วันที่สี่สิบสามหลังจากที่เคี่ยวเข็นซ้อมแสตนด์จนดึกตื่น แข่งกีฬาเหงื่อกระเซ็น ทำชุดพาเรทโต้รุ่ง กันมา ในที่สุดวันแห่งการตัดสินก็มาถึงแล้วครับ
ในส่วนของกีฬาที่แข่งร่วมกับพวกวิศวะ มีบาสชาย วอลเล่ห์หญิง ฟุตบอลชาย แบตมินตันหญิง สี่ประเภทที่เข้ามาถึงรอบชิง ส่วนคณะตัวเต็งจะเป็นครุฯพละตามฉบับล่ะครับ
แต่หน้าตาของคณะปีนี้ใช่จะเป็นกีฬาซะเมื่อไหร่กัน
พาเรท ผู้นำเชียร์กับแสตนด์ที่จ่อคอหอยรออยู่นี่สิ ที่จะประกาศถึงความสามัคคีและความพยายามของเด็กปีหนึ่งแก่สายตาทุกคน
คอนเซ็ปแสตนด์ปีนี้สั้นๆ ง่ายๆ คือ 'ไทย'
คำน่ะง่าย แต่ทำยากนะครับ ผมเห็นเกดหน้าดำคร่ำเครียดทุกที น้องเทคผมว้ากคนจอแทบแตกแล้วมั้งนั่น น้องหน้าเสียกันไปเป็นแถบๆ จิตวิญญาณความเป็นวินัยลงเลยล่ะครับ
ก็จะไม่ให้เครียดได้ยังไง นอกจากแสตนด์งานกีฬามหาลัยแล้ว ยังมีงานสานสัมพันธ์เทคนิคการแพทย์ที่ต้องไปต่ออีก ไม่ใช่แค่หน้าตาคณะ แต่เป็นถึงมหาลัยเลย รู้สึกจะขึ้นมช. ล่ะครับ ปีนี้
ช่วงเช้าจะเป็นการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ รอบชิง กับแข่งกรีฑาที่เพิ่งมาเริ่ม แล้วตัดสินเลย ทุกคนเลยต้องแบ่งกันไปเชียร์กีฬาแต่ละประเภทกัน
ผมเดินดูไปรอบๆ ที่แข่งกีฬากัน ฟังเสียงกรี๊ดกระหึ่มยามที่คนของฝั่งที่ตนเชียร์ทำแต้มได้ หรือเห็นนักกีฬาหน้าตาดีลงสนาม...
นึกแล้วขำเหมือนกันครับ สมัยผมอยู่ปีหนึ่ง พอลงแข่งก็มีเสียงกรี๊ดเหมือนกัน ยิ่งตอนลงปะทะกับวิศวะ... ไม่ต้องพูดถึงเลยล่ะครับ
"วันนี้จะตัดสินแล้วนะ"เสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหู น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ ก็ช่วงที่ใกล้วัน หมอนี่ยิ่งเสนอหน้ามาย้ำผมทุกวัน
คิดว่าผมจะแพ้หรือไง
ไม่มีทาง!
ผมเหล่ตาไปมองใบหน้าคมอย่างไม่สบอารมณ์นัก ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่นชื้นที่ใบหูชั่วขณะ
ผมผลักพายุให้กระเด็นออกไปแล้วถอยหลังหนีออกมาหลายก้าว มันบ้าหรือบ้ากันแน่ครับ อยู่ดีๆ มาขบหูผมเฉยเลย เป็นหมาหรือไง
หน้าหนาชะมัด ที่สาธารณะแบบนี้ด้วย
พายุมันหัวเราะในลำคอเบาๆ ดวงตาคู่นั้นฉายแววหวานออกมาชั่วขณะ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเจ้าเล่ห์... หรือผมมองผิด... น่าจะมองผิดล่ะครับ
พักหลังมานี่ มันชอมมารุ่มร่ามกับผมจริง... พาลให้ผมใจเต้นไปด้วย
ไม่ใช่สิ ผมจะมาใจเต้นกับผู้ชายได้ยังไง บ้าไปละ
"ผมมั่นใจว่าผมต้องชนะคุณแน่นอน ลมหนาว"เฮดแห่งวิศวะกอดอกยกยิ้มส่งมาให้ผม "ยังไงคุณก็ต้องเป็นของผม เตรียมใจเอาไว้ได้เลย"
"ปรบมือที่หลังดังกว่าเสมอนะครับ คุณพายุ"ผมกระแทกเสียงหนักที่ชื่อของมัน ก่อนที่จะเดินเข้าไปในอาคารโดยไม่หันไปสนใจมันอีก
ผมเชื่อในมือของน้องเทคผม ที่จะนำคณะของเรากำชัยชนะมาได้ ความทุ่มเทแรงกายแรงใจที่เกดมันลงทุนไป ผมเชื่อว่าเขาจะต้องได้ผลตอบแทนที่ดีเกินคาด
น้องของผมมาหกโมง กลับเที่ยงคืน ตลอดเดือนที่ผ่าน วันนี้จะได้เห็นผลสัมฤทธิ์แล้ว
ผมเดินดูกีฬาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะปลีกตัวไปน้องปีหนึ่งที่จุดแสตนด์บาย เกดมันมารอก่อนแล้ว พร้อมกับอาวุธคู่กายที่สรรสร้างขึ้นมาเอง
มาลัยยาดม...
หลายครั้งที่ผมไม่เข้าใจความคิดรุ่นน้องคนสนิทคนนี้ แต่ก็เอาเถอะครับ เห็นเปิดจุกดมไปหลายฟืดก็น่าสงสารจะแย่ อย่าไปถามให้มากความเลยเนอะ
"เป็นไงบ้าง เกด ไหวไหม"ผมส่งเสียงถาม น้องผมที่จอบตาดำจนตอนนี้กลายเป็นหมีแพนด้าเต็มตัว "ดูไม่จืดเลยนะ"
"ความพร้อมเต็มร้อยอ่ะ พี่หนาว"เกดหันไปมองทางอัศจรรย์ แล้วถอนหายใจ "ตอนนี้อยู่ที่ว่าใครจะตีโจทย์'รัก'ออกมาได้ตรงใจกรรมการที่สุดอ่ะ"
"โจทย์ไม่ใช่ไทยเหรอ"ผมถามกลับไปอย่างงงๆ ก็เท่าที่ผมจำได้ โจทย์พาเรทและแสตนด์ปีนี้คือความเป็นไทยนี่ครับ
"เปลี่ยนฟ้าผ่าเลยพี่ ยังดีว่าปรับทัน ไม่งั้นมีเน่า"สาวน้อยของผมหัวเราะออกมาเบาๆ "ยังไงก็ต้องลุ้น เกดไปดูคณะอื่นมาก็ใช่ย่อยเหมือนกัน"
"นั่นสินะ..."
ผมกับน้องนั่งคุยกันอยู่สักพัก เหล่าน้องปีหนึ่งที่ได้รับหน้าที่ขึ้นแสตนด์ก็ทยอยกันมารวมตัว ดูแต่ละคนมีท่าทีตื่นเต้นไม่น้อย
"เอาล่ะ จะได้เวลาที่ต้องไปเตรียมตัวที่ใต้แสตนด์แล้ว"เกดมันออกไปพูดกับน้องๆ "ไม่ต้องสนว่าเราจะแพ้ หรือจะชนะ สนใจแค่เพียงให้เราทำให้ดีที่สุดก็พอ"
"ครับ/ค่ะ"
"สู้ไหม"
"สู้!!"
"เอาล่ะ ไปกันเลย"
น้องเทคผมนำทีมเด็กปีหนึ่งมุ่งไปยังใต้อัศจรรย์ ผมเลยเดินเข้าไปในสนามเพื่อรอดูความสำเร็จของน้องๆ แล้วก็ อัดวีดีโอด้วย
ทำแทนน้องครับ น้องผมมันไปมุดล่างแสตนด์เป็นกำลังใจให้พวกปีหนึ่ง แล้วก็เป็นการคุมไปด้วยในตัว
อ้อ ส่วนพาเรทแข่งไปเมื่อเช้านี้ ผลยังไม่ออก แต่ก็ไม่ได้หวังอะไรมากหรอกครับ เห็นพวกคณะนิเทศกับศิลปะศาสตร์แล้วผมต้องยอมใจจริงๆ
ไม่รู้ครีเอตกันมาได้ยังไง
พอผมไปถึงสนาม ก็เห็นร่างสูงโปร่งที่คุ้นตาขึ้นทุกวันๆ ยืนกางร่มสนามอยู่กลางลาน พร้อมกับเก้าอี้สองตัวที่วางเตรียมไว้ กะจองพื้นเลยมั้งครับ
“อ้าว มาแล้วเหรอ ลมหนาว”พายุหันมาเห็นผม เลยเดินตรงเข้ามา... เข้ามาใกล้ทำไมกันล่ะนั่น “มาสิผมเตรียมที่นั่งเอาไว้แล้ว”
“รอดูความพ่ายแพ้ของคุณน่ะสินะ”ผมกระตุกยิ้มเย็น ก่อนจะเดินตรงไปนั่งตามคำเชิญ ไม่ปฏิเสธครับ ยังไงก็ร่มดี ถือว่าได้กำไร
พายุหัวเราะในลำคอ แล้วทิ้งตัวนั่งลงตรงเก้าอี้ว่างอีกตัวข้างๆ กันกับผม
หลังจากนั่งได้ไม่นาน น้องเซ็ตแรกก็ทยอยขึ้นมาบนแสตนด์ ของเทคนิคการแพทย์เราอยู่เซ็ตที่สองครับ ตอนนี้ดูเพลินๆ ไปก่อนล่ะกันครับ
การแสดงผู้นำเชียร์ในแต่ละคณะมีความแตกต่างกันค่อนข้างเยอะตามการตีโจทย์ของผู้นำ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สร้างสีสันให้กับการแข่งมากครับ และทีเด็ดคือจุดพีคของแต่ละคณะ มีทั้งหวาน เศร้า ฮา คละกันไป
ผมนั่งดูไป ถ่ายรูปไป เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำ ถึงจะไม่ใช่คณะตัวเอง แต่ก็เป็นรุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัยล่ะครับ พายุก็เช่นกัน
ก็เป็นเรื่องปกติที่เราจะเก็บภาพกันไว้
ในที่สุดก็ถึงคณะเทคนิคการแพทย์ของผม ส่วนวิศวกรรมศาสตร์ จะเป็นคณะสุดท้ายครับ
ผมดูน้องๆ ที่แสดงความสามารถกันบนแสตนด์ด้วยความภาคภูมิใจ และยิ่งไปกว่านั้น ผมภูมิใจในตัวน้องเทคของผมมากเลยครับ
ภาพรวมของแสตนด์กับผู้นำเชียร์ของคณะเราครั้งนี้เป็นเฟิร์สเลิฟครับ เริ่มจากความรักเล็กๆ แล้วค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นความรักที่เปี่ยมไปด้วยความผูกพัน
เพลงที่เลือกมาใช้ก็เข้ากันดีเลยล่ะครับ
ผมกระตุกยิ้มอย่างพอใจ แบบนี้ถึงจะไม่ชนะเลิศ แต่ผมมั่นใจว่าเราจะต้องติดอันดับแน่ๆ ครับ
ผมนั่งอยู่ตรงนั้นจนกระทั้งคณะสุดท้ายขึ้นทำการแข่งขันบนแสตนด์ วิศวะกรรมศาสตร์มาในคอนเซปของรักที่ร้อนแรงและรุกเร้า
มันตื่นเต้นดีนะครับ... แต่ดูแล้วเหนื่อยพิกล
มันเต็มไปด้วยพลังจนล้น
มันดูเกิน ๆ จากปีก่อน ๆ ที่เคยแข่งกันมามาก... และมีจุดพลาดที่ชัดเจนเกินไป
การแข่งขันผู้นำเชียร์ผ่านไป ที่นี้ก็รอตัดสินผลอย่างเดียวแล้วล่ะครับ แน่นอนว่าใช้เวลาไม่นานเพราะพวกสโมฯคอยรวมคะแนนอยู่แล้ว
คราวก่อนเลิกมืดมาก โดนทางมหาลัยติมา คราวนี้เลยว่าจะบีบให้เลิกไม่เกินทุ่มครึ่งกันน่ะครับ
“สวัสดีค่ะทุกคนนน รอกันนานไหมคะ”หวานที่รับหน้าที่พิธีกรภาคสนามเอ่ยขึ้นเสียงใส “เวลาที่รอคอยมาถึงแล้วนะคะ เรามาลุ้นผลการแข่งขันพาเรท แสตนด์เชียร์และผู้นำเชียร์กันเลยค่ะ”
เพื่อความรวดเร็ว คราวนี้เราเลยประกาศบนจอLED ของสนามกีฬากลางของทางมหาลัยครับ พรึบเดียวรู้ผลหมดเลยครับ
ผมกับพายุยืนขึ้นมองจอมันเขม็งพอกัน ผ่านไปชั่วอึดใจ ผลก็ประกาศออกมาให้เห็นกัน
พาเรท
อันดับหนึ่ง นิเทศศาสตร์
อันดับสอง ศิลปะศาสตร์
อันดับสาม วิศวกรรมศาสตร์
ผู้นำเชียร์
อันดับหนึ่ง วิศวกรรมศาสตร์
อันดับสอง เทคนิคการแพทย์
อันดับสาม แพทยศาสตร์
แสตนด์เชียร์
อันดับหนึ่ง เทคนิคการแพทย์
อันดับสอง แพทย์ศาสตร์
อันดับสาม ครุศาสตร์
ผมกันไปยักคิ้วให้กับคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล พายุหันมายิ้มบางให้ผม ดวงตาคมคู่นั้นฉายแววอ่านยาก
“ผมชนะคุณนะครับ คุณพายุ”ผลออกมา ผมชนะพายุไปอย่างเฉียดฉิว แต่ชนะก็คือชนะล่ะครับ
วิศวะก็ยังน่ากลัวในการแข่งขันเสมอต้น เสมอปลายจริง ๆ
“งั้นเหรอ...”อยู่ๆ ไฟในสนามก็มืดลง เสียงฮือฮาดังขึ้นด้วยความตกใจ แต่ไม่หวาดกลัว ชั่วเวลาไม่กี่นาที ไฟที่มืดนั้นก็พลันสว่างขึ้น พร้อมกับคนจำนวนมากที่นั่งเรียงกันอย่างเป็นระเบียบบนอัศจรรย์
"Set up!!!"เสียงสั่งการดังก้องจนได้ยินทั่ว เพลทสีดำสนิทถูกยกขึ้นจนย้อมทั่วทั้งแสตนด์เป็นสีอนธกาล
ใครทำอะไร...
หน้าจอนับถอยหลังที่ถูกวาดลงบนเพลทนับถอยหลัง สาม. สอง. หนึ่ง...
"เราสองคน อยู่บนถนนเส้นทางที่ต่าง
ชีวิตไม่ควรมีทางจะได้พบกัน
คนมากมาย เดินผ่านกันไปเป็นหมื่นร้อยพัน
ที่เขาคิดเหมือนกับฉันก็ไม่เคยมอง
ได้แต่ทบทวนภายในจิตใจ ไม่รู้ทำไมมันมีแค่เธอที่ฉันต้องการอยากเจอทุกวัน
ได้แต่ทบทวนข้างในจิตใจ อยากรู้ว่าเธอจะเป็นกันกับฉัน บ้างหรือเปล่า"เสียงร้องเพลงที่ไม่มีทำนองดังขึ้น เพลทถูกเปลี่ยนเป็นรูปคนๆ หนึ่งในลักษณะต่างๆ และคนๆ นั้นคือผม...
ผมหันไปมองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล ซึ่งกำลังถือไมค์ร้องเพลง... พายุจ้องมาทางผมแล้วส่งยิ้มมาให้ รูปที่อยู่บนเพลทนั้นเป็นรูปตอนประกวาดดาวเดือน ตอนที่ผมออกมารับรางวัลขวัญใจตากล้อง และอีกฝั่งเป็นรูปพายุรับรางวัลเดือนมหาวิทยาลัย
"ลิ้นกับฟัน พบกันทีไรก็เรื่องใหญ่
น้ำกับไฟ ถ้าไกลกันได้ก็ดี
หมากับแมว มาเจอะกัน สู้กันทุกที
ต่างไม่เคยมีวิธี จะพูดจา
นกกิ้งโครง โผลงมาเกาะโพรงนกเอี้ยง
อ้อยอี๋เอียง เถียงกันตลอดเวลา
เสือกับสิงห์ ก็ข่มกัน ขอเป็นเจ้าป่า
ต่างไม่ยอมจะพูดจา ตกลงกัน"คราวนี้เป็นรูปครั้งแรกที่ผมกับพายุเจอหน้ากันในฐานะพี่วินัย จุดเริ่มต้นของการเป็นคู่อริกันอย่างชัดเจน
พายุมันทำอะไรของมันน่ะ...
อีกอย่างถึงพวกวิศวะจะมีคนเยอะ แต่ก็ไม่น่าจะเต็มทั้งอัศจรรย์แบบนี้... หรือว่าใช้สามชั้นปีรวมกันอยู่...
นี่เล่นตลกอะไรกันครับ!
"มอง มองเธอมาแสนนาน
ฉันไม่กล้าต้องคอยหลบตาเธอเสมอ
กลัวว่าวันหนึ่งถ้าเธอรู้ว่าฉัน
ปิดบังความจริงอะไรเอาไว้
ความที่ฉันซ่อนไว้
ไม่เคยบอกใคร จะอดใจไม่ไหว"ภาพเปลี่ยนมาเป็นตอนที่ผมลงน้องแล้วมีพายุยืนอยู่ไกลๆ มีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหนกันครับ ทำไม... ผมถึงไม่เคยรู้เลย
"ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะเผยใจ
เมื่อสบสายตาก็ยิ่งหวั่นไหว มันยากเหลือเกิน
จะเก็บซ่อนความรักเอาไว้
และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม
โปรดบอกความในใจ ให้ฉันรู้ทีนะเธอ"แล้วภาพก็มาถึงตอนที่ทั้งสองคณะต้องมาทำงานร่วมกัน เป็นตอนประชุมงานช่วงรับน้อง
นี่มันถ่ายรูปเอาไว้ขนาดนี้เลยเหรอครับ...
"ก็คงเป็นคุณเท่านั้นที่ทำให้ใจผมหยุดเหงา
ก็มีแต่คุณเท่านั้นที่ทำให้ใจผมคลายเศร้า
คงไม่มีโอกาสถ้าคุณไม่ให้โอกาส
คงจะต้องทำพลาดอีกครั้งหนึ่ง"เพลทบนแสตนด์เปลี่ยนรูปไปเป็นตอนที่ผมกับพายุอยู่ที่ญี่ปุ่น เป็นตอนที่เรานั่งกระเช้าที่ฮาโกเน่ด้วยกัน...
ครืด ครืด ครืด
อยู่ๆโทรศัพท์ของผมก็สั่นขึ้นส่งเสียงท่ามกลางความเงียบ ผมหยิบเอามือถือขึ้นมาดูแล้วเงยหน้ามองคนที่โทรมาอย่างไม่เข้าใจ
เพลทบนแสตน์เปลี่ยนเป็นรูปตัวการ์ตูนที่ใส่เสื้อรูปเกียร์ถือโทรศัพท์เอาไว้
"ฉันโทรมาเพื่อจะบอกว่ารัก
ถึงเวลาที่ต้องบอกสักที
ไม่กลัวแล้วจะดูไม่ดี นาทีนี้ต้องพูดไป
เสียงข้างในดังออกมา
มันแสดงออกมา ว่ารักแล้วให้ทำไง
วันนี้หัวใจ มันกำความลับไว้ไม่อยู่ซะแล้วเธอ"พายุจ้องตากับผมนิ่ง หมอนั่นค่อยๆ ก้าวเข้ามาหาผมอย่างเชื่องช้า มือยังคงกุมกระชับไมค์เอาไว้มั่น
"นี่... ลมหนาว..."เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อผม ขณะเดียวกันมืออุ่นก็ยื่นมากุมมือที่เย็นเฉียบของผมไว้แน่น "เป็นแฟนกันไหม ฉันถามใจมานาน
ก็กว่าจะมั่นใจ ว่าเธอคือคนนั้น
ตอบกันมาได้ไหม เพราะใจก็เริ่มหวัง
เธอยังอยาก มีแฟนเป็นฉันใช่ไหมเธอ"
ความเงียบเข้าปกคลุมรอบสนามกีฬากลางของมหาวิทยาลัย บนแสตนด์เพลทที่แปลอักษรว่า 'เป็นแฟนกันนะ' ถูกพลิกค้างเอาไว้
ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผม ผมรู้ว่าสองแก้มลามไปถึงหูผมเห่อร้อนมากครับ ผมคิดมาตลอดว่าพายุชอบมาหยอกแกล้งผม มาทำให้ใจผมเอียงออกจากจุดกลางที่เคยอยู่ แต่ไม่เคยคิดหาเหตุผล
แต่...ตอนนี้ผมว่าผมรู้แล้ว ผมได้แต่ถามตัวเองว่าจะตกลงไหม...
โอเค ผมไม่ได้รังเกียจการรักชอบของเพศเดียวกัน ไม่แอนตี้ ไม่อะไรทั้งนั้นครับ พวกเขาเป็นคน มีชีวิต มีจิตใจ แค่มีคนรักเป็นเพศเดียวกัน มันไม่ได้เสียหายอะไร
แค่เปิดใจ จะรู้ว่าพวกเขา ก็เป็นคนที่น่ารักเหมือนกับคนรอบตัวของทุกคนครับ คนเพศที่สามก็เช่นกัน พวกเขาจริงใจกับเรามากกว่าคนปกติที่เราคิดว่าเขาเป็นคนดีด้วยซ้ำ
และผมยอมรับว่าผมเคยชินกับการที่มีใครอีกคนเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตแล้ว แต่นั่นมันก็คนละเรื่องกับการใช้ชีวิต...
แต่ก็คงไม่เลวนัก... ใช่ไหม
พายุมองมาที่ผมด้วยความหวัง ผมส่งยิ้มบางให้แล้วพยักหน้ารับน้อยๆ
"อืม"คงไม่อะไร ถ้าผมจะเปิดใจรับใครสักคนเข้ามาในชีวิต ใครคนนั้นที่รู้จักตัวตนของผมเป็นอย่างดี “ก็ได้...”
ผมยอมลงขันพนันด้วยแล้วนะ
อย่ามาทำให้ผมผิดหวังล่ะ
"เย้~~~"เสียงเฮลั่นสนาม พร้อมกับการแปรอักษรเป็นรูปเกียร์และกล้องจุลทรรศน์บนอัศจรรย์ แบบนี้ถ้าผมไม่ตอบรับ พวกเขาจะแปรอักษรเป็นรูปอะไรกันนะ
หึ... ผมแพ้แล้วล่ะครับ แพ้ใจของพายุอย่างหมดรูปเลย
พายุดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้แน่น ใบหน้าคมฉาบทับด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจอย่างสุดจะอั้น
ถึงรุ่นแรกของคณะพวกเราจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน... แต่รุ่นพวกเราเป็นแฟนกันแล้วนะ
ทุกคนครับ... พายุเป็น. แฟน... ของผมครับ
แฟน... คนแรก (และคงเป็นคนเดียว) ในชีวิตผมครับ
เขินยังไงไม่รู้เหมือนกันนะครับ...
(เกด)
ขออีเย็นโผล่มาสักนิดเถอะเจ้าค้า เจ็บปวดเหนือคณานัก โอเค ท่านเจ้าคุณของอีเย็นได้คุณแฟนระดับเดือนมหาลัยไปแล้ว
ไม่อะไรยิ่งกว่านั้นคือการที่เย็นมารู้ว่าท่านเจ้าคุณพนันกับแฟนหมาดๆ ไว้ด้วยเรื่องแสตนด์
ฮึก... คุณหลวงแย่ที่สุด ทำให้สตรีตัวกลมอย่างเย็นนี้ลำบากนัก เพื่อไม่ต้องเข้าห้องดำ อดทนต่อรัศมีความกดดันที่แผ่พุ่งรอบทิศทาง
สตรองยิ่งกว่าอุลตร้าแมนสู้กับสัตว์ประหลาด
แต่ดูทำกับเราสิ ฮืออออ ฟ้องร้องได้ที่ไหนไหมคะ
เอ๊ะ... ว่าแต่ว่านะ
พี่หนาวกับพี่พายุ... ใครจะเป็นคุณหลวง ใครจะเป็นคุณหญิงกันล่ะเนี่ย
ใครก็ได้ บอกเกดที ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
มาแล้วค้าาา เลทอีกแล้ว TT แต่ก็มานะ ฮ่าๆ
อีกไม่นานก็จะจบแล้ววว อย่าเพิ่งทิ้งกันไปนะคะ
แล้วพบกัยตอนหน้าค้าา (รักของพายุ เอ้ก อี๊ เอ้ก เอ้กกก <<< ยัง ไก่ยังไม่ขัน น้ำยายังไม่มา...)