พิมพ์หน้านี้ - กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 7 END!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: xlomx ที่ 11-11-2014 23:36:38

หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 7 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 11-11-2014 23:36:38
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [intro+ch1]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 11-11-2014 23:38:42
Intro
รัตติกาลอันมืดมิด ห้องล้อมไปด้วยท่วงทำนองแสนเศร้า หยาดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่า ร่วงหล่นกระทบกับแผ่นอกที่เปรอะไปด้วยหยดเลือดสีแดงฉาน
มันรู้สึกได้ว่าความตายกำลังกลืนกินมันอย่างช้าๆ
“อย่าตายเลยนะ”เสียงกระซิบแผ่วเบาของผู้เป็นเจ้าของน้ำตา
ทั้งที่ไม่รู้จักกันสักนิด แต่เขาคนนั้นกลับหลั่งน้ำตา…เพื่อข้า
“ได้โปรด อย่าตาย”
ข้าไม่รู้ว่าทำไมเด็กมนุษย์นี่ถึงไม่อยากให้ข้าตาย แต่ใบหน้าแสนเศร้านั้นทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อนานขึ้นมาอีกนิด เพื่อหาคำตอบให้กับคำถามที่ค้างคางใจ
…เหตุใดเจ้าจึงได้หลั่นน้ำตาเพื่อข้า?
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [intro+ch1]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 11-11-2014 23:46:42
1

   “ยูไปโรงเรียนได้แล้ว”

   “เห็นแก่โลกที่ยังหมุนอยู่ ขอฉันนอนอีกสักงีบเถอะ”

   เด็กหนุ่มหน้าตาธรรมดาบ้านอย่างผม ชื่อ ยู  อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นแต่ด้วยความอลังการของบ้านสไตล์ดั้งเดิมแบบยากูซ่า ทำให้มีคนเข้าใจผมผิดบ่อยๆว่าเป็นลูกชายยากูซ่า หรือไม่ก็พวกลูกคนรวย ทั้งที่ความจริงแล้วแม่ของผมเป็นแม่บ้าน และคุณพ่อเป็นเกษตรกรธรรมด๊าธรรมดา(ที่ไท่ธรรมดา) เพียงแต่บ้านหลังนี้เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น

   “ยูถ้านายไม่ลุกภายในสามวิ ฉันจะเอาน้ำสาดนายซะ!”

   ส่วนคนที่ยืนขู่ผมอยู่นั่น เป็นทาสผมเอง มีชื่ออันเพราะพริ้งว่า ริว (แน่นอนว่าผมเป็นคนตั้งให้)ถึงแม้ว่าหน้าตาเขาจะดูเป็นผู้ดีกว่าผม(มาก) สูงกว่าผม(มาก) และหล่อกว่าผม(มาก) ก็ตามเขาก็ยังยอมเป็นผู้ติดตามอันซื่อสัตย์ของผมอยู่ดี และที่สำคัญเค้าไม่ใช่คน

   “ริว ฉันยังไม่ได้นอนสักนิดเดียวมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ ให้ฉันนอนเถอะ”ผมโอดครวญ

   “วันนี้เป็นวันจบการศึกษาของนายแล้วไม่ใช่รึไง”

   เพราะงานบ้านั่นแหละทำให้ผมไม่ได้หลับไม่ได้นอน… ตอนนี้ผมอยากจะนอน นอนเท่านั้น! อาจารย์ใช้ให้ห้องเรียนของผมซึ่งอยู่ปีสุดท้ายตกแต่งสถานที่ พอตกแต่งเสร็จแล้วแต่อาจารย์ก็เดินกลับเข้ามาแล้วบอกให้แก้แล้วแก้อีก ! ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้อาจารย์พอใจได้สักที !!

   “ไม่ไป เหนื่อย”

   ซ่าาา

   “เฮ้ยยย”

ถังน้ำขนาดย่อมถูกเทลงราดร่างเล็กที่นอนอุตุไม่ยอมลุกออกมาจากเตียงทันใดนั้นเด็กหนุ่มผู้มีขอบตาดำคล้ำประหนึ่งแพนด้าร้องลั่นกับความเย็นชุ่มช่ำของน้ำในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก่อนจะตวัดตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดงไปยังริวที่ยังถือถังน้ำอันว่างเปล่าเอาไว้ ไม่ต้องถามเลยรู้เลยว่าใครเป็นตัวตนเหตุของการเปียกปอนครั้งนี้

   “เมื่อวานนายเป็นคนสั่งฉันเองว่า ‘ถ้าวันนี้ฉันไม่ยอมไปโรงเรียนให้เอาน้ำสาดฉันได้เลย’ ”

   ผมอ้าปากค้างมองริวที่ผมมองด้วยสายตาสงบนิ่ง ที่เหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง ทันทีที่ผมกำลังจะอ้าปากด่าสั่งสอนสักยกสองยกให้รู้ซึ้งถึงคำว่าเจ้านายกับทาสเสียหน่อย อีกฝ่ายก็ชิงพูดตัดหน้าผมขึ้นมาก่อน “ใกล้จะถึงเวลาเริ่มพิธีแล้ว”

   “ไอ้….เอ่อ โว้ย ให้มันได้งี้สิ!”

ผมสะบัดตูดออกจากเตียงยับยู่ยี่ที่ยังไม่ทันนอนให้เตียงอุ่นด้วยซ้ำด้วยความหงุดหงิดแบบฆ่าคนได้

   ริวมองร่างเล็กที่เดินย้ำหนักๆเข้าห้องแต่งตัวไปก่อนจะปิดประตูดังโครมใหญ่สะท้อนอารมณ์ของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี คนตัวใหญ่ถอยหายใจเบาๆ ก่อนจะลงมือเก็บกวาดผ้าปูเตียงให้เข้าที่เข้าทาง ดูเหมือนว่าเจ้านายของเขาจะลืมไปว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของเขา เฮ้อ..

   “ริว…”เสียงเรียกแผ่วๆของอีกฝ่ายทำให้เจ้าของชื่อต้องเดินเข้าไปหาด้วยความแปลกใจ

   “…กันไหม”

   “อะไรนะ?”

   “ฉันถามว่า ไป-ด้วย-กัน-ไหม”ผมค่อยๆสะกดทีละคำ ช้าๆเน้น ให้ได้ยินแบบชัดๆ

   ร่างสูงเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ ยูเมินหน้าหนีด้วยความเขินเล็กๆกับแก้มที่แดงระเรืองตามประสาคนปากหนัก

อะไรเล่าผมก็แค่อยากจะให้ริวมาช่วยถือของแค่นั้นเอง ! ที่จริงไม่ได้อยากชวนไปด้วยเลยสักนิด

“อืม”ริวเอื้อมมือไปจับมือของเจ้านายไว้หลวมๆ ยูเบ้ปากจับมือของริวเอาไว้หลวมๆทำท่าเหมือนจำใจแต่จริงๆแล้วก็ดีใจที่อีกฝ่ายยอมไปด้วย

สองหนุ่มจูงมือกันเข้าโรงเรียนซึ่งเป็นภาพที่แปลกประหลาดไม่น้อย สายตานับสิบจับจ้องไปที่ริวเป็นส่วนใหญ่ภาพหนุ่มหล่อในเมืองเล็กๆแบบนี้หาได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในเม็ดทรายแต่กลับมีสิ่งที่ไม่เข้ากันอยู่หนึ่งอย่าง มือที่สอดประสานกันของเด็กหนุ่มร่างเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินจนมองไม่ออกว่าเป็นใครกันแน่ที่เป็นผู้โชคดีได้จับมือกันหนุ่มหล่อคนนั้น

ยูที่เดินขนาดข้างริวแทบอยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีไปซะสิ้นเรื่องสิ้นราว ครั้งจะปล่อยมือก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะโดนพวกสาวๆรุมทึ่งซะก่อน

ริวมองยูที่เดินก้มหน้าแต่ลำคอกับใบหูแดงก่ำด้วยความเอ็นดูปนขำ เขายอมให้อีกฝ่ายจูงไปที่ค่อนข้างลับตาคนก่อนจะปล่อยมือออก

“นายรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันต้องเข้าหอประชุมแล้ว”

“อืม”

ริวมองตามร่างเล็กไปจนสุดสายตา เมื่อมองไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้านายแล้วสายตาคมก็กวาดมองไปรอบๆโรงเรียนอย่างสำรวจ ดอกซากุระบานสะพรั่งเข้ากับความคึกคักของเหล่านักเรียนที่ตั้งใจจัดบูทขายของกันอย่างขะมักเขม้น มีเด็กสาวหลายคนจ้องมองเขาเหมือนเสือเห็นเนื้อไม่มีผิด แถมพวกหนุ่มๆมองเขาด้วยสายตาอิจฉาแทบลุกเป็นไฟ

คนเหล่านี้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่แสนอ่อนแอเช่นเดียวกับเจ้านายของเขา เปราะบางและพร้อมที่จะแตกสลายได้ทุกเมื่อ

ใช่แล้ว… เขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นปีศาจ

สายเลือดของยูนั้นเรียกหาปีศาจและเทพอารักษ์ซึ่งสืบทอดมารุ่นต่อรุ่นจากบรรพบุรุษเหมือนเป็นคำสาปร้าย เพราะแบบนั้นทุกคนจึงต้องมีปีศาจรับใช้ที่ซื่อสัตย์และเก่งพอที่จะปกป้องผู้เป็นเจ้านายได้ แต่ลักษณะทางสายเลือดนี้จะยังไม่ชัดเจนจนกว่าจะอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ นั่นก็คือคืนนี้นั่นเอง

แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะลืมว่าวันนี้เป็นวันเกิดอายุครบสิบแปดปีของตัวเอง

“ริวววว”

“หืม?”

“เหม่ออะไรของนายไม่ทราบ”ผมยืนเท้าเอวมองอีกฝ่าย ที่เหมือนจะจิตหลุดไปดาวอังคารเรียกเท่าไหร่ก็ไม่หันมาสักที

“วันนี้…”

“ใช่ วันนี้เป็นวันที่วุ่นวายที่สุดในโลก มาช่วยฉันถือของหน่อยเร็วเข้า”

ฉันจะบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดของนาย…

ริวรับของทุกชิ้นมาถือไว้อย่างว่าง่ายโดยที่มีเจ้านายของตนยืนยิ้มแป้นกระโดดหยองแหยงอย่างอารมณ์ดีผิดสังเกต ครั้งจะอ้าปากถามก็โดนขัดจังหวะเสียก่อน

“พี่คะๆ”

ชายเสื้อของริวถูกกระตุกเบาๆจากเด็กผู้หญิงหน้าใสคนหนึ่งให้เดาว่าเธอคงจะอยู่ปีหนึ่งจากจำนวนดาวที่ติดอยู่บนปกเสื้อ แต่ริวยังคงนิ่งจนเด็กสาวเริ่มหน้าเสีย ยูสะกิดร่างสูงเบาๆพร้อมส่งสายตาดุแกมบังคับจนริวยอมเหลือบสายตาไปมองเด็กสาวแวบหนึ่ง

“มีอะไร”

“พูดดีๆหน่อยสิ”ยูดุ

“มะ ไม่เป็นไรค่ะ ! คือว่าฉันชอบพี่ช่วยรับเอาไว้ด้วยนะคะ”ว่าแล้วเด็กสาวก็ยัดห่อกระดาษสีชมพูใส่มือของชายหนุ่มร่างสูงก่อนจะ
วิ่งหนีไปด้วยความเขินอาย

ยูที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับเหวอไป อารมณ์ดีๆที่พิธีจบการศึกษาเป็นไปด้วยดีเป็นอันหายวับไปกับตา

อะ… อะไรเนี้ยเป็นแค่ทาสแท้ๆแต่ดันทำตัวหล่อเกินหน้าเกินตาจนน่าหมั่นไส้ เขาอยู่โรงเรียนนี้มาตั้งสี่ปียังไม่มีสาวมาให้ของสารภาพรักเลยสักคน แต่พอพาเจ้านี่มาโรงเรียนไม่ถึงสองชั่วโมงดันมีสาวมาหลงผิดชอบมันเข้าให้ !

ริวหันไปมองยูที่จ้องเขาด้วยสายตาร้องแรงก็นึกเข้าใจผิด

“ยู ให้”ริวยื่นซองสีชมพูของเด็กปีหนึ่งเมื่อกี้ให้เจ้านาย

“หา? นายเอามาให้ฉันทำไม”

“ก็เห็นจ้องอยู่นึกว่าอยากได้”

“ถึงฉันจะอยากได้ แต่เด็กคนนั้นเขาให้นาย มันเป็นของนายแล้วเข้าใจไหม”ยูกัดฟันอธิบายอย่างชอกช้ำใจไม่อาจทำใจรับความจริงที่ว่า ตัวเขานั้นไม่เคยมีสาวมาสารภาพรักสักคน

“แต่ฉันเป็นของนาย อะไรที่เป็นของฉันก็เป็นของนายอยู่ดี…”ยูตาเหลือกระโดดตะคลุบปากของอีกฝ่ายแทบไม่ทัน ภาวนาอย่าให้ใครมาได้ยินไอ้ประโยคสองแง่สองง่ามนั่นทีเถอะ! มีหวังชาตินี้หาแฟนไม่ได้ทั้งชาติแหงๆ

ริวเลิกคิ้วมองยูเป็นเชิงถามว่าเค้าพูดอะไรผิด ยูเพียงแค่ขึงตามองเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายหุบปากซะ

“นายน่ะทำตัวให้มันดีๆหน่อย”

“อืม”ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดตาม แต่ถ้าเจ้านายว่าผิดก็คงต้องผิดละนะ และยังไม่ทันที่จะบ่นไปมากกว่านี้ก็มีเด็กสาวอีกคนโพล่งขึ้นมาคั่นบทสนทนาของทั้งสอง

“พี่คะ ! รับของหนูไว้ด้วยสิคะ”

“พี่คะ !รับไว้ด้วยค่ะ”

“พี่คะ !!”

แล้วความโกลาหลก็เกิดขึ้นเมื่อบรรดาเสือสาวพุ่งเข้ามาตะครุบเหยื่อที่มีชื่อว่าริวอย่างหิวกระหาย ทำเอาพระเอกของเรื่องอย่างผมโดนชนปลิวออกไปนอกวงโดยส่งสายตาเจ็บช้ำมองไปที่ริวเป็นระยะๆ

อะไรเนี้ยวันนี้เป็นวันจบการศึกษาของฉันนะพวกเธอต้องเอาของขวัญมาให้ฉันสิ เอาไปให้เจ้าปีศาจนั่นมันทำไมกัน !!

“ยู”

เหมือนได้ยินเสียงเรียกจากสรวงสวรรค์ชายหนุ่มหันขวับไปยิ้มให้กับเจ้าของเสียงหวาน เขาแทบจะจำได้ทันทีเลยว่าใครเป็นเจ้าของเสียงนั้น

ก็แน่สิ แอบหลงรักเธอมาตั้งสี่ปี จำไม่ได้ได้ไงกัน !!

“งะ ไง สวัสดีครับยูริจัง” ขนาดชื่อของเธอยังคล้ายชื่อของผมเลย เราต้องเกิดมาเป็นคู่กันแน่ๆ

“สวัสดีค่ะยู นี่ของขวัญวันจบการศึกษา”สาวสวยยื่นกล่องของขวัญขนาดเล็กให้ซึ่งยูก็รับไว้ด้วยความยินดี พร้อมกับยื่นถุงขนมทำมือให้ยูริเป็นการตอบแทน

“ขอบคุณมากนะคะ”

อ่า ช่างเป็นรอยยิ้มที่เปล่งประกายจนละสายตาไม่ได้จริงๆ

“เอ่อ ยู ฉันมีเรื่องรบกวนหน่อยหน่อย”แก้มระเรืองสีชมพูก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาประหนึ่งเหมือนจะสารภาพรักกับเขา

“อะ อะไรหรอ”หรือว่า !! เธอจะมาสารภาพรักกับผมจริงๆ

“ริวน่ะ”

“หา?”

“คือฉัน…ชอบเขามาตั้งนานแล้วละ”

คือฉัน…ชอบเขามาตั้งนานแล้วละ


คือฉัน…ชอบเขามาตั้งนานแล้วละ

คือฉัน…ชอบเขามาตั้งนานแล้วละ

เหมือนได้ยินเสียงแอคโค่สะท้องก้องดังไปดังมาอยู่ในหัว เมื่อจู่ๆสาวที่ตัวเองแอบหลงรักมาสี่ปีมาบอกว่าชอบคนอื่นต่อหน้าต่อตาเขา หัวใจอันรวดร้าวเจ็บจนน้ำตาแทบไหล แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวต้องอดทนฝืนกลั้นทำตัวแข็งแกร่งฉีกยิ้มให้ดูเหมือนปกติเข้าไว้

“เจ้านั่นนะ…”

“ยูสีหน้านายแย่มากเลยเป็นอะไรรึเปล่า”

“ปะ เปล่าฉันสบายดี”แต่ทำไมโลกมันเอียงๆ ชอบกล


วูบบบ


“กรี๊ดด ยู”ยูริร้องลั่น

ริวที่คอยมองยูอยู่ห่างๆวิ่งพรวดทิ้งของขวัญในมือทั้งหมดลงพื้นอย่างไม่ใยดี พุ่งตัวเข้าไปรับยูไว้ด้วยสองแขนก่อนที่อีกฝ่ายจะเอนตัวล้มนอนขนานกับพื้นโลกไว้ได้ทันอย่างฉิวเฉียด แต่แล้วก็ต้องตกใจกับใบหน้าซีดเผือดเปรอะไปด้วยเลือดกำเดาที่ไหลเป็นทางประหนึ่งท่อประปารั่ว

“ยู ยู อย่าหลับ รู้สึกยังไงบ้างตอนนี้”ริวตบแก้มของคนในอ้อมแขนเบาๆ

“ระ…ริว เวียนหัว”ร่างเล็กกำชายเสื้อของอีกฝ่ายเบาๆอย่างไร้เรี่ยวแรง

“รีบพายูไปห้องพยาบาลเถอะค่ะ”

“จะ…จะกลับบ้าน แคกๆ”ยูที่พูดโพล่งขึ้นมาสำลักเลือดที่ไหลลงคอไป ไม่ต้องบอกว่าตอนนี้สภาพของเขาแย่แค่ไหน

ซอบบี้ในเรื่องเรสิเดทอีวิลยังต้องยอมแพ้ ผมค่อยๆดันตัวเองให้ลุกขึ้นเพื่อจะตรงดิ่งกลับบ้านให้ไวที่สุด ตอนนี้เรากลายเป็นจุดสนใจของสายตาประชีแล้ว

“ยังไหวรึเปล่า”ริวที่เห็นผมเดินเร็วกว่าเต่านิดหนึ่งถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

“ยังไม่ตายง่ายๆหรอกน่า”ผมพยายามปาดเลือดที่ไหลออกมาไม่ให้เข้าปาก รสชาติฝืดคอแถมกลิ่นคาวทำเอาผมอยากจะอ้วก
จริงๆ แม้ว่าจะเป็นเลือดตัวเองก็ตาม

“ต้องอุ้มไหม”

“อย่าแม้แต่จะคิด”เพราะแค่นี้ฉันก็หาแฟนไม่ได้แล้ว นายอย่าทำร้ายฉันไปมากกว่านี้เลย

“นายเดินช้าอย่างกับหอยทาก”ว่าแล้วริวก็อุ้มผมในท่าเจ้าสาวอย่างที่ผมกลัวจริงๆ ถึงแม้ว่าจะพ้นจากบริเวณที่มีคนพลุกพล่านมา
แล้วก็ตาม แต่ผมอาย ! เป็นผู็ชายแล้วโดนผู้ชายคนอื่นอุ้ทแบบนี้มันเสียเชิงชายจริงๆ !

ทันทีที่เท้าของยูลอยจากพื้นริวก็ออกวิ่งทันทีเพื่อให้กลับถึงบ้านได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ว่าจะมีเสียงบ่นและเสียงโวยวายดังเป็นระยะๆก็ตาม โชคดีที่บ้านของขาอยู่ใกล้ๆยูในสภาพนี้ให้ใครเห็นไม่ได้เด็ดขาด ถึงแม้เจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัวก็ตาม

ตึง ตึง ตึง !!

“อ้าวริว ยู ทำไมกลับมาไวกันละลูก”

“แม่ครับ ยูเป็นอะไรไม่รู้”

ผู้เป็นมารดาเดินเข้าไปใกล้คนโดนอุ้มอย่างรีบร้อนก่อนจะผงะอย่างตกใจในสภาพมอมแมมเป็นซอมบี้ของลูกชาย ผู้เป็นแม่จึง
หยิบทิชชู่ม้วนๆแล้วยัดเข้าไปในจมูกของผู้เป็นลูกเพื่อหยุดเลือดกำเดา

“อุ๊ย ตายแล้วสงสัยว่าเราคงต้องเริ่มพิธีก่อนกำหนดซะแล้ว พ่อจ๋ามาช่วยกันหน่อยเร็ว”

“อิอีอะไอ”(พิธีอะไร)

“นายจำไม่ได้จริงๆสินะ”

“อา?”(หา)

ริวหยิบกระจกที่มารดาของยูทิ้งไว้ให้ยื่นให้ยูมาส่องตัวเองให้เต็มตา ลวดลายอักขระสีดำกระจายวงกว้างไปทั่วตัวโดยเฉพาะ
บริเวณเปลือกตาทั้งสองข้างและลำคอ ซึ่งเจ้าตัวก็ตกใจจนโยนกระจกทิ้งดังคาด

“อ้ากกกก”ยูร้องลั่นตาเหลือกมองริวอย่างขอความช่วยเหลือ

“ไม่ต้องตกใจ วันนี้วันเกิดนาย”ริวอธิบายอย่างใจเย็น

“…”ยูทำหน้าเหมือนพึ่งนึกได้ว่าวันนี้ตัวเองอายุครบสิบแปดปีแล้ว

“มันควรจะเป็นตอนกลางคืน ไม่ใช่ตอนนี้”ริวขมวดคิ้วยุ่ง ยูที่รู้สึกดีขึ้นก็ดึงทิชชู่ออกจากจมูกเพราะชักจะเริ่มหายใจไม่ออก

“มันก็ถูกแล้ว ฉันเกิดตอนเช้า ไม่ได้เกิดตอนกลายคืน”

ทุกคนที่วุ่นวายกับการเตรียมของชะงักกึก

“เอ๋? แม่จำได้ว่าลูกเกิดตอนห้าทุ่มนี่หนา”

“ผมเกิดตอนสิบเอ็ดโมงเช้าครับแม่”ยูพูดอย่างเหนื่อยใจ

“เอาเถอะ พิธีพร้อมแล้วยูมายืนตรงนี้เลยลูก”

ห้องครัวขนาดใหญ่ถูกเคลียร์ให้เป็นพื้นที่โล่งๆ ท่านพ่อเขียรอักขระแปลกตาลงบนพื้นด้วยเลือดของอะไรสักอย่างเป็นวงกลมสาม
ชั้นเหมือนในหนัง ผมก้าวขายาวๆเข้าไปกลางวงพยายามไม่ให้เท้าไปโดนอักขระไม่น่าไว้ใจพวกนั้น เสร็จแล้วพ่อก็สาดเหล้าขาว
ทั้งขวดมาที่ผม

“พ่อทำอะไรเนี้ย” ที่จริงแล้วมันใช้แค่แก้วเดียวไม่ใช่เรอะที่ล่ทั้งขวด พ่อกะจะแกล้งอะไรผมรึเปล่าเนี้ย

“เงียบซะพ่อจะเริ่มพิธีแล้ว”

ผมเคยเห็นพิธีนี้มาหลายต่อหลายครั้งจากญาติๆ ก่อนจะทำพิธีต้องเชิญคนของตระกูลใหญ่เข้ามาเป็นสักขีพยานด้วย แต่นี่เป็นพิธี
ที่เงียบที่สุดตั้งแต่ผมเคยเจอมีแค่ผม พ่อ แม่ และริวเท่านั้น อักขระเหล่านั้นเริ่มมีแสเรืองรอง ความอบอุ่นถูกถ่ายทอดเข้าสู่
ใจกลางอกแผ่ขยายไปทั่วร่าง สบายจนต้องหลับตาเคลิ้ม

“ริวเข้าไปในนั้นซะ”มารดาตบบ่าของริวเบาๆ

ผมมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางตื่นๆ ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของการทำพิธี มันเป็นการผูกมัดอีกฝ่ายไว้ด้วยพันธะสัญญา
ดวงจิตเชื่อมดวงจิต ไม่มีความลับใดๆต่อกันอีก

“ริว…”

ปีศาจจะเป็นฝ่ายเลือกว่าจะประทับตราลงตรงส่วนไหนของร่างกายของผู้เป็นเจ้านาย ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่ก่อนแล้วแต่ก็อดตื่นเต้นไม่
ได้อยู่ดีเมื่ออยู่ในสถานการณ์จริง ริวปลดกระดุมชุดนักเรียนของผมออกซึ่งผมไม่สามารถขัดขืนได้ ความไม่ยินยอมเพียงน้อยนิด
ของเจ้านาย อาจทำให้พิธีล่มได้ซึ่งผมเคยเห็นกับตามาแล้วและผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับเรา

ถึงแม้ว่าเขาพึ่งจะเป็นคนทำให้ผมอกหักดังป๊อกก็ตาม คิดแล้วยังอดเจ็บใจไม่ได้

ริมฝีปากอุ่นประทับลงที่กลางอกนี่กะว่าถ้าใครจะทำลายพันธะสัญญาของเราคงต้องเอามีดทิ่มอกผมสินะ ริวค้างอยู่ในท่านั้นอยู่
นานจนผมเริ่มเมื่อย กว่าอีกฝ่ายจะยอมถอยออกไปลวดลายคล้ายรอยสักสีดำเข้มก็ปรากฏบนผิวกลางอกอย่างสวยงาม เป็นรูปมังกรกินหางตัวเองขดเป็นวงกลม

“ยินดีด้วยย”

แม่แอบซับน้ำตาด้วยความซึ้งใจกับอกของพ่อที่น้ำตาคลอเบ้า

ผมยิ้มอย่างดีใจที่เห็นพ่อกับแม่ดีใจ หรือแม้แต่ริวก็ยังยิ้มกว้างอย่างหาได้ยาก เหงื้อเม็ดใหญ่ที่ไหล่ลงมาตามขมับของร่างสูงทำให้ผมรู้ว่าเจ้ามังกรตรงหน้าของผมต้อใช้ความดทนกับการทำพันธสัญญามาพอควร พวกปีศาจมันจะต้องเจ็บปวดเสมอเมื่อต้องทำพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นี้

 “ไปนอนกับเถอะริว” ผมบ่าริวดังปั๊กๆ

“อืม”ริวจูงมือผมอย่างระมัดระวังขึ้นห้องนอนไป

อย่าได้เข้าใจผิดว่าผมจะนอนกับเขา ถึงแม้ว่าเราจะนอนห้องเดียวกันก็ตาม !

ผมนอนบนเตียง ส่วนเขานอนบนพื้น ห้ามคิดจะเอาผมไปจิ้นกับไอ้ปีศาจนั่นเด็ดขาดเชียว

“นอนด้วย”

“ไม่”

“ไม่สน”

ผมหน้าเหวอทันทีที่อีกฝ่ายปีนขึ้นมาบนเตียงแล้วถือวิสาสะกอดผมต่างหมอนข้าง ให้มันน้อยๆหน่อยมันไม่ได้โรแมนติกอย่างที่
คิดสักติ๊ด ! ผู้ชายตัวโตๆสองคนนอนกอดกันแถมผมยังไม่ได้อาบน้ำอีกต่างหากเน่าจะตายถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่รังเกียจแต่ผม
รังเกียจ

“ริวนายไม่ใช่เด็กแล้ว ปล่อยฉัน”

“เจ้านาย พันธะสัญญาคืนแรกอย่าลืมสิ”

เอ่อ ลืมสนิท ลืมไปเลยว่าคืนแรกที่ทำพันธะสัญญาเราจะห่างกันไม่ได้เพราะเป็นช่วงเวลาที่เปราะบางมาก แต่ถ้าจะนอนกอดจน
ผมหายใจไม่ออกขนาดนี้ก็ไม่ไหวมั้งครับ เหมือนกับอีกฝ่ายจะรู้ใจจึงคลายอ้อมออกออกเล็กน้อย

“เฮ้อ ฉันเน่าขนาดนี้นายไม่เหม็นรึไง”

“ไม่เป็นไรทนได้” แสดงว่าเหม็นสินะ !!

ริวยิ้มกับความคิดของคนเป็นเจ้านาย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวรึยังว่าความคิดของตัวเองมันดังมา

นอนเถอะเจ้านายของผม

เสียงของริวดังก้องในหัวของยูอย่างชัดเจนจนอีกฝ่ายอ้าปากค้างในความมืด ยูอ้าปากด่าพะงาบๆในความคิดซึ่งมั่นใจอย่างเต็ม
เปี่ยมว่าริวจะได้ยินชัดเต็มสองหู

เหอะ ฝันดีริว


หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [intro+ch1]
เริ่มหัวข้อโดย: SLEEPERINDY ที่ 12-11-2014 00:45:03
มาต่อเร็วๆนะ o13  :impress2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [intro+ch1]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 12-11-2014 07:20:52
แปลกดีอยากอ่านต่อและ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [intro+ch1]
เริ่มหัวข้อโดย: tou ที่ 12-11-2014 07:24:22
น่าสนใจๆ มาต่อเรื่อยๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [intro+ch1]
เริ่มหัวข้อโดย: PJansam ที่ 12-11-2014 09:13:42
อัยยะ สมกับเป็นมังก๊รมังกรชื่อ..ริว
รอตอนต่อไปนะคะะะ ชอบอะไรแฟนตาซีๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [intro+ch1]
เริ่มหัวข้อโดย: may5658 ที่ 12-11-2014 12:12:36
 :really2: มานั่งรอตอนที่สอง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [intro+ch1]
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 12-11-2014 13:26:14
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [intro+ch1]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 12-11-2014 14:41:31
น่าสนใจค่ะๆ
มาต่อไวๆน้าาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch2]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 12-11-2014 21:43:58
2
ผมลืมบอกไปว่าตระกูลของผมมีความสามารถพิเศษกันทุกคน เช่นท่านแม่ของผมเป็นหมอผีที่เก่งกาจส่วนท่านพ่อมีพรสวรรค์ในการขับไล่สิ่งอัปมงคลด้วยพืชมงคล ส่วนผม…ทำอาหารเก่ง ทำงานบ้านได้ดีไร้ที่ติ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่านั่นจะเรียกได้ว่าเป็นความสามารถพิเศษได้รึเปล่า

   “นายเก่งจนผู้หญิงอาย ภูมิใจไว้เถอะ”ริวพูดแทรกความคิดของยูที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน

   “หรือลูกอยากให้แม่ทำกับข้าวให้ละ”

   ความทรงจำอันน่าสยดสยองสุดขีดแวบเข้ามาในสมองของทุกคน ปลาที่โดนทอดจนเละเกรียมแทบไม่มีเค้าเดิมของปลา กับไข่ต้มที่แข็งอย่างกับหินไม่รู้ว่าทำออกมาได้ยังไง แต่อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้เขากระตือรือร้นที่จะทำอาหารที่กินได้มากกว่านี้ละนะ

   “คุณนี่ละก็!” คุณแม่ตีแขนของพ่อดังเพี๊ยะ เจ็บจนคนถูกตีหน้าเบ้

   “ผมว่าบางที แต่งเจ้าสาวสักคนเข้าบ้านน่าจะดีกว่านะครับ”ยูตักข้าวใส่ถ้วยส่งให้ทุกคน

   “ไม่ได้เด็ดขาด ลูกชายแสนดีขนาดนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกเหมาะสมกับลูกหรอก”ผู้เป็นมารดาแย้งเสียงแหลม

   “แม่จะให้ผมแต่งกับผู้ชายรึไง !”ยูหน้าบูดสนิท

   ผมยังอยากมีเจ้าสาวสวยๆแล้วก็ลูกๆที่น่ารักนะ !!

   “ถ้าลูกแต่งกับริวแม่ก็โอเคนะ”

   “ยินดีครับ”ริวตอบเสียงเรียบ

   “จะบ้ารึไง แม่แค่เล่นมุขไม่ต้องตอบแบบจริงจังขนาดนั้นก็ได้”ยูยกทัพพีเคาะหัวคนตัวสูงว่าเบาๆก่อนจะยื่นชามข้าวที่มีข้าวพูนล้นถ้วยให้

   กริ้งง

   กริ่งหน้าบ้านดังขึ้นขัดจังหวะครอบครัวสุขสันต์ ยูลุกไปเปิดประตูบ้านอย่างรู้หน้าที่ก่อนจะพบกับหนุ่มสุดเท่ห์ที่เหมือนกับหลุดออกมาจากนิตยาสาร   ยูจ้องอีกฝ่ายด้วยความอิจฉาในความเท่ห์และความสูงจนตาแทบลุกเป็นไฟ อารมณ์ดีๆถูกไฟริษยาจุดให้ลุกพรึบ จนเผลอกระแทกเสียงออกไปด้วยความไม่พอใจ “เอ่อ มาหาใครครับ”
   
“บ้านตระกูลฮารุกะรึเปล่าครับ”

   “ครับ”

   “จดหมายจากทางบ้านใหญ่ส่งมาครับ”

   ซองกระดาษสีน้ำตาลประทับตราตระกูลบ่งบอกถึงความสำคัญของจดหมายมากน้อยเพียงใด สำหรับซองนี้แล้วดูท่าจะไม่
ธรรมดาเอาเสียเลย ยูเหลือบตามองบุรุษไปรษณีย์ก่นจะก้มลองมองจดหมายในมือแล้วคิดในใจอย่างปลงๆ คนส่งจดหมายสมัยนี้หน้าตาพัฒนาถึงขนาดนี้เลยหรอ

   “ขอตัวก่อนนะครับ”

   “ขอบคุณครับ”ผมยิ้มส่งแขกเงียบๆก่อนจะยื่นจดหมายให้ผู้เป็นมารดาที่นั่งรออยู่นานแล้ว ซองจดหมายถูกแกะอย่างปราณีตเพื่อไม่ให้เสียถึงตัวจดหมายที่อยู่ด้านใน ยูแอบลอบสังเกตสีหน้าของมารดาเงียบๆ ใบหน้าสวยหวานที่มีรอยยิ้มอยู่เป็นนิจเงียบขรึมลงมาถนัดตา

   “ยู”

   “ครับ”

   “บ้านใหญ่มอบหมายงานให้ลูก ไปตามปิดคดีที่หลังเขามิวะงานก็ไม่มีอะไรมากแค่ไปตรวจสอบความเรียบร้อยเท่านั้น”

   “ผม?”

   “ใช่ ลูกกับริว”

   ผมลืมบอกไปเลยว่าใครก็ตามที่ทำพิธีบรรลุนิติภาวะแล้ว จะมีงานมอบหมายมาเรื่อยๆจนกว่าจะถึงวัยเกษียร พ่อกับแม่ของผมก็มีงานแบบนี้มาบ่อยๆเหมือนกัน และบางครั้งผมก็อยู่กับริวแค่สองคนนานเป็นเดือนๆเลยทีเดียว

   “แค่ตรวจสอบสถานที่เองครับ แม่ไม่ต้องห่วง”ยูยิ้มกว้างคีบเนื้อวางบนชามข้าวของผู้เป็นมารดาที่พร่องลงไปเพียงเล็กน้อย

   “จ้าๆ พ่อคนเก่งของแม่”ผู้ป็นแม่ยิ้มจาง

   หลังจากที่ทานข้าวล้างจานชามเสร็จริวก็ลากยูขึ้นห้องเหมือนมีเรื่องเร่งด่วน ฝีเท้าเร่งรีบจนแทบจะกลายเป็นกระโจน เท้าของยูลอยจากพื้นขึ้นมาเล็กน้อยเรียกได้ว่าถูกดึงจนปลิวจะขัดขืนตอนนี้ก็กว่าจะเจ็บหนักจึงได้แต่ยอมโดนฉุดกระชากลากตัวปลิวแบบนี้ไปเรื่อยๆจนถึงห้องนอน

   “อะไร มีอะไรริว?”ยูถามอย่างมึนๆ

   “ยู”

“มีอะไร”

“อย่ากังวล”

ดวงตาของยูเบิกกว้างกับคำปลอบใจนั้น เขามั่นใจแน่ๆว่าไม่ได้แสดงท่าทีกังวลใจออกไปสักนิดแต่พอเห็นสายตาของริวก็นึกขึ้นมาได้ว่า จิตวิญญาณทั้งสองได้ถูกผูกมัดกันเอาไว้แล้ว ไม่มีอะไรที่สามารถเก็บไว้เป็นความลับได้อีก ไม่แปลกใจเลยที่อีกฝ่ายจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของเขา ไม่ว่าจะพยายามเก็บซ่อนมันไว้ลึกแค่ไหนก็ตาม

“ฉันจะปกป้องนายเอง”

อ้อมกอดของริวยังคงอบอุ่นเสมอ ถึงแม้ว่าภายในใจของเขาจะสับสนจนมือเย็นเฉียบแต่ความรู้สึกอบอุ่นภายในหัวใจทำให้เขารู้สึกดีมากจริงๆ

“พูดไรของนายเนี้ย ไปเลียนแบบบทละครในหนังมารึไง”

“ฉันพูดจริง”

ยูยิ้มขำก่อนจะยกมือลูบหัวทุยของอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู อ้อมกอดใหญ่จากคนตัวใหญ่กระชับแน่นเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้สึกดีๆที่ส่งผ่านกัน ริวชอบความรู้สึกที่โดนอีกฝ่ายลูบหัวลูบหลังด้วยความรักพอๆกับที่ยูชอบความรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่อยู่ภายใต้อ้อมแขนแข็งแกร่ง

“ตัวโตตั้งขนาดนี้ยังชอบกอดฉันอยู่ได้ ใครมาเห็นเข้าต้องถูกเข้าใจผิดแหงๆ”

“ช่างมันสิ”

“ช่างมันได้ไงกัน ถ้าฉันหาเจ้าสาวไม่ได้ใครจะรับผิดชอบ”

“ฉันไง”

“หา?”

“ฉันจะเป็นเจ้าสาวให้นายเอง”

“…”

บางทีเขาอาจจะต้องต้องสอนเจ้าปีศาจนี่ใหม่ตั้งแต่ต้น… ว่าผู้ชายปกติๆเค้าไม่แต่งงานกันเอง !!

“ฉันละเหนื่อยกับนายจริงๆให้ตาย”

ริวยิ้มกอดผมไม่ปล่อย “นายยังต้องเหนื่อยกับฉันไปอีกนาน เจ้านาย”

“เฮ้อ.. ฉันเหนื่อยแล้ว อยากนอนจะแย่ปล่อยฉันได้แล้วริว”

“ขอนอนกอดได้ไหม”

“ออกไปนอนนอกห้องเลยไป๊ ไอ้มังกรโรคจิต!”

โครมมม !!

ว่าแล้วร่างใหญ่ก็ถูกเหวี่ยงออกจากห้องอย่างสวยงาม ยูทำหน้ายักษ์ปิดประตูใส่หน้าอีกฝ่ายดังโคร่มใหญ่ ริวมองประตูอย่างหงอยๆก่อนจะนั่งลงพิงประตูเงียบๆ

คาดว่าถ้าทำเสียงหงิงๆแบบน้องหมาได้คงจะทำไปแล้ว

“ยู”

ริวกระซิบเรียกเสียงแผ่ว

“ยู”


แกร๊ก !

ลูกบิดประตูถูกเปิดออกโดยเจ้าของชื่อที่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาหงุดหงิด “มองอยู่นั่นจะเข้าหรือไม่เข้า”

ยูเป็นพวกปากร้ายใจดีเสมอ ริวตระหนักถึงข้อนั้นได้ดีกว่าใคร “อืม”

“เพราะฉันสงสารนายหรอกนะ นอนซะพรุ่งนี้ยังมีงานต้องไปทำแต่เช้า”

ริวมองฟูกหนานุ่มที่ปูไว้บนพื้นข้างๆเตียงอย่างดีทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังยัดอยู่ในตู้อยู่เลยแท้ๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนทำ ริวเอนตัวลงนอนช้าๆแต่สายตากลับจดจ้องไปยังเจ้านายเพียงหนึ่งเดียวของตน ยูดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของริวเหมือนปกติก่อนจะดับไฟในห้องให้มืดสนิท

เจ้านายที่ใจดีขนาดห่มผ้าให้เขาที่เป็นเพียงแค่ปีศาจในพันธะสัญญา

ความใจดีของยู เขาไม่ต้องการที่จะแบ่งให้ใคร และไม่ยอมให้ใครมาแย่งไป

งานพรุ่งนี้คงเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสเอาการสำหรับยูที่ไม่เคยออกไปไหนเลยนอกจาก ตลาด บ้าน และโรงเรียน เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างน่าประหลาดสำหรับงานที่ได้รับมา แต่ถึงยังไงตราบใดที่มีเขา จะไม่มีใครแตะต้องยูได้แม่แต่ปลายเล็บ

ฝันดีนะริว

เสียงกระซิบของผู้เป็นเจ้านายส่งผ่านมาทางความคิด

ฝันดีเจ้านายของฉัน


### 50%###


หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch2 50%]
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 13-11-2014 00:34:55
ติดตามค่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch2 50%]
เริ่มหัวข้อโดย: rule ที่ 13-11-2014 02:57:53
มังกรขี้หวง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch2 50%]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 13-11-2014 06:54:58
บางทีริวก็เหมือนเด็กน้อยยย
น่ารักๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch2 50%]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 13-11-2014 07:25:27
ริวนายเป็นมังกรหรือหมาเอาให้แน่5555

รอครับ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch2 50%]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 13-11-2014 08:14:06
ชอบจังเลย
มาติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch2 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 14-11-2014 11:47:28
Ch2 part2

ลมหนาวของฤดูใบไม้ผลิเป็นอะไรที่ทรมาณกายและใจของยูเป็นอย่างมาก เมื่อต้องตื่นแต่เช้าในช่วงที่หนาวที่สุดของเดือน ลมหายใจที่ถูกพ่นเป็นไอสีขาว ยิ่งเข้าใกล้หุบเขามิวะมากเท่าไหร่ความเย็นยะเยือกที่เสียดแทงผิวกายให้สั่นสะท้านยังเพิ่มมากขึ้น

“ไหวไหมยู”ริวที่สวมเพียงเสื้อแขนยาวบางๆกลับไม่สะท้านกับสภาพอากาศที่เลวร้ายแบบนั้นสักนิด

“หวะ หวะ หวะ ไหว….ไหวอยู่”

“เราต้องเดินอีกไกลแค่ไหน”ริวกวาดสายตามองรอบด้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้

“อีก…สักพัก”ยูทอดสายตาออกไปเบื้องหน้า

หุบเขามิวะเป็นหุบเขาเล็กๆที่มีป่าสีเขียวทึบตลอดปี เมื่อเดือนที่แล้วทางตระกูลได้รับรายงานข่าวว่ามีอุบัติเหตุจำนวนมาเกินขึ้นกับนักปีนเขาและข่าวบ้านที่เข้ามาหาของป่าในแถบนี้เป็นจำนวนมาก แต่พ่อและแม่ของเขาได้เข้ามาจัดการเรียบร้อยแล้ว คงเป็นความจงใจของตระกูลที่จะส่งเด็กใหม่ไปตรวจสอบผลงานของผู้เป็นพ่อและแม่ของตัวเอง

“เราไปพักตรงนั้นกันก่อนแล้วกัน”ยูชี้ไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่แห่งหนึ่ง

และยูก็ได้ทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงอีกครั้ง ด้วยการหยิบเสื่อปิกนิกออกมาปู พร้อมรินชาร้อนๆจากขวดเก็บอุณหภูมิ

“นาย…เอามาตั้งแต่เมื่อไหร่”ริวรับชามาถามย่างแปลกใจ

“ก็..ตั้งแต่เมื่อคืน ฉันคิดว่าเราคงจะได้อยู่ที่นี่ทั้งวันเลยเตรียมของมาเยอะน่ะ”ยูอธิบายด้วยความภูมิใจในความรอบคอบของตัวเอง กระเป๋าใบหนักที่ให้ริวแบกมาเต็มไปด้วยสารพัดของกินทั้งขนมปังแซนวิช และผลไม้อีกเล็กน้อย

“ฉันบอกให้นายอย่ากังวล แต่ไม่ได้จะให้นายทำตัวสบายขนาดนี้นะยู”

“เงียบแล้วทานไปซะ”ยูหยิบแซนวิชยัดปากริว

“แล้วทำไมถึงใส่เสื้อบางขนาดนี้หา เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก"ยูปลดผ้าพันคอออกมาพันให้ริวพร้อมกับบ่นยกใหญ่ คนถูกบ่นก้มจับผ้าพันคอที่ยังมีกลิ่นอุ่นของยูเหลืออยู่ก่อนจะยิ้มบางพาลจมอยู่กับความคิดของตัวเองไม่ได้ยินเสียงบ่นของอีกฝ่ายไปซะอย่างนั้น
แกรก !

เสียงเหยียบกิ่งไม้ทำเอากิจกรรมการบ่นของยูหยุดชะงัก ริวดึงยูไปอยู่ทางด้านหลังอย่างระแวดระวังบรรยากาศขงที่นี่จะว่าแปลกก็แปลก แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าแปลกตรงไหน

“อะไรน่ะ”ยูกระซิบถามริว

ริวไม่ตอบแต่สายตาจ้องไปที่ต้นเสียงเขม่ง เขาไม่ได้กลิ่นของสิ่งมีชีวิต หรือกลิ่นของปีศาจเลย บางทีอาจจะเป็นความบังเอิญที่กิ่งไม้มันตกลงมา

“เราไปจากที่นี่กันเถอะ”ริวดึงมือยูที่เกาะหลังเขาออกเดินไปด้วยกัน

“ระ….ริว”

“หืม?”

“นั่น…ไม่ใช่มือของฉัน”

ริวมองสิ่งที่ถืออยู่ในมืออย่างอึ้งๆก่อนจะพบว่าสิ่งที่ตนถืออยู่นั้นเป็นมือคนที่ขยับได้ มือขาวซีดที่น่าขยะแขยงถูกปาออกไปแทบจะทันที ก่อนจะกระโจนพรวดเดียวเข้าประชิดตัวยูแล้วอุ้มขึ้นมาด้วยแขนข้างเดียวซึ่งยูก็เกาะไหล่อีกฝ่ายเอาไว้โดยอัตโนมัติ

ยูพลันขนลุกซู่โดยไม่มีสาเหตุราวกับว่ามีคนจ้องมองเขาอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อหันไปโดยรอบกลับไม่พบอะไรเลย มีเพียงเสียงต้นไม้ที่เอนไหวไปตามลมหนาวเท่านั้น

“มีบางอย่างกำลังจ้องเราอยู่”ยูกระซิบเสียงเบา มือทั้งสองบีบลงบนไหล่แกร่งแน่นอย่างไม่รู้ตัว

“ไม่ต้องกลัวนายมีฉันอยู่ทั้งคน”

“อะ อืม”

แกรบ !

ทุกสิ่งรอบตัวดูน่าระแวงไปหมดจนยูแอบจะโอดครวญในใจไม่ได้ว่าทำไมงานแรกของเขาต้องระทึกใจขนาดนี้ด้วยไม่ทราบ เขาเป็นผู้ชายที่มีหัวใจบอบบางนะ จนใจนิดเดียวอาจจะช็อกตายได้

“กลิ่น…มนุษย์”เสียงพูดที่แหลมเล็ราวกับเสียงขูดกระจกดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง

“น่ากินเหลือเกิน”

“หอมเหลือเกิน”

ริวหรี่ตามองอย่างไม่หยี่ระ เดิมทีปีศาจกระจอกพวกนี้ไม่คณามือเขาอยู่แล้ว

“นายกลัวปีศาจกระจอกพวกนี้รึไง เสียชาติเกิดลูกชายหมอผีหมด”

นั่นมันแม่ฉัน ไม่ใช่ฉันสักหน่อยปัดโธ่ !!

“คะ…ใครกลัวห๊า ฉันหมายถึงอะไรบางอย่างที่จ้องเราอยู่ต่างหาก ไม่ใช่ปีศาจชั้นต่ำพวกนั้นเสียหน่อย”อันที่จริงผมก็พูดมั่วไปงั้น
แหละ ผมแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าตัวไหนเป็นปีศาจชั้นต่ำ ตัวไหนชั้นสูง

ทันทีที่ยูพูดจบบรรยากาศโดยรอบก็ถูกปกคลุมด้วยหมอกและไอเย็นของสิ่งชั่วร้ายที่เราเรียกกันว่าไอปีศาจ อากาศเริ่มเย็นราวกับอยู่ในฤดูหนาวหมอนหนาบนบังทัศนียภาพโดยรอบ ท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนใกล้จะตกทั้งๆที่กรมอุตุวิทยาแจ้วว่าวันนี้มีแดดออกตลอดวัน

ริวยังคงสงบนิ่งต่อความเปลี่ยนแปลงโดยรอบ แต่ยูหน้าซีดสนิทวิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม

นี่มันเป็นวิกฤตการขั้นร้ายแรงเลยนี่หว่า ! ทางตระกูลต้องจงใจแกล้งเด็กใหม่อย่างเขาแน่ๆ
ความหล่อของผมนี่มันเป็นพิษจริงๆ(ไม่เกี่ยว)

ริวยิ้มกบความคิดของยูที่ถึงแม่จะอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่แค่ไหนก็ยังอุตสาห์คิดจินตนาการอะไรแปลกๆแบบนี้ได้เสมอ ตลอดเวลา และทุกสถานที่ด้วย

“บางทีนายน่าจะยอมรับได้แล้วนะว่านายน่ะ น่ารักมากกว่าหล่อ”

“พูดแบบนี้เอามีดมาแทงกันเลยมา”


ไม่เอามีแต่เอาอย่างอื่นแทงแทนได้ไหม

“ห๊า? มือกี้นายคิดว่าอะไรนะริว ฉันได้ยินไม่ค่อยชัด”

“เปล่า นายคงจะคิดไปเอง สนใจสถานการณ์ตรงหน้าก่อนเถอะ”

พวกปีศาจตัวเล็กๆเริ่มโผล่หน้าออกมาจากกลุ่มหมอก บางทีก็มีมือยืนออกมาหมายจะจับริวและเขาที่ยืนเป็นเป้าอยู่กลางวงแต่ริวก็หลบได้อย่างสบายๆทุกครั้ง จนยูแอบหมั่นไส้ในความเก่งเกินหน้าเกินตาของริว เขาที่เป็นเจ้านายยังสู้ริวได้ไม่ถึงครึ่งเท่านั้น ที่เขาทำได้ก็มีแต่ เข้าครัว ทำงานบ้าน ทำขนม และชอบเด็กๆก็เท่านั้น (นี่มันคุณสมบัติของกุลสตรีชัดๆ)

“ริวระวังทางซ้าย”

“ยูกอดฉันแน่นๆหน่อยสิเดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก”

ยูปล่อยมือจากไหล่ของริวย้ายไปโอบรอบลำคอของร่างสูงแทน “นายก็รีบจัดการเจ้าพวกนั้นสักทีจะหัวใจจะวายตายแล้ว”

“ครับเจ้านาย”

ว่าแล้วริวก็ปลดปล่อยพลังอำนาจที่ซ่อนเร้นออกมา มังกรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในตำนานเทพจะอย่างไรก็ต้องแข็งแกร่ง ทั้งยังมีไอ
ที่สามารถขัดไล่ปีศาจได้ นับว่าเป็นโชคดีสุดๆที่ทำให้ยูได้มาพบกับอีกฝ่ายได้โดยบังเอิญ

ไอหมอกส่วนหนึ่งสลายไปจนเริ่มเห็นเป็นเส้นทางเดิน เหล่าปีศาจชั้นต่ำต่างหลบหนีกันหัวซุกหัวซุน เพราะใครๆต่างก็รู้ว่าปีศาจเป็นหนึ่งในอาหารจานโปรดของมังกร พวกมันคงรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณจึงได้ไม่เหลือปีศาจสักตัวเลยแม้แต่เงา

“สงบแล้ว….มั้ง?”

“อืม”

อ๊ะ !

ยูตัวเกร็งแบบเฉียบพลันเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่น่ากลัวกำลังจับจ้องเขา มันไม่ได้เป็นความรู้สึกที่คิดไปเองความเย็นวาบที่กระดูกสันหลังทำเอาขนทั้งตัวลุกชัน ร่างผอมบ้างสั่นสะท้านเฮือกลมหายใจพลันติดขัดใบหน้าซีดเผือดสะท้อนความกลัว

“ระ…ริว มีบางอย่างกำลังจ้องเราอยู่”

ริวกอดปลอบยู  “ไม่เป็นไร”

“โอ้ ไม่คิดว่าจะได้เจอของดีทั้งๆที่อยู่ในที่กันดารแบบนี้”เสียงนุ่มทุ่มเอ่ยขึ้น เจ้าของเสียงเป็นหนุ่มหล่อรูปร่างสูงใหญ่ นัยต์ตาสีแดงคมกริบนั่งทำให้เขารู้ทันทีว่าไม่ใช่มนุษย์ ผมสีเงินเปล่งประกายท่ามกลางความมืดดูลึกลับและมีเสน่ห์อย่างน่าดึงดูดจนยูเผลอจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ดระพริบตา

“กลิ่นของเจ้ามันหอมจนน่าหงุดหงิด”ชายหนุ่มปริศนาเอื้อมมือหมายจับยูเข้ามาสูดกลิ่นใกล้ๆ ยูหลับตาปี๋แบบที่คิดว่าหนีไม่รอดแล้วแน่ๆ

เพี๊ยะ !

ริวปัดมือของอีกฝ่ายออกก่อนที่ปลายเล็กจะแตะเข้ากับร่างเล็ก มังกรหนุ่มแทรกเข้าไปยืนขั้นกลางระหว่างเจ้าปีศาจนั่นกับยู
ดวงตาสีทองของริวจ้องอีกฝ่ายนิ่ง “อย่าคิดจะมาแตะของคนอื่นเขาง่ายๆสิ”

ปีศาจหนุ่มมองมือของตัวเองที่สั่นระริกก่อนจะแยกเขี้ยวขู่คำรามด้วยความโกรธ “อย่าคิดว่าเป็นมังกรแล้วข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้”

“เป็นแค่ปีศาจชั้นต่ำอย่ามากำแหงแถวนี้”

ยูมองปีศาจทั้งสองตกที่ขู่กันแง่ๆ อย่างหวาดๆ ภาวนาขออย่าให้มีการต่อสู้เกิดขึ้นแต่ดูเหมือนความหวังนั้นมันช่างริบหรี่เหลือเกิน
ปีศาจหนุ่มเป็นฝ่ายเปิดฉากโดยการตวัดกรงเล็บแหลมยาวในมือเข้าจู่โจมก่อน ริวก้มตัวหลบก่อนจะอุ้มยูขึ้นมาในท่าเจ้าสาวแล้วกระโดดถอยไปตั้งหลัก

“หนีกันเถอะริว”ยูกระตุกเสื้อร่างสูงที่อุ้มตนอยู่รัวๆ

ริวขมวดคิ้วยุ้งก่อนจะพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค “ด้วยเกียรติแห่งมังกร ฉันจะไม่ยอมทำอะไรที่เป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีตัวเองโดยการหนีหรอกนะยู”

อึก… นายจะบอกว่าฉันขี้ขลาดงั้นสิ !!!

ไอ้บ้าเอ้ย มนุษย์ธรรมดาอย่างฉันจะเอาที่ไหนไปสู้พวกนายได้ละ ถ้าฉันสู้ได้ฉันสู่ไปแล้วเฟร้ย !!! จากการประเมินด้วยสมองอันแสนฉลาดของฉัน การหนีไปตั้งหลักเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้

“ฉันสู้ได้น่า”ริวมองยูอย่าอ่อนใจ

“อย่าทำเป็นเมินกันสิโว้ย!”ว่าแล้วกรงเล็บแหลมๆก็ตวัดลงมา ทำเอาผมที่ยังไม่ทันตั้งตัวต้องทิ้งตัวนอนราบไปกับพื้นแล้วกลิ้งๆๆ
ไปอีกฝั่งให้ห่างจากเจ้าหมาบ้าสองตัวนี้มากที่สุด

บ้าจริง ! เลือดของผมกำลังไหลลงมาเป็นทางยาวตามซอกนิ้ว เพราะตกใจจนเผลอข่วนตัวเองเข้าอย่างแรง แบบนี้เรียกว่าโง่หรือ
โง่กันแน่เนี้ย

ความหายะนะมาเยือนเมื่อเจ้าปีศาจทั้งสองตัวนั่นหยุดชะงักกึกแล้วหันมามองผมตาวาวจนผมขนลุกซู่รีบกดแผลห้ามเลือดเอาไว้
อย่างเร่งด่วน กลิ่นเลือดของผมน่ะมันค่อยข้างพิเศษสำหรับพวกจมูกดีอย่างเจ้าพวกนั้นอย่างแรง

ริวที่เห็นยูบาดเจ็บก็โกรธจัดสะบัดหน้าหันมาตวัดขาเตะไอ้เจ้าตัวเกะกะจนปลิวก่นจะตามลงไปเหยียบๆๆซ้ำอย่างโหดร้ายชนิดที่ว่ายูทนมองไม่ได้ต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น จนกระทั่งเมื่อเหยียบจนแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะไม่ลุกขึ้นมาก่อกวนเขาอีกเขาก็หันไปสนใจยูแทน

“ยู”

“อย่าเข้ามานะ!”ตานายมันบอกว่านายอยากจะกินฉันลงไปทั้งตัว น่ากลัวกว่าเจ้าตัวเมื่อกี้อีก !!

“สมองเพี้ยนไปแล้วรึไง ส่งแขนมา”ริวพูดอย่างหงุดหงิด

ยูอึกอักลังเลเล็กน้อยก่อนจะยื่นแขนให้อีกฝ่ายแต่โดยดีเมื่อริวเริ่มทำหน้าโหดใส่คนเป็นเจ้านายอย่างไม่ค่อยได้เห็นนัก

“เจ็บรึเปล่า”

“นิดหน่อยแต่ไม่เป็นไร”ยูทำท่าอยากจะดึงแขนกลับแต่ริวกลับยึดแขนอีกฝ่ายไว้แน่น

“อยู่นิ่งๆ”

ลิ้นร้อนแตะลงบนบาดแผลเบาๆทำเอายูสะดุ้งครั้งจะชักมือกลับ แต่อีกฝ่ายก็ยึดไว้แน่นลากลิ้นเลียทุดหยาดหยดโลหิตคล้ายคน
หิวกระหาย ยูที่กำลังตกใจเผลอสบเข้ากับดวงตาสีทองนั่นเข้าอย่างจังเผลอตัวมองใบหน้าได้รูปนั้นย่างหลงใหลจนลืมตกใจ ลมหายใจร้อนของริวเป่ารดหน้าของยูเบาๆอย่างเอาใจ

“เจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า”

ยูส่ายหน้ามองแผลที่สมานตัวไร้ริ้วรอยใดๆหลงเหลือไว้อย่างแปลกใจ

“มีนายนี่สะดวกดีจริงๆ”

ยูยิ้มอย่างสบายใจไร้รอยแผลก่อนจะลุกเดินไปดูเจ้าปีศาจท่าทางยับเยินจนหน้าสงสาร “ตาย…แล้วหรอ”

“ยัง”

ยูเพ่งพินิจอย่างพิจารณา ถ้าได้เจ้านี่มาเป็นพวกอีกตนก็คงจะดี

“อย่าได้คิดจะสร้างฮาเร็มถ้ายังมีฉันอยู่นะยู”ริวหน้าบูด

“จะบ้าหรอ ฮาเร็มอะไร ฉันว่าเขาน่าสงสารออกนะ”ยูยิ้มขำๆก่อนจะพูดต่อในสิ่งที่ริวไม่อยากจะได้ยินมากที่สุด “ถึงยังไงเราก็ต้อง
จับเขาไปตรวจสอบอยู่ดี”

“รู้แบบนี้ฆ่าทิ้งซะก็ดี”

“ริว !”

“ครับๆ รู้แล้วครับเจ้านาย”

ริวได้ทำการมัดปีศาจอีกตนไว้ด้วยเชือกที่ยูเตรียมมา เขาเชื่อแล้วว่ายูเตรียมทุกอย่างมาจริงๆถ้ามองไม่ผิดเมื่อกี้เขาแอบเห็นพวกอุปกรณ์ทำอาหารแบบครบเซตในกระเป๋า ริวแบกเจ้าปีศาจนั่นขึ้นพาดบ่าไม่วายมีเจ้านายห้อยกระเตงแขนมาอีกข้าง

“กลับบ้านกันเถอะ”ยูยิ้มเอนตัวพิงไหล่ริวแบบแกล้งให้หนักเล่น

ใจจริงก็อยากจะอุ้มอีกฝ่ายอยู่หรอก แต่ถ้าไม่ติดว่าคืนนี้จะไม่ได้นอนในห้องก็ไม่ขอเสี่ยง

“อืม”

“ดีมาก”วันนี้…มานอนด้วยกันไหม

“หืม?”ริวชะงัดกึก

“อะไร?”

“เมื่อกี้…นายบอกว่า…”

ยูเม้มปากหน้าขึ้นสีแดงระเรืองสองข้างแก้มอย่างน่ารัก “ก็ตามนั้นแหละน่าอย่าถามมาก !”

ริวมองยูที่โวยวายเสียงดังลั่นป่า ก่อนจะอมยิ้มเดินตามร่างเล็กเงียบๆ

   คืนนี้ต้องให้นอนกอดแน่นๆ ค่าใช้แรงงานฉันหนัก ริวคิด

   หยุดความคิดของนายแล้วเดินไปเงียบๆ แล้วก็ห้ามอ่านใจฉันด้วยไอ้เจ้ามังกรหื่น !!

   
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch2 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 14-11-2014 15:34:18
นายเอกไม่เก่งเลยนอกจากงานครัว ไม่แปลกใจมที่พระเอกจะตายอ่ะ แต่ชอบนะแนวนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch2 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 16-11-2014 00:17:29
3
   ครอบครัวสกุลฮารุกะกอดอกยืนมองปีศาจที่ลูกชายตัวดีแบกกลับมาอย่างสงสัย เพราะงานก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองแน่ใจแล้ว่ากำจัดพวกปีศาจออกไปจากบริเวณนั้นหมดแล้วแท้ๆ หุบเขามิวะจึงไม่น่าจะมีพวกปีศาจมาอาศัยอยู่ อย่างน้อยก็ไม่นานจะใช่เร็วๆนี้แน่เพราะไอศักดิ์สิทธิ์จากการปัดเป่ายังคงหลงเหลืออยู่แต่พวกเขาก็ไม่ทรายจริงๆว่าเพราะอะไร

   “ยูลูกแน่ใจนะว่าที่นั่นมีปีศาจเต็มไปหมด”

   “นี่ไงครับหนึ่งในหลักฐาน”ยูตวัดสายตามองปีศาจปริศนานั่น

   “แล้วลูกเป็นอะไรรึเปล่า ไม่บากเจ็บตรงไหนใช่ไหม”

   “ไม่เป็นไรครับ”ยูยิ้มกว้างาก่อนจะหันไปมองริวที่เปิดปากหาวอย่างเบื่อๆ

   “อือออ”เสียงครางในลำคอของปีศาจทำให้ทุกคนหยุดบทสนทนาลง

   ดวงตาเรียวสีแดงค่อยๆขยับปรือขึ้นมาก่อนจะชักสีหน้าเจ็บปวดเพราะร่องรอยบาดแผลทั่วร่างกายนั้น ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นคนทั้งสามและปีศาจอีกหนึ่งยืนค้ำหัวอยู่ “พวกมนุษย์ !!!”

   “โอ้ เป็นปีศาจที่มีพลังไม่ธรรมดาเลยทีเดียว”ท่านแม่พูดขึ้นอย่างสนใจ

   “เจ้าปีศาจ จงบอกมาว่าทำไมแกถึงไปอยู่ที่นั่นได้กันหา”ท่าพ่อตีหน้าโหดท้าวเอวถามตีหน้าครึม

   เจ้าปีศาจเบือนหน้าหยีอย่างไม่คิดจะเสวนากับมนุษย์ทั้งสอง จนท่านพ่อและท่านแม่คันไม้คันมืออยากจะหยิบอาวุธขึ้นมาฟันเจ้าปีศาจไร้มารยาทตนนี้ทิ้งซะ ยูยิ้มแห้งรีบห้ามปรามก่อนที่หลักฐานชิ้นสำคัญจะกลายเป็นซากไปเสียก่อน

   “พ่อ กับแม่ ไปพักก่อนเถอะครับ ผมทำเค้กผลไม้ทิ้งไว้ในตู้เย็นเมื่อเช้าน่ะ ลองไปชิมดูหน่อยสิครับ”

   “อะไรลูกเห็นแม่เป็นคนเห็นแก่กินหรอ”

   “ปะ เปล่า ผมแค่เป็นห่วงแม่เท่านั้นเอง”

   “ก็ได้ถ้าลูกว่าอย่างนั้น ถ้าแม่กับพ่อทานเสร็จแล้วจะมาสืบสวนเจ้านี่ต่อ”

   “คะ…ครับ”

   ริวทำท่าจะเดินตามท่านพ่อและท่านแม่ออกไปแต่ผมดึงคอเสื้ออีกฝ่ายไว้ก่อน เกินเจ้าปีศาจนี่เกิดคลั่นขึ้นมากัดคอเขาแล้วใครจะช่วยเล่า !!

   “เค้ก…”ริวทำหน้าละห้อย

   “ฉันเก็บส่วนของนายไว้แล้วน่า”

   ได้ยินแบบนั้นเจ้าตัวถึงได้ยอมเดินมายืนข้างๆผมแต่โดยดี ไอ้มังกรเห็นแก่กินสักวันเถอะฉันจะแอบใส่ยาระบายลงไปในขนม

   “นายไม่กล้าทำหรอก”

   “อย่ามาอ่านความคิดของคนอื่นเขานะ!”

   ยูสะบัดหน้าหนีทำเป็นเมินไม่สนใจร่างสูงอีก หันไปสอบสวนเจ้าปีศาจอย่างเอาจริงเอาจัง

   “นายมาจากไหน คงไม่ได้อยู่ที่เขามิวะตั้งแต่แรกใช่ไหมะ”

   “…”คำตอบยังคงมีแต่ความเงียบ

   ยูคิ้วกระตุกก่อนจะเดินย่างสามขุมเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างลืมกลัว

   “นายจะตอบดีๆหรือฉันให้ฉันเล่นบทโหด”ยูนั่งยองๆลงตรงหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

   อีกฝ่ายยังคงเงียบพลางคิดไปว่าเด็กมนุษย์ที่อ่อนแอเอาแต่หลบอยู่ด้านหลังจะทำอะไรเขาได้ แต่เขาคิดผิด ผิดไปมากๆเลยด้วย อย่างยูไม่เรียกว่าอ่อนแอเสียด้วยซ้ำแต่แค่ขี้เกียจมากต่างหาก !

   “ฉันจะถอนฟันนายออกมาทีละซี้ ดูซิว่านายจะยังปากแข็งได้แบบนี้อยู่ไหม”ยูขยับคีมดัดเหล็กอันขนาดพอดีมือดังแกรกๆ ซึ่งไม่รู้
ว่าไปเอามาจากไหน

   “ริว ง้างปากมันออกซะ”

   เจ้าปีศาจยังคงทำใจแข็งคิดว่าอีกฝ่ายแค่ขู่ไปเท่านั้น สำหรับยูแล้วไม่เคยมีคำว่าขู่ ริวจัดการง้างปากของอีกฝ่ายออกตามคำสั่งเจ้านาย เจ้าปีศาจได้แต่เบิกตาโพล่งอย่างตกใจเมื่อคีมเหล็กนั่นสอดเข้ามาในปากของเขาแล้ว

   กึก !

“อ้ากกกกก!!!”

   การถอนฟันสดที่ไม่ใช้ทั้งยาชาและยาสลบแถมเป็นฟันกรามสร้างความเจ็บปวดจนอีกฝ่ายได้ดิ้นพลาดอย่างบ้าคลั่ง เลือดสีแดงพุ่งปรี๊ดอาบย้อมทั้งปากไหลย้อยลงมาจรดปลายคางอย่างงดงามแถมกระเด็นเปรอะแก้มขาวซีของยูเล็กน้อย ริวหรี่ตามองอย่างหวาดเสียวก่อนจะยกนิ้มโป้งปาดเลือดที่ข้างแก้มของยูออกอย่างเบาๆมือ

   “เอาผ้ากันเปื้อนไหม”ริวทอดสายตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ่อนโยน บอกตรงๆเลยว่าเขาของยูเวอร์ชั่นนี้มากจริงๆ ให้ความรู้สึกเหมือนโดนเทพสงครามกดดันจนรู้สึกหมดทางสู้

   “ไม่จำเป็น”ยูสะบัดเลือดที่ติดคีมเหล็กทิ้งเล็กน้อยก่อนจะดึงเจ้าปีศาจที่ลงไปดิ้นให้ลุกขึ้นมานั่งในระดับสายตาดังเดิม

   “เอาละที่จริงแล้วฉันเกลียดการนองเลือดโดยไม่จำเป็นอะไรแบบนี้มากนะตอบคำถามมาซะดีๆอย่าทำให้ฉันเสียเวลาทำเค้ก…เอ้ย
เขียนรายงานส่งตระกูลใหญ่”

   อีกฝ่ายยังคงเงียบแต่สายตาเชือดเฉือนนั่นดูท่าแล้งคงจะยังไม่ยอมตอบออกมาแต่โดยดี นั่งทำให้ยูคี่ยิ้มบางก่อนจะพูดออกมาอีกหนึ่งประโยคที่ทำเอาอีกฝ่ายหน้าซีดเผือด

   “นายมีฟังทั้งหมด 40 ซี่ นายคิดดูสิว่า ถ้าฉันถอนมันออกทีละซี่มันจะเกิดอะไรขึ้น”

   แกรก !

   “ริว”ทันทีที่ยูเรียก ร่างสูงง้างปากอีกฝ่ายออกอย่างรู้งาน

   กึก !

   “อ้ากกกก”

   ยูโยนฟันทิ้งลงแทบเท้าของเจ้าปีศาจให้เห็นกันจะจะตาเลยว่านี่เรื่องจริงไม่ได้ฝันไป

   “ถอนอีกซี่เลยละกัน”ยูยิ้มเย็นเตรียมจะดึงฟันกรามอีกซี่ออกตามที่พูด

   “เดี๋ยวว เดี๋ยวก่อน”เจ้าปีศาจดิ้นพล่าน

   ยูชะงักกึกนั่นรอฟังอีกฝ่ายอย่างใจเย็น “ว่าไงจะยอมพูดดีๆรึยัง”

   “ข้าพูดก็ได้ เจ้าจะถามอะไรก็ถามมา”

   “พูดง่ายแบบนี้ตั้งแต่แรกก็ไม่เจ็บตัวแล้ว”ยูโยนคีมในมือทิ้งก่อนจะสอบถามเรื่องราวอย่างละเอียด
   
“อย่างแรก นายชื่ออะไร”

   “โทระ”

   ยูพยักหน้ารับรู้ก่อนจะถามถึงความเป็นมาทั้งหมดก็ได้เรื่องว่า จากที่ๆเคยอาศัยอยู่ซึ่งอยู่ที่หุบเขาถัดไปอีกสี่ลูกจู่ๆที่นั่นก็มีตัวประหลาดมายึดพื้นที่แถมไล่พวกเขาออกมา

   “คงจะมีพวกเยอะสินะ ถึงได้ไล่พวกนายออกมาได้”

   “เปล่าเลย มีแค่ตัวเดียว”โทระกัดฟันพูดอย่างเจ็บใจ แค่มองตาอีกฝ่ายก็พาลแข็งทื่อไปทั้งตัวรู้ตัวอีกทีขาทั้งสองก็พาตัวเองหนี
ออกมาเสียแล้ว

   “เจ้านั่นรูปร่างยังไงเป็นตัวอะไร”ริวเลิกคิ้วขึ้นถามบ้างด้วยความอยากรู้ ปีศาจที่แข็งแกร่งขนาดนั้นตั้งแต่เขาลงมายังโลกก็ไม่เคยเจอสักครั้ง

   “ไม่รู้”

   “อะไรนะ ไม่รู้?”

   “ไม่แปลก พวกปีศาจมักจมูกไวกันอยู่แล้ว แค่รู้ได้ถึงอันตรายก็พาลเผ่นหนีไปกันหมด”ริวอธิบายแทน

   “เฮ้อ ให้ฉันได้อยู่อย่างสงบเถอะ”ยูถอนหายใจยาวก่อนจะก้มหน้าเขียนรายงานอย่างจำใจ ถึงแม้จะต้องรู้แน่ๆว่าตระกูลใหญ่จะต้องหาเรื่องใช้งานเด็กใหม่อย่าเขาอีกแน่ก็ตาม

   “ฉันพึ่งจะอายุสิบแปดเองนะ อีกไม่กี่เดือนก็จะเข้ามหาลัยแล้วด้วย”เสียงบ่นกระปอดกระแปดเหมือนตาลุงแก่ของยูทำเอาริวยกยิ้มขำ

   “มันเป็นหน้าที่ของนาย”

   “ฉันรู้แล้วน่า”

   “แล้วเจ้านายจะเอายังไงกับเจ้าปีศาจนั่น”ริวเหลือบมองโทระด้วยหางตา

   “ฉันชื่อโทระ !”

   “คงต้องอยู่กับเราสักพัก”

   “ใครจะไปอยากอยู่กับมนุษย์อย่างเจ้า !!”

   ยูยิ้มสวยก่อนจะหยิบอาวุธพิฆาตคีมเหล็กถอนฟันขึ้นมา “ยะ…ยอมแล้วขอรับ”โทระก้มตัวลงต่ำแสดงความจำนนออกมา

   “ดีมาก แล้วก็ช่วยเก็บเรื่องระหว่างเราสามคงไว้เป็นความลับด้วยนะ”ยูยิ้มสดใส

“ขอรับ…”

“ก็แค่นั้น”ยูเก็บคีมเหล็กลงกระเป๋าก่อนจะแก้เชือกให้โทระ โดยที่มีริวคอยระแวดระวังไม่ห่าง

   “ริวนายจับตาดูโทระไว้แล้วกัน”ริวได้ยินแบบนั้นก็หน้าบูดเป็นตูด

   “ไม่เอา”

   “ฉันให้นายนอนกอดฉันจนกว่าจะจบงานเลย”ยูยื่นข้อเสนอซึ่งมันน่าสนใจมากสำหรับริว แทบไม่ต้องคิดอะไรมาก

   “ต้องทำข้าวหน้าเนื้อให้ทานทุกเสาร์ด้วย”ริวเพิ่มเงื่อนไขอย่างไม่ยอมขาดทุน

   “ได้”

   โทระมองริวกับยูอย่างไม่เข้าใจว่าคุยกันเรื่องอะไรแต่พอจะสรุปได้ว่าเขาคงจะต้องอยู่ที่นี่ไปสักพักละนะ

   มื้อเย็นแรกที่โทระได้ร่วมโต๊ะกับทุกคนในครอบครัว มันทำให้เขาได้รู้แล้วว่าทำไมพวกปีศาจหลายตนถึงได้ยอมก้มหัวรับใช้พวกมนุษย์ที่อ่อนแอกว่าด้วย เพราะมันทั้งสบายแล้วก็สะดวกนี่เองโดยเฉพาะกับข้าวที่ไม่ต้องทานแต่เนื้อสดๆ แต่มีหลายๆอย่างรวมกันจนเรียกได้ว่าอร่อยจนเกือบจะทำให้โทระเปลี่ยนมาเป็นคนรับใช้อยู่บ้านนี้ด้วยอีกตน

   “ยูลูกทำยังไงให้โทระยอมพูด้วยนะหืม?”

   “ริวเป็นคนง้างปากโทระน่ะครับ”ยูยิ้มบาง

   “อืม”ริวที่เคี้ยวข้าวเต็มปากคราองฮือเบาๆก่อนคบเนื้อที่วางอยู่บนจานเข้าปากอีกกะจะไม่แบ่งใคร
   โทระมองยูอย่างไม่แน่ใจว่าเขาควรจะพูดออกไปรึเปล่าว่าถูกยูถอนฟันไปหนึ่งซี่ เจ็บจนแทบร้องหาสวรรค์เลยทีเดียวทำเอาเขา
เข็ดขยาดไปอีกนาน แต่พอเห็นรอยยิ้มสยองของยูเขาก็เลือกที่จะหุบปากเงียบแล้วไปฟาดฟันแย่งอาหารกับริวแทนจนกระทั่งไม่หลงเหลือเศษอาหารใดบนจานแล้วสงครามแย่งข้าวเย็นนั้นจึงจบลง
   ยูยืนล้างจานอยู่ในครัวส่วนท่านพ่อและท่านแม่แยกตัวออกไปสวีทกันที่สวนสองคน เหลือเพียงริวกับโทระที่ยังนั่งจ้องตากันอยู่จนโทระเป็นฝ่ายทนไม่ไหวก่อนจึงได้ทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดด้วยการถามคำถามที่ค้างคาใจ

   “ทำไมเจ้ามนุษย์นั่นถึงต้องแกล้งอ่อนแอด้วย”

   “บางทีนายก็ต้องอ่อนแอเพื่ออยู่รอด”

   “คุยอะไรกัน”เสียงของยูดังแทรกขึ้นมา

   “เปล่า”ริวหันไปกอดยูที่มือยังเปียกจากการล้างจาน ยูจึงถือโอกาสนั้นเช็ดมือเปียกๆไปกับเสื้อของริว
   ริวยิ้มให้ยูก่อนจะตวัดสายตาคมกริบไปทางโทระ ซึ่งโทระพอจะอ่านสายตานั้นได้ว่า ออกไปซะย่ามาขัดจังหวะความสุขของฉันกับริว

   “ข้าไปนอนก่อนละ”โทระโพล่งขึ้นก่อนจะลุกออกไปด้านนอกซึ่งยูทำท่าจะห้ามไว้แต่ก็ถูกริวรั้งเอาไว้ก่อน

   “มันไม่หนีไปไหนหรอก”ริวก้มหน้าไปซุกซอกคออุ่นของยู

   “นายไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าโทระจะไม่หนีไป”

   “ฉันจะตามไปลากคอมันกลับมาเอง”

   ยูจ้องริวอย่างจะเอาเรื่องแต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ให้กับเจ้าของนัยน์ตาสีทองสว่างนั้น จึงได้แต่ยกแขนทุบไหล่ของอีกฝ่ายอย่าง
เคืองๆเมื่อเขาไม่เคยจะชนะริวสักครั้งเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ ไม่ได้เป็นเพราะความใจอ่อนแต่เป็นเพราะความเชื่อใจจนน่าโมโห

   “นายเกลียดฉันรึเปล่าริว”

   “หืม?”

   “ฉันอ่อนแอ เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังนาย”

   “ความจริงคืออะไร นายรู้ดีอยู่แก่ใจยู”

   ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของยู ความจริง ความสามารถ และพรสวรรค์ ที่ต้องปกปิดไว้กับทางตระกูล ไม่สามารถบอกให้ใครรู้ได้
แม้กระทั่งพ่อและแม่ของตนเอง

   “นายอาจจะโกหกใครก็ได้ แต่ไม่ใช่ฉัน”ริวแนบแก้มกระซิบข้างหูยู ลมหายใจร้อนๆเป่ารดใบหูเกลี่ยงเกลา

ยูเอียงคอหนีความรู้สึกแปลกใจในก่อนจะผลักริวออกอย่างไม่จริงจังนักแน่นอนว่าร่างสูงไม่มีทางยอมปล่อยเด็ดขาด นานทียูจะยอมอยู่นิ่งๆให้กอดนี่

   “บางทีพวกตระกูลใหญ่อาจจะรู้แล้วก็ได้ บางทีโทระอาจจะเป็นปีศาจของตระกูลใหญ่”ยูกระซิบเสียงแผ่วอย่างไม่แน่ใจปน
หวาดระแวง

   “ไม่มีทาง”ริวบอกได้โดยสัญชาติญาณ ปีศาจที่ไม่ได้ขัดเกลามักจะมีไอปีศาจที่แหลมคมและหยาบกระด้างเสมอ

   “เหอะ มั่นใจจริงนะ”

   “มีเรื่องที่ฉันเคยพูดผิดด้วยรึไง”

   ยูกรอกตาใส่ริวอย่างหมั่นไส้ทุดทน แต่ก็ต้องยอมรับว่าริวไม่เคยพูดผิดเลยสักครั้งจริงๆตามที่พูด

   “พรุ่งนี้รายงานคงจะส่งไปถึงตระกูลใหญ่ คงต้องมีเรื่องวุ่นวายตามมาอีกเป็นพรวนแหงๆ”

   “นอกจากเรื่องงานบ้าน นายก็เห็นเรื่องอื่นเป็นเป็นเรื่องวุ่นวานหมดนั่นแหละยู”

   “อ้าวลูกๆ สวีทกันอยู่นั่นไปนอนได้แล้ว”ผู้เป็นแม่แซว

   ยูรีบผลักริวออกเต็มแรงอย่างตกใจ เพราะพวกเขาอยู่ในท่าที่ล่อแหลมมต่อการถูกเข้าใจผิดเป็นอย่างมาก

   “ไม่ได้สวีทกันสักหน่อย แม่อ่ะ !!”ยูร้องเสียงหลงหน้าแดงด้วยความอับอายเล็กๆ

   “จ้าๆ”เสียงหัวเราะคิดคักของท่านแม่ดังก้องตลอดทางเดินพร้อมๆกับเสียงกระซิบกระซาบของ
ท่านพ่ออย่างมีความสุข

   “เจ้าเด็กโง่นั่นความรู้สึกช้าจริงๆ”

   “เด็กผู้ชายก็แบบนี้แหละแม่”

   “เฮ้อ”
   

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch3 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 16-11-2014 01:15:54
รอติดตามตอนต่อไป ยูต้องเก่งมากแน่ๆ ไม่งั้นสยบมังกรไม่ได้หรอกเนอะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch3 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 16-11-2014 08:31:01
มาอัพอีกไวไวนะ :katai4:

ตัวเองอัพวันที่ที่มาอัพ พร้อมเลขหน้าด้วย คนอ่านจะได้เห็นว่ามาอัพแล้ว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch3 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 16-11-2014 08:46:47
อร๊ายยยยยยยยยยย
ชอบริววววววที่สุดดดดด
รอตอนตอไปน้าาาาา ยูมีความลับอะไรน้อออออ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch3 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 16-11-2014 09:42:05
สนุกดี 555+ ตลกตรง"นี่มันคุณสมบัติกุลสตรี"นั่นแหละ มาต่ออีกไวๆนะจ๊ะ ยังไม่รู้ที่มาที่ไปเท่าไหร่เลย ^^
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch3 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 16-11-2014 10:54:42
น่ารักดี
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch3 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: โชติกา บุญเติม ที่ 16-11-2014 14:01:48
 o13 สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch4 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 16-11-2014 22:10:14
4
ผมยื่นรายงานให้กับผู้ส่งสารคนเดิมที่มารออยู่หน้าประตูเหมือนรู้งานแต่เช้าตรูด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง มีประโยคหนึ่งที่ผมอยากจะฝากไปถึงทางตระกูลใหญ่ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญมาก

   “ฝากบอกไปกับทาตระกูลใหญ่ด้วยว่า… พวกนายพยายามจะฆ่าฉันใช่ไหมห๊ะ !”

   ปัง !!

   หลังจากที่ได้ตะโกนใส่หน้าผู้ส่งสารเสร็จก็ปิดประตูกระแทกอย่างใส่อารมณ์ ริวกับโทระที่นั่งมองอยู่ห่างๆถึงกระสะดุ้งโหยงกับพลังเสียงทะลุทะลวงแก้วหูนั้น

   “ยู ทำแบบนั้นเดี๋ยวก็โดนทางต้นตระกูลลงโทษหรอกลูก”ผู้เป็นแม่ยิ้มสวย

   “ผมโมโหจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ถ้าไม่ระบายมันออกไปบ้างอาจทำให้ผมเป็นบ้าได้นะครับ”

   “จ้าๆ ว่าแต่โทระมากับฉันหน่อยิจ๊ะ”

   “ห๊า? ทำไมข้าต้องไปกับเจ้าด้วย”

   โทระทำท่าจะปฏิเสธแต่พอเหลือบไปเห็นรอยยิ้มสยองของท่านแม่ที่ไม่ต่างจะยูแล้วก็ต้องหุบปากเงียบ ยอมก้มหน้าเดินตามแต่โดยดี มนุษย์นี่มีแต่พวกน่ากลัวรึยังไงกันนะ

   เหลือเพียงยูและริวเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ ริวหันกลับมามองยูด้วยสายตาคาดหวัง

   “อะไร?”

   หมับ !

   ริวอ้าแขนกอดยูแน่นแถมก้มหน้าลงคลอเคลียถูไถกับหัวไหล่ของยูเบาๆ ร่างเล็กที่ถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งโหยง

   “นี่นายเป็นมังกรหรือแมวเนี้ยริว”

   “เมี้ยว”

   ยูเขกหัวร่างสูงที่อ้อนคลอเคลียไม่ห่างอย่างหมั่นไส้ แต่ริวก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วเรียกว่าชินก็ไม่แปลก ร่างเล็กในอ้อมกอดยกแขนขึ้นมาโอบเอวริวเบาๆก่อนจะลูบไปมาฟัดกันไปมาอยู่นานริวก็ยอมเปิดปาก

   “พลังของนายกำลังเพิ่มขึ้น”ริวกระซิบ

   “อืม… ต้องเอามันออกไปก่อนที่ทางบ้านใหญ่จะส่งคนมาตรวจสอบ”ยูพึมพำ

ริวฝังจมูกของตัวเองเข้ากับไหล่บางก่อนจะหันไปมองยูด้วยสายตาร้อนแรงอย่างที่เห็นไม่บ่อยนัก “เรามาทำมันกันเถอะ”

ยูหน้าแดงวูบก่อนจะเม้มปากแน่น นายช่วยหาคำพูดที่มันดีกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไงเจ้าบ้า ศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายของฉันป่นปี้หมด

“หึ ศักดิ์ศรีของนายมันจบลงตั้งแต่นายเลือกฉันแล้วละฮารุกะ ยู”

ผลั๊วะ !

หมัดลุ่นๆของยูเสียบเข้าไปที่ท้องน้อยของริวอย่างเลือดเย็น ร่างสูงค่อยๆรูดไหลลงมากองกันพื้นอย่างด้วย สีหน้าเหยเก ถึงจะเจ็บแต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาตัดพ้อให้ยูอย่างคาดโทษ

“สงสัยฉันต้องสั่นสอนนายให้รู้ความร้ายกาจของฉันซะแล้ว!!”

ยูกระโจนเข้าฟัดริวอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่มีรึที่แรงน้อยๆของยูจะทำอะไรริวได้ นอกจากริวจะไม่สะทกสะท้านแล้วยังเต็มใจให้อีกฝ่ายลูบไล้ลวนลามเต็มที่(?) แต่สุดท้ายแล้วยูก็ได้แต่นอนอ้าปากพะงาบๆบนอกกว้างของริวอย่างเหนื่อยหอบ ริวฉวยโอกาสนี้โอบเอวของอีกฝ่ายไว้ด้วยมือข้างเดียวส่วนอีกข้างใช้เชยคางของยูขึ้นมา

ทันทีที่สายตาสบเข้ากับดวงตาสีทองทอประกาย ร่างกายก็พลันหยุดชะงักแม้กระทั่งลืมหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง ริมฝีปากแดงระเรืองบวกกับผมสีเงินยวงยาวตัดกับผิวขาวจัดนั่นได้อย่างลงตัวไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลยสักครั้งเดียว ยูเอื้อมมือไปลูบผมสีเงินนั้นด้วยความอ่อนโยน ริวที่สังเกตเห็นว่าอารมณ์ของยูที่เปลี่ยนไปก็ก้มหน้าลงต่ำจนจมูกของทั้งสองฝ่ายจรดกันจบรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มละเตลิดไปไกล

“ริว…ไม่ใช่ที่นี่”

ยูเอ่ยขัดจังหวะอารมณ์วาบหวามที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆจนริวหน้าเบ้ด้วยความขัดเคืองใจเล็กๆ

ยูดันตัวออกจากอีกฝ่ายอย่างทุลักทุเลเล็กน้อยเพราะริวดันอิดออดไม่ยอมปล่อยเสียที

“ตอนนี้มันยังกลางวันแสกๆอยู่เลยนะ จะรออีกหน่อยไม่ไดรึไง”

รอให้ถึงกลางคืนก่อนะเถอะ… ต่อให้นายไม่อยากทำก็ต้องทำ

ริวยิ้มกับเสียงความคิดของยูที่ค่อยๆหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆจนเหมืนจะระเบิดได้ ริวจึงจูบที่หน้าผากของยูเบาๆก่อนจะยอมปล่อยอีกฝ่ายเป็นอิสระแต่โดยดี

กริ้งง

เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นยูรีบกระเด้งตัวออกห่างจากริวก่อนจะวิ่งไปเปิดประตูด้วยท่าทางรีบร้อนผิดปกติ

“ครับ …อ้าวยูริจัง”

“อ้า ยูดีจริงๆที่เจอนาย ฉันนึกว่าจะหลงทางซะแล้ว อ๊ะ! สวัสดีค่ะคุณริว”ริวพยักหน้าส่งๆอย่างไม่ค่อยสนใจมากนัก ทำเอาสาวเจ้า
ผิดหวังมิใช่น้อย

“ไปไงมาไงครับเนี้ย เข้ามาก่อนสิครับ”ยูยิ้มกว้างผิดกับริวที่ทำหน้าบูดแล้วบูดอีกจนต้องเดินหนีไปในที่สุด

“อ๋อเปล่าหรอกจ๊ะ พอดีกว่าฉันเดินผ่านมาแถวนี้พอดีเลยแวะมาทักทาย”

“เข้ามาก่อนสิครับ ผมทำพายผลไม้เอาไว้ ถ้ายูริจังไม่รังเกียจก็เข้ามาทานก่อนสิครับ”

 “งั้น…รบกวนหน่อยนะคะ”เธอหวังว่าจะได้เห็นหน้าชายหนุ่มที่เธอหลงรักนานกว่านี้อีกสักนิดก็ยังดี สายตาของเธอคอยมองหา
ชายหนุ่มตลอดจนยูสังเกตได้ จำใจต้องเรียกริวมาถึงแม้จะต้องปวดใจมากก็ตาม

“ริวมานั่งนี่สิ”ยูเรียวริวเสียงแผ่ว

ริวทำตาขวางมองยูริก่อนกระแทกตัวนั่งฝั่งตรงข้ามเธอ ยูริยิ้มกว้างอย่างเบิกบานไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของยูเลยสักนิดว่าสายตาที่ทอดมองเธอมันดูเศร้าสร้อยแค่ไหน ความรู้สึกของยูที่ริวรับรู้ได้ทำให้เขาแทบอยากจะไล่หญิงสาวออกไปให้พ้นๆหน้าซะ

ยูตัดพายผลไม้ออกเป็นชิ้นเล็กๆจัดใส่จานส่งให้ทั้งยูริและริว มีดที่ตัดลงบนแป้งพายให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจะตัดใจของเขาให้ขาดเป็นชิ้นๆ ยิ่งพอมองหนึ่งหนุ่มกับอีกหนึ่งสาวแล้วพวกเขาช่างเหมาะสมกันยิ่งหว่ากิ่งทองใบหยก

ฉึก !

   “โอ๊ะ !!”เลือดสีแดงฉานอาบไหลหยดลงบนพื้นหยดแล้วหยดเล่า

   “ยู !!”ริวลุกพรวดวิ่งเข้าไปดู

   บาดแผลลึกเป็นทางยาวกลางผ่ามือ ยูริที่กำลังมึงงงๆกับสถานการณ์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อในสมองของเธอเอาแต่คิดเรื่องคนตรงหน้าที่เธอชอบเท่านั้น แต่ภาพของทั้งสองที่ใกล้ชิดกันทำให้เธอเจ็บแปลบที่อก สายตาแบบนั้นเขาไม่เคยมองมาที่เธอเลยสักครั้งกลับจ้องมองยู จนในใจเธอยากจะเดินเข้าไปกระชากริวออกแล้วบอกให้เขามองมาที่เธอเท่านั้น

   “ฉันไม่เป็นไรๆ”ยูกุมมือที่อาบไปด้วยเลือดแน่น

   “อย่าโง่น่ายูแบบมือเดี๋ยวนี้”ริวตะคอก

   “ยูริจังมองอยู่”ยูกระซิบเตือนสติริว

   ริวสะบัดหน้าไปมองยูริอย่างเย็นชา “เธอไปได้แล้ว”

   “คะ?”

   “ริวอย่าพูดกับผู้หญิงแบบนั้นนะ”ยูดุเสียงเข้ม

   “ฉันบอกให้เธอไปซะ แล้วเลิกมารบกวนเราสักที”

   เธอมองภาพตรงหน้าเหมือนโลกทั้งใบเอียงวูบไป ถูกคนที่แบชอบมาตั้งแต่แรกพบออกปากไล่กันซึ่งๆหน้าแบบนั้น ก็ทำเอาทั้งเจ็บและจุกจนพูดไม่ออกไปเหมือนกัน ในสถานการณ์แบบนี้เธอกลับได้ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด

   “ฉะ…ฉัน…ฉันชอบคุณริวค่ะ !!! ”

   “แต่ฉันเกลียดเธอ”

   “ริว !!” ยูตะหวาดริวอย่างโมโห

   เพี๊ยะ !!

   ริวตะลึงใบหน้าได้รูปสะบัดไปตามแรงตบ กลิ่นเลือดหอมหวานเข้มข้นติดอยู่ข้างแก้มของเขาอย่างรูปสึกได้ว่ามันดำลังไหลย้อย
แตะที่มุมปากของเขา เลือดของยูกำลังให้เขาคลั่งจริงๆ

   “ขอโทษนะ ยูริจังวันนี้ริวอารมณ์ไม่ค่อยช่วยกลับไปก่อนได้ไหม”

   “อะ อือ”เธอลุกเดินออกไปโดยที่ไม่ได้บอกลา ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่ายูกำลังเสียเลือดมากแค่ไหนเธอเอาแต่มองเสี้ยวใบหน้าของ
ริวที่เบือนหน้าหนีเธอราวกับไม่อยากมองเต็มแก่

   สุดท้ายแล้ว สายตาของเธอก็ยังเอาแต่มองริว ไม่ว่าจะกี่ครั้ง กี่ครั้ง สิ่งที่เธอมองหามันจะไม่ใช่เขา ถึงจะเป็นความจริงที่น่าปวดใจ
แต่ริวก็เป็นหนึ่งคนสำคัญมากของเขาเช่นกันหากว่าทั้งสองรักกัน เขาก็พร้อมที่จะแสดงความยินดี รึเปล่านะ?

   “หยุดความคิดไร้สาระที่มันไม่มีทางเป็นไปได้นั่นซะ”ริวกระชากคอเสื้อของยูเข้ามาใกล้

   “ฉันมักจะอ่อนโยนกับนายเสมอดูเหมือนนายจะไม่ได้รับรู้อะไรเลยนะ”

   “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะริว !”

   “แปดปีแล้ว ที่เรารู้จักกัน แต่นายดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย”ริวตะโกนบ้าง

   ร่างสูงปล่อยมือจากคอเสื้อของคนเป็นเจ้านายก่อนจะดึงมือที่อาบไปด้วยเลือดขึ้นมากัดอย่างโมโหจนยูเผลอหลุดปากร้องโอ๊ย ลิ้นร้อนลากผ่านใจกลางฝ่ามือที่เป็นแผลใหญ่ที่สุดก่อนจะลากลิ้นไปตามรอยยาวของบาดแผลอย่างอ่อนโยนและอ้อยอิ่ง

   ยูสะดุ้งเป็นพักๆด้วยความเจ็บแสบแต่ก็ไม่มากเท่าตอนแรกแล้ว พลันสายตาก็ปะทะกับแก้มแดงเถือกที่ปรากฏเป็นรูปรอยมือชัดเจน นิ้วเรียวแตะเบาๆลงบนแก้มของร่างสูง

   ริวเหลือบตามองก่อนจะหันไปงับนิ้วที่ยืนมาแตะเบาๆ “เจ็บรึเปล่า” ยูถาม

   “เจ็บ”

   “คราวหลังอย่าพูดแบบนั้นอีก เข้าใจไหม”

   “ไม่เข้าใจ ทำไมฉันต้องพูดดีๆกับหล่อนด้วยไม่ทราบ”

   ยูถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจกับเจ้ามังกรจอมหยิ่งผยองตรงหน้า

   “กลับกัน ฉันพูดว่าฉันเกลียดนาย นายจะรู้สึกยังไง”ยูเอ่ยเสียงอ่อน แต่ริวก็ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่คิดตามเงียบๆเท่านั้น

   “ถึงนายจะไม่ชอบเธอก็จริง แต่เราควรจะให้เกียรติผู้หญิงถึงจะเรียกตัวเองได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษนะริว”

   “ยุ่งยากซะจริง กฎของพวกมนุษย์”

   “นี่แหละมนุษย์ ยุ่งยากและซับซ้อนเสมอ”ยูยิ้มลูบหัวริวอย่าทีจริงทีเล่น

   ริวก้มหัวลดตัวลงให้ยูลูบได้สะดวกๆ ก่อนจะจับมือข้างที่เปื้อนเลือดขึ้นมาล้างน้ำ บรรจงขัดเลือดที่เกรอะอยู่ตามซอกนิ้วออกให้อย่างตั้งใจ

   ยูยืนนิ่งมองความเอาใจใส่ของริวเงียบๆ ก่อนจะเลื่อนสายตามองพายผลไม้ที่เล็กเพราะเลือดของตนอย่างเสียดายเล็กๆ เดิมที
แล้ว เขาอยากจะให้ริวที่ไม่ค่อยชอบกินผักผลไม้ลองทานดูแท้ๆ

   “เลือดนายอร่อยกว่า”

   “นอกจากจะชอบกลายร่างเป็นแมวแล้ว นายยังเป็นผีดูดเลือดด้วยสินะ”

   “ปีศาจตนไหนก็อยากจะกินนายกันทั้งนั้นแหละ”

   “เห รวมถึงนายด้วยรึเปล่า”ยูยิ้มแซวอย่างที่จริงทีเล่น

   “ฉันละอยากจะกลืนกินนายไปทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ”

   ดวงตาสีทองฉายประกายแววตาอันตราย ยูขยับยิ้มไม่ได้นึกกลัวเลยสักนิดถึงแม้ว่าริวอยากจะทำอย่างที่ว่าจริงๆก็ไม่มีทางทำได้ เพราะตราบใดที่เขาต้องตกตาย ริวเองก็จะต้องตายด้วยเช่นกัน

   “อย่าคิดจะขู่ฉันซะให้ยาก”

   “อืม”

   “โอ้โห นึกว่ากลิ่นหอมอะไรลอยมาแต่ไกลที่แท้ก็เพราะเจ้านี่เอง”โทระยืนพิงขอบประตูมองเข้ามา

   ริวตวัดสายตาเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายหุบปาก โทระจึงได้แต่ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ


   “ตายแล้ว ทำไมห้องครัวเละแบบนี้ละลูก”

   “ผมทำน้ำแดงหกนะครับแม่ ของทำตัวสะอาดก่อนนะครับ”

   “จ้าพ่อลูกชาย เสร็จแล้วก็เข้ามาคุยกับแม่ที่ห้องนั่งเล่นหน่อยนะ”แววตาของผู้เป็นแม่สั่นระริกเพียงชั่ววูบก่อนจะเปลี่ยนกลับเป็น
สีหน้าแช่มชื่นในช่วงพริบตา

   “ได้ครับ”

   “เอ้อ ริวด้วยนะ”

   “ครับ”

   โทระเลิกคิ้วมองอย่างสงสัยว่าไอ้ที่เลอะนั่นมันเลือดชัดๆ ไม่ใช่น้ำแดงเสียหน่อย

   “อย่าบอกแม่นะโทระ”ยูพูดโดยไม่ออกเสียง เจ้าปีศาจจึงได้แต่พยักหน้ารับเงียบๆโดยที่ไม่ต้องหาเหตุผล เพราะเดิมทีมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาที่จะต้องไปยุ่งกับพวกมนุษย์อยู่แล้วด้วย

   “ริวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ เดี๋ยวรอยเลือดจะซักไม่ออกเอา”

   “อืม”

   ถึงจะตกปากรับคำแต่ริวก็ยังไม่ยอมขยับไปไหนจนยูที่เช็ดรอยเลือดไปดวงๆบนพื้นต้องหันกลับมามอง

   “อะไร?”

   “ไปอาบด้วยกันไหม”

   “นี่นายกี่ขวบแล้ว ริว ไปได้แล้วไม่ต้องมายึกยัก”

   “ชิส์”

   ยูมองร่างสูงที่เดินไปอาบน้ำอย่างงุ่นงานจากไปด้วยรอยยิ้มขำๆที่ริวชอบทำตัวเป็นเด็กไม่เลิก ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ทันทีที่ริวพูดว่า
เกลียดยูริจังเขาถึงได้รู้สึกดีใจลึกๆ ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นสิ่งไม่ดีที่เขาต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ

   “เฮ้อ สงสัยว่าเราจะเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ”

   หลังจากทำความสะอาดเสร็จ ริวก็อาบน้ำเสร็จพอดี ทั้งสองจึงเข้าไปหาผู้เป็นท่านหญิงของบ้านพร้อมๆกัน

   “ยูมหาลัยเปิดเทอมเมื่อไหร่”

   “อีกหนึ่งเดือนครับ”

   “แม่มีข่าวร้ายจะบอก”ผู้เป็นแม่ทำสีหน้าอึดอัดใจ

   “แม่พูดมาได้เลยครับ ผมจะพยายามทำใจรับมันให้ได้”ยูก็พอจะเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่พอเห็นผู้เป็นแม่พูดขึ้นมาเป็นไปตามสิ่ง
ที่เขาคิดก็อดใจหายไม่ได้

   “ทางตระกูลใหญ่เรียกตัวลูกเข้าศึกษาวิชาที่สำนักใหญ่”

   ยูตัวแข็งทื่อไม่คิดว่าทางตระกูลใหญ่จะเล่นไม้นี้กับเขาเพื่อเป็นการดึงตัวพวกหน้าใหม่ ช่างเป็นความจริงที่โหดร้ายและไม่อยากจะยอมรับ แต่ถ้าหากไม่ยอมรับจริงๆครอบครัวของเขาจะต้องลำบาก

   “ยูถ้าลูกไม่อยากไปจริงๆ ก็อย่าไปเลยลูก”ท่านแม่ผู้เข้มแข็งแตะที่แขนของเขาอย่างอ่อนโยน
   ตระกูลใหญ่เป็นสิ่งที่เขาวิ่งหนีมันมาตลอดทั้งชีวิตที่เกิดมาสิบแปดปี ราวกับว่าชะตะฟ้าลิขิตให้ต้องเป็นแบบนี้ ก็คงจะขัดขืนอะไรไม่ได้นอกจากยืดอกเผชิญหน้ากับมัน

   ริวกุมมือของยูไว้ถ่ายทอดความรู้สึกอบอุ่นให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่ายังมีเขาอยู่ตรงนี้อีกคนไม่ไปไหน

   “ผมจะไปครับแม่”

   “แม่ขอโทษนะยู”ผู้เป็นแม่เอ่ยเสียงครือ

“แม่ไม่ต้องขอโทษยูหรอก ก็แค่ทางตระกูลใหญ่เรียกไปศึกษาวิชา ไม่ได้ให้ผมไปออกรบเสียหน่อย”

   “ผมจะต้องออกเดินทางเมื่อไหร่ครับ”

   “เดือนหน้าจ๊ะ”

   “แม่ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ผมมีริวอยู่ทั้งคน”

   “เอาเถอะถ้าลูกว่าอย่างนั้น เราก็ต้องเตรียมตัวกันหน่อยแล้วละ ตอนนี้ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

   “ครับ”

   ยูกับริวเดินกุมมือกันเงียบๆบนทางเดินมือสลัวกระทั่งเข้าห้องนอนไป

 “เราต้องจัดการมันเดี๋ยวนี้”ริวพูดขึ้นทำลายความเงียบที่โณยตัวลงมา

   เรื่องราวเลวร้ายเหมือนจะพร้อมใจกันถ่าโถมเข้ามา ยูอยากจะบอกกับริวไปเหลือเกินว่าสภาพจิตใจตอนนี้ของเขาไม่ไหวที่จะทำเรื่องนั้นตอนนี้ แต่เวลาก็ไม่เหลือแล้วเช่นกัน

   “รีบทำให้มันจบๆกันแถอะ”ยูเอ่ยตัดบทขยับตัวซุกเข้าไปในอ้อมแขนของอีกฝ่าย

   ริวกอดปลอบร่างเล็กที่สั่นเทาในอ้อมแขน วันนี้ช่างเป็นวันที่หนักหนาแต่ทั้งเขาและริวยังคงมีเรื่องที่ต้องทำ

   “ไม่ต้องกลัวนะยู”

   “อื้อ”

   ดวงตาสีทองเรืองรองในความมืดเขาพร้อมสำหรับเรื่องนี้เสมอ มือเรียวปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกอย่างง่ายดาย ไม่นานนักผิวขาวผ่องของยูก็ได้ออกมาอวดสายตาที่มองเห็นได้ดีในความมืด อากาศเย็นที่แตะลงบนผิวทำทำให้ยูขนลุกชันอย่างไม่สามารถควบคุมได้

   “กอดฉันให้แน่นๆละยู”
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch4 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูน้อย ที่ 16-11-2014 22:30:51
อยากได้ตอนต่อไปเร็ว



บอกเลย ฟินสุดดดดดด ยอดดดดด



 :hao6: :hao6:


รอฉากเรียกเลือด หุหุ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch4 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 16-11-2014 22:51:31
อะไรอ่าาาาาาาาาาา
ค้างงงงงงงงงงงงง
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch4 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 17-11-2014 00:21:08
 :ling1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch4 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 17-11-2014 12:02:08
เขากำลัง...กัน อ่ะ แต่แปลก มีแต่ทำแบบนี้แล้วเพิ่มพลัง แต่เรื่องนี้กับลดพลังแหะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch5 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 17-11-2014 21:46:06
5

   
ผิวกายร้อนระอุเหงื่อกาฬแตกซิกอุณหภูมิในร่างกายร้อนจนแทบเดือด เสียงครางผะแผ่วของยูดังขึ้นภายใต้ร่างแกร่งของริวเตียง
ที่น่าสงสารดังลั่นเอี๊ยดอ๊าดเมื่อต้องรับน้ำหนักอันเกินควรของผู้ชายสองคน

   ริมฝีปากแดงของริวประกบจูบกับคนใต้ร่างอย่างดื่มด่ำไปกับรสหวานที่ปลายลิ้น ดวงตาฉ่ำน้ำริมฝีปากเจ่อบวมที่เผยอออกเล็กๆ
ทำให้เขาอดใจไม่ไหว จูบครั้งแล้วครั้งเล่าจนอีกฝ่ายอ่อนระทวยไปในอ้อมแขนไม่สามารถตอบโต้หรือขัดขืนเขาได้อีก

   ฝ่ามือใหญ่ลูบวนเบาๆตรงต้นขาอ่อนของยู มันเป็นที่ๆเขาลงอาคมผนึกพลังของอีกฝ่ายเอาไว้เมื่อครั้งยังเด็ก ครั้งแรกที่เขาลง
อาคมผนึกยูเอาไว้อีกฝ่ายพึ่งจะเพียงสิบขวบเองเท่านั้น ยังเด็กแต่กลับทั้งฉลาด ยั่วยวนและมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ

   ริวแทรกนิ้วไปตามบั้นทายเนียนอย่างชำนาญ ช่องทางสีกุหลลาบหวานเหมือนจะยังไม่พร้อมสักเท่าไหร่ จึงได้แต่นวดคลึงเบาๆ

ตรงช่องทางสีกุหลาบนั้น

   “อือ เจ็บ”

   ยูครางฮือเมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่รุกรานเข้ามาภายในตัวของเขา ริมฝีปากแดงของริวเฟ้นจูบตรงขมับอย่างอ่อนโยนก่อนจะ
ไล่ลงมาขบเม้มบริเวณคอตามด้วยหน้าอกจนเกิดเป็นรอยแดงจางๆ ยอดอกสีชมพูชูชั้นสั่นระริกเหมือนกำลังรอคอยให้ร่างสูงกลืน
กิน ร่างสูงครอบริมฝีปากลงบนจุดเล็กๆสีชมพูนั้นโดยที่มือทั้งสองข้างไม่หยุดเล้าโลมจูดอ่อนไหวกึงกลางกายของยูอย่างช้าๆ

   ร่างเล็กไม่อาจทนต่อบทรักที่น่าอายนี้ได้ ได้แต่ส่งเสียงครวญครางหวานหูแอ่นตัวเข้ารับการสัมผัสอย่างลืมอาย ถูกฝ่ามืออุ่น
ลูบไล้จนไม่อาจสะกดกลั้นบางอย่างที่ใกล้จะปะทุได้อีกต่อไป

   “ระ… เร็วอีก”

   การ์ดแน่นหน้าที่ยูสร้างขึ้นมาค่อยๆผ่อนคลายและอ้ากว้างอย่างไม่รู้ตัว ริวไม่ปล่อยให้ยูเป็นฝ่ายไปก่อนชิงโอกาสนี้เข้าแทรก
กลางหว่างขาที่สั่นระริกของยู ร่างบางนอนหมดแรกอยู่ได้ไม่นานก็สะดุ้งเฮือกกับสิ่งแปลกปลอมที่พยายามดันแทรกเข้ามา

   ริวกัดฟันกรอดอย่างอดทนเมื่อแรงบีบรัดของอีกฝ่ายบังคับให้เขาต้องขยับตัวเข้าออกเบาๆ ยูผวาเฮือกกอดริวอย่างเจ็บปวด

   เจ็บ จนเหมือนจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ



   “เพราะไม่ได้ทำนานร่างกายเลยฝืดๆสินะ”ริวพรมจูบปลอบโยนยูที่เจ็บจนแทบจะหมดสติอยู่รอมร่อ

   “คะ…ใครใช้ให้นายอยู่ๆก็เข้ามาแบบนี้ละ”

   ริวขยับยิ้มก่อนจะกระแทกตัวแทรกแกนกายเข้าไปในตัวของยูจนสุด เสียงร้องครางเหมือนลูกแมวตัวน้อยของยูทำให้ความอดทน
ของริวหมดไป เสียงเนื้อกระแทกกระทั้นปนกับเสียงครวญครางและเสียงหอบถูกกำหนดโดยจังหวะที่กระแทกเข้าออกและถูกเร่ง
ขึ้นตามสภาวะอารมณ์ที่พุ่งสูงอย่างห้ามไม่อยู่

   “ชะ..ช้า ช้าหน่อย”

   ยูเอ่ยห้ามด้วยเสียงกระท่อนกระแท่นแทบไม่เป็นคำ ริวจึงฉวยโอกาสนี้จูบปิดปากอีกฝ่ายเสียพร้อมๆกับพลังงานบางส่วนที่ไหล
ออกมาจากร่างกายของยูเข้าปากริวไป ร่างเล็กรู้สึกเหมือนกำลังโดนอีกฝ่ายกลืนกินจึงขัดขืนตามสัญชาติญาณ แต่ยิงขัดขืนมาก
เท่าไหร่ส่วนที่เชื่อมทั้งสองไว้มันยิ่งเข้าไปได้ลึกยิ่งขึ้นจนได้แต่เปล่งเสียงร้องอย่างทรมานบนความเสี่ยวซ่าน

   “อืออ ฮึก”

   ยูรู้สึกได้ถึงพลังที่เริ่มหดหายไปพร้อมกับพลังอาคมที่ต้นขากำลังแข็งแกร่งขึ้นจนแทบจะสะกดเขาให้กลับกลายไปเป็นคน
ธรรมดาอีกครั้ง ขาทั้งสองไร้เรี่ยวแรงของยูตกลงที่ข้างตัวของริวไม่ใช่แค่เพราะพลังที่หายไปทำให้เขาไร้เรี่ยวแรง แต่ความรู้สึกดี
อย่างห้ามไม่อยู่ก็แทบจะพรากสติของเขาไปด้วยเช่นกัน

   ริวจับขาข้างหนึ่งของยูขึ้นมาพาดบ่าก่อนจะขยับอย่างที่ใจนึก ขย่มร่างเล็กภายใต้การควบคุมของเขาให้สั่นคลอนไปทั้งตัว

   “พะ…พอแล้ว ยะ..อย่า”

   มือเล็กขยำผู้ปูแน่นเพื่อระบายความเสี่ยวซ่าน น้ำจากส่วนปลายที่ปริ่มออกมาทำให้เขาอึดอัดแทบขาดใจครั้นจะเอื้อมมือไปแตะก็
โดนริวจับตรึงไว้จนไม่สามารถปลดปล่อยได้อย่างใจ จึงส่งสายตากึ่งบังคับแกมอ้อนวอนให้ริวปล่อย

   ริวทำเป็นมองไม่ห็นก้มตัวลงซุกไซร้งับเบาๆเข้าที่ไหลาคอเลื่อนลงมาที่บริเวณหน้าอก ขยับฟันกัดงับยอดอกชูชั้นนั้นอย่างหยอก
ล้อ

   “เจ็บนะ อ๊า !”

   ยูแอ่นตัวสะท้านเฮือกเมื่อริวดันแกนกายเข้ามาจนมิดก่อนจะกดย้ำตรงส่วนที่เป็นจุกกระสันของยูหนักๆจนอีกฝ่ายส่งเสียงครวญ
ครางไม่เป็นภาษา

   การขยับเข้าออกแต่ละครั้งริวได้แทรกพลังเพิ่มเข้าไปในส่วนที่เป็นตราผนึกลงอาคม ถามว่าทำไมต้องเอาตราผนึกมาซ่อนไว้ในที่
ลับอย่างนี้ด้วย คงเป็นเพราะความฉลาดแกมโกงของเขาที่ต้องการยูมาไว้ในครอบครองทั้งกายใจโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ขยับเข้าออก
ได้สักพักยูก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป น้ำสีขาวขุ่นถูกพ่นออกมาเปรอะเต็มหน้าท้อง ไม่นานนักริวก็ปลดปล่อยออกมาบ้างจนยูรู้สึกได้ถึง
ความอุ่นวาบจากช่องทางด้านหลัง

   ริวถอนตัวออกมานอนกอดยูที่หายใจหอบไว้แนบอกจูบซับแก้มสีชมพูระเรืองขงอร่างในอ้อมแขนอย่างรักใคร่สองมือก็นวดคลึง
แผ่นหลังบางให้อย่างเอาใจ ไม่รู้ทำไมหัวใจของยูเขาถึงยังเอาชนะไม่ได้เสียที ยูรักหญิงสาวชาวมนุษย์ที่ชื่อยูริ รักมาทั้งสี่ปีแต่
โชคร้ายที่เธอไม่เคยชายตาแล พูดถึงเธอคนนั้นแล้วริวก็แผ่รังสีดำทะมึนออกมาชวนให้ยูใจหายเล่น

   “เป็นอะไร”ยูมองหน้าริวอย่างรู้สึกได้

   “เปล่า”ริวเปลี่ยนอารมณ์กอดยุไว้อย่างแนบแน่นแทน

   “ริวฉันจะอาบน้ำ”

   “อือ”ริวคลายอ้อมกอดออก

แต่จนแล้วจนเล่ายูก็ไม่ยอมลุกไปเสียทีสุดท้ายยูจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นเองในที่สุด “ลุก…ไม่ไหว ช่วยหน่อย”

ไม่ต้องบอกก็รู้ได้เลยว่าตอนนี้ใบหน้าของยูแดงมากแค่ไหน ริวคิดในใจลึกๆว่าแก้มแดงๆนั่งเขากลัวว่ามันจะแตกออกสักวันแน่ๆ

ร่างสูงช้อนร่างเล็กเดินเข้าห้องน้ำไปวางลงบนอ่านให้ยูจัดการตัวเอง ขืนให้เขาอาบน้ำให้อีกมีหวังตะบะแตกอีกเป็นแน่

ยูมองตามร่างสูงที่เดินออกจากห้องน้ำไปด้วยความรู้สึกหนักหน่วงในใจ เขามีอะไรกับคนที่ยูริรัก แล้วเขาละรู้สึกยังไงกับริวกันแน่

นะ ถึงจะไม่ได้รังเกียจแต่เขาก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกในอกที่มันล้นปรี่จนแทบจะทะลักนี้คืออะไร ไม่ว่าเขาจะถามตัวเองกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็
ไม่สามารถหาคือตอบได้เลย

ยูลูบที่ต้นขาของตัวเองเบาๆที่ที่ริวด้ลงอาคมกักพลังในตัวของเขาเอาไว้ก่อนจะเลื่อนมือไปที่หน้าอกตรงตราพันธสัญญาที่ริวได้
ทำไว้กับเขาว่าจะอยู่ด้วยกันตราบชีวิตจะหาไม่

“ยูนายแช่น้ำนานไปแล้ว”ริวหยุดอยู่ที่หน้าประตูเกิดเป็นเงาตะคุ่ม

ยูรีบจัดการทำความสะอาดก่อนจะลุกออกไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่อย่างเร่งรีบก่อนจะเดินออกไป


“อย่าเร่งน่า เมื่อยตัวจะตายอยู่แล้ว”

ยูผลักริวออกไปให้พ้นทางก่อนจะล้มตัวนอนบนเตียง ริวก็ปีนขึ้นเตียงตามไปนอนกอดอีกฝ่ายไว้เงียบๆตามปกติที่เขาเคยทำ

“อิ่มมากเลยสินะ กินพลังของฉันไปตั้งเยอะ”

“พลังนายที่ล้นออกมามากกว่าที่คิด”ริวจูบต้นคอของยูที่นอนหันหลังให้

“ตายละ ไอ้คนส่งสารนั่นจะรู้ไหม”

“อาจจะ”

ยูถึงกับตาสว่างขึ้นมาทันทีด้วยความกังวล ริวได้แต่ยิ้มปลอบน้อยๆก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแนบแน่น

ยูรู้ว่านั่นเป็นวิธีปลอบใจของริวเพราะเขาเป็นคนสอนอีกฝ่ายเองกับมือว่าเวลาที่ใครมีเรื่องกังวลใจมากๆ การกอดปลอบจะเป็นวิธี
ปลอบใจที่ดีที่สุด ไอ้เจ้าหมอนี่มันเลยกอดเขาเอากอดเขาเอาอย่างนี้ไง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร ออกจะอุ่นสบายด้วยซ้ำในช่วง
ฤดูใบไม้ผลิแบบนี้

“โทระต้องรู้แล้วแน่ๆว่าเราทำอะไรกัน”

“ช่างมันปะไร ปกติพวกปีศาจก็ทำกันทุกวันอยู่แล้ว”ริวพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ

“อะไรนะ ! เมื่อก่อนพวกนายทำกันทุกวันเลยเรอะ”

“อืม”

“อยู่กับฉันนายก็จงอดอย่างปากแห้งต่อไปเถอะ”

“ถ้าได้ทำกับนายฉันก็โอเค”ริวพูดออกมาได้หน้าตาเฉยจนยูอดทึ่งไม่ได้ ถึงอยากจะถีบเจ้าตัวอันตรายออกไปแค่ไหนแต่ตอนนี้
เขาหมดแรงเกินกว่าจะขัดขืนได้แล้ว

“ถ้ายูริจังรักฉันบ้างคงจะดี”

“ลืมผู้หญิงคนนั้นไปซะ ตราบใดที่นายยังมีฉันอยู่”ริวเผลอคำรามอย่างลืมตัว

ยูผงะเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้ “ทำไมนายต้องโกรธขนาดนั้นด้วย”

“เพราะฉันจะไม่ยอมปล่อยให้นายไปกับใครหน้าไหนทั้งนั้น”

ริวขึ้นคร่อมประกบจูบกับยูอีกครั้งอย่างที่ต้องการจะประกาสตัวอย่างชัดเจนว่าตนรู้สึกอย่างไรกับผู้เป็นเจ้านายแต่เจ้านายคนนี้ก็
สมองทึกกว่าที่เห็นไว้มากจนน่าปวดหัว

ริวถอนริมฝีปากออกก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ฉันรักนาย และนายก็รักฉันจงยอมรับซะเถอะยู”

“ฉันรักยูริจัง”

“นายไม่เคยรักเธอเลยสักครั้ง นายก็แค่ชอบเท่านั้น”ริวแสดงสีหน้าเจ็บปวดเมื่อยูพร่ำบกรักเธอคนนั้นให้เขาได้ยินเต็มองหู

“ริว…”ยูไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าริวจะถลำลึกกับตนมากขนาดนี้ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ริวแสดงออกนั้นเป็นการบ่งบอกที่ชัดเจนมากแล้ว
ก็ตาม เขาหลอกตนเองมาเสมอว่าริวเพียงแค่เป็นห่วงเขาในฐานะเจ้านายเท่านั้น

“นายรู้กฎของตระกูลเราดีใช่ไหมริว”

“ปีศาจที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งถูกกำจัด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลได้ก็ตาม และยูเรื่องระหว่างเรามันเกินเลยกว่าคำว่าสัมพันธ์อันลึกซึ้งนั่นไป
มากแล้ว”

“ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วนายจะต้องเจ็บปวดกันมัน นายก็จะยังรู้สึกเหมือนเดิมงั้นหรอ”

“แค่มีนายอยู่ ข้างๆฉันก็พอ”

ยูเม้มปากอย่างคนจนตรอก ทั้งที่เขาอุตส่าห์พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องพวกนี้มาตลอดแท้ๆ สุดท้ายแล้วเขาก็เผลอพูดมันออกมาจน
ได้


“ให้เวลาฉันได้ทบทวนความรู้สึกของัวเองหน่อยก็แล้วกัน”

ฉันรอนายมาแปดปีแล้ว รออีกนิดจะเป็นไรกัน

ริวบอกกับยูทางความคิดอย่างไม่ปิดบัง ยูที่เหนื่อยอยู่แล้วไม่นานก็พร่อยหลับไปในอ้อมกอดอบอุ่นและแสนสบายของเจ้ามังกร






กริ้งงงง

เสียงกริ้งบ้านดังขึ้นมาแต่เช้าตรู่รีกยูที่กำลังเตรียมข้าวเช้าวิ่งออกไปเปิดประตูบ้านรับแขกด้วยความเร่งรีบ

“ครับบ มาหาใครครับ”ยูเลิกคิ้วมองผู้ชายวัยรุ่นท่าทางดิบเถื่อนที่ยืนอยู่หน้าบ้านของเขา

“บ้านฮารุกะรึเปล่า”

“ใช่ครับ”

“ฉันเป็นคนที่บ้านใหญ่ส่งมา ชื่อเรยะ”

ยูนิ่งอึ้งก่อนจะรีบเชิญอีกฝ่ายเข้ามาในบ้านของตน เมื่อหลายวันก่อนเขาได้รับจดหมายตอบกลับภาระกิจพร้อมจดหมายเรียกตัว
ของทางบ้านใหญ่ คนที่เขาจะส่งมาช่วยเรื่องหุบเขามิวะ ชื่อ ฮารุกะ เรยะ นั่นก็คือผู้ชายคนนี้นี่เอง

“นายชื่อยู ใช่รึเปล่า”

“อา…ครับ”

ทันทีที่ผมตอบไปแบบนั้นหัวคิ้วของเขาก็ขมวดจนแทบจะชนกันน่ากลัวเหมือนโดนเสือจ้องเขมือบ จนผมต้องรีบขอตัวเข้าครัวไป
ทำกับข้าวที่ค้างไว้ให้เสร็จ

“ยูเจ้าทำอะไรน่ะหอมเชียว …อ้าว นั่นใคร”โทระที่พึ่งกลับมาจากการปลูกพืชมงคลกับพ่อเสร็จก็ชะงักค้างทันที

“โทระ นี่คนของบ้านใหญ่ชื่อเรยะ คุณเรยะนี่โทระปีศาจที่เราเก็บมาจากหุบเขามิวะครับ”

“ปีศาจ?”เรยะเลิกคิ้วมองอย่างแบกใจ เมื่อทั้งเนื้อทั้งตัวอีกฝ่ายมีแต่ไอมงคลเป็นผลพลอยได้จากการที่ถูกท่านพ่อลากไปช่วย
ปลูกพืชมงคลพวกนั้นจนแทบหมดแรงกลับบ้านมาทุกวัน

“ครับ โทระ คุยกับคุณเรยะไปก่อนนะ เดี๋ยวก็ต้องไปดูน้ำซุปก่อน”

“ไม่เอา เจ้านั่นน่ากลัวจะตายชัก ดูมันจ้องข้าสิจะโดนฆ่ารึเปล่าก็ไม่รู้”โทระดึงเสื้อของยูไว้กระซิบกระซาบกันอย่างเปิดเผย

“เอาน่า เขาไม่ทำอะไรนายหรอก แค่พูดดีๆกับเขาก็พอ”

โทระยังคงไม่ไว้ใจแต่พอเห็นสายตาของยูที่เริ่มติดรำคาญก็ยอมเดินคอตกไปนั่งฝั่งตรงข้างกับมนุษย์ที่ชื่อเรยะอย่างจำใจ

“อ้าว ยูคนของบ้านใหญ่หรอลูก”ผู้เป็นพ่อถามด้วยน้ำเสียงกระฉับกระเฉง

“ครับ อยู่ที่ห้องรับแขกน่ะครับ”

“อืมๆ ต้องไปทักทายซะหน่อยแล้ว”แล้วท่านพ่อก็หายไป

ไม่นานครัวครัวเราก็อยู่กันพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหารโดยมีแขกรับเชิญเพิ่มมาอีกหนึ่งคน

“คุณเรยะเป็นฝ่ายปฏิบัติการหรอครับ”

“ใช่ ไม่ต้องเรียกคุณหรอก เรียกพี่ก็ได้”

“อ่า ครับ พี่เรยะ”ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเป็นคนคุยง่ายกว่าที่คิด

คนเราเนี้ยไม่สามารถดูจากแค่ภายนอกได้เลยจริงๆ เห็นท่าทางโหดๆแบบนั้นแล้วที่จริงใจดีเอาการอยู่

“ผมขอถามอะไรที่ดูจะเสียมารยาทเล็กน้อยได้ไหมครับ”

“ว่ามาสิ”

“ปีศาจคุ้มครองพี่ละครับ ไม่มาด้วยกันหรอ?”

“ฉันไม่มีหรอก ตัวไหนๆก็ไม่ถูกใจฉันเลย”พี่เรยะส่ายหน้าด้วยท่าทางเหนื่อยใจก่อนจะหันไปสนใจโทระที่กำลังนั่งโซยข้าวเงียบๆ

“แต่ปีศาจที่นายจับมาได้ก็น่าสนใจดี”

แคกกก ๆๆ!

โทระแทบจะพ่นข้าวในปากทิ้งอย่าตกใจ “ในป่ามิวะยังมีปีศาจอีกหลายตัวที่เก่งกว่าข้า”

“ฉันจะเอาปีศาจที่เก่งมาทำไมในเมื่อฉันก็เก่งอยู่แล้ว ฉันอยากได้ปีศาจแปลกๆแบบนายต่างหาก”

โทระถึงกับหน้าเบี้ยวเหมือนโดนถอนฟัน ไม่สิสีหน้าแบบนี้สุดยอดยิ่งกว่าโดนถอนฟันซะอีกให้ความรู้สึกเหมือนโดนพี่เรยะจีบอยู่
เลยมากกว่า

“ว่าแต่ปีศาจของนายละไปไหน”


“เมื่อหลายวันก่อนทานอิ่มจนลุกไม่ไหวนะครับ อยู่ในช่วงอยู่นิ่งๆแล้วย่อยอาหารน่ะ”ยูยิ้มสวยตอบตามความจริง

“หรอน่าเสียดายนะ”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนออกไปทำภารกิจพี่ก็เห็นเองแหละครับ”

“อืมๆ”

ริวนอนฟังอยู่บนเตียงเงียบๆพลางคิดไปว่าโชคดีที่เขากัดกินพลังของยูไว้ได้ทันเวลาก่อนที่พวกตระกูลใหญ่จะมา แต่การรีบกิน
แบบทีเดียวเกลี้ยงก็ทำให้เขาอิ่มจนขยับไม่ได้อย่างที่ยูว่า แต่คาดว่าพรุ่งนี้คงจะพอสู้ไหวโดยที่ไม่เผลอระเบิดภูมิเขาทิ้งไปซะ
ก่อน

“ริว”

เสียงของยูเรียกอยู่หน้าประตูทำให้เขาต้องหันไปมองน้อยๆ “นายเป็นไงบ้าง”

น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความห่วงใยของยูทำให้เขารู้สึกอยากเข้าไปกอดอีกฝ่าย แล้วบอกว่าเขาไม่เป็นไร

“อิ่ม”

“พรุ่งนี้นายพักอยู่ที่บ้านเถอะ ฉันจะไปกับพี่เรยะเอง”

เจ้ามังกรแทบจะลุกพรวดก่อนจะทรุดลงไปกองที่เตียงแบบเดิมเพราะความหนักที่ท้อง ทำได้แค่ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “นาย
คิดว่าฉันจะปล่อยนายไปรึไง”

“ฉันเอาตัวรอดได้น่า”

“พลังของนายอยู่ในท้องฉันหมดแล้ว แถมที่เหลือยังโดนสะกด ถ้าเกิดอะไรกับนายขึ้นมาละยู”

“รู้แล้วน่า”ยูเอนตัวนอนทับริวด้วยความหมั่นไส้

ฉันแค่ไม่อยากให้นายฝืนตัวเอง ยูคิดในใจเงียบๆ

ริวจึงตอบกลับเพิ่มความมั่นใจให้อีกฝ่ายแบบไร้เสียงเช่นกัน ฉันยินดีที่จะลำบากเพื่อนายยู



หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch5 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 17-11-2014 22:45:13
อ่าส์ เขากินกันมานานละสินะ หึหึ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch5 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-11-2014 23:04:22
อย่างงี้ต้องให้ริวกินพลังบ่อยๆ ทีละน้อยๆ ริวจะได้ไม่อิ่มจนจุกลุกไม่ขึ้น :laugh:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch5 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-11-2014 02:01:23
โอ้ยย น่าสนใจๆ ต่อให้จบน่า ชอบๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch5 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 18-11-2014 08:05:27
เฮ้ยยยยย ตอนแรกๆก็ปลื้มปริ่มกับNC
แต่พออาเฮียเรยะออกมาเท่านั่นแหละ!!
แพลนเป้าหมายไปคู่เรยะ โทระทันที
มันต้องตลกมากๆเลย โทระขี้ระแวงขึ้นมาซะอย่างงั้นอะ!!
รอตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch5 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 18-11-2014 10:04:34
เอาอีกกก :katai4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch5 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 19-11-2014 06:29:29
อ่าาา เขาลึกซึ้งกันมานานแล้วนิ
โทระเสร็จคุณพี่บ้านใหญ่แน่
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch6 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 20-11-2014 22:27:00
6

อาการอิ่มจนขยับไม่ได้ของริวหายแล้วจริงๆ สังเกตดูได้ง่ายๆจากใบหน้าที่เปล่งปลั่งสดใสแถมมีออร่า พรุ้งพริ้งชวนให้แสบตาเล่น

พี่เรยะลูบคางมองหรี่ตามองริวด้วยความสงสัยก่อนจะหยิบแว่นกันแดดสีดำออกมาใส่ให้เห็นกันจะจะ ข้างๆพี่เรยะยังมีโทระซึ่งทำ
หน้าหงิกดูไม่ได้ดีใจที่ได้กลับบ้านเลยสักนิด
“พี่เรยะทะเลาะกับโทระหรอครับ”

“เปล่าพี่แค่แสดงความเอ็นดูเล็กน้อยก็เท่านั้น”

ยูพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ สงสัยว่าพี่เรยะจะถูกใจโทระมากจริงๆ ขนาดที่เดินตามต่อยๆแม้ว่าโทระจะเร่งฝีเท้าหนีก็ตาม แถม
เอาแต่มองจนเจ้าปีศาจได้เบือนหน้าหนีไม่กล้าสบสายตาชวนสยองของอีกฝ่าย

“ยูระวัง”ริวดึงผมให้หลบกิ่งไม้แหลมด้านข้างขณะที่ผมกำลังคิดแผนการบางอย่าง

อ่าใช่ ตอนนี้เรากลับมาที่หุบเขามิวะอีกครั้งบรรยากาศยังคงวังเวงเหมือนครั้งที่แล้ว แต่ที่แปลกคือผมไม่ค่อยรู้สึกถึงอะไรแปลกๆ
อีก อาจะเป็นเพราะพลังที่ลดลงทำให้สัญญาณเตือนภัยในตัวลดระดับลงไปจนเหมือนคนธรรมดาอีกด้วย

พี่เรยะปล่อยพลังส่วนหนึ่งออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียงแรงเปล่ากับพวกปีศาจชั้นต่ำโดยไม่จำเป็น ริวก็เช่นกัน ตอนนี้เราเหมือน
มีจ้าวปีศาจสองคนเดินอยู่ข้างๆ โดยรวมแล้วถือว่าเส้นทางราบรื่นกว่าตอนแรกมากไม่มีพวกปลาซิวปลาสร้อยออกมาให้รบกวนใจ
   แต่ความรู้สึกที่เหมือนโดนจับจ้องอยู่ตลอดเวลาทำให้ผมอึดอัดจนต้องขยับตัวเข้าไปกำชายเสื้อริวแน่น  ถึงแม้ความสิ่งที่สัมผัส
ได้จะไม่รุนแรงเท่าครั้งก่อน แต่ก็ยังรู้สึกได้ลางๆว่ามีบางอย่างกำลังจ้องมองอยู่

   “เจ้าตัวที่ไล่ที่โทระออกมานี่ คงจะแกร่งน่าดูเลยนะ”เรยะยิ้มมองไปยังทิศทางที่เคยเป็นอณาเขต ของโทระ

   “ผมรู้สึกเหมือนกำลังมีบางอย่างมองมาที่ผมตลอดเวลาเลย”

   “ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”เรยะเอี้ยวตัวหลบกิ่งไม้ก่อนจะเตะบางอย่างที่ดูคล้ายหัวคนออกไปให้พ้นทาง ทำเอาผมแทบจะร้องกรี๊ดตอน
ที่เห็นมันลอยข้ามหัวผมไป

   “พะ พี่เรยะนี่แข็งแกร่งจริงๆ”ยูอดชื่นชมไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีไม่สะทกสะท้ายของเรยะที่เจอผีเตะผี เจอปีศาจเตะปีศาจกันตรงนั้น
แบบไม่มีอาการลังเลหรือตกใจให้เห็นแม้แต่นิด

   “กลับกันแล้ว พลังของนายฉันแทบรู้สึกไม่ได้เลย”เรยะหันมามองยูอย่างสำรวจ

   “แฮะๆๆ สายเลือดของผมคงจางมากๆน่ะครับ”ยูเกาหัวยิ้มเก้อ

   “ไม่ใช่ว่าเอาไปป้อนให้เจ้าปีศาจของนายหมดหรอ”

   ตึกตัก…

   นัยต์ตาสีจางของยูเข้มขึ้น หัวใจดวงน้อยพลันเต้นช้าลง ริวที่ยืนอยู่ห่างๆก้มหน้าเตรียมพร้อมรับคำสั่งของอีกฝ่ายทันทีที่เอ่ยปาก
ทำให้บรรยากาศตึงเครียดจนรู้สึกได้

   “พี่แค่ล้อเล่นน่ะ ทำไมต้องเครียดขนาดนั้น”

   “พี่ไม่รู้หรอกว่าพลังของผมอ่อนมากถึงขนาดที่คนในตระกูลใหญ่ไม่เหลียวแลตอนที่ผมทำพิธีกรรมเป็นผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ”ยูยิ้มเศร้า
สับเปลี่ยนหน้ากากอารมณ์ไวจนอยากจะยกโล่รางวัลให้ตัวเอง

   “แต่ปีศาจของนายพลังสุดยอดเลยน้า ถือว่าพอทดแทนกันได้ละนะ”

   “ครับ บางทีพี่เรยะอาจจะเจอปีศาจที่น่าสนใจมากก็ได้นะครับ”

   “ฉันเจอแล้วละ”สายตาแพรวพราวตวัดมองไปยังโทระที่เดินนำหน้าแบบเชิงบอกทางออมว่าไม่ใช่ใครที่ไหน

   “ยะ ยินดีด้วยนะครับ”ผมก็พอจะเดาได้อยู่หรอก เล่นจ้องกันซะปานจะกลืนกินขนาดนั้น

   ตายละ…เผลอหนักมือกับเจ้าปีศาจนั่นเยอะเหมือนกันแฮะ จะโดนเจ้านั่นแฉเรื่องโดนผมถอนฟันไหมเนี้ย

   “ไม่หรอก”ริวพูดขึ้นก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวยูเบาๆ

   “โทระความจำสั้นจะตายไป”ริวพูด

   ผมยิ้มกว้างแบบขำๆ มันเป็นเรื่องจริงที่โทระเป็นพวกขี้ลืมขั้นสุดยอด ตอนออกไปทำไร่กับพ่อก็หลงทางอยู่นานสองนานลำบาก
ให้พ่อต้องเดินตามหาอีกเป็นชั่วโมง แถมเป็นแบบนี้อยู่ตั้งหลายวันจำไม่ได้สักที

   เส้นทางเริ่มขดเคี้ยวและลำบากมาขึ้น ยูแทบจะหมดเรี่ยวแรงกับการเดินทางครั้งนี้แต่ด้วยศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายทำให้ไม่อาจเอ่ย
ปากขอหยุดพักก่อนได้ จำใจต้องกัดฟันทนลากขาหนักเดินต่อไปโดยที่ไม่รู้ว่าทุกการกระทำของตนนั้นยู่ในสายตาของเรยะ
ทั้งหมด เรียกง่ายๆว่ากำลังโดนเรยะผู้เป็นรุ่นพี่แกล้งอยู่นั่นเอง

   ไอ้เจ้าเรยะนั่นมันกำลังแกล้งผมอยู่แหงๆสาบานได้…คนชั่วมักจะดูกันออก !!



   กรี๊ดดดดดดดดดดด!!

   ยูสะดุ้งเฮือกกับเสียงกรีดร้องเหนือมนุษย์นั่น เรยะตวัดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง

   “เขยิบเข้ามาใกล้ๆกันเข้าไว้”เรยะออกคำสั่งซึ่งทุกคนก็ปฏิบัติตามแต่โดยดี

   “ระ ริว”

   “ไม่เป็นไร ฉันอยู่นี่”

   ริวดันยูไปอยู่ทางด้านหลัง ทุกคนหันหลังชนกัน สิ่งนั้นเหมือนจะอยู่ใกบ้ว่าที่พวกเขาคิดไว้ เรยะกัดปากด้วยความเจ็บใจที่เผลอ
ประมาทไปเพียงชั่ววูบ โถ่ กำลังแกล้งเจ้าเด็กนั่นสนุกอยู่แท้ๆเลยเชียว

   วัตถุสีดำลอยอยู่เหนือหัวของยู โดยที่ทุกคนไม่ทันระวัง ไม่คิดว่าเจ้านั่นจะลอบโจมตีจากด้านบนโชคดีที่ยูเอะใจเหลือบตามองขึ้น
ไปเสียก่อน

   “อ้ากกกก”ยูร้องเสียงหลงรีบกระโดดหลบแทบไม่ทันเมื่อเจ้าก่อนสีดำเหนือหัวนั่นพยายามจะพุ่งลงมางับหัวของเขาด้วยฟันแห
ลมๆกับปากที่อ้าได้กว้างขนาดที่ยัดหัวคนได้ทั้งหัว

   “ไอ้เจ้านั่นกำลังจะกินผมแล้วว”ยูกลิ้งหลบเมื่อเจ้าสิ่งนั้นยังไม่ละความพยายามจะกินเขาให้ได้

   ไอ้ปีศาจบ้า ! ไปกินคนอื่นโน้นสิไป๊ มีกันตั้งหลายคนทำไมต้องมาไล่ตาเขาคนเดียวด้วยฟระ

   ล้มลุกลุกคลานมาหลายตะหลบ ริวกับเรยะก็ตั้งตัวได้รีบเข้าไปช่วยยูที่ใกล้จะหมดแรง โทระที่อยู่ใกล้ที่สุดกระโจนเข้าไปบังร่าง
ของยูที่ไถลงไปกับพื้นหวังจะซัดกับเจ้าก้องดำๆนั่นสักรอบ แต่ที่ไหนได้เจ้านั่นกลับลอยลอดหว่างขาเขาไปหายูซะงั้น

   “เฮ้ย”โทระร้องเสียงหลงอย่างตกใจ

   แต่คนที่ตกใจยิ่งว่าก็คือยูที่อยู่ด้านหลัง เพราะเสียหลักล้มเมื่อกี้จึงทำให้ข้อเท้าแพลงแค่ขยับก็เจ็บแปล๊บๆ แต่เจ้าก้อนสีดำนั่นมัน
ลอยมาอยู่ตรงหน้าแล้วแถมเหมือนจะเห็นแวบๆว่ามุมปากของเจ้านั่นกระคุกขึ้นเกิดเป็นรอยยิ้มสยองที่ทำให้ยูตกใจแทบตาย

“ริววววว”

วูบ

เจ้าก้อนกลมๆสีดำนั่นมุดหายเข้าไปในร่างของเขาเต็มๆสองตา

“อะ…เอ้ย มันเข้าไปแล้ว”

ริวเลิกเสื้อของยูขึ้นสำรวจร่างกายของยูทันทีที่เข้าประชิดตัวได้ มือเย็นๆของริวยกขึ้นลูบๆไปมาบนหน้าอกแบนๆขาวๆ จนยูรู้สึก
สยิวขนลึกชันทั้งตัว

“หยุดมือทีเลื้อยไปเลื้อยมาของนายซะริว”

“ก็แค่ตรวจสอบน่ะ”

“ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างยู”เรยะถามบ้าง

“กะ..ก็ดีครับ”ยูตอบอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

วูบ

   เหมือนโลกหยุดหมุนกะทันหันร่างของยูเซล้มพับลงในอ้อมแขนของริวโดยฉับพลัน  ร่างสูงตวัดสายตามองสีหน้าของยูที่นิ่งสงบ
เหมือนคนหลับไปเท่านั้น แต่นั่นยิ่งทำให้ริวรู้สึกปั่นป่วน “ยู !!!”

   “เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ”เรยะพูดเตือนสติของริวที่เหลือน้อยเต็มทน

   แต่สายไปเสียแล้วบริเวณรอบๆถูกเจ้าก้องกลมสีดำล้อมไว้จนหมด สีหน้าของเรยะเงียบขรึมลง โทระแยกเขี้ยวขู่คำรามอย่างกล้า
หาญถึงแม้ว่าฝ่ายศัตรูจะมีพลังที่ชวนน่าขนลุกก็ตาม

   “หึ หึ”ริวหัวเราะในลำคอพร้อมปล่อยพลังที่ชวนน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมา กดดันบรรยากาศรอบข้างจนบิดเบี้ยวไป 

   บรรยากาศหนักๆเจือปนด้วยจิตสังหารอันแหลมคมทำให้ลมหายใจของเรยะติดขัด โทระยืนนิ่งแข็งเป็นหุ่นไม่กล้าขยับสุ่มสี่สุ่มห้า
แต่ก็ยังพอที่จะประคองสติไม่ให้แสดงความหวาดกลัวจนเกินไปได้

   “เจ้าพวกปีศาจชั้นต่ำ”ริวคิดจะระเบิดภูเขาทั้งลูก ยิ่งมีพลังของยูไหลเวียนอยู่ในร่างเรื่องระเบิดภูเขาสักลูกสองลูกก็ไม่ใช่เรื่องยาก

   ถ้ายูยังคงมีสติอยู่อาจจะถึงขั้นลุกขึ้นมาเขกหัวเขาแล้วก็เป็นได้ แต่ตอนนี้ยูสลบไปแล้ว เขาจะทำอะไรก็ได้ไม่มีใครห้ามเขาได้อีก
ต่อไป

   “ริวใจเย็นๆก่อน”เรยะที่เห็นท่าไม่ดีรีบตะโกนบอกริวที่ฟิวส์ขาด

   ริวตวัดสายตามองเรยะอย่างหน้ากลัว ดวงตาสีทองมีขีดสีดำเหมือนงูนั้นถลึงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างน่ากลัว “หุบปากซะเจ้ามนุษย์”

   เระยคิ้วกระตุก “พูดจาให้มันดีๆหน่อย ฉันเป็นรุ่นพี่นายนะเฟร้ย”

   “นายทำให้ยูเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่มีความจำเป็นต้องเคารพนับถือนานอีก”

   “นายว่าไงนะ !”

   “พวกเจ้าทั้งสองจะหยุดทะเลากันได้รึยัง !!!”โทระตะโกนแทรกอย่างเหลืออด ในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ยังทะเลาะกันได้ให้
ตายเถอะเป็นเด็กสามขวบกันรึไง

   “จะทำอะไรก็รีบๆทำเถอะริวเดี๋ยวเจ้าเด็กมนุษย์นี่จะแย่เอา”โทระแตะมือลงบนหน้าผากของยูที่เริ่มจะตัวเย็นลง ลมหายใจก็แผ่ว
ลงแล้วด้วย

   ได้ยินแบบนั้นริวก็หันไปสนใจกับเจ้าปีศาจสีดำตรงหน้าแทน เมินเรยะที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปโดยสิ้นเชิง

   หมับ !

   ริวคว้าเจ้าก้อนสีดำตรงหน้าไว้ในอุ้มมือที่เต็มไปด้วยกรงเล็บและเกร็ดสีดำวาว เจ้าก้อนสีดำแยกเขี้ยวกัดมือของริวแต่เกร็ดขง
มังกร แข็งขนาดตัดเพชรได้ดั่งตัดเนย มีหรือแค่ฟันซี่เล็กๆของเจ้าปีศาจนี่จะทำอะไรเขาได้ แต่ทันทีที่ปีบเจ้าปีศาจตัวเล็กๆนั่นมัน
ก็แบ่งตัวออกเป็นก้อนกลมๆที่เล็กกว่าเดิม

   “เจ้าพวกนี้…”

   เรยะเท้าเอวมองอย่างนึกสนุกในใจ ไหนเจ้าปีศาจของยูจะฉลาดสักแค่ไหนเชียว เป็นแค่ปีศาจพิทักษ์หน้าใหม่แท้ๆดันทำตัวหน้าหมั่นไส้ซะได้ แล้วก็เจ้าเด็กนี่จะอ่อนแอไปไหนเนี้ยขนาดคนที่พลังน้อยที่สุดในตระกูลยังทนเจ้านี่ได้ถึงสิบนาทีแต่นี่สามวิก็ลงไป
นอนซะแล้วแย่จริง

   “นายฆ่าเจ้าพวกนี้ไม่ได้หรอก”

   “หึ ก็ลองดู”ริวแสยะยิ้มอวดเขี้ยวสีมุก

   แล้วริวก็ได้ทำในสิ่งที่ใครไม่คาดคิด ร่างสูงได้คว้าเจ้าก้อนดำเข้าปากเคี้ยวแล้วกลืนลงไปท่ามกลางสายตาช็อคสุดขีดของโทระและเรยะ

   “กะ…กินไปแล้ว”โทระชี้ริวด้วยมือที่สั่นสะท้าน

   ริวเลียริมฝีปากก่อนจะส่งยิ้มร้ายกาจไปให้เจ้าพวกปีศาจก้อนสีดำตรงหน้า “ก็กินได้”

   หากว่ายูอยู่คงจะวิ่งเข้ามาชกท้องเขาแล้วบอกให้เขาอ้วกมันออกมาดี๋ยวนี้…

   ริวย่อตัวลงลูบเรือนผมของยูอย่างแผ่วเบา เขาต้องห้ามใจไว้อย่างมากเพื่อไม่ให้ตัวเองจูบยูต่อหน้าเรยและโทระจึงหันมาระบาย
ความโกรธกับเจ้าตัวสีดำพวกนี้แทน

   “หยูดดด หยุด เจ้าพวกนั้นไม่ใช่ของกินนะริว”เรยะตะโกนห้ามยื้อเจ้าปีศาจสีดำที่ตัวสั่นงกๆด้วยความกลัวในมือริวออกมา

   “งั้นก็บอกมันให้ออกจากร่างของยูซะสิ”ริวหรี่ตามองเรยะ

   “ห้ามกินเฟร้ย !”

   ริวเลิกคิ้วสูงไม่คิดว่าเรยะจะเข้ามายุ่ง เขาได้กลิ่นแปลกจากภารกิจนี้ซะแล้ว

   “ไม่กินก็ได้”ริวลามือจากเจ้าปีศาจนั่นแต่โดยดี

   เรยะได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก แต่โล่งได้ไม่ถึงสามวิก็ต้องกลับมาจิตตกอีกครั้งเมื่อริวทำท่าจะ
เผาทุกอย่างให้รายเป็นหน้ากองด้วยพลังของเขา

   “เฮ้ยย ใจเย็นก่อน”แม้แต่โทระก็ต้องร้องห้ามเขาเสียงหลง

   ริวไม่ได้แยแสกับเสียงนกกระจิบนกกระจอกของคนเหล่านั้น ถ้าไม่ใช่ยูแล้วใครจะมาห้ามเขาก็ไม่ฟังหรอก

   เปรี๊ยะ !

   เปลวเพลิงน้ำเงินพวยพุ่งออกมาจากร่างของริวที่ยืนนิ่ง ความร้อนระอุของมันไม่ได้ทำร้ายยูที่นอนอย่างสงบอยู่บนพื้นแต่มันได้
เผาผลาญทุกอย่างที่ประกอบไปด้วยธาตุมืด เช่นเจ้าปีศาจกลมๆสีดำตรงหน้า เพียงแค่แตะโดนเปลวเพลิงนั่นเท่านั้น ร่างทั้งร่างก็
แหลกสลายเป็นผุยผงไม่เว้นแม้แต่พวกเดียวกันอย่างเรยะและโทระ

   “เจ้าบ้านี่คิดจะเผาฉันไปด้วยรึไง”เรยะแหกปากด่าอย่างเหลืออด เปลวเพลิงนั่นไม่ใช่เล่นๆโดนเข้านิดหนึ่งมีหวังปางตายแหงๆ

   บาเรียสีใสของเรยะเข้าหุ้มโทระไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ถึงจะอันตรายไปหน่อยแต่เรยะก็ยังอาศัยช่วงเวลานี้ทำคะแนนกับโทระ เผื่อ
ว่าอีกฝ่ายจะลองพิจารณารับข้อเสนอมาเป็นปีศาจในบังคับบัญชาของเขา

   ไอดำมืดที่แฝงตัวอยู่ในร่างกายของยูจำเป็นต้องได้รับการชำระยางถูกต้อง ในจังหวะที่เรยะกำลังท่อง คถาป้องกันอย่างเอาเป็น
เอาตายเขาก็ประคองยูขึ้นมาไว้ในอ้อมอก

   ริวประคองใบหน้าที่หลับพริ้มขาดการระมัดระวังอย่างถะนุถนอมก่อนจะก้มลงประกบริมฝีปากส่งต่อเปลวเพลิงชำระแทรกเข้าไปยัง
อวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ร่างสูงกดริมฝีปากลงไปอีกเพื่อมอบจูบอันลึกซึ้งผ่านลิ้นและฟันที่เกี่ยวกะหวัดขบเม้มอย่างไม่เคยพอ
กระทั่งของเหลวสีใสไหลย้อยออกมาจากมุมปากของยูริวจึงได้ถอนริมฝีปากออก ก่อนจะบรรจงปาดน้ำสีใสนั้นออกเบาๆ

   เปลวไฟที่โหมกระพือค่อยๆแผ่วเบาลงจนดับไปตามสายลมที่พัดเข้ามา

   “ยู ตื่นเถอะ”

   “อืออ”

   เปลือกตาบางกระพริบถี่ๆอย่างมึนงงในอ้อมกอดของริว ดวงตาพร่ามัวเห็นนัยน์ตาสีทองฉายแววเป็นห่วงจับใจเป็นอันดับแรกก็ยิ้ม
ออกมา

   “เจ้านั่น…หายไปแล้ว”ยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก

   “อืม เจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า”ริวมองอีกฝ่ายอย่างสำรวจ

   “เท้า”

   “ขี่หลังฉัน”ริวหันหลังให้ยูเกาะขึ้นมาไม่นานนักร่างเล็กก็เกาะหนึบอยู่บนหลังขงริวอย่างสบายใจ

   โอ๊ย ! ทั้งเนื้อทั้งตัวของผมมันปวดระบมไปหมดแล้ว ไอ้งานใช้แรงงานแบบนี้เขาไม่ถนัดเลยจริงๆเถอะให้ตาย

   แปะ แปะ แปะ ๆๆ ๆ ๆ ๆ

   เสียงปรบมือดังไปทั่วบริเวณป่าทำเอายูสะดุ้งเฮือกกลัวว่าจะมีตัวอะไรเก่งๆโผล่มาอีก แต่สิ่งที่โผล่ออกมาแท้จริงแล้วน่ากลัวกว่า
ปีศาจอีก

   “คะ….คนของตระกูลใหญ่”

   “ดีใจด้วยครับ”คนที่ออกมาแสดงความยินดีตรงหน้าผมคือรองหัวหน้าตระกูล ชายหนุ่มในชุดสูทเต็มยศถึงแม้ว่าจะออกมาเดินป่า
พร้อมแว่นตากรอบทองที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของตนออกมาได้เป็นอย่างดี

   “นะ นี่มันอะไรกันครับ”ผมกวาดสายตามองคนนับสิบที่ยืนยิ้มแย้มล้อมเราอยู่

   “นี่เป็นการทดสอบก่อนที่นายจะเข้าตระกูลแบบเต็มตัวไงละ ยู”

   “ห๊า? การทดสอบ?”

   “แต่ความรู้สึกของเจ้าเด็กนี่มันไวชะมัด”ชายร่างสูงท่าทางอันตรายพูดขึ้น แขนของเขาใหญ่กว่าหัวของผมซะอีก !

   “เพลิงชำระของปีศาจรับใช่ของนายก็ไม่เลว”

   ยังมีเสียงทั้งด่าทั้งชมอีกหลายเสียง เช่นว่า  ‘น่าเสียดายที่เจ้าของมันขี้ขลาดไปหน่อย’ หรือไม่ก็ ‘เจ้าแห้งนั่นอยู่ในตระกูลไม่รอด
ถึงครึ่งปีแหงๆ’ ถึงกระนั่นมันไม่ได้ช่วยให้ผมอารมณ์ดีขึ้นเลย

   ผมละอยากจะเข้าไปตบกะบาลคนคิดว่าเอาอะไรมาคิดที่ทดสอบเด็กใหม่แบบนี้กัน ! เกิดผมหัวใจวายตายขึ้นมาแล้วริวระเบิดโลก
ทิ้ง(?)ใครจะรับผิดชอบไหว

   “ให้เดาว่าพ่อกับแม่ต้องว่างแผนร่วมด้วยแหงๆ”

   “ดีใจด้วยนะเจ้าลูกชาย”

   “พ่อ !!!”

   นี่ผมลองเดาประชดไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงๆ

   “อ่า พ่อขอโทษนะที่ปิดบังลูก พอดีว่ามันเป็นกฎของตระกูลน่ะ”

   ผมจะจำไว้ วันนี้ผมจะไม่ทำข้าวเย็นคอยดู !

   “เอาละเรามีเวลาไม่มากนัก แต่นี่ก็เป็นบททดสอบก่อนที่นายจะใช่สกุลของฮารุกะเต็มตัว”ท่านรองหัวหน้าตระกูลพูดขึ้น

   “และนี่เป็นบรรดาเหล่าพี่น้องของนายที่ในอนาคตข้างหน้านายอาจจะต้องฝากชีวิตของนายไว้กับพวกเขา”

   “ครับ”ผมพยายามจดจำใบหน้าของแต่ละคนไว้ในใจ

   “งั้นปีศาจที่คุณใช้ เป็นของใครหรอครับ?”

   “เรยะ”

   ตาแก่เรยะ !! ผมว่าแล้วว่าเรื่องนี้มันมีอะไรแปลกๆมาตั้งแต่ต้น กลิ่นตุๆของความชั่วนี่ลอยหึ่งออกมาจนมันดูไม่สมเหตุสมผลเอา
ซะเลย

   “เฮ้อ ผมพอจะเดาได้ลางๆแล้วละว่าจะต้องเจออะไรแบบนี้”

   “พอเดาได้ก็ดี ช่วงนี้มีแต่พวกเพาะกล้ามแทนสมอง”

   คำแซะอันแสนเจ็บแสบของท่านรองทำเอาคนที่ถูกกระทบบ่นงึมงำกันเป็นยกใหญ่ เป็นบรรยากาศคึกคักที่ผมไม่ค่อยได้สัมผัสมัน
เท่าไหร่นัก

   เพราะความแปลกประหลาดจึงทำให้ผมอยู่คนเดียวเสมอ

   “กลับได้รึยัง”ริวพูดแทรก

   “โอ้ เจ้านี่มันปากดีจริงๆ”

   “ไม่ต้องหาเรื่องน้องใหม่ พวกนายไปทำงานกันได้แล้ว”

   “โห ท่านรองง”

   รองหัวหน้าตระกูลขยับแว่นก่อนจะตบที่บ่าผมดังปุปุสองสามที “ยินดีต้องรับเข้าสู่ตระกูลฮารุกะอย่างเต็มตัว”

   “คะ ครับ”

   ความรู้สึกหนักหน่วงที่ไหล่ทำเอาผมแทบทรุด ไม่นานทั้งหมดก็สลายตัวแยกย้ายกันปอย่างรวดเร็วจนผมอดทึ่งไม่ได้ในความสามารถนั้น

   สักวันผมจะเป็นแบบนั้นสินะ

   “อ้อ ยู”

   เสียงของพี่เรยะที่ยังอยู่เรียกผม(ที่อุตส่าห์ทำเป็นไม่เห็น)

   “ครับ?”

   “นายจัดการปีศาจของพี่ไปหมดเลย งั้นพี่ขอโทระไปนะ”พี่เรยะยิ้มหน้าบาน

   “อ้าวโทระไม่ได้เป็นปีศาจของพี่ตั้งแต่ต้นหรอครับ”

   “เปล่า ทางตระกูลของเราไม่รู้จริงๆว่าโทระอยู่ในบริเวณนั้น จะเรียกว่าผิดแผนก็ได้”

   ด้วยความหมั่นไส้ปนแค้นทำให้ผมคิดแผนการบางอย่างออก “โทระนายอยากอยู่กับฉันหรือพี่เรยะมากกว่ากัน”

   “ถ้าข้าต้องไปอยู่กับเจ้านี่ ขอข้าอยู่กับเจ้ายังดีกว่า”

   พี่เรยะทำสีหน้าเจ็บปวดกับคำตบที่แสนเย็นชานั้น “งั้นผมก็คงให้โทระไปกับพี่ไม่ได้หรอกครับ”

   ผมยิ้มหวานบอกไปกับพี่เรยะอย่างซื่อๆ ก็ถ้าโทระไปกับเรยะจริง ใครจะเป็นคนช่วยท่านพ่อปลูกต้นไม้ ใครจะเป็นคนไปช่วยท่าน
แม่ถือของตอนช็อปปิ้ง? การที่มีโทระอยู่สร้างความสะดวกสบายให้กับผมมาจริงๆฮ่าๆๆๆ

   “โทระนายไปกันฉันเถอะ !!”พี่เรยะยังไม่ลดความพยายาม

   “ไม่ !!”

   “นายนี่มันชั่วร้ายจริงๆ”ริวงึมงำ

   “เชอะใครใช่ให้แกล้งฉันก่อนเล่า”ยูยิ้มร่า ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นการเอาคืนแค่เล็กๆน้อยๆก็ตาม

   “พี่เรยะก็กลับไปทำงานได้แล้วนะครับ โทระ ริว ป่ะกลับบ้าน”

   สองปีศาจหนุ่มก้าวเดินตามเส้นทางที่คุ้นเคย มีเพียงเรยะที่ทำหน้าชอกช้ำระกำใจเหลือแสนแต่ก็จำเป็นต้องกลับบ้านไปมือเปล่า

   “ไว้พี่จะมาเยี่ยมบ่อยๆนะยู”

   “เรยะ !! กลับไปทำงานขอนายได้แล้ว” เสียงตวาดของท่านรองดังก้องจนฝูงนกแตกตื่นไปทั้งป่า

   “เชอะ ! พี่ไปก่อนนะยู”ว่าแล้วเจ้าตัวก็กระโดดฉับๆหายลับตาไป

   “ไปดี …มาดีนะครับ”

   ยูโอบแขนกอดรอบริวด้วยสีหน้าแช่มชื่น ใบหน้าซุกที่บ่ากว้างอย่างเอาใจเพราะวันนี้ริวทำอะไรเพื่อเขามาจริงๆ “ขอบใจนะริว”

   ”ริวนิ้วหน้าอย่างประหลาดใจสุดแสน “…เป็นไข้รึเปล่า

   ผลั๊วะ !!

   ยูตบกบาลของร่างสูงเข้าให้ “อย่าหวังว่านายจะได้ยินคำขอบคุณจากฉันอีกเป็นครั้งที่สอง”

   ริวหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะหันไปหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ “ขอเป็นรางวัลแทนคำขอบคุณดีกว่า”

   ไอ้มังกรหื่น !!


Special

โทระที่ลอบมองทั้งสองพลอดรักกันอย่างเงียบๆ จนไม่รู้จะวางสายตาไว้ตรงไหนดี ความรักที่ปีศาจหยาบๆแบบเขาไม่มีวันเข้าใจว่ามันมีดีตรงไหนแต่เขาก็ได้เข้าใจเมื่อถึงเวลาข้าวเย็นอันแสนสำคัญ

   “ลูกชาย ทำกับข้าวเถอะลูก”

   “ยูเจ็บเท้ายู่ครับ ทำอาหารไม่ไหว”

   เป็นการเอาคืนเล็กๆน้อยที่ยูพอจะทำได้

   หนึ่งอาทิตย์เต็มๆที่ทุกคนในครอบครัวรู้ซึ้งถึงความสำคัญของลูกชาย ท่านพ่อต้องทนทานอาหารที่ไม่ใช่อาหารของท่านแม่ทำ
แล้วท้องเสียไปเป็นอาทิตย์ ขนาดโทระที่ไม่ได้เรื่องมากในการกินยังรู้ซึ้งถึงคำว่ารสชาติแย่เสียยิ่งกว่าแย่เป็นยังไง

   “ลูกชายยย กลับมาทำกับข้าวให้พ่อทานเถอะลูกก”

   “หมอบอกว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ข้อเท้าผมถึงจะหายครับพ่อ”

พอคิดว่าข้าต้องทนกินยาพิษนั่นไปอีกหนึ่งอาทิตย์แล้ว ข้าก็รู้สึกรักยูขึ้นมาทันที


   โฮกกกกก !!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch6 100%]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 21-11-2014 02:33:26
ตัวเอง ชื่อโทระกลายเป็นโทวะหมดเลยยย :ling1:
ปล.อยากให้อัพวันที่ที่มาอัพและเลขหน้าด้วยนะ คนอ่านจะได้รู้ว่ามาอัพแล้วว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch6 100% page 2][20/11/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 21-11-2014 07:12:23
 :sad4:  บางทีนักเขียนก็เบลอๆค่ะ ไม่ทันเห็นว่าพิมพ์ชื่อผิดไปเป็นแถบ  จะนำทุกข้อคิดเห็นไปปรับปรุงแก้ไขค่ะ ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch6 100% page 2][20/11/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 21-11-2014 07:44:19
กร๊ากกกกกกกกกกกกก
พูดเลยว่าอินี่โฟกัสโทระมากกกกกก
ตลกดีอะ ชอบๆ
พี่เรยะหงอยกลับไปซะละ
ตอนหน้าจะมีอะไรน้อออออ
รอตอนต่อไปน้าาาาาา
หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 02-12-2014 21:21:04
7

ก่อนมาถึงบ้านใหญ่ผมเคยคิดว่าชีวิตของผมกำลังจะเริ่มขึ้น แต่พอผมมาถึงเท่านั้นแหละ …

จบสิ้นแล้วชีวิตวัยรุ่นของผม

“เอ่อ นี่บ้านใหญ่ฮารุกะ รึเปล่าครับ” ความมั่นใจของผมหดลงเหลือราวๆเศษขี้เล็บที่ปลิวไปกับสายลมและแสงแดด

“ใช่สิ ไม่ได้อ่านป้ายหน้าสำนักรึไง”อีกฝ่ายตอบผมด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

ผมชักไม่มั่นใจว่าผมหลงมาจากมิติไหนรึเปล่า ไหงแต่ละคนมันแฟนตาซีจังฟะเก่งโอเวอร์ไปรึเปล่า ไอ้ที่ลอยๆอยู่นั่นใช้สายสลิง
ใช่ไหม

“นายจะตื่นเต้นไปทำไม บ้านใหญ่เรียกตัวนายมาแสดงว่านายเองก็มีดีอยู่ใช่ไหมละ”

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมนั้นเป็นเด็กของตระกูลใหญ่ที่ถูกส่งมารับผมที่หน้าประตูตระกูล เน้นว่าแค่หน้าประตูตระกูล ผมต้องผ่าฟัน
อุปสรรคกับเส้นทางสายหฤโหดกับริวแค่สองคนเกือบหวิดตายมาหลายรอบถ้าไม่ได้ริวที่เซนต์แรงบวกกับความหล่อเหลาของ
ผม(?) ที่ให้เราสองคนอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงจุดหมายปลายทาง

 

“อะ… เอ้อ ใช่ ฉันฝึกหมาเก่งมากเลย” โดยเฉพาะหมาที่ชื่อริว

ปึก !

ยูพุ่งถลาไปด้านหน้าอย่างเสียงหลักจากแรงตบของริวที่แผ่นหลัง หน้าเนียนกระแทกเข้ากับคนที่เดินนำอยู่อย่างเต็มรัก ทำเอาขบ
วนเล็กๆของทั้งสามคนชะงักกึก ร่างเล็กดันตัวออกจากหลังแข็งๆนั่นก่อนจะหันไปตะวาดริว

“โอ๊ย ! นี่นายตีหลังฉันทำไมเนี้ยริว”

“ยุงกัด เลยช่วยตบให้”ริวชูรอยเลือดเล็กๆใจกลางฝ่าขึ้นมาเป็นหลักฐาน

ตอแหล !!!! นี่จงใจตบซะเต็มแรงแบบนั้นมันไม่ใช่แต่ยุงกัดแล้ว ความแค้นส่วนตัวชัดๆ

“อ๋อ เดี๋ยวนี้นายกล้าทำร้ายร่างกายเจ้านายเรอะ !”

“จะเถียงกันอีกนานไหม ท่านรองรอนานแล้ว”

ผมกลืนคำด่าพร้อมความแค้นลงคอ ตวัดสายตาเคืองไปให้ริวที่ทำหน้านิ่งเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด

นายเอาฉันไปเทียบกับหมาพวกนั้นก่อนทำไม ริวคิดในหัวก่อนจะดันร่างเล็กที่กระฟัดกระเฟียดให้ออกเดินต่อ สายตาก็มองสำรวจ
ไปรอบๆข้างอย่างสนใจเป็นพิเศษ ช่างเป็นสถานที่ที่หอมหวานจนจมูกของเขาแสบไปหมด

   “อ้าวเข้ามาก่อนสิยู”รองหัวหน้าตระกูลนามมารุนั่งอยู่ในชุดสูทแบบเต็มยศเช่นเคย บนโต๊ะมีเอกสารกองพะเนินสูงจนยูแอบกลัวว่า
ถ้ามีลมพัดเข้ามามันอาจจะถล่มลงไปทับท่านรองตายได้

   “สวัสดีครับท่านรอง”ยูฉีกยิ้มสดใส

   “สวัสดี”ริวก้าวขึ้นมายืนขนาดข้างกับยูพูดทักทายอย่างไม่ใส่ใจนักจนยูต้องแอบเอื้อมมือไปบิดเอวร่างสูงเป็นเชิงเตือนกลายๆ

“…ครับ”

“ฮะๆๆๆ สวัสดีริว”ร่างสูงในชุดสูทกลั้นหัวเราะกับท่าทีของริวที่ทำสีหน้าฝืนใจทักทายแบบสุภาพด้วยความไม่เคยชิน

“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนี่ตารางเรียน ส่วนพวกอุปกรณ์เรียนทางตระกูลจัดไว้ให้ในห้องพักของนายแล้ว”คำพูดเนื้อแบบไร้น้ำ
หาความเข้าใจแทบไม่ค่อยได้ของท่านรองทำเอายูได้แต่พยักหน้าหงึกๆเหมือนหุ่นยนต์

“ส่วนเด็กคนนั้นชื่อ ชิน สนิทกันไว้นะเขาจะเป็นคนคอยดูและนาย”

“เหอะๆ ซวยจริง”เสียงพึมพำของชายที่ชื่อชินลอยเข้ากระแทกหูของผมอย่างจัง

“ชิน ฝากยูกับริวด้วยนะ”

“ใครจะไปอยากดูแลเด็กใหม่กัน เสียเวลาจะตาย…”

ท่านรองมองชินด้วยสายตาคมกริบทำให้ชินต้องรีบหุบปากอย่างฉับพลัน ความเย็นยะเยียบแผ่ออกมาจากบุคคลผู้ใส่สูททั้งตัวจน
อีกฝ่ายสะท้าน ถึงแม้ว่าสีหน้าของชินจะฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจนสุดๆ แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยปากปฏิเสธได้เช่นกัน จึงได้แต่จำ
ใจตอบรับไปแบบไม่ค่อยเต็มใจ

“เอ่อๆ ผมจะดูแลพวกเด็กใหม่ก็ได้”ชินพูดเสียงอ่อยอย่างจำยอม

“ดีมาก”ท่านมารุฉีกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะไล่พวกผมทั้งผมออกมาเพราะงานที่กองพะเนินไม่สามารถรอได้มากไปกว่านี้ และเมื่อกี้
ผมแอบเห็นแวบๆว่ามีคนยกเอกสารอีกปึกเข้าไปวางไว้บนโต๊ะท่านรองด้วย เป็นคนใหญ่คนโตนี่น่าสงสารจริงๆขนาดท่ารองยัง
งานเยอะขนาดนี้ ท่านหัวหน้าตระกูลจะงานหนักขนาดไหนไม่อยากจะคิด

ในขณะที่ผมกำลังใช้ความคิดอย่างเพลินแขนของผมก็ถูกกระชากอย่างแรงจนลงไปคลุกฝุ่นกับพื้นด้วยความมึนงงและสับสน

“อย่ามั่วแต่เหม่อได้ไหมหะ ! หัดระวังซ้ายระวังขวาซะบ้าง”ชินตะคอกผมอย่างโกรธๆในขณะที่ผมยังไม่เข้าใจเหตุการณ์จน
กระทั่งริวสะกิดผมให้ไปมองหลุมขนาดเล็กที่อยู่ใกล้เท้า มีร่อยรอยของการเผาไหม้ของดินจนกลายเป็นสีดำเท่านั้นแหละ ผมถึง
เข้าใจว่าเพราะไรผมต้องลงมากลิ้งคลุกดินอยู่แบบนี้

“ขะ ขอบคุณนะ”ผมพูดเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด

“เหอะ พวกบ้านนอก ไร้น้ำยา กาก”



ซะที่ไหน !!

“ใครมันจะไปรู้ละวะ ว่าเดินอยู่ดีๆถนนก็กลายเป็นรูระเบิดขึ้นมา มันใช่ความผิดฉันรึไงเล่า !!” นี่มันสนามรบหรืออะไรถึงได้มีแต่เรื่อ
งงพิลึกกึกกือทั้งนั้น

ผมลุกขึ้นยืนตะโกนใส่ชินอย่างโมโหมากๆ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะตะโกนใส่เอาๆแล้วจะไม่ของขึ้นนะเว้ยเดี๋ยวพ่อปั๊ดจัดให้

“ยูใจเย็น”ริวยกแขนล็อคคอผมเอาไว้ที่ทำท่าจะเดินเข้าไปฟัดกับชิน

“คะ คือว่าขอโทษนะครับ เมื่อกี้ผมพลาดไปหน่อย ผมไม่ได้ตั้งใจ”เสียงขอเด็กหนุ่มอีกคนเรียกความสนใจจากผมเป็นอย่างดี น้ำ
เสียงสั่นเครือดวงตากลมโตคลอหน่วยไปด้วยน้ำตาที่ปริ่มจนแทบจะหยาดหยดลงมาด้วยความสำนึกผิดทำให้ผมใจอ่อนไม่ถือสา
เอาเรื่องอีก

“ถ้านายไม่พลาดคงมีคนนองเลือดแถวนี้แล้วละฮารุ ถ้าเป็นแบบนั้นได้จริงๆจะดีมาก”

“ห๊า นายว่าอะไรนะ”ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ชิน

“หูหนวกรึไง จะไปตายที่ไหนก็ไปน่ารำคาญชะมัด”

ริวที่เงียบฟังมานานหรี่ตามองเด็กหนุ่มชาวมนุษย์อย่าที่เริ่มมีอารมณ์ครุกกรุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว ทำยูของเขาเจ็บตัวไปพอยังพูดจาไม่
เข้าหูอีก ไม่จัดการบ้างคงไม่เข็ดหลาบ

 ริว-จัดการ-ยูออกคำสั่งริวในห้วงความคิดผ่านกระแสจิตที่สงบนิ่ง เป็นความสงบนิ่งครั้งสุดท้ายก่อนความอดทนเส้นสุดท้ายจะ
ขาดผึ่งออก เป็นคำสั่งจริงจังที่ริวไม่ได้ยินมานานจนอดตื่นเต้นเล็กไม่ได้ที่จะได้ทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ

หมับ !

มือแกร่งที่เต็มไปด้วยกรงเล็บของริวคว้าหมับเข้าที่ลำคอของชินริว ความไวปีศาจที่น่าตกใจของร่างสูงที่ดูไม่ค่อยเก่งอะไรทำเอา
ชินผงะ ยังไม่ทันตั้งตัวเภทภัยก็มาถึงตัวเสียแล้ว เมื่อสายตาที่ตามความไวนั้นไม่ทันก็ยากที่จะหลบการจู่โจมแบบกะทันหันครั้งนี้
ได้

“อย่า อย่าทะเลาะกันเลยนะครับ”เด็กชายเกาะแขนของยูเขย่าเบาๆ

“หืม ไม่ได้ทะเลาะสักหน่อย ก็แค่สั่งสอนพวกปากดีก็เท่านั้นเอง”ยูยิ้มหวาน รอยยิ้มนั้นทำเอาเด็กหนุ่มนามฮารุขนลุกเกรียว

เหอะ ! นี่ถ้าเขาพกคีมถอนฟันจากที่บ้านมาด้วยได้นะ เขาจะถอนฟันสกปรกๆจากปากนั่นไม่ให้เหลือเลย

กรงเล็บที่เริ่มขยับบีบเข้าจนแน่นของริวไม่มีทีท่าว่าจะเป็นเรื่องล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย ชินหน้าแดงกล่ำอย่าคนขาดอากาศหายใจ
ร่างกายกำยำไม่สามารถขยับได้ดั่งใจทันทีที่สบเข้ากับนัยต์ตาเรียวเล็กของร่างสูงตรงหน้า

“อ้าวๆ ปีศาจของนายไปไหนซะละ”ยูเอียงคอมองด้วยความสงสัย ถ้าเจ้านายอยู่ในอันตรายขนาดนี้ปีศาจในพันธสัญญาน่าจะรู้สึก
ได้นี่หน่า

“คะ คุณชินยังไม่มีปีศาจหรอกครับคุณ….”

“ฉันชื่อยู ส่วนเจ้านั่นชื่อริว”

“คะ คุณยูปล่อยคุณชินไปเถอะนะครับ ผมขอละ”เด็กหนุ่มน้ำตาร่วงเผลาะๆอ้อนวอนผมอย่างน่าสงสาร

เริ่มมีคนมามุ่งดูพวกเราทั้งสามคนมากขึ้นจนผมหมดอารมณ์จะสั่งสอนคนปากดี

“เห็นแก่นายนะ  ริวพอ”

แคกๆๆๆ

เสียงไอสำลักอย่างน่าสงสารทำให้ฮารุต้องวิ่งเข้าไปลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ “เหอๆ อย่าคิดว่าฉันเป็นเด็กใหม่แล้วจะหงอให้นายข่ม
เอาๆนะเฟร้ย” ผมยืนค้ำหัวของอีกฝ่ายเอาไว้ เหลือบตามองต่ำอย่างคนเหนือกว่า

“หึ แน่จริงก็มาสู้กันตัวต่อตัว พวกขี้ขลาดเอาตาหลบอยู่หลังปีศาจอย่างนายยังมีหน้ามาพูดอีกรึไง”

“อ้าว มีของดีไม่ใช้เสียของสิพูดแปลกๆ ฉันจะไปสู้กับนายให้เจ็บตัวเล่นทำไม”

คำพูดไร้ยางอายกระทั่งริวยังอดที่จะส่ายหน้าด้วยความระอาในใจไม่ได้ “อะไร?มองฉันแบบนั้นทำไมเล่า ก็ฉันพูดเรื่องจริงนี่”

“เหอะ ขี้ขลาด”ชินเบือนหน้าหนีผม

“เขาเรียกว่าฉลาด ไม่ใช่ขี้ขลาด เพราะฉันสู้นายไม่ได้ก็เห็นๆอยู่ แล้วทำไมฉันต้องไปสู้กับอะไรที่ฉันสู้ไม่ได้ด้วยเล่า”

“พูดได้ดี !”

เสียงของชายรุ่นใหญ่ดังขึ้น เขาเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่แต่หลังงองุ้มด้วยความชรา ผมสีขาวโพลนบนศีรษะบ่งบอกถึงความมีอายุ
ว่าเกินเลขหกมาแล้วแน่ๆ ยูก้มตัวลงคำนับชายชราดังกล่าวอย่างอ่อนน้อมทั้งๆที่ไม่รู้จักหรือแม้แต่ชินและฮารุก็รีบยืนก้มหัวต่ำ
ประสานเสียงทักทายชายดังกล่าว

“สวัสดีครับท่านเมียวกะ/สวัสดีครับท่านเมียวกะ”

ชายชราพยักหน้าน้อยๆอย่างพอใจก่อนจะหันมามองยู “เด็กใหม่เรอะ”

“ครับ ผมชื่ยูเป็นลูกชายของ ท่านแม่ชิเอรุกับท่านพ่อคัตสึครับ”

“ชิเอรุกับคัตสึเรอะ….อืม ฉันไม่ได้เจอเจ้าคู่นั้นมานานแล้วละนะ ว่าแต่ทะเลาะอะไรกัน”

“เปล่าครับ/ไม่มีอะไรครับ”ยูและชินตอบพร้อมกัน

 ทั้งสองเหลือบมองหน้ากันเล็กน้อยครั้นเห็นอีกฝ่ายมองมาก ต่างฝ่ายต่างก็สะบัดหน้าหนีไปคนละทางจนผู้เฒ่าเมียวกะหรี่ตามอง
“ตามกฎแล้วใครลงมือก่อนคนนั้นผิด ต้องถูกลงโทษนะ”

“ผมลงมือก่อนเองครับ”ยูเชิดหน้ารับอย่างลูกผู้ชาย เพราะตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มจู่โจมก่อนจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า
เขาจะเป็นฝ่ายผิดเสียหน่อย

ท่านผู้เฒ่าเมียวกะเห็นท่าทางดื้อดึงของยูก็แสยะยิ้มออกมา “เอาเถอะ ถือว่าเป็นเด็กใหม่ฉันจะหยวนๆให้ทำเป็นไม่เห็นแล้วกัน”

“ขอบคุณครับ”

“แล้วนี่จะไปไหนกัน”

“ผมจะพาเจ้าเด็กใหม่ไปที่ห้องพักครับ”ชินตอบอย่างฉะฉาน

“งั้นเรอะอืมงั้นก็ไปเถอะ”

“ครับ”

พวกเราทั้งหมดก็รีบเดินออกไปจากบริเวณนี้ทันทีก่อนที่ท่านผู้เฒ่าจะเปลี่ยนใจเสียก่อน ผมหันกลับไปมองชายชราที่ถูกชินและ
ฮารุเรียกว่าท่านเมียวกะอย่างพิจารณา รอยยิ้มใจดีตามประสาคนแก่ดูไม่มีอะไรน่ากลัวแต่ดูจากท่าทางของชินที่หน้าซีดเป็นไก่
แช่แข็งกับฮารุที่ยืนแข็งทื่อก็พอจะสรุปคร่าวๆว่าท่านผู้นี้อาจจะเป็นอาจารย์หรือบุคลากรระดับสูง

“เอาห้องของนายอยู่ชั้นหก ห้องหกหกหก”

ชินพูดรัวก่อนจะยัดกระดาษแผ่นบางที่ยับยู่ยี่ใส่มือของผมแล้ววิ่งหนีไปด้วยสีหน้าสะใจแบบที่ผมไม่เข้าใจเขาเลยสักนิด ทำเอา
ผมถึงกับหัวเราะเหอะๆๆ หาทางเอาของขึ้นไปไว้ที่ชั้นหกด้วยตัวเอง และมันทำให้ผมรู้อย่างหนึ่งว่าที่หอพักขนาดใหญ่แห่งนี้ไม่มี
ลิฟท์ !

“บอกฉันทีว่าฉันไม่ได้อยู่ชั้นหก”ผมน้ำตาปริ่มหันไปมองริว

“โทษทีนะแต่นายอยู่ชั้นหก”

ผมลากกระเป๋าขนาดใหญ่ขึ้นตามบันใดแต่ละขั้นด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี แต่สุดท้ายแล้วกระเป๋าทั้งหมดของผมก็ไปกองอยี่มือ
ของริวและผมก็เดินตัวเปล่าๆแบบลิ้นห้อยขึ้นห้องไป

“ฉันดีใจจริงๆที่เดินขึ้นมาถึงห้องได้โดยที่ไม่ขาดใจตายกลางทางไปซะก่อน”ผมบ่นงึมงำนอนแผ่หลาอย่างหมดแรงอยู่กลางห้อง

“ยู”ริวคว้าแขนของผมเอาไว้

“มีอะไร”

ริวไม่ตอบแต่เดินเข้ามาจับที่แขนของยูแล้วยกขึ้น ทำให้ยูได้เห็นแผลถลอกขนาดกลางๆที่ข้อศอก แผลสดสีแดงคล้ำที่เปื้อนฝุ่นมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย “อ้าวเป็นแผลด้วยหรอเนี้ย” ยูมองแขนของตัวเองตาโตเพราะตรงที่เป็นแผลแทบจะไม่รู้สึกเจ็บเลยสัก
นิด

แต่พอเห็นเลือดที่ซึมออกมาเท่านั้นแหละ ความแสบก็เข้าซ้ำเติมให้เจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที

“เจ็บมารึเปล่า”ริวเปิดขวดน้ำเทล้างคราบฝุ่นที่เกาะอยู่ออก

“ไม่เป็นไร พอไหว”

แผลบ !

ริวยึดแขนเล็กไว้มั่นไม่ยอมให้ยูที่ตกใจจนชักมือหนีขยับไปไหน ปลายลิ้นร้อนลากผ่านปลายแผลยาวเลยไปถึงปลายนิ้วเรียวยาว

“ระ ริว พอแล้ว”ยูยกมืออีกข้างขึ้นปิดปากของริวแล้วดันออกห่าง ฝ่ามือที่สั่นระริกของอีกฝ่ายทำให้ริวขยับยิ้ม

“แผลยังไม่หาย”ริวงับนิ้วร่างเล็กเบาๆอย่างขัดใจ สายตาคมปล๊าบของร่างสูงที่จ้องมองมาทำให้ยูต้องหลุบตาต่ำ หยุดการดิ้นรน
ขัดขืนที่ไร้ประโยชน์ปล่อยให้ริวทำตามต้องการ

กึก!

“โอ๊ย นี่นายกัดฉันทำไมเนี้ยหะ!”

“หงุดหงิด”

อะไรฟระ หงุดหงิดแล้วมากัดผมทำไมวะเนี้ย “เป็นหมาไปแล้วรึไง”

“มีเจ้าคนที่ชื่อชิน น่าหงุดหงิด”

“ฉันก็หงุดหงิดเหมือนกันเฟร้ย ! คนบ้าอะไรน่าเตะปากชะมัด”
ยูถือโอกาสที่ริวคลายมือออกชักแขนกลับเพื่อที่จะได้เปิดดูกระดาษที่เจ้าบ้านั่นยัดมาใส่มือเขา มันเป็นคล้ายๆตารางเรียนที่มีวิชา
เวลาและสถานที่กำกับไว้ มีเรียนจันทร์ถึงศุกร์ แต่เอ…เสาร์อาทิตย์ เป็นปฏิบัติการ ร่างเล็กพลิกกรดาษไปอีกด้านซึ่งเป็น
กำหนดการพิเศษต่างๆ  วันพรุ่งนี้จะเป็นวันคัดตัว…

“หืม คัดตัวอะไรน่ะ?”

ยูพยายามพลิกกระดาษหารายละเอียดให้มากกว่านี้ พลิกจนกระดาษแทบขาดข้อมูลที่ได้ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย “เจ้าชินไม่เห็นจะพูด
อะไรเรื่องกำหนดการของพรุ่งนี้เลย”

“เขาอาจจะอยากแกล้งนายก็ได้”

“เหอะ เด็กชะมัด”

“จะเอาไงต่อ”ริวถามเสียงเรียบ มือทั้งสองข้างเนียนโอบเอวของอีกฝ่ายก่อนจะเอาคางเกยไหล่ของอีกฝ่าย

“ก็ไม่ไง เราคงทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าการเตรียมใจ”

“อืม”ริวครางรับในลำคอ

แก้มเนียนของร่างสูงถูกไถกับซอกคอขาวของยูเบาๆเป็นเชิงอ้อน ยูเอียงคอหนีแต่เหมืนยิ่งเป็นการเปิดทางให้ริวได้รุดล้ำมากขึ้น

“เฮ้ เป็นอะไรหิวแล้วรึไง”ยูถามด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจเพราะไม่นานมานี้พึ่งจัดชุดใหญ่ไปให้แท้ๆ

“เปล่า เลือดของนายทำให้ฉันมีอารมณ์”

“ไอ้โรคจิต !!!”ยูตะโกนลั่นก่อนจะดิ้นพล่านให้หลุดจากวงแขนแกร่งนั้น

ราวกับเหยื่อที่ติดกับ เมื่อรู้ตัวอีกทีก็หนีไปไหนไม่ได้เสียแล้ว ถูกกักขังไว้ในวงแขนแสนบอุ่นและปลอดภัยเรี่ยวแรงก็พลันถูกสูบ
หายไปหมด

ก๊อกๆๆๆๆๆ

“อ๊ะ ปล่อยเร็ว”ยูตีแขนริวแรงๆ

ร่างสูงหน้าบูดสนิทที่ถูกขัดจังหวะ ถึงกระนั่นก็ยอมคลายวงแขนออกเล็กน้อยให้ยูดิ้นออกไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ทันทีที่หลุด
ออกมาได้ยูก็รีบวิ่งไปเปิดประตูทันที

“ครับ?”

“โอ้ เด็กใหม่หน้าตาธรรมดากว่าที่คิด”

ฉึก !!

สาบานสิครับว่านั่นเป็นคำทักทายของคนที่พึ่งเคยเห็นหน้ากันครั้งแรก !

ปึก !

นิ้วเรียวที่เต็มไปด้วยพละกำลังดันประตูที่กำลังจะปิดลงด้วยฝีมือของยูไว้ได้ชะงัก

“โอ้ๆ นี่อย่าปิดประตูใส่หน้าคนที่พึ่งรู้จักกันครั้งแรกสิ”ชายหนุ่มยิ้มหวานให้ยู

“ขอโทษทีพอดีมือผมลื่น”ยูก็ส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายเช่นกัน

“ฉันชื่ออายะ พวกนายชื่ออะไรกันบ้าง”

“ฉันชื่อยู ส่วนนั่นผู้พิทักษ์ของฉันชื่อริว”

“ยินดีที่ได้รู้จัก พอดีว่า ที่ห้องฉันไม่มีอะไรให้กินเลยอ่ะนะ ห้องนายพอจะมีอะไรให้ทานบ้างรึเปล่า”

ผมยืนอึ้งไปประมาณสามวิก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนตรงหน้าจังๆ ให้ตายตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน
อายะดันผมให้หลีกไปอีกทางก่อนจะรื้อของกินที่ผมพึ่งจะเก็บเข้าตู้เย็นเสร็จออกมาทาน แถมยังอุตส่าห์มีน้ำใจหยิบมาเผื่อริวที่นั่ง
ดูทีวีอยู่ด้วย

“แหมๆ คนบ้านเดียวกันอย่าขี้เหนียวไปเลยน่า”ว่าแล้วอายะก็นั่งลงดูทีวีกับริวหน้าตาเฉย

ริวอมยิ้มเหลืบสายตาไปมองยูที่ยืนปลงตกยู่หน้าประตู “ยู”

“หืม”

“มานี่สิ”ริวตบที่นั่งว่างข้างตัว ยูก็เดินเอื่อยๆไปนั่งดูทีวีสมทบตาม

“นายรู้รึเปล่าอายะว่าการคัดตัววันพรุ่งนี้คืออะไร”

“ก็ประมาณว่าคัดว่าใครจะได้เรียนกับท่านอาจารย์คนไหนน่ะ แต่ฉันบอกไม่ได้หรอกนะว่ามันเป็นยังไง กฎกติกามันเปลี่ยนไปทุก
ปี”

“แล้ว…”

“อ่าอิ่มแล้วละ ฉันไปนอนละนะ ฉันอยู่ห้องข้างๆนายมีอะไรค่อยมาถามพรุ่งนี้เช้าแล้วกันนะ”อายะพูดตัดบทแล้วก็เผ่นแนบกลับไป
อย่างรวดเร็วทำให้ยูที่กำลังจะถามข้อมูลถึงกับหน้าเหวอไป

“เจ้านั่น…”

กร็อบ !

ตะเกียบไม้ในมือของยูถูกหักออกเป็นสองส่วนด้วยความโกรธแบบสุดๆ  “สักวันฉันต้องเส้นเลือกในสมองแตกตายแน่ๆ” ริวยิ้มกับ
เสียงบ่นงึมงำนั้นก่อนจะยกมือลูบหัวลูบหางยูเป็นเชิงปลอบให้ใจเย็นลง

เฮ้อ ท่านพ่อครับ ท่านแม่ครับ ช่วยส่งกำลังใจให้ยูอยู่รอดปลอดภัยในที่ประหลาดๆแบบนี้ด้วยนะครับ




*****

หายไปนาน แต่ไม่ได้หายหน้านะครับ พอดีกว่าช่วงนี้ติดสอบแบบจะตายแล้วครับผมแต่จะมาอัฟเรื่อยๆไม่ให้ผู้อ่านรอนานเกินไปนะครับ   :pig4:

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 03-12-2014 00:33:46
ตะกูลใหญ่มีแต่คนพิลึกๆแฮะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-12-2014 02:08:05
อายะเนียนนะ
มาแบบมึนๆ จากไปแบบเร็วแสง 666
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-12-2014 02:44:01
รเตอนต่อไปน้าาา
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 03-12-2014 07:43:48
บ้านใหญ่มีแต่คนไม่เต็มเนาะ :mew5:
ยังไงก็เอาใจช่วยทั้งยูทั้งคนแต่ง :กอด1:
รอตอนต่อไปน้าาาาา
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: PJansam ที่ 03-12-2014 11:20:42
เฮ้! มาอัพแหล่วว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 03-12-2014 16:25:22
ยูสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 03-12-2014 17:51:42
บ้านใหญ่หรือหลังคาแดง 55555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 03-12-2014 20:17:26
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 03-12-2014 21:18:09
สงสารยูจับใจ อยากรู้จริงยูทำไรได้มั้ง
โหยๆๆๆๆๆ อยาากอ่านต่อ มาไวๆนะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-12-2014 22:24:57
บ้านใหญ่มีแต่คนประหลาดๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: yogurtjung ที่ 04-12-2014 23:21:35
ชอบอะ

บ้านใหญ่มีแต่คนประหลาดดีหลากหลาย

รอตอนต่อไปนะจ๊ะ ใจจ๊ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 04-12-2014 23:35:53
สุดยอด ชอบมาก เรื่องนี้เก๋สุดๆ
ริวกะยูน่าร๊ากกกกกมาก
หวังว่ายูจะอยู่บ้านใหญ่ที่มีแต่คนแปลกๆแบบนี้ได้นะ น่าสงสารไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch7 100% page 2][2/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 05-12-2014 02:43:33
รอวันที่ยูได้ปล่อยพลังออกมาแบบจัดเต็ม

ปกติไม่ค่อยอ่านนิยายแนวนี้แต่เรื่องนี้เว้นไว้ละกัน 555 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ)[ch8 100% page2][5/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 05-12-2014 20:54:20
ผมยืนอยู่หน้ากระจกมาร่วมสิบนาทีได้แล้ว  พร้อมๆกับถอนหายใจรอบที่หกสิบของวัน

“รู้สึกลางไม่ดีแบบสุดๆ”ยูบนงึมงำอยู่หน้ากระจก

“อาจจะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น”ริวที่คาบขนมปังไว้ในปากพูดขึ้น ด้วยใบหน้าราบเรียบเหมือนเคย

ก็ใช่สินายมันทั้งเก่งทั้งฉลาด ยังจะต้องมีอะไรให้กังวลไม่ทราบ !

“เฮ้อ นายช่วยเอาแจกันฟาดหัวฉันให้สลบทีได้ไหม”

ริวเหลือบมองผู้เป็นเจ้านายก่อนจะหยิบแจกันใบขนาดพอดีมือขึ้นมา

“เจ้าบ้า !! ฉันล้อเล่นเฟร้ย”ยูผงะร้องลั่น

ริวไหวไหล่ด้วยท่าทางที่กวนๆ “ฉันก็ล้อเล่นเหมือนกัน”

… ไอ้มังกรปีศาจ ไอ้คนไม่ใช่คน ไอ้จิ้งจกยักษ์….

“เฮ้ยๆๆ นั่นนายจะลุกมาทำไม ฉันแค่ด่านายในใจเองนะ !!”

ริวดึงขนมปังในปากโยนทิ้งอย่างไม่ใยดีก่อนจะค่อยๆก้าวย่างสาขุมตรงไปหายูที่ยืนอ้าปากพะงาบๆ นัยน์ตาที่หรี่เล็กจนเป็นเส้น
ตรงคล้ายงูดูน่ากลัวจนร่างเล็กผงะถอยกรูดไปติดกำแพง ริวใช้ประโยชน์จากร่างกายที่สูงใหญ่ต้อนอีกฝ่ายเข้ามุมหมดทางหนี

“นะ นี่จะทำอะไรหา”ยูยกแขนขึ้นบังหน้าหลับตาปี๋อย่างกลัวๆ

ริวยิ้มมุมปากอย่างนึกแกล้งก่นจะยกมือขึ้นดันกำแพงขังร่างของยูไว้ด้วยลำแขนแกร่งทั้งสองข้าง ใบหน้าคมก้มโน้มลงเข้าประชิด
แก้มเนียนที่แดงระเรืองของยูที่ตกเป็นเหยื่อ ริมฝีปากชมพูซีดที่ชิดอยู่ข้างหูของงร่างเล็กพ่นไอร้อนของลมหายใจออกมา ทำเอา
ร่างบางสะท้านเฮือกยกมือทั้งสองข้างผลักริวออกแต่ร่างสูงก็ไม่ได้สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

“นี่ฉันเป็นเจ้านายของนายนะเฟร้ยย อย่าคิดว่าจะรังแกกันง่ายๆนะ”ผมยกมือชกอีกฝ่ายทั้งๆที่หลับตาปี๋

 ร่างสูงมองยูที่ทั้งผลักทั้งทุบเขาอย่างขัดใจ จึงตัดสินใจรวบข้อมือทั้งสองข้างของร่างเล็กไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวตรึงไว้เหนือ
หัว

“ระ ริวว ปล่อยย”

“รีบไปไหน”ฝ่ามือเย็นสอดเข้าไปใต้สาบเสื้อก่อนหักเลี้ยวแหกโค้งแบบฉับพลันสอดเข้าไปในกางเกงแทน

เฮือก !

ยูสะท้านกลั้นหายใจเมื่อรู้สึกได้ถือนิ้วมือเรียวรุกล้ำเข้ามา ไอเย็นของปลายที่แผ่ผ่านเนื้อผ้าชั้นในเบาบางถึงกับทำให้แข้งขาอ่อน
ระทวย เพียงแค่สะกิดเบาๆกางเกงทั้งตัวก็ไหลร่วงไปตามเรียวขากองอยู่ที่พื้นเพียงแค่พริบตาขาขาวผ่องก็ได้ออกมาอวดสายตา
ของริวที่จ้องอยู่ตั้งแต่แรก

“ยะ อย่า เดี๋ยวไปคัดตัวสาย”

“หืม? ไม่อยากไปไม่ใช่รึไง” ริวยิ้มขำๆกอดยูที่อ่อนปวกเปียกไว้แนบอก

“ไม่ๆๆๆ อยากไปแล้ว โคตรๆ ของโคตรยากไปเลย”

ริวเบนสายทอดลงมองต่ำไปที่ต้นขาขาวของร่างเล็กก่อนจะเลื่อนมือลูบวนบนจุดเนื้อที่ไวต่อสัมผัสนั้นเบาๆ ก่อนจะยกขาเรียวนั้น
ขึ้นมาที่ระดับเอวกลายเป็นท่าชวนวาบหวามหัวใจเกินกว่าที่หัวใจดวงน้อยของยูจะรับไหว

“เฮ้ยย นี่มันอีโรติกไปไหมม” ยูร้องเสียงหลงพยายามบิดข้อมือออกมจาจากการเกาะกุมของร่างสูง

ริวไม่ตอบ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสำรวจขาอ่อนของยูอย่างจริงจัง นิ้วเรียวกดลูบคลำเน้นคลึงอย่างลามกจนยูรู้สึกได้ว่าเลือดใน
ร่างกายทั้งหมดทุกส่วนไหลขึ้นมากองอยู่ที่หน้าของเขาจนร้อนเห่อไปหมดร่างกายพาลสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้

“อืออ อย่ากดตรงนั้นสิ”

“หึหึ ฉันก็แค่จะตรวจสอบอาคมที่ลงเอาไว้ว่ายังอยู่แค่นั้นเอง”ริวหัวเราะในลำคอน้อยๆยอมละมือจากร่องรอยการลงอาคมที่ต้นขา
ของยู ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระก่อนที่เขาเองจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเอาซะเอง

“ยูลามก”

ยูยืนอ้าปากค้างมองร่างสูงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ใบหน้าที่แดงแป๊ดมาแต่เริ่มตอนนี้ความอับอายเข้าแทรกส่งผลให้
เลือดสูบฉีดแดงไปทั้งหน้าทั้งคอ ความอับอายแปรเปลี่ยนกลายเป็นความโกรธ

“ไอ้มังกรโรคจิต !!”ยูตะโกนก่อนจะคว้าทุกอย่างใกล้มือปาใส่อีกฝ่าย

ริวเอียวตัวหลบอย่างไม่ยากเย็นนักรอให้อีกฝ่ายปาจนเหนื่อย จนของที่อยู่ในห้อน้ำออกมากองข้างนอกหมดแล้วยูจึงหยุดมือมอง
ร่างสูงหน้าอย่างโกรธจัด

“ออกไป” !!!

“จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนออกไปด้วยละ”ริวยิ้มร้ายทิ้งระเบิดทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งไวๆออกมา

ยูแทบจะอยากทุมชักโครกปาใส่อีกฝ่ายด้วยความโมโห



ไม่นานนักทั้งสองก็ออกมายืนรวมตัวที่จุดรวมพล เด็กใหม่มากหน้าหลายตาร่วมห้าสิบคนยืนเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
เหมือนเข้าแถวหน้าเสาธงในตนเช้าๆแถมมีคนยืนเช็คชื่อในแต่ละแถวอีกด้วย

“ทะ ทันเวลาแบบพอดิบพอดี”ยูทิ่วิ่งหน้าตื่นมาพูดบนหอบน้อยๆ



“อะแฮ่ม ทุกคนฟัง”เสียงประกาศตามสายที่ไม่ได้ดังมากนักทำให้ทุกคนต้องเอียงหูฟังอย่างตั้งใจ ใบหน้าของแต่ละคนฉายแวว
ความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“เรากำลังจะเริ่มทำการคัดเลือกนักเรียนโดยการประลอง ง่ายๆก็คือสู้กันจนกว่าจะมีฝ่ายหนึ่งยอมแพ้”

นั่นเรียกเสียงฮือฮาจากหลายๆคนได้เป็นอย่างดี นอกจากสายเลือดของเราจะเรียกปีศาจแล้วก็ยังมีพรสวรรค์เล็กๆติดมาด้วยแตก
ต่างกันไป

 “โอ้โหกติกาเบสิกสุดๆ คนคิดการคัดเลือดหมดมุขคิดอะไรไม่ออกแล้วใช่ไหม”

“ปีแล้วยังน่าสนใจกว่านี้อีก”

“แบบนี้มันไร้ศิลปะไปไหม”

เสียงบ่นพึมพำของเหล่าเด็กหน้าใหม่ดังเป็นระยะไม่ขาดสาย กลบเสียงไมค์ไปหมดจนผมฟังไม่รู้เรื่องว่าที่ประกาศนั้นเป็นเรื่อง
อะไรกันแน่

“ริวนายได้ยินรึเปล่า”ผมหันไปสะกิดถามคนข้างๆแทน
“ไม่ได้ฟัง”ริวอ้าปากหาวตอบแบบง่วงๆ

ดวงตาปรือใกล้ปิดเต็มที่ของร่างสูงทำเอายูถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะริวเล่นไม่สนใจอะไรเลยแถมทำหน้ารำคาญเต็มแก่ว่า
อยากกลับไปนอนที่ห้องอีกต่างหาก

กว่าเสียงซุบซิบของพวกเด็กใหม่จะลดลงได้ เสียงของประกาศก็พูดไปไกลมาแล้ว เข้าสู่ช่วงที่ประกาศร่ายชื่อแล้วว่าใครจะได้คู่
กับใคร

“คู่แรกฮารุกะ ยูยะ กับ ฮารุกะ ไดจิ”

ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อสิ้นเสียงประกาศ เหมือนมีลูกโป่งแตกในตัวดังโป๊ะพอรู้ตัวอีกทีตัวของผมก็ถูกลากถูมายืนอยู่กลาเวทีกับเด็ก
ผู้ชายอีกคนที่ตั้งท่าพร้อมสู้ ส่วนริวก็ยืนอยู่ขอบเวทีส่งสายตาให้ผมประมาณว่ารีบๆสู้เสียทีเขาจะได้กลับไปนอน

ไม่ได้ช่วยอะไรเลย !!

“เริ่มได้”

“หะ ดะ เดี๋ยวสิ”

ยูก้าวถอยหลับตามจังหวะการก้ามเดินของเด็กผู้ชายที่ชื่อไดจิ ถอยแล้วถอยอีกถอยจนจะตกขอบเวทีอยู่รอมร่อ

“สวัสดี”อีกฝ่ายทักทายผมที่ยืนเหงื่อตกอยู่ขอบเวที

“สวัสดี ฉันยู”

“นายใช้นามสกุลของบ้านใหญ่แสดงว่าคนในตระกูลของนายคงจะเป็นคนใหญ่คนโตนาดูสินะ”

“อ่า …คงงั้นมั้ง” ผมย้อนนึกไปถึงท่านแม่ที่ว่างๆก็เปิดร้านหมอดูและปิดไปด้วยเหตุผลที่ว่าขี้เกียจและท่านพ่อที่เอาแต่ปลูกต้นไม้
ทั้งวันประหนึ่งลูกตัวเองแล้วผมก็ไม่ค่อยมั่นใจกับที่ไปที่มาขงนามสกุลตัวเองนัก แต่ก็มีไม่มากที่คนในตระกูลไม่ว่าจะเป็นญาติ
หรือญาติห่างๆจะมีสิทธ์ใช้นามสกุลของตระกูลโดยตรง


ไดจิยิ้มน้อยๆอย่างสุภาพก่อนจะหยิบบางอย่างที่มีสีเงินวาววับออกมาจากทางด้านหลัง ซึ่งนั่นทำให้ผมร้องออกมาทันที เมื่อเห็น
เต็มสองตาว่าสิ่งนั้นคืออะไร มันคือกริชสีเงินวาวท่าทางอันตรายมิใช่น้อย “ขอเวลานอกกก ขอเวลานอกครับกรรมการ”

การแข่งขันหยุดชะงัดทันที มีคนเดินเข้ามาถามผมว่าต้องการอะไร ขอเวลานอกทำไม “ผมเอาปีศาจในพันธะมาร่วมสู้ได้ไหม
ครับ”

“ไม่ได้”

คำตอบที่รวดเร็วแบบไม่ต้องคิดนั่นทำเอาผมอยากจะเป็นลมมันซะตรงนี้ “เสียเวลามาแล้วนะ รีบสู้กันให้จบๆเถอะ”

ถ้าผมกรี๊ดเป็นภาษาอีทีได้ผมจะทำ!

อีกฝ่ายมีกริชเป็นอาวุธ ผมก็มีเหมือนกัน !



มีปอกผลไม้ !


นั่นเรียกเสียงฮาครืนจากคนทั้งห้องส่ง(?) แม้แต่กรรมการทั้งสี่คนก็เอาไมค์ตบโต๊ะฮาแตกแบบไม่เกรงใจผมเลยแม้แต่น้อย

โอ้อย่างน้อยผมก็นึกออกนะว่าผมมีอาวุธในมือ(?)

“ฮะๆๆ นายนี่ตลกดีนะ”ไดจิหัวเราะกับอาวุธของผม

“รีบๆสู้ให้มันจบๆซะที”ผมกัดฟันพูดข่มความอาย

ไดจิพุ่งเข้าหาผมด้วยความเจ็บที่น่าเหลือเชื่อสำหรับมนุษย์คนหนึ่ง ผมออกตัววิ่งไปยังอีกฝั่งของสนามทันที เพื่อไปตั้งหลัก  ไดจิ
เหมือนนักฆ่ามือชีพมากกว่า เขารวดเร็วและว่องไวเกินกว่าที่ผมจะกล้าข้าประทะตรงๆ สมองของผมกำลังประมวลข้อมูลจากการ
เคลื่อนไหวตรงหน้าพร้อมๆกับการหลบหลีกที่เฉียดตาย ทุกครั้งที่อีกฝ่ายตวัดคมมีด บนตัวของผมจะต้องมีรอยแดงนูนปรากฏขึ้น
มาจางๆ

จะสู้ยังไง? จะต้องทำยังไง? ผมคิดด้วยความร้อนรน

ยู นายต้องใจเย็นกว่านี้ แล้วมองให้ดีๆ เสียงของริวดังก้องขึ้นมาในหัว

เจ้าบ้าเอ้ย นายลองมาเป็นฉันดูเซ่ !

ยูพยายามรวบรวมสมาธิและสติจากทุกหยาดหยดทุกอณูในร่างกาย เขามองมีปอกผลไม้ที่แลดูใกล้ๆจะไร้ประโยชน์ในมือก่อนจะ
นึกบางอย่างขึ้นมาได้จากประสบการณ์ทั้งสิบแปดปีของเขา

จริงสิ เจ้าไดจินี่ไวไหลลื่นเหมือนปลาไหลจริงๆ คิดซะว่ากำลังหั่นปลาไหลด้วยมีดปอกผลไม้ก็ได้นี่นะ เรื่องต่อสู่เขาไม่ถนัดก็จริง
แต่เรื่องปลิดชีพเอามาทำข้าวเย็นนี่ละของชอบ

ไดจิที่สบอากาศตอนที่ยูกำลังนิ่งไปกระโจนพรวดเข้าไปหาโดยที่ไม่ทันสังเกตบรรยากาศรอบตัวอยู่ที่เปลี่ยนแปลงไป ริวลุกขึ้น
ยืนมองเตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น

เคร้งง !

เสียงโลหะกระทบกันของมีดปกผลไม้กับกริชเล่มใหญ่ดังกังวานไปทั่วบริเวณ เหล่าคนดูที่ใกล้จะหลับตื่นขึ้นมายืนลุ้นกันตัวโก่ง
เมื่อปลายกริชอยู่ห่างจากใบหน้าของยูไปเพียงไม่กี่เซน

หึหึ เอาละยู ได้เวลาแสดงความเทพของนายให้ทุกคนได้ประจักรแล้ว ริ้วกระตุกยิ้ม

ทันทีที่อีกไดจิชะงักไปมือข้างที่ว่างของยูก็คว้าเข้าที่คอของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ มือที่ผ่านการทำงานมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนขง
ยูแข็งแรงประหนึ่งคีมเหล็กที่รีดเค้นลมหายใจของศัตรูไปอย่างช้าๆ

“อ้าว ที่แท้ก็เป็นพวกซ่อนคมนี่เอง” เหล่ากรรมนั่งดูอย่างสนใจ

การต่อสู้ยังไม่จบเพียงเท่านี้เมื่อกริชในมือของไดจิถูกสลับเปลี่ยนไปอีกข้างก่อนจะฟันฉับลงมา ยูปล่อยมือจากลำคอของไดจิ
ก่อนกลิ้งตัวหลบไปได้อย่างฉิวเฉียด เสื้อของร่างเล็กถูกฟันขาดเป็นแนวยาวตั้งแต่หัวไหล่ลงมามีเลือดซึมออกจากปากแผลเล็ก
น้อย

ริวลุกขึ้นเดินขึ้นไปบนเวทีท่ามกลางสาตางงงวยของใครหลายๆคน หรือแม้แต่กระทั่งยูเองก็นิ่งอึ้งไปแล้วเช่นกัน

“นาย… ขึ้นมาทำไม”

ริวไม่ตอบคำถามจากยู เพียงแค่เกลี่ยปลายนิ้วไปยังบางแผลตื่นๆเป็นแนวที่หัวไหล่ท่านั้นเพื่อแสดงความเป็นห่วง

“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า”ผมเบี่ยงตัวหลบปลายนิ้วเย็นๆ ที่ชอบทำให้ผมรู้สึกแปลก

 “พอแค่นี่แหละนายบาดเจ็บแล้ว”

“โอ้ ไม่คิดว่าจะได้เห็นฉากปีศาจที่เป็นห่วงเป็นใยเจ้านายขนาดนี้”หนึ่งในกรรมการทั้งสี่พูดขึ้น

“ถึงแม้ว่าฉันจะอยากเห็นศักยภาพของพวกนายอีกหน่อยก็เถอะ แต่ปีศาจน้อยนั่นคงไม่ยอมให้นายสู้ไปมากกว่านี้แล้วละนะ ฮารุ
กะ ยูยะ”

“ตัดสินเลยแล้วกัน เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา”

เหมือนผมจะได้ยินเสียงถอนหายใจของไดจิเบาๆ จากความคิดผมแล้วเขาก็คงลำบากใจไม่น้อยที่ต้องมาสู้กับผม

“ฮารุกะ ยูยะ ฮารุกะ ไดจิ ฉันรับนายเป็นศิษย์”

เอ่อ…ครับ”ผมมองผู้เป็นอาจารย์ของผมอย่างมึนๆ พร้อมกับทำความเข้าใจว่าสรุปแล้ว นี่เป็นการประลองว่า ใครจะเหมาะกัน
อาจารย์คนไหนสินะ !

“เด็กสองคนนี้ฉันขอได้ไหม อ้อ ปีสาจนั่นด้วย” เสียงแทรกขึ้นมาทำให้ทุกคนหันไปมองอย่างไม่เชื่อสายตา

นี่มัน….ท่านผู้เฒ่าเมียวกะที่เจอกันเมื่อวาน

เสียงฮือฮาดังขึ้นมาอีกครั้งอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งผมก็ยังไม่เข้าใจนักว่าคนพวกนี้ตื่นเต้นอะไรกัน

“คะ ครับได้ครับท่านเมียวกะ เด็กคนนี้ต้องรบกวนท่านช่วยดูแลแล้ว”

“โฮะๆ ๆ ดี ดี “ท่าผู้เฒ่าหัวเราะเบาๆก่อนจะเลือนหายไปในอากาศ หายแบบหายวับไปกับตา !

ผมกับไดจิและริวพากันลงมาจากเวที เมื่อกรรมการเริ่มส่งสายตาไล่ เมื่อเห็นไดจิที่ส่งยิ้มมาทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่ผมสงสัย
บางทีไดจิอาจจะช่วยผมได้

“ไดจิ ทำไมคนพวกนั้นต้องแตกตื่นกันขนาดนั้นด้วยละ”

ไดจิมองผมเหมือนเห็นตัวประหลาดก่อนจะตอบ “นายอยู่ตระกูลฮารุกะไม่รู้จักท่านเมียวกะได้ไงเนี้ย”

“เอ่อน่า ตอบมาเถอะ”

“คือท่านเมียวกะเป็นปรมจารย์ของตระกูลฮารุกะเก่งมากๆเลยละ แต่ว่าไม่ค่อยจะรับใครมาเป็นลูกศิษย์เท่าไหร่”

“หา? ทำไมละ”

“เพราะว่าขึ้นชื่อเรื่องความเอาแต่ใจสุดๆเลยน่ะสิ”

เอาแต่ใจเหมือนไอ้มังกรปีศาจนี่รึเปล่านะ …

ปึก !

ยูแทบจะหน้าทิ่มกับแรงตบของริวทีเดินตามหลังมาเงียบๆ ร่างเล็กที่ทรงตัวได้ตวัดสายตาหันกลับไปมองริวอย่างเคืองๆ

“ยุงน่ะ”

“มุกเก่าไปแล้วเฟร้ย !”

ผมตวัดขาเตะริวที่ยืนนิ่งให้เตะก่อนจะเป็นฝ่ายนั่งกุมขาตัวเองเจ็บจนน้ำตาเล็ดแทน “นี่ขาหรือแท่งเหล็ก”

“ว่าแต่ ทำไมท่านเมียวกะถึงได้รับฉนกับนายเป็นศิษย์ละ”

ไดทำหน้านึกก่อนจะส่ายหน้า “อาจจะเพราะ อยาดรับมั้ง?”

เอิ่ม… ช่วยได้ม๊าก เลยครับ

“อ่า ยูยะ ฉันกลับห้องก่อนนะรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ”

“อื้อ ได้ๆ เจอกันตอนคาบเรียน”

หลังจากล่ำลากับไดจิเรียบร้อยแล้ว เขากับริวก็กลับห้องบ้าง

“ยู”

เสียงเรียกแบบอ้อนๆแบบนี้… “จะเอาอะไร” ถามได้ประโยคเดียว

“หิว”

“เดี๋ยวทำข้าวเย็นให้”

“หิวนาย”

พรวดดดด !!!

   “ไม่ให้กินเฟร้ย”


****
จะทำการอัฟอีกทีใกล้ๆวันที่ 20 ธ ค นะครับ นักเขียนขออนุญาติหายหัวๆไปสอบสักพักนะครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch8 100% page 2][5/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 05-12-2014 21:05:50
ว่าละต้องได้เป็นศิษย์ตาแก่แหงมๆ
รอตอนต่อไปปปป ตั้งใจสอบน้าาาา
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch8 100% page 2][5/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 05-12-2014 22:08:35
ยูก็ยอมๆให้ริวกินซะเถอะ ถ้าไม่ยอมเดี๋ยวหนูถวายตัวให้เอง 5555

สู้ๆนะคะคนเขียน ข้อให้ได้คะแนนดีๆ  :ped149:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch8 100% page 2][5/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 05-12-2014 22:35:04
 :katai5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch8 100% page 2][5/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-12-2014 00:13:10
เรื่องเริ่มเข้มข้น
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch8 100% page 2][5/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 06-12-2014 08:40:51
สอบได้คะแนนดีๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch8 100% page 2][5/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: yogurtjung ที่ 06-12-2014 12:06:18
มังกรน้อยหิวนะยูไม่ให้กินหน่อยหรอ  5555

รอตอนต่อไปนะคะ ชอบมากๆ

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch8 100% page 2][5/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 06-12-2014 13:00:31
ริวหื่นอ่ะ
แต่คนอ่านก็ชอบบ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch8 100% page 2][5/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 06-12-2014 15:22:13
อิตาริวหื่นนนนนน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch8 100% page 2][5/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 09-12-2014 12:13:09
..
หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch9 100% page 3][29/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 29-12-2014 23:04:47
9
การเรียนภาคปกติไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิด แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเครียดมากถึงมากที่สุดคือภาคปฏิบัติ

ภาคปฏิบัติเชียวนะ !!!

เอาละผมไม่รู้ว้าท่านอาจารย์คิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆคือผมจะตายอยู่แล้ว !!!!

“ยูระวัง”ไดจิหันควับมาทางผมก่อนมีดเล่มงามจะบินเสียบทะลุหัวของปีศาจที่แอบอยู่ทางด้านหลัง
ไปได้อย่างสวยงาม

ขนาดเวลาจะตกใจยังไม่มีเลย !

“ไดจิบอกทีว่าเราจะหาทางออกจากป่านี่ได้เร็วๆนี้”

“ค่ายกลของที่นี่แข็งแกร่งมาก พวกปีศาจก็เก่งขึ้นเรื่องๆ ฉันไม่แน่ใจว่าเราจะรอดรึเปล่า”ไดจิพูดยิ้มๆด้วยท่าทางสบายๆ เหมือน
กำลังพูดว่า วันนี้อากาศดีเหมาะกับการเดินเล่นมากๆ ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องซีเรียสระดับโลกแตกแท้ๆ

ผู้เฒ่าเมียวกะเอาพวกเราสองคนมาปล่อยไว้ที่ใจกลางเข้าวงกตของภูเขาด้านหลังตระกูล ไม่ๆๆ ต้องบอกว่าหนึ่งคนกับปีศาจอีกหนึ่งตัวเพราะตั้งแต่ผมเห็นไดจิฆ่าปีศาจง่ายเหมือนเชือดหมูผมก็ไม่นับเขาเป็นมนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป

“ว่าแต่นายไม่ได้เอาอาวุธมาเลยหรอยู”

“ใครจะไปรู้ละว่าแค่คาบแรกของวิชาภาคปฏิบัติอาจารย์จะให้ทำอะไรเสี่ยงตายแบบนี้”มันต้องเป็นคาบแนะแนวก่อนสิ ไม่ใช่มาถึงก็โซโล่เลยแบบนี้

“ฉันให้นายยืมก่อนแล้วกัน”ไดจิส่งกริชขนาดพอดีมือให้ผม

“ขอบใจนะ”ผมรู้สึกอยากจะกอดเขาจริงๆให้ตาย

คงจะสงสัยกันใช้ไหมครับว่าริวหายไปไหน เจ้านั่นน่ะโดนกันแยกออกไปต่างหากโดยตาเฒ่าเมียวกะให้เหตุผลว่าริวไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกทางด้านการต่อสู้ แต่ด้านสังคมและมารยาททางสังคมนั้นติดลบขั้นสูงสุดจึงได้จับแยกออกไปฝึกมารยาททางสังคม ! พูดง่ายๆก็คือโดนจับไปฝึกดัดสันดารดิบในตัวนั่นเอง และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเถียงไม่ออกจริงๆ
จะมัวแต่พึงริวตลอดไปก็ไม่ได้ ริวก็จะมัวมาจมอยู่กับผมแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน

ยิ่งคิดก็ยิ่งหิว เฮ้อ ภูเขาแบบนี้น่าจะมีเห็ดที่กินได้ขึ้นบ้างสักต้นสองต้นแหละน่า

“อ๊ะ! เห็ดนั่นน่ากินจัง”เสียงของไดจิดังขึ้น

ผมเหลือบสายตาไปมองเห็ดสีขาวโพลนตรงซอกหินแล้วก็พุ่งเข้าไปทันทีอย่างสนใจสุๆด “เห็ดชิเมจิ !!”

“นี่ๆมันทานได้ใช้ไหมยู”

“ทานได้ๆ นายหิวรึยัง”ผมหันไปถามไดจิที่ทำหน้าเหมือนกินวัวได้ทั้งตัว

“แต่จะให้ทานดิบๆก็ไม่ไหวมั้ง”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก”

ไดจิมองยูที่ปลดกระเป๋าสะพายออกมาก่อนอ้าปากค้างมองสารพัดอุปกรณ์ทำครัวที่ถูกนำออกมาจัดเรียงบนพื้น “ทำชิเมจิย่างกัน
เถอะ”

.
.
.

“นี่นายขนของพวกนี้มาทำไมเนี้ย เอาช้อนเอาส้อมเอามีดปอกผลไม้มา แต่ไม่เอาอาวุธมาเนี้ยนะ”

“จะกินไม่กินห๊ะ !”ยูหน้าบึ้ง

“ทานสิ”ไดจิยิ้มระรื่นขยับเข้ามานั่งใกล้ยูที่ก้มหน้าก้มตาทำ

ทำไมต้องพูดเหมือนเจ้าริวด้วยนะ ก็แค่พกอุปกรณ์ทำครัวเข้าป่าเอง ใครๆเขาก็ทำกัน(?)

ไดจิกวาดสาตามองไปรอบๆอย่างระแวดระวังตามประสาคนที่เคยฝึกมาก่อน ผิดกับยูที่ไร้ซึ่งความระแวงแม้แต่น้องแถมยังย่างเห็ดอย่างมีความสุขเหมือนเด็กน้องไร้เยงสาที่ไม่รู้ประสีประสา

“นี่นายเคยมีแฟนมาก่อนไหมยู”

พรวดด!

ยูสำลักน้ำลายตัวเองทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น

“ถะ ถามทำไมหยาบคายชะมัด”

“หา? หยาบคายตรงไหน ฉันก็แค่ถามว่านายเคยมีแฟนสักคนไหมก็แค่นั้นเอง”

“มันหยาบคายสำหรับคนที่โสดมาตลอดสิบแปดปีอย่างฉันมากนะไดจิ”ยูปิดปากไดจิโดยการยัดเห็ดร้อนทั้งชินเข้าปากอีกฝ่ายที่ทำท่าเหมือนคาดไว้อยู่แล้วว่าเขาต้องไม่เคยมีแฟนมาก่อน

“เอาแบบนี้ไหม เรามาเป็นแฟนกันเถอะ”

พรวดดด ! แคกๆๆๆ

“นายบ้าไปแล้วรึไง ฉันเป็นผู้ชายนะ”

“ฉันก็ผู้ชาย ไม่เห็นแปลกตรงไหน”

ก็นั่นแหละที่เรียกว่าแปลกบ้าไดจิ ! “คนของตระกูลใหญ่แปลกแบบนี้กันทุกคนเลยไงนะ”

“หืม? แปลกตรงไหนกันนายนั่นแหละที่แปลก”

ท่ามกลางความแปลกประหลาด คนที่ปกติแบบผมสินะที่เขาเรียกว่าประหลาด orz

หลังจากท้องอิ่มเราสองคนก็เรี่ยวมีแรงจะทำภารกิจกันมากขึ้น ยิ่งเดินลึกเข้าไปยิ่งเจอของดีๆแพงๆแถมหายากยูต้องใช้พลังกายและพลังใจอย่างมากไม่บอกให้ไดจิหยุดเดินรอเขาไปเก็บเจ้าพวกนั้นมาเสียก่อนไม่งั้นก็คงได้หยุดจนเดินไปไม่ถึงไหนเสียที

“หน้านายเหมือนจะตายให้ได้เลยนะยู”

“วิญญาณของฉันลอยไปหาเห็ดหลินจื่อแดงต้นนั้นแล้วละ”ยูตอบเสียงอ่อนระทวย

ตึง !

 ปฐพีสั่นไหวโยนคลอนจนไม่อาจยืนได้มั่นไดจิเซถลาไปทางด้านหน้าในขณะที่ยูเสียหลักล้มหงายหลัง ยังไม่ทันแปลกใจดี
กระแสสัมผัสแปลกประหลาดชนิดหนึ่งก็ไหลทะลักออกมาจากทิศเหนือ คือทิศที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป ยูขนลุกซู่ไม่หยุด
พร้อมๆกับไดจิที่ดึกริชออกมาถือไว้ในมือทิ้งสองข้างอย่างหวาดระแวงกว่าเดิม

“มีบางอย่างอันตราย”ไดจิก้าวถอยกลับมาอย่างระมัดระวัง

“ไดระวัง!!!”

ยูกระโจนเข้าผลักไดจิที่ยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรกันแน่ที่เล่นงานเขาแต่ที่เขารู้ก็คือความเจ็บปวดที่ราวกับ
โดนฉีกกระฉากทั้งเป็น ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่ร่างกายกลับสามารถขยับไปเองได้อย่างแม่นยำนั่งทำให้เขาช่วยชีวิตของไดไว้ได้
อย่างฉิวเฉียดถึงแม้ว่าตัวเองจะต้องเป็นฝ่ายบาดเจ็บไปแบบเต็มๆเลยก็ตาม

“ยู ยู ทำใจดีไว้!!!”

คิก ๆๆ  ฮ่าๆๆ

“ระ...รีบหนี นายมองไม่เห็นมัน”

ผมผลักไดจิออกไปให้พ้นทางเสียงหัวเราะยังคงดังก้องไปทั่วบริเวณไดจิพยายามมองหาต้นตอของเสียงหัวเราะนั้นแต่ก็ไม่พบ
อะไรนอกจากต้นไม้และใบไม้ ซึ่งสิ่งที่ผมเห็นแตกต่างจากเขามากต้องหน้าผมมีหญิงสาวแสนสวยกำลังหัวเราะอย่างเอาเป็น
เอาตาย หางทั้งเก้าของเธอสะบัดโบกไปตามไหลที่สั่นไหวนั้นอย่างมีชีวิตชีวา

“นายเห็นอะไรยู มีอะไรอยู่ข้างหน้าเรา”

“จิ้งจองเก้าหาง”

เธอคนนั้นมีท่าทีสนใจยูขึ้นมาทันทีที่ถูกสายตาของยูจับจ้อง ไม่เคยไม่ใครเคยเห็นเธอในขณะที่เธอร่างเวทย์อำพรางอยู่เด็กคนนี้ช่างมีดวงตาที่พิเศษ

“ฉันไม่มีทางทิ้งนายหรอกนะ ! ”

“นายเป็นตัวเกะกะฉันเปล่าๆน่า รีบไปตามคนมาช่วยฉันดีกว่าไหม”ยูตะโกนอย่างเหลืออด ความโมโหพุ่งปรี๊ดจนแทบกระอักเลือดเมื่อนางจิ้งจอกนั้นแลบลิ้นปลิ้นตาคล้ายจงใจจะยั่วเย้าเขาโดยเฉพาะ

“เจ้าบ้าเอ้ย! นายจะรั้งอยู่ก็ไม่มีประโยชน์หรอกน่าไปซะ”

ไดจิวิ่งไปไกลมากพอที่จะไม่รู้ไม่เห็นสีหน้าโกรธเคืองของยูก็พลันสงนิ่งลง ท่าทางเหยาะแหยะดูอันตรายจนเลือดในกายของจิ้งจอกสาวเดือดพล่าน

“ตระกูลใหญ่เลี้ยงจิ้งจอกเก้าหางไว้ฝึกเด็กใหม่จริงๆหรอเนี้ยให้ตาย”


“เจ้าหนู ระวังปากของจ้าด้วยเซียนจิ้งจอกอย่างข้าไม่เคยเป็นทาสของมนุษย์อ่อนแออย่างเจ้า”




ทางด้านของริว

“เมื่อไหร่เจ้าจะหันมาฟังที่ข้าสอนเสียทีเจ้าปีศาจ”อาจารย์ผู้สอนพยายามอย่างหนักที่จะดึงดูดความสนใจมังกรหนุ่มตรงหน้า แต่จนแล้วจนเล่าริวก็ไม่มีท่าทีอยากจะลุกไปทำอะไรเลยเพียงแต่มองไปยังทิศทางหนึ่งที่ซึ่งไกลออกไป
อยากกลับไปกอดยูแล้ว..

มังกรหนุ่มอ้าปากหาวอย่าเบื่อหน่าย เสียงนกกระจิบนกกระจ้อยพวกนั้นเขาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว

เปรี๊ยงง !

เสียงอัสนีฟาดครืดลงหลังเขาไอดำมืดได้แผ่กระจายแม้แต่ผู้ที่มีพลังอ่อนด้อยที่สุดก็ยังสัมผัสได้ ไม่ต้องพูดถึงเหล่าปรมจารย์ที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกตินี้

“แย่แล้วขอรับปีศาจจิ้งจอกที่ถูกผนึกไว้หลุดออกมาแล้วขอรับ”เสียงรายงานดังต่อเนื่องไม่ขาดสายทำให้หลายคนตื่นตกใจ แต่ที่นี่มีผนึกเป็นร้อยๆจะมีหลุดมาบ้างก็ไม่แปลก

“ยู...”

ริวลุกพรวดวิ่งกระโจนออกไปทางหน้าต่างทันทีโดยที่ไม่สนอะไรทั้งสิ้น เขารับรู้ได้ถึงอันตรายของผู้เป็นนาย

สายฝนโปรยรายเย็นเฉียบกับไออัปมงคลทำให้ริวหงุดหงิดรำคาญใจเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าพวกมนุษย์จะเรียกขานเขาว่าปีศาจ แต่ปีศาจที่ผ่านการบำเพ็ญเพียรจนสะอาดหมดจดเป็นเทพเซียนเช่นไม่ปรารถนาที่จะทำให้ตัวเองแปดเปื้อนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่มีเจ้านายอยู่ข้างกายยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดใจมากขึ้นไปอีก

ยู

ยู

...อยู่ไหน

“ริว”เสียงตะโกนของยูเรียกเขาไปหา

ไม่ว่าจะอยู่ไกลกันสุดขอบโลก เพียงเสียงกระซิบเรียกหาเขาก็จะต้องไป...

ร่างกายของริวเปล่งแสงเรืองรองก่อนพุ่งเป็นหางดาวตกไปหาผู้เป็นนายเหนือหัว ผู้ที่เชื่อมโยงทั้งร่างกายและวิญญาณเข้าไว้ด้วยกันกับเขา

“ยัยแก!! ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ”

“น่าๆ อยู่เฉยๆดูเรื่องสนุกไปเถอะเจ้ามนุษย์”

"ปีศาจในพันธะของฉันเห็นเข้าต้องอยากฉีกร่างเธอเป็นชิ้นๆแน่"

ยูถูกจับเข้ามาขังในตู้กระจกสี่เหลี่ยมไม่ว่าจะลองทุบลองแตะดูยังไงเจ้าตู้กระจกนั่นก็ไม่สะเทือนเลยสักนิด แถมยังเจ็บตัวเปล่าไม่ว่าจะร้องหรือโวยวายเท่าไหร่เธอก็ไม่ได้สนใจเด็กมนุษย์อย่างเขาเลย

“เจ้ารู้รึเปล่าต้นตระกูลของเจ้าน่ะ เคยล่อลวงข้าสมัยที่ข้าฝึกตบะญาณใหม่ๆ เขาหลอกให้ข้าหลง ข้ารัก แล้วเป็นอย่างไรละสุดท้ายข้าก็พลาดโดนผนึกไว้ที่ต้นเห็ดโง่ๆนั่นนานเป็นพันปี”

“ทำไมฉันต้องเชื่อเธอด้วย”

“ก็แล้วแต่เจ้าเถอะ ข้าก็แค่พูดให้ฟัง”

น้ำเสียงหม่นหมองของปีศาจจิ้งจอกทำให้เขาได้รับรู้ถึงความจริง ปีศาจก็รักได้ เจ็บได้เช่นเรา คนที่ถูกคนรักจับขังเป็นพันๆปีคงจะรู้สึกเจ็บปวดมากจนมิอาจจะทนไหว จะตายก็ไม่ได้ จะอยู่ก็ไม่เชิง ถูกขังเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว

“ริว...ริว..” ยูกระซิบเรียกอย่างหมดแรง รู้สึกสงสารนางจิ้งจอกอย่างจับใจเขาไม่รู้หรอกว่านางรู้สึกอย่างไร แต่ความรู้สสึกที่คนรักหักหลังนั้นเขารู้จักดี

ริวที่ถูกเจ้านายร้องเรียกได้ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของยู ผู้เป็นเจ้านายเผยรอยยิ้มดีใจได้เพียงครึ่งวิก็ต้องหุบรอยยิ้มลงฉับ “ยูอยู่ไหน”

ก็อยู่ข้างหลังนายนี่ไงเล่าเจ้าบ้า !! นี่เขาก็มองไม่เห็นผมไปด้วยอีกคน

“อ้อ ปีศาจในพันธสัญญาที่เจ้าเด็กนั่นว่าก็คือเจ้างั้นหรอ”จิ้งจอกสาวคลี่ยิ้ม

“ส่งยูคือมาให้ฉัน”

“แล้วทำไมข้าต้องส่งเจ้าเด็กนั่นคืนให้เจ้าด้วยละ”

ริวแผ่พลังออกมาเตรียมพร้อมจะเข้าปะทะกับจิ้งจอกสาวเต็มที่ เธอยกมุมปากขึ้นก่อนจะคว้าผมออกมาจากตู้กระจกนั่น กรงเล็บแหลมกุมรอบคอของผมไว้แน่นจนรู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังไหลเป็นทางนั่นทำให้ริวชะงัก

“ข้ามีข้อเสนอ”เธอยิ้มอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า

“ว่ามา” ริวขมวดคิ้วยุ่งมองมาที่ผมสลับกับมองไปทางนางจิ้งจอก

“ตัวข้าน่ะ ถูกขังไว้ที่ต้นเห็ดนานนับพันๆปี โชคดีที่มีเจ้าเด็กนี่ถอนมันออกให้”

พอได้ยินแบบนั้นผมก็ตาเหลือกค้าง ปีศาจบ้าอะไรถูกขังไว้ที่ต้นเห็ดวะครับ !! มันเป็นความผิดผมสินะที่เกินอยากกินเห็ดย่างขึ้นมาตอนนั้น

“ข้าก็แค่อยากเป็นอิสระ เจ้าช่วยรับข้าไว้เป็นปีศาจในพันธะสัญญาอีกตัวสิ”

“ไม่อนุญาต” ริวตอบแทน

“แหมน่าเสียดายแต่ข้าไม่ได้กำลังถามเจ้านะมังกร ที่ข้าพูดด้วยคือมนุษย์ตนนี้ต่างหาก”

“ปะ เป็นทาสในพันธสัญญาแล้วมันเป็นอิสระตรงไหน”ยูขยับปากพูดด้วยความยากลำบาก ยิ่งพูดเล็กแหลบๆก็ยิ่งจิกลงไปลึกมาขึ้นจนเริ่มหายใจลำบาก

“อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องโดนไล่ล่า โดนจับขังลงไปในต้นเห็ดอีก !”

อะ...โอ๊ย นางจะพูดก็พูดไม่ต้องจิกเล็บลงมาบนคอผมก็ได้ครับ !

“อึกก”

“ยู !!”

ไดจิไปตามพวกอาจารย์มาช่วยแต่ดูเหมือนสถานการณ์ตอนนี้ ผมอยากจะเชิญพวกอาจารย์กลับไปแล้วบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซะจริงๆรั้งแต่จะให้เหตุการณ์ตึงเครียดซะเปล่าๆ

“เจ้าจิ้งจอก ปล่อยเด็กคนนั้นเดี๋ยวนี้”

“เชอะ ปล่อยให้โง่เรอะตาแก่”

“โฮะๆ จะไปยากอะไรก็รับๆจิ้งจอกสาวนั่นไว้เสียสิยู”ท่านผู้เฒ่าเมียวกะ หรืออาจารย์ของผมเดินยิ้มร่าเข้ามาขัดกับสถานการณ์
ตึงเครียดในตอนนี้สุดๆ

“ผม ... ผมพลังไม่พอรองรับปีศาจอีกตัวหรอกครับ”ผมหน้าเบี้ยวด้วยความเจ็บแปล๊บ

“ผนึกของเจ้าคิดว่าจะซ่อนได้จากสายตาของข้างั้นรึ”นางจิ้งจอกก้มลงกระซิบที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ให้พอได้ยินกับแค่สอง
คน นั่นทำให้ผมตกตะลึงเพราะไม่เคยมีปีศาจหรือมนุษย์คนไหนสักเกตุเห็นรอยผนึกนี่มาก่อน

ในขณะที่ผมกับจิ้งจอกสาวกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่นั้นสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นว่าอาจารย์กำลังท่อง คถาบางอย่างอยู่
เพียงพริบตาเดียวที่เผลอร่างกายของผมก็ลุกโชนไปด้วยเปลวไปพิสุทธิ์เจ้าจิ้งจอกที่เป็นปีสาจไม่สามารถทนความร้อนของเพลิง
ได้ก็ปล่อยมือออกจากตัวของผมเป็นจังหวะเดียวกับที่ท่านอาจารย์หลายท่านข้าตีวงล้อมปีศาจจิ้งจอกนั่นไว้

ริวพุ่งเข้ามารับผมไว้ได้ทันก่อนที่หน้าตาอันหล่อเหลาของผมจะจูบกับพื้นโลก เปลวเพลิงไม่ได้ทำร้ายผมเลยแม้แต่น้อยกลับกัน
คนที่เจ็บหนักที่สุดคือนางจิ้งจอกที่รับเปลวไฟนั้นไปเต็มๆ

หมับ !

“อ๊ะ”

ริวกอดผมไว้แน่นจนผมแทบจะขาดอากาศหายใจ ลมหายใจที่หนักหน่วงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาต้องควบคุมตัวเองมากแค่ไหนเพื่อที่จะกลั้นใจไม่ให้พุ่งตรงเข้าไปฉีกกระชากร่างของจิ้งจอกสมควรตายนั่น

ความอบอุ่นของยูที่อยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงช่วยให้มังกรหนุ่มสงบใจลงได้อย่างรวดเร็ว เสียงหัวใจที่ดังเต้นเป็นจังหวะในอกข้างซ้ายของยูเปรียบได้ดั่งเพลงกล่อมให้เขาควบคุมตัวเองได้

“ฉันไม่เป็นไรแล้วริว”ยูตบที่หลังของริวเบาๆเป็นการปลอบใจ

ริวคลายอ้อมกอดลงอย่างผ่อนคลายแล้วสำรวจร่างกายตรงหน้าแทน นอกจากที่ลำคอแล้วที่อื่นๆก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรอีกมีรอยขีดข่วนจากการล้มลุกคลุกคลานเล็กน้อยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

“ฉันจะฆ่ามันซะ”สายตาเฉียบคมตวัดมองไปที่ปีศาจสาวอย่างหมายเอาชีวิต

สภาพของจิ้งจอกเจ้าหางจะบอกว่าแย่จนไม่รู้จะสรรหาคำว่าอะไรมาอธิบาย มือและเท้าทั้งสองข้างถูกโซ่ตรวนอาคมพันธนาการจนดิ้นไม่หลุด เสียงคำรามที่แหบแห้งจนเกือบจะกลายเป็นเสียงกรีดร้อนช่างน่าเวทนาสงสาร

“พวกเจ้าจะขังข้าไว้ไม่ได้ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด”

“เจ้าทำร้ายลูกศิษย์ในสำนักเรา ความผิดโทษหนักสงควรตาย”

“ปล่อยข้า !!  หุบเขานี้เป็นของข้า พวกเจ้าบุกรุกเข้ามาแถมยังทำร้ายข้า เป็นพวกที่สมควรตายให้หมด”

จิ้งจอกสาวดิ้นรนด้วยพลังเฮือกสุดท้ายน้ำตาที่หยดเป็นสายทำให้ยูไม่สามารถทนยืนมองได้อีก

“ยู อย่า ทำ”ริวกุมมือของผู้เป็นเจ้านายด้วยสีหน้าซีดเผือด

“ขอโทษนะริว”

ยูปล่อยมือออกจากริวก่อนจะเดินสวนแทรกเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าจิ้งจอก เหล่าอาจารย์ยืนตะลึงมองเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้เดินเข้าไปประจันหน้ากับสัตว์ที่กำลังบ้าคลั่ง

“ยูถอยออกมา”ผู้เฒ่าเมียวกะพูดออย่างใจเย็น

“จะฆ่าเธอ น่าสงสารออกนะครับ” ยูยิ้มให้ทุกคนรวกทั้งจิ้งจอกเก้าหางตรงหน้านี้ด้วย

“มาเถอะ ผมจะรับเธอเป็นทาสในพันธของผมอีกตน” ยูหลับตาปลดผนึกในตัวออกเล็กน้อย แต่นั่นก็มากพอที่จะให้ทุกคนได้รู้ว่าเด็กคนนี้มีขุมพลังงานลึกลับซ่อนอยู่ มือเรียวยื่นออกไปด้านหน้าปีศาจสาว

“นะ นามของข้า ยูกิ ยินยอมมอบร่างกายและวิญาณนี้ให้ท่าน”เธอคลี่ยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะยกมือขึ้นจับมือของอีกฝ่าย

พิธีเสร็จสิ้นแล้วจิ้งจอกเก้าหางอยู่ภายใต้การควบคุมของยูโดยสมบูรณ์ ยูหันไปมองคู่หูที่อยู่ด้วยกันมานานแต่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็ไม่เจอ

“ริว....”

เขา จากไปแล้ว....












หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch8 100% page 2][5/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: yogurtjung ที่ 29-12-2014 23:27:16
มาแล้ววว  :katai2-1:

ริวงอลไปไหนแล้วนั้น

จิ้งจอกน่ารักจะตายมาเป็นเพื่อนกันเถอะ 555

รอตอนต่อๆไปนะคะ ชอบมากกก
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch9 100% page 3][29/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 30-12-2014 00:47:43
ริวงอนซะแล้ว
น่าจะมองในแง่ดีอย่างน้อยก็เป็นปีศาจสาวไม่ใช่หนุ่ม
ไม่งั้นมีคู่แข่งกะเออริวว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch9 100% page 3][29/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 30-12-2014 06:27:23
 :ling1: :ling1: :ling1:

ไม่น่ะ  ริว  หายไปไหน 

 :ling1: :ling1: :ling1:

ร้องไห้ แทนริว เลย

 :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch9 100% page 3][29/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 30-12-2014 21:02:52
สงสารริวแท้ อยากอ่านต่ออีก มาต่ออีกไวๆน้า
หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 30-12-2014 23:09:01
10
เป็นเวลาหนึ่งวันแล้วที่ผมหนีจากยูมาโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวอะไร ผมไม่อยากเห็นไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้นจึงได้แต่ขดตัวนอนนิ่งอยู่ใต้ผืนนภาอันกว้างใหญ่ที่ครั้งหนึ่งผมเคยเรียกมันว่าบ้าน

“ไอ้ลูกคนนี้มันไปทะเลาะอะไรกับเมียมันมา”มังกรนิลเพลิงผู้เป็นบิดากล่าวกับผู้เป็นภรรยา

“โอ๊ย ข้าก็อยู่กับเจ้าตลอดถามข้าแล้วข้าจะไปถามใครละตาแก่”

“ยูมีปีศาจตัวใหม่”ริวพึมพำเสียงแผ่ว

“ห๊ะ ! แค่เมียเอ็งมีปีศาจตนใหม่ เอ็งถึงกับต้องหนีเมียกลับมาหาพ่อกับแม่เลยเรอะ”ผู้เป็นพ่อทำหน้าตกใจ

“อย่าใจแคบไปหน่อยเลยเจ้าลูกชาย”ผู้เป็นแม่ปลอบ

ผมพลิกตัวหนีทอดสายตาลงไปยังเบื้องล่าง “รู้แล้วครับ”

หลับตาไม่นานนักความฝันก็มาเยือน

บางอย่างที่ลืมไป

บางอย่างที่เลือนรางไป

กำลังถูกฉายชัดขึ้นมาในความฝันอีกครั้ง




“ยูจัดกระเป๋ารึยังลูก”

“เรียบร้อยครับแม่”

“ไปกันเถอะ”ผู้เป็นพ่อขนกระเป๋าทั้งหมดไว้หลังรถซุปเปอร์คาร์คันใหญ่ก่อนที่เครื่องยนต์จะถูกจุดให้ดังกระหึ่มพร้อมโผลบิน

จุดหมายปลายทางครั้งนี้คือทะเลสาบอาชิท่านพ่อและท่านแม่จะไปสักการะท่าเทพริวจิ(เทพมังกรผู้นำมาซึ่งสายฝน) ก่อนเพื่อเริ่มต้นเดือนแห่งการเกษตร เราทำแบบนี้กันทุกปีจนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปเสียแล้วตั้งแต่รุ่นคุณทวด



“ที่ทะเลสาบนั่นมีมังกรจริงๆรึเปล่าครับ”

“แหมบนโลกเราไม่มีใครเคยเห็นมาเป็นพันๆปีแล้วละจ๊ะยู”ผู้เป็นแม่ลูบหัวลูกชายด้วยความเอ็นดู

“นี่แหละครับ...”

“เอ๋?”

“มังกร ผมต้องการมันเป็นปีศาจเป็นผู้พิทักษ์ของผมครับ”แววตาจริงจังที่หาได้ยาก แววตาที่ไม่ใช่แววตาของเด็กน้อยไร้เดียงสาแต่ผู้เป็นแม่ไม่ทันสังเกตเห็น

“จ้าๆ แต่จะปราบมังกรได้ต้องทานข้าวให้แข็งแรงก่อนนะจ๊ะ”

“ครับ”

อาการของผมเริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้วเมื่อพวกปีศาจแถวบ้านพากันจ้องมองผมอย่างหลงใหล ผมเคยลองถามปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นมิตรที่สุดในละแวกนั้นมันบอกว่าผมมีกลิ่นตัวที่แปลกประหลาด ผมพยายามค้นหนังสือทุกเล่มของตระกูลที่มีอยู่ในบ้านออกมาศึกษาด้วยความหวาดกลัวเกินที่จะบอกผู้เป็นมารดาและบิดาให้รู้


อาการของเขามันเริ่มจากมีปีศาจตัวเล็กติดตามมาถึงบ้าน โชคดีที่ท่านพ่อคิดว่าผมไปทำให้มันโกรธเข้าจึงไม่ได้เอะใจอะไร
อาการที่สองพวกเจ้าที่เริ่มเกิดอาการอยู่ไม่สุข ต้นไม้เจริญเติบโตอย่างที่ไม่ควรจะเป็นจนท่านพ่อต้องถอนวัชพืชที่ยาวเลยเข่าทุกๆวันอย่างเหน็ดเหนื่อย

ผมคิดว่าอาจเป็นการแสดงออกทางสายเลือดเพราะปกติพวกเราก็ดึงดูดสิ่งลี้ลับอยู่แล้ว แต่มันก็ทำให้ผมคิดผิดเมื่อผมเผลอสะดุดล้มจนเกินแผลถลอกเป็นทางทำเอาเลือดหยดติ๊งๆ พวกปีศาจตัวเล็กๆทำท่าเหมือนเห็นหยดเลือดของผมนั้นเป็นสิ่งล้ำค่า พวกมันเริ่มขัดแย้งกันเองสุดท้ายพวกมันก็เริ่มบ้าคลั่งและฆ่ากันเอง


ฆ่ากัน ฆ่ากัน


การสังหารที่เหี้ยมโหดเกินที่เด็กเก้าขวบอย่างผมจะทนรับไหว ผมขังตัวเองอยู่ในบ้าน อ่านหนังสือเป็นอาทิตย์ๆจนพ่อกับแม่เริ่ม
เป็นห่วง พวกท่านคิดว่าผมมีปัญหากับเด็กที่โรงเรียน


หนังสือเล่มที่เก่าแก่ที่สุดเขียนไว้ว่า ทุกลมหายใจ ทุกหยาดเลือดของผู้ที่มีพลังมากที่สุดในตระกูลจะทำให้ปีศาจมัวเมาในตัวตน
และในปีที่ผ่านการทำพิธีการเป็นผู้ใหญ่พลังจะยิ่งมากขึ้นถึงขั้นทำให้มนุษย์ด้วยกันลุ่มหลงได้ เราเรียกคนพวกนั้นว่า โจเนะสึ 
มหันตภัยร้ายของปีศาจและมนุษย์ คำแนะนำกำจัด



คำว่ากำจัดทำให้ร่างเล็กเสียวสันหลังวาบขึ้นมา เขายังไม่อยากตาย ไม่อยากตายจริงๆ



พลังจะถูกปั่นทอนโดยสิ่งที่มีพลังมากกว่า เช่น ปีศาจชั้นสูง มังกร



หยาดฝนกำลังโปรยปราย ท้องฟ้ามืดครึ้มและลมแรงทำให้ครับครัวของเราต้องหาที่พักใกล้ๆทะเลสาบ ท่านพ่อบอกว่าท่านริวจิ
กำลังอวยพรให้ปีนี้ทำการเกษตรได้ดีแต่ผมกลับรู้สึกว่าท้องฟ้าวันนี้ช่างดูหม่นหมองราวกับมีคนกำลังร้องไห้มากกว่า

ทุกคนเข้านอนกันแต่หัวค่ำยกเว้นผมที่ตาตาสว่างอยู่ในห้องนอน เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของท่านพ่อและท่านแม่ทำให้ผมรู้ว่า

พวกเขาหลับสนิทไปแล้วด้วยความเหน็ดเหนื่อยกับการขับรถและหาที่พัก นั่นเป็นเวลาที่ผมแอบย่องออกจากห้องนอนตรงไปที่
ทะเลสาบอาชิสถานที่ที่เขาว่ากันว่ามีมังกร



อยู่ไหนนะมังกรออกมาสิ !



ขาเล็กวิ่งมุ่งออกไปยังป่ามืดครึ้มโดยมีเพียงแสงจันทร์นำทาง ฝนที่โปรยปรายไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อวานทั้งๆที่กรมอุตุวิทยาบอกว่า
อากาศจะแจ่มใจตลอดวันมันต้องมีอะไรแปลกบ้างละ เด็กน้อยวิ่งออกไปเรื่อยๆไม่รู้ว่าวิ่งมาไกลแค่ไหนแล้ว ทางข้างหน้ามีแต่
ความมืดที่รออยู่ทางข้างหลังก็มองไม่เห็น




“คุณมังกร...”



ความตั้งใจของเด็กสิบขวบตัวเล็กๆกำลังถูกสั่นคลอนช้าๆในความโดดเดี่ยว สองเท้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดินโคลนแต่ใบหน้า
ของเด็กคนนั้นยังแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น



แกรบ !




ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองความพังพินาศของเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่ที่ไม่รู้ว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร ถ้าเป็นสัตว์ละก็คงจะต้อง
เป็นอะไรที่ตัวใหญ่มากๆแน่ๆ หรือว่าจะมีมังกรหล่นลงมาจากฟ้าจริงๆนะ !

ว่าแล้วร่างเล็กก็วิ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความทุลักทุเลเพราะตามทางเต็มไปด้วยเศษไม้ใหญ่เล็กบางก็คมจนตามตัวของยูมีแต่รอย
ขีดข่วนเต็มไปหมด จุดหมายปลายทางของยูอยู่ด้านหน้านี่แล้ว...


“มังกร!!!”


ร่างเต็มไปด้วยเกล็ดสีนิลกาลดูดกลืนแสงจันทร์ลมหายใจแผ่วๆที่ใกล้จะสิ้นใจ ร่างของมังกรตัวนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน ทั้งรอยกัด รอยขวนเป็นทางยาวแอ่งน้ำใต้ฝ่าเท้าที่แท้แล้วไม่ใช่น้ำฝนแต่เป็นเลือด เลือดสีแดงสดที่มีกลิ่นคล้ายละอองฝน


“ทะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ละ”

 เด็กหนุ่มกล้าๆกลัวยื่นมือขึ้นไปแตะในส่วนที่คิดว่าจะเป็นหัว



พรึบ !!

จู่ๆเปลือกตาของเจ้ามังกรก็เปิดขึ้นเผยให้เห็นนัยน์ตาเรียวเล็กสีทองที่ทอประกายเจ็บแค้นและข่มขู่ แต่มันไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่
จะขยับกายได้อีกแล้ว

เด็กน้อยผวาไปทางด้านหลังอย่างตกใจที่ได้เห็นดวงตาสีทองใกล้ขนาดนี้ มันเหมือนงูที่พร้อมจะพุ่งเข้าฉกเข้าได้ทุกเมื่อ

“มะ มังกรจริงๆด้วย”

ครืออ!


เจ้ามังกรส่งเสียครางในลำคออย่างไม่พอใจ ขอแต่ตายอย่างสงบๆไม่ได้รึไงนะ

“ทำไมถึงบาดเจ็บแบบนี้ละ”พอเห็นเจ้ามังกรเอาแต่นอนนิ่งๆเด็กน้อยก็เริ่มจะมีความกล้าขึ้นมาอีกครั้ง

“จะตายไม่ได้นะ นายห้ามตายนะ”ยูเริ่มพูดเสียงเครือ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเขาแล้วอีกไม่นานคนอื่นๆต้องสังเกตเห็นสิ่งแปลก
ประหลาดในตัวเขาแล้ว

เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ต่อให้ต้องแลกกับอะไรเขาก็ต้องยอมเพื่อให้ได้มีชีวิตต่อ




มนุษย์ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยุ่งยากสำหรับมังกรเสมอมา


เจ้าเด็กตัวเล็กๆนี่ช่างวุ่นวายกับเขาไม่มีที่สิ้นสุด

“เลือด เลือดของผมน่ะ พิเศษกว่าขงคนอื่นนะ” ยูพยายามกลั้นใจหยิบกิ่งไม้ปลายแหลมกรีดลงบนข้อมือของตัวเอง

“ฮึก... ได้โปรด อย่าตาย”หยดเลือดที่ปะบนกับหยาดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลเข้าสู่ปากใหญ่โตของมังกรหนุ่ม

กลิ่นหอมยั่วยวนใจมังกรหนุ่มตรงหน้าอย่างหน้าเหลือเชื่อ นัยน์ตาเรียวเล็กจับจ้องไปที่เด็กน้อยอีกครั้งอย่างสนใจ ทันทีที่เลือด
หยดเล็กๆเหล่านั้นหยดลงบนปากของเขาพลังที่มอดหมดไปก็ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายของเขากำลังร้อนขึ้นร้อนขึ้นเรื่อยๆกระ

ทั้งหยาดฝนที่โปรยปรายลงมากลายเป็นไอสีขาวฟุ้งกระจายไปทั่ว



เจ้ารู้จักข้าหรือไม่



ใช้แล้ว ข้าคือมังกร และเจ้ากับข้าไม่รู้จักกัน




ทำไมเจ้าถึงอยากให้ข้ามีชีวิตต่อไปนัก



ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดจึงต้องหลั่งน้ำตาเพื่อข้า



ยูพยายามลืมตามองไอน้ำร้อนรอบตัวอย่างยากลำบาก กระทั้งสายฝนได้ชะล้างไอนั้นกระจายออกไปจนหมดมังกรก็ได้หายไป

แล้ว

“อ๊ะ ไปไหนแล้ว”

“เจ้าคือดาววิบัติแห่งสามภพ”

อึก !


“ข้าควรจะฆ่าเจ้าซะแต่เจ้ากลับช่วยข้าเอาไว้”

กรงเล็บแหลมกุมรอบคอเล็กของเด็กน้อยเอาไว้ “บอกมาเจ้าต้องการอะไร”

เส้นผมยาวสีดำสนิทปานน้ำตกยาวระแก้มของยูที่ทำหน้าตื่นตระหนก นัยต์ตาสีทองของอีกฝ่ายทำให้ยูจำได้ว่าที่แท้แล้วชายหนุ่มท่าทางอันตรายคนนี้คือเจ้ามังกรนั่นเอง “คุณช่วยผมได้”

“ช่วย?”


“เอาพลังของผมไป แลกกับ...แลกกับการมีชีวิตอยู่”

เจ้ามังกรแทบจะเข้าใจในทันทีเด็กคนนี้คงจะรู้แล้วว่าตนเองคืออะไร แล้วอีกอย่างที่สำคัญคือเด็กคนนี้ได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

“แม้ว่าจะต้องเป็นเจ้าสาวของมังกรเจ้าก็จะยอมงั้นรึ”

“ขอแค่ ..ได้อยู่กับท่านพ่อ ท่านแม่นานกว่านี้อีกนิด อะไรผมก็ยอมทั้งนั้น”

“พูดได้ดี”

แผลบ!

ลิ้นชื้นของริวลากไปตามรอยแผลเปิดของยูช้าๆ เด็กน้อยสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่นานความเจ็บปวดนั้นก็ได้บินจากหายไป

แผลหายแล้ว !

“เรามาทำข้อตกลงกัน”มังกรหนุ่มยื่นข้อเสนอ

“ได้”

“ข้าจะรับพลังของเจ้ามาส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องลงอาคมผนึกไว้บนร่างของเจ้าด้วยส่วนหนึ่ง”

ยูเอียงคอนึกถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่า รับพลัง และ ลงอาคมผนึกคืออะไรแต่เด็กน้อยก็พยักหน้าตอบรับไป “ได้”

“ในอนาคตเจ้าจะงดงามและน่าหลงใหล ข้าจึงสร้างผนึกอีกชั้น ไม่ต้องการให้ใครหลงใหลเจ้า”

“อะ...อื้อ”


“เจ้าเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว”

“ไม่เอา นายต่างหากที่เป็นของฉัน”ครั้งนี้เด็กน้อยเข้าใจในสิ่งที่เจ้ามังกรพูดจึงเอ่อแย้งขึ้นมา

“งั้นก็ไม่มีอะไรที่ข้ากับเจ้าต้องพุดกันอีก”

“เดี๋ยวๆ งั้นเอาแบบนี้ เราเป็นของกันและกันดีไหม”ยูจับปอยผมสีดำนั้นไว้แน่นอย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะกระโดดหนีไปเสียก่อน

“...ก็ได้ ตอนนี้หลับตาซะ”

ยูหลับตาลงอย่างว่าง่ายมังกรในร่างชายหนุ่มย่อตัวลงมาจนอยู่ในระดับเดียวกับเด็กชาย ก่อนจะประทับรอยจูบบนริมฝีปากสีกุหลาบนั้นเนิ่นอย่างเนิ่นนานและนุ่มนวล แขนแกร่งโอบรอบเอวบางๆของยูก่อนจะค่อยๆกลืนกินร่างกายของเด็กน้อยไปช้าๆ แม้ว่ายูจะมีท่าทางตื่นกลัวอยู่บ้างก็ตาม

“จงเชื่อข้า จะเป็นผู้ที่อยู่กับเจ้า แม้สุดท้ายแล้วเจ้าจะไม่เหลือใคร”

“จงเชื่อ ว่าข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าแม้จะต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก”

“จงเชื่อข้า จงเชื่อในคำสัญญา จงเชื่อในตัวเอง”




อ๊า !




เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของยูถูกกลืนกินไปภายใต้ริมฝีปากของมังกรหนุ่ม ส่วนสัดส่วนที่เขาสัมผัสช่างร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรง
ราวกับจะหลุดออกมา เลือดเหมือนโดนต้มจนเดือด ร่างกายของทั้งสองถูกเชื่อมต่อกันอย่างช้าๆ บางส่วนที่แข็งแกร่งได้เข้าไป
อยู่ในร่างที่สั่นระริก



“จะ ..เจ็บ” ยูหอบหายใจถี่อย่าเจ็บปวด

“เดี๋ยวเจ้าก็ชินไปเอง”

“อะ..อื้อ” เด็กน้อยถูกมังกรหนุ่มล่อลวงไปเสียแล้ว ความเยาว์ ความไร้เดียงสา ค่อยๆมัดใจมังกรหนุ่มได้อย่างช้าๆ



“สัญญา สัญญากับผมแล้วนะว่าจะอยู่ด้วยกัน”

“ข้าสัญญา ด้วยนามของข้า เกียรติแห่งเทพมังกร ริวจิ บอกนามของเจ้ามา”

“... ผมชื่อยู ฮารุกะ ยู”

“เรียกข้าว่า ริว”


ริว

ริว

ไอ้เจ้าริววว !!!

เฮือก!!

“หือ?”

“ไอ้ลูกคนนี้นี่ จะหลับไปถึงไหน”ผู้เป็นบิดาถามอย่างเป็นห่วง

“ข้าหลับไปนานแค่ไหน...”

“เจ็ดวันของโลกมนุษย์แล้ว”ผู้เป็นพ่อตอบอย่างรู้ทัน

ที่แท้ก็ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งแล้วนี่เองป่านี้ยูคงจะเป็นห่วงเขาแย่แล้ว


 “ทำไมถึงได้เย็นชาแบบนี้นะเจ้าลูกคนนี้ เจ้าสาวของเจ้าจะโดนคนอื่นแย่งไปอยู่แล้ว”

มังกรหนุ่มขมวดคิ้วยุ้งทอดสายตาลองไปยังเบื้องล่างอยู่ชั่วอึดใจ เจ้าพวกมนุษย์เจ้าพวกปีศาจหน้าไหนก็ก็ทนเสน่ห์ขงยูไม่ได้
เหมือนกันหมด ไม่ทันการละต้องรีบจัดการผนึกใหม่โดยด่วน

 “ข้าลาละ”

“ไปเถอะ ดูแลเจ้าสาวให้ดีๆด้วยอย่าใจแคบเกินไปนัก”ผู้เป็นแม่มองตามอย่างเป็นห่วง

“อืม จะพยายาม”




หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Cockroach ที่ 31-12-2014 00:00:56
มาติดๆกันเลยวันนี้ ริวหายไปนานระวังมีคนงาบยูไปนะเออ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 31-12-2014 01:21:49
10 ขวบ พรากผู้เยาว์สุดๆ
อ่า นี่คือคำตอบของอินโทรเรื่องนี้สินะ
กลับไปหาเมียได้แล้ว เดี๋ยวโดนแย่งไม่รู้นะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 31-12-2014 02:08:08
ริววววววววววววววว รีบๆกลับไปหายูนะ เดี๋ยวโดนจิ้งจอกแย่งหรอก -.,-

ส่งกำลังใจให้คนเขียน รีบๆมาต่อนะค้าาาา รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 31-12-2014 02:38:22
 :really2: :really2: :really2:

อ่าา  จะทันรึเปล่า

ยู  ริว   


ใครจะแย่งยูจากริว   อีก ละเนี่ย 

ลุ้นๆๆ

 :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 31-12-2014 07:10:10
อยู่กับยูนานๆนะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 31-12-2014 07:40:36
กลับไปเฝ้าเมียด่วนนน!!!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 31-12-2014 09:47:32
ระวังโดนแย่งนะริว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 31-12-2014 12:51:39
อะหืออออออออ
เป็นการทำสัญญาที่ไม่ยุติธรรมเลย
ให้ยูโตกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้
ล่อลวงเด็กไม่ดีนะคะท่านเทพพพพพ :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 31-12-2014 15:02:01
มังกรหนุ่มใจร้อนแบบนี้เดี๋ยวก็ถูก มคปด จริงๆ หรอก
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: yogurtjung ที่ 31-12-2014 16:33:22
ริว นายโดนตำรวจจับคะ 555

รีบไปทำผนึกใหม่เลยนะคะ

เราอยากดูด้วยว่าทำยังไง หึหึ

รอตอนต่อไปนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-12-2014 20:38:59
อิตามังกรขี้น้อยใจ
รีบกลับไปหายูเลยนะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 31-12-2014 21:15:49
ยูจางงงงงงง


น่ารัก แถมใจดีด้วย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 31-12-2014 21:39:16
สนุกดีค่ะ มาต่อไวๆนะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 31-12-2014 22:03:32
หลับนานแบบนั้นตายซะเลยดีมั้ยคะ
แหมๆ รีบกลับไปเอายูคืนล่ะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 04-01-2015 18:29:45
รอรอรอ  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 04-01-2015 19:51:25
ริวจี๊!!!!!!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: vpu ที่ 05-01-2015 18:30:37
มาต่อด่วน  :m16: :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch10 100% page 3][30/12/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 07-01-2015 20:49:56
 :z13: :z13: :z13:


ริวหายไปไหน  คิดถึงอ่ะ 

สวัสดีปีใหม่ครับ


 :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch11 100% page 3][8/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 08-01-2015 21:16:54
“นายท่าน..”จิ้งจอกสาวนั่งข้างเตียงร่างเล็กที่นอนขดนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มไม่ยอมขยับ

“นายท่าน ลุกมาทานข้าวทานน้ำหน่อยเถอะ”

“ยูกิเธอดูหน้าฉันสิ”

ยูลุกพรวดออกมาจากผ้าห่ม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยอักขระภาษาโบราณสีดำขยับวูบไหวไปมาราวกับมีชีวิตจนน่ากลัว โชคดีที่เขาโดนคำสั่งกักบริเวณโทษฐานก่อปัญหาไม่อย่างนั้นคงต้องแบกหน้าแบบนี้ไปเรียนโดนหาว่าเป็นปีศาจจำแลงมาแน่ๆแต่จิ้งจอกสาวยูกิกลับคลี่ยิ้มบางอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ


ริวหายไปไหนนะ ตั้งหลายวันแล้ว!!


“นายท่าน นี่น่ะเป็นแค่ผนึกเท่านั้นข้าช่วยทำให้มันหายได้”

“แต่ว่าผนึกนี่...”

“ท่านไม่ต้องกลัวว่ามันจะไปกระทบกับพลังที่อยู่ในตัวของท่านหรอก มันเป็นเพียงคถาลวงตาเท่านั้นเอง”ยูกิแตะปลายนิ้วเกลี่ย
แก้มที่เต็มไปด้วยรอยอักขระน่ากลัว

“ใบหน้าที่แท้จริงของท่านถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้คถานี้มาเนิ่นนาน”

ในหัวเหมือนได้ยินเสียงขาดผึ่งยูกิเริ่มออกแรงแงะผนึกนี่ออกจากใบหน้าของยู แต่คงเป็นเพราะผนึกนี้อยู่นานเกินไปจึงหล่อรวม
กับร่างจริงไว้อย่างเหนียวแน่น เจ็บหน่อยนะนายท่าน...ยูกิลงมืออย่างอำมหิตกระชากหน้ากากอาคมนั้นออกเพื่อไม่ให้นายเหนือหัวรู้สึกทรมานมากเกินไปนัก ยูเซวูบเหมือนบางอย่างหลุดออกไปพาให้ร่างกายรู้สึกเบาหวิว


“นายท่าน...รู้สึกอย่างไรบ้าง”ยูกิรับร่างบางกอดไว้ในอ้อมอก สายตาอ่อนโยนทอดมองใบยังไปหน้าเยาว์วัยที่ยังดูมึนงงกับชีวิตอยู่

“ผนึก...หายไปแล้วหรอ”ยูยกมือแตะที่ใบหน้าตัวเองเหมือนไม่ได้รู้สึกต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก

ยูกิยิ้มเดินไปหยิบกระจกวางไว้ตรงหน้าของยู เงาในกระจกสะท้อนภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่มีผมยาวเคลียไหล่ ใบหน้าเรียวได้รูป
ริมฝีปากชมพูระเรืองขนตาหนาเป็นแพผิวขาวจัดจนเหมือจะเรืองแสงได้ สวยงามราวกับตุ๊กตาเบื้องเคลือบ

“นี่...ใคร”

ยูนั่งอยู่หน้ากระจก...เบิกตามองึนในกระจกก่อนจะพึมพำภาวะนากับตัวเองว่านี่มันเป็นเรื่องโกหก

หมับ !

สองมือจับกระจกก่อนจะทำหน้าท่าทางประหลาดๆเผื่อว่ายูกิแค่ร่ายมนต์แกล้งเขา ยูกิที่ยิ้มขำขันถึงกับหน้างอเมื่อได้ยินเสียงของยูที่ต่อว่าในใจยกใหญ่

“ข้าไม่ได้เสกหน้าท่านให้เป็นแบบนี้เสียหน่อย นี่เป็นหน้าตาแท้ๆของท่านมาตั้งนานแล้ว”ยูกิเถียงแก้มป่องอย่างน่ารัก
อวสานชีวิตแล้ว... ไม่อยากจะพูดเลยว่าเขาผิดหวังในตัวเองเป็นอย่างมาก ทำไมเขาไม่หล่อขึ้นละฟร่ะ ทำไมถึงมีหน้าตาเหมือนสาวน้อยแบบนี้ได้ !!

เมื่อสายตาเหลือบไปมองมือของตัวเองก็ต้องเบิกตากว้างยิ่งกว่าเก่า นิ้วเรียวยาวบอบบางขาวผ่องแม้แต่กล้ามที่มีอันน้อยนิดตอน
นี้ยังพาลจะหายไปด้วย แย่ละหรือว่าเขาจะกลายไปผู้หญิงไปแล้วจริงๆ !

พรึบ !

“กรี๊ดดด นายท่าน”ยูกิร้องเสียงแหลมเมื่อยูลุกขึ้นมาถกกางเกงลง



อ้อ น้องชายผมยังอยู่ครบค่อยยังชั่ว



“นายท่านน ท่านทำกับข้าน้อยแบบนี้ไดยังไงกัน ข้าจะมีหน้ามองไปมองหน้าสามีในอนาคตได้ยังไง!!!”ยูกิยกมือปิดหน้าร้องโว้ย
วายเสียงดังโดยที่ผู้เป็นเจ้านายไม่ได้มีทีท่าแยแสหรือเดือดร้อนใจสักนิดดึงกางเกงที่ถูกถอดออกมาใส่แบบสบายใจ

“ทำตัวเป็นสาวน้อยไปได้ ยูกิฉันรู้ว่าเธออย่างต่ำก็พันปีแล้ว”ยูหรี่ตามองท่าทางสะบดีดสะดิ้งนั้นด้วยท่าทางเย็นชา

“ชิส์”

ยูหัวเราะในลำคอเบาๆ แต่ทั้งรอยยิ้มทั้งน้ำเสียงกลับดูน่าดึงดูดหลงไหลไปเสียหมดจนยูกิแอบหยิบตัวเองเป็นพักๆเพื่อไม่ให้ตัว
เองตกเป็นทาสของพลังทางสายเลือดของยูจนขาดสติไป

ก๊อกๆๆ

“ยูเปิดประตูให้ฉันหน่อย”

“ใครครับ?”

“อายะเอง”

อายะเป็นเพื่อนข้างห้องขอผมเองครับคุณชายที่โผล่มาก็กวาดของกินห้องผมไปซะเรียบคนนั้นไงละ ตอนนี้เราก็สนิทกันพอ
สมควร ไม่ๆๆ ต้องบอกว่าฝ่ายนู้นพยายามตีสนิทผมสุดฤทธิ์เพราะที่ห้องของอายะไม่มีของกินเลยสักอย่างเดียวเขาจะต้องมาที่
ห้องผมเพื่อร่วมวงทานข้าวด้วยทุกครั้ง เน้นคำว่าทุกครั้งจนกลายเป็นสนิทกันไปแบบไม่รู้ตัว

“คือ...ฉันไม่ค่อยสบายน่ะ แคกกกกๆๆ”

“นายเป็นอะไรรึเปล่า ให้ฉันเข้าไปดูหน่อยสิ”

“ม่ายย ไม่เป็นไร เอ้ย ไม่ต้องหรอก”ยูร้องเสียงหลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะเข้ามาให้ได้

“ได้ไงกันเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะยู”

“ไม่ฉันอยากพักแล้วนายไปหาข้าวเย็นที่โรงอาหารทานเถอะ”

เสียงเงียบไปแล้วสงสัยอายะคงไปแล้วละมั้ง ยูคิดแล้วก็ถอยหายใจเฮือกใหญ่



โครมมม !


ประตูทั้งบานหลุดออกมาจากที่ที่มันควรจะอยู่โดยมีอายะยืนจังก้าอยู่หน้าประตูท่าทางเหมือนโดนผีเข้าสิง ยูได้แต่อ้าปากค้างมองอีกฝ่ายด้วยความอึ้งปนตกใจว่าอีกฝ่ายก็ตัวพอๆกับเขาแต่ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเยอะแยะขนาดพังประตูหลุดออกมาทั้งยวงได้ ยูกิลุกขึ้นยืนบังหน้ายูไว้เพื่อความปลอดภัยของเจ้านาย ขนากจิ้งจอกเจ้าเก้าหางอย่างเธอยังแทบจะทนต่อความน่าหลงใหลของสายเลือดนั้นไม่ได้นับประสาอะไรกับมนุษย์ธรรมดา

“หือ...ยูนายทำขวดน้ำหอมหล่นหรอ หอมจัง หอมออกไปนอกห้องเลย”อายะก้าวเข้ามาในห้องหนึ่งก้าว

“เปล่า..”ยูถอยไปทางด้านหลังหนึ่งก้าว

“เอ๋? ทำไมหน้านายถึงเป็นแบบนั้นละ”อายะก้าวเข้ามาใกล้อีกก้าว

“อ๋อ พอดีว่าก่อนหน้านี้ฉันยังไม่แตกเนื้อหนุ่มนะ”ยูถอยไปจนชิดหน้าต่าง แม้แต่เท้าข้างหนึ่งก็ขึ้นไปเหยียบบนนขอบหน้าต่างเตรียมโดดแล้ว

“นั่นนายจะไปไหน”อายะวิ่งเข้ามาคว้ายู ดวงตาของอายะนั้นเลื่อนลอยเหมือนโดนวิญญาณสิงร่างจริงๆจนทำให้ยูรู้สึกกลัวขึ้นมา

“นายท่านโดดเลย!!”

อันที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะกระโดดจากหน้าต่างชั้นหกเท่าไหร่นักหรอก แต่คนที่คีบผมไว้ที่เอวแล้วกระโดดลงจากชั้นหกจริงๆก็คือยูกิต่างหาก ผมทำได้แค่ยกมือปิดตาอยู่นิ่งๆให้ยูกิหิ้วผมได้อย่างสะดวกเท่านั้น

“นายท่านตัวเบาเกินไปแล้ว หลังจากจบงานนี้ข้าจะขุนท่านให้อ้วนพีเลย”

“ไม่ ฉันจะพยายามลดน้ำหนักเผื่อว่าคราวหน้าเธอจะต้องหิ้วฉันวิ่งหนีแบบนี้อีก”ผมพูดตอบกลับเธอไปแบบไร้ยางอาย ถึงแม้ว่า
ครอบครัวของผมจะสอนให้เป็นสุภาพบุรุษก็ตาม แต่ยูกิไม่ใช่คนแต่เป็นจิ้งจอกแถมเป็นทาสผมอีกเพราะงั้นผมไม่นับ(ปกติริวก็พา
ผมขึ้นหลังวิ่งเป็นปกติอยู่แล้วโดนหิ้วก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่หรอก)

“เจ้ามังกรบ้านั่นช่างไม่มีความรับผิดชอบเอาเสียเลย”ยูกิบ่นทันที่ที่ผมคิดถึงริว

“ฉันข้าใจเขาดี เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอกพอมีเรื่องร้ายๆเดี๋ยวเขาก็มา”

ตามเส้นทางที่เราวิ่งมักจะเจอพวกเด็กใหม่ที่ขยันฝึกวิชากันอยู่ คนพวกนั้นเบิกตามมองมองกับยูกิกว้างก่อนจะตาเลื่อนลอยพากัน
วิ่งตามเราทั้งสองคนมาเป็นโขยง จากหนึ่ง กลายเป็นสอง ตอนนี้กลายเป็นฝูงแล้วจนเรื่องมันชักจะเริ่มบานปลาย

“ไหนเธอบอกว่าคลายผนึกนั่นแล้วไม่ส่งผลต่อพลังของฉันไงละ !!”

“อาคมเสื่อมเพราะเจ้ามังกรโง่นั่นต่างหาก อย่าโทษข้านะ !!”

ยูชะงักอาคมเสื่อม..อาคมมันไม่ได้จะเสื่อมกันง่ายๆหรือว่าริวจะเป็นอะไร... คิดแล้วก็นึกเป็นห่วงขึ้นมา ไม่ได้เจอกัน

“ตอนนี้เป็นห่วงตัวเองก็เถอะ !”ยูกิถลึงตามองผมอย่างน่ากลัว ผมจึงได้แต่สงยิ้มแห้งๆให้กับเธอไปทีหนึ่ง

เธอพาผมเข้าไปซ่อนในป่าลึกหลังบ้านใหญ่เส้นทางคดเคียวรกชันสะดวกแก่การหลบซ่อนเป็นอย่างมาก แต่ก็มีความอันตรายใน
ระดับหนึ่งเช่นกัน เธอพาผมเข้ามาซ่อนในโพรงไม้แห่งหนึ่งก่อนจะหยิบพวกต้นหญ้าสูงๆมาบังปากโพรงเอาไว้อีกทีหนึ่ง

“เธอเหมือนเธอจะคุ้นกับที่นี่ดีนะ”

“มันเป็นรังเก่าของข้าเอง”เธอตอบด้วยน้ำเสียงหม่นหมองไปชั่ววูบ เพียงกระพริบตาสีหน้าของเธอก็กลับมายิ้มแย้มปกติ

ผมกำลังจะอ้าปากปลอบเธอสักหน่อยเธอกลับปิดปากผมแล้วส่งสายตามาให้ผมประมาณว่าเงียบซะ

“ไปทางไหนแล้ว เมื่อกี้ยังเห็นแวบๆอยู่เลย”

เสียงซุบซิบที่ใกล้มากๆทำให้ผมตัวแข็งทื่อ ยูกิกางกรงเล็บออกมาเตรียมเชือดคนที่คุมคามเจ้านายของเธอเรียงตัวแล้ว ผมส่าย
หน้ารั้งมือเธอเอาไว้ การฆ่าคนปิดปากรั้งแต่จะทำให้เรื่องราวมันบานปลายขึ้น

“บางทีท่านอาจารย์อาจจะช่วยผมได้ ยูกิพาผมไปหาอาจารย์เถอะ”

“ท่านแน่ใจหรือ หาว่าพบแล้วตาเฒ่าพวกนั้นไม่สามารถรับมือกับท่านได้ท่านจะทำอย่างไร”

“...เราต้องลองดู”พวกผู้เฒ่าคงมีวิธีรับมือเหตุการณ์แบบนี้บ้าง ดีกว่าไม่ได้ทำอะไร

ยูกิพานายน้อยของเธอวิ่งลัดเลาะไปตามเส้นทางป่าอย่างชำนาญ ระหว่างทางไม่เจอผู้คนเลยแม้แต่น้อยจนน่าแปลกใจหรือว่า
พวกผู้เฒ่าเริ่มลงมือทำอะไรกับความผิดปกตินี้บ้างแล้ว พวกผู้เฒ่าส่วนใหญ่พักอยู่ในเรือนใหญ่แต่สำหรับท่านผู้เฒ่าเมียวกะที่เป็น
อาจารย์ของผมนั้นคงต้องใช้เวลาหาสักหน่อยแถวชายป่า

“อาจจะอยู่ที่น้ำตก”ผมสันนิฐานออกมา



โชคดีที่ผมคาดการถูกต้องผมมองเห็นท่านอาจารย์ยืนหันหน้ามองมาทางผมด้วยแวตาที่แสนประหลาดใจ

“โอ้ ไม่เจอซะนานนะยู”

“ท่านอาจารย์คือผม...”

“หืม...พลังแบบนี้โจเนะสึเรอะ”ท่านเมียวกะมองผมด้วยรอยยิ้ม

ยูหน้าซีดไปถนัดตาเขายังคงจดจำรายละเอียดในบันทึกโบราณเล่มนั้นไว้ได้เป็นอย่างดี โจเนะสึผู้นำมาซึ่งภัยพิบัติต้องทำการ
กำจัดทิ้ง

 “ความวุ่นวายเมื่อกี้คนเป็นเพราะเจ้าเองงั้นรึยู”ท่านอาจารย์ยังถามต่อด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

ยูกิขยับขึ้นมาขวางหน้าผู้เป็นเจ้านายเอาไว้เมื่อรับรู้ได้ถึงอันตราย แม้ท่านอาจารย์เมียวกะจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษแต่
ความรู้สึกที่รับรู้ได้นั้นช่างน่าหวาดหวั่น

“อย่าได้คิดจะแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเล็บ !”ยูกิตวาดออกมาก่อนจะพุ่งกระโจนเข้าไปต่อสู้

ท่านผู้เฒ่าเมียวกะยกยิ้มก่อนจะขว้างยันต์สวนกลับ ยูกิเอี้ยวตัวหลบก่อนจะร่ายอาคมเล่นงานท่านผู้เฒ่ากลับบ้างแต่ยิ่งแก่ยิ่งมาก
ประสบการณ์ของแค่นี้ไม่สามารถล้มปรมจารย์ของตระกูลได้ ไม่นานนักยูกิก็เป็นฝ่ายพลาดท่าก่อนเสียรู้ให้กับผู้ที่ตั้งรับอยู่ก่อน
อย่างเมียวกะ

อาคมบนพื้นวาดลวดลายทันทีที่เท้าของยูกิสัมผัสมันโชคดีที่ความไวของจิ้งจอกนั้นเหนือกว่าบนร่างบอบบางของจิ้งจอกสาวจึง
ปรากฏรอยแผลถากๆขึ้นมา

ผมกำลังจะวิ่งเข้าไปห้ามไม่ให้สู้กันไปมากกว่านี้ตั้งใจจะหนีไปกับยูกิ แต่เหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้วลำคอของผมถูกทาบด้วยบาง
อย่างที่ทั้งคมและเย็น จึงได้แต่บอกให้เธอหนีเอาตัวรออดไปก็พอ

“ยูกิรีบหนีไป !!”

“นายท่าน !”

“ด..ได”ยูครางเสียอ่อย

ผู้ที่จ่อคมมีดแนบเข้ากับลำคอของเขาไม่ใช่ใครที่ไหนฮารุกะ ไดจิ ใบหน้าครึ่งล่างสวมหน้ากากลงอาคมเอาไว้ ราวกับว่าเขามา
เพื่อกำจัดผมโดยเฉพาะ


“เจ้าเล่ห์นักนะตาแก่”ยูกิกัดฟันกรอดอย่างโกรธจัดไม่คิดว่าจะมีคนมาเล่นตลบหลังเธอแบบนี้

“เหอะปีศาจอย่างเจ้ามีสิทธิ์พูดคำนี้ด้วยรึ”

“แล้วคนนั้นละ เขาไม่ใช่มนุษย์เหมือนเจ้ารึไง”ยูกิสู้พลางถอยพลาง

เธอพลาดอีกครั้ง..และอีกครั้ง เลือดสีแดงสดแต่งแต้มผิวขาวซีดประหนึ่งหยาดฝนที่ชุ่มโชกโทรมกาย บาดแผลน้อยใหญ่สร้าง
ความทรมาณเจ็บปวดแก่เจ้าตัวจนแสดงฉายชัดออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน จนผู้เป็นนายไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป

“ยูกิ ฉันขอออกคำสั่งให้เธอหนีไปเดี๋ยวนี้ ..อ อึกก!!”

คมมีดบาดลึกเข้ามาในลำคอกลิ่นเลือดหอมกระจายไปในอากาศทำเอาไดจิที่อยู่ใกล้สุดรับผลกระทบจากสายเลือดนั้นไปเต็มๆจน
เซถลาออกไปด้านหลัง

 “ไปซะ” ยูส่งสายตาอ้อนวอนยูกิที่ยังไงก็ไม่ยอมไปไหนแน่ๆ “สิ่งที่เธอต้องการมาตลอดคืออิสระไม่ใช่หรอ ไปสิเร็วเข้า”

ยูกิหันหลังวิ่งออกไปจนลับสายตา ไม่มีใครสนใจที่จะตามเธอไป ร่างทั้งร่างของยูถูกกดลงพื้นพื้นหินเย็นเฉียบ




ยูเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ให้ร้องออกไปว่า...


...อย่าไป....


///


หิมะสีขาว... โปรย

หนาวเหน็บเนื้อ...ผ้าบาง

เงยหน้ามอง...ฟ้าหม่น

ตะวันลาลับ ..คิดถึงเจ้าปานจะขาดใจ

ลำนำเพลงรักหิมะโปรยผุดขึ้นมาในสมองอันเฉื่อยชาของยู ไม่รู้ว่ากี่วันแล้วที่เขาถูกจับขังไว้ที่นี่คุกแห่งนี้ผ้ายันต์สีเหลืองที่ถูก
เขียนด้วยเลือดพันมือพันเท้าของเขาไว้แน่นตรึงแขนขาของเขาเอาไว้ทั้งสี่ทิศแม้แต่ดวงตาก็ถูกปิดผนึกเอาไว้ด้วยผ้ายันต์ชุ
เดียวกัน สิ่งที่เขาสัมผัสได้มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของตัวเองกับความเย็นยะเยือกของสภาพอากาศอันเลวร้ายนี่เท่านั้น


ริว... ยูกิ

“ฮะ..ฮะๆ ๆ”

เสียงหัวเราะอย่างอดสู่ของยูฟังแล้วชวนปวดใจอย่างยิ่ง ไม่มีใครที่จะช่วยเขาได้อีกแล้วสิ่งที่เขาเพียรพยายามมาตลอดแปดปีมีน
สูญเปล่าตอนนี้ไม่ว่าจะริวหรือยูกิก็ไม่มีใครสามรถช่วยเขาได้อีกแล้ว เสียงหัวเราะพลันเปลี่ยนเป็นเสียงสะอึกสะอื้นน้ำตาหยดแล้ว
หยดเล่าไหลซึมผ่านแผ่นยันต์นั้น



ยูกิบอกว่าที่อาคมเสื่อมลงก็เพราะเขาหรือริวจะบาดเจ็บ... ถ้าอีกฝ่ายต้องการให้ผมไปหาเพื่อช่วยรักษาแผลของเขาละ ผมอยู่ที่นี่ไม่สามารถขยับได้แม้กระทั้งปลายนิ้ว


เป็นห่วงเหลือเกิน...


...ริว นายอยู่ไหน



ริว...ฉันต้องการนาย



@@@@@@@@
อยากจับริวมาตีก้นจริง ยูอุตส่าห์เป็นห่วงแทบตาย เอ็งดันแอบหนีไปนอนบ้าน


นักเขียนแอบไปเที่ยวทะเลมาครับ

สวัสดีปีใหม่ครับ









หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch11 100% page 3][8/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 08-01-2015 21:35:47
น้องยูของเจ๊!!!!!!!!! :sad4:
ริวววววว เอ็งอยู่ไหนนนน เมียร้องไห้จนจะม่องแล้วเนี่ยยยยย :m31:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch11 100% page 3][8/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: yogurtjung ที่ 08-01-2015 21:54:36
ริวแก๊ รีบมาเลยนะยะ

อึมๆๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch11 100% page 3][8/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 08-01-2015 22:10:46
ริวนายต้องมาช่วยยูเดี๋ยวนี้!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch11 100% page 3][8/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 08-01-2015 22:15:22
ค้างงง ค้างงงงงง มาต่อเร็วๆนะ  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch11 100% page 3][8/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 08-01-2015 23:34:32
ริวววววววววว
กลับมาสักทีสิ
ง่อววววว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch11 100% page 3][8/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 08-01-2015 23:49:32
สวัสดีปีใหม่ครับ

 :mew1:

รอ  ริว มาช่วย .... คิดถึงริวจัง


 :ling3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch11 100% page 3][8/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: amisezmin ที่ 09-01-2015 00:37:34
รอตอนต่อไป ริวอยู่ไหนเนี้ยมาช่วยยูเร็วๆซิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch11 100% page 3][8/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 09-01-2015 04:22:06
ไหงตอนนี้สั้นงี้อ่า
เลิกนอนแล้วมาช่วยเมียได้แล้วเจ้ามังกรโง่ :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch11 100% page 3][8/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 09-01-2015 11:38:43
อิตามังกรง่าว
มาช่วยยูได้แล้ว
กำจัดตาเฒ่าเมียวกะไปด้วยเลย ไดอิจิก็ด้วย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch11 100% page 3][8/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 09-01-2015 12:35:17
เอ้ยยยย

ริวจิ  เมียโดนจับแล้ว

มาช่วยเร็วๆๆหน่อย

ร้องไห้น้ำตาท่วมห้องแล้ววววววววว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch11 100% page 3][8/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 11-01-2015 20:04:38
เข้ามาเป็นแม่ยกริว
ชั้นเข้าใจแกนะ 555
แต่ตอนนี้กลับมาได้แล้ววว :ling1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch11 100% page 3][8/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 16-01-2015 01:07:29
ถึงจะเป็นแม่ยกริว แต่ถ้านางไม่ยอมกลับมา เจ้จับมาทำมังกรย่าง !!!  :m31:
หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 16-01-2015 20:15:19

มังกรพิโรธแล้ว พายุจะพัดผ่าน สายฝนจะตกกระหน่ำจนกว่าฟ้าดินจะถล่มทลาย มนุษย์จะต้องเซ่นไหว้เทพเจ้าแห่งสายฝนนั้นด้วยการบูชามนุษย์และของมีค่าลงสู่แม่น้ำดั่งที่ในคัมภีร์โบราณกล่าวไว้

“เจ้าคงไม่ได้ต้องการของเซ่นไหว้หรอใช่ไหมมังกร”ท่านผู้เฒ่าเมียวกะขยับยิ้มมองขึ้นไปยังฟากฟ้า

มังกรนิลกำลังทอดสายตามองลงมาอย่างโกรธเกรี้ยว

“เจ้าขโมยเจ้าสาวของข้าไป!!”เสียคำรามของมังกรทำเอาพื้นปฐพีสั่นไหว แต่เหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายยังคงเชิดหน้าไว้ด้วย
ความหยิ่งทะนงในสายเลือด ไม่ได้เกรงกลัวเทพเจ้าตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

ริวยังคงกระวนกระวายกวาดตามองหายูแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ไม่ว่าจะเบิกตาทิพย์หรือมองไปรอบด้วยนัยน์ตามังกรแล้วก็ตาม
ไม่มี ไม่มีเลยสักที่เดียว

“คืนตัวยูมา”

“ไปซะ”

เสียงใสกังวานดังกึ่งก้องไปทั่วน่านฟ้า พลังที่น่าหลงใหลและน่าสะพรึงกลัวไปพร้อมๆกันจูๆก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เหล่าผู้เฒ่า
พร้อมใจกันหลีกทางโค้งคำนับคนผู้นั้นกับคำเรียกขาลที่แสดงถึงความเคารพสูงสุด

“เคารพผู้นำตระกูล”

“ฮึ !” ริวขึ้นเสียงอย่างดูถูก มนุษย์หน้าไหนๆก็เหมือนกันทั้งหมด



“อย่าได้คิดว่าจะกำแหงในอณาเขตของผู้อื่นได้เจ้ามังกร”

ริวไม่ได้พูดตอบเพียงแค่สะบัดหางเบาๆเท่านั้น

บึ้มมมม!!

อัสนีฟาดเปรี้ยงลงบนอาคารก่อสร้างหลังหนึ่งจนระเบิดเป็นจุล เหล่าผู้คนมองเปลวไฟด้วยสายตาหวาดผวาจากก้นบึ้งของจิตใจ

“วันนี้เราจะจับมังกร”

ท่านผู้นำตระกูลตวัดมือไปในอากาศตอบโต้กลับบ้าง แส้ที่มองไม่เห็นตวัดฟาดลงบนลำตัวที่เต็มไปด้วยเกล็ดแข็งดังเพี้ยะเปิด
ฉากการต่อสู้แบบเต็มตัว



“ไดจิ”ท่านผู้เฒ่าเมียวกะที่ยืนมองเหตุการณ์ยูกระซิบเรียกผู้เป็นศิษย์เบาๆ

 “ไปเอาตัวมันมา”

“ครับ”



ทางฝั่งของยู

แผนดินไหวงั้นหรือ... ยูคิดในใจ ในห้องขังที่เงียบสงบไม่มีแม้กระทั่งเสียงยุงสักตัวแบบนี้แม้แต่เสียงหยดน้ำก็น่าสนใจ แต่อยากรู้ไปก็เท่านั้นในเมื่อเขากระดิกไปไหนไม่ได้เลยไม่แต่ขนสักเส้น

ราวกับว่าเชือกที่มันเขาเอาไว้นั้นกำลังสูบพลังของเอาออกไปอย่างช้าๆ

ตึก...ตึก

เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังก้าวเข้ามาใกล้

“อึก..”

อ่า... แม้แต่เสียงพูดก็ไม่สามารถเปล่งมันออกมาได้

ปึก !!


ร่างบางของยูถูกไดจิกระชากออกมาจากพันธนาการสี่ทิศ แขนและขาทั้งสองข้างเป็นอิสระแต่มันช่างไร้เรียวแรงทำได้แค่ค่อยๆทรุดลงไปนั่งกับพื้นเย็นเฉียบนั่นช้าๆ



บุคคลปริศนานั้นยังคงไม่เปิดปากพูดใดๆกับผม ผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังจับจ้องอยู่สัมผัสได้ถึงความหวาดระแวงและความ
ลังเลคงจะเป็นไดจิศิษย์รักของผู้เฒ่าเมียวกะ ยูคิดในใจ



ไดจิหรี่ตามมองพลังของอีกฝ่ายที่มากกว่าที่ตนคิดเอาไว้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของโจเนะสึ เขาใช้เวลาสะกดจิตใจไม่ให้
คล้อยตามอีกฝ่ายได้อย่างลำบากเอาการ เมื่อตั้งสติได้แล้วจึงได้หิ้วตัวอีกฝ่ายขึ้นมาบังคับให้เดินไปข้างหน้า



“อือ...”ผมครางในลำคอเมื่อถูกบังคับให้เดินไปไหนก็ไม่รู้ ไม่มีทิศทาง เพียงแค่เดินไปก็เท่านั้นโดยที่ไดจิเว้นระยะห่างกับผมไว้
มากพอสมควรมีหลายครั้งที่ผมสะดุดลงไปคลุกกันพื้นแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงความมีน้ำใจปล่อยให้ผมล้มลุกคลุกคลานไปทาง
ด้านหน้าก็เท่านั้น



เจ็บชะมัด... เมื่อกี้สงสัยเดินชนเสาแน่ๆ



ครืนนน!

“อืออ”ผมร้องอย่างตกใจเมื่อโดนสายลมที่รุนพัดพัดปะทะกับลำตัว ทำเอาแทบกลิ้งลงไปกับพื้นอีกรอบ ท้องฟ้าร้องครืดคราด
เหมือนพายุใหญ่กำลังจะเข้า ทั้งๆที่ในคุกเมื่อกี้ก็ดูสงบเงียบดีราวกับอยู่คนละโลก



“ยู !!!”ริวแทบจะจำได้ทันทีว่าใครทันทีที่ยูปรากฏตัว

“หึหึ เรียกไปเถอะเจ้าเด็กนั่นไม่มีวันได้ยินเจ้าหรอก”

“อืออๆๆ”ยูร้องเสียงหลงเมื่อโดนคนของตระกูลจับกดลงกับพื้นอย่างรุนแรง

“หยุดนะ พวกเจ้าทำอะไรกับเขา!”ริวทำท่าร้อนลนขึ้นมาบ้างแล้ว ผู้นำตระกูลมองไปยังเจ้ามังกรอย่างพึงพอใจ

“ผนึกทวารทั้งหกพร้อม ผนึกพลังแห่งสายเลือดยังไงละ เอาละข้าจะใจกว้างมากพอปลดผนึกทวารทั้งหกออกซะ”

“ครับ”พวกเขารับคำสั่งจากผู้นำตระกูลเหมือนเป็นแค่หุ่นกระบอกตนหนึ่งไร้ซึ่งชีวิตตนหนึ่ง

ยูถูกดึงทึ้งเจ็บปวดราวกับถูกฉีกเนื้อทั้งเป็น ผนึกแต่ละแห่งสร้างความเจ็บปวดแก่ร่างกายไม่น้อย แต่เมื่อลืมตาขึ้นสิ่งแรกที่เขาให้
คือมังกรตัวโตสีดำสนิดบนฟากฟ้าแล้วก็รู้สึกอุ่นใจวาบขึ้นมากลางอก



“ริว...”ไม่ได้พูดหลายวันทำเอาเสียงแหบแห้งไปไม่ใช่น้อย

ท่านหัวหน้าตระกูลที่ถูกยูมองข้างไปออกอาการหงุดหงิดใจฉายแววออกมาทางสายตา ก่อนจะแสยะยิ้มร้ายเรียกร้องความสนใจ

“หึหึ เอาละยูมองดีๆสิว่าฉันเป็นใคร”

ผมหันไปมองตามเสียง... ทุกคนล้วนแต่คุกเข่าโค้งคำนับแสดงความเคารพเขาอย่างนอบน้อม แต่สาบานได้เลยว่าผมไม่เคยรู้จัก
เขามาก่อนเหมือนว่าจะเคยเห็นในรูปคือท่านผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน

“คุณเป็น...ท่านผู้นำตระกูล ฮารุกะ ไคโต”

“ถูกต้อง...แต่นั้นไม่ใช่คำตอบที่ฉันอยากได้ลองมองฉันดีๆสิยู”น้ำเสียงหยอกเย้าของผู้นำตระกูลทำให้ยูต้องมองอีกฝ่ายดีๆอีกครั้ง เมื่อลองมองผู้คนที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดแล้วยูไม่อยากจะให้มันเป็นอย่างที่เขาคิดเลย กลิ่นหอมที่แตะจมูกจนฉุนพลังที่รับรู้ได้แม้
จะอยู่ห่างกันราววาเศษก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน

“คุณ...เป็นโจเนะสึ”ยูพูดออกมาอย่างยากลำบาก

เสียงหัวเราะกรีดผ่านสายลมของไคโตทำให้ยูสะดุ้งเฮือก ริวที่มองจากฟากฟ้าเริ่มระสำระส่ายอย่างที่ไม่เคยเป็น

“มุนษย์พวกนี้คงถูกเจ้าควบคุมไว้นานแล้วินะ”ริวถามขึ้น

“ถูกต้อง ฉลาดจริงๆ”

!!!

“ละ ...แล้วคุณต้องการอะไรจากผม โอ๊ย !!”

ไคโตเข้าประชิดยูที่ตัวสั่นเทิ้มก่อนจะกระชากผมของยูจนหน้าแหงน ยูร้องอออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่ไคโตยังไม่หยุดแค่นี้
ความเจ็บปวดที่แท้จริงกำลังเริ่มขึ้นเมื่อไคโตเงื้อมมือสูง ยูหลับตาเพื่อรอรับความเจ็บปวดจากการโดนมือนั้นเสียบทะลุแต่จนแล้ว
จนเล่าก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้นจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมา


“ยูกิ!!”

จิ้งจอกเก้าหางยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของเขา มือเรียวที่เต็มไปด้วยกรงเล็บแหลมเกาะกุมข้อมือของไคโตแน่นไม่ยอมปล่อย
จนเส้นเลือดปูดโปน

“ไปซะ !!”หนึ่งในหางสีขาวปัดผมออกไปให้พ้นจากวงต่อสู้

ตัวของผมลอยระลิ่วออกไปเป็นเส้นโค้งอย่างสวยงาม คาดว่าตอนตกลงถึงพื้นคงไม่สวยแน่ๆจึงได้แต่หลับตาปี๋เก็บคองอเข่า
เตรียมรับการกระแทก

ฟุบ!

ร่างกายเหมือนกับหยุดค้างในอากาศเมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นดวงตาสีทองที่กำลังจับจ้องมาอย่างเป็นห่วง “ริว..”

“อืม”

อีกฝ่ายดึงผมเข้าไปกอดแน่จนกระดูกแทบจะร้างไปทั้งตัว หัวทุยคลอเคล้าซุกกับอกของผมอย่างคิดถึงปานจะขาดใจเหมือนลูก
หมาตัวน้อย ผมยกมือลูบผ่านเส้นผมนุ่มลื่นนั้นก่อนจะดันริวออกเพ่อบอกกล่าว “พอแล้ว ๆ ไปช่วยยูกิก่อน”

“ไม่เอา”ริวทำท่าดื้อดึงอยากจะอยู่กับยูมากว่าอย่างเอาแต่ใจ

เพี๊ยะ !!!

ใบหน้าคมสะบัดไปตามแรงตบอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งยังค่อยๆหันกลับมามองผู้ที่เป็นเจ้านายอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ยู
ที่โกรธจัดมากถึงมาที่สุดไม่ต้องการการออดอ้อนหรือคลอเคลียจากใครหน้าไหนทั้งนั้น

“นายไม่สิทธิ์ พูดว่าไม่กันฉันด้วยรึไง”น้ำเสียงเย็นชาจนริวถอยผงะออกไป แขนขาพลันอ่อนแรงอย่างที่เคยเป็นมาก่อน

“ฉันของสั่งให้นายไปช่วยยูกิเดี๋ยวนี้”

ในหัวใจยังบอกไม่ แต่ร่างกายกลับทรยศหันกลับไปพุ่งกระโจนเข้าร่วมวงต่อสู้ทันทีโดยไม่อาจขัดขืนได้เลยแม่แต่น้อย

ยูหันกลับไปมองเหล่าสมาชิกตระกูลฮารุกะที่ตรียมพร้อมมกระโจนเข้าใส่เขาเต็มที่ เขาเชื่อในพลังของสายเลือดตัวเองแบบที่ไม่
เคยเชื่อมาก่อนในชีวิต ก่อนจะลงมือหยิบมีดปอกผลไม้ที่พกติดตัวมาตลอดกรีดลงบนข้อมือตัวเอง ทั้งทีที่หยดเลือดหยดลงสู้พื้น
ดินอำนาจของไคโตก็เข้าปะทะกับอำนาจของเขาทันที

“หึหึ เด็กน้อย พลังของเธอไม่มีทางชนะพลังของฉันได้หรอก”ดูเหมือนว่าไคโตจะรับมือหนึ่งจิ้งจอกและหนึ่งมังกรได้สบายๆจนมี
เวลาสำรวจย่างอื่นไปด้วย

“แกมันบ้าไปแล้ว !”

เหล่าคนในตระกูลเริ่มสับสนขึ้นมาแล้วพวกเขาไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ควรจะเป็นเจ้านายของเขา ท้องฟ้าที่มืดครึ้มตอนนี้กลายเป็นสี
แดงฉานราวกับหยดเลือดบนข้อมือของยู ยิ่งมีเลือดมากเท่าไหร่ท้องฟ้า สภาพอากาศก็ดูเหมือนจะเกิดความวิปริตปั่นป่วน เวที
ประลองนี้กลายเป็นของผมและไคโตไปโดยปริยายเมื่อพลังในสายเลือดพุ่งพล่านจนอะไรก็หยุดไม่อยู่

เรี่ยวแรงของยูกิกับริวเริ่มหมดลงไปทุกทีจนยูเริ่มกระสับกรส่ายอย่างเป็นกังวง สองมือกำแน่นจนเล็บแทบจะจิกลงไปในฝ่ามือ อีก
วิธ๊ที่จะทำให้ริวกับยูกิแข็งแกร่งขึ้นได้มากพอที่จะสู้กับไคโตแน่นอนแต่มันจะเป็นการประการให้สามโลกได้รู้ว่าโจเนะสึปรากฎกาย
ขึ้นบนโลกมนุษย์แล้ว

โครมม !!

ในขณะที่ยูกำลังต่อสู่กับตัวเองในความคิดริวก็พลาดท่าให้กับพวกปรมาจารย์ที่แอบสร้างค่ายกลเพื่อจับริวไว้อย่างแนบเนียน ริว
โกรธจัดสะบัดหัวสะบัดหางไปทั่วแต่ค่ายกลนั้นก็แข็งแกร่งเกินไปจนไม่สามรถดิ้นออกไปจนหลุดได้ยูกิก็เช่นกันโกรธจนห่างทั้ง
เก้าสะบัดโบกไปมา

“วันนี้ช่างโชคดี นอกจากจะจับจิ้งจอกเก้าหางได้แล้ว ยังจับมังกรได้อีก”ไคโตพูดยิ้ม

“ขี้โกง !”ยูยืนชี้หน้าด่าไคโตที่แอบล่นหมาหมู่อย่างโกรธจัด

“เจ้าโง่เองต่างหาก”

สิ้นคำร่างของไคโตก็หายวับไป รู้ตัวอีกทีก็ปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าของยูแล้ว ยูก้าวถอยหลังผงะยังไม่ถึงก้าวก็โดนคว้าเอวเอา
ไว้ ใบหน้างดงามแต่สวยแตเปลือกของไคโตก้มลงมาประชิดซะจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันน่ารังเกียจ

“จะทำอะไรน่ะ”ยูปัดมือที่โอบเอวนั้นทิ้งแทบจะในทันที

“เจ้ารู้ไหมว่าความลับอีกข้อของโจเนะสึเช่นเรายังมีอีกข้อ”

“อะ...อะไร”

“เราสามารถตั้งท้องได้ไม่ว่าจะเป็นหญิง ....หรือชายก็ตาม”

ยูสะอึกถอยก้าวไปข้างหลังหลายๆก้าวทันทีที่ได้ยินแบบนั้นแต่ไคโตกลับยิ้มบางเดินตามมาติดๆ ไม่ดีแล้วแบบนี้สถานการณ์แย่
จนไม่รู้จะแย่ยังไง

“ไม่ต้องกลัวเมื่อกี้ฉันแค่จะถอดเสื้อเธอเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอเลย”

ยูพลันขนลุกเกรียวกับเรื่องที่ได้ยินสายตาพลันเหลือบไปมองมือข้างนั้นที่ตนคิดว่าหากไม่ได้อยู่กิช่วยไว้คงเสียบทะลุร่างของตน
เป็นแน่ แต่ตอนนี้เจ้าคนบ้าตรงหน้ากลับมาบอกเขาหน้าตาเฉยว่าจะเปลื้องผ้าเขา ! นี่มันน่ากลัวกว่าโดนทำร้ายร่างกายอีก ไคโต
มันวิปริตไปแล้ว

“ริว.... ริว” ยูถอยไปเรียกริวไป เมื่อไคโตสาวเท้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆแล้ว และเขาเองก็ถอยจนไม่มีที่จะให้ถอยได้อีกต่อไป

ริวมองยูที่ถูกไล่ต้อนด้วยความร้อนใจ ไม่ว่าเขาจะลองทำลายค่ายกลนี้ด้วยวิธีไหนมันก็ไม่สะเทือนเลยสักนิดแต่ยูกลับเรียกหาเขา
ไม่หยุดหย่อน เขาร้อนใจ ร้อนใจนจะบ้าอยู่แล้ว !

“เจ้าแก้อาคมนี่ได้ไหม”ริวหันไปถามจิ้งจอกเก้าหางที่เหมือนกำลังพยายามทำอะไรบางอย่าง

“ข้ากำลังพยายามอยู่ เจ้าก็อยู่นิ่งไปก่อนเถอะ อย่ารบกวนข้า”

ถึงจะพูดแบบนนั้นแต่ยูกำลังแย่จริงๆแล้ว...



“เรามาตกลงกันดีๆดีกว่า”ไคโตยิ้ม ยูมองเขาอย่างหวาดระแวงพลางคิดว่าเรื่องดีๆที่ว่าคงจะไม่ดีสำหรับตัวเขาเองเป็นแน่

“ว่ามา”

“ถ้าเธอยอมฉันซะดีๆ เจ้ามังกรกับเจ้าจิ้งจอกนั่นฉันจะปล่อยมันไป”

“ฉันไม่เชื่อแกหรอ แกมันโรคจิตไปแล้ว”

ไคโตจับยูที่หมดทางถอยเอาไว้ได้อย่างง่ายดายแม้ว่ายูพยายามต้องสู้ขัดขืนเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล สองมือของร่างบางถูกจับมัน
ไพร่หลังก่อนจะถูกลากมายังหน้าค่ายกลที่พวกเข้าถูกจับขังเอาไว้

“ฆ่านังจิ้งจอกนั่นซะ”

ไคโตออกคำสั่งอย่างเลือดเย็นยูทำได้เพียงแค่ยืนตกตะลึงอยู่กับที่ ทันใดนั้นร่างของยูกิก็เริ่มมีเปลวไฟลุกท่วมเปลวไฟแห่งการ
ชำระล้าง ยูกิกรีดร้องเสียงหลงทรุดลงไปกับพื้นโดยที่ใครก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แม้แต่กระทั่งริวเขาถูกสะกดให้ไม่สามารถขยับ
ได้ได้แต่มองยูกิดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวด

ยูไม่สามารถยืนได้มั่นอีกต่อไปร่างทั้งร่างทรุดลงกับพื้นอย่างเจ็บปวดที่หัวใจ เขามันช่างไร้ประโยชน์จริงๆ ปีศาจในพันธสัญญาได้
รับความเจ็บปวดขนาดนั้นตัวเขาเองกลับทำอะไรไม่ได้เลยไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย เขาทนมองต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ

“ฉัน....ยอมแล้ว”ยูก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าสู้หน้ายูกิและริวอีกต่อไป

“ฉันยอมแล้วได้โปรดหยุดเถอะ”เสียงพูดอันสั่นเครือที่แทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ แต่ไคโตก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน

“เป็นการเลือกที่ฉลาดมากเด็กน้อย จงเบิกตาดูให้ดี”ไคโตแสยะยิ้มร้ายกาจ

เขาลงมือถอดเสื้อผ้าของยูออกทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า ทีละชิ้น ทีละชิ้น จนไม่เหลืออะไรปกปิดร่างกายอีกต่อไปต่อหน้ายูกิและริว
ร่างกายสีขาวโพลนประจักรแก่ทุกสายตาที่จ้องมองมาความบริสุทธิ์อ่อนเยาว์อยู่ตรงหน้านี้แล้ว ไคโตลูบไล้แผ่นหลังเนียนอย่าง
หลงใหล ยูหลับตาเบือนหน้าหนีริวและยูกิที่มองมาทางตนด้วยใบหน้าซีดเผือด

“อย่ามอง ริว...อย่างมอง ยูกิ”ยูพูดเสียงเครือ

“จงมอง จงรับรู้ จงเจ็บปวดกับสิ่งที่ฉันทำซะเถอะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

ไคโตดันร่างของยูติดกับค่ายกลที่เป็นดั่งกระจกบางๆกั้นดัง ‘ตึง !’ ก่อนจะจับต้นขาขาวโพลนนั้นให้แยกออกกว้าง ยูหลับตากลั้น
ใจรอรับชะตากรรมด้วยหยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่า บางสิ่งแปลกปลอมกำลังรุกรานร่างกายของเขาอย่างช้าๆ

“ขอให้คุณรักษาสัญญาด้วย...”

“แน่นอน ฉันพูดคำไหนคำนั้น”

“ไม่ !!!!”ริวร้องคำรามอย่างเจ็บปวด




@@@@@
เป็นตอนที่แต่งยากจริงๆ จริงๆแล้วนักเขียนเป็นสาย S //ผิด
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 16-01-2015 20:38:24
เกิดอะไรขึ้น!!!!!!!
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 16-01-2015 20:47:07
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
ถ้าไม่มาต่อเร็วๆเราจะไปบึ้มบ้านนนนนน :katai1:
ม่ายน้าาาาา น้องยู!!!!!!!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 16-01-2015 21:03:29
อ้าวววววววว ริววววววววววววววว พังค่ายออกม๊าาาาาาาาาาาา  :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: yogurtjung ที่ 16-01-2015 21:10:15
กริ๊ดดดดดด ฉันจะฆ่าแก๊ๆๆๆๆๆๆๆ

ปล่อยยู นะยะ

รอตอนตอ่ไปมาเร็วๆนะคะ

 :mew2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 16-01-2015 21:29:24
กรี๊ดดด อะไรต่อๆๆๆ มันค้างน้าา :katai1: :z3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 16-01-2015 22:13:38
 :a5: :a5:

กรี๊ตตต  ติดพันเลย   


มาเร็วๆน่ะผู้แต่ง 


ร้อนใจจะแย่

 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Darkwoof ที่ 16-01-2015 22:19:30
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อย่าทำน้องยูที่น่ารักน้าาาาาาาาาาาาา  :sad4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 16-01-2015 23:51:23
ขอบคุณค่ะ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 17-01-2015 00:19:31
ไม่นะ!!!!!

ไม่อ่านแล้ว! <---- เพราะยังไม่มี (ฮา)
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Cockroach ที่ 17-01-2015 00:21:09
ท่านทำร้ายจิตใจข้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ตอนใหม่! ตอนใหม่ละ! อ้ากๆๆๆๆ :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 17-01-2015 00:49:12
ม่ายยยยยย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-01-2015 02:02:47
งะไหงเปงงั้น เจ้บปวด
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 17-01-2015 02:06:53
อ่านจนจบตอนและสิ่งที่อยากทำมากที่สุดตอนนี้เลยคือ....ปาดคอคนเขียน ฮึ่มๆๆๆๆ

+1 +เป็ดรอครับ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-01-2015 07:33:29
หนูยู !!!!!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 17-01-2015 10:11:05
แล้วไงอ่ะ

ง่ายๆๆ อย่างนี้รึงายยย


ต้องเก่งกว่านี้สิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 17-01-2015 21:44:59
ตามอ่านจนทันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน


ไม่น้าาาาาาาาาาาาาา   หนูยู   


ใครจะมาช่วยล่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยย


 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 19-01-2015 01:40:50
ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ขุ่นพระะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
ช่วยน้องยูด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :ling3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 19-01-2015 06:45:14
 :a5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 19-01-2015 10:23:52
มาต่อเร็วๆเลยนะ  :call:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch12 100% page 4][16/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 19-01-2015 21:01:16
 :a5:

มาต่อไวๆๆน่า :call:
หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 19-01-2015 23:13:58

เสียของเนื้อที่กระแทกกระทั้นเปรียบเสมือนหมุดที่ตอกลงกลางหัวใจของริว มือสกปรกที่สัมผัสของล้ำค่าที่สุดในชีวิตเขากำลังลูบไล้อย่างโอ้อวดต่อหน้าต่อตาผู้เป็นเจ้าของ เสียงหายใจแผ่วๆของยูที่เจ็บปวดราวกับจะสิ้นใจเสียให้ได้กัดฟันแน่นไม่ยอมร้องครวญครางออกมาแม้แต่แอะเดียว

พลังเหมือนถูกสูบหายไป...

ไคโตเหมือนจะไม่พอใจที่ทำให้อีกฝ่ายร้องออกมาไม่ได้จึงถอนกายออกมาผลักยูทีไร้เรี่ยวแรงลงกับพื้น ด้วยความความหยิ่ง
ผยองที่คิดว่าตนในตอนนี้มีพลังมากกว่าอีกฝ่ายนักจึงได้ปลดเชือกที่พันธนาการข้อมือของยูออกก่อนจะเข้าประกบอย่างไม่ให้เสีย
เวลา

ยูล้มลงบนกองผ้าที่ถูกถอดออก ไม่มีเวลาให้คิดมากนักร่างอันน่ารังเกียจของไคโตก็ตามเข้ามาประกบ

“อึก...” ยูสะท้านไปทั้งตัวเมื่อร่างกายถูกรุกล้ำเข้าอีกครั้ง

ไคโตสอดใส่เข้าไปภายในร่างกายของยูจนสุดอย่าพอใจ พลังมากมายของยูกำลังหลั่งไหลเข้ามาภายในตัวของเขาจนแทบจะ
สำลักโดยที่ไม่ทันสังเกต ไม่มีใครสังเกตเห็น...

ยูพกมีดปอกผลไม้ไว้ในกระเป๋ากางเกงตลอดเวลาตั้งแต่เข้ามาที่นี่ แถมไม่ได้พกมาแค่เล่มเดียวเขามีดปอกผลไม้นับสิบๆเล่ม
ซ่อนไว้ในกางเก่งขนาดที่ริวก็ยังไม่รู้ ในขณะที่ไคโตกำลังสุขสำราญบนเรือนร่างของยู ร่างที่สั่นไหวนั้นก็ได้สอดมือเข้าไปในกอง
ผ้ากำด้ามมีดคนกริบนั่นไว้แน่นรอคอยจังหวะเหมาะในการจัดการอย่างใจเย็น

“ร้องออกมาสิ ทำให้เราพอใจ อ่า..”

“หะ...หึ ร้องให้คนอย่าแกน่ะหรอ ชาติหน้าเถอะ !”

ริวที่คลั่งไปแล้วอาละวาดอยู่ภาในค่ายกลที่เริ่มปริแตก มนุษย์หรือจะสู้เทพมังกรอย่างเขาได้โดยที่มียูกิช่วยเหลืออยู่ลับๆ เธอ
แกล้งทำเป็นสลบนอนนิ่งๆเพื่อตั้งสมาธิแก้อาคมที่กักขังตนไว้ อีกนิดเดียวเท่านั้นค่ายกลนั้นก็จะถูกทำลายลง

เหงื่อเย็นเฉียบไหล่ลงมาตามขมับของเมียวกะที่เป็นเสาหลักของค่ายกล

“ท่านไคโตค่ายกลของเรา ดูท่าจะเอาไม่อยู่ขอรับ”

“ยื้อเวลาให้ได้อีกนิดเถอะท่านผู้เฒ่า....อ่า ....ซี๊ด ข้ากำลังจะได้พลังทั้งหมดของมันแล้ว”

ร่างของยูถูกสั่นคลอนโยกเป็นจังหวะตามแรงกระแทกทันทีที่ไคโตหลับตาเพื่อดื่มด่ำกับพลังอันหอมหวาน ยูพลิกกายเข้าประชิด
ไคโตก่อนนะตวัดมีดปาดลงไปบนลำคอของอีกฝ่ายอย่างเลือดเย็น



ฉั๊วะ !!



เลือดสีแดงกระเซ็นซ่านอาบร่างของยูที่มองไคโตด้วยความเกลียดชัง ไคโตเบิกตามองกว้างอย่างตื่นตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขา
ค่อยๆยกมือแตะที่ลำคอที่ถูกกรีดยาวลึกตัดผ่านหลอดลมและเส้นเลือดใหญ่ก่อนจะล้มตัวทับยูที่อยู่ใต้ร่างสิ้นลมหายใจ

เลือดที่เปรอะเปื้อนสองมือชวนให้รู้สึกอยากอาเจียนออกมา แต่ด้วยความที่ไม่มีอไรตกถึงท้องตั้งแต่ครั้งที่ถูกจับถึงอยากจอา
เจียนก็คงไม่มีอะไรออกมา

“ท่านไคโต !!”

เพล้งงง !!

ในเวลาเดียวกันนั้นยูกิและริวก็ทำลายค่ายกลลงได้สำเร็จ เหล่าผู้ได้รับผลกระทบบางคนถึงกับกระอักเลือดตายลงตรงนั้น ยกเว้น
ผู้เฒ่าเมียวกะที่ยังเหลือเรี่ยวแรงวิ่งไปประคองไคโตที่ชักกระตุกอยู่บนพื้นพลันสายตาพิฆาตก็ตวัดหันมามองยูที่พยายามลุกหนี
ไปอีกฝั่ง

ยูผงะตัวสั่นแม้แต่มือที่ถือมีดไว้ก็พลอยหลุดร่วงไป

 “ยู !!!”ริวที่กลายร่างเป็นมังกรตวัดเข้ามาโอบอุ้มยูพุ่งทะยานหนีขึ้นท้องฟ้าไปโดยที่มีจิ้งจอกเก้าหางพ่วงท้าย รอดกจากเงื้อมมือ
ของผู้เฒ่าเมียวกะได้สำเร็จอย่างเฉียดฉิว พื้นดิน ณ จุดที่ยูเคยอยู่กลายเป็นหลุมลึกเหมือนโดนเสายักษ์ที่มองไม่เห็นตอกลงไป
อย่างแรง ถ้าริวช้ากว่านี้อีกนิดร่างทั้งร่างคงได้กลายเป็นเศษเนื้อเป็นแน่





ริวพายูลงพักที่ทะเลสาบแห่งหนึ่งเมื่อรู้สึกว่าไม่มีใครตามมา ยูกิวิ่งเข้าป่าไปสำรวจความปลอดภัยเหลือเพียงยูและริวเท่านั้นใน
ความเงียบสงัดนี้

“ฉัน....ฉันฆ่าคน”ยูสั่นสะท้านเมื่อนึกย้อนไปยังเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นกับตัวเอง สองมือที่เปื้อนเลือดนี้ฆ่าคนไปแล้ว

“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร”ริวดึงยูที่ตัวสั่นเทาราวกับลูกนกไว้ในอ้อมกอด

“ฉันฆ่าไคโตไปแล้วริว”

“ถึงนายไม่ฆ่าฉันก็จะฆ่ามันเอง”

“ฮึก.. นาย นายหายไปไหนมา”ยูไม่อาจกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจและเสียใจไว้ได้ ได้แต่กล่าวตัดเพ้อทั้งที่น้ำตาไหลไม่หยุด

“นายมาช้า...ฮึก”

“ขอโทษ ฉันขอโทษ”ริวโอบกอดยูไว้แน่น เขาไม่ต้องการแยกห่างจากคนข้างกายนี้ไปอีกไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

“ฉันผิดเองที่ทิ้งนายไป ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”

“ฮึก...ฮืออ”ยูกอดริวแน่นร้องไห้โฮอย่างไม่อายใครจนเสื้อของริวนั้นเปียกปอนไปด้วยน้ำตา

นานนับชั่วโมงกว่าที่ยูจะหยุดร้อง ดวงตาที่เหม่อลอยของยูมองไปยังสถานที่อันแสนไกลบางครั้งเขาก็แอบอดคิดไม่ได้ว่าถ้าตาย
ไปซะได้ก็คงจะดี

“ฉันไม่บริสุทธิ์แล้ว... ฉัน มีอะไรกับไคโตแล้ว”ยูพูดขึ้นทำลายความเงียบขณะที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของริว

ริวตัวแข็งค้างก่อนจะลูบไปที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของยูเบาๆ “ไม่ว่าจะเกิดอะไร ฉันจะอยู่ข้างนายเสมอ”

ยูหลับตาปล่อยให้หยาดน้ำตาที่คิดว่าไม่มีเหลือแล้วไหลลงมาอีกครั้งทำให้เขาไม่ทันได้เห็นสายตาอันแค้นเคืองของมังกรหนุ่มที่
เย็นยะเยียบ “ถ้านายเจ็บปวดฉันจะกลับไปฆ่าพวกมันให้หมด”

“ริว ...การฆ่าคนเป็นบาปมหันต์ ต้องตกนรก”ยูยิ้มบางยกมือแตะเบาๆที่แก้มและริมฝีปากของริว

“ฉันยอมตกนรกเพื่อนาย ขอแค่มีนายเท่านั้น”ริวหลับตาก้มหน้าลงไปซุกฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเลือดแห้งเกรอะกรังของยู เสียง
กระซิบถ้อยคำอ่อนหวานตราตรึงอยู่ในหัวใจ

 “ดูนายสิ...เลอะหมดแล้ว”ยูพยายามเช็ดใบหน้าของริวที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและรอยเลือด แต่ยิ่งเช็ดเท่าไหร่กลับยิ่งเลอะ
มากขึ้นเท่านั้น ริวยิ้มบางอย่างไม่ถือสากลับกันเขากับมีความสุขมากเสียอีก

“งั้นเราไปอาบน้ำกันเถอะ”

ยูถูกอุ้มไปที่ทะเลสาบเพราะขาทั้งสองไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกเดิน ถึงแม้จะเดินไหวริวก็ยืนยันจะอุ้มไปอยู่ดีไปประคองถนอมกอดอย่าง
ทะนุถนอมราวกับกำลังอุ้มทารกน้อยลงน้ำไปด้วยกัน

“อ๊ะ ริว..”ยูผวากอดคอริวแน่นเมื่อมือเรียวยาวไล่ไปตามสันหลังแทรกลงไประหว่างรอยแยกที่บั้นท้ายก่อนจะแตะเบาๆที่รอยจีบ
ทางด้านหลัง

“ผ่อนคลายหน่อย”ริวกระซิบเสียงหวาน ขบเม้มที่ใบหูแดงก่ำนั่นเบาๆ

“ริวปล่อย !ฉันพึ่ง...ฉันพึ่งจะ...กับ ..อื้ออ”

ริวปิดปากของยูด้วยการประกบจูบอย่างดูดดื่มเป็นการปิดปาก

“ชูว์...ไม่ต้องพูดแล้ว”

ริวก้มแทะเล็มใบหูเกลี้ยงกลมของยูก่อนจะงับไล่ลงมาที่ซอกคอขาวหัวไหล่มน ยูเงยหน้ามองฟ้าด้วยแก้มแดงระเรืองพลาง
ขอโทษเทวดาฟ้าดินที่มองอยู่ด้วยความอาย ทุกสัมผัสที่ริวลูบไล้ผ่านร้อนผ่าวขึ้นมาถึงแม้ว่าน้ำในทะเลสาบในช่วงนี้จะเย็นเชียบ
แต่ริวก็ทำให้มันร้อนจนแทบจะเดือดไปทั้งทะเลสาบ

“อืออ...เดี๋ยวน้ำเข้า”ยูร้องครางเมื่อนิ้วเรียวสองใส่เข้ามาทางช่องทางด้านหลัง

ริวจัดท่าให้ยูนั่งคร่อมตักหันหน้าเข้าหากันและกัน มือทั้งสองโอบยูไว้โดยที่ใบหน้าแดงระเรืองของยูซุกอยู่ที่แผงอกแกร่ง

“เคยได้ยินข่าวไหมยู”ริวกระซิบมือก็ขยับเข้าออกตรงปากทางเข้าที่อ่อนนุ่มนั้น

“อะ...อะไร”ยูเริ่มจะสติเลอะเลือนเข้าไปทุกทีแล้ว เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าริวพูดอะไรกับตนเอง

“ชาวต่างชาติคู่หนึ่งเขาทำกันในน้ำแล้วเกิดตัวติดกันเอาไม่ออก... แล้วถ้าเราตัวติดกันเอาไม่ออกขึ้นมาก็ดีสินะ”

ยูฟังแล้วแทบจะเป็นลมยมมือทุบริวเป็นพัวพันแต่กลับเจ็บตัวเสียเอง “นายจะบ้ารึไง.... โอ๊ย !”

ริวสวนกายแกร่งแทรกเข้าไปหล่อรวมเป็นหนึ่งกับยูทันทีที่อีกฝ่ายเผลอ ผลก็คือเข้าไปจนสุดทั้งลึกทั้งกระสันจนยูได้แต่สั่นกระริก
ด้วยความต้องการที่ห้ามไม่อยู่ ถึงแม้จะเจ็บจนรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกฉีกเป็นชิ้นแต่ความรู้สึกวาบหวามในใจก็ไม่อาจปฏิเสธ
ได้ว่าต้องการมังกรตนนี้มากเพียงไร

ริวนิ่งเพื่อให้ยูได้ปรับสภาพตามขนาดของที่ถูกสอดใส่ จนกระทั่งยูเริ่มผ่อนคลายบ้างแล้วจึงเริ่มขยับเข้าออกอย่างช้าๆ

“อะ...อะ อื้ออ” เสียงงร้องครางของจุจุดกระพือไฟราคะในตัวมังกรหนุ่มให้โหมกระพือ

“อืม...ยูร้องแบบนี้เดี๋ยวก็โดนดีหรอก”ริวกระซิบข้างหูของยู

“มะ...ไม่นะตรงนั้น อื้ออ”


ยูโยกตัวตามจังหวะการกระแทกย่างลืมอาย ปากบอกไม่แต่ร่างกายกลับซื่อตรงได้อย่างไม่นาเชื่อ สะโพกขาวเนียนแอ่นรับแกนกายนั้นเข้ามายังจุดที่ลึกที่สุดเสี่ยวที่สุดจนแทบจะทนไม่ไหว สองมือจิกที่บ่าของริไว้เป็นที่ยึดการทรงตัวและระบายความเสียว
ซ่าน ริวประคองยูไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งเกาะกุมจุดอ่อนไหวของยูไว้แล้วขยับขึ้นลงตามจังหวะการกระแทกเข้าออก

“มะ...ไม่..ไม่ไหวแล้ว”

ยูอ้าปากกว้างกระตุกสุดตัวพาลทำให้ช่องทางคับแคบทางด้านหลังหดเกร็งบีบรัดแท่งร้อนของริว น้ำสีขุ่นถูกพ่นออกมาแต่ก็
สลายหายไปกับสายน้ำจนหมด ริวไม่ปล่อยให้คนรักรอนานเกินไปกระแทกเข้าออกแรงๆอีกสองสามทียูก็รู้สึกอุ่นวาบตรงช่องทาง
ด้านหลัง  ริมฝีปากของริวเข้ามาคลอเคลียอีกครั้งกระทั้งกลายเป็นจูบที่ดูดดื่มอ่อนหวานคลอเคลียหยอกเล่นกันอยู่นานจึงจะผละ
ออกให้เวลาหายใจหายคอบ้าง

ยูนอนหอบบนออกแกร่งนั้นอย่างหมดแรงกระดิกตัว ริวจึงเป็นฝ่ายจัดการทำความสะอาดให้ทั้งหมดแต่กลับไม่ยอมถอนตัวออกไป
จากร่างของยูเสียที

“อะ...เอาของนายออกไปสักทีสิ”ยูพูดด้วยน้ำเสียงปนหอบ

“หืม...เอาไม่ออกทำไงดี”

“อะไรนะ !! ละ แล้วทำไมมันแข็งขึ้นมาอีกแล้วละ !!”

“ก็พอนายตกใจแล้วมัน....”ริวละคำไว้

“มัน...ทำไม”ยูหายใจสะดุดอีกครั้งเมื่อริวเริ่มขยับอย่างช้าๆ

“มันทั้งดูดทั้งรัด รู้สึกดีสุดๆเลยไงละ”

ริวแทรกนิ้วเข้าไปยังช่องทางอ่อนนุ่มนั้น จากที่คับแน่นอยู่แล้วพอแทรกนิ้วเข้าไปกลับยิ่งคับมากขึ้นไปอีกแถมตรงจุดที่นิ้วเรียวนั้น
แทรกเข้าไปยังไปกดโดนปุ่มกระสันของยูเข้า ทำให้ยูแทบจะปลดปล่อยออกมาในทันที

“หึหึ เร็วจังนะ..”

“...จะ จะทำอะไรก็รีบๆทำ อ๊า!”

ริวทำ ทำจนยูสลบคาอกถึงได้พออุ้มอีกฝ่ายขึ้นจากน้ำแล้วเป่าลมให้ยูตัวแห้งก่อนที่จะเป็นหวัดเสียก่อน ก่อนจะเสกผ้าคลุมทิพย์
คลุมร่างของยูให้กลายเป็นเสื้อผ้า


“อือ หนาว”
ริวขยับยิ้มกอดยูไว้แนบอกโดยที่ระวังไม่ให้ยูตื่น เรื่องที่ว่าติดเอาไม่ออกนั้นจริงๆแล้วเขาโกหกไม่รู้ว่าถ้ายูรู้เรื่องจริงแล้วจะทำหน้า
แบบไหน

“เล่นเอานายท่านไปครองคนเดียวแบบนี้ขี้โกงจริงๆ”ยูกิที่ถูกลืมพูดขึ้น เธอเดินออกมาจากหลังต้นไม้พร้อมผลไม้และสัตว์ที่ล่าได้
กองพะเนินอยู่บนพื้น

“ขอบใจที่ดูแลยู”

“ชิส์ ! ถ้านายทำให้นายท่านเป็นกังวลอีกฉันจะฆ่านาย”

“อืม”

ยูกิสะบัดหน้าหนีกระโดดแผ่วหายไปในความมืดที่เริ่มโรยตัวลงมา ริวจุดกองไฟด้วยเวทย์มนต์ก่อนจะจ้องมองกองไฟนั้นนิ่งๆทั้ง
คืนโดยที่มียูอยู่ในอ้อมกอด






“ท่านไคโต” เมียวกะประคองร่างที่แน่นิ่งนั้นขึ้นมา

ท่านผู้เฒ่านั่งอยู่แบบนั้นข้างๆร่างที่ไร้ลมหายใจ มองใบหน้าที่ไร้การเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นดวงตาสีแดงฉานคู่หนึ่ง
ก็ได้ลืมตาขึ้นมา

“ท่านฟื้นแล้ว”

“หึ เราไม่ตายง่ายๆหรอก ยิ่งได้พลังของยูมาครองแล้ว”ไคโตจับคอตัวเองให้เข้าที่เข้าทางก่อนรอยแผลนั้นจะค่อยๆประสานกัน
จนปิดสนิทไม่เหลือกระทั่งรอยแผลเป็นใดหลงเหลือไว้

“ท่านมีแผนจะทำอย่างไรต่อไปครับ”

“เตรียมตัวทำสงคราม”

“ครับท่านไคโต”
 

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 20-01-2015 06:20:51
สงครามมาแล้วววววววว
ริวกับยูมีอะไรกันแล้วไม่ท้องเหรอ หรือว่ามีลูกกับเทพไม่ได้
รอตอนต่อไปปปปป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 20-01-2015 07:32:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-01-2015 07:33:28
ตายยากตายเย็นจริงๆ

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 20-01-2015 07:54:29
 :z3: :z3:

หว๋ายๆๆๆๆ  อีไคโตบ้าาา  มันไม่ตาย


ทำงัยดี น่ะ ริว


 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 20-01-2015 08:51:26
ว๊ายยยยยยย
ตายยาก ตายเย็นเหลือเกิน

งั้นตายแบบร้อนๆๆล่ะกัน

5555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-01-2015 11:15:09
อิตัวตายยาก
ริว ต้องแก้แค้นให้ยูนะเฟ้ย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 20-01-2015 15:56:10
นังหัวหน้าเผ่าแกเป็นแมลงสาบใช่มั้ยยะ :angry2:
ตายยากตายเย็นเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: amisezmin ที่ 20-01-2015 16:16:22
ขนาดโดนปาดคอยังไม่ตายอีก :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: yogurtjung ที่ 20-01-2015 16:55:01
โอ๊ย อยากฆ่าไคโตะ แกนะแก๊ อร๊ายยย

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 20-01-2015 20:59:26
ตายยากเหลือเกินนะแก!  :z3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 20-01-2015 22:14:48
เอาแล้วไงจะwarกันแล้ว  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: plengpit ที่ 20-01-2015 22:34:31
ตายยากตายเย็น :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Cockroach ที่ 21-01-2015 03:38:11
ว่าละนังไคโตต้องไม่ตายง่ายๆ ตาแก่หนังเหนียวเอ้ยยย ลงโลงไปไวๆเลยพี่(สรุปคือพลังของยูโดนเอาไปหมดแล้วเหรอ???)
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 21-01-2015 16:06:55
ตายยากจริงอิตัวร้ายเนี่ย :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 31-01-2015 00:52:17
งะ ต้องพามังกรมาเพิ่มซะแร้ว ย้ากกกก!!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch13 100% page 5][19/1/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 01-02-2015 19:19:15
:)
หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch14 100% page 5][8/2/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 08-02-2015 13:13:38
ในความฝันนั้นเต็มไปด้วยดอกไม่สีแดงราวกับหยาดหยดเลือดอันพรั่งพรู ตัวผมอีกคนยืนอยู่ตรงนั้น...ริมฝีปากเคลือบไปด้วยรอยยิ้มแสยะน่ากลัว มือข้างซ้ายถือมีดสีเงินสะท้องแสงจันทร์ และมือข้างขวาถือศีรษะของใครบางคนเอาไว้ ศีรษะนั้นเหลือกตาขึ้นมองมายังที่ผมยืนอยู่ก่อนริมฝีปากสีซีดนั้นจะเริ่มขยับ..

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!
ทุกค่ำคืนล้วนผ่านไปด้วยความยากลำบาก ทุกครั้งที่เปลือกตาปิดลงสิ่งที่ยังคงเด่นชัดในความทรงจำกลับผุดพลายขึ้นมาอย่างโหดร้าย

“ไม่ !!! ออกไป ไปให้พ้น !!!”

ยูหอบหายใจอย่างหนักหน่วงกับฝันร้ายที่ดูท่าเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด ใบหน้าของไคโตยังคงชัดเจนราวกับว่าพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ร่างทั้งร่างดิ้นพล่านอย่างทรมาณภายใต้อ้อมกอดขงมังกรหนุ่ม

“ไม่เป็นไรนะ.. ฉันอยู่กับนายนี่แล้วไง”

ริวมองยูด้วยสายตาเศร้าสร้อยทั้งๆที่ยูกำลังมองหน้าเขาอยู่แท้ๆ แต่สายตาที่ยูมองเขาช่างดูหวาดกลัวและรังเกียจเหลือเกิน ยิ่งเล็บคมที่จิกลงมาบนท่อนแขนมากเท่าไหร่ที่หัวใจยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากกว่า

“มองฉันสิยู ...นายจำฉันไม่ได้หรอ”

ริวประคองใบหน้าของยูด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างจ้องเข้าไปในดวงตาที่เลื่อนลอยคล้ายคนยังไม่ตื่นดี ฝ่ามืออุ่นถ่ายเทความร้อนส่งผ่านทุกความรู้สึกห่วงใย

“....ริว”ยูกระซิบเสียงแผ่ว

“ฉันเอง”

“ขะ...ขอโทษที ฉันคงฝันร้ายอีกแล้วสินะ”

“ไม่เป็นไรนะยู”

“อืม”

ริวถอนหายใจออกอย่างหนักหน่วงสายตาอันหวาดกลัวที่ยูมองมาที่เขานั้น ทำให้เขากลัว กลัวว่าสักวันคนตรงหน้าจะลืมเขาไปแม้สักเสี้ยวเวลา เขาก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น

“นี่ก็เช้าแล้ว ไปล้างหน้าแล้วมาทานข้าวเถอะ”ริวบอกกับยู

“...”ยูส่งความเงียบๆให้เป็นคำตอบ

ริวเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจมองยูที่จ้องหน้าเขาเขม่งจนต้องเอ่ยปากถาม “ทำไม?”

มือเรียวขาวผ่องของยูแตะลงบนหน้าผากของริวแล้วไล้เบาๆตามโครงหน้าสมบูรณ์แบบดุจสวรรค์สร้าง ริวจับมือของยูเอาไว้ขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

หมับ !

ยูโถมตัวเข้าไปกอดริวทั้งตัวจนอีกฝ่ายล้มลงไปนอนแผ่บนเตียงโดยมียูทาบทับอยู่ด้านบน ร่างบางขยับตัวเลื่อนขึ้นไปอีกเล็กน้อย
ปรบท่าทางให้มองริวได้ชัดๆเต็มตา กลิ่นหอมอ่อนๆอันเป็นเอกลักษณ์ของยูแตะอยู่ที่ปลายจมูกของริว ริมฝีปากสีชมพูคลี่ยิ้มบางอย่างยั่วเย้า

“นี่ยั่ว?”

“ฉันต้องการนาย”ยูกระซิบ

ริวรู้สึกได้ถึงความผิดปกติแต่อีกฝ่ายเรียกร้องขอมาซะขนาดนี้จะให้ปฏิเสธก็กระไรอยู่ ริมฝีปากของยูที่คลอเคลียอยู่ที่ใบหูทำให้ริวต้องกัดฟันกรอดอย่างอดทนแล้วกระชากตัวยูออก ร่างบางนิ่งอึ้งไปกับการปฏิเสธที่รุนแรงของริว

“ถ้านายเจ็บปวดก็อย่าทำแบบนี้ !!!”

“..ริว”ยูเบิกตากว้างมองอีกฝ่าย

“ถ้าเจ็บปวดก็ร้องออกมาสิยู อย่าอดทนไว้...อย่าทำแบบนี้”ริวดึงตัวยูเข้ามากอดแบบแนบแน่นอีกครั้งหลังพูดเสร็จ ไม่นานนักไหลบางก็สั่นสะท้านน้อยๆเสียงสะอึกสะอื้นทั้งทำลายความเงียบกระทั่งใบหน้านั้นเปียกปอนไปด้วยน้ำตา

“ฮึก...ริว... ริว”

“ฉันอยู่ตรงนี้”

ริวจูบซับน้ำตาร่างบางที่สะอื้นไห้อย่างไม่อายใคร ถึงแม้ว่าต่อหน้าใครๆยูจะทำเป็นเฉยชาและแข็งแกร่ง แต่ความจริงแล้วแก้วบางอันล้ำค่านั้นมีร้ายราวมากมายแทบใกล้จะแตกสลายได้ทุกเมื่อ เสียงอันสั่นเครือกระซิบถ้อยคำออกมาได้ออย่างยากลำบาก

“ฉันต้องการนาย ต้องการมากจริงๆ....อื้อ”

ริวเชยคางยูขึ้นก่อนจะประทับริมฝีปากจูบแสนหวานกลื่นเสียงสะอื้นทั้งหมดของยูลงไปในลำคอ ริมฝีปากบอบบางเพียงแค่กัดลงไปเบาๆก็ปริแตก ยูทั้งโกรธทั้งเกลียดตัวเองทีแสนจะอ่อนแอทำอะไรไม่ได้ เพียงแค่ฝันร้ายก็ทำให้น้ำตาไหลได้ นึกสมเพชตัวเองนักที่ช่างไร้ค่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองยังไม่ค่าสำหรับใครบางคน มีค่ามากพอที่จะให้ทะนุถนอม

“อือ...ริว”

"ให้เวลาปฏิเสธซะตอนนี้ ไม่งั้นฉันจะไม่หยุดให้แล้วนะ"

"ยะ...อย่าหยุด"

ยูครางหวือเมื่อฝ่ามือร้อนระอุลูบไล้ไปทั่วร่างกาย ชุดนอนที่เคยปกคลุมร่างกายถูกปลดออกหลงเหลือเพียงร่างกายอันเปลือยเปล่าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบได้ สิ่งที่แสดงความเป็นกายแข็งขืนขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

“ยู..”

ริวร้องเรียกเจ้าสาวขอตัวเบาๆก่อนจะครอบริมฝีปากลงไปบนยอดอกชูชั้นสีชมพู ยูขยุมมกลุ่มผมดำสนิทของริวไว้อย่างเสียวซ่าน

“อะ..อ้า เจ็บ...อย่ากัด”

“ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้นายมายั่วฉันก่อน?”

ยูเม้มปากมองค้อนริวนิดๆก่อนจะเผยอปากร้องครางออกมาเมื่อร่างกายอันแข็งแกร่งของริวถูไถกับส่วนที่ไวต่อความรู้สึกของตน

“อืออ”

ริมฝีปากยังคงดูดเลียหัวนมเล็กๆน่ารักนั้นไม่หยุดในขณะเดียวกันมืออันแสนซุกซนก็แหวกบั้นท้ายงามงอนออกนวดคลึงอย่างเอา
อกเอาใจ

“อืม...ยู ผ่อนคลายหน่อย”

ยูผ่อนลมหายใจก่อนจะสะท้านเฮือกเมื่อท่อนกายใหญ่กดแทรกส่วนหัวเข้ามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวจนเผลอตัวหลุดเสียงกรีดร้อง
ออกมา

“อ้า....อะ  อื้อออ ยะ ..หยุดก่อน”

ยูเกร็งตัวปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเปรอะเต็มหน้าท้อง หอบหายใจแผ่วอย่างหมดเรี่ยวแรง ริวยิ้มกริ่มก่อนจะเอ่ยแซว

“อื้อ อย่ารัดแน่นนักสิยู นี่ยังใส่เข้าไปไม่หมดเลยนะ”

ยูน้ำตาคลอหน่วยเมื่อท่อนกายแกร่งขยับเข้ามาอีก เจ็บ...เจ็บจะตายแล้ว ไม่เบิกทางให้สักนิด ไม่มีเจลหล่อลื่นด้วย ให้ความรู้สึก
ทรมานไม่ใช่น้อย ทำได้เพียงกลั้นใจผ่อนคลายรับเจ้าท่อนเนื้อนั่นเข้ามาจนสุด

“ระ...ริว”

ริวยิ้มเมื่อทำการหล่อรวมร่างกายให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์เสร็จสิ้น ส่วนที่เชื่อมติดกันขมิบตอดรั่วทั้งบีบรัดทั้งอ่อนนุ่มจน
เขายากจะปลดปล่อยซะตรงนั้น

“อือ..อืมม”

ริวฉกฉวยริมฝีปากร่างบางมอบจูบอันเร้าร้อนให้จนยูแทบจะขาดอากาศหายใจ ปลายลิ้นกวัดเกี่ยวคลอเคลียสำรวจไปทั่วโพรง
ปากจนน้ำใส่เอ่อล้นออกมาทางมุมปาก ในตอนที่กำลังรู้สึกดีจนเคลิ้มไปแรงกระแทกหนักหน่วงก็สวนเข้ามาจนยูเผลอบฟันลงบน
ริมฝีปากของริว ริวถอนริมฝีปากออกมาอย่างเสียดายเล็กๆน้อยมองยู หยดเลือดที่แต่งแต้มบนริมฝีปากอันย้ำยวนดวงตาปรือลง
ครึ่งหนึ่งทอดมองคนรักด้วยแววตาหวานซึ้งเกิดเป็นภาพแสนเซ็กซี่อย่างร้ายกาจ

ยูปรือตามองริวเล็กๆก่อนจะเลียริมฝีปากพูดด้วยเสียงแตกพร่า “ขยับ...เร็ว..”

“น้อมรับคำบัญชานายท่าน”

พรึบ !


“อ๊ะ อ้า....บะ เบา”

ยูผวาจิกผ้าปูเตียงแน่นร่างทั้งร่างสั่นโยกคลอนไปตามแรงกระแทกพูดแทบไม่เป็นคำ ไม่เพียงเท่านั้นวันนี้ไม่รู้ทำไมถึงคึกเป็น
พิเศษยกสะโพกรับอย่างลืมอายไม่พอยังบิดเร่าๆเชิญชวนอีกฝ่ายจนริวแทบจะคลั่ง

“มะ...ไม่ไหวแล้ว อ๊า”

เสียงสวบๆดังขึ้นเป็นจังหวะแบบแรงไม่มีตกของริวทำให้ยูปล่อยออกเป็นครั้งที่สอง ริวครางในลำคอเบาๆก่อนที่ช่องทางด้านหลัง
ของยูจะอุ่นวาบ แม้ว่าจะถอนกายออกมาแล้วช่องทางนั้นก็ยังไม่สามารถปิดสนิทได้ในทันทีของเหลวสีขาวขุ่นจึงไหลลงมาตาม
แรงโน้มถ่วงเป็นสาย

ริวทำท่าจะต่ออีกยกแต่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน

ก๊อกๆๆๆๆ

ยูสะดุ้งเฮือกรีบจัดแจงหาผ้าคลุมตัว ริวถอนหายใจเฮือกใหญ่ทำใจไม่ได้ที่ต้องลุกออกจากกลิ่นกายอันหอมกรุ่นเบื้องหน้าจึงได้
กดจูบคนเบื้องล่างหนักๆไปสองสามที

จุ๊บ ๆ ๆ


“อื้อ..พอแล้วริวมีคนรออยู่”

 เมื่อจัดแจงเสื้อผ้าเสร็จก็ริวลุกไปที่หน้าประตูแล้วกระชากเปิดออกด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

“ไง ยูกิ”

จิ้งจอกสาวคลี่ยิ้มหวานพูดเสียงใส “ท่านพ่อของเจ้าเรียกหาน่ะ”

“อืม ฝากยูด้วย”

“ได้ เจ้าไปเถอะ”

ยูกิยิ้มหวานหันมามองยูที่หน้าแดงก่ำซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม “ถึงเวลาอาบน้ำแล้วนายท่าน”

“ไม่ ฉันอาบเองได้!”

“แหม จัดหนักกันตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ท่านจะลุกไหวได้ยังไง มาเถอะนายท่านไม่ต้องเกรงใจ”

มีหรือร่างบอบบางของยูจะสู้แรงจิ้งจอกเก้าหางพันปีอย่างยูกิได้ โดนผู้หญิงอุ้มท่าเจ้าสาวลงอ่างน้ำทั้งๆที่มีผ้าห่มคลุมทั้งตัว ยูจึง
ทำได้แต่ปลงยอมให้ยูกิขัดสีฉวีวัน

“นายท่านวันนี้ออกไปเดินเล่นกันสักหน่อยเถอะท่านอุดอู้อยู่แต่ในห้องมาหลายวันแล้ว”

“ก็ดี...ยูกิ ช่วงนี้ริวดูเครียดๆนะเกิดอะไรขึ้น”ยูหลับตาพิงขอบอ่านน้ำร้อนขนาดใหญ่โดยมีมือนุ่มนิ่มของยูกิบีบนวดให้อย่างเอาใจ

“ก็แค่พ่อลูกทะเลาะกันเล็กน้อย”

“....เพราะฉันใช่ไหม”

“อะ....ไม่ใช่หรอกนายท่านอย่าคิดมาก”

ยูทอดตาลงต่ำ มองเรือนร่างที่ดูคล้ายผู้หญิงก็ไม่ใช่ผู้ชายก็ไม่เชิงของตัวเอง ข้อมือเล็กบอบบาง แถมเลือดในกายยังเป็นที่
รังเกียจขอผู้อื่น


เมื่ออาบน้ำเสร็จยูกิก็จัดแจงเครื่องแต่งกายให้ยูได้อย่างชำนาญ เรือนผมถูกมัดรวบไว้กลางหลังเนื้อผ้าบางเบาสีเข้มพลิ้วไปตาม
การเคลื่อนไหวขับเน้นผิวที่ขาวให้ดูเรืองรองขึ้นมา เอวขอกิ่วถูกรัดด้วยเชือกสีเข้มขับเน้นรูปร่างอรชร งดงามจนยูกิอดยิ้มน้อยยิ้ม
ใหญ่ในผลงานของตัวเองไม่ได้

“นายท่านช่างงดงามยิ่ง”

ยูขยับยิ้ม “จะร้ายจะดีฉันก็ยังเป็นผู้ชาย ชมฉันว่าหล่อจะดีใจมากกว่าอีก”

“คิ ก็นายท่านงดงามจริงๆนี่เจ้าคะ”

“ไม่ต้องเลยยูกิ แล้วจะพาฉันไปไหนละนำทางไปสิ”ยูพูดตัดบท

“ตามข้ามาเลย ท่านต้องชอบมันแน่ๆ”

ผมมองยูกิที่ร่าเริงสดใสด้วยความเหนื่อยใจก่อนจะก้าวเดินตามไปอย่างช้าๆเอื่อยๆ ตั้งแต่มาที่นี่ผมยังไม่ทันจะได้สำรวจที่นี่ดีเลย
วันๆเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องจมอยู่กับฝันร้ายไปวัน เห็นสีหน้าเจ็บปวดของริวแล้วผมก็พลอยปวดใจตามไปด้วย

ไม่รู้ว่าเดินมานานเท่าไหร่ทิวทัศน์รอบข้างก็ได้เปลี่ยนไปจนคิดว่าอยู่คนละโลก ทุ่งดอกหญ้าสีขาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เมื่อหัน
หลังกลับไปจึงได้เห็นปราสาทหลังงามที่ตั้งตระหง่านอยู่

ในใจก็นึกอยากจะล้วงมือถือออกมาถ่ายรูปด้วยความเคยชินแต่พอล้วงไปแล้วไม่เจออะไรก็นึกขึ้นได้ว่าเขาทิ้งมือถือของเขาไว้ที่
บ้านตระกูลใหญ่ ไม่เพียงแค่มือถือเท่านั้น... เขาได้ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์

“นายท่าน!”ยูกิร้องเสียงดังจนยูสะดุ้งโหยง

“อะไร?มีอะไร?”

“ข้าเรียกท่านตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ตอบ เป็นอะไรรึเปล่า”

“ฉันกำลังคิด”

“คิด?”เจ้าจิ้งจอกทำหน้าฉงน

“ถึงเวลาที่ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง”

เจ้าจอกเก้าหางคือร่างเดิมวิ่งวนรอบๆเจ้านาย พวงหาทั้งเก้าสะบัดคลอเคลียเรือนร่างบอบบางคล้ายดั่งมีชีวิตเป็นของตัวเอง ยู
เอนตัวลงนอนโดยที่มีร่างฟูนุ่มของยูกิเป็นเบาะรองชั้นเยี่ยม

“ชูว์...เงียบก่อน”

เสียงหัวเราะคิดคักดังแว่วมาเหล่านางกำนันกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสโดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝั่งของกำแพงนั้นมีคนกำลังเอียงหูฟัง
ด้วยความตั้งใจ

“นายท่านกับท่านริวทะเลาะกันอีกแล้ว”

“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”

“ข้าได้ยินว่าท่านริวคว้าโจเนะสึมาเป็นเจ้าสาวละ”

“ตายแล้ว... ท่าริวของฉันต้องโดนมนต์สะกดแน่ๆ”

“เลวจริงๆ ข้าได้ข่าวมาเหมือนกันว่าท่านริวจะทำสงครามต้องเป็นเพราะมันแน่ๆ”

“แบบนี้ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละพวกเรา”

“นั่นสินะ...เผื่อว่าท่าริวจะหันมามองพวกเหล่าบ้าง คิๆๆ”
ยูกิโกรธจนหางพองฟูไปหมดแต่ขยับไปไหนไม่ได้เพราะนายทานกอดหางทั้งเก้าของตนไว้แน่นจนขยับไม่ได้

“นายท่าน ข้าต้องออกไปสั่งสอนนังหน้างูพวกนั้นสักหน่อยแล้วปล่อยข้า”

“แต่ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้นนะ”ยูขยับยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนเชิดหน้าขึ้นเต็มความสูงปลดผมยาวสวยให่สยายเต็มแผ่นหลัง เอาความหล่อ
เข้าสู้ไม่ได้ก็เอาความสวยเข้าข่มก็ได้ ! 

เอาซี้ให้มันรู้ไปว่าใครเป็นใครดูสิพวกหล่นจะทำหน้ายังไง !

ผมก้าวเท้าผ่านประตูไปทางด้านขวามือของผมพวกหล่อนกำลังยืนเกาะกลุ่มกันเมาท์ไม่หยุด บางคนที่เห็นผมก็หน้าซีดหุบปาก
ฉับ ไม่นานเสียงพูดคุยก็เงียบกริบเป็นเป่าสาก

ผมฉีกยิ้มหวานมองพวกเธอที่ยืนตัวแข็งค้างตกตะลึง ฮะฮ่าตะลึงในความสวยของผมละซิ (พึ่งเห็นว่าสวยแล้วมันมีประโยชน์ก็ตอนนี้แหละ)สะบัดผมใส่ซะ

“อ้อ... อรุณสวัสดิ์สาวๆ”

“...”

“ พวกคุณรู้ไหมว่าริวไปประชุมอยู่ที่ไหน”

“...”

“อ้าว ไม่ตอบไม่เป็นไรพวกเธอคงจะไม่รู้สินะ ยูกินำทางฉันแทนที”

“เจ้าค่ะ”

“นะ นายท่าน เมื่อกี้...ข้าไม่ได้พูอะไรเลยนะเจ้านะ”หนึ่งในนางกำนันพูดขึ้น พวกเพื่อนๆของเธอหันไปถลึงสายตาใส่อย่างดุดัน
ประมาณว่าก็หล่อนไม่ใช่เรอะที่เป็นคนพูดทั้งหมด

ผมเชิดหน้าเดินผ่านพวกเธอไปโดยไม่ได้สนใจคำขอร้องอ้อนวอนพวกนั้น คิดว่าผมจะอยู่เงียบๆให้พวกหล่อนเอาไปพูดตามใจ
ปากงั้นเรอะฝันไปแล้ว

“นายท่าน ท่านริวอยู่ในนี้”

“อืม ขอบใจนะยูกิ”

ทันทีที่ผมผลักประตูเข้าไปอาวุธที่ไม่สามารถระบุชนิดได้ก็ปลิวมาตรงหน้าผม ผมเอี้ยวตัวหลบเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มทักทายมังกรทั้งสองที่แทบจะกัดกันได้ภายในห้องด้วยอารมณ์ที่ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก

“อรุณสวัสดิ์”

ทั้งสองหยุดชะงักหันมามองคนที่บังอาจเข้ามาขัดจังหวะ เมื่อเห็นว่าเป็นยูริวก็มือไม้อ่อนเดินเข้าไปกอดออดอ้อนแสดงความรัก
อย่างไม่เกรงใจคนเป็นพ่อที่ยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่

“พวกท่านกำลังกังวลเรื่องของผมอยู่สินะ”ยูดันริวออกเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆราชาแห่งพิภพมังกร เปิดประเด็นถามตรงๆแบบไม่มี
การอ้อมคอม

“ใช่ พลังของเจ้ายังเป็นข้องกังขา”

“พลังของผมโดนไคโตคนที่เป็นโจเนะสึรุ่นก่อนชิงไปทั้งหมดแล้ว ที่พอจะทำได้ตอนนี้มีแต่พลังของสายเลือดเท่านั้น พลังอีก
ส่วนของผมให้ริวไปแล้วตอนนี้ก็คล้ายๆว่าจะกลายเป็นคนธรรมดาเท่านั้นไม่มีอะไรต้องกังวล”

ราชามังกรขมวดคิ้วพิจารณายูอย่างละเอียดก่อนจะพยักหน้ารับข้อเท็จจริงนี้ “ก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยโดนจับได้เพราะคอยป้อนพลัง
ให้ริวสินะ เจ้าลูกคนนี้ถึงแข็งแกร่งขึ้นมา”

“เมื่อหลายปีก่อนที่ผมทะเลาะกับพ่อจนเจ็บหนักแล้วหนีมา ก็ได้พลังของยูช่วยไว้”ริวทิ้งตัวลงนั่งข้างๆยูช่วยพูดอธิบาย ราชามัก
รพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“แล้วท่านคิดจะไปกำจัดโจเนะสึที่ภพมนุษย์เมื่อไหร่”

“ข้าจะไม่ทำสงครามหรอกนะ”

“หากท่าไม่ลงมือก่อน อีกสักพักพวกนั้นจะต้องบุกมาถึงที่นี่แน่ๆ”

“ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้า”

ยูคลี่ยิ้มอย่างมมีแผนดีๆในใจ “ความรู้สึกน่ะ ท่านคอยดูก็แล้วกัน”

ผมพูดอย่างมั่นใจเดิมทีถึงไม่เกิดสงครามจริงๆ ผมก็จะทำให้มันเกิด... หึหึเดิมทีผมก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรมากมายขนาดนั้น ความแค้นที่ไคโตสร้างไว้ให้กับผมต้องได้รับการชำระอย่างสาสม

“ข้าไม่เอาความรู้สึกไปทำสงครามหรอกนะ เลิกพูดเรื่องพวกนี้แล้วไปให้พ้นๆหน้าข้าซะที ไปสวีทกันไกลๆ”

ริวอุ้มยูขึ้นมาทั้งตัวจนฝ่ายถูกอุ้มแบบไม่ทันตั้งตัวต้องยกมือคล้องคอร่างสูงเอาไว้ไม่ให้ตก ริวก้าวไวๆออกจะห้องด้วยความหัวเสีย
เล็กๆ “ทำไมถึงมาที่นี่ได้”

“กลัวจะเป็นม่ายก่อนวัยอันควร”


“หือ?”

“ไม่มีอะไร นายปล่อยฉันลงได้แล้ว”

“ไม่”

ริวแทบจะก้าวทีเดียวก็ถึงห้องนอนเตียงที่ยังคงเหลือกลิ่นอายหอมละมุนถูกเติมเต็มด้วยร่างของชายหนุ่มทั้งสองนอนตระกงกอด
จนแทบจะหล่อหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน

“อื้อ..ริวอึดอัด”

“พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงาน”ริวพูดขึ้นแต่ยังไม่ยอมคลายอ้อมกอด

“หือ.. ไปกี่วัน”

“สอง”

ยูเงยหน้าขึ้นไปมองริวรู้สึกคล้ายๆว่าโดนแก้ผ้าทางสายตา ความอยากของมังกรนี่มันยังไงนะเช้าก็ทำกลางวันก็ทำ เย็นก็ทำ ขืน
เป็นแบบนี้ต่อไปต้องตายเอาเข้าสักวัน...แต่ขาดใจตายตอนมีอะไรกันอยู่ก็ไม่เลวเท่าไหร่นัก

“ลามก”ริวพูดขึ้นมา

“พูดผิดพูดใหม่ได้ ใครกันแน่ที่แก้ผ้าฉันทางสายตา”

“เปล่า”

ว่าแล้วริวก็ลงมือออกแรงถอดเสื้อผ้าที่ยูกิเป็นคนใส่ให้ออกอย่าง่ายดายราวกับปลอกกล้วย ยูหน้าแดงวูบก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมา
คลุมตัว

“อีกรอบได้ไหม”ริวขยับกระซิบถามที่ริมหู

ฉันปฏิเสธนายได้รึไง !

“อื้ออ”

ริมฝีปากประกบจูบลงมาอีกครั้งอย่างไม่เคยเบื่อ ริวคิดไว้ว่ากะจะทำแทนในสองวันที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเผื่อไปด้วยเลยไม่ได้สนใจ
เลยว่าคนตัวเล็กในอ้อมกอดจะรับไหวหรือไม่ ริมฝีปากแดงช้ำถูกดูดขบเม้มอย่างเอาแต่ใจครั้งแล้วครั้งเล่าจนเห่อบวมร้อนขึ้นมา
เสียงคราวหวิวที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครกันแน่จนเมื่อร่างกายหล่อรวมต่างผ่ายต่างถูกเติมเต็มด้วยบทเพลงรักอันหอมหวาน

ตัวเรานั้นไม่อาจขาดเจ้าได้แม้สักหนึ่งวันเฝ้าคะนึงหา

ตัวเจ้านั้นก็ไม่อาจขาดเราได้เช่นกัน หนึ่งส่วนเติมเต็มทิ่มแทงเข้ามาภายใน สองส่วนตระกองกอดดูดดื่ม จึงเรียกได้ว่าบทเพลงนี้
สมบูรณ์


หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch14 100% page 5][8/2/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 08-02-2015 13:29:17
ใครจะได้ครองเจ้ามังกร  เนี่ย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch14 100% page 5][8/2/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 08-02-2015 14:23:17
งือออออออออออ  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch14 100% page 5][8/2/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 08-02-2015 15:15:46
ทำทั้งวันแบบนี้ ถ้ามีลูกได้ ขอซักแฝดสามนะคะ
รอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch14 100% page 5][8/2/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 08-02-2015 15:47:17
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch14 100% page 5][8/2/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 08-02-2015 16:34:02
กินกันมานานน่าจะท้องสักทีเนอะ คริๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch14 100% page 5][8/2/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 08-02-2015 17:29:35
อ่านไประแวงไป :ling3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch14 100% page 5][8/2/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 08-02-2015 20:40:14
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch14 100% page 5][8/2/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 08-02-2015 23:13:04
จะท้องมั้ยเนี่ย......
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch14 100% page 5][8/2/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 21-02-2015 09:12:17
ริวหื่นนนน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch14 100% page 5][8/2/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 21-02-2015 14:31:44
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch15 100% page 6][2/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 02-03-2015 22:49:33
15


“ริวไปทำงานแล้วละ”ยูพึมพำกับยูกิ

“ท่านคิดถึงเขาสินะ”

“คิดสิ”

ความสงบเงียบดังล่องลอยอยู่ในความฝันยูนึกอยากจะให้หยุดเวลาแห่งความสงบเงียบนี้เอาไว้ คลื่นใต้น้ำลูกใหญ่กำลังพัดเข้ามา
ชวนให้หัวใจปั่นป่วน ราชามังกรสูญเสียความได้เปรียบทางการรบไปโดยการปฏิเสธที่จะทำสงครามกับโจเนะสึทั้งทีมีบทบัญ
ญัตติไว้ว่าเป็นตัวก่อเภทภัยต้องกำจัดทิ้งแท้ๆ


เรือนร่างบอบบางทอดสายตาครุ่นคิดออกไปนอกหน้าต่าง ในมือทั้งสองถือหนังสือเล่มหนาเอาไว้ทั้งยังมีหนังสืออีกหลายเล่มรอบๆตัวระเกะระกะเต็มไปหมดโดยมีเจ้าจิ้งจอกสีขาวตัวใหญ่นอนเกยอยู่บนตัก ดวงตาสวยทอแววอ่อนล้ามองเจ้าจิ้งจอกบนตักอย่างมีความหวัง

“ยูกิ”

เจ้าของชื่อมองผู้เป็นนายด้วยดวงตาสีทองประกายกลมโต

“ฉันมีเรื่องจะให้เธอทำ...”

/////

ผมนอนเอกเขนกอยู่บนฟูไหมสีแดงหนานุ่มสบายจนไม่อยากจะขยับไปไหน แต่ยังสู้ขนสีขาวปลอดของยูกิไม่ได้ ว่าแล้วก็คิดถึงเธอจริงๆ ไม่รู้ว่าป่านี้จะเป็นยังไงบ้าง


โครมมม !


กรี๊ดดด


เสียงเอะอะโวยวายทำให้ผมต้องลุกจากฟูกขึ้นมานั่งมองไปทางประตู “เกิดอะไรขึ้น”

สวรรค์ชั้นฟ้าแห่งนี้มีแต่ความสงบสุขเสมอมาเรื่องใหญ่ที่ทำให้เกิดเสียงดังขนาดนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นพื้นข้าวของสั่นสะเทือนไปหมด หรือว่ายูกิโดนจับได้เข้าให้แล้ว... ไม่น่าจะเป็นไปได้


ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครสามารถตอบผมได้เลยจนเสียงนั้นหยุดอยู่ที่หน้าประตู...

แกร๊ก !

สลักประตูถูกเปิดออกโดยมังกรหนุ่ม ริว  ยูถอนหายใจอย่างโล่งอกนึกว่าไคโตบุกสวรรค์แล้วซะอีกจึงอดส่งสายตาต่อว่าริวไม่ได้ที่ทำให้เขาตกใจแทบแย่

“นี่พึ่งกลับมา ก็ส่งเสียงเอะอะโวยวายเลยนะ ทำไมถึงกลับมาไวนัก”

“หนึ่งวันที่ฉันไม่อยู่ นายคงคิดถึงฉันแย่เลยสินะ”ริวพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา


ยูมองใบหน้าอันคุ้นเคยของเจ้ามังกรตรงหน้าก่อนจะกระพริบตามองอย่างแปลกใจ “แล้วนายไม่คิดถึงฉันรึไง”
ผมเหล่ตาเจ้ามังกรขี้เก๊กอย่างสงสัยแต่อีกฝ่ายก็ไม่ไปริปากพูดอะไรออกมา ทำหน้าเหมือนกำลังโกรธใครมาสักสิบชาติงั้นแหละ


“นายขโมยหัวใจมังกรไปใช่ไหม”

“...หัวใจนายน่ะหรอ?”ผมกำลังพยายามคิดว่าเขากำลังเล่นตลกหน้าตายกับผมอยู่รึเปล่า รังสีกดดันนั่นทำให้ผมต้องเกร็งตัวเอาไว้ด้วยความหวาดกลัวเล็กๆ

“อย่ามาเล่นลิ้นยู นายก็รู้ว่าฉันพูดถึงอะไร”

“นายเป็นบ้าอะไรหะ !!”

“ฉันไม่ได้บ้า ตอบมาได้แล้วว่านายเอาหัวใจมังกรไปใช่ไหม !”ริวตะหวาด

“ฉัน ไม่ ได้ เอาไป !!”ผมจ้องริวเขม่ง

สายตาจับผิดนั่นทำให้ความน้อยใจทะลักออกมาล้นจุกเต็มอก ก่อนหน้านี้พวกเขายังตระกองกอดกันอยู่บนเตียงแท้ๆ กลิ่นกายยังไม่ทันจางหายอีกฝ่ายก็วิ่งโร่เข้ามากล่าวหาว่าเขาเป็นขโมยบ้าบออะไรก็ไม่รู้

“หัวใจมังกรผู้ถือครองมันสามารถสั่งมังกรทุกตนบนสวรรค์แห่งนี้ได้ ไม่เว้นกระทั่งราชาต่อให้ผู้ถือครองสั่งให้เราไปตาย เราก็ต้อง
ไปตาย”

“ทำไม... พ่อของนายบอกว่าฉันเอามันไปสินะ”ยูยกยิ้มอย่างขมขื่น

“ฉันเองที่คิด แต่ไม่คิดว่านายจะอยากทำสงครามจนตัวสั่นถึงขนาดขโมยหัวใจมังกร !”

ความเจ็บแปล๊บเกิดขึ้นในอกกับคำตอบที่ไร้ซึ่งความเชื่อใจกันและกันอย่างสิ้นเชิง ยูมองริวที่ที่เต็มไปด้วยความเย็นชาเหินห่าง คิดจะพูดโต้ตอบออกไปอยู่หลายครั้ง แต่คำพูดเหล่านั้นกลับติดอยู่ที่ริมฝีปากคล้ายหมดเรี่ยวแรงจะพูดออกไป

“ฉันยังต้องพูดอะไรอีกในเมื่อนายเชื่อแบบนั้น”

“ยู !”

ริวโกรธขึ้นมาแล้วมือแกร่งเกาะกุมกระชาดต้นแขนร่างคนตรงหน้าปลิวดั่งเศษใบไม้ไร้ค่าใบหนึ่ง ร่างทั้งร่างล้มกองอยู่บนพื้นเพราะตั้งตัวไม่ทันก่อนจะถูกฉุดบังคับให้ออกเดินทั้งที่ข้อเท้านั้นเจ็บจนแทบจะไม่สามารถยืนทรงตัวได้ ยูกลืนก้อนความเจ็บปวดลงไปสะกดมันเอาไว้แล้วก้าวออกไปตามริว ตามทางเดินเต็มไปด้วยบรรดาข้ารับใช้ที่ก้มหน้างุดไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของผู้เป็นนาย


ไม่นานนักร่างทั้งร่างของยูก็ถูกผลักเข้าไปในห้องแห่งหนึ่ง ในห้องนั้นไม่มีหน้าต่างทั้งยังเย็นเฉียบวังเวงจนน่าขนลุก ประตูที่ทำจากเหล็กกล้าหนาทึบชนิดที่ว่าแรงมนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆไม่มีทางที่จะขยับมันได้เลยแม้แต่น้อย ยูหันกลับไมองริวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนรักกันจะทำกับตนแบบนี้ได้ลงคอ

“บอกมาหัวใจมังกรอยู่ไหน”

“ฉันไม่รู้”ยูตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“ฉันรู้ว่านายส่งยูกิไปขโมยมัน”

“ยูกิไม่ได้ขโมยมัน !!”

“งั้นยูกิไปไหนซะละ”

ผมมองไปที่ริวอย่างจนปัญญาจะหาคำมาอธิบาย ไร้ข้อแก้ตัวใดๆ ก็ในเมื่อเขาไม่เชื่อผมจึงได้แต่รักษาศักดิ์ศรีอันน้อยนิดของตัวเองไว้ด้วยการเชิดหน้ามองริวอย่างหยิ่งผยอง

“ฉันไม่รู้”


ริวโกรธจนตัวสั่นสายตาถูกความโกรธบดบังจนมองอะไรไม่เห็น ...ในทางตรงข้ามกันแล้วยูกลับทอดมองใบหน้าของริวด้วยความห่วงใย ความรัก และเป็นห่วง


แม้ว่าจะถูกกดลงกับเตียง ร่างกายถูกใช้ระบายอารมณ์จนเจ็บระบมไปทั้งตัวยูก็ไม่ปริปากบ่นแม้แต่น้อยสองมือตระกองกอดริวเอาไว้แน่น ร่างทั้งร่างสั่นสะเทือนด้วยแรงกระแทกกระทั้นที่ไม่มีการออมแรงเลยแม้แต่น้อยราวกับร่างกายกำลังถูกดึงทึ่งฉีกขาดออกมาจากกัน เสียงครางหวิวของยูทำให้ริวยกยิ้มอย่างดูแคลนก่อนจะเหวี่ยงร่างของยูลงจากเตียงลงไปกองกับพื้นแล้วรุกล้ำช่องทางที่เปรอะไปด้วยเลือดนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ยูข่มกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ในอกกระทั่งพายุนั้นได้ผ่านพ้นไป


“เหอะ เฝ้าไว้ให้ดีอย่าให้มีใครเข้าออกได้นอกจากข้า”

“ครับ !!”


ตึง !

เสียงประตูปิดลงทิ้งให้คนเจ็บนอนซมอยู่ตรงนั้น ไม่นานยูก็ได้สติเพราะความเย็นยะเยียบบนพื้นห้องกำลังบาดลึกลงไปในผิว เสียงหัวเราะเบาๆหลุดออกมาจากริมฝีปากแตกช้ำ เขาจะไม่มีวันเสียใจกับเรื่องนี้จะต้องเข้มแข็งเอาไว้จนกว่าทุกอย่างจะจบลง


ทางด้านของริว

“เจ้าเด็กนั่นต้องเอาหัวใจมังกรไปแน่ๆ”ผู้เป็นบิดากล่าว

“ข้าไม่คิดว่ายูจะเอาไป”

ริวทิ้งตัวลงนั่งบนตั่งด้วยความเหนื่อยใจละสายตาไปจากวังมังกรแปบเดียวก็เกิดเรื่องใหญ่เข้าให้เสียแล้ว

“พ่อเห็นนางจิ้งจอกนั่นทำลับๆล่อๆอยู่ที่เขตต้องห้าม”

ริวเงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นบิดา ดวงตาทอประกายอำมหิต “ยูเป็นเจ้าสาวของข้าหากท่านคิดจะแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเล็บ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

“งั้นเจ้าดูนี่”

กระจกบานหนึ่งถูกส่งให้ริวแต่ตัวกระจกกลับไม่ได้สะท้อนสิ่งใด ริวนิ่งมองกระจกในมืออยู่พักใหญ่ไม่รู้ว่าผู้เป็นบิดาจะมาไม้ไหนกันแน่ ทันใดนั้นภาพขอคนๆหนึ่งก็เคลื่อนไหวในกระจกเป็นภาพของยูกับยูกิถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยินเสียงแต่ก็พอจะดูออกว่า  กำลังทำอะไรยูที่มีสีหน้าหนักใจกำลังออกคำสั่งบางอย่างกับยูกิก่อนที่เจ้าจิ้งจอกจะพลิ้วกายจากไป

กระจกวิเศษแทบจะหักเป็นสองเสี่ยงคามือเมื่อยูกิพลิ้วตัวหายเข้าไปหลังประตูเขตหวงห้ามจริงๆดั่งที่ผู้เป็นบิดาได้กล่าวไว้ ใบหน้าทะมึนมองกระจกอย่างไม่เชื่อสายตา

“เจ้าสาวของจะให้พ่อจัดการหรือเจ้าจะจัดการ”

“ข้าจะไปพูดกับเขาเอง ท่านไม่ต้องยุ่ง”

“ดี ข้าให้เวลาเจ้าเจ็ดวัน ทำอย่างไรก็ได้ให้เจ้าสาวของเจ้าคายความลับที่ชิงหัวใจมังกรออกมาซะ มิเช่นนั้นแล้วข้าจะเป็นผู้จัดการมันด้วยตัวเอง”ราชาหรี่ตามองลูกชายของตนอย่างพึงพอใจก่อนจะสะบัดชายเสื้อเดินจากไป


นั่นหมายความว่า... เขามีเวลาเจ็ดวันที่จะรักษาชีวิตของยูเอาไว้

“ยู...”ริวครางออกมาอย่างปวดใจ


ดั่งมีเปลวไฟเผาอยู่ภายในหากไม่หาหัวใจมังกรให้เจอแล้ว ก็ต้องบังคับให้ยูบอกที่ซ่อนหัวใจมังกรแต่ด้วยนิสัยขอยูนั้นเขารู้จักดีกว่าใครต่อให้ถูกทรมานจนตายก็ไม่ปริปากเป็นแน่ แต่ในช่วงนี้ขาต้องทำให้ยูปลอดภัยโดยที่ท่านพ่อไม่เอะใจเสียก่อน

ถึงจะไม่อยากทำก็จำใจต้องทำ...เพื่อรักษาชีวิตของยูเอาไว้

โครม !!

พลังที่ไหลเวียนอยู่ในกายถูกระเบิดออกมาทำให้ห้องอันหรูหรานั้นกลายเป็นเศษซากก้อนดินก้อนฝุ่นไป ในตาวาวโรจน์ทุกย่างก้าวนั้นเต็มไปด้วยไอสังหารเข้มข้น


ริวก้าวเดินออกจากห้องประชุมด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ใบหน้านั้นดุร้ายราวกับมารร้ายในยมโลกเหล่าบริพารต่างตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวได้แต่หมอบคุดคู้ลงกับพื้นภาวนาให้ตนไม่ใช่ผู้เคราะห์ร้ายผู้นั้น ไม่นานนักริวก็เดินถึงตำหนักรับรองที่ยูอาศัยอยู่ก่อนจะผลักประตูเข้าใจ


“นี่พึ่งกลับมา ก็ส่งเสียงเอะอะโวยวายเลยนะ ทำไมถึงกลับมาไวนัก”

เสียงใสที่ต่อว่าเขาอยู่เป็นนิจพูดขึ้น ยูยังคงมีสีหน้าสงบเงียบเหมือนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นริวแกล้งโกรธลงไม้ลงมือรุนแรงไปกับยูให้ทุกคนเชื่อได้สนิทใจว่าเขาได้จัดการเจ้าสาวขอเขาแล้วจริงๆคนอื่นไม่ต้องสอดและก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ยูไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรออกมาเลยมีเพียงสายตาน้อยใจปนๆกับไม่อยากจะเชื่อ


หัวใจของเขาราวกับโดนฉีกกระชากเป็นชิ้นๆกับการกระทำของตัวเอง

เมื่อจัดการกับยูเสร็จแล้วเขาก็หันไปสั่งงานกับทหารองค์รักษ์คนสนิทคนที่เขาไว้ใจให้อยู่เพื่อปกป้องคนสำคัญของเขาไม่ให้ใครแอบฉวยโอกาสลอบทำร้ายยูได้


“เหอะ เฝ้าไว้ให้ดีอย่าให้มีใครเข้าออกได้นอกจากข้า”

“ครับ !!”


ริวทำสีหน้าเยือกเย็นคิดไปถึงแผนการขั้นต่อไปเขาไม่รู้ว่ายูกำลังคิดะไรอยู่ถึงได้สั่งให้ยูกิขโมยหัวใจมังกรออกไป แต่สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือปกป้องยูเอาไว้หาดวงตามังกรกลับมาให้ได้ไวที่สุด บิดาของเขายังมีท่าทีแปลกไปดูเหมือนจะจงใจละเลยโลกมนุษย์แต่กลับใส่ใจยูเป็นพิเศษจนอยากจะลงมาจัดการด้วยมือตัวเอง ทั้งยังมีงานตรวจสอบการเคลื่อนไหวของไคโต แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาอดหลับอดนอนไปหลายวัน


“เจ้าทำได้ดีแล้ว”ผู้เป็นมารดามอาจทนเห็นบุตรชายทำสีหน้าเจ็บปวดได้ต่อไปจึงเข้าไปปลอบ

“ข้าควรทำอย่างไรดี ท่านแม่”

“ทำหน้าที่ของเจ้า...”

ริวเผยสีหน้ากล้ำกลืนกับคำว่าหน้าที่ หากว่าต้องทำตามหน้าที่จริงๆแล้วเขาสมควรจะฆ่ายูซะแต่จะให้ทำแบบนั้นสู้เขายอมควักหัวใจตัวเองออกมาเหยียบเสียยังจะดีกว่า

“ริว...แม่ไม่รู้ว่าควรจะบอกเจ้าอย่างไรดี ในวันที่เจ้าสาวขอเจ้าปรากฏตัวขึ้นที่นี่และได้รู้ถึงการกลับมาของโจเนะสึ บิดาของเจ้าได้แอบลงไปที่โลกมนุษย์”

“อะไรนะ!”

ริวขมวดคิ้วสมองประมวลผลกับคำบอกเล่าของมารดาอย่างตกตะลึง ผู้เป็นมารดาหลั่งน้ำตาอยู่เงียบๆบอกเล่าถ้อยคำด้วยน้ำเสียง
อันสั่นเครือ “บิดาของเจ้าก็ได้เปลี่ยนไป”

“แม่คิดว่าบิดาของเจ้านั้น ต้องมนต์ของโจเนะสึเข้าให้แล้วแน่ๆ”

“ทำไมท่านพ่อถึงลงไปเพียงผู้เดียว”

ริวยืนเต็มความสูงมองเสี้ยวใบหน้าของมารดาที่ผินหน้าหนีไปอย่างไม่อาจนมองหน้าบุตรชายได้ “เขาพาผู้ติดตามไปด้วยถึงสาม
ตน แต่ที่กลับมามีเพียงบิดาของเจ้าเท่านั้น”

ริวหน้าซีดลงไปถนัดบนสวรรค์ชั้นฟ้าแห่งนี้มิมีผู้ได้เก่งกาจไปมากกว่าบิดาของตนอีกแล้วหากว่าไคโตได้ดึงบิดาของตนเข้าไปเป็นพวกได้แล้วจริงโลกคงถึงคราววิบัติเป็นแน่ ครั้งนั้นที่เขาตกลงไปยังโลกมนุษย์ก็เป็นเพราะบิดาโมโหทีเขาทำตัวไม่เอาไหนไปวันๆจนเกือบจะฆ่าลูกในไส้ของตัวเองเข้าแล้วจริงๆ โชคดีที่ตอนนั้นเขาได้เจอกับยูพอดีดั่งสวรรค์ลิขิตให้เราทั้งสองเกิดมาคู่กัน เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่เจอกันดวงตาก็มีประกายความอ่อนโยนขึ้นมา


“หากว่าเป็นเช่นนั้นจริง....ท่านพ่อต้องมนต์โจเนะสึจริงๆ ท่านมีแผนการอย่างไร”

“เจ้าไม่ต้องห่วง บิดาของเจ้านั้นแม่จะเป็นคนจัดการให้ ศักดิ์ศรีของมังกรแม่จะเป็นคนรักษามันไว้เอง”


////

ทางด้านของไคโต


“กองกำลังของเราจะพร้อมในอีกเจ็ดวันขอรับ”ผู้เฒ่าเมียวกะคุกเข่ารายงานสถานการณ์

“งั้นหรือ... แล้วมังกรละ”

“พวกมันมิอาจทนทานเสน่ห์ของสายเลือดอันเข้มข้นได้”

เรือนร่างขาวกระจ่างดุจแสงจันทร์คลุมเรือนร่างด้วยผ้าไหมสีดำสนิทนั่งอยู่บนบันลังไม้ที่แกะสลักอย่างประณีต  ภายใต้ชุดคลุมนั้นเปลือยเปล่าเพราะพึ่งเสร็จกิจกามดูดจิตกินวิญญาณเด็กหนุ่มเด็กสาวไปถึงสามราย ไคโตยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นปัดผมที่ปรกใบหน้าออกไป  “เราหมายถึงราชามังกร เซ็นโซ ริวกะผู้นั้น”


“ดำเนินการตามแผนขอรับ”

ไคโตเอนตัวพิงพนักแขนนึกไปถึงคืนวันนั้นที่มีผู้บุกรุกแสนโง่เขลาสู้กันได้ไม่นานก็โดนจับตรึกจนกระดิกไม่ได้ ปลายลิ้นสีชมพูเลียริมฝีปากน้อยๆ รสชาติของมังกรนั้นช่างสุดยอดจนไม่อยากจะปล่อยมือเพียงแค่คิดก็สั่นสะท้านไปทั้งกาย


“อีกเจ็ดวันเท่านั้น...”ไคโตรำพันหลับตาฝันถึงคำคืนอันแสนหวาน


ถึงเขาจะไม่สามารถแย่งถึงริวมาจากยูได้ก็ไม่เป็นไรตอนนี้เขามีมังกรถึงสี่ตัวไว้ในคอบครอง อยากจะเล่นสนุกเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น

“เมียวกะ”

 “ไปเอามังกรมา”

“ขอรับ”

ท่านผู้เฒ่าค้อมตัวให้เล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป ไม่นานนักบุรุษเพศอันมีเลือดมังกรไหลเวียนอยู่ในร่างก็ปรากฏกาย ดวงตาของมังกรทั้งสามแสดงถึงความต้องการกระหายในร่างกายของไตโคอย่างไม่มีการปิดบังละทิ้งความรู้สึกดีชั่วเอาไว้เบื้อหลังก่อนจะรั้งร่างกายอันอ่อนหวานนั้นเข้าหาตัวแล้วกลืนกินอย่างตะกละตะกลาม

ไคโตปรือตามองเพดาอันมืดมิดก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาท่ามกลางความบ้าคลั่ง ความสุขสมที่เกิดจากพลังที่ล้นปรี่กำลังไหลเวียนทะลักเข้ามาในร่างกายอย่างไม่หยุดหย่อน

“หึหึหึ เจ้าไม่มีวันชนะเราได้หรอยู”


******

หายไปนาน ช่วงนี้ทางมหาลัยจัดกิจกรรมกีฬาขึ้นพึ่งจะเสร็จสิ้นไปเมื่อวันเสาร์นี่เอง เหนื่อยแทบขาดใจตายทุกวันเลยครับเลยแอบดองๆไป แต่รับรองว่าไม่หายไปไหนแน่นอน จะพยายามอัฟไวๆนะครับ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch15 100% page 6][2/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 02-03-2015 23:19:49
สงสารยูจังเลยยยยยยยย
ทำกับยูแบบนี้ก็เกินไปเนอะ ถ้ามรลูกนะ จะยุให้หอบลูกหนีซะเลยนี่ ฮึ่ม!
รอตอนต่อไปน้าาาาา
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch15 100% page 6][2/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 02-03-2015 23:57:49
 :z13:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch15 100% page 6][2/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-03-2015 00:12:07
เข้าใจว่าพยายามปกป้องยูแต่ทำไมต้องรุนแรงขนาดนั้นด้วยเล่า
ขนาดท่านพ่อยังหลงเสน่ห์ไอ้ไคโต แบบนี้จะรอดเรอะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch15 100% page 6][2/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-03-2015 23:08:23
อิไคโต   อิตัวตายยาก  ชิๆ
สงสารยูมากเลยอ่ะ  ริวทำรุนแรงไปนะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch15 100% page 6][2/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 04-03-2015 00:18:03
ริวเกินไปจริงๆ เดี๋ยวแม่จับทำมังกรย่างเลย :z6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch15 100% page 6][2/3/2557]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-03-2015 00:57:31
มีเรื่องอีกจนได้
หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch16 100% page 6][31/3/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 31-03-2015 21:34:10
16
ผมนอนมองไปยังเพดานห้องสีขาวสะอาดอยู่นานกว่าจะนึกขึ้นได้ว่าอะไรที่นำพาผมมายังที่แห่งนี้  เมื่อมองดีๆกลับพบว่าคุกแห่งนี้ช่างดูดีเกินกว่าที่จะเป็นคุกสำหรับนักโทษข้อหาร้ายแรงอย่างเขา มังกรโง่นายต้องใจร้ายกับฉันให้มากกว่านี้ถึงจะไม่โดนจับได้

“อา...”
เสียงที่เคยกังวานใสแหบแห้งลงอย่างน่าประหลาดเมื่อลูบคอจึงรู้ว่าถูกสวมปลอกคอเหล็กเย็นเฉียบนี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเปล่งเสียงออกมาได้อย่างยากลำบาก


ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูทำให้ผมต้องลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นตัว หญิงสาวในชุดสีเขียวอ่อนก้าวเข้าห้องมาพร้อมถาดสีเงินในมือ เธอไม่พูดอะไรเพียงแค่วางถาดสีเงินนั้นไว้บนโต๊ะแล้วเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ

ผมพาร่างกายอันบอบช้ำเดินไปหาถาดอาหารนั้นก่อนจะเปิดออกก็พบข้าวต้มถ้วยหนึ่ง ผมลงมือทานอย่างช้าๆก่อนจะกลืนมันลงไปโดยไม่ได้รับรู้ถึงรสชาติใดๆ จนกระทั้งช้อนกระเบื้องอย่างดีนั้นแตะกับก้นถ้วยส่งเสียงดังกิ๊งดังกังวานไปทั่วห้องอันเงียบสงบแห่งนี้


“ท่านจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานหรือไม่...ราชา”

“ที่แท้เจ้าก็รู้อยู่ก่อนแล้ว”

ยูหลับตา หวังว่าราชามังกรคงจะไม่ฆ่าเขาเสียตอนนี้

“ไคโต ...ท่านกับไคโตมีสัมพันธ์กันแล้วสินะ”

“ข้าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของเจ้า”

ราชามังกรทอดมองบุคคลตรงหน้าด้วยสายตาเย็นยะเยือก “อีกไม่กี่วันเจ้าจะได้รับรู้ถึงรสชาติของการสูญเสียอีกครั้ง”

“...หึ”ยูหลุบตามองพื้นก่อนจะยกยิ้ม

“ฝากไปบอกไคโตด้วยว่า เขาจะไม่มีวันได้สิ่งที่เขาต้องการ ไม่ว่าอะไรก็ตาม”

ราชามังกรมองหน้ายูก่อนจะสะบัดหน้าเดินจากไป นานกว่าผมจะเปิดปากเรียกบุคคลที่สามที่ยืนอยู่ตรงนั้นมาตลอดโดยที่ราชามังกรเองก็ไม่รู้ตัว

สิ่งแรกที่ผมเห็นแวบแรกผมคิดว่าริว แต่เมื่อตั้งสติมองดีๆแล้วเธอคนนั้น คือ มารดาของมังกร นางฉลาดหลักแหลมกว่าผู้ใดเพียง
แค่มองปราดเดียวก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ

“ราชินี”

“เด็กน้อย..ลำบากเจ้าแล้ว”เธอออกมาจากเงามือเข้ามากุมมือผมด้วยสายที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย

“ท่านต่างหากที่จะลำบากรีบไปก่อนที่จะมีใครมาพบว่าท่านอยู่กับผม”

“ข้ารู้ ว่าราชา...ริวกะ ต้องมนต์ของโจเนะสึ”พระนางเอยชื่อของผู้เป็นราชาของมังกรทั้งปวงออกมาโดยตรง

“เขาไม่คู่ควรตำแหน่งราชามังกรอีกต่อไป”

“ท่านฆ่าสามีของท่านไม่ได้หรอก”

“เด็กน้อยเจ้าคิดว่าตำแหน่งมารดาของมังกรทั้งปวงของข้าได้มาได้อย่างไร”เธอคลี่ยิ้มงดงาม แต่รังสีสังหารของเธอตรึงผมไว้กับที่

“ริวกะข้าจะเป็นคนจัดการเอง เจ้าอย่าสอดมือ”

“ผมก็ไม่อยากจะยุ่งกับเขาเท่าไหร่หรอก แต่ว่าท่านจะหักใจฆ่าเขาได้จริงๆหรอ ท่านไม่ได้รักราชามังกรสักนิดเลยหรือ?”

“ข้าจะรักเขา ก็ต่อเมื่อหัวใจมังกรรักเขา”

ยูนั่งนิ่งไปก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่มั่นใจสักเท่าไหร่นัก “หัวใจมังกร...ยูกิไม่ได้ขโมยมันไปจริงๆ”

“ข้ารู้...มันหนีไป และบริวารของเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องข้ารู้”

“...มังกรจะอยู่ไม่ได้หากขาดหัวใจมังกร ท่านจะไม่ไปตามหามันรึไง”เขามองราชินีด้วยความตกตะลึง

“เมื่อมีราชามังกรที่เหมาะสมมันจะกลับมาเอง”

“งั้นหรือ...”

“หมดเรื่องที่ข้าจะพูดแล้ว เจ้าก็ระวังตัวไว้ให้ดี”

ยูพยักหน้ารับคำเตือนแต่โดยดี ก่อนจะโพล่งขึ้นโดยไม่ทันได้คิด “ราชินี ริวเค้า..”

“?”

“อ้อ...ปะ เปล่าครับ”

“ข้าจะบอกเค้าให้ก็แล้วกันว่าเจ้า คิดถึง”

“หะ หา??? มะ...ไม่ใช่นะ”

ราชินียิ้มสวยก้าวฉับๆเดินจากไปแล้วโดยที่ไม่ได้ฟังคำปฏิเสธของเขาเลยแม้แต่คำเดียว  ยูเม้มริมฝีปากแน่นย่างสูญเสียการ
ควบคุมอารมณ์และดูเหมือนราชินีก็ดูจะชอบเห็นเขาที่กระวนกระวายเอาเสียมากๆ

“เฮ้อ ยูกิ ข้าควรจะทำยังไงต่อดีนะ”

รวมหัวกันหลอกราชามังกรโดยที่ไม่ได้นัดแนะกันนี่ยากจริงๆ โชคดีที่ราชินีมันกรนางฉลาด บุตรชายของนางก็ฉลาด ไม่รู้ว่าราชามังกรป่านี้จะรู้ตัวรึยัง แต่เท่าที่ดูแล้วคงจะเริ่มระแคะระคายบ้างแล้วถึงได้พูดจาเปิดเผยตัวกันเขาแบบนั้น

“ไคโตเอ๋ยไคโต”ยูยกยิ้มทิ้งตัวนอนลงบนฟูกแสนนุ่มที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของริว

“อยู่ดีๆไม่ชอบ อยากหาเรื่องตายก็จะจัดให้”

ยูหลับตาลงและรอคอยอย่างสงบ สงคราเริ่มปะทุแล้ว อีกไม่นาน...ส่วนเกินอย่างไคโตก็จะหายไป

ค่ำคืนอันเงียบสงัดเสียงลมหายใจแผ่วบ่งบอกได้ชัดเจนว่าคนที่นอนอยู่บนฟูกหนานุ่มนั้นอยู่ในห้วนนินทรา ปลายนิ้วเย็นไล้เบาๆบนผิวแก้มเนียน ดวงตาเป็นประกายทอแววสำนึกผิด

“ช้าชะมัด”ร่างบางใต้ผ้าห่มพูดขึ้นทั้งที่ยังหลับตา

ผู้บุกรุกในยามวิกาลชะงักก่อนจะคลี่ยิ้มบาง “ตื่นอยู่หรอ”

“เปล่าฉันละเมออยู่”

“ทำไมมาช้านัก”คนพูดพูดเหมือนคาดการณ์ไว้แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องมาในคืนนี้แน่ๆ

“มีหลายเรื่องต้องจัดการ”

ยูทำหน้าบึ้งไม่พูดอะไรอีก ริวก้มหน้าลงจุมพิตที่หน้าผากมนก่อนจะไล้ริมฝีปากลงมาที่หัวไหล่ กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์โชย
แตะจมูกเหมือนทุกครั้ง ยูขะยุขะยิกตัวขยับหนีสัมผัสอ่อนโยนที่ริวมอบให้อย่างเคืองๆ

“เจ็บตรงไหนบ้าง”ริวกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“ทั้งตัวนั่นแหละ !”

“ฉันจะทายาให้”

ริวหยิบตลับตาที่แอบหยิบติดมือมาจากห้องยาขึ้นมาบรรจงทารอบคอ แขน และร่องรอยการทรมาณต่างๆที่ตนเองเป็นคนทำขึ้น
อย่างตั้งใจ แต่ยูยังคงนิ่งท่าทางเหมือนกำลังไม่พอใจการปรนนิบัติของเขาเลยแม้แต่น้อย
ริวล้มตัวลงนอนตะแคงตระกองกอดยูที่หันหลังหนี ริมฝีปากจุมพิตลงบนต้นคอขาวอย่างเอาใจจนฝ่ายถูกจูบสะท้านไปทั้งตัวครางเสียงแผ่วอย่างไม่อาจกลั้นใจไปกับสัมผัสนี้

“อื้อ ปล่อยนะ”

“ไม่ปล่อย”

“เชอะ ทีอย่างนี้ละอ้อนตอนทำไม่รู้จักคิด”

“ก็....มันทนไม่ไหว”

ยูพลิกตัวหันหน้าเข้าเผชิญหน้ากับริว “ทนอะไรไม่ไหว?”

ริวไม่ตอบเพียงแต่กดปลายนิ้วลงบนแผ่นหลังเล็กลูบไล้ลงมาที่สะโพกกลมกลึง กว่าที่ยูจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้วปลายนิ้วเรียวกดลงบนบางทางเข้าสีชมพู ยูอ้าปากครางหวืออย่างไม่ทันได้เตรียมกายเตรียมใจ ตัวสั่นระริกอย่างน่าสงสารเมื่อถูกเจ้ามังกรแกล้ง

“อะ ...อื้อ ริว ริว เบาๆหน่อย”ยูซุกหน้าลงกับไหล่หนาของริวที่โอบกอดร่างของตนเอาไว้ทั้งตัว

“ยู”ริวกระซิบที่ริมหู

“หือ..”

“รักนะ”

“โกหก”

ยูตอบกลับน้ำตาคลอหน่วยเมื่อแกนกายใหญ่กำลังสอดแทรกเข้ามาภายในร่างอย่างเอาแต่ใจ ริวยิ้มก่อนจะมอบจูบอันแสนลึกล้ำ
เคล้าเสียงคราวผะแผ่ว

“เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว บอกรักฉันหน่อยสิยู”

ยูปรือตาหวานฉ่ำมองมังกรอันเป็นที่รักก่อนจะคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “หลังเรื่องทุกอย่างจบ ฉันจะพูดให้ฟัง”

“ห้ามตาย ห้ามหนีไปมีคนอื่นด้วย”ยูเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจบ้าง

“สัญญา”

“สัญญา”

ริวกอดยูไว้แนบอกฟังเสียงลมหายใจ เสียงของหัวใจ เสียงครางหวาน กลิ่นอันหอมหวน


หลายวันมานี้ริวเอาแต่ขลุกอยู่กับเขาไม่ยอมไปไหน ทั้งยังไม่เกรงกลัวราชามังกรอีกต่อไป ราชินียังให้ท้ายด้วยการส่งของบำรุงมาให้ทุกเช้าทุกเย็นทั้งยังทิ้งท้ายด้วยข้อความที่ทำให้เขาแทบกระอัก

‘ข้าอยากได้หลายชายหนึ่ง หลานสาวหนึ่ง’


ปี๊นนนนนนนน


เสียงหวีดแหลมของแตรรักษาการณ์ดังกรีดผ่านอากาศจนยูสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ทหารนายหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องโดยพละกาลริวขมวดคิ้วน้อยๆไม่ได้กล่าวอะไร ยูหน้าแดงระเรืองรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาปิดบังส่วนที่มิควรเห็นมิควรเปิดเผยเอาไว้

“องค์ชาย...”

 “ว่ามา”

“ประตูสามภพถูกเปิดออกโดยภพมนุษย์พะยะค่ะ”

ริวหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันทีที่ได้ยินข่าว แต่ยูกลับสงบนิ่งเหมือนเป็นเรื่องทีคาดการณ์ไว้แล้ว

“เตรียมทำสงคราม จัดกองทัพเรียกระดมทุกหน่วย”

“พะยะค่ะ”

ริวหันมามองยู“อยู่ที่นี่ห้ามไปไหนเด็ดขาด”

มังกรทะยานจากไปแล้วไออุ่นที่มีเริ่มถูกแทรกซึมกลายเป็นความเหน็บหนาวเสียดแทงลึกไปยังก้นบึ้งของจิตใจ ความวุ่นวาย
กำลังขับเคลื่อนวงจรชะตากรรมให้หมุนไป

“ยูกิ”

“เจ้าค่ะนายท่าน”จิ้งจอกสาวที่หายหน้าไปนานร่วมเดือนได้ปรากฏกายขึ้น

“หัวใจมังกรละ”ยูถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“อยู่นี่แล้วเจ้าค่ะ”

อัญมณีสีเขียวถูกห่อด้วยผ้ายืนมาตรงหน้าของยู ยูเหลือบตามองเพียงแค่แวบเดียวก่อนจะรับมาถือไว้ในมือ

“เมื่อไหร่ที่มังกรพ่ายแพ้ต่อมนตรา ฉันจำเป็นต้องพึ่งมัน”

ยูกิคลี่ยิ้มหวาน “ท่านโกหกเขาผู้นั้น”

“เรื่องบางเรื่อง ...ก็ไม่ควรพูดไป”

ยูจ้องอัญมณีสีสวยราวกับกำลังชั่งใจ ขนาดของมันเล็กกว่ากำมือไปหน่อยเดียว ยูถอนหายใจก่อนจะเปิดปากแล้วกลืนมันลงไปทั้งดวง ยูกิเบิกตากว้างมองนายเหนือหัวอย่างไม่คาดคิดลุกพรวดจับไหล่ทั้งสองข้างของเจ้านายเอาไว้

“ทะ...ท่าน”

ยูหลับตากลืนมันลงไปแม้จะรู้สึกอยากอาเจียน

“ฉันต้องการพลังยูกิ”

พลังส่วนหนึ่งได้ถูกไคโตชิงไปแล้วไม่สามารถพื้นคืนได้ในเวลาเพียงเดือนสองเดือน ทั้งยังโดนริวรีดเค้นพลังออกไปทุกวี่ทุกวันอีก แบบนี้จะเอาอะไรไปต่อกรกับศัตรูได้

เพื่อที่จะได้จบเรื่องราวทุกอย่างโดยมิต้องสูญเสียสิ่งใด

นอกจากจิตวิญญาณของไคโตที่ต้องแตกสลายดับไปเพียงเท่านั้นเขาถึงจะพอใจ










 


หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch16 100% page 6][31/3/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 31-03-2015 22:54:27
ค้างงงงงงงงงงอย่างแรงงงงงงงงงงงงงง :a5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch16 100% page 6][31/3/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-03-2015 23:40:03
อยากจะจับไคโตมาเฆี่ยนนัก....ตัวก่อเรื่อง อ้ากกกกก
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch16 100% page 6][31/3/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-04-2015 00:14:42
งะ เอาอีกกก
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch16 100% page 6][31/3/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 01-04-2015 06:54:42
น้องยูสู้ตาย!!!!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch16 100% page 6][31/3/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวสีกระดาษ ที่ 02-04-2015 00:18:41
อ่านรวดเดียวจบ

สนุกมากกกกกกกกกกกกกครับ

สุดยอดมากจริงๆ ชอบมากเลยเรื่องนี้

เป็นกำลังใจให้คนเขียน ให้ริว ให้ยูด้วยนะ

รีบๆกลับมาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch16 100% page 6][31/3/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 13-04-2015 21:38:42
โอ้ยยยยยย อยากอ่านอีกกกกกก  :katai4:
หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch17 100% page 6][3/6/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 03-06-2015 20:24:10
17

กลิ่นอายมนตราปะบนไปกับกลิ่นคาวเลือด เสียงร้องของมังกรที่คำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวเนื่องด้วยเพราะผู้บุครุกนั้นร้ายกาจอย่างที่ไม่เคยได้พบเจอมาก่อน นั่นเพราะศัตรูของเขาก็มีราชามังกรผู้ถูกควบคุมด้วยมนสะกดอันยิ่งใหญ่เพียงส่งเสยงคำรามก็สะท้านไปถึงสามภพ ราชากับราชินีห้ำหั่นกันเองแม้แต่มังกรบางส่วนก็ยังหันมาฆ่ากันเองแทนแล้ว
 

“หลงเอียนเจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอกถอยไปซะ”ราชามังกรกล่าวกับราชินีด้วยท่าทีเหยอหยิ่ง

“จงอย่าทะนงตัวให้มากนัก”สิ้นเสียราชินีการปะทะกันของสองขุมพลังก็ทำให้เกิดสนามพลังทีไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้

 “ฮ่าๆๆๆ ดูสีเมียวกะ มังกรกำลังสู้กันเองช่างเป็นภาพที่สวยงาม”ไคโตหัวเราะอย่างเบิกบานใจ ไม่มีใครที่จะหยุดเขาได้อีกแล้ว เมียวกะยิ้มยืนค้อมตัวต่ำอยู่ข้างกายไคโตผู้บ้าคลั่ง

“อืม เราลืมไปยังเหลือมังกรน้อยเจ้าปัญหาอีกหนึ่งตัวนี่นะ”ไคโตแสยะยิ้มมองไปยังเบื้องหน้า

ริวยืนมองอีกฝ่ายอย่างสงบไม่ร้อนรนในร่างมังกรสีนิล หัวใจสงบนิ่งไม่หลงไปกักลิ่นหอมหวานอันคุ้นเคย

“กลับไปซะไคโต”เสียงทรงอำนาจของริวพูดขึ้น

“เราไม่กลับ เจ้าจะทำอะไรเราได้มังกร”


ไคโตเริ่มร่ายมนต์อีกครั้งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเหล่ามันกรดังขึ้นพวกมันไม่ต้องการที่จะถูกควบคุมแต่ความเจ็บปวดกำลังจะพรากสติของมันไป ริวก็ไม้ยอมอยู่เฉยๆร่ายอาคมสะกัดคำสาปนั้นโดยไวเกิดเป็นสงครามคาถาอาคม ต่างฝ่ายต่างหลีเลี่ยงการ ใช้กำลังเข้าห้ำหั่น ไคโตมีแรงดึงดูเป็นคุณสมบัติเฉพาะของโจเนะสึ และพลังของมังกรที่ยังไม่เชื่องก็คมราวกับใบมีดถ้าเข้าไปใกล้แบบสุ่มสี่สุ่มห้าอาจจะตายได้อย่างไม่รู้ตัวทั้งสองสู้กันอย่างระมัดระวังแต่เวลาที่ผ่านไปก็ยิ่งทำให้ฝ่ายริวเสียเปรียบ มนุษย์หรือมังกรที่ถูกควบคุมไม่รู้จัดเหน็ดเหนื่อย แต่ทางฝั่งของเขามีแต่ยิ่งสู้ยิ่งเหนื่อยแทบตายเรี่ยวแรงหดหายราวกับถูกสูบ

ในขณะที่ริวกำลังคิดวิธีจัดการกับไคโตนั้นให้ได้ไวที่สุดหัวใจก็เต้นแรงขึ้นอย่างประหลาด การเคลื่อนไหวของเหล่ามังกรก็หยุดชะงัดลงอย่างพร้อมเพรียงแม้แต่ไคโตเองก็ยังประหลาดใจ ริว กวาดตาไปมองทางไคโตอย่างระแวงว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นตุกติกอะไรอยู่รึเปล่าแต่ไคโตเองก็มีสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้กัน

“เมียวกะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น !”ไคโตกังวลเมื่อการรบหยุดชะงักไป

“ข้าเองก็ไม่รทราบ”เมียวกะส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

มีบางอย่างผิดปกติ ขุมพลังหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวมาอย่างช้าๆ เป็นพลังที่คุ้นเคยและแปลกประหลาดในเวลาเดียวกัน สุดสายตานั้นร่างบอบบางของยูนั่งหลังตรงอยู่บนหลังจิ้งจอกสีขาวตัวใหญ่ลอยอยู่เหนือฟากฟ้า ทอดสายตาลงต่ำมองเหล่าผู้คนที่กำลังเงยหน้ามองตนประหนึ่งมองมดปลวกไร้ค่า

“หยุดได้แล้วไคโต”เสียใสปานระฆังดังกังวาน

ไคโตตะวัดสายตามองไปยังเสียงนั้นอย่างเย้ยหยันก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นแววตาของคนตระหนกเมื่อมีบางอย่างแปลกไป

“แก....ไปเอาพลังมาจากไหน”

“ไม่....โอ้ ไม่”ราชินีมังกรกรีดร้องเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่เธอคุ้นเคยกับมันมาตลอดทั้งชีวิต

“เจ้าทำอะไรกับหัวใจมังกร !!”

“มันอยู่กับผม มาตั้งแต่แรก”

ริวเหาะขึ้นไปประจันหน้ากับยูจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาคู่นั้นอย่างผิดหวัง “คนโกหก”

คลื่นแห่งความเจ็บปวดโถมขึ้นมาแต่ยูต้องกลืนมันลงไปเพื่ออนาคตที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ ริมฝีปากคลี่ยิ้มใสซื่อ มือทั้งสองยื่นออกไปด้านหน้าราวกับต้องการจะโอบกอดมังกรตรงหน้าไว้

“ฉันเชื่อในคำสัญญาของนายนะริว”

คำพูดนั้นยังคงตราตรึกอยู่ในหัวใจ...

“จงเชื่อข้า จะเป็นผู้ที่อยู่กับเจ้า แม้สุดท้ายแล้วเจ้าจะไม่เหลือใคร

จงเชื่อ ว่าข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าแม้จะต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก

จงเชื่อข้า จงเชื่อในคำสัญญา จงเชื่อในตัวเอง”

ความเป็นนายบ่าวพันธสัญญาตอกย้ำลึกลงไปในจิตวิญญาณ เมื่อนั่นเป็นสิ่งที่เจ้านายต้องการที่สุดทาสรับใช้ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ ริวแปลงกายเป็นมนุษย์ในรูปแบบที่ยูคุ้นตาและน่าคิดถึงเป็นที่สุดฝ่ามือแข็งแรงโอบอุ้มยูไว้อย่างทะนุถนอม

“ข้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้า”

ยูชะงักมองคนที่โอบกอดตนเองไว้ ก่อนจะขยับกายเข้าอิงแอบ

 “ใครสน ฉันจะทำในสิ่งที่ฉันต้องทำเท่านั้น”

“เจ้า !”

“ยูกิไปซะหมดหน้าที่ของเจ้าแล้ว”

จิ้งจอกสาวมองผู้เป็นนายอย่างอาลัยอาวรณ์ก่อนจะจากไปแต่โดยดี “รักษาตัวด้วยนายท่าน”

ริวหลับตาลงความรู้สึกที่เคยสัมผัสได้ตอนนี้เหลือทิ้งไว้เพียงความเยียบเย็น เจ็บปวดเสียจนไม่สามารถพูดออกมาได้เหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องโกหกพันธสัญญาอะไรนั่นก็ไม่เคยเกิดขึ้นความเอาใจใส่ความรักที่ยูมอบให้ ทั้งหมดนั้นกลายเป็นเรื่องโกหก และ...มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกลียดการโกหกและหักหลังเป็นที่สุด

“ย้ากกก”

ไคโตใช้โอกาสนี้ลอบเข้าโจมตียูพลังที่อักแน่ในฝ่ามือพุ่งเข้าปะทะกับเกราะป้องกันของริวที่สร้างไว้อยู่ก่อน แต่พลังนี้มากเกินกว่าที่เกราะป้องกันฉุกเฉินอันเปราะบางจะรับไว้ได้จนในที่สุดมันก็แตกออก ริวถูกยูผลักไปด้านข้างเสนอตัวเข้าไปรับพลังนั้นเต็มๆ ไคโตยิ้มเหี้ยมทะลวงฝ่ามือเข้าไปในตำแหน่งของหัวใจอย่างเลือดเย็นไม่มีการลังเล

“ม่ายยยยย”ริวคำรามอย่างโหยหวนมองหยุดเลือดสีแดงฉานที่ไหลอาบเสื้อสีขาวสะอาบของยู หัวใจแทบจะหยุดเต้นกลัวความสูญเสียนี้แทบสิ้นสติ


ยูฉีกยิ้ม

…ภายในทรวงอกนั้นว่างเปล่า

ไม่มีหัวใจ

ไม่มีอะไรเลย

สายไปแล้วที่จะถอนตัวแขนทั้งท่อนของไคโตถูกฝ่ามือเรียวบางจับยึดไว้มั่น ไคโตมองยูอย่างตื่นตระหนก

“น่าเสียดายนะไคโต นายหาที่ตายเองแท้ๆ”

กึก !! ฉั๊ว !!

“อ้ากกก”

แขนทั้งแขนถูกดึงกระฉากแยกออกจากลำตัวไคโตกรีดร้องหล่นร่วงลงมาอย่างอ่อนแรง ใบหน้าซีดขาวมองแขนข้างที่ว่างเปล่าก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธจนดวงตากลายเป็นสีแดงฉาน

“ท่านไคโต”เมียวกะประคองผู้เป็นนายขึ้นมา

“ไป!”ไคโตออกคำสั่งอย่างฉุนเฉียว แล้วหนีไปโดยมีเหล่าทาสผู้ซื่อสัยต์ขวางทางเอาไว้ไม่ให้ยูตามไปจัดการง่ายๆ

ยูมองไคโตที่ยังมีลูกเล่นอย่างใจเย็น แต่ในขณะเดียวกันยูก้องรับมือกับริวด้วย เพราะไคโตริวจึงได้เห็นแบบเต็มสองตาว่าร่องรอย
สัญลักษณ์แห่งพันธะได้หายไปแล้วดังนั้นเขาทั้งสองจึงไม่ได้อยู่ในฐานะของนายบ่าวอีกต่อไป ริวจับข้อมือของยูไว้แน่นสะบัดอย่างไรก็ไม่หลุดยูแตะที่หลังมือแกร่งนั้นเบาๆ

“ริว...หลังจบเรื่อง เราค่อยคุยกัน”

“แน่นอน เราต้องคุยกัน แต่ตอนนี้ฉันจะไปกับนาย”ริวยังคงขึ้นชื่อเรื่องเอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยน ใช่แล้ว...คนที่เปลี่ยนไปก็มีแค่เขาเท่านั้นยูคิดในใจ

 “ปล่อยฉัน”

“ยู”


เมื่อหันไปตามเสียเรียกริวก็มอบจุมพิตแสนหวานไว้บนริมฝีปาก ยูเบิกตากว้างไม่คิดว่าริวจะทำแบบนี้หลังจากที่เขาหักหลังอีกฝ่าย ริมฝีปากจูบย้ำลงมาบดเบียดจนต้องเผยอปากขึ้นเพื่อสูดหายใจแต่เป็นการเปิดให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น  ยูตกใจจนมือไม้อ่อนไม่รู้จะทำเช่นไรเมื่ออยู่ภายใต้ดวงตาคู่นั้นที่จับจ้องมองมาด้วยความรักอันลึกซึงกระทั่งริวถอนริมฝีปากออกไปแล้วเขายังคงตกใจไม่หาย

“ให้ฉันไปกับนายยู”

“ริว...”

“อย่าทิ้งฉัน”

ผมยอมแพ้

ยูเปลี่ยนจะมาจับมือริวไว้มั่นก่อนจะออกแรงดึงเบาๆ “เรารีบไปกันเถอะ”

ริวอุ้มผมขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะพุ่งไปยังทิศทางที่ไคโตหนีไป ไม่ไกลผมเห็นไคโตจับใครบางคนไว้เป็นตัวประกันใบหน้านั้นบิดเบี้ยวและร้องไห้อย่างหนัก

“ท่านแม่...”

“หึ ถอยไปซะ”คมดาบกดบาดลึกลงไปในคอของท่านแม่

ฉึก...แหมะ ...

ไคโตกระพริบตามองไปยังเบื้องหน้าตรงที่ยูเคยยืนก่อนจะล้มลงมองที่หน้าอกของตัวเองที่มีมือเรียวสวยทะลุออกมา ในฝ่ามือนั้นมีหัวใจหนึ่งดวงเต้นอยู่แถมฝ่ามือนั้นยังทะลุอกของท่านแม่ที่รักจนร่างกายของอีกฝ่ายแตกสลายไปในอากาศ

“อะ...อึก”

“ไคโต...นายมันโง่”ยูยื่นใบหน้าไปกระซิบที่ริมหูของอีกฝ่าย

“นายคิดว่าฉันไม่รู้หรอว่าพ่อแม่จริงๆของฉันตายไปตั้งนานแล้ว”

ไคโตเบิกตากว้างมองยูที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนริมฝีปากราวกับปีศาจ ครั้งอยากจะพูดตอบโต้แต่ภายในปากนั้นเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลย้อนขึ้นมา


“ชิกิงามิพวกนั้นน่ะเลี้ยงฉันมาเพื่อเป็นอาหารของนาย แต่น่าเสียดายที่ฉันเห็นทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น ครอบครัวอะไรนั่นโกหกทั้งเพพวกมันนั่นแหละที่ฆ่าพ่อแม่ฉัน”ยูบีบหัวใจในมือแรงขึ้นอีกแต่ยังไม่ทำลายในทันที เพื่ออยากจะบอกกล่าวความผิดพลาดทั้งหมดของไคโตให้อีกฝ่ายเจ็บใจเล่นก่อนตาย

“นายพลาดตั้งแต่พาฉันไปหามังกร... ฉันรู้ราชามังกรเป็นของนายตั้งนานแล้วไม่งั้นเขาคงไม่เกือบจะฆ่าลูกชายของตัวเองหรอกใช่ไหม มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยที่ฉันกับริวมาพบกัน”

“นายคิดว่ามังกรจะมอบพลังให้ฉันสินะ... แต่นายก็คิดผิดเพราะฉันเป็นฝ่ายมอบพลังให้ริวเอง! เพราะแบบนั้นนายเลยรีบเรียกฉันเข้าตระกูลเพื่อกินพลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดของฉันหลังจากที่ฉันทำพันธสัญญาสามารถเรียกตัวเข้าตระกูลใหญ่ได้แล้ว”

“ทุกอย่างที่นายทำฉันรู้ทั้งหมดไคโต”ยูหลับตาขยี้หัวใจของอีกฝ่ายจนแหลกเละไม่มีชิ้นดี ก่อนจะดึงมือออกมาจากร่างของอีกฝ่าย

“ฮึก...”ไคโตเบิกตามองหน้ายูอย่างเกลียดชังเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจ

“ริวช่วยเผามันที”

เปลวไปสีน้ำเงินบริสุทธิ์แผดเผากายเนื้อให้กลายเป็นเศษธุลีลอยไปในอากาศ พร้อมกับสงครามที่จบลง อาคมของโจเนะสึสลายไปแทบจะในทันทีที่ไคโตสิ้นใจ เหล่ามนุษย์ต่างสลบไสลไม่ได้สติ เหล่ามังกรที่ถูกควบคุมก็ฟื้นคือสติอย่างสมบูรณ์
คล้ายว่าจะเป็นฉากจบที่มีความสุข...


“ริว...นายยังต้องการฉันอยู่รึเปล่า”ยูคลี่ยิ้มแม้ทั้งตัวจะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน

“ฉันมันเจ้าเล่ห์ไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่นายคิด แถมยังทรยศความไว้ใจของนายอีกด้วย”

หยาดหยดน้ำตาร่วงเผาะลงมาจากดวงตาคู่สวยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว ทั้งหมดที่เขาทำเพราะอยากมีชีวิต แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนตั้งแต่สัมผัสได้ถึงหัวใจอันแสนซื่อตรงของเจ้ามังกรเขาก็อยากทำทั้งหมดเพื่อที่จะอยู่กับริวให้ได้นานที่สุด
หมับ !

“ฉันรักนายที่เป็นนาย”อ้อมกอดแข็งแรงรัดร่างยูไว้แนบแน่นอย่างที่เคยทำมาทุกครั้งที่ยูร้องไห้เสียใจ

“แต่ข้าไม่ต้องการคนทรยศพรรคนั้น !”องค์ราชินีประกาศเสียงกร้าว
ทั้งสองคนผงะกับเสียงนั้นก่อนที่ยูจะตั้งสติได้และผละออกจากอ้อมแขนของริว ร่างบางเดินตรงเข้าไปหาราชินีมังกรแล้วคุกเขา

“ฉันไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ เรื่องหัวใจมังกร แต่หัวใจมังกรได้หลอมรวมกับร่างกายของผมเอาไว้ ไม่สามารถแยกจากกันได้แม้ว่าข้าจะตายจากไปก็ตาม”

“เจ้า !”

“ท่านมีทางเลือกสองทางราชินี หนึ่งฆ่าผมแล้วปล่อยให้หัวใจมังกรดับสลายไป สองเก็บผมไว้แล้วสืบทอดมันต่อไปยังอีกรุ่นหนึ่ง”

“ตัวเลือกที่สองหมายความว่างยังไง”ริวโอบเอวผมเอาไว้ก้มหน้าลงถามผมที่นั่งอยู่ต่ำกว่า

“เพราะ ฉันกำลังท้องยังไงละ”


*****
นักเขียนยังไม่ตายนะครับ ดองไปนอด แต่ใกล้จะจบแล้วครับ 20ตอนจบ



หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch17 100% page 6][3/6/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 03-06-2015 20:36:47
นึกว่าโดนหั่นดองลงไหจากนักอ่านผู้อยากอ่านเร็วๆแล้วซะอีกค่ะ555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch17 100% page 6][3/6/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 03-06-2015 21:25:40
โอ้ มาม่าซักหน่อยบ๋ ลงไหดองซะนาน
รอตอนต่อไปเนอะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch17 100% page 6][3/6/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 14-07-2015 22:10:04
จะจบแล้วหรือเนี้ย  :katai4: :ling1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch17 100% page 6][3/6/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 14-07-2015 22:29:44
ยูท้องงงงงงง
แอบสะใจไคโต สมน้ำหน้า คนชั่วต้องได้รับกรรม
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch17 100% page 6][3/6/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 14-07-2015 22:31:23
ทำไมตอนนี้ยังไม่ได้อ่านหว่า ทั้งๆที่อัพมานานแล้ว
กรี๊ดดดด ใกล้จบแล้วหรอคะ
ยูท้องซะด้วย แม่ผัวจะทำไงล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch17 100% page 6][3/6/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 14-07-2015 23:25:13
แล้วอีก3ตอนไปไหนอ่ะ
หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch18 100% page 6][10/9/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 10-09-2015 23:25:59
ผมไม่เหลือทางถอยให้กับใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นราชินีมังกร ตระกูล หรือแม้แต่กระทั่งตัวเอง
สิ่งที่ผมทำได้ คือการควบคุมทุกคนให้ไปตามที่ผมต้องการเท่านั้น

“ผมยกตระกูลของผมให้คุณใช้สอย”

ถามว่าตระกูลเป็นของผมหรอ? ใช่สิ ถ้าไม่ยอมให้ผมเป็นผู้นำตระกูลทุกคนต้องตายอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัยสักนิด
ราชินีมังกรมองผมเหมือนมองคนต่ำช้าซึ่งมันก็สมน้ำสมเนื้อกับสิ่งที่ผมได้กะทำลงไป

“เด็กในท้องก็เป็นพยานรักของผมกับริว พลังที่ผมมีทั้งหมด ผมให้คุณ”

“เหอะ จากต่างกันยังไงในเมื่อบุตรชายของข้า ว่าที่ราชาในอนาคตเป็นของเจ้าอยู่ดี”

“ถ้าไม่มีผม ไม่มีลูกแก้วมังกร มังกรอย่างพวกท่านอยู่ได้หรือไม่ ท่านก็ลองถามตัวเองดูเถอะท่านแม่”

ยูขยับยิ้มแกล้งพูดเน้นเสียงลงไปที่คำว่าท่านแม่ย่างจงใจตอกย้ำในสถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของราชินีมังกร

“หึ เจ้าเล่ห์นัก อยากทำอะไรก็ทำ”ราชินีถอนหายใจยาวอย่างทำอะไรไม่ได้ ฉลาดเจ้าเล่ห์เป็นที่สุด แต่เมื่อดวงใจของลูกชาย
ของนางกลายเป็นของโจเนะสึตนนั้นด้วยความเต็มใจนางก็ไม่อาจจะขัดความบุบเพสันนิวาทครั้งนี้ได้

“ขอบคุณครับ”ยูมองอีกฝ่ายแบบขอบคุณลึกซึ้ง พระนางถอนหายใจก่อนจะเหลือยตามองหน้าท้องแบนเรียบของอีกฝ่าย มังกร
เป็นสิ่งมีชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยพลังและยิ่งใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์จะแบกรับได้

“จะอย่างไรเจ้าเป็นเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง คลอดบุตรให้มังกรข้าเกรงว่า....”

“ผมเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วผมรู้...”ยูยิ้มจางสัมผัสได้ถึงความหวังดีจากเธอ

“ริวรู้เรื่องนี้หรือไม่”

“ผมคิดว่ายัง...ช่วยเก็บเป็นความลับได้ไหมครับ”



หัวใจของมังกรเกิดขึ้นมาบนพื้นฐานแห่งความดี ความแข็งแกร่ง แหละหยิ่งผยองในพลังที่สวรรค์ได้ประทานสรรสร้าง พวกเขา
ฉลาดและยืดหยุ่นกระทั่งผู้ที่หักหลังแม้ว่าคำขอโทษของผมอาจจะไม่ได้ดูจริงใจนักแต่พวกเขาก็ยอมอภัยให้ สีหน้ากังวลของ
ราชินีแห่งมังกรเผยออกมาชัดเจน

“อายุขัยของผมก็ไม่ได้มากไปกว่ามนุษย์ปกติอยู่แล้วละครับ ขอแค่ได้คลอดเด็กคนนี้ให้ริวผมก็พอใจแล้ว”

   “พลังของเจ้าเพียงพอที่จะให้กำเนิดด้วยหรือ?”

   “คุณคิดว่าผมกินหัวใจมังกรลงไปเพื่ออะไร”

   “...”

   ราชินีมังกรมองยูตาโตไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น เพียงแค่คิดว่ายูกินมันลงไปเพราะต้องการพลังที่จะล้มล้างโจเนะสึรุ่นเก่า

เท่านั้น ก่อนจะหัวเราะเสียงใสตบโต๊ะดังฉาดอย่างถูกใจ

“ในเมื่อเจ้ากล้าทำก็ต้องกล้ารับผมที่จะตามมา”

“ครับ ผมเตรียมใจไว้แล้วเพื่อให้เด็กคนนี้ที่จะต้องได้ลืมตามองดูโลก”




ริวยืนกระสับกระส่ายรอคอยยูออกมาจากห้อง ถึงแม้ว่าพันธสัญญาเลือดที่เคยมีจะหายไปแล้วแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่อาจ

จะหลีกหนีหรือฝืนใจผิดคำสั่งของยูไปได้

...เหมือนสุนัขที่ถูกเจ้านายสั่งให้คอยอย่างไรอย่างนั้น

“ริว”


เสียงเรียกอันคุ้นเคยทำให้ริวหลุดออกจากภวังค์ ใบหน้าสดใสของยูที่ยิ้มให้ทำให้ต้องก้าวยาวๆแล้วสวมกอดอีกฝ่ายเอาไว้เหมือนกลัวว่าจะจะหายไปหรือกลับกลายเป็นความฝันตื่นหนึ่ง กลิ่นหอมที่แตะจมูกชวนให้รู้สึกอุ่นใจเสมอทุกครั้งที่ได้สัมผัสและโอบ
กอด

“หืม? เป็นอะไรไป”

“ท่านแม่...ไม่ได้ทำอะไรนายใช่ไหม”


“จะบ้าหรอ”ยูยิ้มขำๆสวมกอดอีกฝ่ายตบไปที่แผ่นหลังหนาๆของริวดังปั๊กๆอย่างปลอบใจกับมังกรขวัญอ่อน


 “พาฉันกลับห้องเถอะเหนื่อยแล้ว”

“บางทีเราน่าจะเรียกยูกิกกลับมา”ริวนึกห่วงความปลอดภัยของยูขึ้นมา

“ไม่ เธอไปแล้วตามทางของเธอ ค่าตอบแทนในครั้งนี้ผมได้ให้อิสระแก่เธอ”

ริวมองยูที่อิ่งแอบอยู่ในอ้อมอกด้วยความวาบหวามภายในใจ มือหนึ่งโอบเอวยูเอาไว้อีกมือหนึ่งลูบเบาๆที่หน้าท้อง ความห่วงใย
ความรักใคร่ ช่างให้ความรู้สึกดีเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยสำลีที่มีกลิ่นหอมละมุน อบอุ่นเหมือนอยู่ท่ามกลางแสงแดดในยามเช้า


“ขอโทษนะริว ที่โกหก”

“ขอแค่มีนายอยู่ ถึงนายจะโกหกอีกพันครั้งฉันก็จะไม่โกรธ”

ทำไมกันนะ... ในหัวใจถึงเจ็บปวดเหลือเกิน


“ยู?”

“ขอโทษนะริว...ฉันมีเรื่องต้องบอกนายอีกเรื่อง”

ยูดันตัวออกจากอ้อมกอดช้อนตามองใบหน้าคมคายที่เคยเห็นมาตลอดสิบกว่าปี เรียกได้ว่าแทบจะทั้งชีวิตที่มีกันและกันจนตอนนี้
ได้ถือกำเนิดพยานรักตัวน้อย คิ้วสวยได้รูปเลิกมองร่างบางเป็นเชิงถาม

“ฉัน...”พอเห็นใบหน้าที่มีความสุขของริวก็พูดไม่ออกขึ้นมาซะอย่างนั้น

“มีอะไร”ปลายนิ้วขยับจับปอยผมของยูทัดให้ที่หลังหูแล้วลูบที่ต้นคอเบาๆอย่างเอาอกเอาใจเต็มที่

“ฉัน...รักนาย”

ริวเบิกตากว้างมองยูอย่างไม่เชื่อหูก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อใบหน้าขาวแดงระเรืองขึ้นมาเหมือนโดนต้มจนเดือด กระทั่งลำคอ
และใบหูก็เปลี่ยนสี คนถูกมองก็เขินอายจนต้องก้มหน้าเดินหนี แต่ติดตรงที่มือของอีกฝ่ายรั้งกอดเอาไว้แน่นเสียจนขยับก้าวไป
ไหนไม่ไดเลยแม้แต่ก้าวเดียว

“ปล่อยฉันนะไอ้มังกรบ้า”

“รีบไปไหนละหืม”ริวพูดอย่างอารมณ์ดี

ริมฝีปากจูบย้ำๆที่ลำคอและแก้มสีชมพูสุกใสทั้งสองข้าง ลมหายใจร้อนๆเป่ารดแก้มของยู ฝ่ามือขาวยกขึ้นลูบใบหน้าคมคายบอก
รักความรักความไว้ใจที่มือทั้งหมดผ่านริมฝีปาก เรือนร่างอันแสนอบอุ่น ความแนบชิดสนิดสนม รอยยิ้มที่อาบไปด้วยความสุข

“ราชินีตัดใจฆ่าราชามังกรได้ยังไงกันนะ”

“ท่านพ่อโดนช่วงชิงวิญญาณไปแล้วไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก ถึงไม่ฆ่าก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว”ริวทอดสายตา
มองออกไปยังที่ไกลแสนไกล

“เสียใจรึเปล่า”ยูกุมมือริวไว้แน่น

 ร่างสูงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแทนคำตอบ ฝ่ามือแตะหน้าท้องที่ยังแบบเรียบแต่ก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง

“จะเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายนะ”ยูขยับยิ้มถามมือมือที่ไล่วนเวียนที่หน้าท้อง

“หญิงสิ”

เจ้ามังกรตอบอย่างเอาแต่ใจ จนยูอดขำไม่ได้ “เอ๋ ทำไมละ”

“ไม่อยากให้มีใครมาแย่งความรักของฉัน”

ยูกรอกตากับคำตอบของมังกรอายุสมองสองขวบ “ถ้าฉันคลอดเด็กผู้ชายขึ้นมาละ”

“ยกให้ท่านแม่เลี้ยง”

 “พูดกับนายแล้วปวดหัวจริงๆ”

ริวขยับยิ้มกับคำบ่นของยู จริงๆแล้วขอแค่เป็นลูกที่ยูคลอดให้จะเป็นผู้หญิงหรือเป็นเด็กผู้ชายเขาก็รักด้วยเลือดเนื้อเชื้อไข รักดวง
วิญญาณเล็กๆดวงนั้นที่กำลังมาเกิดเป็นลูกของเขาอยู่แล้ว

“ต้องบำรุง”




เมื่อทุกอย่างลงตัวเข้าที่แล้ว เรือนหอสร้างแล้วเสร็จ ปราสาทก็ซ่อมแซมแล้ว ท่านราชินีก็เรียกทั้งสองเข้าพบ ริวดูกังวลในขณะที่
ยูดูกระตือรือร้นกว่าลูกชายแท้ๆในไส้เสียอีก ยูก้าวเท้ายาวๆโดยที่มีริวเดินตามติดมาอย่างเงียบๆตามปกติจนกระทั่งถึงห้องโถงโอ
อ่าเรียงรายไปด้วยอาหารเลิศหรูกลิ่นหอมชวนรับประทานหลากหลายสีสันเรียงรายเต็มโต๊ะกลมที่ดูอบอุ่น

“มีงานเลี้ยงหรอครับคุณแม่ยาย”ยูยิ้มประคองท้องใหญ่เดินอุ่ยอายเข้ามา

“ข้ากำลังเลี้ยงหลานตัวน้อยของข้าต่างหากละ”
ยูหัวเราะหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างยินดีเลี้ยงเจ้าตัวเล็กในท้องก็เท่ากับเลี้ยงเขาเหมือนกันต่างกันตรงไหน?  ริวก็มีท่าทีโล่งใจมา
ขึ้นเมื่อเห็นท่าทีผ่อนคลายของผู้เป็นแม่

“เคราะห์กรรมได้ผ่านพ้นไปแล้ว โชคดีกำลังเข้ามา ของแดนสวรรค์ชั้นฟ้าแห่งนี้สงบสุข สงบสุขตลอดไป”

ราชินีมังกรพูดขึ้น “ทานได้”

ยูเอื้อมตะเกียบคีบปลาท่าทางน่ากินให้แม่ยายก่อนจะหันไปคีบให้สามีตามธรรมเนียมผู้อาวุโส ราชินีพยักหน้าก่อนจะคีบเนื้อชิ้น
นั้นเข้าปาก

“ผมไม่ค่อยได้เจอท่านเลย งานคงจะยุ่งน่าดู”
“เรียกข้าว่า ลู่เสียน มาท่งท่านอะไรกัน”ราชินีขมวดคิ้วยุ่งจนยูต้องเปิดปากเรียกท่านแม่ลู่เสียนเสียหนึ่งคำ พระนางจึงยอมคลาย
หัวคิ้วนั้นออก

“ชื่อจีนมากเลยนะครับ”

“แผ่นดินกว้างใหญ่ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ง่ายเพียงสะบัดปีกโผบิน”

“ท่านแม่หมายถึงออกจากจีนมาปกครองที่นี่พร้อมท่าพ่อน่ะ”ริวซับไตเติ้ล

“แสดงว่ายังมีมังกรตนอื่นอีกสินะ”

“ใช่”

ยูยังแอบนึกกลัวในใจว่าตัวเขาอาจเป็นต้นเหตุให้มังกรสูญพันธุ์ได้

“อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระ รีบทานเข้าไปเยอะๆ”

“ผอมไปหมดแล้ว ทานเยอะๆ”

แม่ยายเอาใจ สามีเอาใจ ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วความสุขยูยิ้มดีใจ กับคนที่อยู่ด้วยความหวาดกลัวความตายมาทั้งชีวิต
ตอนนี้เขายิ้มออกแล้วด้วยความภูมิใจละไม่ต้องกลัวอะไรอีก ท่านพ่อท่านแม่ในสวรรค์ผมสืบทอดปณิทานมีลูกหลายสืบสกุลให้
ท่านแล้ว

“ว่าแต่ปกติแล้วมังกรตั้งท้องกี่เดือนถึงจะคลอด”หากคาดไว้คร่าวๆ ตอนนี้ก็ร่วมสิบสองเดือนแล้วที่เขาอุ้มท้องโย้เย้แบบนี้

“พวกเราอาศัยการบำเพ็ญเพียร เอาๆไปเทียบกับเจ้าไม่ได้หรอก”ลู่เสียนทำหน้าคิดจริงจังก่อนจะพูดต่อ “บางทีอาจจะเก้าเดือน
เช่นมนุษย์ทั่วไป”

“เตรีมพร้อมไว้ก่อนดีกว่า”ริวหันไปสั่งหญิงรับใช้ว่าให้จัดหาเซียนโอสถมาเพิ่มทันทีที่พูด

“เห็นพวกคุณจริงจังกันขนาดนี้ ผมชักจะเริ่มกังวลตามแล้วสิ”ยูหัวเราะลูบท้องนูนๆของตัวเอง

“ใครจะเอื่อยเฉื่อยเหมือนเจ้ากัน”แม่ยายถลึงตาใส่

“ยูดูแลตัวเองหน่อย”พร้อมๆกับคำบ่นของริว

“รู้แล้วครับๆ”

“เจ้าคิดชื่อไว้รึยัง”ลู่เสียนหันมาถามบุตรสะใภ้ก่อนจะเลยไปมองริวที่นั่งนิ่งไม่มีความเห็นใดๆ

“ยังเลยครับ อยากจะรบกวนให้ท่านแม่ลู่ตั้งให้”

“คิโยชิ ที่แปลว่า บริสุทธิ์”

“คิโยชิ ดูเหมือนลูกต้องเกิดมาเป็นผู้ชายซะแล้วละ”ยูก้มหน้าพูดกับลูกในท้องที่เริ่มดิ้นตอบสนองกับผู้เป็นมารดา

“เอาชื่อผู้หญิงสิท่านแม่”ริวพูดแย้ง

“ไม่”

ผมยิ้มเอนหลังที่เริ่มปวดน้อยๆพิงริวฟังสงแม่ลูกเถียงกันเป็นเรื่องปกติของชีวิตไปเสียแล้ว ท่อนแขนแข็งแกร่งโอบประคองผู้เป็น
ที่รักเอาไว้อย่างทะนุถนอมมือใหญ่อีกข้างกุมมือเอาไว้หลวมๆคลายความหนาวที่ปลายนิ้ว

“ไปพักได้แล้วนั่งนานๆจะปวดเอวเอา”ลู่เสียนเอ่ยปากไล่

“...”

ความเจ็บแปล๊บแล่นขึ้นมาจากหน้าท้องพาเอาหมดแรงเดินขึ้นมา ร่างที่โนเอนเกาะโต๊ะเอาไว้ทำเอาจอกน้ำชาทรงสูงกระเฉาะล้ม
ระเนระนาดยังไม่เท่าหัวใจของมังกรทั้งสองที่ตกไปที่ตาตุ่ม ริวที่คอยประคองอยู่กระชับวงแขนดังยูเข้ามาแนบอกก่อนจะค่อยๆ
ทรุดลงนั่งกับพื้น มองร่างบางที่หน้าตาซีดเซียวด้วยความตกอกตกใจ

“ยู...”

“จะคลอดแล้ว”

กลิ่นอายความสุขและความสงบ

ผมขอภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ให้เด็กคนนี้เดินมาอย่างสมบูรณ์

ความรักไม่จืดจาง ความทรงจำคงอยู่

ตลอดไป ตลอดกาล


====
 คุยกันสักนิด

กราบขออภัยไร้คำแก้ตัวสำหรับการดอง  :mew2: ครั้งหน้าอาจจะลงสองตอนรวดให้จบเลยค่ะ  :call: :call: :call:


 









หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch19 100% page 6][4/10/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 04-11-2015 20:20:17
19
“ยู”

“อะ...อือ”

ริวถูกกันออกไปโดยทหารกลุ่มหนึ่งมือที่กุมกันไว้ตราบจนวินาทีสุดท้ายค่อยๆเลื่อนหลุดออกจากกัน ทว่าความอบอุ่นที่ปลายนิ้วนั้นไม่ได้จางจากไปประทับไว้ยังส่วนลึกของจิตวิญญาณ

ร่างของผมถูกพามายังสถานที่แห่งหนึ่งสระน้ำสีเขียวมรกตกว้างสุดลูกหูลูกตาปกคลุมบรรยากาศด้วยไอหมอก สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นความนุ่มนวลราวกับถูกโอบอุ้มด้วยละอองไอน้ำแห่งความฝัน ร่างครึ่งร่างถูกวางลงไปในน้ำอีกครึ่งร่างพิงขอบหินสีครีมสว่าง ผมกวาดสายตาที่พร่ามัวมองหาบุคคลๆหนึ่งที่ไม่ได้ตามเข้ามาด้วย

“ริว...ละครับ”น้ำเสียงแตกพร่าด้วยความเจ็บปวด

“ที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นอกจากมังกรเพศเมียที่จะคลอดบุตรคนอื่นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา”

ผมรู้สึกโล่งอกจริงๆ ผมไม่ต้องการให้เค้าเห็นผมตาย...

“ดีจริงๆ”

“บางทีน้ำมรกตนี้อาจจะพอรักษาวิญญาณของเจ้าไว้ได้บ้าง”

ผมส่ายหน้าแต่ก็ต้องร้องออกมาเมื่อความเจ็บปวดแล่นปราดขึ้นมาอีกครั้ง ความเจ็บปวดนี้แทบจะพรากเอาสติผมไปแล้วจริงๆ

“ทะ..ท่านแม่”

“ว่าไง”ราชินีมังกรทอดสายตามองลูกสะใภ้มนุษย์คนนี้ด้วยสายตาอ่อนโยน

“อย่าให้ริวเข้ามาที่นี่ อย่าให้เขาเห็นผมในสภาพแบบนี้”

“ได้”

ทางด้านของริว

“หลีกไปเดี๋ยวนี้ !”เสียงทรงอำนาจของริวตวาดไล่เหล่าบรรดาทหารที่ยืนตั้งมั่นขวางทางเข้าออกที่อยู่เพียงทางเดียวเอาไว้อย่าง
เหนียวแน่

“ทูลองค์ราชา กระหม่อมมิกล้า เพียงแต่องค์ราชินีรับสั่งไว้ว่ามิให้ผู้ใดผ่านเข้าไปได้แม้กระมั่งท่านก็ตาม

ริวกางเขี้ยวเล็บอย่างโมโหโกรธาคว้าลำคอเหล่าทหารผู้น่าสงสารขึ้นมาบีบแน่นจนใบหน้าจำแลงในแดงก่ำไปหมดพอๆกับที่ความโกรธครอบงำจนดวงตาทั้งสอบของเขาแดงก่ำไปหมด เหล่าทหารพากันกลัวจนตัวสั่นแต่ก็ยังไม่ลืมหน้าที่แม้ตัวจะต้องตกตาย ริวคำรามสีคำรามนั้นดังก้องเข้าไปถึงภายในยูทำได้เพียงแค่ขยับริมฝีปากยิ้มร่างกายเจ็บปวดจนขยับไม่ได้แล้ว ได้แต่ปล่อยให้ร่างครึ่งท่อนบนค่อยเลื่อนลงใต้ผิวน้ำ ปล่อยในสายน้ำสีมรกตไหลเข้าทางปากและจมูกและหมดสติไปในที่สุด

ราชินีมังกรถอกมงกุฎออกวางไว้ข้างกายก่อนจะดึงชายกระโปรงนั่งลงบนขอบหินมองการเป็นไปของการกำเนิดด้วยหัวใจที่เศร้าสร้อยและมีความสุขไปพร้อมๆกัน ไม่มีทารกมังกรมานานแค่ไหนแล้ว...แม้แต่พันธุ์ผสมก็ยากที่จะให้กำเนิดทารก หลายพันปีมานี้นางก็มีบุตรชายเพียงคนเดียวและตอนนี้ทารกน้อยๆที่มีศักดิ์เป็นหลายขงนางกำลังจะถือกำเนิดขึ้นนางย่อมมีความสุข
มารดา เป็นตำแหน่งที่หนักหนา

“ในฐานะที่เราเป็นมารดาคนคนหนึ่ง เจ้าจงทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด ให้บุตรของเจ้าได้มีชีวิตอยู่”
ไม่ตาย...แต่ก็คล้าย

“ที่นี่ที่ไหน”

“ที่นี่คือจิตใต้สำนึกของเจ้ายังไงละ”

ยูหันไปมองต้นเสียงอย่างตกใจใบหน้านั้นเหมือนเขาทุกระเบียบนิ้ว ริมฝีปาก ดวงตา จมูก น้ำเสียง

“ฉันก็คือนายนายก็คือฉัน”อีกฝ่ายตอบข้อสงสัยในใจ

“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้”

“เพราะความเจ็บปวดทางกายเกินกว่าจิตใจจะรับไหว จิตจึงนำพานายมาที่นี่”

ยูนิ่งอึ้งไปสรุปแล้วเขาก็ยังไม่ตายสินะ แล้วลูกของเขาละ !

“ลูกฉัน...”

“อย่าคลอดเขาออกมาเลยถ้ามันทำให้เจ้าเจ็บปวด”

“ไม่...”

“หลับซะเถิด แล้วความเจ็บปวดจะหายไป”

ยูอ้าปากค้างยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคเสยด้วยซ้ำร่างกายก็เหมือนจะอ่อนปวกเปียกกลายเป็นโคลนหนักๆตามที่เจ้านั่นพูด

ใคร...มันจะไปยอม

“อย่าขัดขืนหน่อยเลย เหนื่อยเปล่า”

“หึ หึ นายคิดว่าฉันจะยอมง่ายๆเรอะ เป็นแค่จิตใต้สำนึกแท้ๆอย่ามาพูดมากนะ!!”

“วิญญาณของเราคงอยู่มาเป็นพันๆปี ฉันจะไม่ยอมให้นายทำลายมันง่ายๆหรอก”อีกฝ่าแสยะยิ้ม รอยยิ้มที่มาจากใบหน้าเดียวกัน
แท้ๆแต่ยูกลับรู้สึกว่ามันช่างน่าเกลียดและอยากจะลบมันออกไปให้พ้น



“นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วเหตุใดจึงเงียบสงบนัก”ราชินีมังกรหันไปถามท่านหมอที่นั่งเพ่งพิจารณาร่างของโจเนะสึตรงหน้าโดยที่ไม่ได้แตะต้องใดๆ

“ทูลฝ่าบาทพลังของเด็กคนนี้แปรปรวนอย่างยิ่ง วิญญาณกำลังปกป้องตัวเองไม่ได้ถูกทำลายจากการให้กำเนิดแต่ในทางกลับกันอีกครึ่งหนึ่งของจิตวิญญาณต้องการอยากให้เด็กคนนี้เกิดมา”

ราชินีขมวดคิ้วอย่างจนปัญญา “แล้วข้าควรจะทำอย่างไร”

“รอเพคะ”

ในขณะที่ยูกำลังต่อสู้กับจิตของตนเองโลกภายนอกก็วุ่นวายมากพอๆกัน

“ท่านแม่ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ !”

“เจ้าจะเข้าไปทำไม ?”

สองแม่ลูกยืนประจันหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

“แล้วทำไมข้าถึงเข้าไปไม่ได้ ยูอยู่ตรงนั้นข้าควรจะอยู่ข้างกายของเขา”

“...”องค์ราชินีเม้มปากอย่างไม่รู้จะว่าอย่างไรกับลูกชายหัวดื้อคนนี้

“เจ้าไม่ไว้ใจเขาหรือไง”

“มันไม่ได้เกี่ยวกับความไว้ใจไม่ไว้ใจเลยท่านแม่ หลีกไป!”

ริวผลักมารดาของตนออกไปไม่แรงมากแต่ก็มากพอที่จะทำให้เซออกไปพ้นทางได้ หลงเอียนไม่คิดเลยว่าบุตรชายจะกล้าลงมือต่อนางจริงๆแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การผลักเบาๆ กว่าจะหายตกตะลึงผู้เป็นราชินีก็รู้ตัวว่าพลาดไปเสียแล้ว

ริวเบิกตากว้างมองร่างของยูที่หลับตาพริ้มใต้ผืนน้ำสีมรกต ไร้การเคลื่อนไหวใดๆแต่ยังมีพลังของชีวิตที่บ่งบอกได้ว่าร่างตรงหน้ามิได้สิ้นลมจากเขาไป

กึ่งเป็น กึ่งตาย

“ยู...นีมันเกิดอะไรขึ้น”ริวถามอย่างสับสน

“...”มีเพียงความเงียบอันน่าอึดอัดที่ผู้เป็นมารดาตอบให้ ริวไม่เข้าใจว่าเหตุใดมารดาของตนจึงมีสีหน้าเจ็บปวดแบบนั้น

“ตอบข้า !!”ริวเขย่าผู้เป็นมารดาและคาดหวังในคำตอบความโกรธที่พลุ่งพล่านทำให้ผนังถ้ำสั่นสะเทือนคล้ายจะถล่มลงมาเสียให้
ได้ หลงเอียนกรอกตามองเพดานอย่างหวาดหวั่น

“ได้ๆ แม่จะบอกเจ้าหยุดปล่อยพลังออกมาซะที เดี๋ยวเจ้ามนุษย์น้อยของเจ้าก็ตายไปด้วยหรอก”

ได้ยินแบบนั้นริวก็สงบลงทันทีหลงเอียนจึงค่อยๆเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังอย่างใจเย็น ใบหน้าซีดขาวของริวซีดแล้วซีดอีกเมื่อ
คำบอกเล่านั้นจบลง

“ถ้าคลอดเด็กคนนั้นออกมายูจะตายหรอ?”

“ใช่”

ราวกับฟ้าถล่มลงมาตรงหน้าหนึ่งชีวิตต่อหนึ่งชีวิตที่เขาจะต้องเสียไป หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นไปชั่วขณะหนึ่งสมองไม่สามารถคิดอะไรได้อีกนอกจากใบหน้าของบุคคลที่เขารักมากที่สุดและชีวิตน้อยๆที่กำลังจะเกิดมา ริวเซยกมือค้ำผนังอย่างไร้สิ้นเรี่ยวแรงก่อนจะทรุดลงที่ขอบอ่างน้ำมรกตที่ครั้งหนึ่งตนก็เคยเกิด ณ ที่แห่งนี้ บรรยากาศอบอุ่นนั้นหายไปไม่เหมือนเดิมประหนึ่งมีเข็มนับพันทิ่มแทงหัวใจกระทั่งการเปล่งเสียงเขายังแทบจะลืมมันไป

“...”หลงเอียนมองบุตนชาแล้วก็นึกสะทกสะท้อนใจ

ลูกเราไปทำบาปอะไรไว้หนอ แม้มีความรักแต่มิอาจสมหวัง

ดังสายลมที่พัดมาชั่ววูบหนึ่งแล้วพัดผ่านไป

“ยู...”

“รัก...”

หยาดน้ำที่รั่วหล่นจากดวงตาที่สะท้อนเงาบุคคลที่หลับพริ้มอยู่ใต้ผืนน้ำหดแล้วหยดเล่าลงสู่ผืนน้ำจนเกิดเป็นวงคลื่นเบาๆ แม้เสียงที่เปล่งออกไปจะส่งไปไม่ถึงแต่ความรู้สึกภายในใจนี้ริวเชื่อว่ามันจะต้องส่งไปถึงแน่นอน



ทางด้านของยู

ผมอดทน แต่ผมใกล้จะหมดแรง...หมดแรงในกับวิญญาณของตัวเองที่ต้องการจะอยู่รอด หากว่าผมยอมแพ้จะไปมีหน้ามองราชินีได้อย่างไรทั้งยังไม่มีหน้ามองริวอีกด้วย


ฮึก...

ยู

รัก

เสียงกระซิบของริวนั้นกระตุ้นผมให้ตื่นจากภวังค์สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นตอนนี้เขาต้องคิดถึงผมแน่ๆ

อ่า...เด็กคนนี้กำลังบอกผมว่าต้องการมีชีวิต

ดูเจ้าตัวน้อยนั่นกำลังดิ้นภายในตัวของเขาก็ยิ้มออก เขาจะยอมแพ้ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด เมื่อคิดได้แบบนั้นร่างกายก็พลันมีพลังขึ้นมาแขนขาก็ขยับไม่เหมือนโคลนหนักๆอีกต่อไป

“ยังทนได้อยู่อีกรึ”อีกฝ่ายพูดด้วยความโมโห

“หึ แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”ผมหัวเราะ

เจ้าจิตวิญญาณที่หน้าเหมือนผมผมทำหน้าหวาดผวา “อย่าทำแบบนั้นเจ้าจะตายเอานะ !!”

“แล้วยังไง?”ผมตอบกลับแบบไม่หยี่ระ

ลูกของฉันจะต้องได้เกิด โดยไม่มีเงื่อนไข

จิตวิญญาณกรีดร้องโหยหวนร่างของยูเปล่งแสงออกมาลำแสงนั้นช่างเจ็บๆปวดราวกับถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าลูกของเขากำลังจะออกไปลืมตาดูโลกแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้ภารกิจของเขาใกล้สำเร็จแล้ว จิตวิญญาณหายไปแล้วยูจึงได้หลับตาลงวางมือไว้บนท้อง

“เด็กน้อยของผม”ยูยิ้มกว้าง



“เด็ก...เด็กคลอดออกมาแล้ว !!”

ราชินีมังกรเบิกตามองมังกรตัวน้อยที่ออกมาจากร่างที่เปล่งแสงเรืองรอง ริวเบิกตากว้างก่อนจะยื่นมือออกไปโอบอุ่มเจ้าตัวน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ลูกมังกรตัวเล็กราวกับกิ้งกือริวยิ่งมองก็ยิ่งทำหน้าพิลึกดวงตานั้นยังไม่เปิดด้วยซ้ำไป

“ยูดูลูกของเราสิ”

ละสายตาจากลูกไปที่ยู แต่ร่างบางไม่มีปฏิกิริยาตอบรับแถมค่อยจมลงก้นบ่อน้ำมรกตเห็นแบบนั้นฝ่ามือก็สั่นเทาจนหลงงเอียนต้องเข้ามาประคองหลานของไปเธอแทน

“ไม่ ไม่ ไม่”

ริวยื่นมือลงไปคว้าร่างของยูขึ้นมาแต่ไม่ว่าอย่างไรก็จับไม่ถูกราวกับไม่มีกายเนื้ออีกต่อไป นิ้วเรียวแตะลงไปที่ใบหน้าก็ไม่อาจสัมผัสถึงความอบอุ่นได้อีกเลือดในกายก็พลันเย็นเฉียบขึ้นมา แม้แต่ร่างกายเลือดและเนื้อทุกหยดต่างอุทิศให้แด่บุตรของเขาไปหมดแล้ว

“อ้ากกกกก!!!”

 :hao5: :hao5:  เหลือตอนสุดท้ายแล้วนะ



หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch20 100% page 6][11/10/2558]
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 11-11-2015 14:54:11
20 END

‘ไอกะ’

ไอกะ เป็นชื่อที่ยูได้ฝากเอาไว้มีความหายว่า ‘บทเพลงแห่งความรัก’และแม้ว่าชื่อนั้นจะค่อนไปทางเด็กผู้หญิงเสียมากกว่าริวก็ไม่ได้ใส่ใจยังคงเรียกบุตรชายด้วยชื่อของเด็กผู้หญิงตลอดหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ริวละสายตาจากเอกสารในมือมองบุตรชายที่สูงไม่ถึงครึ่งขาของเขา

“ไอกะ เจ้าไม่ควรเข้าไปใกล้ประตูนั้น”

“ท่านแม่กำลังเรียกข้าอยู่”ไอกะหยุดอยู่หน้าประตูบ้านหนึ่ง

ประตูสวรรค์เป็นสิ่งที่ปิดตายตั้งแต่เกิดสงครามระหว่างโจเนะสึและภพมังกรร้อยปีแล้วที่ไม่มีมังกรตนใดลงไปเหยียบดินแดน
มนุษย์ ไม่สิต้องบอกว่าตั้งแต่เด็กคนนี้เกิดมาโลกที่ไม่มียูอยู่เคียงข้างริวก็กลายเป็นโรครังเกียจมนุษย์อย่างรุนแรง ความคิดถึงได้กัดกร่อนหัวใจจนเกือบจะทำให้เขาเป็นบ้า

“ท่านพ่อ”เด็กน้อยเดินเข้ามากุมมือผู้เป็นบิดา

“อย่าได้ทำหน้าแบบนั้นอีกเลย ข้าจะไม่เข้าใกล้ประตูนั่นอีก”แก้มนุ่มนิ่มซบลงที่ผ่ามือใหญ่ของผู้เป็นบิดา

เขาไม่รู้เลยความตนเองเผลอแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปเพียงแค่เบิกตามองลูกชายอย่างตกใจแล้วก็คลี่ยิ้มบางๆให้กับลูกชายขี้อ้อนคนนี้ช่างเหมือนแม่ไม่มีผิด แม้จะผ่านมาถึงร้อยปีแล้วแต่การเติบโตของไอกะก็ช้าจนน่าเป็นห่วงไม่รู้ว่าเป็นเพราะหัวใจมังกรที่อยู่ในร่างหรือเพราะสายเลือดโจเนะสึที่ไหลเวียนอยู่กันแน่

“ไหนเจ้าบอกว่าได้ยินเสียงแม่ของเจ้า?”

“ข้าได้ยินจริงๆนะท่านพ่อ”

การที่เด็กน้อยคนหนึ่งทำหน้าตาจริงจังนั้นดูน่าขำนักสำหรับผู้เป็นบิดา ริวหัวเราะเสียงดังจนเด็กน้อยแก้มป่องด้วยความน้อยใจฝ่ามือใหญ่ขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนตรงหน้าเบาๆก่อนจะเอ่ยง้อเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

“ไปพ่อจะพาเจ้าไปเปิดหูเปิดตาที่โลกมนุษย์สักครั้ง”

ไอกะสะลัดอาการเกี่ยงงอนทิ้งไปเบิกตากว้างมองบิดาด้วยดวงตาระยิบระยับใสซื่ออย่างตรงไปตรงมา

“จริงหรือ?”

“จริงสิ”

ริวอุ้มบุตรชายขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดด้วยแขนเพียงข้างเดียวมืออีกข้างแตะเบาๆที่ประตูเก่าบานนั้น แสงสว่างเจิดจ้าจนเจ้ามังกรตัวน้อยต้องหลับตาลงสองมือป่อมๆกอดคอผู้เป็นบิดาแน่นด้วยความหวาดกลัวปนตื่นเต้น

‘ไอกะ’

อ๊ะ ! เสียงของท่านแม่กำลังเรียกเขาอีกแล้ว

“ท่านพ่อๆนั่นอะไรน่ะ”ไอกะมองกลุ่มก้อนของแผ่นดินอย่างตื่นเต้น

“ดินแดนที่มีชื่อว่า ญี่ปุ่น พ่อเจอกับแม่เจ้าที่แผ่นดินแห่งนี้แหละ”

“ข้าอยากลงไป”

“ได้ อยู่นิ่งๆ”

ริวค่อยๆล่อนลงตรงที่ที่เขาเจอกับยูครั้งแรก ในตอนนั้นเขาบาดเจ็บหนักมากแผ่นดินถูกอาบย้อมกลายเป็นทะเลเลือดใกล้จะตายอยู่รอมร่อแต่แล้วในทันใดนั้นก็มีเด็กน้อยคนหนึ่งเสนอพลังให้เขาแลกกับการมีชีวิตอยู่ ยูพึ่งจะอายุสิบกว่าก็โดนมังกรวัยรุ่นแบบเขาสอดใส่เริ่มเรียกรู้คำว่าเสพสมทางเพศ

ริวก้มมองต้นหญ้าที่ตนยืนเหยียบอยู่ก่อนจะย่อกายลงยกมือลูบเบาๆไปตามต้นห้าสีเขียวสดพวกนั้น ที่ครั้งหนึ่งยูเคยทอดนอนร่างกายให้เขาตรงนี้เขายังจำได้แม่นทีเดียว

“ท่านพ่อทำไมทำหน้าลามกแบบนั้น”

ริวสะดุ้งก่อนจะรีบเปลี่ยนสีหน้า “เปล่า”

ไอกะทำหน้าไม่เชื่อ “เอาเถอะ ท่านพ่อข้าขอไปเที่ยวตรงนู้นน สักประเดี๋ยว”

“อย่าไปไหนไกล ระวังคนแปลกหน้าพ่อจะรออยู่ตรงนี้”

“อื้อ”

ริวรู้ว่าที่นี่ไม่มีคนมาอาศัยอยู่นานแล้วสัญชาตญาณของมนุษย์มักจะหลีกเลี่ยงสิ่งพวกนี้อยู่แล้ว ยิ่งเกิดสงครามครั้งที่แล้วยิ่งไม่มีมนุษย์คนไหนกล้ามาตั้งรกรากแถวนี้อีกบางทีอาจจะโดนพวกสัตว์ร้ายที่หลุดมาจากสวรรค์ฆ่าไปแล้ว

ริวถอยหายใจยาวความเจ็บปวดที่หนวงในหัวใจมานานนับร้อยปีนี้อย่างไรเขาก็ลืมมันไปไม่ได้ ‘ยู’ ชื่อที่แสนเรียบง่ายนี้สลักลึกลงไปในหัวใจอย่างไม่อาจลบเลือน บางทีเขาคงไม่อาจรักใครได้อีกจนกว่าจะลืมความทรงจำแสนหวานี้ไปจนหมดสิ้น

แซกๆๆ

เสียงนกที่ตื่นกลัวทำให้ริวกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างระวัง กลิ่นหอมของบางอย่างลอยกระทบนาสิก กลิ่นที่ชวนให้คิดถึงและ
สะกดเขาให้นิ่งไป

“ยู...?”

คำๆนี้เขาไม่ได้เอยมานานถึงร้อยปีแล้วแม้แต่ลูกชายเขาก็ไม่เคยบอกว่ามารดาขงตนนั้นชื่ออะไรหรือเป็นใคร เพียงแค่บอกว่าตายแล้วแค่นั้นก็ทำให้เขาเจ็บปวดจนไอกะไม่กล้าสักไซถามอะไรต่ออีกเลย

ริวยืนรอกลิ่นหอมนั้นกำลังใกล้เข้ามาพร้อมทั้งภาวะนาไม่ให้สมองของเขาเพี้ยนไปเองว่าได้กลิ่นของยู กลิ่นหอมอันเข้มข้นไม่เหมือนใคร

“...อา”

เหมือนเวลาถูกตีย้อนกลับตรงหน้าของริวปรากฏร่างเด็กผู้ชายอายุราวๆสิบห้าสิบหกปี เท้าเปลือยเปล่านั้นเปรอะเปื้อนขาทั้งสองเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนเหมือนย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้งมันช่างน่าประหลาดใจจนอดไม่ได้ที่จะชกตัวเองแรงๆสักที

เจ็บ!!

เด็กน้อยสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจเมื่อจู่ๆคนตรงหน้าก็ชกตัวเองจนได้เลือดพลางคิดไปอย่างไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้านี้จริงๆแล้วปกติดีหรือเป็นไอ้โรคจิตกันแน่ เมื่อความไม่น่าไว้ใจก่อกำเนิดขึ้นร่างบางก็หันหลังกลับเตรียมจะวิ่งหนี ริวไม่ยอมปล่อยให้คนตรงหน้าหายไปอีกเฉยๆแน่

อ้อมแขนแกร่งโอบกอดร่างตรงหน้าไว้เด็กชายตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจรู้ตัวอีกทีลมร้อนๆก็เป่ารดต้นคอของเขาให้ขนลุกเล่นซะแล้ว ความคุ้นเคยอันน่าประหลาดใจกับความอบอุ่นในอ้อมแขนนี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความปลอดภัย เด็กชายพยายามคิดแต่จนแล้วจนเล่าก็ยังนึกไม่ออกว่าเคยได้รับสัมผัสนี้จากใคร

“ยู”

ตึก...ตึก...

หัวใจกำลังเต้นแรงจนเหมืนจะทะลุออกมานอกอกนี่มันอะไรเด็กชายไม่เข้าใจตนเองเลยแม้แต่น้อย มือเรียวกุมอก หัวใจตรงนี้
กำลังบอกว่าดีใจ ทำไมถึงดีใจกันละ เพราะอะไร

“ฉันไม่รู้จักนาย”

ริวไม่ตอบแต่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “ไม่เป็นไร”

เมื่อริวทอดสายตาลงไปมองที่เท้าทั้งสองข้างก็ปวดใจขึ้นมาเมื่อเห็นแผลเปิดเลือดไหลซิบๆ ริวช้อนตัวเด็กชายขึ้นมาอุ้มอย่างกระทันหันจนอีกฝ่ายร้องขึ้นมาอย่างตกใจ

“นาย...นายปล่อยฉันลงนะ !”

“เจ็บไหม”

เด็กชายชะงักเงยหน้ามองริวที่ทอดสายตามองริบแผลที่ขาและเท้าอย่างเจ็บปวด ทำซะอย่างกับตัวเองเจ็บเสียเองอย่างแปลกใจ 
เด็กชายส่ายหน้าน้อยๆและยอมอยู่นิ่งๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีอันตรายอะไรหรือต้องการจะทำร้าย

“นายเป็นใคร”

ริวยิ้มเศร้าก่อนจะเปิดปากตอบ “นายเคยเรียกฉันว่าริว”

“เราเคยเจอกันหรือ?”

“ใช่แล้ว” ฉันเป็นทาสหัวใจนาย

เด็กชายครุ่นคิดชั่วครู่ “ฉันน่ะจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร หรือเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันจำได้แต่ว่าตอนเด็กๆมีคนพาฉันมาไว้ที่นี่แล้วฉัน
ก็อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด”

ริวลูบฝ่ามือไปตามแนวสันหลังที่ผอมจนจับตรงไหนก็มีแต่กระดูกแข็งๆ กวาดสายตามองหาทำเลดีๆไม่เจจึงสะบัดนิ้วตัดโค่น
ต้นไม้ใหญ่เหลือเป็นตอสีขาวสะอาดเรียบกริบไม่มีกระทั่งเสี้ยนไม้ให้ค่อยระวัง เด็กชายเบิกตากว้างมองอย่างตกใจจนตัวแข็งค้าง

“นะ นายไม่ใช่คน”

“ใช่แล้ว”

ริวคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กชายที่ยังตกใจไม่หายไล่ฝ่ามือไปตามเรียวขาก่อนจะเลื่อนลงมาที่ข้อเท้าของอีกฝ่าย

เด็กชายชักเท้าหนีอย่างตกใจเมื่อริวประคองฝ่าเท้าที่เต็มไปด้วยเลือดและโคลนนี้จรดที่ริมฝีปาก

 “อย่านะ!!”

ริวช้อนตามองเด็กชาย จ้องลึกเข้าไปในดวงตา ลึกลงไปถึงจิตวิญญาณ ฝ่ามือยึดข้อเท้านั้นไว้ไม่ปล่อยแม้อีกฝ่ายจะดิ้นแรงแค่
ไหน เด็กชายหวาดผวาพยายามชัดเท้าหนีจนเหนื่อยหอบก็ยังสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่น้อยจึงได้แต่อ้าปากถามอย่างจนใจโดยที่
ไม่ได้สังเกตว่าแผลที่เท้าและที่ขาได้หายไปจนหมด คราบโคลนหรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ก็ไม่เหลือแล้ว

“นายรู้จักฉันจริงๆหรอ”

 “ฉันจะเล่าเรื่องของนายให้ฟัง”

ริวขยับตัวนั่งช้อนหลังของอีกฝ่ายเอาไว้เด็กชายก็นั่งเรียบร้อยอย่างตั้งอกตั้งใจฟัง ริวเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆเหมือนเล่านิทาน
ให้เด็กฟังอย่างไรอย่างนั้นไม่นานเด็กชายก็คอพับไปด้วยความง่วงคาอกของริว

ไอกะที่พึ่งกลับจากการสำรวจเห็นบิดากอดใครคนหนึ่งเอาไว้ก็ถามด้วยความแปลกใจ “ท่านพ่อนั่นใคร”

“ครั้งหนึ่งเค้าเคยเป็นมารดาของเจ้า”

ไอกะหันไปมองเด็กชายอย่างสนใจก่อนจะยื่นมือแตะที่แก้มขาวนั้นเบาๆ

วูบบ...

ร่างของเด็กชายกำลังเรืองแสงสีขาวนวน ไอกะรีบชักมือของตัวเองออกอย่างตกใจริวก้มมองคนในอ้อมกอดที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
เลยแม้แต่น้อย แววตาที่สับสนเริ่มมีประกายความหวัง

“ทะ ท่านพ่อข้ากลัว”

“ไม่เป็นไร”ริวลูบหัวทุยของลูกชายเบาๆ

ตื่นขึ้นมาเถอะยูริวคิดก่อนจะก้มลงประทับจุมพิตที่หน้าผากมนไล้ลงมาที่แก้มและแอ่งชีพจรตรงต้นคออย่างแผ่วเบา ปลายจมูก
สูดดมกลิ่นหอมที่ไม่เคยเปลี่ยนไป

“จั๊กจี้นะริว”

“ยู?”

“อืม”

“ท่านแม่?”ไอกะจำเสียงนั้นได้ เสียงที่เรียกเขามาตลอดตั้งแต่เด็กๆ เห็นใบหน้าเยาว์วัยที่คลี่ยิ้มอ่อนโยนแล้วที่ดวงตาก็คลอหน่วย
ไปด้วยน้ำตา

“ท่านแม่ !!”ร่างเล็กโผลกอดยูทันที

“ฉันกลับมาแล้ว”ยูกระซิบบอกลูกชายและริวสองแขนโอบกอดไอกะเอาไว้

“คิดถึง”ริวกระซิบข้างหูยูพร้อมจูบเบาๆที่ใบหูแดงเรืองนั้น

“คิดถึงเหมือนกัน”ยูพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มของอีกฝ่าย

ประการที่หนึ่งปลอบประโลมจิตวิญญาณ

ปราการที่สองวิญญาณที่สมบูรณ์

จิตวิญญาณจึงจะสมบูรณ์ ด้วยรัก และความคิดถึงที่ฝากไว้




END


ยังมีตอนพิเศษเอาไว้เฉลยๆปมอยู่สำหรับยู

ขอบคุณที่ติดตาม
 :mew1:










หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch20 page 6]END!!!!!!!!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 11-11-2015 18:48:58
รออ่านตอนพิเศษ..........
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch20 page 6]END!!!!!!!!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 11-11-2015 21:12:04
มากอดที
กลับมาแล้วววววววว น้องไอกะทำไมออกราศีเคะจังคะ
ไม่สิๆ ก็เป็นครึ่งโจเนะสึนี่เนาะ
รอตอนพิเศษน้าา
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch20 page 6]END!!!!!!!!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 11-11-2015 21:12:24
รออ่านตอนพิเศษค่า
สุดท้ายก็ได้อยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ตอน พิเศษ page 6]END!!
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 12-11-2015 20:33:22
ตอน  โจเนะสึ จุติ ว่าด้วยเรื่องการตายเพื่อเกิดใหม่


“เจ้าคิดว่าวิญญาณที่อยู่มาเป็นพันๆปีจะแตกสลายเพราะเรื่องแค่นี้นะรึ? เจ้าดูถูกวิญญาณของตัวเองมาไปแล้วยู”

“...”ผมไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะต่อปากต่อคำกับวิญญาณของตัวเองอีก


“จุติอีกครั้ง...เพื่อเกิดใหม่ในร่างกายใหม่ เริ่มต้นชะตากรรมที่ไม่มีสิ้นสุด”เสียงของจิตเบาลงไปทุกทีก่อนที่ผมจะดำดิ่งลงไปใน
ความมืด

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในความมืด เหมือนกำลังจะจมน้ำมือและขาทั้งสองได้แต่ตะกายไปมาอย่างบ้าคลั่ง ความเย็นเฉียบกัดกินเข้า
ลึกถึงกระดูกสร้างความเจ็บปวดไม่น้อย
“เกิดแล้ว”เสียงของใครบางคนตะโกนขึ้น

ผมยากจะตะโกนพวกเขาว่าผมหนาวจะตายอยู่แล้ว

“เตรียมเครื่องบูชา”

“ปีนี้แล้งมากเราต้องใช้เด็กเป็นเครื่องบูชาเทพมังกร”

“แอ้...แอ้ แง้ !!!”

ผมไม่รู้ว่าคนพวกนั้นกำลังทำอะไรร่างของผม แม้ว่าจะร้องไห้ดังสักแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจเลยแม่แต่น้อย ถูกอุ้มก่อนจะโยนลง
บนพื้นน้ำคราวนี้แหละผมถึงได้ตื่นเต็มตาเมื่อพยายามดันตัวเองขึ้นมานั่งก็ต้องตกใจเงาบนผืนน้ำที่สะท้อนเข้านัยน์ตา ใครกันที่กำลังจ้องผมอยู่เงาบนผืนน้ำขยับปากถามผม

‘นายเป็นใครกัน’

ผมชื่อ... ผมชื่ออะไร

พรึบ !!
เหมือนถูกทิ้งบนดินแดงร้างที่ที่มีแต่สัตว์น้อยใหญ่ ไม่มีมนุษย์ ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนมองดูท้องฟ้า มีบางอย่าที่อยู่
บนนั้นชวนให้คิดถึง แต่คิดถึงอะไรละ?

คำที่ผมจำได้ครั้งสุดท้ายที่มีคนพูดกับผมคือคำว่าเครื่องบูชา หรือบางทีผมอยากจะชื่อเครื่องบูชาแต่คงไม่น่าจะใช่หรอก ผมไม่
จำเป็นต้องดื่ม ต้องกิน หรือแม้กระทั่งขับถ่าย เพียงแค่นอนมองท้องฟ้าไปวันๆเพราะแขนขาของผมช่างเล็กกระจ่อยร่อยเป็นเพียง
ทารกตัวน้อยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

 ไม่รู้นานเท่าไหร่ผมก็เริ่มที่จะพลิกตัวเองได้ คลานได้จนกระทั่งลุกเดินเองได้ในที่สุด บางครั้งพวกสัตว์หน้าขนพวกนั้นก็เข้ามา
เล่นกับผมบ้างสนุกไม่น้อย บางครั้งผมก็ต้องวิ่งหนีบางอย่างที่น่ากลัวจนไม่สามารถอธิบายได้

ครั้งนี้ก็เหมืนกันผมกำลังวิ่งหนีบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ แต่จะออกไปไหนก็ไม่ได้เหมือนกันป่าแห่งนี้กักขังผมเอาไว้...
แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้อยากจะออกไปสักเท่าไหร่ เมื่อหันไปมองทางด้านหลังเงาสีดำนั้นก็ใกล้เข้ามาอีก ผมเกือบจะถูกจับได้แล้วถ้าจู่ๆไม่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง พวกมันชะงักและกรีดร้องหนีหายไปเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง


ผมถอนหายใจออกอย่างโล่งออกแต่ดูเท้าผมสิโดนบาดจนน้ำสีแดงขนทะลักออกมาเปื้อนผืนหญ้าไปหมด ยังดีที่วันนี้อุตส่าห์รอด
มาได้อีกหนึ่งวัน
เปรี้ยง !! โครมมม!!


ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงฟ้าผ่าฟาดเปรี้ยงลงมาเล่นเอาหูอื้อไปพักใหญ่ ความวิงเวียนทำให้ผมต้องยกมือกุมหัวเอาไว้แต่สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นด้ายแดงที่พันรอบนิ้วก้อยเอาไว้ สายของด้ายสีแดงลากยาวเข้าไปทางตัวป่า ไม่รู้ทำไมหัวใจของผมถึงได้เต้น
แรงเหลือเกินในหัวของผมมันตะโกนบอกให้ตามด้ายแดงไปจนถึงอีกฝั่งไม่งั้นจะต้องมานั่งเสียใจทีหลังแน่ๆ โอ้ วันนี้ช่างเป็นวันที่
เต็มไปด้วยเรื่องราวผมกัดฟันวิ่งไปทางที่ฟ้าผ่าลงมาซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับที่ด้ายสีแดงนั้นโยงไป เส้นทางที่เปียกและแฉะทำให้
ผมลื่นล้มไปหลายครั้งแต่ขาทั้งสองก็ก้าวต่อไปเหมือนไม่ใช่ขาของตัวเอง

“อ่า..”ผมแทบจะลืมการเปล่งเสียงออกไปแล้วถ้าไม่เห็นชายตรงหน้า

เขาดูดีมาก...และช่าง น่าคิดถึง

เพียงแรกพบสบตาผมก็รู้สึกได้ถึงความดีใจที่น่าฉงน เหมือนหยาดน้ำฝนที่หยดลงบนผืนแผ่นดินอันแห้งแล้งให้ชุ่มชื้นและมีชีวิต
ชีวา จากฟ้ามาสู่ดิน... เขาทำให้ผมรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเงยหน้ามองฟ้า เพียงแค่มองตาของเขาเสียงหัวใจก็ชัดขึ้นมาในอกข้าง
ซ้าย

ผัวะ!!

ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆเค้าก็ทำร้ายตัวเอง ไม่ดีแล้วความรู้สึกที่ผมไม่รู้จักพวกนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

“ยู”


นั่งใช่ชื่อของผมรึเปล่า เขากำลังเรียกชื่อของผมอยู่รึเปล่า?

“ผมไม่รู้จักคุณ”ผมพูดตอบ

อีกฝ่ายกอดผมแน่นผมกลัวจนตัวแข็งไปหมด แต่อ้อมกอนนั้นอุ่นเหลือเกิน

“ไม่เป็นไร”อีกฝ่ายกระซิบบอกผม


ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆฝ่าเท้าก็ลอยจากพื้น ตัวของผมกำลังถูกเขาอุ้มเอาไว้ผมตกใจมากจนเผลอข่วนเขาไป เล็บมือจิกไหล่ร่าง

สูงเอาไว้แน่นไม่กล้างปล่อย

“นาย...นายปล่อยฉันลงนะ !”

“เจ็บไหม”


ผมชะงักเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ทอดสายตามองแผลที่ขาและเท้าด้วยสายตาเจ็บปวด ทำผมส่ายหน้าและยอมอยู่นิ่มๆเมื่ออีกฝ่าย

ไม่ได้มีท่าทีอันตรายอะไรหรือต้องการจะทำร้าย




“นายเป็นใคร”

ผมถามอีกครั้งแต่เขากลับยิ้มเศร้าจนผมรู้สึกเจ็บแปล๊บๆในอก “นายเคยเรียกฉันว่าริว”

“เราเคยเจอกันหรือ?”


“ใช่แล้ว”


 ผมนิ่งคิดไป“ฉันน่ะจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร หรือเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันจำได้แต่ว่าตอนเด็กๆมีคนพาฉันมาไว้ที่นี่แล้วฉันก็อยู่ตัวคน

เดียวมาตลอด”


ฝ่ามือร้อนลูบไปตามแนวสันหลังที่ผอมแต่จับตรงไหนก็มีแต่กระดูกแข็งๆ มองใบหน้าที่ขมวดคิ้วยุ่งนี่อย่างสนใจเขายกมือสะบัด

เพียงวูบเดียวต้นไม้ต้นใหญ่ก็เหลือแต่ตอทำเอาผมกลัวขึ้นมาอีกครั้ง


“นะ นายไม่ใช่คน”


“ใช่แล้ว”

ริวคุกเข่าลงตรงหน้าผมที่ยังตกใจไม่หายไล่ฝ่ามือไปตามเรียวขาก่อนจะเลื่อนลงมาที่ข้อเท้าของผมทำเอาขนลุกซู่ไปหมด

ผมชักเท้าหนีอย่างตกใจเมื่อริวประคองฝ่าเท้าที่เต็มไปด้วยเลือดและโคลนนี้จรดที่ริมฝีปาก


 “อย่านะ...!!”ผมกลืนคำว่าสกปรกลงคอไปเมื่อริมฝีปากนั้นแตะลงบนหลังเท้าของผมอย่างไม่ลังเลเลย

ริวช้อนตามองเด็กชาย จ้องลึกเข้าไปในดวงตา ลึกลงไปถึงจิตวิญญาณ ฝ่ามือยึดข้อเท้านั้นไว้ไม่ปล่อยแม้อีกฝ่ายจะดิ้นแรงแค่

ไหน เด็กชายหวาดผวาพยายามชัดเท้าหนีจนเหนื่อยหอบก็ยังสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่น้อยจึงได้แต่อ้าปากถามอย่างจนใจโดยที่
ไม่ได้สังเกตว่าแผลที่เท้าและที่ขาได้หายไปจนหมด คราบโคลนหรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ก็ไม่เหลือแล้ว

“นายรู้จักฉันจริงๆหรอ”

 “ฉันจะเล่าเรื่องของนายให้ฟัง”

ริวขยับตัวนั่งช้อนหลังของอีกฝ่ายเอาไว้ผมก็นั่งเรียบร้อยอย่างตั้งอกตั้งใจฟัง ริวเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆเหมือนเล่านิทานให้

เด็กฟังอย่างไรอย่างนั้นไม่นานหนังตาของผมก็หนักจนไม่อาจฝืนได้อีกเสียของเขาก็ดูห่างไกลออกไปเรื่อยๆ


 “ท่านพ่อนั่นใคร”นั่งเสียงของใครนะ


“ครั้งหนึ่งเค้าเคยเป็นมารดาของเจ้า”เขากำลังพูดถึงผมอยู่รึเปล่า


ไอกะหันไปมองเด็กชายอย่างสนใจก่อนจะยื่นมือแตะที่แก้มขาวนั้นเบาๆ

วูบบ...

ร่างของเด็กชายกำลังเรืองแสงสีขาวนวน ไอกะรีบชักมือของตัวเองออกอย่างตกใจริวก้มมองคนในอ้อมกอดที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยแม้แต่น้อย แววตาที่สับสนเริ่มมีประกายความหวัง

“ทะ ท่านพ่อข้ากลัว”

“ไม่เป็นไร”ริวลูบหัวทุยของลูกชายเบาๆ

ความรู้สึกที่ถูกเติมเต็มอีกครั้งบางอย่างที่หายไปกำลังกลับเข้ามาแทนที่ความว่างเปล่า ทันใดนั้นผมก็รู้แล้วว่าอะไรที่หายไป

วิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของผมนั่นเองในชาติที่แล้ว...ผมชื่อยูคอยปกป้องเด็กคนนั้นอยู่ด้วยวิญญาณที่เหลือเพียงครึ่งเดียวถูกซ่อน

เอาไว้อย่างดีโดนหัวใจมังกร


ตื่นขึ้นมาเถอะยูริวคิดก่อนจะก้มลงประทับจุมพิตที่หน้าผากมนไล้ลงมาที่แก้มและแอ่งชีพจรตรงต้นคออย่างแผ่วเบา ปลายจมูกสูดดมกลิ่นหอมที่ไม่เคยเปลี่ยนไป

“จั๊กจี้นะริว”

“ยู?”

“อืม”ความทรงจำมากมายกำลังไหลเข้ามาในสมอง


“ท่านแม่?”ไอกะจำเสียงนั้นได้ เสียงที่เรียกเขามาตลอดตั้งแต่เด็กๆ เห็นใบหน้าเยาว์วัยที่คลี่ยิ้มอ่อนโยนแล้วที่ดวงตาก็คลอหน่วย
ไปด้วยน้ำตา


“ท่านแม่ !!”ร่างเล็กโผลกอดผมทันที

“ฉันกลับมาแล้ว”ผมกระซิบบอกลูกชายและริวสองแขนโอบกอดไอกะเอาไว้

“คิดถึง”ริวกระซิบข้างหูผมพร้อมจูบเบาๆที่ใบหู

“คิดถึงเหมือนกัน”ผมเงยหน้าขึ้นไปประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มของอีกฝ่าย

ประการที่หนึ่งปลอบประโลมจิตวิญญาณ


ปราการที่สองวิญญาณที่สมบูรณ์

จิตวิญญาณจึงจะสมบูรณ์ ด้วยรัก และความคิดถึงที่ฝากไว้





แถม



“ฉันไม่ใช่ยูของนายหรอกนะ ยูน่ะตายไปแล้ว”และถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะยอมรับไปมากกว่าครึ่งแล้วว่าผมนี่แหละคือยู แถมผมน่ะ
ไม่มีชื่อเหมือนแก้วเปล่าๆที่ถูกความทรงจำครั้งก่อนเทใส่แก้วจนเต็ม เต็มไปด้วยความทรงจำของยู

“แล้วไง”ริวเลิกคิ้วถามเหมือนไม่เข้าใจว่าผมต้องการจะสื่ออะไร
“เพราะงั้นนายต้องปล่อยมือออกจากก้นของฉันเดี๋ยวนี้ !!”

ริวยกยิ้มไม่พูดอะไร ทั้งไม่ยอมปล่อยมือแถมยังมานัวเนียนเหมือนลูกแมวตัวเขื่อง มันไม่ตลกสักนิดถึงแม้ว่าความทรงจำจะบอก
ว่านี่มันปกติ แต่ร่างกายที่เกิดใหม่นี้ช่างไม่คุ้นชินเอาเสียเลย

เหมือนเรียนทฤษฏีแต่ไม่เคยลงภาคปฏิบัติสักที

“ไม่เป็นไรฉันจะค่อยๆทำ”

“โกหก!”

ภาคความรุนแรงของการมีอะไรกันฉายชัดขึ้นมาในหัวทำเอาเลือดลมเดินดีจนเหมือนได้ยินเสียงหึงๆอยู่ในหู

“ท่านแม่เลือดกำเดาไหลแล้วขอรับ”เจ้าลูกชายกระตุกชายเสื้อของผมแรงๆ

“ยูลามก”ริวอกมือกอดตัวเองอย่างน่าหมั่นไส้

ผมยกมือบีบจมูกเงยหน้ามองฟ้า ตายๆ กะอีกแค่คิดเรื่องลามกทำไมถึงได้เลือดกำเดาไหลได้
ริวรั้งเอวของผมลงไปนั่งตักก่อนจะจูบที่จมูกของผมเบาๆแค่นั้นเลือดที่จมูกก็หยุดไหล่เหมือนสั่งได้ ที่เหลือก็แค่ก็หยิบผ้าขึ้นมา
เช็ดๆแล้วโยนทิ้งออกไปด้านข้าง

พวกนางกำนัลพาไอกะออกไปแล้วเหลือผมกับริวสองคน นั่งเงียบกันได้ไม่นานอะไรแข็งๆก็ทิ่มก้นผมเล่นเอาจากที่หน้าแดงอยู่แล้วแดงก่ำขึ้นไปอีก

“น่า ยูอย่าใจร้ายเลย”ริวซบหน้าลงไปกับซอกคอของผม ผมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความปรารถนาเต็มที่

แค่นั้นใจก็อ่อยยวบยาบ “ก็ได้ แต่ทำเบาๆนะ”

แค่นั้นแหละโลกของยูก็พลิกกลับไม่นานนักเสียงครางเครือก็ลอดออกมาจากริมฝีปากบางช่ำ เสียงลมหายใจหนักหน่วงที่สอดประสาน เสียงกระซิบคำบอกรัก ความคิดถึง เสียงของคำสัญญา

เสียงของหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน


ร่ายกายที่สอดประสานแนบกันไปทุกสัดส่วน

“อะ...อืม ริว”

“ยู”การเคลื่อนไหวของริวชะงักไปพอให้ยูได้พักหายใจบ้าง


“หะ...หือ”

“ให้ฉันได้ปกป้องนาย อย่าจากฉันไปไหนอีก”

ริวเลื่อนตัวขึ้นไปกอดยูแน่น ยูยิ้มกว้างก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอีกฝ่ายแน่นปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำ

“ช่วยปกป้องฉันตลอดไปด้วยนะริว”

END

พูดคุย   

น้องไอกะเคะไหม...อาจจะมีภาคต่อ5555

ภาคพิเศษอาจจะมาเรื่อยๆ

กว่าจะจบเรื่องนี้ได้ ลำบากไม่น้อย ผ่านการดองมาอย่างโชกโชน  :katai5: ขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ถามหาผลงานอื่นๆ อีกเรื่องก็ใกล้จะจบแล้วเช่นกัน เรื่อง ร้าย.100.รัก http://writer.dek-d.com/MY_GIRL/story/view.php?id=1107107 ติดตามกันได้ :-[   หรือ พูดคุยกับนักเขียนได้ที่ https://www.facebook.com/SKY-574331472665561/

ด้วยรัก จากลมโลม
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) [ch20 page 6]END!!!!!!!!!!!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 12-11-2015 22:34:59

รอติดตามตอนพิเศษด้วยคน

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 6 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 13-11-2015 22:00:11
ถถถถถถถถถ ถ้าน้องไอกะจะเคะ
คราวนี้พี่ก็ขอเมะเป็นราชาปีศาจแซบๆเลยนะคะ  :hao7:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆน้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 6 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 14-11-2015 20:07:44
คือก็แฟนตาซีดีค่ะ สองคนนี้จีบกันก็น่ารัก แต่เนื้อเรื่อฃรวบรัดตัดตอนไปหน่อย โดยเฉพาะช่วงท้าย แบบว่าอยู่ๆก็มาเฉลยว่าพ่อแม่ตายนานแล้ว ตัวเองก็รู้ดี ราชาเป็นทาส ในคำพูดของยูประโยคเดียวเนี่ย มันห้วนๆไปหน่อยอะ คือทั้งเรื่องแบบ ไม่มีประเด็นหรือข้อสงสัยให้มุ่งมาทางนี้เลย แล้วคำพูดของยูน่ะค่ะ เรียกตัวเองว่าผม ฉัน ข้า สามอย่างในประโยคเดียวเลย มันขัดกันเกินไปอะ น่าจะตกลงแต่แรกว่าจะเรียกแทนตัวเองว่ายังไง เพราะอ่านแล้วสะดุดแปลกๆน่ะค่ะ แต่ก็น่ารักมากเลย มีพยานรักด้วย เราชอบยูที่เป็นคนเข้มแข็งมากๆเลย ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 6 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 15-11-2015 01:39:17
อ่านได้เรื่อยๆค่ะ เสียดายที่ไม่มีการคุมพล็อต อย่างเรื่องพ่อแม่นายเอกตายไปแล้ว เรื่องโดนข่มขืนแต่ไม่ท้อง มีอะไรกับพระเอกมานานก็ไม่ท้อง พอใกล้ๆจะจบเรื่องกลับท้องขึ้นมา ตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจมากขนาดชนะมังกรและจิ้งจอกได้ง่ายๆ ฯ อ่านแล้วสะดุดเป็นพักๆ เลยทำให้ความน่าติดตามของเรื่องน้อยลง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 6 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 15-11-2015 10:51:10
เย้ จบแบบแฮปปี้
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 6 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 15-11-2015 20:55:58
ขอบคุณค่ะ
นานๆจะอ่านแฟนตาซีซักที
จบแฮปปี้ด้วย ชอบๆ ^^
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 6 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 15-11-2015 23:09:03
 :กอด1:  สนุกมากๆๆคะ ลุ้นตลอดเวลา ตอนแรกนึกว่ายูจะตายสะอีก แอบเศร้าไปพักใหญ่  :hao5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 6 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: k_keenny ที่ 16-11-2015 15:05:19
สนุกมากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 6 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 16-11-2015 20:50:57
สนุกมาก พลิกทั้งเรื่อง
ยิ่งพีคตอนที่ยูบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงตายไปแล้ว
เหมือนยูอยู่กับการโกหกตลอดชีวิต
รอตอนพิเศษนะคะ
ต่อไวๆนะ อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 6 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: momoku ที่ 16-11-2015 22:18:51
ขอบคุณนะคะ อ่านวันเดียวจบเลย สนุกดี
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 6 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 17-11-2015 02:50:44
สนุกมากค่ะ อยากให้มีต่อมากเลย ที่อยากรู้ที่สุดคือ ยูจะอายุยืนเท่าไหร่ หรือตายๆเกิดๆ แบบว่าจิตวิญญาณไม่ตาย งี้ริวก็ได้ภรรเมียเอาะๆ ทุกครั้งเลยหรอ ฮ่าๆๆๆๆ เอาเป็นว่ามาลุ้นที่รุ่นไอกะจังดีกว่า อิอิ :mew1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 6 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 19-11-2015 11:45:39
รักหนูไอกะเต็มๆ รอวหื่นได้อีกกกก
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 6 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: xlomx ที่ 02-01-2016 21:48:55
ปีใหม่ 100  ปี

เทพเจ้าเบื้องบนก้มลงมองเทศกาลเฉลิมฉลองที่เรียกว่า ปีใหม่ สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือ การเกิด และการตาย ยูโอบกอดไอกะไว้ในอ้อมแขนและมีริวอยู่เคียงข้างมีท่านแม่ยายมองอยู่ไกลๆ ช่างเป็นครอบครัวสุขสันต์

“ยูอยากไปที่โลกมนุษย์ไหม”

“อยากไปสิ นี่ก็ใกล้จะร้อยปีถึเวลาที่ต้องเปลี่ยนรุ่นแล้ว ได้ลงไปที่โลกบ้างก็ดีเหมือนกัน”

ใช่แล้วโจเนะสึเปลี่ยนรุ่นทุกๆร้อยปี ประมาณแล้วก็หนึ่งช่วงอายุคนเท่านั้นเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เรื่องราวที่ผ่านมามากมายยังคงกระจ่างชัดเหมือนพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

“พาไอกะไปด้วยนะ”ยูกอดลูกชายตัวแสบไว้แน่น

“ได้สิ”กอดสองแม่ลูกเอาไว้แน่น

ในปีนั้นเกิดดาวตกปริศนาที่ใครก็ไม่สามารถตอบได้ แสงสว่างวาบชั่วพริบตานั้นยู ริว และไอกะก็ได้มาเยือนโลกมนุษย์อีกครั้ง

“ริวรีบคืนร่างมนุษย์แล้วเข้า”ยูเคาะเกร็ดแข็งๆของเจ้ามังกรลำตัวยาวที่ขดไปมาเป็นวง ท่าทางปรือตามมองอย่างขี้เกียจ

‘เหนื่อยจัง’

“ไม่ต้องมาอ้อน!! อายุปูนนี้แล้วแท้ๆนะริวอายลูกไหม”

ริวมองนิ่งๆก่อนจะเอาหัวใหญ่ถูไถไปกับสีข้างของยู ยูกรอกตาอย่างปลงตกแล้ววางไอกะไว้บนหัวโตๆของริวแทน ไอกะก็หัวเราะ
ออกมาอย่างมีความสุขกอดศีรษะของบิดาเอาไว้แน่

“ท่านพ่อตัวโตจังเลย”

“ถ้ายอมคืนร่างจะให้จุ้บหนึ่งทีเลย ริวคืนร่างเถอะเดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า” ยูยื่นข้อเสนอเพราะที่ๆเขายืนอยู่คือพื้นที่ของบ้านใหญ่ตระกูลฮารุกะนั่นเอง

‘ยู เขินนะ’

“ท่านแม่ลามก!!”

แล้วยูก็ต้องกุมขมับกับสองพ่อลูกมังรกติ้งต๊อง ในขณะที่กำลังคิดว่าจะทำไงยังสองแขนแข็งแกร่งก็โอบรอบเอวดึงให้ยูก้าวถอยหลังเข้าไปในอ้อมกอดนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบใบหน้าแสนคุ้นเคยยิ้มบางๆให้พร้องกับเจ้าตัวเล็กที่อยู่บนคอของเขา

“ไอกะปิดตา”

“จ้า”ไอกะยกมือน้อยน้อยปิดตาตนเอง

“เดี๋ยว !จะทำ…”

ยูถูกเชยปลายคางขึ้นเพื่อรับจูบริมฝีปากที่ทาบทับลงมาดูดกลืนเสียงไปทั้งหมดลิ้นร้อนที่แทรกลงมาไล้ไปตามลิ้มฝีปากก่อนจะกดแทรกแย้มริมฝีปากยูออก

“อุ..อืออ”ลิ้นทั้งสองเกี่ยวพันกันรู้สึกดีจนขาทั้งสองไร้เรี่ยวแรงไปหมด ยังดีที่แขนของริวนั้นประคองร่างของเขาเอาไว้เมื่อจูบจน
พอใจแล้วก็ย้ายริมฝีปากมาที่ซอกคอขาว เมื่อปากของยูเป็นอิสระอยากจะต่อว่าสักประโยคก็ทำไม่ได้ได้แต่ยืนหอบให้อีกฝ่ายฟัดตามใจชอบอยู่แบบนั้น

“แฮก...พอแล้วริว”ยูยกมือดันหน้าริวออกไป

“ท่านพ่อไอกะเมื่อแขนแล้ว”เด็กน้อยบ่นทั้งที่มือทั้งสองข้างปิดตาอยู่

ยูหัวเราะเบาๆก่อนจะอุ้มไอกะกลับมาในอ้อมแขนเด็กน้อยก็ใช้สองแขนโอบรอบคอผู้เป็นมารดา
เวลาแห่งความสุขผ่านไปไวเสมอเหมือนผลุที่ถูกจุดขึ้นฟ้าสุดท้ายแล้วก็มอดดับไปในอากาศ บนกิ่งไม้ของต้นไม้ที่สูงที่สุดถูกจับจองเป็นที่นั่งชั้นวีไอพี ไอกะนั่งบนตักริวที่โอบเอวยูเอาไว้ทั้งสองนั่งอิงแอบมองเปลวเพลิงหลากสีบนท้องฟ้า

“ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว”

“ริว…”ยูยิ้มมองเสี้ยวใบหน้าของผู้เป็นที่รัก

“หืม?”

“รักนะ”

ริวรู้สึกได้ถึงน้ำหนังของยูที่ทิ้งตัวลงมาบนอ้อมแขน คำว่ารักยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในสมองครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อหันไปก็พบว่า วิญญาณของโจเนะสึนั้นไปจุติเสียแล้ว

“จะไม่อยู่ฟังคำว่ารักจากฉันเลยสินะยู…”ริวจูบลงบนหน้าผากเนียนก่อนที่ร่างนั้นจะสลายเป็นเม็ดทรายนับล้านปลิวละล่อยลอยไปในอากาศ ไอกะมองตามละอองทรายนั้นอย่างเศร้าสร้อย

“ท่านแม่จะลืมไอกะอีกแล้ว”

“ไม่ลืมหรอก”

ริวลูบผมลูกชาย ใบหน้าของไอกะนั้นสวยเหมือนถอดแบบออกมาจากยูจะมีที่เหมือนเขาบ้างก็คงเป็นดวงตาสีทองคู่นั้นแหละ

“ไอกะ ไปตามหาท่านแม่ของเจ้ากัน”

“ขอรับท่านพ่อ”

ทุกสรรพสิ่งล้วนก่อกำเนิดมา และจากไป

ความรักที่คนๆหนึ่งสร้างไว้ สลักลึกลงไปในหัวใจ

ไม่อาจลบเลือน ด้วยกาล เวลา


ถึงยูที่รัก

 แม้ว่านายจะตายไปอีกกี่พันครั้ง เกิดใหม่อีกกี่หมื่นหน ฉันก็จะตามหาและกอดเธอเอาไว้ด้วยแขนคู่นี้อย่างแน่นอน


จบ

 :pig4:







 





หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 7 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: k_keenny ที่ 02-01-2016 22:22:23
เขินนน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 7 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 02-01-2016 23:09:04
โอยย เกือบพลาดเรื่องนี้ สนุกค่ะ รักนิรันดร์ กี่ภพชาติก็ยังคงรัก หวานมาก ริว ยู ไอกะ ครอบครัวมังกือ อิอิ แอบอยากได้คนแบบริวในชีวิตจริง รักมั่นจริงๆค่ะ ยูก็จำริว ไอกะได้เพรทะความรักที่ฝังลึกถึงจิตวิญญาณ  :ling1: กร๊าวว หัวใจมากค่ะ ขอบคุณกีบเรื่องนี้ค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 7 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Aunttk ที่ 29-01-2016 15:45:42
กี่ภพกี่ชาติก็รักมั่นเพียงแต่เธออ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด  :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 7 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 29-01-2016 16:55:41
น่ารักกกกก :o8:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 7 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 02-05-2016 20:45:35
เป็นตอนพิเศษที่
หวานๆแอบขมนิดๆตอนท้าย
สงสารไอกะที่บอกว่าท่านแม่ลืมอีกแล้ว
แต่ก็เป็นความรักชั่วนิรันดร
ขอบคุณที่เอาตอนพิเศษมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 7 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-05-2016 09:49:05
น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีมังกรเป็นผู้พิทักษ์(หัวใจ) ตอน พิเศษ page 7 END!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 03-05-2016 13:15:10
สนุก และมันส์มาก มีโหมดซึ้งด้วย