9
การเรียนภาคปกติไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิด แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเครียดมากถึงมากที่สุดคือภาคปฏิบัติ
ภาคปฏิบัติเชียวนะ !!!
เอาละผมไม่รู้ว้าท่านอาจารย์คิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆคือผมจะตายอยู่แล้ว !!!!
“ยูระวัง”ไดจิหันควับมาทางผมก่อนมีดเล่มงามจะบินเสียบทะลุหัวของปีศาจที่แอบอยู่ทางด้านหลัง
ไปได้อย่างสวยงาม
ขนาดเวลาจะตกใจยังไม่มีเลย !
“ไดจิบอกทีว่าเราจะหาทางออกจากป่านี่ได้เร็วๆนี้”
“ค่ายกลของที่นี่แข็งแกร่งมาก พวกปีศาจก็เก่งขึ้นเรื่องๆ ฉันไม่แน่ใจว่าเราจะรอดรึเปล่า”ไดจิพูดยิ้มๆด้วยท่าทางสบายๆ เหมือน
กำลังพูดว่า วันนี้อากาศดีเหมาะกับการเดินเล่นมากๆ ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องซีเรียสระดับโลกแตกแท้ๆ
ผู้เฒ่าเมียวกะเอาพวกเราสองคนมาปล่อยไว้ที่ใจกลางเข้าวงกตของภูเขาด้านหลังตระกูล ไม่ๆๆ ต้องบอกว่าหนึ่งคนกับปีศาจอีกหนึ่งตัวเพราะตั้งแต่ผมเห็นไดจิฆ่าปีศาจง่ายเหมือนเชือดหมูผมก็ไม่นับเขาเป็นมนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป
“ว่าแต่นายไม่ได้เอาอาวุธมาเลยหรอยู”
“ใครจะไปรู้ละว่าแค่คาบแรกของวิชาภาคปฏิบัติอาจารย์จะให้ทำอะไรเสี่ยงตายแบบนี้”มันต้องเป็นคาบแนะแนวก่อนสิ ไม่ใช่มาถึงก็โซโล่เลยแบบนี้
“ฉันให้นายยืมก่อนแล้วกัน”ไดจิส่งกริชขนาดพอดีมือให้ผม
“ขอบใจนะ”ผมรู้สึกอยากจะกอดเขาจริงๆให้ตาย
คงจะสงสัยกันใช้ไหมครับว่าริวหายไปไหน เจ้านั่นน่ะโดนกันแยกออกไปต่างหากโดยตาเฒ่าเมียวกะให้เหตุผลว่าริวไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกทางด้านการต่อสู้ แต่ด้านสังคมและมารยาททางสังคมนั้นติดลบขั้นสูงสุดจึงได้จับแยกออกไปฝึกมารยาททางสังคม ! พูดง่ายๆก็คือโดนจับไปฝึกดัดสันดารดิบในตัวนั่นเอง และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเถียงไม่ออกจริงๆ
จะมัวแต่พึงริวตลอดไปก็ไม่ได้ ริวก็จะมัวมาจมอยู่กับผมแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน
ยิ่งคิดก็ยิ่งหิว เฮ้อ ภูเขาแบบนี้น่าจะมีเห็ดที่กินได้ขึ้นบ้างสักต้นสองต้นแหละน่า
“อ๊ะ! เห็ดนั่นน่ากินจัง”เสียงของไดจิดังขึ้น
ผมเหลือบสายตาไปมองเห็ดสีขาวโพลนตรงซอกหินแล้วก็พุ่งเข้าไปทันทีอย่างสนใจสุๆด “เห็ดชิเมจิ !!”
“นี่ๆมันทานได้ใช้ไหมยู”
“ทานได้ๆ นายหิวรึยัง”ผมหันไปถามไดจิที่ทำหน้าเหมือนกินวัวได้ทั้งตัว
“แต่จะให้ทานดิบๆก็ไม่ไหวมั้ง”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก”
ไดจิมองยูที่ปลดกระเป๋าสะพายออกมาก่อนอ้าปากค้างมองสารพัดอุปกรณ์ทำครัวที่ถูกนำออกมาจัดเรียงบนพื้น “ทำชิเมจิย่างกัน
เถอะ”
.
.
.
“นี่นายขนของพวกนี้มาทำไมเนี้ย เอาช้อนเอาส้อมเอามีดปอกผลไม้มา แต่ไม่เอาอาวุธมาเนี้ยนะ”
“จะกินไม่กินห๊ะ !”ยูหน้าบึ้ง
“ทานสิ”ไดจิยิ้มระรื่นขยับเข้ามานั่งใกล้ยูที่ก้มหน้าก้มตาทำ
ทำไมต้องพูดเหมือนเจ้าริวด้วยนะ ก็แค่พกอุปกรณ์ทำครัวเข้าป่าเอง ใครๆเขาก็ทำกัน(?)
ไดจิกวาดสาตามองไปรอบๆอย่างระแวดระวังตามประสาคนที่เคยฝึกมาก่อน ผิดกับยูที่ไร้ซึ่งความระแวงแม้แต่น้องแถมยังย่างเห็ดอย่างมีความสุขเหมือนเด็กน้องไร้เยงสาที่ไม่รู้ประสีประสา
“นี่นายเคยมีแฟนมาก่อนไหมยู”
พรวดด!
ยูสำลักน้ำลายตัวเองทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น
“ถะ ถามทำไมหยาบคายชะมัด”
“หา? หยาบคายตรงไหน ฉันก็แค่ถามว่านายเคยมีแฟนสักคนไหมก็แค่นั้นเอง”
“มันหยาบคายสำหรับคนที่โสดมาตลอดสิบแปดปีอย่างฉันมากนะไดจิ”ยูปิดปากไดจิโดยการยัดเห็ดร้อนทั้งชินเข้าปากอีกฝ่ายที่ทำท่าเหมือนคาดไว้อยู่แล้วว่าเขาต้องไม่เคยมีแฟนมาก่อน
“เอาแบบนี้ไหม เรามาเป็นแฟนกันเถอะ”
พรวดดด ! แคกๆๆๆ
“นายบ้าไปแล้วรึไง ฉันเป็นผู้ชายนะ”
“ฉันก็ผู้ชาย ไม่เห็นแปลกตรงไหน”
ก็นั่นแหละที่เรียกว่าแปลกบ้าไดจิ ! “คนของตระกูลใหญ่แปลกแบบนี้กันทุกคนเลยไงนะ”
“หืม? แปลกตรงไหนกันนายนั่นแหละที่แปลก”
ท่ามกลางความแปลกประหลาด คนที่ปกติแบบผมสินะที่เขาเรียกว่าประหลาด orz
หลังจากท้องอิ่มเราสองคนก็เรี่ยวมีแรงจะทำภารกิจกันมากขึ้น ยิ่งเดินลึกเข้าไปยิ่งเจอของดีๆแพงๆแถมหายากยูต้องใช้พลังกายและพลังใจอย่างมากไม่บอกให้ไดจิหยุดเดินรอเขาไปเก็บเจ้าพวกนั้นมาเสียก่อนไม่งั้นก็คงได้หยุดจนเดินไปไม่ถึงไหนเสียที
“หน้านายเหมือนจะตายให้ได้เลยนะยู”
“วิญญาณของฉันลอยไปหาเห็ดหลินจื่อแดงต้นนั้นแล้วละ”ยูตอบเสียงอ่อนระทวย
ตึง !
ปฐพีสั่นไหวโยนคลอนจนไม่อาจยืนได้มั่นไดจิเซถลาไปทางด้านหน้าในขณะที่ยูเสียหลักล้มหงายหลัง ยังไม่ทันแปลกใจดี
กระแสสัมผัสแปลกประหลาดชนิดหนึ่งก็ไหลทะลักออกมาจากทิศเหนือ คือทิศที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป ยูขนลุกซู่ไม่หยุด
พร้อมๆกับไดจิที่ดึกริชออกมาถือไว้ในมือทิ้งสองข้างอย่างหวาดระแวงกว่าเดิม
“มีบางอย่างอันตราย”ไดจิก้าวถอยกลับมาอย่างระมัดระวัง
“ไดระวัง!!!”
ยูกระโจนเข้าผลักไดจิที่ยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรกันแน่ที่เล่นงานเขาแต่ที่เขารู้ก็คือความเจ็บปวดที่ราวกับ
โดนฉีกกระฉากทั้งเป็น ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่ร่างกายกลับสามารถขยับไปเองได้อย่างแม่นยำนั่งทำให้เขาช่วยชีวิตของไดไว้ได้
อย่างฉิวเฉียดถึงแม้ว่าตัวเองจะต้องเป็นฝ่ายบาดเจ็บไปแบบเต็มๆเลยก็ตาม
“ยู ยู ทำใจดีไว้!!!”
คิก ๆๆ ฮ่าๆๆ
“ระ...รีบหนี นายมองไม่เห็นมัน”
ผมผลักไดจิออกไปให้พ้นทางเสียงหัวเราะยังคงดังก้องไปทั่วบริเวณไดจิพยายามมองหาต้นตอของเสียงหัวเราะนั้นแต่ก็ไม่พบ
อะไรนอกจากต้นไม้และใบไม้ ซึ่งสิ่งที่ผมเห็นแตกต่างจากเขามากต้องหน้าผมมีหญิงสาวแสนสวยกำลังหัวเราะอย่างเอาเป็น
เอาตาย หางทั้งเก้าของเธอสะบัดโบกไปตามไหลที่สั่นไหวนั้นอย่างมีชีวิตชีวา
“นายเห็นอะไรยู มีอะไรอยู่ข้างหน้าเรา”
“จิ้งจองเก้าหาง”
เธอคนนั้นมีท่าทีสนใจยูขึ้นมาทันทีที่ถูกสายตาของยูจับจ้อง ไม่เคยไม่ใครเคยเห็นเธอในขณะที่เธอร่างเวทย์อำพรางอยู่เด็กคนนี้ช่างมีดวงตาที่พิเศษ
“ฉันไม่มีทางทิ้งนายหรอกนะ ! ”
“นายเป็นตัวเกะกะฉันเปล่าๆน่า รีบไปตามคนมาช่วยฉันดีกว่าไหม”ยูตะโกนอย่างเหลืออด ความโมโหพุ่งปรี๊ดจนแทบกระอักเลือดเมื่อนางจิ้งจอกนั้นแลบลิ้นปลิ้นตาคล้ายจงใจจะยั่วเย้าเขาโดยเฉพาะ
“เจ้าบ้าเอ้ย! นายจะรั้งอยู่ก็ไม่มีประโยชน์หรอกน่าไปซะ”
ไดจิวิ่งไปไกลมากพอที่จะไม่รู้ไม่เห็นสีหน้าโกรธเคืองของยูก็พลันสงนิ่งลง ท่าทางเหยาะแหยะดูอันตรายจนเลือดในกายของจิ้งจอกสาวเดือดพล่าน
“ตระกูลใหญ่เลี้ยงจิ้งจอกเก้าหางไว้ฝึกเด็กใหม่จริงๆหรอเนี้ยให้ตาย”
“เจ้าหนู ระวังปากของจ้าด้วยเซียนจิ้งจอกอย่างข้าไม่เคยเป็นทาสของมนุษย์อ่อนแออย่างเจ้า”
ทางด้านของริว
“เมื่อไหร่เจ้าจะหันมาฟังที่ข้าสอนเสียทีเจ้าปีศาจ”อาจารย์ผู้สอนพยายามอย่างหนักที่จะดึงดูดความสนใจมังกรหนุ่มตรงหน้า แต่จนแล้วจนเล่าริวก็ไม่มีท่าทีอยากจะลุกไปทำอะไรเลยเพียงแต่มองไปยังทิศทางหนึ่งที่ซึ่งไกลออกไป
อยากกลับไปกอดยูแล้ว..
มังกรหนุ่มอ้าปากหาวอย่าเบื่อหน่าย เสียงนกกระจิบนกกระจ้อยพวกนั้นเขาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว
เปรี๊ยงง !
เสียงอัสนีฟาดครืดลงหลังเขาไอดำมืดได้แผ่กระจายแม้แต่ผู้ที่มีพลังอ่อนด้อยที่สุดก็ยังสัมผัสได้ ไม่ต้องพูดถึงเหล่าปรมจารย์ที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกตินี้
“แย่แล้วขอรับปีศาจจิ้งจอกที่ถูกผนึกไว้หลุดออกมาแล้วขอรับ”เสียงรายงานดังต่อเนื่องไม่ขาดสายทำให้หลายคนตื่นตกใจ แต่ที่นี่มีผนึกเป็นร้อยๆจะมีหลุดมาบ้างก็ไม่แปลก
“ยู...”
ริวลุกพรวดวิ่งกระโจนออกไปทางหน้าต่างทันทีโดยที่ไม่สนอะไรทั้งสิ้น เขารับรู้ได้ถึงอันตรายของผู้เป็นนาย
สายฝนโปรยรายเย็นเฉียบกับไออัปมงคลทำให้ริวหงุดหงิดรำคาญใจเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าพวกมนุษย์จะเรียกขานเขาว่าปีศาจ แต่ปีศาจที่ผ่านการบำเพ็ญเพียรจนสะอาดหมดจดเป็นเทพเซียนเช่นไม่ปรารถนาที่จะทำให้ตัวเองแปดเปื้อนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่มีเจ้านายอยู่ข้างกายยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดใจมากขึ้นไปอีก
ยู
ยู
...อยู่ไหน
“ริว”เสียงตะโกนของยูเรียกเขาไปหา
ไม่ว่าจะอยู่ไกลกันสุดขอบโลก เพียงเสียงกระซิบเรียกหาเขาก็จะต้องไป...
ร่างกายของริวเปล่งแสงเรืองรองก่อนพุ่งเป็นหางดาวตกไปหาผู้เป็นนายเหนือหัว ผู้ที่เชื่อมโยงทั้งร่างกายและวิญญาณเข้าไว้ด้วยกันกับเขา
“ยัยแก!! ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
“น่าๆ อยู่เฉยๆดูเรื่องสนุกไปเถอะเจ้ามนุษย์”
"ปีศาจในพันธะของฉันเห็นเข้าต้องอยากฉีกร่างเธอเป็นชิ้นๆแน่"
ยูถูกจับเข้ามาขังในตู้กระจกสี่เหลี่ยมไม่ว่าจะลองทุบลองแตะดูยังไงเจ้าตู้กระจกนั่นก็ไม่สะเทือนเลยสักนิด แถมยังเจ็บตัวเปล่าไม่ว่าจะร้องหรือโวยวายเท่าไหร่เธอก็ไม่ได้สนใจเด็กมนุษย์อย่างเขาเลย
“เจ้ารู้รึเปล่าต้นตระกูลของเจ้าน่ะ เคยล่อลวงข้าสมัยที่ข้าฝึกตบะญาณใหม่ๆ เขาหลอกให้ข้าหลง ข้ารัก แล้วเป็นอย่างไรละสุดท้ายข้าก็พลาดโดนผนึกไว้ที่ต้นเห็ดโง่ๆนั่นนานเป็นพันปี”
“ทำไมฉันต้องเชื่อเธอด้วย”
“ก็แล้วแต่เจ้าเถอะ ข้าก็แค่พูดให้ฟัง”
น้ำเสียงหม่นหมองของปีศาจจิ้งจอกทำให้เขาได้รับรู้ถึงความจริง ปีศาจก็รักได้ เจ็บได้เช่นเรา คนที่ถูกคนรักจับขังเป็นพันๆปีคงจะรู้สึกเจ็บปวดมากจนมิอาจจะทนไหว จะตายก็ไม่ได้ จะอยู่ก็ไม่เชิง ถูกขังเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว
“ริว...ริว..” ยูกระซิบเรียกอย่างหมดแรง รู้สึกสงสารนางจิ้งจอกอย่างจับใจเขาไม่รู้หรอกว่านางรู้สึกอย่างไร แต่ความรู้สสึกที่คนรักหักหลังนั้นเขารู้จักดี
ริวที่ถูกเจ้านายร้องเรียกได้ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของยู ผู้เป็นเจ้านายเผยรอยยิ้มดีใจได้เพียงครึ่งวิก็ต้องหุบรอยยิ้มลงฉับ “ยูอยู่ไหน”
ก็อยู่ข้างหลังนายนี่ไงเล่าเจ้าบ้า !! นี่เขาก็มองไม่เห็นผมไปด้วยอีกคน
“อ้อ ปีศาจในพันธสัญญาที่เจ้าเด็กนั่นว่าก็คือเจ้างั้นหรอ”จิ้งจอกสาวคลี่ยิ้ม
“ส่งยูคือมาให้ฉัน”
“แล้วทำไมข้าต้องส่งเจ้าเด็กนั่นคืนให้เจ้าด้วยละ”
ริวแผ่พลังออกมาเตรียมพร้อมจะเข้าปะทะกับจิ้งจอกสาวเต็มที่ เธอยกมุมปากขึ้นก่อนจะคว้าผมออกมาจากตู้กระจกนั่น กรงเล็บแหลมกุมรอบคอของผมไว้แน่นจนรู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังไหลเป็นทางนั่นทำให้ริวชะงัก
“ข้ามีข้อเสนอ”เธอยิ้มอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า
“ว่ามา” ริวขมวดคิ้วยุ่งมองมาที่ผมสลับกับมองไปทางนางจิ้งจอก
“ตัวข้าน่ะ ถูกขังไว้ที่ต้นเห็ดนานนับพันๆปี โชคดีที่มีเจ้าเด็กนี่ถอนมันออกให้”
พอได้ยินแบบนั้นผมก็ตาเหลือกค้าง ปีศาจบ้าอะไรถูกขังไว้ที่ต้นเห็ดวะครับ !! มันเป็นความผิดผมสินะที่เกินอยากกินเห็ดย่างขึ้นมาตอนนั้น
“ข้าก็แค่อยากเป็นอิสระ เจ้าช่วยรับข้าไว้เป็นปีศาจในพันธะสัญญาอีกตัวสิ”
“ไม่อนุญาต” ริวตอบแทน
“แหมน่าเสียดายแต่ข้าไม่ได้กำลังถามเจ้านะมังกร ที่ข้าพูดด้วยคือมนุษย์ตนนี้ต่างหาก”
“ปะ เป็นทาสในพันธสัญญาแล้วมันเป็นอิสระตรงไหน”ยูขยับปากพูดด้วยความยากลำบาก ยิ่งพูดเล็กแหลบๆก็ยิ่งจิกลงไปลึกมาขึ้นจนเริ่มหายใจลำบาก
“อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องโดนไล่ล่า โดนจับขังลงไปในต้นเห็ดอีก !”
อะ...โอ๊ย นางจะพูดก็พูดไม่ต้องจิกเล็บลงมาบนคอผมก็ได้ครับ !
“อึกก”
“ยู !!”
ไดจิไปตามพวกอาจารย์มาช่วยแต่ดูเหมือนสถานการณ์ตอนนี้ ผมอยากจะเชิญพวกอาจารย์กลับไปแล้วบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซะจริงๆรั้งแต่จะให้เหตุการณ์ตึงเครียดซะเปล่าๆ
“เจ้าจิ้งจอก ปล่อยเด็กคนนั้นเดี๋ยวนี้”
“เชอะ ปล่อยให้โง่เรอะตาแก่”
“โฮะๆ จะไปยากอะไรก็รับๆจิ้งจอกสาวนั่นไว้เสียสิยู”ท่านผู้เฒ่าเมียวกะ หรืออาจารย์ของผมเดินยิ้มร่าเข้ามาขัดกับสถานการณ์
ตึงเครียดในตอนนี้สุดๆ
“ผม ... ผมพลังไม่พอรองรับปีศาจอีกตัวหรอกครับ”ผมหน้าเบี้ยวด้วยความเจ็บแปล๊บ
“ผนึกของเจ้าคิดว่าจะซ่อนได้จากสายตาของข้างั้นรึ”นางจิ้งจอกก้มลงกระซิบที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ให้พอได้ยินกับแค่สอง
คน นั่นทำให้ผมตกตะลึงเพราะไม่เคยมีปีศาจหรือมนุษย์คนไหนสักเกตุเห็นรอยผนึกนี่มาก่อน
ในขณะที่ผมกับจิ้งจอกสาวกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่นั้นสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นว่าอาจารย์กำลังท่อง คถาบางอย่างอยู่
เพียงพริบตาเดียวที่เผลอร่างกายของผมก็ลุกโชนไปด้วยเปลวไปพิสุทธิ์เจ้าจิ้งจอกที่เป็นปีสาจไม่สามารถทนความร้อนของเพลิง
ได้ก็ปล่อยมือออกจากตัวของผมเป็นจังหวะเดียวกับที่ท่านอาจารย์หลายท่านข้าตีวงล้อมปีศาจจิ้งจอกนั่นไว้
ริวพุ่งเข้ามารับผมไว้ได้ทันก่อนที่หน้าตาอันหล่อเหลาของผมจะจูบกับพื้นโลก เปลวเพลิงไม่ได้ทำร้ายผมเลยแม้แต่น้อยกลับกัน
คนที่เจ็บหนักที่สุดคือนางจิ้งจอกที่รับเปลวไฟนั้นไปเต็มๆ
หมับ !
“อ๊ะ”
ริวกอดผมไว้แน่นจนผมแทบจะขาดอากาศหายใจ ลมหายใจที่หนักหน่วงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาต้องควบคุมตัวเองมากแค่ไหนเพื่อที่จะกลั้นใจไม่ให้พุ่งตรงเข้าไปฉีกกระชากร่างของจิ้งจอกสมควรตายนั่น
ความอบอุ่นของยูที่อยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงช่วยให้มังกรหนุ่มสงบใจลงได้อย่างรวดเร็ว เสียงหัวใจที่ดังเต้นเป็นจังหวะในอกข้างซ้ายของยูเปรียบได้ดั่งเพลงกล่อมให้เขาควบคุมตัวเองได้
“ฉันไม่เป็นไรแล้วริว”ยูตบที่หลังของริวเบาๆเป็นการปลอบใจ
ริวคลายอ้อมกอดลงอย่างผ่อนคลายแล้วสำรวจร่างกายตรงหน้าแทน นอกจากที่ลำคอแล้วที่อื่นๆก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรอีกมีรอยขีดข่วนจากการล้มลุกคลุกคลานเล็กน้อยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
“ฉันจะฆ่ามันซะ”สายตาเฉียบคมตวัดมองไปที่ปีศาจสาวอย่างหมายเอาชีวิต
สภาพของจิ้งจอกเจ้าหางจะบอกว่าแย่จนไม่รู้จะสรรหาคำว่าอะไรมาอธิบาย มือและเท้าทั้งสองข้างถูกโซ่ตรวนอาคมพันธนาการจนดิ้นไม่หลุด เสียงคำรามที่แหบแห้งจนเกือบจะกลายเป็นเสียงกรีดร้อนช่างน่าเวทนาสงสาร
“พวกเจ้าจะขังข้าไว้ไม่ได้ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด”
“เจ้าทำร้ายลูกศิษย์ในสำนักเรา ความผิดโทษหนักสงควรตาย”
“ปล่อยข้า !! หุบเขานี้เป็นของข้า พวกเจ้าบุกรุกเข้ามาแถมยังทำร้ายข้า เป็นพวกที่สมควรตายให้หมด”
จิ้งจอกสาวดิ้นรนด้วยพลังเฮือกสุดท้ายน้ำตาที่หยดเป็นสายทำให้ยูไม่สามารถทนยืนมองได้อีก
“ยู อย่า ทำ”ริวกุมมือของผู้เป็นเจ้านายด้วยสีหน้าซีดเผือด
“ขอโทษนะริว”
ยูปล่อยมือออกจากริวก่อนจะเดินสวนแทรกเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าจิ้งจอก เหล่าอาจารย์ยืนตะลึงมองเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้เดินเข้าไปประจันหน้ากับสัตว์ที่กำลังบ้าคลั่ง
“ยูถอยออกมา”ผู้เฒ่าเมียวกะพูดออย่างใจเย็น
“จะฆ่าเธอ น่าสงสารออกนะครับ” ยูยิ้มให้ทุกคนรวกทั้งจิ้งจอกเก้าหางตรงหน้านี้ด้วย
“มาเถอะ ผมจะรับเธอเป็นทาสในพันธของผมอีกตน” ยูหลับตาปลดผนึกในตัวออกเล็กน้อย แต่นั่นก็มากพอที่จะให้ทุกคนได้รู้ว่าเด็กคนนี้มีขุมพลังงานลึกลับซ่อนอยู่ มือเรียวยื่นออกไปด้านหน้าปีศาจสาว
“นะ นามของข้า ยูกิ ยินยอมมอบร่างกายและวิญาณนี้ให้ท่าน”เธอคลี่ยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะยกมือขึ้นจับมือของอีกฝ่าย
พิธีเสร็จสิ้นแล้วจิ้งจอกเก้าหางอยู่ภายใต้การควบคุมของยูโดยสมบูรณ์ ยูหันไปมองคู่หูที่อยู่ด้วยกันมานานแต่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็ไม่เจอ
“ริว....”
เขา จากไปแล้ว....