วันที่สิบเอ็ดเช้าวันที่สดใส หลังจากจบงานเฟรชชี่ไนท์ไป คณะผมได้เดือนคณะมาครองจากเงื้อมมือของหลานเทคคนเก่งของผมเอง
อยากเข้าไปแสดงความยินดี แต่ยังทำไม่ได้ ได้แต่ฝากน้องไปแสดงความยินดีเท่านั้น รอก่อนนะ ไว้พี่คนนี้ตะไปแสดงความยินดีหลังปลดแล้ว
ถึงแม้ว่าพึ่งจะผ่านเรื่องที่น่ายินดีที่ได้เดือนมหาลัยครั้งแรกของคณะไป และผลรวมการแข่งดาวเดือนจะออกมาเสมอกับพวกวิศวะ ทำให้ไม่ขายหน้าก็เถอะ แต่ก็ถึงเวลาหนัก ๆ อีกแล้ว กับกิจกรรมที่สำคัญที่สุดของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยxxx
กิจกรรมชิงธง...
จนถึงวันนี้น้องก็ยังร้องเพลงให้จบไม่ได้เลย ทั้งที่พี่ปี 2 ช่วยฝึกฝนมานานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นมีผลสัมฤทธิ์ให้ได้ชื่นใจ
ทำไมเด็กปีนี้ดื้อดึงกันจังเลยวะ ไม่เคยให้ความร่วมมืออย่างที่ควรจะเป็น มันคงได้เวลาใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดแล้วสินะ
ต้องไปเสวนากับว๊ากของวิศวะอีกแล้วเหรอเนี่ย... เหนื่อยใจขึ้นมาตงิด ๆ ผมขี้เกียจไปถกเถียงกับหมอนั่นชะมัดเลย
ช่างเถอะ ปีเดียว ทนไป เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว
เจอหมอนั่นยังไม่น่าปวดหัวเราเรื่องของหมอพี่ทิว ไม่รู้คิดอะไรไปทำป๋า เก็บเด็กมาเลี้ยง เห็นแวววุ่นวายแปลก ๆ แน่
สงสัยต้องเอาพารามาเตรียมไว้หน่อยแล้วมั้ง
บุกลุยสู่ตึกวิศวะอีกครั้ง หลังจากที่ได้มาไปเมื่อไม่นานมานี้ แน่นอนว่าสายตาของคนในคณะย่อมมองมาทางคู่อริของพวกเขาอย่างผม
มองไปดิ ใครสน ทำธุระเสร็จก็จบ
แต่ก็นะครับ ดีกรีวินัย ไม่ว่าจะอยู่คณะไหนก็มีคนเกรงใจอยู่ตลอด วินัยแต่ละคณะจะมีการติดต่อกันเองน่ะครับ ถ้าเจอน้องคณะไหนทำตัวห่วย ๆ ก็แจ้งวินัยคณะนั้นจัดการ ไม่งั้นเราคงไม่รู้ว่านอกสายตาน้องทำตัวยังไง จริงไหม ?
เอาล่ะ รู้สึกจะอยู่ห้องแถวนี้แหละถ้าผมจำไม่ผิด ให้พลอยไปบีบคอน้องวินัยปีสองวิศวะมา คงไม่พลาด... ยกเว้นถ้ามันแกล้ง (ผมจะเอาฟอมารีนยัดปากมัน)
"พี่ยุ เสาร์นี้ไปดูหนังกันไหมคะ"ผมว่าผมเจอคนที่ต้องการคุยด้วยแล้ว แต่ดูท่าจะไม่ว่างคุยกับผม... แต่ผมรีบ เดี๋ยวต้องกลับไปรีดเสื้อด้วย
"เรื่องอะไรล่ะ น้ำหนึ่ง"น้ำหนึ่ง ใช่เด็กปีสองของกายภาพหรือเปล่านะ คุ้น ๆ อยู่ แต่อาจจะชื่อโหลก็ได้ หมอนั่นคบกับเด็กสถาปัตถ์อยู่นี่น่า (รู้ ๆ กันอยู่นะครับว่าสายสุขภาพอย่างพวกเราจะไปถูกกับวิศวะ ที่ผ่านมาแทบไม่มีใครคบเชิงชู้สาวกันเลยด้วย)
“ไม่รู้เหมือนกัน ไปเลือกที่หน้าโรงก็ได้นี่น่า”เสียงใส ๆ นั่นยังคงพูดเจื้อยแจ้ว ผมว่าอีกนาน... ขอเสียมารยาทเข้าไปขัดแล้วกันนะ
ผมเปิดประตูเข้าไปเบา ๆ น้องน้ำหวานกายภาพจริง ๆ ด้วย แต่เอาเถอะ เรื่องของเขา ชีวิตเขา ผมไม่ก้าวก่าย น้องเขาหันหน้ามาทางผมแต่ก้มหน้าอยู่ ส่วนพายุนั่งหันหลังให้ผม
“แล้วตกลงว่าพี่ยุว่างไปดูกับหวานไหมคะ”ฝ่ายหญิงโค้งตัวเข้าไปหาร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้า ใกล้เกินไปไหมนั่น... หรือว่าผมหัวโบราณกัน? “มีงานรับน้องที่ต้องจัดการหรือเปล่า”
“ก็ว่างอยู่นะ... เฮ้อพูดแล้วก็เซ็ง ไม่รู้ว่าจะต้องไปลงน้องอีกนานแค่ไหน จะไปไหนก็ต้องมาวางมาดขรึม อึดอัดสุด ๆ แล้วยังต้องมาลงคู่กับหุ่นยนต์ที่ตั้งโปรแกรมไว้แล้วอย่างลมหนาวอีก น่าเบื่อชะมัด”ถ้าจะนินทากันระยะประชิดขนาดนี้ หน้าชาเบา ๆ เลยล่ะครับ ฮะ ๆ ไม่พูดต่อหน้ากันเลยล่ะวะครับ “ลงไปก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นสักนิด ตะโกนเสียงแหบเสียงแห้งแต่น้องก็เหมือนเดิม ทำไปเหนื่อยเปล่า ๆ หน้าที่ว๊ากเนี่ย มีแต่เสียกับเสีย ไม่เห็นได้รับอะไรสักอย่าง มีแต่โดนน้องเกลียด โดนน้องนินทา เก็บเอาไปหัวเราะลับหลัง”
“ถ้าพี่ลมหนาวได้ยินคงโกรธน่าดูนะคะ คิก ๆ”ใช่ ผมโกรธ โกรธมากด้วย
“จุ๊ ๆ ไว้สิ เรารู้กันแค่สองคน”
“ขอโทษด้วยที่พวกคุณคงไม่ได้รู้กันอยู่แค่สองคน...”สุดจะทน ว่าผม ผมทนได้ เพราะยังไงเมดเทคกับวิศวะก็ไม่เคยมองกันในแง่ดีอยู่แล้ว แต่การที่มาพูดแบบนี้ทั้งที่อยู่ในตำแหน่งของวินัย อีกทั้งยังเป็นประธานวินัยของคณะอีก ผมทนไม่ได้ “ถ้าคุณไม่อยากทำก็ลาออกจากว๊ากไปสิครับ”
พายุกับน้ำหวานหันมามองผมอย่างตกใจ คงไม่คิดว่าผมจะมาเงียบ ๆ แบบนี้ ไม่สิ คงไม่คิดว่าจะเจอผมในตึกวิศวะโดยที่ไม่มีใครมาบอกก่อนล่ะมั้ง
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมจะสนใจ
“ถ้าไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องทำ คุณไม่ลง ผมลงเอง คุณไม่อยากไปควบคุมน้องไม่ให้ออกนอกระเบียบ เบื่อ เหนื่อย ก็เลิกไปซะ ไม่ต้องฝืนใจทำมัน น้องของเทคนิคการแพทย์และวิศวกรรมศาสตร์ 1897 ชีวิต ผมและเพื่อนจะคุมเอง”ผมเอ่ยด้วยเสียงที่เรียบเฉย และจ้องมองด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า “ตั้งใจว่าจะมาคุยเรื่องงานชิงธงกับคุณ แต่มันคงไม่จำเป็นแล้ว หลังจากนี้ผมจะทำทุกอย่างเองโดยที่ไม่บอกเล่าคุณก่อนตามมารยาทที่สมควร”
“เฮ้ ลมหนาว”ผมไม่อยู่ฟังอะไรทั้งนั้น พูดเสร็จก็เดินออกมากดลิฟต์ลงทันที เหมือนเห็นที่หางตาว่าหมอนั่นตามออกมา แต่ขอโทษที ผมมั่งใจในฝีเท้าตัวเองมาก ผมเดินได้ไวพอที่หมอนั่นต้องวิ่งตาม (เห็นอย่างนี้ผมก็วิ่งรอบสนามฟุตบอลทุกวันนะ เช้าห้า เย็นสิบ ถ้าอารมณ์เซ็ง ๆ ก็วิ่งไปเรื่อย ๆ)
ออกจากลิฟต์มาก็เดินกลับคณะโดยตัดผ่านคณะแพทย์ ซึ่งในสายสุขภาพเป็นคณะที่อยู่ใกล้วิศวะที่สุด ตอนนี้ผมควรไปสงบสติอารมณ์ ก่อนที่จะเหวี่ยงอะไรออกมา
เดินก้าวฉับ ๆ รวดเดียวถึงคณะโดยไม่มอง ไม่รับไหว้น้องสักคน แบบนี้ไม่ดีหรอกครับ แต่ถ้าให้หยุดมองน้อง มีหวัง น้องช็อคตายแน่ ๆ
“อ้าว หนาว...”พี่ทิวเอ่ยทักผมมาแต่ไกล แล้วเดินเข้ามาหา พร้อมกับฟางข้าวของพี่เขา มาที่คณะผมทำไมหว่า “หงุดหงิดมาเชียว เกิดอะไรขึ้นล่ะ หืม”
“ได้ยินเรื่องที่น่าหงุดหงิดมานิดหน่อยน่ะครับ”ผมสูดลมหายใจลึก ๆ เข้าออก เข้าออก ให้อารมณ์ที่มันพลุ่กพล่านอยู่นี้สงบลงไปสักหน่อย เคยไหมครับ เวลาหงุดหงิด หือโมโหอะไรมาก ๆ แล้วไม่อยากจะไปลงที่ไหน หายใจลึก ๆ สิบครั้งแล้วมันจะเบาบางลงไปเยอะเลย ถ้าไม่เคยเวลาหงุดหงิดก็ลองดูนะครับ มันได้ผลจริง “แต่ช่างมันเถอะครับ ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเอามาใส่ใจอะไร”
“แต่พี่หนาวก็ใส่ใจมันไม่ใช่เหรอฮะ”ฟางข้าวพูดกับผมอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ดวงตาคู่โศกนั่นฉายแววเป็นห่วงเป็นใย “ไม่อย่างนั้นพี่ก็คงไม่หงุดหงิดจนสังเกตได้แบบนี้”
“ก็นิดหน่อยน่ะ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับวินัย พี่เลยอดที่จะรู้สึกไม่ดีไม่ได้”ได้รู้จักกับฟางข้าวมาหลายวันพอดู ผมก็พอรู้แล้วล่ะครับว่าทำไมพี่ทิวถึงยึดตัวน้องคนนี้เอาไว้ ไม่ปล่อยให้ห่างสายตามากนัก บุคคลประเภทน้องสาวน้องชายเป็นคนที่พี่ทิวแพ้ทาง ต้องยื่นมือเข้าไปดูแลตลอด
สมกับอนาคตหมอเด็กจริง ๆ (แต่ก่อนหน้าที่เขาจะบอกผมว่าจะต่อเฉพาะทางเป็นกุมารแพทย์ เขาตั้งใจจะเรียนศัลยแพทย์...)
“ปล่อยมันไปเถอะฮะ เครียดไปเดี๋ยวหน้าแก่เป็นอาจารย์ป้ามาลัยไม่รู้ด้วยนะฮะ”คราวนี้ผมเลยอดที่จะหลุดยิ้มไม่ได้ ถ้าเป็นคนอื่นพูดก็คงอาจจะเฉย ๆ นะครับ แต่ฟางข้าวเขาไม่พูดอย่างเดียว ออกท่าออกทางสยองขวัญด้วย ผมแค่ยิ้ม แต่พี่ทิวแกนี่ขำเลย
อาจารย์ป้ามาลัยเป็นอาจารย์สอนวิชาเลือกเสรีน่ะครับ จริง ๆ แกก็ไม่ได้แก่อะไรมากมายนะ แต่หน้าตากับนิสัยแก้กินวัยแรงไปหน่อย เลยโดยเรียนกลับหลังแบบนี้
ผมก็เรียก ฮ่า ๆ
“ลมหนาว!”เสียงที่ไม่อยากได้ยินดังเข้าโสตประสาท ตามมาถึงคณะเทคนิคการแพทย์ของผมเลยนะ เหอะ “เราต้องคุยกัน”
“ผมไม่มีอะไรต้องพูดกับคุณแล้ว คุณพายุ”อย่าคิดว่าผมเป็นนางเอกนิยายตาหวานที่พอเพื่อนชาย (?) คนสนิทของเธอที่กำลังโกรธเดินมาแล้วจะสะบัดตัว รีบวิ่งหนีไปให้อีกฝ่ายวิ่งตามไปกระชากมากอดก่อนแล้วค่อยคุย ชีวิตจริงใครจะบ้าทำแบบนั้น ต่อให้เป็นผู้หญิงก็เหอะ “ผมได้พูดไปหมดแล้ว และผมก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องคุยกับคุณ”
“แต่ผมมีเรื่องที่จะต้องพูดกับคุณ”พายุกระชายแขนผมอย่างแรง ถ้าเป็นผู้หญิง หรือคนตัวเล็ก ๆ ที่ดูไม่น่าจะได้ออกกลังกายอย่างข้าวก็คงปลิวไปตามแรงนั่นแล้ว แต่ผมไม่ บอกแล้ว ผมเล่นกีฬาอยู่เสมอ แรงแค่นี้จิ๊บ ๆ “และคุณจะต้องฟังผม”
“ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องฟังคุณ”ผมกับพายุจ้องตากันเขม็ง เอาให้ตาถลนกันไปข้าง แต่ผมจะไม่ฟังคนที่ดูถูกความเป็นวินัย ทั้งที่ตัวเองก็ดำรงตำแหน่งนี้อยู่แน่ ๆ
“หนาว คุยกันดี ๆ อย่ามีเรื่อง”ลืมไปเลยว่าพี่ทิวอยู่ตรงนี้ด้วย พี่เขายิ่งไม่ชอบให้มาทะเลาะกันต่อหน้าเขาอยู่ “เคลียร์ให้มันจบ ๆ ไป เดี๋ยวก็เครียดจนทรุดอีก”
หูฟังพี่ทิวพูด แต่ตายังจ้องตาอีกฝ่ายอยู่ ผมไม่ยอมลงง่าย ๆ แน่กับเรื่องนี้ ต่อให้ต้องเครียดลงกระเพาะ แอดมิดเข้าโรงบาลอีกก็ตามที
“หนาว!”พี่ทิวเริ่มขึ้นเสียงแล้ว เอาแล้วไง บทโหดมาอีกแล้ว ผมไม่อยากจะเสวนากับคนตรงหน้าแม่งเลยสักคำ “อย่าให้พี่โมโหนะ”
“ตามผมมา”ผมเดินคอตั้งไปข้างแลปโดยมีลูกไก่พายุเดินตามมากด้วย ให้ห่างจากรัศมีหูของพี่ทิวสักหน่อย... ตอนแรกกะว่าจะให้ห่างตาด้วยเลย แต่ไอ้สายตาพิฆาตที่ส่งมานั่นทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดเล็กน้อย “คุณมีอะไรจะพูดก็ว่ามา”
“ผมไม่ได้ไม่อยากเป็นว๊าก”จะมาแก้ตัว? เพื่ออะไร กับผมที่เป็นคณะคู่อริ จะให้เข้าใจอะไร ยังไงมันก็ไม่ได้น่าสนใจอยู่แล้วนิ “ผมไม่ได้ฝืนใจกับหน้าที่นี้”
“...”ไม่โต้ตอบอะไร แต่ผมรู้ว่าสายตาผมฉายแววไม่เชื่อถือคู่สนทนาจนเห็นได้ชัดแน่ ๆ
“ที่สำคัญ... ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณแบบนั้นด้วย”คราวนี้หมอนั่นหลบตาผม ไม่สบตาเหมือนกับตรงแรก เสียงก็ฟังดูอ้อมแอ้ม “ผมแค่หลุดไปเพราะความคะนองปาก จริง ๆ แล้วได้ลงว๊ากกับคุณมันก็ดี...”
ผมยืนฟังและไม่คิดจะโต้ตอบอะไร อยากให้ฟังก็ฟังให้แล้ว จบเมื่อไหร่ก็ไป
“ผมยังอยากเป็นว๊าก ลงน้อง ทำให้น้องรักกัน ทำให้น้องมีระเบียบวินัยในตนเองอยู่ ไม่ได้จะทิ้งหน้าที่ไป ถึงผมจะรู้สึกเบื่อเพราะน้องไม่คิดที่จะขยับตัวทำอะไรเลย ป้อนอะไรเข้าไปก็คายออกมาอย่างเดียว”พายุหันกลับมาสบตากับผม แววตาของหมานั่นฉายแววมุ่งมั่นขึ้น “เพราะอย่างนั้น อย่าเข้าใจผมผิดแล้วบอกให้ผมออกจากหน้าที่ ที่ผมรัก เข้าใจไหม ลมหนาว”
“...”ผมหันหลังให้กับพายุ ตั้งใจจะก้าวไปทางที่พี่ทิวกับฟางข้าวยืนอยู่ “ผมเชื่อในการกระทำมากกว่าคำพูด”
ผมเดินออกห่างจากร่างโปร่งที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก่อนที่จะชะงัก เมื่อนึกอะไรได้บางอย่าง
“ในวันมะรืน ผมจะทำตามวิธีการของผม และผมหวังว่าคุณจะไม่มาขัดขวางแผนของผม ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามนะครับ”จบคำผมก็ก้าวฉับไปหาคนที่ยืนรออยู่
เอาเถอะ ผมจะคอยดูแล้วกันว่าหมอนั่นรักในการเป็นวินัยจริง หรือรักแค่ปากพูด
(พายุ)ให้ตายเถอะ ตั้งแต่วันที่ผมไปเคลียร์กับหนาว จนถึงตอนนี้ยังไม่เจอว๊ากสักคนของพวกเมดเทคเลย... แล้วใครจะให้ความกระจ่างในสิ่งที่ผมอยากรู้วะเนี่ย
ทิ้งให้อยากรู้แล้วก็จากไปอย่างเลือดเย็นชะมัด... เชื่อเขา คนอะไรเย็นเหมือนชื่อเลย
เอาเถอะ ยังไงวันนี้ผมก็จะได้รู้แล้วว่าหมอนั่นคิดจะทำอะไร... นี่ก็ใกล้ชิงธงเข้ามาทุกที สีหน้าจริงจังของลมหนาวที่ผมได้เห็นนั่นทำให้ผมคิดว่าที่มันจะทำในเย็นวันนี้คงเป็นมาตรการสุดท้ายแล้ว
“พายุ นายคิดจะให้พวกเมดเทคทำอะไรตามใจ โดยที่พวกเราไม่รู้อะไรสักอย่างเลยอยู่แบบนี้น่ะนะ”นิคถามผมเสียงเข้ม
ไม่มีใครในวิศวกรรมศาสตร์รู้เลยสักคนว่าสิ่งที่พวกเทคนิคการแพทย์จะทำคืออะไร... แม้ว่าจะไปลากคอน้องปีสองของเมดเทคมาเค้นถาม ก็ยังไม่ได้ความออกมา มีแต่คำบอกเล่าที่ว่าวันนี้จะลงน้องที่ลานเกียร์ตอนเย็น พวกผมเลยหงุดหงิดกันยู่แบบนี้ จะไปถามกับพวกนั้นโดยตรงก็หาตัวไม่เจอ โทรไม่รับ ไลน์ไม่ตอบ ขนาดบุกถึงคณะแล้วยังควานตัวออกมาไม่ได้เลย
แม่ง นักเทคนิคการแพทย์หรือนินจาวะ
“เดี๋ยวก็ได้รู้กันแล้วว่าสิ่งที่เขาจะทำมันเวิร์ค หรือไม่เวิร์ค”พิชลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วเดินตรงมาหาผม “ถ้ามันทำในสิ่งที่ไม่เวิร์ค ยังไงพวกเราก็ต้องจัดการ”
“ครั้งนี้กูจะปล่อยให้พวกนั้นจัดการตามใจ”ผมกวาดตามองเพื่อน ๆ น้อง ๆ ว๊ากทุกคนที่ทำหน้าประหลาดใจ ก็แน่สิ ผมยอมให้พวกนั้นเดินนำนิ...
“ทำไมล่ะ พายุ”พิชพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อผมแล้วดึงขึ้น แต่เธอเตี้ยกว่าผม (ไม่เยอะเท่าไหร่) พอผมลุกเต็มความสูงเลยกลายเป็นว่าผมต้องโค้งลงมาเล็กน้อย “มึงคิดเหี้ยอะไรอยู่ถึงให้พวกนั้นเป็นช้างเท้าหน้า เดินนำพวกเรา!!”
“เพราะกูอยากรู้ไง”ผมจ้องตากับพิชนิ่ง แล้วพูดสิ่งที่อยู่ในสมองออกมา “สิ่งที่พวกเราไม่เคยยอมรับ ในการชิงธงทุกปีเมดเทคทำได้ดีกว่าเราเสมอ มันเป็นเพราะอะไร ทำไมพวกมันถึงทำได้ แล้วเราทำไม่ได้ กูอยากรู้ และทางเดียวที่เราจะรู้ได้คือ ปล่อยให้มันไปตามเกมของพวกนั้น”
“มึงกำลังดูถูกพี่ ๆ ของพวกเรานะเว้ย”มือที่กำคอเสื้อของผมอยู่นั้นกำแน่นขึ้น ดวงตาของพิชสั่นไหว “มึงกำลังบอกว่าสิ่งที่พี่ ๆ ของเราทำมามันไม่ได้ช่วยอะไร ไม่ได้ทำให้น้องดีขึ้น...”
“เราต้องมองความจริงกันบ้าง พิช เราต้องมองบ้าง”ผมถึงมือของพิชออกจากคอเสื้อผม ก่อนที่มันจะยู่ยี่ไปมากกว่านี้ “เธอก็รู้ ทุกคนรู้ และได้เห็น ได้สัมผัสมาแล้ว พวกนั้นเป็นเหมือนกลองที่ให้จังหวะทุกคณะในการเริ่มต้น และการเว้นจังหวะของเพลงเสมอ ถ้าไม่ไปตามที่พวกนั้นพาไป มันก็ไม่สำเร็จ... กูอยากรู้ว่าทำยังไง พวกนั้นทำยังไงถึงทำได้ขนาดนั้น”
ทุกคนในที่นี้เงียบกริบ ไม่มีใครพูดเอ่ยอะไรออกมาอีก จมอยู่ในความคิดของตัวเอง... มันคือความจริง ความจริงที่พวกผมไม่อยากจะยอมรับว่าสู้พวกนั้นไม่ได้...
หลังจากนี้ ผมจะต้องทำให้พวกเราสู้พวกนั้นได้ ไม่สิ พวกเราต้องชนะให้ได้... แม้อาจจะไม่ใช่ในปีนี้ แต่ปีต่อ ๆ ไป พวกเราจะต้องเป็นฝ่ายนำ
เป็นอีกครั้งที่ว๊ากของวิศวะต้องมานั่ง ๆ นอน ๆ รอพวกคุณ ๆ ของเมดเทค อยู่ในห้องเดิม ๆ รอเวลาที่นัดหมาย... ซึ่งอีกไม่นาน
นั่นไง มาตรงเวลาเป๊ะ ไม่ขาด ไม่เกิน แต่คราวนี้มาในเสื้อโค้ชของคณะ พวกผมก็มีครับ เป็นสีแดงเลือดหมู แต่ของพวกนั้นเป็นสีดำ
พูดถึงสี... รู้กันไหมสีประจำคณะของวิศวะกับเทคนิคการแพทย์คือสีอะไร... สีแดงเลือดหมู กับสีแดงเลือดนก ซึ่งจนตอนนี้ผมยังไม่เข้าใจว่าต่างกันยังไง เหอะ ๆ
“ไปกันเถอะครับ”ประโยคแรกที่ได้ยินในรอบสองวันกว่า ที่มาพร้อมกับสายตาอันเฉยชา ก่อนที่ลมหนาวจะเดินนำออกไป พร้อมด้วยว๊ากคนอื่น ๆ ของเมคเทค”
“ปะ ได้เวลาแล้ว”ผมลุกขึ้นเดินเร่งฝีเท้าไปอยู่คู่กับหมอนั่นที่ไม่คิดจะรอเลยแม้แต่วินาทีเดียว... วันนี้มันดูเครียด ๆ แต่ในความเครียดนี้แฝงความกังวลเอาไว้อยู่ลึก ๆ ในดวงตา
แล้วผมจะไปสังเกตทำไมล่ะเนี่ย บ้าชิบ
“ปีหนึ่ง ตั้งแถวครับ”เปิดฉากขึ้นแล้ว กับเสียงที่ดังก้อง และเข้มผิดปกติด้วย “ปีสอง ตั้งแถวฝั่งนี้ครับ”
เฮ้ย เรียกสองชั้นปีเลยเหรอวะ ? ว๊ากปีสองของพวกเมคเทคเดินเข้าไปรวมกับเพื่อน ๆ ปีสองของพวกเขา ทำให้ว๊ากของวิศวะเราต้องไปรวมด้วย จนกลายเป็นว่าว๊ากที่เหลืออยู่ไม่พอที่จะล้อมน้องได้
ทำอะไรของมัน
“วันนี้มากี่คนครับ”ผมถามขึ้นตามสเต็ปที่กี่ปี ๆ ก็ไม่เคบจะเปลี่ยน เป็นคำถามตอนเริ่มของทุกครั้ง
“ 1793 คนครับ”หืม... ตัวเลขวันนี้ดูสูงดีจริง หายไป เอ.. สี่ ศูนย์ อ่อ หนึ่งร้อยสี่คน ถึงว่าดีขึ้นจากครั้งก่อน ๆ นิดหน่อย
“หายไปร้อยสี่คน”ตัวแม่ของเมดเทคถอนหายใจหน่าย ๆ หน้าไปเสียงไป ครบ “ก็ยังไม่ครบอยู่ดี พวกคุณคิดว่าวันไหนที่เพื่อนของคุณจะมากับครบไหมคะ”
“...”ความเงียบคือคำตอบ แต่ก็นะ ไม่มีใครหวังคำตอบจากน้องที่แทบไม่เคยให้คำตอบอะไรกับพวกเราอยู่แล้ว... มั้ง
“ทุกครั้งที่ผมมา ผมพูดอยู่เสมอว่าให้พวกคุณเคารพรุ่นพี่ เคารพอาจารย์”ร่างสูง (น้อยกว่าผม) เดินช้า ๆ วนไปทางขวามือ “แต่ทำไมผมยังได้ยินว่าพวกคุณไม่เคารพพวกเขาล่ะ”
“...”
“หรือพวกเขาไม่น่านับถือ ไม่สมควรเป็นพี่ของพวกคุณ”แม่ง บรรยากาศกดดันชิบ ผมจะพูดอะไรก็พูดไม่ได้ ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไร ได้แต่ยืนกอดอกเก๊กหน้านิ่ง กวาดตามองน้องอยู่อย่างเนี้ย เซ็ง
“ไม่ใช่ครับ/ค่ะ”ปีหนึ่งตอบกลับมาอย่างพร้อมเพรียง เออ ดี คราวนี้ยอมตอบ
“มีพี่คนไหนที่โดนน้องเมิน ไม่ไหว้ แทบจะเดินเหยียบหัวบ้างคะ ยกมือขึ้น!!”พิชคงอยากลองเชิง กะจะแหกหน้าของเฮดเมดเทคล่ะสิ ถ้าปีสองไม่ยอมยกมือน่ะ
พรึบ พรึบ
ผิดคาด... อย่าว่าแต่พิชเลย ผมก็อึ้ง ในเมื่อคนที่ยกมือขึ้นส่วนใหญ่ดันเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ของพวกเรา ไม่ใช่เทคนิคการแพทย์ที่ยกกันเป็นหย่อม ๆ
“เอามือลงค่ะ”หน้าแหกหมอไม่รับเย็บเลยทีนี้ เพื่อนเอ๊ย งานนี้พิชได้ฤกษ์ทำแบบผม กอดอก ยืนมองนิ่ง ๆ แผ่รังสีกดดัน
“พวกคุณเคยรักพวกเขาบ้างไหมครับ”ผมเพิ่งสังเกต ลมหนาวแม่ง พูด ร เรือ กระดกลิ้นทุกคำ นี่กะว่าถ้าไม่ทำอาชีพสายตรง จะไปเป็นครูภาษาไทยเปล่าวะ... ไม่รู้
“รักค่ะ/ครับ”ตอบเสียงดังฟังชัด ถ้าตอบแบบนี้ได้ทุกครั้งคงจะดี
“อย่างนั้นเหรอครีบ”อยู่ ๆ ปันปันที่เงียบมานานก็ดึงตัวน้องผู้หญิงคณะมันคนนึงออกไปข้างหน้า “พี่คนนี้ชื่ออะไรครับ”
“...”ได้ยินอะไรกันบ้างไหม? ผมไม่ได้ยินเลย ได้ยินแต่เสียงลมพัด เอ้า ลมเพ ลมพัด โบกสะบัดพัดมาไว ๆ ผมร้อน
“พี่หยกค่ะ”น้องคนนึงตะโกนตอบมา
“เขาเป็นน้องเทคของน้องใช่ไหมครับ”ปันปันหันมาถามน้องหยกที่ยืนอยู่ข้างเขา
“ใช่ค่ะ”น้องตอบเสียงอ่อย ๆ ตาหลุบลงมองพื้น
“แล้วคนที่ไม่ใช่น้องเทคของพี่เขา ไม่รู้เลยเหรอครับ ว่าพี่เขาชื่ออะไร”พวกเราทุกคนหวาดตามองหน้าที่เริ่มหลบสายตา
“ไหนว่ารักไงคะ พวกคุณบอกว่ารักพวกเขา แต่แค่ชื่อยังไม่รู้เลย!”พลอยตวาดลั่นลาน... เป็นผู้หญิง (?) ที่มีพลังเสียงสุดยอดจริง ๆ “เงยหน้าขึ้นมาค่ะ”
“ที่พวกว่ารักพวกเขาน่ะ พวกคุณเคยถามไหมว่าเขาเหนื่อยหรือเปล่าที่ต้องมาอยู่รับน้องพวกคุณจนค่ำ ใขขณะที่พวกคุณกลับไปพัก พวกเขายังต้องประชุม ต้องเตรียมงานกันต่อ”นิคมันพูดขึ้น... อันนี้ระบายความใจใจหรือเปล่านั่น ก็มันเป็นคนที่ต้องคอยฟังแผนงานของน้องอยู่ตลอด แล้วถึงจะมาบอกเล่ากับผม “ก่อนที่พวกคุณจะเข้ามา พวกเขาต้องเตรียมของให้คุณ เตรียมงานกันล่วงหน้าเท่าไหร่ พวกคุณเคยคิดถึงจิตใจพวกเขาไหม”
“...”เงียบกริบ อีกทั้งยังหลบสายตากันหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไม่เคยคิดถึงในสิ่งที่นิคมันพูดออกมาเลย
“แล้วร้องเพลงชิงธงกันได้หรือยังครับ”ลมหนาวดึงเรื่องเข้าประเด็นเมื่อบรรยากาศเริ่มมาคุกหนัก ไม่อารัมภบทต่ออีก “ผมถามว่าพวกคุณร้องเพลงชิงธงกันได้หรือยังครับ”
“...”เงียบตามเคย ทำไมเด็กรุ่นนี้มันดื้ออย่างนี้วะ ให้ตายเหอะ จะรอดไหม เชี่ย
“ปีสองกอดคอกันค่ะ”ถ้าผมจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อนัท เธอหันไปสั่งน้องปีสอง แน่ล่ะ ปีสองทั้งหมดย่อมทำตาม น้องพวกผมก็ทำตามไปด้วยเมื่อเห็นอีกคณะทำ
“ผมอยากฟังเพลงประจำมหาวิทยาลัย”เฮดของเมดเทคเอ่ยขึ้น เมื่อเดินวนรอบน้อง ๆ มาจนถึงที่ข้างหน้า ที่เดิมของหมอนั่น “เริ่มครับ”
“1. 2. 3…”น้องร้องเพลงออกมา... จังหวะสามช่าหรือเปล่านั่น ให้ตาย แค่เพลงแรกก็ยังไม่ได้... เรื่องจริงหรือล้อเล่นวะเนี่ย
พวกมันแกล้งอะไรพวกเราหรือเปล่า?
“หยุดครับ”ลมหนาวคงทนฟังไม่ได้ สั่งหยุดทันที แล้วหันมาหาปีสองแทน “พวกคุณได้สอนพวกเขาร้องเพลงหรือเปล่าครับ”
“สอนครับ/ค่ะ”ปีสองตอบคำถามอย่างพร้อมเพรียงกัน
“แล้วทำไมพวกเขายังร้องไม่ได้!”ขอแทรกบทหน่อย ผมยังแทบไม่ได้พูดเลย ขอให้ได้พูดสักนิดเถอะ แอบเหล่เห็นลมหนาวเม้มปากน้อย ๆ
ดูท่าของจริงจะมาแล้ว
“ในเมื่อพวกคุณไม่อยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งของคณะเรา ผมขอสิ่งที่พวกผมให้ไปคืนครับ”ปันปันเดินเข้าไปหาน้องปีหนึ่งด้วยสีหน้าที่โคตรเข้ม มันเป็นคนใต้ เข้มอยู่แล้ว ยิ่งเข้มไปใหญ่ (หน้าครับหน้า ไม่ใช่สีผิว) “ถอดมาคือสิครับ ทั้งป้าย และข้อมือที่พวกผมให้คุณไป”
น้องไม่ยอมถอด ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีเหมือนกันนะ คณะผมไม่เคยใช้วิธีพวกนี้มากดดันน้อง... จริง ๆ แล้วคือนอกจากป้ายชื่อไม่เคยให้อะไรมากกว่า แต่พวกเมคเทคมันให้สองอย่าง... ซึ่งไม่รวมเข็มเฟรชชี่ของพวกนั้น (ของพวกผมแน่นอน เป็นเกียร์ไงครับ)
“ปีสอง ลุกนั่งจนกว่าน้องจะถอด เริ่ม!”ห๊ะ สั่งปีสอง? พวกเทคนิคใช้จิตวิทยาวัดใจน้องกันอย่างนี้เลยเหรอเนี่ย “เงยหน้าขึ้นมา มองหน้าน้องพวกคุณ มองคนที่ทำให้คุณต้องทำแบบนี้”
ปีสองลุกนั่งกันอย่างทุลักทุเล แค่ปกติลุกนั่งคนเดียวก็ลำบากแล้ว แต่นี่ต้องกอดคอกับเพื่อนลุกนั่งอีก นัยน์นึงก็คือการประคองเพื่อนไป แต่อีกนัยน์การทำแบบนี้มันก็ลำบาก และทำห้เหนื่อยไว
“พวกคุณเห็นไหม เห็นพี่ของพวกคุณไหม ถอดออกมา แล้วพี่ของพวกคุณจะได้หยุด ถอดออกมา!”นัทกับพลอยตะโกนเป็นเสียงเดียวกันก้องลานเกียร์
“ถอดสิครับ พวกคุณไม่สงสารพี่ที่พวกคุณบอกว่ารักเลยหรือยังไง”ปูนที่น่าจะเริ่มจับทางได้ ตะโกนเสริมขึ้นมาบ้าง
ผมเองก็อยากจะเสริมแรงนะ... แต่มันพูดอะไรไม่ออก น้องผู้หญิงปีหนึ่งเริ่มน้ำตาคลอ ปีสองบางคนก็เริ่มโอนเอน แต่ก็ยังฝืนอยู่
ให้ตาย พวกนั้นทำเรื่องที่มันน่าเจ็บปวดขนาดนี้ได้ยังไงกันวะเนี่ย!!!
“พวกคุณเห็นไหม ว่าคนที่รักพวกคุณ คนที่รับพวกคุณเข้ามากับมือ พวกเขาเป็นยังไง”ปันปันเอ่ยด้วยเสียงที่เยียบเย็น “ทำไมพวกคุณไม่ช่วยพวกเขา”
น้องปีสองลุกนั่งไปไม่รู้กี่ที เพราะเสียงที่นับนั้นแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ น้องบางคนก็ล้มลงไปแล้ว พี่ปีสามที่อยู่แถวนั้นก็เข้ามาประคองน้องออกไป ผมเห็นน้องบางคนน้ำตาตก แต่ก็ยังลุกนั่งอยู่กับเพื่อนไม่ไปไหน
“ปีสองหยุดครับ”ลมหนาวสั่งอีกครั้งหนึ่ง ดวงตาของหมอนั่นฉายแววเจ็บปวดขึ้นมาชั่วครู่... หรือผมตาฝาดไปก็ไม่รู้ “ย่อลงไปครับปีสอง ย่อลงไป”
“เพลงก็ร้องไม่ได้ ของที่ให้ก็ไม่ยอมถอด”พลอยกอดอกมองน้องปีหนึ่งด้วยแววตาที่ผิดหวัง “คนที่พวกคุณบอกว่ารัก พวกคุณก็ไม่คิดจะช่วย”
“ปีหนึ่งครับ”เสียงของลมหนาวนั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาเดินออกไปยืนเด่นตรงหน้าเด็กปีหนึ่งเพียงลำพัง “ถ้าพวกคุณไม่ต้องการน้องของพวกผม ไม่รักเขา ไม่เคยคิดที่แม้แต่จะถามว่าพวกเขาเหนื่อยไหม ทำร้ายพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้...
ผมขอน้องของผมคืนครับ”
เหมือนเป็นประโยคที่ฟาดลงกลางใจของน้องปีหนึ่ง น้องทุกคนเงยหน้าขึ้นมามองลมหนาวเป็นตาเดียวอย่างตกตะลึง
“ปีสองครับ กลับไปพักผ่อนเถอะ”มันหันมาพูดกับน้องปีสองด้วยเสียงที่อบอุ่น ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน “ต่อไปนี้น้องจะไม่ต้องเหนื่อยแล้ว ไม่ต้องอยู่ดึกดื่น อดหลับอดนอน ไม่ต้องเบียดเวลาส่วนตัวออกมาอีก พวกพี่จะดูแลน้องเอง กลับมาเป็นน้องเล็กของพวกเรา กลับมาพักจากความเหนื่อยล้า ความผิดหวังได้แล้ว”
น้องปีสองมองหน้ากันหลุกหลิก ตอนแรกยังไม่มีใครยอมเดินออกไปไหน จนกระทั่งพี่ปีสามเดินเข้ามาหา พี่เทคของพวกเขาเดินไปจับมือน้องเทคตัวเอง แล้วพาเดินออกไป
ลมหนาวกับตัวผมเองก็ไปจูงมือน้องเทคของตัวเองเดินออกไปเหมือนกัน
วันนี้วิศวะของผมไม่ค่อยจะมีบทเลยแหะ... เฮ้อ
#######################
มาต่อแล้วนะคะ ^w^//
ยาวขึ้นเรื่อย ๆ 5555
ขอแจ้งข่าวกันหน่อย
1. เนื่องจากวันที่ 8-19 ธันวาคม คนเขียนสอบไฟนอล ในช่วงนั้นอาจจะไม่ได้อัพนะคะ (ตอนที่ตั้งใจจะสต็อกไว้ลงยังไม่เสร็จ 555) อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้า
2. ปีใหม่อยากได้คู่ไหนเป็นตอนพิเศษดีคะ
พายุ-ลมหนาว
ทิวไผ่-ฟางข้าว
คีตา-กิต
xx-yy (ยังไม่ออก อีก 2 ตอนจะแง้มมาละค้า)
3. แอบนิดๆ สุริยายอแสง จัทราคล้ายเปิดจองแล้วนะคะ (
http://haiihouse.lnwshop.com/category/2/pre-order ) ตอนพิเศษสามตอนใหม่ เป็น ตอนของ สุริยมาศ-ทินสิริ , รพี-นพคุณ , นพคุณ แล้วอีกตอนจะเป็นตอนที่เคยลงในเล้านะคะ (รวม 4 ตอน) ใครไม่เคยอ่านเนื้อเรื่องหลัก สามารถอ่านได้ที่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41291.0พบกันตอนหน้า ตอนของพี่ทิวค่ะ ^^//
