" ก้าวที่ 16"
"จะบ้ารึไง ปล่อยกูนะ"
ผมไม่พอใจมันิย่างมาก
จึงเริ่มใช้มึงกับกูกับมัน(จริงๆก็มีแอบใช้มาหลายครั้งแล้วแหละ)
"ทำไม ของๆ กู ถ้ากูไม่ยอมปล่อย ก็อย่าหวังว่าใครจะมาเอาไปได้ง่ายๆ "
"แล้วมึงก็ลากกูมามัดไว้เนี่ยนะ"
ผมพูดอย่างเหลืออด
มีอย่างที่ไหน
พอมันลากผมขึ้นรถได้ก็ลากผมกลับมาที่ห้อง
พร้อมทั้งเอาเชือกมามัดมือมัดเท้าขึงพรืดผมไว้กับเตียง
แล้วมันก็มานั่งมองอยู่เป็นนาน
ผมโวยวายเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมสนใจ
จนมื่อกี้นี่เองที่มันเริ่มจะตอบจะพูดกับผมบ้าง
"กูจะทำยิ่งกว่ามัด มึงคอยดูสิ แล้วกูก็จะไม่ปล่อยมึงง่ายๆ หรอก ไม่ต้องมาขอร้องกูง่ายๆ"
"....."
ผมได้แต่เงียบ
แล้วพยายามอ่านสีหน้ามันว่ามันรู้สึกอย่างไร
แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า
ไม่รู้ว่ามันพูดเพราะโกรธหรือเพราะอะไรกันแน่ด้วยซ้ำ
"เดฟ"
ผมพยายามเรียกมันเสียงหวานกว่าเดิม
"ไม่ต้องมาใช้ไม้ตื้นๆ กับกู"
"....."
"มึงไปเอากับไอ้ว่านจริงๆ รึเปล่า"
มันจ้องหน้าผมนิ่ง
"....."
ผมก็ได้แต่เงียบอีกสิครับ
ไม่รู้จะตอบมันยังไง
จะโกหกต่อไปก็กลัวพายุอารมณ์หวงของเป็นเด็กของมัน
แต่ถ้าจะให้พูดความจริง
ผมก็ต้องรองรับอารมณ์มันอยู่ดี
"ว่าไง หรือมึงจะต้องให้กูทดลองใช้ดูอีกครั้ง"
มันเอามือมารูด บีบ คลำบริเวณบั้นท้ายผม
โดยที่ผมไม่สามาถขัดขืนมันได้เลย
"ปะ เปล่า"
ผมหลบสายตามันไป
"....."
"....."
" ดี อย่างน้อยความรู้สึกกูมันก็ยังไม่ผิด "
ด้วยคำพูดของมันถึงแม้จะดูเหมือนไม่มีอะไรมาก
แต่มันก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่งแล้วสิครับ
เพราะอย่างน้อยมันก็เชื่อใจผม
ว่าผมไม่มีวันนอกใจมัน
ผมเอาผมแทบเผลอยิ้ม
และลืมเรื่องราวต่างๆ ไปชั่วขณะเลยทีเดียว
"......"
"แต่ไม่ใช่เพราะกูเชื่อใจมึงหรอกนะ แต่เป็นเพราะท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ ของไอ้ว่านต่างหาก ที่กูสงสัย"
มันพูดหน้าตาเฉย
ทำเอาอารมณ์ผมเริ่มพุ่งทันที
เพราะอุตส่าห์หลงเข้าใจผิด
คิดว่าอย่างน้อยสิ่งที่ดีๆ ระหว่างผมกับมัน
ถึงแม้จะไม่รัก แต่ถ้ามันให้ความเชื่อใจผม
ก็ถือว่าน่าจะมากพอแล้ว
เพราะคพวกนี้กว่าที่มันจะไว้ใจใครสักคนได้
นับส่าเป้นเรื่องที่ยากมาก
ซึ่ง.....
ผมก็ยังคงไม่สามารถทำได้เช่นเดิม
"....."
"แล้วมึงทำแบบนี้ทำไม"
"....."
"มึงคิดว่ากูจะหึงมึง แล้วดึงตัวมึงกลับมาสินะ หรือว่ามึงคิดว่าเรื่องแบบนี้มันจะทำให้กูเสียศักดิ์ศรี ฮ่าๆ ๆ กูจะบอกให้นะ ว่าระหว่างมึงกับเพื่อนกู กูแคร์เพื่อนกูมากกว่า ถ้ามึงจะเอากับเพื่อนกูจริงๆ กูไม่เอามาทำอารมณ์หรอก "
พอมันพูดจบ
ผมก็ได้แต่มองหน้ามัน
พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาอย่างลืมตัว
"แล้วที่กูเอาตัวมึงมาด้วยและจับมึงมัดไว้เนี่ย กูก็แค่อยากจะเล่นเกมของมึงให้มันเสร็จก็แค่นั้นแหละ"
มันยังคงอวดความฉลาดต่อไป
"....."
"มึงนี่นะ ตอนแรกกูเองก็ยังนึกว่าจะหงิมๆ แต่ที่ไหนได้..."
มันเอามือมาจับหน้าผมให้เงยมองหน้ามันให้ชัดกว่าเดิม
" มารยามึงเนี่ย มันมาเหนือชั้นกว่าพวกกะหรี่ที่กูซื้อรายชั่วโมงซะอีก แต่มึงอาจจะเอามาใช้ผิดคนแล้วแหละ เพราะคนอย่างกู ถ้าอะไรที่กูทิ้ง กูก็จะไม่มีวันคิดหันไปเก็บมันอีก "
"..... รู้หมดแล้วนี่ แล้วเมื่อไหร่จะปล่อยล่ะ"
ผมกลั้นใจพูดออกไป
พร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมาประจานตัวเองมากไปกว่านี้อีก
"มึงคิดว่ากูจะให้มึงกลับไปง่ายๆ อย่างงั้นหรอ "
"......"
"แต่มึงก็อย่าหวังอีกเหมือนกัน ว่าครั้งนี้มันจะเหมือนที่ผ่านๆ มา เพราะกูจะทำให้มึงจำไปจนตาย ว่ามึงทำเรื่องอะไรไว้ "
.......................................................................
.......................................................................
......................................................................
ผมค่อยๆ เดินโผเผ ออกจากลิฟท์หลังจากที่ผมนอนซมอยู่กับที่นอนที่ห้องไอ้เดฟหลายชั่วโมง จนสบโอกาสพอที่จะทรงตัวได้ และไอ้เดฟไม่อยู่ผมเลยสามารถออกมาจากห้องได้โดยง่าย
แต่ถึงมันจะอยู่
มันก็คงจะปล่อยผมมาง่ายๆ เหมือนที่มันพูดไว้อยู่ดี
เพราะทุกสิ่งที่มันพูด
มันคิดความจริงทั้งหมด
และสิ่งที่มันทำกับผม
มันก็คงจะทำให้ผมจำไปจนตายแน่นอน
"น้องครับ น้อง..."
"น้องครับ"
ผมรู้สึกว่ามีคนเดินมาสะกิดที่ด้านหลัง
จึงต้องหันกลับไปมอง
ก็พบกับพี่ยามของคอนโดไอ้เดฟที่ยืนมองผมด้วยแววตาสงสัย
"ไปนั่งพักก่อนไหม เดี๋ยวพี่เรียกรถให้"
แกพูดพร้อมกับทำท่าจะพาผมไปนั่งด้วยความใจดี
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยผมเดินออกไปเองดีกว่า"
"ไหวหรอ เนี่ยพี่มองหน้าแล้วยังงงเลย ว่าเดินออกมาจากห้องได้ยังไง ไม่สบายขนาดนี้ เดี๋ยวพี่ไปเรียกรถให้ดีกว่า"
"ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ พอดีว่าผมไม่สบายนิดหน่อย แต่มันมักจะซีดแบบนี้แหละครับ"
พี่ยามทำท่าว่าจะพูดต่อ
แต่จู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงพูดแทรกขึ้น
"พี่คะ ช่วยหารถเข็นให้หน่อยค่ะ พอดีหนูจะเอาของขึ้นห้อง"
"ครับ ยังไงพี่ว่าหารถออกไปดีกว่า นี่ก็ดึกมากแล้ว ปกติมันก็เปลี่ยวพออยู่แล้ว แล้วนี่ยังไม่สบายอีก "
แกพูดอย่างเป็นห่วง
ก่อนจะเดินจากไป
ผมซึ่งน้ำใจแกจริงๆครับ
เพราะที่ผ่านมาผมก็เคยคุยกับแกแค่ไม่กี่ครั้ง
ระหว่างที่มานั่งรอไป้เดฟ
แต่ไม่นึกว่าจะมีน้ำใจงามขนาดนี้ สำหรับคนที่ค่อนข้างจะแปลกหน้าอย่างผม
ผิดกับคนอีกคน
ที่อย่างน้อยก็เคยสนิทชิดื้อ
แต่กลับไม่ยอมสนใจใยดีผมเลยด้วยซ้ำ
เพราะหลังจากที่มันเสร็จกิจ(เพียงฝ่ายเดียว)กว่าสองครั้ง
มันก็ปล่อยให้ผมนอนซมกับคราบเลือดที่แห้งเกรอะกรัง
พร้อมกับอาการปวดเมื่อยตามตัวจนไม่สามารถจะลุกหรือขยับตัวได้อยู่บนเตียง
ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำตอนที่มันจะเดินออกจากห้องไป
ผมคิดอะไรเรื่องเปื่อย
ขณะที่เดินออกมาจากคอนโด
ที่ก็ค่อนข้างจะดึกพอควร
แต่บรรยากาศก็เหมาะสำหรับที่จะเดินคิดอะไรเรื่องเปื่อยนิดหน่อย
ทำให้ผมตัดสินใจที่จะปัดขอเสนอของพี่ยามทิ้งไป
โดยเลือกที่จะเดินออกมาหน้าซอยด้วยตัวเองจะดีกว่า
จริงๆแล้วในซอยมันก็ไม่มีอะไรน่ากลัวมากหรอกครับ
เพราะมันเป็นที่ดินในทำเลที่ค่อนข้างมีราคา
หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นบ้านของพวกผู้ดีก็ว่าได้
จึงทำให้ค่อนข้างเงียบพอสมควร
ระหว่างที่ผมกำลังเดินน้ำตาไหลรินกินบรรยากาศอยู่นั้น
จู่ๆ ก็มีมอเตอร์ไซด์ขับเข้ามาจอด
พร้อมกับคนที่ซ้อนท้ายวิ่งลงมาจากรถเอามีดมาจ่อที่คอผม
โดยที่เพื่อนมันก็ติดเครื่องมอไซด์รออยู่
ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ก็เกิดขึ้นเร็วมาก
จนผมไม่สามารถที่จะวิ่งหลบได้ทัน
"อย่าร้อง"
เสียงมันขู่จากด้านหลัง
พร้อมกับเอามือปะป่ายตามตัวผมไปเรื่อย
เพื่อหากระเป๋าตังค์พร้อมกับของมีค่า
ซึ่งในตนนั้นทั้งเนื้อทั้งตัวผมมันก็ไม่มีอะไรมีราคามากหรอกครับ
เงินก็มีไม่ถึงห้าร้อย
พวกบัตรผมก็ไม่ได้พกอะไร
มีเอทีเอ็มอยู่ใบ
แต่ในกระเป๋าตังค์ผมก็มีรูปถ่ายครอบครัวผม
ที่ผมหวงมากที่สุดอยู่ใบหนึ่งด้วย
เพราะเป็นรูปถ่ายครอบครัวใยเดียวที่มีรูปของสมาชิกครับทั้งสี่คน
นอกนั้นไม่ขาดพ่อผม ก็ขากแม่ ไม่งั้นไอ้เอิง หรือผมก็ต้องหายไป
และระหว่างที่มันกำลังหาของมีค่าผมอยู่นั้น
มีอยู่จังหวะหนึ่ง
ที่มันเผลอเอามีดออกจากคอผม
เพื่อล้วงหากระเป๋าตังค์ที่กระเป๋าหลังกางเกงผม
ผมจึงได้รีบหมุนตัวออกจนพ้นสามารถพ้นได้
แต่ก็ยังโดนมีดบาดเข้าที่ไหล่นิดหน่อย
จากนั้นผมก็ก้มหยิบก้อนหินขึ้นทุบเข้าที่หัวมัน
ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ในเหมือนกันว่าโดนตรงไหน
เพราะผมได้วิ่งออกมาทันที
โดยไม่คิดที่จะอยู่รอดูเหตุการณ์
แต่ผมวิ่งไปได้ไม่เท่าไหร่
มันก็สามารถที่จะคว้าตัวผมไว้ได้อยู่ดี
จะเอาอะไรกับคนป่วยล่ะครับ
แค่ผมมีแรงหยิบหินมาทุบหัวมันได้ก็บุญแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าผมจะสู้มันไปทำไม
แต่อารมณ์คนเรามันก็ย่อมไม่ต้องการให้ใครมาเอาของๆเราไปง่ายๆหรอกจริงไหมครับ
อย่างน้อยก็ขอให้ได้สู้ซะก่อน
จะเป็นจะตายค่อยว่ากัน
มันจับตัวผมได้ที่หน้าบ้านมืดๆ หลังหนึ่ง
มันก็จัดการจับหัวผมฟาดเข้าที่เสาหินหน้าบ้านหลังนั้นอย่างแรง
จนผมแทบจะหมดสติ
แต่มันยังไม่พอแค่นั้นหรอกครับ
เพราะหลังจากนั้น
ผมก็รู้สึกถึงความเย็นที่ช่องท้อง
พร้อมกับอาการชา
และติดตามมาด้วยความเจ็บปวด
ก่อนที่สติผมจะขาดหายไป
................................
...............................
...............................
...............................
" พี่อิง"
"....."
"พี่อิง พี่ฟื้นแล้วหรอ "
เมื่อผมตื่นขึ้นมา
ก็เจอกับไอ้น้องชายตัวดีของผมครับ
ที่รีบวิ่งเข้ามาเขย่าตัวผม
พร้อมกับน้ำตาเอ่อคลอที่หางตาของมัน
"...."
" พี่อิง ทำไมพี่มองหน้าผมแบบนี้"
มันถามผม
พร้อมกับทำหน้างอนๆ
ที่มันคิดเองว่าน่ารัก
"ฮ่าๆ ไม่มีไรหรอก ก็หน้าแกมันตลกนี่หว่า ดูดิ พุดแค่นี้ก็น้ำตาจะไหลด้วย"
ผมพูดพร้อมกับจะเอื้อมเอามือไปจับหน้ามัน
แต่มันก็สะบัดหน้าหนีผมอย่างมีจริต(มันยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม)
"คนอุตส่าเป็นห่วง ยังมาเล่นอีก ผมนึกว่าพี่จะไม่ฟื้นแล้ว"
"ทำไมพี่จะไม่ฟื้นล่ะ พี่เป็นอะไรหรอ"
"....."
มันยังไม่ตอบคำถามผมในตอนแรก
ทำให้ผมได้สังเกตบริเวณรอบกายเป็นครั้งแรก
ซึ่งก็พบห้องสีขาวสะอาด
พร้อมกับโซฟา ตู้เย็น และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เท่าที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาลพึงจะมีได้
ใช่สิ
ผมอยู่โรงพยาบาล
แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
โอ๊ย
จู่ๆ ผมก็รู้สึกเจ็บบริเวณศรีษะ
จึงใช้มือขึ้นจับดู
ก็พบว่ามีผ้าก๊อตพันไว้โดยรอบ
แสดงว่าผมหัวแตกสินะ
แล้วความเจ็บๆบริเวณท้องนี่ล่ะ
มันคืออะไร
หรือว่าผมผ่าตัดไส้ติ่ง
แต่เอ๊ะ
ผมเคยผ่าไปแล้วนี่ เมื่อตอนอายุสิบสี่
"พี่โดนคนทำร้าย สงสัยเป็นพวกปล้นชิงทรัพย์ โดนแทงที่ท้อง ส่วนหัวพี่ไม่รู้ไปฟาดกับอะไร "
"อ้าว แล้วทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะ"
ก็จริงนี่ครับ
ถ้าแต่หัวฟาดกับโดนแทง
มันเองก็เคยเฉียดๆมาแล้วหลายครั้ง
มันจะต้องตกใจไปทำไม
"มันไม่แค่นั้นน่ะสิ พี่น่ะเล่นนอนไม่ยอมตื่นตั้งสี่วันแน่ะ "
"หา สี่วัน ทำไมมันนานขนาดนั้นวะ"
"จะไปรู้หรอ หมอเค้าบอกว่าพี่ต้องการที่จะอยู่คนเดียว เลยปิดการรับรู้ของระบบประสาท แล้วเมื่อพี่พร้อมพี่ก็จะฟื้นเอง ดูมันพูดดิ น่าถีบจริงๆ ใครๆก็พูดได้ แล้วถ้าพี่ไม่ฟื้น ผมไม่ต้องนั่งเฝ้าพี่ไปตลอดชาติหรอ"
มันไม่วายมีแอบแถไปด่าหมอจนได้ครับ
"ฮ่าๆ ๆยังไงพี่ก็ฟื้นแล้วนี่ แล้วพี่ไปโดนทำร้ายแถวไหนหรอ "
"เอ่อ ถะ แถว ..."
"อ้าว ตอบมาดิ แถวไหน ทำไมต้องอ้ำอึ้งด้วย"
"แถว ... คอนโดไอ้เดฟ "
"หืม เดฟไหน เพื่อนใหม่แกหรอ "
ผมถามกลับไปอย่าง งงๆ
เพราะเท่าที่ผมรู้
เพื่อนไอ้เอิง
มันก็มีแค่ไอ้กิก
ไอ้เด
ไอ้กัน
แค่สามคนเท่านั้น
ผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยสักครั้ง.........
.....