วันที่สิบหก(พายุ)
หลังจากที่กิจกรรมชิงธงจบไป ผมกับเพื่อนว๊ากก็มารวมหัวกันในห้องเล็ก ๆ ในหอพัก ซึ่งการที่คนเป็นสิบมานั่งเบียดกันในนี้ยิ่งทำให้ดูเล็กลงไปอีก ให้ตาย ถ้าไม่ใช่ว่าต้องมาประชุมเพื่อคุยกันว่าจะเอายังไงต่อ เพราะคนมันไม่เคยตัดน้องมาก่อน ก็ไม่รู้ว่าจะไปยังไง ผมจะว๊ากให้ลั่นเลย เหี้ยปลากระป๋อง!!
ก็เลยต้องมาประชุมสุมหัวกันอย่างนี้ไง
“ก่อนจะอะไรนะเว้ย... ทำไมมึงไม่ให้ธงน้องวะ”ไอ้นิคหันมาถามผมด้วยความสงสัย ไม่ใช่แค่มันที่หันมา ว๊ากคนอื่นในทุกชั้นปีก็หันมาเหมือนกัน “น้องก็ทำได้ดีนี่หว่า”
“มึงไม่เห็นเหรอ น้องทำรอบแรกได้ดีกว่ารอบสอง”ผมโต้กลับไปด้วยเสียงหงุดหงิด ยิ่งคิดถึงตอนดูยิ่งหงุดหงิดใจ “คุณภาพตกลงแบบนี้จะให้ไปได้ยังไงกัน”
“โหดเหมือนกันนี่หว่า”พิชปรบมือเปาะแปะล้อเลียนผม แววตามันก็ล้อเลียนผม ให้ตาย “ปีแรกที่ได้ตัดน้องนี่ จะเล่นหนักเลยเหรอ”
"แต่จริง ๆ แล้วนะพี่ยุ"โอมเปรยขึ้นทำให้ผมละสายตาไปจากไอ้พิชไปมองมันแทน "เราอยากรู้อะไรทำไมไม่ถามคน ๆ นั้นเลยล่ะ"
"ให้ไปถามคุณวินัยเจ้าระเบียบน่ะนะ"ผมยังไม่ทันได้อ้าปากพูด คอม ปีสองวิศวะคอมก็พูดขึ้นด้วยท่าทีแหยง ๆ ซะก่อน "สยองชิบ"
"ไม่งั้นจะทำไงวะ ในเมื่อเราไม่รู้อะไรสักอย่างเลยนี่หว่า"คำของโอมมันฉึกชะมัด จริงที่สุดที่เราแม่งไม่รู้ห่าอะไรเลย
อีกอย่าง... วิธีที่มันเสนอมาก็น่าคิด ถ้าไม่รู้ก็ถามผู้รู้ซะ สบายที่สุด
“แต่มันใช่เรื่องที่เราจะลดตัวไปถามพวกปลายแถวนี่หว่า”คอมโต้กลับไปอย่างไม่ยอม ทำเอาผมรู้สึกฉุนขึ้นมาเบา ๆ เหมือนกัน
“คอม เงียบ”ผมหลุดออกไปเสียงเข้ม ก่อนจะตวัดสายตาไปมองรุ่นน้องว๊ากด้วยกันอย่างไม่พอใจ “ถ้ามึงบอกว่าพวกเมดเทคปลายแถว แล้วที่เราสู้กันมาตลอด ปีที่แล้วก็แพ้พวกนั้นมา ไม่ปลายแถวยิ่งกว่าหรือไงวะ”
พอเจอผมตอกหน้าไปแบบนี้ ไอ้คอมมันถึงกับยิ้มแหย ก็จริงไหมล่ะ ถ้าคู่ต่อสู้เราปลายแถว แถวยังผลัดกับแพ้ชนะมาตลอด แสดงว่าพวกเราก็ปลายแถวน่ะสิ?
แม่ง พูดคิดบ้างไหมวะ
“แต่ที่โอมมันพูดก็น่าคิด ถ้าไม่รู้ก็ถามผู้รู้ซะ ง่ายกว่าที่จะมานั่งอัดกันอยู่แบบนี้แล้วไม่ได้อะไร”ผมหยิบมือถือขึ้นมาสไลด์หาเบอร์โทรของใครบางคนที่จะหาคำตอบในเรื่องนี้ให้กับพวกเราได้
ตู๊ด... ตู๊ด...
“ฮัลโหลครับ”ผมถือสายรออยู่พักนึง ก่อนที่จะมีเสียงตอบรับจากปลายสายกลับมา ทำไมเสียงมันฟังดูไม่คุ้นเลยวะ ผมว่าผมโทรถูกเบอร์นะ
“ลมหนาว... หรือเปล่า”ผมถามออกไปอย่างไม่น่ใจ โดยมีสายตาอยากรู้อยากเห็นจากว๊ากทั้งมวลในกระป๋องแห่งนี้พุ่งตรงมา
“อ่อ จะคุยกับหนาวเหรอครับ สักครู่นะครับ”เสียงในสายตอบกลับมานุ่ม ๆ “หนาว มีคนโทรมาหา ลุกขึ้นมารับโทรศัพท์ก่อน เร็ว”
“ครับ ๆ”เสียงที่คุ้นหูนั้นแว่วเข้ามาในสายให้ผมได้ยิน หนาวมันอยู่กับใครวะ “ฮัลโหล สวัสดีครับ”
“ไง คุณวินัย”ทักทายไปอย่างกวน ๆ ผมว่ามันต้องมุ่นหัวคิ้วอย่างหงุดหงิดแน่ ๆ “รู้นะว่าคุณกำลังขมวดคิ้ว และแอบด่าผมในใจอยู่”
“อย่ามาทำรู้ดีเลยครับ... มีอะไรถึงโทรมา”เสียงที่ตอบกลับมาแม่งเรียบเฉยสมกับเป็นลมหนาวตัวจริงเสียงจริงชิบเลย “คนอย่างคุณไม่น่าจะโทรหาผมถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ใช่ไหมครับ”
“พูดก็ถูกล่ะนะ...”ผมเอนตัวพิงกับหัวเตียงอย่างเหนื่อย ๆ คนมันเหนื่อยใจนี่นะ ทำไงได้ “ผมกำลังมีปัญหา... อยากให้คุณช่วยสักหน่อย”
“วิศวะอย่างพวกคุณจะขอความช่วยเหรอจากเทดเทคอย่างผม?”ถ้าเป็นคนอื่นผมคิดว่าคงกำลังจะยียวนกวนประสาทผมแน่ ๆ แต่กับลมหนาว ผมรู้ว่าไม่ใช่ หมอนั่นไม่ใช่คนที่จะชอบกวนประสาทใครเท่าไหร่ ยิ่งไม่ใช่เพื่อนกันด้วย “ว่ามาสิ ผมจะรับฟังถ้าช่วยได้ผมจะช่วย”
“ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก... ก็แค่เรื่องที่ตัดน้อง”ผมพูดใส่สมาร์ทโฟนเครื่องแพงเบา ๆ พร้อมกับเหลือบตาขึ้นมองเพดาน “บอกตามตรงว่าพวกเราชาววิศวะไม่เคยใช้วิธีแบบนี้มาก่อน ตอนนี้พวกเราเลยตันหน่อย ๆ ไม่รู้จะไปทางไหนต่อ ผมเลยอยากรู้ว่าพวกคุณทำยังไงกันต่อ เมื่อน้องไม่ได้ธงคณะมา”
“พวกผมก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากรอหรอกครับ”ลมหนาวตอบกลับมาด้วยประโยคที่ทำให้ผมแอบรู้สึกหงุดหงิดใจ รอ... รอเชี่ยอะไร?
“รออะไรน่ะ ลมหนาว”ผมถามกลับไปเพื่อไขข้อข้องใจทันที ไม่ให้คาราคาซังไว้ ถ้ามัวแต่รอแล้วมันจะได้อะไรกันล่ะวะ “ทำไมต้องรอ”
“รอให้พวกเขามาขอพี่คืนไงล่ะครับ”ฝ่ายตรงข้ามยังคงตอบกลับผมมาอย่างใจเย็น และเรียบเฉย “ให้เวลาพวกเขาคิดวิธีไปสักพัก”
“แล้วถ้าปีหนึ่งไม่คิดจะมาขอพี่คืนล่ะ”
“ก็ต้องกระตุ้นพวกเฮดกันหน่อย”
“หมายความว่าให้คุยกับพวกสภาปีหนึ่งอย่างนั้นใช่ไหม”
“ครับ”
ฟังที่พูดมามันก็ดูง่ายดีนะ... แต่ทำกันจริง ๆ มันจะง่ายเหมือนที่ฟังไหม? ไม่ต้องตอบกันหรอก ผมรู้ดีว่าไม่ ยิ่งไม่มีประสบการณ์แบบนี้ด้วย...
เสี่ยงต่อการเสียชะมัดเลยว่ะ
คิดถูกไหมเนี่ยที่ทำตามพวกแม่งเนี่ย
“คุณมีอะไรอยากจะถามผมอีกไหม?”อยากจะตอบไปว่า อยากถามแม่งหมดนั่นแหละ แต่ถ้าถามไปแบบนั้น มันคงคิดว่าพวกผมไม่มีสมองคิดเองแน่
“ไม่มีแล้วล่ะ...”ที่เหลือผมมาวางแผนกับคนของผมเองก็ได้วะ ไม่ถามต่อละ พอ ถามมานี่ยังไม่รู้เลยว่ามีประโยชน์ไหม เหอะ
“งั้นผมวางแล้วนะ”พูดจบมันไม่รอให้ผมตอบรับ กดวางใส่ผมไปทั้งอย่างนั้นเลย เหี้ยยยย กูเป็นคนโทรนะเว้ย แม่ง กล้ากดตัดสายได้ยังไงวะ
ถึงจะพูดจบแล้วก็เหอะ
“เป็นไง... ทำไมมันฟังดูสั้น ๆ จังเลยวะ”พิชถามทันที ที่ผมวางโทรศัพท์ลง “หรือว่าโดนหมอนั่นเหน็บมาเลยไม่อยากคุยต่อ?”
“เปล่า... หนาวมันก็ให้คำปรึกษาดี”ผมกวาดสายตามองเพื่อนและน้องนับสิบชีวิตตรงหน้าแล้วกระตุกยิ้มน้อย ๆ “แต่จะให้ถามเยอะจนมันเก็บไปดูถูกคงไม่ใช่”
“แล้วผมว่าไงล่ะพี่”โอมเริ่มครวญออกมาด้วยความอยากรู้ คนอื่นถึงจะไม่พูด แต่แววตาแม่ง ฟ้องสัส “รีบ ๆ บอกมาเหอะน่า ผมอยากรู้”
“ก็ไม่อะไร... รอน้องมาง้อ ขอพี่คืน”ผมบอกคำตอบไปอย่างที่ได้รับมา พวกที่ล้อมอยู่รอบตัวผมทำหน้าเซ็ง แล้วกลับไปนั่งประจำที่ตัวเอง “ถ้าน้องไม่มาก็กระตุ้น”
“เออ เรื่องนั้นก็รู้อยู่... แล้วหลังจากนั้นจะทำยังไง? จะคือพี่ให้ หรือว่าจะตัดต่อไปจนปลด?”เออว่ะ ลืมไปเลย เพราะอีกไม่นานนี่ก็ปลดแล้ว เหลือแค่กิจกรรมชิงรุ่น ชิงเกียร์เองนี่หว่าที่จะอยู่ในมาดว๊าก ที่เหลือมันอยู่นอกความเป็นว๊ากแล้ว “ทำไมไม่ถามประเด็กพวกนี้ว้า”
“เออน่า เดี๋ยวกูถามมาให้”เพื่อนกันรุ่นน้องหลายคนเบ้ปากใส่ผม แล้วพากันลุกขึ้นยืน
“จะเอายังไงก็บอกแล้วกัน คุณเฮด พวกเราไปนอนละ”อ่าว... ไปกันหมดเลย ให้ผมคิดแผนงานต่อไปคนเดียว? เออ ดี ไม่ช่วยกันทำมาหากินเลย พวกนี้
แต่เอาเถอะ มันคงไม่ยากหรอกน่า
ว่าที่คู่นอนผมทำได้ ทำไมผมจะทำไม่ได้ จริงป่ะ
ผมนอนคิด นั่งคิด ยืนคิด เดินจงกลมคิดมาครึ่งค่อนคืน แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงถ้าน้องมาง้อ ขอพี่คืน ถ้าไม่ให้ งานชิงเกียร์ก็ไม่เดิน แต่ถ้าให้มันจะเท่ากับปลดว๊ากไหม?
ตอนกลางคืนไม่ได้นอน ตอนเช้าผมก็แพนด้าไปเรียน โดนเพื่อนขำอีก แต่หน้าคงเหวี่ยงเยอะไปหน่อย น้องปีหนึ่งที่เดินผ่านมานี่ไหว้กันปลก ๆ เหมือนไหว้ศาลเจ้าขอหวย จะหันไปว๊ากก็ไม่ไม่ ตัดพวกมันอยู่
ว่าจะไม่ถามอะไรหมอนั่นแล้ว... แต่จะให้โง่อยู่แบบนี้งานมันก็ไม่เสร็จ...
เอาก็เอาวะ ดีกว่าพลาดแล้วมานั่งแก้ ยุ่งเข้าไปใหญ่ ยิ่งต้องเตรียมงานชิงเกียร์ไปด้วย งานยิ่งโคตรยุ่ง
ผมเดินไปยืนพิงกำแพงอยู่ข้างห้องปฏิบัติการเทคนิคการแพทย์ ไม่ต้องถามหรอกว่ารอใคร มีอยู่คนเดียวนั่นแหละที่จะให้คำตอบผมได้ดีที่สุด
หืม... ผมไม่รู้หรอกว่ามันเรียนอยู่ที่ไหนตอนนี้ แต่ที่มั่นใจ ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องออกมาแถวนี้แน่ แลปเรียนของปีสามคณะนี้ไม่พ้นแถวนี้หรอก
วันนี้ผมมาคนเดียว ไม่ได้เอาใครมาด้วย ก็นะ เอามาก็วุ่นวายเปล่า ๆ คนของวิศวะ กับคนของพวกเมดเทค ยังไงก็คุยกันดี ๆ ยาก คนยิ่งเยอะยิ่งน่าปวดหัวด้วย
วิศวะแมน ๆ หล่อ ๆ อย่างผมลุยเดี่ยวดีกว่า เท่ห์ ๆ ไม่มีคำว่ากลัวอยู่แล้ว มันจะยกพวกมาตีก็มา หึ เรื่องบู๊ชายวิศวะเราถนัดกว่าใช่สมองเยอะ
พูดไปพูดมา ทำไมมันดูว่าผมดีแต่ใช้กำลังวะ?
ช่างแม่ง
ผมยืนรอเฮดของพวกเมคเทคอยู่เกือบสิบนาที ก่อนที่ร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิดสีขาว กางเกงสแล็ค ผูกเนคไท ติดเข็มขนพ รองเท้าหนังสีดำ ถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้าจะเดินออกมายิ้ม ๆ
แน่นอนว่าพอมันเห็นหน้าผมรอยยิ้มบาง ๆนั่นก็หายไป เปลี่ยนเป็นหน้าเรียบเฉยตามฉบับของมัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้ามันยังยิ้มนี่ดิแปลก
“คุณมาทำอะไรที่คณะผม คุณพายุ”ลมหนาวเปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อน ขายาว ๆ นั่นเดินเข้ามายืนตรงหน้าผมอย่างไม่เกรง
คณะมันเองจะเกรงอะไร... แต่ตอนไปคณะผมมันก็ไม่เกรงนะ ฮะ ๆ
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”ผมมองหน้าคนตรงหน้านิ่ง ๆบ่งบอกให้มันรู้ว่าผมจริงจัง ลมหนาวมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันน้อย ๆ ก่อนที่จะพยักหน้าเบา ๆ
“พวกนายไปก่อนเลย เดี๋ยวเจอกัน”คุณวินัยเจ้าสำอางหันไปบอกเพื่อน ๆ ที่ยืนรออยู่ด้านหลัง ก่อนที่จะหันกลับมาหาผม “แล้วเราจะไปคุยกันที่ไหนดีล่ะครับ”
“เอาเป็นร้านข้าวสักร้านหน้าม.ละกัน... คุณมีเรียนต่ออีกไหม”จะมารบกวนเขาก็คงต้องสุภาพกันหน่อยล่ะ ไปกวนใส่เดี๋ยวคุณวินัยจะหงุดหงิด พาลไม่ยอมพูดกับผมอีก
ความซวยจะบังเกิดเอา
“ไม่ วันนี้ผมมีเรียนแค่นี้”
ผมกับลมหนาวปั่นจักรยานไปหน้ามหาลัยด้วยกัน คนมองกันตรึมทั้งในคณะและนอกคณะ บางคนถึงกันตาถลน แล้วเงยหน้ามองฟ้า
ยัง ฝนยังไม่ตก เมฆยังไม่ครึ้ม การที่วิศวะมากับเทคนิคการแพทย์มันประหลาดขนาดที่ทุกคนต้องตะลึงเลยหรือยังไงกันวะ กูล่ะงง
“ผมว่าคราวหน้าผมกับคุณควรแยกกันมา แล้วไปเจอกันที่ร้านนะครับ”เฮดว๊ากของเทคนิคการแพทย์พูดขึ้นระหว่างที่เขี่ยเอาขาตั้งจักรยานลง “การที่ผมกับคุณมาด้วยกันแบบนี้มันคงสร้างความแปลกใจให้กับคนอื่นมากเกินไป... ผมไม่ชอบที่จะเป็นจุดสนใจ”
“ตามที่คุณต้องการแล้วกัน”ไม่อยากเป็นจุดสนใจ แต่ประกวดทั้งเดือนคณะ แล้วก็ยังเป็นเฮดว๊ากอีก มันดูไม่ใช่จุดสนใจตรงไหนวะ ไอ้สองหน้าที่นี้เนี่ย
ผมเดินนำลมหนาวเข้าไปในร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ในหลืบ ถึงจะบอกว่าอยู่ในหลืบ แต่คนก็มากินกันเยอะนะเออ รสเด็ดมาก ผมให้คะแนนเต็ม
“เส้นหมี่ต้มยำ ไม่ใส่นมครับ”หนาวมันสั่งทันทีโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองเมนู
“เล็กตก ไม่เอาผักบุ้งครับ พี่สี”พี่สีฟ้าคนรับรายการอาหารประจำร้าน สวย หมวย อึ๋ม ลีลาเด็ด พายุคอนเฟิร์ม จดของที่สั่งอย่างไว้ แล้วขยับตาให้ผม ก่อนที่จะเดินบิดสะโพกเอากระดาษไปให้คนทำมือทองประจำร้าน
“นึกว่าลืมกันไปแล้วนะคะ น้องยุ”อ่าว... เดินกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย ผมยิ้มกริ่มให้กับสาวสวยที่เดินกลับมาทอดสะพานให้ผมอย่างไม่ปิดบัง “ไม่ได้เจอกันตั้งนานแน่ะ”
“ผมมาทีไรพี่สีก็ไม่อยู่นี่ครับ”ผมตอบกลับไปนุ่ม ๆ จริง ๆ แล้วผมไม่ค่อยได้มากินเท่าไหร่ต่างหาก ฮ่า ๆ ถ้ามาก็เล็งเวลาที่พี่แกไม่อยู่
ถึงลีลาจะเอ็กซ์ หุ่นจะแซ่บ แต่ผัวเยอะก็ตามหลักการ ผมไม่ปลื้ม
“ยัยฟ้า ไปรับออเดอร์ อย่ามัวแต่คุย”เฮียตี๋ตะโกนมาจากหน้าเตาด้วยเสียงเหวี่ยง ๆ พี่สีฟ้าส่งจูบให้ผม ขยับตาอีกนิดแล้วถึงเดินนวยนาดไปรับออเดอร์จากลูกค้าที่เข้ามาใหม่
“คุณเรียกให้ผมมาดูคุณว่าคุณจะไปสีต่อกับใครอย่างนั้นเหรอ”เดี๋ยวนี้หัดเหน็บแนม ผมมองใบหน้าที่เรียบเฉยของเดือนเมดเทคอย่างประหลาดใจเบา ๆ
“คุณพูดเล่นเป็นด้วยเหรอ...”รู้สึกว่าพลาดที่พูดประโยคนี้ไป แววตาที่อ่อนกว่าปกติตอนแรกของหมอนั่นเลยแข็งขึ้น “ผมไม่ได้จะให้คุณมาดูอะไรไร้สาระหรอกน่า”
ลมหนาวมองไปทั่งร้าน ก่อนที่จะหันมามองผม แล้วเท้าคางรอให้ผมพูด
“ผมอยากรู้... ว่าหลังจากนี้คุณจะทำยังไงต่อ”อารัมภบทไปหมอนั่นก็ไม่เล่มด้วยอยู่แล้ว เข้าเรื่องไปเลยดีกว่ากันเยอะ “เรื่องน้อง”
“ผมบอกคุณไปแล้วว่าผมรอ”ลมหนาวเหลือบตาขึ้นมาสบกับผมนิ่ง “รอก็คือรอ รอจนกว่าจะถึงเวลาสุดท้าย”
“ผมไม่เข้าใจ”ชักหงุดหงิดขึ้นมาตงิด ๆ ยังไงไม่รู้เหมือนกันนะ ผมถามคำถามเดิมซ้ำสองก็น่าจะรู้แล้วดิว่าไม่เข้าใจน่ะ “คุณบอกว่ารอ แล้วถ้าน้องมาขอพี่คืนจะทำยังไง แล้วถ้าไม่มาล่ะ จะทำยังไง”
“ทุกอย่างต้องทำไปตามสถานการณ์ ในเมื่อเราไม่สามารถที่จะคาดคะเนอะไรได้ ถ้าน้องมาขอพี่คืน แล้วทำได้ดี เราก็ให้คืนไป แต่ถ้ามาขอ แต่แย่ ก็ให้โอกาสเขาทำใหม่ หรือจะยังไงก็ตามแต่คุณ”หนาวมันถอนหายใจน้อย ๆ ก่อนที่จะพูดต่อ “แต่ถ้าเขาไม่มา ก็ต้องมีการกระตุ้นกันบ้าง ซึ่งนั่นก็อยู่ที่พวกคุณเช่นกันว่าจะทำยังไง”
“เช่น?”ผมร้องขอตัวอย่าง แม่ง เข้าใจคนที่ไม่เคยทำบ้างไหมวะ กูไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน จะให้ทำส่ง ๆ ไปหรือไง แล้วถ้าพลาด ล้มขึ้นมา ก็ซวยกับซวย โดนปีแก่เชือดอีก
แม่ง
“จะใช้แรงกดดันด้วยกระแสข่าว หรือจะส่งคนเข้าไปคุยกับพวกสภา กำหนดเวลามาก็ว่าไป ยังไงน้องที่ต้องการพี่ก็ต้องดิ้นรนเอาเพื่อนมาให้ได้อยู่ดี”เมื่อไอ้หนาวพูดประโยคนี้จบ ก๋วยเตี๋ยวก็มาวางตรงหน้า แต่ก็ยังไม่มีใครหยิบตะเกียบขึ้นมากิน “อย่างที่บอกล่ะครับ ว่าขึ้นอยู่ที่ตัวคุณเองว่าคุณต้องการให้เดินไปทางไหน”
“ผมไม่อยากพลาด”คราวนี้เป็นตัวผมเองที่ต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ “ผมยอมรับว่าผมค่อนข้างกังวล พวกเราไม่เคยจำลองสถานการณ์แบบนี้มาก่อน มันทำให้ผมเสียความมั่นใจไปนิดหน่อยเหมือนกัน”
“จริง ๆ แล้วคุณควรจะทำตามทางของคุณ”มันเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบ ๆ ที่ฟังดูเหนื่อยใจเบา ๆ “ถึงจะเป็นคู่บัดดี้กัน แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องทำเหมือนหันทุกอย่างก็ได้”
“ผมอยากลองอะไรแปลกใหม่ดูบ้าง”ผมหลบตาของลมหนาว จริง ๆ ไม่ใช่แค่อยากลองอะไรใหม่หรอก แต่อย่างที่บอก ผมอยากรู้ว่าทำไมพวกเมดเทคถึงทำอะไรได้พร้อมกันนัก ถ้ามันเอามาใช้กับวิสวะของผมให้เหนือว่าพวกมันได้ มันก็คุ้มพอที่จะเสี่ยงทำดู “ใช้วิธีเดิม ๆ ไปตลอดน้องก็รู้แกว”
“ก็ตามแต่ใจคุณ”ใช่ มันต้องตามใจกูอยู่แล้ว ยังไงผมก็ต้องชนะคนตรงหน้าให้ได้ ไม่มีทางที่วิศวะจะแพ้เทคนิคการแพทย์อีกแน่นอน
“ยังไงผมก็จะต้องชนะคุณ เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดีเถอะ”ผมกระตุกยิ้มท้าทายให้กับเฮดเมดเทคที่มองมาอย่างไม่ยอมเหมือนกัน
“แล้วเราจะได้รู้กัน”มั่นใจได้ก็แค่ตอนนี้ล่ะ นายเหมันต์ คอยดูแล้วกัน พายุคนนี้จะต้องพาวิศวกรรมศาสตร์ขึ้นให้เหนือว่าเทคนิคการแพทย์ไปอีกหลายร้อยก้าวให้ได้ “คุณไม่มีทางชนะผมได้หรอก คุณพายุ”
ถึงวิธีที่ใช้จะขอยืมมาจากคณะของนาย แต่กูจะทำให้ดูว่า แม้จะเป็นวิธีเดียวกัน แต่คนนำมันต่างกัน ผลของใครจะออกมาเป็นที่สุด
“ทำใจให้พร้อม ทำตัวให้สะอาด คุณต้องเป็นของผมแน่! ลมหนาว”
จบบทสนทนา ก๋วยเตี๋ยวอืดแล้ว แม่ง เหี้ย!
หมดอร่อย
++++++++++++++++++++++++++
มาแบบมึน ๆ อีกแล้ววว 555 งง แต่ลมหนาวไปด้วย พายุไปด้วย เบลอมากค่ะ TT (จริง ๆ ควรลงนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งมาแต่งแทรก เลย แฮร่)
ตอนต่อไปของปันปัน...
ไปพูดคุยกันในเพจได้นะคะ ^^
ปล.
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44770.0 มีใครสนใจแลกหนังสือกับคนเขียนไหมคะ 555 วิ่งไล่เก็บหนังสือหลังจากห่างหายไปนาน TT
ปล.2 วันพฤหัสเจาะเลือดดด เส้นเลือดไม่ขึ้น ฮือออ