วันที่แปด(พายุ)
ไงครับ เหมือนไม่ได้คุยกันนาน ก็นะโดนฝ่ายเมดเทคแย่งบทชิงใจทุกคนไปหมด วันนี้ผมจะมาแย่งเอาพื้นที่ ที่ควรเป็นของพวกเราชาววิศวะคืนมาบ้างล่ะครับ
ตอนวันประชุมผมหงุดหงิดแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่ผมว่าก็ไม่ได้มีอะไรมากวนใจผมสักเท่าไหร่นะ อาจจะมีภาพขัดตาแค่นิดหน่อย แต่ก็ไม่น่าทำให้ผมปึงปังได้ขนาดนั้น
แต่มันก็ผ่านมาแล้ว ช่างมันไป วันนั้นผมคงนอนน้อยไปหน่อยเลยหงุดหงิดง่าย เห็นหน้าคู่อรินานไปเลยอดที่จะโมโหไม่ได้ (มั้ง)
วันนี้ผมมีนัดเดทกับอดีตเดือนคณะเทคนิคการแพทย์ ลมหนาวนั่นล่ะ มันเคยเป็นเดือนคณะไปประกวดตอนปีหนึ่ง แต่ไม่ได้ตำแหน่งเดือนมหาลัยหรอกนะ มันได้รางวัลขวัญใจช่างภาพ ผมนี่สิ ได้เดือนมหาลัยมาครอง วิศวะหน้าตาดีกว่าเมดเทคอยู่แล้ว จริงไหมล่ะครับ (ถึงตอนประกวดจะแทบฆ่ากันตายกับพวกตี๋อินเทรนด์อย่างแพทย์ก็เถอะ แต่ผมชนะ เท่านั้นพอ)
สงสัยกันใช่ไหมล่ะว่าผมมีนัดอะไรกับหมอนั่น ไม่ต้องติดลึก คิดอะไรหวานซึ้งเลยนะเออ วันนี้พวกเราจะลงว๊ากรวมสองคณะเท่านั้นเอง
เอากันตรง ๆ เด็กรุ่นนี้ผมต้องยอมรับว่าไม่เวิร์ค โดดเรียนก็โดดเป็นว่าเล่น(อาจารย์บอกมา) โดดกิจกรรมกันไม่เคยขาด(ปีสองมาฟ้อง) ปีนเกลียวรุ่นพี่(ทุกชั้นปีมาบ่น) ดื้อเงียบ(พวกเมดเทคแม่ง) ไม่ค่อยจะรัก สามัคคีกัน(ดูเองและปีสองบอก) ยังไม่รวมว่าพวกน้องยังร้องเพลงชิงธงกันไม่ได้ น่าเหนื่อยใจชะมัด เลยต้องมาลงเพื่อเตือนกันเป็นครั้งสุดท้ายเสียหน่อย
ถ้ายังไม่เวิร์คก็ต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกันบ้าง
วันนี้ที่วางไว้คือหนักมากครับ หนักจนคุณวินัยเจ้าสำอางหน้าหงิก แต่ก็ไม่ค้านอะไร เพราะมันเองก็สุดจะควบคุมให้น้องเป็นอันหนึ่งอันเดียว
ว่าแล้วผมก็ควรต้องไปหารือรอบสุดท้ายก่อนลงจริงในตอนเย็นวันนี้กับคู่บัดดี้ที่ถูกต้องตามชะตากรรมของผมสักหน่อยละ
หืม ถามผมว่าผมรู้เหรอว่าคุณวินัยที่รักของผมอยู่ที่ไหนในมหาวิทยาลัยที่โคตรกว้างแห่งนี้... ไม่รู้หรอกครับ ผมเดินไปเรื่อยตามความรู้สึก
เดี๋ยวก็เจอเองแหละ หมอนั่นมักจะอยู่แถวนี้ประจำอยู่แล้ว
ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ? ในสายตาของผมเห็นมันอยู่ประจำนั่นแหละ บางครั้งไม่ได้อยากเจอ ก็เจอเอง อยากเจอ ก็เจอ...
เจอจนจะเบื่อหน้ากันไปข้าง คนอะไร ไร้อารมณ์สิ้นดี... เห็นชอบทำหน้านิ่ง ๆ กับเครียด ๆ แบบนั้นอยู่บ่อย ๆ จนทำให้ผมอยากรู้...
อยากรู้ว่าถ้าหมอนั่นเปลี่ยนสีหน้าไปเป็นแบบอื่นจะเป็นยังไง
ผมจะต้องทำให้หมอนั่นเปลี่ยนสีหน้าให้ได้ คอยดูเถอะ
นั่นไง ผมเจอคนที่ต้องการจะเจอละ เห็นไหม ไม่ต้องโทรหา ไลน์หา เฟสบุ๊คหา เดิน ๆ เดี๋ยวก็เจอเอง... มันนั่งอยู่กับใครวะ
อ่อ รุ่นพี่คณะแพทย์ คนนี้ผมพอจะคุ้นหน้าอยู่บ้าง รู้สึกจะเป็นประธานคณะแพทย์ หน้าตาโคตรดี ติดโผหนึ่งในสิบของผู้ชายในฝันสาว ๆ (ทั้งแท้และเทียม) ของมหาลัยเราอยู่ทุกครั้งเลยมั้ง ถ้าผมจำไม่ผิด (ผมก็ติดบ้างเป็นครั้งคราวนะครับ ถ้าปลดวินัยแล้วน่ะนะ) แต่อีกคนนึงที่นั่งอยู่ด้วยผมไม่รู้ว่าเป็นใครแหะ
"ไง คุณวินัย"ส่งเสียงทักทายก่อนสักนิด ว่าจะกวนสักหน่อย แต่ต้องเปลี่ยนสีหน้าตีขรึมทันทีที่เห็นหน้าใครอีกคนชัดเจน
ไม่รู้หรอกครับว่าชื่ออะไร แต่จำได้ว่าปีหนึ่งของเทคนิคการแพทย์
ลมหนาวหันมาหาผม เลิกคิ้วน้อย ๆ เมื่อเห็นหน้าผม ก่อนที่จะลุกขึ้นยืดตัวเต็มความสูง... แต่โทษทีนะ ผมสูงกว่า (นิดนึง)
"คุณพายุมีเรื่องจะคุยกับผมใช่ไหมครับ"เสียงเรียบ ๆ ถามมานิ่ง ๆ นิ่งได้ทั้งหน้าทั้งตัวจริง ๆ คนอะไรวะแม่ง หรือมันเป็นหุ่นยนต์... น่าคิด ๆ
"ครับ ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณเสียหน่อย"ต่อหน้าปีหนึ่งจะหลุดอะไรไม่ได้ เหนื่อยเหมือนกันนะ ที่ต้องมาทำหน้านิ่ว คิ้วขมวด พูดสุภาพแบบนี้ อึดอัด แต่ต้องทำ บ่นในใจได้อย่างเดียว
"งั้นเราไปคุยกันในตึกเถอะครับ"ว่าจบมันก็หันไปหาคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะ "ผมไปทำธุระก่อนนะครับ พวกคุณคุยกันไปก่อนได้เลย"
"พี่ก็ต้องไปเข้าวอร์ดแล้วเหมือนกัน ไว้คุยกันใหม่นะ"พี่หมอที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่เก็บของลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม... เห็นกี่ที ๆ ก็ยิ้มเสมอเลยแหะ
สมเป็นหมอจริง ๆ
ส่วนน้องปีหนึ่งหันมาไหว้ผมลวก ๆ แล้วหันกลับไปเก็บของลุกจากที่ตรงนี้ไปอย่างไวเหมือนกัน ดูท่าไม่ได้อยากอยู่ตรงนี้ แต่จำเป็นต้องอยู่จนได้โอกาสวิ่งเลยวิ่งมั้ง ไม่รู้ ช่างมันเถอะ
ตัวผมกับลมหนาวเดินเข้ามาในตึกเรียนรวมใกล้ ๆ ตรงนั้นแล้วหยุดยืนในจุดที่คนไม่พลุกพล่าน
"คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผม"ทำไมบรรยากาศมันได้อารมณ์สาวน้อยวัยใสจะมาสารภาพรักกับรุ่นพี่ที่แอบชอบอย่างนี้วะ
“ผมจะคุยกับคุณเรื่องที่เราจะลงเย็นนี้”ได้ยินแค่นี้ คุณลมหนาวก็เม้มปากแน่นซะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ายังคิดไม่ตกในเรื่องนี้ “ถ้าคุณยังไม่อยากจะลงบทหนัก จะเลื่อนออกไป ให้โอกาสน้อง ๆ ก่อนก็ได้...”
“ไม่ครับ เราจะไม่เลื่อน”ลมหนาวปฏิเสธข้อเสนอของผมมาทันที ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เห็นด้วยเลยกับการที่จะลงโทษน้องแบบนี้ “พวกเราไม่มีเวลามากพอที่จะมาค่อย ๆ ให้น้องรักกัน สามัคคีกันอย่างที่ควรเป็น อีกไม่ถึง 1 เดือน ก็จะถึงวันชิงธงแล้ว”
ผมกับลมหนาวจ้องตากัน แววตาของหมอนั่นฉายแววกังวล ผมก็กังวล เรื่องที่คณะพวกเราแข่งกันทุกปีก็อยู่ส่วนนั้น แต่สำหรับเรื่องนี้ มันไม่ใช่
การชิงธง คือการประกาศศักดิ์ศรีครั้งแรกของคณะเลยก็ว่าได้ มันจะพิสูจน์ถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียว ความพร้อมเพรียง และความเข้มแข็งของเด็กปีหนึ่งในคณะ ซึ่งทุกปีจะมีการเปรียบเทียบระหว่างคณะกันอยู่เสมอหลังจบงาน ว่าคณะไหนทำได้ดีที่สุด
ไม่ใช่แค่ชิงธงคณะ แต่เราต้องชิงธงของมหาวิทยาลัยด้วย แม้ว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว ยังไงธงมหาวิทยาลัยก็ต้องมอบให้เสมอ ไม่ว่าน้องจะทำดีหรือไม่ก็ตาม แต่ก็มีบางปีเหมือนกันที่น้องท้าทาย ไม่ได้ธง และรุ่นนั้นก็โดนตัด ไม่ได้เข็มติ้งของมหาวิทยาลัยมาติด (เรื่องมันนานเกินกว่าจะจำว่ารุ่นไหนแล้วด้วยสิ)
“ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องทำให้น้องหันมาสนใจกิจกรรมหลักอันนี้ของมหาวิทยาลัยให้ได้”ผมพูดด้วยเสียงเครียด ๆ จะไม่เครียดก็คงไม่ใช่ล่ะครับ น้องยังร้องเพลงได้ไม่ครบเลย มีหกเพลง ร้องได้เพลงเดียว คือเพลงบูมของมหาวิทยาลัย... อีกสามยังเป็นฝุ่น
“ผมคงยอมให้น้องปีหนึ่งทำคณะเสียชื่อเสียงที่สั่งสมมาหลายสิบปีไม่เช่นกัน ยังไงน้องก็ต้องทำให้ได้”เสียงของลมหนาวบางบอกถึงความกดดัน ก็นะ เทคนิคการแพทย์เป็นคณะที่ได้รับผลโหวตว่าเป็นคณะที่ฝึกน้องขึ้นเสตนงานชิงธงได้ดีที่สุดมาตลอด พร้อมเพรียง เป็นระเบียบ และเป๊ะเวอร์ คณะผมก็งั้น ๆ คนมันเยอะเกินกว่าที่เราจะมาจัดช่องไฟให้เป๊ะนี่น่า
แค่จัดคนพาน้องขึ้นก็เสียเวลาไปชั่วโมงแล้ว ถ้าจะให้เป๊ะอีก คงต้องขึ้นแสตนตั้งแต่เที่ยง แข่งห้าโมงล่ะ ถึงจะทำได้
“ถ้าอย่างนั้น ผมก็หวังว่าคุณจะไม่ใจอ่อนขึ้นมากลางคัน”ผมดักกันเอาไว้ก่อนที่จะเสียเรื่องในเวลาจริง “เพราะผมเอาจริงแน่”
“ผมไม่ขัดขาคุณหรอก กับงานที่ผมเองก็ได้ผลประโยชน์แบบนี้”ดวงตาสีดำของหมอนั่นปลายมาหาผมเล็ก ๆ “แล้วคุณได้แจ้งให้พวกพยาบาลเตรียมพร้อมหรือยัง”
“เรียบร้อยตั้งแต่วันแรกที่ผมบอกคุณ”ผมกอดอกมองร่างที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้าของว๊ากแห่งเมดเทคยังคงเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด “ถ้าคุณเอาสีหน้าแบบนี้ไปลงน้อง น้องคงช็อคตายก่อนที่จะได้ฟังชื่อคณะของคุณจบ”
“ผมจะทำสีหน้ายังไง เป็นเรื่องของผม”ยังสวนกลับมาได้ แสดงว่าสติยังมี ใจยังไม่ลอย นับว่าใช้ได้อยู่นะ “คุณเถอะ อย่าหลุดเองก็แล้วกัน”
“คนอย่างผมไม่มีทางพลาดหรอกนะครับ”ผมโค้งไปกระซิบที่ใบหูขาว ๆ นั่นเบา ๆ ก่อนจะงับและขบเนื้อนิ่มเล็ก ๆ “คุณเองก็เตรียมพร้อมไว้เถอะ”
ไม่รอให้หมอนั่นตั้งสติมาโวยวาย ผมไปก่อนล่ะ ยังมีวิชาเรียนรออยู่อีกวิชานึงของวันนี้ เดี๋ยวเข้าสายต้องนั่งหน้าห้อง ไม่ดีไม่งาม
ผมจะแอบงีบ
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะคำนึงถึง ยังไม่ทันบิดขี้เกียจได้ครบรอบก็ต้องไปรวมกับพวกเมดเทคเตรียมลงน้องแล้ว
เนื่องจากจำนวนน้องที่มาก บวกกับพวกปีสองอีก จึงทำให้ทุกครั้งที่รับน้องรวมจะต้องมีใช่ลานเกียร์ของวิศวะของพวกเรา ผมจึงนั่งเอกเขนกรอคุณวินัยบัดดี้ของผมในห้องสมุดเล็ก ๆ ที่ใต้คณะ (ห้องนี้ม.ผมมีทุกคณะ แต่จะมีหนังสือไม่เยอะมาก เป็นหนังสือเฉพาะของคณะวิชาเลย)
คิดว่าผมต้องรอใครอีกคนนานไหม?... ใช่เลย ไม่นานหรอกฮะ เขาเป็นคนที่ตรงต่อเวลาโคตร ๆ อยู่แล้ว ถ้าไม่มาก่อนก็เป๊ะเวอร์...
นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำก็เดินมาแล้ว หน้าตาเคร่งเครียดมาเลย ครั้งนี้ท่าทางจะเพิ่งออกจากแลปมาซะด้วย ใส่เสื้อกาวน์มา ชายเสื้อโบกสะบัด
อย่างกับหมอที่เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดมาโดยที่อาการคนไข้นั้นโคม่า
พอมาถึงลมหนาวก็มองผมด้วยตาขวาง ๆ ท่าจะยังเคืองใจเรื่องเมื่อกลางวัน หยอกนิด ๆ หน่อย ๆ เอง โกรธเป็นชั่วโมง ๆ ไปได้
“มากันแล้วสินะ ตรงเวลาดีจริง”ผมลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าไปใกล้เฮดของเมดเทคที่ยืนห่างออกไป “พวกคุณมากันครบทุกคนไหมครับ วันนี้”
“คนของผมมาครบ ของคุณล่ะ”คู่สนทนาผมสูดลมหายใจลึก หมอนั่นก็คงไม่อยากมีเรื่องอะไรกับผมตอนนี้หรอก ริมฝีปากบาง ๆ นั่งเม้มเข้าหากัน ดูท่าจะหงุดหงิดไม่น้อย
เดี๋ยวแก่ไวไม่รู้ด้วย
“ที่นี่คณะของผม คนของผมย่อมอยู่ครบ”กระตุกยิ้มยียวนส่งให้คนตรงหน้า ยั่วโมโหเล่นเผื่อจะปรอทแตกโวยวาย เปลี่ยนท่าทางออกมาบ้าง...
แล้วคิดว่าได้ผมไหมครับ?... ถูกต้อง ไม่ได้ผล ลมหนาวยังมองมองหน้าผมนิ่ง ๆ และไม่คิดจะต่อความยาวสาวความยืดด้วย
“อีกห้านาทีเราจะไปกัน เชิญพวกคุณพักกันก่อน”ให้เวลาคนที่ต้องเดินมาไกลได้หายใจหายคอบ้าง อาณาจักรวิศวกรรมของพวกเรากับคณะเทคนิคฯ อยู่ห่างกันปานกลาง เดินเอาได้ แต่ก็เหนื่อยอยู่ ยิ่งอากาศร้อน ๆ ด้วย ให้ไปต่อเลยคงไม่ดี
ว๊ากของเมดเทคเดินไปอยู่กันตรงที่แอร์ลง ตากแอร์กันอย่างสบายอารมณ์ คลายความร้อนจากอากาศภายนอก แต่ก็นะครับ เวลา 5 นาทีมันผ่านไปไวมาก ตัวยังไม่ทันแห้งก็ต้องออกจากห้องแอร์ไปกันแล้ว
พอครบเป๊ะ 5 นาที ไม่ต้องส่งสัญญาณไปเรียก พวกเมดเทคก็เดินมารวมกับพวกผมกันเอง ไม่ต้องให้เรียก ไม่ต้องให้ตาม
“ไปกันเถอะ”ลมหนาวเดินมาอยู่ข้างผม แต่ตานี่ไม่แม้แต่จะแลมาเลย คอแข็งตั้งตรง ให้ตายเถอะ “เดี๋ยวจะเย็นไปมากกว่านี้”
ผมดึงตัวของลมหนาวเอาไว้ก่อน ให้ว๊ากคนอื่น ๆ ออกจากห้องไปให้หมด แล้วเดินรั้งท้าย ลมหนาวถึงแม้ว่าจะทีท่าทีที่ไม่พอใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา และไม่มองหน้าด้วย...
“พยายามเข้านะ”ผมกระซิบเบา ๆ แล้วเดินนำออกไป ทิ้งให้มันเดินตามหลังมา... เขาชอบเดินปิดท้ายอยู่แล้วล่ะครับ เวลายืนก็จะเป็นตรงกลางพอดี
ทำไมผมรู้เรื่องของลมหนาวเยอะจังวะ... ช่างเหอะ ไม่ใช่เวลาจะคิด
หางตาที่แอบเหลือบมองคนด้านหลังอยู่ทำให้ผมเห็นว่าท่าทีของหมอนั่นอ่อนลงเล็กน้อย แต่ก็ยังปั้นหน้านิ่งไม่หลุดอยู่ตามเคย
หลุดตอนนี้ก็จบกันหมด หมอนั่นไม่ยอมหรอก
กองทัพ (?) ว๊ากเดินเข้าไปในลานที่พี่สันทนาการกำลังเต้น กำลังร้องเพลงกันอยู่ เมื่อพวกปีสองเห็นพวกผม ก็แตกกระเจอวิ่งหน้าตั้ง หัวตั้ง ตัวตั้ง ตั้งแม่งหมดนั่นแหละหายวับไปกับแสงแดด...
“ปีหนึ่งตั้งแถว”โอมตะโกนลั่น ทำให้น้องปีหนึ่งวิ่งกันจ้าละหวั่นเหมือนมดแตกรัง เรียงแถวกันอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้.. แต่ก็นะ
“ชักช้า จะให้รออีกนานไหมคะ”นัทแห่งเมดเทคส่งเสียงขึ้นบ้าง เป็นผู้หญิงที่เสียงดังใช้ได้เลย
ผมเดินไปยืนข้างหน้ากับลมหนาวที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว กอดอกมองน้อง ๆ ที่พยายามจะจัดแถว ผ่านไปพักหนึ่งถึงจะเสร็จ พร้อม ๆ กับเสียงของว๊ากที่ตะโกนเร่งแล้วเร่งอีก
“สวัสดีครับ ปีหนึ่ง”ลมหยาวชิงพูดก่อนผม โอเค ๆ ให้พูดก่อนก็ได้วะ “พวกคุณรู้ไหมครับว่าวันนี้พวกผมมาพบพวกคุณทำไม”
“ไม่รู้ครับ/ค่ะ”เสียงที่ตอบมายังไม่พร้อมกัน สงสัยเป็นระบบเซอราวน์ มีเสียงก้อง เสียงสะท้อนเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ต
“ผมยังได้ยินมาอยู่ว่าพวกคุณไม่เข้าเรียน โดดกิจกรรม ไม่ไหว้พี่ และไม่ไหว้อาจารย์”สายตาดุ ๆ ของหมอนั่นกวาดมองไปรอบ ๆ “วันนี้มากี่คนครับ”
“1,778 คนครับ”เด็กวิศวะที่อยู่ด้านหน้าตอบมา ก็ยังไม่ครบ... แต่ยังดีที่มากกว่าครั้งก่อนนิดหน่อย ควรชมไหม? (ไม่ชม)
“แล้วรุ่นพวกคุณมีกี่คนครับ”ลมหนาวยังถามกลับไปอย่างใจเย็น เช่นเดียวกับเสียงที่เย็นเยียบ บรรยากาศกดดันเริ่มมา
“1897 คนครับ”น้องคนเดิมตอบมาอีกครั้ง อ่อ ฮีโร่ของเพื่อน ๆ สินะ คนนี้ ก็ดี แสดงว่ามีคนจะดำรงตำแหน่งประธานรุ่นของปี 1 แล้ว
“119 คน เพื่อนของพวกคุณทั้ง 119 คนหายไปไหนครับ”คำถามเดิม ๆ กับคนเดิม ๆ และความเงียบที่ได้รับแทนคำตอบเหมือนเดิม...
เหมือนเดิมทุกอย่างจริง ๆ
“เอาเถอะ... ยังไงพวกคุณก็ไม่ตอบพวกผมอยู่แล้ว”ผมเปรยขึ้น ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ “ผมต้องการฟังเพลงประจำมหาวิทยาลัยครับ”
“1. 2. 3.”น้องยืนตามเสต็ปของการขึ้นแสตนด์ นับว่ามีการพัฒนาอยู่บ้าง ใช้ได้ ๆ “เพลงประจำหมาวิทยาลัยXXX 3. 4…”
สิ้นเสียงของคนสั่ง เหล่าน้อง ๆ ทั้งหลายก็พากันเปล่งเสียงออกมาเพื่อนร้องเพลงอันทรงเกียรติเพลงหนึ่งของนักศึกษา ก่อนจะค่อย ๆ เบาลง ๆ
“หยุดครับ”ลมหนาวตวาดลั่น ใช่ครับ ตวาด ไม่ใช่แค่หมอนั่น แต่ผมเองยังโมโหเลย ในหกเพลง หากว่าไม่นับเพลงบูม เพลงนี้จะเป็นเพลงที่ง่ายที่สุด...
แต่ก็ร้องไม่ได้!!
“อะไรคือการที่พวกคุณบางคนร้อง บางทำขยับปาก บางคนยืนนิ่งคะ”พิชถามดังลั่นลาน สมเป็นหญิงแกร่งที่มีหลอดเสียงเป็นเลิศในวิศวะจริง ๆ “เพลงต่อไปค่ะ”
และมันก็เหมือนเดิมไปจนถึงเพลงสุดท้าย... ใครร้องได้ก็แหกปากร้องไปอยู่อย่างนั้น แต่คนที่ร้องไม่ได้นี่ ก็ยังไม่ร้องเหมือนเดิม
“พวกคุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่น ๆ เหรอครับ”เสียงของลมหนาวนั้นสัมผัสได้ถึงความเครียด อย่าว่าแต่เสียงเลย สีหน้าก็เครียด... บอกแต่มันเครียด ผมก็เครียดเหมือนกัน ให้ตายเหอะ
“พวกคุณไม่คิดจะพยายาม ไม่คิดจะสู้ ไม่คิดจะฝึก ไม่คิดจะทำอะไรในชีวิตเลยใช่ไหมครับ”ผมเดินแทรกเข้าไปในแถวของน้อง “ใครที่ทำได้ ก็ทำอยู่อย่างนั้น แต่คนที่ไม่ได้นี่คืออะไร”
“พวกคุณจะกินแรงเพื่อนเหรอครับ”หนาวพูดเสริมผมขึ้นมา ดูท่างานนี้เราสงบศึกภายใน จัดการภายนอกระยะยาวแน่เลย “ไหนล่ะครับความสามัคคี ไหนล่ะครับที่บอกว่ารักกัน”
“พวกคุณไม่ได้อยากเป็นนักศึกษาของXXX ใช่ไหมคะ”พลอย ตัวแม่ของเมดเทคโพล่งขึ้นมา น้องบางคนเริ่มน้ำตาคลอเบ้า “เราถามคุณ ทำไมไม่ตอบล่ะคะ”
“ไม่ใช่ค่ะ/ครับ”น้องตอบกันมาเสียงอ่อย ผมถอนหายใจน้อย ๆ แล้วเดินกลับปข้างหน้าอย่างระอาใจ
“ขอดูสมุดลายเซ็นครับ”ผมพูดทั้งที่ยังหันหลังให้น้อง ๆ อยู่ เหนื่อยใจเบา ๆ และดูท่าจะได้หนักขึ้นด้วย “เอาขึ้นมาครับ”
น้อง ๆหยิบสมุดลายเซ็นขึ้นมา โดยมีว๊ากที่ยืนรอบ ๆ เข้าไปตรวจ แม้แต่ลมหนาวเองยังเข้าไปตรวจเลย ส่วนผมยืนคุมเชิงข้างหน้า
“มีใครไม่ถึง 300 ลายเซ็นไหมครับ”มีคนยกมือ... ให้ตายเถอะ แม่ง แค่เดินเข้าไปขอลายเซ็นมันยากตรงไหนวะ คนในวิศวะรวมกับเมดเทคใช่ว่าน้อย โคตรเยอะเลย เชี่ย
“น้อยสุดเท่าไหร่ครับ”เสียงของลมหนาวดังมาจากตรงกลางของน้อง เดินไวเหมือนกันนะนั่น “น้อยสุดเท่าไหร่ครับ!!”
“168 ลายเซ็นครับ”เสียงน้องอยู่ชายที่อยู่ไม่ไกลจากข้างหน้ามาตอบอย่างหน่าย ๆ กวนโอ๊ยชัด ๆ เลยนี่หว่า เดี๋ยวเจอ
“คุณไม่มีมือจะถือ ไม่มีปากจะพูด ไม่มีเท้าจะเดินไปขอพี่คุณหรือยังไงกันครับ”ปูน ปีสามวิศวะเครื่องกลตะโกนใส่หน้าน้อง “คุณคงไม่อยากมีพี่ที่จะคอยช่วยเหลือคุณสินะครับ”
น้องมันทำท่าจะโต้กลับ แต่ก็คงไม่กล้าพอ เลยได้แต่กัดฟันมองปูดอย่างเคืองโกรธ ลมหนาวเดินกลับออกมายืนคู่ผมด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“น้อยสุด 168 ลายเซ็น เพื่อนขาด 119 คน...”คนข้าง ๆ ผมทวนตัวเลขออกมาส่งบทที่เตี๊ยมเอาไว้ก่อนหน้าให้ผม... จริง ๆ มันจะพูดเองก็ได้ แต่นะ ผมว่ามันไม่เคย และไม่คิดจะทำ
“ลุกนั่ง 168 ครั้ง วิ่งรอบลานเกียร์ 119 รอบ ปฏิบัติ!!”ผมสั่งลั่น น้องทำหน้าตกใจกันทั่ว แน่สิครับ ไม่เคยสั่งลงโทษเยอะขนาดนี้มาก่อน... ตอนรุ่นผมยังไม่ถึงหลักร้อยเลย “ไม่ได้ยินที่ผมพูดใช่ไหมครับ”
น้องปีหนึ่งกุลีกุจอกันกอดคอ แล้วเริ่มลุกนั่งกันทันที
“1... 2... 3... 4... … 20”
“หยุดครับ นับไม่พร้อมกับ เริ่มใหม่”ลมหนาวที่เหมือนจะรวมแรงฮึดมาได้แล้ว เอ่ยสั่งขึ้น
น้องเริ่มนับตั้งแต่ 1 ใหม่ เคยลุกนั่งกันไหมครับ แค่ทำคนเดียวก็จะขาดใจแล้ว นี่ยังต้องกอดคออีก เมื่อยชิบหาย ผมเคยทำมาห่อนเหมือนกัน
“14...”
“พอ แค่นี้ก็ยังนับไม่พร้อมกัน พวกคุณจะสามัคคีกันสักเรื่องได้ไหม”ผมกอดอกแล้วเดินไปฝั่งซ้ายมือ “วิ่งรอบลานเกียร์ ปฏิบัติ!!”
น้องผู้ชายวิ่งนำออกไปก่อนเป็นแถว ลานเกียร์ที่นี่กว้างพอ ๆ กับสนามฟุตบอลนั่นล่ะฮะ เรียกว่าเป็นสนามฟุตบอลปูนเลยจะดีกว่า...
ผมกับว๊ากคนอื่น ๆ ยืนดูน้องวิ่งรอบสนามไปได้สองรอบ ก่อนที่จะพยักหน้าให้กัน แล้วเดินออกไปจากลานโดยไม่พูดอะไร
เดี๋ยวปีสองจะวิ่งเข้ามาหาน้อง ให้น้องหยุดวิ่งกัน แล้วปรนนิบัติพัดวีเอง ไม่ได้ทำครบตามที่สั่งหรอกครับ (ตายพอดี)
และพวกเราก็จบวันนี้กัน... ไปด้วยน้ำตาของน้องผู้หญิง
ผมล่ะปวดใจ
88888888888888888888888888888888888888888888888888888888888
ตอนที่ 8 มาแล้วค้าา เขียนไปมึนไป ถ้าตรงไหนดูเบลอๆ งงๆ บอกกันได้นะคะ ^^
