7
ก่อนมาถึงบ้านใหญ่ผมเคยคิดว่าชีวิตของผมกำลังจะเริ่มขึ้น แต่พอผมมาถึงเท่านั้นแหละ …
จบสิ้นแล้วชีวิตวัยรุ่นของผม
“เอ่อ นี่บ้านใหญ่ฮารุกะ รึเปล่าครับ” ความมั่นใจของผมหดลงเหลือราวๆเศษขี้เล็บที่ปลิวไปกับสายลมและแสงแดด
“ใช่สิ ไม่ได้อ่านป้ายหน้าสำนักรึไง”อีกฝ่ายตอบผมด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ผมชักไม่มั่นใจว่าผมหลงมาจากมิติไหนรึเปล่า ไหงแต่ละคนมันแฟนตาซีจังฟะเก่งโอเวอร์ไปรึเปล่า ไอ้ที่ลอยๆอยู่นั่นใช้สายสลิง
ใช่ไหม
“นายจะตื่นเต้นไปทำไม บ้านใหญ่เรียกตัวนายมาแสดงว่านายเองก็มีดีอยู่ใช่ไหมละ”
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมนั้นเป็นเด็กของตระกูลใหญ่ที่ถูกส่งมารับผมที่หน้าประตูตระกูล เน้นว่าแค่หน้าประตูตระกูล ผมต้องผ่าฟัน
อุปสรรคกับเส้นทางสายหฤโหดกับริวแค่สองคนเกือบหวิดตายมาหลายรอบถ้าไม่ได้ริวที่เซนต์แรงบวกกับความหล่อเหลาของ
ผม(?) ที่ให้เราสองคนอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงจุดหมายปลายทาง
“อะ… เอ้อ ใช่ ฉันฝึกหมาเก่งมากเลย” โดยเฉพาะหมาที่ชื่อริว
ปึก !
ยูพุ่งถลาไปด้านหน้าอย่างเสียงหลักจากแรงตบของริวที่แผ่นหลัง หน้าเนียนกระแทกเข้ากับคนที่เดินนำอยู่อย่างเต็มรัก ทำเอาขบ
วนเล็กๆของทั้งสามคนชะงักกึก ร่างเล็กดันตัวออกจากหลังแข็งๆนั่นก่อนจะหันไปตะวาดริว
“โอ๊ย ! นี่นายตีหลังฉันทำไมเนี้ยริว”
“ยุงกัด เลยช่วยตบให้”ริวชูรอยเลือดเล็กๆใจกลางฝ่าขึ้นมาเป็นหลักฐาน
ตอแหล !!!! นี่จงใจตบซะเต็มแรงแบบนั้นมันไม่ใช่แต่ยุงกัดแล้ว ความแค้นส่วนตัวชัดๆ
“อ๋อ เดี๋ยวนี้นายกล้าทำร้ายร่างกายเจ้านายเรอะ !”
“จะเถียงกันอีกนานไหม ท่านรองรอนานแล้ว”
ผมกลืนคำด่าพร้อมความแค้นลงคอ ตวัดสายตาเคืองไปให้ริวที่ทำหน้านิ่งเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด
นายเอาฉันไปเทียบกับหมาพวกนั้นก่อนทำไม ริวคิดในหัวก่อนจะดันร่างเล็กที่กระฟัดกระเฟียดให้ออกเดินต่อ สายตาก็มองสำรวจ
ไปรอบๆข้างอย่างสนใจเป็นพิเศษ ช่างเป็นสถานที่ที่หอมหวานจนจมูกของเขาแสบไปหมด
“อ้าวเข้ามาก่อนสิยู”รองหัวหน้าตระกูลนามมารุนั่งอยู่ในชุดสูทแบบเต็มยศเช่นเคย บนโต๊ะมีเอกสารกองพะเนินสูงจนยูแอบกลัวว่า
ถ้ามีลมพัดเข้ามามันอาจจะถล่มลงไปทับท่านรองตายได้
“สวัสดีครับท่านรอง”ยูฉีกยิ้มสดใส
“สวัสดี”ริวก้าวขึ้นมายืนขนาดข้างกับยูพูดทักทายอย่างไม่ใส่ใจนักจนยูต้องแอบเอื้อมมือไปบิดเอวร่างสูงเป็นเชิงเตือนกลายๆ
“…ครับ”
“ฮะๆๆๆ สวัสดีริว”ร่างสูงในชุดสูทกลั้นหัวเราะกับท่าทีของริวที่ทำสีหน้าฝืนใจทักทายแบบสุภาพด้วยความไม่เคยชิน
“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนี่ตารางเรียน ส่วนพวกอุปกรณ์เรียนทางตระกูลจัดไว้ให้ในห้องพักของนายแล้ว”คำพูดเนื้อแบบไร้น้ำ
หาความเข้าใจแทบไม่ค่อยได้ของท่านรองทำเอายูได้แต่พยักหน้าหงึกๆเหมือนหุ่นยนต์
“ส่วนเด็กคนนั้นชื่อ ชิน สนิทกันไว้นะเขาจะเป็นคนคอยดูและนาย”
“เหอะๆ ซวยจริง”เสียงพึมพำของชายที่ชื่อชินลอยเข้ากระแทกหูของผมอย่างจัง
“ชิน ฝากยูกับริวด้วยนะ”
“ใครจะไปอยากดูแลเด็กใหม่กัน เสียเวลาจะตาย…”
ท่านรองมองชินด้วยสายตาคมกริบทำให้ชินต้องรีบหุบปากอย่างฉับพลัน ความเย็นยะเยียบแผ่ออกมาจากบุคคลผู้ใส่สูททั้งตัวจน
อีกฝ่ายสะท้าน ถึงแม้ว่าสีหน้าของชินจะฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจนสุดๆ แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยปากปฏิเสธได้เช่นกัน จึงได้แต่จำ
ใจตอบรับไปแบบไม่ค่อยเต็มใจ
“เอ่อๆ ผมจะดูแลพวกเด็กใหม่ก็ได้”ชินพูดเสียงอ่อยอย่างจำยอม
“ดีมาก”ท่านมารุฉีกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะไล่พวกผมทั้งผมออกมาเพราะงานที่กองพะเนินไม่สามารถรอได้มากไปกว่านี้ และเมื่อกี้
ผมแอบเห็นแวบๆว่ามีคนยกเอกสารอีกปึกเข้าไปวางไว้บนโต๊ะท่านรองด้วย เป็นคนใหญ่คนโตนี่น่าสงสารจริงๆขนาดท่ารองยัง
งานเยอะขนาดนี้ ท่านหัวหน้าตระกูลจะงานหนักขนาดไหนไม่อยากจะคิด
ในขณะที่ผมกำลังใช้ความคิดอย่างเพลินแขนของผมก็ถูกกระชากอย่างแรงจนลงไปคลุกฝุ่นกับพื้นด้วยความมึนงงและสับสน
“อย่ามั่วแต่เหม่อได้ไหมหะ ! หัดระวังซ้ายระวังขวาซะบ้าง”ชินตะคอกผมอย่างโกรธๆในขณะที่ผมยังไม่เข้าใจเหตุการณ์จน
กระทั่งริวสะกิดผมให้ไปมองหลุมขนาดเล็กที่อยู่ใกล้เท้า มีร่อยรอยของการเผาไหม้ของดินจนกลายเป็นสีดำเท่านั้นแหละ ผมถึง
เข้าใจว่าเพราะไรผมต้องลงมากลิ้งคลุกดินอยู่แบบนี้
“ขะ ขอบคุณนะ”ผมพูดเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด
“เหอะ พวกบ้านนอก ไร้น้ำยา กาก”
ซะที่ไหน !!
“ใครมันจะไปรู้ละวะ ว่าเดินอยู่ดีๆถนนก็กลายเป็นรูระเบิดขึ้นมา มันใช่ความผิดฉันรึไงเล่า !!” นี่มันสนามรบหรืออะไรถึงได้มีแต่เรื่อ
งงพิลึกกึกกือทั้งนั้น
ผมลุกขึ้นยืนตะโกนใส่ชินอย่างโมโหมากๆ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะตะโกนใส่เอาๆแล้วจะไม่ของขึ้นนะเว้ยเดี๋ยวพ่อปั๊ดจัดให้
“ยูใจเย็น”ริวยกแขนล็อคคอผมเอาไว้ที่ทำท่าจะเดินเข้าไปฟัดกับชิน
“คะ คือว่าขอโทษนะครับ เมื่อกี้ผมพลาดไปหน่อย ผมไม่ได้ตั้งใจ”เสียงขอเด็กหนุ่มอีกคนเรียกความสนใจจากผมเป็นอย่างดี น้ำ
เสียงสั่นเครือดวงตากลมโตคลอหน่วยไปด้วยน้ำตาที่ปริ่มจนแทบจะหยาดหยดลงมาด้วยความสำนึกผิดทำให้ผมใจอ่อนไม่ถือสา
เอาเรื่องอีก
“ถ้านายไม่พลาดคงมีคนนองเลือดแถวนี้แล้วละฮารุ ถ้าเป็นแบบนั้นได้จริงๆจะดีมาก”
“ห๊า นายว่าอะไรนะ”ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ชิน
“หูหนวกรึไง จะไปตายที่ไหนก็ไปน่ารำคาญชะมัด”
ริวที่เงียบฟังมานานหรี่ตามองเด็กหนุ่มชาวมนุษย์อย่าที่เริ่มมีอารมณ์ครุกกรุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว ทำยูของเขาเจ็บตัวไปพอยังพูดจาไม่
เข้าหูอีก ไม่จัดการบ้างคงไม่เข็ดหลาบ
ริว-จัดการ-ยูออกคำสั่งริวในห้วงความคิดผ่านกระแสจิตที่สงบนิ่ง เป็นความสงบนิ่งครั้งสุดท้ายก่อนความอดทนเส้นสุดท้ายจะ
ขาดผึ่งออก เป็นคำสั่งจริงจังที่ริวไม่ได้ยินมานานจนอดตื่นเต้นเล็กไม่ได้ที่จะได้ทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ
หมับ !
มือแกร่งที่เต็มไปด้วยกรงเล็บของริวคว้าหมับเข้าที่ลำคอของชินริว ความไวปีศาจที่น่าตกใจของร่างสูงที่ดูไม่ค่อยเก่งอะไรทำเอา
ชินผงะ ยังไม่ทันตั้งตัวเภทภัยก็มาถึงตัวเสียแล้ว เมื่อสายตาที่ตามความไวนั้นไม่ทันก็ยากที่จะหลบการจู่โจมแบบกะทันหันครั้งนี้
ได้
“อย่า อย่าทะเลาะกันเลยนะครับ”เด็กชายเกาะแขนของยูเขย่าเบาๆ
“หืม ไม่ได้ทะเลาะสักหน่อย ก็แค่สั่งสอนพวกปากดีก็เท่านั้นเอง”ยูยิ้มหวาน รอยยิ้มนั้นทำเอาเด็กหนุ่มนามฮารุขนลุกเกรียว
เหอะ ! นี่ถ้าเขาพกคีมถอนฟันจากที่บ้านมาด้วยได้นะ เขาจะถอนฟันสกปรกๆจากปากนั่นไม่ให้เหลือเลย
กรงเล็บที่เริ่มขยับบีบเข้าจนแน่นของริวไม่มีทีท่าว่าจะเป็นเรื่องล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย ชินหน้าแดงกล่ำอย่าคนขาดอากาศหายใจ
ร่างกายกำยำไม่สามารถขยับได้ดั่งใจทันทีที่สบเข้ากับนัยต์ตาเรียวเล็กของร่างสูงตรงหน้า
“อ้าวๆ ปีศาจของนายไปไหนซะละ”ยูเอียงคอมองด้วยความสงสัย ถ้าเจ้านายอยู่ในอันตรายขนาดนี้ปีศาจในพันธสัญญาน่าจะรู้สึก
ได้นี่หน่า
“คะ คุณชินยังไม่มีปีศาจหรอกครับคุณ….”
“ฉันชื่อยู ส่วนเจ้านั่นชื่อริว”
“คะ คุณยูปล่อยคุณชินไปเถอะนะครับ ผมขอละ”เด็กหนุ่มน้ำตาร่วงเผลาะๆอ้อนวอนผมอย่างน่าสงสาร
เริ่มมีคนมามุ่งดูพวกเราทั้งสามคนมากขึ้นจนผมหมดอารมณ์จะสั่งสอนคนปากดี
“เห็นแก่นายนะ ริวพอ”
แคกๆๆๆ
เสียงไอสำลักอย่างน่าสงสารทำให้ฮารุต้องวิ่งเข้าไปลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ “เหอๆ อย่าคิดว่าฉันเป็นเด็กใหม่แล้วจะหงอให้นายข่ม
เอาๆนะเฟร้ย” ผมยืนค้ำหัวของอีกฝ่ายเอาไว้ เหลือบตามองต่ำอย่างคนเหนือกว่า
“หึ แน่จริงก็มาสู้กันตัวต่อตัว พวกขี้ขลาดเอาตาหลบอยู่หลังปีศาจอย่างนายยังมีหน้ามาพูดอีกรึไง”
“อ้าว มีของดีไม่ใช้เสียของสิพูดแปลกๆ ฉันจะไปสู้กับนายให้เจ็บตัวเล่นทำไม”
คำพูดไร้ยางอายกระทั่งริวยังอดที่จะส่ายหน้าด้วยความระอาในใจไม่ได้ “อะไร?มองฉันแบบนั้นทำไมเล่า ก็ฉันพูดเรื่องจริงนี่”
“เหอะ ขี้ขลาด”ชินเบือนหน้าหนีผม
“เขาเรียกว่าฉลาด ไม่ใช่ขี้ขลาด เพราะฉันสู้นายไม่ได้ก็เห็นๆอยู่ แล้วทำไมฉันต้องไปสู้กับอะไรที่ฉันสู้ไม่ได้ด้วยเล่า”
“พูดได้ดี !”
เสียงของชายรุ่นใหญ่ดังขึ้น เขาเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่แต่หลังงองุ้มด้วยความชรา ผมสีขาวโพลนบนศีรษะบ่งบอกถึงความมีอายุ
ว่าเกินเลขหกมาแล้วแน่ๆ ยูก้มตัวลงคำนับชายชราดังกล่าวอย่างอ่อนน้อมทั้งๆที่ไม่รู้จักหรือแม้แต่ชินและฮารุก็รีบยืนก้มหัวต่ำ
ประสานเสียงทักทายชายดังกล่าว
“สวัสดีครับท่านเมียวกะ/สวัสดีครับท่านเมียวกะ”
ชายชราพยักหน้าน้อยๆอย่างพอใจก่อนจะหันมามองยู “เด็กใหม่เรอะ”
“ครับ ผมชื่ยูเป็นลูกชายของ ท่านแม่ชิเอรุกับท่านพ่อคัตสึครับ”
“ชิเอรุกับคัตสึเรอะ….อืม ฉันไม่ได้เจอเจ้าคู่นั้นมานานแล้วละนะ ว่าแต่ทะเลาะอะไรกัน”
“เปล่าครับ/ไม่มีอะไรครับ”ยูและชินตอบพร้อมกัน
ทั้งสองเหลือบมองหน้ากันเล็กน้อยครั้นเห็นอีกฝ่ายมองมาก ต่างฝ่ายต่างก็สะบัดหน้าหนีไปคนละทางจนผู้เฒ่าเมียวกะหรี่ตามอง
“ตามกฎแล้วใครลงมือก่อนคนนั้นผิด ต้องถูกลงโทษนะ”
“ผมลงมือก่อนเองครับ”ยูเชิดหน้ารับอย่างลูกผู้ชาย เพราะตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มจู่โจมก่อนจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า
เขาจะเป็นฝ่ายผิดเสียหน่อย
ท่านผู้เฒ่าเมียวกะเห็นท่าทางดื้อดึงของยูก็แสยะยิ้มออกมา “เอาเถอะ ถือว่าเป็นเด็กใหม่ฉันจะหยวนๆให้ทำเป็นไม่เห็นแล้วกัน”
“ขอบคุณครับ”
“แล้วนี่จะไปไหนกัน”
“ผมจะพาเจ้าเด็กใหม่ไปที่ห้องพักครับ”ชินตอบอย่างฉะฉาน
“งั้นเรอะอืมงั้นก็ไปเถอะ”
“ครับ”
พวกเราทั้งหมดก็รีบเดินออกไปจากบริเวณนี้ทันทีก่อนที่ท่านผู้เฒ่าจะเปลี่ยนใจเสียก่อน ผมหันกลับไปมองชายชราที่ถูกชินและ
ฮารุเรียกว่าท่านเมียวกะอย่างพิจารณา รอยยิ้มใจดีตามประสาคนแก่ดูไม่มีอะไรน่ากลัวแต่ดูจากท่าทางของชินที่หน้าซีดเป็นไก่
แช่แข็งกับฮารุที่ยืนแข็งทื่อก็พอจะสรุปคร่าวๆว่าท่านผู้นี้อาจจะเป็นอาจารย์หรือบุคลากรระดับสูง
“เอาห้องของนายอยู่ชั้นหก ห้องหกหกหก”
ชินพูดรัวก่อนจะยัดกระดาษแผ่นบางที่ยับยู่ยี่ใส่มือของผมแล้ววิ่งหนีไปด้วยสีหน้าสะใจแบบที่ผมไม่เข้าใจเขาเลยสักนิด ทำเอา
ผมถึงกับหัวเราะเหอะๆๆ หาทางเอาของขึ้นไปไว้ที่ชั้นหกด้วยตัวเอง และมันทำให้ผมรู้อย่างหนึ่งว่าที่หอพักขนาดใหญ่แห่งนี้ไม่มี
ลิฟท์ !
“บอกฉันทีว่าฉันไม่ได้อยู่ชั้นหก”ผมน้ำตาปริ่มหันไปมองริว
“โทษทีนะแต่นายอยู่ชั้นหก”
ผมลากกระเป๋าขนาดใหญ่ขึ้นตามบันใดแต่ละขั้นด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี แต่สุดท้ายแล้วกระเป๋าทั้งหมดของผมก็ไปกองอยี่มือ
ของริวและผมก็เดินตัวเปล่าๆแบบลิ้นห้อยขึ้นห้องไป
“ฉันดีใจจริงๆที่เดินขึ้นมาถึงห้องได้โดยที่ไม่ขาดใจตายกลางทางไปซะก่อน”ผมบ่นงึมงำนอนแผ่หลาอย่างหมดแรงอยู่กลางห้อง
“ยู”ริวคว้าแขนของผมเอาไว้
“มีอะไร”
ริวไม่ตอบแต่เดินเข้ามาจับที่แขนของยูแล้วยกขึ้น ทำให้ยูได้เห็นแผลถลอกขนาดกลางๆที่ข้อศอก แผลสดสีแดงคล้ำที่เปื้อนฝุ่นมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย “อ้าวเป็นแผลด้วยหรอเนี้ย” ยูมองแขนของตัวเองตาโตเพราะตรงที่เป็นแผลแทบจะไม่รู้สึกเจ็บเลยสัก
นิด
แต่พอเห็นเลือดที่ซึมออกมาเท่านั้นแหละ ความแสบก็เข้าซ้ำเติมให้เจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที
“เจ็บมารึเปล่า”ริวเปิดขวดน้ำเทล้างคราบฝุ่นที่เกาะอยู่ออก
“ไม่เป็นไร พอไหว”
แผลบ !
ริวยึดแขนเล็กไว้มั่นไม่ยอมให้ยูที่ตกใจจนชักมือหนีขยับไปไหน ปลายลิ้นร้อนลากผ่านปลายแผลยาวเลยไปถึงปลายนิ้วเรียวยาว
“ระ ริว พอแล้ว”ยูยกมืออีกข้างขึ้นปิดปากของริวแล้วดันออกห่าง ฝ่ามือที่สั่นระริกของอีกฝ่ายทำให้ริวขยับยิ้ม
“แผลยังไม่หาย”ริวงับนิ้วร่างเล็กเบาๆอย่างขัดใจ สายตาคมปล๊าบของร่างสูงที่จ้องมองมาทำให้ยูต้องหลุบตาต่ำ หยุดการดิ้นรน
ขัดขืนที่ไร้ประโยชน์ปล่อยให้ริวทำตามต้องการ
กึก!
“โอ๊ย นี่นายกัดฉันทำไมเนี้ยหะ!”
“หงุดหงิด”
อะไรฟระ หงุดหงิดแล้วมากัดผมทำไมวะเนี้ย “เป็นหมาไปแล้วรึไง”
“มีเจ้าคนที่ชื่อชิน น่าหงุดหงิด”
“ฉันก็หงุดหงิดเหมือนกันเฟร้ย ! คนบ้าอะไรน่าเตะปากชะมัด”
ยูถือโอกาสที่ริวคลายมือออกชักแขนกลับเพื่อที่จะได้เปิดดูกระดาษที่เจ้าบ้านั่นยัดมาใส่มือเขา มันเป็นคล้ายๆตารางเรียนที่มีวิชา
เวลาและสถานที่กำกับไว้ มีเรียนจันทร์ถึงศุกร์ แต่เอ…เสาร์อาทิตย์ เป็นปฏิบัติการ ร่างเล็กพลิกกรดาษไปอีกด้านซึ่งเป็น
กำหนดการพิเศษต่างๆ วันพรุ่งนี้จะเป็นวันคัดตัว…
“หืม คัดตัวอะไรน่ะ?”
ยูพยายามพลิกกระดาษหารายละเอียดให้มากกว่านี้ พลิกจนกระดาษแทบขาดข้อมูลที่ได้ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย “เจ้าชินไม่เห็นจะพูด
อะไรเรื่องกำหนดการของพรุ่งนี้เลย”
“เขาอาจจะอยากแกล้งนายก็ได้”
“เหอะ เด็กชะมัด”
“จะเอาไงต่อ”ริวถามเสียงเรียบ มือทั้งสองข้างเนียนโอบเอวของอีกฝ่ายก่อนจะเอาคางเกยไหล่ของอีกฝ่าย
“ก็ไม่ไง เราคงทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าการเตรียมใจ”
“อืม”ริวครางรับในลำคอ
แก้มเนียนของร่างสูงถูกไถกับซอกคอขาวของยูเบาๆเป็นเชิงอ้อน ยูเอียงคอหนีแต่เหมืนยิ่งเป็นการเปิดทางให้ริวได้รุดล้ำมากขึ้น
“เฮ้ เป็นอะไรหิวแล้วรึไง”ยูถามด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจเพราะไม่นานมานี้พึ่งจัดชุดใหญ่ไปให้แท้ๆ
“เปล่า เลือดของนายทำให้ฉันมีอารมณ์”
“ไอ้โรคจิต !!!”ยูตะโกนลั่นก่อนจะดิ้นพล่านให้หลุดจากวงแขนแกร่งนั้น
ราวกับเหยื่อที่ติดกับ เมื่อรู้ตัวอีกทีก็หนีไปไหนไม่ได้เสียแล้ว ถูกกักขังไว้ในวงแขนแสนบอุ่นและปลอดภัยเรี่ยวแรงก็พลันถูกสูบ
หายไปหมด
ก๊อกๆๆๆๆๆ
“อ๊ะ ปล่อยเร็ว”ยูตีแขนริวแรงๆ
ร่างสูงหน้าบูดสนิทที่ถูกขัดจังหวะ ถึงกระนั่นก็ยอมคลายวงแขนออกเล็กน้อยให้ยูดิ้นออกไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ทันทีที่หลุด
ออกมาได้ยูก็รีบวิ่งไปเปิดประตูทันที
“ครับ?”
“โอ้ เด็กใหม่หน้าตาธรรมดากว่าที่คิด”
ฉึก !!
สาบานสิครับว่านั่นเป็นคำทักทายของคนที่พึ่งเคยเห็นหน้ากันครั้งแรก !
ปึก !
นิ้วเรียวที่เต็มไปด้วยพละกำลังดันประตูที่กำลังจะปิดลงด้วยฝีมือของยูไว้ได้ชะงัก
“โอ้ๆ นี่อย่าปิดประตูใส่หน้าคนที่พึ่งรู้จักกันครั้งแรกสิ”ชายหนุ่มยิ้มหวานให้ยู
“ขอโทษทีพอดีมือผมลื่น”ยูก็ส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายเช่นกัน
“ฉันชื่ออายะ พวกนายชื่ออะไรกันบ้าง”
“ฉันชื่อยู ส่วนนั่นผู้พิทักษ์ของฉันชื่อริว”
“ยินดีที่ได้รู้จัก พอดีว่า ที่ห้องฉันไม่มีอะไรให้กินเลยอ่ะนะ ห้องนายพอจะมีอะไรให้ทานบ้างรึเปล่า”
ผมยืนอึ้งไปประมาณสามวิก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนตรงหน้าจังๆ ให้ตายตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน
อายะดันผมให้หลีกไปอีกทางก่อนจะรื้อของกินที่ผมพึ่งจะเก็บเข้าตู้เย็นเสร็จออกมาทาน แถมยังอุตส่าห์มีน้ำใจหยิบมาเผื่อริวที่นั่ง
ดูทีวีอยู่ด้วย
“แหมๆ คนบ้านเดียวกันอย่าขี้เหนียวไปเลยน่า”ว่าแล้วอายะก็นั่งลงดูทีวีกับริวหน้าตาเฉย
ริวอมยิ้มเหลืบสายตาไปมองยูที่ยืนปลงตกยู่หน้าประตู “ยู”
“หืม”
“มานี่สิ”ริวตบที่นั่งว่างข้างตัว ยูก็เดินเอื่อยๆไปนั่งดูทีวีสมทบตาม
“นายรู้รึเปล่าอายะว่าการคัดตัววันพรุ่งนี้คืออะไร”
“ก็ประมาณว่าคัดว่าใครจะได้เรียนกับท่านอาจารย์คนไหนน่ะ แต่ฉันบอกไม่ได้หรอกนะว่ามันเป็นยังไง กฎกติกามันเปลี่ยนไปทุก
ปี”
“แล้ว…”
“อ่าอิ่มแล้วละ ฉันไปนอนละนะ ฉันอยู่ห้องข้างๆนายมีอะไรค่อยมาถามพรุ่งนี้เช้าแล้วกันนะ”อายะพูดตัดบทแล้วก็เผ่นแนบกลับไป
อย่างรวดเร็วทำให้ยูที่กำลังจะถามข้อมูลถึงกับหน้าเหวอไป
“เจ้านั่น…”
กร็อบ !
ตะเกียบไม้ในมือของยูถูกหักออกเป็นสองส่วนด้วยความโกรธแบบสุดๆ “สักวันฉันต้องเส้นเลือกในสมองแตกตายแน่ๆ” ริวยิ้มกับ
เสียงบ่นงึมงำนั้นก่อนจะยกมือลูบหัวลูบหางยูเป็นเชิงปลอบให้ใจเย็นลง
เฮ้อ ท่านพ่อครับ ท่านแม่ครับ ช่วยส่งกำลังใจให้ยูอยู่รอดปลอดภัยในที่ประหลาดๆแบบนี้ด้วยนะครับ
*****
หายไปนาน แต่ไม่ได้หายหน้านะครับ พอดีกว่าช่วงนี้ติดสอบแบบจะตายแล้วครับผมแต่จะมาอัฟเรื่อยๆไม่ให้ผู้อ่านรอนานเกินไปนะครับ
