ก้าวที่สี่
" อ่ะ "
น้องชายผมมันยื่นซองเงินค่าเทอมให้ผม
หลังจากที่กลับมาจากไปเรียนแล้ว
" อะไรน่ะ ยังไม่จ่ายอีกหรอ "
ผมถามมันไปอย่างงง ๆ
เพราะทางวิทยาลัยเขาก็รับเป็นเงินสดอยู่แล้ว
ทำไมน้องชายผมมันยังไม่รีบไปจ่ายให้เรียบร้อยอีกก็ไม่รู้
" ก็อาจารย์เขาบอกว่า พวกที่ทำเรื่องผ่อนผันน่ะ ต้องให้ผู้ปกครองไปเซ็นจ่ายเอง "
น้องชายผมมันพูดพลางเดินเอากระเป๋าไปวางบนโต๊ะ
ก่อนที่จะเดินกลับมานั่งที่โซฟาข้าง ๆ ผม
" อืม งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ออกไปพร้อมเราแล้วกัน เออนี่พี่มีไรจะบอก พี่ได้งานทำแล้วนะ "
ผมพูดขึ้น
" จริงดิ โอ้โห เร็วดีเหมือนกันนะเนี่ย ได้ที่ไหนล่ะพี่ "
ไอ้น้องชายผมมันดีใจจนนปิดไม่มิด
ผมว่ามันคงจะกังวลเรื่องงานของผมเหมือนกันแหละ
ถึงแม้ว่าเมื่อเช้ามันจะทำตลกเฮฮากลบเกลื่อนก็เหอะ
" พนักงานต้อนรับตามบาร์น่ะ แต่นี่ เงินดีมากเลยนะ เงินเดือนเท่าที่ทำงานเก่าพี่เลย แล้วบางทีถ้าได้ทิปเยอะน่ะ มากกว่าเงินเดือนอีก รู้เปล่า "
ผมรีบยกเหตุผลมาอ้าง
เพราะเห็นไอ้น้องชายผมมันทำท่าจะค้าน
" แล้วมันบาร์แบบไหนน่ะพี่ ทำไมเงินเดือนเยอะขนาดนั้น "
ไอ้เอิงมันถามอย่างสงสัย
" ก็บาร์ทั่ว ๆไปน่ะแหละ แต่ที่นี่มันค่อนข้างมีคุณภาพหน่อยน่ะ ดูหรูมากเลยล่ะ สงสัยรับเฉพาะพวกมีเงินมั้ง ถึงได้มีเงินมาจ่ายพนักงานเยอะขนาดนี้ "
ผมตอบน้องชายไปตามสภพาความเป็นจริง
แต่ ปิดเรื่องที่ว่ามันเป็นบาร์เกย์เอาไว้
เพราะขี้เกียจต้องมานั่งอธิบายอะไรหลาย ๆ รอบ
ถึงแม้ว่าไอ้น้องชายผมมันจะเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย ๆ ก็เหอะ
แต่ถ้าเป็นเรื่องของผมแล้ว
มันถือว่าความปลอดภัยของพี่มันต้องมาก่อนเสมอ
แต่ก่อนเวลาจะไปไหนมาไหนดึก ๆ มันต้องไปรับไปส่งประจำ
จนตอนที่ผมเริ่มทำงานมานี่แหละ
ที่มันจำเป็นต้องปล่อยผมไปคนเดียว
เพราะผมมันทำงานกะดึกซะด้วย
จะให้ไปรับไปส่งทุกวันคงไม่ไหว
" แล้วมันจะปลอดภัยหรอพี่ ผมว่าพี่ไปหางานอื่นทำเถอะ เดี๋ยวผมช่วยอีกแรง งานพาร์ทไทม์มีตั้งเยอะ "
มันพูดด้วยความเป็นห่วงผม
แต่ผมจะให้มันมาลำบากทำงานไม่ได้
เพราะเรื่องเรียนมันต้องมาก่อนเสมอ
แล้วผมก็ไม่อยากเอาเปรียบมันด้วยเหมือนกัน
เมื่อตอนที่ผมเรียนผมก็ได้แต่เรียนอย่างเดียว
เพราะฉะนั้นเมื่อตอนที่มันเรียน
มันก็ต้องได้คิดแต่เรื่องเรียนอย่างเดียวเท่านั้น
" แกตั้งใจเรียนให้จบปริญญาก็พอแล้วน่า ไม่ต้องมาทำงานหรือทำอะไรช่วยพี่หรอก อีกอย่าง พี่น่ะอายุตั้งยี่สิบสองแล้วนะ แก่แล้ว ไม่มีใครเอาทำอะไรหรอก รับรองปลอดภัยชัวร์ "
ผมพูดเพื่อเพิ่งความมั่นใจให้กับน้องชาย
ทั้ง ๆ ที่ในใจผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะปลอดภัยขนาดไหน
" เอางั้นก็ได้ งั้นให้ผมไปรับไปส่งพี่ทุกวันดีไหม "
น้องชายผมมันยังคงเสนอขึ้นมาอีก
" ไม่เอา เสียเวลาเปล่า ๆ อีกอย่างเปลืองค่ารถด้วย "
ผมพูดไป
แต่ไอ้น้องชายตัวดีมันยังคงทำหน้าตาเหมือนกับไม่สบายใจอยู่ดี
" เอางี้แล้วกัน เพื่อความสบายใจของแก ถ้าหากว่าพี่เห็นว่ามันไม่ปลอดภัยพี่จะเลิกทำงานนี้เด็ดขาด ตกลงไหม "
ผมพูดเพื่อเอาใจมันครับ
เรื่องอะไรล่ะที่ผมจะเลิกทำงานที่เงินค่อนข้างดี
ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้
" ก็ได้ แล้วอีกอย่าง เมื่อพี่อิงเลิกงานแล้ว พี่ต้องโทรศัพท์มาบอกผม แล้วผมจะออกมารอพี่ที่หน้าปากซอย "
มันยังคงเป็นห่วงผมไม่เลิกครับ
" เออ ก็ได้ นี่แกเป็นน้องหรือเป็นพี่กันแน่วะเนี่ย "
" นั่นดิ ผมว่าผมต้องเป็นพี่แน่เลย ดูตัวผมดิ โตกว่าตั้งเยอะ "
ไอ้น้องชายผมได้ทีข่มผมใหญ่เลยครับ
พร้อมยังยกแขนขึ้นโชว์กล้ามเป็นมัด ๆ อีก
"ไอ้เอิง เดี๋ยวเหอะ ตัวเล็กแล้วไงวะ "
" ก็เพราะพี่อิงตัวเล็กแบบนี้ไง ผมถึงได้ห่วงอยู่เนี่ย "
" เออน่า มันไม่มีไรหรอก แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมล่ะ จะไปเรียนน่ะเรียกพี่ไปด้วยนะ "
" เฮ้ย พรุ่งนี้หรอ ผมลืมบอกพี่น่ะ ต่อไปทั้งอาทิตย์ พวกผมไม่ได้เข้าวิทยาลัยแล้ว เพราะอาจารย์ให้ไปดูงานข้างนอก เอาไว้อาทิตย์หน้าค่อยไปดีกว่าพี่อิง "
น้องชายผมมันพูดอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
" อ้าวหรอ เดี๋ยวพี่เข้าไปคนเดียวแล้วกัน เพราะกำหนดของอาจารย์มันก็ใกล้เข้ามาแล้ว เดี๋ยวเลยกำหนดจะยุ่ง "
" ไม่ได้นะพี่อิง พี่เข้าไปคนเดียวมีหวังได้โดนไอ้เดฟมันงาบแน่ "
" ไม่หรอกน่า พี่จะรีบไปรีบกลับแล้วกัน "
ทั้ง ๆ ที่ผมลืมเรื่องนี้ไปแล้วแท้ ๆ
แต่ไอ้น้องชายตัวดีมันดันฟื้นฝอยหาตะเข็บอยู่ได้
" พี่ต้องห้ามแวะที่ไหนเด็ดขาดเลยนะ เดินตรงไปห้องธุรการ พอจ่ายเงินเสร็จก็กลับเลย เข้าใจป่ะ "
" เข้าใจค้าบบบท่านพี่ "
ผมตอบมันไปอย่างต้องการประชด
" เออพี่อิง มีอีกเรื่อง เดี๋ยวไอ้กิกมันจะมาขออยู่กับเราสักพักนะพี่ เห็นมันบอกว่ามีปัญหาอะไรสักอย่างไม่รู้ สงสัยเป็นเรื่องเกี่ยวกับมรดกของมันนั่นแหละ "
ไอ้เอิงบอกกับผมก่อนที่ผมจะเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เพื่อไปดูงานที่บาร์
" อ้าวหรอ ได้สิ ก็ให้พักห้องแกแล้วกัน แล้วนี่จะมาเมื่อไหน่ล่ะ "
" เย็นนี้แหละ แต่เรื่องที่นอนน่ะ ให้มันนอนห้องผม แล้วให้ผมไปนอนกับพี่ได้ป่ะ "
ไอ้น้องชายผมมันพูดเสียงอ่อย
ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมมันถึงนอนห้องเดียวกับไอ้กิกไม่ได้
" ทำไมไม่นอนกับเพื่อนล่ะวะ มานอนกับพี่ทำไม เดี๋ยวแกก็ได้เตะพี่ตกเตียงหรอก "
" เหอะน่าพี่ เดี๋ยวผมจะบอกทีหลัง เรื่องนี้มันยาวววววว "
น้องชายผมมันพูด
พร้อมกับลากเสียงยาวในท้ายประโยค
และด้วยความรีบทำให้ผมไม่ได้สนใจจะซักอะไรต่อ
ไว้ค่อยจัดการทีหลัง
" ได้ ๆ ๆ ยังไงก็จัดการกันเองแล้วกัน เย็นนี้พี่ไม่อยู่นะ พอดีผู้จัดการเค้าบอกให้ไปเรียนรู้งานก่อนนะ "
" อ้าว ทำไมพี่อิงไม่บอกก่อนล่ะ ผมจะได้ไปดูที่ทำงานพี่ด้วย "
ไอ้เอิงมันโวยอย่างขัดใจ
" เหอะน่า แกก็อยู่ดูแลเพื่อนนั่นแหละ เรื่องที่ทำงานดูเมื่อไหร่ก็ได้ "
ผมรีบพูดผิดทางมันไว้ครับ
เพราะเดี๋ยวความลับรั่ว
" ก็ได้ "
มันพูดพร้อมกับทำท่างอนอย่างเด็ก ๆ
แต่แทนที่จะน่ารักมันกลับน่าหมั่นไส้มากกว่า
" อ้าว ๆ ๆ ดูทำหน้าเข้าสิน่ะ เดี๋ยวหมดเท่ห์หรอก เดี๋ยวพี่ไปเอากล้องมาถ่ายรูปไปอวดสาว ๆของแกดีกว่า ฮ่า ๆ ๆ "
ผมรีบพูดแหย่มันซึ่งก็ได้ผลครับ
เพราะมันรีบเปลี่ยนโหมดใบหน้ากลับมาเก็กโหดเหมือนเดิม
" พี่จะกลับโทรมาบอกด้วยแล้วกัน เดี๋ยวผมต้องออกไปรับไอ้กิกแล้ว "
" เออ ได้ ไปเหอะ "
แล้วผมก็เดินขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว
............................................................
............................................................
...........................................................
พอไปถึงที่ทำงาน
ผมก็เดินเข้าไปรายงานตัวกะอาเก๋าทันที
หลังจากนั้นอาเก๋าแกก็บอกให้พี่คนหนึ่งชื่อว่าพี่เหน่งแต่แกบอกว่าให้เรียกแกว่าป๋าแล้วกันเพราะน้อง ๆ ที่นี่ก็เรียกแกแบบนี้ทั้งนั้น
จากนั้นป๋าก็พาผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ซึ่งก็จะเป็นเสื้อกับกางเกงธรรมดาเหมือนกับพนักงานตามโรงแรมทั่วไป
ไม่มีไรวาบหวิวมากนัก
แล้วป๋าแกก็พาผมไปแนะนำกับพี่ ๆ น้องคนอื่น ๆ ซึ่งมีประมาณสิบกว่าคนได้
ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องมีมากขนาดนั้น
พวกพี่ ๆ และน้อง ๆ เขาก็แนะนำตัวผมเองก็จำไม่ได้หรอกครับว่ามีใครบ้าง
จะมีจำได้คนหนึ่ง
ชื่อว่าตังค์ เป็นรุ่นน้องผม กับอีกคน ชื่อโต ไอ้นี่มันก็ตัวโตสมชื่อจริง ๆ ครับ
สาเหตุที่ผมจำชื่อพวกมันได้น่ะหรอครับ
ก็เพราะว่าผมต้องเดินตามดูการทำงานกับพวกมันน่ะสิ
จากนั้นพอบาร์เริ่มเปิดพวกผมก็แยกย้ายกันไปทำงาน
ตลอดเวลาไอ้ตังค์มันก็ชวนผมคุยตลอด ทำให้ผมกับมันเริ่มสนิทกัน
แล้วจากการพูดคุยกับไอ้ตังค์ทำให้ผมได้รู้ว่า
ที่เขามีพนักงานต้อนรับไว้หลาย ๆ คนเพื่ออะไร
เพราะพนักงานต้องรับสามารถที่จะนั่งดริงค์เป็นเด็กดริงค์ได้
เลยต้องมีพนักงานไว้หลายคน
ซึ่งปกติพนักงานจะมีประมาณยี่สิบกว่าคน
แต่วันนี้เป็นวันที่บาร์มีคนน้อย บางคนเลยขอลาหยุดไป
ส่วนไอ้ตังค์กับไอ้โตนั้น
มันเป็นพวกที่ไม่นั่งดริงค์ครับ
แล้วไอ้ตังค์มันยังเสริมอีกนะว่า
" ก็ลองผมไปนั่งดิ ไอ้โดเอาผมตายแน่ "
เหอ ๆ ๆ
นั่นก็ทำให้ผมรู้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองแล้วล่ะครับ
แล้วผมยังรู้อีกนะว่า
ไอ้สองคนนี้มันอยู่หอด้วยกัน
จริง ๆ แล้วมันก็มีพ่อมีแม่ทั้งคู่แหละครับ
แต่ท่านรับไม่ได้ที่พวกมันทั้งสองคนจะคบกัน
พวกมันเลยหนีออกจากบ้าน
มาพักด้วยกัน
แล้วช่วยกันหาเงินเป็นค่าเทอมรวมทั้งค่าอยู่ค่ากิน
ตอนนี้พวกมันทั้งสองคนก็เรียนอยู่ปีสองของมหาลัยแห่งหนึ่ง
ผมได้ฟังแล้วโคตรซึ้งเลยครับ
ไม่นึกว่าจะมีคนที่รักกันมากขนาดนี้
การเรียนรู้การทำงานในวันนั้นก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ
โดยสรุปผมก็มีหน้าที่ออกไปต้อนรับคนข้างนอก
พามานั่งโต๊ะ
จัดการว่าลูกค้าต้องการอะไร
ต้องการเด็กดริงค์ไหม
จากนั้นก็เรียบร้อย
แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือ
การบอกปฏิเสธลูกค้าบางคนที่มันจะเอาเรามานั่งดริงค์นี่สิครับ
ที่มันต้องเป็นไปอย่างละมุนละม่อม
แต่ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ
ไอ้ตังค์มันแนะนำครับ
ว่าให้ไปเรียกป๋ามาเคลียร์ให้
ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมามากทีเดียว
...........................................................
...........................................................
...........................................................
" พี่อิง อย่าลืมนะ รีบเข้าไปรีบออกมาอย่าอยู่นานล่ะ แล้วห้องน้ำ ถ้าจะเข้าก็เข้าในตึกธุรการเลย "
เสียงไอ้เอิงมันตะโกนไล่บอกผมก่อนที่มันและไอ้กิกจะเดินออกไปจากบ้านในตอนเช้า
หลังจากนั้นผมก็เก็บโต๊ะกินข้าว
แล้วขึ้นไปแต่งตัวเพื่อไปจ่ายค่าเทอมให้น้องชาย
แล้วถึงจะกลับมานอนต่ออีกครั้ง
เพราะเมื่อคืนกว่าจะกลับมาก็เป็นเวลาเกือบตีสามแล้ว
นอนได้ไม่กี่ชั่วโมง
ไอ้น้องชายตัวดีก็เดินมาปลุกผมหลังจากที่มันอาบน้ำเสร็จ
ให้อาบน้ำแต่งตัวไปจ่ายค่าเทอม
ก่อนที่จะสายว่านี้
เพราะมันบอกว่าไอ้เดฟมันจะชอบเข้าเรียนสาย ๆ
ถ้าผมไปตอนเช้าจะได้ไม่เจอมัน
เอากับน้องชายผมสิครับ
อะไรมันจะห่วงพี่ชายมันขนาดนั้น
""""""""""""""""""""""
จบตอน