EGvsMTเฮดว้ากตัวร้ายปะทะวินัยเจ้าระเบียบ วันสุดท้ายP.27[วิศวะVsเทคนิคฯ]อัพ21/5จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: EGvsMTเฮดว้ากตัวร้ายปะทะวินัยเจ้าระเบียบ วันสุดท้ายP.27[วิศวะVsเทคนิคฯ]อัพ21/5จบ  (อ่าน 275528 ครั้ง)

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
วันที่สามสิบสี่

(ทิวไผ่)

“ทิวไผ่”เสียงนุ่มลึกของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นกลางโต๊ะอาหารในบ้านหลังใหญ่ “ผลการเรียนเทอมที่แล้วออกมาดี ตั้งใจต่อไปแบบนี้ล่ะ”

“ครับ คุณย่า”ผมขานรับนุ่ม ๆ พร้อมส่งยิ้มไปให้ผู้หญิงที่เป็นหัวหน้าตระกูล

“ดีแล้ว”คุณย่าท่านพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะปราดสายตาดุ ๆ มามองที่ผม “ยังจำที่ย่าสอนได้ใช่ไหม จะเลือกใครเป็นคู่ชีวิตต้องให้สมฐานะ สมเกียรติ”

“ครับ... คุณย่า”

“อย่าคิดว่าย่าไม่รู้ที่ว่าเอกำลังทำอะไรอยู่ จะรัก จะชอบ ย่าไม่ว่า ถึงจะเป็นผู้ชาย แต่ถ้าจะยกย่อง คุณสมบัติต้องครบ จำเอาไว้ให้ดี”มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ “เด็กคนนั้นจะเลี้ยงเอาไว้ ย่าไม่ว่าอะไร แต่รู้ใช่ไหมว่ายังไงก็แต่งเข้ามาไม่ได้”

“ครับ”

“ดี จำเอาไว้ให้มั่นล่ะ”

“ครับ”

“เธอจะชอบเด็กผู้ชาย ย่าไม่ว่า เรื่องทายาทน้องของเธอรับผิดชอบไปได้ แต่หน้าตาทางสังคม เธอต้องรักษาให้มั่น หวังว่าเธอจะเข้าใจ และไม่ต้องให้ย่าพูดซ้ำ”

“ครับ คุณย่า”

กรอบของผม กรอบ... ที่ล้อมตัวผมมาทั้งชีวิต คำสอนที่ฝังในหัวทำให้ผมได้แต่เอ็นดูใครคนหนึ่ง แต่ไม่ได้รัก... หรืออีกแง่คือรักไม่ได้

ไม่ใช่แค่ตัวผม แค่คุณพ่อ คุณลุง ทุกคนที่อยู่ในตระกูลล้วนฝังหัวในเรื่องนี้ และไม่มีใครที่จะสามารถฉีกกฎออกไปได้
รักษาเกียรตื ดำรงศักดิ์ศรี ไม่ให้มีข้อครหา

หึ อดีตเจ้าเมืองเก่า ขุนนางที่ซื่อสัตย์ ทหารที่รับใช้บ้านเมืองมารุ่นสู่รุ่น มาสู่การเป็นหมอ...

นี่แหละ อัครเมฆินทร์


หลังจากวันที่มินมาดูอาการป่วยของข้าว มินก็มาอีกเรื่อย ๆ มาทำอาหาร ซักผ้า ทำความสะอาด เรียกได้ว่าแย่งหน้าที่แม่บ้านทำทุกอย่าง พอข้าวหายดีเจ้าตัวก็มาน้อยลง

เสียงใส ๆ ตาที่เป็นประกาย ความร่าเริงที่ทำให้ห้องเงียบ ๆ นี้ดูสว่างไสว คนที่มีแรงดึงดูดให้คนเข้าหา เป็นจุดศูนย์กลางโดยไม่ตั้งใจ

การมีตัวตนของมินไม่นาน ทำให้ผมชินอย่างไม่รู้ตัว พอเจ้าตัวไม่มาก็รู้สึกเงียบงันอย่างที่ไม่เคยมาก่อน แต่ยังดีที่เขายังคงไลน์มาถามเรื่องข้าวอยู่ตลอด

ถ้าเปรียบข้าวเป็นลูกหมาชิสุที่ต้องคอยโอ๋ คอยเอาใจใส่ดูแล มินคงเป็นหมาปอมที่ร่าเริง แข็งแรง และเรียกสายตาให้มองกลับด้วยความรักความเอ็นดู

ผมไม่เคยเข้าใจพี่คิสที่ถูกใจปันปันจนอยากครอบครองจนกระทั่งตอนนี้ ผมเข้าใจแล้วว่ามันเป็นยังไง ความอยากได้ อยากครอบครองที่ครอบงำมันเป็นยังไง

ผมเชื่อว่ามินไม่ยอมให้ผมกอดง่าย ๆ แน่ แต่จะให้ผมรวบรัดจับกินเหมือนพี่คิสเอง คงไม่ไหว มองหน้ากันไม่ติดแน่... เอาเถอะ ต่างคนต่างวิธี ต่างความคิด ต่างการกระทำ

แต่ถึงอย่างนั้น ความรักความชอบพอ ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะคว้ามาครอบครองเป็นของตัวเองเหมือนสิ่งของที่หาซื้อได้ทั่ว ๆ ไปตามท้องตลาด

อีกอย่าง... ถ้าจะทำอะไรผมก็ต้องคิดหน้าคิดหลังสักหน่อยล่ะครับ... ยังไงผมก็ยังมีข้างกายอยู่อีกคน

ถึงจะไม่ได้รัก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทิ้งขว้าง สิ่งที่ข้าวต้องการคือความอบอุ่น นั่นเป็นสิ่งที่ผมให้เขาได้ จนกว่าปีกของเขาจะแข็งแรงพอที่จะโผบิน...

แต่มีวันนั้นไหม ก็ไม่รู้ นกที่ถูกเลี้ยงในกรงส่วนใหญ่ก็จะไปไหนไม่รอด

แต่นกที่ไม่ยอมออกจากกรงเลย ก็ไม่รอดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ผมเหลือบมองข้าวที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน วันนี้เจ้าตัวจะออกไปทำงานกลุ่มกับเพื่อนในสาขาที่ต่างจังหวัดอาทิตย์นึงซึ่งมินที่เรียนคนละสาขาไม่ได้ไปด้วย... เหมาะกับที่ผมจะไปทำอะไรบางอย่างจริงไหมครับ

"พี่ทิวฮะ ผมไปนะฮะ"ข้าวแบกเป้สะพายขึ้นหลัง เดินมาหาผมแล้วยิ้มหวานให้ "ไว้ผมจะซื้อของมาฝากนะฮะ พี่ทิว"

จมูกเล็กกดหอมเบา ๆ ที่แก้มผม ผมก็หอมกลับไปนั่นล่ะครับ ข้าวยังคงเป็นเด็กน้อยขี้เหงา ขี้อ้อนเหมือนเดิม

"เดินทางดี ๆ ถึงแล้วไลน์หรือโทรมาบอกพี่นะครับ ข้าว"

"ฮะ... พี่ทิวฮะ"ดวงตากลมหลุบมองผมที่นั่งอยู่ด้วยแววตาสั่นไหวด้วยความไม่มั่นใจ "กลับมาแล้ว... พี่ทิวจะกอดผม... ได้ไหมฮะ"

"ตามใจข้าวสิครับ ถ้าข้าวอยากให้พี่กอด พี่จะกอด"ผมตอบกลับยิ้ม ๆ ไม่ตอบรับในเชิงคนรัก เช่นเดียวกันที่ผมไม่ปฏิเสธ "ไปเถอะครับ เดี๋ยวเพื่อนจะรอเอานะ"

"ฮะ"ข้าวก้มลงมาฉกจูบจากผมเบา ๆ แล้ววิ่งออกไปจากห้อง

"คงไปไหนไม่รอดแล้วล่ะนะ ข้าว... แต่พี่ดูแลข้าวได้แค่ฐานะพี่น้องแบบนี้เท่านั้นล่ะ"ผมอดจะรำพึงออกมาเบา ๆ ไม่ได้ ยิ่งนานวัน ข้าวก็ยิ่งทิ้งตัวจมลึกมากับผม... ไม่ได้รังเกียจ แต่ไม่ได้รัก

"ทำให้ฟางหลงแล้ว ยังไงพี่ก็ต้องรับผิดชอบฟางนะฮะ"เสียงของใครบางคนที่ไม่ขึ้นมาหลายวันแล้วดังขึ้น "พี่ทิวห้ามทิ้งฟางเด็ดขาดนะฮะ"

"พี่จะพูดครั้งสุดท้าย"ผมลุกขึ้นไปยืนประจันหน้ากับคนที่ตัวเล็กกว่าผมไปคืบ "พี่ดูแลฟางข้าวได้ในฐานะ'พี่ชาย'ที่ดูแล'น้องชาย'เท่านั้น"

"พี่ทิวไผ่!"มินขึ้นเสียงใส่ผมอย่างไม่พอใจนัก ดวงตากลมโตถลึงมองผม "พี่เอาหัวใจของฟางไปแล้ว พี่จะทำให้ฟางเสียใจไม่ได้"

“มิน พี่ไม่สามารถตามใจใครได้ทุกคนหรอกนะครับ พี่ตามใจข้าวได้แค่ร่างกาย แต่พี่บังคับใจตัวเองไม่ได้ พี่ให้ได้เท่านี้ร่างกายกับหัวใจ ไม่ได้ไปในทางเดียวกันเสมอ”

“ถ้าพี่ไม่ได้รักฟาง พี่ก็ไม่ควรจะให้ความหวังฟางแบบนี้!”

“พี่ปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนกัน ไม่ได้ให้ความหวังกับใคร พี่ยืนของพี่อยู่ที่เดิม จุดเดิม ไม่เคยเดินออกไปไหน ถ้ามินไม่เชื่อพี่ มินถามลมหนาวดูได้ ตอนที่ลมหนาวเคว้งคว้าง พี่ก็ยื่นมาไปให้เขาจับ เหมือนอย่างที่พี่ยื่นมือออกไปให้ข้าว”

“แต่ถ้าพี่ไม่รักก็ไม่ควรนอนกับฟาง”หยาดน้ำตาคลอหน่วงที่ขอบตาของเพื่อน ที่รักเพื่อนมากกว่าใคร “พี่ไม่ควรทำให้ฟางถลำลึกไปกับพี่แบบนี้”

“มินอาจจะมองว่าพี่เห็นแก่ตัว แล้วถ้าเป็นมินเอง มินจะทำยังไง มินบอกพี่มาสิ กับคนที่ต้องการความอบอุ่น ต้องการความรักมาเติมเต็มในความรู้สึกของเขาในช่วงเวลาที่เขากำลังอ่อนแอ ถ้าพี่ปฏิเสธคำร้องขอแล้วข้าวหนีออกไปเจอใครไม่รู้ข้างนอก โดนเขาหลอกลวง หรือคิดสั้นขึ้นมา วันนี้ มินจะมาพูดกับพี่ว่าอะไร”

“...”มินที่รู้นิสัยเพื่อนของตัวเองดีถึงกับน้ำท่วมปาก ใช่... เขารู้ และมันเคยเกิดขึ้น ในวันที่ครอบครัวของฟางแตกหัก วันที่ฟางไม่มีหลักยึดอีกต่อไป ถ้าหากตัวเขาไปช่วยไม่ทัน... วันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนรักของเขาจะเป็นยังไง

“แล้วคนอย่างพี่ ไม่มีสิทธิ์จะชอบใคร ไม่มีสิทธิ์จะผิดพลาดอะไรเลยใช่ไหม พี่จะต้องเดินไปตามที่ทุกคนอยากให้เดิน ข้าวอยากให้พี่รัก พี่ก็ต้องรัก มินต้องการให้พี่รักข้าว พี่ก็ต้องรักอย่างนั้นใช่ไหม”ผมมองน้องตรงหน้าด้วยสายตาที่เจ็บปวด ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แต่ชีวิตของผมที่ผ่านมามันเป็นแบบนี้ เดินบททางที่ถูกขีดเอาไว้ ทำทุกอย่างตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ จนไม่เป็นตัวเอง “พี่ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะชอบคนที่พี่อยากชอบ ไม่มีลิทธิ์ที่จะรัก ในคนที่เข้ามาอยู่ในหัวใจพี่เลยใช่ไหม”

“พี่ทิว...”มินหลุบตาลอง มือเรียวยื่นมากุมมือของผมเอาไว้... “ผมมันไม่รู้อะไรเอง... ผมขอโทษฮะ”

"ชีวิตพี่ไม่เคยขออะไรตอบแทนจากใครสักครั้ง ไม่เคยได้เห็นแก่ตัวใส่ใคร พี่ให้ทุกคนเท่าที่พี่ให้ได้มาตลอด ถ้าสมมติว่ามินอยากให้พี่คอยตามดูแลข้าวในฐานะแบบนั้น แล้วพี่ยื่นข้อเสนอขอผลตอบแทนเป็นให้มินมาเป็นเมียพี่ มาทำให้พี่พอใจ แล้วพี่จะทำอย่างที่มินต้องการให้ มินจะตอบยังไง"ผมท้าทายออกไปเล่น ๆ คนที่เตี้ยกว่าที่กำลังทำหน้าตกใจ

"พี่ทิว!!!!"

"มินมาบังคับพี่ จะให้พี่ทำโน่นนี่ ก็ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกัน จริงไหน"ผมยังคงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มเหมือนเคย ผมเชยคางเรียวขึ้นให้ใบหน้ามนเงยขึ้นมา "มินเป็นลูกชายตระกูลใหญ่มีหน้ามีตา ย่อมรู้ดีแก่ใจเหมือนพี่ ถึงจะต้องแต่งกับผู้ชายก็ต้องเลือกคนที่รักมากและฐานะเสมอกันหรือต่างเพียงเล็กน้อย ถ้าพี่ยกข้าวขึ้นมาในฐานะนั้น คิดว่าข้าวจะแบกรับความกดดัน ทนสายตารังเกียจของคนอื่นไหวหรือไง"

มินทำหน้าบึ้งตึงใส่ผม ก็สมควรล่ะครับ แต่ที่ผมพูดไปมันก็คือเรื่องจริงที่หมดสิทธิ์จะปฏิเสธ แล้วอีกอย่าง... ผมชอบความสดใสและรอยยิ้มของมิน รักในหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความเสียสละ ความชอบที่พามาซึ่งความอยากครอบครอง ต่างจากข้าว ที่ผมยอมรับว่าผมยื่นให้ทุกอย่างด้วยความสงสาร... หรืออาจจะมากกว่านั้น

อยากจะได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเอา

“พี่ล้อเล่นน่ะ ช่างมันเถอะ”ผมปล่อยมือจากมิน แล้วหันหลังให้ “พี่ทำได้เท่านี้ และมันก็ได้เท่านี้จริง ๆ”

“แต่การที่พี่ทำแบบนี้ พี่ทำให้ฟางต้องเจ็บมากแค่ไหน พี่รู้ตัวบ้างไหมฮะ”คนตรงหน้าโต้กลับไปด้วยแรงอารมณ์ ผมถอนหายใจอย่างหน่ายเหนื่อย แล้วจ้องตากับมิน

“มินครับ ฟังนะครับ พี่คนนี้เป็นได้แค่เสาให้กับน้องชายเกาะเดิน แต่ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้ได้ตลอดไป วันนึงพี่ก็ต้องล้มลง หรือหายไป ข้าวที่มินห่วงนักห่วงหนา มินมั่นใจแค่ไหนว่าเขารักพี่ เขาชอบพี่ ไม่ใช่แค่หลงชื่นชมเพราะพี่ยื่นมือไปให้ความช่วยเหลือเขาในวันที่เขาล้มลง”ผมพูดด้วยเสียงที่จริงจัง มือทั้งสองจับบ่าเล็กไว้แน่น “ถ้าข้าวยอมรับความช่วยเหลือจากมินแต่แรก เขาก็จะติดมินแบบเดียวกับที่ติดพี่ไม่ต่างกัน หรือคนที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเขาเป็นคนอื่น มันก็ไม่ต่างจากสิ่งที่เป็นตอนนี้ ไม่ต่างจากตัวพี่”

“แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าฟางไม่ได้รักพี่น่ะฮะ”

“ดวงตาไงล่ะมิน ดวงตาของข้าวฉายแววลุ่มหลง ไม่ใช่ความรัก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เกิดวันที่เท่าไหร่ ชอบกินอะไร มักจะใส่เสื้อสีไหน ถ้ามินไม่เชื่อ มินถามเจ้าตัวดูก็ยังได้”ผมตอบกลับไม่ทันที ก่อนจะแค่นยิ้มออกมา “มีคนมากมายที่เป็นอย่างข้าวในชีวิตของพี่ ปากบอกว่ารัก แต่ไม่เคยมองมาที่พี่เลย ไม่เคยที่แม้แต่จะคิดถึงใจพี่ด้วยซ้ำ”

“...”

“ก่อนที่จะมาโวยวายอะไรใส่พี่ มินเปิดใจดูความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก่อนค่อยมาหาเรื่องพี่เถอะ”ผมหยิบมือถือที่สั่นริกอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมารับ “ครับ คุณแม่... ครับ เดี๋ยวผมเข้าไปครับ”

ผมหันไปมองหน้าคนที่ผมถูกใจแล้วระบายยิ้มบาง ควาวใสซื่อ (จนเกือบจะบื้อ) ของเด็กคนนี้แหละที่ผมชอบ... ถ้าถามว่าโกรธไหม

ก็คงโกรธล่ะครับ

แต่ชีวิตของใครคนนึง ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจ

“พี่ต้องไปทำธุระที่บ้านก่อน ถ้ายังไงมินจะอยู่ห้องนี้ต่อไปก่อนก็ได้ ถ้าออกไปเมื่อไหร่ก็ล็อกห้องให้พี่ด้วยแล้วกันนะครับ”ผมคว้ากระเป๋าเงินกับกุญแจรถแล้วเดินออกไปทันทีหลังพูดจบ

ให้ผู้ใหญ่รอนานคงไม่ดี จริงไหมครับ

“ฮัลโหล ลมหนาว”ผมโทรเข้าหาคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจที่สุด... เป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด “พี่อยากเจอหนาว...”

“พี่ทิวเป็นอะไรครับ”เสียงที่ตอบกลับมาตามสายยังคงทำให้ผมยิ้มได้ แม้ว่าหัวใจจะขุ่นมัวก็ตามที “พี่ทิวอยู่ที่คอนโดใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมไปหา”

“พี่กำลังจะไปที่บ้าน...”ผมบอกกับคนในสาย พร้อมกับร้อยยิ้มที่เหือดแห้งไป “หนาวไปรอพี่ที่คอนโดก็ได้ เดี๋ยวพี่ก็คงกลับแล้ว”

“ครับ... พี่ทิว มีอะไรไม่สบายใจอยู่ใช่ไหมครับ”

“อืม... ก็นิดหน่อยน่ะ”เป็นเรื่องที่ปิดลมหนาวไม่ได้เลยครับ ถึงผมมักจะดุลมหนาวบ่อย ๆ และเป็นที่ปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ มาตลอดแต่หลายครั้งที่ผมถูกจับได้ซะเองถึงความไม่ปกติทางอารมณ์

“เป็นอะไรเหรอครับ”

“ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่พี่กำลังคิดว่าพี่มีสิทธิ์จะชอบใครสักคนไหม”ผมถอนหายใจเหนื่อย ๆ กับเรื่องที่คาอยู่ในหัวใจ “คนอย่างพี่จะชอบใครได้ไหมนะ”

“ความรัก ความชอบเป็นสิ่งที่ใครก็มีได้นี่ครับ”

“ก็นะ...”

“ฟางข้าวมีปัญหากับพี่ทิวเหรอครับ”

“เปล่าหรอก... คนที่มีปัญหากับพี่คือตัวพี่เองนี่แหละ”

“พี่ทิวครับ...”คนในสายทอดเสียงอ่อน ผมว่าลมหนาวคงกำลังยิ้มบาง ๆ อยู่แน่ “ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าตอนนี้พี่ทิวมีปัญหาอะไร แต่ผมเชื่อในหัวใจของพี่ทิวนะครับ... ใครจะมองว่าที่พี่ทิวทำทุกอย่างให้น้องข้าวเพราะความสงสารเวทนา แต่ผมรู้นะครับว่าพี่ทำเพื่อให้เขาที่กำลังหมดหวังในหลายสิ่งหลายอย่างนั้นมีความหวังและกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป ให้ก้าวเดินไปเองได้ในสักวันหนึ่ง”

“ขอบใจนะ หนาว”

“ผมยังอยู่ข้างพี่ทิวเสมอนะครับ”

“...ครับ”

“แล้วเจอกันนะครับ... อ่อ พี่ทิวครับ สุขสันต์วันเกิดนะครับ”

“ขอบใจนะ ลนหนาว แล้วเจอกันนะครับ”ลมหนาววางสายไปแล้ว และผมกำลังใกล้จะถึงบ้าน

ต่อให้ใครต่อใครในโลกจะไม่เข้าใจในตัวเรา แต่ถ้าหากมีสักคนเข้าใจ... เพียงแค่คนเดียว ผมว่านั่นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วนะครับ

ขอแค่ใครสักคนที่เข้าใจในตัวเราจริง ๆ

เท่านั้น... มันก็ทำให้มีกำลังที่สำคัญในการเดินต่อไป...


(มิน)

พี่ทิวถูกคนทางบ้านหรือใครสักคนเรียกตัวไปกะทันหัน ทำให้เราคุยกันไม่จบ ผมเลยนั่งหน้าบูดรอพี่เขาอยู่ในห้อง ให้กลับคุยกันต่อ

ผมจะเรียกร้องทุกอย่างให้ฟางเอง

แกร็ก

เอ... ทำไมพี่ทิวทำธุระเสร็จไวจัง ผมยังไม่ทันได้เตรียมคำพูดเจ็บ ๆ แสบ ๆ เลย... เงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินผ่านประตูมา กะว่าจะทวงถามเรื่องฟางอีกรอบ

แต่ไม่ใช่พี่ทิว...

ร่างสูงโปร่งของใครอีกคนที่ผมอาจจะเห็นไม่บ่อยนัก แต่ชื่อเสียงลอยเข้าหูอยู่ตลอด ดีกรีพี่วินัยคนเก่งของคณะเทคนิคการแพทย์... พี่ลมหนาว

“อ้าว...”เสียงนุ่มฟังลื่นหูอุทานขึ้นเบา ๆ ดวงตาคมของพี่เขามองมาที่ผมนิ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มบางส่งให้ พร้อมกับแววตาที่อาทร “มาได้ยังไงครับ หืม”

“เอ่อ... ผมอยู่คอนโดนี้... ฮะ”

“ชื่ออะไรล่ะ เราน่ะ”

“ผมชื่อมินฮะ พี่ลมหนาว”

“งั้นเหรอ...”พี่เขายิ้มให้แล้วเดินเข้าไปในครัว ก่อนจะกลับมาพร้อมกับชามในมืออย่างรวดเร็ว “มินคงหิว แต่พี่ทำอาหารไม่เป็น ทนกินโจ๊กซองไปก่อนนะครับ”

“ขอบคุณฮะ”ผมรับเอาชามอุ่น ๆ นั้นมา... ดูท่าแล้วพี่เขาจะทำอาหารไม่เป็นจริง ๆ นั่นแหละฮะ ฉีก เท ไม่มีคนมาก่อนเลย...

“มีอะไรอยากถามพี่ใช่ไหมครับ”อยู่ ๆ พี่ลมหนาวก็ถามขึ้น หลังจากที่ผมนั่งกินข้าวไปได้ไม่เยอะ ผมหันไปมองพี่เขาอย่างสงสัย “มีเรื่องที่อยากรู้ไม่ใช่เหรอครับ”

“ฮะ...”ผมตักข้าวกินอีกคำก่อนที่จะหันมาสบตากับพี่เขา “พี่ทิว... เป็นคนยังไงเหรอฮะ”

“เป็นคนยังไงอย่างนั้นเหรอ...”พี่ลมหนาวยกมือขึ้นมาลูบคางตัวเองน้อย ๆ แล้วยิ้มบาง ๆ “พี่เขาเป็นคนดีนะ เป็นคนที่มองทะลุทุกอย่าง และมองในมุมที่ไม่มีใครมอง”

“พี่รู้เรื่อง...ของฟางใช่ไหมฮะ”

“อืม พี่ก็รู้อยู่นะครับ พี่รู้มาตั้งแต่แรกแล้วด้วยว่าพี่ทิวไม่ได้รักฟางข้าวอย่างคนรัก แต่มองเขาเหมือนตัวเองในอดีต สมัยที่พี่เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ทางบ้านต้องการและมุ่งหวัง พี่ทิวเขาเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับความหวัง หวังจะให้เป็นหมอ หวังจะให้เป็นคนสืบทอดกิจการ มันเป็นกรอบแคบ ๆ ที่จำกัดตัวของพี่เขาให้ไปตามทางที่ถูกขีดเอาไว้

แต่เด็กคนนึงจะรู้อะไรจริงไหมครับ ก็จะคิดว่าทำไมพ่อแม่ไม่รักเขา รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวและสิ้นหวังในความเป็นตัวเอง”พี่ลมหนาวหันมามองหน้าผม ก่อนที่จะพูดต่อ “มนุษย์เราไม่มีใครสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างหรอกนะครับ เราอาจจะมองว่าพี่จะให้ความหวังกับคนที่มีใจให้พี่ทำไม แล้วเพราะอะไรถึงไม่ตัดให้ขาดไปตั้งแต่แรกจะได้ไม่เรื้อรัง แต่ถ้าเรามองในอีกมุมนึง คนบางคนอยู่ได้ด้วยความหวังและความฝันที่หล่อเลี้ยงตัวเองถ้าหากไปตัดแรงที่พยุงให้เขามีชีวิตอยู่ต่อออกไปแล้วเขาจะอยู่ยังไง นั่นไม่เท่ากับฆ่าเขาให้ตายไปทางอ้อมเหรอ

กับฟางข้าว ถึงพี่ทิวไม่ได้รัก แต่ในขณะเดียวกันก็ใช่ว่าจะไม่ให้ความสำคัญไม่ใช่เหรอครับ”

“แต่...”

“แล้วมินคิดว่าฟางข้าวต้องการความรัก หรือต้องการที่จะเป็นคนสำคัญล่ะครับ”เป็นคำถามที่ผมไม่เชิงว่าจะเข้าใจ... คนสำคัญ กับคนรักก็ต้องเป็นคน ๆ เดียวกันไม่ใช่เหรอครับ “มินครับ คนรักคือคนที่อยู่ในหัวใจ จะห่างไกลแค่ไหนใจก็ยังมีกันอยู่เสมอ แต่คนสำคัญน่ะคือคนที่อยู่ในสายตา สำหรับพี่ที่เป็นคนมองอยู่ห่าง ๆ สิ่งที่ฟางข้าวต้องการคือการเป็นคนสำคัญของใครสักคน ต้องการหลักที่พึงให้ตัวเองเดิน และคนที่ฟางข้าวเห็นเป็นคนแรกคือพี่ทิว”

“ฮะ...”

“มินครับ กับพี่ทิวจะร้องขออะไรนอกร่างกาย พี่เขาก็ให้ได้เท่าที่เขามี เขาเป็นประธานคณะแพทย์ที่แข็งแกร่งในสายตาทุกคน แต่ในคณะเดียวกัน หัวใจที่ถูกล็อกเอาไว้อย่างหนาแน่นนั้นก็อ่อนแอ พี่ทิวไม่ได้ถูกเลี้ยงดูขึ้นมาด้วยความรักจากพี่น้อง จากพ่อแม่อย่างที่ใครคิด ทุกคนทำงาน และพี่เขาต้องอยู่เพียงลำพัง มีน้อง น้องก็ถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ ถูกจำกัดให้สามารถคบได้แค่คนที่อยู่ในระดับเดียวกัน หรือคนที่จะสามารถสร้างประโยชน์ให้ได้ จนกระทั่งขึ้นมาม.ปลายถึงได้รับอิสระในบางส่วน ถึงพี่จะไม่ได้รู้จักพี่ทิวมาตั้งแต่พี่เขาเด็ก เป็นแค่หลานเทคโรงเรียน แต่พี่ก็เป็นที่พึ่งให้พี่เขา เหมือนที่เขาเป็นให้พี่นะครับ”เสียงของพี่ลมหนาวบอกถึงความสัมพันธ์ของพี่เขากับพี่ทิวได้เป็นอย่างดีเลยล่ะฮะ เป็นเหมือนพี่น้อง ที่คอยดูแลกัน

“แต่การที่พี่ทิวเขาใจดีแบบนั้นกับคนไปทั่ว... มันทำให้คนเขาเข้าใจผิดเอานะฮะ”ผมพูดสิ่งที่อยู่ในใจของผมออกมาบ้าง

“พี่ถามมินเรื่องนึงนะครับ”

“ฮะ”

“มินเกิดมาในสังคมระดับเดียวกับพี่ทิว มีฐานะ มีหน้าตาทางสังคม และพี่เชื่อว่ามินเห็นถึงการวางตัวของพี่ทิวมาตลอด พี่ทิวไม่เคยมีข่าวเสียหาย ไม่เคยมีข่าวซุบซิบสักครั้ง ถูกไหมครับ”

“ฮะ”

“แล้วมินคิดว่าหากวันนึง พี่ทิวต้องมีข่าวกับฟางข้าว แน่นอนว่าคนจะต้องมาโจมตีคนที่เข้าถึงง่ายกว่าอย่างฟางข้าว และจะถูกนินทาไปพักใหญ่ว่าเป็นคนฉุดให้พี่ทิวที่เป็นเหมือนเทพบุตรคนนั้นต่ำลง ไม่คู่ควร ไม่เหมาะสมอะไรสักอย่าง เป็นคนล่อลวงพี่ทิวที่ขาวสะอาดให้ต้องแปดเปื้อน มินคิดว่าฟางข้าวจะทนได้ไหมครับ”

“... ไม่ฮะ”ฟางไม่มีทางทนรับกระแสสังคมแบบนั้นได้แน่ ๆ ผมรู้ดี “ผมเป็นเพื่อนกับฟางมาตั้งแต่เด็ก ผมรู้ว่าฟางหลงในตัวพี่ทิว และปักใจที่จะยึดติดกับพี่เขา ฟางไม่เชื่อใจใครรอบข้าง และอ่อนแอ ผมกลัว หากว่าวันนึงพี่ทิวเดินจากฟางไป ฟางจะคิดสั้นและอยู่ไม่ได้...”

“พี่เชื่อว่าพี่ทิวรู้ว่าฟางข้าวเป็นยังไงครับ และพี่ทิวจะต้องหาหนทางพาทั้งความรักและความรับผิดชอบไปด้วยกันได้รอดฝั่ง”พี่เขายิ้มสื่อความให้ผม... “มินรู้ไหม พักนี้พี่ทิวมองมือถือบ่อยขึ้นกว่าก่อนเยอะด้วยสีหน้าที่มีความสุข ตอนแรกพี่ก็สงสัยว่าใครที่ทำให้พี่ชายที่แสนดีของพี่มีความสุขได้ขนาดนั้น จนได้มารู้นี่ล่ะครับ”

“มันไม่ใช่...”

“เชื่อเถอะครับ กับรักแรกพบน่ะ”

“ผม... ทำร้ายฟางไม่ได้หรอกฮะ”ผมรู้นะฮะว่าพี่ทิวถูกใจในตัวผม... แต่ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย... ยิ่งผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่เพื่อนของผมรักด้วย

“ทำตามหัวใจของตัวเองเถอะครับมิน... ต่อให้ไม่มีมิน พี่ทิวก็เป็นได้แค่พี่ชายที่เป็นเพื่อนนอนให้กับฟางข้าวได้อย่างเดียวเท่านั้นล่ะครับ”พี่ลมหนาวลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วก้าวเท้าออกไป “มินครับ จำเอาไว้นะครับว่าความผูกพันมันซื้อความรักไม่ได้เสมอไปหรอกนะครับ”

จบคำพี่เขาก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว

“แต่ผม... ก็อยากให้ความผูกพันของฟาง ซื้อพื้นที่ในหัวใจของพี่ทิวได้สักนิดก็ยังดีนะฮะ”

เอ... แต่ถ้าความผูกพันมันซื้อความรักได้... พี่ทิวก็คงเป็นแฟนกับพี่ลมหนาวไปนานแล้วมั้ง

ใช่ไหมฮะ

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

มาอัพแล้วค้า สอบเสร็จแล้ว ^^ ตอนนี้ดูมึน ๆ ไปหน่อย เอาไว้จะกลับมาเกลาภาษาอีกรอบนะคะ

ตอนหน้าขอวกไปหาน้องคีบ้างนะคะ (แต่พายุลมหนาวก็จะโผล่มาแจมด้วย ฮ่าๆ)

ใครสนใจรวมเล่ม เข้าไปทำแบบสอบถามได้นะคะ http://goo.gl/forms/vcoaPrVpIJ ถ้าเปิดจองแล้ว มีสุ่มแจกของด้วยค้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-09-2015 00:45:16 โดย midnight »

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ขอให้ข้าวเข้มแข็ง และมีชีวิตที่ดีขึ้นเร็วๆนะลูก หนูทำได้ ^^


ออฟไลน์ Beerr_jh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ขอให้ข้าวยืนได้ด้วยตัวเองสักที ปล่อยพี่ทิวไปเถอะ ตอนนี้พี่แกไม่ได้รักน้องแบบนั้น
ขอให้มินไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบพี่ทิวจริงๆเถอะ
ก็สงสารพี่ทิวอยู่นะ เหมือนที่พี่ทิวบอกว่า ข้าวไม่ได้รักพี่ทิวจริงๆ แต่ก็แอบคิดว่าข้าวอาจจะรักพี่ทิวจริงๆ
แต่อาจจะคิดอะไรเยอะแยะไปหน่อย สนใจแค่ความรู้สึกของตัวเองมากไปหน่อย เลยไม่ได้สนใจที่จะรับรู้เรื่องของพี่ทิวมากนัก
เลยทำให้ดูเหมือนข้าวอาจจะไม่ได้รักพี่ทิวจริงๆ ได้แต่หวังว่าสักวันสองคนนี้จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปได้ในเร็ววัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-09-2015 02:16:26 โดย Beerr_jh »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ตรงนี้ไม่เห็นด้วยจริงๆ  คือถ้าหากว่าจุดยืนของทิวเป็นแบบนี้ ทิวไม่ได้รักข้าวและคิดว่าข้าวก็ไม่ได้รักทิว ข้าวไม่ได้ใส่ใจในตัวตนของทิวๆก็ยิ่งสมควรที่จะพยายามผลักไสให้ข้าวเข้มแข็งขึ้น    การซัพพอร์ทใครสักคนทางใจคุณทำได้ด้วยการอยู่ตรงนั้น  Be there when that person needs you. ทิวสามารถผลักดันให้ข้าวเดินไปข้างหน้า โดยไม่ต้องนอนกับข้าวตามที่ข้าวร้องขอ  คนที่เลี้ยงนกแบบไม่ให้นกอยากออกกรงก็คือทิว  ข้าวได้ทุกอย่างตามที่ข้าวต้องการ ข้าวขอแค่ทิวไม่ทิ้ง อยากให้ทิวนอนด้วยทั้งที่ไม่รักทิวก็ยอม   อยากรู้ว่าทิวรู้สึกเจ็บปวดหรือลำบากใจบ้างหรือเปล่าเวลาที่นอนกับข้าว?  เราก็ว่าไม่  ถ้าหากว่าข้าวไม่ใส่ใจทิวจริงอย่างที่ทิวคิดเราก็ยิ่งสนับสนุนให้ทิวบังคับให้ข้าวหัดยืนด้วยจนเอง    อาจจะเริ่มจากให้ข้าวออกไปอยู่เอง   ทิวโทรหาติดต่อให้กำลังใจข้าวอยู่ตลอด  แต่ต้องจำกัดความสัมพันธ์ให้เป็นแบบพี่น้องแค่นั้น  ทิวต้องทำให้ข้าวเข้าใจว่าทิวเป็นพี่ชายที่จะไม่ทิ้งข้าวตราบใดที่ข้าวต้องก้าวไปข้างหน้าเองด้วย    ทิวมี limitation แบบนั้น ทิวก็สมควรบอกให้ข้าวรับรู้ด้วยว่าเป็นไปไม่ได้    ธรรมชาติของมนุษย์อย่างหนึ่งก็คือการรักตัวเอง   ข้าวรู้สึกแบบนี้กับทิวก็คือการที่ข้าวรักตัวเองพยายามไขว่คว้าสิ่งที่ตัวเองต้องการ   แต่ทิวนี่สิต้องการช่วยข้าวแต่ทำแบบนี้มันก็ไปไหนกันไม่ได้   มินเองก็เถอะจะมาเรียกร้องให้ทิวรักข้าวโดยที่ทิวไม่ได้รักก็กระไรอยู่นะ   

คู่ทิว - ข้าวนี้ ชอบแำร์ริ่งนี้ก็แค่ว่าให้ทั้งคู่รักกัน  แต่ถ้าหากว่าทิวไม่รักข้าว  แล้วข้าวเองก็ไม่รักทิวก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่สองคนจะมาอยู่ด้วยกัน  เพราะว่าดูจากที่พาร์ทของทิวๆก็เจอคนที่ใช่แล้ว คือมินที่มีคุณสมบัติที่ครบถ้วนตามที่ทิวและครอบครัววางมา  ที่สำคัญที่สุดก็คือทิวชอบมิน   ตอนที่ทิวยื่นข้อเสนอให้มินทำแล้วทิวจะยอมตามที่ข้าวต้องการ เรากลับคิดว่าทิวเจ้าเล่ห์   ตอนนี้ก็รอดูว่าข้าวรักทิวหรือเปล่าหรือแค่ต้องการเสาหลัก  ถ้านางต้องการแค่นั้นก็ไปหาที่อื่นก็ได้เพราะว่ามันไม่สำคัญว่าเป็น*เสา*ไหนตราบใดที่เป็น*เสา*ใช่ไหม?   ใจหนึ่งก็หวังว่าทิวอาจจะมองข้าวผิดไป
จะฉลาดขนาดไหนทิวก็อายุแค่ 20 ต้นๆ   ทิวเองก็เป็นแค่นกในกรงทองเหมือนกันที่มีแค่สายโซ่คล้องคอยาวนิดหน่อย   จะสามารถอ่านคนหรืออะไรปรุโปร่งขนาดนั้นเลยหรือ?   แค่คิดอีกทีบอกว่าข้าวไม่รักตัวเองหรือตัวเองไม่รักข้าวมันก็ง่ายกว่านะ  จะได้ไม่ต้องคิดแหกกรง   เราพยายามเชื่อนะว่าหนาวเป็นน้องที่สามารถปรึกษาได้จริงๆ  ไม่ใช่พี่น้องท้องชนกันแบบข้าว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-09-2015 03:04:22 โดย Freja »

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :hao3:  ไม่ใช่ว่าที่พูดมาเพื่อให้ตัวเองรู้สึกแย่น้อยลงหลอ เรื่องที่ข้าวไม่เคยรู้อะไรเลย อย่าคิดเองเออเองสิ พี่ทิว บางทีข้าวอาจจะรู้ก็ได้

แต่แค่เค้าไม่ได้แสดงออกมาเท่านั้น เท่าที่อ่านๆมา เหมือนพี่ทิวพยายามโทษแต่ทางบ้าน แต่ไม่เคยโทษตัวเอง

มีอีกไม่น้อยที่เป็นแบบพี่ทิว แต่ถามว่าต้องเป็นแบบพี่ทิวมั้ยคำตอบคือไม่ไง ทำตัวเองแท้ๆแต่โทษคนอื่นๆ

การช่วยให้ใครสักคนยืนขึ้นมาได้เนี่ย นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเค้าเริ่มมองเจตนาของเราผิดไปก็ควรที่จะพูดคุยกันในทันที

แม้จะบอกว่ากลัวข้าวจะคิดสั้นจะเดินไม่ไหว แต่ก็ควรจะปรับทันทีที่มีโอกาส หรือ ตามสมควร ไม่ใช่ปล่อยแบบนี้ แล้วยิ่งตอนที่

ข้าวมาขอทำเรื่องแบบนั้นอีก ทิวกลับรับไว้อย่างไม่คิดอะไรมาก เห้อออ ผูกเองแท้ๆ แต่โทษอย่างอื่น  :z6:

แล้วสงสัยอีกอย่างอ่ะ ทำไมลมหนาวถึงเข้าออกคอนโดของพี่ทิวได้อย่างเหมือนห้องตัวเอง ไม่ใช่ว่าพี่ทิวเคยมีซั่มติ่งกับหนาวหรอกนะ


ออฟไลน์ fahhee_zeze

  • Love you...YAOI~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
แลดูทิวเหมือนพวกหัวอ่อนก็ไม่เชิง พวกใจจืดใจดำก็ไม่ใช่ จะดีก็ดีไม่สุด จะเห็นแก่ตัวก็ไม่สุด มันค้างๆคาๆ ส่วนตัวสงสารข้าวถ้าข้าวหายไปเลยทิวคงจะมีความสุขสินะ เอาเลยยย อยากยุแยงให้ข้าวหายไป แล้วปล่อยให้มินมีความสุขแบบแปลกๆในความพอใจของทิวและมินบนความเดียวดายของข้าว #งงไหม? 555555555555 อินมากบอกเลย อยากให้ไปค่ายครั้งนี้ข้าวไม่กลับมาหาทิวแล้ว เพราะดูเหมือนข้าวจะรู้อยู่ระหว่างทิวและมิน เอาให้หน่วงงงง ถ่วงตุ้มจนจมน้ำเลย #เม้นนี้บ้า

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
เอิ่ม เราไม่ได้คิดว่าใครผิดนะ
สงสารฟางข้าวน่ะมันแน่นอนอยู่แล้ว
แต่พี่ทิวก็ไม่ควรจะไปให้ความหวังแต่แรกแล้ว ไปนอนด้วยแบบนั้นทำให้อีกคนคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตน่ะ ไม่ดีเลยนะคะ แล้วพอจะมีรักแท้กับเขาบ้าง มันก็ต้องลำบากลำบนแบบนี้แหละ
เราชอบมินที่สว่างไสวมาก เข้าใจว่าข้าวคนจะรู้สึกตัวได้ซะทีนะ
รอตอนต่อไปเนาะ

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
เอ่อ... แปะไว้ตรงนี้นะคะ

เรื่องยังคงเป็นทิว-ข้าวนะคะ

มินเป็นแค่ตัวแปรตัวหนึ่งที่เปลี่ยนทั้งคู่ให้เข้าใจกันมากขึ้นค่ะ ไม่ได้มาแทนใคร

^^

ออฟไลน์ karashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
    • นิยาย นิยายแจ่มใส นิยายมือสอง
ตอนนี้อ่านแล้ว พี่ทิวนี้ติดลบไปเลย อ่านแล้วงงกับพี่ทิวมาก   ตอนนี้ทิวมินเหมือนเป็นคู่หลักมากๆ  หลังๆอ่านแล้วรู้สึกเหมือนเป็นทิวมิน แล้วข้าวเป็นตัวประกอบมากกว่าอ่ะค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เรื่องของแกเถอะทิว แกจะโทษฟ้า โทษดิน อะไรก็เรื่องของแก



ข้าวเอ๋ย เด็กน้อยผู้อาภัพ หนูจะรู้ใหม ว่าหนูถูกพี่ทิวที่หนูรักและเทิดทูล มองว่าที่หนู




อยากได้เขามีอะไรกับเขา นะเพราะหนูหาหลักยึด (เหมือนอิหนูมองหาป๋าเลี้ยง) เพราะหนูคิดจะเกาะเขาอยู่



ตาสว่างซะเถอะ ข้าว หนูคงต้องหางานทำให้ได้ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย



แยกตัวออกมาเถอะ อย่าอยู่สร้างความรำคาญให้ นายทิวคนดีคนวิเศษเขาเลยลูก



ที่เขาชุบเลี้ยงหนูมาช่วงหนึ่ง เขาก็ได้สิ่งตอบแทนเป็นตัวหนูไปแล้วนี่นะ



คงไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว พยายามยืนให้ได้ด้วยตัวเอง อย่าไปเกาะเขากิน เขาดูถูกอยู่ในใจรู้ใหม



สำหรับมินหนูไม่ผิดหรอกลูก หนูจะทำอะไรก็ได้  ลมหนาวหนูยุ่งเรื่องชาวบ้านเหมือนกันนะ

ออฟไลน์ nuja

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ก็ยังยืนยันนะว่าไม่ชอบข้าวฟ่าง

ยิ่งมีมินมาคอยตามใจแบบนี้  เห็นแก่ตัวเกินไป  ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบ

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
สงสารข้าวฟ่างวะ


เดี๋ยวก็ให้คนอื่นมาจีบซะเลยนิเล่นตัวดีนัก  :ling1:

ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เอิ่ม ฟางอยู่ด้วยกันขนาดนั้น อยู่ด้วยกันทุกวันก็ไม่แปลกที่อาจไม่รู้วันเกิด แต่ไม่รู้ว่าชอบอะไรนี่ก็เกินไปมั้ง พี่ทิวแลดูน่าสงสาร

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
สงสารฟางข้าว แต่ก็สงสารพี่ทิวด้วยเช่นกันค่ะ

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
โอ๊ยปวดเฮดไม่อยากจะเซด เพลียๆ

แล้วแต่บุญเก่ากรรมใหม่เหอะ

ใครจะทำอะไรใครก็ทำไปเถอะ ให้มันเจ็บๆ กันไปเลย แล้วจบ แค่นี้แหละ ง่ายๆ

ข้าวก็เดินออกมาทำตัวประชดชีวิต

อิทิวก็ไปเอาน้องมินผู้แสนดีซะ  มินคงไม่ทำแบบนั้นใช่ไหม่ หวังลมๆแล้งๆ

หนาวรู้ดีจริงนะ

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตอนนี้อธิบายความเป็นทิวไผ่ได้ดีมากเลยค่ะ แต่ก็สงสารฟางข้าว อยากให้ได้เจอคนดีๆ

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น่าสงสารทิวไผ่ อยู่ในกรอบมานานมากละมีอิสระนิดเดียวเอง

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
น่าสงสารทั้งคู่นะ

แต่ถ้าไม่รัก ไม่ชอบกัน ทำไมปล่อยให้เลยเถิด

ความสัมพันธ์ทางกาย ที่ไม่ใช่คนรัก เข้าใจเป็นเรื่องปกติ

แต่ไม่น่าเกิดขึ้นกับคนที่คิดว่าจะช่วยเหลือนะ ในเมื่อตั้งใจเอ็นดูแค่ฐานะน้อง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :mew2:  คิดถึงลมหนาวแล้วอ่ะ  คนแต่งพากลับมาที

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
พายุกับลมหนาวจะรักกันตอนไหนนะ

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
จริงด้วย รอลมหนาวอยู่น้าา  :hao5:

ออฟไลน์ นักกลอน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอ  ลมหนาวอยู่นะ คนแต่งกลับมาที  :z13: :z13:

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
ในสัปดาห์นี้จะมาอัพนะคะ ^^"

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ในสัปดาห์นี้จะมาอัพนะคะ ^^"


วันนี้วันอาทิตย์แล้วนะคะ อิอิ  :m13:

ออฟไลน์ PookPick

  • มองฉัน รักฉันสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
วันที่สามสิบห้า

(คีตา)

กลุ้มใจครับ... ยังกลุ้มใจอยู่ตั้งแต่วันนั้นยันวันนี้ วันหยุดที่ผ่านมาผมสุ่มไปผับนั้นอยู่สามสี่วัน โป๊ะเช๊ะพี่น้ำฝนเขาไปซะ สองวัน คู่ควงคนเดิมอีกด้วย... ยังดีที่ไม่เปลี่ยนคนทุกครั้งล่ะนะครับ เฮ้อ

พอเปิดเทอมมา... ก็เจอพี่เขานั่งกินข้างกระหนุงกระหนิงกับพี่กิตแต่เช้า หัวเราะคิกคักกันหวานชื่น รื่นรมณ์เป็นเฮลบลูบอยจนผมพูดอะไรไม่ออก

โอ้ย ให้ตายเหอะ ผมควรทำยังไงดีวะเนี่ย ปล่อยเอาไว้ดี ให้พี่กิตโดนสวมเขายาว ๆ ใหญ่ ๆ ไป หรือจะไปหักนอสาวต่างคณะคนนี้ดีวะ

"ทำหน้าอมขี้เลยนะแก"เสียงมาก่อนตัวสำหรับพี่เทคผม เดินมาพร้อมกับหนังสือหอบหล่นทับช้างตายในอ้อมแขน "เป็นไร หรือยังไม่เลิกคิดเรื่องนั้น"

"พี่รู้ว่าผมคิดไรอยู่หรือไง"ผมทำปากยื่นใส่พี่สาวตัวกลม หวิดโดนหนังสือที่มองแล้วเป็นน้อง ๆ ของสารานุกรมโบราณด่านเจดีย์ฟาดใส่ปาก

"ไม่รู้หรือไงว่าพี่เทคแกเป็นอับดุล"พี่เกดเชิดหน้าขึ้นผมกระจุย ก่อนจะวางหลังสือลง... โต๊ะจะพังไหมเนี่ย "หนังหน้าแกบ่งบอกขนาดนี้ ไม่รู้ก็ควายเรียกทวดละ"

"อับดุลเอ้ย"

"เอ้ย"

"ถามไรตอบได้"

"ได้"

"วันนี้ผมใส่กางเกงในสีไร"

"ครีม"ผมทำตาปริบ ๆ ใส่พี่เทคที่ตอบโต้มาชัดถ้อยชัดคำอย่างมั่นใจในคำตอบมาก... แม่ง ถูกด้วยเว้ย "เรื่องของชาวบ้านเป็นงานของพี่ ไม่รู้ไรซะแล้ว ไอ้น้อง"

พี่เกดทำท่าอย่างผู้มีชัย แบบนี้ใครจะเชื่อว่าพี่แกเป็นวินัยแฝงวะกันล่ะเนี่ย

"กังวลเรื่องไอ้กิตอยู่อ่ะเด่ะ โด่ว"เออ ผมเชื่อแล้วว่าพี่เทคผมเป็นอับดุล "พี่รู้ พี่เห็น พี่สัมผัสได้"

"เอ่อ... ตกลงพี่จะเป็นอับดุล หรือจะเป็นคุณเจน ฌาณทิพย์อ่ะ"เป็นน้องต้องขัดคอพี่ครับ แต่ผมควรจะนึกได้ก่อนว่า... พี่ของผมเป็นใคร

ปึก

"โอ้ย พี่"เต็ม ๆ กบาล สารานุกรมขมขื่นสะอื้นใจสลายธาตุลอยมาใส่หัวอย่างไม่ปราณีผมเลย "สารานุกรมหรือหลักศิลาจารึกเนี่ย"

"หยาบคาย! นี่มันกระดองเต่าพันปีของผู้เฒ่าเต่าต่างหาก"มีเชิดอีกต่างหาก เข้ากับกิริยากอดอกห่าม ๆ นั่นจริง... "อยากให้กิตมันตาสว่างล่ะสิ"

"ผมแค่... ไม่อยากให้พี่เขาโดนหลอกแบบนี้"เสียงของผมอ่อยลง ก็จริง ๆ นี่ ผมไม่อยากให้พี่กิตเป็นคนโง่ในสายตาคนอื่นด้วย

"ชอบกิตมันแล้วดิ"อับดุลพี่เกดถามผมตรงเป้า ผมอ้าปากกะบอกปฏิเสธแต่พี่เขาก็ขัดขึ้นมาก่อน "อย่ามาปฏิเสธ คิดว่าพี่ไม่รู้หรือไง"

"แล้วผมควรทำยังไงดีพี่..."ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ จิตตก “ถ้าปล่อยไว้แล้วพี่กิตรู้ที่หลังพี่เขาคงเสียใจ แต่รู้ตอนนี้... ก็ยังเสียใจอยู่ดี”

“เอ้า ในเมื่อรู้ว่ายังไงก็ต้องเสียใจ ก็ทำให้มันทำใจม้วนเดียวจบไปดิ”พูดง่ายแต่ทำยากนะเว้ย พี่เกด “น่ะ ทำหน้าหมาหงุดหงิดอีก ไอ้ลาบาดอร์ แค่ทำให้มันรู้จะยากอะไร”

“ยังไงล่ะพี่”

“ก็พอมันไปผับซะสิ แค่นี้ต้องถาม โว๊ะ”พี่แกทำหน้าเอือม แล้วแยกเขี้ยว (ที่ไม่มี) ของพี่แกออกมา “ไม่ต้องถามพี่เลยว่าทำไมพี่ไม่พามันไป ชิ”

“แล้วทำไมอ่ะพี่”ผมถามออกไป ไม่ได้กวนนะ แต่ดูพี่เขาก็สนิทกันดี ไม่น่าจะปล่อยทิ้งไว้แบบนี้

“เอ้า ถึงพี่จะหล่อ มาดแมน แฮนซัมกว่าใครหลายคน ไม่พอยังใจดี สปอร์ต กทม. ด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะชวนผู้ชายไปผับนี่หว่า”พี่เกดยิ้มเผล่ แล้วยื่นมือมาขยี้หัวผมที่นั่งอยู่ “เพราะอย่างนั้นเป็นหน้าที่ตัวผู้อย่างแกที่จะลากมันไปผับ ไปเจอความจริงเว้ย ไม่ใช่ตัวเมียอย่างพี่”

“โหย พี่ ถ้าไปรอบเดียวไม่เจอก็ต้องไปอีกตั้งหลายรอบ เงินล่ะเงิน”เรื่องใหญ่ของชีวิตเลยนะ เงินอ่ะ ผมไม่ได้รวยล้นฟ้านี่น่า

“เอา ก็บอกแล้วไงว่าสปอร์ต กทม.”พี่เทคผมแลบลิ้นให้เล็ก ๆ แล้วขยิบตา “ออกไปเซ่ ชอบเขาไม่ใช่เหรอ ออกเงินไปเด้ ทุ่มทุนหน่อย”

“โหยย พูดเหมือนจะออกให้”ผมทำปากยื่นใส่ ดูพูดเข้า ผมนี่หัวใจพองโจดีใจเก้อไปกระบุงใหญ่ ๆ นึกว่าจะมีป๋าเลี้ยง แม่ม เซ็งเลย

อดกินฟรี

“ไม่ต้องมาบ่น ไปบอกพี่หนาวโน่น อย่ามายุ่งกับพี่ ถ้าจะเลี้ยง พี่เลี้ยงหมูกระทะ 199 กินพุงแตกกันไปข้าง คุ้ม”งกชะมัด พี่ใครวะ
ผมเหล่มองพี่เทคที่อยู่สมาคมคนรวยแต่ขี้งกอย่างสุดเซ็ง เดี๋ยวรอดูต่อไปว่าพี่แกจะพาไปเลี้ยงสายที่ไหน หมูกระทะ 199 ที่พี่แกบอกผมก็เอา

ของฟรี เอาไว้ก่อน จริงไหมฮะ ทุกคน

เงินทองมีน้อย ใช้สอยอย่างประหยัด เก็บไว้อัดให้แฟนตอนคบ จะได้รบรักบนเตียงอย่างปลอดภัย ไม่ได้หื่นใต้สะดือ แต่ธรรมชาติของคนนะเออ

ก่อนจะคิด... หาแฟนให้ได้ก่อนดีกว่าคีตา

“ถ้าจะไปวันไหนบอกพี่ด้วยละกัน พี่ไปด้วย อยากไปกินเผือก อร่อยดี”ไม่ค่อยเลยพี่ผม แหม่ มีการยิ้มระรื่นให้อีก เอาเถอะ ๆ

“อะไร จะไปไหนกัน”เสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นหูดังขึ้นจากข้างหลัง ผมกับพี่เกดสะดุ้งเฮือกแล้วหันไปมอง... อา... พี่ลมหนาว “พี่ไม่ใช่ผีนะ ทำหน้าอย่างกันเห็นผีไปได้”

“โหยพี่ มาเงียบ ๆ แบบนี้ เกดไม่หัวใจวายไปก็ดีแค่ไหนละ”พี่แกเอามิอทาบอกทำหน้าทำตาเจ็บปวดเจียนตาย

“เวอร์”พี่หนาวดีดหน้าผากพี่เกดไปจังเบอเร้อ เห็นแล้วเจ็บแทนเลยแหะ “จะไปไหนมาไหนก็ดูแลตัวเองกันด้วย ไม่ใช่เอาแต่ระวังคนอื่น รู้ไหม ทั้งคู่เลย”

“คร้าบ / ค้า”ผมกับพี่เกดตอบรับพร้อมกัน พี่หนาวหัวเราะเบา ๆ ปลดวินัยแล้วคนละเรื่องกับตอนยังเป็นวินัยเลยแหะ ตอนเป็นวินัยพี่เขาดูเคร่งขรึม...

แต่จริง ๆ พี่เขาก็ใจดีเหมือนกันนะ

“เฮ้ ลมหนาว”นี่ก็เป็นอีกเสียงที่คุ้นเคย พี่หนาวมุ่นหัวคิ้วแล้วหันไปหาผู้มาใหม่ที่ปั่นจักรยานมาเทียบข้าง ๆ “ผมได้รายชื่อมาแล้ว คุณจะไปดูการซ้อมรอบแรกไหม”

“กี่โมง”พี่หนาวหันไปคุยกับพี่พายุ

“ห้า... ผมต้องไปหาอาจารย์ก่อน คุณจะรอคุยต่อหรือไว้ที่หลัง”

“รอก็ได้ เช้าผมยกคลาส”

“โอเค...”พี่พายุตั้งท่าจะปั่นจักรยานออกไป แต่ก็หันมาหาผมก่อน “ไง เดือนเทคนิค ช่วงรับน้องได้พวกคุณเป็นฮีโร่ไว้เยอะ แล้วยังเป็นน้องหอผมอีก เอาไว้ผมจะพาคุณไปเที่ยวผับนะ ผมเลี้ยงเอง”

ป๊าด ได้เสี่ยเลี้ยงแล้วครับ พี่น้อง ผมพยับหน้ารับพี่เขา ไม่ปฏิเสธ ยังไงก็ต้องไปอยู่ดี แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย

“นี่คุณซ้อนจักรยานเป็นไหมเนี่ย ลมหนาว”

“แค่ซ้อน ทำไมผมจะไม่เป็น”พี่หนาวแยกเขี้ยวน้อย ๆ แล้วขึ้นซ้อนท้ายจักรยานของพี่พายุ “ขี่ดี ๆ นะ คุณพายุ อย่าคิดพิเรนทร์เชียว ผมไม่เล่นด้วยนะครับ”

“คร้าบ ๆ”

มาไว ไปไว... ดูแล้วเหมาะกันดีนะครับ พี่ลมหนาวกับพี่พายุ ดูโอเคกว่าอยู่กับพี่ทิว เวลาพี่ลมหนาวอยู่กับพี่ทิวดูหัวอ่อน ถึงพี่เขาจะดูน่าเชื่อถือจริง ๆ ก็เถอะ...

แต่คนที่แก้ปัญหาคนอื่นได้ มักจะแก้ปัญหาของตัวเองไม่ได้ล่ะนะ ผมคิดว่าพี่ประธานคณะแพทย์น่าจะเป็นแบบนั้นล่ะมั้ง...

ช่าง... เอาเป็นว่าผมได้เจ้ามือแล้ว

“ดีเนอะ อยู่ ๆ ก็ได้คนเลี้ยงเฉยเลย”พี่เกดกระพริบตาปริบ ๆ ดูยังมึน ๆ อยู่ อย่าว่าแต่พี่เกดเลย ผมยังมึนเลย ให้ตายเถอะ “ทำบุญมาดีนะเอ็ง”

“ผมก็ว่างั้นแหละพี่...”

“เออ พี่ไปเรียนก่อนละ เดี๋ยวจารย์แกล้งล็อกห้องอีก”พี่เกดโบกมือลาผมด้วยท่าทางร่าเริง “ตั้งใจเรียนเอาเกรดสวย ๆ มาให้พี่ดูด้วยล่ะ”

“ครับผม!”ผมตะเบ๊ะรับคำ พี่เขาหัวเราะ ผมก็หัวเราะ ความสุขเล็ก ๆ ล่ะนะฮะ

สายเทคมีไว้ก็ดีแบบนี้เอง ผมว่ายังดีกว่าโดดเดี่ยวเยอะ ใครจะมองว่ามีไม่มี ไม่ต่าง แต่ผมว่าต่าง โดยเฉพาะกองชีทเรียนและแนวข้อสอบที่พี่ยกมาให้

ถ้าไม่มีพี่... ก็ไม่มีแนว จริงไหม? ไม่มีคนอธิบายในส่วนที่เราไม่เข้าใจอีกต่างหาก โอเคว่าถามอาจารย์ก็ได้ แต่คำอธิบายของอาจารย์ของพี่ ของเพื่อนก็ต่างกัน

รู้กันนะครับ ทุกคนว่าฟังคำอธิบายของใครแล้วจะเข้าใจมากกว่ากัน มีจุดให้จำง่ายกว่ากัน อีกอย่าง เวลาหิวมีคนเลี้ยงข้าวด้วย
ของแพงอีกต่างหาก...

เฮ้อ ได้เจ้ามือแล้ว ขั้นต่อไปผมต้องไปชวนพี่กิตไปผับสินะ เดือนคณะผู้สุภาพ เรียบร้อย อ่อนโยนคนนั้นจะไปที่อบายมุขอย่างร้านเหล้าง่าย ๆ ไหมว้า

อยู่ ๆ มือถือก็สั่นขึ้นมา ผมหยิบออกมาดู อ่าว พี่เกดไลน์มา เพิ่งแยกกันไปแปปเดียวเอง

My Kade : ข่าวล่า มาไว ใจด่วน อักษรย่อ นฝ. ไปงานวันศุกร์

Key tA ♫ : ครับผม

My Kade : ไปเวลาไหนบอกด้วย

My Kade : พี่ต้องนัดป๊อป

Key tA ♫ : โอเคคร้าบบบ


ไวเกินความคาดหมายไปไหมนะ แต่ยิ่งไวอาจจะดีกว่าการที่ปล่อยให้คาราคาซังเอาไว้จนเป็นแผลเรื้องรังแบบนี้ก็ได้ล่ะมั้ง แล้วผมจะไปนัดพี่กิตได้ยังไงกันเนี่ย

เว้ยเฮ้ย พูดปุ๊ป เจอปั๊ป เดินมาคนเดียวด้วย ไม่เคยให้เตรียมใจเลย ถ้าตอนปกติผมคงยิ้มร่าเข้าไปทักพี่เขา... แต่ตอนนี้มัน... ยังไม่พร้อมเลย

อะไรกันวะคี ทำเหมือนเด็กสาวจะไปสารภาพรักอย่างนั้นแหละ แค่ชวนไปกินเหล้าเอง

“พี่กิตครับ”ผมวิ่งเข้าไปทักรุ่นพี่ที่เคารพรัก พร้อมส่งรอยยิ้มให้อ่านจริงใจ... โคตรของความมีพิรุธเลยล่ะฮะ “พี่กิตไม่รีบไปเรียนเหรอครับ”

“พี่ตื่นสายน่ะ”พี่เขาหัวเราะเบาๆ น่ารักอย่างแรง ผมยิ้มไปกับรอยยิ้มพี่เขา “รีบสุดชีวิตยังไงก็คงไม่ทันอาจารย์ล็อคห้องแล้ว เลยค่อยๆ เดินไปรอเรียนแลปดีกว่า แล้วคีล่ะไม่มีเรียนหรือไง”

“ครับ ผมเรียนบ่าย”ผมเดินถอยหลังไปคุยกับพี่เขาไป ความสามารถเฉพาะตัว เลียนแบบอาจโขกเสานะครับ “พี่กิต... ศุกร์นี้ว่างไหมครับ”

“ก็ไม่มีธุระที่ไหนนะ ทำไมเหรอคี”พี่กิตหยุดเดินแล้วมองหน้าผมด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง ท่าทีแบบนี้ของเขาทำให้ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย แต่ก็ยังฝืนยิ้มตอบกลับให้พี่เขาเหมือนเดิม

“ผมกะจะชวนพี่ไปเมาก่อนสอบน่ะครับ”คนตรงหน้าผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แล้วหัวเราะออกมา “เอ่อ... ถ้าพี่ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”

“เปล่าๆ พี่แค่แปลกใจ”เสียงนุ่มๆ ของพี่กิตตอบกลับมาทำให้ผมหายใจคล่องขึ้นหน่อย “เอาสิ วันศุกร์นะ”

“ครับ เดี๋ยวผมนัดเวลาอีกทีนะ”

“โอเค... งั้นพี่ไปแลปก่อนนะคี แล้วเจอกันนะครับ”

“ครับ”

ผมมองตามหลังพี่กินที่สาวเท้าเดินไปห้องปฏิบัติการ รอยยิ้มของผมก็ค่อยๆ หุบลง เปลี่ยนเป็นความหนักใจ... ผมจะเป็นคนที่ทำให้รอยยิ้มของพี่กิตหายไปใช่ไหม...

เจ็บชะมัดเลย


(ลมหนาว)

ผับ บาร์ ร้านเหล้า สถานที่อโคจรต่างๆ ที่ปกติผมไม่มาหรอกครับ ถ้าไม่ติดว่าทั้งน้องเทค และหลานเทคผมพากันมาที่นี่ และยังมีพายุที่ไปลากผมถึงห้องเรียนมา

นานๆ ทีก็ได้อยู่ล่ะครับ

“หนาวว เอาสักช็อตไหม”ผมเหล่มองพายุที่นั่งชนแก้วกับเพื่อนร่วมคณะของมันอย่างนิคกับโอ้ต ยังมีน้ำใจหันมาถามผมอีกนะครับ

“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ”ผมต้องปฏิเสธสิครับ หันไปมองอีกข้าง น้องเทคผมกับเพื่อนซี๊ของเขา น้องป๊อปนั่งชนไวน์นอกกันอย่างรื่นเริง

แต่หลานเทคผมนี่สิ ดูลุกลี้ลุกลนยังไงไม่รู้ มองซ้ายที ขวาที แล้วก็เหลือบมองหน้าน้องกิตที ดูแปลกๆ แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกันครับ คงได้แต่ลอบมองอยู่อย่างนี้

ผ่านไปสักพักทั้งเกดและคีมันก็หันไปมองที่ทางเข้าเป็นตาเดียว พาลให้ผมต้องมองตามไปด้วย อืม... ถ้าผมจำไม่ผิดนั่นน้ำฝนแฟนน้องกิต นัดกันมาด้วยเหรอครับเนี่ย

ร่างบางก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แต่แล้วก็เดินไปอีกทาง ไม่ได้เข้ามาทางนี้ ผมมุ่นหัวคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เธอคนนั้นจะเดินไปไหน ทั้งที่แฟนของเธอก็นั่งอยู่ตรงนั้น

“สนใจน้ำฝนเหรอหนาว”คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมเอียงหัวมาใกล้ๆ พร้อมกับส่งเสียงกระซิบถาม “ไม่แนะนำหรอกนะ เธอคนนั้นสวยจริง แต่ไม่ใส ไม่เหมาะกับนายหรอก”

“ผมไม่ได้สนใจเขา... แค่สงสัย”ผมกระซิบตอบกลับไปด้วยเสียงที่เบาไม่แพ้กัน “น้องคนนั้นเป็นแฟนกับน้องกิต ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่เดินมาหากิต”

“น้องกิตของนายเขายังไม่รู้อีกเหรอว่าผู้หญิงของเขาเป็นยังไงน่ะ”พายุมันเลิกคิ้วสูง แล้วหัวเราะออกมา “ดูตามไปๆ แล้วคุณจะรู้เอง”

ระหว่างที่ผมมองตามไป เกดมันก็ใช้เท้าสะกิตเดือนคณะรุ่นของมัน พยักเพยิดให้มองไปที่แฟนเจ้าตัว กิตเขาก็มองตามไปนะครับ แล้วผุดลุกขึ้นอย่างเร็ว ดูท่าแล้วจะเดินเข้าไปหาน้องนำฝน แต่ถูกน้องเทคผมนี่แหละ เอาขาเกี่ยวไว้ไม่ให้เดินไป

“มึงนั่งดูเฉยๆ เลยกิต ดูให้ตามึงสว่าง ไม่ต้องคิดจะเดินไป ถ้าถึงเวลา กูจะเดินไปกับมึงเอง”กิตนั่งลงตามคำของเกดมัน ในขณะที่สายตาของน้องเขาไม่ละไปไหน พอกันกับผม

ครั้งนี้คงต้องเป็นผมกับเดือนปีสองที่ต้องตกใจ เมื่อน้องน้ำฝนทรุดลงไปนั่งตักของผู้ชายที่พวกผมไม่รู้จัก มีหอมแก้มซุกไซร้ราวกับเป็นคนรักกัน น้องกิตเบือนหน้ามาหาเกดด้วยนัยน์ตาที่สั่นระริก ใกล้จะร้องไห้อยู่แล้ว แววตาของเขาฉายแววเจ็บปวด

“ไปเถอะกิต ไปทำเรื่องนี้ให้จบ”น้องผมลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วพาตัวของกิตไป โดยข้างหลังมีน้องป๊อปกับคีเดินตามไปด้วย “เราไม่อยากให้นายเป็นคนโง่อีกแล้วล่ะ กิต”

กิตเดินเข้าไปหาสองคนนั้น น้ำฝนตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ดูไม่แคร์อะ ที่น่าเป็นห่วงคงเป็นสายตากับท่าทีคุกคามของผู้ชายคนนั้นที่มองกิตอย่างเหยียดๆ ผมกลัวว่าจะมีเรื่องกันแล้วจะมีผลถึงการสอบในอาทิตย์หน้า

ถ้ามีปัญหาจริง ผมก็คงต้องลุยสักตั้งล่ะครับ จะปล่อยให้ใครมาทำอะไรน้องๆ ของผมได้ยังไง

“เห็นแล้วล่ะสิ”พายุยิ้มอย่างอ่อนใจ ตาเหลือบมองภาพตรงหน้า “ถือว่าตาสว่างกันไปล่ะนะ ดีกว่าโดนหลอกอยู่แบบนั้น ผู้หญิงสวยน่ะเยอะ แต่จูบจะหอมสักกี่คน”

“ประสบการณ์คุณคงเยอะไม่เบาล่ะสิ ถึงพูดแบบนี้ได้น่ะ”ผมกัดไปทีนึง แล้วหยิบโค้กขึ้นมาจิบ “ระวังติดโรคเข้าสักวันแล้วจะรู้สึกนะครับ”

“ผมไม่ได้มั่วขนาดนั้นเสียหน่อย”เฮดของวิศวะเหยียดยิ้มให้ผม พร้อมกับมองมาด้วยแววตาวิบวับ “อีกอย่างตอนนี้ผมก็ไม่มีใครด้วย”

“บอกผมทำไม”

“ก็แค่อยากให้รู้เอาไว้น่ะ”ผมหันไปมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ จะให้ผมรู้ไปเพื่ออะไรกันล่ะครับ “ว่าผมรอคนๆ นึงอยู่ และจะรออยู่อย่างนี้”

“แล้วไม่ไปบอกเขาล่ะ”ผมถามกลับไป

“ผมบอกไป เขาก็ไม่สนใจจะรับฟังหรอก”ดวงตาของหมอนั่นฉายแววที่แสนเศร้าใจ “ผมบอกไปตอนนี้... มันคงยังไม่มีค่าอะไรกับเขา”

“...”ผมยักไหล่แล้วเลิกสนใจคนข้างๆ หันกลับมาสนใจเหตุการณ์ตรงหน้าแทน ซึ่งมันทำให้ผมไม่ได้ยินประโยคที่แสนแผ่วเบาที่คนข้างกายนั้นต้องการจะบอก

“ผมรอคุณอยู่นะ ลมหนาว”


๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒

มาต่อแล้วนะคะ หายไปนานมาก ฮ่าๆ ตอนต่อไปยังเป็นของคีอยู่ และต้อจากนั้นเป็นปันปัน ต่อไปอีกถึงจะเป็นพายุลมหนาวโกอินเตอร์ค่ะ ฮิ้ววว

// ตอนของคู่อื่น เราก็มีโมเม้นคู่หลักได้นะคะ ^^

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าค้าา

ขอโทษที่หายไปนานนะคะ จุ๊บๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด