ต่อ.
.
.
เจ็บหน้าท้องชะมัดคิ้วเรียวขมวดเป็นปมเพราะความปวดเล่นปราบเข้ามาในจิตสำนึกเมื่อเขารู้สึกตัว หน้าท้องที่โดนต่อยอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัวคล้ายว่าจะระบมความปวดจึงวิ่งวนไปทั่วร่าง นาวารู้แค่ว่าตัวเองสลบไปเพราะกลิ่นฉุนๆที่มาพร้อมกับผ้าโป๊ะหน้า เมื่อรู้สึกตัวนอกจากความเจ็บปวดที่เข้ามาในประสาทสัมผัสแล้วยังมีกลิ่นฉุนของอะไรบางอย่าง เป็นกลิ่นเปรี้ยวไม่แรงนัก ไม่เหม็นเท่าบุหรี่แต่ก็จำแนกไม่ได้ว่าเป็นกลิ่นเช่นไร
เสียงไฟแช็คดังไม่ขาดสาย
นาวาพยายามลืมตาขึ้น แต่กระนั้นเปลือกตาก็ยังหนักเหลือเกิน แถมกลิ่นฉุนนั่นยังคงคละคลุ้ง นอกจากเสียงไฟแช็คนาวายังได้ยินเสียงน่ารำคาญคล้ายคนใช้หลอดดูดน้ำจากแก้วที่น้ำเหลืออยู่แค่ก้น แถมมีเสียงพูดคุยแว่วมา ฟังไม่ได้ศัพท์ นาวาพยายามลืมตาขึ้น ร่างบางพยายามขยับตัวแต่เขารับรู้ไว้ว่าแขนและขาของตัวเองตอนนี้ไม่เป็นอิสระ นาวานอนตะแคงบนฟูกแข็งๆโดยที่แขนและขาโดนมัดไว้
“ทำไมมึงไม่ฉีดวะ ให้กูเอาเข็มมาทำไม” เสียงห้าวดังขึ้น นาวาพยายามปรือตาและฟังเสียงสนทนาของคนที่ตัวเองไม่รู้จัก
“มึงจะรีบไปไหนวะ เวลาฉีดมันมาเร็วก็จริงแต่เราไม่ต้องรีบร้อนนี่หว่า คืนนี้รับรองเสียวนานแน่ ได้ของมาตั้งเยอะแถมยังมีของกิน
เล่นนอนรอบนเตียง คราวนี้หวานแน่เชื่อกู เข็มนี้เก็บไว้ให้ไอ้น่ารักมันให้มันได้มีอารมณ์ร่วมไปกับพวกเรา”
“เออจริงของมึง แม่งวันนี้พวกเราโชคดีฉิบหาย อยู่ๆก็มีคนเอาน้ำแข็งมาให้ฟรีๆ เยอะซะด้วย แถมยังมีที่ระบายให้เราอีก มึงดูดิไอ้น่ารักมันน่าเอาเหี้ยๆ”
“จุดเทียนเหอะกูขี้เกียใช้ไฟแช็คหลายรอบ เอาไฟมาหน่อยเดี๋ยวกูอัดต่อ มึงพูดถึงไอ้น่ารักจนกูเริ่มอยากแล้วว่ะ จะเอาให้แม่งครางอยากได้กูเป็นผัวรอบแล้วรอบเล่า”
“คิดว่าพวกมึงแน่อยู่คนเดียวหรือไง ก็มีนี่โว้ย ซัดไปคนละเม็ดมึงเอ้ยจากตอนนี้ถึงเช้ามึงก็ยังไม่หายอยาก พูดแล้วขึ้นว่ะอยากเอาแล้วโว้ย มึงน่ะไปดูมันดิ๊”
คำพูดหยาบต่ำของคนกลุ่มนี้ทำให้นาวารู้สึกขยักแขยง ‘ของกินเล่นนอนรอบนเตียง’ ที่ที่เขานอนอยู่ตอนนี้ก็เป็นเตียงเก่าในห้องโทรมๆ สภาพไร้การดูแล ผนังเต็มไปด้วยหยากไย่ ฟูกนอนแข็งกระด้างและเหม็นอับ เป็นเขาสินะของกินเล่นอันนั้น นาวารับรู้ได้ถึงอันตรายคืบคลานเข้ามา มือหนึ่งจับลูบตรงบั้นเอว นาวาพยายามหรี่ตามองหน้าคนที่เข้ามา
“เฮ้ยพวกมึง มันฟื้นแล้วเว่ย”
ยังเด็กอยู่เลย
เจ้าของเสียงแหบห้าวพวกนี้ยังเด็กอยู่เลย อาจจะอยู่ในวัยมัธยมหากแต่ผมเฝ้าและการแต่งเนื้อแต่งตัวกลับสวนทางกับอายุ เหลือบไปมองบริเวณปลายเตียง นาวาเห็นวัยรุ่นชายกลุ่มหนึ่งกำลังพ่นควันขาวลอยฟุ้งเต็มห้อง ควันขาวฟุ้งนี่คือที่มาของกลิ่นเหม็นประหลาดกลิ่นนั้นเอง เด็กติดยา เด็กวัยรุ่นที่เอาวัยเด็กและความไร้เดียงสามาทิ้งไว้กับสารเสพติดพวกนั้นหันมาทางนาวาเป็นตาเดียว
พวกมันมีกันอยู่ห้าคน นาวานับจำนวนคนในใจ คนที่ลูบจับเอวเขาอยู่นี้เห็นจะเด็กสุด
“ตื่นแล้วเหรอมึง ไหนเงยหน้าให้กูชื่นชมหน่อยเด่” คนที่เห็นว่าโตสุด นาวาคิดว่าน่าจะวัยเดียวกับตัวเอง ลุกเดินมาหา มือหยาบเชยหน้าเขาให้หันมอง แรงบีบที่คางจาบจ้วงแสดงอำนาจ
“น่ารักโว้ย” คนคนนั้นฉีกยิ้มตะโกนบอกเพื่อน และพวกที่เหลือจึงรีบลุกขึ้นมา
“กูเอาก่อนนะ” ไอ้คนที่จับเอวนาวาพูดขึ้น
“มึงหุบปากไปเลย กูเอาก่อนพวกมึงทุกๆคน” ไอ้คนตัวโตพูด แล้วหันไปสั่งไอ้คนที่จับเอวนาวา “ส่วนมึงก็ถ่ายคลิปไว้ ไม่ต้องเห็นหน้าคนทำแต่ต้องเห็นหน้าไอ้น่ารักนี่ เบื้องบนเค้าสั่งมา”
“พวกแกจะทำอะไร” นาวาถามออกไปด้วยเสียงหวั่นๆ
“ทำให้มีมึงมีความสุขไง น่าเอาไม่ไหวแล้ว” ไอ้คนที่มีรอยสักเต็มแขนพูดจบก็ก้มลงหอมแก้มนาวาฟอดใหญ่ แล้วปากคล้ำคร้ามจากการดูดบุหรี่มานานก็กัดลงบนซอกคอขาว เจ็บจนเป็นรอย
“ไอ้พวกเลว ปล่อยกู” นาวาร้องและพยายามดิ้น แต่ไม่เป็นผลเท้าและมือของเขาโดนมัดไว้ แม้ว่ามือจะไม่โดนมัดไขว้หลังแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะพวกมันหลายคนช่วยกันยึดตัวนาวาไว้
“ดิ้นทำเหี้ยไรวะ เดี๋ยวก็ได้ขึ้นสวรรค์กับพวกกูอยู่แล้ว หรือมึงร่านจนทนไม่ไหวแล้ว” เจ้าแขนที่มีรอยสักพูดกับนาวา
ถุย
นาวาถ่มน้ำลายใส่หน้าเจ้าของคำหยาบโลน
“สวะ!” นาวาหมายความตามที่พูด
พลั่ก
สิ้นเสียงก่นด่าของนาวา หมัดหนักๆฟาดลงบนปากเขา นาวาสัมผัสรสชาติของเลือดและความระบมจากริมฝีปาก
“ปากดีนักนะมึง พวกมึงจับไอ้นี่ไว้”
แขนของนาวาโดนพวกมันจับไว้ ขาของเขาที่พยายามจะดิ้นก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดั่งใจเพราะนอกจากจะโดนเชือกมัดไว้จนแน่นแล้วคนตัวโตยังนั่งทับไว้จนนาวารู้สึกได้ถึงการตื่นตัวของคนด้านบน
“โดนเข็มนี้ไปแล้วมึงจะเรียกให้พวกกูเป็นผัวไปทั้งคืน” เข็มฉีดยาปักลงรุนแรงบนเส้นเลือดตรงข้อพับ เจ็บจนนาวามีสีหน้าแหยเก แต่ตรงข้ามกับพวกมันห้าคนที่มีสีหน้ายิ้มแย้มและมือไม้ลูบไล้ลวนลาม
“ปล่อยกู” นาวาดิ้นพล่านท่ามกลางมือหลายข้างที่ชอนไชใต้เสื้อผ้า
คนหนึ่งฉีกเสื้อจนกระดุมด้านบนขาดแล้วซุกไซ้ซอกคออย่างหื่นกระหาย อีกคนบีบคลึงก้นของเขาไม่สนใจเสียงอุทร นาวาทั้งด่าทั้งพยายามดิ้นแต่กระนั้นก็ไม่มีทางพ้นเงื้อมมือของคนพวกนี้ไปได้ กลิ่นหายใจเหม็นเปรี้ยว สลับกันไปอัดควันสีขาวเข้าปอดอย่างบ้าคลั่ง เสื้อผ้าของนาวาเริ่มหลุดไปทีละชิ้นๆ จนทันใดนั้นเองความต้องการของเขากลับโอนอ่อนไปตามแรงกระหายของคนพวกนั้น
“หึ เริ่มอยากได้พวกกูเป็นผัวแล้วสิมึง ยังไม่พอหรอก ลองนี่อีกสักเม็ด”
“ยะ อย่า…” หมายจะร้องห้าม แต่ยาเม็ดโตกลับถูกยัดเข้ามาง่ายดาย นาวาพยายามอมมันไว้แต่คนด้านบนกลับโถมจูบลงมาอย่างจาบจ้วง เรียวลิ้นหื่นกระหายตวัดให้นาวากลืนยาลงคออย่างไม่เต็มใจแม้แต่น้อย รสจูบน่าขยักแขยงยังคงปรนเปรออย่างไม่ลดละแม้อยากจะกัดปากมันให้ช้ำจนเลือดสาดเพียงใด แต่อารมณ์คุกรุ่นในกายกลับไม่ตอบสนองใดๆ นาวากลัวจนอยากจะ
ร้องไห้ แต่เขาจะไม่มีวันหลั่งน้ำตาให้ใครเห็น สวะพวกนี้จะไม่มีวันเห็นเขาอ่อนแอ
เสื้อหลุดออกไปจากตัวแล้ว ขาที่โดนมัดถูกคลายออกแล้ว แม้พยามยกขาถีบพวกมันให้กระเด็น แต่กลับโดนคนหมู่มากรวบจับไว้ หากสู้กันตัวต่อต่อมีหรือนาวาจะแพ้เด็กพวกนี้ แต่นี่เขาไม่มีโอกาสได้ป้องกันตัวเลย ใครกันนะช่างคิดจริงๆ ทำร้ายกันได้ถึงขั้นนี้
“คะ.. ใครส่งพวกแกมา” นาวาพยายามตั้งสติ เสียงเขายังคงข่มขู่แม้มือจะโดนมัดและขาจะโดนล๊อกไว้ก็ตาม
“ใครจะส่งมาก็ช่างหัวมันเถอะน่า ตอนนี้มึงมาเป็นเมียพวกกูดีกว่า” คนด้านบนพูดเสร็จก็ถอดเสื้อและเพื่อนมันอีกคนกดเปิดกล้องมือถือ นาวาสบถด่าทั้งที่ตัวเองไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดังใจ เขากลัวจนตัวสั่นแต่แววตาฉายความโกรธขึ้ง ประกายตาของเขาเหมือนเปลวเพลิงที่จะแผดเผาทุกสิ่งให้วอดวาย
*******
ตรีเพชรนั่งลงตรงข้ามจอมทัพในห้องนั่งเล่นโดยมีเพื่อนคนอื่นๆนั่งรวมอยู่ด้วย เย็นวันนั้นทันทีที่ได้การ์ดเชิญตรีเพชรรีบตรงดิ่งมาที่บ้านของเพื่อนทันที ที่เร่งรีบพิมพ์การ์ด ที่ต้องเหยียบคันเร่งเพื่อบึ่งมาถึงบ้านหลังนี้ก็เพราะอยากจะตัดไฟเสียแต่ต้นลม ประกาศชัดเพื่อให้เพื่อนคนหนึ่งรับรู้ว่าเขามีสิทธ์อะไรในตัวนาวา และใครไม่มีสิทธ์แม้แต่คิดจะเอื้อมคว้า มือเรียวหนายื่นซองกระดาษทรงผืนผ้าขนาดกะทัดรัดทำจากกระดาษเนื้อดีสีทองเหลือบมุกให้เพื่อนแต่ละคน ทุกคนสนใจแกะซองการ์ดเชิญ มีเพียงจอมทัพที่เหลือบมองซองนั้นนิ่งๆ ไม่แตะซองที่ตรีเพชรยื่นวางไว้ตรงหน้า
“งานหมั้นของมึงกับนาวาในอีกไม่ถึงสองอาทิตย์” นายทวนคำหลังจากอ่านการ์ดใบสวยเสร็จแล้ว “ตกลงมึงกับน้องวาจะหมั้นกันจริงๆใช่ไหมเพชร เมื่อคืนมึงพูดจริงสินะเรื่องนั้น”
“อือ” ตรีเพชรกอดอกเอนหลังพิงพนักเก้าอี้วางทีท่าสง่า และยังคงจ้องจอมทัพไม่วางตา
“เฮียจะหมั้นกับพี่ว่าจริงๆใช่ไหม เย้ ตามดีใจจัง ยินดีด้วยนะครับ” ตามใจยิ้มจนแก้มแทบปริ แต่เหมือนว่าจอมทัพจะไม่ชอบใจคำพูดนั้น ชายหนุ่มหันหางตาคมๆไปให้น้องชายของเพื่อนจนตามใจหุบยิ้มและนั่งสงบเสงี่ยมลงในทันที แล้วจอมทัพก็ตวัดสายตามองไปนอกหน้าต่างอย่างเช็งๆ เวลานี้โพล้เพ้เต็มทีแล้ว ท้องฟ้าของเย็นวันนี้เป็นสีแดงฉานเหมือนสีเลือด ใครกันทำให้ฟ้าหลั่งเลือด คงเจ็บปวดสินะ… อีกไม่นานฟ้าก็จะร้องไห้ออกมา… ฝนก็จะตก
“กูเอาการ์ดเชิญมาให้ อยากให้พวกมึงทุกคนไปงานหมั้นของกูกับน้องวา” ตรีเพชรยิ้มเชิญชวนเพื่อนทุกคน และหันไปหยุดมองที่คนตรงข้ามตัวเอง รอยยิ้มของคุณชายจางหายไปราวไม่เคยมีมาก่อน มันถูกแทนที่ด้วยน้ำเสียงแน่นหนักและใบหน้าเรียบเฉย
“ไปให้ได้ล่ะไอ้จอม”
จอมทัพหันกลับมามองตรีเพชร น้ำเสียงของเขาเรียบเย็นไม่แพ้กัน “ไปสิ นาวาของกูหมั้นกับเพื่อนรักทั้งที” จอมทัพโพล่งออกไปโดยไม่อาจยับยั้งได้ น้ำเสียงที่เปล่งออกมามีความเย็นชาและเคลือบแฝงความเสียใจจนปิดไม่มิด
“หึ” ตรีเพชรยิ้มเครียด “จนป่านนี้แล้วมึงยังพูดว่านาวาเป็นของมึงอยู่อีกเหรอ”
“มึงอยากจะพูดอะไรกันแน่ไอ้เพชร” จอมทัพจ้องตาตรีเพชรอย่างไม่ยอมกัน
“รู้ดีแก่ใจไม่เห็นต้องถาม มึงคิดอะไรอยู่ไอ้จอม มึงจะทำอะไรกันแน่” สายตาเจ็บช้ำระคนแค้นใจของจอมทัพทำให้ตรีเพชรแอบหวาดหวั่น เพราะถ้าจอมทัพคิดจะแย่งนาวาไปจากเขา คนที่ดีและเหมาะสมกับนาวาแบบนั้นย่อมทำได้ง่ายๆ ตรีเพชรไม่อยากเสียนาวาไป ไม่อยากบาดหมางกับเพื่อนรักของตัวเอง
“หึ” จอมทัพยิ้มเหยียด “มึงกลัว? กลัวกูจะแย่งคนของมึงล่ะสิ” จอมทัพรู้จักตรีเพชรดี เพื่อนสนิทของเขากลัวว่าเขาจะแย่งนาวาไป คบกันมานานรู้ใจกันตั้งเท่าไหร่ยิ่งทำให้ต่างฝ่ายต่างอ่านกันออกมากเท่านั้น “แต่กูบอกไว้อย่างนึงนะ เรื่องนาวากูไม่ยอมถอยให้มึงหรอก ไม่มีวัน”
“ไอ้จอม!” ตรีเพชรลุกขึ้นคว้าคอเสื้อของจอมทัพไว้ ชายหนุ่มเดือดดาลในคำพูดนั้น
“เฮียเพชรอย่า” ตามใจตกใจเมื่อตรีเพชรเงื้อมมือตั้งท่าจะออกหมัด
“มึงออกไปเคลียร์กับกูข้างนอก!” ตรีเพชรเห็นแก่ความเป็นเพื่อน สลัดความฉุนเฉียวใจร้อนของตัวเองออกไป ชายหนุ่มก้าวฉับๆออกจากห้องรับแขกไปยืนรอจอมทัพที่เฉลียงหน้าบ้าน
จอมทัพสะบัดคอเสื้ออย่างไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่คบกันมาหมัดของตรีเพชรไม่ได้หวดออกไปให้ใครง่ายๆเพราะตรีเพชรไม่จำเป็นต้องลงไม้ลงมือใส่ใครให้เปลืองตัวเพื่อนรักมีคนคอยจัดการให้อยู่แล้ว แต่กับเรื่องของนาวาหมัดของตรีเพชรมักจะสวนออกไปด้วยโทสะอย่างง่ายดาย จอมทัพที่เป็นเพื่อนซ้อมมวยด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆรู้ดี กำปั้นนี้ของตรีเพชรคงมีไว้สำหรับเรื่องของนาวาเท่านั้น
ตามใจทำท่าจะออกปากห้ามจอมทัพไม่ให้ตามตรีเพชรไปเพราะกลัวทั้งสองคนจะมีเรื่องกัน แต่โดนพี่ชายห้ามไว้ก่อน เปรมหันมาพูดกับน้องชาย “ให้มันไปคุยกันเถอะ มันไม่ถึงขึ้นแตกหักกันหรอก สองคนนี้สนิทกันจนเรื่องแค่นี้ไม่ทำให้แตกคอกันได้ ปล่อยให้ไอ้จอมได้คุยกับไอ้เพชร เรื่องมันจะได้จบๆ”
“ว่ามา” จอมทัพเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงในท่าทีเรียบเฉย
“ที่มึงพูดหมายความว่าไง มึงจะไม่ถอยให้กูในเรื่องของนาวา มึงต้องการอะไร?” ตรีเพชรหันมามองทางจอมทัพ
“กูก็หมายความตามนั้น กูไม่ถอย”
“ไอ้จอม! มึงจะแย่งคนของเพื่อนจริงๆใช่ไหม ไหนมึงเคยสัญญากับกูไงว่าเราจะไม่แย่งแฟนเพื่อน”
“ไอ้เพชร! กูพูดสักคำหรือยังว่ากูจะแย่ง”
“มึงพูดอยู่หยกๆว่ามึงจะไม่ถอยให้กู อย่าทำให้กูต้องหมดศรัทธาในความเป็นเพื่อนจากมึงเลยจอม กูคิดว่ามึงเข้าใจที่กูพูด เราคบกันมานาน กูไม่อยากเสียเพื่อนเพราะเรื่องนี้ อีกอย่างถ้ามึงคิดจะแย่งนาวาไปจากกู ขอบอกไว้ตรงนี้ว่ากูไม่ยอม ไม่ว่าใครหน้าไหน นาวาเป็นของกู แฟนเพื่อนมึงก็รู้ว่าจูบไม่ได้”
“หึ แฟนเพื่อน? ก็จริงกูยอมรับว่านาวาเป็นคู่หมั้นมึง แต่นาวาก็ไม่ได้เป็นแฟนมึงนะไอ้เพชร! ว่าไง? หรือมึงจีบนาวาติดแล้ว กูรู้จักมึงดีพอๆกับที่กูรู้จักนาวา กูเจอเขาตั้งแต่เด็กๆกูแอบมองแอบมอบความรักความหวังดีให้ในฐานะพี่ชายมาโดยตลอด นาวาไม่เคยรู้หรอกว่าความรักที่กูมีให้มันเกินเลย เพราะอะไรน่ะเหรอ? กูจะบอกมึงให้ เพราะนาวาเกลียดความรัก นาวาไม่อยากได้ความรักไม่ว่าจากใครทั้งนั้น แฟนคือคนที่รักกัน ถ้ามึงพูดว่านาวาเป็นแฟนมึง ก็ไปทำให้เด็กคนนั้นที่ไม่เปิดใจเชื่อในความรักหันมารักคนเจ้าชู้อย่างมึงให้ได้สิ!”
คำพูดของจอมทัพทำเอาตรีเพชรสะอึก เขาเป็นแค่คู่หมั้น แต่ไม่ได้เป็นแฟนของนาวา เด็กน้อยของเขาชิงชังความรัก เพราะอะไร? ทำไมเขาถึงไม่เคยรับรู้?
“เออ ถึงกูกับนาวาไม่ได้เป็นแฟนกันแต่เรากำลังจะหมั้นกัน คำว่าคู่หมั้นบอกชัดว่ากูมีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวของนาวา เป็นแบบนี้แล้วมึงจะไม่ยอมถอยให้กูอีกเหรอ”
“กูไม่ถอยเพราะกูไม่เคยคิดจะแย่งคนของมึง! กูจะอยู่ที่เดิมของกู ไม่ถอยและไม่ก้าวไปไหนทั้งนั้น ตอนนี้มึงรู้แล้วว่ากูรักนาวา นาวาเองก็คงจะรับรู้แล้วเหมือนกัน กูจะอยู่ตรงนี้เพื่อรอเขา” คำพูดของจอมทัพแฝงความเจ็บปวด จอมทัพรักเพื่อนพอๆกับเคารพในการตัดสินใจของคนที่ตัวเองหลงรักหมดหัวใจ ถ้าตกลงเป็นคู่หมั้นหมายกันแล้วนั่นหมายความว่านาวาคิดดีแล้ว นาวามอบความไว้วางใจไว้ให้ตรีเพชร ไม่ใช่เขา…
“จอม…” ตรีเพชรถอนหายใจเหยียดยาว “กูจะเปิดอกพูดกับมึงแบบลูกผู้ชาย ใช่กูรู้ดีว่ามึงรักนาวาและมึงจะรักนาวาได้ดีกว่าใครๆเพราะไม่มีใครเหมาะสมกับเขาเท่ากับมึงอีกแล้ว มึงรักนาวามานาน มึงรู้จักเขามาก่อนกู แต่กูก็รักนาวา กูคิดว่าความรู้สึกเจ็บที่เห็นน้ำตาของเขาคือความรัก กูคิดว่าความดีใจเวลาที่เห็นเขายิ้มคือความรัก และกูก็คิดว่าความคิดถึงเวลาไม่ได้อยู่ใกล้คือความรัก รักก็คือรัก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นช้านานหรือตอนไหนก็คือรัก กูรักเขา ไม่รู้หรอกว่าจะรักได้มากกว่ามึงไหม แต่กูรักเขามากกว่าใครที่ผ่านเข้ามาในชีวิตกู ให้กูได้รักคนที่มึงรักเถอะ”
ตรีเพชรนั่งลงตรงระเฉลียงบ้าน สายตาทอดมองไปยังกลุ่มเมฆสีแดงสด
จอมทัพนั่งลงข้างๆเพื่อนรัก ผินหน้ามองท้องฟ้าสีเลือดอย่างไร้จุดหมาย “เพชร… กูรักนาวา กูผูกพันกับเขา แต่วันนี้เขาหมั้นกับมึง จะด้วยเหตุผลอะไรกูไม่รู้แต่นั่นหมายความว่านาวามอบความไว้วางใจให้มึง เขาให้มึงเป็นคนดูแลในฐานะคู่หมั้น กูจะไม่ถอยไปไหน จะอยู่ที่เดิมของกูไม่ก้าวล้ำมึง แต่ถ้าวันไหนมึงทำลายความไว้วางใจที่นาวามีให้ ถ้ามึงทำให้เขาเสียใจเพราะมึง ถ้ามึงทำให้กูคิดว่าคู่หมั้นของนาวา ดรุณาทรเป็นแค่ผู้ชายห่วยๆที่ปกป้องคนของตัวเองไม่ได้ วันนั้นกูจะเอานาวาคืนมา และกูจะดูแลเขาเอง”
ความเงียบทิ้งตัวลงมา ปล่อยให้ทั้งสองคนจมอยู่ในความคิดท่ามกลางแสงตะวันแดงที่อาบไล้ ผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้แต่ทั้งสองคนก็ยังคงนั่งเงียบอยู่แบบนั้น จอมทัพเข้าใจตรีเพชรดี ตรีเพชรก็รู้ใจจอมทัพเช่นกัน…
“มึงรักเขามากสินะ” ตรีเพชรเอ่ยขึ้น
“รักสิ รักมาก มึงก็เหมือนกันนิ” จอมทัพพูด
“อืม”
แล้วเพื่อนรักทั้งสองก็กอดคอกันมองออกไปยังท้องฟ้า เหมือนวันเก่าๆหลังเลิกเรียนที่เดินกอดคอกันไปท่ามกลางแสงตะวันยามเย็น ไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างกัน มีเพียงความเข้าใจที่สื่อถึงกัน คำว่าเพื่อนรักมันช่างมากมายและเสียสละเหลือเกิน…
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของจอมทัพดังขึ้นทำลายความเงียบ ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หน้าจอปรากฏเบอร์ของนิสารุ่นน้องสาวเพื่อนของนาวา
“นิสา ว่าไง” จอมทัพรับสาย
“พี่จอมคะ นาวาอยู่ที่นั่นหรือเปล่า” เสียงของปลายสายร้อนรน ทำเอาจอมทัพขมวดคิ้วจนตรีเพชรต้องหันมอง
“นิสาใจเย็นๆก่อน ค่อยๆพูดนาวาทำไม”
“คือหนูตกใจ” นิสาพยายามสูดลมหายใจสงบสติอารมณ์
“นาวาอยู่ที่นั่นใช่ไหมคะ อยู่กับพี่ใช่ไหมไม่ได้หายไปไหนใช่ไหม”“นาวาไม่ได้อยู่กับพี่” จอมทัพรู้สึกตัวชา “นาวาหายไปไหน!”
“ไอ้จอม วาหายไปไหน เกิดอะไรขึ้น เปิดลำโพงเดี๋ยวนี้” ตรีเพชรที่นั่งอยู่ข้างๆเริ่มร้อนรนไม่แพ้กัน จอมทัพกดเปิดสปีกเกอร์โฟน ตรีเพชรจึงกรอกเสียงลงไป “น้องสา เกิดอะไรขึ้นนาวาเป็นอะไร”
“พี่เพชร? คือนาวาค่ะ นาวามาหาสากับเพื่อนที่คอนโดตอนสายๆ แล้วพอช่วงเที่ยงเขาบอกว่าจะไปหาพี่จอม นาวาอยากคุยกับพี่จอม ก่อนออกไปนาวาบอกว่าตอนเย็นจะโทรมาจะได้ไปทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่นี่ก็เย็นมากแล้วไม่เห็นนาวาโทรมา พวกเราเลยคิดว่าจะออกไปหาอะไรทานกันเอง แต่พอลงมาใต้คอนโดยามเก็บกระเป๋ากับมือถือของนาวามาให้สา เขาบอกว่าเพื่อนของสาทำตกไว้ก่อนจะขึ้นรถตู้ไป”“นิสา นาวาไม่ได้อยู่ที่นี่ นาวาไม่ได้มาหาพี่เลย ไม่ได้โทรมาบอกด้วย” จอมทัพเริ่มนั่งไม่ติด
“ตายแล้ว จะทำไงดี สากลัวว่านาวาจะโดนทำร้ายอีก มีคนจ้องจะทำร้ายเขาอยู่”“น้องสา บอกพี่มาคอนโดเราอยู่ไหนพี่จะไปหา” ตรีเพชรคว้ามือถือของจอมทัพไปคุย สอบถามทางจากนิสาจนแน่ใจ ชายหนุ่มรีบเดินเข้าบ้านคว้ากุญแจรถที่ตั้งไว้ตรงโต๊ะรับแขก จอมทัพวิ่งตามมาท่ามกลางความตื่นตกใจของเพื่อนๆ
“ไอ้เพชรใจเย็นๆก่อน” จอทัพเตือนเพื่อน
“โถ้โว้ย” ตรีเพชรโมโหตัวเอง เขาไม่น่าคลาดสายตาจากนาวาเลย “กูจะไปลากคอมัน ใครก็ตามที่กล้าจับตัวนาวาไป”
“กูไปด้วย!” จอมทัพพูด
*******
ต่อด้านล่าง.
.
.