กรี๊ดดด มีคนจิ้มเค้าก่อน
...เฮือก... ผมหยุดชะงักปลายเท้าอยู่หน้าห้องนอนของมัน ผมมองภาพตรงหน้าแล้วแทบจะเบือนหน้าหลบ ห้องนี้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่เก็บรวบรมความทรงจำระหว่างเรา ห้องที่เป็นทั้งทุกข์และสุขในคราวเดียวกัน
“ ที ขอร้อง”
“.....”
ไม่ ผมยื้อยุดมันอยู่หน้าห้อง ผมไม่อยากเข้าไป ผมไม่อยากเห็น น้ำตาผมไหลรินมากมายจนไม่อาจซับออกได้หมด
แต่มันไม่ฟัง ไม่ใช่นี่ไม่ใช่ทีที่ผมรู้จัก
ไม่ใช่ทีที่อ่อนโยน
ไม่ใช่ ไม่ใช่เลย “ โอ้ย”
หลังผมกระแทกลงกลางเตียงอย่างแรงจนศีรษะเกือบกระแทกไปโดนหัวเตียงไม้อย่างดีที่เกาะสลักเป็นลวดลายสวยงาม ผมหน้าตื่นกวาดมองไปรอบๆห้องซึ่งยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
...เหมือนวันนั้นของเรา... “ ....”
ผมร้องไม่ออกเมื่อรู้สึกได้ถึงร่างหนาที่โถมทับบนตัวผมอย่างแรงจนจุกไปหมด มือทั้งสองข้างของมันขึงพืดแขนผม ต้นขาใหญ่ทับขาผมไว้จนแนบสนิท ร่างกายเราแนบชิดแทบจะไม่มีส่วนใดที่ไม่สัมผัสกันเลย ผมเบือนหน้าหนีปากก็ร่ำร้องขอความเห็นใจริมฝีปากของมันที่กำลังระรานไปทั่วใบหน้า
“ อย่าที อย่าทำ”
นี่ไม่ใช่ทีที่ผมรู้จัก
นอกจากมันจะไม่ฟัง มันยังตะโมบจูบไปทั่ว มันไม่ใช่จูบที่นุ่มนวลหอมหวานเหมือนครั้งนั้น ไม่ใช่สัมผัสอ่อนโยนแบบวันนั้น
วันนั้นในห้องนี้
วันนั้นเมื่อสองปีก่อน ในห้องนี้
ครั้งแรกของเรา
วันนั้นช่างอ่อนโยนต่างจากวันนี้ เส้นทางรักของเราช่างงดงาม อ่อนหวานชวนเคลิบเคลิ้ม ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยใส่ใจ ไม่เคยเลย ไม่เคยนึกเสียใจเลยที่ผมมอบครั้งแรกให้คนที่รักอย่างสุดหัวใจในค่ำคืนนั้น
ไม่เหมือนวันนี้
“ โอ้ย”
ผมสะดุ้งน้ำตาคลอเมื่อฟันคมๆขบเข้าที่ต้นคอจนเกิดรอยแดง
มันเงยหน้าจากซอกคอของผม เราสบตากัน
“ เบียร์” แววตาคมคายพุ่งตรงมาเต็มไปด้วยคำถาม
“ มึงเลิกกับกูทำไม” เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจเมื่อคำถามเดิมก่อนวันจากลาย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แววตาที่เต็มด้วยความสงสัยและร้อนรนหายไปถูกแทนที่ความเด็ดเดี่ยว ล้ำลึกและดูว่างเปล่า
...เลิกทำไมหน่ะเหรอ...
...เลิกเพราะอะไร... “ เลิกกับกูทำไม” “ ขอโทษ”
นั่นเป็นเสียงของผม
“ ขอโทษ”
ผมพูดได้แค่นี้จริงๆ
“ กูขอโทษ” “ กูไม่ให้อภัย” ผมหลับตานิ่งอย่างยอมจำนนเมื่อมันโหมแรงเข้าใส่ผมอีกครั้ง ริมฝีปากมันไล่เลียไปทั่วแผ่นอกและซอกคอผมอีกครั้ง มือมันก็บีบเค้นไปทั่วลำตัวเปลือยเปล่าของผมที่มันฉุดกระชากเสื้อผ้าให้เลื่อนหลุดออกจากร่างกาย
“ มึงจะหายโกรธกูใช่มั้ย ถ้าทำแบบนี้” ผมกลั้นเสียงสะอื้นดันแผ่นอกมันที่กำลังจะแนบลงมา มันหยุดชะงักไปพักหนึ่งก่อนจะหยัดกายขึ้นสูงเพื่อที่เราจะได้สบตา
“ กูไม่เคยพูดแบบนั้น” ผมน้ำตาร่วง
นี่ไม่ใช่ทีที่ผมรู้จัก
“ โอ้ย”
เจ็บ
เจ็บเหมือนร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
ผมถูกมันล่วงล้ำโดยที่ไม่มีการโอ้โลมใดๆ ไม่มีคำหวานกระซิบบอกรัก ไม่มีการเบิกทางที่นุ่มนวล ไม่มีสัมผัสที่อ่อนโยน ทุกการกระทำเต็มไปด้วยความรุนแรงป่าเถื่อน
ดิบเถื่อน
ไร้ซึ่งความอ่อนโยน
รุนแรงและเจ็บปวด
ภาพตรงหน้าเริ่มพล่ามัวเพราะน้ำตาที่ไหลจนกลบตา ผมไม่เห็นแม้แต่แสงสว่างใดๆ ผมเห็นแต่เงาดำทะมึนใหญ่โตที่กำลังเคลื่อนกายอย่างหนักหน่วงอยู่บนตัวผม
จุก
เป็นความรู้สึกของผมตอนนี้ ผมสูดปากครวญครางพร้อมกับน้ำตาเม็ดโตที่ไหลพรากๆ มันเลื่อนกายออกไปจนสุดปลายทางก่อนจะสวนเข้ามาอีกครั้ง มันเข้ามาจนสุดและไม่มีช่องว่างระหว่างกัน
เจ็บเหมือนจะตาย
ผมเม้มปากแน่นมองเสี้ยวหน้าของอดีตคนรักที่มุ่งมั่นอยู่ที่การระรานร่างกายของผม
ผมเสียใจ ผมไม่เคยนึกว่าวันหนึ่งจะต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้
เหมือนกับที่ระบายความใคร่ ไม่ต่างจากของที่ดูไร้ค่า
และเหนือสิ่งอื่นใดแววตาคู่นั้น แววตาที่เคยมองกันด้วยความเสน่หา บัดนี้กลับไม่มีอีกแล้วเพราะมันดูว่างเปล่า มันชวนให้รู้สึกใจหาย
...ราวกับแววตาของคนที่ไม่เหลือใจ... ผมนอนกำผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวด แต่มันก็แค่ความเจ็บปวดทางกายไม่เหมือนกับความสาหัสทางใจจากคำพูดของคนเคยรัก
“ แข็งอย่างกับท่อนไม้ เอากับหมอนข้างยังจะมันส์กว่า” ผมหลับตานิ่งปิดการรับรู้ใดๆ
นี่ไม่ใช่ทีที่ผมรู้จัก...ไม่ใช่เลย
.......
.......
มันไปแล้ว
เหมือนวันนั้น เหมือนกันไม่มีผิด
ผมทรุดตัวลงนอนนิ่งแล้วน้ำตาก็ไหลเมื่อเห็นรอยเลือดเป็นวงกว้างสีแดงฉานบนผ้าปูสีขาวบริสุทธิ์
ผมทำอะไรลงไป มันเหมือนไม่ใช่ตัวเองเลยด้วยซ้ำ เพราะอะไร ทำไมผมถึงทำร้ายมันอย่างรุนแรงแบบนี้ มันจะเจ็บมากแค่ไหน ผมก้มหน้านิ่งมือกำผ้าปูที่เปื้อนรอยเลือดด้วยหัวใจที่เจ็บชา
“ เลิกกันมั้ย”
“ อะไร เบียร์พูดเล่นใช่มั้ย”
“.....”
“ เลิกกันเถอะ..” มันพูดเสียงแผ่ว “..เราเลิกกันเถอะ” ผมแทบใจสลายในตอนนั้นเมื่อมันตื่นเช้าในวันถัดมาทุกอย่างกลับตาลปัด คืนก่อนหน้านั้นมันยอมเป็นของผมทั้งกายและใจหลังจากคบหากันมาเกือบสามปี มันเป็นคืนที่วิเศษมาก มันช่างเหมือนฝัน ในตอนนั้นผมยอมรับว่าสุขสุดๆก่อนที่จะตื่นมาพบกับความโหดร้ายกับประโยคบอกเลิกที่ดังขึ้นราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจผม
...ทำไม... เป็นคำถามที่ฝังอยู่ในหัวของผมมาตลอด
แต่นอกจากไม่มีคำตอบแล้วยังมีแต่ความเงียบงัน
ความเงียบที่เปรียบเสมือนความว่างเปล่า
ผมกำผ้าปูที่เปื้อนเลือดของมันแล้วก้มหน้าร้องไห้อย่างไม่อายใคร แค่คิดว่าจะมีใครสักคนที่จะเข้ามาช่วยให้หัวใจที่อ่อนล้าได้พบกับความชุ่มชื่นประดุจสายน้ำ และมันก็เข้ามา
“น้องรหัส” ที่แสนน่ารักของผม มันก้าวเข้ามาในวันที่ผมกำลังจะยอมแพ้ให้กับความทุกข์ระทม ภายนอกผมอาจจะดูเข้มแข็งและกล้าหาญแต่ใครจะรู้ว่าภายในใจมันอ่อนไหวมากแค่ไหน ผมเหมือนคนไม่มีจุดหมาย ผมคล้ายกับคนไร้เรี่ยวแรง จนถึงวันที่ผมเจอเต้ย ผมรู้เลยว่าเด็กนั่นมันสดใส ถึงจะชอบทำหน้าเศร้าแต่มันกลับมีความเป็นตัวของตัวเองอย่างโดดเด่นจนผมสะดุดตา
แต่แล้วความรักครั้งใหม่ของผมก็มันอันต้องยุติ ผมไม่โกรธน้องมันหรอกเพราะเรื่องของหัวใจมันบังคับกันยาก ถ้าไม่รู้สึกรักคงไม่มีทางจะก่อเกิดความสัมพันธ์ซึ่งผมเองก็เต็มใจที่จะรับความผิดหวังครั้งนี้เพราะเหนือสิ่งอื่นใดผมเลือกเส้นทางนี้ด้วยตัวเอง คงเหมือนกับที่ตลอดเวลาสองปีที่ผมไม่เคยลืมมันเลยทั้งๆที่บอกตัวเองว่าชีวิตมันต้องก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
นั่นสินะ...ชีวิตต้องก้าวเดินต่อไป
แต่จะก้าวไปได้อย่างไรถ้ายังติดกับอดีตอยู่แบบนี้
แสงสะท้อนของเงาเครื่องประดับเงินแท้ซึ่งวางอยู่บนหัวโต๊ะ ทำให้ผมเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา มันคือแหวน ซึ่งเป็นเครื่องประดับที่ครั้งหนึ่งผมเคยมอบให้มัน จนแม้กระทั่งเลิกรากันไปผมยังไม่มีโอกาสได้เห็นมันจนถึงวันนี้เจ้าของเดิมคงถอดคืนให้ผมก่อนจากไป
ของที่ให้ไว้เหมือนกับหัวใจที่วางคืน นั่นสินะ...ถ้าไม่ปล่อยวางอดีตก็ไม่มีทางจะก้าวต่อไปได้
ปล่อยวางอดีต
ปล่อยให้มันเป็นอดีต เป็นความทรงจำที่เคยงดงาม
ผมเงยหน้ามองไปเบื้องหน้าน้ำตาคลอเบ้าพร้อมกับปล่อยให้แหวนเงินแท้ร่วงหล่นลงพื้น เหมือนกับการตัดขาดความสัมพันธ์อย่างแท้จริง
........
........
ผมลูบไล้นิ้วมือไปตามมุมปากและปลายคางซึ่งบวมช้ำมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย และรอยเก่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ซึ่งเริ่มม่วงช้ำแล้ว ผมถอนหายใจปลงๆหลังจากที่หอบเอาใบหน้าไปให้คนหวงเพื่อนประเคนหมัดใส่อีกสักหมัดก่อนจะผ่านด่านอรหันต์มาถึงหน้าห้องนอนที่คอนโดไอ้แท็ค
ผมหันไปสบตากับไอ้แท็คที่ยืนคุมเชิงด้วยใบหน้านิ่งๆอยู่ตรงโซฟามุมหนึ่งของห้องหลังจากซัดผมไปหมัดหนึ่งก่อนหน้านี้ โดยมีว่านซึ่งลูบต้นแขนมันคล้ายจะให้อารมณ์บึ้งตึงคลายลงเสียบ้าง ว่านยิ้มอ่อนๆให้ผมก่อนชี้ไม้ชี้มือเป็นเชิงให้เปิดเข้าไปในห้องนอนตรงหน้า ผมจึงพยักหน้ารับแทนคำขอบคุณ
ภายในห้องดูมืดสลัวเพราะผ้าม่านปิดแสงสว่างที่จะสาดส่องเข้ามาอยู่รอบทิศ ผมเห็นมันนอนตะแคงตัวนอนขดตัวนิ่งอยู่กลางเตียงกว้าง มันนอนขดคล้ายจะหนาวเพราะผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ร่นลงมาอยู่แถวสะโพก
มันหลับสนิท
เพราะดูจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำตอนที่ผมก้าวขึ้นเตียงแล้วค่อยเคลื่อนกายอย่างเบาเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนอีกฝ่าย ผมชะโงกหน้าดูใบหน้ามัน แม้เห็นเพียงด้านข้างก็รับรู้ได้ถึงร่องรอยน้ำตาที่เปียกชื้นขนตามัน และที่หางคิ้วด้านหนึ่งมีผ้าก๊อชแปะทับบาดแผล
ผมใช้นิ้วมือค่อยๆลูบไล้แผลตรงหางคิ้วอย่างเบามือ
“ เจ็บมากมั้ย” ผมกระซิบถามมันเสียงแผ่วก่อนจะบรรจงจูบอย่างแผ่วเบาเหนือผ้าก๊อช มันขยับตัวเล็กน้อยคงเพราะอึดอัดผมจึงหยุดมือที่กำลังเกลี่ยแก้มมันเบาๆ
“ เต้ย”
ผมกระซิบคล้ายกับพูดกับตัวเอง
“...กูขอโทษนะ ขอโทษ ขอโทษนะคนดีของจ๊อบ” มันขยับตัวอีกครั้งด้วยท่าทางกระสับกระส่ายราวกับฝันร้าย เหงื่อมันผุดขึ้นเต็มใบหน้าก่อนที่น้ำตาจะไหลรินจากหางตา มันร้องไห้ทั้งที่ยังหลับสนิท ผมมองอาการร้อนรนกระวนกระวายนั่นอย่างตกใจก่อนจะรวบเอาร่างของมันมากอดไว้ มือข้างหนึ่งค่อยๆประคองศีรษะมันให้แนบกับอกของผม
“ ชูว์ อย่าร้อง”
“......”
“ ฮึก ฮือ ขอ ขอ ฮึก โทษ”
มันละเมอเสียงแผ่วจนแทบจับใจความไม่ได้แต่เพราะมันซุกอยู่ตรงอกผม คำๆนั้นจึงเข้าหูผมเต็มๆ ผมคลี่ยิ้มน้อยๆก่อนจะประทับจูบที่หน้าผากมันอย่างนุ่มนวล มันสงบลงหลังจากกระสับกระส่ายอยู่สักพัก ผมจึงเอนตัวนอนลงกับเตียงโดยมีตัวมันที่ทับอยู่บนอกผม ผมค่อยๆขยับตัวให้มันนอนอย่างสบายแต่มือยังโอบเอวมันไว้ก่อนจะเลื่อนผ้าห่มมาคลุมตัวของเราสองคน
“ หลับฝันดีนะ หัวใจของกู” ผมจูบมือมันเบาๆก่อนเลื่อนมือข้างนั้นของมันมาวางไว้ที่หน้าอกด้านซ้ายตรงกับหัวใจ
*** มาแล้วๆๆ ก่อนอื่นขอหลบตรีนแม่ยกพี่ทีแป๊บ ฮ่าๆๆๆ เค้าไม่ตั้งใจให้พี่แกดูเลวร้ายเลยนะ จริงจริง
แต่แค่อยากให้รู้ว่ามนุษย์ทุกคนมีอีกด้านหนึ่งที่ไม่อยากให้ใครรู้ ไม่มีใครดีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกค่ะใน
สังคมนี้ มันต้องมีบ้างที่มีมุมหนึ่งแอบซ้อนอยู่ภายในใจ เพียงแต่ว่าเขาจะแสดงออกรึเปล่า ไม่ใช่แค่พี่ทีหรอก
ที่มีด้านเลวร้าย เต้ย จ๊อบหรือทุกตัวละครก็มีมุมที่ไม่อยากบอกใครเช่นกัน
นี่คือออกตัวแทนพี่ทีประหนึ่งว่าคนเขียนเป็นแม่ยกนางเองเลยนะ อิอิ แต่โดนส่วนตัวเค้าชอบตัวละครตัวนี้มาก
บอกเลย อิอิ เอาหล่ะๆ มีหลายคนเดาได้ถูกทางนะ แต่ยังไงก็อย่านิ่งนอนใจหล่ะ เรื่องไม่คาดคิดมันเกิดขึ้นได้เสมอ
อย่างที่บอกว่าอยากสื่อออกมาให้มันเรียลดังเช่นชีวิตมนุษย์อย่างแท้จริง

มีหลายคนบ่นอึดอัด เสียอารมณ์ ถึงขึ้นจะหยุดไปทำใจก่อนอ่าน ฮ่าๆๆๆ ในส่วนนี้ไม่ว่ากันเพราะเข้าใจดีว่าบางตอนมัน
บีบคั้นจริงๆ แต่อย่าเพิ่งถอดใจหายไปนะจ๊ะ ให้พักใจก่อนจะมาอินกันใหม่ ส่วนตัวแล้วชอบนะ ชอบความคิดเห็นของ
ทุกคนจริงๆ ยิ่งเม้นท์เยอะๆนี่แสดงให้เห็นเลยว่านักอ่านนี่อินกับเรื่องนี้จริงๆ ( มันฟินตรงนี้แหละ 555)

บางคนโมโหถึงขั้นจะมาบึ้มบ้านเราที่ทำให้เสียน้ำตา ว้ากกกกกกก

ใจเย็นๆ ทุกวันนี้ก็นอนตามสะพานลอย
อย่าให้ต้องย้ายที่ไปไหนอีกเลย กร้ากกกกกก

สุดท้ายรักคนอ่านเจอกันตอนนะจ๊ะ
