..มันเจ็บปวดบ้างรึเปล่า แต่สำหรับผม ..คงไม่มีอะไรจะเจ็บปวดได้เท่านี้อีกแล้ว...


ผมรักพี่นะ รักจนไม่รู้ว่าจะรักใครได้เท่าพี่อีก

…….





-------------------------------
พยายามลงช่วงนี้ให้มากๆ เพราะใกล้สอบไฟนอลเเล้ว คงไม่มีเวลามาเขียน 555
ลงเเค่ตอนละนิดเดียวเอง แต่จะพยายามลงให้บ่อยนะคะ ใครที่สอบไฟนอลก็รีบเคลียร์งานเนอะ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อาจจะดูแล้วเหมือนว่าทิ้งกันตอนที่อีกฝ่ายกำลังลำบาก
แต่คิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ต่างฝ่ายต่างป่วย ต่างฝ่ายต่างไม่ไหว
อะไรๆก็อิรุงตุงนังคลุมเคลือไปหมด
คีย์กำลังจะแต่งงาน โรมก็ไปเสียให้ไกล ไปรักษาใจตัวเองก่อน
ห่วงก็เป็นคีย์ที่ต้องเจอกับสารพัดอย่างสีคราม
หายแล้วค่อยดูต่อไปว่าจะเป็นยังไงต่อไป

ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Isunn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 o13  ถือว่าเขียนออกมาได้ดีทีเดียว นายเอกมาถามพระเอกในแบบที่คนอ่านทั้งหลายสงสัย

ความรัก ไม่ใช่ว่าจะต้องสมหวัง และได้ครอบครองเสมอไป โรมตัดสินใจถูกแล้วลูก o13

ออฟไลน์ สองโซ่แซ่กุญแจมือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1



Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 22 : You and me together



3 ปี

เรื่องราวพวกนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในทุกความทรงจำของผม


ถ้าจะมองตามปฏิทินที่เปลี่ยนไป ก็นับว่าเป็นเวลาที่ผ่านไปเร็วพอสมควร นับตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่ที่ต่างประเทศ นอกจากเรื่องงาน ผมก็ไม่เคยติดต่อกลับไปยังประเทศไทยเลย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมไม่คิดถึงอีกคนหรอกนะ .. ตอนนี้เขาคงแต่งงานกับรินดาแล้วสินะ

เฮ้อ..ผมคิดถึงคินรดาจัง อยู่ที่นี่ไม่มีทางที่จะติดต่อเธอได้เลย นอกจากจะติดต่อผ่านรินดา และผมไม่ค่อยอยากทำอย่างนั้นสักเท่าไหร่  ไม่สนุกเลยนะที่จะติดต่อกับผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว และเจ้าของของเธอ ..ก็เป็นคนที่ผมคิดถึง มันแย่ใช่ไหมละ ? นี่แหละเหตุผลที่ผมไม่อยากกลับไปประเทศไทย ผมไม่อยากเลว.. แค่คิดถึงอยู่ที่นี่คงไม่เป็นไร แต่ถ้ากลับไปเห็นเขาอยู่กับคนอื่น ..ผมคงต้องกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวแน่ๆ 

อาผมติดต่อมาครั้งเดียวก่อนเข้ารับโทษ ..เขาบอกว่า ฝากบริษัทด้วย มันเป็นสมบัติของปู่และย่าผมที่เขาเคยคิดทำลาย ผมรู้ว่าอากำลังรู้สึกผิด แม้ว่าเขาจะไม่ได้เอ่ยคำว่าขอโทษเลยแม้แต่คำเดียว และผมรู้ว่าเขาคงได้รับผลกรรมแล้วละ เพราะชีวิตในคุก.. มันไม่สวยหรูเลย

ส่วนเคย์..พ่อแม่เขาใช้เงินเป็นจำนวนมากในการให้เขาพ้นโทษ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็โดนส่งตัวไปยังต่างประเทศเพื่อบำบัดจิตใจ .. เพราะเขาก็ติดโรคมาจากพ่อเขาเหมือนกับคีย์ เพียงแต่เขาไม่อยากจะยอมรับมันเอง.. เอาแต่หลอกตัวเองว่าเขาปกติดีทุกอย่าง จนเกือบทำลายคนในครอบครัวไปแล้ว

อีกคนที่ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไงก็คือ สีคราม ผมไม่ได้ตามสืบเรื่องของเขามากมายนัก ผมคิดว่า คีย์คงดูคนอย่างสีครามออกได้ไม่ยาก


“บอสคะ คุณหมอพฤษติดต่อมาคะ จะให้โอนสายมาที่บอสเลยไหมคะ”

“ได้ครับๆ โอนมาให้ผมเลยก็ได้”  สิ้นเสียงตอบรับของผม เลขาสาวก็โอนสายของหมอพฤษมาให้ผมทันที

หมอพฤษก็คือหมอนิสัยเสียที่ชอบตะคอกใส่ผมนั่นแหละครับ เพิ่งมารู้ชื่อมันหลังจากโดนมันด่าไปหลายรอบ เป็นหมอที่ปากจัดสุดๆคนนึง ไม่รู้ว่าคนไข้กล้ามารักษากับมันได้ไง ไม่โดนมันด่าเอาก็บุญโขแล้วละมั้ง

“ไง ทำไมช่วงนี้ถึงเงียบหายไปเลยละครับ หรือว่าได้หนุ่มใหม่มาช่วยรักษาแผลใจแล้วเหรอครับ”

“หมอพูดมากดีนะ แล้วนี่โทรมาทำไม”

“ก็เปล่า แค่โทรมาถามสารทุกข์สุขดิบเฉยๆ ว่าแต่..คุณคิดจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่เนี้ย”

“ไม่รู้สิ ผมยังไม่มีเหตุผลให้กลับไปเลย”

“แล้วไอ้คีย์ยังไม่เป็นเหตุผลที่มากพอเหรอครับ”

“อืม..ก็อาจจะยัง”

“ใจร้ายจังนะครับ ไม่รู้เพื่อนผมหลงรักคนอย่างคุณได้ไง”

“หมอโทรมาพล่ามแค่นี้ใช่ไหม ? ผมจะได้วางสาย ยังมีงานอีกหลายอย่างที่ต้องทำ”

“เฮ้ย เปล่า ..ผมแค่จะโทรมาบอกคุณว่าคินรดาถามถึงคุณบ่อยมากเลยนะ อีกประมาณสองสามวันก็ถึงวันเกิดเธอละ คุณไม่คิดจะกลับมาให้เธอเห็นหน้าหน่อยเหรอ”

“...” ผมไม่ได้ตอบคำถามเขา เพราะไม่แน่ใจว่าเขาต้องการคำตอบ หรือแค่โทรมาบอกผม

“ตามใจคุณละกันนะ ..อยากกลับก็กลับ ไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ แต่ไอ้คีย์อ่ะ มันยังรอคุณอยู่นะ”

“แค่นี้นะ..”

สายโดนตัดไป เดาได้เลยว่าตอนนี้หมอคงหัวเสียแน่ๆ เขาไม่ชอบให้คนตัดสายใส่สักเท่าไหร่นัก สิ่งที่เขาพูดมันทำให้ผมคิดมากจริงๆเลย เฮ้อ.. ผมเอนหลังพิงเก้าอี้และหลับตาลง อยากเลิกคิดเรื่องนี้สักพักนึง


ก๊อก..ก๊อก

“เข้ามาเลยครับ”

“เอ่อ..บอสคะ ทางด้านผู้บริหารที่ไทยเขามีปัญหานิดหน่อยคะ”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“คือ.. เหมียวได้ข่าวจากทางวงในมาเรื่องการไม่พอใจที่บอสมาทำงานที่ต่างประเทศอ่ะคะ กลุ่มบริหารบางส่วนค่อนข้างไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ที่บอสเอาแต่ทำงานที่ต่างประเทศโดยไม่เข้าไปดูแลบริษัทใหญ่ที่ไทยเลย” คุณเหมียว หรือเลขาคนสวยที่เป็นทั้งเพื่อนและพนักงานของผม เธอเป็นคนที่มีคุณภาพจนน่าตกใจคนนึง และผมดีใจที่เธอเป็นทั้งเพื่อนและพี่สาวให้ผมได้

“แล้วผมควรทำไง ? กลับไปเหรอ ..ผมกลับไปไม่ได้หรอกนะ”

“เหมียวไม่รู้นะคะว่าบอสมีเรื่องอะไรถึงต้องมาบริหารต่างประเทศ ..แต่บอสจะทำงานที่นี่ตลอดไปไม่ได้หรอกนะคะ ยิ่งถ้าหากว่าผู้ถือหุ้นเกิดไม่พอใจขึ้นมา มันจะยิ่งแย่นะคะ”

ความจริง..เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างกังวล ตลอดเวลาที่ผมดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหาร..ถึงผมจะมีใบปริญญา แต่ประสบการณ์ผมก็ถือว่าน้อยมาก ยิ่งพอบริษัทไม่เคยประสบปัญหาเลย ตลอดช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ..ใช่ มันเป็นข้อดีที่ผมสามารถบริหารงานได้โดยไม่มีปัญหา แต่มันก็เป็นข้อเสียด้วยเหมือนกัน เพราะพวกเขาคงไม่มั่นใจว่าถ้าหากมันเกิดปัญหาขึ้นมา ผมจะแก้ได้รึเปล่า

เอาไงดีวะ

หนีมาขนาดนี้แล้ว จะกลับไปให้ปวดใจเล่นๆทำไม

เฮ้อ..


“ถึงพวกเขาไม่พอใจก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ยังไงผมคงไม่กลับไป”

“เหตุผลที่ไม่กลับไปละคะ ? เป็นเพราะคนที่ชื่อคีย์รึเปล่า ? คนที่เขียนโปสการ์ดมาหาบอสทุกเดือน โดยที่ไม่รู้ว่าบอสไม่เคยอ่านมันเลย .. .ใช่คนนั้นรึเปล่าคะ ? ” คำพูดเธอมันทำให้ผมสะอึกไป .. มันจี้ใจดำผมสุดๆไปเลยละ

“โรมน่าจะเผชิญหน้ากับความจริงบ้างนะ พี่พูดในฐานะพี่สาวคนนึงที่ผ่านโลกมามากกว่าโรม ..พี่อยากให้โรมคิดให้ดีๆ ว่าการที่จะหนีไปตลอดแบบนี้ มันดีสำหรับโรมจริงๆแล้วเหรอ ? พี่เป็นห่วงโรมนะ และพี่ก็เคารพการตัดสินใจของโรมเสมอ”

“พี่..คือผม..” 

“โปสการ์ดอ่ะ พี่ยังเก็บเอาไว้ทุกใบ เดี๋ยวพี่ตั้งเอาไว้บนโต๊ะพี่ก็ได้ ถ้าโรมไม่สนใจมัน ก็แค่หยิบมันทิ้งลงถังขยะไปซะ ถ้าพรุ่งนี้พี่ยังเห็นมันตั้งอยู่ พี่ก็จะเอามันไปทิ้งเอง” พี่เหมียวพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะได้พูดจบประโยค

พอหมดสิ่งที่ค้างคาในใจ พี่เหมียวก็ไปปทำงานตามปกติ ทิ้งผมให้จมอยู่กับคำพูดของเธอที่ยังดังก้องอยู่ในหูของผมซ้ำๆ  ทำไมแต่ละวันของผมมันผ่านไปอย่างทรมานนักนะ เมื่อไหร่ผมจะมีความสุขซะที  เหตุผลที่ทำให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่ก็เพราะคีย์ และเขาก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยากกลับไปเหมือนกัน เพียงแต่ผมไม่อยากกลับไปเจ็บ ..จะกลับไปเห็นพวกเขารักกันทำไม


21.55 น.

เกือบสี่ทุ่มกว่าผมจะเซ็นต์เอกสารเล่มสุดท้ายเสร็จ ปวดหลังเป็นบ้า ไม่เคยชินเลยตลอดเวลาที่ต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้เกือบทั้งวัน ผมจัดของและเก็บเอกสารบางอย่างกลับไปทำที่คอนโด ระหว่างที่เดินออกจากห้อง สายตาก็ดันไปสะดุดเอากับกองกระดาษบนโต๊ะของพี่เหมียวเอาซะก่อน

กระดาษพวกนี้คงดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่ เพราะมันก็เป็นแค่กระดาษโปสการ์ดธรรมดาๆ แต่ชื่อของคนที่ส่งมาทำให้ใจของผมกระตุกได้ไม่น้อย .. ผมเป็นคนที่บอกให้พี่เหมียวเก็บโปสการ์ดพวกนี้ไว้ โดยไม่ต้องส่งมาให้ผม เขาก็ส่งมาอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมไม่เคยคิดจะเปิดอ่าน ถึงจะอยากรู้ว่าเขาเขียนอะไรมาบ้างก็เถอะ…
 
ผมยกกองโปสการ์ดพวกนั้นกลับคอนโดมาด้วย ไหนๆก็ไหนๆแล้วนะ ลองเปิดอ่านดูมันก็คงไม่เสียหาย เพราะอย่างมากก็แค่คิดถึงเขามากกว่าเดิม

- 01.01.255X -

‘ เป็นไงบ้าง ไปอยู่ที่นั้นปรับตัวได้รึเปล่า ดูแลตัวเองด้วยนะ ’

- 01.02.255X -

‘ วันนี้พี่ไปหาคินรดามาด้วยนะ เธอฝากจูบโรมพันครั้งเลยนะ เธอคงคิดถึงโรมมากเลย’

- 01.03.255X -

‘ พี่คิดว่าช่วงนี้โรมคงต้องทำงานหนักมากเลยนะ อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะ ’

- 01.04.255X -

‘ ถ้าให้พี่เดา โรมคงยังไม่เปิดอ่านโปสการ์ดพวกนี้แน่ งั้นใบต่อไปพี่จะเขียนทุกความรู้สึกพี่นะ ’

- 01.05.255X - 

‘ คิดถึงนะ คิดถึงมาก มากกว่าคิดถึงคินรดาซะอีก ’

- 01.06.255X -

‘ พี่ยังรออยู่นะ ถึงโรมจะบอกว่าไม่กลับมา พี่ก็จะรอ ’

- 01.07.255X -

‘ โทรมาคุยเรื่องงานกับพี่บ้างก็ได้นะ พี่ให้คำปรึกษาได้เสมอ ’

- 01.08.255X -

‘ พี่มีอะไรบางอย่างอยากให้โรมนะ และคิดว่าโรมคงชอบด้วย ไว้กลับมาพี่จะให้นะ ’

- 01.09.255X -

‘ อากาศที่นั้นคงเริ่มมีฝนแล้วสินะ อย่าลืมพกร่มไปด้วยนะ ’

- 01.10.255X -

‘ ใกล้สิ้นปีแล้วนะ ไม่อยากกลับมาไทยจริงๆเหรอ ’

- 01.11.255X -

‘ ทำไมสิบเอ็ดเดือนมันถึงผ่านไปเร็วจัง พี่รู้สึกเหมือนเมื่อวานเรายังเจอกันอยู่เลย ’

- 01.12.255X -

‘ เดือนสุดท้ายของปีแล้วนะ ปีนี้พี่รักโรม ปีหน้าพี่ก็จะรักโรมให้มากขึ้น ปีต่อไปพี่ก็จะยิ่งรักให้มากกว่าเดิม ’

....

ผมไม่น่าเปิดอ่านตั้งแต่แรก


มันไม่ได้ทำให้ผมคิดถึงเขามากขึ้นหรอก..แต่มันทำให้ผมรักเขามากขึ้นต่างหาก .. .ทำไมหัวใจผมรู้สึกเจ็บไปหมดเลย มันเจ็บกว่าตอนที่ผมคิดจะฆ่าตัวตายซะอีก .. .ผมทรมานจัง ..








---------------------------------------------------------------
ใกล้จบเเล้วเนอะ
จะพยายามไม่ทำให้ค้างคานะคะ
หลังจากนี้ คงสักอาทิตย์เลยนะ กว่าจะมาอัพใหม่ ไฟนอลมันโหดจนไม่รู้จะทำยังไง 555
สู้ๆนะคะ สำหรับคนที่สอบไฟนอล

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
3ปีพอเหรอ?
ไม่ได้ซ้ำเติมนะ
แต่กลัวแทนโรม
โรมกลับไปเจอสิ่งที่หนีมาก็ดีแล้ว
จะได้รู้ใจตัวเองว่าควรทำยังไงกับหัวใจตัวเอง

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
จะกลับไปให้ชอกช้ำทำไมเอิงเอย
สิ่งที่เขาเคยทำ คำพูดร้ายๆมันล้วนแต่เป็นของจริง
อย่าเอาโรคมาอ้างนะ แกเล่นเหวี่ยงทั้งวัน ฉันว่ามันไม่ใช่โรคอย่างเดียวแล้วล่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ชัดเจนตั้งแต่โรงพยาบาลแล้วนี้ยังต้องเคลียอะไรอีก เลือกที่จะพ้นแล้วก็อย่าได้หันหลังกลับ

ออฟไลน์ สองโซ่แซ่กุญแจมือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1


Once again ถ้าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
Chapter 23 : Nothing gets better



ช่วงสองสามวันมานี้ มีเรื่องที่ผมคิดหนักอยู่หลายเรื่อง จนกระทั่งตัดสินใจได้ว่าจะกลับไทย แต่ผมจองไฟลท์บินแค่วันเดียว เรียกได้ว่าไปเหยียบประเทศไทยไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ 

ถ้าถามว่าทำไมผมทำแบบนั้น ..มันก็คงเป็นเพราะความกลัวของผมเอง กลัวที่จะกลับไปเป็นแบบเดิม ก็เลยคิดแค่ว่าจะไปเพราะเรื่องงานเพียงอย่างเดียว

ผมคิดว่าการกลับไปครั้งนี้ผมคงโดนด่าเละแน่นอน เพราะบริษัทที่ไทยแทบจะวุ่นวายกับการจัดงานเลี้ยงตอนรับแบบฉับพลัน ทั้งที่ผมบอกว่าไม่ต้องจัดให้ผมก็ได้ แต่พวกเขาก็ยังยืนยันว่าจะจัดให้ทัน ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลยไป

ครั้งนี้ผมอยากกลับไปเยี่ยมอาในคุกด้วย ไม่ได้ไปเจอเขาเลยตลอดสามปี เขาคงเกลียดผมเข้ากระดูกดำไปแล้วมั้ง และเพราะชาติหน้าผมไม่อยากเกิดมาเจอคนอย่างเขาอีก ผมถึงอยากอโหสิกรรมให้กับเขา จะชาติหน้าหรือชาติไหนผมก็ไม่อยากเจอเขาอีกแล้วละ


“บอสคะ ได้เวลาไปเช็คอินแล้วละคะ เดี๋ยวจะตกเครื่องเอานะคะ ถ้าไปช้ากว่านี้” พี่เหมียวลากกระเป๋าใบใหญ่มาหาผม ..ใบใหญ่แบบที่ใหญ่มาก เธอคิดจะไปพักที่นู้นสักอาทิตย์นึง ซึ่งผมก็ม่ได้ว่าอะไร ยังไงงานที่นี่ก็ไม่ได้วุ่นวายเท่าไหร่อยู่แล้ว

“อ่า ..ครับ”


11 ชั่วโมงเต็ม ผมแทบจะเสียเวลาครึ่งวันไปกับการนั่งนิ่งๆบนเครื่องบินโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย พี่เหมียวเธอดูดีใจกว่าผมซะอีกที่ได้กลับไทย เธอก็คงคิดถึงครอบครัวจริงๆ น่าอิจฉานะ ที่เธอยังมีครอบครัวให้คิดถึง
ไฟลท์ขากลับของผมคือตอนประมาณเที่ยงคืนของพรุ่งนี้ ตอนนี้ก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว ผมเก็บของเข้าที่พัก รู้สึกมึนๆเพราะอาการแจ็ทแล๊กจากตอนที่ลงเครื่องบินมานิดหน่อย


“บอสไปงานที่โรงแรม CCV ไหวรึเปล่า สีหน้าบอสดูไม่ค่อยดีเลยนะ ถ้าไม่ไหวยังไงก็ยกเลิกไปก่อนก็ได้นะคะ งานต้อนรับเนี้ยมันก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอกคะ คนเขาคงเข้าใจกันนะว่าบอสเหนื่อย”

“..ผมคงโดนด่าจนเละแน่ๆ ..อาจจะโดนวิพากษ์วิจารณ์หนักกว่านี้ด้วยนะ ผมไม่เป็นไรหรอก แค่เมาเครื่องเอง ไปให้คนเห็นหน้าสักพักค่อยกลับมาพักก็ได้”

“เฮ้อ ..ตามใจนะคะ ถ้าไม่ไหวก็บอกพี่นะ”


21.05 น.

กว่าผมจะมาโผล่ในงานได้ ก็ทำเอาหลายคนไม่พอใจ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สายตาของพวกเขานี่ .. ทำเอาผมอธิบายไม่ถูกไปเลย

พิธีกรพูดตามไปตามหน้าที่ของเขา ผมขึ้นไปพูดแนะนำตัวและอวยพรแก่ทุกคน  จากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ ผมเดินทักทายผู้บริหารบางคน และบางคนก็เข้ามาทักผมทั้งที่เราไม่ได้รู้จักกันด้วยซ้ำ แต่ก็นะ.. สังคมแบบนี้ ทุกคนก็ต้องยิ้มให้กันอยู่แล้ว ถึงผมรู้ว่าพวกเขากำลังเลื้อยขาเก้าอี้ของผมอย่างเงียบๆก็เถอะ


เฮ้อ.. น่าเบื่อชะมัด เพราะมันน่าเบื่ออย่างนี้ไง ผมถึงไม่ค่อยชอบมางานแบบนี้กับพ่อสักเท่าไหร่นัก ในระหว่างที่ผมยืนเบื่อๆอยู่มุมนึงของงาน จู่ๆก็มีเด็กหญิงคนนึงวิ่งเข้ามาหาผมอย่างเร็ว เธอวิ่งมากอดผมอย่างแรงจนผมแทบเซ

“พี่โรม !!”

“คินรดา ?” ใบหน้าเล็กๆนั่นเปื้อนรอยน้ำตาไปหมด จนผมตกใจ

ผมทรุดตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับเธอ ก่อนที่จะปาดน้ำตาบนแก้มเนียนนั่นออกไป ..สังเกตได้เลยว่าแก้มเธอยังมีรอยแผลเป็นจางๆอยู่ ..เพราะความโง่ของผมคนเดียวเลย

“น้องดามากับใครเหรอครับ”

“หนู..ฮึก..ฮืออออ คิดถึงพี่โรมมากเลย..”

“พี่ก็คิดถึงน้องครับ ..แล้วตกลงน้องดามากับใครครับ” ผมพยายามปลอบเธอให้หยุดร้องซะก่อน คินรดาโตขึ้นมาก ตอนนี้เธอคง 6 ขวบแล้วสินะ ผมดีใจที่เธอยังจำผมได้ เธอโตเป็นเด็กที่น่ารักมากขึ้นกว่าเดิม และมีโครงหน้าที่คล้ายคลึงกับรินดาพอสมควร

“..มากับพ่อคะ..อึก..”

“น้องดารู้ไหมครับว่าเวลาร้องไห้น่ะ ..ผู้หญิงจะดูไม่สวยเลยนะ” คินรดาส่งยิ้มให้ผม ..เธอเป็นเด็กที่ไม่ว่าใครเห็นก็หลงเอาได้ง่ายๆ

“คะ..” เธอปาดคราบน้ำตาออกไป พลางพูดกับผมเสียงเครือ

“พี่โรมจะกลับมาถึงเมื่อไหร่เหรอคะ..” 

“คงจะแค่พรุ่งนี้ครับ ..แต่พี่จะกลับมาเยี่ยมน้องดาบ่อยๆนะ”

“สัญญาแล้วนะคะ”

“..ครับ..”

 เธอพูดถามผมหลายอย่าง สักพักก็มีคนมารับเธอกลับไปเพราะดึกมากแล้ว .. ส่วนผมก็ยังคงวนเวียนอยู่ในงานสักพักนึง ก่อนที่จะปลีกตัวออกมานอกงาน เพราะรู้สึกมึนหัวกับจำนวนคนในงาน


ผมยกบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ..ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่ได้ดีกับร่างกายของผมเลย แต่ในเวลาเครียดๆและน่าเบื่อแบบนี้มันช่วยผมได้เยอะเลยทีเดียว

เมื่อไหร่จะจบสักทีนะ .. ผมรู้สึกเหมือนมีคนเดินมายืนอยู่ด้วย แต่ผมไม่ได้สนใจใยดีเข้าสักเท่าไหร่นัก ก็อาจจะเป็นแขกสักคนในงาน

“เฮ้ย..” ผมร้องออกมา เมื่อจู่ๆใครก็ไม่รู้มาแย่งบุหรี่ที่ผมกำลังจะสูบไปจากมือผม มันเป็นการกระทำที่เสียมารยาทมากนะ

“มันเสียมารยาทนะ สูบบุหรี่ในที่ปลอดบุหรี่แบบนี้”

“เฮ้อ...แล้วคุณเกี่ยวอะไร..”

ผมหันไปจะด่าเขา แต่ก็ต้องชะงักไป .. ผมนึกว่าเขาจะกลับไปพร้อมกับคินรดาแล้วซะอีกนะ ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่ออีกทำไม

“ยังสูบบุหรี่อยู่อีกเหรอ”

“...”

“กลับมาก็น่าจะโทรมาบอกกันบ้างนะ”

“แล้วไงอ่ะ จะโทรหรือไม่โทรมันก็ไม่เกี่ยวกับพี่ป่ะ”

“ใช่ ..มันไม่เกี่ยว..” น้ำเสียงของเขาสลดลงจนผมรู้สึกผิดเอง และเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย

“รินดาเป็นไงบ้าง”

“เธอสบายดี ..แล้วโรมละเป็นไงบ้าง”

“ก็ปกติดี ชีวิตมันก็เรื่อยๆอ่ะ พี่อ่ะ..ชีวิตหลังแต่งงานเป็นไงบ้าง”

“ห้ะ ? โรมว่าใครแต่งงานนะ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเขาปะปนไปด้วยความตกใจ

“ก็พี่ไง พี่แต่งงานกับรินดาไม่ใช่เหรอ”

“โรมจะบ้าเหรอ พี่ไม่ได้แต่งงานกับรินดา”

“อ้าว ก็ไหนสีครามบอกว่าพี่จะแต่งงาน ?”

ให้ตาย.. ผมรู้สึกเหมือนโดนไม้หน้าสามฟาดหน้าเลย ทั้งมึนและงงผสมปนเปกันไปหมด คีย์เองก็ดูสับสนเหมือนกัน ผมกำลังคิดในใจว่า มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นอีกรึเปล่า ? ทำไมผมเหมือนคนหน้าโง่เข้าไปทุกที


“สีครามบอกโรมงั้นเหรอ ? ” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ซึ่งนั่นก็ทำให้คีย์ถอนหายใจอย่างหน่ายๆ

“มันบ้าจริงๆนะ พี่คิดว่าเขาจะป่วนพี่คนเดียวซะอีก นี่เขาป่วนโรมด้วยเหรอ”

“อืม ..และผมก็โง่ไปเชื่อเขาด้วยนะ ไม่รู้ว่าผมจะเสียเวลาที่เครียดไปทำไม”

“..โรมเครียดที่พี่จะแต่งงานเหรอ ?” แวบนึงนะ..ผมเห็นดวงตาของเขามันเปล่งประกายราวกับมีความหวัง จนผมรู้สึกขำ

“ยิ้มทำไมอ่ะ”

“เปล่า ..ผมไม่ได้ยิ้ม” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้นะว่าผมกำลังยิ้มอยู่จริงๆ ก็ผมขำเขาอ่ะ

“อืม ไม่ได้ยิ้มเลยนะ”

“รู้สึกดีเหรอที่พี่ไม่ได้แต่งงาน” เขาถามผม นั่นทำให้ผมนิ่งคิด.. ตอนที่เขาบอกว่าไม่ได้แต่งผมก็รู้สึกโล่งจริงๆนะ เหมือนยกอะไรที่หนักๆออกจากหัวใจไป..

“ถ้าเขินอ่ะ ไม่ต้องให้คำตอบก็ได้นะ” พูดจบคีย์ก็หัวเราะ จนผมอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ เขามันหลงตัวเองเกินไปนะ

“พี่จะบ้าเหรอ ใครเขาจะเขินพี่ อย่าหลงตัวเองดิ”

“หึ .. เชื่อก็ได้ แล้วนี่โรมจะมากี่วันอ่ะ”

“ถึงเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้อ่ะ”

 “ทำไมกลับเร็วจัง ไม่เหนื่อยเหรอ”

“ก็เหนื่อยนะ แต่จองไฟลท์ไปแล้ว ทำไงได้”

“งั้นพรุ่งนี้ไปเที่ยวกันป่ะ”

“..คงไม่ได้อ่ะ ผมต้องทำงานในบริษัทก่อน ที่ผมกลับมาก็เพราะมาเคลียร์งานนะ.. คงไปเที่ยวไม่ได้หรอก”

“ดีแล้ว... อย่าหักโหมทำงานมากนะ จะป่วยเอา” ถึงเขาจะพูดออกมาว่าดีแล้ว ..แต่แววตาของเขามันไม่ได้รู้สึกดีไปด้วยเลยนะ เขาไม่เคยเก็บอาการและความรู้สึกของเขาได้เลย

“แต่ตอนเย็นเราก็ไปหาไรกินด้วยกันก่อนผมกลับก็ได้นะ”

“เอางั้นก็ได้ ไว้พี่จะเข้าไปรับในบริษัทนะ”

คีย์ส่งยิ้มบางๆให้ผม ก่อนที่เขาจะก้มลงมองนาฬิกา ซึ่งบอกถึงเวลาที่ล่วงเลยมาจนดึกมากพอสมควร คนในงานก็เริ่มลดลงไปแล้ว ผมคิดว่าจะกลับก่อนเพราะรู้สึกเหนื่อยๆ คีย์เลยอาสาจะส่งแขกแทนผม เพราะเขาก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนผมเหมือนกัน มันคงจะดูน่าเกลียดพอสมควรถ้าหากไม่มีใครสักคนอยู่ส่งแขกบ้าง

......


พอถึงถึงโรงแรม ผมก็อาบน้ำและเข้านอนแทบจะทันที เพราะความเหนื่อยอ่อนทำให้ผมหลับเป็นตาย ตื่นมาอีกทีก็เกือบเที่ยงของอีกวันแล้ว และนี่เป็นความซวยของผม เพราะมันไม่มีบริษัทไหนที่เขาเข้าทำงานกันตอนเที่ยงหรอกนะ

มันก็เป็นอีกวันที่ผ่านไปด้วยความน่าเบื่อพอสมควร ก็แค่ทำงานและนั่งอยู่บนเก้าอี้เฉยๆให้ปวดหลังเล่นๆ จากนั้นก็นั่งฟังประชุมงานต่างๆที่ทุกคนตั้งใจเสนอกันเต็มที่ แต่ต่อให้ทุกคนพยายามกันขนาดไหน มันก็น่าเบื่อสำหรับผมอยู่ดี


ราวๆสี่ห้าชั่วโมงมาแล้วที่ผมนั่งเซ็นต์เอกสารอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ขยับไปไหนเลย จะบ้าตายจริงๆกับไอ้ตัวอักษรที่วิ่งเป็นพันๆคำในหัวผม เฮ้อ..


ก๊อก ก๊อก

“ใครครับ ?”

“เหมียวเองคะ”

“อ้อ เข้ามาได้เลยครับ”

“บอสคะ มีหุ้นส่วนมาขอพบค่ะ จะให้รออยู่ก่อนหรือเข้ามาเลยคะ ?”

“ใครเหรอครับ ?” เธอทำหน้าอึกอักเล็กน้อย จนผมต้องถามซ้ำ

“ใครมาครับ ?”

“คุณคีย์คะ..” เสียงเบาหวิวดังออกมาจากปากของเธอ นี่เธอกลัวอะไรรึเปล่า

“ให้เขาเข้ามาเลยก็ได้ครับ”

“เอ่อ..คะ”

“..วันนี้พี่จะกลับก่อนก็ได้นะ ผมมีนัดกับเขา ..ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้พาเที่ยวกรุงเทพ”

“..คือ.. โรมดีกับเขาแล้วเหรอคะ”

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ”

“โห ! ไม่เชิงอะไรกันคะ มีนัดกันแบบนี้อ่ะ คงชัดเจนได้แล้วมั้งคะ”

“ได้ข่าวว่ามีหุ้นส่วนรออยู่รึเปล่าครับ พี่ไม่ควรจะปล่อยให้เขารอนานนะ” ผมพูดกับเธอยิ้มๆ ซึ่งเธอก็หน้าเจื่อนๆไปและยิ้มกลบเกลื่อนไป ก่อนที่จะไปตามคีย์ให้เข้ามารอด้านใน


“ยังทำงานไม่เสร็จเหรอ ?”

“อือ” ผมพูดทั้งที่กำลังก้มหน้าเซ็นต์เอกสารอยู่ แค่เสียงก็คงไม่ต้องเดาหรอกว่าคนที่เข้ามาใหม่เป็นใคร

“ความจริงก็เสร็จแล้วแหละ เอากลับไปทำที่นู้นก็ได้ แต่อยากทำให้พนักงานเห็นว่าขยันแค่นั้นแหละ ” ผมพูดความจริงนะ งานพวกนี้มันไม่ได้สำคัญถึงขนาดที่จะต้องรีบทำวันนี้ให้เสร็จหรอก


“หืม.. แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จละ” คีย์ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟารับแขก

“ไม่รู้ดิ จนกว่าผมจะเหนื่อยมั้ง” ไม่รู้ทำไมจู่ๆผมก็อยากกวนประสาทเขาขึ้นมา

“งั้น...”

“งั้นอะไร ?”

“เรามาหากิจกรรมที่ทำให้เหนื่อยเร็วๆกันดีไหม ?”

“พี่จะบ้าเหรอ ! ” เขานี่มัน.. เป็นพวกที่กวนประสาทด้วยไม่ได้เลยสินะ

“ก็กิจกรรมประมาณแบบวิ่ง หรือไม่ก็ออกกำลังกาย แล้วคิดอะไรอยู่เหรอ ? คิดว่ามันควรจะเป็นกิจกรรมแบบไหนเหรอ ?”

“แล้วพี่จะวิ่งในบริษัทรึไงเล่า !”

อ่า..เวรเหอะ หน้าผมมันร้อนไปเลยตอนนี้ แล้วยิ่งสายตาที่เขาจ้องมาจนแทบจะมองความคิดผมออกทุกอย่างนั้น... มันบ้าจริงๆเลยนะ

พวกเราเสียเวลากับการเถียงที่ไร้สาระไปนานพอสมควร กว่าจะเก็บของและออกมาจากบริษัทได้ ผมเอากระเป๋าเดินทางมาด้วยเพราะเที่ยงคืนนี้ผมก็คงต้องกลับแล้ว บอกตรงๆนะ..บางทีผมก็รู้สึกใจหายเหมือนกันที่ไม่ได้กลับบ้านเลย แถมยังไม่ได้ไปเยี่ยมอาอย่างที่หวังไว้อีก ตารางงานมันแน่นจนผมไม่มีเวลาที่จะหายใจเลยด้วยซ้ำ


“แล้วเราจะไปไหนกันอ่ะ” ผมถามเขา เมื่อเห็นเขาขับรถมาสักพัก

“แล้วโรมอยากไปไหนอ่ะ” ถามผมกลับแบบนี้แล้วจะให้ผมตอบว่าไงอ่ะ ไม่กลับมาสามปี กรุงเทพเจริญขึ้นจนผมสับสนเส้นทางไปหมดแล้ว

“ที่ไหนก็ได้ ผมจำไม่ได้หรอกว่ามีที่ไหนบ้างที่น่าเที่ยวในกรุงเทพ” รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้าของคีย์


เฮ้อ...บางทีถ้าผมทำได้นะ ผมอยากจะเก็บช่วงเวลาแบบนี้ใส่ขวดเอาไว้แล้วเอาไปทุกที่ด้วยจัง ถ้าเกิดว่าวันไหนที่ผมรู้สึกแย่ๆ ผมจะได้รู้ว่าช่วงเวลาที่มีความสุขมันมีค่ามากแค่ไหน

“แล้วอาการพี่เป็นไงบ้างอ่ะ หมอพฤษว่าไงบ้าง” เมื่อบรรยากาศมันเริ่มเงียบๆ ผมถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ใช่อยากตอกย้ำเขาหรอกนะ แต่ผมอยากรู้ว่าเขาก้าวออกมาจากความทุกข์นั่นรึยัง ผมหวังว่าสามปีที่ผ่านมา เขาจะคิดและตระหนักหลายๆอย่างได้มากขึ้น

“ก็เรียกได้ว่าหายแล้วนะ อาการไม่กำเริบ ไม่มีภาวะซึมเศร้า ก็ปกติในระดับนึงแล้วแหละ แค่ต้องไปเช็คที่โรงพยาบาลบ่อยๆ” ความโล่งใจเกิดขึ้นกับผม เมื่อเขาเล่ามันโดยที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาแปลกๆ เล่าเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาเรื่องนึงที่จะพูดกับใครๆก็ได้

ทั้งหมดมันส่งผลดีกับตัวเขาทั้งนั้น ถ้าเขาเลิกมองมันเป็นสิ่งเลวร้าย และพยายามปรับตัวที่จะอยู่กับมันให้ได้ สำหรับผมเขาก็คือคนปกติที่ไม่ได้เป็นอะไรมากมายไปกว่าผู้ชายอารมณ์ร้อนคนหนึ่ง
 

“เดี๋ยวนะ ..พี่พาผมมาเที่ยวนี่หมายถึงที่นี่เหรอ” คีย์พยักหน้าแทนคำตอบ ผมเลยต้องลงจากรถตามเขาไป

“เอ่อ.. พาผมมาที่แน่น้ำเจ้าพระยาเนี้ยนะ ?”

“อืม..ใช่”

“โห..โคตรจะโรแมนติกเลยพี่”  ผมได้ยินเขาหลุดหัวเราะออกมา ถึงผมจะพูดอย่างนั้น แต่ในใจผมไม่ได้คิดอย่างงั้นหรอก

แม่น้ำเจ้าพระยาก็สวยดีนะ

ยิ่งเวลามีแสงสีทองจากไฟมากระทบแม่น้ำก็สวยไปอีกแบบ


“เวลาพี่เครียดๆ พี่ชอบมาอยู่ที่นี่นะ..มันทำให้พี่สบายใจมากขึ้น”

“..”

“พี่อยากพูดขอโทษโรมอีกนะ และพี่พูดมันเป็นครั้งสุดท้าย เพราะนับจากตอนนี้พี่จะไม่ทำโรมเสียใจอีก และไม่ว่าโรมจะตัดสินใจยังไง พี่ก็จะอยู่ข้างโรมเสมอนะ โรมจะเกลียดพี่ไปก็ได้..พี่ไม่ว่าหรอก และถ้าโรมจะมีคนใหม่..”

“...”

“..ต้องหาคนที่รักโรมให้ได้มากกว่าพี่นะ.. พี่ถึงจะยอมให้โรมมีคนใหม่ ..”


... คนโง่ .. ยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะมีคนใหม่ ทำไมต้องตัดสินใจคนเดียวด้วย..ไม่รู้เหรอว่าคนฟังก็เจ็บเป็นเหมือนกัน

“พี่นี่ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”

“..ชอบตัดสินอะไรเองคนเดียวอยู่เรื่อยเลย ..ผมไม่เคยพูดสักคำว่าจะมีคนใหม่..”

“..”

“...ตั้งแต่คบกันมามีสิ่งนึงที่เรายังไม่เคยทำ..”

“..”

“เราไม่เคยบอกเลิกกันเลยนะ ...ต่อให้มันจะเลวร้ายแค่ไหน ..แต่ผมไม่เคยได้ยินพี่บอกเลิกผมเลย.. แล้วพี่จะให้ผมทิ้งพี่ไปมีคนใหม่ได้ไง..”

“..”

“พี่อย่าทำให้ผมต้องเป็นคนเลวดิ..ผมไม่ชอบเป็นคนเลวเลยนะ”

“..ขอบคุณนะ..” น้ำเสียงเขามันกำลังสั่น.. ถึงเขาจะพยายามควบคุมมันแล้วผมก็ยังฟังออก

“ขอบคุณเหมือนกัน..” 

ผมรู้ว่าพวกเราต่างก็รู้ว่าเรารักกันมากแค่ไหน ถึงแม้จะไม่มีสักคนที่พูดคำว่ารักออกมา ..สำหรับผมแล้วการกระทำสำคัญกว่าการพูดทุกอย่าง เราต่างก็มีบาดแผลของตัวเองที่ต้องเจ็บปวดไปกับมัน เพียงแค่ผมโชคดีที่เรียนรู้จากบาดแผลนั้นได้ดี แต่คีย์เขาต่างจากผม..และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ ในวันที่เขาล้ม ..ผมไม่ใช่คนที่จะล้มไปกับเขา ผมอยากจะเป็นคนที่ช่วยพยุงเขาขึ้นมา .. ต่อให้มันยากแค่ไหน..แต่เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัยซึ่งกันและกัน

นั่นเป็นสิ่งที่ความรักสอนเรา


.....


23.00 น.

คีย์กำลังเดินมาเป็นเพื่อนผมขึ้นเครื่อง เขาดูเศร้าลงไปอย่างชัดเจน..ที่ผมรู้ก็เพราะเขาไม่เคยเก็บความรู้สึกได้เลย ทุกอย่างมันฉายออกมาในแววตาของเขา

“พี่เคยเขียนในโปสการ์ดไว้ว่ามีของอยากให้ผมถ้าผมกลับมาไทย” ผมพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ถึงข้อความที่เขียนอยู่ในโปสการ์ดแผ่นนึง

“อ้อ..” พูดจบเขาก็หยุดเดินจนผมต้องหยุดเดินด้วย

“ทำไมเหรอ พี่ลืมรึเปล่า ?”

“เปล่า..โรมหลับตาก่อนดิ”

“ไม่เล่นนะ เดี๋ยวตกเครื่องขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบผม”

“อืม..ไม่เล่นก็ไม่เล่น” เขาเดินต่อโดยไม่สนใจผม และผมต้องเป็นฝ่ายรั้งเขาเอาไว้

“เฮ้ยย... อย่างอนดิ เล่นก็ได้” ผมหลับตาลงตามที่เขาบอก

คีย์จับมือผมไว้ ก่อนที่จะสวมสร้อยบางอย่างให้กับผม .. เฮ้อ.. หัวใจผมมันเต้นแรงจนเจ็บไปหมดเลย

“เปิดตาดิ”

ทันที่เปิดตาผมก็สัมผัสสร้อยที่กำลังสวมอยู่ทันที .. มันเป็นสร้อยสีเงินสะอาด แต่สิ่งที่ทำให้ผมตะลึงไม่ใช่แค่สร้อยหรอก มันเป็นแหวนที่แขวนอยู่กับสร้อยต่างหาก


“นี่พี่ไปได้มันมาจากไหนเนี้ย ?”

“ก็ไม่รู้ใคร เอาแหวนไปจำนำไว้และไม่ยอมไถ่กลับมา ..” คำพูดของเขามันชวนขำก็จริง แต่ผมขำไม่ออกเลย มันเหมือนมีอะไรตื้นๆมาติดอยู่ที่คอจนพูดไม่ออก ผมลืมแหวนนี่ไปแล้วนะ..ลืมไปด้วยซ้ำว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่พ่อแม่ผมให้ไว้

“..พี่...”

“ห้ะ ?”

“...”

“เรียกแล้วทำไมไม่พูด.. มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆได้เลยนะ”

“..ทำไมพี่ไม่รั้งผมไว้เลยละ”

“..ก็ถ้ารั้งแล้วโรมจะไม่ไปรึเปล่าละ ... พี่เคารพการตัดสินใจของโรมเสมอ ไม่ว่าโรมจะไปหรือไม่ไป ยังไงพี่ก็รักโรมอยู่ดี เวลามันไม่มีผลกับหัวใจพี่หรอก”

“อืม..”  พอเดินด้วยกันสักพัก เขาก็หยุดเดินทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง

“โชคดีนะ ..เดินทางดีๆ ดูแลตัวเองด้วย ...พี่คงส่งแค่นี้แหละ..”

“พี่ด้วยนะ..ดูแลตัวเองด้วย”

“...รักโรมนะ..”

“...”

...ผมไม่ได้บอกรักเขากลับอีกแล้ว .. เลือกที่จะหันหลังและเดินออกมาห่างจากเขาพอสมควร..
 
.
.
.

….กึก..
 
เสียงกระเป๋าเดินทางที่ดังขึ้นเพราะผมหยุดเดิน.. ถ้าหากนี่เป็นการที่ผมตัดสินใจเอง.. ผมก็ขอให้มันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของผม ผมหันหลังกลับและวิ่งไปหาเขา ...มันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอด ผมอยากกอดเขาให้นานเท่ากับเวลาที่ผมเสียไป 
 
“ผม..ฮึก...รักพี่นะ..”

“ ..ครั้งหน้า.. ถ้าผมกลับมา..พี่ต้องสัญญานะว่าจะรั้งผมไว้.. เพราะครั้งหน้า..ผมจะให้พี่ตัดสินใจ..”

“..โรมก็รู้อยู่แล้วนิ..ว่าพี่จะเลือกอะไร”

-  THE END  -








---------------------------------
ความรู้สึกตอนได้เขียนคำว่า the end นี่ก็ทั้งหน่วงทั้งดีนะคะ
เกือบๆ 2 เดือนที่อยู่กับตัวละครที่สับสนในตัวเอง
อ่านคอมเม้นท์จนคิดว่าจะเปลี่ยนพลอตจบอยู่หลายครั้ง แต่ทำไม่ลง
ถ้าจบเเบบที่นักอ่านต้องการ (Bad ending) ทำไม่ได้จริงๆคะ
รู้สึกว่าถึงพาร์ทในส่วนดีๆของคีย์จะน้อย แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนเลวจริงๆนะ
มันใจร้ายเกินไปที่จะทิ้งตัวละครตัวนึงไปเลย (ที่ใจร้ายกับโรมนี่.. อีกเรื่องนะ 5555)
จบแบบนี้อาจมีหลายคนไม่ชอบเนอะ แต่ไม่เป็นไร 55555 นักเขียนยอมโดนด่าแทนคีย์เอง
นิยายเรื่องแรกที่เเต่งจบ ทั้งดีใจและเสียใจที่เเต่งจบ
ดีใจที่สามารถจบได้ เสียใจที่ไม่ได้เขียนเรื่องราวของสองคนนี้อีก
เรื่องตอนพิเศษนี่..ยังไม่มั่นใจนะคะว่าจะเเต่งรึเปล่า
แต่เรื่องต่อไปที่จะเเต่งเป็เรื่องราวของ หมอพฤษ กับ โซ่ (ตัวละครที่ไม่มีบทบาทในเรื่องนี้) นะคะ
จะไม่ดราม่า าอจมีบ้าง แค่ไม่มากเท่าเรื่องนี้ ไม่หน่วง(มั้ง) 5555
สุดท้ายนี้ก็ดีใจนะคะ ที่มีคนคอยติดตามอยู่ตลอด ทั้งติชมและด่าตัวละครกันอย่างเมามัน 55555
ขอบคุณจากใจที่อินไปกับตัวละคร ขอบคุณมากๆนะคะที่ติดตามเสมอ
รอคนเขียนสอบไฟนอลเสร็จก่อนเนอะ ถึงจะได้เปิดเรื่องใหม่ รักนะคะ ฝันดี

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เคารพทุกการตัดสินใจจ๊ะ เลือกเอาที่สบายใจเถอะ   :pig4:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ก็โอเคนะคือโรมได้เลือกเอง
บางครั้งอะไรๆก็ไม่เป็นไปตามที่เราต้องการหรอก
เช่นครอบครัวที่สามีตีภรรยาแล้วภรรยาก็ไม่ยอมไป
คนนอกอย่างเราก็ได้แต่โกรธกร่นด่าว่าทั้งผัวทั้งเมียว่าโง่
แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้งคู่หยุดไม่ได้เลิกกันไม่ได้เลิกกระทำไม่ได้
ใครบอกยังไงก็ทำไม่ได้จนวันหนึ่งที่ตัดสินใจเอง

อยากรู้ว่าสีครามมันไปป่วนที่ไหนแล้ว เจออะไรบ้าง
เราว่าโรมที่รู้เรื่องราวความเป็นไปแล้วก็น่าจะรับมือกับปัญหาต่างๆที่มากับโรคของคีย์ได้ดีขึ้น

ยินดีด้วยค่ะที่เขียนนิยายได้จบนะคะ
ขอให้มีการพัฒนายิ่งๆขึ้นไปนะคะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
จบแว้ววว. หน่วงกระทั่งตอนสุดท้ายจริงๆ  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
แอบลุ้นตล๊อดด ลุ้นทั้งเนื้อเรื่องและลุ้นกับคนแต่งด้วยค่ะ ดีใจที่ในที่สุดคุณเลือกจะเขียนแบบตัวคุณเอง เอาคอมเม้นท์มาปรับใช้กับเนื้อเรื่องเป็นเรื่องดีค่ะ แต่อย่าต้องเปลี่ยนเรื่องเพราะคอมเม้นท์เลย ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ และขอให้เขียนนิยายต่อไปเรื่อยๆนะคะ

ออฟไลน์ RedQueen

  • Memois Of A Calamity Queen
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
น้ำตาจะไหล แบบนี้ดีล่ะ :mew6:

ออฟไลน์ Isunn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 o18  ถือว่าจบได้ดีมากๆ  ความเกลียดที่มีต่อคีย์ หายไปเลย เข้าใจและเห็นใจทั้งคู่

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะจ๊ะ  :mew1:

ออฟไลน์ Tsubamae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
อยากให้มีตอนพิเศษจัง ขอหวานๆๆๆน้าาา

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

หน่วงเกือบทั้งเรื่อง

แต่อย่างน้อยตอบจบก็.....

จบอย่างเข้าใจกัน

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด