Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers... END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers... END  (อ่าน 196862 ครั้ง)

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
 :sad11: :sad11:
มาต่อเถอะ

ออฟไลน์ Killian

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
    • Killian
Chapter 12
Ever Thine, Ever Mine, Ever Ours
Part 3.  (50%)

 :L2: :กอด1: :L2:




รัก กับ รักเป็น




ฟังเผินๆอาจจะคล้าย แต่โดยนัยของความหมายและพฤติกรรมต่างกันโดยสิ้นเชิง คล้ายคู่แฝดที่เรามักแยกไม่ออก แต่ถ้ามองดีๆเราจะเห็นว่ามีบางอย่างที่ทำให้ทั้งสองต่างกัน อาจต้องใช้ตามองหรือใจมอง นั่นก็แล้วแต่กรณี เรื่องความรักก็เช่นกัน หากจะแยกออกมาเป็นสับเซตโดยที่ยูนิเวิร์สของมันเป็นวิธีจัดการรับมือกับความรัก เซตย่อยๆของมันก็คงจะเป็น รัก กับ รักเป็น





รักที่ว่าคือความรู้สึกล้วนๆ รักอย่างเดียว รักหัวปักหัวปำ ได้แต่รักแต่ไม่รู้วิธีบริหารจัดการกับแรงรักนั้นยังไง ส่วนรักเป็น แตกต่างกับรักแบบแรกโดยไม่มีส่วนอินเตอร์เซกชันเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นการรักเป็นจึงไม่ใช่การสักแต่จะรัก แต่มันอัพเลเวลเป็นการเอาแรงรักมาทำให้เกิดประโยชน์งอกเงยจนกลายเป็นกำไรชีวิต จะพูดง่ายๆก็คือ รักเป็นคือการทำให้รักส่งผลกระทบต่อเราในทางที่ดี





สิ่งที่ผมรักมีอยู่แค่สามอย่าง ตัวเอง ครอบครัว และรถ





ผมรักตัวเอง


และเชื่อว่าคนที่มีสติปัญญาครบถ้วนส่วนมากต่างรักตัวเองและมีคนจำนวนหนึ่งที่เฝ้าหวังว่าจะรักตัวเองเป็น น่าสงสารที่หลายคนยังไม่รู้ว่าจะต้องรักตัวเองอย่างไร แต่เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นปัจเจก บางทีเวลาและประสบการณ์ชีวิตจะเป็นครูที่ดีที่จะค่อยๆสอนให้เราเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง การรักตัวเองเป็นสิ่งดีครับ เราสามารถเปลี่ยนพลังรักอันนั้นให้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนในการทำให้ตัวเองดีขึ้นได้ แต่ได้โปรดอย่าปล่อยให้ตาพร่าเลือนจนมองการรักตัวเองเป็นการเห็นแก่ตัวไปนะครับ มันคนละอย่างกัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ผิดอะไรนักหนา เพราะถ้าว่ากันจริงๆแล้วการเห็นแก่ตัวก็ไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว





ผมรักครอบครัว


ผมโตมาโดยมีอาม่ากับพี่สาวเป็นคนเลี้ยงดู สองคนนี้ประคบประหงมผมราวไข่ในหิน บ่อยครั้งที่ผมเอาแต่ใจไม่ใช่เพราะเขาเลี้ยงผมแบบนั้น แต่มันเป็นการเรียกร้องความสนใจในแบบของผม การที่เขาเห็นเราเป็นคนสำคัญมันช่างเป็นความสุขอย่างที่สุด จนผมแอบยิ้มกับตัวเองทุกที ทำไมผมถึงมีแค่อาม่ากับเจ้พลอย? พ่อกับแม่ได้จากผมไปตั้งแต่ผมเด็กๆแล้วละครับ หึ น่าแปลกที่ผมยังจำฝังใจกับสัญญาที่ป๊าม๊าให้ไว้ก่อนตาย





                “ป๊า… เพชรอยากไปด้วย”



            “ไม่เอาน่าตี๋เล็ก ป๊ากับม๊าไปทำงานนะครับ ไม่รักป๊าแล้วเหรอ”



            “รักสิฮะ”



            “งั้นตี๋เล็กก็อย่างอแงนะ”



            “แต่ป๊ากับม๊าทิ้งเพชรไว้คนเดียวนี่นา”



            “ป๊ากับม๊ารักเพชรจะตาย ป๊าไม่ทิ้งเพชรไว้คนเดียวหรอก ไว้ว่างๆจะพาไปหาแมวน้อยอีก”



            “สัญญานะฮะ”



            “ครับ แล้วป๊าจะรีบกลับ”




                ผมได้แต่ชะเง้อรอ รอแล้วรอเล่าทั้งคู่ก็ไม่กลับมา





เมื่อคนที่คุณรักที่สุดทิ้งคุณไป จึงไม่แปลกที่คุณไม่กล้ารักใครเพราะไม่อยากสูญเสีย ที่ผ่านมาผมจึงไม่ยี่หระกับการมอบความรักให้ใครหรือรับความรักจากใคร ต่อให้ความรักที่ใครๆอ้างอวดว่ายิ่งใหญ่เพียงใด กำแพงที่ผมก่อขึ้นมาในใจก็ยังคงตั้งตระหง่านไร้วี่แววสั่นไหว จนบางทีผมเกือบเข้าใจไปว่าผมคงด้านชากับความรู้สึกสีชมพูแบบนี้ไปเสียแล้ว ผมเคยคิดว่าจะไม่รักใครหรอกเพราะลึกๆแล้วผมกลัวว่าสักวันคนรักของผมจะหายไป





ผมรักรถ


และรสรักของผมจะดีกว่านี้มาก ไม่กระทืบเบรกจนล้อเสียดพื้นคอนกรีตเสียงดัง ไม่ปิดประตูรถโครมใหญ่ ไม่ขว้างกุญแจสลักรูปอาชาสีดำพ่วงพีอย่างไม่แยแส ถ้าพายุอารมณ์ไม่ก่อตัวขึ้นในยามเย็น…





เสียงล้อรถบดคอนกรีตดังแสบแก้วหูแต่ถ้ามันจะระบายความฉุนเฉียวออกมาได้บ้างผมยินดีจะเหยียบเบรกจนล้อสึก  ผมก้าวออกมาและปิดประตูรถโครมใหญ่ หากเป็นเวลาปกติผมจะทะนุถนอมรถกว่านี้ ผมรักในความเร็วหลายร้อยแรงม้า รักทรวดทรงปราดเปรียวของรถสปอร์ต รักความอิสระเสรีในการเดินทาง และมองเป้าหมายเป็นรางวัล แต่ตอนนี้อารมณ์ชมชื่นความเร็วและทรวดทรงปราดเปรียวของเจ้ารถสีแดงคันโปรดหายลับไปในซอกหลืบของความเดือดดาลที่ปะทุขึ้นในใจ





น่าโมโหที่สุด


ทำไมไอ้เตี้ยไม่สนใจผมเลย!





ผมกระทืบเท้าตึงตังเข้าบ้านไป เงาสะท้อนจากกระจกตู้โชว์สีขาวสไตล์ฝรั่งเศสในห้องรับแขกทำให้ผมเห็นคิ้วตัวเองขมวดเข้าหากันเป็นเส้นตรง หน้าตาบูดบึ้งงอง้ำ แก้มสองข้างออกจะแดงนิดๆไม่แน่ว่าจากพิษไข้หรือเพราะโมโหจนหน้าแดงห้อเลือด ตาขวางของผมแผ่รังสีทะมึนจนสาวใช้พากันหลบไม่กล้าสู้หน้า





พวกเมดคงรู้ว่าผมอารมณ์ไม่ดีอีกแล้ว
ถ้ารู้ก็อย่าหลบสิ เพราะมันจะทำให้ผมยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น จ้างให้มาช่วยดูแล ไม่ได้จ้างให้มาหลบหน้า





“เออคนบ้านนี้นับวันยิ่งเอาใหญ่ เห็นไหมเนี่ยกลับมาเหนื่อยๆ” ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาสีขาวครีม





“คุณเพชรจะรับอะไรดีคะ น้ำขิงหรือชาอุ่นๆดีไหม” หลิว สาวใช้ที่เด็กที่สุดในบ้านเข้ามารับหน้าผมโดยที่มีคนอื่นๆแอบผลักเธอมา





“จะต้องให้บอกกี่ล้านรอบว่าฉันไม่ชอบดื่มชา เฝื่อนตายชัก น้ำขิงก็ไม่ชอบ ทั้งเผ็ดทั้งร้อน !”





“ขะ ขอโทษค่ะคุณเพชร”





“อากาศข้างนอกร้อนจะเป็นจะตาย เธอยังคิดจะเอาของร้อนมาให้ฉันดื่มอีกหรือไง เมดบ้านนี้ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจสักคน หรือต้องหาเมดใหม่ถึงจะทำงานได้ดีกว่านี้? ไปเอาน้ำเย็นมา” ผมเบ้ปากไม่พอใจ พาดเท้าลงบนสตูลตัวโปรดด้วยท่าทีเคืองๆ





“แต่… คุณพลอยบอกว่าคุณเพชรป่วยอยู่นี่คะ” เธอขัดคอผม





“โอ๊ย ถ้าจะเรื่องมากขนาดนี้ฉันสร้างบริษัทน้ำดื่มเองเลยดีไหมล่ะ คนหิวน้ำเข้าใจหรือยัง ต้องให้ไปขออนุญาตใครอีก ปากฉันฉันดื่มเอง ป่วยหนักก็ช่างมัน เด็กใจร้ายบางคนยังไม่สนใจเลย ไปเอาน้ำเย็นมา ฟังรู้เรื่องใช่ไหม!”





หลิววิ่งงุดๆไปแล้ว
แต่อารมณ์เหวี่ยงของผมยังไม่หายไปไหน ป่วยทีไรเป็นแบบนี้ทุกที หงุดหงิด ครั่นเนื้อครั่นตัว พอไม่สบายตัวก็ยิ่งรำคาญใจ ถ้าใครทำอะไรขัดใจหน่อยเป็นได้เรื่อง เหมือนวันนี้ที่ไอ้เตี้ยขัดใจผมสุดๆ! มันน่าจับเฆี่ยนซะให้เข็ด จะตี โบย โบก เอาให้ร้องไห้หาไอ้จอมยอดชู้ไม่ทันเลยคอยดู ไอ้คนบ้านนี้ก็เหมือนกันขัดใจผมได้ตลอด เจ็บคอแทบตายแต่ต้องให้พูดเสียงดังถึงจะฟังกัน โว้ย เดือด ไม่พอใจ เซ็ง แค้น งอน โป้งแล้ว





ไม่มีเหตุผล?


ก็เรื่องของผม!





นอกจากอากาศข้างนอกจะร้อนแล้ว ตัวผมก็ร้อนเพราะไข้ ใจผมยังร้อนเพราะไอ้เด็กเฉิ่มๆคนหนึ่ง วันนี้เป็นวันที่แดดเปรี้ยงมาก ใครบอกว่าตอนนี้หน้าฝนผมคงคิดว่าเขาโกหก แดดจัดขนาดนี้ร้อนอย่างกับเป็นเนื้อแดดเดียว หากวันนี้จะเป็นวันที่ได้ดั่งใจ ผมคงไม่โมโหอารมณ์เสียขนาดนี้





หลายชั่วโมงก่อนหน้านี้
ยังมีช่วงเวลาที่ผมชอบ





สิ่งที่ผมชอบมีหลายอย่าง หากจะให้สาธยายก็คงพูดกันจนหอแห้ง เอาเป็นว่าผมจะพล่ามในความชอบที่คุณควรจะรู้เกี่ยวกับตัวผมละกัน





ผมชอบสาวเปรี้ยวหุ่นดี เอ่อเรื่องนี้ควรจะบอกหรือเปล่า? เอาเถอะไหนๆก็พูดแล้วผมจะอธิบายให้ฟัง ผู้หญิงเปรี้ยวในนิยามของผมคือผู้หญิงมั่นใจ เก่งในทางใดทางหนึ่ง เป็นคนที่แผ่รังสีของความเชื่อมั่นในตัวเอง เรื่องการแต่งตัวก็สำคัญ จะเปรี้ยวไม่จำเป็นต้องแต่งตัวโป๊ เพราะถ้าโป๊มากผมว่ามันดู slutty แต่สาวเปรี้ยวในแบบฉบับของผมคือคนที่แต่งตัวดูดี เข้ากับตัวเอง ไม่ปิดจนมิดชิดและไม่วาบหวิวจนเกินไป คือพอมีส่วนที่เหลือให้ได้ใช้จินตนาการ ส่วนหุ่นผมชอบที่ ขายาวเรียวสวย เอวบางร่างน้อย และที่สำคัญคือส่วนนั้น… ผมหมายถึงหน้าอกของผู้หญิง (ขอเช็ดน้ำลายแปป) ยอมรับว่าผมไม่ชอบแบบไม้กระดาน แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นผลส้มโอหรือแตงโมหรอก (ได้ก็ดี) แค่พอดีไม้พอดีมือก็พอแล้ว





“โอ๊ย”





ผมโดนดีดหน้าผากขณะเหล่มองผลแตงโมที่เดินผ่านไป





“จะเอาอีกทีไหม มองอยูนั่น” คราวนี้นาวายกช้อนขึ้นมา ทำท่าจะซ้ำรอยเดิม





เพราะผมชอบสาวสวยหุ่นดีบางทีก็เลยอดไม่ได้ที่จะต้องมอง อย่าแบะปากใส่ผม เป็นใครก็ต้องมองเชื่อเหอะ ผู้ชายร้อยทั้งร้อยชอบมองผู้หญิงสวย ผู้หญิงก็ชอบมองคนหล่อ ใครๆก็ชอบมองของสวยๆงามๆกันทั้งนั้น ผมแค่มองเฉยๆนะครับไม่ได้คิดอะไร (แต่ทำไมฟังดูเหมือนแก้ตัว เชื่อเหอะผมไม่คิดอะไรจริงจริ๊ง)





“ไม่ได้มองซะหน่อย” ผมโกหก ทำเป็นตักโจ๊กเข้าปาก





ตอนนี้เราสองคนอยู่ที่โรงอาหารของคณะมนุษย์ครับ กำลังทางข้าวเช้าเพราะไม่ได้รองท้องมาจากบ้าน วันนี้นาวามีเรียนเช้าผมเลยต้องรีบออกมาด้วย การถ่างตาตื่นพร้อมพระอาทิตย์เป็นอะไรที่ทรมานมากสำหรับผม





“ลิ้นห้อยเชียว ยังจะมาปฏิเสธ” นาวาขยับแว่นให้เข้าที่ วันนี้เขากลับมาสวมแว่นเหมือนเดิม ไอ้หนูวาให้เหตุผลว่าไม่อยากใส่คอนแทกเลนส์เพราะใส่ลำบาก อันตรายกลัวตาติดเชื้อ บลา บลา บลา สรุปว่าจะกลับไปเป็นไอ้เฉิ่มแว่นตัวเตี้ยตามเดิม





“เดี๋ยวนะ ลิ้นห้อย? นั่นมันหมานิ”





“เชื่องดีแฮะ ด่าตัวเองก็เป็น ไหนๆขอขาหน้าหน่อย” ไอ้แว่นยิ้มตาหยีที่หลอกด่าผมได้





“แล้วในปากที่นายเลี้ยงไว้ล่ะ ไม่เรียกว่าหมาเหมือนกันหรือไงครับไอ่เตี้ย”





“นี่แน่ะ”





“โอ๊ย” คราวนี้เป็นช้อนจริงๆครับ โดนหน้าผากผมทีนึงเต็มๆ “เถียงไม่ชนะแล้วใช้กำลังตลอด เป็นพวกชอบความรุนแรงหรือไง โรคจิตอ่อนๆนะเราเนี่ย”





“กล้าเนาะมาหาว่าฉันโรคจิต ไอ่คนจิตปกติไม่คิดอกุศลอย่างนายเนี่ย เห็นสาวนมโตหน่อยไม่ได้ น้ำลายยืดเชียวนะไอ้หื่นกาม เดี๊ยะปั๊ดตีหัวแบะ มัวแต่เหล่สาวจนไม่ได้ยินใช่ไหมที่ถามน่ะ”





“ถาม? เรื่องอะไร?”





“ฮึ่ย” นาวาทำหน้าขบเคี้ยวฟัน มือที่จับส้อมกำแน่นซะจนผมเริ่มเกรงใจ (ไม่กลัวน๊ะ) “ตกลงนัดร้านคุณวิทย์ไว้กี่โมง”

เมื่อชื่อของดีไซนเนอร์แถวหน้าหลุดออกมาจากปากนาวา ผมก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เรามีนัดวัดตัวกับดีไซน์เนอร์มากฝีมือเพื่อน(สาว)ของพี่สาวผมเอง ที่จริงผมใช้บริการห้องเสื้อนี้บ่อยจนไม่จำเป็นต้องวัดตัวอีกให้มากความ เขาคงมีจดไว้แล้ว แต่ที่จะต้องพาไปคราวนี้ก็เพราะไอ้เด็กเอ๋อแถวนี้ยังไม่เคยไปวัดตัวกับทางร้าน





“เย็นๆโน่นแหละ เดี๋ยวเรียนเสร็จจะมารับ”





“งานด่วนขนาดนี้จะทันเหรอ เราเพิ่งจะเข้าไปวันอังคาร พฤหัสหน้าก็ต้องใช้แล้ว”





“พี่วิทย์เก่งจะตาย ช่างเย็บเขาก็มีอีกเป็นกระบุง งานนี้ต้องออกมาดีแน่ๆไม่ต้องห่วงหรอก รับรองวันหมั้นไม่มีใครขโมยซีนหนูวาของเฮียได้แน่ๆ”





“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเว่ย ใครจะไปอยากเด่น ฉันแค่เป็นห่วงกลัวเขาต้องเร่งทำงานกัน กลัวคนอื่นจะหาว่าฉันเป็นคนเอาแต่ใจเหมือนนาย สั่งปุ๊บอยากได้ปั๊บ แล้วเอ็งอยากตายมากไงไอ้เฮีย(เสียงสูง) พูดออกมาได้หนูวาของเฮีย ฮึ่ย หยุดเลยไม่ต้องมายิ้ม”





“อ๊าว ยิ้มอยู่เหรอ ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย”





ที่สามนาฬิกาของผม ผลแตงโมคู่เดิมเดินผ่านมาอีกแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจจะหันไปมองหรอกครับ แต่เหมือนมันมีอะไรสะกดจิตให้ผมหันไป แหมก็มันใหญ่โตโอฬารทิ่มตาปานนั้น





แปะ





ฝ่ามือนิ่มๆของนาวาแรงเยอะไม่เบา ฟาดกลางหน้าผากผมเป็นรอบที่สาม เหมือนไอ้เตี้ยนิ่งไปชั่วครู่เมื่อเขาก้มมองฝ่ามือตัวเอง แต่ไม่นานก็กลับมาทำหน้าบึ้งเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้ผม





“บอกคุณวิทย์ว่าตัดชุดดำดีไหมวะ ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากตายดี” นาวาทำท่าจะคว้าแขนข้างที่โดนเย็บของผมไปขยำเล่นให้สาแก่ใจ เมื่อเห็นผมหลบเลยแก้เผ็ดด้วยการเหยียบเท้าผมใต้โต๊ะ





“โอ๊ย น่วมหมดแล้ว มือหนักตีนหนักชะมัด”





“รู้ก็ดี”





“ดุขนาดนี้ไปศึกไทยไฟท์เลยไหมละ จะซื้อค่ายมวยไว้ให้”





“เอานายมาเป็นนวมด้วยก็ดีนะ พ่อจะศอกเช้าเข่าเย็นเลยคอยดู” นาวาหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า





“หึงก็พูดเถอะ” ได้ผล คำพูดแทงใจดำของผมทำอีกคนหน้าแดงขึ้นมาทันที “มองเฉยๆไม่ได้คิดอะไรน่า หึหึ ไม่ต้องหึงหรอก”





ผมชอบเวลาที่นาวาเขินจนหน้าแดง หรือเวลาที่เขาทำหน้างอแก้มป่อง ดูแล้วเหมือนเด็กๆน่าแกล้ง อย่างเช่นเวลานี้ที่นาวาทั้งเขินทั้งหน้างอ ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังยิ้มแก้มแทบปริ สำหรับผมการเขินเป็นสิ่งที่น่าดูชม คนเราจะเขินจริงๆได้ก็ต้องมาจากความรู้สึก จะเรียกว่าหน้าบาง ประสบการณ์น้อย อารมณ์ไม่ด้านชาอย่างไรก็ได้ อาจงงไปหน่อย เอาเป็นว่าถ้าคุณเป็นคนที่เจอกับผู้หญิงเปรี้ยวๆเฉี่ยวๆแบบผมมาโดยตลอด คุณจะรู้ว่าคำว่าเขินอายไม่มีในพจนานุกรมของพวกเธอ อาจมีบ้างที่บางคน(ทำเป็น)เขิน แต่ก็ไม่เนียน





การเขินของนาวาจึงดูเป็นธรรมชาติ และน่ารักที่สุดในสายตาผม





“เตี้ยรอพี่ก่อน” นาวาคว้ากระเป๋าตัวเองทำท่าจะเดินออกจากโรงอาหารไป ผมเลยต้องจัดการกับสัมภาระของตัวเองบ้าง ไอ้ตัวเล็กไวชะมัด ชอบหนีผมอยู่เรื่อย ชอบเขินแล้วเดินหนี อย่าเพิ่งไปสิเอาแก้มแดงๆมาดูก่อนเช้านี้จะได้มีแรงใจในการเรียน





“นี่เตี้ย” ผมเอาแขนตัวเองสะกิดไหล่นาวา แล้วแอบเนียนโอบไหล่อุ่นๆของเขาเอาไว้ ผมแอบยิ้มให้กับความลื่นไหลของตัวเอง ถ้าได้กอดไหล่คนน่ารักนานๆแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ สบายมือดี เหมือนไหล่ของนาวาถูกออกแบบมาเพื่อผม วางมือได้พอดี โอบได้ทั้งตัว





“มีไร” นาวากระชากเสียงดุนิดๆ





“ไม่ต้องโมโหกลบเกลื่อนก็ได้ หึงก็บอกเถอะน่า พี่ดีใจนะที่หนูวาหึง” ผมก้มลงกระซิบข้างๆหู ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเด็กน้อย เวลานี้ผมยิ้มเหมือนคนบ้าเลยละครับ





“คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปแล้วตี๋ ไม่หึงเว้ย”





“งั้นกลับไปมองผู้หญิงคนนั้นอีกดีกว่า”





“นี่แน่”





“โอ๊ย ดีดหน้าฝากอีกแล้ว เวลานายหึงเนี่ยดุชะมัด”





“ย้ำอีกครั้งนะไอ้คนหลงตัวเอง ไม่ได้หึงเว้ย แต่ถ้านายอยากไปกับผู้หญิงอกตู้มคนนั้นมากนัก ฉันจัดการให้เอง” นาวาหยุดเดิน เป็นผลให้ผมหยุดเดินไปด้วย นาวาสอดสายตามองหาใครสักคน แล้วก็เป็นไปตามคาดนาวากวักมือเรียกผู้หญิงเจ้าของผลแตงโมที่เดินโฉบผ่านหน้าผมไปหลายต่อหลายรอบ “มิกกี้ มานี่หน่อยสิ”





“ค่ะ พี่วา” เธอตอบรับด้วยรอยยิ้มที่เรียกได้ว่าแทบจะฉีกถึงใบหู





ห๊ะ! เสียง สะ..เสียงนั่น ชัดเลยครับ ชัดเจน นั่นมันผู้ชายนี่หว่า





“มิกกี้ ไอ้ตี๋นี่มันชอบน่ะ” นาวาพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ มิหนำซ้ำยังเอาซอกกระทุ้งสีข้างผมซะอีก “อ้าวถึงกับอ้าปากค้างเลยเหรอตี๋ สวยระดับขึ้นประกวดเวทีมิสทิฟฟานีได้สบายๆเลยนะ อย่ามัวอึ้งในความสวยมากนักล่ะ ขึ้นเรียนแล้วนะตี๋ มิกกี้ก็ดูแลเพื่อนพี่ดีๆนะ”





“ได้เลยค่ะพี่วา หนูจะไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ”





หมับ





มิกกี้สาวเทียมหน้าอกใหญ่คนนั้นเกาะแขนผมไม่พอ แถมยังเอาผลแตงโมดันแขนผมอีก โอ้ว ไอ้เพชรมึงนะมึงไม่น่ายั่วนาวาจนได้เรื่องเลย





“นาวา รอพี่ด้วยครับ” ผมร้องออกไป แต่ดันโดนผลแตงโมซิลิโคนรั้งเอาไว้





“พี่จะรีบไปไหนคะ อยู่คุยกับมิกกี้ก่อนนะ”





“เอ่อ พี่ว่าเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย พี่ว่าพี่ไปดีกว่านะ”





“โอ๊ย เข้าใจผิดก็ไม่เป็นไรค่ะ เราไปนั่งปรับความเข้าใจกันตรงโน้นดีกว่านะคะ มุมเงียบ ปลอดคนดี” มิกกี้ทำปูไต่บนหน้าอกผม โอ๊ย แถมขยิบตาใส่ผมอีก ไอ้คนที่อยากให้ทำดันไม่เคยทำ ไอ้คนที่ทำกลับไม่ใช่แบบที่ต้องการ





“ไม่ดีกว่าครับ ไปนะ”





“ไม่ให้ไปค่ะ” เสียงห้าวและแรงกระชากของมิกกี้ทำผมแทบเซ





“นาวา ช่วยพี่ด้วย…..”







พักเที่ยง





ชีวิตนักศึกษามักวนลูปเดิม พูดง่ายๆก็คือเรียน เรียนเสร็จก็กิน กินอาหารในที่เดิมๆ อาหารหน้าตาเดิมๆ การเป็นนักศึกษาที่กินแต่ข้าวจากโรงอาหารกลางจึงเป็นอะไรที่น่าเบื่อสำหรับผม ผมเป็นคนขี้เบื่อง่าย เลยมักจะเลี่ยงการทานข้าวเที่ยงที่โรงอาหารกลางของมหาลัย(ถ้าไม่จำเป็น) วันนี้ก็เช่นกัน ผมกะจะชวนนาวาออกไปทานร้านประจำข้างนอก ตั้งแต่ที่บอกเขาว่าจะตั้งใจจีบเขาในคืนนั้น ผมยังไม่ได้เดินหน้าทำตามคำพูดที่เอ่ยออกไป มื้อเที่ยงของวันนี้เลยอยากพานาวาออกไปทานของอร่อยกันสองต่อสอง





แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้!





“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของบรรดาเพื่อนๆ หรือเรียกง่ายๆก็คือพวกมารผจญ ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ





“แล้วมันก็หนีน้องมิกกี้เข้าห้องน้ำตรงตึกบริหาร แอบอยู่ตั้งนานกว่าจะกล้าออกมา” ไอ้จอมพูดมากผิดปกติ มันเอาเรื่องเมื่อเช้ามาเผาผมกลางโต๊ะที่มีไอ้เปรม ไอ้นาย และตามใจนั่งอยู่ด้วย





“เฮียโดนพี่มิกกี้แกล้งยั่วเข้าแล้ว ที่คณะใครๆก็รู้ว่าพี่แกเพิ่งไปแปลงเพศมา สวยโดนใจไหมล่ะเฮีย” ตามใจยิ้มล้อผมจนตาหยี





“ที่เฮียโดนแกล้งเพราะรุ่นพี่ตัวดีของตามต่างหาก นาวามันจงใจแกล้งบอกน้องมิกกี้อะไรนั่นว่าเฮียชอบ แค่นั้นแหละ แม่คุณตามไม่ห่างเลย กว่าจะหนีได้แทบตาย” ผมว่า





“ก็สมน้ำหน้า อยากเหล่สาวต่อหน้าคู่หมั้นทำไม” ไอ้นายที่ใส่เสื้อช็อปวิศวะเหมือนกับไอ้เปรมทับถมผมด้วยคำพูดของมัน





“กูไม่ตั้งใจเหล่เว้ย หันมองเฉยๆ ตู้มสะดุดตาขนาดนั้น” ผมแก้ตัว





“แล้วนี่นาวาไปไหน เห็นลงรถมากับมึงแต่ยังไม่เข้าร้านมาเลย” นายถามผมที่กำลังเปิดเมนูเตรียมสั่งอาหาร





“เห็นว่าจะเข้าร้านสะดวกซื้อก่อน เดี๋ยวค่อยตามมา” ผมตอบ พลางถอนหายใจ เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมต้องหงุดหงิดสิ ไอ้พวกนี้จู่ๆก็ตามผมกับไอ้ตัวเล็กมา “ว่าแต่พวกมึงเหอะ ตามมาเป็นก้างขวางคอกูทำไมเนี่ย”





“อ้าว ตามไม่ใช่ก้างนะเฮีย” ตามใจท้วง





“เป็นสิ” ไอ้จอมพูดขึ้นลอยๆ พลางพลิกดูเมนูไปเรื่อยๆ ไม่สนใจมองคนที่มันเหน็บด้วยซ้ำ





“อ้อถ้าหมายถึงเมื่อตอนสายอ่ะใช่” ตามใจกอดอก มองไปทางจอมทัพอย่างไม่พอใจนัก “แต่ตอนนี้ไม่ใช่เว้ย”





“ตอนสาย หมวยทะเลาะอะไรกับไอ้จอมมันอีก” เปรมถามน้องตัวเอง แถมเอามือโยกหัวตามใจด้วยท่าทางเอ็นดูมากกว่าดุน้อง





“ก็ตอนนั้นตามตื่นเช้าเลยไปนอนอ่านหนังสือในห้องนั่งเล่น รอเวลาจะไปเรียน แต่สักพักเพื่อนเฮียก็โผล่มา คุยโทรศัพท์กระหนุงกระหนิงกับพี่วาคู่หมั้นเฮียเพชร ‘ครับ ครับได้ครับ วาจะให้พี่ทำอะไรอีกไหม’ สงสัยความมุ้งมิ้งมันทำให้ตามมือสั่นเลยทำหนังสือหล่น เพื่อนเฮียเลยรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียว รีบวางโทรศัพท์แล้วหาว่าตามเป็นเด็กเก็บกด แอบฟังคนคุยโทรศัพท์ ไม่มีมารยาท”





“ถ้าไม่แอบฟังจะรู้ได้ไงว่าพูดอะไรบ้าง” จอมทัพพูดหน้าตาย วางเมนูลงข้างๆตัว





“ก็… ก็มันได้ยินเองนี่นา” ตามใจเถียงกลับอย่างไม่ยอมกัน





“นี่แหละก้างของจริง จุ้นเรื่องคนอื่นด้วยเด็กหัวเห็ด” จอมทัพล้อทรงผมของตามใจด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไอ้นายหัวเราะหึหึแต่ไม่กล้าแสดงออกมากนักเพราะกลัวพี่สุดหวงอย่างเปรมจะเล่นงานเอา





“นายแหละก้าง ไอ้ก้างพูดน้อยแต่เถียงฉอดๆเลย” ตามใจดูจะไม่ยอมแพ้





“พอๆ ไม่ต้องเถียงกันเลยทั้งสองคน” ผมปราม “ที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็เป็นก้างหมดนั่นแหละ คนจะมาทานข้าวกันสองต่อสอง”





“ก็พวกกูจะไปรับไอ้หมวยมาทานข้าว ดันไปเจอมึงไปรับน้องวาพอดี เลยคิดว่าออกมาทานด้วยกันเสียเลย หลายๆคนสนุกดี คิคิ” เปรมยกยิ้มอย่างยี่หระต่อความเป็นก้างขวางคอแต่อย่างใด





“ส่วนมึง จอม ตอนสายทำไมมึงคุยกับคู่หมั้นกู ใครโทรหาใคร” ผมถาม





“นาวาโทรมา” จอมทัพตอบ





“คุยเรื่องอะไรกัน” ผมว่าน้ำเสียงผมเริ่มห้วนนิดๆ รู้หรอกว่าเพื่อนคงไม่คิดแย่ง แต่ก็ไว้ใจไม่ได้หรอกครับ ไอ้เตี้ยมันชอบยั่วจนใครๆหลงมันกันเป็นแถว ไอ้เด็กเฉิ่มนั่นก็ไม่รู้หรอกว่าการกระทำของตัวเองเขาเรียกว่าอ่อย จะใสบ้องแบ๊วไปถึงไหน





“คุยเรื่องมึง” สีหน้าและแววตาของจอมทัพบอกว่าที่พูดเป็นความจริง





“เรื่องกู? ทำไมวะ”



“ก็ไม่ทำไม” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นข้างหลัง นาวาเดินเข้ามานั่งตรงกลางระหว่างผมกับจอมทัพ ในมือถือถุงพลาสติกเล็กๆมาด้วย “สั่งข้าวเลยดีกว่า หิวแล้ว” สิ้นคำพูดของไอ้เตี้ย เหมือนทุกคนจะไม่สนใจผม สั่งของกินกันมาอย่างกับอดอยากมาจากไหน เมื้อเที่ยงมื้อนี้เลยผ่านไปไวมาก





ตลอดทางที่ขับรถจนมาจอดหน้าคณะมนุษย์ศาสตร์ ผมพอจะรู้ว่าตัวเองหน้าบึ้งแค่ไหน อะไรกัน ห่างผมไปแปปเดียวแต่นาวาดันโทรหาเพื่อนผม แบบนี้มันน่าน้อยใจไหมละครับ ผมเริ่มหงุดหงิดเล็กๆแล้วนะ





“เดี๋ยวตอนเย็นเราต้องไปร้านคุณวิทย์ใช่ไหม อันที่จริงนะ ให้ฉันไปคนเดียวก็ได้นะตี๋ นายเคยวัดตัวที่นั่นแล้ว”





“โทรหาไอ้จอมทำไม”





“ตอนเย็นนายกลับบ้านไปเลยก็ได้นะ เอาเป็นว่าเย็นนี้ฉันจะไปเอง”





“ถามไม่ตอบ”





“อยากรู้อะไรตี๋”





“คุยอะไรกับไอ้จอม โทรหามันทำไม มีอะไรทำไมไม่โทรหาฉัน”





“โทรไปคุยเรื่องนี้ไง” นาวายื่นถุงที่ตัวเองได้มาจากร้านสะดวกซื้อ ผมรับมางงๆ “แกะดูสิ”





“ยา?” ข้างในมียาแก้ปวดและยาลดไข้





“อื้ม ก็ตอนเช้ารู้สึกหน้าผากนายร้อนๆ เลยโทรไปให้พี่จอมช่วยดูอาการให้ เผื่อไข้จะขึ้น นายเองคงเสียเลือดไปมากเพราะแผลนั่นเลยเป็นไข้แบบนี้ แถมคืนนั้น… ก็เกือบไม่ได้พักอีก ไม่ป่วยก็แปลกแล้ว” นาวาอธิบายแถมมีอาการแก้มแดงให้ผมเห็น เลยอดไม่ได้ที่จะดึงร่างบางเข้าแนบตัว แม้ตอนนี้เราสองคนจะอยู่ในรถ อาจจะทุลักทุเลไปหน่อย แต่ผมก็แอบขโมยหอมแก้มนาวามาได้สองฟอดใหญ่ๆ





“ไอ้ตี๋ ไม่ต้องมาหื่นเลย กินยาด้วยนะ ถ้ารู้ว่าไม่ได้กินนายโดนแน่”





“คร้าบผม น่ารักจัง เป็นห่วงพี่ด้วย แบบนี้จะจีบให้ติดเลยนะครับคุณคู่หมั้น”





“ฮึ่ย ให้หายเดี้ยงก่อนเถอะ ไปละ”





“คร้าบป๋ม เจอกันตอนเย็นนะเตี้ย”





ผมขับรถกลับคณะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม การมีนาวาเข้ามาในชีวิตเหมือนมียาใจ แค่รู้ว่าเขาเป็นห่วงผมก็รู้สึกหายป่วยราวปลิดทิ้ง จนผมลืมไปเลยว่าจะต้องกินยา ลืมไปเลยครับว่าการไม่ทานยาจะนำพาความซวยและเรื่องปวดหัวให้ผมมานอยเล่น เงามืดค่อยๆคืบคลานเข้าสู่ชีวิตโดยที่ผมไม่รู้ตัว…





---------------------50%--------------------

มาแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวอีกครึ่งกำลังจะตามมา

คิดถึงนักอ่านทุกคน สอบเสร็จแล้ว ได้เวลากลับมาอัพนิยายต่อ ดีใจที่คนอ่านยังไม่หนีหายไปไหน ขอบคุณทุกๆกำลังใจนะครับ ^^

 

Love Most,

Killian
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2015 18:29:56 โดย Killian »

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
สมน้ำหน้าพี่เพชร อยากมองนมดีนักเลยดีดหน้าผากไปหลายที

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
มิกกี้แซ่บมั้ยหล่ะพี่เพชร :laugh:

น้องวาน่ารักเป็นห่วงพี่เพชรด้วย

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
จะมีอะไรดราม่าอีกหรือเปล่าน้อออ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
รองานหมั้นเมื่อไหร่จะมาสักที

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
การลืมกินยาพาพี่เพชรซวยยังไงนะ
รอครึ่งหลังนะคะ มาต่อเร็วๆนะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
อีพี่เพชรนิสัยไม่ดีเลย เจ้าชู้จริงๆมันโดนมากกว่านี้จริงๆ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
มองนมเพลินกรรมเลยตามสนองแบบนี้แหละพี่เพชร :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ตี๋น่าร้ากกกก

ออฟไลน์ Killian

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
    • Killian
คนอ่านหายไปไหนกัน :o12:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
หึหึ หนูวาสั่งแล้วนิว่าให้กินยา
งานนี้ตี๋โดนราหู เอ้ย อำนาจมืดเล่นงานแน่

ออฟไลน์ Killian

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
    • Killian


ตอนพิเศษ HNY 2016: จอมทัพ ตามใจ และกรุ่นไอทะเล




1.





กลิ่นไอทะเลยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองไว้เสมอ กรุ่นเกลือจากผืนน้ำเค็มสีครามกว้างสุดลูกหูลูกตาโชยเข้าจมูก ภายใต้ท้องฟ้าสีไพลินที่ประดับประดาไปด้วยก้อนเมฆขาว หากมองไปไกลๆตรงฟากโน้นจะเห็นท้องทะเลบรรจบกับขอบฟ้าราวสรวงสวรรค์กับผืนน้ำเอื้อมมือแตะกัน





ลมทะเลพัดเอากลิ่นเค็มน้ำครามและความชื้นของไอน้ำมาด้วย เป็นผลให้ปลายผมที่เริ่มยาวของตามใจพลิ้วไหวไปตามแรงลมโบก เด็กหนุ่มสูดหายใจเอากลิ่นทะเลเข้าปอด มือป้องตากันแดดจ้ายามสายเพราะกำลังเงยมองนกนางนวลสีขาวราวหิมะที่กรีดปีกบินอยู่เหนือหัว มืออีกข้างจับราวระเบียงเรือไว้แน่น





แม้จะเคยเดินทางไปยังเกาะเล็กเกาะน้อยด้วยเรือเฟอร์รีหลายครั้งหลายครา แต่ตามใจก็ยังไม่ชินกับความโคลงเคลงของเรือ ขึ้นเรือลำไหนพาลจะคลื่นไส้ทุกที ครั้งนี้ก็เช่นกัน





เขาไม่อาจนั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้องโดยสาร ในนั้นคนเยอะอัดแน่น รังแต่จะทำให้อาการเมาเรือกำเริบขึ้นมาก็เท่านั้น สู้ออกมาสูดอากาศข้างนอกริมระเบียงเรือที่มีทางเดินเล็กๆ ออกมาเห็นแสงแดด ท้องฟ้าและผืนน้ำ ยังจะดีเสียกว่านั่งอุดอู้อยู่ข้างใน และดียิ่งกว่าที่ไม่ต้องทนนั่งเบียดกับไอ้คนนั้น





จุดหมายของเรือเฟอร์รีโดยสารลำนี้คือเกาะพะงัน แน่นอนว่าในวันที่กำลังจะมีปาร์ตี้ฟูลมูลส่งท้ายปีอย่างเช่นวันนี้ ผู้คนมากหน้าหลายตา หลากเชื่อต่างชาติ ย่อมหลั่งไหลเข้ามาที่เกาะแห่งนี้กันอย่างเนืองแน่น วันที่ 31 ธันวาคม จึงเป็นวันที่คนไม่ชอบอยู่ท่ามกลางฝูงชนแออัดควรงดเดินทาง





แล้วเหตุใดตามใจจึงมาอยู่ที่นี่?





ต้นเรื่องอยู่ที่พี่ชายตัวดีของเด็กหนุ่ม เปรมรบเร้าเพื่อนร่วมบ้านทุกคนเพราะอยากมาปลดปล่อยสุดเหวี่ยงที่เกาะพะงันในวันสิ้นปี ยกเหตุผลของการพักผ่อนมาอ้าง ถือเป็นการคืนกำไรให้แก่ชีวิตหลังลำบากตรากตรำสู้ศึกหนักสอบไฟนอลของเทอมแรก เลยอยากให้การมาเยือนเกาะพะงันครั้งนี้เป็นการคืนความสุขให้กับตัวเอง





ข้ออ้างของพี่ชายฟังไม่ขึ้น สำหรับตามใจคงเข้าใจดีว่าแท้จริงแล้วเปรมอยากจะมาดูแหม่มฝรั่ง ตามใจยังจำคำพูดของพี่ชายที่ใช้ยกยอสาวฝรั่งอั้งม้อครั้งที่มาเที่ยวด้วยกันเมื่อสองปีก่อนได้ดี





‘สวยตั้งแต่ท่าเรือยันท้ายเกาะเลยเว้ย บิกินีแจ่มๆทั้งนั้น’





ตามใจถอนหายใจหัวเสีย เพราะไอ้คนต้นเรื่องดันหายหัวไปก่อนจะขึ้นเรือ หมอเตติดเวรขึ้นหวอด นายโดนพ่อแม่ตามตัวกลับบ้าน ส่วนเฮียเพชรก็บอกปัดตั้งแต่ถูกเอ่ยชวน แววตาวาวโรจน์ของตรีเพชรบ่งบอกว่าเขาคิดแผนสร้างช่วงเวลาพิเศษกับคู่หมั้นที่เพิ่งย้ายไปอยู่ด้วยกันประมาณสามเดือนเศษ





ทำไมเราต้องมากับหมอนี่สองคนด้วยเนี่ย





ตามใจอยากจะทึ้งหัวตัวเองให้หายโมโห แต่เพราะเรือโคลงจนต้องรีบจับราวระเบียงเลยทำให้เด็กหนุ่มทำร้ายตัวเองไม่ได้ หมวกสานทรงสวยพอดีศรีษะถูกสวมให้กับตามใจโดยไม่ทันตั้งตัว เด็กหนุ่มสะดุ้งตกใจ ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเห็นคนที่ถือวิสาสะสวมหมวกให้





“ใส่ไว้ เดี๋ยวโดนแดด” แม้จอมทัพจะพูดกับตามใจ นัยน์ตาสีรัตติกาลของชายหนุ่มกลับมองไปที่นกนางนวลกำลังโบกบิน





“ยุ่งอะไรด้วย ขอร้องสักคำเหรอว่าอยากได้หมวก” ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ตามใจก็จับหมวกกดกับหัวไว้แน่น กลัวว่าลมแรงจะทำให้หมวกสานใบสวยปลิวลอยไป





“คิดว่าอยากยุ่ง?” จอมทัพเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม คราวนี้เขาหันกลับมาจ้องหน้าตามใจ “ไอ้เปรมสั่งไว้หรอก”





“ไอ้เฮียสั่งไว้? ไปคุยกันตอนไหน อยู่ท่าเรือภูเก็ตก็ไม่เห็นมันโผล่หัวมา” ตามใจนึกแค้นพี่ชายนักเชียว ถ้ารู้ว่าต้องมาทนอยู่กับจอมทัพเพียงสองคน เขาขอไม่มาดีกว่า





“ตอนอยู่ท่าเรือมันโทรมา” จอมทัพยังคงพูดน้อย แถมคำพูดแต่ละอย่างไม่อธิบายให้ชัดเจนเอาเสียเลย ตามใจหงุดหงิดแต่กะนั้นก็ต้องทำตัวใจเย็น ถามไถ่จอมทัพจนได้ความ





“โทรมาคุยอะไรกัน มันบอกไหมว่าทำไมถึงมาไม่ได้”





“ที่รีสอร์ตมีปัญหา ต้องอยู่ช่วย” จอมทัพอธิบาย





“โถ่เอ้ย ให้ใครช่วยก็ได้ พนักงงานเยอะแยะ”





“คงเป็นเรื่องใหญ่” จอมทัพทอดสายตามองผืนน้ำสีคราม





ตามใจแยกเขี้ยวใส่คนตัวโตกว่า เพราะคิดว่าเขาไม่เห็น แต่ไหนแต่ไรแล้ว จอมทัพไม่เคยมองเขาเลย… ต่อให้พูดกัน สายตาคู่นั้นของคนข้างๆที่ยืนจับราวระเบียงด้วยท่าทีสบายก็ไม่ค่อยมองมาที่เขา นี่อาจเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ตามใจไม่ค่อยสนิทใจกับเพื่อนสนิทพี่ชายคนนี้นัก





เรือเฟอร์รีโดยสารออกเดินทางจากท่าเรือภูเก็ตประมาณสิบโมงเช้า ใช้เวลาอีกราวๆสองชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย ตอนนี้เรือออกมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว และความวิงเวียนโคลงเคลงก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น จนตามใจภาวนาขอให้เวลารีบเดินเร็วไว ให้รีบถึงที่หมายก่อนที่เขาจะสำรอกเอาความวิงเวียนออกมาเสียจนหมด





“รับลมพอยัง?” จอมทัพถามขึ้นหลังจากยืนเงียบกันมาสักพัก ตามใจทำหน้าฉงน แต่ก็อีกนั่นแหละ เด็กหนุ่คิดว่าจอมทัพไม่เห็นเพราะเขาไม่มองมาทางตัวเอง เอาแต่จ้องผืนน้ำอยู่นั่น





“เข้าไปข้างใน” เมื่อจอมทัพพูดจบก็คว้าข้อมือของตามใจ เป็นนัยว่าให้เดินไปกับเขา





“ไม่เอาไม่เข้า คนเยอะเวียนหัว” เด็กหนุ่มพยายามรั้งแขนไว้ แต่ไหนเลยจะสู้คนที่ฉุดลากเขาได้





“ตามมาเถอะน่า”



2.





ภายในห้องโดยสารที่ผู้คนแออัด สองร่างนั่งเบียดจนไหล่ชนกัน หนึ่งคนทำหน้าบู้บี้ อีกคนกำลังก้มค้นกระเป๋าไม่ยี่หระต่ออะไรทั้งนั้น ตามใจอาจทำหน้าเหยเกเพราะสองสาเหตุ ประการแรกคือเซ็งไอ้คนข้างๆที่ฉุดกระชากเขาออกมาจากระเบียงเรือ สาเหตุที่สองน่าจะเป็นเพราะอาการเมาเรือเริ่มเป็นหนัก ตามใจรู้สึกเรือโคลง เวียนหัวจนไม่อยากทน





จอมทัพควานหาของในกระเป่าใบเล็กจนในที่สุดก็เจอ ยาเม็ดจิ๋วอยู่ในฝ่ามือของชายหนุ่ม มืออีกข้างมีขวดน้ำดื่มเตรียมพร้อม





“ทานนี่ซะ” จอมทัพหงายมือให้ตามใจดู ยาเม็ดเล็กยิ่งทำให้ตามใจหน้าหงิกหน้างอ





“ไม่กินยาได้ไหม ไม่ชอบ”





“ไม่กินยาแก้เมาเรือแล้วมันจะหายไหม ยังต้องอยู่บนเรืออีกนาน” ตามใจมีข้อสังเกตอีกอย่างสำหรับจอมทัพ ถ้าได้บ่น จากคนพูดน้อยก็จะเริ่มพูดได้ยืดยาว แต่เห็นจะพูดมากที่สุดหากนั่นเป็นการเถียงกันระหว่างจอมทัพกับเขา





“เรื่องของฉันน่า ไม่ชอบกินยา ก็จะไม่กิน นายไม่ต้องมาบังคั…”





จอมทัพยัดยาเม็ดเล็กเข้าปากตาใจได้โดยง่ายเพราะอีกฝ่ายมัวแต่อ้าปากเถียงเขาอย่างไม่ยอมความ ตามใจทำหน้าราวกินของแปลกพิสดารที่รสชาติแย่ แต่จอมทัพกลับเปิดขวดน้ำอย่างใจเย็น อันที่จริงเขาตั้งใจจะแกล้งไอ้เด็กนั่น ดื้อยาดีนักอมไว้ในปากนานๆนั่นแหละจะได้จำ





ตามใจคว้าขวดน้ำจากจอมทัพมาดื่มอย่างหิวกระหาย สายตาขุ่นๆจ้องจอมทัพอย่างไม่พอใจ แต่กระนั้นก็ทำอะไรไม่ได้นัก ตามใจเลยได้แต่กระแทกไหล่ขออีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์





ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเราควรจะเรียกยาพวกนี้ว่ายาแก้เมารถเมาเรือ หรือยานอนหลับกันแน่ กินเข้าไปหลับเป็นตายทุกที ตามใจอาจจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองสัปหงกจนหัวจะทิ่มอยู่แล้ว จอมทัพที่นั่งเงียบๆสังเกตตามใจมาตลอดใช้มือช้อนศีรษะทุยๆของตามใจอย่างแผ่วเบา ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายตื่น จอมทัพมอบไหล่กว้างเป็นที่แนบศีรษะหลับต่างหมอนสำหรับตามใจ ตามใจไม่รู้หรอกว่าเวลาที่ตัวเองหลับจะใช้ไหล่ใครเป็นที่อิงแอบ และใครมอบไหล่ให้เขาแอบอิง





3.





เตียงหกฟุตหนานุ่ม หากแต่คนหนึ่งจะนั่งรื้อข้าวของอยู่มุมหนึ่งของเตียงอีกฟากไกลกันก็จะเห็นอกคนนั่งเตะสัมภาระระบายอารมณ์ ตามใจหน้าตาบอกบุญไม่รับ เท้าของเขาเหยียบอยู่บนกระเป๋าเป้เดินทาง จะอะไรอีกล่ะถ้าไม่ใช่จอมทัพคนที่ทำให้เขาอารมณ์เสีย ปลุกดีก็ไม่ได้ ไอ้พูดน้อยนั่นเกือบฉุดลากเขาลงจากเรือ





ตามใจไม่รู้หรอกว่าตัวเองปลุกยากแค่ไหน แต่ถึงรู้ก็คงไม่สนใจ ชื่อของเด็กหนุ่มก็บอกอยู่แล้วว่าโดนประคบประหงมเอาใจมากแค่ไหน แต่จอมทัพกลับไม่เคยิดจะตามใจรุ่นน้องที่ชื่อว่าตามใจเลยสักครั้ง





ห้องพักนี้สวยกว้าง บรรยากาศดี หากแต่ผู้เข้ามาอาศัยกลับทำเหมือนจะขาดใจตาย คนหนึ่งเก็บของเข้าตู้เสื้อผ้าเงียบๆ อีกคนนอนแผ่บนเตียงแลบลิ้นปลิ้นหน้าอย่างหัวเสียใส่คนที่กำลังหันหลังเก็บของ





“โอ๊ยเบื่อ ไปข้างนอกดีกว่า” ตามใจว่าดังนั้นก็รีบคว้ากระเป๋าสะตังค์เดินลิ่วๆเตรียมจะออกจากห้องไปทันที แต่เมื่อใกล้ถึงธรณีประตูเด็กหนุ่มกลับชะงักหยุดเสียดื้อๆ





จอมทัพกำลังแขวนเสื้อเข้าตู้เสื้อผ้า บนเตียงฝั่งที่จอมทัพนั่งตามใจเห็นหนังสืออ่านเล่นเล่มหนึ่งวางอยู่เหมือนเจ้าของเตรียมจะอ่าน ตามใจขมวดคิ้วสงสัย เลยถามออกไป





“นี่… จะไปข้างนอกละนะ” บอกออกไปเหมือนแจ้งให้อีกคนทราบ แต่น้ำเสียงไม่เป็นเช่นนั้นเลย





“อือ” จอมทัพรับคำโดยไม่หันมอง ยังคงแขวเสื้อของตัวเองต่อไป





“นายจะไม่ออกไปไหนเหรอ”





“อือ”





“ได้ไงกัน มาทะเลทั้งที หาดทรายสวยฟ้าใส ที่สำคัญคนเต็มหาดเลย ใครๆก็ออกไปข้างนอกกันทั้งนั้น มัวมาอุดอู้อยู่แต่ในห้องอ่านหนังสืออย่างนี้หรอก”





“ค่อยไป” จอมทัพตอบแค่นั้น





“ไม่ได้ ออกไปเลย ฉันอยากกินอาหารทะเลจะแย่” ตามใจกอดอก





“อยากกินนายก็ไปสิ รออะไร?” จอมทัพหันมาถามตามใจ





“อ๊าว ใครจะไปนั่งกินอยู่คนเดียว เขินแย่ นายน่ะ ค่อยมาจัดของก็ได้ เร็วเข้าออกไปเลย” ตามใจเดินเข้ามาประชิดจอมทัพ ชายหนุ่มงุนงง เท้าของจอมทัพถอยหลังไปสองเก้าเพราะสายตาคาดคั้นบังคับนั่น





“ฮื่อ ไม่อยากไป” จอมทัพส่ายหน้าปฏิเสธ





“มานี่” ตามใจคว้าข้อมือของอีกฝ่ายแล้วฉุดลากให้ชายหนุ่มตัวโตตามตัวเองออกมา





“ชื่อตามใจหรือบังคับใจกันแน่เนี่ย” จอมทัพบ่นอุบอิบ





“ได้ยินเว่ย”





“ก็พูดให้ได้ยินนั่นแหละ”





4.





นับว่านี่เป็นมื้อแรกที่ทั้งสองคนออกมาทานอะไรด้วยกันตามลำพัง ตามใจแอบยิ้มขำคนที่เอ่ยปากว่าไม่อยากออกมา แต่กลับสั่งโน่นสั่งนี่มากินไม่หวาดไม่ไหว





“ยิ้มอะไร” จอมทัพเงยหน้า





“ขำคนไม่อยากมา แต่เห็นกินซะอย่างกับหิว”





จอมทัพยักไหล่ไม่ยี่หระ





“อย่ากินแต่กุ้งอย่างเดียวสิ ช่วยกินหอยนี่ด้วย กินคนเดียวไม่หมด”





“ไม่กินอ่ะ”





“ทำไม ไม่ชอบหรือกินไม่ได้?”





“เปล่า กินได้ แต่ไม่อยากกิน”





“ยังไง?”





“ก็… นาวาแพ้หอย ปกติถ้ากินด้วยกันก็มักจะไม่สั่ง เลยกลายเป็นว่าฉันไม่กินหอยไปด้วย”





คำตอบของจอมทัพทำให้ความเงียบโรยตัวลงมา ตามใจมองจานอาหารของตัวเองแต่ความคิดกลับล่องลอยไปไกล ไม่ว่านานแค่ไหนผู้ชายข้างหน้าเขายังคงไม่ลืมอีกคน ทำไมเพื่อนพี่ชายคนนี้ถึงมั่นคงในความรู้สึกนักนะ หากทุกคนจะคงมั่นกับความรู้สึกของตัวเองเหมือนจอมทัพก็คงดี และหากคนที่เรารู้สึกมั่นคงไม่ผันเปลี่ยนรู้สึกเช่นเดียวกับเรา ชีวิตคงจะงดงามมากนัก แต่ชีวิตมักไม่เป็นอย่างนึกฝัน อย่างจอมทัพปะไร เป็นคนที่มั่นคงในรัก แต่ไม่อาจรักคนที่ตัวเองรักได้ เพราะเขาคนนั้นมีคู่เป็นตัวเป็นตนไปแล้ว…





ตามใจไม่รู้หรอกว่าจะใส่ใจเอาเรื่องของจอมทัพมาคิดให้รกสมองทำไม แต่หลายครั้งที่ชื่อของรุ่นพี่ร่วมคณะหลุดออกมาจากปากของผู้ชายตรงหน้า แววตาของเขาจะมีแววบางอย่าง ตรึงให้ตามใจต้องหันมอง แววตานั้นอยากจะลบมันให้อันตรธารหายไป





5.





ผู้คนแน่นขนัด ไทย จีน ฝรั่ง เบียดกันแน่นหาด





เวลานี้เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง เป็นเวลาที่เสียงเพลงกระหึ่มดังไปทั่ว ไม่เพียงแค่เสียงเพลงเท่านั้น เสียงปัง ปัง ของพลุยังดังทั่วทิศทาง ท้องฟ้าสีดำยามกลางคืนถูกประดับประดาด้วยประกายพลุงดงามจับตา แม้จะยังไม่ถึงเที่ยงคืน แต่เสียงเพลง เสียงพลุ และเสียงผู้คนกลับดังกระหน่ำไปทั่วบริเวณ





ปาร์ตี้ส่งท้ายปีบนเกาะพะงันครึกครื้นสมคำร่ำลือ นอกจากนี้ยังมีผู้คนมากหน้าหลายตาคลาคล่ำไปทั้งหาด จนอาจจะเมาคนก่อนจะเมาแอลกอฮอล์แทนก็เป็นได้





พลุสวยสดเบ่งบานบนน่านฟ้า ตามใจเงยมองพลุงามด้านบนพลันรอยยิ้มสดใสฉาบฉายบนดวงหน้า ไม่ต่างกันกับจอมทัพแต่รอยยิ้มของเขาอาจไม่กว้างและไม่ดูร่าเริ่งเท่าตามใจ





“เห็นไหมยิ้มแล้ว นายเองก็ชอบงานปาร์ตี้ใช่ไหมล่ะ” ตามใจแซะคนข้างๆด้วยท่าทีรู้ทัน





“ไม่ชอบ แค่มองว่าพลุสวยดี”





“ยังไงก็มาแล้ว มาพะงันทั้งทีไปเที่ยวให้สนุกกันเถอะ”





“แปลก”





“อะไรแปลก?”





“ไม่คิดว่าเด็กแถวนี้จะชวนเที่ยว ปกติเราไม่ญาติดีกัน” จอมทัพล้วงกระเป๋ากางเกง มองไปทางตามใจ





“เอาน่า วันนี้สงบศึกสักวัน ที่ต้องชวนนายออกมาเที่ยวเพราะไม่มีใครให้ชวนหรอกนะ บอกไว้ก่อน”





ตามใจไม่สนสีหน้าเรียบเฉยของจอมทัพ เขาลากคนตัวโตเข้าซุ้มนั้น ออกซุ้มนี้เป็นว่าเล่น ได้บัคเก็ตเครื่องดื่มมาหลายขวดทีเดียว แถมจอมทัพยังโดนบังคับเพ้นทตัวเป็นเพื่อนเด็กซนคนนั้น ตลอดเวลาเสียงหัวเราะคิกคักของตามใจดังไม่ขาดสาย จอมทัพมองว่าตามใจเหมือนเด็ก ร่าเริงเหมือนได้เที่ยวงานวัด เห็นอะไรก็ดูจะตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด





“อย่าดื่มให้มันมากนักล่ะ” จอมทัพออกปากห้ามเมื่อเห็นตามใจเริ่มหน้าแดงเพราะฤทธิ์เบียร์





“ไม่เมาง่ายหรอกน่า คอแข็ง” ก็จริงของเด็กซน ตามใจไม่เคยเบียร์ถึงขั้นไร้สติสักที เคยแต่มึนๆพอหยุดกินพักนึงก็หาย กลับมากินได้ต่อ





“เถอะ จะคอยดู”





ตามใจฉีกยิ้มให้จอมทัพก่อนที่เด็กหนุ่มจะหายไปกับฝูงชนและโยกกายไปตามเสียงดนตรี จอมทัพยืนมองน้องชายของเพื่อนอยู่ห่างๆ ต่อให้เปรมไม่ฝากฝังไว้ยังไงเขาก็ต้องดูแลไอ้ซนนี่อยู่ดี ยังไงเสียตามใจก็เป็นน้อง แม้จะกัดกันบ่อยครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยโกรธเกลียดกันจริงจังสักที





จู่ๆตามใจมาเกาะไหล่ของจอมทัพ กลิ่นเบียร์โชยมาพอประมาณ ทำให้จอมทัพรู้ว่าถึงตามใจอาจจะไม่เมา แต่เบียร์ก็คงพอจะทำให้เด็กซ่าคนนี้มึนๆได้





“ไปเต้นกันเถอะ” ตามใจพูดใกล้หูของจอมทัพ เพราะเสียงเพลงและเสียงผู้คนดังมาก





“อะไรนะ” ไม่ใช่ไม่ได้ยิน แต่จอมทัพร้องออกมาเพราะประหลาดใจ ถ้ากินเบียร์แล้วช่วยละลายพฤติกรรมของตามใจแบบนี้ ชายหนุ่มคงจับเบียร์กรอกปากเด็กแก่แดดคนนี้ไปนานแล้ว ไม่มัวทนกัดกันให้หงุดหงิดรำคาญหรอก





“ไปเต้นกัน เห็นนายไม่เต้น เต้นคนเดียวไม่สนุก”





“เต้นคนเดียวซะที่ไหน เห็นสาวเกาหลีชวนนายเต้นอยู่เมื่อกี้” จอมทัพพูดในสิ่งที่ตนสังเกตเห็น





“ไม่อยากเต้นกับคนไม่รู้จัก”





“ฉันไม่เต้น”





“เอาน่า ไปเถอะ มาๆมาเต้นกัน” ตามใจยังคงดื้อดึง ลากจอมทัพไปเต้นให้ได้ อันที่จริงเด็กหนุ่มไม่ได้เมา อันที่จริงใช่ว่าเต้นกับคนไม่รู้จักจะไม่สนุก แต่จริงๆแล้วตามใจอยากเห็นคนตรงหน้าสนุกกับเขาบ้าง แววตาของจอมทัพในร้านอาหารยามเอ่ยถึงนาวามันยังคงติดตาตามใจไม่ไปไหน ตามใจอยากเห็นจอมทัพยิ้มบ้าง แค่นั้นเองจริงๆ…





ที่ยืนอยู่ท่ามกลางคนนับพันเพราะเด็กคนนี้ลากมา ที่ต้องโยกตัวไปตามเสียงเพลงเพราะเด็กคนนี้จับไหล่เขาโยกซ้ายขวา ที่มองอยู่ตรงนี้คงเป็นแววตาสดใสและรอยยิ้มฉาบฉายความสุขของเด็กซนตรงหน้า





“หึ” จอมทัพหลุดยิ้มและขำออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ





“อ๊ะ นายยิ้มแล้ว” ตามใจกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข ยิ้มได้สักทีนะ





เสียงผู้คน เสียงดีเจ เสียงเพลง เสียงพลุยังคงดังอยู่เรื่อยๆ เวลาของศักราชใหม่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว หนึ่งปีที่ผ่านมาของทั้งสองคนต้องเจอกับอะไรต่อมิอะไรหลากหลายอย่าง บางเหตุการณ์สร้างความสุข บางเหตุการณ์เป็นเหตุแห่งความเศร้า จนคนหลายคนเลือกที่จะจำความสุขและโยนความเศร้าของปีที่ผ่านมาทิ้งไป แต่สำหรับตามใจและจอมทัพ ทั้งสองเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้ทั้งสุขและเศร้า เลือกที่จะจำมันทั้งหมด ไม่ว่าจะเข้ามาดีหรือไม่ดี เพราะทุกๆสิ่งถือเป็นเหตุการณ์ในชีวิตที่ทำให้ทั้งสองมายืนอยู่ ณ ตรงนี้ เหตุการณ์ทุกข์สุขของปีที่ผ่านมาล้วนทำให้โตขึ้น





จอมทัพมองน้องของเพื่อนไม่วางตา ตามใจยิ้มเบิกบาน ตาเรียวรีของเด็กซนมองจ้องเข้าไปนัยน์ตาของจอมทัพเช่นเดียวกัน ตามองกันแต่ไม่ได้สื่อสารอะไรกันหรอก ไม่มีถ้อยคำ ไม่มีคำพูดระหว่างกัน





เสียงของผู้คนรอบข้างเริ่มนับถอยดังกันอย่างพร้อมเพรียง แต่จอมทัพและตามใจกลับไม่อาจละสายตาออกจากกัน แม้ควาเงียบจะปกคลุมคนทั้งสอง แต่ไม่เหมือนความเงียบอย่างที่ผ่านๆมา ความกระอักกระอ่วนอึดอัดใจอันตรธานจางไปราวไม่เคยมีมาก่อน ระหว่างคลองสายตาที่สบมองกัน ความสบายใจ เบิกบาน และรอยยิ้มแทรกสอดอยู่ในนั้น





ไม่รู้เหตุผลหรอกว่าทำไม





แต่บางครั้งเหตุผลอาจไม่สำคัญเท่าความรู้สึก เรื่องบางเรื่องใช้แค่ความรู้สึกโดยไม่จำเป็นต้องหาเหตุผล เวลานี้ก็เช่นกัน แค่มีความสุข แค่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องหาเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องยืนจ้องกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องถมถึงที่มาของรอยยิ้มระบายหน้า เพราะยิ้มของทั้งสองมอบให้แก่กันโดยไม่จำเป็นต้องหาสาเหตุ ยิ้มเพราะอยากยิ้ม ยิ้มเพราะบรรยากาศและอะไรต่อมิอะไรพาไป…





…5, 4, 3, 2…





เสียงคนนับเค้าท์ดาว์นดังไปทั่ว พลุเบ่งบานส่องประกายเต็มน่านฟ้า คนรอบข้างอวยพรกอดจูบกันและกัน





ตามใจเขย่งตัวขึ้น





จอมทัพก้มหน้าลง





จังหวะนั้นทั้งสองใกล้กันเพียงระยะลมหายใจ





“แฮปปี้นิวเยียร์” สองคนพูดพร้อมกัน





ไม่รู้เพราะความชิดใกล้ หรือจังหวะที่ผิดพลาดไป





สิ้นเสียงอวยพรต้อนรับปีใหม่ วินาทีที่ใบหน้าของทั้งคู่ละออกจากกัน ณ เสี้ยววินาทีนั้น จมูกและริมผีปากของจอมทัพจรดพวงแก้มเนียนนวลของตามใจ เป็นเวลาเดียวกันกับจังหวะหัวใจของคนทั้งสองแกว่งไหวพร้อมกัน

                                                                                                                                                                                   

ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อ๊ายยยยยยย ฟินง่ะ จอมทัพกับตามใจซินะ อิอิ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
HNY 2016 :))

ปีใหม่ คู่ใหม่ !!!! เคมีเข้ากั๊นเข้ากันนนน

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
มีคนมาดามใจพี่จอมแล้ว

เคมีเข้ากันสุดๆ คู่นี้น่ารัก เราจะเอา :ling1:

สวัสดีปีใหม่ค่าาา :กอด1:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อุ่ย ฟินเบาๆ
ลุงจอมทัพมีเด็กมาดามใจแล้ว เลิกเศร้าได้แล้ว

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
อย่าให้ความฟินของ จอมทัพ-ตามใจ มาแค่ตอนพิเศษเลย มาเป็นคู่รองในเรื่องเลยเถอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากคร้าบบบบบ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
คู่ใหม่รับปีใหม่ :mc4:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ขอได้กัน เอ้ย ได้คู่กันไวๆนะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ตามใจจะกลายเป็นดามใจก็คราวนี้แหล่ะ

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Killian

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
    • Killian
 :a5:

 :z3:

เย้ยยยยย อัพตอนใหม่ของเรื่องนี้ไปหลายตอนแล้ว
แต่แอบสงสัยว่าทำไมไม่มีคอมเม้นจากเล้าเป็ดเลย

แหะๆๆๆ เพราะว่าที่แกอัพน่ะ มันเว็ปอื่นโว้ยยยยยย

55555555+

ขอโทษในความสะเพร่าของนัก(อยาก)เขียนคนนี้ด้วยนะครับ
หวังว่าจะไม่มีคนรุมมอบ  :z6: ให้กันนะ

ูู^^

 :L2: :3123: :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด